The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้
คุณครูเพียงพิศ
ภาคเรียนที่ 1-2565 (2)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by iyarasakulpan, 2022-09-06 03:30:10

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาและวัฒนธรรม

แผนการจัดการเรียนรู้
คุณครูเพียงพิศ
ภาคเรียนที่ 1-2565 (2)

๑๘๖

แผนการจดั การเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย จำนวน ๖ ชวั่ โมง
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๖ เร่อื ง ภาษากบั คติชาวบ้าน เวลา ๑ ชัว่ โมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๕ เรอ่ื ง สำนวน สุภาษิต คำพงั เพย

ผลการเรยี นรู้

๖. อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งภาษากับคติชาวบ้านได้
๑. สาระสำคญั

สำนวนเปน็ ถอ้ ยคำสนั้ ๆ ที่คมคาย มีความหมายลึกซึง้ กนิ ใจ บางสำนวนมเี สียงสมั ผัสคล้องจองกนั

ทำให้ไพเราะและจดจำได้ง่าย ทม่ี าของสำนวนเกี่ยวขอ้ งกับการดำเนนิ ชีวิตของมนษุ ย์ สำนวนจงึ เกดิ จาก
ภูมปิ ญั ญาของคนไทยในด้านภาษา

๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
๒.๑ อธบิ ายความหมายของสำนวน สภุ าษิต คำพงั เพยได้
๒.๒ บอกความหมายของสำนวน สุภาษติ คำพังเพยทีก่ ำหนดใหไ้ ด้

๒.๓ วิเคราะหท์ ่ีมาของสำนวน สภุ าษิต คำพังเพย ต่าง ๆ ได้
๒.๔ เหน็ ความสำคัญของสำนวน สภุ าษิต คำพังเพย อันเกดิ จากภูมิปญั ญาของคนไทย

๓. สาระการเรียนรู้
สำนวน สภุ าษติ คำพังเพย

๔. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น

๔.๑ ความสามารถในการสือ่ สาร
๔.๒ ความสามารถในการคดิ

๔.๓ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
๕. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

๕.๑ มีวินยั

๕.๒ ใฝเ่ รียนรู้
๕.๓ ม่งุ มัน่ ในการทำงาน

๕.๔ รกั ความเปน็ ไทย
๖. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำเข้าสู่บทเรยี น

๖.๑ ครูนำนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับเหตุการณ์น่าสนใจที่เกิดขึ้นในวันนั้นหรือเหตุการณ์ที่ทุกคน
มปี ระสบการณร์ ว่ มกัน จากนัน้ ครเู ปรียบเทียบกับสำนวนท่ีตรงกบั เหตุการณ์น้ัน

๖.๒ ให้นักเรยี นชว่ ยกันอธบิ ายความหมายของสำนวนท่คี รยู กมา ครอู ธิบายเพิม่ เติมให้สมบูรณ์
๖.๓ ใหน้ ักเรยี นศึกษาความร้เู รื่อง สำนวน และอา่ นออกเสียงตัวอย่างสำนวนพรอ้ มกัน
จากน้นั รว่ มกันสรปุ ความเขา้ ใจ

๑๘๗

ขน้ั สอน
๖.๔ ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันเขียนแผนภาพความคดิ เพ่อื สรุปท่มี าของสำนวนบนกระดาน ดังนี้

ศาสนา

อาชพี
วรรณคดี

ทีม่ าของสำนวน

ชวี ิตประจำวนั นิทาน

๖.๕ ให้นกั เรียนช่วยกันยกตัวอยา่ งสำนวนที่มีทม่ี าตา่ ง ๆ เพิม่ เตมิ พรอ้ มทงั้ อธิบายความหมาย
๖.๖ ให้นกั เรยี นอา่ นสำรวจสำนวนในบทเรยี นอีกครงั้ แล้วบอกสำนวนท่ียงั ไม่เขา้ ใจความหมาย
เพอ่ื ให้เพื่อน ๆ ช่วยกนั อธิบายใหฟ้ ังแลกเปล่ยี นความร้กู นั ครชู ว่ ยอธบิ ายเพิม่ เตมิ

๖.๗ ให้นกั เรยี นแบง่ เปน็ ๒ ฝ่าย เลน่ เกม “โตค้ ารม คมสำนวน” ซง่ึ มวี ธิ ีการ ดงั น้ี
๖.๗.๑ แตล่ ะฝา่ ยระดมความคดิ แลว้ เขยี นสำนวนไทย ๑๐ สำนวน โดยไม่ใหฝ้ ่ายตรงข้ามรู้

ภายในเวลา ๓ นาที (ครตู รวจสอบสำนวนของท้ังสองฝา่ ยไมใ่ ห้มีสำนวนที่ซำ้ กนั )
๖.๗.๒ เมอ่ื เริ่มการแข่งขันใหแ้ ตล่ ะฝา่ ยผลดั กันบอกสำนวนทเ่ี ขียนไว้โดยบอกเพยี ง

ครงึ่ เดยี ว แลว้ ให้อีกฝ่ายตอ่ สำนวนน้นั ใหส้ มบูรณ์ โดยมเี กณฑ์การให้คะแนน ดังน้ี

- กรณีที่สำนวนที่ใช้ในการแข่งขันตรงกับในบทเรียน ฝ่ายที่ขึ้นสำนวนจะไม่ได้
คะแนนเพิ่ม ส่วนฝ่ายทีต่ อ่ สำนวนถกู ต้องได้ ๑ คะแนน ถา้ ตอ่ สำนวนไมถ่ ูกต้อง

ลบ ๑ คะแนน
- กรณที ่ีสำนวนทใ่ี ชใ้ นการแขง่ ขนั อย่นู อกเหนือจากในบทเรียน ฝา่ ยทข่ี ึ้นสำนวน

ได้ ๓ คะแนน ฝา่ ยทีต่ ่อสำนวนถูกตอ้ งได้ ๒ คะแนน ถา้ ตอ่ สำนวนไมถ่ กู ต้อง

ไมไ่ ด้คะแนน
๖.๘ ให้นักเรยี นช่วยกันอธิบายความหมายของสำนวนท่ีนำมาแข่งขัน ซง่ึ อยนู่ อกเหนอื จาก
ในบทเรยี น

๖.๙ ใหน้ กั เรยี นทำใบงาน เร่ือง การอธิบายลักษณะของสำนวนไทย แลว้ รว่ มกันตรวจสอบ
ความถกู ต้อง

ขน้ั สรปุ
๖.๑๐ ให้นกั เรยี นและครรู ว่ มกบั สรุปความรู้ ดังนี้
- สำนวนเปน็ ถอ้ ยคำส้ัน ๆ ทค่ี มคาย มคี วามหมายลึกซ้งึ กินใจ บางสำนวนมีเสียงสมั ผสั

คล้องจองกันทำให้ไพเราะและจำได้ง่าย ที่มาของสำนวนเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ สำนวน
จงึ เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทยในด้านภาษา

๖.๑๑ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดังน้ี
- สำนวนสะทอ้ นให้เหน็ ลกั ษณะนสิ ยั และวถิ ชี วี ิตของคนไทยอยา่ งไร

๑๘๘

๗. การวัดและประเมนิ ผล

วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์

ประเมนิ ผลงานนกั เรียน แบบประเมนิ ผลงานนกั เรยี น ร้อยละ ๘๐ ผา่ นเกณฑ์

สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์

สังเกตการนำเสนอผลงาน แบบสังเกตการนำเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์

สังเกตสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน แบบสงั เกตสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ แบบสงั เกตคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์

๘. สอื่ / แหล่งเรยี นรู้
๘.๑ ส่ือการเรียนรู้

- ใบความรู้ เรือ่ ง การวเิ คราะห์คุณคา่ ด้านสงั คม
- ใบงานที่ ๑ เรือ่ ง ขอ้ คิดจากวรรณคดไี ทย
- ใบงานที่ ๒ เรอ่ื ง คณุ ค่าดา้ นสังคมจากวรรณคดีไทย

๘.๒ แหล่งเรียนรู้
- ห้องสมดุ

- อนิ เทอร์เน็ต

๑๘๙

๙. ภาคผนวก
ใบงาน เรอื่ ง การอธบิ ายลักษณะของสำนวน สภุ าษิต คำพงั เพย

คำสัง่ ใหน้ กั เรยี นอธิบายลกั ษณะของสำนวน สุภาษติ คำพังเพย ให้เข้าใจชดั เจน
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________

ชอื่ ......................................................................................................ช้ัน................................เลขที่.....................

๑๙๐

เฉลยใบงาน เรอื่ ง การอธิบายลักษณะของสำนวนไทย

ให้นักเรยี นอธิบายลกั ษณะของสำนวนไทยให้เขา้ ใจชัดเจน

(ตวั อยา่ งคำตอบ)
๑. เปน็ ถ้อยคำส้ัน ๆ แตค่ มคาย บางสำนวนมีเสยี งสมั ผัสคลอ้ งจอง เช่น ลดราวาศอก
สาวไส้ให้กากนิ บางสำนวนไม่มีเสยี งสมั ผัสคลอ้ งจอง เช่น เหยียบขีไ้ กไ่ มฝ่ ่อ
เรียนผกู ตอ้ งเรยี นแก้
๒. มคี วามหมายลกึ ซ้ึงกนิ ใจ เชน่ มดแดงแฝงพวงมะมว่ ง หมายถึง ชายทป่ี องรัก
หญงิ บ้านใกลห้ รอื ทอี่ ยใู่ กล้กัน และคอยกีดกันไม่ให้ชายอ่ืนมารัก
๓. เกยี่ วข้องกับวถิ ีชีวิตของคนไทย เชน่ ตำนำ้ พรกิ ละลายแม่นำ้ เก่ียวข้องกบั วถิ ชี วี ิตคนไทย
คือ คนไทยนิยมรับประทานน้ำพรกิ และสมยั กอ่ นนิยมสรา้ งทีอ่ ยอู่ าศยั ใกล้แหล่งนำ้
เพราะเปน็ เส้นทางคมนาคมสายหลัก
๔. ใหข้ ้อคดิ คำสอนในเรื่องใดเรื่องหนึ่งและชใี้ ห้เห็นความจรงิ ของสงิ่ ต่าง ๆ โดยเฉพาะมนษุ ย์
และการดำเนินชวี ติ เชน่ ววั ลมื ตีน ชีใ้ หเ้ หน็ ถึงคนทไี่ ด้ดแี ลว้ ลมื ฐานะเดิมของตนวา่ มีอยู่ใน
สงั คม

ชือ่ ......................................................................................................ชน้ั ................................เลขที่.....................

๑๙๑

แบบประเมินการอธบิ ายลกั ษณะของสำนวนไทย

การประเมนิ ใบงานนีใ้ ห้ผู้สอนพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)
เร่อื ง การอธบิ ายลักษณะของสำนวนไทย

ระดบั ๔ ๓ ๒ ๑
คะแนน (๑๐ คะแนน) (๙ คะแนน) (๗-๘ คะแนน) (๕-๖ คะแนน)

เกณฑก์ าร อธิบายลกั ษณะ อธิบายลกั ษณะ อธบิ ายลักษณะ อธิบายลกั ษณะ
ประเมิน ของสำนวนไทย ของสำนวนไทย ของสำนวนไทย ของสำนวนไทย
ไดห้ ลายประเดน็ บางประเดน็
การอธบิ าย ไดล้ ะเอียด ได้ละเอยี ด และถูกตอ้ ง เป็นการอธิบายสน้ั ๆ
ลักษณะของ ชัดเจน ถูกตอ้ ง ชัดเจน ถกู ต้อง แตย่ ังไม่ครบถว้ น ไม่มกี ารยกตวั อย่าง
สำนวนไทย ทั้งหมด อธบิ าย
ทุกประเดน็ ทกุ ประเด็น ไดด้ ีในบางประเดน็
ยกตัวอยา่ ง ยกตวั อยา่ ง ที่ตนเองเขา้ ใจ
ประกอบทุก ประกอบทุก และมีการยกตวั อยา่ ง
ประกอบในประเดน็ นน้ั
ประเดน็ ทอ่ี ธิบาย ประเด็นทอี่ ธิบาย ซงึ่ เปน็ ตวั อย่าง
ทำใหเ้ ขา้ ใจชัดเจน ทำให้เข้าใจชัดเจน จากในบทเรียน

และตวั อยา่ งที่ แต่ตัวอย่างทย่ี กมา
ยกมาน้ันนอกเหนอื นน้ั เป็นตวั อยา่ ง
จากในบทเรยี น จากในบทเรียน

๑๙๒

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่

คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓

ลงในช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน

ลำดบั ที่ ช่ือ-สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมนี ้ำใจ การมี
ความคิดเห็น ฟงั คนอ่ืน
ตามทีไ่ ด้รบั สว่ นร่วมใน รวม
มอบหมาย การปรบั ปรงุ ๒๐
ผลงานกล่มุ คะแนน

๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑

ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............../.................../................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ ๔ คะแนน

ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ ๓ คะแนน

ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ ๒ คะแนน

ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยคร้งั ให้ ๑ คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

๑๘ - ๒๐ ดีมาก

๑๔ - ๑๗ ดี

๑๐ - ๑๓ พอใช้

ตำ่ กว่า ๑๐ ปรบั ปรุง

๑๙๓

.แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

ลำดับท่ี รายการประเมิน ๔ คุณภาพการปฏบิ ัติ ๑
๓๒

๑ นำเสนอเนื้อหาในผลงานได้ถูกตอ้ ง
๒ การลำดบั ขน้ั ตอนของเนอื้ เรอื่ ง
๓ การนำเสนอมีความนา่ สนใจ
๔ การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกล่มุ
๕ การตรงตอ่ เวลา

รวม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอื่ .......................................................ผู้ประเมนิ
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสมบูรณช์ ัดเจน ................../..................../...................
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องเลก็ น้อย
ให้ ๔ คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ ๓ คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ้ บกพรอ่ งมาก ให้ ๒ คะแนน
ให้ ๑ คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ

ช่วงคะแนน ดีมาก
๑๘-๒๐ ดี
๑๔-๑๗
๑๐-๑๓ พอใช้
ตำ่ กวา่ ๑๐ ปรบั ปรุง

๑๙๔

แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น

ช่ือ..............................................................นามสกุล................................................... เลขท.ี่ ....

