The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-06-12 06:59:20

ilovepdf_merged (1)

ilovepdf_merged (1)

88 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)

9.1.2 การบอกเลกิ สญั ญาของผใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 574 บญั ญตั วิ า่
“ในกรณผี ดิ นดั ไมใ่ ชเ้ งนิ สองคราวตดิ  ๆ กนั หรอื กระท�ำผดิ สญั ญาในขอ้ ทเี่ ปน็ สว่ นส�ำคญั เจา้ ของทรพั ยส์ นิ จะบอก
เลกิ สญั ญาเสยี กไ็ ด้ ถา้ เชน่ นน้ั บรรดาเงนิ ทไ่ี ดใ้ ชม้ าแลว้ แตก่ อ่ น ใหร้ บิ เปน็ ของเจา้ ของทรพั ยส์ นิ และเจา้ ของทรพั ยส์ นิ
ชอบทจ่ี ะกลบั เขา้ ครองทรพั ยส์ นิ นนั้ ไดด้ ว้ ย
อนงึ่ ในกรณกี ระท�ำผดิ สญั ญา เพราะผดิ นดั ไมใ่ ชเ้ งนิ ซง่ึ เปน็ คราวทส่ี ดุ นน้ั ทา่ นวา่ เจา้ ของทรพั ยส์ นิ ชอบทจี่ ะ
รบิ บรรดาเงนิ ทไี่ ดใ้ ชม้ าแลว้ แตก่ อ่ น และกลบั เขา้ ครองทรพั ยส์ นิ ไดต้ อ่ เมอื่ ระยะเวลาใชเ้ งนิ ไดพ้ น้ ก�ำหนดไปอกี งวดหนงึ่ ”
จากบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ วจะเหน็ ไดว้ า่ ผใู้ หเ้ ชา่ ซอ้ื ชอบทจี่ ะใชส้ ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาเชา่ ซอ้ื ไดเ้ มอ่ื มกี รณที ผี่ เู้ ชา่ ซอ้ื
เปน็ ฝา่ ยผดิ สญั ญา ซงึ่ แยกพจิ ารณาไดด้ งั น้ี
1) กรณีผู้เช่าซ้ือผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน ผู้ให้เช่าซ้ือสามารถบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้
เมอ่ื ผเู้ ชา่ ซอื้ ผดิ นดั ไมใ่ ชเ้ งนิ คา่ เชา่ ซอื้ สองคราวตดิ กนั เชน่ ผเู้ ชา่ ซอื้ ไมใ่ ชเ้ งนิ ในงวดที่ 2 และงวดท่ี 3 หรอื ไมใ่ ชเ้ งนิ
ในงวดที่ 10 และงวดที่ 11 หากผเู้ ชา่ ซอ้ื ผดิ นดั ไมใ่ ชเ้ งนิ คา่ เชา่ ซอ้ื ถงึ สองคราวแตไ่ มต่ ดิ ตอ่ กนั ผใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ จะเลกิ สญั ญา
เชา่ ซอื้ ไมไ่ ด้ เปน็ ตน้
2) กรณีผู้เช่าซื้อกระท�ำผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนส�ำคัญ การกระท�ำของผู้เช่าซ้ือในข้อที่เป็น
สว่ นส�ำคญั ทที่ �ำผดิ สญั ญา ตอ้ งพจิ ารณาดขู อ้ เทจ็ จรงิ เปน็ กรณ ี ๆ ไป กฎหมายไมไ่ ดว้ างหลกั เกณฑไ์ ว้ เชน่ เชา่ ซอื้ รถยนต์
มขี อ้ สญั ญาวา่ ตอ้ งใชว้ งิ่ ในกรงุ เทพฯ เทา่ นน้ั แตก่ ลบั เอาไปวง่ิ ทางไกลไปตา่ งจงั หวดั หรอื มขี อ้ สญั ญาหา้ มโอนสทิ ธิ์
ตามสญั ญาเชา่ ซอ้ื ใหแ้ กบ่ คุ คลภายนอก แตก่ ลบั โอนสทิ ธใิ์ หก้ บั บคุ คลภายนอกไป คงถอื วา่ เปน็ การผดิ สญั ญาในขอ้
ทเ่ี ปน็ สว่ นส�ำคญั ได้ เปน็ ตน้
3) กรณีผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ใช้เงินซึ่งเป็นคราวท่ีสุด กรณีผู้เช่าซื้อผิดสัญญาเพราะผู้เช่าซ้ือผิดนัด
ไมใ่ ชเ้ งนิ ซง่ึ เปน็ คราวทส่ี ดุ นน้ั กลา่ วคอื คราวกอ่ นหรอื งวดกอ่ นไมม่ กี ารผดิ นดั ช�ำระคา่ เชา่ ซอื้ แตม่ าผดิ นดั ไมช่ �ำระ
คา่ เชา่ ซอื้ ในงวดสดุ ทา้ ยหรอื คราวสดุ ทา้ ย เชน่ ก�ำหนดช�ำระคา่ เชา่ ซอื้ กนั 10 งวด โดยไดช้ �ำระมาแลว้ ตง้ั แตง่ วดที่ 1 ถงึ
งวดท่ี 9 แต่ผิดนัดไม่ช�ำระงวดที่ 10 เป็นงวดสุดท้าย กฎหมายบัญญัติว่าให้ระยะเวลาใช้เงินได้พ้นก�ำหนดไปอีก
งวดหนงึ่ กอ่ นผใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ ชอบทจ่ี ะรบิ บรรดาเงนิ ทไ่ี ดใ้ ชม้ าแลว้ แตก่ อ่ นและกลบั เขา้ ครอบครองทรพั ยส์ นิ ไดเ้ หมอื นเดมิ

9.1.3 ผลของการบอกเลกิ สญั ญาเชา่ ซอื้ เมอ่ื ผใู้ หเ้ ชา่ ซอ้ื หรอื ผเู้ ชา่ ซอ้ื ฝา่ ยใดฝา่ ยหนง่ึ บอกเลกิ สญั ญาเชา่ ซอื้
แลว้ คสู่ ญั ญาแตล่ ะฝา่ ยจะตอ้ งใหอ้ กี ฝา่ ยหนงึ่ กลบั คนื สฐู่ านะดงั ทเ่ี ปน็ อยเู่ ดมิ แยกพจิ ารณาไดด้ งั ตอ่ ไปนี้
1) กรณีผู้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญา เม่ือผู้เช่าซ้ือใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซ้ือแล้ว ผลของการบอก
เลกิ สญั ญา คอื ผเู้ ชา่ ซอ้ื ตอ้ งสง่ คนื ทรพั ยส์ นิ ทเ่ี ชา่ ซอื้ ใหแ้ กผ่ ใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ โดยเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยเอง สว่ นผใู้ หเ้ ชา่ ซอ้ื นนั้ กต็ อ้ งคนื
บรรดาเงนิ ทไี่ ดร้ บั จากผเู้ ชา่ ซอ้ื รวมทงั้ ดอกเบยี้ ใหแ้ กผ่ เู้ ชา่ ซอ้ื ดว้ ย โดยคดิ ดอกเบย้ี ตง้ั แตเ่ วลาทรี่ บั ไว้ สว่ นการทผ่ี เู้ ชา่ ซอื้
ไดใ้ ชส้ อยทรพั ยส์ นิ ทเ่ี ชา่ ซอื้ ตลอดระยะเวลาทค่ี รอบครองทรพั ยส์ นิ ผเู้ ชา่ ซอื้ ตอ้ งใชเ้ งนิ คา่ เชา่ หรอื คา่ ใชส้ อยทรพั ยส์ นิ
ตามสมควรใหแ้ กผ่ ใู้ หเ้ ชา่ ซอื้
2) กรณผี ใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ บอกเลกิ สญั ญา กรณผี ใู้ หเ้ ชา่ ซอ้ื บอกเลกิ สญั ญาเชา่ ซอ้ื เพราะผเู้ ชา่ ซอ้ื ผดิ สญั ญา
ผเู้ ชา่ ซอื้ ตอ้ งสง่ มอบทรพั ยส์ นิ กลบั คนื ใหแ้ กผ่ ใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ เพอ่ื ใหผ้ ใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ กลบั เขา้ ครอบครองทรพั ยส์ นิ นนั้ ไดอ้ กี ครงั้ หนง่ึ
แตผ่ ใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ ไมต่ อ้ งคนื บรรดาเงนิ ใหแ้ กผ่ เู้ ชา่ ซอ้ื

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 89

9.2 ความระงบั แห่งสัญญาเชา่ ซือ้

9.2.1 ผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 บัญญัติว่า
“ในกรณผี ดิ นดั ไมใ่ ชเ้ งนิ สองคราวตดิ  ๆ กนั หรอื กระท�ำผดิ สญั ญาในขอ้ ทเ่ี ปน็ สว่ นส�ำคญั เจา้ ของทรพั ยส์ นิ จะบอก
เลกิ สญั ญาเสยี กไ็ ด้ ถา้ เชน่ นนั้ บรรดาเงนิ ทไ่ี ดใ้ ชม้ าแลว้ แตก่ อ่ น ใหร้ บิ เปน็ ของเจา้ ของทรพั ยส์ นิ และเจา้ ของทรพั ยส์ นิ
ชอบทจี่ ะกลบั เขา้ ครองทรพั ยส์ นิ นนั้ ไดด้ ว้ ย
อนง่ึ ในกรณกี ระท�ำผดิ สญั ญาเพราะผดิ นดั ไมใ่ ชเ้ งนิ ซง่ึ เปน็ คราวทสี่ ดุ นนั้ ทา่ นวา่ เจา้ ของทรพั ยส์ นิ ชอบทจี่ ะรบิ
บรรดาเงนิ ทไ่ี ดใ้ ชม้ าแลว้ แตก่ อ่ นและกลบั เขา้ ครองทรพั ยส์ นิ นนั้ ไดต้ อ่ เมอื่ ระยะเวลาใชเ้ งนิ ไดพ้ น้ ก�ำหนดไปอกี งวดหนงึ่ ”
จากบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว ผใู้ หเ้ ชา่ ซอ้ื มสี ทิ ธบิ์ อกเลกิ สญั ญาเชา่ ซอ้ื ได้ ในกรณดี งั ตอ่ ไปนี้
เมอื่ ผเู้ ชา่ ซอื้ ผดิ นดั ไมม่ าชำ� ระเงนิ คา่ เชา่ ซอ้ื
- เมื่อผู้เช่าซ้ือผิดนัดไม่ช�ำระเงินค่าเช่าซื้อสองคราวติดกัน การผิดนัดไม่ช�ำระเงินค่าเช่าซ้ือ
หมายความวา่ เมอื่ ครบก�ำหนดเวลาช�ำระเงนิ คา่ เชา่ ซอ้ื ตามสญั ญาแลว้ ผเู้ ชา่ ซอ้ื ไมช่ �ำระเงนิ คา่ เชา่ ซอื้ และการผดิ นดั
ไม่ช�ำระเงินค่าเช่าซื้อที่ผู้ให้เช่าซ้ือมีสิทธ์ิบอกเลิกสัญญาเช่าซ้ือนั้น จะต้องเป็นการผิดนัดไม่ช�ำระเงินค่าเช่าซื้อถึง
สองคราวติดกนั หากเป็นการผดิ นัดคราวเดยี วหรอื หลายคราว แต่ไมต่ ดิ กันถงึ สองคราวเช่นน้ี ผูใ้ ห้เชา่ ยังไมม่ ีสทิ ธิ์
บอกเลกิ คสู่ ญั ญาเชา่ ซอ้ื คงมสี ทิ ธเิ์ พยี งเรยี กคา่ เสยี หาย เชน่ ดอกเบยี้ เงนิ คา่ เชา่ ซอ้ื ทค่ี า้ งช�ำระ เปน็ ตน้
เมอื่ มกี ารผดิ นดั ไมช่ �ำระเงนิ คา่ เชา่ ซอ้ื สองคราวตดิ กนั แลว้ ผใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ มสี ทิ ธบิ์ อกเลกิ สญั ญาเชา่ ซอื้
นนั้ ได้ โดยใหร้ บิ บรรดาเงนิ ทไี่ ดใ้ ชม้ าแลว้ แตก่ อ่ น และกลบั เขา้ ครอบครองทรพั ยส์ นิ นนั้ ไปดว้ ย
อยา่ งไรกต็ ามถา้ เปน็ การเชา่ ซอื้ รถยนต์ หรอื รถจกั รยานยนต์ หรอื เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ เนอ่ื งจากมกี าร
ยดึ และครอบครองทรพั ยส์ นิ ดงั กลา่ วจ�ำนวนมาก ผใู้ หเ้ ชา่ ซอ้ื จะบอกเลกิ สญั ญาไดต้ อ่ เมอื่ ผเู้ ชา่ ซอื้ ผดิ นดั ไมช่ ำ� ระคา่
เชา่ ซอ้ื 3 งวดตดิ  ๆ กนั และผใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ ไดม้ หี นงั สอื บอกกลา่ วผเู้ ชา่ ซอื้ ใหช้ �ำระราคาคา่ งวดทค่ี า้ งช�ำระแลว้ แตผ่ เู้ ชา่ ซอื้
ละเลยไมย่ อมปฏบิ ตั ติ ามหนงั สอื บอกกลา่ วภายในเวลาอยา่ งนอ้ ย 30 วนั นบั แตว่ นั ทผี่ เู้ ชา่ ซอ้ื ไดร้ บั หนงั สอื บอกกลา่ วนน้ั
ผู้ให้เช่าซ้ือจึงจะมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้* ฉะนั้นถ้าเป็นการเช่าซ้ือรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเคร่ืองใช้ไฟฟ้า
เมอื่ มกี รณที จ่ี ะตอ้ งเลกิ สญั ญากต็ อ้ งบงั คบั ตามกฎหมายดงั กลา่ วขา้ งตน้ และไมน่ �ำหลกั กฎหมายกรณเี ลกิ สญั ญาเชา่ ซอื้
ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยม์ าใชบ้ งั คบั แตอ่ ยา่ งใด
- เม่ือผู้เช่าซ้ือผิดนัด ไม่ช�ำระเงินค่าเช่าซ้ือเป็นคราวท่ีสุด หรืองวดสุดท้ายเป็นระยะเวลาในการ
ช�ำระเงินค่าเช่าซ้ือได้พ้นก�ำหนดไปอีกงวดหนึ่ง การผิดนัดไม่ช�ำระเงินค่าเช่าซ้ือซึ่งเป็นคราวที่สุด หรืองวดสุดท้าย
ทผี่ ใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ มสี ทิ ธบ์ิ อกเลกิ สญั ญาเชา่ ซอื้ นนั้ ผใู้ หเ้ ชา่ ซอ้ื จะบอกเลกิ สญั ญาเชา่ ซอื้ ทนั ทไี มไ่ ด้ แตจ่ ะตอ้ งรอใหร้ ะยะเวลา
ในการช�ำระเงนิ คา่ เชา่ ซอื้ นนั้ ไดพ้ น้ ก�ำหนดไปอกี งวดหนง่ึ กอ่ น จงึ จะมสี ทิ ธบิ์ อกเลกิ สญั ญาเชา่ ซอ้ื ได้
เมื่อมีการผิดนัดไม่ช�ำระเงินค่าเช่าซื้อซึ่งเป็นคราวสุดท้ายหรืองวดสุดท้าย และระยะเวลาในการ
ช�ำระเงนิ คา่ เชา่ ซอ้ื ไดพ้ น้ ก�ำหนดไปอกี งวดหนงึ่ แลว้ ผใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ มสี ทิ ธบิ์ อกเลกิ สญั ญาเชา่ ซอ้ื นนั้ ได้ โดยใหร้ บิ บรรดาเงนิ
ทไ่ี ดม้ าแลว้ แตก่ อ่ น และกลบั เขา้ ครอบครองทรพั ยน์ นั้ ไดด้ ว้ ย

* พระราชบญั ญตั คิ ุ้มครองผู้บรโิ ภค พ.ศ. 2522 แก้ไขเพม่ิ เตมิ พระราชบัญญัตคิ มุ้ ครองผบู้ รโิ ภค (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2541 ประกอบกับ

พระราชกฤษฎีกากำ�หนดหลักเกณฑ์และวธิ กี ารในการกำ�หนดธุรกิจทค่ี วบคมุ สัญญาและลกั ษณะของสัญญา พ.ศ. 2542.

90 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)

- เม่ือผู้เช่าซ้ือกระท�ำผิดในสัญญาเช่าซื้อในข้อที่เป็นส่วนส�ำคัญ เน่ืองจากกฎหมายไม่ได้ก�ำหนด
เอาไวว้ า่ กรณใี ดบา้ งทถ่ี อื วา่ เปน็ การกระท�ำผดิ สญั ญาเชา่ ซอ้ื ในขอ้ ทเี่ ปน็ สว่ นส�ำคญั ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งพจิ ารณาจากเจตนา
ของคสู่ ญั ญาตามทไี่ ดต้ กลงกนั ไวใ้ นสญั ญาเชา่ ซอ้ื นน่ั เอง
การกระท�ำผิดสัญญาเช่าซื้อในข้อท่ีเป็นส่วนส�ำคัญ ซ่ึงผู้เช่าซื้อมีสิทธ์ิบอกเลิกสัญญาเช่าซ้ือน้ัน
จะตอ้ งพจิ ารณาจากขอ้ เทจ็ จรงิ เปน็ ส�ำคญั ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งพจิ ารณาจากเจตนาของคสู่ ญั ญาตามทไี่ ดต้ กลงกนั ไวใ้ นสญั ญา
เชา่ ซอื้ นน่ั เอง
เมอื่ มกี ารกระท�ำผดิ ในสญั ญาเชา่ ซอื้ ในขอ้ ทเี่ ปน็ สว่ นส�ำคญั แลว้ ผใู้ หเ้ ชา่ ซอ้ื มสี ทิ ธบิ์ อกเลกิ สญั ญา
เชา่ ซอ้ื นนั้ ได้ โดยใหร้ บิ บรรดาเงนิ ทไี่ ดใ้ ชม้ าแลว้ แตก่ อ่ น และกลบั เขา้ ครอบครองทรพั ยน์ น้ั ดว้ ย
9.2.2 ผู้เช่าซ้ือบอกเลิกสัญญาเช่าซ้ือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 บัญญัติว่า
“ผเู้ ชา่ จะบอกเลกิ สญั ญาในเวลาใดเวลาหนง่ึ กไ็ ด้ ดว้ ยสง่ มอบทรพั ยส์ นิ กลบั คนื ใหแ้ กเ่ จา้ ของโดยเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยของตนเอง”
จากบทบัญญัติดังกล่าว ผู้เช่าซื้อมีสิทธ์ิบอกเลิกสัญญาเช่าซ้ือในเวลาเช่าซ้ือนั้น แม้ว่าผู้ให้เช่าซื้อจะไม่ได้
กระท�ำผดิ สญั ญาเชา่ ซอ้ื กต็ าม และตอ้ งสง่ มอบทรพั ยส์ นิ ทเ่ี ชา่ ซอื้ นนั้ คนื ใหแ้ กผ่ ใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ ไปโดยเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยของตนเอง
สญั ญาเชา่ ซอ้ื นนั้ กจ็ ะระงบั บรรดาเงนิ คา่ เชา่ ซอ้ื ทผ่ี ใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ ไดร้ บั ช�ำระแลว้ กไ็ มต่ อ้ งเสยี คอื คนื ใหแ้ กผ่ เู้ ชา่ ซอ้ื เพราะถอื วา่
เปน็ คา่ เชา่ ทผี่ เู้ ชา่ ซอ้ื ไดใ้ ชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยส์ นิ ทเ่ี ชา่ ซอื้ นนั้ ในระหวา่ งเวลาทส่ี ญั ญาเชา่ ซอื้ ยงั ไมร่ ะงบั ถา้ ผเู้ ชา่ ซอ้ื ได้
บอกเลกิ สญั ญาเชา่ ซอื้ นนั้ แลว้ แตไ่ มย่ อมสง่ มอบทรพั ยส์ นิ นนั้ เชน่ นไี้ ซร้ ไมถ่ อื วา่ เปน็ สญั ญาเชา่ ซอ้ื นนั้ ระงบั
สญั ญาเชา่ ซอ้ื ระงบั ไปเพราะเหตอุ น่ื  ๆ
- คสู่ ญั ญาตกลงกนั ถา้ หากมเี หตกุ ารณอ์ ยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ เกดิ ขน้ึ ในอนาคตใหส้ ญั ญาเชา่ ซอื้ นน้ั ระงบั
- ทรัพย์สินท่ีเช่าซื้อนั้นสูญหายหรือถูกท�ำลายไปแล้วไปทั้งหมด สัญญาเช่าซ้ือน้ันก็ย่อมระงับ
และผู้เช่าซ้ือก็ไม่ต้องช�ำระค่าเช่าซื้อต่อไป และหากทรัพย์สินท่ีเช่าซื้อสูญหายหรือถูกท�ำลายไปท้ังหมด ถือว่าเป็น
เหตสุ ดุ วสิ ยั ผเู้ ชา่ ซอ้ื กไ็ มต่ อ้ งรบั ผดิ ชดใชร้ าคาทรพั ยส์ นิ นน้ั

10. ความแตกต่างระหว่างเชา่ ซือ้ ซื้อขายเงินผ่อน
และเชา่ ทรพั ย์

สาระสำ�คัญ เช่าซ้ือ ซือ้ ขายเงนิ ผอ่ น เชา่ ทรพั ย์

1. ผูท้ �ำ สญั ญาใหเ้ ชา่ หรอื ขาย ต้องเป็นเจ้าของทรพั ยส์ นิ ตอ้ งเปน็ เจ้าของทรพั ยส์ นิ เจา้ ของทรัพยส์ นิ
หรือผ้คู รอบครอง

2. การโอนกรรมสทิ ธิ์ มีค�ำ ม่นั ใหก้ รรมสทิ ธิ์ กรรมสทิ ธโ์ิ อนตัง้ แต่ ไมโ่ อนกรรมสทิ ธิ์
โอนเมอ่ื ชำ�ระเงนิ ครบ ขณะตกลงทำ�สญั ญากนั
(หากไม่เขา้ ข้อยกเว้น)

3. แบบของสญั ญา ต้องทำ�เปน็ หนงั สือทกุ กรณี ไมต่ อ้ งท�ำ เปน็ หนงั สอื ยกเว้น ไม่มแี บบเสมอไป ยกเวน้
ซอ้ื ขายอสังหาริมทรพั ย์ เช่าสังหาริมทรพั ยเ์ กิน 3 ปี

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 91

สาระสำ�คัญ เช่าซอื้ ซอ้ื ขายเงินผ่อน เชา่ ทรพั ย์
4. การส่งมอบทรัพย์สนิ สง่ มอบทันทเี มอื่ ทำ�สญั ญา สง่ มอบทนั ทีเมอ่ื ทำ�สัญญา สง่ มอบทันทเี มือ่ ทำ�สญั ญา
หรือข้อตกลง
5. คา่ ตอบแทนหรือคา่ เชา่ ช�ำ ระคา่ เชา่ เป็นเงนิ ช�ำ ระราคาที่เป็นเงิน ช�ำ ระค่าเช่าเปน็ เงนิ หรอื
ทรัพย์สินอน่ื ก็ได้
6. การช�ำ ระค่าตอบแทน ช�ำ ระเป็นงวดๆ ช�ำ ระเปน็ งวดๆ ช�ำ ระคา่ เชา่ ตามทตี่ กลง
ตลอดการเชา่

กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจท่ี 4.2


ตอนท่ี 1 จงเขยี นเครอ่ื งหมาย ✓หนา้ ขอ้ ความทถ่ี กู และเขยี นเครอื่ งหมาย ✗ หนา้ ขอ้ ความทผ่ี ดิ
............... 1. สัญญาเชา่ ซอ้ื คอื สัญญาซอ้ื ขายเงนิ ผ่อนประเภทหนึ่ง
............... 2. ผใู้ หเ้ ชา่ ซอ้ื ตอ้ งเปน็ เจ้าของทรพั ยส์ ินทีใ่ ห้เช่าซื้อเสมอ
............... 3. สัญญาเชา่ ซอ้ื ตอ้ งท�ำ เปน็ หนังสอื ระหวา่ งค่สู ญั ญา มิฉะนน้ั จะตกเปน็ โมฆะ
............... 4. การท�ำ สัญญาเช่าซือ้ เป็นหนังสอื หมายถึงตอ้ งมกี ารลงลายมอื ชื่อของฝ่ายทีต่ ้องรบั ผิดเป็นสำ�คัญ
............... 5. เมอ่ื ผเู้ ชา่ ซือ้ ผิดสญั ญาเช่าซ้ือย่อมมสี ทิ ธริ ิบเงินค่าเชา่ ซื้อท่ีไดร้ บั มาแลว้ พรอ้ มท้งั กลบั เขา้ ครอบครอง

ทรพั ย์สนิ ทเ่ี ชา่ ซื้อคนื
............... 6. คา่ เชา่ ซื้อต้องเป็นเงินหรือทรพั ยส์ นิ อยา่ งอืน่ ตามท่ีคสู่ ญั ญาตกลงกันกไ็ ด้
............... 7. นายดวงทำ�สัญญาเช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากบริษัท เงินด่วนลิซช่ิงไฟแนนซ์ จำ�กัด นายดวงมีสิทธิ

ผิดนดั ช�ำ ระเงินคา่ เชา่ ซ้อื ได้ 3 งวดตดิ  ๆ กนั
............... 8. นายเด่นท�ำ สัญญาเชา่ ซอ้ื บา้ นประชารฐั จากการเคหะแห่งชาติ นายเด่นมีสิทธผิ ิดนัดชำ�ระเงินค่าเชา่

ซ้อื ได้ 2 งวดตดิ  ๆ กนั
............... 9. นางสาวดาวตกลงทำ�สัญญาเช่าซ้ือรถยนต์จากนายเก่ง นายเก่งเตรียมหนังสือสัญญาโดยลงลายมือ

ช่ือของตนในสัญญาเรียบร้อย แล้วนำ�ไปให้นางสาวดาวเซ็นชื่อ แต่นางสาวดาวต้องรีบเดินทาง
ไปตา่ งประเทศในวนั ทนี่ ายเกง่ น�ำ สญั ญาเชา่ ซอ้ื มาใหเ้ ซน็ จงึ แจง้ นายเกง่ วา่ ถา้ ตนกลบั จากตา่ งประเทศ
ในเดือนหน้าจะมาเซ็นสัญญา ดงั นีส้ ัญญาเชา่ ซ้ือมผี ลสมบรู ณ์ตามกฎหมาย
............... 10. ถา้ ผ้เู ช่าซ้อื ชำ�ระเงินค่าเชา่ ซอ้ื ครบทุกงวดตามสญั ญาเชา่ ซ้ือแล้วกรรมสิทธ์ิจะโอนไปยงั ผเู้ ช่าซ้ือ

ตอนท่ี 2 จงตอบคำ�ถามต่อไปน้ี
นางดาวต้องการมีรถยนต์เป็นของตัวเอง จึงตกลงซื้อรถยนต์จากนางเดือน โดยผ่อนช�ำระราคาเดือนละ
20,000 บาท เปน็ เวลา 24 เดอื น คสู่ ญั ญาตกลงกนั แลว้ นางดาวกน็ �ำรถยนตไ์ ปใชป้ ระโยชน์ และช�ำระเงนิ 24 เดอื น
ตามสญั ญา แตน่ างเดอื นไมโ่ อนรถยนตใ์ หต้ ามสญั ญา กรณตี ามปญั หาดงั กลา่ วสญั ญาเชา่ ซอ้ื เกดิ ขน้ึ หรอื ไมเ่ พราะเหตใุ ด

92 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)

กิจกรรมตามสมรรถนะวิชาชพี ที่ 4.2
เรอื่ ง การจัดท�ำ เอกสารสญั ญาเช่าซอื้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
จดั ท�ำเอกสารสญั ญาเชา่ ซอ้ื ไดต้ ามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
กจิ กรรม
1. ใหผ้ เู้ รยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน ศกึ ษาคน้ ควา้ เกย่ี วกบั สญั ญาเชา่ ซอื้ เพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอรเ์ นต็
2. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนร่างสัญญาเช่าซื้อ โดยให้จ�ำนวนนักเรียน 2 คนเป็นคู่สัญญา และผู้เรียน
อกี จ�ำนวน 2 คนเปน็ พยาน
3. น�ำรา่ งสญั ญาเชา่ ซอื้ ทดี่ �ำเนนิ การเสรจ็ แลว้ รว่ มกนั อภปิ รายหนา้ ชนั้ เรยี น กลมุ่ ละ 3-5 นาที
4. ผสู้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกนั สรปุ ภาพรวม

