The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สัญลักษณ์ดอกบัวในจิตรกรรมล้านนา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chadej9, 2020-05-14 01:15:17

สัญลักษณ์ดอกบัวในจิตรกรรมล้านนา

สัญลักษณ์ดอกบัวในจิตรกรรมล้านนา

Keywords: สัญลักษณ์ดอกบัว,จิตรกรรม,ล้านนา

สเุ มธดาบส นอนทอดกายใหพ้ ระพทุ ธเจา้ ทปี ังกร
และเหล่าพระอรหันตสาวกเหยยี บด�ำ เนินขา้ มเลนตม

49

สเุ มธดาบสสกั การบชู าพระพทุ ธเจ้าทปี งั กร
การสักการบูชาพระพุทธเจ้าทีปังกรด้วยดอกบัวของพระโพธิสัตว์มีนามว่า สุเมธดาบส
ซง่ึ ไดร้ บั มาจากนางสมุ ติ ตากมุ ารี ปรากฏเนอื้ หาในพระไตรปฎิ ก เลม่ ท่ี ๓๓ พระสตุ ตนั ตปฎิ ก เลม่ ท่ี
๒๕ ขทุ ทกนกิ าย อปทาน ภาค ๒ พทุ ธวงั สะจรยิ าปฎิ ก ยโสธราเถรยิ าปทานท่ี ๘๑๓ ความวา่
“...พระมหาวีรเจ้าพระนามว่าทีปังกร ผู้เป็นนายกของโลก เสด็จอุบัติข้ึนแล้ว ประชาชนใน
ปจั จนั ตประเทศ มจี ติ ใจยนิ ดนี มิ นตพ์ ระตถาคตเจา้ แลว้ ชว่ ยกนั แผว้ ถางหนทางส�ำหรบั เปน็ ทเี่ สดจ็
พระพทุ ธด�ำเนนิ ณ กาลครงั้ นน้ั พระองคเ์ ปน็ พราหมณน์ ามวา่ สเุ มธ ตกแตง่ หนทางยาว เพอื่ พระสคุ ต
เจา้ ผทู้ รงเหน็ ธรรมทงั้ ปวง หมอ่ มฉนั มสี มภพในสกลุ พราหมณ์ เปน็ หญงิ สาวมนี ามวา่ สมุ ติ ตาเขา้ ไปสู่
สมาคม ถอื ดอกบวั ไป ๘ ก�ำ เพอ่ื บชู าพระศาสดาแตไ่ ดถ้ วายพระองคผ์ เู้ ปน็ ฤาษอี ดุ มในทา่ มกลาง
ประชมุ ชน ครงั้ นนั้ หมอ่ มฉนั ไดเ้ หน็ พระองคป์ ระกอบสภุ กจิ อยนู่ าน มคี วามกรณุ า เมอื่ ฤาษนี น้ั เดนิ เลย
ไปแลว้ ยงั ดงึ ใจหมอ่ มฉนั ใหน้ ยิ ม จงึ ไดส้ �ำคญั วา่ ชวี ติ ของเรามผี ล ครง้ั นนั้ หมอ่ มฉนั เหน็ ความพยายาม
ของพระองคน์ นั้ มผี ล จงึ ไดถ้ วายดอกบวั แกพ่ ระองคผ์ เู้ ปน็ ฤาษี ดว้ ยบญุ ทท่ี �ำมากอ่ นแมจ้ ติ ของหมอ่ มฉนั
กเ็ ลอ่ื มใสในพระสมั พทุ ธเจา้ หมอ่ มฉนั ยง่ิ มจี ติ เลอ่ื มใสในพระองคผ์ เู้ ปน็ ฤาษมี มี นสั สงู มไิ ดเ้ หน็ สงิ่ อนื่
ทคี่ วรถวายจงึ ไดถ้ วายดอกบวั แกพ่ ระองคผ์ เู้ ปน็ ฤาษพี รอ้ มดว้ ยกลา่ ววา่ ขา้ แตพ่ ระฤาษี ดอกบวั ๕ ก�ำ
จงมแี กท่ า่ น ดอกบวั ๓ ก�ำ จงมแี กด่ ฉิ นั ขา้ แตท่ า่ นพระฤาษดี อกบวั เหลา่ นนั้ จงมเี สมอกบั ดว้ ยทา่ นนนั้
เพื่อประโยชน์แก่โพธิญาณของท่าน. สุเมธฤาษีรับดอกบัว แล้วบูชาพระพุทธทีปังกร ผู้แสวงหา
คณุ ธรรมใหญ่ มบี รวิ าร ยศมาก เสดจ็ ด�ำเนนิ มาในทา่ มกลางประชมุ ชน เพอ่ื ประโยชนแ์ กโ่ พธญิ าณ...”

สเุ มธดาบส นอนทอดกายให้พระพุทธเจ้าทีปังกร
และเหล่าพระอรหนั ตสาวกเหยียบด�ำ เนินข้ามเลนตม
ประติมากรรมไม้แกะสลัก
Nga Phe Chaung Monastery
50 ทะเลสาบอินเล รฐั ฉาน ประเทศเมยี นมา

51

ดอกบวั เป็นสัญลกั ษณเ์ ปรียบกบั พระนิพพาน

คมั ภรี ม์ ลิ นิ ทปญั หา เปน็ คมั ภรี ส์ ำ� คญั ในทางพทุ ธศาสนาทบี่ นั ทกึ คำ� สนทนาถาม - ตอบปญั หา
ธรรมะระหวา่ งพระนาคเสนกบั พระยามลิ นิ ท์ ซงึ่ เปน็ กษตั รยิ เ์ ชอ้ื สายกรกี ในชมพทู วปี ผเู้ ปน็ นกั ปราชญ์
สามารถโตว้ าทะชนะนกั ปราชญท์ ง้ั หลายในสมยั นน้ั เมอ่ื ไดพ้ บและโตว้ าทะกบั พระนาคเสน จงึ เกดิ
ความเลอ่ื มใสศรทั ธาหนั มานบั ถอื พทุ ธศาสนา สว่ นพระนาคเสนนน้ั ทา่ นเปน็ พระอรหนั ตท์ เี่ กดิ หลงั
พทุ ธกาล ๔๐๐ ปี ผโู้ ตว้ าทะชนะพระยามลิ นิ ท์ โดยมเี นอ้ื ความการเปรยี บเทยี บดอกบวั กบั พระนพิ พาน
ปรากฏอยใู่ นคมั ภรี ม์ ลิ นิ ทปญั หา๑๔ ความวา่

“...ธรรมชาติของดอกบัว น้ำย่อมไม่ซึมติดอยู่ได้ฉันใด พระนิพพาน
อนั กเิ ลสทงั้ ปวงไมซ่ มึ ตดิ ไดฉ้ นั นน้ั นแ้ี ลคณุ แหง่ ดอกบวั ประการหนงึ่ ซงึ่
ควรคกู่ บั พระนพิ พาน เปรยี บเหมอื นวา่ นำ้ ฉาบตดิ ดอกปทมุ มไิ ด้ ฉนั ใด
ขอถวายพระพร กเิ ลสทง้ั หลายทง้ั ปวง กฉ็ าบตดิ พระนพิ พานมไิ ด้ ฉนั นน้ั
เหมอื นกนั ขอถวายพระพร นคี้ อื คณุ อยา่ งหนง่ึ ของดอกปทมุ ทเ่ี ทยี บกนั ได้
กบั พระนพิ พาน...”

