47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 16
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ 1 รหัสวชิ า ว 31201
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 แรงและกฎการเคล่ือนที่
เรอื่ ง การหาขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธ์โดยการคำนวณ เวลา 21 ชั่วโมง
ภาคเรียนท่ี 1/2565 เวลา 1 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวบงกช บตุ รเพง็
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้วี ัด / ผลการเรียนรู้
สาระฟิสิกส์
1. เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ กิ ส์ ปรมิ าณและกระบวนการวัด การเคลื่อนท่ีแนวตรง แรงและ
กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุงาน และกฎการ
อนรุ ักษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตัม การเคล่ือนท่แี นวโค้ง รวมท้งั นำความรู้ไป
ใชป้ ระโยชน์
ผลการเรียนรู้
4. อธบิ ายแรง รวมทงั้ ทดลองและอธบิ ายการหาแรงลพั ธ์ของแรงสองแรงท่ีทำมมุ ต่อกนั
2. สาระสำคัญ
แรง (force) หมายถึง สิ่งที่สามารถทำให้วัตถุที่อยู่นิ่งเคลื่อนที่หรือทำให้วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่มี
ความเรว็ เพิม่ ข้ึนหรือช้าลง หรอื เปลย่ี นทศิ ทางการเคลื่อนที่ของวัตถุได้
แรงเปน็ ปริมาณเวกเตอร์ท่ีต้องบอกท้ังขนาดและทิศทาง ดงั น้นั การหาผลของแรงลัพธ์ท่ีกระทำต่อ
วัตถุจากการรวมกันระหว่างแรงย่อย 2 แรงขึ้นไป เราสามารถคำนวณแบบเวกเตอร์ได้ โดยต้องรวม
เวกเตอร์ของแรงย่อยทีม่ ีอยู่ให้เป็นปริมาณเดยี วกัน เนื่องจากปริมาณเวกเตอร์มีทั้งขนาดและทิศทาง
ในการรวมเวกเตอร์ของแรงย่อยแต่ละแรงจึงต้องวิเคราะห์ทั้งขนาดและทิศทางขณะที่นำมารวมกนั
เพอื่ หาค่าของแรงลัพธ์
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) อธิบายความหมายของแรงลัพธ์ได้
3.2 ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P)
1) หาแรงลพั ธโ์ ดยการแสดงวิธีการคำนวณได้
59
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
1) มคี วามสนใจใฝ่รู้หรืออยากรูอ้ ยากเหน็ และทำงานร่วมกบั ผู้อนื่ อย่างสร้างสรรค์
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 การหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์สามารถหาได้โดยวิธีการคำนวณ โดยสามารถหาได้
ดงั ตอ่ ไปน้ี
กรณที ี่ 1 แรงย่อยมีทิศทางเดียวกัน (ทำมมุ 0 องศา)
ขนาดของแรงลัพธ์ ∑F = F1 + F2 และ tan θ = 0 โดยทิศทางของแรงลพั ธ์จะมที ิศเดยี วกับ
แรงยอ่ ยทีม่ ีขนาดมากท่สี ุด
กรณที ่ี 2 แรงย่อยมที ิศตรงขา้ มกนั (ทำมมุ 180 องศา)
ขนาดของแรงลัพธ์ ∑F = F1 - F2 และ tan θ = 180๐ โดยทศิ ทางของแรงลพั ธจ์ ะมีทิศ
เดียวกับแรงย่อยท่ีมีขนาดมากที่สุด
กรณีท่ี 3 แรงย่อยทำมมุ ตง้ั ฉากกนั (90 องศา)
หาขนาดแรงลัพธ์ไดจาก ∑ = √ 12 + 22 และหามุมแรงลัพธ์ไดจาก tan α = 2 โดย
1
ทศิ ทางของแรงลพั ธ์ คือ ทิศทางของเสน้ ตรงทลี่ ากจากจุดเร่ิมต้นไปยังจุดสุดทา้ ย
กรณที ี่ 4 แรงย่อยเอียงทำมมุ ใดๆ (θ)
หาขนาดแรงลัพธไ์ ดจาก ∑ = √ 12 + 22 + 2 1 2
และหามมุ แรงลพั ธไ์ ดจ้ าก tan α = 2
1+ 2
5. กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยออกแบบกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามรูปแบบ 5E
5.1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement)
5.1.1 นกั เรยี นทบทวนความรูเ้ กี่ยวกบั การหาแรงลัพธโ์ ดยวธิ เี ขยี นเวกเตอร์ของแรงแบบหาง
ต่อหวั และวธิ ีการสรา้ งรปู สีเ่ หล่ยี มด้านขนาน โดยครูใชค้ ำถาม ดงั น้ี
- จงอธิบายการหาแรงลัพธข์ องแรงสองแรงท่ีกระทำมุมต่อกนั โดยการเขียนเวกเตอร์
ของแรงแบบหางต่อหัว (แนวคำตอบ การหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงท่ีกระทำมุมต่อกนั ดังรูป ก. โดย
การเขียนเวกเตอรข์ องแรงแบบหางตอ่ หัวนั้นสามารถทำ ได้โดยนำหางของเวกเตอร์แรงท2่ี ต่อกับหัว
ของเวกเตอรแ์ รงท่ี1 จากน้นั ลากเวกเตอร์จากหางของเวกเตอร์แรง1 ไปยังหัวของเวกเตอร์แรง2 ซ่ึงก็
คอื แรงลพั ธ์ ของแรงสองแรงทีท่ ำามมุ ตอ่ กนั ดงั รปู ข.)