สรปุ

สญั ญาเชา่ ทรพั ยเ์ ปน็ สญั ญาตา่ งตอบแทนทบ่ี คุ คลหนงึ่ เรยี กวา่ ผใู้ หเ้ ชา่ ซง่ึ ตกลงใหบ้ คุ คลอกี คนหนง่ึ
เรยี กวา่ ผเู้ ชา่ ไดใ้ ชห้ รอื ไดร้ บั ประโยชนใ์ นทรพั ยส์ นิ ทเี่ ชา่ โดยมรี ะยะเวลาอนั จ�ำ กดั และผเู้ ชา่ ตกลงจะใหค้ า่ เชา่
สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหน่ึงอย่างใดลงลายมือฝ่ายที่ต้องรับผิด
เปน็ ส�ำ คัญ จะฟอ้ งร้องใหบ้ งั คับคดหี าได้ไม่ ถา้ เช่ามีกำ�หนดกวา่ 3 ปีขึ้นไป หรอื ก�ำ หนดตลอดอายขุ องผู้เชา่
หรือผู้ให้เช่า หากมิได้ทำ�เป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การเช่าเช่นนั้นจะฟ้องร้องให้
บังคับคดีได้เพียง 3 ปี ผู้เช่าตกลงให้ค่าเช่าแก่ผู้ให้เช่าเป็นการตอบแทน ค่าเช่าทรัพย์นั้นอาจจะเป็นเงิน
ทรัพยส์ ิน หรือแรงงาน กไ็ ด้ตามแตค่ ู่สญั ญาเชา่ ทรัพย์จะตกลงกนั
สัญญาเช่าซ้ือเป็นสัญญาต่างตอบแทนมีลักษณะของสัญญาเช่าและคำ�ม่ันว่าจะขายทรัพย์สินที่
เชา่ หรือจะให้กรรมสทิ ธ์ใิ นทรัพย์สินทเี่ ชา่ ตกเปน็ ของผู้เชา่ โดยมเี งอื่ นไขว่าผู้เชา่ ได้ใชเ้ งินเป็นจำ�นวนเทา่ นน้ั
เทา่ นค้ี ราว สญั ญาเชา่ ซอ้ื เปน็ สญั ญาซงึ่ เจา้ ของน�ำ ทรพั ยส์ นิ ออกใหเ้ ชา่ หากไมใ่ ชเ่ จา้ ของทรพั ยจ์ ะน�ำ ทรพั ยส์ นิ
นนั้ มาท�ำ สญั ญาเชา่ ซอ้ื ไมไ่ ด้ สญั ญาเชา่ ซอ้ื ทงั้ เชา่ ซอ้ื สงั หารมิ ทรพั ยห์ รอื อสงั หารมิ ทรพั ยต์ อ้ งท�ำ ตามแบบคอื
ท�ำ เปน็ หนงั สือ สัญญาเชา่ ซอ้ื ไม่ทำ�เป็นหนงั สอื ย่อมตกเปน็ โมฆะ ผูใ้ ห้เช่าซอ้ื มีสทิ ธิบอกเลิกสญั ญาเช่าซอื้ ได้
ถ้าผู้เช่าซ้ือผดิ นดั ช�ำ ระเงนิ คา่ เช่าซ้ือ 2 งวดติด ๆ กนั แต่กรณีเช่าซือ้ รถยนต์ รถจกั รยานยนต์ และเคร่ืองใช้
ไฟฟ้า ผ้เู ชา่ ซอื้ มีสิทธิผดิ นัดชำ�ระเงินค่าเชา่ ซอ้ื 3 งวดตดิ  ๆ กนั
สัญญาเช่าซ้ือแตกต่างจากสัญญาเช่าทรัพย์อย่างเด่นชัดในเร่ืองกรรมสิทธ์ิและการโอนกรรมสิทธิ์
สัญญาเช่าซื้อผู้ให้เช่าซื้อต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธ์ิในทรัพย์สินน้ัน และมีการโอนกรรมสิทธ์ิเมื่อปฏิบัติ
ตามสัญญาเช่าซ้ือแล้ว ส่วนสัญญาเช่าทรัพย์ผู้ให้เช่าทรัพย์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์จึงไม่มีการโอนกรรมสิทธ์ิ
ในทรัพยส์ ินทเ่ี ชา่ ทรพั ย์ และค่าเช่าซอ้ื จะต้องเป็น “เงิน” เทา่ นนั้

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 93

แบบประเมนิ สมรรถนะรายวชิ าหนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4
เร่ือง เชา่ ทรพั ย์และเช่าซอ้ื

คำ� ชแี้ จง จงเขยี นเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในชอ่ งวา่ งทต่ี รงกบั ความคดิ เหน็ ของผเู้ รยี นตามความเปน็ จรงิ มากทสี่ ดุ
เกณฑก์ ารประเมนิ 5 = ดมี าก 4 = ด ี 3 = ปานกลาง 2 = นอ้ ย 1 = นอ้ ยทส่ี ดุ

หวั ข้อ ระดบั ความคดิ เหน็
54321
1. ดา้ นความรู้
1.1 อธิบายความหมายและลกั ษณะของสญั ญาเช่าทรพั ยไ์ ด้
1.2 บอกหลกั เกณฑ์ในการทำ�สัญญาเช่าทรพั ย์ได้
1.3 บอกกำ�หนดเวลาในการท�ำ สัญญาเชา่ ทรัพย์ได้
1.4 อธบิ ายสทิ ธิ หน้าท่ี และความรับผิดของผ้ใู หเ้ ช่าและผ้เู ชา่ ได้
1.5 บอกมลู เหตทุ ี่ทำ�ให้สัญญาเชา่ ทรัพย์ระงับได้
1.6 อธบิ ายความหมายและลักษณะของสัญญาเช่าซอ้ื ได้
1.7 ระบุแบบของสัญญาเชา่ ซ้อื ได้
1.8 อธิบายสทิ ธิและหนา้ ที่ของผใู้ ห้เช่าซ้อื และผู้เช่าซ้อื ได้
1.9 บอกการเลิกสัญญาและความระงับแห่งสญั ญาเช่าซอ้ื ได้
1.10 บอกความแตกตา่ งระหวา่ งเชา่ ซอ้ื ซอ้ื ขายเงนิ ผอ่ น และเชา่ ทรพั ยไ์ ด้
2. ดา้ นทกั ษะ
2.1 ปฏิบตั งิ านตามทไี่ ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ตามกำ�หนดเวลา
2.2 เกดิ สมรรถนะในการปฏิบัตกิ จิ กรรม
2.3 จัดทำ�เอกสารท่ีเก่ยี วข้องกับลักษณะสัญญาเชา่ ทรัพย์และเช่าซ้อื ไดต้ ามลักษณะ

ของประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์
3. ดา้ นเจตคติ

3.1 มีความซอ่ื สัตย์สุจริต
3.2 มวี ินัย ตรงตอ่ เวลา และความรับผิดชอบ
3.3 มีมนษุ ยสัมพนั ธ์ในการปฏิบตั ิกิจกรรม และท�ำ งานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ ได้
3.4 มเี จตคติทด่ี ีในการปฏิบัติกิจกรรม

94 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)

แบบทดสอบเพ่ือประเมนิ ผลหลงั การเรียนรู้

จงเลือกคำ� ตอบทถ่ี ูกต้องเพียงข้อเดียว 5. การเช่าสวนหากไม่มีระยะเวลาก�ำหนดกัน
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรทู้ ี่ 1 อธบิ ายความหมายและลกั ษณะ ในสัญญา กฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า
ของสัญญาเชา่ ทรัพย์ได้ เช่ากันเปน็ ระยะเวลา 10 ปี
1. ลักษณะของสญั ญาเชา่ ทรพั ยค์ อื ข้อใด จุดประสงค์การเรยี นร้ทู ่ี 4 อธิบายสทิ ธิ หนา้ ที่ และความ
1. ระยะเวลาไมจ่ �ำกดั รบั ผิดของผู้ให้เช่าและผู้เช่าได้
2. ไมเ่ ป็นสญั ญาตา่ งตอบแทน 4. ขอ้ ใดเป็นหนา้ ท่ีและความรับผดิ ของผู้ใหเ้ ช่า
3. กรรมสทิ ธิโ์ อนไปยงั ผูเ้ ช่าเมอื่ เชา่ ครบ 30 ปี 1. ช�ำระคา่ เช่า
4. มลี กั ษณะเชน่ เดยี วกบั สญั ญาซอ้ื ขายทกุ ประการ 2. สง่ มอบทรพั ย์สนิ ทเ่ี ช่า
5. ก�ำหนดคา่ เชา่ เปน็ เงนิ ตราหรอื ทรพั ยส์ นิ อยา่ งอน่ื 3. สงวนรกั ษาทรพั ย์สนิ ทีเ่ ชา่
กไ็ ด้ 4. ใชท้ รพั ย์สินทเี่ ช่าโดยชอบ
5. ถูกต้องทกุ ขอ้
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ่ี 2 บอกหลกั เกณฑใ์ นการท�ำ สญั ญา จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ 5 บอกมูลเหตุที่ทำ�ให้สัญญาเช่า
เชา่ ทรพั ย์ได้ ทรพั ยร์ ะงับได้
2. การเชา่ ในขอ้ ใดตอ้ งท�ำเปน็ หนงั สอื และจดทะเบยี น 5. สัญญาเชา่ ทรพั ย์ไมร่ ะงบั ไดด้ ว้ ยสาเหตุใด
ต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี 1. ผเู้ ชา่ ตาย
1. เชา่ สงั หาริมทรพั ย์มีก�ำหนด 3 ปีขน้ึ ไป 2. ผู้ใหเ้ ช่าตาย
2. เช่าสังหารมิ ทรัพย์ตลอดอายุของผ้เู ชา่ 3. ทรพั ย์สนิ ท่เี ชา่ สญู หายไปทัง้ หมด
3. เช่าสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษตลอดอายุของ 4. ระยะเวลาท่ีระบไุ วใ้ นสญั ญาเชา่ ครบก�ำหนด
ผ้ใู หเ้ ชา่ 5. มกี ารบอกเลกิ สญั ญาเชา่ โดยคสู่ ญั ญาทง้ั สองฝา่ ย
4. เช่าอสังหารมิ ทรัพยม์ กี �ำหนด 3 ปีขึ้นไป จดุ ประสงคก์ ารเรียนรทู้ ่ี 6 อธบิ ายความหมายและลกั ษณะ
5. ถูกตอ้ งทกุ ขอ้ ของสัญญาเชา่ ซ้อื ได้
6. ข้อใดเป็นความหมายและลักษณะของสัญญา
จุดประสงค์การเรียนรู้ท่ี 3 บอกกำ�หนดเวลาในการทำ� เช่าซอื้
สญั ญาเช่าทรพั ยไ์ ด้ 1. เป็นสัญญาทก่ี รรมสิทธิ์โอนใหก้ ันไม่ได้
3. ข้อใดเป็นก�ำหนดระยะเวลาในการท�ำสัญญาเช่า 2. ผเู้ ช่าซ้อื ตกลงช�ำระค่าเชา่ ซอ้ื เปน็ เงินเท่านน้ั
ทรัพย์สินต่าง ๆ ตามกฎหมาย 3. ผใู้ หเ้ ชา่ ซอื้ ไมต่ อ้ งเปน็ เจา้ ของทรพั ย์ทใี่ หเ้ ชา่ ซอ้ื
1. การเช่าสังหาริมทรัพย์มีก�ำหนดระยะเวลา 4. ผเู้ ชา่ ซอื้ ตกลงช�ำระคา่ เชา่ ซอื้ เปน็ เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ
ไมเ่ กิน 30 ปี อยา่ งอน่ื ก็ได้
2. การเช่าอสังหาริมทรัพย์มีก�ำหนดระยะเวลา 5. ทรัพย์สินที่ท�ำสัญญาเช่าซ้ือกันได้คือรถยนต์
เกินกว่า 30 ปี รถจักรยานยนต์ และเคร่อื งใช้ไฟฟา้ เท่าน้นั
3. การเชา่ สงั หารมิ ทรพั ยม์ กี �ำหนดระยะเวลาหา้ ม
เกนิ กว่า 30 ปี
4. การเชา่ อสงั หารมิ ทรพั ยม์ กี �ำหนดระยะเวลาหา้ ม
เกินกวา่ 30 ปี

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 95

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ท่ี 7 ระบแุ บบของสัญญาเช่าซอ้ื ได้ จุดประสงค์การเรียนรู้ท่ี 9 บอกการเลิกสัญญาและความ
7. นายรงุ่ และนายแสงท�ำสญั ญาเชา่ ซอื้ รถยนตก์ นั เอง ระงับแห่งสญั ญาเช่าซ้ือได้
โดยท�ำเป็นหนังสือลงลายมือช่ือสองฝ่าย แต่ไม่มี 9. นายแดงเชา่ ซอ้ื รถยนตจ์ ากบรษิ ทั สามสหาย จ�ำกดั
พยานและมไิ ดน้ �ำไปจดทะเบยี น ดงั นสี้ ญั ญาเชา่ ซอ้ื ปรากฏว่านายด�ำผิดนัดไม่ช�ำระค่าเช่าซ้ือ 2 งวด
มีผลตามกฎหมายในข้อใด ติด ๆ กัน บริษัท สามสหาย จ�ำกัด สามารถ
1. โมฆะ ด�ำเนินการตามกฎหมายไดอ้ ยา่ งไร
2. โมฆยี ะ 1. บอกเลิกสญั ญาเช่าซือ้ ทนั ที
3. สมบูรณ์ 2. ยึดรถยนต์ที่ให้เช่าซ้ือเนื่องจากผู้เช่าซื้อผิดนัด
4. ฟ้องร้องบังคบั คดไี มไ่ ด้ 3. รอให้ผิดนัดไมเ่ ชา่ ซอื้ 2 งวดตดิ กันจงึ จะด�ำเนนิ
5. สมบูรณแ์ ตไ่ ม่สามารถฟ้องร้องกนั ได้ การบอกเลิกสญั ญาเช่าซ้อื
จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ 8 อธิบายสิทธิและหน้าที่ของ 4. รอใหผ้ ิดนัดไม่เช่าซื้อ 3 งวดตดิ กนั จึงจะด�ำเนนิ
ผ้ใู ห้เชา่ ซื้อและผเู้ ช่าซอื้ ได้ การบอกเลิกสญั ญาเชา่ ซื้อ
8. ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ช�ำระค่าเช่าซ้ือ ท�ำให้ผู้ให้ 5. ถกู ตอ้ งท้ังข้อ 3 และ 4
เช่าซ้ือบอกเลิกสัญญา ผู้ให้เช่าซ้ือจะมีสิทธิตาม จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ 10 บอกความแตกต่างระหว่าง
กฎหมายในข้อใด เชา่ ซอื้ ซ้ือขายเงินผอ่ น และเชา่ ทรพั ยไ์ ด้
1. ริบเงินคา่ เชา่ ซ้อื ทรี่ บั ช�ำระมาแล้วท้ังหมด 10. ข้อใดเป็นข้อแตกต่างท่ีเด่นชัดที่สุดระหว่างการ
2. กลบั เขา้ ครอบครองทรพั ย์สินทใี่ ห้เชา่ ซ้ือ เชา่ ซอื้ ซอื้ ขายเงินผอ่ น และการเชา่ ทรพั ย์ได้
3. เรียกค่าเสียหายถ้าหากมีอันเกิดจากการผิด 1. การโอนกรรมสิทธ์ิ
สญั ญาเชา่ ซอื้ 2. ทรพั ยส์ นิ ทีท่ �ำสัญญา
4. ถูกต้องท้ังข้อ 1 และ 2 3. การช�ำระค่าเชา่ เป็นเงนิ
5. ถูกต้องทุกข้อ 4. เปน็ สัญญาตา่ งตอบแทน
5. ถูกตอ้ งทุกข้อ

5หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่

จา้ งท�ำ ของและรบั ขนของ

สาระการเรียนรู้

1. ความหมายและลกั ษณะของสัญญาจา้ งท�ำ ของ
2. แบบและหลกั เกณฑ์ในการทำ�สญั ญาจ้างทำ�ของ
3. สทิ ธิ หนา้ ที่ และความรับผดิ ของผ้รู ับจ้าง
4. สทิ ธิ หนา้ ที่ และความรับผดิ ของผวู้ ่าจ้าง
5. ความระงับแห่งสญั ญาจ้างทำ�ของ
6. ความแตกตา่ งระหวา่ งจา้ งแรงงานและจา้ งท�ำ ของ
7. ความหมายและลกั ษณะของสญั ญารบั ขนของ
8. สิทธแิ ละหนา้ ท่ขี องคูส่ ญั ญารับขนของ

จ้างทำ�ของ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
และรบั ขนของ
1. อธบิ ายลักษณะของสัญญาจา้ งท�ำ ของได้
สมรรถนะประจ�ำ หน่วย 2. บอกแบบและหลกั เกณฑใ์ นการทำ�สญั ญาจา้ งทำ�ของได้
3. อธบิ ายสทิ ธิ หน้าท่ี และความรับผิดของผรู้ บั จา้ งได้
1. แสดงความรู้เก่ียวกับหลักการของกฎหมายลักษณะ 4. อธิบายสิทธิ หนา้ ที่ และความรับผดิ ของผวู้ า่ จ้างได้
จ้างทำ�ของและรบั ขนของ 5. ระบุความระงับแหง่ สัญญาจ้างท�ำ ของได้
2. จดั ท�ำ เอกสารสญั ญาจา้ งท�ำ ของและรบั ขนของไดต้ าม 6. บอกความแตกตา่ งระหวา่ งจา้ งแรงงานและจา้ งท�ำ ของได้
หลกั การของประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ 7. อธบิ ายความหมายและลักษณะของสญั ญารับขนของได้
8. บอกสทิ ธแิ ละหน้าทีข่ องคสู่ ญั ญารบั ขนของได้

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 97

จา้ งท�ำ ของและรบั ขนของ

จ้างท�ำของ (Hire of Work) เป็นสัญญาต่างตอบแทน มีคู่สัญญา ได้แก่ ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง
สัญญาจ้างท�ำของมุ่งท่ีผลส�ำเร็จของงาน โดยผู้ว่าจ้างไม่ต้องควบคุมการท�ำงาน เมื่อผู้รับจ้างท�ำงานส�ำเร็จแล้ว
ผ้รู ับจา้ งมสี ทิ ธิได้รับ “คา่ สนิ จ้าง”
รับขนของ (Carriage) หรือสินค้า เป็นประเภทหนึ่งของสัญญารับขน ซึ่งแบ่งเป็นสัญญารับขนของ
หรือสินค้า และสัญญารับขนคนโดยสาร สัญญารับขนของหรือสินค้าน้ัน ผู้ขนส่งตกลงกับผู้รับขนในการส่งของ
หรอื สนิ คา้ ไปยงั จดุ หมายปลายทาง โดยคู่สัญญามสี ทิ ธแิ ละหน้าท่ีตามกฎหมายก�ำหนดไว้

1. ความหมายและลักษณะของสัญญาจา้ งทำ�ของ

1.1 ความหมายของสัญญาจ้างทำ�ของ

สญั ญาจา้ งท�ำของเป็นลกั ษณะหนึ่งของเอกเทศสญั ญา ซ่งึ บัญญัตไิ ว้ในบรรพ 3 ลักษณะ 7 แห่งประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ดังนี้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 587 “อนั ว่าจ้างท�ำของนัน้ คอื สัญญาซง่ึ บุคคลหนง่ึ เรยี กวา่
ผู้รับจ้าง ตกลงจะท�ำการงานส่ิงใดสิ่งหนึ่งจนส�ำเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหน่ึง เรียกว่า ผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างตกลง
จะใหส้ ินจา้ งเพอ่ื ผลส�ำเรจ็ แหง่ การทท่ี �ำน้นั ”

1.2 ลักษณะของสญั ญาจา้ งทำ�ของ

จากบทบัญญัตติ ามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 587 ดังกลา่ ว สัญญาจา้ งท�ำของมีลกั ษณะ
ทส่ี �ำคญั ดังนี้
1.2.1 เป็นสัญญาที่มีคู่สัญญา 2 ฝ่าย กล่าวคือ เป็นสัญญาที่มีคู่สัญญา 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเรียกว่า
“ผู้รบั จ้าง (The Contractor)” และอกี ฝ่ายหน่ึงเรียกวา่ “ผู้วา่ จา้ ง (The Employee)”
1.2.2 เปน็ สัญญาตา่ งตอบแทน กล่าวคือ ผู้รบั จา้ งตกลงรับท�ำงานส่ิงใดสง่ิ หน่ึงจนส�ำเรจ็ เพ่ือประโยชน์
แก่ผู้วา่ จ้าง ผ้รู บั จา้ งยอ่ มได้รบั สนิ จ้างเป็นการตอบแทนสินจ้าง ตามปกตสิ ินจา้ งมกั จะเป็นเงนิ ตรา แตอ่ าจจะตกลง
จ่ายกนั เปน็ ทรัพยส์ ินอยา่ งอ่นื กไ็ ด้ ดงั รปู ที่ 5.1

98 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)

ตกลงท�ำ งานจนสำ�เร็จ ผู้รบั จ้าง
ผ้วู ่าจ้าง จ้างทำ�ของ นาย ข
ตกลงให้สินจา้ ง
นาย ก

รูปท่ี 5.1

1.2.3 วัตถุประสงค์ของสัญญาจ้างท�ำของอยู่ท่ีผลส�ำเร็จของงาน วัตถุประสงค์ของสัญญาจ้างท�ำของ
คือ “ผลส�ำเร็จของงาน” ไม่ใช่เฉพาะแต่แรงงานของผู้รับจ้างเท่าน้ัน เช่น การจ้างให้ล้างรถ เป็นการจ้างท�ำของ
ชนิดหนึ่ง เพราะต้องการผลส�ำเร็จของงานคือความสะอาด ไม่ใช่การจ้างแรงงาน เป็นต้น ค�ำว่า “ผลส�ำเร็จ” น้ี
อาจจะไม่ถูกใจผู้ว่าจ้างก็ได้ เช่น จ้างว่าความแต่ปรากฏว่าแพ้ความ เช่นนี้ก็ถือว่างานน้ันส�ำเร็จแล้ว เป็นต้น
กล่าวคือ ผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพ่ือผลส�ำเร็จแห่งการงานท่ีท�ำนั้น ถ้าผู้รับจ้างท�ำการงานไม่ส�ำเร็จ ผู้ว่าจ้าง
มีสิทธิไมจ่ า่ ยสนิ จ้างได้ หากท�ำงานส�ำเร็จแม้ไมถ่ กู ใจผู้ว่าจ้างก็จ�ำต้องจ่ายคา่ สนิ จ้าง
ค�ำว่า “จ้างท�ำของ” อาจท�ำให้เข้าใจผิดว่าต้องเป็นการจ้างท�ำส่ิงของหรือวัตถุมีรูปร่าง เช่น สร้างบ้าน
สร้างโต๊ะ สร้างตู้ เป็นต้น แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ สัญญาจ้างท�ำของอาจจะเป็นการจ้างท�ำงานอย่างหน่ึง
อย่างใดโดยไม่ใช่เป็นการท�ำสิ่งท่ีมีรูปร่างก็ได้ เช่น จ้างว่าความ จ้างเก็บหน้ี เป็นต้น ดังน้ันข้อพิจารณาว่าเป็น
สญั ญาจ้างท�ำของหรอื ไม่จงึ ต้องพจิ ารณาท่ี “ผลส�ำเร็จของงาน” เป็นส�ำคัญ
ตวั อย่างท่ี 1 นางสมใจจ้างทนายความฟ้องหย่านายสมจิตรซ่ึงเป็นสามีของตน เพราะนายสมจิตรมีชู้
การจ้างทนายความฟ้องหย่ากรณีน้ีเป็นการจ้างท�ำส่ิงของ เพราะเป็นการตกลงรับว่าจะท�ำงานจนส�ำเร็จโดยล�ำพัง
ความคิดของผู้รับจ้าง
ตัวอยา่ งที่ 2 นางสาวแอนนี่จ้างนายโตช่างตอกเสาเข็ม ให้ตอกเสาเข็ม 19 ต้นด้วยปั้นจ่ันของนายโต
โดยคดิ ค่าจ้างตอกเสาเข็มเปน็ รายต้น ต้นละ 5,000 บาท ดังนีน้ ายโตมุ่งถึงผลส�ำเรจ็ ของการตอกเสาเข็มเป็นส�ำคญั
เป็นสัญญาจ้างท�ำของ (เทยี บเคยี งค�ำพพิ ากษาฎกี าท่ี 2112/2524)

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 5 99

ตวั อย่าง

สญั ญาจ้างทำ� ของ

เขียนท่ี………………….………………………..…..….…..
วันท่ี...........เดอื น.................................พ.ศ. ....................