52

ดอกบวั บานในสระโบกขรณี มหานครนิพพาน
สมดุ ภาพไตรภมู ฉิ บับกรุงธนบุรี
53

ดอกบวั เปน็ สญั ลกั ษณใ์ นคตเิ รอื่ งพระอดีตพุทธเจ้า

ในคมั ภรี พ์ ทุ ธศาสนาของลา้ นนายงั ไดม้ เี นอื้ หากลา่ วถงึ เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั พระอดตี พทุ ธเจา้
๒๘ พระองค์ โดยมพี ระพทุ ธเจา้ พระองคห์ นง่ึ มพี ระนามวา่ ปทมุ พทุ ธเจา้ เนอื่ งจาก ในวนั ประสตู ิ
ของพระองคน์ น้ั ไดเ้ กดิ เหตกุ ารณอ์ ศั จรรย์ มดี อกบวั ตกลงมาจากฟากฟา้ ดจุ หา่ ฝนทว่ั ทงั้ ชมพทู วปี
ดว้ ยเหตนุ ้ี พระญาตวิ งศจ์ งึ ขนานพระนามวา่ “ปทมุ ” พระปทมุ พทุ ธเจา้ เสดจ็ อบุ ตั ใิ นตระกลู กษตั รยิ ์
แหง่ นครจมั ปกะ พระราชบดิ าทรงพระนามวา่ พระเจา้ อสมราช และพระราชมารดาทรงพระนามวา่
พระนางอสมาราชเทวี พระมหาปทมุ ราชกมุ ารทรงเกษมสำ� ราญอยใู่ นปราสาท ๓ หลงั ชอ่ื นนั ทตุ ตระ
วสตุ ตระ และยสตุ ตระ และทรงมพี ระมเหสพี ระนามวา่ อตุ ตราเทวี ตลอดจนทรงมสี นมนารแี วดลอ้ มอกี
เปน็ จำ� นวนมากถงึ ๓๓,๐๐๐ นาง ทรงครองฆราวาสวสิ ยั อยเู่ ปน็ เวลา ๑๐,๐๐๐ ป๑ี ๕
วนั หนงึ่ พระมหาบรุ ษุ โพธสิ ตั วท์ รงทอดพระเนตรเหน็ เทวทตู ทง้ั ๔ คอื คนแก่ คนเจบ็ คนตาย
และนักบวช พระองค์จึงมีพระทัยน้อมไปทางบรรพชา เม่ือพระนางอุตตราเทวีประสูติพระโอรส
พระนามวา่ รมั มะราชกมุ าร จงึ ไดเ้ สดจ็ ออกบรรพชาดว้ ยราชรถเทยี มมา้ และไดม้ ผี อู้ อกบรรพชาตามอกี
จำ� นวน ๑ โกฏิ พระองคท์ รงบำ� เพญ็ ความเพยี รอยเู่ ปน็ เวลา ๘ เดอื น จนถงึ วนั เพญ็ เดอื นวสิ าขะ ทรงรบั
ขา้ วมธปุ ายาสจากนางธญั ญวดี ธดิ าของสธุ ญั ญเศรษฐี กรงุ ธญั ญวดี และรบั หญา้ ๘ กำ� จากตติ ถกะอาชวี ก
ปลู าดใตต้ น้ มหาโสณะ (ตน้ ออ้ ยชา้ งใหญ)่ เปน็ โพธบิ ลั ลงั ก์ จงึ สำ� เรจ็ พระอนตุ ตรสมั มาสมั โพธญิ าณ
เปน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ในคนื วนั นน้ั ๑๖

54

พระซาวแปดลำ�พนู
พระเคร่ืองพทุ ธศิลปล์ า้ นนา
สัญลักษณ์พระอดตี พทุ ธเจ้า ๒๘ พระองค์ 55

พระพทุ ธเจ้าปทุม
พระพทุ ธเจา้ ปทมุ ทรงมพี ระสาลเถระและพระอปุ สาลเถระเปน็ คอู่ คั รสาวก มพี ระวรณุ เถระ
เปน็ พทุ ธอปุ ฏั ฐาก มพี ระวรกายสงู ๕๘ ศอก มพี ระรศั มแี ผซ่ า่ นออกจากพระวรกายงามเปลง่ ปลง่ั
สวา่ งไสวออกไปทวั่ ทกุ สารทศิ ทรงชว่ ยหมชู่ นเปน็ อนั มากใหข้ า้ มพน้ สงั สารวฏั ได้ เมอ่ื พระชนมายไุ ด้
๑๐๐,๐๐๐ ปี จงึ ไดเ้ สดจ็ ดบั ขนั ธปรนิ พิ พานพรอ้ มดว้ ยพระสงฆส์ าวกขณี าสพทง้ั หลายทธ่ี รรมารามวหิ าร
ในสมยั ของพระปทมุ พทุ ธเจา้ พระพทุ ธศาสนาเจรญิ รงุ่ เรอื งมาก พระศาสนาของพระองคด์ ำ� รงอยู่
เปน็ เวลา ๖๐,๐๐๐ ปี ความเกยี่ วขอ้ งระหวา่ งพระปทมุ พทุ ธเจา้ กบั พระโคตมะพทุ ธเจา้ มเี รอ่ื งราว
ดงั นี้ พระโพธสิ ตั วไ์ ดบ้ งั เกดิ เปน็ พญาราชสหี ์ อาศยั อยใู่ นปา่ ใหญแ่ หง่ หนงึ่ ไดพ้ บกบั พระปทมุ พทุ ธเจา้
พรอ้ มกบั พระภกิ ษสุ งฆ์ กำ� ลงั ทรงนง่ั เขา้ นโิ รธสมาบตั อิ ยู่ ณ รกุ ขมลู โคนตน้ ไมใ้ หญ ่ พญาราชสหี ์ ผมู้ ี
จติ เลอ่ื มใน เกดิ ความยนิ ดี ถวายบงั คมพระพทุ ธเจา้ แลว้ ทำ� ประทกั ษณิ บนั ลอื สหี นาทขน้ึ ๓ ครงั้ แลว้
ยนื เฝา้ ระวงั ภยั ไมใ่ หม้ อี นั ตรายเกดิ ขน้ึ กบั พระพทุ ธเจา้ ปทมุ และพระสาวกอยดู่ ว้ ยความปติ สิ ขุ ตลอด
๗ วนั โดยไมย่ อมออกไปหาอาหาร เมอื่ พระพทุ ธองคแ์ ละพระสาวกออกจากนโิ รธสมาบตั ิ ทรงเหน็
พญาราชสีห์ เฝ้าระวังภัยให้พระองค์และภิกษุสงฆ์ พระองค์จึงทรงกล่าวพุทธพยากรณ์ว่า
“ในอนาคตกาล พญาราชสหี น์ จ้ี ะไดต้ รสั รเู้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ มนี ามวา่ พระศรศี ากยมนุ โี คดมพทุ ธเจา้ ”
พญาราชสหี โ์ พธสิ ตั วเ์ มอ่ื ไดท้ รงสดบั พทุ ธพยากรณแ์ ลว้ กเ็ กดิ ความเลอ่ื มใสเปน็ อยา่ งยงิ่ จงึ ไดอ้ ธษิ ฐานวตั ร
ในการบำ� เพญ็ บารมี ๑๐ ทศั ใหย้ งิ่ ขนึ้ ไป เมอ่ื หมดอายขุ ยั แลว้ ไดไ้ ปบงั เกดิ ในพรหมโลก๑๗

สญั ลักษณ์ด่ อกบัวในภาพพระอดตี พทุ ธเจา้
จติ รกรรมฝาผนงั วิหารวดั หนองบวั
56 อำ�เภอท่าวงั ผา จังหวัดน่าน

57

“...ผ้เู ท่ียวไปผู้เดียว มปี ัญญา ไมป่ ระมาท
ไม่หวน่ั ไหวเพราะนินทาและสรรเสรญิ
ไม่สะดงุ้ เพราะเสยี ง เหมือนราชสีห์
ไม่ตดิ ข่าย เหมือนลม
ไมเ่ ปยี กนำ้ � เหมือนบัว
เปน็ ผู้แนะนำ�ผ้อู ่ืน ไมใ่ ชผ่ ูอ้ น่ื แนะนำ�
นักปราชญ์ท้ังหลายประกาศวา่ เป็นมุน.ี ..”

พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบบั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั

58

สญั ลักษณ์ดอกบวั ในศลิ ปกรรมล้านนา

59

สถาปตั ยกรรมลา้ นนา

สญั ลักษณด์ อกบวั ในองค์ประกอบสถาปตั ยกรรม
บวั เปน็ รปู แบบงานศลิ ปกรรมไทยทไี่ ดร้ บั แรงบนั ดาลใจมาจากรปู ทรงของดอกบวั
นำ� มาใชเ้ ปน็ สญั ลกั ษณท์ เ่ี กย่ี วเนอื่ งกบั พทุ ธศาสนา ชา่ งไทยนำ� รปู ทรงของดอกบวั มาประยกุ ต์
ใชก้ บั งานศลิ ปกรรมหลากหลายประเภท ทง้ั จติ รกรรม ประตมิ ากรรม และสถาปตั ยกรรม๑๘
ทง้ั น้ี รปู ทรงและความหมายของดอกบวั ถกู นำ� มาเปน็ แรงบนั ดาลใจ ในองคป์ ระกอบของ
งานสถาปตั ยกรรมมากกวา่ งานศลิ ปกรรมแขนงอน่ื ๆ โดยจะนยิ มทำ� เปน็ รปู กลบี บวั ลกั ษณะ
ตา่ ง ๆ ประดบั ตงั้ แตส่ ว่ นฐานลา่ งไปจนถงึ สว่ นยอดหรอื หลงั คา นอกจากจะเปน็ การเสรมิ สรา้ ง
ความงดงามแลว้ ยงั สรา้ งความรสู้ กึ วา่ อาคารสงิ่ กอ่ สรา้ งนนั้ ๆ กำ� ลงั ลอ่ งลอยอยเู่ หนอื ผวิ นำ้
หรอื ไดร้ บั การเทดิ ทนู ไวใ้ หส้ งู ขน้ึ จากพนื้ ดนิ ๑๙ การนำ� รปู ทรงบวั รปู แบบตา่ ง ๆ มาใชป้ ระดบั
ในงานสถาปตั ยกรรมลา้ นนา ซง่ึ เปน็ สกลุ ชา่ งทส่ี ำ� คญั ของงานสถาปตั ยกรรมไทยทสี่ ะทอ้ น
เอกลกั ษณข์ องทอ้ งถนิ่ โดยเฉพาะลายพนั ธพ์ุ ฤกษาซงึ่ ชา่ งลา้ นนานยิ มนำ� ทงั้ รปู ทรง กลบี ดอก
เกสร ใบ และเครอื กา้ นทมี่ คี วามออ่ นชอ้ ย ดว้ ยเหตนุ ี้ บวั ซงึ่ เปน็ ดอกไมท้ มี่ คี วามสำ� คญั ใน
วฒั นธรรมพทุ ธศาสนา จงึ เปน็ พชื พนั ธไ์ุ มท้ ไี่ ดร้ บั ความนยิ มนำ� มาเปน็ แรงบนั ดาลใจในการ
สรา้ งสรรคอ์ อกแบบเปน็ ลวดลายประดบั อยแู่ ทบทกุ องคป์ ระกอบของงานสถาปตั ยกรรม
ลา้ นนา ซงึ่ มลี กั ษณะพเิ ศษทแี่ ตกตา่ งไปจากงานศลิ ปกรรมของชา่ งในทอ้ งถนิ่ อนื่ ๆ๒๐

60

ฐานบัว เจดียว์ ัดอุโมงค์
วดั อโุ มงค์ (สวนพทุ ธธรรม)
อำ�เภอเมอื ง จังหวดั เชยี งใหม่ 61

สัญลักษณด์ อกบัวในองคป์ ระกอบสถาปัตยกรรม
ฐานบวั หรอื ฐานปัทม์ คอื การออกแบบแท่นฐานโดยน�ำชดุ บวั สองชดุ มาซอ้ นเรียงกนั
ตามลำ� ดบั คอื ชดุ บวั หงายประกอบดว้ ยหนา้ กระดาน เสน้ ลวด บวั หงาย เสน้ ลวด และทอ้ งไม้ สว่ นชดุ ลา่ ง
ตอ่ เนอื่ งจากทอ้ งไมล้ งมาเปน็ เสน้ ลวด บวั ควำ่� เสน้ ลวด และหนา้ กระดาน ซงึ่ เปน็ สว่ นลา่ งสดุ ของชดุ ฐาน
ทงั้ นี้ ฐานบวั ถอื วา่ เปน็ สว่ นส�ำคัญในงานสถาปตั ยกรรมไทย โดยแฝงคตคิ วามเชอ่ื และความหมาย
เชงิ สญั ลกั ษณจ์ ากพทุ ธปรชั ญา กลา่ วคอื ฐานเขยี งเปรยี บเสมอื นหว้ งมหรรณพอนั เปน็ ขอบเขตของโลก
สว่ นฐานบวั ขนึ้ ไปเปน็ สญั ลกั ษณข์ องภพภมู ทิ ง้ั ๓ หรอื ไตรภมู ิ ไดแ้ ก่ กามภมู ิ รปู ภมู ิ อรปู ภมู ๒ิ ๑
ฐานบวั ควำ่ -บวั หงาย หรอื เรยี กวา่ ฐานบวั คอื แทน่ ทปี่ ระดบั ดว้ ยลวดบวั ซง่ึ คาดประดบั
ตามแนวนอน ลวดบวั ลกั ษณะตา่ ง ๆ ทเี่ ดน่ ชดั คอื ลวดบวั ทดี่ คู ลา้ ยรปู ตดั ของกลบี บวั ควำ่ ซงึ่ ประดบั
ตอนล่าง และลวดบัวท่ีดูคล้ายรูปตัดของกลีบบัวหงายซึ่งประดับตอนบน จึงเรียกรวมกันว่า
ฐานบวั ควำ่ -บวั หงาย๒๒
บวั ถลา คอื แนวลวดทปี่ ระกอบกบั สว่ นหนา้ กระดาน ทำ� เปน็ รปู กลบี บวั ควำ่ เรยี งตอ่ เนอ่ื ง
กนั ไป เนอ่ื งจากมแี นวลาดเทคลา้ ยบวั ควำ�่ จงึ นำ� มาใชแ้ ทนบวั ควำ่� ในบางโอกาส นอกจากนี้ หากนำ� มา
เรยี งลดหลนั่ กนั หลายแนว จะเรยี กวา่ ชดุ บวั ถลา๒๓

62

บวั ปากระฆงั 63
พระธาตุเจดยี ์
วดั พระธาตุล�ำ ปางหลวง
อำ�เภอเกาะคา จงั หวดั ลำ�ปาง

