หน ่ วยท ี ่ 1 ค ุ ณล ั กษณะและทก ั ษะทจ ี ่ ำ เป็ นของผ ู ้ประกอบกำรธ ุ รกจ ิ กำรค ้ ำสมัยใหม่ หว ั ข ้ อกำรเร ี ยนร ู ้ 1. ควำมหมำยและขอบเขตของกำรเป็ นผ ู ้ประกอบกำร 2. กำรเป็ นผ ู ้ประกอบกำรในย ุ คดจ ิ ท ิ ล ั 3. ค ุ ณล ั กษณะและทก ั ษะของกำรเป็ นผ ู ้ประกอบกำร
ด ู คล ิปวด ิโี อ ธุรกิจอำลัว บำยเดอะซิ ม ้ เพม ิ่ม ู ลค ่ ำโดยกำรสร ้ ำงแบบงำนศิลปะ ต่ำงๆให้น่ำรับประทำน น ำเป็ นของขวัญ ลดต้นทุนโดย ขำยผ่ำนเฟชบุ๊คอย่ำง เดียว ขนส่งผ่ำน ฟ๊ ด ู แพนดำ ไลน์แมน ช่วงแรกต้นทุนน้อยต่อไปต้องขยำยกำร ผล ิ ตโดยซื อ ้ เคร ื่องจก ั รต ่ ำงๆมำเพม ิ่ค ่ อยๆขยำยธ ุ รกจ ิใหท ้ ุ กคนร ู ้จักแพร่หลำย
1. ควำมหมำยของ คำ ว ่ ำผ ู ้ประกอบกำร คือ กำรเอำเงิน/ทร ั พยำกรมำลงท ุ นเพอ ื ่ หว ั งผลก ำไร ดง ั น ั ้ น ผ ู ้ประกอบกำรในทำงธ ุ รกจ ิ จึงมีควำมหมำยว่ำ.....กำรลงทุน (Investment) เช ่ น นำ เงน ิไปซอ ื ้ หล ั กทร ั พยเ ์ พอ ื ่ หว ั งผลกำ ไรใน อนำคต ท ำให้เสียโอกำสในกำรน ำทรัพยำกร ไปใช้ในกำรบริโภคหรือกำร ซอ ื ้ ส ิ นค ้ ำสำ หร ั บกำรดำ รงชี วต ิ
กำรเป็ นผ ู ้ประกอบกำร (Entrepreneurship) หมำยถง ึ ควำมเชื่อม่ั น ทจ ี่ะบรรล ุ เป้ ำหมำยของกำรดำ เน ิ นกจ ิ กำรทำงธ ุ รกจ ิ ทต ี่นเองนำ เงน ิ มำลงท ุ นและ พร ้ อมยอมร ั บค ่ ำเส ี ยโอกำสน ั ้ น กำรเตร ี ยมควำมพร ้ อมในกำรเป็ นผ ู ้ประกอบกำร (Entrepreneurship) ต ้ องเร ิ่มต ้ นจำก................ 1. ท ุ ม ่ เททง ั ้ กำยและใจ 2. ม ี ควำมร ู ้ ควำมสำมำรถในกำรบร ิ หำรจด ั กำร 3. ส ิ นค ้ ำหร ื อบร ิ กำรน ั ้ นต ้ องสนองตอบควำมต ้ องกำรของตลำด/ล ู กค ้ ำ 4. ม ี ทร ั พยำกรทจ ี่ำ ก ั ดแต ่ ต ้ องทำ ใหเ ้ กด ิประโยชนท ์ ส ีุ่ ด 5. วำงแผนอย่ำงเป็ นระบบ 6. อำศัยนวัตกรรม
“ค่ำเสียโอกำส” กอ ็ ำจจะหมำยถง ึ กำรทเ ี่รำบร ิ หำรจด ั กำรเงน ิไม ่ ดท ี ำ ใหพลำด ้ โอกำสทจ ี่ะนำ เงน ิ ทม ี่ีไปลงท ุ นในส ่ วนอน ื่ทใี่หผ ้ ลกำ ไรทม ี่ำกกว ่ ำในช่วงเวลำเดียวกัน โดยค่ำเสียโอกำสจะคิดออกมำเป็ นตัวเลขได้ง่ำยๆ ตัวอย่ำงเช่น.... ถ้าหากเรามีเงินอยู่ 1,000,000 ล้านบาท มีทางเลือกในการลงทุน 3 ทาง - ทำงท ี่1เราน าเงินที่มีทั้งหมดไปฝากเงินกับธนาคารได้รับดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี คิดเป็นเงิน 2,500 บาท ซึ่งความเสี่ยงน้อยมาก - ทำงท ี่2เราน าเงินที่มีทั้งหมดไปลงทุนในในหุ้นไทย ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีประมาณ 7% คิดเป็นเงิน 70,000 บาท ซึ่งความเสี่ยงสูง - ทำงท ี่3เราน าเงินที่มีทั้งหมดไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 12% คิดเป็นเงิน 120,000 บาท ซึ่งความเสี่ยงสูงที่สุดในสามทางเลือก
ด ู คล ิปวด ิโี อ ธ ุ รกจ ิ ร ้ ำนเส ื อ ้ ผ ้ ำ 250 บำท จำ เป็ นต ้ องเปิ ดบนหำ ้ งซึ่งม ี ค ่ ำเช ่ ำส ู ง ต ้ องกำรล ู กค ้ ำทม ี่ี กำ ล ั งซื อ ้ จำ นวนมำก แบกร ั บภำระต ้ นท ุ นค ่ ำเช ่ ำเพอ ื่แลกก ั บ ล ู กค ้ ำจำ นวนมำก ลดต ้ นท ุ น โดยกำรใช ้ สตอ ็ กเส ื อ ้ ผ ้ ำหม ุ นเวย ี นซำ ้ ๆ ท ำให้ต้นทุน ไม ่ เพม ิ่ข ึ น ้ เยอะ แต ่ในอนำคตกต ็ อ ้ งเพม ิ่แบบเยอะๆ เพอ ื่ใหล ้ ู กค ้ำแล้วโล๊ะแบบ เก่ำไปขำยมือ2 เป็ นกำรสร้ำงก ำไรแบบนึงของเขำ
