พระปัจเจกพุทธเจ้า 49
จติ รกรรมฝาผนงั วิหารวดั สทุ ัศนเทพวราราม กรงุ เทพฯ
พระอนาคตพทุ ธเจา้
พระศรีอาริยเมตไตรย
ในคมั ภรี อ์ มตรสธารา อรรถกถาอนาคตวงศ์ มเี นอื้ หากลา่ ววา่ เมอ่ื ศาสนาของพระสมณโคดม
มอี ายคุ รบ ๕,๐๐๐ ปี กจ็ ะถงึ กาลสญู สนิ้ ไป ในสมยั นนั้ เปน็ กลยี คุ ความชวั่ รา้ ยจะเขา้ ครอบงำ� จติ ใจ
ของผคู้ น ศลี ธรรมจะเสอื่ มทรามลง ความละอายและเกรงกลวั ตอ่ บาปจะเลอื นหายไปจากสงั คมมนษุ ย์
ผคู้ นจะมอี ธรรมราคะทำ� ใหเ้ กดิ ความกำ� หนดั ในบดิ า มารดา ครบู าอาจารยข์ องตน มคี วามกำ� หนดั
ทผี่ ิดธรรมชาติต่าง ๆ เชน่ ชายกำ� หนดั ชาย หญงิ ก�ำหนดั หญิง เป็นตน้ เมือ่ มนุษย์กระทำ� กรรมชั่ว
กันมาก จึงเป็นสาเหตุให้มีอายุขัยส้ันลงเร่ือย ๆ จนเหลือเพียง ๑๐ ปี เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ
จนท�ำให้ ผู้คนล้มตายจากการอดอาหาร มีโรคภัยไข้เจ็บ และแก่งแย่งท�ำร้ายเข่นฆ่ากัน
ด้วยอาวุธที่มีความร้ายแรง มีกลุ่มคนส่วนน้อยที่มีปัญญาต่างก็หลบหนีไปอยู่ตามซอกเขา
จนกระทงั่ วิกฤตการณ์สงบลง คนที่รอดชีวิตจงึ ออกจากทห่ี ลบซ่อน และเกิดความสลดใจกบั สิ่งที่
เกิดขึ้น เห็นอกเห็นใจเพือ่ นมนุษยด์ ้วยกนั
ด้วยเหตุนี้ ผู้คนที่เหลืออยู่จึงต้ังอยู่ในความเมตตา ละเว้นจากการท�ำชั่วประการต่าง ๆ
หนั มารกั ษาศลี ๕ เจรญิ จติ ภาวนา พจิ ารณาเหน็ ความจรงิ จงึ ทำ� ใหอ้ ายขุ ยั ของมนษุ ยเ์ พมิ่ มากขนึ้
จาก ๑๐ ปี เปน็ ๒๐ ปี ๓๐ ปี ๑๐๐ ปี ๑,๐๐๐ ปี ๑๐,๐๐๐ ปี จนถงึ ๑๐๐,๐๐๐ ปี ตามลำ� ดบั ในสมยั ตอ่ มา
เม่อื มีอายยุ ืนยาวมากข้ึน กเ็ กดิ ความประมาทไม่เหน็ ความจริงของชวี ิตเร่อื งกฎไตรลกั ษณ์ ได้แก่
อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา จงึ เปน็ สาเหตใุ หอ้ ายขุ ยั ของมนษุ ยล์ ดนอ้ ยลงเรอื่ ย ๆ และเกดิ ความโกลาหลขน้ึ
อีกคร้ัง เหล่าทวยเทพเทวดาจึงได้ไปอัญเชิญพระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรยจากสวรรค์ช้ันดุสิต
ใหเ้ สดจ็ ลงมาอบุ ตั ใิ นโลกเพอ่ื โปรดมวลมนษุ ย์ ในยคุ สมยั ของพระศรอี ารยิ เมตไตรยนนั้ ผคู้ นมอี ายขุ ยั
๘๐,๐๐๐ ปี ชายหญิงจะแต่งงานกันเม่ืออายุ ๕๐๐ ปี ทุกคนจะมีความเพียบพร้อมไปด้วย
ความสมบรู ณพ์ นู สขุ จากเครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภค ทรพั ยส์ นิ เงนิ ทอง หรอื ทเี่ รยี กวา่ ยคุ พระศรอี ารย๑์ ๕
พระศรอี าริยเมตไตรย