60
- จงอธิบายการหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่กระทำมุมต่อกนั โดยสรา้ งรูปสี่เหลี่ยม
ด้านขนาน (แนวคำตอบ ให้นำเส้นประขนาดและทิศทางเท่ากับเวกเตอร์แรง1 ไปต่อกับหัวของ
เวกเตอร์แรง 2 จากนั้นนำเส้นประขนาดและทิศทางเท่ากับเวกเตอร์แรง2 ไปต่อกับหัวของเวกเตอร์
แรง1 จากนั้นลากเส้นจากจุดที่หางของเวกเตอร์แรง1 และแรง2 ไปยังจุดที่เส้นประชนกันพอดี ซึ่ง
เวกเตอร์ที่ไดค้ ือเวกเตอร์ลัพธ์ ดงั รูป)
5.2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration)
5.2.1 นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อช่วยกันศึกษา เรื่อง การหาแรงลัพธ์โดยการ
คำนวณ
5.2.2 นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนมารบั ใบความรู้เร่ือง การหาแรงลัพธโ์ ดยการคำนวณ
5.2.3 นกั เรยี นรว่ มกนั ศึกษาและสรุปเป็นแผนผงั ความคิดลงบนกระดาษชาร์ต พร้อมตกแต่ง
ให้สวยงาม โดยครูจะคอยให้คำแนะนำหากนักเรียนมีข้อสงสัย
5.3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
5.3.1 นกั เรียนออกมานำเสนอผลการศกึ ษาเกย่ี วกับการหาแรงลพั ธ์โดยการคำนวณ
5.3.2 นักเรยี นและครูร่วมกันอภปิ รายและสรปุ การหาแรงลพั ธโ์ ดยการคำนวณ ดังนี้
การหาขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธส์ ามารถหาได้โดยวธิ กี ารคำนวณ
โดยสามารถหาได้ดงั ตอ่ ไปนี้
กรณีที่ 1 แรงยอ่ ยมีทศิ ทางเดียวกัน (ทำมมุ 0 องศา)
ขนาดของแรงลพั ธ์ ∑F = F1 + F2 และ tan θ = 0 โดยทศิ ทางของแรงลัพธ์จะมีทิศเดียวกับ
แรงย่อยทม่ี ีขนาดมากทสี่ ุด
กรณที ี่ 2 แรงย่อยมีทิศตรงข้ามกัน (ทำมุม 180 องศา)
61
ขนาดของแรงลพั ธ์ ∑F = F1 - F2 และ tan θ = 180๐ โดยทิศทางของแรงลัพธ์จะมีทิศ
เดียวกบั แรงย่อยทมี่ ีขนาดมากที่สดุ
กรณีท่ี 3 แรงย่อยทำมมุ ต้งั ฉากกัน (90 องศา)
หาขนาดแรงลัพธ์ได้จาก ∑ = √ 21 + 22 และหามุมแรงลัพธ์ได้จาก tan α = 2 โดย
1
ทศิ ทางของแรงลพั ธ์ คือ ทิศทางของเส้นตรงท่ีลากจากจุดเรม่ิ ตน้ ไปยงั จุดสดุ ท้าย
กรณที ่ี 4 แรงย่อยเอยี งทำมมุ ใดๆ (θ)
หาขนาดแรงลพั ธ์ได้จาก ∑ = √ 12 + 22 + 2 1 2
และหามมุ แรงลัพธไ์ ดจ้ าก tan α = 2
1+ 2
5.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายตัวอย่างการหาแรงลัพธ์โดยการคำนวณ เพื่อเป็น
แนวทางให้นักเรยี นสามารถแกโ้ จทยป์ ัญหา (ตวั อยา่ งในใบความรู้)
5.4.2 นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั เร่ือง การหาแรงลพั ธ์โดยการคำนวณ
5.5 ข้ันประเมิน (Evaluation)
5.5.1 นักเรียนตอบคำถามเพอื่ ตรวจสอบความรู้ โดยใช้คำถามต่อไปนี้
- แรงลัพธ์ คืออะไร (แนวคำตอบ เป็นแรงทีเ่ กิดจากแรงที่มีมากกว่าหนึ่งแรงกระทำ
ต่อวัตถชุ ิ้นหนึง่ ๆ ผลที่เกดิ ขึน้ จะเสมอื นกบั ว่า มแี รงเพยี งแรงเดียวกระทำกับวัตถุนั้น)
- การหาแรงลัพธโ์ ดยการคำนวณ มีกี่กรณี อะไรบ้าง (แนวคำตอบ มี 4 กรณี ได้แก่