2. กำรเป็ นผ ู ้ประกอบกำรในย ุ คดจ ิ ท ิ ล ั ซองเลย์ ภาพที่ 1 ก่อนปี 2519 ซองเลย์ ภาพที่ 2 หลังเดือนสิงหาคม ปี 2519 2 แบบนี้แตกต่างกันตรง...? รูปภาพข้างซอง ภาพที่ 1 มองจากแนวนอน ภาพที่ 2 มองจากมุมบน ปรับตัวตามพฤติกรรมลูกค้าที่ใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อให้ลูกค้ายอมรับ
โทรศัพท์หรืออุปกรณ์เคลื่อนๆ ธุรกิจมีคู่แข่งเยอะ ชีวิตวิถีใหม่ New Normal Line ขยายตัวเร็ว มี สนง.ในประเทศไทย
ตอนนี้ในฐานะที่เราเป็นทั้งผู้บริโภค แล้วถ้าต่อไปเราเป็นผู้ประกอบการเราต้องท าความเข้าใจ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ว่าจะเป็นอุปสรรคหรือโอกาสกับเราอย่างไร - เช่น ถนนหนทาง สัญญาณอินเตอร์เน็ต สินค้าหรือบริการจะเข้าถึง ลูกค้าได้ยาก - เช่น ต่างประเทศขายของให้คนไทย หรือจีนกินทุเรียนกระทบราคา ท าให้เรากินทุเรียนราคาแพงขึ้น - ธุรกิจลอกเลียนแบบสินค้าหรือบริการกันได้ง่าย - ธุรกิจรายเล็กเกิดง่ายแข็งแกร่งด้วยโทรศัพท์มือถือท าให้ธุรกิจราย เล็กขยายวงกว้างด้วยสื่อ มด ี ง ั น ี ้ -นิยมซื้อตามกระแส เช่น ถ้าโทรศัพท์รุ่นใหม่ออกมาก็ซื้อใหม่ตามกระแสความนิยม -ให้ข้อมูลลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา ครบถ้วนตรงเวลา
มข ี้ อดด ี ง ั น ี ้ -ต้นทุนน้อย ไม่ต้องมีหน้าร้าน ช่องทางการขนส่งสะดวกสบาย -ระบบโอน-ถอนเงิน ง่ายสะดวกสบาย -โปรแกรมทุกวันนี้มีหลากหลายง่ายๆ พร้อมใช้งาน -เกิดการร่วมมือกันระหว่างธุรกิจรายเล็กๆ ช่วยกันลดต้นทุน การด าเนินงาน -ให้ข้อมูลจริงกับลูกค้าท าให้เกิดการยอมรับ -สื่อดิจิทัลท าให้ธุรกิจรายเล็กๆ เกิดมากขึ้น ภาครัฐต้องการให้ รายเล็กมีจ านวนเพิ่มมากขึ้นก็จะเสริมด้านการเงินผ่านสถาบัน ทางการเงิน ให้เงินกู้มากขึ้น
3. ค ุ ณล ั กษณะและทก ั ษะของกำรเป็ นผ ู ้ประกอบกำร ม ี ดง ั น ี ้ 1. แสวงหำโอกำสใหม ่ ๆ อย ู ่ ตลอดเวลำ หำทำงเพม ิ ่ ผลกำ ไรและเพม ิ ่ ประส ิ ทธ ิ ภำพในกำรประกอบธ ุ รกจ ิ ดว ้ ยวธ ิี กำรใหม ่ หร ื อร ู ปแบบใหม ่ ทจ ี ่ ะ ทำ ใหร ้ ำยไดเ ้ ตบ ิโตเร ็ วข ึ น ้ 2. ไม ่ เคยละทง ิ ้ โอกำสทค ี ่ ้ นพบ โดยกระตอ ื ร ื อร ้ นตรวจสอบและศ ึ กษำ หำข ้ อม ู ลเพม ิ ่ เตม ิ ทน ั ท ี
3. เล ื อกโอกำสทค ี ่ ุ ้ มค ่ ำทส ี ่ ุ ด โอกำสใดทว ี ่ เ ิ ครำะหแ ์ ล ้ วว ่ ำได้ผลไม่คุ้มเสีย กจ ็ ะมองหำโอกำสอน ื ่ ทน ั ทแ ี ละจะเล ื อกไว ้ แตโ่ อกำสม ่ ั นใจว ่ ำจะพฒ ั นำเป็ น ธุรกิจได้ 4. ลงมือท ำอย่ำงชำญฉลำด เป็ นนักปฏิบัติ ชอบท ำ แตก ่ ่ อนทจ ี ่ ะลงม ื อทำ พวกเขำจะหำข ้ อม ู ลรอบดำ ้ นเพอ ื ่ ใหเ ้ ข ้ ำใจภำพรวม 5. รวมพล ั งสร ้ ำงควำมร ่ วมม ื อเร ิ ่ มมองหำคนมำช ่ วยทำ เพอ ื ่ ใหเสร็จ ้ โดยเร ็ ว จำกควำมร ู ้ และควำมสำมำรถ ภำยในหร ื อภำยนอกธ ุ รกจ ิ