สัญญาฉบบั น้ที �ำข้นึ ระหวา่ ง............................…………………...............อยเู่ ลขท.ี่ ............หมทู่ .่ี ............ซอย.............................
ถนน..............................แขวง/ต�ำบล.............................เขต/อ�ำเภอ..................................จังหวัด........................................ซ่ึงต่อไป
ในสัญญานี้เรียกว่า “ผู้ว่าจ้าง” ฝ่ายหน่ึง กับ……………………………………………………………………………………………………………………
อยู่เลขท่ี............…….….หมู่ท่ี.................ซอย..................................ถนน.............................…………………แขวง/ต�ำบล.........................
เขต/อ�ำเภอ..................................จังหวัด..................................ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า “ผู้รับจ้าง” อีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายได้
ตกลงกนั ดังมขี ้อความตอ่ ไปน้ี
ขอ้ 1 ผวู้ า่ จา้ งตกลงจา้ งและผรู้ บั จา้ งตกลงรบั จา้ งใหท้ �ำการ..........................…………………………………………………………………
เลขท.่ี .....................แขวง/ต�ำบล...................................เขต/อ�ำเภอ..........................จงั หวดั ................................ใหถ้ กู ตอ้ งตามแบบและ
รายละเอยี ดของงานที่แนบทา้ ยสัญญาทกุ ประการและให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาน้ี
ขอ้ 2 ผู้รับจ้างตกลงจะรับท�ำการตามท่ีก�ำหนดในสัญญาข้อ 1 ให้เสร็จสิ้นภายในก�ำหนด....................วัน นับแต่วัน
ท�ำสัญญานซ้ี ่ึงตรงกับ วันท่.ี ...........เดือน...........………………พ.ศ. ......................
ในกรณีท่ีเกิดเหตุสุดวิสัยใด ๆ เป็นเหตุให้การด�ำเนินกิจการดังกล่าวต้องหยุดชะงักลง โดยมิใช่ความผิดของฝ่าย
ผูร้ ับจา้ ง ให้ยดื ก�ำหนดเวลาในวรรคก่อนออกไปเทา่ กับเวลาทีส่ ญู เสยี ไปเพราะเหตดุ งั กล่าว
ถ้าผรู้ ับจ้างไม่สามารถท�ำงานให้แล้วเสรจ็ บริบรู ณภ์ ายใน ผวู้ ่าจ้างมีสทิ ธจิ ะบอกเลิกสญั ญา
ข้อ 3 ในวันท�ำสัญญานี้ ผู้รับจ้างได้น�ำหลักประกันเป็นหนังสือค�้ำประกันของ................................................................
เปน็ จ�ำนวนร้อยละ...................ของราคา.............................บาท (....................................................) มามอบไวแ้ ก่ผ้วู า่ จา้ งเพอื่ ประกัน
การปฏิบัติตามสัญญา หลักประกันดังกล่าวมีอายุประกันหลังจากวันที่กิจการแล้วเสร็จภายในก�ำหนดความรับผิดตามสัญญา
ถ้าวันแล้วเสร็จตามสัญญาต้องยืดออกไปด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม ผู้รับจ้างต้องน�ำหลักประกันมามอบให้แก่ผู้ว่าจ้างให้มีอายุการประกัน
ใหค้ รบความรบั ผดิ ตามสัญญาเสมอไป
หลกั ประกันทผี่ ูร้ บั จา้ งน�ำมามอบไว้ข้างตน้ ผูว้ ่าจ้างจะคนื ให้เม่อื ผู้รบั จ้างพน้ จากข้อผูกพันตามสัญญาแลว้
ขอ้ 4 ผูว้ ่าจ้างตกลงช�ำระคา่ จา้ งให้แก่ผู้รบั จา้ งเป็นเงินทั้งสิ้น..................................บาท (.................................................
..........................…..) โดยช�ำระคา่ จ้างให้เป็นงวด ๆ รวมงวด โดยจ่ายตามผลส�ำเร็จของงาน ซง่ึ มีรายละเอียดการช�ำระคา่ จา้ งดังน้ี
งวดท่ี 1 ช�ำระเงินค่าจ้างจ�ำนวนเป็นเงิน..............................บาท (..............................................................…….)
จ่ายใหเ้ มอ่ื ผู้รับจ้างได้..................................................ซ่งึ จะแล้วเสร็จภายในวันท.่ี .................เดือน.............................พ.ศ. ................
งวดที่ 2 ช�ำระเงินค่าจ้างจ�ำนวนเป็นเงิน................................บาท (..............................................................…….)
จ่ายใหเ้ มอ่ื ผ้รู ับจา้ งได.้ .................................................ซ่งึ จะแล้วเสรจ็ ภายในวันที่....…......….เดือน........……...……………พ.ศ. ................
งวดที่ 3 ช�ำระเงินค่าจ้างจ�ำนวนเป็นเงิน................................บาท (..............................……............) จ่ายให้เม่ือ
ผรู้ บั จา้ งได.้ ................................................ซง่ึ จะแลว้ เสรจ็ ภายในวนั ท.ี่ ...........…….เดอื น........……......…………......พ.ศ. ..........................…...
งวดท่ี 4 ช�ำระเงินคา่ จ้างจ�ำนวนเป็นเงิน................................บาท (......................................……………………………)
จา่ ยใหเ้ ม่อื ผ้รู ับจา้ งได.้ .................................................ซงึ่ จะแลว้ เสรจ็ ภายในวันที่....….....….เดือน........…….…………..พ.ศ. …................
หากผู้ว่าจ้างผิดนัดไม่ช�ำระเงินค่าจ้างแก่ผู้รับจ้างตามสัญญาข้อน้ี ไม่ว่างวดใดก็ตามผู้รับจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญา
น้ไี ด้ และความเสียหายใด ๆ เน่ืองจากการไมช่ �ำระคา่ จา้ งตามสัญญา ผวู้ า่ จ้างเปน็ ผู้รบั ผดิ ชอบชดใช้ค่าเสียหายนน้ั แก่ผรู้ บั จ้างดว้ ย
ขอ้ 5 วัสดุเคร่ืองมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการงานรวมทั้งสัมภาระต่าง ๆ ท่ีจ�ำเป็น ให้ผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหา ซ่ึงจะต้องใช้
วัสดอุ ปุ กรณต์ ามขนาด คุณภาพ และช่างฝมี อื ดีดังท่แี จง้ ไว้ในรายละเอียดทแี่ นบทา้ ยสัญญานี้ จนแลว้ เสรจ็
ขอ้ 6 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรูปแบบ รายการ และรายละเอียดตามสัญญาผู้ว่าจ้างจะต้องแจ้งให้ผู้รับจ้างทราบเป็น
ลายลกั ษณอ์ กั ษร ผรู้ บั จา้ งมสี ทิ ธทิ จี่ ะยอมรบั หรอื ไมย่ อมรบั การแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงกไ็ ด้ คา่ ใชจ้ า่ ยจากการเปลยี่ นแปลงดงั กลา่ วผวู้ า่ จา้ ง
ตอ้ งรับผดิ ชอบ โดยค�ำนึงถึงความจ�ำเปน็ และผลเสยี หายทีอ่ าจเกดิ ขน้ึ เนอื่ งจากการแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงดงั กล่าว

100 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

(ต่อ)

ข้อ 7 ผู้รับจ้างสัญญาว่าจะไม่เอางานท้ังหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งสัญญานี้ไปให้ผู้อื่นรับจ้างช่วงอีกทอดหนึ่ง โดย
มิได้รับอนุญาตจากผู้ว่าจ้างก่อน เว้นแต่ผู้รับจ้างเห็นว่างานที่ท�ำไม่อาจเสร็จส้ินตามที่ก�ำหนดไว้ในสัญญาข้อ 2 ผู้รับจ้างจะเอางาน
ส่วนใดสว่ นหน่งึ แหง่ สัญญาไปให้ผ้อู ่นื รับจ้างชว่ งอกี ทอดหนึง่ ได้ ตอ่ เมอ่ื ได้รับอนญุ าตเปน็ ลายลักษณ์อักษรจากผวู้ ่าจา้ งก่อน
ขอ้ 8 ผู้รับจ้างจะต้องควบคุมงานท่ีรับจ้างนี้อยู่ตลอดเวลาที่งานยังไม่เสร็จหรือจะมอบหมายให้ผู้อื่นเป็นผู้ควบคุมงาน
แทนตนกไ็ ด้ ในกรณีเชน่ วา่ นี้ ใหผ้ ูร้ ับจา้ งแจง้ ชื่อผู้ได้รบั มอบหมายให้ผวู้ ่าจ้างทราบเปน็ หนังสอื และผู้ควบคุมงานแทนผรู้ ับจา้ งจะต้อง
เปน็ ผู้รับผิดชอบแทนผู้รับจา้ ง ค�ำสง่ั ต่าง ๆ ซึง่ ไดแ้ จง้ แกผ่ แู้ ทนของผู้รบั จา้ งถอื ได้วา่ ได้แจง้ แกผ่ ้รู บั จ้างแล้ว
ขอ้ 9 ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดชอบต่ออุปัทวเหตุหรือภยันตรายความเสียหายใด ๆ ท่ีเกิดข้ึนจากการงานของผู้รับจ้างเอง
และต้องรับผิดชอบในเหตุเสียหายอันเกิดแก่ทรัพย์สินของผู้ว่าจ้างซึ่งมีอยู่ในบริเวณท่ีท�ำการจ้างน้ี โดยการกระท�ำของคนงาน ช่าง
หรอื บรเิ วณของผ้รู บั จา้ งดว้ ย
ข้อ 10 ผู้ว่าจ้างจะต้องตรวจรับมอบงานภายใน 7 วัน นับแต่วันท่ีผู้รับจ้างได้มีหนังสือแจ้งไป หากผู้ว่าจ้างไม่อาจ
ตรวจรับมอบงานภายในก�ำหนด ใหถ้ ือว่าผ้วู ่าจา้ งไดต้ รวจรบั มอบงานแลว้ โดยปรยิ าย
ข้อ 11 ถ้าผู้รับจ้างส่งงานล่าช้ากว่าวันแล้วเสร็จตามสัญญา แต่ผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างยอมให้ผู้ว่าจ้าง
ด�ำเนนิ การดังต่อไปนี้
11.1 ปรบั ผรู้ บั จา้ งเปน็ รายวนั วนั ละ............................บาท (..............................................) นบั ตงั้ แตว่ นั ทล่ี ว่ งเลย
ก�ำหนดวันแลว้ เสรจ็ ตามสัญญาจนถึงวนั ทีง่ านแล้วเสร็จบรบิ รู ณ์
11.2 เรยี กคา่ เสียหายอนั เกิดขนึ้ จากการทผี่ รู้ ับจา้ งท�ำงานล่าช้า (ถ้ามี)
11.3 เรยี กค่าใชจ้ า่ ยในการควบคุมงาน ในเมอ่ื ผ้วู ่าจ้างตอ้ งจ้างผู้ควบคมุ งานนนั้ อกี ต่อหนง่ึ นบั ตัง้ แต่วันท่ีล่วงเลย
ก�ำหนดวันแล้วเสรจ็ ตามสญั ญา จนถึงวันทผี่ รู้ บั จ้างส่งมอบงานโดยคดิ เปน็ รายวนั วันละ................บาท (.......................................…)
ในระหวา่ งการปรบั นั้น ถา้ ผู้ว่าจา้ งเห็นว่าผูร้ บั จ้างไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผวู้ ่าจา้ งมีสทิ ธบิ อกเลิกสญั ญา
และใชส้ ิทธิตามสัญญาข้อ 11 นอกเหนอื จากการปรบั จนถึงวนั เลกิ สญั ญาดว้ ย
ข้อ 12 ถา้ ผวู้ า่ จ้างบอกเลิกสญั ญาแล้ว ผ้รู ับจา้ งยอมใหผ้ ูว้ ่าจ้างด�ำเนินการดงั ตอ่ ไปน้ี
12.1 รบิ หลักประกันสญั ญาดงั กล่าวในสญั ญาขอ้ 3
12.2 ยินยอมให้ผูว้ ่าจ้างเรียกเอาคา่ จา้ งทเี่ พิ่มขนึ้ เพราะจา้ งบุคคลอ่ืนท�ำการนต้ี ่อไปจนงานเสรจ็ บรบิ รู ณ์
12.3 เรยี กเอาคา่ ใชจ้ า่ ยในการควบคุมงาน เมอื่ ผู้วา่ จา้ งตอ้ งจา้ งผคู้ วบคมุ งานนัน้ อกี ต่อหนง่ึ จนงานเสร็จบรบิ ูรณ์
12.4 เรียกคา่ เสียหายอนั พึงมีจากผรู้ ับจ้าง
ข้อ 13 เม่ือผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญาแล้ว ในกรณีที่ผู้ว่าจ้างต้องจ้างบุคคลอ่ืนเข้าท�ำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จบริบูรณ์ หาก
ปรากฏว่าเงนิ คา่ งานท่เี หลอื จา่ ยไมพ่ อส�ำหรับการท�ำงานรายน้ีเปน็ จ�ำนวนเท่าใด ผรู้ บั จ้างยอมให้ผูว้ า่ จ้างหกั เงินจ�ำนวนนนั้ จากคา่ จ้าง
ทีค่ ้างช�ำระและยอมรับผดิ ชดใช้เงนิ จ�ำนวนท่ียังขาดอยู่นั้นจนครบถว้ น
หากมีเงินค่าจ้างตามสัญญาท่ีหักไว้จ่ายเป็นค่าปรับและค่าเสียหายแล้ว ยังเหลืออยู่อีกเท่าใด ผู้ว่าจ้างจะคืนเงิน
ใหแ้ ก่ผ้รู บั จา้ งหมด
ข้อ 14 ผู้รับจ้างสญั ญาวา่ จะจดั การรักษาความสะอาดตลอดเวลาทที่ �ำงานจ้างจนแล้วเสรจ็
ข้อ 15 ให้ถือว่ารูปแบบ รายการ และรายละเอียดในงานท่ีรบั จ้างแนบท้ายสัญญานี้เปน็ สว่ นหน่งึ ของสัญญา
สัญญาน้ีท�ำขึ้นเป็นสองฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน โดยคู่สัญญายึดถือเอาไว้ฝ่ายละหน่ึงฉบับ คู่สัญญาได้อ่านและ
เข้าใจขอ้ ความโดยตลอดแลว้ จงึ ลงลายมอื ชอื่ พร้อมประทับตรา (ถ้ามี) ไว้เป็นส�ำคัญต่อหนา้ พยาน

ลงชอ่ื ………………………………………….ผูว้ ่าจ้าง
(…………….……………....…………….)
ลงชื่อ…………………………………………ผรู้ ับจา้ ง
(…………….……………....…………….)
ลงชื่อ…………………………………………พยาน
(…………………….……....…………….)
ลงชื่อ…………………………………………พยาน

(…………….……………....…………….)

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 5 101

2. แบบและหลกั เกณฑ์ในการทำ�สัญญาจา้ งทำ�ของ

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มิได้ก�ำหนดแบบหรือวิธีการท�ำสัญญาและหลักเกณฑ์หรือหลักฐาน
ในการท�ำสญั ญาจา้ งท�ำของไวแ้ ตอ่ ยา่ งใด ดงั นนั้ สญั ญาท�ำของเพยี งแตต่ กลงกนั ดว้ ยวาจาหรอื ปากเปลา่ เมอ่ื ค�ำเสนอ
และค�ำสนองถูกต้องตรงกันก็ถือว่าสัญญาจ้างท�ำของเกิดข้ึนและสมบูรณ์แล้ว สามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้
ตามกฎหมาย
สญั ญาจ้างท�ำของเปน็ สญั ญาทีไ่ มม่ ีแบบและหลกั เกณฑ์ในการท�ำสญั ญาแต่อยา่ งใด เพียงแต่ตกลงจ้างท�ำ
ของกันด้วยวาจาก็ถือวา่ เปน็ สญั ญาจ้างท�ำของทีส่ มบรู ณ์แล้ว และสามารถที่จะฟ้องร้องบังคับคดกี นั ได้ สญั ญาจา้ ง
ท�ำของก็เหมือนกับสัญญาจ้างแรงงาน เป็นสัญญาท่ีเกิดข้ึนโดยการแสดงเจตนาและสมบูรณ์โดยการแสดงเจตนา
ตกลงกัน กลา่ วคอื ไมต่ อ้ งท�ำตามแบบและไมต่ อ้ งมีหลักฐานอยา่ งไร ก็ฟ้องร้องบงั คบั คดกี ันได้

ตวั อย่างที่ 1 นายเพชรเจรจาตกลงจ้างนายทองรับเหมาสร้างบ้านของตนตามแบบแปลนท่ีตกลงกัน
และตกลงจะจ่ายค่าจ้างเหมา 300,000 บาท โดยจ่ายค่าจ้างเป็น 3 งวด งวดละ 100,000 บาท เม่ือนายทอง
สร้างบ้านเสร็จตามที่ตกลงกันแล้ว นายเพชรผิดสัญญาไม่ยอมจ่ายค่าจ้างงวดสุดท้าย ดังนี้นายทองย่อมฟ้องร้อง
บงั คบั คดกี ับนายเพชรได้
ตัวอยา่ งท่ี 2 นางสาวลินล่ีจ้างนายตุลาว่าความในคดีข่มขืนกระท�ำช�ำเราโดยตกลงกันด้วยวาจา กรณีนี้
ถอื ว่าสญั ญาจา้ งว่าความท�ำด้วยปากเปล่ากไ็ ด้ เพราะไม่มกี ฎหมายบังคบั ใหท้ �ำเป็นหนังสอื
ตัวอย่างท่ี 3 นายธาราจ้างนายปัฐพีถมท่ีดินของตนโดยตกลงกันด้วยวาจา สัญญาจ้างถมที่ดินไม่มี
กฎหมายบังคับให้ต้องท�ำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด สัญญาจ้างท�ำของจึงสมบูรณ์สามารถ
ฟ้องรอ้ งบังคบั คดีกนั ได้ (เทียบเคยี งค�ำพพิ ากษาฎีกาท่ี 158/2509)

3. สิทธิ หน้าที่ และความรบั ผดิ ของผู้รบั จ้าง

3.1 สิทธิของผูร้ บั จ้าง

3.1.1 รับสินจ้างหรือค่าจ้างเพ่ือผลส�ำเร็จของงานท่ีได้ท�ำจากผู้ว่าจ้าง นับว่าเป็นสิทธิท่ีส�ำคัญของ
ผรู้ บั จา้ งตามจ�ำนวนทต่ี กลงกนั หรอื ตามจารตี ประเพณที เ่ี คยปฏบิ ตั กิ นั มา ถา้ ไมต่ กลงกนั วา่ สนิ จา้ งเปน็ จ�ำนวนเทา่ ใด
ท้ังไม่เคยมีประเพณีปฏิบัติต่อกันมาก่อน ผู้รับจ้างมีสิทธิได้รับค่าจ้างตามสมควร ถ้าหากมีการท�ำงานให้กัน
แต่ไม่ต้องจ่ายสินจ้างเพ่ือผลส�ำเร็จของงานท่ีท�ำแล้ว แสดงว่าไม่ใช่สัญญาจ้างท�ำของ (ประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณชิ ย์ มาตรา 587)
ตวั อย่าง นายอาทติ ย์จา้ งนายจนั ทรห์ าบสมั ภาระข้ึนดอยสเุ ทพ จังหวัดเชยี งใหม่ จ�ำนวน 2 ถงุ นำ้� หนกั
รวม 15 กิโลกรัม โดยมิได้ตกลงเรื่องสินจ้างหรือค่าจ้างการหาบสัมภาระน้ี แต่ถ้าเป็นท่ีรู้กันว่าการหาบสัมภาระ
ขึ้นดอยสุเทพคิดค่าจ้างตามน้�ำหนักสัมภาระกิโลกรัมละ 10 บาท ดังน้ีถือว่านายอาทิตย์ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่
นายจันทรเ์ ปน็ เงนิ 150 บาท

102 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

3.1.2 เอาการงานที่ท�ำทั้งหมดหรือบางส่วนไปให้บุคคลอื่นท�ำแทนอีกช่วงหนึ่งได้ ซ่ึงเรียกว่า
“ผู้รับจ้างช่วง” เว้นแต่สาระส�ำคัญแห่งสัญญานั้นจะอยู่ท่ีความรู้ความสามารถของผู้รับจ้าง ถ้าผู้รับจ้างช่วงท�ำให้
ผวู้ า่ จ้างเสียหาย ผู้รบั จ้างตอ้ งรบั ผิดตอ่ ผวู้ ่าจา้ งโดยตรง (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 607)
ตัวอย่างท่ี 1 นางสาวสมหญงิ จ้างนายสมชายท�ำเค้กแตง่ งานจ�ำนวน 100 ปอนด์ ดงั นน้ี ายสมชายจะท�ำ
เค้กด้วยตัวเองหรือไปว่าจ้างให้บุคคลอ่ืนท�ำเค้กแต่งงานดังกล่าวอีกช่วงหนึ่งก็ได้ แต่ถ้าผิดสัญญาหรือผิดแบบ
นายสมชายตอ้ งรบั ผดิ ตอ่ นางสาวสมหญงิ ผวู้ า่ จา้ ง อยา่ งไรกต็ ามถา้ สาระส�ำคญั ของสญั ญาอยทู่ ค่ี วามรคู้ วามสามารถ
ของผ้รู บั จา้ งแลว้ ผูอ้ ่นื จะรับการงานไปท�ำแทนผู้รับจ้างไมไ่ ด้ ผ้รู บั จ้างต้องท�ำการงานที่จ้างด้วยตนเอง
ตวั อยา่ งที่ 2 นายเฉลมิ ชัยเปน็ นักวาดภาพเหมือนทมี่ ชี อ่ื เสยี งทสี่ ุดในประเทศไทย นายสมศักด์ิจงึ ว่าจา้ ง
ให้วาดภาพเหมือนของตน ดว้ ยราคาภาพละ 50,000 บาท กรณีนนี้ ายเฉลมิ ชยั จะใหผ้ ู้อ่ืนมาวาดภาพแทนตนเอง
ไม่ได้ เพราะนายสมศักดิ์ผวู้ า่ จา้ งได้จ้างนายเฉลมิ ชยั วาดภาพเนื่องจากมคี วามสามารถพิเศษเฉพาะตวั

3.2 หนา้ ทีข่ องผรู้ ับจ้าง

สญั ญาจา้ งท�ำของ ผู้รับจา้ งมีหนา้ ที่หลายประการ ดงั ต่อไปนี้
3.2.1 ต้องท�ำการงานส่ิงใดส่ิงหนึ่งจนส�ำเร็จตามสัญญา (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 587) หมายถึง ต้องส่งมอบงานให้ทันตามเวลาที่ก�ำหนด ถ้าไม่ก�ำหนดเวลาส่งมอบงานกันไว้ ให้ส่งมอบ
ในเวลาอันสมควรมิฉะน้ันผู้ว่าจ้างมีสิทธิเรียกค่าเสียหายหรือค่าปรับ และถ้าสาระส�ำคัญของสัญญาอยู่ท่ีเวลา
ผูว้ า่ จ้างชอบทจ่ี ะบอกเลกิ สัญญาได้ แต่ถา้ ผวู้ ่าจา้ งรบั งานไปโดยไมอ่ ดิ เอ้อื น ผรู้ ับจา้ งไม่ต้องรบั ผิด
ตัวอย่าง นางสาวสมศรีจ้างนางมะลิตัดชุดวิวาห์ให้เสร็จภายในก�ำหนดก่อนวันแต่งงาน 2 วัน นางมะลิ
ต้องท�ำให้เสร็จตามก�ำหนด ถ้าท�ำไม่เสร็จถือว่าผิดสัญญาซ่ึงจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้นางสาวสมศรี และ
ถ้าระยะเวลาท่ีเหลืออยู่ไม่พอเพียงจะตัดชุดให้แล้วเสร็จเพ่ือใช้ในวันแต่งงาน นางสาวสมศรีจะบอกเลิกสัญญา
ก็ได้พร้อมกบั เรยี กคา่ เสยี หายหรอื ค่าสนิ ไหมทดแทนจากนางมะลใิ นความเสยี หายทีเ่ กิดขึน้
3.2.2 ต้องจัดหาเครื่องมือต่าง ๆ ส�ำหรับใช้ในการท�ำงานให้ส�ำเร็จ ค�ำว่า “เคร่ืองมือในการท�ำงาน”
หมายถงึ สิ่งท่ผี รู้ ับจ้างใชใ้ นการท�ำงาน ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 588 บัญญัติวา่ “เครอ่ื งมือ
ตา่ ง ๆ ส�ำหรบั ใชท้ �ำการงานใหส้ �ำเรจ็ นน้ั ผรู้ บั จา้ งเปน็ ผจู้ ดั หา” เนอื่ งจากเครอ่ื งมอื การรบั จา้ งท�ำของตา่ ง ๆ ผรู้ บั จา้ ง
ต้องจัดหาเครื่องมือให้พร้อมเพ่ือใช้ท�ำงานให้เสร็จสมบูรณ์ ผู้รับจ้างมีความช�ำนาญในงานที่ท�ำย่อมรู้ดีว่าควรใช้
เครอื่ งมอื อะไรบา้ ง สญั ญาจา้ งท�ำของจงึ ก�ำหนดไวช้ ดั เจนวา่ ใหเ้ ปน็ หนา้ ทข่ี องผรู้ บั จา้ งในการจดั หาเครอ่ื งมอื มาท�ำงาน
ซ่ึงแตกต่างจากสัญญาจ้างแรงงานไม่ได้ก�ำหนดไว้ว่าฝ่ายใดเป็นผู้จัดหาเคร่ืองมือ ดังน้ันในทางปฏิบัติฝ่ายนายจ้าง
จะเปน็ ผจู้ ัดหาเคร่อื งมือตา่ ง ๆ ไว้ให้ แตถ่ า้ เปน็ สญั ญาจ้างท�ำของผู้รับจา้ งจะต้องเปน็ ผูจ้ ัดหามาเอง
ตัวอยา่ งท่ี 1 นายมานะมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างในการรับจ้างสร้างบ้านต่าง ๆ นั้น นายมานะผู้รับจ้าง
ต้องจัดหาเคร่อื งมือทใี่ ช้ในการสรา้ งบา้ น เชน่ เครอ่ื งผสมปนู เคร่อื งผสมคอนกรตี เกรียง ป้ันจัน่ เป็นต้น การจดั หา
เครื่องมือต่าง ๆ ส�ำหรับใช้ในการท�ำงานให้ส�ำเร็จเป็นเรื่องท่ีแตกต่างกับสัญญาจ้างแรงงานซึ่งลูกจ้างไม่ต้องจัดหา
เครอื่ งมือในการท�ำงาน เพราะเป็นหน้าทีข่ องนายจา้ งทจ่ี ะตอ้ งจัดหามาให้ลกู จา้ ง

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 103

ตัวอย่างที่ 2 จ้างวาดภาพจิตรกรรมไทย เครื่องมือต่าง ๆ เช่น ดินสอ อุปกรณ์ใส่สี พู่กัน เป็นต้น
ผูร้ บั จา้ งมีหน้าทตี่ อ้ งจัดหาเคร่อื งมอื
ตวั อย่างท่ี 3 จ้างทนายว่าความคดีฟ้องหย่า เคร่ืองมือต่าง ๆ เช่น ปากกา ดินสอ กระดาษ เครื่อง
คอมพิวเตอร์ เป็นตน้ ผรู้ บั จ้างมีหนา้ ทีต่ อ้ งจดั หาเครื่องมือ
3.2.3 จดั หาสัมภาระส�ำหรบั ใช้ในการท�ำงาน เกี่ยวกับเรอื่ งการจัดหาสัมภาระนี้มิใช่หน้าทข่ี องผู้รบั จ้าง
โดยตรง กฎหมายให้เป็นหน้าท่ีของท้ังสองฝ่ายตามที่ตกลงกันเองว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้จัดหา ซ่ึงแยกพิจารณาได้
ดังต่อไปนี้
1) ถา้ ผรู้ บั จา้ งเปน็ ผจู้ ดั หาสมั ภาระ ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งจดั หาชนดิ ทดี่ ี (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
มาตรา 589) เพราะถา้ งานทที่ �ำเกดิ ความบกพรอ่ งอนั เนอ่ื งมาจากสมั ภาระดงั กลา่ ว ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งรบั ผดิ ตอ่ ผวู้ า่ จา้ ง
เสมือนกับผู้ขายท่ีต้องรับผิดต่อผู้ซ้ือในความช�ำรุดบกพร่องแห่งทรัพย์สินที่ตนขาย (ประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณชิ ย์ มาตรา 595)
ตัวอย่าง นายตุลาจ้างนายธันวาปลูกบ้าน โดยตกลงให้นายธันวาเป็นผู้จัดหาสัมภาระ ปรากฏว่า
เคร่ืองสุขภัณฑ์ที่นายธันวาน�ำมาติดในบ้านเกิดความช�ำรุดบกพร่อง ดังนี้ให้น�ำกฎหมายลักษณะซื้อขายมาใช้คือ
นายตุลาจะต้องฟ้องให้นายธันวารับผิดภายใน 1 ปี นับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความช�ำรุดบกพร่อง เหมือนในกรณี
ทีผ่ ซู้ อื้ ฟอ้ งผขู้ ายให้รบั ผิดเพอ่ื ความช�ำรดุ บกพร่อง (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 474)
2) ถ้าผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดหาสัมภาระ ผู้รับจ้างต้องใช้สัมภาระนั้นด้วยความระมัดระวังและประหยัด
อย่าให้เปลืองเสียเปล่า เมื่อท�ำการงานเสร็จแล้วมีสัมภาระเหลืออยู่ก็ให้คืนแก่ผู้ว่าจ้าง (ประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ มาตรา 590)
ตัวอย่าง นางสาวสมฤดีผู้สมัครเข้าประกวดนางนพมาศเป็นผู้ว่าจ้างได้น�ำผ้าไหมไทยไปจ้าง
นางสมถวิลซ่ึงเป็นผู้รับจ้างตัดชุดไทย เพ่ือจะใส่ชุดดังกล่าวเข้าร่วมประกวดนางนพมาศในวันลอยกระทง
นางสมถวิลผู้รับจ้างมีหน้าท่ีจะต้องใช้ผ้าด้วยความระมัดระวังและโดยประหยัด ถ้ามีผ้าเหลือก็ต้องคืนให้นางสาว
สมฤดผี ู้วา่ จา้ ง
3.2.4 ต้องยอมให้ผู้ว่าจ้างหรือตัวแทนของผู้ว่าจ้างตรวจตราการงานได้ตลอดเวลาที่ท�ำงานอยู่น้ัน
(ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 592) เนื่องจากผู้รับจ้างต้องท�ำงานให้ถูกต้องตรงตามที่ตกลงกัน
อาจมีแบบให้ดู ซ่ึงผู้รับจ้างต้องท�ำงานให้ถูกต้อง ผู้ว่าจ้างหรือตัวแทนสามารถเข้าตรวจดูว่าผู้รับจ้างท�ำถูกต้อง
หรอื ไมถ่ า้ พบเหน็ ว่าไม่ถกู ตอ้ งจะได้บอกกล่าวเพ่อื แก้ไขเปล่ียนแปลงใหถ้ กู ต้อง ถา้ ผูร้ ับจา้ งท�ำไมถ่ ูกต้องตามสญั ญา
หรือตามแบบภายในก�ำหนดเวลาอันสมควรตามที่ก�ำหนด ผู้ว่าจ้างมีสิทธิเอาการงานที่ท�ำไปให้บุคคลอ่ืนท�ำแทน
หรือท�ำต่อไป โดยผู้รับจ้างจะต้องรับผิดชอบความเสียหายและค่าใช้จ่ายท้ังหมด แต่ไม่มีสิทธิไปบังคับบัญชา
ให้ผู้รบั จ้างท�ำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะตนมใิ ช่นายจา้ ง
การเข้าไปตรวจตราการงานมีความหมายแต่เพียงการตรวจดูว่าผู้รับจ้างได้ปฏิบัติตามข้อตกลงตาม
สญั ญาจา้ งท�ำของหรือไม่ จงึ ไมถ่ ือว่าเปน็ การเขา้ ไปบงการบังคบั บัญชาเหมอื นกับสัญญาจ้างแรงงาน

104 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)