50 วัดไลย์ อ�ำ เภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบรุ ี
51
พระศรอี ารยิ เมตไตรยในพระไตรปิฎก
พุทธพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าสมณโคดม ซ่ึงเป็นพระปัจจุบันพุทธเจ้า เก่ียวกับเรื่อง
พระศรอี ริยเมตไตรย ทป่ี รากฏอย่ใู นเน้อื หาของพระไตรปิฎก ทุกนิกาย พระไตรปฎิ กเลม่ ท่ี ๑๑
พระสุตตันตปฎิ ก เล่ม ๓ ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค จกั กวตั ตสิ ตู ร ความวา่
“...ดกู รภิกษุทง้ั หลาย ในเมือ่ มนษุ ยม์ ีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี พระผูม้ พี ระภาคทรงพระนามว่าเมตไตรย์
จักเสด็จอุบัติข้ึนในโลก พระองค์เป็นอรหัน ต์ ตรัสรู้เ องโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
เสด็จไปดีแลว้ ทรงรแู้ จง้ โลก เป็นสารถฝี ึกบุรษุ ทคี่ วรฝึกได้ ไม่มผี อู้ น่ื ยงิ่ กว่า เปน็ ศาสดาของเทวดา
และมนษุ ยท์ งั้ หลาย เปน็ ผเู้ บกิ บานแลว้ เปน็ ผจู้ �ำแนกพระธรรม เหมอื นตถาคตอบุ ตั ขิ น้ึ แลว้ ในโลก
ในบดั น้ี พระผมู้ พี ระภาคพระนามวา่ เมตไตรย์พระองคน์ น้ั จกั ทรงท�ำโลกนพี้ รอ้ มทงั้ เทวโลก มารโลก
พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันย่ิงด้วยพร ะองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้ง
สมณพราหมณ์ เทวดา และมนษุ ยใ์ หร้ ตู้ าม เหมือนตถาคตในบดั น้ี พระผมู้ พี ระภาคพระนามวา่ เมตไตรย์
พระองค์นั้น จักทรงแสดงธรรม งามในเบ้ืองต้ น งามในท่ามก ลาง งามในที่สุด ทรงประกาศ
พรหมจรรย์ พร้อมท้ังอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธ์ิ บริบูรณ์ส้ินเชิงเหมือนตถาคตในบัดนี้
พระผมู้ พี ระภาคพระนามวา่ เมตไตรยพ์ ระองคน์ นั้ จกั ทรงบรหิ ารภกิ ษสุ งฆห์ ลายพนั เหมอื นตถาคต
บริหารภกิ ษุสงฆห์ ลายรอ้ ย ในบัดนฉ้ี ะนน้ั ฯ…”๑๖
52
พระหรภิ ุญชัยบรมโพธิสัตว์
พระพทุ ธรูปทรงเครื่อง ขดั สมาธเิ พชร
วดั เบญจมบพติ รดสุ ิตวนาราม กรงุ เทพฯ 53
มตฺตาสสขุ ปริจจฺ าคา
ปสเฺ ส เจ วิปลุ ํ สุขํ
จเช มตฺตาสขุ ํ ธโี ร
สมฺปสฺสํ วปิ ลุ ํ สุขํ ฯ ๒๙๐ ฯ
ถา้ เหน็ ว่า จะไดส้ ขุ อนั ยงิ่ ใหญ่
ด้วยการสละสขุ เลก็ ๆ น้อย ๆ
นักปราชญก์ ็ควรสละสขุ เล็กนอ้ ย
เพอื่ เหน็ แกส่ ขุ อนั ย่งิ ใหญ่
If by giving up a slight happiness
One may behold agreater one,
Let the wise man renounce the lesser,
Having regard to the greater.