สญั ลกั ษณ์ดอกบวั ในองค์ประกอบสถาปัตยกรรม
ชดุ บวั ถลา คอื ลวดบวั (ควิ้ ) ทเ่ี อนลาดตรงกบั คำ� กรยิ าวา่ “ถลา” ทงั้ น้ี ลวดบวั ลกั ษณะดงั กลา่ ว
เรยี งซอ้ นลดหลนั่ กนั สามเสน้ จงึ เรยี กรวมกนั วา่ ชดุ บวั ถลา มตี ำ� แหนง่ อยใู่ ตบ้ วั ปากระฆงั ชดุ บวั ถลา
เปน็ ลกั ษณะเฉพาะของเจดยี ท์ รงระฆงั ในงานสถาปตั ยกรรมศลิ ปะสโุ ขทยั ๒๔
บวั กลมุ่ หมายถงึ รปู ทรงดอกบวั บานมกี ลบี ซอ้ นกนั หลายชนั้ ทำ� หนา้ ทค่ี นั่ จงั หวะระหวา่ ง
องคป์ ระกอบสถาปตั ยกรรมสองอยา่ ง เชน่ ตง้ั อยเู่ หนอื ฐานชนั้ บนสดุ ของเจดยี เ์ พอื่ รองรบั สว่ นองคร์ ะฆงั
หรอื เปน็ เครอ่ื งรองรบั พระพทุ ธรปู ซมุ้ เสมา นอกจากนี้ ยงั ใชเ้ ปน็ บวั หวั เสาในวหิ าร หรอื เปน็ บวั รองปลี
เครอื่ งยอดบวั กลมุ่
บวั กลมุ่ เถา หรอื เรยี กวา่ บวั คลมุ่ เถา เปน็ สว่ นองคป์ ระกอบของเจดยี ท์ ม่ี ลี กั ษณะเปน็ รปู ทรง
ดอกบวั หลายดอกกำ� ลงั แยม้ บาน เรยี งซอ้ นกนั เปน็ เถามขี นาดลดหลนั่ ไปจนถงึ สว่ นยอดทเ่ี ปน็ ปลอ้ งไฉน
และเปน็ เครอื่ งยอดของปราสาทและบษุ บก โดยนยิ มทำ� ซอ้ นกนั เปน็ จำ� นวน ๕ ชนั้ ๗ ชนั้ และ ๙ ชนั้
ซงึ่ มคี วามหมายถงึ จำ� นวนพระพทุ ธเจา้ บางแหง่ ทำ� บวั กลมุ่ เถาถงึ ๑๑ ชน้ั ซง่ึ หมายถงึ จำ� นวนภพภมู ิ
ตา่ ง ๆ ในกามภมู ๒ิ ๕

พระธาตุหรภิ ญุ ชยั
วดั พระธาตุหรภิ ุญชัยวรมหาวหิ าร
64 อำ�เภอเมอื ง จงั หวัดลำ�พนู

65

สัญลกั ษณ์ดอกบวั ในองค์ประกอบสถาปตั ยกรรม
บวั เชิง คือ ลวดบวั ทเ่ี ปน็ แถบตามแนวนอนหรอื ทำ� เป็นคิ้วนูนบนระนาบเรียงลดหล่ันกนั
เป็นชดุ ใชป้ ระดบั ตามเชงิ ผนงั ดา้ นลา่ งของอาคารสถาปตั ยกรรม
บวั รดั เกลา้ คอื แถบลายลวดบวั ทเ่ี รยี กวา่ บวั เชงิ แตห่ ากนำ� ไปประดบั ทสี่ ว่ นบนของอาคาร
สถาปตั ยกรรมกจ็ ะเรยี กอกี ชอื่ หนงึ่ วา่ บวั รดั เกลา้
บวั ฝาละม ี คอื บวั ถลาทเ่ี ปลย่ี นตำ� แหนง่ ไปประดบั บรเิ วณสว่ นบนของเจดยี ์ ตรงแนวลา่ งสดุ
ของปลอ้ งไฉน ดว้ ยลกั ษณะคลา้ ยฝาปดิ หมอขา้ วจงึ มชี อ่ื เรยี กวา่ บวั ฝาละมี
บวั คอเสอ้ื คอื ลวดลายทใี่ ชป้ ระดบั บรเิ วณคอองคร์ ะฆงั ของเจดยี ์หรอื ยอดปราสาททม่ี รี ปู เหลยี่ ม
หรอื บรเิ วณคอเสาเหลย่ี มยอ่ มมุ ไมต้ อนใตค้ อตอ่ หวั เสา โดยมที ม่ี าจากลายรปู กลบี บวั ยาวทใ่ี ชป้ ระดบั
คอเสอ้ื ในสมยั โบราณ๒๖
บวั ปากฐาน คอื รปู ทรงกลบี บวั หงายใชเ้ ปน็ องคป์ ระกอบของฐานทนี่ ยิ มใชเ้ ปน็ ทต่ี งั้ ประดบั
รปู ทรงตา่ ง ๆ เชน่ ครฑุ แบก และเทพพนม เปน็ ตน้
บวั ปากระฆงั คอื ชดุ ลวดบวั รองรบั ทรงระฆงั ประดบั แถวกลบี บวั ทำ� นองเดยี วกนั กบั แถว
บัวคว่ำ-บัวหงาย จึงดูเป็นรูปดอกบัวบานรองรับทรงระฆัง๒๗ โดยแถวกลีบบัวหงายซ้อนบนแถว
กลีบบัวคว่ำประดับบริเวณปากระฆัง ท�ำหน้าท่ีเป็นรูปทรงเช่ือมประสานระหว่างมาลัยเถากับ
ทรงระฆงั ไดอ้ ยา่ งกลมกลนื ทง้ั ยงั สะทอ้ นความหมายวา่ ดอกบวั เปน็ เครอ่ื งรองรบั องคร์ ะฆงั ซงึ่ เปน็
สว่ นทส่ี ำ� คญั ขององคเ์ จดยี ๒์ ๘

66

ลวดลายรูปทรงดอกบัว 67
ประตมิ ากรรมปูนป้นั ลงรกั ปิดทอง
ประดับกระจกสี
หนา้ บนั วิหารวัดภมู นิ ทร์
อำ�เภอเมอื ง จังหวัดนา่ น

สญั ลกั ษณด์ อกบัวในองคป์ ระกอบสถาปตั ยกรรม
บวั ฟนั ยักษ์ คอื รปู กลีบบวั ประดษิ ฐ์เปน็ รปู ทรงคล้ายฟนั ยกั ษ์ มีลกั ษณะกลบี ป้านหยกั
ดา้ นบน และมสี ดั สว่ นทางกวา้ งมากกวา่ ทางยาว
บวั หลงั เบยี้ คอื ฐานรองทมี่ บี วั ควำ่ ตดิ กบั บวั หงาย โดยไมม่ ชี นั้ หนา้ กระดานคน่ั กลาง นำ� ไป
ใชเ้ ปน็ ฐานรองปากระฆงั ขององคเ์ จดยี ห์ รอื ฐานรองพระกรง่ิ
บวั หวั เสา คอื หวั เสาอาคารกอ่ อฐิ ทปี่ ระดษิ ฐเ์ ปน็ รปู ทรงกลบี บวั ลอ้ มรอบ
บวั เกสร หรอื บวั แวง คอื รปู ทรงบวั ประดบั หวั เสาทป่ี ระดษิ ฐข์ น้ึ จากกลบี บวั สายตงั้ ตรง
เรยี วยาวปลายสะบดั แตพ่ องาม แตร่ ปู ทรงตอ้ งหนกั แนน่ มพี ลงั พอทจ่ี ะรบั นำ้ หนกั โครงสรา้ งสว่ นบน
ไว้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกลมกลืน โดยทำ� เป็นกลบี บัวหุ้มหวั เสาทง้ั เสาเหลี่ยมและเสากลม นอกจากนี้
ยงั นยิ มนำ� ไปใชเ้ ปน็ ลายดนุ ประดบั พานและกระโถนทท่ี ำ� ดว้ ยโลหะมคี า่ ชนดิ อน่ื ๆ๒๙