3.3 ความรบั ผดิ ของผู้รบั จ้าง

ระหว่างท่ีผู้รับจ้างก�ำลังท�ำการตามสัญญาที่มีต่อผู้ว่าจ้าง นอกจากมีหน้าที่ต่าง ๆ แล้วผู้รับจ้างยังต้องมี
ความรบั ผิดตอ่ ผูว้ า่ จ้างในการท�ำการงานของตน ซ่งึ สามารถแยกตามความรับผิดไดเ้ ปน็ 2 ประการ คอื
3.3.1 รับผิดในความชำ� รุดบกพรอ่ งของงานทีท่ �ำ
1) ผลแหง่ ความวินาศหรือช�ำรดุ บกพร่องของการทีจ่ า้ งที่เกดิ ข้ึนก่อนส่งมอบ
(1) ถ้าการที่จ้างพังทลายหรือบุบสลายก่อนส่งมอบโดยมิใช่ความผิดของผู้ว่าจ้าง ถ้าผู้รับจ้าง
เปน็ ผูจ้ ัดหาสมั ภาระ ผูร้ ับจา้ งต้องรบั เคราะห์ในความเสยี หายท่ีเกดิ ขน้ึ และผูว้ า่ จ้างไมต่ อ้ งช�ำระค่าจา้ ง (ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 603)
(2) ถา้ ความวนิ าศเกิดขน้ึ จากการกระท�ำของผวู้ ่าจา้ ง ผูว้ า่ จ้างจะตอ้ งรับผิด
ตวั อย่าง นายเอจา้ งนายบีสร้างตึก 3 ช้ัน ตอ่ มานายเอสั่งใหต้ ่อเตมิ อกี จาก 1 ช้ันเป็น 4 ชน้ั
จนคานไมส่ ามารถรับน�้ำหนกั ได้ ท�ำให้ตึกพงั ลงมา ดงั น้ีนายเอผวู้ า่ จ้างตอ้ งรบั ผิดในความเสยี หายของตกึ ทพ่ี ังลงมา
(3) ถ้าผู้รับจ้างรู้ว่าค�ำสั่งของผู้ว่าจ้างไม่เหมาะสม ถ้าปฏิบัติตามจะเกิดอันตรายได้ ผู้รับจ้าง
ต้องแจง้ ให้ผู้ว่าจ้างทราบถงึ อันตรายท่ีอาจจะเกิดขึน้ ถ้าไมแ่ จง้ ต้องรับผดิ ตอ่ ผู้ว่าจา้ ง เพราะผวู้ ่าจา้ งอาจไมม่ ีความรู้
ความช�ำนาญ
(4) ถ้าการท่ีจ้างพังทลายหรือบุบสลายก่อนการส่งมอบโดยมิใช่ความผิดของผู้รับจ้าง
ถ้าผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดหาสัมภาระ ผู้ว่าจ้างต้องรับเคราะห์ในความเสียหายน้ัน โดยผู้ว่าจ้างไม่ต้องช�ำระสินจ้างให้
ผรู้ ับจา้ ง (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 604)
กรณีผูว้ า่ จ้างเปน็ ผูท้ �ำให้เกดิ ความเสยี หาย ผวู้ ่าจา้ งตอ้ งรบั ผดิ ตอ่ ผู้รบั จ้าง
ตัวอยา่ ง นายเอจ้างนายบใี ห้ปลกู บา้ นหลังหนึง่ โดยนายเอเป็นผู้จัดหาสมั ภาระ ต่อมาบ้านพงั
ทลายลงมาบางส่วน โดยมิใช่ความผิดของนายบีผู้รับจ้าง นายเอผู้ว่าจ้างต้องรับเคราะห์ในความเสียหายที่เกิดข้ึน
และไมต่ อ้ งช�ำระสนิ จ้างให้นายบี แตถ่ ้านายเอเป็นต้นเหตุท�ำให้บา้ นพังเสยี หาย นายเอตอ้ งจ่ายสนิ จา้ งใหแ้ ก่นายบี
ขอ้ ยกเวน้ ผูร้ ับจา้ งไมต่ อ้ งรบั ผิดในการสง่ มอบงานช�ำรดุ บกพร่องคือ กรณผี ู้ว่าจา้ งรับมอบงาน
การทีท่ �ำท้งั ทชี่ �ำรดุ บกพร่อง โดยไม่แสดงอาการอิดเอือ้ นหรอื ทกั ทว้ ง เวน้ แต่ผวู้ ่าจา้ งไม่พบเหน็ ความช�ำรดุ บกพร่อง
หรือผูร้ ับจา้ งปดิ บังความช�ำรดุ บกพรอ่ งนั้น
2) ผลแห่งความวินาศหรือช�ำรุดบกพร่องที่เกิดข้ึนหลังจากการส่งมอบ เมื่อผู้รับจ้างส่งมอบ
ทรัพย์สินที่ท�ำให้ผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างมักจะก�ำหนดให้ผู้รับจ้างรับผิดในความช�ำรุดบกพร่องหลังจากการส่งมอบด้วย
ซึ่งส่วนใหญ่ผู้รับจ้างยินยอมรับผิดชอบ ท้ังน้ีคู่สัญญาจะตกลงก�ำหนดระยะเวลาความรับผิดของผู้รับจ้างเป็นเวลา
นานเพยี งใดกไ็ ด้ แต่ถา้ ไมต่ กลงกนั ให้ถอื ตามทก่ี ฎหมายก�ำหนด (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 600)

●● อายุความ
หากความช�ำรุดบกพรอ่ งของการงานทท่ี �ำหากปรากฏขึ้นภายใน 1 ปี นบั แตว่ นั ส่งมอบ ผู้รบั จา้ งจะตอ้ ง
รับผิด ถ้าสิ่งปลูกสร้างกับพ้ืนดิน ผู้รับจ้างต้องรับผิดภายในเวลา 5 ปี เว้นแต่สิ่งปลูกสร้างเป็นโรงเรือนท�ำด้วย
เคร่อื งไม้ ผู้รับจา้ งต้องรับผิดภายใน 1 ปี แตถ่ ้าผรู้ ับจ้างได้ปิดบงั ความช�ำรดุ บกพรอ่ ง ตอ้ งใช้อายุความท่ัวไป คอื
10 ปี แยกพจิ ารณาดังนี้

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 105

1) โดยท่ัวไปผู้รับจ้างต้องรับผิดในความช�ำรุดบกพร่องท่ีปรากฏข้ึนภายใน 1 ปี นับแต่วันส่งมอบ
เชน่ วา่ จ้างท�ำโอง่ ใสน่ ้�ำ 1 ใบ หลงั จากการรับมอบโอ่งแลว้ พบวา่ โอง่ ช�ำรดุ มรี อยรา้ วท�ำให้นำ้� รวั่ ซึม ผวู้ า่ จา้ งมสี ทิ ธิ
เรียกใหผ้ ูร้ บั จา้ งรับผดิ ได้ ถา้ เหตชุ �ำรุดบกพร่องเกดิ ขน้ึ ภายใน 1 ปี นับแตว่ ันส่งมอบ เป็นตน้
2) ถ้าการท่ีจ้างให้ท�ำเป็นสิ่งปลูกสร้างติดพ้ืนดิน นอกจากโรงเรือนท่ีท�ำด้วยเคร่ืองไม้ ผู้รับจ้างต้อง
รบั ผิดในความช�ำรุดบกพรอ่ งที่ปรากฏขึ้นภายใน 5 ปี นบั แต่วันสง่ มอบ เช่น วา่ จ้างสร้างตึก 4 ช้นั หลังจากส่งมอบ
ตึกแลว้ 2 ปี พบวา่ ตึกมีรอยรา้ วทพี่ ืน้ ช้ันล่าง ผูร้ บั จา้ งตอ้ งรับผดิ ตอ่ ผ้วู ่าจา้ ง เวน้ แต่ในสญั ญาจะตกลงเปน็ อย่างอ่ืน
เป็นตน้
3) การรับจ้างสร้างโรงเรือนหรือบ้านท่ีท�ำด้วยไม้ ผู้รับจ้างต้องรับผิดต่อผู้ว่าจ้างเฉพาะความช�ำรุด
บกพรอ่ งทปี่ รากฏขึน้ ภายใน 1 ปี นบั แตว่ นั ส่งมอบ
4) ในกรณีท่ีผู้ว่าจ้างฟ้องผู้รับจ้างให้รับผิดในความช�ำรุดบกพร่อง ต้องฟ้องร้องกันภายใน 1 ปี
นบั แต่ความช�ำรดุ บกพรอ่ งปรากฏขนึ้ แต่ถา้ ผรู้ ับจา้ งไดป้ ิดบงั ความช�ำรุดบกพร่อง ต้องใชอ้ ายุความทัว่ ไปคอื 10 ปี
อยา่ งไรก็ดีถ้าคกู่ รณไี ด้ก�ำหนดไวใ้ นสญั ญาเป็นอยา่ งอ่ืน ใหบ้ ังคับใช้ตามสัญญานั้น
3.3.2 รับผิดในการส่งมอบงานล่าช้า ผู้รับจ้างต้องรับผิดถ้าส่งมอบการท่ีท�ำไม่ทันเวลาท่ีก�ำหนดไว้ใน
สญั ญาก็ดี หรือเม่ือเลยเวลาอันสมควรกด็ ี ผวู้ า่ จ้างชอบที่จะลดสนิ จ้างลง หรอื ถ้าสาระส�ำคญั ของสัญญาอยู่ที่เวลา
ผ้วู า่ จ้างจะบอกเลกิ สัญญากไ็ ด้ (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 596)
ตัวอยา่ ง นายตน้ รับจ้างซอ่ มรถยนต์ ตกลงกันกบั นายปลายว่าจะซอ่ มใหเ้ สร็จภายใน 7 วนั นบั แต่วนั รบั
มอบรถยนต์ ต่อมานายต้นผูร้ บั จา้ งผิดสัญญา นายปลายผู้ว่าจ้างมีสิทธลิ ดสนิ จ้างลงได้
ข้อยกเว้น ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดในการส่งมอบงานล่าช้า กล่าวคือ กรณีที่ผู้ว่าจ้างยอมรับมอบงานน้ัน
โดยมิได้อิดเอ้ือน (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 597) เพราะเป็นการแสดงว่าผู้ว่าจ้างพอใจผลงาน
ทวี่ า่ จ้าง ไม่ติดใจเอาความในการล่าช้าแตป่ ระการใด เช่น นายเอจ้างนายบสี รา้ งบา้ น 1 หลงั ก�ำหนดใหแ้ ล้วเสรจ็
ภายในวนั ท่ี 2 มีนาคม 2562 นายบีสร้างบา้ นเสรจ็ ในวนั ที่ 31 มีนาคม 2562 แตน่ ายเอก็รบั มอบบา้ นไว้โดยมไิ ด้
ทกั ทว้ งแต่ประการใด เช่นนีน้ ายบไี มต่ อ้ งรบั ผดิ ในการส่งมอบบา้ นล่าช้า เป็นต้น
ข้อสังเกต ผู้ว่าจ้างมีสิทธิยึดหน่วงสินจ้างได้ท้ังกรณีผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้า และกรณีผู้รับจ้าง
สง่ มอบงานท่ชี �ำรดุ บกพร่อง แต่มสี ทิ ธิลดสินจ้างได้เฉพาะกรณีผรู้ บั จ้างส่งมอบงานล่าชา้ เพียงกรณีเดียวเทา่ นัน้

4. สทิ ธิ หนา้ ท่ี และความรับผดิ ของผู้ว่าจา้ ง

4.1 สิทธิของผู้ว่าจ้าง

สิทธขิ องผู้วา่ จ้าง ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยม์ ี 4 ประการ มีดงั นี้
4.1.1 เรียกให้ผรู้ บั จา้ งส่งมอบการทที่ �ำในสภาพทเี่ สรจ็ สมบูรณ์ โดยถูกต้องตามแบบหรอื ทีไ่ ดต้ กลงกนั
ไว้ในสัญญา และต้องส่งมอบให้ทันตามก�ำหนดเวลา หากงานที่ว่าจ้างช�ำรุดบกพร่องและมิได้เกิดจากสภาพ
แหง่ สมั ภาระทตี่ นเองสง่ ให้ หรอื เพราะค�ำสงั่ ของผวู้ า่ จา้ งเอง ผรู้ บั จา้ งตอ้ งรบั ผดิ (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
มาตรา 591) เว้นแต่ผู้ว่าจ้างยอมรับการที่ท�ำนั้นแล้วทั้งท่ีช�ำรุดบกพร่องโดยมิได้อิดเอ้ือน โดยแสดงออกชัดหรือ

106 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

โดยปริยาย ผู้รับจ้างก็ไม่ต้องรับผิด แต่ถ้าช�ำรุดบกพร่องนั้นเป็นเช่นนั้นจะไม่พึงพบได้ในขณะเม่ือรับมอบ หรือ
ผู้รับจ้างไดป้ ิดบงั ความนน้ั เสีย ผู้รับจ้างกค็ งตอ้ งรบั ผิดอยู่ดี (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 598)
ตวั อยา่ ง นายเอตกลงจา้ งนายบปี ลกู บา้ นหลงั หนงึ่ เมอื่ สรา้ งเสรจ็ ตามสญั ญาแลว้ กร็ บั มอบในเดอื นเมษายน
ซงึ่ เปน็ ฤดรู อ้ น ต่อมาเม่ือยา่ งเข้าฤดูฝน ฝนตกหนักหลงั คาบ้านรว่ั ขณะรบั มอบเป็นฤดูร้อนฝนไม่ตกจงึ ไมท่ ราบว่า
หลังคาบ้านรั่ว ดังน้ีนายบีต้องรับผิดในความช�ำรุดบกพร่องต่อนายเอ เพราะเป็นความช�ำรุดบกพร่องที่นายเอ
ไม่ทราบในขณะรับมอบ
4.1.2 ยดึ หนว่ งสนิ จ้าง ถ้าผู้รับจา้ งส่งมอบการทีท่ �ำล่าช้าหรือช�ำรดุ บกพร่อง ผู้วา่ จ้างชอบท่ีจะยึดหน่วง
สนิ จ้างไว้ กลา่ วคอื ผวู้ า่ จา้ งไมย่ อมจา่ ยสินจา้ งเวน้ แต่ผู้รบั จา้ งจะหาหลกั ประกนั ให้ตามสมควร (ประมวลกฎหมาย
แพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 599)
การให้หลกั ประกนั หมายความวา่ ไดใ้ ห้หลกั ประกนั ความเสียหายในการส่งมอบงานลา่ ช้า เช่น ได้ตกลง
วา่ จะใหบ้ คุ คลภายนอกจดั ท�ำการงานใหเ้ สรจ็ โดยเรว็ และวางหลกั ทรพั ยป์ ระกนั ความเสยี หายใด ๆ อนั เกดิ จากการ
สง่ มอบงานล่าช้าด้วย กรณีเชน่ น้ีผวู้ า่ จา้ งกส็ นิ้ สทิ ธยิ ึดหน่วงสนิ จา้ ง เปน็ ตน้
4.1.3 ลดสินจ้างลง กรณีงานเสร็จล่าช้าไปบ้างเล็กน้อย ซึ่งไม่เป็นการผิดความมุ่งหมายเสียทีเดียว
ผวู้ า่ จา้ งชอบทจี่ ะไดล้ ดสนิ จา้ งลง มใิ ชร่ บั สนิ จา้ งคนื ทงั้ หมด หรอื บอกเลกิ สญั ญา (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
มาตรา 596)
ตวั อยา่ ง นายพอลจา้ งนายสมชายปลกู บา้ นเพอื่ เปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน 3 เดอื น ถา้ นายสมชาย
ปลูกบา้ นไมเ่ สรจ็ ภายในก�ำหนด 3 เดือน โดยสร้างเสร็จลา่ ช้าหลังก�ำหนดในสัญญามาอกี 1 เดอื น นายพอลมีสทิ ธิ
ลดสินจา้ งลง แต่จะบอกเลิกสญั ญาจ้างท�ำของไมไ่ ด้
4.1.4 บอกเลกิ สญั ญาจา้ ง หากปรากฏวา่ สาระส�ำคญั แหง่ สญั ญาอยทู่ เ่ี วลา และผรู้ บั จา้ งสง่ มอบงานลา่ ชา้
ผวู้ ่าจ้างมสี ิทธิบอกเลิกสัญญาได้ (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 596)
ตัวอย่าง นายศรรามจ้างนายสมชายปลูกส่ิงก่อสร้างเพื่อออกร้านแสดงสินค้างานเทศกาลกินปลาและ
งานกาชาดจงั หวดั สงิ หบ์ รุ ี ซงึ่ มคี วามจ�ำเปน็ จะตอ้ งปลกู ใหเ้ สรจ็ ทนั เวลากอ่ นเปดิ งาน ถา้ นายสมชายปลกู สง่ิ กอ่ สรา้ ง
ดังกล่าวไม่ทันวันเปิดงานเทศกาลกินปลาและงานกาชาดจังหวัดสิงห์บุรี นายศรรามย่อมได้รับความเสียหายมาก
ถอื ว่าเป็นสาระส�ำคัญของสญั ญานายศรรามยอ่ มบอกเลกิ สญั ญาจา้ งท�ำของได้

4.2 หนา้ ทข่ี องผวู้ า่ จา้ ง

ผูว้ ่าจา้ งมีหน้าท่ใี นการ “จ่ายสนิ จ้าง” ใหแ้ กผ่ ู้รับจ้าง การจ่ายสินจา้ งนน้ั แยกพิจารณาไดด้ งั นี้
4.2.1 จา่ ยสนิ จา้ งใหเ้ มอ่ื รบั มอบงานทท่ี ำ� ตามหลกั เมอื่ ผวู้ า่ จา้ งรบั มอบงานทที่ �ำเมอ่ื ใดกม็ หี นา้ ทต่ี อ้ งจา่ ย
สินจ้างกันเม่ือนั้น แต่ถ้าเป็นสัญญาจ้างท�ำของบางราย ซ่ึงตามสภาพไม่มีอะไรจะต้องส่งมอบ ได้แก่ จ้างว่าความ
จ้างรักษาพยาบาลคนไข้ ผู้ว่าจ้างก็ต้องช�ำระค่าจ้างเมื่อการงานนั้นส�ำเร็จลง เช่น เม่ือคดีถึงท่ีสุด หรือคนไข้หาย
หรือตาย เป็นต้น
4.2.2 จ่ายสินจ้างเป็นส่วน ๆ ถ้าการท่ีท�ำนั้นมีก�ำหนดว่าจะส่งรับกันเป็นส่วน ๆ และได้ระบุจ�ำนวน
สินจ้างไว้เป็นส่วน ๆ พึงใช้สินจ้างเพื่อการแต่ละส่วนในเวลารับเอาส่วนนั้น (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 596)

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 107

ตัวอยา่ ง นายเสาร์จา้ งนายอาทติ ย์สร้างบ้าน 1 หลงั โดยตกลงจะจ่ายสินจ้างเป็นสว่ น ๆ ตามงานทเี่ สร็จ
เช่น เมื่อตอกเสาเข็มเสร็จจะให้ส่วนหน่ึง เมื่อโครงสร้างของบ้านเสร็จจะให้อีกส่วนหน่ึง เมื่อทาสีเสร็จจะให้อีก
สว่ นหนงึ่ สดุ ทา้ ยจะใหส้ นิ จ้างเม่ืองานในส่วนรายละเอียดของบา้ นเสร็จท้ังหมด เปน็ ตน้

4.3 ความรับผิดของผ้วู ่าจ้าง

ตามหลกั กฎหมายผวู้ า่ จา้ งไมต่ อ้ งรบั ผดิ ในการกระท�ำละเมดิ ทผ่ี รู้ บั จา้ งท�ำของซงึ่ ไดไ้ ปกระท�ำขนึ้ แกบ่ คุ คล
ภายนอก ท้ังนี้เพราะผู้รับจ้างมิได้อยู่ภายใต้การควบคุมบังคับบัญชาของผู้ว่าจ้างเช่นเดียวกับสัญญาจ้างแรงงาน
อย่างไรก็ตามหลักข้างต้นมีข้อยกเว้นอยู่ 3 ประการ ท่ีจะท�ำให้ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดในมูลละเมิดที่ผู้รับจ้างท�ำไป
ดงั ตอ่ ไปน้ี
4.3.1 ผ้วู า่ จา้ งมสี ว่ นผดิ ในการท่ีให้ผู้รับจ้างท�ำผดิ ในสว่ นการงานท่สี ่งั ให้ทำ� เชน่ นายปฐพีจ้างนายนที
ใหป้ ลูกบ้านรกุ เข้าไปในท่ดี นิ ของนายวายุ กรณีเชน่ นนี้ ายปฐพีต้องรบั ผิดตอ่ นายวายุ เปน็ ต้น
4.3.2 ผู้ว่าจ้างมีส่วนผิดในค�ำส่ังที่ตนให้ไว้ เช่น นางสาวสมหญิงอยู่จังหวัดสิงห์บุรี นัดนายสมชาย ณ
หา้ งสรรพสินค้าสยามพารากอน จงั หวัดกรงุ เทพมหานคร นางสาวสมหญิงจ้างนายสมบัติซ่ึงเป็นคนขบั รถตู้รบั จ้าง
เหมาให้ไปส่งยังสถานที่นัดหมายดังกล่าว แต่เน่ืองจากจราจรติดขัดมาก นางสาวสมหญิงต้องการที่จะไปพบ
นายสมชายให้ตรงตามเวลานัดจึงส่ังให้นายสมบัติขับรถเร็ว ๆ ถ้าการขับรถเร็วมากนั้นท�ำให้ไปชนบุคคลภายนอก
นางสาวสมหญงิ ต้องรับผดิ ต่อบุคคลภายนอก เปน็ ต้น
4.3.3 ผวู้ า่ จา้ งมสี ว่ นผดิ ในการเลอื กผรู้ บั จา้ ง เชน่ นายอคั นรี ดู้ วี า่ นายวายไุ มม่ คี วามสามารถในการสรา้ ง
บ้านเลย แต่เน่ืองจากนายวายุรับจ้างสร้างบ้านได้ในราคาถูกมาก นายอัคนีจึงจ้างนายวายุสร้างบ้าน ถ้าบ้าน
ท่กี �ำลงั สรา้ งอยู่นัน้ พงั ทลายลงมาท�ำให้นางแจว๋ บาดเจบ็ นายอัคนตี ้องรับผดิ ตอ่ นางแจ๋ว เป็นต้น

5. ความระงับแห่งสญั ญาจ้างทำ�ของ

สัญญาจ้างท�ำของยอ่ มระงับไปดว้ ยเหตดุ งั ตอ่ ไปน้ี
5.1 เม่ือผู้รับจ้างท�ำงานเสร็จ เมื่อผู้รับจ้างท�ำการงานส�ำเร็จแล้วส่งมอบงานให้แก่ผู้ว่าจ้างเรียบร้อย
และผูว้ ่าจา้ งไดจ้ ่ายสนิ จ้างแกผ่ รู้ บั จ้างแลว้ สัญญาจ้างท�ำของยอ่ มระงับไป
5.2 เม่ือคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงเลิกสัญญา ซึ่งก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์ท่ัวไปท่ีสัญญาเกิดจาก
ความตกลง และสามารถทจ่ี ะระงับลงด้วยความตกลงกันในระหว่างคู่สัญญาด้วยเช่นกนั
5.3 เมื่อคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา สัญญาจ้างท�ำของเป็นสัญญาต่างตอบแทน
ท่ีคู่สัญญาแต่ละฝ่ายต่างมีหนี้ตอบแทนกัน ดังนั้นโดยปกติคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงจะเลิกสัญญาได้ก็ต่อเมื่อมี
ข้อตกลงของสัญญาอนุญาตไว้ หรือถ้าไม่มีข้อตกลงของสัญญาดังกล่าวก็จะต้องมีบทบัญญัติของกฎหมายก�ำหนด
อนญุ าตไวด้ งั น้ี
5.3.1 การเลิกสัญญาโดยข้อตกลงของสัญญา ต้องพิจารณาว่าคู่สัญญาก�ำหนดถึงสิทธิ หน้าท่ี
ตลอดจนความรบั ผดิ ของคสู่ ญั ญาไวอ้ ยา่ งไร และก�ำหนดผลของการฝา่ ฝนื ในเรอ่ื งดงั กลา่ วถงึ ขนาดใหส้ ทิ ธแิ กค่ สู่ ญั ญา
อีกฝ่ายหน่ึงบอกเลิกสัญญาได้ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป ทั้งนี้ต้องค�ำนึงถึงข้อตกลงนั้นต้องไม่ขัดต่อ

108 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

หลักกฎหมาย หรือฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เช่น สัญญาจ้างท�ำของระบุว่า
หากผู้ว่าจ้างผิดนัดไม่ช�ำระสินจ้างตามงวดท่ีตกลงไว้ ให้ผู้รับจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที หรือถ้าผู้รับจ้าง
เอางานทั้งหมดหรือบางสว่ นไปให้บุคคลอืน่ รบั ชว่ งท�ำงานต่ออกี ทอดหนึ่ง ใหผ้ ูว้ ่าจ้างมีสิทธเิ ลิกสัญญาได้ เป็นต้น
5.3.2 การเลกิ สญั ญาตามที่กฎหมายกำ� หนด
1) ผวู้ ่าจ้างใช้สทิ ธิเลกิ สญั ญาในกรณมี ีเหตตุ า่ ง ๆ ตามที่กฎหมายก�ำหนด เชน่ ผู้รับจ้างไมเ่ ร่ิม
ท�ำงานในเวลาอันสมควร หรือท�ำงานไม่เสร็จตามเวลาที่ก�ำหนด เป็นต้น (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 593 และมาตรา 596)
2) ผู้ว่าจ้างใช้สิทธิเลิกสัญญา โดยท่ีผู้รับจ้างไม่ได้ท�ำผิดสัญญา หรือกล่าวได้ว่าผู้ว่าจ้างเลิก
สญั ญา “ตามอ�ำเภอใจ” กรณนี ผี้ วู้ า่ จา้ งจะตอ้ งชดใชค้ า่ เสยี หายหรอื คา่ สนิ ไหมทดแทนอนั เกดิ จากการเลกิ สญั ญานนั้
(ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605) ฝ่ายผู้รับจ้างจะปฏิเสธไม่ยอมเลิกสัญญาไม่ได้ เพราะความ
เสยี หายทเี่ กดิ กบั ผรู้ บั จา้ งไดร้ บั การชดเชยแลว้ กฎหมายใหส้ ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาจา้ งท�ำของแกฝ่ า่ ยผวู้ า่ จา้ งฝา่ ยเดยี ว
ซึ่งเป็นข้อยกเว้นจากหลักการเลิกสัญญาทั่วไป กล่าวคือ ในการแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
จะแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาฝ่ายเดียวไม่ได้ เหตุที่กฎหมายบัญญัติให้สิทธิผู้ว่าจ้างแสดงเจตนาฝ่ายเดียวบอก
เลกิ สัญญาไดเ้ ช่นนี้ อาจเปน็ เพราะกฎหมายไม่ประสงคจ์ ะให้ทง้ั ผูว้ ่าจ้างและผ้รู บั จ้างเสียหายกันมากมาย ผ้วู ่าจา้ ง
บอกเลกิ สญั ญากลางคนั ระหวา่ งงานยงั ไมเ่ สรจ็ โดยเสยี คา่ สนิ ไหมทดแทนใหแ้ กผ่ รู้ บั จา้ งเฉพาะสว่ นทที่ �ำงานไปแลว้
ย่อมจะเสียหายน้อยกว่าปล่อยให้ผู้รับจ้างท�ำงานจนส�ำเร็จ ซ่ึงผู้ว่าจ้างจะต้องจ่ายสินจ้างเต็มจ�ำนวน และอาจ
ต้องช�ำระค่าสินไหมทดแทนในกรณไี ม่ช�ำระค่าสนิ จา้ งใหแ้ กผ่ รู้ บั จ้างด้วย
ตัวอย่าง นายมีนาจ้างนายเมษาปลูกบ้านหน่ึงหลัง นายเมษาได้ด�ำเนินการปลูกบ้านไปแล้วบางส่วน
ตอ่ มานายมนี าบอกเลกิ สญั ญากไ็ ด้ แตต่ อ้ งชดใชค้ า่ เสยี หายใหก้ บั นายเมษาในสว่ นทนี่ ายเมษาไดส้ รา้ งบา้ นไปบา้ งแลว้
5.4 เม่ือผู้รบั จา้ งตายหรือตกเป็นผไู้ ม่สามารถทำ� การที่รับจา้ งได้ ในกรณีทว่ั  ๆ ไป การที่ผู้รับจ้างตาย
หาท�ำให้สัญญาจ้างท�ำของระงับไปไม่ แต่ถ้าสาระส�ำคัญแห่งสัญญาจ้างท�ำของอยู่ที่ความรู้ความสามารถของ
ตัวผู้รับจ้าง เม่ือผู้รับจ้างตายสัญญาจ้างท�ำของย่อมระงับ เช่น จ้างจิตรกรเขียนภาพเหมือน เมื่อมีอุบัติเหตุท�ำให้
จิตรกรผูน้ ้นั ไมส่ ามารถวาดภาพไดอ้ ีก กรณนี ี้สัญญาจา้ งท�ำของย่อมระงบั แต่ถา้ ปรากฏว่าภาพทเ่ี ขียนใกล้จะเสรจ็
เหลือเพียงตบแต่งอีกเล็กน้อย และภาพท่ีเขียนไว้แล้วน้ันเป็นประโยชน์แก่ผู้ว่าจ้างด้วย ผู้ว่าจ้างต้องรับภาพนี้ไว้
และจา่ ยสนิ จ้างใหต้ ามสมควร (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 606) เปน็ ตน้