1. ทักษะกำรแก้ไข 2. ควำมคิดสร้ำงสรรค์ 3. กำรท ำงำนร่วมกับคนต่ำงวัฒนธรรมและต่ำงวัย 4. ควำมฉลำดทำงอำรมณ์ 5. ทก ั ษะกำรเร ี ยนร ู ้ 6. กำรเล ่ ำเร ื ่ องและกำรส ื ่ อสำร
ใบงำนก่อนเร ี ยนหน่วยท ี่1
ใบงำนหล ั งเร ี ยนหน่วยท ี่1 หน่วยที่ 1 เรื่อง คุณลักษณะและทักษะที่จ าเป็นของผู้ประกอบการธุรกิจการค้าสมัยใหม่ ใบงาน https://m.facebook.com/watch/?v=1393012111096062&_rdr (ขนมอาลัว บายเดอะซิ้ม) เมื่อชมวีดิทัศน์แล้ว ให้นักเรียนจับคู่ระดมสมองค้นหาค าตอบ ดังนี้ 1. แนวทางในการเพิ่มลูกค้าใหม่ อย่างน้อย 2 แนวทาง 2. แนวทางในการลดต้นทุนในการด าเนินธุรกิจ อย่างน้อย 3 แนวทาง
หน่วยที่ 2 แนวโน้มสถานการณ์ทางการตลาดในยุคดิจิทัล 1. ประเภทข่าวทางธุรกิจในยุคดิจิทัล 2. แนวโน้มข่าวทางธุรกิจในยุคดิจิทัล 3. แนวโน้มและผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจ เพื่อให้นักเรียนมีทักษะที่จ าเป็นในยุคดิจิทัล เรื่องการสืบค้น วิเคราะห์ และการน าข้อมูล ข่าวสารไปใช้ในการเรียนหรือการประกอบธุรกิจต่อไปในอนาคตในยุคดิจิทัล ต้องรู้จัก...
หากย้อนไปเป็น 100 ปี เพื่อทบทวนในวงการข่าวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หลักคุณค่าข่าวที่ใช้มีอะไรบ้าง ก็พบว่าจริงๆ หลักคุณค่าข่าว...มันไม่นิ่ง แต่มันเลื่อนไหลตาม สังคมตามเทคโนโลยีการสื่อสาร ตามสถานการณ์ และบริบทของแต่ละสังคมของแต่ละประเทศ ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย เช่น ปัจจุบันก็เลื่อนไหลเป็นคุณค่าข่าวในยุคดิจิทัล คุณค่าข่าวเลื่อนไหลจากผู้บริโภค-สังคมก าหนด คุณค่าข่าวในยุคดิจิทัลทับซ้อนกันอยู่ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คุณค่าข่าวมันขยับเลื่อนไหล คือคีย์ เวิร์ดในเรื่องของผู้บริโภคข่าว หรือสังคม เป็นตัวกำหนด สื่อดั้งเดิมจะถูกแยกประเภท แต่พอยุคสื่อดิจิทัลได้หลอมรวม คุณค่าข่าวของสื่อตอนนี้ จึงเป็นสื่อที่ต้องตอบโจทย์สังคม ในวงกว้างมากขึ้น
ผู้รับสารทุกวันนี้ การมีส่วนร่วมมีสูงมาก คอมเมนต์แชร์ บอกเบาะแส ตรวจสอบเนื้อหา ของสื่อว่าข้อมูลอาจไม่ถูกต้องทั้งหมด ดังนั้น คุณค่าข่าวของสื่อก็จะต้องทำงานหนักมากขึ้น จะให้ข้อมูลแค่พื้นๆ ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ความเป็นมืออาชีพ ความรอบคอบ ความรวดเร็ว จะเป็นสิ่งที่สังคมดิจิทัลเรียกร้องจากสื่อมากขึ้น
1. ข่าวสารเสนอเหตุการณ์ ใคร ท าอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร เป็นเรื่องที่เราต้องท าความเข้าใจ และวิเคราะห์ให้ดีก่อน 2. ความน่าเชื่อถือในข้อมูลที่น าเสนอ ต้องประกอบด้วย แหล่งข่าวมาจากไหน มีหลักฐานอย่างน้อย 3 อย่าง ข่าวที่น าเสนอคนที่ได้ประโยชน์คือใคร ต้องเพื่อองค์กร ไม่ใช่เพื่อ ตัวเอง 3. แนวทางการวิเคราะห์ข่าวสาร -ต้องแยกข่าวจริง ข่าวปล่อย และข่าวไม่จริง -ต้องแยกแยะเหตุและผล 4. การน าไปใช้ขึ้นอยู่กับผลกระทบต่อตัวเราไหมและแนวโน้มในอนาคตของกระแสข่าวจะรุนแรง ไหม อย่างไร ความส าคัญของข่าวหรือสาระที่มีในข่าวที่น าเสนอได้แก่...