คำชแ้ี จง :ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดับคะแนน

สมรรถนะด้าน รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ
ดเี ย่ียม (๓) ดี (๒) ผ่าน (๑) มผ.(๐)

๑. ความสามารถ ๑.๑ มีความสามารถในการรบั – ส่งสาร

ในการสือ่ สาร ๑.๒ มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด

ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม

๑.๓ ใช้วิธกี ารสื่อสารทเี่ หมาะสม

๑.๔ วเิ คราะห์แสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตุผล

๑.๕ เขยี นบนั ทึกเหตุการณป์ ระจำวนั แลว้ เลา่ ให้เพอื่ นฟังได้

สรุป

๒. ความสามารถ ๒.๑ มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์

ในการคิด ๒.๒ มที ักษะในการคดิ นอกกรอบอยา่ งสรา้ งสรรค์

๒.๓ สามารถคดิ อย่างมีวิจารณญาณ

๒.๔ มคี วามสามารถในการคิดอย่างมรี ะบบ

๒.๕ ตัดสินใจแก้ปัญหาเกยี่ วกับตนเองได้

สรุป

๓. ความสามารถ ๔.๑ เรียนร้ดู ว้ ยตนเองได้เหมาะสมตามวยั

ในการใช้ทกั ษะ ๔.๒ สามารถทำงานกลมุ่ ร่วมกับผูอ้ ่นื ได้
ชีวติ ๔.๓ นำความรูท้ ไี่ ดไ้ ปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจำวนั

๔.๔ จดั การปัญหาและความขัดแย้งไดเ้ หมาะสม

๔.๕ หลกี เลี่ยงพฤตกิ รรมไมพ่ ึงประสงค์ที่สง่ ผลกระทบต่อตนเอง

สรปุ

สรุป

สรุปผลการประเมนิ

สรุปผลการประเมนิ  ผา่ น ระดับ  ดีเยย่ี ม  ดี  ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมนิ

 ไมผ่ ่าน ระดับ  ปรบั ปรงุ

๑๙๕

แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
ช่อื – สกุล......................................................เลขที.่ ..................ช้ัน...........................ปกี ารศกึ ษา................
คำชแี้ จง ให้พจิ ารณาตวั ชว้ี ัดต่อไปนแ้ี ลว้ ใหร้ ะดับคะแนนท่ีตรงกับการปฏิบัติของนกั เรียนตามความเปน็ จริง

ระดับคะแนน ๕ หมายถึง ปฏิบตั เิ ปน็ ประจำทกุ ครัง้
ระดบั คะแนน ๔ หมายถงึ ปฏบิ ตั บิ อ่ ยครงั้

ระดบั คะแนน ๓ หมายถึง ปฏบิ ตั ิบางคร้งั
ระดบั คะแนน ๒ หมายถึง ปฏบิ ตั นิ อ้ ย
ระดบั คะแนน ๑ หมายถงึ มพี ฤติกรรมไมช่ ดั เจนหรือไม่มหี ลกั ฐานที่นา่ เชอ่ื ถือ

ตัวชีว้ ัด คะแนน ๑
๕๔๓๒

ขอ้ ๓ มีวนิ ัย

๓.๑ ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครวั โรงเรียนและสงั คม

รวมคะแนน

ข้อ ๔ ใฝเ่ รยี นรู้

๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้

๔.๒ แสวงหาความรูจ้ าก แหลง่ เรยี นรู้ต่างๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ยการ
เลือกใช้ส่ืออย่างเหมาะสม สรปุ เป็นองคค์ วามรู้ และสามารถนำไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้

รวมคะแนน

ข้อ ๖ มุง่ มนั่ ในการทำงาน

๖.๑ ต้ังใจและรบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่กี ารงาน

๖.๒ ทำงานดว้ ย ความเพียร พยายาม และ อดทนเพื่อใหง้ านสำเร็จตามเป้าหมาย

รวมคะแนน

ข้อ ๗ รักความเปน็ ไทย

๗.๑ ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย
และมีความกตญั ญูกตเวที

๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการสอ่ื สารไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม

๗.๓ อนุรักษ์ สบื ทอดภูมปิ ญั ญาไทย

รวมคะแนน

รวมคะแนนทงั้ หมด

รวมคะแนนท้งั หมดเฉล่ียรอ้ ยละ

ระดับคณุ ภาพ

สรุปผลการประเมิน  ผา่ น ระดับ  ดีเย่ียม  ดี  ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมิน

 ไมผ่ ่าน ระดบั  ปรับปรุง

๑๙๖

บนั ทกึ หลังแผนการจัดการเรยี นรู้

ผลการจัดการเรียนรู้
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................

ปัญหาและอุปสรรค
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ/วิธีการแกไ้ ข
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ....................................................ผู้สอน
(นางสาวเพียงพิศ สริ ธิ นพงศ์)
............/............../.................

๑๙๗

ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
..........ม...ีอ..ง..ค..์ป...ร..ะ..ก..อ...บ..ข...อ..ง..แ..ผ...น..ค...ร..บ..ถ...้ว..น....ส..ม..บ...ูร..ณ...์..แ..ล..ะ...ถ..ูก..ต...้อ..ง..ต..า..ม...ห..ล...ัก..ว..ชิ..า..ก...า..ร...............................................
..........ม...กี ..จิ..ก...ร..ร..ม..ก..า..ร..เ..ร..ยี ..น...ร..ูเ้ .น..น้...ผ..ู้เ..ร.ยี...น..เ..ป..น็...ส..ำ..ค...ญั ....ใ..ช..้ส..่อื...แ..ล..ะ...แ..ห...ล..ง่ ..เ.ร..ยี..น...ร..ู้ท...่ีห..ล..า..ก...ห..ล...า..ย...เ..ห..ม...า..ะ..ส..ม....................
..........ม...ีก..า..ร..ว..ัด..แ...ล..ะ..ป...ร..ะ..เ.ม...นิ ..ผ...ล..ส..อ...ด..ค...ล..้อ..ง..ก...ับ..จ..ุด...ป..ร...ะ..ส..ง..ค..์แ...ล..ะ..ก...ร..ะ..บ..ว..น...ก..า..ร..จ...ดั ..ก..า..ร..เ..ร..ีย..น...ร..ู้โ.ด...ย..ใ.ช...้ว..ธิ ..ีก..า..ร..ท...หี่ ..ล...า..ก.หลาย
..........แ..ผ...น..ก...า..ร..จ..ดั..ก...า..ร..เ.ร..ีย..น...ร..ู้น..ำ..ไ..ป..ส...ู่ก..า..ร..ป...ฏ..ิบ...ัต..ิไ..ด..้..ส..อ..ด...ค..ล...้อ..ง..ก..บั...ห..ล...กั ..ส..ตู...ร...บ...ร..บิ...ท....ส..ภ..า..พ...ข..อ...ง..ผ..ู้เ.ร..ีย...น..แ...ล..ะ..ช...ุม..ช..น.
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ..............................................
(นายทรงกลด ภมู ิพานิชย์)

หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
วันท่ี ......... เดอื น .................... พ.ศ...............

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ งานวัดผลและประเมนิ ผลการศึกษา
.........ม..ีอ...ง.ค...์ป..ร..ะ...ก..อ..บ...ข..อ...ง..แ..ผ..น...ค..ร..บ...ถ..้ว..น....ส...ม..บ...รู ..ณ...์.แ...ล..ะ..ถ...กู ..ต..อ้...ง..ต..า..ม..ห...ล..กั...ว..ิช..า..ก..า..ร.................................................
.........ม..ีก...จิ ..ก..ร..ร..ม...ก..า..ร..เ.ร..ยี...น..ร..้เู.น...น้...ผ..ู้เ.ร..ีย..น...เ.ป...น็...ส..ำ..ค..ญั................................................................................................
.........ม..ีก...า..ร..ใ.ช..้ส...อ่ื ..แ..ล...ะ..แ..ห...ล..่ง..เ.ร..ีย...น..ร..หู้...ล..า..ก..ห...ล..า..ย....เ.ห...ม..า..ะ...ส..ม..................................................................................
.........ม..ีก...า..ร..ว..ดั ..แ..ล...ะ..ป..ร..ะ...เ.ม..ิน...ผ..ล...ค..ร..อ..บ...ค..ล...ุม..พ...ฤ..ต...ิก..ร..ร..ม...พ..ุท...ธ..ิพ...สิ..ยั....จ..ติ...พ..สิ...ัย...ท...ัก..ษ...ะ..พ...สิ..ยั...........................................

ลงชื่อ .................................................
(นางสาวจนั ทิรา แวงวงษ์)

หวั หนา้ งานวดั ผลและประเมนิ ผลการศึกษา
วันท่ี ......... เดือน ..................... พ.ศ...............

ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา
..........ใ..ช..จ้ ..ดั..ก...ิจ..ก..ร..ร..ม...ก..า..ร..เ..ร..ีย..น..ก...า..ร..ส..อ..น...ไ..ด..้.......................................................................................................
..........ข..อ...ใ.ห...น้ ..ิเ..ท..ศ....ต..ิด...ต..า..ม...ผ..ล..ก...า..ร..ใ.ช..้.แ..ผ..น...ก..า..ร..จ..ัด...ก..า..ร..เ.ร..ยี...น..ร..ู้..เ.พ...อ่ื ..น...ำ..ไ.ป...พ...ฒั ...น...า.ง..า..น...ต..่อ...ไ.ป.....................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................

ลงช่ือ .................................................
(นายพฤทธ์พิ ล ชารี)

รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
วันท่ี ......... เดือน .................... พ.ศ...............

๑๙๘

แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย จำนวน ๖ ชัว่ โมง
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๖ เรอ่ื ง ภาษากับคติชาวบา้ น เวลา ๑ ชั่วโมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๖ เร่ือง ผญา

ผลการเรียนรู้

๖. อธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่างภาษากับคติชาวบ้านได้
๑. สาระสำคญั

ผญา หมายถึง ปัญญา ความรอบรู้ ไหวพริบ สตปิ ัญญา คำคม สุภาษติ หรอื คำทพ่ี ดู เปน็ ปรศิ นาฟงั แล้ว

ไดน้ ำมาคดิ มาวเิ คราะห์
๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้

๒.๑ อธบิ ายความหมายของผญาไดถ้ ูกต้อง
๒.๒ ใช้ผญาภาษติ ได้ถูกตอ้ งตามบรบิ ท
๓. สาระการเรยี นรู้

ผญา
๔. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน

๔.๑ ความสามารถในการสอื่ สาร
๔.๒ ความสามารถในการคดิ
๔.๓ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต

๕. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
๕.๑ มวี ินัย

๕.๒ ใฝเ่ รยี นรู้
๕.๓ มุง่ มั่นในการทำงาน
๕.๔ รักความเป็นไทย

๖. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรยี น

๖.๑ สนทนาเกีย่ วกบั ผญา โดยใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดงั นี้
- นักเรียนชอบ ผญาภาษิตบทใดมากทีส่ ดุ เพราะเหตุใด
- นกั เรยี นแต่งประโยคเกีย่ วกับ ผญา

- นกั เรียนคิดวา่ ข้อคิดจาก ผญา นำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ไดอ้ ยา่ งไร
ข้นั สอน

๖.๒ นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ กลุ่มละ ๔ – ๕ คน แต่ละกลุม่ ประกอบไปดว้ ยนกั เรียนที่มรี ะดบั
ภูมปิ ญั ญาสงู กลาง และต่ำ ให้แต่ละกลุม่ เลอื กหัวหนา้ กลุ่ม รองหัวหน้ากลมุ่ และเลขานกุ ารกลุ่ม

๖.๓ ครนู ำ ผญา ซกั ถามเกี่ยวกับภาพ ดังต่อไปน้ี

- ภาพ “อยา่ ไวใ้ จทางอยา่ ววางใจคน”
- ภาพท่เี ห็นนกั เรยี นคดิ วา่ นา่ จะตรงกับ ผญา ว่าอย่างไร

- นักเรยี นยกตัวอยา่ งเกย่ี วกบั ผญา ท่ีว่าน้ี และนำไปใช้ในชวี ิตประจำวันไดอ้ ย่างไร
- ถ้านำไปใช้แล้วจะเกิดผลดอี ย่างไร
๖.๔ นักเรยี นแต่ละกล่มุ ช่วยกันศึกษาใบความรู้ เรื่อง ผญา

๑๙๙

๖.๕ นกั เรียนแต่ละกลุ่มเลือก ผญา ทตี่ นเองชอบแล้ววาดภาพประกอบเสร็จแลว้ นำเสนอผลงาน
ข้ันสรปุ

๖.๖ นกั เรยี นและครรู ่วมกันสรปุ บทเรยี น และการนำไปปรบั ใช้กบั ชีวิตประจำวัน จัดผลงาน

ปา้ ยนเิ ทศ นำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น
๗. การวัดและประเมินผล

วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์

สังเกตการนำเสนอผลงาน แบบสังเกตการนำเสนอผลงาน ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์

สังเกตสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน แบบสงั เกตสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์

สังเกตคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ แบบสงั เกตคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์

๘. สือ่ / แหลง่ เรียนรู้
๘.๑ สื่อการเรยี นรู้
ใบความรู้ เรือ่ ง ผญา
๘.๒ แหล่งเรยี นรู้
ห้องสมดุ

๒๐๐

๙. ภาคผนวก

ผญา ภูมปิ ญั ญาอีสาน

กิตติพงศ์ ดารักษ์

ดนิ แดนทร่ี าบสงู แถบตะวนั ออกเฉยี งเหนือของประเทศไทยทั้ง ๑๙ จงั หวดั หรือที่เรียกกนั โดยทวั่ ไป

วา่ ภาคอีสาน ซงึ่ เปน็ ดินแดนแหง่ อารยธรรมที่มขี นบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมอนั เกา่ แก่
มาแต่บรรพกาลแห่งหน่ึงของประเทศไทย นอกจากนยี้ งั มีภาษาทเ่ี ป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง เรียกว่า ภาษา
อสี าน เปน็ ภาษาทส่ี ืบเช้อื สายมาจากอาณาจกั รล้านช้าง

ผญาคอื อะไร
ผญา หมายถึง ปญั ญา ความรอบรู้ ไหวพรบิ สตปิ ัญญา คำคม สภุ าษติ หรอื คำท่ีพดู เป็นปริศนา

ฟงั แล้วไดน้ ำมาคิดมาวิเคราะห์เพ่อื ค้นหาคำตอบจากปญั หาวา่ ความจรงิ เป็นอย่างไร มคี วามหมายว่าอยา่ งไร

ผญา มีความเปน็ มาอย่างไร
วรรณกรรมมขุ ปาฐะประเภทผญาหรือ คำคม ภาษิตทอ้ งถ่นิ อสี านนี้ มคี วามเปน็ มาอย่างไรหรอื ใคร

เป็นผใู้ ห้กำเนดิ ยากที่จะตดั สนิ ไดว้ า่ มาจากไหน ใครเปน็ ผู้ใหก้ ำเนดิ หรือริเริ่ม แตอ่ ย่างไรกต็ าม มีผรู้ ู้
และนกั วิชาการ ที่ทำการศกึ ษาคน้ คว้า วจิ ัย เก่ยี วกบั เรอ่ื งผญา หรอื ภาษิตอสี าน ได้สนั นษิ ฐานหรือให้ทัศนะ
เก่ยี วกบั ทม่ี าของผญาพอสรปุ ได้ดงั น้ี

๑. ผญาเกดิ จาก คำสงั่ สอนและศาสนา โดยหมายเอา คำสอนของผู้ใหญท่ มี่ ีต่อเด็ก ครบู า
อาจารย์ทม่ี ีต่อศิษย์ พอ่ แม่ที่มีต่อลกู หลาน ทง้ั นก้ี ส็ ืบเนอ่ื งจากคำสอนของศาสนาโดยเฉพาะพระพทุ ธศาสนา

๒. ผญาเกดิ จากขนบธรรมเนยี มประเพณี โดยหมายเอา ข้อปฏบิ ัติที่คนในสังคมอีสานปฏิบตั ิ
ต่อกันในวถิ ชี ีวิต

๓. ผญาเกิดจากการเกยี้ วพาราสีของหนมุ่ สาว อาจหมายเอาแรงบนั ดาลใจหรอื ความรูส้ ึกภายใน

ทอ่ี ยากจะบอกต่อกนั และกนั จึงกล่าวออกมาด้วยคำคมเชิงโวหารภาพพจน์ต่าง ๆ แล้วเกิดการโตต้ อบถอ้ ยคำ
แกก่ ันและกัน

๔. ผญาเกิดจากการเลน่ ของเด็ก โดยหมายเอา การเลน่ กันระหว่างเดก็ แล้วมีการตั้งคำถามอยา่ งเช่น
ปรศิ นาคำทาย แต่แทนท่ีจะถามโดยตรงกับสร้างเปน็ ถ้อยคำที่คล้องจองกัน

๕. ผญาเกดิ จากสภาพแวดลอ้ มหรอื เหตุการณ์อ่นื ๆ ในวิถชี วี ิต โดยหมายเอา สภาพการณท์ ่เี กดิ ขึน้

ในชีวิตแลว้ เกิดแรงบันดาลใจใหเ้ กิดถอ้ ยคำในใจและมีการกลา่ วถอ้ ยคำทีค่ ล้องจองแก่กันและกนั ในโอกาส
ท่ีเดนิ ทางไปมาคา้ ขาย หรือกจิ กรรมอ่นื ๆ (อดิศร เพยี งเกษ, ๒๕๔๔: ๙๖)

จากการสันนิษฐานท่มี าของการเกดิ ข้ึนของผญา จะเห็นวา่ ผญานนั้ มคี วามหมายตอ่ ชาวอีสาน ไมว่ า่
ชาวอีสานอาศัยอยู่สถานที่ใด เมื่อมกี จิ กรรมใด ๆ รว่ มกนั หรือสนทนากันในกล่มุ จะมกี ารกลา่ ว ผญาสอดแทรก
ขึ้นมาเสมอ ด้วยเหตุผลดังกลา่ ว ทำให้ผญามีบทบาทหน้าท่แี ละมคี วามสำคญั ต่อสังคมชไทยอีสานต้งั แต่อตีดจนถงึ