พุทธวจนะใน ธรรมบท
54
สญั ลกั ษณ์พระอดตี พทุ ธเจ้าในศลิ ปะล้านนา
55
คติเร่อื งพระอดตี พทุ ธเจา้ ในวฒั นธรรมลา้ นนา
อาณาจกั รลา้ นนานน้ั ไดช้ อ่ื วา่ เปน็ ดนิ แดนทอ่ี ดุ มไปดว้ ยมรดกทางศลิ ปวฒั นธรรม ประเพณี
ซ่ึงล้วนแล้วแต่มีคุณค่าและความงดงามที่แส ดงออกถึงเอกลักษณ์เป็นของตนเอง
จากประวัติการเผยแพร่พระพุทธศาสนาเข้ามาใน แผ่นดินล้านนา ได้น�ำวิทยาการความรู้ต่าง ๆ
ติดตามมาด้วยซึ่งก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลง ทางสังคมวัฒนธรรมหลายอย่าง๑๗ ปรากฏหลักฐาน
จากงานวรรณกรรมเกย่ี วกบั เรอ่ื งพระอดตี พทุ ธเจา้ พระปจั จบุ นั พทุ ธเจา้ และพระอนาคตพทุ ธเจา้
ซงึ่ พระภกิ ษทุ เ่ี ปน็ ปราชญท์ างพทุ ธศาสนาไดร้ จนาคมั ภรี ต์ า่ ง ๆ ไวเ้ ปน็ จำ� นวนมาก อาทิ ชนิ กาลมาลปี กรณ์
ตำ� นานมลู ศาสนา พระเจา้ เลยี บโลกฉบบั ลา้ นนา ซงึ่ องิ เนอื้ หาจากพระไตรปฎิ ก และคมั ภรี พ์ ทุ ธวงศ์
เป็นหลัก อีกทั้ง ยังปรากฏในวรรณกรรมต�ำนานข องท้องถิ่นล้านนาที่สะท้อนคติความเชื่อ
เรื่องพระอดีตพุทธเจ้า เช่น ต�ำนานแม่กาเผือก อานิสงส์ผางประทีป และต�ำนานเวียงกาหลง
หรอื ต�ำนานดอยสิงคุตตระ เปน็ ต้น
56
รอยพระพุทธบาทพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ 57
จิตรกรรมสมดุ ภาพไตรภมู ฉิ บบั อักษรธรรมลา้ นนา
แนวคดิ พระอดีตพุทธเจา้ ในศลิ ปะล้านนา
งานศลิ ปกรรมลา้ นนาทีเ่ นอื่ งในพระพทุ ธศาสนาส่วนมาก ก็จะอาศยั เรอ่ื งราวและ
สญั ลกั ษณท์ เ่ี กดิ จากการตคี วามเนอื้ หาจากแนวคดิ พระอดตี พทุ ธเจา้ นำ� มาเปน็ แรงบนั ดาลใจ
ในการสรา้ งสรรคง์ านพทุ ธศลิ ปแ์ ขนงตา่ ง ๆ ยกตวั อยา่ งเชน่ งานสถาปตั ยกรรม อาทิ อาคาร
อุโบสถและวิหารทรงจัตุรมุข วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน เจดีย์เหลี่ยม วัดกู่ค�ำ เวียงกุมกาม
จงั หวดั เชยี งใหม่ วหิ ารพระเจา้ พนั องค์ วดั ปงสนกุ จงั หวดั ลำ� ปาง สว่ นในงานจติ รกรรม อาทิ
จิตรกรรมบนผนังกรุ เจดีย์วัดอุโมงค์ จิตรกรรมฝาผนังวิหารลายค�ำวัดพระสิงห์ จิตรกรรม
ฝาผนงั วหิ ารวดั ทา่ ขา้ ม และลายคำ� วหิ ารวดั ปราสาท จงั หวดั เชยี งใหม่ จติ รกรรมฝาผนงั วหิ าร