กรณที ่ี 1 แรงย่อยมีทิศทางเดียวกัน (ทำมมุ 0 องศา) กรณที ่ี 2 แรงย่อยมที ศิ ตรงข้ามกนั (ทำมุม 180
องศา) กรณีที่ 3 แรงยอ่ ยทำมมุ ต้งั ฉากกัน (90 องศา) และกรณีท่ี 4 แรงย่อยเอียงทำมุมใดๆ (θ))
- การหาแรงลัพธโ์ ดยการสร้างรูปสีเ่ หล่ียมด้านขนานทำได้อย่างไร (แนวคำตอบ นำ
หางของแรงหนงึ่ ตอ่ กับหางของอีกแรงหนงึ่ จากนั้นสรา้ งรปู ส่ีเหลยี่ มดา้ นขนานแลว้ ลากจากจุดหางต่อ
หางตามเสน้ ทแยงมมุ ข้ึนไป)
5.5.2. ตรวจการทำแบบฝึกหัด เพื่อดูว่านักเรียนทำถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องครูอธิบาย
เพ่ิมเตมิ ให้นกั เรยี นเขา้ ใจมากขน้ึ
6. ส่ือการเรยี นรู้/อุปกรณ/์ แหลง่ เรยี นรู้
6.1 หนังสือเรยี นรายวิชาฟิสกิ ส์เพมิ่ เตมิ ม. 4 เลม่ 1 สสวท.
6.2 ใบความรเู้ ร่ือง การหาแรงลัพธโ์ ดยการคำนวณ
7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
62
7.1 ใบงาน เรอื่ ง การหาแรงลัพธ์โดยการคำนวณ
7.2 แผนผังความคิด เร่อื ง การหาแรงลัพธ์โดยการคำนวณ
8. กระบวนการวัดและประเมินผล
จดุ ประสงค์ วธิ ีการวัด เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารตัดสิน
ด้านความรู้ (K)
1) อธบิ ายความหมายของแรงลพั ธ์ได้ การตอบคำถาม ตรวจคำตอบจาก ผา่ นเกณฑ์
การตอบคำถาม รอ้ ยละ 70
ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P)
1) หาแรงลพั ธ์โดยการแสดงวธิ ีการคำนวณได้ แผนผังความคดิ ตรวจคำตอบจาก
เรอ่ื ง การหาแรง แผนผงั ความคิด ผา่ นเกณฑ์ระดบั
ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) ลัพธโ์ ดยการ เรื่อง การหาแรง คุณภาพพอใช้
1) มคี วามสนใจใฝร่ ู้หรอื อยากรู้อยากเห็น และ ลพั ธ์โดยการ (7 คะแนน) ขึ้นไป
ทำงานรว่ มกับผอู้ น่ื อย่างสรา้ งสรรค์ คำนวณ
คำนวณ
การตอบคำถาม ตรวจคำตอบจาก ผ่านเกณฑ์
การตอบคำถาม ร้อยละ 70
ใบงาน เรอ่ื ง การ ตรวจคำตอบจาก ผา่ นเกณฑ์ระดบั
หาแรงลพั ธโ์ ดย ใบงาน เร่อื ง การ คณุ ภาพพอใช้
การคำนวณ หาแรงลพั ธ์โดย (7 คะแนน) ขึน้ ไป
การคำนวณ
สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมิน ผ่านเกณฑร์ ะดับ
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ 2 ขน้ึ ไป
ประสงค์
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 17
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4
รายวชิ า ฟิสิกส์ 1 รหสั วิชา ว 31201
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 แรงและกฎการเคลื่อนท่ี
เร่ือง มวลและความเฉื่อย เวลา 21 ช่วั โมง
ภาคเรียนที่ 1/2565 เวลา 2 ชัว่ โมง
ครูผสู้ อน นางสาวบงกช บตุ รเพง็
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด / ผลการเรยี นรู้
สาระฟิสกิ ส์
1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสกิ ส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคล่อื นทีแ่ นวตรง แรงและกฎ
การเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการ
อนรุ กั ษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม การเคล่ือนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไป
ใช้ประโยชน์
ผลการเรียนรู้
5. เขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุอิสระทดลอง และอธิบายกฎการเคลื่อนที่ของ
นิวตันและการใช้กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันกับสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทั้งคำนวณปริมาณ
ตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ียวข้อง
2. สาระสำคัญ
มวล (mass) เป็นสมบัติประจำตัวของวัตถุอย่างหนึ่งโดยเปน็ สมบัตทิ างความเฉื่อย (inertia)
ต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนทีข่ องวัตถุ โดยที่มวลเปน็ ปรมิ าณสเกลาร ในระบบเอสไอมีหน่วยเป็น
กิโลกรัม (kg)
กฎข้อที่หนึ่งของนิวตัน หรือกฎแห่งความเฉื่อย กล่าวว่า "วัตถุทุกชนิดจะเคลื่อนที่ด้วย
ความเร็วคงท่ี นอกจากมแี รงมากระทำต่อวตั ถุ"
กฎขอ้ ทีส่ องของนวิ ตนั กลา่ วว่า "ความเร่งของของวัตถุจะแปลผันตรงกบั แรงสุทธิท่ีกระทำต่อ
วัตถุ และแปรผกผันกับมวลของวัตถุ" ทิศของความเร่งจะมีทิศเดียวกับแรงสุทธิที่กระทำบนวัตถุ
สามารถเขียนอย่ใู นรปู ของสมการทางคณติ ศาสตร์ไดด้ งั น้ี
n
∑ Fi = ma
i=0
92
กฎข้อทีส่ ามของนิวตนั กฎของแรงกิริยาและแรงปฏิกิรยิ า กล่าวว่า "เมอ่ื วัตถชุ ้ินหนึ่งออกแรง
(แรงกิรยิ า, action) กระทำต่อวตั ถุอกี ชน้ิ หนง่ึ วตั ถอุ นั หลงั จะออกแรงด้วยขนาดทเี่ ท่ากันแต่ทศิ ตรงกัน
ขา้ ม (แรงปฏิกิริยา - reaction) กับแรงทีเ่ กิดจากวตั ถอุ นั แรก"
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธิบายความสัมพันธข์ องมวลและความเฉ่อื ยได้
3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (P)
1) ทกั ษะการทดลองเกย่ี วกบั มวลและความเฉ่อื ยของวัตถไุ ด้
3.3 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1) มคี วามสนใจใฝ่ร้หู รืออยากรอู้ ยากเหน็ และทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์
4. สาระการเรยี นรู้
มวลและความเฉื่อย มวลเป็นปริมาณของสสารที่ประกอบอยู่ในวัตถุหนึ่ง ๆ ซึ่งเป็นปริมาณ
สเกลาร์ เขยี นแทนดว้ ยสญั ลกั ษณ์ m หน่วยในระบบเอสไอเปน็ กโิ ลกรัม (kilogram ; kg) โดยวัตถุที่มี
มวลมากจะมีความเฉื่อยมาก วัตถุที่มีมวลน้อยจะมีความเฉื่อยน้อย ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวเรียกว่า
ความเฉ่อื ย (inertia) เปน็ สมบัตทิ วี่ ัตถตุ ้านการเปล่ียนสภาพการเคล่อื นที่ และปริมาณท่ีบอกให้ทราบ
ถึงความเฉอ่ื ยของวตั ถุคอื มวล (mass)
5. กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามรปู แบบ 5E
ชัว่ โมงท่ี 1
5.1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
5.1.1 นักเรียนและครูร่วมกันทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับแรง เพื่อเป็นความรู้พ้ืนฐานนำไปสู่
การศกึ ษา เร่อื ง มวล