ปจั จบุ ัน อาจแบง่ เปน็ ประเภทตา่ ง ๆ แล้วแตโ่ อกาสที่จะนำไปใช้ในกิจกรรมน้ัน ๆ
ประเภทของผญา

ผญาหรอื คำคม ภาษิตโบราณอีสานน้ี แบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ ๔ ประเภท ดังน้ี
๑. ประเภทคำสอน เรยี กวา่ ผญาคำสอนหรือผญาภาษิต
๒. ประเภทเกย้ี วพาราสี เรยี กว่า ผญาเครือ, ผญาย่อย หรอื ผญา โต้ตอบ

๒๐๑

๓. ประเภทปริศนา เรียกว่า ผญาปริศนา-ปัญหาภาษิต
๔. ประเภทอวยพร เรียกวา่ ผญาอวยพร

๑. ประเภทคำสอน
ผญาคำสอนหรอื ผญาภาษติ คือ การใชถ้ อ้ ยคำทีก่ ล่าวเปน็ ร้อยกรองสน้ั ๆ แฝงไว้ดว้ ยคตธิ รรม
คำเตือนใจ หรอื อีนยั หน่ึงคอื ข้อความที่เป็นอปุ มาอุปไมย ใหผ้ ฟู้ งั ไดค้ ดิ ตีความสามารถนำไปประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ
ในทางที่ดีงามถกู ตอ้ ง
ตัวอย่าง

“คนั เจ้าไดข้ ซี่ ้างก้ังฮ่มเปน็ พระยา อยา่ ได้ลมื คนทุกข์ผูข้ ่ีควายคอนกล้า”
“คนั เจา้ ได้ขี่ซา้ งกั้งฮ่มสปั ทน อย่าไดล้ มื คนจนผแู้ ห่นำตีนซ้าง”

ความหมาย : ถา้ ได้ดหี รอื ไดเ้ ป็นใหญ่แลว้ ก็อยา่ ไดล้ ืมผคู้ นรอบข้างหรือเบื้องหลัง
“ความตายนแี้ ขวนคอทุกบาทยา่ ง ไผก็แขวนอ้อนต้อน เสมอด้ามดงั เดียว”

ความหมาย : ความตายนย้ี อ่ ม ตดิ ตามเหมอื นเงาตามตวั ไมม่ ีผู้ใดหลุดพน้
“บญุ บุญนบี้ แ่ หมน่ ของแบง่ ได้ ปนั แจกกนั แหลว่ บ่อหอ่ นแยกออกได้
คือไมผ้ า่ กลาง คอื จ่ังเฮากินขา้ ว เฮากนิ เฮาอ่มิ บ่แหม่นไปอม่ิ ทอ้ ง เขาพุ้นผบู้ ก่ ิน”

ความหมาย : เรื่องของบุญใครเปน็ คนทำ คนนนั้ ได้รบั ผลเอง ไมส่ ามารถแบ่งปัน
ได้เหมือนสง่ิ ของ เหมอื นกนิ ข้าวผ้ทู ีก่ นิ ผ้นู ัน้ กอ็ ิ่มเอง

“คำสอนพอ่ แมน่ หี้ นกั เก่ิงธรณี ผใู้ ดยำเยงนบหากสดิ เี มือหน้า”
ความหมาย : ผใู้ ดเคารพคำสง่ั สอนพอ่ แมจ่ ะเจรญิ กา้ วหนา้

“ขอใหอ้ ดสาสู้ เพยี รไปใหถ้ กื ปอ่ ง คณุ อาจารย์ยกใส่เกล้า คนงิ ไว้อย่าสิลืม”
ความหมาย : อดทนสู้ในสงิ่ ทีถ่ กู ต้อง ยกย่องคุณอาจารย์

๒. ประเภทอวยพร
ผญาอวยพร คอื การใชถ้ ้อยคำทีใช้พูดอวยพรในโอกาสตา่ ง ๆ สว่ นใหญม่ ักจะเปน็ คำพดู ที่ผู้สงู อายุ
หรอื คนที่เคารพนับถือ พดู เพ่อื ใหเ้ ป็นสิริมงคลแก่ผ้ฟู งั หรือผ้รู บั พร อาจแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดงั นี้
๒.๑ อวยพรทวั่ ไป

“ คอ่ ยอยู่ดีสำบายม่ันเสมอมนั เครอื เก่าเด้อ ให้เจา้ อยู่ดีมแี ฮงความเจบ็ อยา่ ให้ได้
ความไข้อยา่ ให้มี ให้ไปดมี าดีผู้อยู่ใหม้ ีชยั ผไู้ ปใหม้ โี ชค โชคม้าอยู่เทิงอาน อยเู่ ทิงเครอื่ งอลงั การ
สำรบั นอนหลบั ใหเ้ จา้ ได้เงนิ พัน นอนฝนั ใหเ้ จา้ ไดเ้ งนิ หมื่น นอนตนื่ ใหเ้ จ้าได้เงนิ แสน แบมอื
ไปใหไ้ ดแ้ ก้วมณโี ชติ โทษฮา้ ยอย่ามาพาน มารฮา้ ยอย่ามาผา่ ใหเ้ จ้ามอี ายุ วรรณงั สขุ ัง พลงั
เดอ ”

ความหมาย : ให้อย่สู ขุ สบาย ความเจ็บไข้อยา่ ได้มี ไปดีมาดี ผ้อู ยูข่ อใหม้ ีชยั ผ้ไู ปขอ ให้มโี ชค
อย่บู นเคร่อื งสำรับอนั อลังการ นอนหลับขอให้ได้เงินพนั นอนฝนั ขอให้ไดเ้ งนิ หม่ืน นอนตืน่ ข้นึ มาขอใหไ้ ด้เงนิ แสน
แบมือไปใหไ้ ดแ้ ก้วมณโี ชติ โทษรา้ ยอย่ามาพานพบ มารร้ายอย่ามากล้ำกลาย ให้มอี ายวุ รรณะ สุขะ พละ

๒๐๒

๒.๒ อวยพรคู่บ่าวสาว

“ ใหเ้ จา้ เป็นคแู่ กว้ คขู่ วัญ ให้เจ้าฮกั กันบม่ เี ปดิ ลูกแกว้ เกดิ หญงิ ชาย สขุ สำบาย

จนแก่เฒา่ สมบัติหลั่งเข้าเนอื งนอง เงินทองมมี ากล้นเทอญ”

ความหมาย : ขอให้คู่บ่าวสาวจงมีความรกั ต่อกันอยา่ ได้เสือ่ มกัน ใหไ้ ดล้ กู หญงิ ลูกชายให้มคี วามสุข

ในครอบครัวจนแกเ่ ฒา่ ชรา มีทรัพยส์ มบัตแิ กว้ แหวนเงินทองมากมายอยา่ ขาดมอื

๒.๓ อวยพรพิธีสขู่ วัญ

“ผูกเบื้องซา้ ยให้ขวญั เจา้ มา ผกู เบื้องขวาใหพ้ ระเจา้ อยู่ ฝ้ายเสน้ นี้มีคำแถน นำมา

ผูกแขนผอวนเจ้า อย่ามีศรีเศร้าตวั เจ้าอย่างหมองหม่น คุณพระพทุ ธ พระ ธรรมมากล้นไหลต้อื ตื่น

ประสงค์ เจ้านอนหลบั ให้ได้เงินหมื่น เจ้านอนต่นื ให้ได้เงนิ แสน แปนมอื ไปใหไ้ ดแ้ กว้ มณโี ชติ โทษรา้ ย

อยา่ พานมารร้ายอยา่ เบยี ด”

ความหมาย : ผกู แขนซา้ ยขอใหข้ วัญมาอยูก่ ับเนือ้ กบั ตวั ผูกแขนขวาขอให้คณุ พระคุณเจา้ อยู่

คมุ้ ครอง ฝ้ายผกู แขนเส้นมคี ำพรจากเทวดาให้นำมาผูกแขนเจ้า อย่าให้มีความเศร้าหมองอยู่ในตัว ด้วยคณุ

พระรตั นตรยั มีมากลน้ ขอให้เจ้าได้ทกุ ส่ิงสมประสงค์ เมือ่ เจา้ นอนหลับขอให้ไดเ้ งินหมนื่ นอนต่ืนขอใหไ้ ด้

เงินแสน ยนื่ มือออกไปขอให้ไดแ้ กว้ แหวนเงนิ ทอง ภยั รา้ ยทั้งปวงอยา่ ไดม้ าเบยี ดเบยี น

๓. ผญาประเภทปรศิ นา-ปญั หาภาษติ

ผญาปรศิ นา-ปัญหาภาษิต คือ การใชถ้ ้อยคำทแ่ี ทรกขอ้ คดิ ปรชั ญา คตชิ ีวติ ในเชิงเปรียบเทียบ

ในถ้อยคำ ทำให้ผ้ฟู งั ตอ้ งนำไปขบคิดและตีความเอาเอง

ตัวอยา่ ง

“อัศจรรย์ใจแข้ หางยาว ๆ สังบ่ได้ฮองน่ัง

บาดกระต่ายหางแป ๆ กระตา่ ยหางก้อม ๆ สงั มาไดน้ งั่ ฮอง”

ความหมาย : อัศจรรย์ใจ ท่ีผู้มีความรู้มามาก ๆ ไม่สามารถช่วยเหลอื ตัวเองได้ แตผ่ รู้ ่ำเรยี น

มานอ้ ยกลับมีความสามารถประกอบอาชีพการงานได้สำเร็จและม่ันคงในชีวิต

“อศั จรรยใ์ จโอ้ โอทองสังมาแตก

บาดวา่ กะโปะหมากพร้าว สังมามัน่ กวา่ โอ”

ความหมาย : อัศจรรยใ์ จ ผ้ทู ม่ี ีเชอื้ สายจากสกุลใหญ่โต มีเกยี รตยิ ศช่อื เสียง ทำไมจงึ แตกแยกขดั แย้ง

กันได้ แตท่ ำไมผูอ้ ยูใ่ นตระกูลธรรมดาสามญั ชนท่ัวไป กลบั มคี วามกลมเกลียวมีความสามัคคีกันดี

“กวางกินหมากขามป้อม ไปคากน้ ขมี้ ่ัง

คนั แมน่ มั่งบข่ ้ี สามมื้อกระต่ายตาย

คันกระตา่ ยตายแลว้ เหน็ อม้ ผดั เน่าเหมน็ ”

ความหมาย : ลูกหลานกระทำความผิด มีผลกระทบถงึ พ่อแม่ผปู้ กครอง ถา้ ไม่สามารถแก้ปัญหา

ไดไ้ มน่ านก็จะเป็นปญั หากระทบไปถึงญาตพิ ีน่ อ้ งเดอื ดร้อนกนั ไปหมด (รวมถึงสถาบันด้วย)

๒๐๓

“อยากกินขา้ ว ให้ปลูกใสพ่ ะลานหนิ

อยากมศี ีล ใหฆ้ า่ พอ่ ตีแม่

อยากให้คนมาแวะ ให้ฆ่าหมู่เดยี วกัน”

ความหมาย : ถา้ หากต้องการความสำเร็จ มีกินมีใชร้ ่ำรวย ตอ้ งเปน็ ผูม้ คี วามอดทน เพียรพยายาม

ต่อการทำทาน มขี ันตธิ รรม (ปลกู ขา้ วใส่พะลานหิน) ถ้าอยากเปน็ ผู้มคี ุณธรรม เอาชนะใจตนเองได้ ต้องดับ

ตวั กเิ ลส คอื โลภ โกรธ หลง ซึง่ เป็นรากเหง้าแห่งกเิ ลสทง้ั ปวง (ฆา่ พอ่ ตีแม)่ และถ้าตอ้ งการใหค้ นเคารพนับถอื

ช่นื ชอบ ต้องขจัดพฤตกิ รรมท่ีเลวร้ายไปให้หมด มีความเหน็ แก่ตัว(ฆ่าหมเู่ ดียวกนั ) เป็นต้น และให้สำรวม

กาย วาจา ใจ

๔. ผญาประเภทเกย้ี วพาราสี

ผญาประเภทน้ีมีชอื่ เรยี กที่แตกต่างกันออกไปวา่ ผญาเครือ, ผญาย่อยหรือผญาโต้ตอบ คือการใช้

ถ้อยคำพูดโตต้ อบกนั เชงิ เกย้ี วพาราสี ทกั ทายปราศรัย สรรเสรญิ เยินยอ หรือความอาลยั

ตัวอยา่ ง

“ฝนั คนื นฝ้ี นั เปน็ ประหลาดตา่ ง ฝันว่าเสาเฮือนเน้ิงไปทางตะวนั ออกฝันว่าปอกมดี

โต้ตกนำ้ ล่องหนี ฝนั วา่ ธำมะรงเหล้อื มในมือกระเด็นแตกเกรงวา่ นาถเจา้ ใจเลย้ี ว

จากเฮียม”

ความหมาย : ฝันเม่ือคนื ชา่ งฝันประหลาดนัก ฝันว่าเสาเรือนเอียงไปทางทิศตะวันออก ฝนั วา่ ปลอก

มดี ตกไปในน้ำ ฝนั ว่าแหวนเพชรในมือหล่นแตก เกรงว่าจะเป็นลางรา้ ยหรือนอ้ งจะจากไป

“สบิ ปกี ะสิถา่ ซาวพรรษากะสอิ ยู่ คนั บ่ได้เปน็ คูเ่ ห็นแตอ่ แุ อง่ นำ้ กะปานได้น่ังเทียม”

ความหมาย : สิบปี ยี่สิบปีกจ็ ะรอน้องอยู่ ถงึ ไมไ่ ด้เคยี งคนู่ ้องมองเห็นแค่ตุ่มใส่นำ้ กเ็ หมือนได้นง่ั เคียง

“อย่าใหเ้ สียแฮงอ้ายเดินทางหวิ หอด คือด่งั ม้าอยากน้ำเดือนหา้ หอดหวิ คันบ่กรู ์

ณาอ้าย เหน็ สิตายมอ้ ยระแหมง่ เหน็ สติ ายหอดแห้งหวิ น้ำหอดแฮง”

ความหมาย : อยา่ ให้เสยี แรงทีพ่ ี่ตอ้ งดัน้ ด้นมาหา ได้โปรดกรุณารบั ไมตรพี ่ีไวอ้ ย่าแลง้ นำ้ ใจนักเลย

“พีส่ ลิ าจากน้องกลับต่าวเคหงั ปาสิลาวังเวนิ เสน่ิ ไปคือฮงุ้ ทงุ สไิ ลลาผ้า สาหนอง

สิลาบวก ฮวกสิลาแมน่ ้ำ นางน้องคอ่ ยอยู่ดี แด่เนอ”

ความหมาย : พ่ีตอ้ งลาจากนอ้ งไปแล้ว เหมือนปลาทล่ี าจากนำ้ นกลาจากหนอง ขอให้น้อง

อยสู่ ขุ สบายดนี ะ

“พน่ี ี้ปลอดออ้ ยซอ้ ย เสมออ้อยกลางกอ กาบกะบ่หอ่ หนอ่ นอ้ ย กะบ่ซอน ชู้บ่

ซ่อนเมียอ้ายบม่ ี”

ความหมาย : พ่ีนย้ี งั เปน็ โสด ไรค้ ูใ่ จเหมือนตน้ ออ้ ยกลางกอ จงึ ไดม้ ุง่ หมายมารักนอ้ ง

“นกเขาตู้พรากคูก่ ะยงั ขนั กาเวาวอนพรากฮงั กะยงั ฮอ้ ง น้องพรากอ้ายคำเดยี วบ่

เอน้ิ สั่ง คนั บเ่ อน้ิ ส่ังใกลข้ อให้เอิ้นส่ังไกล”

ความหมาย : นกพรากคู่พรากรงั ยังรอ้ งเพรียกหา แตน่ ้องจากพ่ีไปไมม่ ีแม้คำรำ่ ลากไ็ มม่ ี