วดั หนองบวั วหิ ารวดั พระธาตชุ า้ งคำ�้ จงั หวดั นา่ น ลายคำ� วหิ ารพระพทุ ธ วดั พระธาตลุ ำ� ปางหลวง
และวดั ปงยางคก จังหวัดล�ำปาง ตลอดจนในงานพุทธศลิ ปอ์ ่ืน ๆ เชน่ พระบฏพระเจ้า ๕
พระองค์ รอยพระพทุ ธบาทไมป้ ระดบั มกุ วดั พระสงิ ห์ จงั หวดั เชยี งใหม่ พระพทุ ธบาท ๔ รอย
วัดพระธาตุล�ำปางหลวง และวัดเกาะวาลุการาม จังหวัดล�ำปาง เป็นต้น๑๘
พระอดตี พุทธเจา้
จิตรกรรมฝาผนงั วหิ ารวัดหนองบวั
58 อำ�เภอท่าวงั ผา จังหวัดนา่ น
59
สัญลักษณพ์ ระพทุ ธเจ้า ๔ พระองค์
สญั ลักษณ์พระพทุ ธเจ้า ๔ พระองคใ์ นงานศลิ ปะลา้ นนา
สญั ลกั ษณ์พระพทุ ธเจา้ ๔ พระองค์ หมายถึง พระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ในกัปปัจจุบนั ซ่งึ
เรยี กวา่ “ภทั รกปั ”พระพทุ ธเจา้ ในยคุ นป้ี ระกอบดว้ ยพระอดตี พทุ ธเจา้ ๓พระองค์คอื พระกกสุ นั ธพทุ ธเจา้
พระโกนาคมนพทุ ธเจา้ พระกสั สปพทุ ธเจา้ และพระโคตมพทุ ธเจา้ ซง่ึ เปน็ พระพทุ ธเจา้ องคป์ จั จบุ นั
งานศิลปกรรมลา้ นนาที่สะทอ้ นแนวคดิ สญั ลกั ษณพ์ ระพทุ ธเจา้ ๔ พระองค์ ได้แก่
สมดุ ภาพไตรภมู ิฉบบั อักษรธรรมลา้ นนา
รอยพระพุทธบาทประดบั มุก วดั พระสงิ หว์ รมหาวหิ าร อำ�เภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม ่
รอยพระพทุ ธบาทไม้ วดั พระธาตุลำ�ปางหลวง อำ�เภอเกาะคา จังหวดั ลำ�ปาง
พระพุทธรูป วหิ ารพระเจา้ พนั องค์ วัดปงสนุก อำ�เภอเมือง จงั หวัดลำ�ปาง
พระพทุ ธรูป วหิ ารและอโุ บสถจตุรมขุ วัดภมู นิ ทร์ อำ�เภอเมือง จังหวัดนา่ น
พระพทุ ธรูป วิหารลายคำ� วัดพระสิงห์ อำ�เภอเมือง จงั หวดั เชยี งใหม่
พระพทุ ธรปู วิหารวัดปราสาท อำ�เภอเมือง จงั หวัดเชียงใหม่
พระพทุ ธรปู ซ้มุ จระนำ� อำ�เภอเมือง เจดยี ว์ ดั เชียงมัน่ จังหวดั เชยี งใหม่
พระพทุ ธรูป ซ้มุ จระนำ� อำ�เภอเมือง เจดยี ์วดั เจดียห์ ลวง จงั หวดั เชยี งใหม่
สญั ลกั ษณ์พระพทุ ธเจา้ ๔ พระองค์
อุโบสถและวิหาร วัดภูมินทร์
60 อำ�เภอเมือง จังหวดั นา่ น
61
สมุดภาพไตรภูมิฉบบั อกั ษรธรรมล้านนา
สมดุ ภาพไตรภมู ฉิ บบั อกั ษรธรรมลา้ นนา เปน็ ผลงานจติ รกรรมไทยแบบประเพณที เี่ ขยี นบน