1. ข่าวสารทางการเมือง (Political News) - เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล พรรคการเมือง รัฐสภา กฎระเบียบ การเมืองทั้งในและ ต่างประเทศ มีผลกระทบกับตัวเราไหม? 2. ข่าวสารทางเศรษฐกิจ (Economic News) - เกี่ยวกับปัจจัยการผลิต อุตสาหกรรม การดำเนินธุรกิจ ค่าครองชีพทั้งในและต่างประเทศ 3. ข่าวสารทางสังคม (Social News) - เกี่ยวกับวิถีชีวิต สภาพการดำรงชีวิต พฤติกรรมการบริโภค ซึ่งจะใกล้ตัวเรา การรวมกลุ่ม รวมทั้งวัฒนธรรม ค่านิยม สภาพแวดล้อมของมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ 4. ข่าวสารทางเทคโนโลยี (Technological News) - เกี่ยวกับประดิษฐ์กรรม วิทยาการความก้าวหน้า เทคโนโลยีการผลิต เทคโนโลยีสารสนเทศ ผลกระทบของเทคโนโลยีต่อกระบวนการทํางาน สังคม และวิถีชีวิต ข่าวเหล่านี้มีผลกระทบอะไรต่อเราบ้าง ยกตัวอย่าง 4 ประเภท ได้แก่
มักพบได้จากข่าวสารทางเศรษฐกิจและทางสังคม ซึ่งเผยแพร่ทางสื่อสารมวลชนและ สื่อดิจิทัลรูปแบบต่างๆ สิ่งที่เราต้องสนใจ คือ เกี่ยวกับผู้ประกอบการ การประกอบธุรกิจ การน าเทคโนโลยี สารสนเทศมาสร้างมูลค่าเพิ่ม มีการเพิ่มมูลค่าจากเทคโนโลยีต่างๆ อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะเรื่อง Thailand 4.0 เป็นแนวนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ที่ส่งเสริมและรณรงค์ให้ธุรกิจขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีภายในประเทศและการพัฒนา นวัตกรรม Thailand 4.0 คืออะไร นโยบายนี้จะช่วยพัฒนาประเทศของเราได้อย่างไร
“ประเทศไทย 1.0” การด ารงอยู่และพัฒนาประเทศเน้นการเกษตรเป็นหลัก เช่น ผลิตและขาย พืชไร่ พืชสวน หมู หมา กา ไก่ เป็นต้น “ประเทศไทย 2.0” นอกจากเกษตรกรรมแล้วก็เน้นไปทางอุตสาหกรรมแต่เป็นอุตสาหกรรมเบา เช่น การผลิตและขายรองเท้า เครื่องหนัง เครื่องดื่ม เครื่องประดับ เครื่องเขียน กระเป๋า เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น “ประเทศไทย 3.0” ซึ่งเป็นยุคปัจจุบัน เน้นหนักไปทางอุตสาหกรรมหนักและการส่งออก เช่น การผลิต และขาย ส่งออกเหล็กกล้า รถยนต์ กลั่นน้ ามัน แยกก๊าซธรรมชาติ ปูนซีเมนต์ เป็นต้น ประเทศไทยในยุค 1.0 2.0 และ 3.0 รายได้ประเทศยังอยู่ในระดับปานกลาง เรื่องของ ‘ความเหลื่อมล้ำด้านความร่ำรวย’ เรื่องของ ‘ความไม่สมดุลในการพัฒนา’ เรื่องพวกนี้ทำให้รัฐบาล ต้องหันมาใส่ใจ เร่งพัฒนาปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อให้เราก้าวข้ามจาก Thailand 3.0 ไปสู่ Thailand 4.0 ให้ได้ใน 3 - 5 ปีนี้
แนวนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ไทยแลนด์ 4.0 จะพัฒนาเรื่องใดบ้าง ? 1. กลุ่มอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ เช่น สร้างเส้นทางธุรกิจใหม่ (New Startups) ด้าน เทคโนโลยีการเกษตร เทคโนโลยีอาหาร เป็นต้น 2. กลุ่มสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น พัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ เทคโนโลยี การแพทย์ สปา เป็นต้น 3. กลุ่มเครื่องมือ อุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และระบบ เครื่องกลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม เช่น เทคโนโลยี หุ่นยนต์ เป็นต้น 4. กลุ่มดิจิตอล เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อและ บังคับอุปกรณ์ต่าง ๆ ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยี สมองกลฝังตัว เช่น เทคโนโลยีด้านการเงิน อุปกรณ์เชื่อมต่อออนไลน์โดยไม่ต้องใช้คน เทคโนโลยีการศึกษา อี–มาร์เก็ตเพลส อี–คอมเมิร์ซ เป็นต้น 5. กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าสูง เช่น เทคโนโลยีการออกแบบ ธุรกิจ ไลฟ์สไตล์ เทคโนโลยีการท่องเที่ยว การเพิ่ม ประสิทธิภาพการบริการ เป็นต้น