๒๐๔

ผญาเก้ยี วพาราสโี ต้ตอบหนมุ่ สาว
ตวั อย่าง

(ชาย) .... สุขซำบายหมนั้ เสมอมนั เครอื เก่าบ่นอ เทิงพ่อแมพ่ ่ีนอ้ งซำบายถว้ นอยู่สูค่ น บเ่ ด
(สุขสบายเหมือนเดมิ หรอื เปล่า ท้ังพอ่ แมพ่ ่นี ้องมีความสขุ ถ้วนหน้ากนั ไหม)

(หญงิ ) .... น้องน่ี สุขซำบายหมั้น เสมอมนั เครือเก่าอยู่ดอกอ้าย เทิงพอ่ แม่พี่น้องซำบาย
พร้อมสู่คน
(นอ้ งนี้ สุขสบายดีเหมอื นเดิม พอ่ แม่พ่นี ้องก็สบายดกี ันทุกคน)

(ชาย) .... อ้ายน่อี ยากถามข่าวน้ำ ถามข่าวเถงิ ปลา ถามข่าวนา อยากถามข่าว
เถิงเข้า อ้ายอยากถามขา่ วนอ้ งว่ามผี ัวแลว้ หรอื บ่ หรือว่ามีแต่ซู้ ผัวสซิ ้อน
หากบม่ ี
(พอ่ี ยากถามขา่ วคราวเรอื่ งนำ้ เรื่องปลา ถามขา่ วเกย่ี วกับนาก็อยากจะ
ถามถงึ ขา้ ว พอ่ี ยากถามขา่ วเกย่ี วกับตัวนอ้ งว่ามีแฟนหรอื ยัง)

(หญงิ ) ....โอนอ อา้ ยเอย นอ้ งนี้ปอดออ้ ยซอ้ ยเสมอดั่งตองตัด พัดแตเ่ ป็นหญงิ มาบม่ ีซาย
สิมาเก้ยี ว ผัดแต่สอนลอนขนึ้ บม่ ีเครือสเิ กย้ี วพุม่ ผัดแต่เป็นพุม่ ไม้เครอื สิเกีย้ ว
กะบม่ ี
(พ่ีเอย๋ น้องนี้ยังบรสิ ทุ ธิ์ยังไมม่ ีแฟน เหมือนกบั ใบตองที่ตดั พับไว้ ต้ังแต่
เกิดเปน็ หญิงมาไม่มชี าใดเข้ามาเก่ียวพัน เหมือนดั่งพุ่มไมไ้ ม่มีเถาวลั ย์
มาเกาะพัน)

(ชาย) .... น้องอย่ามาตแิ ถลงเวา้ เอาเลามาปลูก บ่แหม่นเซ้ือซาติออ้ ยกินได้กะบห่ วาน
(นอ้ งน่ีชา่ งพูดเหมือนเอาต้นเลามาปลกู เพราะมนั ไมใ่ ช่ออ้ ยกินไดก้ ไ็ มห่ วาน)

(หญิง) .... คันบจ่ รงิ นอ้ งบ่เว้า คนั บเ่ อานอ้ งบห่ ว่า คนั บแ่ มน่ ท่า น้องบไ่ ล่ควายลง
ตีลงแล้ว ถอยคืนมันสิยาก มันสลิ ำบากนอ้ งเทยี วหยุ่งอยู่บเ่ ซา
(ถา้ ไม่จริงนอ้ งไมพ่ ูด ถา้ ไมใ่ ช่ทา่ น้ำน้องไม่ไลค่ วายลงนำ้ เม่อื ไลค่ วายลงไปแลว้
จะไล่ตอ้ นความขน้ึ มามนั กล็ ำบาก)

(ชาย) .... อ้ายน่เี ป็นดงั อาซาไนมา้ เดินทางหวิ ฮอด มาพ้อน้ำส้างแลว้ ในถำ้ กะส่องดาย
กลายไปแลว้ ผัดคืนมากม้ สอ่ ง อยากกนิ กะกนิ บ่ได้ เลียลิ้นอยู่เปล่าดาย
(พน่ี ี้เปน็ เหมือนกับมา้ เดินทางดว้ ยความหิวน้ำ เม่ือมาเจอบอ่ น้ำ ลงกินไมไ่ ด้
เพียงได้แตส่ ่องดูนำ้ อยากกินกล็ งกนิ ไมไ่ ด้คงได้แค่แลบลิน้ ด้วยความกระหาย)

(หญงิ ) ....นอ้ งน้ีเปน็ ดงั เฮอื คาแกง้ เสาประดงคุงหาด หาผู้คึดซอ่ ยแก้ ใหห้ ายฮ้อน กะบม่ ี
(นอ้ งเปน็ ดงั เรือท่ีค้างอยูใ่ นแก่งนำ้ เสาประโดงตดิ อยู่ จะหาคนมาชว่ ยกไ็ ม่ม)ี

จากคำผญาทีย่ กตัวอย่างมา เมื่อพจิ ารณาโดยภาพรวมแล้วสามารถแบง่ เป็น ๓ ลักษณะคอื
๑. หมวดทีว่ ่าดว้ ยผญาภาษิต ไดแ้ ก่ คติสอนใจ ปรศิ นา เชน่ “ครนั เจา้ ไดข้ ่ีซา้ งกั้งฮ่มเปน็ พญา
อย่าสิลมื ชาวนาผู้ขี่ควายคอนกลา้ ”
๒. หมวดท่วี ่าด้วยผญาอวยพร เชน่ “นอนหลับใหเ้ จา้ ไดเ้ งนิ หมืน่ นอนต่นื ใหเ้ จ้าไดเ้ งนิ แสน แปนมอื
ไปให้ไดแ้ ก้วมณโี ชติ โทษฮา้ ยอย่าพาล มารฮา้ ยอย่ามาเบยี ด”
๓. หมวดที่วา่ ดว้ ยผญาเกยี้ ว ได้แก่ การเกย้ี วพาราสกี ันระหวา่ งหญงิ ชาย เช่น “ครันอ้ายคดึ ฮอดน้อง
ให้เหลยี วเบ่งิ เดอื นดาว สายตาเฮาสกิ า่ ยกนั อยเู่ ทิงฟา้ ”

๒๐๕

ความสำคัญของผญาทม่ี ีตอ่ สังคมชาวอสี าน
เมือ่ พิจารณาจากตวั อยา่ งผญาอันเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะชาวอีสานแล้ว นบั ว่าผญามีบทบาท

ตอ่ สงั คมอีสานท่ีสบื ทอดมาแตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จุบนั อยูไ่ ม่น้อย ซ่งึ มกั จะแสดงออกมาในลกั ษณะตอ่ ไปน้ี
๑. ผญามีบทบาทตอ่ การส่ังสอน การถา่ ยทอดความรู้และสงั่ สอนแก่ลูกหลาน ลูกศษิ ย์

ประชาชน ของพอ่ แม่ ครบู าอาจารย์ และพระสงฆ์ นอกจากการถา่ ยทอดโดยตรงแล้วยงั การถ่ายทอดทางออ้ ม
ด้วยการสงั เกตความประพฤตขิ องบคุ คลแวดลอ้ มดว้ ยการปฏบิ ตั ิในกิจกรรมต่าง ๆ เชน่ การบอกเล่า
การประกอบพธิ ีกรรม การแสดงมหรสพ โดยใช้ถ้อยคำทีเ่ ป็นภาษติ หรือผญาเป็นสอ่ื นำมาสอน เพราะผญา
เปน็ ถ้อยคำท่ีแฝงไว้ด้วยคติธรรมและมีความไพเราะสละสลวยรดั กุม ทำให้ผู้ฟังสามารถนำไปประพฤติปฏบิ ัติ
ในทางท่ดี ีงามที่ถูกท่ีควรได้

๒. ผญามบี ทบาทต่อความบันเทงิ คนอสี านมักจะกจิ กรรมการเล่นและมหรสพประจำทอ้ งถ่ิน
อสี านชนิดหนง่ึ คือ หมอลำ เมอ่ื คนอสี านมีงานประจำปหี รืองานบญุ งานกุศลตา่ ง ๆ มกั จะมหี มอลำซง่ึ ถอื วา่
เป็นศิลปะการแสดงที่เป็นภมู ิปญั ญาคูม่ ากบั คนอีสาน และในคำร้องของหมอลำทแ่ี สดงนัน้ ลว้ นแตเ่ ปน็ ถอ้ ยคำ
ทเ่ี ปน็ ผญาแทบทัง้ ส้ิน นอกจากผญาท่ีเป็นคำร้อง(หมอลำ)แล้ว ก็ยังมกี ารกลา่ วผญาโตต้ อบระหว่างกนั และกนั
เรียกว่า การจา่ ยผญา หรอื แก้ผญา พดู ผญา หรือเรยี กอกี อย่างหน่งึ วา่ ลำผญาญอ่ ย ลกั ษณะของการจา่ ยผญา
คอื หมอลำหรือผเู้ ล่นจะนั่งเปน็ วง สว่ นผ้ฟู งั อนื่ ๆ ก็จะนงั่ เป็นวงลอ้ มรอบ แล้วมกี ารจา่ ยผญากนั และกนั และจะมี
หมอแคนเปา่ ใหจ้ งั หวะไปดว้ ย บางคร้งั การจา่ ยผญาก็มใี นกิจกรรมอ่ืน ๆ เช่น เขน็ ฝา้ ยหรือปั่นฝ้าย ฝ่ายชาย
ก็จะลำเก้ยี วฝ่ายหญงิ สว่ นฝา่ ยหญงิ กจ็ ะเข็นฝ้ายไปดว้ ยจา่ ยผญาไปดว้ ย นบั ว่าเปน็ การสรา้ งความสนุกสนานให้กับ
คนอีสานเป็นอยา่ งมากโดยเฉพาะหนุ่มสาวอสี าน

๓. มีบทบาทตอ่ การอนรุ กั ษว์ รรณกรรมท้องถน่ิ อีสาน คนอีสานเมอ่ื ไปอยูใ่ นทใ่ี ด ๆ ถ้าไดม้ กี าร
จัดกจิ กรรมรว่ มกันหรอื แมก้ ระทงั่ คุยกันในกลมุ่ ของคนอีสานแลว้ ส่งิ ที่จะขาดไมไ่ ด้กค็ อื การพูดผญา สอดแทรก
ขึน้ มาในระหว่างการสนทนาเสมอ จงึ เปน็ การอนุรักษว์ รรณกรรมประเภทมุขปาฐะของทอ้ งถิน่ อีสานโดยทางออ้ ม
ทงั้ เพราะผญา เปน็ วรรณกรรมประเภทมุขปาฐะหน่ึงใน ๖ ของวรรณกรรมมุขปาฐะถ่ินอสี าน ไดแ้ ก่

๓.๑ การเลา่ เรอ่ื งตำนานและนิทาน
๓.๒ การสวดสรภญั ญ์
๓.๓ การอา่ นหนังสือผูก
๓.๔ การแสดงหมอลำ
๓.๕ เพลงเด็ก
๓.๖ ผญา

ดงั น้นั ผญา จึงเป็นวรรณกรรมมขุ ปาฐะท่ีมีบทบาทต่อสังคมคนอสี านมาก ท้งั ยงั เปน็ เครอ่ื งมือ
ให้การศกึ ษาแก่คนในกล่มุ และสถาบนั พื้นฐานทางสงั คมมี ครอบครัว เปน็ ต้น นอกจากนี้ยังสรา้ งความเพลดิ เพลิน
กระตนุ้ ความเปน็ อนั หนึ่งอนั เดียวกนั และคงความเปน็ อีกลกั ษณ์ทางภาษาแก่คนอสี านไว้ไมใ่ ห้
เส่อื มสญู ไป เรียกไดว้ า่ ผญาหรือคำคม ภาษติ อีสาน เปน็ วรรณกรรมท้องถน่ิ ทม่ี บี ทบาทน้าท่ี (functionalism)
ท่ีสำคัญต่อคนอีสานตั้งแต่อดตี จนตราบเท่าปัจจุบันทกุ วนั นี้

๒๐๖

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่

คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓

ลงในชอ่ งทต่ี รงกับระดับคะแนน

ลำดบั ท่ี ช่อื -สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมนี ้ำใจ การมี
ความคดิ เห็น ฟงั คนอ่ืน
ตามทีไ่ ด้รบั สว่ นร่วมใน รวม
มอบหมาย การปรบั ปรงุ ๒๐
ผลงานกล่มุ คะแนน

๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑

ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ

............../.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ ๔ คะแนน

ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง ให้ ๓ คะแนน

ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ ๒ คะแนน

ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั ให้ ๑ คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

๑๘ - ๒๐ ดีมาก

๑๔ - ๑๗ ดี

๑๐ - ๑๓ พอใช้

ตำ่ กว่า ๑๐ ปรบั ปรุง

๒๐๗

.แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

ลำดับท่ี รายการประเมิน คุณภาพการปฏบิ ัติ
๔๓๒๑

๑ นำเสนอเนื้อหาในผลงานได้ถูกตอ้ ง
๒ การลำดบั ขน้ั ตอนของเนอื้ เรอื่ ง
๓ การนำเสนอมีความนา่ สนใจ
๔ การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกล่มุ
๕ การตรงตอ่ เวลา

รวม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอื่ .......................................................ผู้ประเมนิ
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสมบูรณช์ ัดเจน ................../..................../...................

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องเลก็ น้อย ให้ ๔ คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ ๓ คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ้ บกพรอ่ งมาก ให้ ๒ คะแนน
ให้ ๑ คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ

ช่วงคะแนน ดีมาก
๑๘-๒๐ ดี
๑๔-๑๗
๑๐-๑๓ พอใช้
ตำ่ กวา่ ๑๐ ปรบั ปรุง

๒๐๘

แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น

ช่ือ..............................................................นามสกุล................................................... เลขท.ี่ ....

คำชแ้ี จง :ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดับคะแนน

สมรรถนะด้าน รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ
ดเี ย่ียม (๓) ดี (๒) ผ่าน (๑) มผ.(๐)

๑. ความสามารถ ๑.๑ มีความสามารถในการรบั – ส่งสาร
ในการสือ่ สาร ๑.๒ มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด
ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
๑.๓ ใช้วิธกี ารสื่อสารทเี่ หมาะสม

๑.๔ วเิ คราะห์แสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตุผล

๑.๕ เขยี นบนั ทึกเหตุการณป์ ระจำวนั แลว้ เลา่ ให้เพอื่ นฟังได้

สรุป

๒. ความสามารถ ๒.๑ มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์
ในการคิด ๒.๒ มที ักษะในการคดิ นอกกรอบอยา่ งสรา้ งสรรค์
๒.๓ สามารถคดิ อย่างมีวิจารณญาณ
๒.๔ มคี วามสามารถในการคิดอย่างมรี ะบบ
๒.๕ ตัดสินใจแก้ปัญหาเกยี่ วกับตนเองได้
สรุป

๓. ความสามารถ ๔.๑ เรียนร้ดู ว้ ยตนเองได้เหมาะสมตามวยั
ในการใช้ทกั ษะ ๔.๒ สามารถทำงานกลมุ่ ร่วมกับผูอ้ ่นื ได้
ชีวติ ๔.๓ นำความรูท้ ไี่ ดไ้ ปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจำวนั
๔.๔ จดั การปัญหาและความขัดแย้งไดเ้ หมาะสม
๔.๕ หลกี เลี่ยงพฤตกิ รรมไมพ่ ึงประสงค์ที่สง่ ผลกระทบต่อตนเอง

สรปุ
สรุป
สรุปผลการประเมนิ

สรุปผลการประเมนิ  ผา่ น ระดับ  ดีเยย่ี ม  ดี  ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมนิ

 ไมผ่ ่าน ระดับ  ปรบั ปรงุ

๒๐๙

แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
ช่อื – สกุล......................................................เลขที.่ ..................ช้ัน...........................ปกี ารศกึ ษา................
คำชแี้ จง ให้พจิ ารณาตวั ชว้ี ัดต่อไปนแ้ี ลว้ ใหร้ ะดับคะแนนท่ีตรงกับการปฏิบัติของนกั เรียนตามความเปน็ จริง

ระดับคะแนน ๕ หมายถึง ปฏิบตั เิ ปน็ ประจำทกุ ครัง้
ระดบั คะแนน ๔ หมายถงึ ปฏบิ ตั บิ อ่ ยครงั้

ระดบั คะแนน ๓ หมายถึง ปฏบิ ตั ิบางคร้งั
ระดบั คะแนน ๒ หมายถึง ปฏบิ ตั นิ อ้ ย
ระดบั คะแนน ๑ หมายถงึ มพี ฤติกรรมไมช่ ดั เจนหรือไม่มหี ลกั ฐานที่นา่ เชอ่ื ถือ

ตัวชีว้ ัด คะแนน ๑
๕๔๓๒

ขอ้ ๓ มีวนิ ัย

๓.๑ ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครวั โรงเรียนและสงั คม

รวมคะแนน

ข้อ ๔ ใฝเ่ รยี นรู้

๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้

๔.๒ แสวงหาความรูจ้ าก แหลง่ เรยี นรู้ต่างๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ยการ
เลือกใช้ส่ืออย่างเหมาะสม สรปุ เป็นองคค์ วามรู้ และสามารถนำไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้

รวมคะแนน

ข้อ ๖ มุง่ มนั่ ในการทำงาน

๖.๑ ต้ังใจและรบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่กี ารงาน

๖.๒ ทำงานดว้ ย ความเพียร พยายาม และ อดทนเพื่อใหง้ านสำเร็จตามเป้าหมาย

รวมคะแนน

ข้อ ๗ รักความเปน็ ไทย

๗.๑ ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย
และมีความกตญั ญูกตเวที

๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการสอ่ื สารไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม

๗.๓ อนุรักษ์ สบื ทอดภูมปิ ญั ญาไทย

รวมคะแนน

รวมคะแนนทงั้ หมด

รวมคะแนนท้งั หมดเฉล่ียรอ้ ยละ

ระดับคณุ ภาพ

สรุปผลการประเมิน  ผา่ น ระดับ  ดีเย่ียม  ดี  ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมิน

 ไมผ่ ่าน ระดบั  ปรับปรุง

๒๑๐

บนั ทกึ หลังแผนการจัดการเรยี นรู้

ผลการจัดการเรียนรู้
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................