บวั หัวเสา
ไม้แกะสลกั ลงรกั ปิดทองประดบั กระจกสี
68 วิหารวดั หางดง อำ�เภอเมือง จงั หวัดเชยี งใหม่

69

บวั เกสรหรือบัวแวง
ปูนปนั้ ลงรกั ปดิ ทองประดบั กระจกสี
อุโบสถและวิหารวดั ภูมินทร์
70 อำ�เภอเมือง จงั หวดั น่าน

ลวดลายรูปทรงดอกบัว 71
ปูนปนั้ ลงรักปดิ ทองประดับกระจกสี
หน้าบันหอไตรวัดพระสิงห์
อ�ำ เภอเมือง จงั หวดั เชยี งใหม่

ประตมิ ากรรมล้านนา

สัญลกั ษณ์ดอกบวั ในงานประตมิ ากรรมไทย
ประตมิ ากรรมไทย เปน็ งานศลิ ปกรรมประเภทหนง่ึ ทม่ี ลี กั ษณะเปน็ ๓ มติ ิ คอื กวา้ ง
ยาว และหนา ซง่ึ แตกตา่ งจากจติ รกรรมซง่ึ เปน็ งาน ๒ มติ ิ คอื กวา้ งและยาว งานประตมิ ากรรม
สรา้ งดว้ ยกรรมวธิ ตี า่ ง ๆ เชน่ ปน้ั แกะสลกั หลอ่ เปน็ ตน้ และทำ� ดว้ ยวสั ดหุ ลายชนดิ เชน่ ดนิ เหนยี ว
ไม้ ปนู หนิ และโลหะ เปน็ ตน้ โดยเฉพาะงานประตมิ ากรรมไทยสว่ นใหญเ่ ปน็ การสรา้ งสรรค์
ทแ่ี สดงออกถงึ ความเลอื่ มใสศรทั ธาในทางพทุ ธศาสนา ไดแ้ ก่ พระพทุ ธรปู ลวดลายปนู ปน้ั
และแกะสลกั ไม้ ประดบั อาคารศาสนสถาน ซง่ึ มลี กั ษณะทง้ั แบบลอยตวั นนู สงู และนนู ตำ่ ๓๐

พระพุทธสหิ ิงค์
วิหารลายคำ� วดั พระสิงหว์ รมหาวหิ าร
72 อำ�เภอเมือง จงั หวัดเชียงใหม่

73

74

สัญลกั ษณด์ อกบวั ในงานประตมิ ากรรมไทย
ประติมากรรมท่ีเนื่องในพุทธศาสนาได้น�ำสัญลักษณ์ดอกบัวมาใช้เป็นองค์ประกอบ
สำ� คญั ดว้ ยมลู เหตมุ าจากคตคิ วามเชอื่ วา่ ดอกบวั เปน็ ดอกไมท้ มี่ อี บุ ตั แิ หง่ ธรรมอนั บรสิ ทุ ธพ์ิ เิ ศษมาก
ยง่ิ กวา่ พนั ธไ์ุ มช้ นดิ ใด จงึ ไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ ดอกไมส้ ญั ลกั ษณแ์ หง่ พระพทุ ธศาสนา โดยเฉพาะ
การนำ� ดอกบวั มาใชเ้ ปน็ สญั ลกั ษณแ์ ทนพระพทุ ธเจา้ โดยตรง รวมทง้ั ยงั นยิ มใชส้ ญั ลกั ษณด์ อกบวั บาน
มาเปน็ ฐานรองรบั องคพ์ ระพทุ ธรปู ปางตา่ ง ๆ อนั หมายถงึ การมธี รรมบารมอี นั บรสิ ทุ ธ์ิ ทรงเปน็
ผรู้ ู้ ผตู้ น่ื และผเู้ บกิ บานเปน็ พน้ื ฐาน นอกจากน้ี ในวฒั นธรรมการใชภ้ าษาของไทยไดน้ ำ� รปู ทรง
หวั ใจของมนษุ ยอ์ ปุ มาเทยี บสณั ฐานดงั ดอกบวั ตมู จงึ มศี พั ทเ์ รยี กหวั ใจอกี อยา่ งหนงึ่ วา่ กมลซงึ่ แปลวา่
ดอกบวั ดว้ ยเหตนุ ้ี เมอ่ื มพระพทุ ธศาสนาเปน็ เครอื่ งยดึ เหนย่ี วจติ ใจแลว้ ดวงจติ กจ็ ะเบกิ บาน
ประดจุ ดงั ดอกบวั ทเ่ี บง่ บานรบั แสงอรณุ ๓๑

ฐานบวั พระพทุ ธรูปปางสมาธิ 75
พระอุโบสถวดั เกาะแกว้ สทุ ธาราม
อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวัดเพชรบุรี

สญั ลักษณ์ดอกบัวในประตมิ ากรรมล้านนา
พระรศั มี บนยอดเศยี รพระพทุ ธรปู นนั้ เปน็ องคป์ ระกอบสำ� คญั ที่
ชว่ ยทำ� ใหพ้ ทุ ธลกั ษณะของพทุ ธปฏมิ ากรรมมคี วามโดดเดน่ ยง่ิ ขนึ้ แตเ่ ดมิ ทำ� เปน็
รปู ประภามณฑล มีลักษณะกลม ล้อมรอบพระเศยี ร โดยมจี ุดศูนย์กลาง
อยทู่ กี่ ง่ึ กลางระหวา่ งคว้ิ ภายหลงั ไดป้ รบั เปลย่ี นเปน็ ดวงกลมเลก็ ๆเหนอื พระนลาฏ
ตอ่ มาจงึ ไดเ้ ลอ่ื นขนึ้ ไปเปน็ พระเกตมุ าลา มลี กั ษณะเปน็ รปู ตอ่ มกลม หรอื มี
ปลายแหลมรปู ทรงดอกบวั ตมู มีความหมายถึง ดวงแก้ว คือ ดวงปญั ญา
ในสมยั ตอ่ มา จงึ ไดเ้ กดิ การประดษิ ฐพ์ ระรศั มเี ปน็ รปู เปลว สนั นษิ ฐานวา่ เกดิ ขน้ึ
ในดนิ แดนสวุ รรณภมู ิ บรเิ วณใจกลางของรศั มรี ปู เปลวเปน็ รปู อณุ าโลม ซง่ึ เปน็
อกั ษรแทนคำ� วา่ โอม อนั เปน็ คำ� ตน้ ของการกลา่ วมนตค์ าถา หรอื เปน็ คำ� แรก
ทเี่ อย่ ขนึ้ เพอ่ื กอ่ ใหเ้ กดิ ความศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ สว่ นลกั ษณะของรปู เปลวจะสมั พนั ธ์
กบั แนวเสน้ โคง้ อนั ออ่ นไหวของตวั อณุ าโลม๓๒ สว่ นประภามณฑลทปี่ รากฏ
ในงานจติ รกรรมตะวนั ตกในยโุ รป แสดงเรอื่ งราวเกย่ี วกบั พระครสิ ต์ และ
เทวดา จะทำ� เปน็ รปู ทรงกลมสที องมรี ศั มเี ปน็ เสน้ เลก็ ๆ กระจายออกโดยรอบ๓๓
สัญลักษณ์ดอกบัวท่ีปรากฏในงานประติมากรรมล้านนา ได้แก่
องคป์ ระกอบสว่ นตา่ ง ๆ ของพระพทุ ธรปู อาทิ พระรศั มรี ปู ดอกบวั ตมู ฐานบวั
และมหาปรุ สิ ลกั ษณะบางประการ เชน่ พระพทุ ธสหิ งิ ค์ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั
เชยี งใหม่ และพระพทุ ธรปู ประธานวดั ไหลห่ นิ แกว้ ชา้ งยนื อำ� เภอเกาะคา
จงั หวดั ลำ� ปาง เปน็ ตน้ และงานประตมิ ากรรมปนู ปน้ั ประดบั ศาสนสถานลา้ นนา
เชน่ ปนู ปน้ั รปู พระโพธสิ ตั วแ์ ละเทวดา วหิ ารวดั โพธารามมหาวหิ าร และ
เทวดาปนู ปน้ั ประดบั หอไตรวดั พระสงิ ห์ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม่ เปน็ ตน้ พระรศั มขี องเทวดาปูนป้นั