1) ข่าวสารวิถีชีวิตในยุคดิจิทัล เช่น ข่าวสารในยุคโควิด คนท างานที่บ้านมากขึ้น 2) ข่าวสารผู้ประกอบการในยุคดิจิทัล ต้องให้ความสนใจทั้งบุคคลและองค์กรต่างๆ เขาปรับตัวยังไงใน ยุคดิจิทัล 3) ข่าวสารการประกอบธุรกิจในยุคดิจิทัล - วิธีการท างานโดยการน าเทคโนโลยีสารสนเทศมาสร้างมูลค่าเพิ่ม - การเพิ่มมูลค่าจากเทคโนโลยีต่างๆ - แนวทาง Thailand 4.0 (นโยบายรัฐบาลประยุทธ์) 4) ข่าวสารอุตสาหกรรมและการแข่งขันในยุคดิจิทัล คู่แข่งขันท าอะไรเปลี่ยนแปลงยังไง 5) ข่าวสารทางธุรกิจในยุคดิจิทัลจากต่างประเทศ ดูข่าวสารการน าเทคโนโลยีต่างๆที่น าเข้าจาก ต่างประเทศ ที่ควรสนใจและควรจับประเด็นส าคัญให้ได้ถ้าจะท าธุรกิจในยุคดิจิทัล
จากภาพ 2. ผู้ใช้User โทรศัพท์มือถือจ านวนห้าพันล้านกว่าคน ต่อไปเราจะได้รู้จักแนวโน้มส าคัญๆของข่าวธุรกิจในยุคดิจิทัลว่ามีอะไรบ้าง...? 3. ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจ านวนสี่พันล้านกว่าคน 4. ผู้ใช้ social media จ านวนสี่พันล้านกว่าคน 1. ประชาการที่ใช้ดิจิทัลจ านวนเจ็ดพันล้านกว่าคน
แนวโน้มข่าวธุรกิจในยุคดิจิทัล ได้แก่... 1. แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคและการตลาดในยุคดิจิทัล 2. แนวโน้มรูปแบบธุรกิจในยุคดิจิทัล 3. แนวโน้มอุตสาหกรรมในยุคดิจิทัล
1. แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคและการตลาดในยุคดิจิทัล ในฐานะที่เราเป็นผู้ประกอบการจะต้องรู้จักพฤติกรรมผู้บริโภค - เริ่มจากการค้นหาข้อมูล - สมาร์ทโฟนคืออุปกรณ์ส าคัญในการเลือกซื้อ-เลือกใช้ - หน้าร้านมีความจ าเป็น เพราะสามารถลองสินค้าได้ - ความเห็นจากประสบการณ์การรีวิว มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ - ถ้าเห็นคนอื่นใช้ดี ใช้เยอะ ยิ่งเพิ่มความมั่นใจ เช่น สอบถามเพื่อนว่าใช้ดีก็ใช้ตาม - มีนิสัยเปรียบเทียบ แบ่งปันความเห็นทางสื่อออนไลน์ การคอมเมนว่าดีหรือติ - บริการตอบค าถามและช่วยแก้ไขปัญหาลูกค้าจะขาดไม่ได้ - การมีส่วนร่วมของลูกค้าในรูปแบบต่างๆ หลากหลายช่อง เช่น ให้ลูกค้ารีวิวสินค้าได้ เพื่อให้ลูกค้ามีส่วนร่วมหลังการซื้อสินค้าบริการไปแล้ว
2. แนวโน้มรูปแบบธุรกิจในยุคดิจิทัล - ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เข้าถึงได้และเป็นเจ้าของได้ คือการซื้อเทคโนโลยีสารสนเทศในราคาไม่แพง - ด้านผลกระทบจาก Fin-Tech(เทคโนโลยีเกี่ยวกับการเงิน เช่น การโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ระบบคิวอาร์โค้ด) และ COVID-19 เกิดผลกระทบการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ท างานที่บ้านมากขึ้น - ด้านการจัดส่งสินค้าและการกระจายสินค้า(Logistics) สะดวกสบายทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ไม่ต้องเดินทางไปเอง ได้แก่ ได้แก่ - การค้าปลีกโดยตรงถึงผู้บริโภค - ศูนย์การค้าปลีกที่หลากหลายจากการรวมตัวกัน - การกระจายสินค้าหรือขายสินค้าทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ (การติดต่อสื่อสาร กับลูกค้าที่หลากหลายช่องทาง เรียกว่า Omni-channel ) - ระบบสารสนเทศแบบเสมือน คือ แพลตฟอร์มเสมือนที่ผู้ประกอบการหลายราย สร้างแบบจ าลองร้านค้าทางคอมพิวเตอร์ให้ได้ใช้งาน ตัวอย่างเช่น...