ปัญหาและอุปสรรค
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ/วิธีการแกไ้ ข
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ....................................................ผสู้ อน
(นางสาวเพียงพิศ สริ ธิ นพงศ์)
............/............../.................

๒๑๑

ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
..........ม...ีอ..ง..ค..์ป...ร..ะ..ก..อ...บ..ข...อ..ง..แ..ผ...น..ค...ร..บ..ถ...้ว..น....ส..ม..บ...ูร..ณ...์..แ..ล..ะ...ถ..ูก..ต...้อ..ง..ต..า..ม...ห..ล...ัก..ว..ชิ..า..ก...า..ร...............................................
..........ม...กี ..จิ..ก...ร..ร..ม..ก..า..ร..เ..ร..ยี ..น...ร..ูเ้ .น..น้...ผ..ู้เ..ร.ยี...น..เ..ป..น็...ส..ำ..ค...ญั ....ใ..ช..้ส..่อื...แ..ล..ะ...แ..ห...ล..ง่ ..เ.ร..ยี..น...ร..ู้ท...่ีห..ล..า..ก...ห..ล...า..ย...เ..ห..ม...า..ะ..ส..ม....................
..........ม...ีก..า..ร..ว..ัด..แ...ล..ะ..ป...ร..ะ..เ.ม...นิ ..ผ...ล..ส..อ...ด..ค...ล..้อ..ง..ก...ับ..จ..ุด...ป..ร...ะ..ส..ง..ค..์แ...ล..ะ..ก...ร..ะ..บ..ว..น...ก..า..ร..จ...ดั ..ก..า..ร..เ..ร..ีย..น...ร..ู้โ.ด...ย..ใ.ช...้ว..ธิ ..ีก..า..ร..ท...หี่ ..ล...า..ก.หลาย
..........แ..ผ...น..ก...า..ร..จ..ดั..ก...า..ร..เ.ร..ีย..น...ร..ู้น..ำ..ไ..ป..ส...ู่ก..า..ร..ป...ฏ..ิบ...ัต..ิไ..ด..้..ส..อ..ด...ค..ล...้อ..ง..ก..บั...ห..ล...กั ..ส..ตู...ร...บ...ร..บิ...ท....ส..ภ..า..พ...ข..อ...ง..ผ..ู้เ.ร..ีย...น..แ...ล..ะ..ช...ุม..ช..น.
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ..............................................
(นายทรงกลด ภมู ิพานิชย์)

หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
วันท่ี ......... เดอื น .................... พ.ศ...............

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ งานวัดผลและประเมนิ ผลการศึกษา
.........ม..ีอ...ง.ค...์ป..ร..ะ...ก..อ..บ...ข..อ...ง..แ..ผ..น...ค..ร..บ...ถ..้ว..น....ส...ม..บ...รู ..ณ...์.แ...ล..ะ..ถ...กู ..ต..อ้...ง..ต..า..ม..ห...ล..กั...ว..ิช..า..ก..า..ร.................................................
.........ม..ีก...จิ ..ก..ร..ร..ม...ก..า..ร..เ.ร..ยี...น..ร..้เู.น...น้...ผ..ู้เ.ร..ีย..น...เ.ป...น็...ส..ำ..ค..ญั................................................................................................
.........ม..ีก...า..ร..ใ.ช..้ส...อ่ื ..แ..ล...ะ..แ..ห...ล..่ง..เ.ร..ีย...น..ร..หู้...ล..า..ก..ห...ล..า..ย....เ.ห...ม..า..ะ...ส..ม..................................................................................
.........ม..ีก...า..ร..ว..ดั ..แ..ล...ะ..ป..ร..ะ...เ.ม..ิน...ผ..ล...ค..ร..อ..บ...ค..ล...ุม..พ...ฤ..ต...ิก..ร..ร..ม...พ..ุท...ธ..ิพ...สิ..ยั....จ..ติ...พ..สิ...ัย...ท...ัก..ษ...ะ..พ...สิ..ยั...........................................

ลงชื่อ .................................................
(นางสาวจนั ทิรา แวงวงษ์)

หวั หนา้ งานวดั ผลและประเมนิ ผลการศึกษา
วันท่ี ......... เดือน ..................... พ.ศ...............

ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา
..........ใ..ช..จ้ ..ดั..ก...ิจ..ก..ร..ร..ม...ก..า..ร..เ..ร..ีย..น..ก...า..ร..ส..อ..น...ไ..ด..้.......................................................................................................
..........ข..อ...ใ.ห...น้ ..ิเ..ท..ศ....ต..ิด...ต..า..ม...ผ..ล..ก...า..ร..ใ.ช..้.แ..ผ..น...ก..า..ร..จ..ัด...ก..า..ร..เ.ร..ยี...น..ร..ู้..เ.พ...อ่ื ..น...ำ..ไ.ป...พ...ฒั ...น...า.ง..า..น...ต..่อ...ไ.ป.....................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................

ลงช่ือ .................................................
(นายพฤทธ์พิ ล ชารี)

รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
วันท่ี ......... เดือน .................... พ.ศ...............

๒๑๒

แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๖ เรอ่ื ง ภาษากับคตชิ าวบา้ น จำนวน ๖ ชั่วโมง

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๗ เรอื่ ง ภาษากบั การละเล่นพน้ื บา้ น เวลา ๒ ช่ัวโมง

ผลการเรียนรู้

๖. อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่างภาษากบั คติชาวบ้านได้
๑. สาระสำคัญ

การละเล่นพื้นบา้ น คอื การละเลน่ ท่ีแสดงเอกลกั ษณ์ของท้องถิน่ เป็นกจิ กรรมทชี่ ่วยอนรุ ักษว์ ัฒนธรรม

การละเล่นของแตล่ ะทอ้ งถิน่ อีกทั้งการละเล่นพน้ื เมอื งบางอยา่ งยงั มบี ทร้อง ซง่ึ แสดงถึงความสมั พนั ธ์ของภาษา
กบั วัฒนธรรมเหลา่ นีใ้ ห้คงอย่สู ืบทอดต่อกันมายงั ลูกหลานรนุ่ ตอ่ ๆ ไป

๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๒.๑ บอกความหมายของการละเลน่ พืน้ บ้านได้
๒.๒ บอกวธิ กี ารละเล่นพ้ืนบา้ นทมี่ บี ทร้องประกอบ พรอ้ มกับอธบิ ายความหมายของบทรอ้ งน้ันได้

ลกั ษณะการเข้าใจลกั ษณะของคำไทยและคำภาษาถ่นิ ท่ีปรากฏในภาษาไทยได้
๒.๓ บอกคุณค่าทีไ่ ด้จากการละเลน่ พน้ื บ้านได้

๓. สาระการเรยี นรู้
ภาษากบั การละเล่นพ้นื บ้าน

๔. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น

๔.๑ ความสามารถในการส่อื สาร
๔.๒ ความสามารถในการคดิ

๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
๕. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

๕.๑ มวี ินัย

๕.๒ ใฝ่เรยี นรู้
๕.๓ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

๕.๔ รกั ความเปน็ ไทย
๖. กิจกรรมการเรยี นรู้

วธิ ีสอนแบบสาธติ และวธิ ีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบตั ิ, กระบวนการกลมุ่

ช่วั โมงที่ ๑
ขั้นนำเข้าส่บู ทเรยี น

๖.๑. ครใู หน้ กั เรียนดูภาพ แลว้ ร่วมกันสนทนาว่า จากภาพเปน็ การทำกจิ กรรมอะไร และนักเรยี น
เคยทำกิจกรรมแบบน้ีหรอื ไม่ (การละเล่นพื้นบา้ น : งูกินหาง)

ขั้นสอน

๖.๒. ครูซกั ถามนักเรยี นเกยี่ วกับการละเล่นพ้ืนบ้าน เช่น
- นักเรียนรจู้ กั การละเล่นพ้นื บ้านอะไรบ้าง

- นกั เรยี นเคยเลน่ การละเลน่ พ้ืนบ้านหรือไม่ ถา้ เคย เคยเลน่ กับใคร เลน่ ท่ไี หน

๖.๓. ครซู กั ถามนักเรยี นวา่ ชอบเล่นการละเล่นพื้นบา้ นหรือไม่ เพราะเหตใุ ด

๒๑๓

ครถู ามนกั เรยี นว่า มกี ารละเล่นพน้ื บา้ นใดบ้างท่เี กี่ยวขอ้ งกับการใช้ภาษา ให้นกั เรียนยกตวั อย่าง และสนทนา
กับนักเรียนว่าการละเล่นพืน้ บ้านทีน่ กั เรยี นยกตวั อยา่ งมา กลา่ วถงึ เรอ่ื งอะไร

๖.๔. ครูให้นกั เรยี นแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ ๔-๕ คน คละความสามารถ ศึกษาค้นคว้าหาความรู้เกยี่ วกับ

การละเล่นพนื้ เมอื ง ทีเ่ ก่ียวข้องกับการใชภ้ าษา เช่น มบี ทร้อง บทกลอนประกอบ
๖.๕ ครูใหแ้ ต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอผลงานที่หนา้ ชน้ั เรียนพร้อมสาธิตท่าทางประกอบและชักชวน

ใหเ้ พอ่ื นฝกึ เล่นการละเลน่ พ้นื เมอื งด้วยด้วย โดยครูคอยใหข้ ้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ
ข้นั สรุป
๖.๖ ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้

ชวั่ โมงที่ ๒
ขัน้ นำเข้าสู่บทเรียน

๖.๑ ครูและนกั เรียนรว่ มกนั ทบทวนความร้จู ากการเรยี นช่ัวโมงทแี่ ล้ว

ข้ันสอน

๖.๒ ครูใหน้ ักเรยี นศึกษาใบความรู้ เร่ือง การละเลน่ พน้ื บ้าน

๖.๓ ครูมอบหมายงานใหน้ กั เรียนแต่ละคนไปศึกษาคน้ คว้าหาการละเลน่ พ้นื บ้านทม่ี ีบทร้องประกอบ
โดยใหม้ ีภาพประกอบพร้อมวธิ กี ารละเล่น บทรอ้ ง และคุณคา่ ทไ่ี ดร้ บั คนละ ๑ การละเลน่ ลงในใบงาน เรอ่ื ง

การละเล่นพืน้ บา้ น
๖.๔ ครูใหน้ ักเรียนท่ีจัดผลงานได้สมบูรณ์ครบถ้วน ออกมานำเสนอผลงานท่ีหนา้ ชนั้ เรยี น โดยครู

คอยให้ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ

ขั้นสรุป
๖.๕ ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั การละเล่นพ้นื บา้ น

๗. การวัดและประเมินผล

วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์

ประเมินผลงานนักเรียน แบบประเมินผลงานนกั เรียน ร้อยละ ๘๐ ผ่านเกณฑ์

สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์

สังเกตการนำเสนอผลงาน แบบสงั เกตการนำเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์

สังเกตสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน แบบสงั เกตสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์

สงั เกตคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ แบบสังเกตคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์

๘. ส่ือ / แหลง่ เรียนรู้
๘.๑ ส่อื การเรียนรู้

- ใบความรู้ เรอ่ื ง การละเลน่ พื้นบ้าน
- ใบงาน
๘.๒ แหล่งเรียนรู้

- ห้องสมุด
- อนิ เทอร์เนต็

๒๑๔

๙. ภาคผนวก
ใบความรู้

เรอื่ ง การละเล่นพ้ืนบ้าน
การละเลน่ พน้ื บ้านของไทย คอื การเลน่ ด้ังเดมิ ของเด็กและผใู้ หญ่ สืบทอดต่อกนั มา เลน่ เพ่อื
ความบนั เทิงใจ มที ้ังมีกติกาและไม่มกี ตกิ า มีบทรอ้ งหรอื ไมม่ บี ทรอ้ ง บ้างมีท่าเต้นท่ารำประกอบเพือ่ ให้งดงาม
และสนกุ สนานยิง่ ข้นึ ผู้เล่นและผู้ชมสนุกรว่ มกัน การ ละเล่นของไทยพบหลักฐานว่ามีมาแต่กรุงสโุ ขทยั แต่ท่ี
ชัดเจนปรากฏในบทละครเรือ่ ง “มโนหร์ า” ครัง้ กรุงศรีอยธุ ยา คือ การเลน่ ว่าว ลงิ ชิงเสา ปลาลงอวน การละเลน่
ไทยแตกต่างไปตามสภาพทอ้ งถนิ่ บางอย่างไม่สามารถจะช้ขี าด ลงไปได้ว่าเป็นการละเล่นของเด็กหรือของผใู้ หญ่
อย่างไรก็ตาม วธิ ีการเล่นสว่ นใหญม่ ีคุณค่าในทางเสรมิ สรา้ งพลานามัย ประเทืองปญั ญา ชว่ ยให้อารมณแ์ จ่มใส
ฝกึ จิตใจใหง้ ดงาม มีความสามัคคี และสรา้ งคนดี

คุณคา่ และประโยชนข์ องการละเล่นแบบไทย
๑. ดา้ นร่างกาย การละเล่นไทยไม่ว่าจะเป็นกลางแจง้ หรือว่าในร่ม ล้วนแตช่ ว่ ยให้เดก็ ได้เคลือ่ นไหวอวัยวะ

สว่ นตา่ ง ๆ ซงึ่ นอกจากจะเป็นการฝกึ การใชก้ ลา้ มเน้อื แล้วยงั ทำใหเ้ ด็กได้ออกกำลังกายด้วย เชน่ การเลน่ งูกินหาง
ทเ่ี ดก็ ตอ้ งโยกตวั ว่งิ ทำท่ากางแขนบนิ หรอื การเล่นตงั เต ท่เี ด็กตอ้ งกระโดด ตอ้ งฝกึ การทรงตัวจากการเขยง่ เทา้
ข้างเดียว

๒. ดา้ นอารมณ์ การละเลน่ ไทยทกุ ประเภทเมอื่ เด็กไดเ้ ลน่ แล้วจะชว่ ยใหเ้ ด็กอารมณ์ดี เบิกบาน สดช่ืน
กระฉบั กระเฉง สนุกสนาน คลายเครยี ด

๓. ดา้ นสังคม การละเล่นไทยส่วนใหญจ่ ะเปน็ การเล่นเป็นกลุม่ ซ่งึ จะชว่ ยให้เดก็ เรียนรถู้ งึ ความสามัคคี
ฝกึ การเป็นผู้นำผู้ตาม ฝึกการยอมรบั ขอ้ ตกลงและเคารพกฎกตกิ าในการเลน่ รวมท้ังฝึกการมีน้ำใจเปน็ นักกฬี า
ใหร้ จู้ กั รู้แพ้-รชู้ นะ-รอู้ ภยั