หอพระไตรปฎิ ก วดั พระสงิ หว์ รมหาวหิ าร
76 อ�ำ เภอเมือง จังหวัดเชยี งใหม่

พระรัศมขี องพระพุทธรูปประธาน 77
วหิ ารวัดไหลห่ ิน (วัดเสลารัตนปัพพะตาราม)
อำ�เภอเกาะคา จังหวัดล�ำ ปาง

78

พระพทุ ธสิหงิ ค์ วัดพระสิงหว์ รมหาวหิ าร
พระพทุ ธสหิ งิ ค์ หรอื พระสงิ ห์ เปน็ พระพทุ ธรปู ทสี่ ะทอ้ นถงึ เอกลกั ษณข์ องพระพทุ ธรปู ใน
ศิลปะล้านนาอย่างแท้จริง เหตุที่นิยมเรียกว่า พระสิงห์ นั้น สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากค�ำว่า
พระพทุ ธสหิ งิ ค์ ทงั้ น้ี ในวฒั นธรรมลา้ นนามกั นยิ มเรยี กพระพทุ ธรปู ประทบั นงั่ ขดั สมาธเิ พชรวา่
พระสงิ ห์ ทง้ั หมด ไดแ้ ก่ พระพทุ ธสหิ งิ ค์ วดั พระสงิ ห์ เมอื งเชยี งใหม่ พระพทุ ธสหิ งิ ค์ วดั พระเจา้ เมง็ ราย
และพระพทุ ธสหิ งิ ค์ วดั พระสงิ ห์ เมอื งเชยี งราย

พระพุทธสหิ ิงค์ 79
วิหารลายคำ� วดั พระสงิ หว์ รมหาวิหาร
อำ�เภอเมอื ง จังหวดั เชียงใหม่

พระพทุ ธสิหิงค์ วดั พระสงิ หว์ รมหาวิหาร
พระพทุ ธสหิ งิ ค์ เมอื งเชยี งใหม่ จดั เปน็ พระพทุ ธรปู แบบเชยี งแสนสงิ หห์ นง่ึ ศลิ ปะลา้ นนา
มอี ายรุ าวพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๐ พระพทุ ธรปู แบบสงิ หห์ นงึ่ มลี กั ษณะทางพทุ ธศลิ ปเ์ ปน็ พระพทุ ธรปู
ประทบั นงั่ ขดั สมาธเิ พชร พระวรกายอวบอว้ น พระพกั ตรก์ ลม ทรงแยม้ พระโอษฐ์ พระหนเุ ปน็ ปม
ขมวดพระเกศาใหญ่ ชายสงั ฆาฏสิ นั้ เหนอื พระถนั ยอดอษุ ณษี ะเปน็ ลกู แกว้ รปู ทรงคลา้ ยดอกบวั ตมู
และประทบั นงั่ อยบู่ นฐานบวั ควำ่ -บวั หงาย จากเนอ้ื หาในสหิ งิ คนทิ านซง่ึ เปน็ ตำ� นานเกยี่ วกบั ประวตั ิ
ความเปน็ มาของพระพทุ ธสหิ งิ ค ์ เขยี นเปน็ ภาษาบาลี โดยพระโพธริ งั สี ภกิ ษชุ าวลา้ นนา ราว พ.ศ.
๒๐๖๐ กลา่ ววา่ พระพทุ ธสหิ งิ คส์ รา้ งทป่ี ระเทศศรลี งั กา เมอ่ื พ.ศ.๗๐๐ มพี ระราชา ๓ พระองคแ์ ละ
พระอรหันต์ ๒๐ รูป ต้องการจะเห็นพระพุทธองค์ จึงขอให้พญานาคตนหน่ึงท่ีเคยได้พบเห็น
พระพทุ ธเจา้ มากอ่ น ชว่ ยเนรมติ กายใหเ้ หมอื นกบั พระพทุ ธเจา้ ประทบั นง่ั สมาธเิ หนอื บลั ลงั ก์ ซงึ่ มี
ความงดงามสมบรู ณด์ ว้ ยมหาปรุ สิ ลกั ษณะ ๓๒ ประการ เมอ่ื ทกุ คนไดเ้ หน็ กบ็ งั เกดิ ความเลอ่ื มใส
ศรทั ธา จงึ ไดร้ ว่ มกนั สรา้ งพระพทุ ธรปู แทนพระพทุ ธเจา้ แลว้ ไดถ้ วายพระนามวา่ พระพทุ ธสหิ งิ ค์ หรอื
พระสงิ ห์ เพราะเหตวุ า่ พระพทุ ธรปู ทสี่ รา้ งขนึ้ มลี กั ษณะทสี่ งา่ งามดจุ ดงั ราชสหี ๓์ ๔

พระพุทธสิหิงค์
วิหารลายคำ� วัดพระสงิ หว์ รมหาวหิ าร
80 อำ�เภอเมือง จังหวดั เชยี งใหม่

81

พระเจ้าเกา้ ต้ือ วดั บุปผาราม (วัดสวนดอก)
พระเจา้ เกา้ ตอ้ื ประดษิ ฐานอยภู่ ายในวหิ ารพระเจา้ เกา้ ตอ้ื วดั บปุ ผาราม (วดั สวนดอก) ตำ� บล
สเุ ทพ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม่ คำ� วา่ เกา้ ตอ้ื หมายถงึ พระพทุ ธรปู ทม่ี ขี นาดใหญท่ ม่ี นี ำ้ หนกั
มากถงึ ๙ ตอื้ (๑ ตอื้ หนกั ประมาณ ๑๒,๐๐๐ กโิ ลกรมั ) ตามประวตั กิ ลา่ ววา่ พระเมอื งแกว้ โปรดให้
สรา้ งขนึ้ ในปี พ.ศ.๒๐๔๗ แลว้ เสรจ็ ในปี พ.ศ.๒๐๕๓ พระเจา้ เกา้ ตอื้ เปน็ พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ยั
ประทบั นง่ั ขดั สมาธริ าบ ศลิ ปะลา้ นนาแบบเชยี งแสนสงิ หส์ อง คอื พระพทุ ธรปู ลา้ นนาทไี่ ดร้ บั อทิ ธพิ ล
ของศลิ ปะสโุ ขทยั พระพกั ตรร์ ปู ไขค่ อ่ นขา้ งเลก็ ขมวดพระเกศาเลก็ พระรศั มเี ปน็ เปลวทรงสงู ตง้ั อยู่
บนฐานรปู ทรงกลบี ดอกบวั บาน พระวรกายบอบบาง สงั ฆาฏเิ ปน็ แผน่ ใหญแ่ ละยาวมาจรดพระนาภี
นบั เปน็ พระพทุ ธรปู สำ� รดิ ลา้ นนาทอ่ี ยใู่ นสภาพสมบรู ณท์ มี่ ขี นาดใหญม่ ากทส่ี ดุ หนา้ ตกั กวา้ ง ๒.๙๐
เมตร สงู ๓.๘๙ เมตร ทงั้ น้ี ในกระบวนการหลอ่ พระเจา้ เกา้ ตอื้ ตอ้ งใชเ้ ทคนคิ การหลอ่ แบบแยกสว่ นองค์
พระพทุ ธรปู เปน็ ๘ ส่วน แลว้ จงึ นำ� มาเช่อื มประกอบเปน็ องคพ์ ระท่ีสมบูรณ์อีกครัง้ หนงึ่ คลา้ ยกบั
การสรา้ งพระเจา้ แสนแสว๓้ ๕