จะได้เห็น Omni-channel มากขึ้น ผู้ประกอบการที่ มีหน้าร้านก็จะน าสินค้าบางส่วนกระจาย O2O offline2Online เพื่อให้มีการลงทุนที่คุ้มค่าเพิ่มมาก ขึ้น โดยใช้ข่องทางการติดต่อกับลูกค้าผ่าน SMS line facebook แชทต่างๆ อีเมลล์เป็นต้น
สํานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติคาดการณ์หรือสรุปไว้ 8 แนวโน้มหลัก ที่จะมาปรับโฉมการดำเนินธุรกิจ เข้ามาปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมและ รูปแบบการพัฒนา เศรษฐกิจของประเทศในอนาคต แรงผลักดันจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี พฤติกรรม ผู้บริโภค สภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และการเมืองโลก นํามาซึ่งกระแสการเปลี่ยนแปลงที่กําลังพลิกโฉมการ ประกอบ ธุรกิจไปตลอดกาล
1. ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Neo-Ecological Business) เช่น ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า 2. การด าเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม (Ethical Business Operation) คือ รับผิดชอบต่อสินค้าและบริการของตนที่จ าหน่าย 3. รูปแบบการด าเนินธุรกิจแบบดิจิทัล (Xaas) คือ การน าเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาพัฒนาธุรกิจ 4. ช่องทางการให้บริการแบบดิจิทัล (Digital Touchpoint) เช่น แพลตฟอร์มบนโลกออนไลน์ 5. การเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานโลก (Micro Supply Chain) คือ เครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและคู่ค้าของบริษัท 6. กระบวนการผลิตอัจฉริยะ (Smart Production) ใช้กระบวนการผลิตขนาดใหญ่ ลดต้นทุนกรณีขาดแคลนแรงงาน 7. การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่และปัญญาประดิษฐ์ในการด าเนินธุรกิจ (Big Data Analytics and A.I) 8. การปรับเปลี่ยนการจ้างงานตามความต้องการ (On-Demand Workforce) จ้างตามค าสั่งการผลิต
สินค้าและบริการกว่าจะส่งมอบไปสู่มือของผู้บริโภคนั้น มีกระบวนการจัดการที่เกี่ยวเนื่องกันตั้งแต่.... การจัดซื้อ (Procurement) การผลิต (Manufacturing) การจัดเก็บ (Storage) การขนส่ง (Transportation) การจัดจ าหน่าย (Distribution) รวมเรียกว่า ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) คือ เครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและคู่ค้าของบริษัท ในการผลิตและส่งมอบสินค้า ที่แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนของการได้มาซึ่งสินค้า ตั้งแต่...การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าหรือบริการไปยังลูกค้า
3. แนวโน้มและผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจ ผลกระทบจากแนวโน้มธุรกิจในยุคดิจิทัล 1. การขยายขอบเขตของสินค้า...สินค้าไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ แต่เป็นประสบการณ์ ข้อมูลเยอะ เปรียบเทียบ ลูกค้าภาคภูมิใจในการใช้สินค้า 2. ศักยภาพในการเพิ่มมูลค่า คือ ท าน้อย ได้มาก...เนื่องจากเราใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ นวัตกรรม สินค้าจึงมีมูลค่าเพิ่มสูง 3. ความคาดหวังของลูกค้ามีเพิ่มขึ้น...เพราะลูกค้าเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ง่ายขึ้น เช่น ปริมาณ ราคา คุณภาพสินค้า 4. ความหลากหลายของช่องทางการสื่อสาร...ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบสินค้าได้ง่าย 5. มีการผสมผสานช่องทางการขายได้หลากหลาย...จากการที่ผู้ประกอบการใช้สื่อต่างๆ ให้รวดเร็วกว่าคู่แข่ง 6. การจ้างผลิตและการบริหารโซ่อุปทานก็จะปิดไป...เราจ้างเขาผลิตให้ แต่เราเป็นคนขายเอง 7. ความยืดหยุ่นของต้นทุนในการประกอบธุรกิจ...จ้างคนน้อยลง ใช้บริการโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าให้ เป็นยุคของธุรกิจออนไลน์ ท าให้เกิดธุรกิจได้ง่ายขึ้น 8. ความได้เปรียบในการแข่งขันใหม่ (Blue Ocean) เพราะเราท าธุรกิจที่ใช้ต้นทุนน้อยกว่าเดิม ท าให้สู้คู่แข่งรายใหญ่ได้ เพราะอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วย