6. ความแตกต่างระหว่างจา้ งแรงงานและจ้างท�ำ ของ

จ้างท�ำของเป็นสัญญาประเภทต่างตอบแทน มีลักษณะคล้ายกับจ้างแรงงาน ในส่วนท่ีเป็นข้อเหมือน
ของสัญญาจ้างแรงงานและจ้างท�ำของ คือ ในเรื่องแบบของสัญญาท้ังจ้างแรงงานและจ้างท�ำของต่างเป็นสัญญา
ทไ่ี ม่มแี บบ เพยี งตกลงด้วยวาจาก็ใชไ้ ด้บังคับไดต้ ามกฎหมายแล้ว ในเรอื่ งของสนิ จา้ งนนั้ ท้ังจ้างแรงงานและจ้างท�ำ
ของ ผู้ว่าจ้างจะจ่ายสินจ้างเป็นเงินตราหรือทรัพย์สินหรือสิ่งของอย่างอื่นก็ได้ และในเรื่องลักษณะงานท่ีท�ำน้ัน
ท้ังจ้างแรงงานและจ้างท�ำของ งานท่ีท�ำน้ันจะใช้แรงงานหรือสมองก็ได้ ในส่วนท่ีเป็นความแตกต่างระหว่าง
จ้างแรงงานและจ้างท�ำของ แยกพิจารณาเป็นข้อ ๆ ตามตารางเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างจ้างแรงงานและ
จ้างท�ำของ ดังต่อไปนี้

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 109

ตารางแสดงการเปรยี บเทียบข้อแตกตา่ งระหว่างจา้ งแรงงานและจ้างท�ำของ

ขอ้ แตกต่าง จ้างแรงงาน จา้ งทำ�ของ
1. วัตถปุ ระสงคข์ องสญั ญา l ไม่ไดม้ ุง่ ถงึ ผลส�ำ เร็จของงาน l มุง่ ถึงผลสำ�เรจ็ ของงานทีท่ �ำ
2. ช่ือค่สู ญั ญา แตม่ ุง่ ที่การทำ�งานของลกู จ้าง l “ผ้วู ่าจ้าง” กับ “ผู้รับจา้ ง”
3. ความสมั พันธร์ ะหว่าง l “นายจา้ ง” กบั “ลกู จ้าง” l ผู้วา่ จา้ งไมม่ ีอำ�นาจบงั คบั บัญชา
คู่สัญญา l นายจ้างมีอ�ำ นาจบังคับบญั ชา l ผู้รับจา้ งจะใหบ้ ุคคลอนื่ ทำ�ของแทน
4. วธิ กี ารท�ำ งาน ลูกจา้ ง ได้ เว้นแต่สาระสำ�คัญของการจา้ ง
l ลูกจา้ งตอ้ งท�ำ งานด้วยตนเอง อยู่ที่ความรู้ความสามารถของ
5. วธิ ีคำ�นวณสนิ จา้ ง จะให้บุคคลอื่นทำ�แทนได้ ผรู้ บั จา้ ง ผู้รับจ้างตอ้ งท�ำ เอง
6. เครอ่ื งมือเครอื่ งใช้ เมอื่ นายจา้ งอนุญาต l คำ�นวณจากผลของงานท่ีท�ำ
ในการทำ�งาน l คำ�นวณตามก�ำ หนดเวลา ส�ำ เรจ็ แลว้
7. สัมภาระที่ใช้ l นายจ้างจัดหาให้ l โดยปกตผิ ู้รบั จ้างจัดหา
8. ความรับผดิ ในเร่ือง l เป็นหนา้ ทข่ี องนายจ้าง l แล้วแตจ่ ะตกลงกนั ระหวา่ งผู้วา่ จา้ ง
ละเมิด l นายจา้ งตอ้ งรว่ มรบั ผดิ กับลูกจา้ ง กบั ผู้รับจ้าง
ในการทล่ี ูกจ้างท�ำ ละเมิดต่อ l ผู้วา่ จา้ งไมต่ อ้ งรว่ มรับผิด เว้นแต่
บคุ คลอน่ื ในทางการที่จ้าง ผู้ว่าจา้ งเปน็ ผผู้ ิด กรณี
- ผดิ ในส่วนการงานท่ีส่งั ให้ทำ�
- ผิดในคำ�สง่ั ท่ีตนใหไ้ ว้
- ผดิ ในการเลือกหาผู้รับจา้ ง

110 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

กจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจที่ 5.1

ตอนที่ 1 จงเขยี นเครอื่ งหมาย ✓ หน้าขอ้ ความทถี่ กู และเขยี นเครอื่ งหมาย ✗ หน้าข้อความท่ีผดิ
............... 1. สัญญาจ้างท�ำ ของมีวตั ถปุ ระสงค์ตรงที่ผลสำ�เร็จแห่งการงานทวี่ า่ จา้ ง
............... 2. การรับจา้ งเลีย้ งเดก็ และการจา้ งทนายความฟ้องหย่า ถอื เปน็ การรบั จา้ งท�ำ ของตามกฎหมาย
............... 3. การรบั จา้ งสรา้ งโรงเรอื นหรอื บา้ นทท่ี �ำ ดว้ ยไม้ ผรู้ บั จา้ งตอ้ งรบั ผดิ ตอ่ ผวู้ า่ จา้ งเฉพาะความช�ำ รดุ บกพรอ่ ง

ที่ปรากฏขน้ึ ภายใน 1 ปี นบั แต่วนั สง่ มอบ
............... 4. วัตถุประสงค์ของสญั ญาจ้างแรงงานและจา้ งท�ำ ของเหมือนกันคือมงุ่ ทผี่ ลส�ำ เรจ็ ของงาน
............... 5. ผรู้ บั จ้างไมม่ ีสทิ ธินำ�งานที่รบั จา้ งไปจ้างบคุ คลอื่นท�ำ เว้นแตเ่ ปน็ งานทมี่ ไิ ดถ้ อื คณุ สมบัติของผ้รู ับจ้าง

เปน็ สำ�คัญ
............... 6. แบบของสัญญาจ้างท�ำ ของคือ ตอ้ งทำ�เปน็ หนงั สือลงลายมือช่ือท้ังสองฝ่าย
............... 7. ผู้ว่าจ้างมีสิทธิตรวจตราการงานที่ผู้ว่าจ้างได้จ้างตามสัญญา แต่ไม่มีสิทธิไปควบคุมบังคับบัญชา

การท�ำ งานของผรู้ บั จา้ ง
............... 8. ผูร้ บั จา้ งสง่ มอบงานล่าชา้ ผวู้ ่าจา้ งมีสทิ ธิบอกเลกิ สญั ญาได้
............... 9. สัญญาจ้างทำ�ของยอ่ มระงบั ไปด้วยเหตเุ มือ่ ผ้รู ับจ้างทำ�งานเสร็จ
............... 10. จ้างทำ�ของเปน็ สัญญาประเภทไม่ตา่ งตอบแทน
ตอนที่ 2 จงตอบค�ำถามตอ่ ไปนี้
นายซีตกลงจ้างนายดีปลูกบ้านหลังหน่ึง เมื่อสร้างเสร็จตามสัญญาแล้วก็รับมอบในเดือนเมษายนซ่ึงเป็น
ฤดูร้อน ต่อมาเม่ือย่างเข้าฤดูฝน ฝนตกหนักหลังบ้านรั่ว ขณะรับมอบเป็นฤดูร้อนฝนไม่ตก จึงไม่ทราบว่าหลังคา
บ้านรว่ั ดังนใ้ี ครเปน็ ผูร้ บั ผดิ ในความช�ำรดุ บกพร่องตอ่ นายบี และเพราะเหตุใด

กจิ กรรมตามสมรรถนะวิชาชีพท่ี 5.1
เร่อื ง การจัดทำ�เอกสารสญั ญาจ้างทำ�ของ

จุดประสงค์การเรยี นรู้
จดั ท�ำเอกสารสญั ญาจ้างท�ำของได้ตามหลกั การกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ได้
กิจกรรม
1. ใหผ้ เู้ รยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน ศกึ ษาคน้ ควา้ เกยี่ วกบั เรอื่ งสญั ญาจา้ งท�ำของเพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอรเ์ นต็
2. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนร่างสัญญาจ้างท�ำของ โดยให้ผู้เรียนจ�ำนวน 2 คนเป็นคู่สัญญา และผู้เรียน
อีกจ�ำนวน 2 คนเป็นพยาน
3. น�ำร่างสัญญาจา้ งท�ำของท่ีด�ำเนินการเสรจ็ แล้วร่วมกนั อภิปรายหนา้ ช้ันเรียน กลมุ่ ละ 3-5 นาที
4. ผูส้ อนและผเู้ รียนร่วมกันสรุปภาพรวม

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 111

7. ความหมายและลักษณะของสญั ญารับขนของ

ในเร่ืองรับขนของ (Carriage) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้ให้ความหมายไว้เป็นการ
เฉพาะว่าสัญญารับขนของคืออะไร แต่ได้มีการก�ำหนดความหมายของผู้ขนส่งไว้แทน ดังน้ันจึงอาจอธิบาย
ความหมายของสัญญารับขนของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ว่า คือ สัญญาซ่ึงคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง
เรียกว่า ผู้ขนส่ง ตกลงว่าจะท�ำการขนส่งของหรือคนโดยสารท่ีหน่ึงไปยังอีกที่หนึ่ง โดยเรียกสินจ้างจากคู่สัญญา
อกี ฝา่ ย ทัง้ นี้ต้องเป็นทางการคา้ ปกติของผูข้ นสง่ ดว้ ย แยกพิจารณาไดด้ งั ตอ่ ไปนี้

7.1 ความหมายของสัญญารับขนของ

สัญญารับขนของเปน็ ลกั ษณะหนงึ่ ของเอกเทศสญั ญา ซงึ่ บญั ญัตไิ วใ้ นบรรพ 3 ลกั ษณะ 8 แหง่ ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ดังน้ี
มาตรา 608 “อันว่าผู้ขนส่งภายในความหมายแห่งกฎหมายลักษณะนี้คือ บุคคลผู้รับขนส่งของหรือ
คนโดยสารเพอื่ บ�ำเหน็จเปน็ ทางค้าปกติของตน”

7.2 ลักษณะของสัญญารบั ขนของ

จากบทบญั ญัตติ ามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 608 ดงั กลา่ ว สญั ญารับขนของมีลกั ษณะ
และสาระส�ำคัญ ดังต่อไปนี้
7.2.1 เป็นสัญญาท่ีมคี ู่สัญญา 2 ฝ่าย ฝ่ายหนงึ่ เรียกวา่ “ผู้ขนสง่ ” และอีกฝ่ายหนงึ่ เรยี กวา่ “ผูส้ ง่ ” หรอื
“ผตู้ ราสง่ ” ผขู้ นสง่ เปน็ บคุ คลทร่ี บั ขนสง่ ของหรอื คนโดยสาร โดยบคุ คลนจี้ ะเปน็ บคุ คลธรรมดาหรอื จะเปน็ นติ บิ คุ คล
ก็ได้ บุคคลท่ีเป็นผู้ขนส่งตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะต้องประกอบอาชีพในการ
รับขนส่งของหรอื คนโดยสารเปน็ ปกติธุระของตน กล่าวคอื ประกอบอาชีพในการรบั ขนอยู่เปน็ ประจ�ำ มิใชร่ ับขน
เป็นครง้ั คราว หากรับขนเปน็ คร้งั คราวแม้จะมกี ารเรียกคา่ บ�ำเหนจ็ บุคคลนน้ั ก็ไม่ถอื เปน็ ผขู้ นส่ง
7.2.2 เป็นสัญญาท่ีมีวัตถุประสงค์ สัญญารับขนของเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ส�ำคัญของสัญญาคือ
การขนส่งสิ่งของหรือคนโดยสารจากสถานที่หน่ึงไปยังสถานท่ีอีกแห่งหน่ึง สัญญารับขนมีลักษณะเป็นสัญญาจ้าง
ท�ำของประเภทหนง่ึ คอื มงุ่ ทผ่ี ลส�ำเรจ็ ของงานทท่ี �ำคอื การสง่ ของหรอื คนโดยสารไปยงั ทใ่ี ดทห่ี นงึ่ ตามทไ่ี ดต้ กลงกนั ไว้
7.2.3 เป็นสัญญาท่ีมีคา่ บ�ำเหน็จตอบแทนเป็นทางการคา้ ปกติ สัญญารบั ขนของนนั้ ผรู้ บั ขนส่งจะต้อง
เป็นผู้ท่ีท�ำการขนส่งเป็นทางการค้าปกติ และการขนส่งน้ันต้องมีค่าระวางพาหนะหรือค่าโดยสารเป็นบ�ำเหน็จ
ตอบแทน
7.2.4 เปน็ สญั ญาตา่ งตอบแทน คู่สญั ญารบั ขนส่งต่างมีหน้ีต้องช�ำระใหแ้ กก่ นั และกนั กลา่ วคอื หน้ขี อง
ฝ่ายผขู้ นส่งคอื การขนส่ง สว่ นหน้ขี องฝา่ ยผู้ส่งหรอื ผู้โดยสารคอื ช�ำระค่าระวางพาหนะหรอื คา่ โดยสาร ดงั รปู ท่ี 5.2

112 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

ขนสง่ ของ
ขนส่งคนโดยสาร

นาย ก ผขู้ นส่ง รับขนของ นาย ข ผูส้ ่ง/ผตู้ ราส่ง
(Carriage)

คา่ ระวางพาหนะ
คา่ โดยสาร

รปู ท่ี 5.2

7.2.5 ประเภทของสญั ญารบั ขนของ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื
1) สัญญารับขนของ คือ การขนส่งของจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หน่ึงโดยมุ่งท่ีผลส�ำเร็จ
ของงาน คือ ขนส่งของไปยังที่หมายปลายทางตามท่ีคู่สัญญาตกลงกันไว้ โดยผู้ขนส่งต้องเป็นผู้ที่ท�ำการขนส่ง
เป็นการคา้ ปกติ และมีคา่ ระวางพาหนะเป็นค่าตอบแทน
2) สัญญารับขนคนโดยสาร คือ การรับขนส่งคนโดยสารจากท่ีหนึ่งไปยังอีกท่ีหน่ึงโดยมุ่งที่
ผลส�ำเรจ็ ของงาน โดยผขู้ นสง่ คนโดยสารตอ้ งเปน็ ผทู้ ท่ี �ำการขนสง่ เปน็ การคา้ ปกติ และมคี า่ โดยสารเปน็ คา่ ตอบแทน
7.2.6 เป็นสัญญาไม่มีแบบ กล่าวคือ สัญญารับขนของจะตกลงกันด้วยวาจาหรือเป็นลายลักษณ์อักษร
กส็ ามารถฟ้องร้องบงั คับคดีกนั ได้

8. สทิ ธิและหน้าที่ของคู่สญั ญารับขนของ

การรับขนของเป็นประเภทหนึ่งของการขนส่ง ได้แก่ การรับขนส่งสิ่งของ รวมทั้งสินค้าต่าง ๆ คู่สัญญา
รับขนของมีสิทธแิ ละหน้าท่ี ดงั ต่อไปน้ี

8.1 สทิ ธิของผขู้ นสง่

8.1.1 สทิ ธทิ จี่ ะไดร้ บั คา่ ระวางพาหนะและอปุ กรณ์ (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 610-611)
8.1.2 สิทธิที่จะยึดหน่วงเอาของไว้เป็นประกันการใช้เงินค่าระวางพาหนะและอุปกรณ์ (ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 630)
8.1.3 สทิ ธิท่จี ะน�ำของไปฝาก ณ ส�ำนักงานฝากทรพั ย์ หรือขายทอดตลาดของท่สี ่งมอบไม่ได้ (ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 631)

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 113

8.2 หนา้ ทข่ี องผูข้ นส่ง

8.2.1 ตอ้ งสง่ ของไปยังอกี ที่หน่งึ ตามข้อตกลงในสญั ญาขนส่ง
8.2.2 ตอ้ งท�ำใบตราส่งให้แก่ผู้สง่ หรอื ผตู้ ราส่ง (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 613)
8.2.3 ตอ้ งรบั ผดิ ในการทข่ี องสญู หาย บบุ สลาย หรอื สง่ มอบสนิ คา้ ชา้ (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
มาตรา 616) มีข้อยกเว้นที่ไม่ตอ้ งรับผดิ ดังนี้
1) ความเสียหายเกดิ จากเหตสุ ดุ วิสยั
2) ความเสยี หายเกดิ จากสภาพแหง่ ของที่ขนส่งนน้ั เอง
3) ความเสียหายเกิดจากความผดิ ของผู้ส่งหรอื ผตู้ ราส่ง
8.2.4 ตอ้ งรับผดิ ในการทีข่ องสญู หาย หรอื บบุ สลาย หรือส่งชกั ช้าอนั เกิดจากความผิดของผขู้ นสง่ คนอืน่
หรือบุคคลอื่น ซึ่งผู้ขนส่งได้มอบหมายให้ขนของน้ันไปอีกทอดหน่ึง (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 617)
8.2.5 ถ้าของนั้นได้ส่งโดยมีผู้ขนส่งหลายคนหลายทอด ผู้ขนส่งทุกคนต้องรับผิดร่วมกันในการสูญหาย
บบุ สลาย หรอื ส่งชกั ชา้ (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 618)
8.2.6 ต้องบอกกล่าวแก่ผู้รับตราส่งว่าของได้มาถึงเม่ือใด เพื่อให้ผู้รับตราส่งมารับของไป (ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 622)
8.2.7 ต้องรับผิดต่อผู้ขนส่งคนก่อน ๆ ในค่าระวางพาหนะและอุปกรณ์ซึ่งยังค้างช�ำระกันอยู่ (ประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 629)
8.2.8 ตอ้ งบอกกลา่ วไปยงั ผสู้ ง่ ในกรณหี าตวั ผรู้ บั ตราสง่ ไมพ่ บ หรอื ผรู้ บั ตราสง่ บอกปดั ไมย่ อมรบั มอบของ
และอาจต้องเอาของไปฝากส�ำนักงานฝากทรัพย์หรือขายทอดตลาด (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 631)

8.3 สทิ ธขิ องผ้สู ่งหรือผทู้ รงใบตราสง่

8.3.1 ตราบใดที่ของยังอยู่ในมือของผู้ขนส่ง ผู้ส่งหรือผู้ทรงใบตราส่งจะแจ้งให้ผู้ขนส่งงดส่งของนั้นไป
หรอื ให้ส่งกลับคืนมา หรอื จดั การแกข่ องนน้ั เปน็ ประการใดก็ได้ (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 626)
8.3.2 กรณีท่ีของสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัย ผู้ส่งไม่จ�ำต้องจ่ายค่าระวางพาหนะในส่วนท่ียังไม่ได้จ่าย
เพราะถอื วา่ เป็นบาปเคราะหก์ ับฝ่ายท่ีเกย่ี วขอ้ ง (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 628)

8.4 หน้าทข่ี องผสู้ ่ง

8.4.1 ตอ้ งช�ำระคา่ ระวางพาหนะและอปุ กรณ์ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 610-611)
8.4.2 ท�ำใบก�ำกับของ (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 612)
8.4.3 ต้องแสดงสภาพแห่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ (ประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 619)

114 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)

กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจที่ 5.2

ตอนที่ 1 จงเขียนเครอื่ งหมาย ✓ หน้าข้อความท่ถี ูก และเขียนเครอ่ื งหมาย ✗ หนา้ ข้อความทผี่ ิด
............... 1. สญั ญารับขนของตกลงกันด้วยวาจาก็ใช้บงั คบั ได้ตามกฎหมาย
............... 2. สัญญารับขนของหรือรับขนสินคา้ มีลกั ษณะเป็นสัญญาฝากทรพั ย์ประเภทหนึ่ง
............... 3. สัญญารับขนของเป็นสัญญาท่ีมีวัตถุประสงค์สำ�คัญของสัญญาคือ การขนส่งสิ่งของหรือคนโดยสาร

จากสถานท่หี นงึ่ ไปยงั สถานทีอ่ กี ทีห่ น่งึ
............... 4. คู่สญั ญารบั ขนสง่ ต่างไม่มหี นตี้ อ้ งช�ำ ระใหแ้ กก่ นั และกนั
............... 5. สัญญารับขนของแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ รับขนของหรือรบั ขนสนิ คา้ และรับขนคนโดยสาร
............... 6. การรบั ขนของเป็นประเภทหนึ่งของการขนส่ง ได้แก่ การรับขนส่งสิ่งของ
............... 7. หนา้ ทขี่ องผูข้ นสง่ ต้องทำ�ใบตราสง่ ให้แก่ผ้สู ง่ หรอื ผ้ตู ราสง่
............... 8. ข้อยกเว้นท่ีผู้ขนสง่ ต้องรับผิด คอื ความเสยี หายทเ่ี กดิ จากเหตสุ ดุ วสิ ยั
............... 9. สัญญารบั ขนของหากตกลงด้วยวาจาไมส่ ามารถฟอ้ งกันได้
............... 10. ถ้าผู้ส่งของไม่ชำ�ระค่าระวางพาหนะ ผู้รับขนส่งของมีสิทธิยึดหน่วงของไว้เป็นหลักประกันและ

ขายทอดตลาดของท่ีส่งมอบไม่ได้
ตอนที่ 2 จงตอบคำ� ถามต่อไปน้ี
1. สญั ญารับขนของคืออะไร
2. สญั ญารบั ขนมีกีป่ ระเภท อะไรบ้าง
3. ข้อยกเว้นท่ีไม่ต้องรับผิดในการท่ีของสูญหาย บุบสลาย หรือส่งมอบสินค้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณชิ ย์ มาตรา 616 ไดแ้ ก่อะไรบ้าง
4. เพราะเหตุใดในกรณีที่ของสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัย ผู้ส่งจึงไม่ต้องจ่ายค่าระวางพาหนะในส่วนท่ียัง
ไม่ได้จา่ ย

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 5 115

กิจกรรมตามสมรรถนะวิชาชีพท่ี 5.2
เรื่อง จ้างทำ�ของและรับขนของ

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายลักษณะและหลกั เกณฑ์ในการท�ำสัญญาจา้ งท�ำของได้
2. อธิบาย สิทธิ หน้าท่ี และความรบั ผดิ ของผู้รับจ้างและผวู้ ่าจ้างได้
3. อธบิ ายความหมายและลักษณะของสัญญารับขนของได้
4. บอกสทิ ธิและหน้าทีข่ องคสู่ ัญญารับขนของได้
กจิ กรรม
1. ใหผ้ ูเ้ รียนแบ่งออกเปน็ 4 กลุ่ม ศึกษาคน้ ควา้ ข้อมูลตามหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี
1.1 ลักษณะและหลักเกณฑใ์ นการท�ำสัญญาจ้างท�ำของ กลุ่มท่ี 1
1.2 สิทธิ หน้าที่ ความรบั ผิดของผู้รบั จา้ งและผู้ว่าจ้าง กลุ่มที่ 2
1.3 ความหมายและลักษณะของสัญญารับขนของ กลมุ่ ท่ี 3
1.4 สทิ ธิและหน้าท่ีของคู่สัญญารับขนของ กลุ่มที่ 4
2. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มท่ีได้รับมอบหมายตามหัวข้อ 1.1-1.4 ศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับเรื่อง
กฎหมายลักษณะจ้างท�ำของและรับขนของและค�ำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจ โดยค้นคว้าเพ่ิมเติมจากแหล่ง
การเรียนร้ตู า่ ง ๆ เช่น อินเทอรเ์ น็ต หนงั สือจากหอ้ งสมดุ เป็นตน้
3. ใหผ้ เู้ รียนแตล่ ะกลมุ่ ระดมความคดิ สรุปหลกั กฎหมายลกั ษณะจ้างท�ำของและรบั ขนของท่เี ปน็ ประเด็น
ส�ำคัญในรปู ของผังมโนทศั น์ (Mind Mapping) หรือสรุปประเดน็ ส�ำคัญในรูปแบบของการแสดงบทบาทสมมตุ ิ
4. จากข้อ 3 ให้ผเู้ รียนแต่ละกลุ่มเลือกและน�ำเสนอภาระงานหน้าชน้ั เรยี น กลมุ่ ละ 3-5 นาที
5. ผูส้ อนและผูเ้ รยี นร่วมกันสรุปภาพรวม

116 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

สรปุ

จ้างทำ�ของเป็นสัญญาประเภทต่างตอบแทน วัตถุประสงค์ของสัญญาสัญญาจ้างทำ�ของคือมุ่ง
ท่ีผลสำ�เร็จของงาน ผู้ว่าจ้างจะจ่ายสินจ้างให้แก่ผู้รับจ้างต่อเมื่องานที่ตกลงจ้างกันน้ันทำ�เสร็จแล้ว โดย
ผู้ว่าจ้างไม่ต้องควบคุมการทำ�งานของผู้รับจ้างแต่อย่างใด ผู้รับจ้างต้องจัดหาเครื่องมือในการทำ�งานเอง
ส่วนสัมภาระท่ีใช้ในการทำ�งานคู่สัญญาจะตกลงกันให้ฝ่ายใดเป็นผู้จัดหาก็ได้ สัญญาจ้างทำ�ของกฎหมาย
ไม่ได้กำ�หนดแบบและหลักเกณฑ์ในการทำ�สัญญาไว้ เมื่อคู่สัญญาตกลงกันด้วยวาจาก็มีผลสมบูรณ์
สามารถฟ้องรอ้ งบังคบั คดีกันได้ ผูร้ บั จ้างต้องรับผิดในความช�ำ รุดบกพรอ่ งตอ่ งานที่ท�ำ ภายใน 1 ปี นับแต่
เวลาส่งมอบ หรอื ภายใน 5 ปี ส�ำ หรับสิง่ ปลกู สรา้ งหรือโรงเรือนทตี่ ิดกับพ้ืนดิน ยกเว้นโรงเรือนทีท่ �ำ ด้วยไม้
สัญญารับขนของมี 2 ประเภท คือ รับขนของ และรับขนคนโดยสาร วัตถุประสงค์ท่ีสำ�คัญของ
สัญญา คือ การขนส่งสิ่งของหรือคนโดยสาร จากสถานท่ีหน่ึงไปยังอีกสถานที่หนึ่ง มีลักษณะเป็นสัญญา
ต่างตอบแทนและเป็นสัญญาจ้างทำ�ของประเภทหนึ่งคือมุ่งที่ผลสำ�เร็จของงานท่ีทำ� ซึ่งการส่งของหรือ
คนโดยสารไปยังที่ใดท่ีหนึ่งตามที่ตกลงกันไว้ โดยมีค่าระวางพาหนะหรือค่าโดยสารเป็นบำ�เหน็จตอบแทน
เปน็ ทางค้าปกติ

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 117

แบบประเมนิ สมรรถนะรายวชิ าหน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5
เร่ือง จา้ งท�ำ ของและรบั ขนของ

คำ� ชีแ้ จง จงเขยี นเครื่องหมาย ✓ ลงในชอ่ งวา่ งท่ีตรงกับความคิดเห็นของผู้เรยี นตามความเป็นจริงมากทีส่ ดุ
เกณฑก์ ารประเมนิ 5 = ดีมาก 4 = ด ี 3 = ปานกลาง 2 = น้อย 1 = น้อยท่สี ดุ

หัวข้อ ระดบั ความคดิ เหน็
54321
1. ดา้ นความรู้
1.1 อธิบายลกั ษณะของสญั ญาจ้างทำ�ของได้
1.2 บอกแบบและหลักเกณฑใ์ นการท�ำ สัญญาจ้างท�ำ ของได้
1.3 อธิบายสทิ ธิ หนา้ ท่ี และความรบั ผดิ ของผรู้ บั จา้ งได้
1.4 อธบิ ายสิทธิ หน้าท่ี และความรับผดิ ของผ้วู า่ จ้างได้
1.5 ระบคุ วามระงับแห่งสัญญาจ้างท�ำ ของได้
1.6 บอกความแตกตา่ งระหวา่ งจา้ งแรงงานและจ้างทำ�ของได้
1.7 อธบิ ายความหมายและลกั ษณะของสญั ญารับขนของได้
1.8 บอกสิทธแิ ละหน้าท่ีของคูส่ ญั ญารบั ขนของได้
2. ดา้ นทักษะ
2.1 ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามทไี่ ด้รบั มอบหมายเสร็จตามก�ำ หนดเวลา
2.2 เกดิ สมรรถนะในการปฏิบัตกิ ิจกรรม
2.3 จัดทำ�เอกสารสัญญาทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับลักษณะจา้ งทำ�ของและรับขนของได้

ตามหลกั การของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
3. ด้านเจตคติ

3.1 มคี วามซ่อื สตั ย์สุจริต
3.2 มวี ินัย ตรงต่อเวลา และมคี วามรบั ผดิ ชอบ
3.3 มมี นษุ ยสัมพันธใ์ นการปฏิบตั ิกิจกรรม และทำ�งานร่วมกับผอู้ ่นื ได้
3.4 มีเจตคตทิ ่ีดใี นการปฏิบัตกิ จิ กรรม

