247
** ถ้าลิฟต์เคลอ่ื นท่ีขึน้ ดว้ ยความเรง่ นำ้ หนกั ทอี่ ่านไดจ้ ะมากกว่าน้ำหนกั ท่ีแท้จรงิ
** ถ้าลิฟต์เคลื่อนท่ีลงด้วยความเร่ง นำ้ หนกั ทอี่ ่านได้จะน้อยกว่าน้ำหนักทแ่ี ทจ้ ริง
- ชายคนหนึง่ มีมวล 55 กโิ ลกรัม ยืนอยบู่ นตาชั่งในลิฟต์ จงหาว่าตาชั่งจะอา่ นคา่ ได้เท่าใด
ใน กรณีต่อไปนี้ ก) ลิฟต์วิ่งลงด้วยความเร็วคงตัว ข) ลิฟต์เคลื่อนที่ขึ้นด้วยความเร่ง 3.2 เมตรต่อ
วนิ าที2
ก) ลิฟตว์ ่งิ ลงดว้ ยความเรว็ คงตวั
จาก F = 0
mg - N = 0
N = mg
N = (55)(9.8)
N = 539 N
ดังน้ัน ตาชัง่ จะอา่ นค่าได้ 539 นวิ ตนั
ข) ลฟิ ตเ์ คล่อื นที่ขึ้นด้วยความเรง่ 3.2 เมตรต่อวนิ าที2
จาก F = ma
N - mg = ma
N = ma + mg = m(a+g)
N = (55)(3.2+9.8)
N = 715 N
5.4.2 นกั เรียนทำแบบฝกึ หัด 3.6
5.5 ขัน้ ประเมิน (Evaluation)
5.5.1 นักเรียนตอบคำถามเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจ โดยใช้คำถามตอ่ ไปน้ี
- กฎของนวิ ตนั มกี ่ขี อ้ และแต่ละขอ้ มีนยิ ามวา่ อยา่ งไร
(แนวคำตอบ
กฎข้อที่หนึ่งของนิวตัน หรือกฎแห่งความเฉื่อย กล่าวว่า "วัตถุทุกชนิดจะเคลื่อนท่ี
ด้วยความเรว็ คงที่ นอกจากมแี รงมากระทำต่อวตั ถุ"
กฎข้อที่สองของนิวตัน กล่าวว่า "ความเรง่ ของของวัตถุจะแปลผันตรงกับแรงสุทธิท่ี
กระทำต่อวตั ถุ และแปรผกผนั กับมวลของวัตถ"ุ ทิศของความเรง่ จะมีทิศเดียวกบั แรงสุทธทิ ี่กระทำบน
วตั ถุ สามารถเขยี นอยูใ่ นรูปของสมการทางคณิตศาสตรไ์ ด้ดงั น้ี
∑in=0 Fi = ma
248
กฎขอ้ ที่สามของนวิ ตัน กฎของแรงกิรยิ าและแรงปฏิกริ ิยา กล่าววา่ "เมื่อวตั ถุชิ้นหน่ึง
ออกแรง (แรงกริ ยิ า, action) กระทำตอ่ วัตถุอีกช้นิ หน่ึง วัตถุอนั หลังจะออกแรงด้วยขนาดที่เท่ากันแต่
ทิศตรงกันข้าม (แรงปฏิกริ ยิ า - reaction) กบั แรงท่เี กดิ จากวตั ถุอนั แรก")
- ขน้ั ตอนในการเขียนแผนภาพวตั ถอุ ิสระ มีกขี ั้นตอน อะไรบา้ ง
(แนวคำตอบ 4 ขน้ั ตอน ได้แก่
1) เลอื กวตั ถุทต่ี ้องการหาแรงลพั ธ์ แสดงวัตถเุ ป็นจุด
2) เขียนเวกเตอรแ์ สดงแรงทกุ แรงทกี่ ระทำต่อวตั ถุ
3) สรา้ งแกนฉาก (ถ้ามีแรงกระทำไม่อยใู่ นแนวการเคลือ่ นท)ี่
4) แยกหาองค์ประกอบแตล่ ะแนวแกน)
- แนวทางในการใชก้ ฎการเคลื่อนท่ี มกี ่แี นวทาง อะไรบ้าง
(แนวคำตอบ มี 4 แนวทาง ไดแ้ ก่
1) วาดแผนภาพวัตถุอิสระ ระบุแรงที่มากระทำต่อวัตถุให้ครบ แล้วกำหนดทิศทาง
ความเร่ง ของวัตถแุ ตล่ ะกอ้ น
2) สร้างแกนพิกัดที่เหมาะสมเพื่อหา ∑F⃑ โดยระบบแกนฉากที่เหมาะสมควรอยู่ใน
แนว เดยี วกับการเคลือ่ นท่ีของวัตถุ
3) กำหนดแรงที่มีทิศเดียวกับการเคลื่อนที่ให้มีค่าเป็นบวก และแรงที่มีทิศตรงข้าม
กบั การเคล่อื นทใี่ ห้มีคา่ เป็นลบ
4) ดำเนินการแก้สมการ F⃑ = 0 หรือ ∑F⃑ = m⃑a เพือ่ หาค่าที่ตอ้ งการออกมา)
6. สอ่ื การเรยี นรู้/อุปกรณ/์ แหลง่ เรียนรู้
6.1 หนงั สอื เรียนรายวิชาฟิสิกส์เพ่มิ เตมิ ม. 4 เล่ม 1 สสวท.
6.2 PowerPoint หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่อื ง แรงและกฎการเคลื่อนท่ี
7. ช้นิ งาน/ภาระงาน
7.1 แบบฝกึ หัด 3.6 เร่อื ง การประยุกต์ใช้กฎการเคลอื่ นที่
249
8. กระบวนการวัดและประเมินผล
จดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารตัดสิน
ด้านความรู้ (K)
1) อธิบำยเกีย่ วกบั การนำกฎการเคลอื่ นท่ขี องนวิ การตอบคำถาม ตรวจคำตอบจาก ผ่านเกณฑ์
ตนั ไปใช้ได้ การตอบคำถาม รอ้ ยละ 70
ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P)
1) เขียนแผนภำพของแรงทกี่ ระทำต่อวัตถุอสิ ระ การตอบคำถาม ตรวจคำตอบจาก ผ่านเกณฑ์
ได้ การตอบคำถาม รอ้ ยละ 70
2) คำนวณหำปริมำณต่ำง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกบั กำร แบบฝกึ หัด 3.6
เคลือ่ นท่ีของวัตถุได้ เร่ือง การ ตรวจคำตอบจาก ผ่านเกณฑ์ระดบั
ประยกุ ตใ์ ช้ แบบฝึกหดั 3.6 คุณภาพพอใช้
ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) (7 คะแนน)
1) มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรอู้ ยากเห็น และ กฎการเคลอื่ นท่ี เรื่อง การ
ทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่ืนอย่างสร้างสรรค์ ประยุกตใ์ ช้ ขึน้ ไป
สังเกตพฤตกิ รรม กฎการเคลอ่ื นที่
แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์ระดบั
คณุ ลักษณะอันพงึ 2 ขึน้ ไป
ประสงค์
250
251
252
253
254
255
256
257
258
259
260
261