5.1.2. นกั เรียนตอบคำถาม เพอื่ กระตนุ้ ความสนใจเกี่ยวกับมวล ดังน้ี
- มวลมผี ลต่อการเคลอื่ นท่หี รือไม่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ วัตถุใดทม่ี ีมวลมาก จะต้าน
การเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่มาก ในทางกลับกัน วัตถุใดมีมวลน้อยจะต้านการเปลี่ยนสภาพการ
เคลื่อนท่ีน้อย)
93
5.2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
5.2.1 ครูเปิดประเด็นและนำอภิปรายโดยคำถามที่เชื่อมโยงสู่ชีวิตประจำวันว่า ระหว่าง
รถยนต์กับรถบรรทุก ถ้าเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัวเท่ากัน เมื่อเบรกอย่างกะทันหันรถคันไหน
สามารถหยุดนิ่งได้ก่อน เพราะเหตใุ ด (แนวคำตอบ รถยนต์ เพราะว่า รถยนตม์ มี วลน้อย ย่อมมีความ
เฉอ่ื ยนอ้ ยกว่า)
5.2.2 นักเรยี นจับคทู่ ดลอง โดยการนำไมบ้ รรทดั มาดดี ใหเ้ คลอื่ นทีก่ ลบั ไปกลับมา แล้วชว่ ยกนั
สังเกตการเคลื่อนที่ของไม้บรรทัด จากนั้นนำดินน้ำมัน มาติดไว้ที่ปลายไม้บรรทัด แล้วดีดไม้บรรทดั
เหมือนเดิมอกี ครัง้ สงั เกตการเคลอื่ นที่ของไม้บรรทัด แล้วใหน้ ักเรยี นทุกคนชว่ ยกนั ตอบคำถามโดยใช้
คำถามว่า จากการทดลองทั้ง 2 กรณี การเคลื่อนที่ต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ เคลื่อนที่
ต่างกัน ไม้บรรทัดที่ไม่มีมวลดินน้ำมันติดจะเคลื่อนที่ครบวงรอบโดยใช้เวลาในการเคลื่อนที่กลับไป
กลับมาแลว้ จงึ หยดุ ส่วนไมบ้ รรทัดทมี่ ีมวลดนิ น้ำมนั ติดอยู่ จะเคลื่อนท่ีใชเ้ วลานานกวา่ ไมบ้ รรทัดที่ไม่มี
มวลดนิ น้ำมนั ตดิ อยู่จึงจะหยดุ น่งิ )
5.2.3 นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้วา่ เพราะเหตใุ ด ไม้บรรทดั ท่มี ีมวลดินน้ำมนั ตดิ อยู่ ใช้เวลา
เคลอ่ื นทนี่ านกว่าจึงจะหยุดนง่ิ (แนวคำตอบ เป็นเพราะมีมวลเข้ามาเกี่ยวข้อง ถา้ มีมวลมากความเฉื่อย
ก็จะมาก จึงทำให้ไม้บรรทดั ที่มีมวลของดินน้ำมันติดอยู่ จึงใช้เวลานานกว่าไม้บรรทัดเปล่าจึงจะหยดุ
เคลื่อนที่)
5.2.4 นักเรียนตอบคำถามว่า ความเฉื่อย คืออะไร (แนวคำตอบ ความเฉื่อย คือ สมบัติของ
วัตถุทพ่ี ยายามรกั ษาสภาพการเคล่อื นท่ี ดงั นน้ั การทีว่ ตั ถมุ มี วลมาก ๆ วตั ถนุ นั้ จะมีความเฉอ่ื ยมาก การ
เปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ทำได้ยากกว่าวัตถุท่ีมีมวลนอ้ ย หรือวัตถุมีมวลมากมีความเฉือ่ ยมากทำให้
วัตถุน้นั เคลอ่ื นที่ยาก ตอ้ งใชแ้ รงมาก วัตถทุ ม่ี มี วลน้อยมคี วามเฉอ่ื ยนอ้ ยทำให้วตั ถุเคลื่อนท่ีง่าย ใช้แรง
น้อย)
5.2.5 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม แสดงความคิดเห็นตามความรู้และประสบการณ์ของ
นกั เรยี น โดยครยู งั ไมเ่ น้นคำตอบท่ถี ูกต้อง
ชัว่ โมงท่ี 2
5.3 ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
5.3.1 นักเรียนและครูอภิปรายสรุปรว่ มกันจนไดข้ อ้ สรปุ ดังน้ี
แนวทางอภิปราย