118 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)

แบบทดสอบเพ่อื ประเมนิ ผลหลังการเรียนรู้

จงเลอื กค�ำตอบทีถ่ กู ต้องเพยี งขอ้ เดียว

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ที่ 1 อธิบายลกั ษณะของสญั ญาจ้าง จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ี่ 2 บอกแบบและหลกั เกณฑ์ในการ
ทำ�ของได้ ท�ำ สัญญาจ้างทำ�ของได้
1. ข้อใดเป็นสญั ญาจ้างท�ำของ 3. แบบของสัญญาจา้ งท�ำของคอื ข้อใด
1. นายเอจ้างนายบีเป็นผู้จัดการ จ่ายค่าจ้าง 1. ไมม่ ีกฎหมายบังคบั วา่ จะต้องท�ำตามแบบ
เดือนละ 20,000 บาท 2. ถ้าจ้างท�ำสังหาริมทรัพย์ต้องท�ำเป็นหนังสือ
2. นายจันทร์จ้างนายอาทิตย์สร้างบ้านหลังหน่ึง ลงลายมือช่อื ท้ังสองฝา่ ย
โดยตกลงจา้ งเหมารวมคา่ วสั ดกุ อ่ สรา้ งเปน็ เงนิ 3. ต้องท�ำตามแบบท่ีกฎหมายก�ำหนดไว้ ทั้งน้ี
ทั้งสิ้น 900,000 บาท เม่ือนายอาทิตย์ ขน้ึ อยู่กับชนิดของงานทีจ่ า้ ง
ส่งมอบงานแต่ละงวดกจ็ ะได้รับคา่ จา้ ง 4. ถ้าจ้างสร้างบ้านพัก (อสังหาริมทรัพย์) ต้อง
3. นายสมเกียรติเป็นพนักงานขับรถรับส่งสินค้า ท�ำเป็นหนงั สือและจดทะเบยี น
ให้กับห้างหุ้นส่วนสบายดีจ�ำกัด โดยตกลงว่า 5. ถา้ จา้ งสรา้ งโรงแรมสงู 7 ชน้ั ตอ้ งท�ำเปน็ หนงั สอื
จา่ ยคา่ จา้ งขบั รถรบั สง่ สนิ คา้ ใหว้ นั ละ 300 บาท และจดทะเบียนต่อพนกั งานเจ้าหน้าที่
ถ้าขับรถไปส่งสินค้าต่างจังหวัดจะจ่ายค่าจ้าง
เพิ่มใหเ้ ปน็ วนั ละ 500 บาท จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ 3 อธิบาย สิทธิ หน้าท่ี และ
4. นางสมหญิงจ้างนายสมชาติเป็นยามรักษา ความรบั ผิดของผู้รบั จา้ งได้
ความปลอดภยั ในหา้ งสรรพสนิ ค้าของตน โดย 4. ถ้ามิได้ก�ำหนดไว้ในสัญญา ผู้รับจ้างท�ำของต้อง
ตกลงจา่ ยคา่ จ้างใหเ้ ดอื นละ 9,000 บาท และ รบั ผดิ ในความช�ำรดุ บกพรอ่ งตอ่ งานทส่ี ง่ มอบอยา่ งไร
จา่ ยโบนสั ใหป้ ลี ะ 3 เดอื น กรณหี า้ งสรรพสนิ คา้ 1. ภายใน 1 ปี นับแตว่ นั ทีส่ ่งมอบ
มกี �ำไรเพม่ิ ขึ้นกวา่ ปที ผ่ี า่ นมา 2. ผู้รับจ้างต้องรับผิดเสมอหากปิดบังความช�ำรุด
5. ถูกตอ้ งทุกข้อ บกพร่องไว้
2. วัตถุประสงค์ของสัญญาจ้างท�ำของตามกฎหมาย 3. ภายใน 5 ปี ส�ำหรบั สง่ิ ปลกู สรา้ งทตี่ ดิ กบั พน้ื ดนิ
คอื ขอ้ ใด ยกเวน้ โรงเรอื นท่ีท�ำด้วยไม้
1. สนิ จ้าง 4. ไมม่ ขี ้อใดถูกตอ้ ง
2. การท�ำงานของผรู้ ับจ้าง 5. ถกู ตอ้ งทกุ ขอ้

3. ผลส�ำเร็จของงานท่ีจา้ ง จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ี่ 4 อธิบาย สิทธิ หน้าท่ี และความ
4. การได้กรรมสทิ ธใ์ิ นงานท่ีจ้าง รับผิดของผู้วา่ จา้ งได้
5. ถูกตอ้ งทุกข้อ 5. เม่ือสัญญาจ้างท�ำของเสร็จแล้วและผู้ว่าจ้างเป็น
ผู้จัดหาสัมภาระ หากมีสัมภาระเหลือจะต้อง
ท�ำอย่างไร
1. ตอ้ งคืนแกผ่ วู้ า่ จ้าง
2. ไมต่ ้องคนื แกผ่ ้วู ่าจ้าง

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 119

3. ผู้รับจ้างน�ำไปขายได้ 9. แบบของสัญญารับขนคือขอ้ ใด
4. ต้องจดั ท�ำลายใหห้ มด 1. ไม่มีกฎหมายก�ำหนดแบบของสญั ญาไว้
5. ผ้รู บั จ้างน�ำไปใชท้ �ำงานอน่ื ตอ่ ไปได้ 2. จ้างรับขนสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็น
จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ 5 ระบุความระงับแห่งสัญญา หนงั สอื
จา้ งท�ำ ของได้ 3. จ้างขนทรพั ย์ที่มีราคาสูง ๆ ตอ้ งท�ำเปน็ หนังสือ
6. สัญญาจ้างท�ำของระงับลงในกรณีใด และจดทะเบียน
1. เม่ือผวู้ า่ จา้ งตาย 4. ต้องท�ำตามแบบท่ีกฎหมายก�ำหนดไว้ ตาม
2. เมอ่ื ผรู้ ับจ้างตาย ประเภทสัญญาคือรับขนส่งของ
3. เมอื่ ผู้ว่าจา้ งท�ำงานเสร็จ 5. ต้องท�ำตามแบบท่ีกฎหมายก�ำหนดไว้ ตาม
4. ผู้ว่าจ้างใช้สิทธิเลิกสัญญาแต่ผู้รับจ้างท�ำงาน ประเภทสัญญาคือรับขนส่งของหรือสินค้า
เสร็จตามเวลาทก่ี �ำหนด หรือรบั ขนสง่ คนโดยสาร
5. ถกู ตอ้ งทกุ ข้อ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ี่ 8 บอกสทิ ธแิ ละหนา้ ทขี่ องคสู่ ญั ญา
จุดประสงค์การเรียนรู้ท่ี 6 บอกความแตกต่างระหว่าง รับขนของได้
จ้างแรงงานและจ้างทำ�ของได้ 10. ข้อใดกล่าวถึงสิทธิหรือหน้าท่ีของคู่สัญญารับ
7. ข้อแตกต่างที่เห็นเด่นชัดระหว่างจ้างท�ำของกับ ขนของหรอื สนิ ค้าผดิ ไปจากหลักกฎหมาย
จ้างแรงงานคือขอ้ ใด 1. ผขู้ นสง่ มสี ทิ ธทิ จ่ี ะไดร้ บั คา่ โดยสาร และผขู้ นสง่
1. ผวู้ ่าจา้ งไมต่ อ้ งควบคมุ การท�ำงานของผู้รบั จา้ ง มีหน้าท่ที �ำใบประทวนสินคา้
2. ผู้ว่าจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดกับผู้รับจ้างกรณี 2. ผขู้ นสง่ มสี ทิ ธทิ จ่ี ะยดึ หนว่ งเอาของไวเ้ ปน็ ประกนั
ท�ำละเมดิ ต่อบุคคลภายนอก การใช้เงนิ คา่ ระวางพาหนะและอปุ กรณ์หน้าที่
3. ผู้ว่าจ้างต้องจัดหาเครื่องมือเคร่ืองใช้ในการ ของผ้สู ง่ ต้องท�ำใบก�ำกบั ของ
ท�ำงานใหผ้ ูร้ ับจ้าง 3. ผู้ขนส่งมีหน้าท่ีต้องส่งของไปยังอีกที่หนึ่งตาม
4. ถกู ท้ังขอ้ 1 และ 2 ขอ้ ตกลงในสญั ญาขนส่ง และตอ้ งรบั ผดิ ในการ
5. ถกู ต้องทุกข้อ ท่ีของสญู หาย บุบสลาย หรือสง่ มอบสินค้าช้า
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรทู้ ี่ 7 อธบิ ายความหมายและลกั ษณะ 4. ผขู้ นส่งมีสทิ ธทิ จี่ ะน�ำของไปฝาก ณ ส�ำนกั งาน
ของสญั ญารบั ขนของได้ ฝากทรัพย์ หรือขายทอดตลาดของที่ส่งมอบ
8. สัญญารบั ขนมีลักษณะเป็นสัญญาประเภทใด ไมไ่ ด้ ผสู้ ง่ มหี นา้ ทขี่ องตอ้ งช�ำระคา่ ระวางพาหนะ
1. จ้างเหมา และอปุ กรณ์
2. จ้างท�ำของ 5. ไม่มีข้อใดถูกตอ้ ง
3. จ้างแรงงาน
4. จา้ งเฉพาะผูท้ มี่ ีพาหนะ
5. จ้างขนส่งในคลังสนิ คา้ หรอื โกดงั

6หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี

ฝากทรัพย์
และเก็บของในคลงั สินค้า

สาระการเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้

1. ความหมายและลักษณะของสัญญาฝากทรัพย์ 1. อธบิ ายความหมายและลักษณะของสัญญาฝากทรพั ยไ์ ด้
2. สทิ ธิและหน้าท่ขี องผ้ฝู ากทรพั ย์และผรู้ ับฝากทรัพย์ 2. บอกสทิ ธแิ ละหนา้ ทข่ี องผฝู้ ากทรพั ยแ์ ละผรู้ บั ฝากทรพั ยไ์ ด้
3. วธิ ีเฉพาะการฝากเงิน 3. อธบิ ายวิธเี ฉพาะการฝากเงนิ ได้
4. ความหมายและลกั ษณะของสญั ญาเก็บของในคลังสินค้า 4. อธบิ ายความหมายและลกั ษณะของสญั ญาเกบ็ ของในคลงั
5. การเก็บของในคลงั สินค้ากบั การฝากทรัพย์ สินค้าได้
6. สิทธิและความรับผดิ ของนายคลงั สินค้า 5. ระบกุ ารเก็บของในคลังสนิ คา้ กบั การฝากทรัพยไ์ ด้
7. ใบรับของคลังสนิ คา้ และประทวนสนิ ค้า 6. บอกสทิ ธิและความรับผิดของนายคลงั สินคา้ ได้
8. วิธกี ารจ�ำ น�ำ และการบงั คบั จ�ำ นำ�สนิ ค้าทีเ่ กบ็ ในคลงั สนิ คา้ 7. อธบิ ายใบรับของคลงั สนิ คา้ และประทวนสนิ คา้ ได้
8. บอกวิธีการจำ�นำ�และการบังคับจำ�นำ�สินค้าท่ีเก็บในคลัง
ฝากทรัพยแ์ ละ สินคา้ ได้
เกบ็ ของในคลงั สินค้า

สมรรถนะประจำ�หน่วย

1. แสดงความรู้เก่ียวกับหลักการของกฎหมายลักษณะ
ฝากทรพั ย์และเก็บของในคลงั สินค้าได้
2. จัดทำ�เอกสารสัญญาฝากทรัพย์และเก็บของในคลังสินค้า
ไดต้ ามหลกั การของประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 121

ฝากทรพั ยแ์ ละเกบ็ ของในคลงั สินค้า

ฝากทรัพย์ (Deposit) เป็นสัญญาท่ีไม่มีแบบแห่งนิติกรรม วัตถุแห่งสัญญาต้องเป็นทรัพย์สินท่ีมีรูปร่าง
เป็นได้ทั้งสัญญามีค่าตอบแทน และสัญญาไม่มีค่าตอบแทน ความสมบูรณ์ของสัญญาต้องมีการส่งมอบทรัพย์สิน
ท่ีฝากให้ไว้กับผู้รับฝาก โดย “ผู้รับฝาก” จะต้องเก็บรักษาทรัพย์สินท่ีฝากนั้นไว้ในอารักขาแห่งตนแล้วจะคืนให้
“ผู้ฝาก”
เกบ็ ของในคลงั สนิ ค้า เป็นสัญญามีลักษณะคล้ายฝากทรัพย์ มีคสู่ ัญญาได้แก่ “ผู้ฝาก” ฝ่ายหนึง่ กบั “นาย
คลงั สนิ คา้ ” อกี ฝา่ ยหนงึ่ ผฝู้ ากน�ำสนิ คา้ มาฝากกบั นายคลงั สนิ คา้ และนายคลงั สนิ คา้ จะเกบ็ สนิ คา้ ทร่ี บั ฝากไวใ้ นคลงั
สนิ คา้ โดยประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยใ์ หน้ �ำบทบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยสญั ญาฝากทรพั ยแ์ ละสญั ญารบั ขนมาใชบ้ งั คบั
กบั การเกบ็ ของในคลังสนิ ค้าได้เทา่ ทไี่ มข่ ดั กบั บทบัญญตั ขิ องลักษณะเก็บของในคลงั สนิ ค้า

1. ความหมายและลกั ษณะของสัญญาฝากทรัพย์

1.1 ความหมายของสญั ญาฝากทรพั ย์

สัญญาฝากทรพั ยเ์ ปน็ ลักษณะหนึง่ ของเอกเทศสัญญา ซึง่ บัญญตั ิไว้ในบรรพ 3 ลกั ษณะ 10 แห่งประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดงั น้ี
มาตรา 657 บญั ญตั ิวา่ “อันวา่ ฝากทรพั ยน์ ั้น คอื สญั ญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกวา่ ผฝู้ าก ส่งมอบทรัพย์สนิ
ให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับฝาก และผู้รับฝากตกลงว่าจะเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ในอารักขาแห่งตน
แล้วจะคนื ให้”

1.2 ลกั ษณะของสัญญาฝากทรพั ย์

จากบทบัญญตั ดิ ังกลา่ วขา้ งตน้ การฝากทรพั ย์ทวั่ ไปแยกพจิ ารณาลักษณะส�ำคญั ของสัญญาฝากทรัพยไ์ ด้
ดังตอ่ ไปน้ี
1.2.1 สญั ญาฝากทรัพย์มีบุคคล 2 ฝา่ ย ฝ่ายหนงึ่ เรียกวา่ “ผฝู้ าก” อกี ฝา่ ยหนึง่ เรียกวา่ “ผรู้ บั ฝาก”
1.2.2 วตั ถุแห่งสญั ญาฝากทรัพยเ์ ปน็ ทรัพยส์ ิน ค�ำว่า “ทรัพยส์ ิน” หมายถึง วตั ถุท่ีมรี ปู ร่าง ไมม่ ีรปู รา่ ง
ซ่ึงอาจมีราคาและถือเอาได้ กล่าวโดยท่ัวไปวัตถุแห่งสัญญาฝากทรัพย์น้ันเป็นได้ท้ังสังหาริมทรัพย์และ
อสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้าเป็นทรัพย์ที่ไม่มีรูปร่าง เช่น ลิขสิทธ์ิ สิทธิในเครื่องหมายการค้า ไม่อาจจะท�ำสัญญาฝาก
ทรพั ย์ได้
1.2.3 ต้องมีการส่งมอบทรัพย์สิน สัญญาฝากทรัพย์สมบูรณ์ด้วยการส่งมอบทรัพย์สินที่ฝากให้แก่
ผู้รบั ฝาก โดยไม่ตอ้ งท�ำเป็นหนงั สือหรือมีหลกั ฐานเป็นหนงั สอื แตอ่ ยา่ งใด

122 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

1.2.4 ผู้รับฝากตกลงว่าจะเก็บรักษาทรัพย์สินไว้ในอารักขาแห่งตนแล้วจะคืนให้ ผู้รับฝากตกลงจะ
เก็บรักษาทรัพย์ไว้ในความครอบครองและดูแลของตน และจะคืนให้ภายหลัง ดังนั้นสัญญาฝากทรัพย์จึงไม่มี
การโอนกรรมสิทธ์ิ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังเป็นของผู้ฝากทรัพย์ ยกเว้นการฝากเงินท่ีมีการโอนกรรมสิทธิ์
แตเ่ วลาสง่ คืนเงนิ ใหแ้ กผ่ ู้ฝากต้องส่งคืนใหค้ รบตามจ�ำนวนตามสญั ญาฝากทรพั ยน์ ั้น
ลักษณะของสญั ญาฝากทรพั ย์ ดังรูปท่ี 6.1

วตั ถแุ หง่ สัญญาเปน็ ทรพั ยส์ ิน

นาย ก ผู้ฝาก ฝากทรพั ย์ นาย ข ผูร้ บั ฝาก

- ส่งมอบทรัพย์สินเก็บรกั ษาไว้ในอารักขาของผู้รบั ฝาก
- คนื ทรพั ย์สนิ

รูปท่ี 6.1

1.2.5 คา่ บำ� เหนจ็ หรอื คา่ ฝากจะมหี รอื ไมก่ ไ็ ด้ สญั ญาฝากทรพั ยจ์ ะมคี า่ บ�ำเหนจ็ หรอื คา่ ฝากหรอื ไมข่ น้ึ อยู่
กับขอ้ ตกลงของคู่สัญญา ดังนัน้ สัญญาฝากทรัพย์จงึ เปน็ สญั ญาท่ีมที ัง้ มีคา่ ตอบแทนและสัญญาไม่มีค่าตอบแทน

2. สทิ ธิและหน้าท่ขี องผู้ฝากทรัพย์และผรู้ บั ฝากทรัพย์

2.1 สิทธขิ องผู้ฝากทรพั ย์

ผฝู้ ากทรพั ย์มีสทิ ธทิ ่ีจะเรียกคืนทรัพยท์ ฝ่ี ากไว้ได้ทกุ เวลา แม้ค่สู ญั ญาจะก�ำหนดเวลาไวว้ ่าจะคืนทรัพย์สิน
ซงึ่ ฝากไวน้ นั้ เมอื่ ไรกต็ าม ถา้ ผฝู้ ากจะเรยี กคนื ในเวลาใด ๆ ผรู้ บั ฝากกต็ อ้ งคนื ให้ (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย ์
มาตรา 663)

2.2 หนา้ ทข่ี องผฝู้ ากทรัพย์

2.2.1 หน้าทีเ่ สียคา่ บ�ำเหน็จ ถา้ ไมไ่ ด้ตกลงกนั วา่ จะช�ำระเมื่อใด ให้ช�ำระเม่อื ผูร้ บั ฝากคืนทรัพย์สนิ ทีฝ่ าก
(ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 659)

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 6 123

2.2.2 หน้าท่ีเสียค่าใช้จ่ายในการคืนทรัพย์สินซ่ึงฝาก ค่าคืนทรัพย์สินซ่ึงฝากน้ันย่อมตกเป็นแก่ผู้ฝาก
เป็นผเู้ สยี (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย ์ มาตรา 667)
2.2.3 หน้าท่ีเสียค่าใช้จ่ายอันสมควรในการบ�ำรุงรักษาทรัพย์สินซ่ึงฝาก (ประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณชิ ย์ มาตรา 668) ถา้ ผรู้ ับฝากทรพั ย์ได้จา่ ยค่าบ�ำรงุ รกั ษาทรัพย์ที่รับฝากไว้เทา่ ใด ผฝู้ ากทรัพยต์ ้องชดใชค้ นื ให้
เช่น นายเอใหน้ ายบเี ลย้ี งสุนขั ให้ตนระหว่างท่ีตนเดนิ ทางไปตา่ งประเทศ ค่าใชจ้ า่ ยในการเลยี้ งสนุ ัข คือ คา่ อาหาร
สตั วห์ รอื คา่ อาหารของสุนขั นายเอผฝู้ ากมหี นา้ ที่ต้องเสยี ค่าใชจ้ า่ ยดงั กลา่ วผู้รบั ฝาก เป็นตน้

2.3 สทิ ธขิ องผ้รู บั ฝากทรพั ย์

ผู้รับฝากมีสิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินที่ฝากไว้จนกว่าจะได้รับเงินท่ีค้างช�ำระเก่ียวกับการฝากทรัพย์ เช่น
บ�ำเหน็จคา่ ฝาก หรอื คา่ ใช้จ่ายในการบ�ำรงุ รกั ษาทรัพย์สินท่ีฝาก เปน็ ตน้

2.4 หนา้ ท่ีของผรู้ บั ฝากทรัพย์

2.4.1 หนา้ ท่ีใช้ความระมดั ระวังในการสงวนทรพั ย์สนิ ที่ฝาก แยกพจิ ารณาไดด้ งั นี้
1) กรณฝี ากทรพั ยไ์ มม่ บี �ำเหนจ็ ผรู้ บั ฝากตอ้ งใชค้ วามระมดั ระวงั เหมอื นทเ่ี คยประพฤตใิ นกจิ การของ
ตนเอง (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย ์ มาตรา 659 วรรคแรก)
2) กรณีฝากทรัพย์โดยมีบ�ำเหน็จ ผู้รับฝากต้องใช้ความระมัดระวังเหมือนวิญญูชนพึงประพฤติ
(ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 วรรคสอง)
3) กรณีผู้รับฝากมีอาชีพในการรับฝากโดยเฉพาะ ผู้รับฝากต้องใช้ความระมัดระวัง และใช้ฝีมือ
เท่าที่เป็นธรรมดา และสมควรจะต้องใช้ในกิจการค้าขายหรืออาชีวะเช่นนั้น (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 659 วรรคสาม) เช่น ธนาคารจะตอ้ งเกบ็ รักษาทรพั ย์สินท่ีรับฝากไว้ในตู้นริ ภยั เปน็ ตน้
2.4.2 หน้าท่ีเก็บรักษาทรัพย์สินซ่ึงฝากด้วยตนเอง ห้ามน�ำทรัพย์สินออกใช้เองหรือให้บุคคลภายนอก
ใชส้ อย หรือใหบ้ ุคคลภายนอกเก็บรกั ษา ถ้าฝ่าฝนื ผู้รับฝากจะต้องรบั ผดิ ชอบในการท่ที รพั ยส์ นิ สูญหาย บุบสลาย
แมว้ ่าจะเกดิ จากเหตุสุดวสิ ัย (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 660) แตม่ ีขอ้ ยกเวน้ 2 ประการ คอื
1) ไดร้ บั อนุญาตจากผูฝ้ าก
2) ผ้รู ับฝากพิสจู น์ได้วา่ ถงึ อยา่ งไรทรัพย์ที่ฝากนน้ั ก็คงตอ้ งสูญหาย หรือบุบสลายอยู่นน่ั เอง
2.4.3 หน้าที่ต้องรีบบอกกล่าวแก่ผู้ฝากทันที (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 661) เม่ือ
เกดิ เหตกุ ารณอ์ ยา่ งใดอย่างหนึง่ ดงั ต่อไปน้ี
1) เมอ่ื มีบคุ คลภายนอกอา้ งสทิ ธิเหนอื ทรพั ยส์ นิ ที่ฝากและย่ืนฟ้องผูร้ ับฝาก
2) เมอื่ มบี คุ คลภายนอกอา้ งสทิ ธเิ หนอื ทรพั ยส์ นิ ทฝ่ี ากและยดึ ทรพั ยส์ นิ ทฝ่ี าก เชน่ มผี นู้ �ำเจา้ พนกั งาน
บงั คบั คดมี ายดึ ทรพั ย์ เปน็ ตน้

124 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

2.4.4 หน้าที่ต้องส่งคืนทรัพย์สินและดอกผลท่ีรับฝาก ผู้รับฝากต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝากหรือ
ทายาท (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 657 และ มาตรา 667) แยกพจิ ารณาได้ดังนี้
1) ถ้าก�ำหนดเวลาคืนทรพั ยส์ นิ ทฝี่ าก ก็ให้คืนเมื่อถึงก�ำหนด
2) ถา้ ไมไ่ ด้ก�ำหนดเวลาคนื ไว้ จะสง่ คนื เมอ่ื ใดกไ็ ด้
2.4.5 หน้าที่คืนดอกผลซึ่งเกิดจากทรัพย์สินที่รับฝาก จะต้องคืนไปพร้อมกับทรัพย์สินท่ีฝากน้ันด้วย
(ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 666)

3. วิธีเฉพาะการฝากเงนิ

การฝากเงินถือว่าเป็นการฝากทรัพย์ชนิดหนึ่ง แตกต่างไปจากการฝากทรัพย์สินทั่ว ๆ ไป ซึ่งการฝาก
ทรัพย์สินทั่ว ๆ ไปน้นั กรรมสิทธิ์ในทรพั ย์สินน้นั ยงั คงเปน็ ของผฝู้ าก ผ้รู บั ฝากเพียงแตต่ กลงเก็บรักษาไวใ้ นอารักขา
แห่งตน แล้วจะคืนให้ในโอกาสต่อไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 เอกเทศสัญญา ลักษณะ 10
ไดบ้ ัญญตั เิ ร่ืองการฝากเงนิ ไว้ ดงั น้ี
มาตรา 672 “ถา้ ฝากเงนิ ทา่ นใหส้ นั นษิ ฐานไวก้ อ่ นวา่ ผรู้ บั ฝากไมพ่ งึ ตอ้ งสง่ คนื เปน็ เงนิ ทองตราอนั เดยี วกนั
กบั ทฝ่ี าก แต่จะตอ้ งคืนเงนิ ให้ครบจ�ำนวน
อนึ่ง ผู้รับฝากจะเอาเงินซึ่งฝากน้ันออกใช้ก็ได้ แต่หากจ�ำต้องคืนเงินให้ครบจ�ำนวนเท่านั้น แม้ว่าเงิน
ซงึ่ ฝากนั้นจะได้สูญหายไปดว้ ยเหตสุ ดุ วสิ ยั ก็ตาม ผู้รบั ฝากก็จ�ำต้องคืนเงินเป็นจ�ำนวนดั่งว่าน้ัน”
มาตรา 673 “เมื่อใดผู้รับฝากจ�ำต้องคืนเงินแต่เพียงเท่าจ�ำนวนท่ีฝาก ผู้ฝากจะเรียกถอนเงินคืนก่อนถึง
เวลาทไี่ ด้ตกลงกันไวไ้ ม่ได้ หรือฝ่ายผ้รู ับฝากจะสง่ คนื เงนิ กอ่ นถงึ เวลาน้นั กไ็ มไ่ ด้ดุจกัน”
จากบทบัญญัติตามกฎหมายดังกล่าว การฝากเงินจึงมีความแตกต่างจากการฝากทรัพย์สินท่ัว ๆ ไป
ดงั ตอ่ ไปน้ี
3.1 การฝากเงิน ผู้ฝากไม่ต้องคืนเงินตราอันเดียวกันกับท่ีฝาก แต่ต้องคืนให้ครบจ�ำนวน (ประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย ์ มาตรา 672 วรรคแรก) การฝากเงนิ มคี วามแตกตา่ งจากฝากทรัพยท์ ว่ั  ๆ ไป กลา่ วคอื
การฝากเงินน้ันกรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้รับฝาก เช่น ผู้ฝากน�ำเหรียญมาฝากกับผู้รับฝากเป็นเงิน 1,000 บาท
ผรู้ ับฝากมสี ิทธนิ �ำเงนิ ท่ฝี ากไปใช้ และคืนให้ครบจ�ำนวน 1,000 บาท ซง่ึ อาจเปน็ เหรียญหรือธนบัตรกไ็ ด้ แตต่ ้อง
คนื ให้ครบตามจ�ำนวนท่ีฝาก เปน็ ต้น
3.2 การฝากเงิน ผู้รบั ฝากมสี ิทธทิ ี่จะน�ำเงินซง่ึ ฝากนั้นใช้ออกใช้ได้ แตต่ อ้ งคืนใหค้ รบจ�ำนวน แม้วา่
เงินท่ีฝากน้ันจะได้สูญหายไปด้วยเหตุสุดวิสัย (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 672 วรรคสอง)
แม้ว่าเงินท่ีฝากนั้นจะได้สูญหายไปด้วยเหตุสุดวิสัยก็ต้องคืนให้ครบจ�ำนวน แต่ในการคืนเงินไม่จ�ำเป็นต้องคืน
เปน็ เงนิ ประเภทเดยี วกับทฝ่ี าก เช่น ผูฝ้ ากน�ำธนบัตรใบละ 1,000 บาท ซ่งึ มีเลขลงทา้ ยดว้ ย 999 จ�ำนวน 10 ใบ
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,000 บาท โดยน�ำเงินดังกล่าวมาฝากไว้กับผู้รับฝาก ต่อมาเกิดเพลิงไหม้บ้านและธนบัตร
ดังกล่าวท่ีเก็บไว้ในบ้านของผู้รับฝากทรัพย์ถูกเพลิงไหม้สูญหายไปท้ังหมด กรณีนี้ผู้รับฝากก็ยังคงต้องคืนเงิน
ให้ครบจ�ำนวน 10,000 บาท ซง่ึ เป็นธนบัตรใบใหม่ที่ไมไ่ ด้ลงทา้ ยเลข 999 กไ็ ด้ เป็นต้น