จัดท ารูปแบบของเว็บไซต์ เช่น www. amazon.com เป็ นเว็บไซต์การค้าปลีกออนไลน์ที่ใหญ่ที่ส ุ ด โดยในช ่ วงแรกจะขายหน ั งส ื อแต ่ปั จจ ุ บ ั นกา ลง ั พฒ ั นาการขายส ิ นค ้ าเพม ิ่เตม ิโดยล ู กค ้ าสามารถดาวน์โหลด เพลง ภาพวิดีโอ และหนังสือได้ ปัจจุบันประเทศไทยนิยมใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับธุรกิจประเภท OTOP ซึ่งสามารถ ประชาส ั มพน ั ธ ์ ส ิ นค ้ าของแต ่ ละท ้ องถน ิ่ให ้ เป็ นทร ี่้ ู จก ั ทว ั่โลก ซ ึ่งช ่ วยสร ้ างรายไดใ้ ห ้ กบ ั ช ุ มชนได ้ในระดบ ั หนึ่ง ใบงาน ตัวอย่างธุรกิจดิจิทัลค้าปลีกตรงถึงผู้บริโภค(กลุ่ม 4 คน 1 ข้อคิดเป็น 5 คะแนน ) 1. ผ ้ ู ประกอบการผลต ิ หร ื อจด ั ส ิ นค ้ า (เพียง 1-2 ประเภท) มาเพ ื่อจา หน ่ ายปลก ี ตรงให ้ ผ ้ ู บร ิโภค ด ้วยเทคโนโลยี สารสนเทศในร ู ปแบบต ่ างๆ ค ้ นหาและอธ ิ บายร ู ปแบบการดา เน ิ นธ ุ รกจ ิในร ู ปแบบดง ั กล ่ าวน ี ้ 3 ตัวอย่าง โดยเร ี ยงลา ดบ ั ตามความร ุ นแรงของการแข ่ งขน ั จากการแข ่ งขน ั น ้ อยไปหามาก
1. เพิ่มช่องทางการขายจากช่องทางปกติ ได้แก่ การขายหน้าร้านค้า เป็นการขายผ่านเว็บไซต์ ท าให้เกิดการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริหารขององค์กรได้ทั่วโลก 2. ลดค่าใช้จ่าย เช่น ท าเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึง พนักงานขาย พนักงานแนะน าสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้า เป็นต้น
ชั่วโมงการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การก าหนดต าแหน่งทางการตลาด 1. การก าหนดกลุ่มเป้าหมาย 2. ความต้องการซื้อและคุณค่าที่ส่งมอบ 3. การวางต าแหน่งทางการตลาด
1. การก าหนดกลุ่มเป้าหมาย Targeting คือ กลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มที่มีโอกาสจะกลายมาเป็นลูกค้า ซึ่งเราต้องการขายสินค้าหรือบริการให้ การระบุว่ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการโดยปกติจะใช้ข้อมูลประชากร มาเป็นตัวก าหนด เนื่องจากหาข้อมูลได้ง่าย เช่น เพศ อายุ รายได้ หรือไลฟ์สไตล์ ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูล พื้นฐานที่ส าคัญ ช่วยให้การก าหนดกลุ่มเป้าหมายมีความชัดเจนและตรงจุดประสงค์มากขึ้น ยิ่งรู้จัก กลุ่มเป้าหมายลึกเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีกับธุรกิจมากเท่านั้น
1. Segmentation การแบ่งส่วนตลาดจากพฤติกรรม/ปัญหา 2. Targeting การเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 3. Positioning การวางต าแหน่งทางการตลาด
การแบ่งส่วนตลาด คือ การแบ่งลูกค้าตามพฤติกรรม หรือ ปัญหา ส่งผลให้แบรนด์ สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าได้แบบรู้ใจและตรงกับความต้องการ 1. Segmentation การแบ่งส่วนตลาดสามารถแบ่งได้จากพฤติกรรม/ปัญหา 1. Demographic (ประชากรศาสตร์) แบ่งด้วยหลักประชากรศาสตร์ เช่น อายุ เพศ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ เชื้อชาติ 2. Geographic (ภูมิศาสตร์) แบ่งด้วยภูมิศาสตร์ เช่น ภูมิประเทศ ทวีป เขตเมือง 3. Psychological (หลักจิตวิทยา) แบ่งด้วยหลักจิตวิทยา เช่น บุคลิกภาพ วัฒนธรรม ความชอบ 4. Behavioral Segmentation: การแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรม แบ่งด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น ความถี่ในการซื้อสินค้า ปริมาณการใช้สินค้า ลักษณะการใช้สินค้า แบ ่ งกล ุ ่ มล ู กคา ้ ตามลกัษณะท ี่โดดเด ่ นของกล ุ ่ มคนตวัแปรการแบ ่ งกล ุ ่ ม ท ี่พบไดบ ้ ่ อยส ุ ด ไดแ ้ ก ่ :
การแบ่ง Segmentation ใช้หลายๆวิธีในการแบ่งก็ได้ ตัวอย่าง การแบ่งส่วนตลาดของผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ า วาสลีน แบ่งตามหลักประชากรศาสตร์ มีการแบ่งส่วนตลาดของผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ า วาสลีน (Vaseline Healthy Body Wash) กลุ่มเพศหญิงที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ระดับชั้นของสังคมอยู่ในระดับปานกลาง แบ่งส่วนตลาดตามพฤติกรรมทัศนคติและความต้องการประโยชน์ที่ได้รับจากสินค้า คือ ช่วยท าความสะอาดและ ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นเย็นสบาย ด้วยการผสมผสานของคุณค่าส่วนประกอบของสารจ าเป็นส าหรับผิวถึง 5 ชนิด ที่ช่วยท าความสะอาดและบ ารุงผิว เพื่อให้ผิวสดชื่นสุขภาพดีแก่คุณในทุกๆวัน ลักษณะการซื้อการใช้ คือ จะซื้อเมื่อต้องการท าความสะอาดหรืออาจซื้อเป็นจ านวนมากตามความเหมาะสม ทัศนคติต่อผลิตภัณฑ์ คือ ผู้บริโภคจะมีทัศนคติที่ดีต่อผลิตภัณฑ์ ครีมอาบน้ า วาสลีน (Vaseline Healthy Body Wash) โดยมีการบอกต่อให้เพื่อนๆ รู้ถึงคุณสมบัติต่างๆ ของครีมอาบน้ า วาสลีน (Vaseline Healthy Body Wash) ภาพดีจริงและเมื่อใช้แล้วจะไม่เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น