โดยวัตถุท่ีมีมวลมากจะมีความเฉื่อยมาก วัตถุที่มีมวลนอ้ ยจะมคี วามเฉื่อยน้อย ซึ่งคุณสมบัติ
ดังกล่าวเรียกว่า ความเฉื่อย (inertia) เป็นสมบัติที่วัตถุต้านการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ และ
ปริมาณท่บี อกให้ทราบถึงความเฉอื่ ยของวตั ถุคอื มวล (mass) ซง่ึ มวลเปน็ ปรมิ าณของสสารที่ประกอบ
94
อยู่ในวัตถุหนึ่ง ๆ ซึ่งเป็นปริมาณสเกลาร์ เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ m หน่วยในระบบเอสไอเป็น
กโิ ลกรัม (kilogram ; kg))
5.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 นกั เรียนทำแผนผังความคิดสรปุ ความรเู้ ก่ียวกบั มวลและความเฉอื่ ยของวตั ถุ
5.4.2 ครูอธิบายเพิม่ เตมิ หากนกั เรียนยังมขี อ้ สงสยั เกยี่ วกับเรือ่ งมวลและความเฉ่ือย
5.5 ข้ันประเมิน (Evaluation)
5.5.1 นักเรียนตอบคำถามเพอื่ ตรวจสอบความรู้ โดยใชค้ ำถามต่อไปน้ี
- มวล หมายถึง (แนวคำตอบ ปรมิ าณท่ีบอกใหท้ ราบถงึ ความเฉ่ือย ซงึ่ เปน็
ปรมิ าณของสสารท่ปี ระกอบอยใู่ นวัตถหุ นึง่ ๆ ซึ่งเปน็ ปริมาณสเกลาร์ เขยี นแทนดว้ ยสัญลกั ษณ์ m
หนว่ ยในระบบเอสไอเป็นกิโลกรัม (kilogram ; kg)
- ความเฉอื่ ย หมายถึง (แนวคำตอบ สมบัติท่ีวัตถุตา้ นการเปลย่ี นสภาพการเคลื่อนท่ี
ของวตั ถุ โดยวัตถทุ ่มี ีมวลมากจะมีความเฉอ่ื ยมาก วตั ถุท่มี มี วลน้อยจะมีความเฉอื่ ยนอ้ ย)
5.5.2. ตรวจการทำแผนผงั ความคิดสรปุ ความรู้ เรอ่ื ง มวลและความเฉือ่ ยของวตั ถุ
6. สอื่ การเรียนรู้/อุปกรณ์/แหลง่ เรยี นรู้
6.1 หนงั สอื เรยี นรายวิชาฟิสกิ ส์เพิม่ เตมิ ม. 4 เล่ม 1 สสวท.
6.2 PowerPoint หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เร่ือง แรงและกฎการเคลอื่ นท่ี
6.3 อุปกรณก์ ารทดลอง ไม้บรรทัดพลาสติก และดนิ นำ้ มัน
7. ช้นิ งาน/ภาระงาน
7.1 แผนผงั ความคดิ สรุปความรู้ เรอื่ ง มวลและความเฉ่ือยของวตั ถุ
95
8. กระบวนการวัดและประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารตัดสนิ
ด้านความรู้ (K)
1) อธิบายความสัมพันธข์ องมวลและความเฉ่อื ย การตอบคำถาม ตรวจคำตอบจาก ผา่ นเกณฑ์
ได้ การตอบคำถาม ร้อยละ 70
ด้านทักษะและกระบวนการ (P) แผนผงั ความคดิ ตรวจคำตอบจาก ผา่ นเกณฑ์ระดบั
1) มที กั ษะการทดลองเกี่ยวกับเร่ืองมวลและ สรุปความรู้ เร่ือง แผนผงั ความคิด คุณภาพพอใช้
ความเฉ่อื ยของวตั ถไุ ด้ มวลและความ สรปุ ความรู้ เร่อื ง (7 คะแนน)
เฉอ่ื ยของวตั ถุ มวลและความ
ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) เฉ่อื ยของวัตถุ ขึ้นไป
1) มคี วามสนใจใฝร่ ู้หรอื อยากรู้อยากเหน็ และ
ทำงานรว่ มกบั ผู้อืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ แบบประเมินการ
สังเกตจากการทำ ทดลองเกยี่ วกับ ผ่านเกณฑร์ ะดบั
การทดลอง เรื่องมวลและ 2 ขนึ้ ไป
ความเฉือ่ ย
ของวตั ถุ
สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑร์ ะดับ
คณุ ลกั ษณะอันพงึ 2 ขน้ึ ไป
ประสงค์
96