พระเจ้าเก้าตือ้
พระอโุ บสถ วดั บปุ ผาราม (วัดสวนดอก)
82 อ�ำ เภอเมือง จังหวดั เชียงใหม่

83

84

ประติมากรรมปูนปั้น
ประตมิ ากรรมปนู ปน้ั ประดบั ศาสนสถาน นบั เปน็ งานศลิ ปกรรมทมี่ เี อกลกั ษณเ์ ฉพาะและ
ไดร้ บั ความนยิ มเปน็ อยา่ งมากในงานศลิ ปะลา้ นนา ปรากฏหลกั ฐานงานปนู ปน้ั ประดบั ศาสนสถาน
ตง้ั แตส่ มยั หรภิ ญุ ชยั เชน่ ปนู ปน้ั ประดบั เจดยี ก์ กู่ ดุ และรตั นเจดยี ์ วดั จามเทวี เมอื งลำ� พนู ซงึ่ ประกอบดว้ ย
รปู ทรงของพระพทุ ธเจา้ เทวดา และลวดลายประดบั โดยเฉพาะงานปนู ปน้ั รปู เทวดา สว่ นใหญไ่ ดร้ บั
อทิ ธพิ ลมาจากศลิ ปะพกุ าม ศลิ ปะลงั กา และศลิ ปะสโุ ขทยั สว่ นปนู ปน้ั ลวดลายไดอ้ ทิ ธพิ ลมาจาก
ศลิ ปะพกุ ามและศลิ ปะจนี

ประตมิ ากรรมปูนปัน้ รปู เทวดา 85
หอไตร วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
อ�ำ เภอเมือง จังหวัดเชยี งใหม่

86

วัดโพธารามมหาวิหาร (วัดเจ็ดยอด)
อ�ำ เภอเมอื ง จังหวดั เชียง8ให7ม่

ประตมิ ากรรมปูนป้ันล้านนา
งานประตมิ ากรรมปนู ปน้ั บนฝาผนงั ภายนอกอาคารศาสนสถานในอาณาจกั รลา้ นนาเปน็ ผลงาน
ทที่ รงคณุ คา่ ทางดา้ นศลิ ปกรรม อาทิ ประตมิ ากรรมลวดลายปนู ปน้ั ประดบั ฝาผนงั วหิ ารวดั โพธาราม
มหาวหิ าร หรอื วดั เจด็ ยอด อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม่ ซง่ึ ประกอบดว้ ยรปู ทรงเทวดานงั่ ขดั สมาธิ
เพชรประนมหตั ถอ์ ยกู่ ลางพระอรุ ะกลมุ่ หนง่ึ ในลกั ษณะลอยอยกู่ ลางทอ้ งฟา้ บนผนงั ดา้ นนอกอาคาร
ทางดา้ นทศิ เหนอื และใต้ โดยแบง่ ออกเปน็ ๒ แนว และรปู ทรงเทวดาอยใู่ นอริ ยิ าบทยนื อยทู่ ผ่ี นงั และ
มขุ ดา้ นขา้ งอกี กลมุ่ หนง่ึ พระวรกายทรงเครอื่ งภษู าอาภรณข์ องกษตั รยิ ล์ า้ นนาในสมยั โบราณ เครอ่ื งศริ าภรณ์
เปน็ ทรงเทรดิ สว่ นยอดมลี วดลายวจิ ติ รงดงามเปน็ อยา่ งยง่ิ เทวดาทง้ั หมดอยใู่ นทา่ พนมมอื ทา่ มกลาง
ลวดลายดอกไมร้ ว่ ง หรอื ดอกมณฑารพซง่ึ เปน็ ดอกไมส้ วรรค์ หนั พระพกั ตรไ์ ปทางดา้ นทศิ ใต้ อนั เปน็
ตำ� แหนง่ ของตน้ พระศรมี หาโพธิ์ จงึ เปน็ การแสดงภาพเทพชมุ นมุ ทม่ี านมสั การพระพทุ ธองคห์ ลงั จาก
ทท่ี รงตรสั รเู้ ปน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ซงึ่ เปน็ รปู แบบทมี่ กั ปรากฏในงานจติ รกรรมฝาผนงั ของไทย
ในสมยั อยธุ ยาตอนปลายและรตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ๓๖

ประติมากรรมปูนปัน้ รูปเทวดา
มหาวิหาร (พระเจดียเ์ จ็ดยอด)
วัดโพธารามมหาวหิ าร (วัดเจด็ ยอด)
88 อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวดั เชียงใหม่

89

ประติมากรรมปูนป้นั ลา้ นนา
ผลสมั ฤทธข์ิ องการสรา้ งสรรคง์ านประตมิ ากรรมปนู ปน้ั ของลา้ นนานนั้ นบั เปน็ ผลงาน
ศลิ ปะปนู ปน้ั ฝมี อื ชน้ั ครู อนั สะทอ้ นถงึ ภมู ปิ ญั ญาและความสามารถในการถา่ ยทอดความคดิ
และจนิ ตนาการดว้ ยสญั ลกั ษณใ์ นทางพทุ ธศาสนาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ทงั้ น้ี สญั ลกั ษณด์ อกบวั ใน
งานประตมิ ากรรมปนู ปน้ั รปู พระโพธสิ ตั ว์ และเทวดา ประดบั ศาสนาสถานในลา้ นนา มกั นยิ มทำ�
เปน็ ฐานรปู ทรงดอกบวั บานรองรบั พระบาท ในขณะประทบั ยนื เชน่ ปนู ปน้ั ประดบั ฝาผนงั
ดา้ นนอกวหิ ารวดั เจด็ ยอด และหอไตรวดั พระสงิ ห์ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม่ เปน็ ตน้

ประตมิ ากรรมปนู ปน้ั รปู เทวดา
ประทบั ยืนบนฐานดอกบัวบาน
วดั โพธารามมหาวิหาร (วดั เจด็ ยอด)
90 อ�ำ เภอเมอื ง จังหวัดเชียงใหม่