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 125

3.3 ผู้รบั ฝากตอ้ งคนื เงนิ เทา่ จ�ำนวนท่ีฝาก โดยผู้ฝากจะถอนเงินคืนกอ่ นถงึ เวลาที่ได้ตกลงกันไว้ไม่ได้
หรอื ฝา่ ยผรู้ ับฝากจะส่งคืนเงนิ ก่อนถงึ เวลานนั้ ก็ไมไ่ ด้เช่นกนั (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 673 )
การฝากเงินถ้ามกี �ำหนดคนื ไว้ ผู้ฝากจะเรยี กถอนเงินคืนกอ่ นก�ำหนดไม่ได้ และผรู้ ับฝากกจ็ ะส่งคนื เงินก่อนก�ำหนด
ไม่ได้เชน่ กัน แต่การฝากทรพั ยส์ ินทวั่  ๆ ไป ถา้ มีก�ำหนดเวลาคืนกันไว้ ผ้ฝู ากมสี ิทธิเรยี กคนื กอ่ นก�ำหนดได้ แตผ่ ู้รับ
ฝากไม่มีสิทธิคืนทรัพย์สินก่อนก�ำหนด เช่น นายเอฝากเงินไว้กับธนาคารกรุงไทย เป็นการฝากเงินตามกฎหมาย
ลักษณะฝากทรัพย์ นายเอซ่ึงเป็นผู้ฝากจะถอนคืนก่อนถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ไม่ได้ และธนาคารกรุงไทยผู้รับฝาก
จะส่งเงินคืนก่อนถึงเวลาท่ีตกลงกันไว้ก็ไม่ได้เช่นกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 673 เมื่อ
ผ้ฝู ากตาย ธนาคารกรุงไทยตอ้ งคนื เงนิ ใหแ้ กท่ ายาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 665 เปน็ ตน้

กิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจที่ 6.1

ตอนที่ 1 จงเขียนเครอ่ื งหมาย ✓ หน้าขอ้ ความท่ีถกู และเขยี นเครอ่ื งหมาย ✗ หนา้ ขอ้ ความทีผ่ ิด
…………... 1. ฝากทรัพย์ท่ัว ๆ ไป กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินท่ีฝากยังอยู่ที่ผู้ฝาก แต่การฝากเงินกรรมสิทธิ์ในเงิน

ท่ฝี ากโอนไปเปน็ ของผรู้ บั ฝาก
…………... 2. กรณีการฝากทรัพย์มีบ�ำ เหน็จ ผรู้ ับฝากทรัพยไ์ ม่มีสทิ ธยิ ึดหน่วงทรพั ยส์ ินทฝ่ี าก
…………... 3. สัญญาฝากทรพั ยส์ มบูรณด์ ้วยการส่งมอบทรพั ยท์ ฝี่ าก
…………... 4. การฝากเงนิ เปน็ สญั ญาฝากทรพั ยป์ ระเภทหนง่ึ กรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยส์ นิ ไมส่ ามารถโอนไปยงั ผรู้ บั ฝากได้
…………... 5. สัญญาฝากทรัพยต์ อ้ งเป็นทรพั ยท์ ีม่ รี ปู ร่าง ถา้ ไม่มีรูปร่าง เช่น ลิขสิทธ์ิ จะฝากทรัพย์ไม่ได้
…………... 6. ผ้ฝู ากทรัพย์ไมม่ ีสทิ ธทิ จี่ ะเรียกคนื ทรัพย์ที่ฝากไว้
…………... 7. ถ้าผรู้ บั ฝากทรพั ยไ์ ดจ้ ่ายคา่ บำ�รงุ รักษาทรัพยท์ ร่ี ับฝากไว้เท่าใด ผ้ฝู ากทรพั ย์ตอ้ งชดใชค้ นื ให้
…………... 8. ผรู้ บั ฝากมสี ทิ ธิยึดหน่วงทรัพยส์ ินทีฝ่ ากไวจ้ นกว่าจะได้รบั เงนิ ท่คี ้างช�ำ ระเกยี่ วกับการฝากทรัพย์
…………... 9. การฝากเงนิ ผู้ฝากจะตอ้ งคนื เงินตราอันเดยี วกันกบั ทฝี่ าก
…………... 10. การฝากเงิน ผู้ฝากไมม่ สี ิทธทิ ี่จะนำ�เงนิ ซ่ึงฝากน้นั ใชอ้ อกใช้ได้
ตอนที่ 2 จงตอบคำ� ถามตอ่ ไปน้ี
จงบอกลักษณะส�ำคญั ของสัญญาฝากทรัพย์

126 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

กจิ กรรมตามสมรรถนะวิชาชีพท่ี 6.1
เร่อื ง ฝากทรพั ย์

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายความหมายและลกั ษณะของสญั ญาฝากทรพั ยไ์ ด้
2. บอกสิทธิและหน้าท่ขี องผฝู้ ากทรัพยแ์ ละผู้รับฝากทรพั ย์ได้
3. อธบิ ายวธิ เี ฉพาะการฝากเงินได้
กจิ กรรม
1. ให้ผู้เรยี นแบง่ กลุ่มออกเป็น 3 กลมุ่ ศกึ ษาคน้ ควา้ ข้อมูลตามหวั ขอ้ ต่อไปนี้
1.1 ความหมายและลกั ษณะของสญั ญาฝากทรพั ย์ กลมุ่ ที่ 1
1.2 สทิ ธิและหน้าทขี่ องผูฝ้ ากทรพั ย์และผรู้ ับฝากทรพั ย์ กล่มุ ท่ี 2
1.3 วิธเี ฉพาะการฝากเงิน กลมุ่ ท่ี 3
2. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มท่ีได้รับมอบหมายตามหัวข้อ 1.1-1.3 ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเร่ือง
กฎหมายลักษณะฝากทรัพย์และค�ำพิพากษาฎีกาท่ีน่าสนใจ โดยค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น
อนิ เทอร์เน็ต หนงั สอื จากหอ้ งสมดุ เป็นตน้
3. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิดสรุปหลักกฎหมายลักษณะฝากทรัพย์ท่ีเป็นประเด็นส�ำคัญ
ในรปู ของผงั มโนทศั น์ (Mind Mapping) หรือสรปุ ประเด็นส�ำคัญในรูปแบบของการแสดงบทบาทสมมตุ ิ
4. จากข้อ 3 ให้ผู้เรยี นเลอื กและน�ำเสนอภาระงานหนา้ ชั้นเรยี น กลุม่ ละ 3-5 นาที
5. ผูส้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปภาพรวม

4. ความหมายและลกั ษณะของสัญญาเกบ็ ของในคลังสนิ คา้

4.1 ความหมายของสัญญาเก็บของในคลังสินค้า สัญญาเก็บของในคลังสินค้า (Warehousing)
เปน็ สญั ญาฝากทรพั ยช์ นดิ หนง่ึ แตเ่ ปน็ การฝากทรพั ยเ์ พอื่ กจิ การในทางการคา้ หรอื ธรุ กจิ สนิ คา้ ทเ่ี กบ็ ไวใ้ นคลงั สนิ คา้
อาจเป็นวัตถุดิบหรือผลผลิตสินค้าที่ผู้ประกอบการน�ำมาฝากไว้เพราะไม่มีท่ีเก็บส่ิงของเหล่านั้นเป็นของตนเอง
จงึ น�ำมาฝากไวใ้ นคลงั สนิ คา้ ของผปู้ ระกอบการรบั ฝากสนิ คา้ โดยมบี คุ คลรบั ฝากซง่ึ ใหบ้ รกิ ารท�ำการเกบ็ รกั ษาสนิ คา้
ไว้เรยี กว่า “นายคลังสินค้า”
สัญญาเก็บของในคลังสินค้า เป็นลักษณะหน่ึงของเอกเทศสัญญา ซ่ึงบัญญัติไว้ในบรรพ 3 ลักษณะ
14 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ดังนี้
มาตรา 770 “อนั วา่ นายคลงั สินค้านั้น คอื บุคคลผรู้ บั ท�ำการเก็บรักษาสนิ คา้ เพอ่ื บ�ำเหนจ็ เป็นทางคา้ ปกติ
ของตน”

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 127

4.2 ลักษณะของสัญญาเก็บของในคลังสินค้า จากบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 770 ดังกล่าว สญั ญาเก็บของในคลงั สนิ ค้ามลี ักษณะและสาระส�ำคญั ดงั ตอ่ ไปนี้
4.2.1 เปน็ สญั ญาทม่ี คี สู่ ญั ญา 2 ฝา่ ย ฝา่ ยหนง่ึ เรยี กวา่ “ผฝู้ าก” และอกี ฝา่ ยหนง่ึ เรยี กวา่ “ผรู้ บั ฝาก”
หรอื “นายคลังสินคา้ ”
4.2.2 มสี ถานท่เี ก็บสินคา้ ผรู้ ับฝากมสี ถานทเ่ี กบ็ สนิ คา้ เรยี กว่า “คลงั สนิ คา้ ”
4.2.3 มีบ�ำเหน็จค่าฝาก สัญญาเก็บของในคลังสินค้าจะมีค่าบ�ำเหน็จค่าฝากเสมอ ส่วนสัญญา
ฝากทรัพย์ท่วั ไปจะมบี �ำเหนจ็ คา่ ฝากหรือไม่ก็ได้
4.2.4 วัตถุแห่งสัญญาเป็นสินค้า วัตถุแห่งสัญญาฝากทรัพย์ในคลังสินค้าต้องเป็นสินค้า มิใช่
ทรัพยส์ ินทั่ว ๆ ไป
4.2.5 เป็นสัญญาต่างตอบแทน คู่สัญญาเก็บของในคลังสินค้าต่างมีหนี้ต้องช�ำระให้แก่กันและกัน
กล่าวคือ หน้ีของฝ่ายผู้ฝากคือสินค้า ส่วนหน้ีของฝ่ายผู้รับฝากหรือนายคลังสินค้าคือช�ำระค่าบ�ำเหน็จค่าฝาก
ดงั รปู ที่ 6.2

สินค้า
สถานท่ีเกบ็ : คลังสินคา้

นาย ก ผฝู้ าก เกบ็ ของในคลังสินคา้ นาย ข ผู้รบั ฝาก/
(Warehousing) นายคลงั สนิ คา้

ค่าบ�ำ เหนจ็ คา่ ฝาก

รปู ที่ 6.2

4.2.6 เปน็ สญั ญาทมี่ เี อกสารรบั ฝาก เอกสารรบั ฝากตามสญั ญาเกบ็ ของในคลงั สนิ คา้ คอื ใบรบั ของ
คลังสินค้าและใบประทวนสินค้า ซึ่งผู้รับฝากหรือนายคลังสินค้าออกให้แก่ผู้ฝาก เพ่ือเป็นหลักฐานในการรับฝาก
ของในคลังสินค้า (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 775)

128 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)

5. การเกบ็ ของในคลงั สนิ คา้ กบั การฝากทรพั ย์

การเก็บของในคลังสินค้า (Warehousing) คือ สัญญาฝากทรัพย์ชนิดหน่ึงน่ันเอง เกิดจากสัญญา
ระหว่างนายคลังสินค้าซึ่งเป็นผู้รับฝากอาชีพกับผู้ฝาก ส่วนใหญ่ก็เป็นนักธุรกิจหรือพ่อค้า เช่นเดียวกันสัญญา
เก็บของในคลังสินค้าจึงเป็นสัญญาฝากทรัพย์ชนิดหน่ึง จะต่างจากสัญญาฝากทรัพย์ท่ัว ๆ ไปก็เฉพาะคู่สัญญา
กบั วตั ถแุ หง่ สญั ญาคือทรพั ย์ทฝ่ี าก ซึ่งท�ำใหม้ ผี ลแตกต่างจากการฝากทรัพย์ธรรมดาไปบ้าง กฎหมายจึงได้บญั ญัติ
รองรับไว้เปน็ พิเศษในลกั ษณะนี้ ดังตอ่ ไปน้ี
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 771 บัญญัติไว้ว่า “บทบัญญัติท้ังหลายในประมวล
กฎหมายนี้อันว่าด้วยฝากทรัพย์น้ัน ท่านให้น�ำมาใช้บังคับแก่การเก็บของในคลังสินค้าด้วยเพียงเท่าท่ีไม่ขัดกับ
บทบัญญตั ใิ นลกั ษณะน”ี้
สญั ญาเก็บของในคลงั สนิ ค้ากเ็ หมอื นกบั สญั ญาฝากทรพั ยท์ ว่ั  ๆ ไป คือ สญั ญาส�ำเร็จสมบรู ณเ์ ม่อื ผูฝ้ ากได้
ส่งมอบสินค้าที่ฝากให้แก่ผู้รับฝาก (นายคลังสินค้า) อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่างการเก็บของในคลังสินค้า
กบั การฝากทรพั ย์ มดี งั ตอ่ ไปน้ี
5.1 การเก็บของในคลังสินค้าถือว่าเป็นการด�ำเนินธุรกิจ จึงเป็นสัญญาท่ีมีค่าบ�ำเหน็จเป็นค่าตอบแทน
เสมอในทุกกรณี อนั เป็นทางคา้ ปกตขิ องนายคลังสนิ คา้ ซ่ึงเปน็ ผู้ประกอบการ แมไ้ ม่ไดต้ กลงคา่ บ�ำเหนจ็ กันไว้ก็ตอ้ ง
ถอื วา่ มแี ละเรียกเอาได้ ทงั้ น้ีคู่สัญญาจะตกลงกนั ว่าการเก็บของในคลังสนิ ค้าเปน็ การให้เปล่าก็ได้
5.2 การเก็บของในคลังสินค้านั้นมีเอกสารใบรับฝากก�ำหนดรายการไว้เป็นพิเศษ ได้แก่ ใบรับของคลัง
สนิ คา้ และใบประทวนสนิ ค้า (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 775) ซ่งึ นายคลงั สนิ ค้าจะต้องออกใหแ้ ก่
ผฝู้ ากเอกสารดงั กล่าว นอกจากจะเป็นหลักฐานในการฝากแลว้ กฎหมายยงั ให้ผู้ฝากสลกั หลัง โอนขาย หรอื จ�ำน�ำ
สนิ คา้ ก็ได้ ใบรบั ของคลงั สินคา้ และใบประทวนสินคา้ ต้องมเี ลขล�ำดับตรงกนั กับเลขในตน้ ขั้ว และลงลายมือชอ่ื ของ
นายคลังสินค้า โดยใบรับของคลังสินค้าและใบประทวนสินค้ามีรายละเอียดต่าง ๆ ได้แก่ ช่ือหรือยี่ห้อและส�ำนัก
ของผู้ฝาก ท่ีตั้งคลังสินค้า ค่าบ�ำเหน็จส�ำหรับเก็บรักษา สภาพของสินค้าที่เก็บรักษา และน้�ำหนักหรือขนาด
แห่งสินค้าน้ัน กับทั้งสภาพ จ�ำนวน และเคร่ืองหมายหีบห่อ สถานที่และวันออกใบรับของคลังสินค้าและ
ประทวนสินค้าน้ัน ถ้าได้ก�ำหนดกันไว้ว่าให้เก็บสินค้าไว้ชั่วเวลาเท่าใดให้แจ้งก�ำหนดนั้นด้วย ถ้าของท่ีเก็บรักษา
มีประกันภัย ให้แสดงจ�ำนวนเงินท่ีประกันภัยก�ำหนดเวลาที่ประกันภัย และช่ือหรือย่ีห้อของผู้รับประกันภัย โดย
นายคลงั สนิ ค้าต้องจดรายละเอยี ดลงไว้ในต้นข้วั ด้วย (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 778) แต่ในการ
ฝากทรัพย์ท่ัว ๆ ไป กฎหมายมิได้บังคับว่าต้องมีรายการอะไรบ้าง เขียนเพียงว่าได้รับสิ่งของอะไร ได้จากใคร
ต้งั แตเ่ มือ่ ใดกเ็ พียงพอแล้ว
5.3 การเก็บของในคลังสินค้ามีที่เก็บเรียกว่า “คลังสินค้า” แต่การฝากทรัพย์ท่ัว ๆ ไปไม่มีคลังที่เก็บ
เปน็ การเฉพาะ

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 6 129

5.4 การเก็บของในคลังสินค้านั้นมีกฎหมายควบคุม เพราะเป็นกิจการท่ีกระทบถึงความปลอดภัยและ
ความผาสุกของสาธารณชน ผู้ท่ีจะประกอบกิจการคลังสินค้าจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
พาณชิ ยก์ อ่ น สว่ นการฝากทรพั ย์ทว่ั  ๆ ไปมิได้มีกฎหมายควบคุมใหต้ อ้ งไดร้ ับอนญุ าตจากทางราชการกอ่ น
5.5 ทรพั ยส์ นิ ทฝ่ี ากในคลงั สนิ คา้ นนั้ ตอ้ งเปน็ สนิ คา้ แตฝ่ ากทรพั ยท์ ว่ั  ๆ ไปเปน็ ทรพั ยส์ นิ ใดกไ็ ดท้ ไ่ี มใ่ ชส่ นิ คา้
เหตุท่ีต้องมีคลังสินค้าก็เนื่องจากความจ�ำเป็นท่ีต้องเก็บรักษาสินค้าไว้เพ่ือจ�ำหน่ายโอนในอนาคตหรือ
เพื่อป้อนโรงงานหรอื รอขนสง่ ต่อไป

6. สิทธิและความรับผิดของนายคลงั สินค้า

6.1 สทิ ธิของนายคลังสินคา้ สทิ ธิและหน้าที่เป็นเร่ืองทเ่ี กดิ ควบค่กู นั เม่อื ฝ่ายหนึง่ มสี ิทธิย่อมกอ่ ให้เกิด
หน้าท่ีแก่อีกฝ่ายหนึ่ง หน้าที่เป็นส่ิงท่ีบุคคลต้องกระท�ำ ส่วนสิทธินั้นผู้ทรงสิทธิอาจสละได้ บทบัญญัติของ
กฎหมายลกั ษณะเกบ็ ของในคลงั สนิ คา้ ใหน้ �ำบทบญั ญตั ขิ องกฎหมายลกั ษณะฝากทรพั ยเ์ พยี งเทา่ ทไี่ มข่ ดั กบั ลกั ษณะ
เก็บของในคลังสินค้า และบทบัญญัติบางมาตราในลักษณะรับขนมาใช้โดยอนุโลมน้ัน ก่อให้เกิดสิทธิของนายคลัง
สนิ คา้ ดงั ต่อไปน้ี (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 771-772)
6.1.1 สทิ ธทิ ีจ่ ะไดบ้ ำ� เหนจ็ ค่าฝาก นายคลังสินคา้ นน้ั เกบ็ รกั ษาสนิ ค้าเพอ่ื บ�ำเหนจ็ สนิ จา้ งในทางค้า
ปกตขิ องตน (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 770) เนือ่ งจากนายคลังสินคา้ ประกอบธรุ กจิ เพอื่ แสวงหา
ก�ำไรมีคา่ ตอบแทนในการเกบ็ รักษาสนิ คา้ เปน็ ปกติ
6.1.2 สทิ ธไิ ด้คา่ บ�ำรงุ รักษาทรัพยท์ ่ีฝาก ค่าใชจ้ ่ายใดอันควรแกก่ ารบ�ำรุงรกั ษาทรพั ย์สนิ ซ่งึ ฝากนั้น
ผู้ฝากจ�ำต้องชดใช้ให้แก่ผู้รับฝาก เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้โดยสัญญาฝากทรัพย์ว่า ผู้รับฝากจะต้องออกเงิน
ค่าใชจ้ ่ายนนั้ เอง (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 668) ค่าบ�ำรุงรักษาทรพั ยท์ ี่ฝาก เชน่ ค่าอาหารสตั ว์
ทฝ่ี ากคา่ วคั ซีน เปน็ ต้น
6.1.3 สทิ ธไิ ดค้ า่ สง่ คนื ทรพั ย์ คา่ คนื ทรพั ยส์ นิ ซง่ึ ฝากนนั้ ยอ่ มตกแกผ่ ฝู้ ากเปน็ ผเู้ สยี (ประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 667) นายคลังสินค้าเรียกให้ผู้ฝากถอนสินค้าไป แต่ผู้ฝากไม่ยอมถอน นายคลังสินค้า
จึงน�ำสินค้าท่ีฝากไปส่งคืนแก่ผู้ฝากเสียเอง ซึ่งนายคลังสินค้าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สมควร เช่น
ค่าขนสง่ สนิ ค้า เป็นต้น นายคลงั สินค้ามีสทิ ธิเรียกคา่ ใชจ้ า่ ยซง่ึ เกดิ จากการสง่ คนื ทรัพย์จากผฝู้ าก
6.1.4 สิทธิยึดหน่วง นายคลังสินค้ามีสิทธิยึดทรัพย์สินที่ฝากไว้จนกว่าจะได้รับเงินท่ีค้างช�ำระ
แก่ตนเกี่ยวด้วยการฝากทรัพย์น้ัน ให้น�ำสิทธิยึดหน่วงเก่ียวกับการรับขนมาใช้ด้วย นายคลังสินค้ามีสิทธิยึดหน่วง
สินค้าไว้เป็นประกันหน้ีที่ค้างช�ำระแก่ตน โดยให้ยึดหน่วงไว้ได้ตามท่ีจ�ำเป็น (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 670 มาตรา 772 และมาตรา 630)
ตัวอย่าง นายมีน�ำข้าวหอมมะลิมาฝากในคลังสินค้าไว้กับบริษัท รุ่งเรือง จ�ำกัด ข้าวหอมมะลิ
ท่ฝี ากนีบ้ รรจถุ งุ ละ 5 กิโลกรัม ราคาถุงละ 200 บาท จ�ำนวนท้ังส้ิน 5,000 ถงุ บริษทั รุ่งเรอื ง จ�ำกัด คดิ บ�ำเหน็จ
ค่าฝากสนิ คา้ เปน็ เงนิ 5,000 บาท ดงั น้หี ากนายมคี า้ งช�ำระบ�ำเหน็จคา่ ฝากสินคา้ 5,000 บาท บริษัท รุ่งเรอื ง จ�ำกดั
ซึง่ เป็นนายคลงั สนิ ค้ากม็ ีสทิ ธิยดึ หนว่ งขา้ วหอมมะลไิ ด้เพียง 25 ถงุ เท่านนั้

130 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

6.1.5 สิทธิท่ีจะจัดการกับทรัพย์ท่ีรับฝาก นายคลังสินค้ามีสิทธิที่จะจัดการกับทรัพย์ท่ีรับฝาก
ตามความจ�ำเป็นโดยเอาสินค้าไปฝากไว้ ณ ส�ำนักงานฝากทรัพย์หรือขายทอดตลาดสินค้า ถ้าหากว่าถึงก�ำหนด
คืนสินค้าแล้ว แต่หาตัวผู้มีสิทธิรับสินค้าซ่ึงอาจจะเป็นผู้ฝากหรือผู้รับโอนสินค้าหรือทายาทแล้วแต่กรณีแต่ไม่พบ
หรือกรณีนายคลังสินค้าน�ำสินค้าไปคืนแก่ผู้ฝาก แต่ผู้ฝากบอกปัดไม่รับมอบสินค้า ไม่ตอบว่าจะให้ท�ำอย่างไร
กับสินค้า หรือตอบมาไม่สามารถปฏิบัติได้ นายคลังสินค้ามีสิทธิน�ำสินค้าน้ันไปฝากไว้ ณ ส�ำนักงานฝากทรัพย์
แต่ถ้าสนิ ค้านั้นเป็นของสดซ่ึงอาจเสียได้ เช่น ผลไม้ ผัก เป็นต้น การยึดหนว่ งไวย้ อ่ มเป็นการเส่ียงตอ่ ความเสียหาย
หรือราคานั้นไม่น่าจะคุ้มกับค่าเก็บรักษา นายคลังสินค้าก็มีสิทธิน�ำสินค้านั้นออกขายทอดตลาดได้ โดยนายคลัง
สนิ คา้ ตอ้ งบอกกลา่ วผฝู้ ากหรอื ผรู้ บั สลกั หลงั โดยไมช่ กั ชา้ เมอ่ื ขายทอดตลาดไดเ้ งนิ สทุ ธเิ ทา่ ใด นายคลงั สนิ คา้ มสี ทิ ธิ
ที่จะหกั เงินน้นั ใชห้ น้ใี หต้ นก่อน (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 631-632 ประกอบมาตรา 772 และ
มาตรา 774)
6.1.6 สทิ ธทิ จี่ ะไดร้ บั คา่ เสยี หาย ถา้ สนิ คา้ อยใู่ นสภาพอนั อาจจะกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายได้ หรอื เปน็ สภาพ
เกือบจะก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ผู้ฝากต้องแจ้งก่อนท�ำสัญญาเก็บของในคลังสินค้าโดยต้องแจ้ง
ใหน้ ายคลงั สนิ คา้ ทราบถงึ สภาพและอนั ตรายของสนิ คา้ ทฝ่ี ากทกุ ประการ หากไมแ่ จง้ เรอ่ื งดงั กลา่ วตอ่ นายคลงั สนิ คา้
แล้ว หากเกิดความเสียข้ึนจากสินค้าท่ีฝากนั้น นายคลังสินค้ามีสิทธิที่จะได้รับค่าเสียหายจากผู้ฝาก (ประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 619)
6.2 ความรับผิดของนายคลังสินค้า ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าสิทธิและหน้าท่ีเป็นเร่ืองที่เกิดควบคู่กัน
หน้าทจี่ งึ กอ่ ให้เกิดความรับผดิ ความรับผดิ ของนายคลังสนิ ค้ากค็ ือสิทธขิ องผู้ที่เกยี่ วขอ้ งกบั นายคลงั สินคา้ นน่ั เอง
6.2.1 รบั ผดิ กรณเี อาสนิ คา้ ทฝี่ ากไปใชห้ รอื ใหผ้ อู้ น่ื เกบ็ รกั ษาสนิ คา้ โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตจากผฝู้ าก
ถ้าผู้ฝากไม่ได้อนุญาตและนายคลังสินค้าซึ่งเป็นผู้รับฝากเอาสินค้าซึ่งฝากน้ันออกใช้สอยเอง หรือเอาไปให้บุคคล
ภายนอกใช้สอย หรือให้บุคคลภายนอกเก็บรักษา นายคลังสินค้าซึ่งเป็นผู้รับฝากจะต้องรับผิดเม่ือทรัพย์สิน
ซงึ่ ฝากนัน้ สญู หายหรือบุบสลายอย่างหนึ่งอย่างใด แม้ถงึ จะเป็นเพราะเหตุสุดวสิ ยั เวน้ แตจ่ ะพสิ จู น์ได้วา่ ถงึ อยา่ งไร
ทรัพย์สนิ นนั้ ก็คงจะต้องสูญหายหรือบบุ สลายอยนู่ ัน่ เอง (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 660)
6.2.2 รับผดิ กรณีสินคา้ ทีฝ่ ากสญู หายหรอื บบุ สลายหรอื กรณสี ง่ มอบชกั ช้า นายคลงั สินค้าจะต้อง
รับผิดในการที่สินค้านั้นสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งมอบชักช้า เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการสูญหายหรือบุบสลาย
หรอื ชักชา้ นั้นเกดิ แตเ่ หตสุ ดุ วสิ ยั หรอื เกดิ แต่สภาพแห่งสินคา้ น้นั เอง หรอื เกิดเพราะความผิดของผู้ฝาก (ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 616)
6.2.3 รับผิดกรณีไม่ได้แจ้งน�ำทรัพย์ไปวางท่ีส�ำนักงานวางทรัพย์หรือการขายทอดตลาด
นายคลังสินค้าต้องรับผิดถ้าไม่บอกกล่าวผู้ฝากให้ทราบว่าน�ำสินค้าท่ีฝากไปฝากไว้ ณ ส�ำนักงานฝากทรัพย์ หรือ
น�ำสินค้าท่ีอาจเสียได้ออกขายทอดตลาด (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 631-632 ประกอบ
มาตรา 772 และมาตรา 774)