Market Targeting Strategies คือ กลยุทธ์ในการก าหนดเป้าหมายทางการตลาดจะเกี่ยวข้องกับการประเมินความสนใจของคนแต่ ละกลุ่ม และเลือกกลุ่มคนที่สนใจจะเข้าท าการตลาด การเลือกว่าคุณต้องการที่จะท าการตลาดกับผู้บริโภคที่คาดหวังในวงกว้างหรือแคบ ถือเป็นหนึ่งกุญแจส าคัญของความส าเร็จ
เพื่อให้เห็นภาพ เราจะเปรียบเทียบกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกับพิซซ่า
1. การตลาดแบบกว้าง (Mass) : แบบไม่แตกต่าง ลูกค้าคือพิซซ่าทั้งแผ่น ไม่มีการแบ่งประเภทของลูกค้า สินค้าและรูปแบบการตลาดจะเหมือนกัน เรียกอีกแบบว่า....การตลาดมวลชน (Mass Market) เหมาะสมส าหรับสินค้าที่บริโภคกันอย่างแพร่หลาย เช่น ....น้ ามันเชื้อเพลิง.....น้ าอัดลม....ผลิตภัณฑ์สุขอนามัยส่วนบุคคล....เป็นต้น....... ตัวอย่าง : Coca- Cola เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในการก าหนดเป้าหมาย... โดยไม่มีการแบ่งกลุ่มความแตกต่าง กลุ่มลูกค้าเป็นได้ทั้ง เด็ก ไปจนถึง ผู้สูงอายุ คนในเมืองไปจนถึงคนชนบท สินค้าประเภทนี้จะมีต้นทุนการผลิตที่ คงที่ แต่มีการลงทุนอย่างมากในด้าน การท าการตลาดเพื่อเข้าถึง กลุ่มเป้าหมายและเพิ่มยอดขาย
2. การตลาดแบบแบ่งส่วน (Segment) : แบบแตกต่าง แบ่งลูกค้าออกเป็นหลายกลุ่ม เหมือนแบ่งชิ้นพิซซ่า สินค้าและการตลาดจะท าเพื่อตอบสนองกลุ่มนั้นๆ เรียกว่า “การตลาดแบบแบ่งกลุ่ม” ให้ความส าคัญกับแพลตฟอร์มที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า พึ่งช่องทางการส่งเสริม การขายที่หลากหลาย เหมาะอย่างยิ่งส าหรับ...ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก...เนื่องจาก สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันได้ 1. ซีพี ออลล์(CPALL) ได้แก่ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อในแบรนด์ 7-ELEVEN 2. สยามแม็คโคร(MAKRO) 3. โฮม โปรดักส์เซ็นเตอร์ (HMPRO) 4. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) 5. ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน (ROBINS) 6. สยามโกลบอลเฮ้าส์(GLOBAL) 7. เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท (FN)
3. การตลาดเฉพาะส่วน (Niche) : แบบเฉพาะส่วน ค้นหาความต้องการที่เฉพาะเจาะจง แล้วผลิตสินค้า หรือบริการที่ตอบสนองพวกเขาเพียงอย่างเดียว แบรนด์จะใช้ความพยายามและทรัพยากรทั้งหมดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการท า การตลาดส าหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยเฉพาะ จุดประสงค์หลักคือ การสร้างข้อเสนอ ส าหรับกลุ่มลูกค้าขึ้นมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์หลายประการ ตัวอย่าง : Rolls-Royce แบรนด์รถหรูสัญชาติอังกฤษ - ที่ก่อตั้งในปี 1904 Rolls-Royce จับกลุ่ม Niche แบบเข้มข้น ลูกค้าของแบรนด์มีอยู่กว่า 120 ประเทศ ด้านตัวผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพ ที่ยอดเยี่ยมราคาที่สูง - กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ เจ้าของกิจการระดับสูงที่มีทรัพย์สินอย่างน้อย 300 ล้านดอลลาร์ แบรนด์รถยนต์เข้าถึงลูกค้าโดยการใช้จดหมาย ลงนามส่วนตัวถึงลูกค้า โดยตรง ประหนึ่งเทียบเชิญ และแบรนด์สามารถขายได้ประมาณ 800 คันต่อปี
Micro Market การแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็นหน่วยย่อยที่สุด หรือการแบ่งตลาดให้เหมาะสมกับ รสนิยมของบุคคล เหมาะกับสินค้าที่ไม่ได้มีเงินลงทุนสูง สินค้าที่ต้องการสร้าง มูลค่าเพิ่ม และสินค้าที่ต้องผลิตด้วยมือ หรือผลิตแค่ชิ้นเดียวในโลก จึงท าให้กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีลูกค้าน้อยที่น้อยที่สุด แต่สร้างความพึงพอใจ ให้กับลูกค้าได้มากที่สุด