91

ประตมิ ากรรมไม้แกะสลกั บนธรรมมาสน์
ธรรมมาสน์ คอื อาสนะสำ� หรบั นงั่ แสดงธรรม มชี อ่ื เรยี กแตกตา่ งกนั ไปตามทอ้ งถนิ่ ตา่ งๆ
ของล้านนา เช่น ธรรมมาสน์แก้ว อาสนะแก้ว กระดานค�ำ กระดานทอง มณเฑียรค�ำ แท่นเทศน์
แทน่ ธรรมมาสน์ และปราสาทแกว้ เปน็ ตน้ รปู ลกั ษณะของธรรมมาสนล์ า้ นนา นยิ มทำ� เปน็ รปู ทรง
ปราสาทราชมณเฑียรหรือปรางค์ทอง มีขนาดเล็กโดยย่อส่วนมาจากของจริงหรือจินตนาการว่า
พระผเู้ ทศนเ์ ปน็ เทพทเี่ รยี กวา่ วสิ ทุ ธเิ ทพ อนั หมายถงึ องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ หรอื อนพุ ทุ ธะ
ไดแ้ ก่ พระอรหนั ตสาวกของพระองค์ จงึ สมควรจะนงั่ บนทอ่ี นั งดงามวจิ ติ ร ประหนงึ่ วา่ เปน็ วมิ าน
ปราสาทราชมณเฑยี ร๓๗ ธรรมาสนจ์ ะตงั้ อยหู่ นา้ พระประธานในวหิ ารของวดั โดยเฉพาะในวหิ ารของ
ลา้ นนาจะมธี รรมาสนร์ ปู แบบตา่ ง ๆ ตามอายแุ ละสกลุ ชา่ ง เชน่ ธรรมาสนแ์ บบลา้ นนา แบบพมา่ และ
แบบไทลอ้ื เปน็ ตน้ โดยสามารถจำ� แนกรปู ทรงของธรรมมาสนอ์ อกเปน็ ๕ แบบ ไดแ้ ก่ ธรรมาสนท์ รง
ปราสาท ธรรมาสนฐ์ านสงู ทรงกรวยไมม่ ยี อด ธรรมาสนท์ รงปราสาทหลงั กลาย ธรรมาสนพ์ มา่ และ
ธรรมาสนส์ มยั ใหม๓่ ๘

ธรรมมาสน์
วิหารจามเทวี วัดปงยางคก
92 อ�ำ เภอห้างฉตั ร จังหวดั ล�ำ ปาง

93

ประติมากรรมไม้แกะสลัก ลายหมอ้ นำ้ �ปรู ณฆฏะบนธรรมมาสน์
ธรรมาสนภ์ ายในวหิ ารหลวง วดั พระธาตลุ ำ� ปางหลวง เมอื งลำ� ปาง เปน็ ธรรมาสนท์ รงปราสาท
หลงั กลาย สรา้ งดว้ ยไมฐ้ านเปน็ รปู สเี่ หลย่ี มจตั รุ สั ประกอบดว้ ยบนั ไดทางขนึ้ ดา้ นเดยี ว มเี สาสต่ี น้
เพดาน และหลงั คาทำ� ดว้ ยไม้ ไมม่ ยี อดแหลม ทงั้ น้ี คำ� วา่ “หลงั กลาย” หมายถงึ กลายมาจากปราสาท
ยอดแหลม ซง่ึ ดดั แปลงมาจากปราสาทศพของเจา้ นาย เนอื่ งจากมธี รรมเนยี มวา่ เมอ่ื เจา้ นายไดท้ วิ งคตแลว้
คมุ้ ทเ่ี จา้ นายเคยประทบั อยจู่ ะถกู รอ้ื มาสรา้ งเปน็ วหิ ารถวายใหแ้ กว่ ดั รวมทงั้ ปราสาทศพกจ็ ะถวายใหเ้ ปน็
ธรรมาสน๓์ ๙ เชน่ ธรรมาสนใ์ นวหิ ารวดั เชตพุ น อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม่ และธรรมาสนใ์ นวหิ ารหลวง
วดั พระธาตลุ ำ� ปางหลวง อำ� เภอเกาะคา จงั หวดั ลำ� ปาง ทงั้ นี้ สญั ลกั ษณด์ อกบวั ทปี่ รากฏในธรรมาสน์
คอื ประตมิ ากรรมแกะสลกั ไม้ รปู หมอ้ นำ้ ปรู ณะฆฏะดา้ นขา้ งธรรมาสน์ แสดงภาพชอ่ ดอกบวั ผดุ ขน้ึ
มาจากปากหมอ้ จำ� นวนมาก

94

สญั ลกั ษณด์ อกบวั 95
หม้อปรู ณฆฏะไมแ้ กะสลกั บนธรรมมาสน์
วิหารหลวง วัดพระธาตุล�ำ ปางหลวง
อำ�เภอเกาะคา จงั หวัดล�ำ ปาง

จติ รกรรมล้านนา

ความหมายของงานจิตรกรรมไทย
จติ รกรรมไทย เปน็ งานวจิ ติ รศลิ ปท์ มี่ คี วามสำ� คญั และสะทอ้ นถงึ เอกลกั ษณพ์ เิ ศษประจำ� ชาติ
ซงึ่ เกดิ จากความบนั ดาลใจ ความคดิ และจนิ ตนาการ ตลอดจนพลงั แหง่ ความศรทั ธา ฝมี อื ความ
ประณตี ความชำ� นาญ และความสามารถทางเทคนคิ ซง่ึ ชา่ งเขยี นหรอื จติ รกรจะถา่ ยทอดมโนภาพ
ใหป้ รากฏออกมาเปน็ ภาพเขยี น คอื การสรา้ งสรรคส์ งิ่ ทเี่ ปน็ นามธรรมใหป้ รากฏเปน็ รปู ธรรมอนั จะทำ� ให้
ผชู้ มรสู้ กึ ไดโ้ ดยทางอนิ ทรยี สมั ผสั ทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ ความประจกั ษแ์ หง่ ศลิ ปน์ นั้ และมผี ลใหจ้ ติ ใจเปน็ สขุ
ในทางคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และสนุ ทรยี ะ กอ่ ใหเ้ กดิ ความสงบขนึ้ ในจติ ใจของพทุ ธศาสนกิ ชน นอ้ มนำ� ให้
ประกอบแตก่ รรมดี ละเวน้ ความชวั่ ซาบซง้ึ เลอื่ มใสตอ่ คณุ ของพระรตั นตรยั คอื พระพทุ ธ พระธรรม
พระสงฆ์ ดว้ ยเหตนุ ้ี จติ รกรรมไทยจงึ เปน็ เครอ่ื งมอื ทชี่ ว่ ยสง่ เสรมิ และยกระดบั จติ ใจของมนษุ ยใ์ หส้ งู ขนึ้ ๔๐
โดยเฉพาะงานจติ รกรรมไทยแบบวฒั นธรรมพนื้ ถนิ่ หรอื จติ รกรรมไทยแบบชา่ งพนื้ บา้ น อนั เกดิ จาก
ฝมี อื ของชา่ งชาวบา้ นทม่ี คี วามศรทั ธาตอ่ พระพทุ ธศาสนา จติ รกรรมแบบวฒั นธรรมพน้ื ถนิ่ จะแสดง
ความรสู้ กึ นกึ คดิ ดว้ ยรปู แบบเรยี บงา่ ยมอี สิ ระ โดยสะทอ้ นถงึ วถิ ชี วี ติ และประเพณนี ยิ มในทอ้ งถนิ่ นนั้ ๆ
ตลอดจนเปน็ หลกั ฐานทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถงึ ลกั ษณะพเิ ศษ เกย่ี วกบั ความคดิ และจติ ใจของชาวบา้ นใน
ทอ้ งถิน่ นั้นไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เชน่ งานจติ รกรรมลา้ นนา และงานฮบู แตม้ ของชาวอสี าน เปน็ ตน้

จติ รกรรมฝาผนงั วหิ ารวดั หนองบวั
96 อ�ำ เภอท่าวังผา จงั หวัดน่าน

97

98


Click to View FlipBook Version