๔. ดา้ นสติปัญญา การละเล่นของไทยหลายประเภทช่วยฝึกทางด้านสติปัญญา เชน่ การเลน่ หมากเกบ็
ช่วยฝกึ เร่ืองคณิตศาสตร์ ในการนบั จำนวน การเล่นจ้ำจ้มี ะเขือเปราะและรีรีขา้ วสาร ช่วยฝกึ ในเรื่องของภาษา
จากคำศพั ทแ์ ละคำคลอ้ งจองท่ใี ชร้ อ้ งประกอบในการเลน่ การเลน่ ตี่จับ ที่ฝกึ ให้ร้จู ักวางแผนและใช้ความคิด
ในการแก้ไขปญั หา

จะเห็นไดว้ า่ การละเลน่ แบบไทยทค่ี ุณพอ่ คุณแม่เคยเล่นกันมาในสมยั เด็กมีประโยชน์และมคี ุณคา่ อย่าง
มากมายไมแ่ พ้การเลน่ แบบสมยั ใหม่เลย ทง้ั ยงั ไม่ตอ้ งส้ินเปลืองอะไรด้วย แต่ปัจจุบันคงตอ้ งยอมรับว่าการละเลน่
แบบไทยนคี้ อ่ ยๆถูกลืมเลือนไปจากสังคมของเราทุกที ซึง่ คงเป็นทีน่ ่าเสยี ดายทสี่ ง่ิ ดี ๆ เหล่าน้ีจะหายไป
หากเปน็ ไปไดผ้ ูเ้ ขียนอยากให้คณุ พอ่ คุณแม่ได้นำการละเลน่ แบบไทยนี้มาเลน่ กบั ลกู ๆบา้ ง เช่น เลน่ มอญซอ่ นผ้า
เล่นพ่องแู มง่ ู เล่นหมากเกบ็ หรือตบแปะ ซ่งึ การละเล่นเหลา่ นี้ท้งั เลน่ ได้ง่าย ทง้ั สนกุ เป็นกิจกรรมที่สรา้ ง
ความสัมพันธ์ในครอบครวั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี และมีประโยชนต์ ่อการเรยี นรดู้ า้ นต่าง ๆ ของเด็ก ๆ และที่สำคัญยงั ได้
รว่ มอนรุ ักษ์สิ่งดี ๆ เหล่านไี้ วใ้ หอ้ ย่ใู นสงั คมไทยของเราตอ่ ไปตราบชั่วลกู ชั่วหลาน

๒๑๕

ใบงาน เรือ่ ง การละเลน่ พน้ื บา้ น..............................................................

วธิ ีการละเลน่ …………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
บทรอ้ ง………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
คณุ ค่าท่ีได้รับ…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๒๑๖

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่

คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓

ลงในชอ่ งทต่ี รงกับระดับคะแนน

ลำดบั ท่ี ช่อื -สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมนี ้ำใจ การมี
ความคดิ เห็น ฟงั คนอ่ืน
ตามทีไ่ ด้รบั สว่ นร่วมใน รวม
มอบหมาย การปรบั ปรงุ ๒๐
ผลงานกล่มุ คะแนน

๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑

ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ

............../.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ ๔ คะแนน

ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง ให้ ๓ คะแนน

ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ ๒ คะแนน

ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั ให้ ๑ คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

๑๘ - ๒๐ ดีมาก

๑๔ - ๑๗ ดี

๑๐ - ๑๓ พอใช้

ตำ่ กว่า ๑๐ ปรบั ปรุง

๒๑๗

.แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

ลำดับท่ี รายการประเมิน คุณภาพการปฏบิ ัติ
๔๓๒๑

๑ นำเสนอเนื้อหาในผลงานได้ถูกตอ้ ง
๒ การลำดบั ขน้ั ตอนของเนอื้ เรอื่ ง
๓ การนำเสนอมีความนา่ สนใจ
๔ การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกล่มุ
๕ การตรงตอ่ เวลา

รวม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอื่ .......................................................ผู้ประเมนิ
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสมบูรณช์ ัดเจน ................../..................../...................

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องเลก็ น้อย ให้ ๔ คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ ๓ คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ้ บกพรอ่ งมาก ให้ ๒ คะแนน
ให้ ๑ คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ

ช่วงคะแนน ดีมาก
๑๘-๒๐ ดี
๑๔-๑๗
๑๐-๑๓ พอใช้
ตำ่ กวา่ ๑๐ ปรบั ปรุง

๒๑๘

แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น

ช่ือ..............................................................นามสกุล................................................... เลขท.ี่ ....

คำชแ้ี จง :ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดับคะแนน

สมรรถนะด้าน รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ
ดเี ย่ียม (๓) ดี (๒) ผ่าน (๑) มผ.(๐)

๑. ความสามารถ ๑.๑ มีความสามารถในการรบั – ส่งสาร
ในการสือ่ สาร ๑.๒ มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด
ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
๑.๓ ใช้วิธกี ารสื่อสารทเี่ หมาะสม

๑.๔ วเิ คราะห์แสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตุผล

๑.๕ เขยี นบนั ทึกเหตุการณป์ ระจำวนั แลว้ เลา่ ให้เพอื่ นฟังได้

สรุป

๒. ความสามารถ ๒.๑ มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์
ในการคิด ๒.๒ มที ักษะในการคดิ นอกกรอบอยา่ งสรา้ งสรรค์
๒.๓ สามารถคดิ อย่างมีวิจารณญาณ
๒.๔ มคี วามสามารถในการคิดอย่างมรี ะบบ
๒.๕ ตัดสินใจแก้ปัญหาเกยี่ วกับตนเองได้
สรุป

๓. ความสามารถ ๔.๑ เรียนร้ดู ว้ ยตนเองได้เหมาะสมตามวยั
ในการใช้ทกั ษะ ๔.๒ สามารถทำงานกลมุ่ ร่วมกับผูอ้ ่นื ได้
ชีวติ ๔.๓ นำความรูท้ ไี่ ดไ้ ปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจำวนั
๔.๔ จดั การปัญหาและความขัดแย้งไดเ้ หมาะสม
๔.๕ หลกี เลี่ยงพฤตกิ รรมไมพ่ ึงประสงค์ที่สง่ ผลกระทบต่อตนเอง

สรปุ
สรุป
สรุปผลการประเมนิ

สรุปผลการประเมนิ  ผา่ น ระดับ  ดีเยย่ี ม  ดี  ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมนิ

 ไมผ่ ่าน ระดับ  ปรบั ปรงุ

๒๑๙

แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
ช่อื – สกุล......................................................เลขที.่ ..................ช้ัน...........................ปกี ารศกึ ษา................
คำชแี้ จง ให้พจิ ารณาตวั ชว้ี ัดต่อไปนแ้ี ลว้ ใหร้ ะดับคะแนนท่ีตรงกับการปฏิบัติของนกั เรียนตามความเปน็ จริง

ระดับคะแนน ๕ หมายถึง ปฏิบตั เิ ปน็ ประจำทกุ ครัง้
ระดบั คะแนน ๔ หมายถงึ ปฏบิ ตั บิ อ่ ยครงั้

ระดบั คะแนน ๓ หมายถึง ปฏบิ ตั ิบางคร้งั
ระดบั คะแนน ๒ หมายถึง ปฏบิ ตั นิ อ้ ย
ระดบั คะแนน ๑ หมายถงึ มพี ฤติกรรมไมช่ ดั เจนหรือไม่มหี ลกั ฐานที่นา่ เชอ่ื ถือ

ตัวชีว้ ัด คะแนน ๑
๕๔๓๒

ขอ้ ๓ มีวนิ ัย

๓.๑ ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครวั โรงเรียนและสงั คม

รวมคะแนน

ข้อ ๔ ใฝเ่ รยี นรู้

๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้

๔.๒ แสวงหาความรูจ้ าก แหลง่ เรยี นรู้ต่างๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ยการ
เลือกใช้ส่ืออย่างเหมาะสม สรปุ เป็นองคค์ วามรู้ และสามารถนำไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้

รวมคะแนน

ข้อ ๖ มุง่ มนั่ ในการทำงาน

๖.๑ ต้ังใจและรบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่กี ารงาน

๖.๒ ทำงานดว้ ย ความเพียร พยายาม และ อดทนเพื่อใหง้ านสำเร็จตามเป้าหมาย

รวมคะแนน

ข้อ ๗ รักความเปน็ ไทย

๗.๑ ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย
และมีความกตญั ญูกตเวที

๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการสอ่ื สารไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม

๗.๓ อนุรักษ์ สบื ทอดภูมปิ ญั ญาไทย

รวมคะแนน

รวมคะแนนทงั้ หมด

รวมคะแนนท้งั หมดเฉล่ียรอ้ ยละ

ระดับคณุ ภาพ

สรุปผลการประเมิน  ผา่ น ระดับ  ดีเย่ียม  ดี  ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมิน

 ไมผ่ ่าน ระดบั  ปรับปรุง

๒๒๐

บนั ทกึ หลังแผนการจัดการเรยี นรู้

ผลการจัดการเรียนรู้
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................

ปัญหาและอุปสรรค
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ/วิธีการแกไ้ ข
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ....................................................ผู้สอน
(นางสาวเพียงพิศ สริ ธิ นพงศ์)
............/............../.................

๒๒๑

ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
..........ม...อี ..ง..ค..ป์...ร..ะ..ก..อ...บ..ข...อ..ง..แ..ผ...น..ค...ร..บ..ถ...ว้ ..น....ส..ม..บ...รู..ณ...์..แ..ล..ะ...ถ..ูก..ต...้อ..ง..ต..า..ม...ห..ล...กั ..ว..ชิ..า..ก...า..ร...............................................
..........ม...กี ..ิจ..ก...ร..ร..ม..ก..า..ร..เ..ร..ีย..น...ร..เู้ .น..น้...ผ..เู้..ร.ีย...น..เ..ป..็น...ส..ำ..ค...ัญ....ใ..ช..้ส..อื่...แ..ล..ะ...แ..ห...ล..ง่ ..เ.ร..ีย..น...ร..ูท้ ...ห่ี ..ล..า..ก...ห..ล...า..ย...เ..ห..ม...า..ะ..ส..ม....................
..........ม...ีก..า..ร..ว..ัด..แ...ล..ะ..ป...ร..ะ..เ.ม...ิน..ผ...ล..ส..อ...ด..ค...ล..อ้..ง..ก...บั ..จ..ดุ...ป..ร...ะ..ส..ง..ค..์แ...ล..ะ..ก...ร..ะ..บ..ว..น...ก..า..ร..จ...ดั ..ก..า..ร..เ..ร..ีย..น...ร..ู้โ.ด...ย..ใ.ช...ว้ ..ิธ..ีก..า..ร..ท...่หี ..ล...า..ก.หลาย
..........แ..ผ...น..ก...า..ร..จ..ดั..ก...า..ร..เ.ร..ยี..น...ร..นู้ ..ำ..ไ..ป..ส...กู่ ..า..ร..ป...ฏ..ิบ...ตั..ิไ..ด..้..ส..อ..ด...ค..ล...อ้ ..ง..ก..ับ...ห..ล...กั ..ส..ูต...ร...บ...ร..บิ...ท....ส..ภ..า..พ...ข..อ...ง..ผ..ู้เ.ร..ยี...น..แ...ล..ะ..ช...มุ ..ช..น.
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................

ลงช่อื ..............................................
(นายทรงกลด ภูมพิ านชิ ย์)

หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
วนั ที่ ......... เดอื น .................... พ.ศ...............

ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ งานวัดผลและประเมินผลการศกึ ษา
.........ม..ีอ...ง.ค...ป์ ..ร..ะ...ก..อ..บ...ข..อ...ง..แ..ผ..น...ค..ร..บ...ถ..ว้..น....ส...ม..บ...รู ..ณ...์.แ...ล..ะ..ถ...กู ..ต..อ้...ง..ต..า..ม..ห...ล..ัก...ว..ิช..า..ก..า..ร.................................................
.........ม..กี...ิจ..ก..ร..ร..ม...ก..า..ร..เ.ร..ยี...น..ร..ู้เ.น...น้...ผ..เู้ .ร..ีย..น...เ.ป...็น...ส..ำ..ค..ัญ................................................................................................
.........ม..กี...า..ร..ใ.ช..ส้...อื่ ..แ..ล...ะ..แ..ห...ล..ง่..เ.ร..ยี...น..ร..หู้...ล..า..ก..ห...ล..า..ย....เ.ห...ม..า..ะ...ส..ม..................................................................................
.........ม..กี...า..ร..ว..ัด..แ..ล...ะ..ป..ร..ะ...เ.ม..ิน...ผ..ล...ค..ร..อ..บ...ค..ล...ุม..พ...ฤ..ต...ิก..ร..ร..ม...พ..ทุ...ธ..ิพ...สิ..ยั....จ..ิต...พ..ิส...ยั ...ท...ัก..ษ...ะ..พ...สิ..ยั...........................................

ลงชอ่ื .................................................
(นางสาวจันทิรา แวงวงษ์)

หัวหน้างานวัดผลและประเมนิ ผลการศกึ ษา
วนั ท่ี ......... เดอื น ..................... พ.ศ...............

ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา
..........ใ..ช..้จ..ัด..ก...ิจ..ก..ร..ร..ม...ก..า..ร..เ..ร..ีย..น..ก...า..ร..ส..อ..น...ไ..ด..้.......................................................................................................
..........ข..อ...ใ.ห...น้ ..ิเ..ท..ศ....ต..ิด...ต..า..ม...ผ..ล..ก...า..ร..ใ.ช..้.แ..ผ..น...ก..า..ร..จ..ัด...ก..า..ร..เ.ร..ยี...น..ร..ู้..เ.พ...ื่อ..น...ำ..ไ.ป...พ...ัฒ...น...า.ง..า..น...ต..อ่..ไ..ป.....................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................

ลงชือ่ .................................................
(นายพฤทธ์พิ ล ชาร)ี

รองผ้อู ำนวยการกลุม่ บริหารวชิ าการ
วนั ที่ ......... เดือน .................... พ.ศ...............