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 131

7. ใบรับของคลงั สนิ ค้าและประทวนสินคา้

7.1 ใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้าจะมีลักษณะและรายการอย่างเดียวกัน แต่ต่างกันท่ี
การระบุขอ้ ความวา่ เปน็ ใบรับของคลงั สินคา้ หรอื ประทวนสนิ คา้ ใบรบั ของคลงั สนิ คา้ นีน้ อกจากจะใชเ้ ป็นหลักฐาน
ในการฝากทรพั ยแ์ ลว้ ยงั มปี ระโยชนใ์ นการจ�ำหนา่ ยหรอื จ�ำน�ำทรพั ยท์ ฝ่ี ากไดอ้ ยา่ งคลอ่ งตวั สว่ นประทวนสนิ คา้ นน้ั
กฎหมายให้ใช้ประโยชน์อย่างเดียวคือสลักหลังจ�ำน�ำสินค้าท่ีฝาก ใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้าต้องมี
ลกั ษณะดังนี้
7.1.1 ชื่อหรอื ย่หี ้อและส�ำนกั ของผฝู้ ากสินคา้ ใบรับของคลงั สินคา้ และประทวนสนิ คา้
7.1.2 ทีต่ ัง้ ของคลังสินค้า
7.1.3 คา่ บ�ำเหนจ็ ส�ำหรับเกบ็ รกั ษา
7.1.4 สภาพของสินค้าที่เก็บรักษาและน�้ำหนักหรือขนาดของสินค้านั้น กับทั้งสภาพ จ�ำนวน และ
เครื่องหมายหีบหอ่
7.1.5 สถานทีแ่ ละวนั ออกใบรับของคลังสนิ คา้ และประทวนสนิ คา้
7.1.6 ถ้าได้ก�ำหนดไวว้ า่ ใหเ้ กบ็ รักษาสินคา้ ไว้ช่วั ระยะเวลาเทา่ ใด ให้แจ้งก�ำหนดเวลานนั้ ไวด้ ้วย
7.1.7 ถ้าของทีเ่ ก็บมปี ระกนั ภยั ใหแ้ สดงจ�ำนวนเงนิ ท่ีประกันภยั ก�ำหนดเวลาทป่ี ระกนั ภยั และชือ่
หรือยหี่ ้อของผู้รบั ประกนั ภยั ด้วย (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 778)
7.1.8 ใบรบั ของคลงั สินค้าหรือประทวนสนิ ค้าจะออกให้หรือสลกั หลักหลงั ให้ผ้ถู อื ไมไ่ ด้ ต้องออกให้
โดยระบชุ อ่ื ผู้เป็นเจ้าของสนิ ค้าเสมอ (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 779)
7.2 สทิ ธิของผฝู้ ากในใบรับของคลงั สินค้าและประทวนสนิ ค้า
7.2.1 ใบรับของคลังสินค้าน้ัน ผู้ฝากมีสิทธิที่จะสลักหลังโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าไปเป็นของผู้อื่นได้
(ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 776)
7.2.2 ใบประทวนสินค้าน้ัน ผู้ฝากมีสิทธิท่ีจะสลักหลังจ�ำน�ำสินค้าซึ่งจดแจ้งไว้ในประทวนสินค้าได้
โดยไม่ต้องส่งมอบสินค้าน้ันแก่ผู้รับสลักหลัง แต่ต้องแยกประทวนออกเสียจากใบรับของคลังสินค้า และส่งมอบ
ประทวนน้นั ใหแ้ ก่ผูร้ บั สลกั หลงั (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 777)

8. วิธีการจ�ำ น�ำ และการบังคบั จ�ำ น�ำ สินคา้ ทีเ่ กบ็ ในคลงั สนิ ค้า

8.1 วิธีการจ�ำน�ำสินค้าท่ีเก็บในคลังสินค้าได้ การจ�ำน�ำสินค้าที่เก็บในคลังสินค้าเป็นการจ�ำน�ำตราสาร
แทนการจ�ำน�ำสินค้า ซึ่งผู้จ�ำน�ำจะต้องรับจ�ำน�ำประทวนสินค้าก่อนโดยสลักหลังจ�ำน�ำไว้กับหนี้ ต่อจากนั้นเจ้าหน้ี
ท�ำหนังสือบอกแก่นายคลังสินค้า เพ่ือให้นายคลังสินค้าจดแจ้งการจ�ำน�ำไว้ในต้นข้ัวกับใบรับของคลังสินค้า โดย
มวี ิธีการดังต่อไปนี้
8.1.1 สลกั หลงั ใบประทวนสนิ คา้ โดยจดแจง้ รายการสนิ คา้ ทจ่ี �ำน�ำไวใ้ นใบประทวนสนิ คา้ โดยไมต่ อ้ ง
สง่ มอบสินค้าแกผ่ รู้ บั จ�ำน�ำ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 777)

132 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

8.1.2 จดแจ้งหนี้ท่ีจ�ำน�ำสินค้าเป็นประกัน ท้ังจ�ำนวนดอกเบ้ียท่ีจะต้องช�ำระและวันท่ีหนี้จะถึง
ก�ำหนดช�ำระดว้ ย (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 778)
8.1.3 ส่งมอบใบประทวนสินค้าซ่ึงได้สลักหลังและจดแจ้งรายการจ�ำน�ำแล้วให้แก่ผู้รับจ�ำน�ำ
(ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 781)
8.1.4 ผรู้ บั จ�ำน�ำตอ้ งมจี ดหมายบอกกลา่ วการรบั จ�ำน�ำไปใหน้ ายคลงั สนิ คา้ ทราบ โดยมรี ายการจ�ำนวน
หน้ีซ่ึงจ�ำน�ำสินค้าเป็นประกัน จ�ำนวนดอกเบ้ีย และวันอันหนี้ถึงก�ำหนดช�ำระ (ประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิชย์ มาตรา 782 วรรคแรก)
8.1.5 นายคลังสินค้าต้องจดแจ้งรายการดังกล่าวตามข้อ 8.1.4 ในต้นข้ัวด้วย ถ้านายคลังสินค้า
ไม่จดรายการดังกล่าวในต้นขั้ว การรับจ�ำน�ำนั้นจะยกขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ทั้งหลายไม่ได้ (ประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณชิ ย์ มาตรา 782 วรรคสอง)
8.2 การบังคับจ�ำน�ำสินค้าที่เก็บในคลังสินค้า เม่ือหน้ีท่ีจ�ำน�ำสินค้าในคลังสินค้าเป็นประกันถึงก�ำหนด
ช�ำระแล้ว ผู้จ�ำน�ำยังไม่ช�ำระหนี้ ผู้รับจ�ำน�ำอาจบังคับจ�ำน�ำได้โดยไม่ต้องฟ้องคดีต่อศาล การบังคับจ�ำน�ำสินค้า
ท่ีเก็บในคลงั สินคา้ ใหป้ ฏิบตั ิ ดงั ต่อไปนี้
8.2.1 ผทู้ รงประทวนสินค้าหรือผูร้ ับจ�ำน�ำยนื่ ค�ำคัดคา้ น (บอกกล่าว) ตามระเบยี บไปยังผจู้ �ำน�ำ
8.2.2 ผู้ทรงประทวนสินค้าแจ้งให้นายคลังสินค้าขายทอดตลาดสินค้าน้ัน เมื่อครบ 8 วันนับแต่วัน
คดั คา้ น แตห่ า้ มไมใ่ หข้ ายทอดตลาดกอ่ น 8 วนั นบั จากวนั คดั คา้ น (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 790)
8.2.3 ผู้ทรงประทวนสินค้ามีจดหมายบอกกล่าวให้ผู้ฝากหรือผู้จ�ำน�ำทราบเวลาและสถานท่ีขาย
ทอดตลาด (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 791)
8.2.4 นายคลังสินค้าน�ำเงินท่ีขายทอดตลาดช�ำระหน้ีค่าเก็บรักษาสินค้า เหลือเท่าใดช�ำระให้แก่
ผทู้ รงประทวนสนิ คา้ หากมเี หลือช�ำระให้แกผ่ ูจ้ �ำน�ำ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 792)

กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจท่ี 6.2

ตอนท่ี 1 จงเขียนเครอื่ งหมาย ✓ หนา้ ขอ้ ความท่ถี ูก และเขยี นเครอื่ งหมาย ✗ หนา้ ขอ้ ความท่ผี ดิ
…………... 1. สญั ญาเก็บของในคลงั สินคา้ คอื การฝากทรพั ย์
…………... 2. นายคลงั สนิ คา้ คือบคุ คลผรู้ ับทำ�การเกบ็ รกั ษาสินค้าเพอ่ื บำ�เหน็จเปน็ ทางคา้ ปกติของตน
…………... 3. การเก็บของในคลังสินค้ามีท่ีเก็บเรียกว่า “คลังสินค้า” แต่การฝากทรัพย์ทั่วๆ ไปไม่มีคลังที่เก็บ

เป็นการเฉพาะ
…………... 4. สญั ญาฝากทรพั ย์กับสญั ญาเก็บของในคลังสนิ ค้าตา่ งกเ็ ป็นสญั ญาไมต่ ่างตอบแทน
…………... 5. การจ�ำ น�ำ สนิ คา้ ในคลงั สนิ คา้ เปน็ การจ�ำ น�ำ ตราสารแทนการจ�ำ น�ำ สนิ คา้ จงึ ไมต่ อ้ งสง่ มอบสนิ คา้ ทร่ี บั

จ�ำ น�ำ ผู้รับจ�ำ น�ำ อาจบงั คบั จำ�น�ำ ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งฟ้องคดตี ่อศาล
…………... 6. สัญญาเก็บของในคลังสนิ ค้ามีลกั ษณะเปน็ สัญญาต่างตอบแทน
…………... 7. การเก็บของในคลังสนิ ค้าจะมีเอกสารใบรับของคลงั สนิ ค้าและใบประทวนสนิ คา้
…………... 8. ความรบั ผดิ ของนายคลงั สินคา้ คือสิทธขิ องผู้ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั นายคลงั สนิ ค้านั่นเอง
…………... 9. ใบประทวนสนิ คา้ ผู้ฝากไม่มีสิทธิ์ท่จี ะสลักหลังจ�ำ น�ำ สนิ คา้
…………... 10. การจำ�นำ�สินค้าทเี่ ก็บในคลงั สนิ ค้าเป็นการจำ�น�ำ สนิ ค้า

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 133

ตอนที่ 2 จงตอบค�ำถามข้อต่อไปน้ี
1. สัญญาเกบ็ ของในคลังสนิ ค้าคอื อะไร
2. สัญญาฝากทรัพย์กับสัญญาเก็บของในคลังสินคา้ เหมอื นหรือตา่ งกนั อยา่ งไร จงอธิบาย

กจิ กรรมตามสมรรถนะวชิ าชีพท่ี 6.2
เร่อื ง เก็บของในคลงั สินค้า

จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายความหมายและลักษณะของสัญญาเกบ็ ของในคลงั สนิ คา้ ได้
2. ระบกุ ารเกบ็ ของในคลงั สนิ คา้ กบั การฝากทรพั ยไ์ ด้
3. บอกสทิ ธแิ ละความรบั ผิดของนายคลงั สนิ ค้าได้
4. อธบิ ายใบรบั ของคลังสินค้าและประทวนสนิ คา้ ได้
5. บอกวิธกี ารจ�ำน�ำและการบงั คับจ�ำน�ำสนิ คา้ ท่เี กบ็ ในคลังสนิ คา้ ได้
กจิ กรรม
1. ใหผ้ ูเ้ รียนแบ่งกลุม่ ออกเปน็ 5 กลุม่ ศึกษาค้นคว้าขอ้ มูลตามหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้
1.1 ความหมายและลกั ษณะของสญั ญาเกบ็ ของในคลงั สินค้า กลุ่มท่ี 1
1.2 การเกบ็ ของในคลังสนิ ค้ากบั การฝากทรพั ย์ กลุ่มท่ี 2
1.3 สทิ ธิและความรบั ผิดของนายคลังสนิ ค้า กล่มุ ท่ี 3
1.4 ใบรับของคลงั สนิ ค้าและประทวนสินคา้ กลมุ่ ที่ 4
1.5 วิธีการจ�ำน�ำและการบังคับจ�ำน�ำสินค้าที่เกบ็ ในคลงั สินค้า กลุม่ ที่ 5
2. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มที่ได้รับมอบหมายตามหัวข้อ 1.1-1.5 ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับเร่ือง
กฎหมายลักษณะเก็บของในคลังสินค้าและค�ำพิพากษาฎีกาท่ีน่าสนใจ โดยค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งการเรียนรู้
ต่าง ๆ เช่น อนิ เทอรเ์ นต็ หนงั สือจากหอ้ งสมุด เป็นต้น
3. ใหผ้ เู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ ระดมความคดิ สรปุ หลกั กฎหมายลกั ษณะเกบ็ ของในคลงั สนิ คา้ ทเ่ี ปน็ ประเดน็ ส�ำคญั
ในรูปของผงั มโนทัศน์ (Mind Mapping) หรอื สรุปประเดน็ ส�ำคัญในรูปแบบของการแสดงบทบาทสมมตุ ิ
4. จากข้อ 3 ใหผ้ ้เู รยี นเลือกและน�ำเสนอภาระงานหน้าชัน้ เรยี น กล่มุ ละ 3-5 นาที
5. ผูส้ อนและผู้เรียนรว่ มกนั สรปุ ภาพรวม

134 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)

สรปุ

สญั ญาฝากทรัพย์ต้องเปน็ ทรัพยท์ ่มี ีรปู ร่าง ถา้ ไม่มรี ูปร่าง เชน่ ลิขสิทธิ์ จะฝากทรพั ย์ไมไ่ ด้ สญั ญา
ฝากทรัพย์สมบูรณ์โดยการส่งมอบทรัพย์ท่ีฝาก ค่าบำ�เหน็จหรือค่ารับฝากทรัพย์จะมีหรือไม่ก็ได้เป็นไป
ตามข้อตกลงของคู่สัญญา ผู้รับฝากมีหน้าที่ใช้ความระมัดระวังในการสงวนทรัพย์สินท่ีรับฝาก เก็บรักษา
ทรัพย์สินด้วยตนเอง รีบบอกกล่าวแก่ผู้ฝากทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น คืนทรัพย์ท่ีรับฝาก และ
คืนดอกผลท่ีเกิดจากทรัพย์ ผู้ฝากทรัพย์มีหน้าที่เสียค่าใช้จ่ายในการคืนทรัพย์ เสียค่าใช้จ่ายในการบำ�รุง
รักษาทรัพย์ท่ีฝาก และเสียค่าบำ�เหน็จ การฝากเงินเป็นฝากทรัพย์ประเภทหน่ึงซ่ึงกรรมสิทธ์ิโอนไปยัง
ผูร้ บั ฝาก ตา่ งจากสญั ญาฝากทรพั ย์โดยทวั่ ไป
สัญญาเก็บของในคลังสินค้าคือการฝากทรัพย์น่ันเอง เป็นสัญญาระหว่างนายคลังสินค้าผู้รับฝาก
กับผู้ฝาก ซึ่งนายคลังสินค้าจะต้องเก็บสินค้าของผู้ฝากไว้เพ่ือบำ�เหน็จเป็นทางการค้าปกติของตน จึงเป็น
สญั ญาตา่ งตอบแทนโดยมสี นิ คา้ ทฝ่ี ากเปน็ วตั ถแุ หง่ สญั ญาเมอ่ื เกดิ ความเสยี หายกบั สนิ คา้ ทฝ่ี ากนายคลงั สนิ คา้
กจ็ ะตอ้ งรบั ผดิ ตามขอ้ ตกลงในสญั ญา การจ�ำ น�ำ สนิ คา้ ในคลงั สนิ คา้ เปน็ การจ�ำ น�ำ ตราสารแทนการจ�ำ น�ำ สนิ คา้
ซง่ึ ผูจ้ ำ�นำ�จะตอ้ งจำ�นำ�ประทวนสนิ ค้าก่อนโดยสลักหลงั จำ�นำ�ไว้แต่ไม่ตอ้ งส่งมอบสนิ คา้

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 6 135

แบบประเมนิ สมรรถนะรายวิชาหนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 6
เรอื่ ง ฝากทรพั ยแ์ ละเก็บของในคลังสนิ คา้

คำ� ชี้แจง จงเขยี นเครือ่ งหมาย ✓ ลงในชอ่ งว่างท่ตี รงกบั ความคดิ เหน็ ของผ้เู รียนตามความเปน็ จรงิ มากทส่ี ุด
เกณฑ์การประเมิน 5 = ดีมาก 4 = ด ี 3 = ปานกลาง 2 = นอ้ ย 1 = นอ้ ยที่สุด

หัวขอ้ ระดับความคิดเหน็
54321
1. ดา้ นความรู้
1.1 อธบิ ายความหมายและลกั ษณะของสัญญาฝากทรัพยไ์ ด้
1.2 บอกสทิ ธแิ ละหนา้ ทีข่ องผ้ฝู ากทรพั ย์และผรู้ บั ฝากทรพั ย์ได้
1.3 อธิบายวธิ เี ฉพาะการฝากเงนิ ได้
1.4 อธบิ ายความหมายและลักษณะของสญั ญาเกบ็ ของในคลงั สนิ ค้าได้
1.5 ระบกุ ารเกบ็ ของในคลงั สนิ คา้ กับการฝากทรัพยไ์ ด้
1.6 บอกสทิ ธแิ ละความรบั ผิดของนายคลังสินค้าได้
1.7 อธิบายใบรับของคลงั สนิ คา้ และประทวนสนิ ค้าได้
1.8 บอกวิธีการจ�ำ นำ�และการบังคับจ�ำ นำ�สนิ ค้าทีเ่ กบ็ ในคลังสินค้าได้
2. ด้านทกั ษะ
2.1 ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามทีไ่ ด้รับมอบหมายเสรจ็ ตามกำ�หนดเวลา
2.2 เกดิ สมรรถนะในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
2.3 จดั ท�ำ เอกสารท่เี ก่ียวข้องกับลกั ษณะสัญญาฝากทรพั ยแ์ ละเก็บของในคลังสนิ ค้า

ได้ตามหลกั การของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์
3. ด้านเจตคติ

3.1 มคี วามซ่อื สัตยส์ จุ ริต
3.2 มวี นิ ัย ตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบ
3.3 มีมนุษยสัมพันธใ์ นการปฏิบตั ิกจิ กรรม และทำ�งานรว่ มกับผู้อนื่ ได้
3.4 มีเจตคตทิ ี่ดีในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม

136 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)

แบบทดสอบเพื่อประเมินผลหลังการเรยี นรู้

จงเลอื กค�ำตอบที่ถูกตอ้ งเพียงข้อเดยี ว

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ่ี 1 อธิบายความหมายและลกั ษณะ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ่ี 3 อธบิ ายวธิ ีเฉพาะการฝากเงินได้
ของสญั ญาฝากทรพั ยไ์ ด้ 4. ขอ้ ใดเปน็ การฝากเงนิ ตามกฎหมาย
1. ข้อใดคือความหมายและลักษณะของสัญญา 1. การฝากเงินกรรมสิทธ์โิ อนไปยงั ผฝู้ าก
ฝากทรพั ย์ 2. การฝากเงินกรรมสิทธโ์ิ อนไปยงั ผู้รบั ฝาก
1. ท�ำเป็นหนงั สอื 3. ผู้รับฝากเงินไมต่ ้องคนื เงนิ ทฝ่ี ากถา้ ผฝู้ ากตาย
2. สง่ มอบทรพั ย์ทฝี่ าก 4. ผรู้ บั ฝากมสี ทิ ธทิ จี่ ะน�ำเงนิ ซงึ่ ฝากนนั้ ใชอ้ อกใชไ้ ด้
3. ท�ำเป็นหนังสอื และจดทะเบียน กรณีมีเหตุสุดวิสัยท�ำให้เงินท่ีฝากสูญหายไป
4. จดทะเบียนตอ่ พนกั งานเจา้ หน้าท่ี ผรู้ บั ฝากไมต่ ้องคืนเงนิ
5. ถูกตอ้ งทกุ ข้อ 5. ถกู ต้องทกุ ขอ้

จุดประสงค์การเรียนรู้ท่ี 2 บอกสิทธิและหน้าที่ของผู้ฝาก จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ่ี 4 อธบิ ายความหมายและลกั ษณะ
ทรัพยแ์ ละผ้รู บั ฝากทรพั ย์ได้ ของสญั ญาเกบ็ ของในคลงั สนิ ค้าได้
2. ขอ้ ใดเป็นสิทธขิ องผรู้ ับฝาก 5. ขอ้ ใดคือสญั ญาเก็บของในคลงั สนิ ค้า
1. จา่ ยบ�ำเหนจ็ ค่าฝาก 1. ใบรับฝากตามสัญญาเก็บของในคลังสินค้าคือ
2. มีสิทธิยึดหน่วงทรัพย์สิน ใบรับของคลังสนิ คา้ และใบประทวนสินคา้
3. ไม่น�ำทรัพยส์ นิ ท่ฝี ากออกใช้ 2. สญั ญาเกบ็ ของในคลงั สนิ คา้ จะมคี า่ บ�ำเหนจ็ หรอื
4. ต้องสงวนรกั ษาทรัพยส์ นิ ท่ฝี าก ไม่ก็ได้ สว่ นสญั ญาฝากมีบ�ำเหน็จค่าฝากเสมอ
5. ถกู ต้องทุกขอ้ 3. สญั ญาเก็บของในคลังสินค้ามีคู่สัญญา 2 ฝา่ ย
3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับหน้าที่การเก็บรักษา ฝ่ายหน่งึ เรียกวา่ “ผ้รู บั ฝาก” และอีกฝา่ ยหน่ึง
ทรัพย์สินทร่ี บั ฝาก เรยี กว่า “นายคลังสินค้า”
1. ผรู้ บั ฝากต้องเก็บรกั ษาทรพั ยส์ นิ ด้วยตนเอง 4. สัญญาเกบ็ ของในคลงั สินค้ามีคูส่ ญั ญา 2 ฝ่าย
2. ผู้รับฝากเอาทรัพย์ท่ีฝากให้บุคคลภายนอก ฝ่ายหนึ่งเรียกว่า “ผู้ขนส่ง”และอีกฝ่ายหน่ึง
ใช้สอยไดท้ ันที เรียกวา่ “ผ้สู ง่ ” หรือ “ผูต้ ราส่ง”
3. ผู้รับฝากเอาทรัพย์สินที่ฝากไปใช้สอยได้โดย 5. ถกู ตอ้ งทุกข้อ
ไม่ตอ้ งขออนุญาต จุดประสงค์การเรียนรู้ท่ี 5 ระบุการเก็บของในคลังสินค้า
4. ผรู้ บั ฝากเอาทรพั ยท์ ฝี่ ากใหบ้ คุ คลภายนอกตาม กบั การฝากทรพั ยไ์ ด้
ทผ่ี ้รู บั ฝากเห็นสมควรโดยใหเ้ กบ็ รกั ษาแทนได้ 6. ข้อแตกต่างระหว่างการเก็บของในคลังสินค้า
5. ผรู้ บั ฝากเอาทรพั ยท์ ฝ่ี ากใหบ้ คุ คลภายนอกเกบ็ กบั การฝากทรพั ยค์ อื ข้อใด
รกั ษาแทนโดยไมต่ อ้ งขออนญุ าตจากผฝู้ ากกไ็ ด้ 1. การเก็บของในคลังสนิ ค้ามที ่เี กบ็ ทั่วไป แตก่ าร
ฝากทรัพยม์ ีคลงั สินคา้ เป็นทีเ่ กบ็

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 137

2. ทรัพย์สนิ ที่ฝากในคลังสินค้านน้ั ตอ้ งเป็นสินคา้ 3. สภาพของสินค้าที่เก็บรักษา และน้�ำหนักหรือ
แตฝ่ ากทรัพยเ์ ป็นทรพั ย์สินใดกไ็ ด้ทไี่ ม่ใช่สนิ คา้ ขนาดของสนิ คา้ นัน้ กบั ทั้งสภาพ จ�ำนวน และ
3. การเก็บของในคลังสินค้าไม่มีค่าบ�ำเหน็จเป็น เครื่องหมายหบี หอ่
คา่ ตอบแทน แตก่ ารฝากทรพั ยม์ คี า่ บ�ำเหนจ็ เปน็ 4. ใบรับของคลังสินค้า หรือใบประทวนสินค้า
คา่ ตอบแทน จะออกให้หรือสลักหลักหลังให้ผู้ถือไม่ได้
4. การเกบ็ ของในคลงั สนิ คา้ นนั้ มเี อกสารใบรบั ฝาก ตอ้ งออกใหโ้ ดยระบชุ อ่ื ผเู้ ปน็ เจา้ ของสนิ คา้ เสมอ
ก�ำหนดรายการไวเ้ ปน็ พิเศษ แตก่ ารฝากทรพั ย์ 5. ถกู ต้องทุกข้อ
มใี บรับของคลงั สนิ ค้าและใบประทวนสินคา้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ท่ี 8 บอกวธิ กี ารจำ�น�ำ และการบังคับ
5. ถกู ต้องทกุ ขอ้ จ�ำ น�ำ สินคา้ ที่เก็บในคลังสินค้าได้
จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ 6 บอกสิทธิและความรับผิดของ 9. ขอ้ ใดเป็นวิธีการจ�ำน�ำสินคา้ ที่เกบ็ ในคลงั สินคา้
นายคลังสนิ ค้าได้ 1. สลกั หลงั ใบรบั ของคลงั สนิ คา้ โดยจดแจง้ รายการ
7. ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ ทิ ธแิ ละความรบั ผดิ ของนายคลงั สนิ คา้ สินค้าท่ีจ�ำน�ำไว้ในใบรับของคลังสินค้า โดย
1. มีสิทธิท่ีจะได้บ�ำเหน็จค่าฝาก รับผิดกรณีเอา ส่งมอบสนิ คา้ แก่ผู้รับจ�ำน�ำ
สนิ คา้ ทฝี่ ากไปใชโ้ ดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตจากผฝู้ าก 2. สลักหลังใบประทวนสินค้าโดยจดแจ้งรายการ
2. มีสิทธิท่ีจะได้บ�ำเหน็จค่าฝาก รับผิดกรณีให้ สนิ คา้ ทจ่ี �ำน�ำไวใ้ นใบประทวนสนิ คา้ โดยสง่ มอบ
ผู้อ่ืนเก็บรักษาสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก สินค้าแกผ่ รู้ บั จ�ำน�ำ
ผู้ฝาก 3. สลกั หลงั ใบรบั ของคลงั สนิ คา้ โดยจดแจง้ รายการ
3. สิทธทิ ่จี ะจดั การกบั ทรัพยท์ ร่ี บั ฝาก รับผดิ กรณี สินค้าที่จ�ำน�ำไว้ในใบรับของคลังสินค้า โดย
ได้แจ้งน�ำทรัพย์ไปวางที่ส�ำนักงานวางทรัพย์ ไมต่ ้องสง่ มอบสินค้าแกผ่ รู้ บั จ�ำน�ำ
หรอื การขายทอดตลาด 4. สลักหลังใบประทวนสินค้าโดยจดแจ้งรายการ
4. สทิ ธทิ ี่จะจัดการกับทรัพยท์ ่ีรบั ฝาก รบั ผิดกรณี สนิ คา้ ทจ่ี �ำน�ำไวใ้ นใบประทวนสนิ คา้ โดยไมต่ อ้ ง
ไมไ่ ดแ้ จง้ น�ำทรพั ยไ์ ปวางทส่ี �ำนกั งานวางทรพั ย์ ส่งมอบสินค้าแก่ผู้รบั จ�ำน�ำ
หรือการขายทอดตลาด 5. ถูกตอ้ งทุกขอ้
5. ทุกข้อไม่ใช่สิทธิและความรับผิดของนายคลัง 10. การบงั คบั จ�ำน�ำสนิ คา้ ทฝี่ ากในคลงั สนิ คา้ ตอ้ งปฏบิ ตั ิ
สินคา้ ตามในข้อใด
จดุ ประสงค์การเรียนรทู้ ี่ 7 อธิบายใบรับของคลังสนิ ค้าและ 1. น�ำสนิ คา้ ทฝ่ี ากในคลงั สนิ คา้ ออกขายทอดตลาดได้
ประทวนสนิ ค้าได้ 2. น�ำสินค้าขายทอดตลาดก่อน 8 วัน นับจาก
8. ข้อใดเป็นรายละเอียดใบรับของคลังสินค้าและ วันคัดค้าน
ประทวนสนิ ค้า 3. ยดึ สนิ คา้ ทฝ่ี ากไวใ้ นคลงั สนิ คา้ กอ่ นแลว้ น�ำสนิ คา้
1. ค่าบ�ำเหนจ็ ส�ำหรับเก็บรกั ษา ทย่ี ึดไวข้ ายทอดตลาดทันที
2. ชื่อหรือย่ีห้อ และส�ำนักของผู้ฝากสินค้าใบรับ 4. ตอ้ งท�ำค�ำคดั คา้ นเปน็ หนงั สอื แลว้ จงึ ใหน้ ายคลงั
ของคลงั สนิ คา้ และประทวนสนิ คา้ และทต่ี งั้ ของ สนิ ค้าขายทอดตลาดสินคา้
คลงั สนิ คา้ 5. ถกู ต้องทุกขอ้


Click to View FlipBook Version