๒๒๒

แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๓ เรอ่ื ง ภาษากบั คติชาวบ้าน จำนวน ๓ ช่วั โมง

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑๘ เรอื่ ง ภาษาถนิ่ เวลา ๓ ช่ัวโมง

ผลการเรียนรู้

๘. มคี วามรูค้ วามเข้าใจภาษาถนิ่
๑. สาระสำคญั

ภาษาไทยมที ้ังภาษามาตรฐานท่ีใชเ้ ปน็ ภาษาราชการ และภาษาถน่ิ ซง่ึ เป็นภาษาท่ีมี

ลกั ษณะเฉพาะแสดงถงึ เอกลกั ษณข์ องคนแต่ละท้องถิ่น การเรียนเรอ่ื งภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาถิน่
จะทำให้รูค้ ำศัพทม์ ากขึ้น และเลือกใช้คำได้อยา่ งเหมาะสม

๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้
๒.๑ เปรียบเทยี บภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่นได้
๒.๒ เขา้ ใจลกั ษณะของคำไทยและคำภาษาถิน่ ที่ปรากฏในภาษาไทยได้

๒.๓ สามารถนำภาษาถิ่นไปใชใ้ นชวี ติ ประจำไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
๓. สาระการเรียนรู้

ภาษาถิน่
๔. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

๔.๑ ความสามารถในการสอื่ สาร

๔.๒ ความสามารถในการคิด
๔.๓ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต

๕. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
๕.๑ มวี ินยั
๕.๒ ใฝเ่ รยี นรู้

๕.๓ ม่งุ มั่นในการทำงาน
๕.๔ รักความเปน็ ไทย

๖. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ช่ัวโมงท่ี ๑
ข้ันนำเขา้ สู่บทเรยี น

๖.๑ ครูสนทนารว่ มกบั นกั เรียนโดยใชค้ ำถาม ดังน้ี
- ภาษาถนิ่ เกดิ จากสาเหตใุ ด

- ภาษาถิ่นมคี วามสำคัญอย่างไรตอ่ การดำเนินชีวติ
- ถา้ นักเรียนไม่เข้าใจวัฒนธรรมทางภาษาของทอ้ งถน่ิ ที่นกั เรียนไปอยจู่ ะมผี ลตอ่ การ

ดำเนนิ ชวี ิตอย่างไร

ขนั้ สอน
๖.๒ ครูสอบถามนักเรยี นวา่ มาจากถิน่ ใดบา้ ง

๖.๓ ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ยกตวั อย่างคำศัพทใ์ นภาษาถิ่นตา่ ง ๆ
๖.๔ ครูให้ตวั อย่างประโยคในภาษาไทยมาตรฐานแล้วใหน้ ักเรยี นอา่ นประโยคน้นั เปน็ ภาษาถิ่น
ของตนเอง

๒๒๓

๖.๕ ครแู บง่ นักเรยี นเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ ๔ คน คละกันตามความสามารถ ให้นกั เรยี น
แต่ละกลุ่มฟังเพลงท่ีมีภาษาถ่นิ ต่าง ๆ ๓ เพลงแล้วใหน้ กั เรียนบอกวา่ เปน็ เพลงภาษาถ่นิ ใดบ้าง พร้อมทงั้ ระบุ
คำภาษาถน่ิ ที่ปรากฏในเพลงและบอกคำแปลเป็นภาษาไทยกลาง

๖.๖ ครูให้แต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอผลงานทีห่ นา้ ชั้นเรียน โดยครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม
ขนั้ สรุป

๖.๗ ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกนั สรุปความรู้ เรอ่ื ง ภาษาถน่ิ
ชั่วโมงท่ี ๒
ขัน้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น

๖.๑ ครูและนักเรยี นรว่ มกันทบทวนความรู้จากการเรยี นช่ัวโมงท่แี ล้ว
ข้นั สอน

๖.๒. ครใู หน้ ักเรยี นอา่ นใบความรู้ เรอ่ื งภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่น โดยครูอธิบาย
ใหน้ กั เรยี นฟงั วา่ ภาษาไทยมาตรฐาน หมายถึง ภาษาทีใ่ ช้เป็นภาษาราชการ ส่วนภาษาถิ่น คอื ภาษาท่ใี ช้
เฉพาะในทอ้ งถิน่ ใดท้องถน่ิ หนง่ึ ท่มี รี ูปแบบเฉพาะตวั ทัง้ ถ้อยคำและสำเนียงเปน็ เอกลกั ษณข์ องแต่ละทอ้ งถนิ่

๖.๓ ครูใหน้ ักเรยี นดูตวั อยา่ งคำภาษาถนิ่ ภาคตา่ ง ๆ จากใบความรู้

๖.๔ ครูใหน้ กั เรยี นทำกิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ ใบงาน โดยเขียนภาษาถิน่ ในภาคต่าง ๆ ให้ตรงกบั
ภาษาไทยมาตรฐานท่กี ำหนด และเขียนภาษาถิ่นจากภาษาไทยมาตรฐานทีก่ ำหนด

๖.๕ ครูให้นกั เรยี นอาสาสมัครหรอื สมุ่ เรียกนักเรยี นออกมานำเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียน โดยครู
และเพือ่ นนกั เรียนชว่ ยตรวจสอบความถูกต้อง

ข้ันสรปุ

๖.๖ ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ ความรู้ เรื่อง ภาษาถ่นิ
ชัว่ โมงที่ ๓

ขั้นนำเขา้ สูบ่ ทเรยี น
๖.๑ ครูและนกั เรียนร่วมกันทบทวนความรู้จากการเรียนชวั่ โมงทีแ่ ลว้

ขน้ั สอน

๖.๒. ครูให้นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ ๔-๕ คน ค้นคว้าหาประโยคท่ีเปน็ ภาษาถนิ่ เหนอื
ถน่ิ อสี าน และถน่ิ ใต้ อย่างละ ๑๐ ประโยค พรอ้ มทง้ั บอกความหมายของประโยคดงั กล่าว

๖.๓ ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุม่ ส่งตัวแทนมานำเสนอผลงานหน้าชัน้ เรยี น โดยครูและเพ่ือนนกั เรยี น
ชว่ ยตรวจสอบความถูกต้อง

ขนั้ สรปุ

๖.๔ ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกนั สรุปความรู้ เรือ่ ง ภาษาถ่ิน

๒๒๔

๗. การวัดและประเมนิ ผล

วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์

ประเมินผลงานนักเรยี น แบบประเมนิ ผลงานนกั เรยี น รอ้ ยละ ๘๐ ผ่านเกณฑ์

สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตการนำเสนอผลงาน แบบสงั เกตการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์

สงั เกตสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน แบบสังเกตสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์

สังเกตคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบสงั เกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์

๘. ส่ือ / แหล่งเรยี นรู้
๘.๑ สื่อการเรยี นรู้
- ใบความรู้
- ใบงาน ท่ี ๑
- ใบงาน ที่ ๒
- เพลงภาษาถ่นิ ๓ ภาค ดงั นี้ เพลงอยา่ กดึ้ นัก(ภาษาเหนือ) เพลงเดอ้ นอ้ งเด้อ(ภาษาอีสาน)
เพลงแฟนจา๋ (ภาษาถน่ิ ใต,้ ภาษาถิ่นเหนือ,ภาษาถิ่นอสี าน)
๘.๒ แหล่งเรียนรู้
- หอ้ งสมุด
- อนิ เทอรเ์ นต็

๒๒๕

๙. ภาคผนวก
ใบความรู้
ภาษาถนิ่

ภาษาไทย เปน็ ภาษาท่ีใช้พดู กันตามถนิ่ ตา่ ง ๆ ของประเทศไทย ดว้ ยเหตนุ ้ี จึงทำให้ภาษาไทยท่เี คยใช้
เป็นอย่างเดียวกนั มา แตเ่ ดมิ มีความแตกตา่ งกนั ไปทงั้ ในดา้ นเส่ยี ง และดา้ นความหมายของคำ ท้งั นีเ้ น่ืองจาก
การแปรเปล่ยี นไปตามสภาพของท้องถน่ิ ท่อี าศัย (กรมการศึกษานอกโรงเรียน, ๒๕๔๖ : ๑๒๕)

ภาษาถ่นิ หมายถงึ ภาษาท่ีใช้กันเฉพาะในกล่มุ ชนหน่ึง ซึ่งแตกตา่ งจากภาษามาตรฐาน เปน็ ภาษา
พนื้ เมือง หรือภาษาที่ใชพ้ ูดกนั ตามทอ้ งถน่ิ ต่าง ๆ ในประเทศไทย ไดแ้ ก่ ภาษาถนิ่ เหนือ ภาษาถ่ินกลาง
ภาษาถิน่ อสี าน ภาษาถ่ินใต้ และอาจรวมถงึ ภาษาของชนกล่มุ นอ้ ย ซ่ึงอาศยั อยู่ในประเทศไทย เช่น ชาวเขา
ชาวส่วย ชาวเล ฯลฯ

สำนกั บรหิ ารงานการศึกษานอกโรงเรียน (๒๕๔๖ : ๒๑๘) ไดใ้ หค้ วามหมายของภาษาถน่ิ ดังตอ่ ไปนี้
ภาษาถน่ิ หมายถึง ภาษาที่ใชส้ ่อื ความหมายตามท้องถน่ิ ตา่ ง ๆ ซึ่งจะแตกต่างกนั ในถอ้ ยคำ สำเนยี ง
แต่ก็สามารถจะติดต่อสอ่ื สารกนั ได้ และถอื ว่าเปน็ ภาษาเดียวกัน เพียงแตแ่ ตกต่างกันตามท้องถิน่ เทา่ น้ัน
ดังนั้น ภาษามาตรฐานกค็ อื ภาษาไทยถิน่ หน่ึงนนั่ เอง แต่เปน็ ภาษาถิน่ ท่ีเป็นแกนกลางสำหรับ
ส่ือความหมาย ให้เข้าใจไดต้ รงกันระหว่างคนไทยท่ัวประเทศ ความสำคัญและอิทธิพลของ
ภาษาถนิ่ มีดงั น้ี
๑. ภาษาถน่ิ ใชเ้ ปน็ เคร่อื งมอื ศกึ ษาประวัติ และวิวัฒนาการของภาษา ทำให้ทราบที่มา
ของคำ เนอื่ งจากภาษาถน่ิ มีความเปลย่ี นแปลงชา้ สามารถรักษาเสยี ง และความหมายเดิมไวไ้ ด้มากกวา่ ภาษา
มาตรฐาน (หรอื ภาษาถน่ิ กลาง) จงึ ใช้ตรวจสอบหาความหมายดงั้ เดมิ ของคำได้ เช่น แปดเป้อื น
(แปดภาษาเหนือ หมายถงึ ป้าย , เป้อื น คอื เลอะเทอะ) แขนแมน (แมน ภาษาอสี าน หมายถงึ
มือ, แขน ) พบปะ ( ปะ ภาษาใต้ หมายถึง มาเจอกนั ) ฯลฯ
๒. ภาษาถ่นิ เปน็ สว่ นหนึ่ง และเป็นที่มาของภาษาไทย วรรณคดไี ทย การศึกษาภาษาถ่ิน
ทำให้เขา้ ใจภาษา และวรรคดีไดล้ กึ ซ้งึ ยง่ิ ขึ้น
๓. ภาษาถนิ่ ในการสืบทอดวฒั นธรรม ซ่ึงแสดงภมู ิปญั ญาทอ้ งถิน่ ได้เป็นอย่างดี ไดแ้ ก่
การละเล่น เพลงพน้ื บ้าน ประเพณี และวรรณกรรมทอ้ งถ่ิน เปน็ ตน้
๔. ภาษาถนิ่ ชว่ ยรักษาคำดง้ั เดมิ ของภาษา ได้แก่ คำเรยี กเครอื ญาติ ช่อื อวยั วะ ธรรมชาติ กิริยา
ทว่ั ไป เชน่ พ่อ แม่ ลกู ผวั เมีย หัว หู ดนิ นำ้ กิน นอน ฯลฯ
๕. ภาษาถ่นิ มอี ิทธพิ ลตอ่ การออกเสยี งภาษามาตรฐาน
เนือ่ งจากภาษาในแต่ละถน่ิ มสี ำเนียงแตกตา่ งกนั ไป จงึ ทำให้ภาษาถนิ่ ออกเสียงภาษามาตรฐานไปตามสำเนยี ง
ทอ้ งถ่ิน บางคร้ังอาจทำใหก้ ารส่ือสารคลาดเคลือ่ นไป ซึ่งตอ้ งอาศัยการฝึกฝนจึงจะ
ออกเสียงได้ถกู ตอ้ ง

๒๒๖

เธอ : ภาษาถ่ินในประเทศไทยจำแนก
ตามสภาพภมู ิศาสตร์ มีอะไรบา้ ง...

ภาษาถิน่ ในประเทศไทย จำแนกตามสภาพภูมิศาสตร์ กรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น (๒๕๔๖ : ๑๒๖)
ได้แบ่งตามภาคท้ัง ๔ ดงั นี้
๑. ภาษาถิ่นภาคเหนอื ใชพ้ ูดกนั ในภาคเหนอื ของประเทศไทย ได้แก่ เชียงราย เชยี งใหม่ แม่ฮอ่ งสอน
ลำพนู ลำปาง พะเยา แพร่ นา่ น บางสว่ นของตาก สุโขทัย และอตุ รดิตถ์ เป็นตน้
๒. ภาษาถิ่นอีสาน ใช้พูดกนั ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือของประเทศไทย ทกุ จังหวัด
แตอ่ อกสำเนียงตา่ งกันไปเฉพาะท้องถ่นิ โดยรวมแยกเปน็ อีสานเหนอื อสี านกลาง และอีสานใต้
๓. ภาษาถิ่นกลาง ใช้พูดกนั ในภาคกลางของประเทศไทยและเขตตดิ ตอ่ ระหว่างภาคต่าง ๆ
ไดแ้ ก่ กรงุ เทพฯ นนทบุรี ปทมุ ธานี อยุธยา อ่างทอง นครนายก นครปฐม ราชบรุ ี เพชรบุรี ฯลฯ
๔. ภาษาถนิ่ ใต้ หรอื ภาษาปกั ษ์ใต้ ใช้พดู กนั ในจงั หวัดตา่ ง ๆ ทางภาคใต้ของประเทศไทย
ตง้ั แต่บริเวณตอนใต้ของจงั หวดั ประจวบคีรีขันธ์ จรดชายแดนมาเลเซยี ไดแ้ ก่ ชุมพร ระนอง พังงา
สรุ าษฎรธ์ านี สงขลา ภูเก็ต สตลู ยะลา อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ฯลฯ

๒๒๗

ลกั ษณะของภาษาถน่ิ
ภาษาถน่ิ ท่อี ยใู่ นถ่นิ เดียวกนั จะมคี วามแตกต่างกันบา้ งเล็กน้อย สว่ นภาษาถิน่ ทีต่ ่างถนิ่ กนั จะมคี วาม

แตกตา่ งกันมาก โดยเฉพาะเสยี งวรรณยุกตแ์ ละคำศพั ท์ ภาษาถน่ิ กลางเป็นภาษาที่ได้รับอทิ ธิพลจาก
ภาษาตา่ งประเทศมากกว่าภาษาถนิ่ อ่ืน

ตวั อย่างคำในภาษาถน่ิ เหนอื

คำ ความหมาย คำ ความหมาย

กิ๋น กิน กาด ตลาด
กาดม่ัว ตลาดเชา้ กาดแลง ตลาดเยน็
กะเลิบ กระเปา๋ เกอื ก รองเทา้
เกย้ี ด เครยี ด ขนาด
มาก
ขี้จุ๊ โกหก ข้ลี ัก ขีข้ โมย
เข บงั คบั ขวั สะพาน
คุ้ม วงั เคียด โกรธ
งา่ ว จด๊ั นกั มาก
จ้อง, กางจ้อง โง่ เชียง เมือง
ตงุ ร่ม, กางร่ม ตุเ๊ จา้ พระ
เตา้ เต่ียว, ผา้ เตยี่ ว กางเกง
บะเขอื สม้ ธง บะกลว้ ยแตด้ มะละกอ
ป้อ เทา่ ปกิ๊ กลบั
ไผ มะเขือเทศ ผ้าหัว ผา้ ขาวมา้
ม่วน พอ่ เม่อื ย เป็นไข้, ไม่สบาย
เยยี ะ ใคร ละอ่อน เด็ก
ลำ สนุก ส่ึงตงึ ซ่ือบือ้
หนั ทำ หอ้ื
อ๊ยุ อรอ่ ย แอว่ ให้
ฮัก เห็น ฮู้ เที่ยว
คนแก่
รัก รู้

๒๒๘

ตวั อยา่ งคำในภาษาถน่ิ อสี าน

คำ ความหมาย คำ ความหมาย
กะปอม กงิ้ กา่ กะตา้ ตะกร้า
เกบิ รองเทา้ ข่อย ฉนั , ผม
ขอ้ ง ติด, คา คดึ ฮอด คิดถงึ
จงั ซั่น อย่างนนั้ จังซี่ อย่างน้ี
จังได๋ อย่างไร จ๊ัก รู้
จอ้ ย ผอม จือ, จือจำ จำ, จดจำ
แซบอหี ลี เซา หยดุ
ซวด ๆ อรอ่ ยจริง ๆ โดน นาน
ด๊ะดาด ปรบมือ ตั๊วะ โกหก
แถน มากมาย เท่ือ
เทวดา ทางเทงิ ที, หน, ครงั้
ทง่ ทุ่ง บักเสี่ยว ข้างบน
เบิ่ง ดู บกั สีดา เพอ่ื นเกลอ
บักหุ่ง มะละกอ ฟา้ ฮ่วน ฝรัง่
ผ้ใู ด๋ ใคร แม่น ฟ้ารอ้ ง
ม่วน, ม่วนหลาย ยามแลง ใช่
ย่าง สนุก, สนุกมาก เวา้ ซือ่ ๆ เวลาค่ำ
แลนหนี เดนิ อา้ ย
หนหวย วิ่งหนี ฮอด, เถงิ , คดิ ฮอด พูดตรงไปตรงมา
เฮด็ , เฮ็ดเวยี ด พี่
หงุดหงิด
ทำ, ทำงาน ถึง, คดิ ถงึ

ตวั อย่างคำในภาษาถ่นิ ใต้ ๒๒๙

คำ ความหมาย คำ ความหมาย
โกป้ี กาแฟ แขบ รบี
แกลง้ ตั้งใจทำ เคย กะปิ
ขอ้ งใจ งบู องหลา
ขีช้ ิด คดิ ถงึ , เป็นห่วง โตน งจู งอาง
ขห้ี ก, ขเ้ี ท็จ ขีเ้ หนยี ว ตอ่ เช้า นำ้ ตก
เครา่ โกหก นำ้ เต้า พรุ่งนี้
ฉา่ ห้ิว เนียน ฟกั ทอง
แตงจีน คอย, รอคอย ดปี ล,ี ลูกเผ็ด ละเอียด, ไมห่ ยาบ
ตาล่อ, หาจก, ตาอยาก ตะกร้า หยบ พรกิ
แต่วา แตงโม หลบบา้ น ซ่อน,แอบ
น้ำชุบ หวงั เหวิด กลับบ้าน
เนอื ย โลภมาก,อยากได้ อยาก กังวล,เปน็ ห่วง
เปรว เม่อื วาน หลา่ ว หิว
พงุ ปลา น้ำพริก หัว อีกแลว้
ยิก หย่านดั หัวเราะ
ลกลัก หิว, อ่อนแรง หรอย สบั ปะรด
แลกเดยี ว ปา่ ช้า หวนั ม้งุ มง้ิ อรอ่ ย
ไตปลา โพล้เพล้
ไล่

เร่งรีบ,ลนลาน
เมือ่ ตะก้ี

๒๓๐

เพลงภาษาถ่นิ

อย่าก๊ดึ นกั

*อยา่ กดึ๊ นัก นอ้ งจาย อย่ากึ๊ดนัก ไผ่บอกว่าฮัก น้องจาย อยา่ ฟังนึก
อย่ากึ๊ดลึก น้องจาย อย่ากึ๊ดลึก หนั ทำเป็นคกึ บ่เอาอยา่ กึ๊ดนกั
ก็หนั กันมา แตว่ ันต้งั แต่น้อย เดินตามต๊อยๆ ก็จุงไปเล่นกนั
แบง่ หนมให้กิน และพาแอว่ สงกรานต์ บป่ ะกนั นาน เป็นหนมุ่ หนา้ ตาดี
เป็นหนุม่ แล้ว ชักกะการใหญ่ มาเฝา้ เอาใจ Take Care แตพ่ ่ี
ดูสิตาออกหวานสะอยา่ งน้ี รสู้ ึกวา่ มีอะไรอย่ลู ึกลึก (ซำ้ * )
หม่นั โทรมาหา กว็ นั ตั้งแต่จาว ช่วนไปกินข้าว ยะเอาพี่เอะจัย
กุหลาบสีแดง ถอื มา Valentine กึ๊ดหวงั อะไร ก็บอกมาดีดี
ไมโ่ กรธนะถา้ กดึ๊ การใหญ่ หากน้องมั่นใจวา่ เหมาะกับพ่ี
ไมแ่ นน่ ะแหมสกั 4 - 5 ปี เพ่อื พจี่ ะมีอะไรอยูล่ กึ ลึก
(ซำ้ * ) บ่เอาอยา่ กดึ๊ นกั บ่เอา อย่าก๊ึดนัก

๒๓๑

เพลงเดอ้ นอ้ งเด้อ

(เกร่ิน) อันน้นี ้องหลา่ เอยี
ยามเจา้ เปน็ เดก็ นอ้ ยใหห้ ดั เอียนเขียนอา่ น
หาความฮู้รอบด้าน ประดบั ไวแ้ ม่นใสต่ ัว เดอ๊ นอ้ งเด้อ
(หม่)ู โอ โฮะ โอ่ โฮะ โอ โฮะ โอ โอ
โฮะ โอ โฮะ โอ โฮะ โอ่ โอ โฮะ โอ่
โฮะ โอ โฮะ โอ โอ โฮะ โอ โฮะ โอ โฮะ โอ้
(พลับ) พค่ี รบั พ่ีครบั ผมอยากรูค้ ำอีสาน
พีช่ ่วยเปน็ อาจารย์ สอนคำอีสานหน่อยครบั
(พลบั ) อย่างเชน่ คำคำเดียวว่าบ่
(พี) คำว่าบน่ น้ั ก็คือไม่
(พลบั ) ขี้ต๊วั เบ่เบน๊ ั้นคืออะไร
(พี) ข้ีตัว๊ เบ่เบค๊ ือโกหกไง
(พลบั ) อย่างถามกันว่าจะไปไหน
(พ)ี อีสานวา่ เจ้าสิไปไส
(พลับ) สนกุ สะใจเค้าวา่ ไงกันล่ะหนา
(พ)ี สนุกสะใจกะม่วนหลายตะลาลา
(พลบั ) แม่นบ่ (พ)ี แม่นอยู่ เออ้
(พลบั ) แมน่ บ่ (พี) แมน่ แล้ว
เดอ๊ นอ้ งเด้อ เดอ๊ นอ้ งเดอ้
เดอ๊ นอ้ งเดอ้ เดอ๊ เดอ๊ น้องเด้อ
(พลับ) ครับ ครบั ครับ ครบั
(เอ้อื ะ เอ้อื ะ เอือ้ ะ เอ้อื ะ)
(พลบั ) เห็นเขาเอาขา้ วเหนียวยา่ งไฟ
(พี) ข้าวยา่ งไฟเอน้ิ วา่ ข้าวจ่ี
(พลบั ) แล้วลิน้ จเ่ี รยี กวา่ อะไร
(พ)ี อนั ลนิ้ จค่ี ือลิ้นยา่ งยงั ไง
(พลับ) คำว่าย่างแปลวา่ อะไร
(พี) คำว่าย่างแปลวา่ เดินไป
(พลับ) โอย๊ นอ้ งงงหลายย่างไปยา่ งมา
(พี) ย่างหลายคืออะไรก็เปน็ จงั ซลี่ ่ะ
(พลับ) คอมพิวเตอร์เรยี กไงครับพ่ี
(พ)ี คอมพวิ เตอร์กะเอ้นิ คอมพิวเตอร์
(พลบั ) แฮมเบอร์เกอร์พเ่ี รียกอะไร
(พี) แฮมเบอร์เกอรก์ ะเอ้นิ คือกนั ได้
(พลับ) อยา่ งพซิ ซ่าเรยี กวา่ อะไร
(พี) อันพซิ ซ่ากะพซิ ซา่ ไง

๒๓๒

(พี) อย่าสิถามหลายดา้ ยน่หี นหวย
(พลับ) แลว้ หนหวยแปลว่าอะไร
(พี) หนหวยหลายคืออ้ายน้ีรำคาญ
เด๊อนอ้ งเดอ้ เด๊อน้องเดอ้
เด๊อนอ้ งเดอ้ เด๊อเด๊อนอ้ งเดอ้
(พลบั ) ครบั ครบั ครบั ครบั ครบั ครับ ครับ ครบั

เพลงแฟนจา๋
แฟนจา๋ ฉันมาแลว้ จะ้ อยนู่ ี่แล้วน่ะ เขยิบมาใกลๆ้ (อาลาวา)
แฟนจ๋าเราเปน็ เนือ้ คู่ รกั จรงิ ไมอ่ ู้ โอ้แม่ยอดชู้ (ตาลาลา)
แฟนจ๋า ฉันมาแลว้ จ้ะ อยนู่ ี่แลว้ น่ะ เขยบิ มาใกลๆ้ (อาลาวา)
แฟนจา๋ เราเปน็ เนอื้ คู่ รักจรงิ ไมอ่ ู้ โอ้แมย่ อดชู้ (ตาลาลา)
สัญญามนั่ รักแทแ้ ตเ่ ธอ จริงๆเธอรักจรงิ นะเออ
นอนๆๆยังแอบละเมอ เพอ้ ถงึ เธอฉันเพอ้ ถึงเธอ
(เจา้ คนกรุง ขอ้ ยสยิ ่านเจา้ หลอก)
ถ้าพหี่ ลอกขอให้พ่ีตาย
(งนั้ สาบานใหพ้ ฟี่ ้าผ่าตาย)
Oh I won't lie, oh I won't lie
(ขต้ี วั๊ เบบี้ ขต้ี ว๊ั ตาลาลา, ขีต้ ว๊ั เบบ้ี ข้ตี ว๊ั ตาลาลา)
(ขต้ี ั๊ว เบบี้ ขี้ตั๊ว ตาลาลา, ข้ีตัว๊ เบบ้ี อ้าย)
ฮกั ปด้ี ูสักครงั้ บล่ วงบ่หลอก ฮักเจา้ พลั วันบก่ ลงิ้ บ่กลอก
ฮกั นักเหอื ไผ ฮักจ๊าดนักแม่เอย
(คำลวงอ้ายหยัง่ นำ้ ไหลเชี่ยว น้องบ่อยากข้องเกีย่ วคนหลายใจ)
กชุ๊ ชี่ ปราด้า พีก่ ม็ ีฮอ้ื นะ่
(นอ้ งจะยะจะใด กล้มุ ใจแตเ๊ จา้ )
(ข้จี ุ๊ เบบ้ี ข้ีจุ๊ ตาลาลา, ข้จี ุ๊ เบบี้ ข้ีจุ๊ ตาลาลา)
(ขี้จุ๊ เบบี้ ข้ีจุ๊ ตาลาลา, ขี้จุ๊ เบบี้ อา้ ย)
แฟนจา๋ ฉันมาแลว้ จะ้ อยู่นีแ่ ลว้ นะ่ เขยิบมาใกล้ๆ (อาลาวา)
แฟนจ๋าเราเป็นเนอื้ คู่ รกั จรงิ ไมอ่ ู้ โอ้แม่ยอดชู้ (ตาลาลา)
แฟนจ๋า ฉันมาแล้วจ้ะ อยู่นี่แลว้ นะ่ เขยิบมาใกลๆ้ (อาลาวา)
แฟนจา๋ เราเป็นเนื้อคู่ รกั จริงไมอ่ ู้ โอ้แมย่ อดชู้ (ตาลาลา)
พี่ไมใ่ ช่ว่าเปน็ คนที่แหลงไปเรื่อยนิ พเี่ ป็นคนพดู ความจรงิ พ่เี ป็นคนไม่ข้ฮี ก
พ่เี ปน็ คนรักเดยี วใจเดียว ถ้าไมเ่ ชอ่ื ให้ไปดูเสือขี่ลิง ถา้ ไม่จริงให้ไปดลู งิ ข่เี สือ
(พี่ไม่ต้องมาอ้างลิงอา้ งเสอื หรอก ไมต่ ้องมาอา้ งเสอื อ้างลิง
ถ้ารักกันจรงิ กแ็ หลงให้มันชัดๆ หดิ ตะพ)ี่
เชื่อพีต่ ะน้องเอ้ยมันหรอยมาเลยแม่เอย้
(ขฮ้ี ก เบบ้ี ขฮ้ี ก ตาลาลา, ขฮ้ี ก เบบ้ี ขฮี้ ก ตาลาลา)
(ขี้ฮก เบบ้ี ขฮี้ ก ตาลาลา, ข้ีฮก เบบี้ อา้ ย)

๒๓๓

แฟนจ๋า ฉนั มาแล้วจ้ะ อยนู่ ่ีแลว้ น่ะ เขยิบมาใกล้ๆ (อาลาวา)
แฟนจา๋ เราเป็นเนอ้ื คู่ รกั จริงไมอ่ ู้ โอแ้ มย่ อดชู้ (ตาลาลา)
แฟนจา๋ ฉนั มาแลว้ จ้ะ อยนู่ ีแ่ ลว้ น่ะ เขยบิ มาใกล้ๆ (อาลาวา)

แฟนจา๋ เราเปน็ เนื้อคู่ รักจริงไมอ่ ู้ โอแ้ มย่ อดชู้ (ตาลาลา)
รักจริงจงึ บอกนะ ไมเ่ คยจะลอ่ จะลวงใคร

รกั จรงิ จงึ บอกนะ ไมเ่ คยจะคิดเป็นอ่ืนไกล
รักจริงจึงบอกนะ ไมเ่ คยจะลอ่ จะลวงใคร
รักจรงิ จงึ บอกนะ ไม่เคยจะคดิ เป็นอน่ื ไกล

รักจริงจงึ บอกนะ ไมเ่ คยจะล่อจะลวงใคร
รักจริงจึงบอกนะ ไม่เคยจะคิดเปน็ อน่ื ไกล

รักจรงิ จงึ บอกนะ ไมเ่ คยจะล่อจะลวงใคร
รักจริงจึงบอกนะ ไม่เคยจะคดิ เป็นอน่ื ไกล
รักจริงจึงบอกนะ ไม่เคยจะล่อจะลวงใคร

รักจริงจึงบอกนะ ไม่เคยจะคดิ เปน็ อนื่ ไกล
รักจรงิ จึงบอกนะ ไม่เคยจะลอ่ จะลวงใคร

รักจรงิ จึงบอกนะ ไม่เคยจะคดิ เป็นอนื่ ไกล
(ข้ีตัว๊ เบบ้ี ขี้ตว๊ั ตาลาลา, ขจี้ ุ๊ เบบี้ ขจ้ี ุ๊ ตาลาลา)
(ขี้ฮก เบบี้ ข้ฮี ก ตาลาลา, ข้ีโม้ เบบี้ อ้าย)

แฟนจา๋ ฉนั มาแล้วจะ้ อยนู่ ่แี ล้วนะ่ เขยิบมาใกล้ๆ (อาลาวา)
แฟนจา๋ เราเป็นเน้อื คู่ รักจริงไมอ่ ู้ โอ้แม่ยอดชู้ (ตาลาลา)

แฟนจา๋ ฉนั มาแลว้ จะ้ อยู่นแ่ี ล้วน่ะ เขยบิ มาใกล้ๆ (อาลาวา)
แฟนจา๋ เราเปน็ เนื้อคู่ รักจริงไมอ่ ู้ โอ้แม่ยอดชู้ (ตาลาลา)

๒๓๔

ใบงาน ที่ ๑
คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเติมภาษามาตรฐานหรอื คำภาษาถิ่นลงในชอ่ งวา่ ง

ภาษาถ่ินเหนอื

ภาษาไทยมาตรฐาน ความหมาย ภาษาไทยมาตรฐาน ความหมาย
กนิ กาด รองเท้า
โกรธ
กะเลิบ เกือก

โกหก ข้ีลัก

คุม้ เคียด

จอ้ ง, กางจ้อง เชียง

ภาษาถ่นิ อสี าน

ภาษาไทยมาตรฐาน ความหมาย ภาษาไทยมาตรฐาน ความหมาย
เกิบ ฉนั , ผม
จงั ซน่ั รองเทา้ ข่อย อยา่ งน้ี

อยา่ งนน้ั จงั ซ่ี

แซบอหี ลี อร่อยจรงิ ๆ เซา หยุด

แถน เทวดา เท่ือ ที, หน, คร้ัง

๒๓๕

ภาษาถนิ่ ใต้

ภาษาไทยมาตรฐาน ความหมาย ภาษาไทยมาตรฐาน ความหมาย
แกลง้ กาแฟ
ขอ้ งใจ ข้ีเหนียว ขหี้ มน้ิ
ตะไคร้ แขบ งูจงอาง
คง ครกเบอื พร่งุ นี้
ตาล่อ, หาจก, ตาอยาก ฟกั ทอง
เม่ือวาน ลกู ปาด ลูกเขียด
แลกเดียว อรอ่ ย ฝรง่ั
หย่านัด หวิ

ภาษาถิน่ ตะวันออก ความหมาย
สนกุ มาก
ภาษาไทยมาตรฐาน ความหมาย ภาษาไทยมาตรฐาน แมงกะชอน
พอแรง โพง
สงาด อ่อน
สีละมัน ผา้ ขาวมา้ หวด
ตกุ๊ แก ฮิ
เอ๊าะ


Click to View FlipBook Version