เอกสารโบราณประเภทหนังสือหรือสมุดไทย ภาพเขียนและเน้ือหาภายในเล่มมีลักษณะ
เป็นการสรุปความคิดรวบยอดจากองค์ความรู้ จากคติความเชื่อเร่ืองไตรภูมิและจักรวาลวิทยา
ในพุทธศาสนา ผา่ นทางวรรณกรรมเรอื่ ง ไตรภูมิ หรอื เตภมู กิ ถา ซ่ึงเป็นบทพระราชนิพนธข์ อง
พระยาลิไท พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย โดยพระองค์ทรงศึกษาค้นคว้ารวบรวมความรู้จาก
คมั ภรี ต์ า่ ง ๆ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๓๐ ฉบบั คตไิ ตรภมู มิ คี วามหมายและความสำ� คญั ตอ่ สงั คมวฒั นธรรมไทย
ทนี่ บั ถอื พระพทุ ธศาสนาเปน็ อยา่ งมาก เนอื่ งจากเนอ้ื หาของไตรภมู เิ ปน็ การปลกู ฝงั คตคิ วามเชอ่ื เรอ่ื ง
กรรม คอื สอนใหร้ ู้จักความดี ความชัว่ และผลของการกระท�ำความดีและความชว่ั โดยผลของ
กรรมจะสง่ ผลแกผ่ ้ปู ระพฤตแิ ตกต่างกัน ๓ ประการ คือ ความสขุ ความทุกข์ และความหลุดพน้
จากสขุ และทกุ ขโ์ ดยสน้ิ เชิง๑๙
62
สมุดภาพไตรภูมฉิ บบั อกั ษรธรรมล้านนา 63
สมดุ ภาพไตรภมู ฉิ บับอักษรธรรมลา้ นนา
นอกจากความรเู้ รอื่ งจติ รกรรมลา้ นนาแบบประเพณี ทเ่ี กย่ี วเนอื่ งกบั คตคิ วามเชอ่ื
ทางพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์ และโบราณคดีแล้ว สมุดภาพไตรภูมิฉบับอักษรธรรม
ล้านนา ยังเป็นแหล่งให้ความรูเ้ รอ่ื งภาษาและอกั ษรธรรมล้านนาได้เป็นอย่างดี กล่าวคอื
สมดุ ภาพไตรภมู ฉิ บบั อกั ษรธรรมลา้ นนาใชต้ วั อกั ษรพนื้ เมอื ง ทเ่ี รยี กชอื่ ในทอ้ งถน่ิ วา่ ตวั เมอื ง
หรอื หนงั สอื เมอื ง ชา่ งเขยี นชาวลา้ นนา ไดท้ ำ� การบนั ทกึ เรอื่ งราวเกยี่ วกบั ไตรภมู ปิ ระกอบกบั
เนอ้ื หาสาระทางธรรมะ โดยจดั เรยี งลำ� ดบั ภาพอยา่ งอสิ ระ ซง่ึ แตกตา่ งจากสมดุ ภาพไตรภมู ิ
ฉบับกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี ท่ีมีระเบียบแบบแผนในการล�ำดับภาพและเนื้อหา
นอกจากน้ี ดา้ นเนอื้ หาสาระและภาพเขยี นในเลม่ นนั้ ยงั มคี วามหลากหลายมากกวา่ สมดุ
ภาพไตรภมู เิ ลม่ อ่ืน ๆ
64 สมดุ ภาพไตรภูมิฉบบั อกั ษรธรรมลา้ นนา
65
สัญลักษณ์พระอดีตพทุ ธเจา้ ในสมุดภาพไตรภูมิฯ
การใช้รูปแบบตัวอักษรในการบันทึกข้อความยังมีหลากหลายชนิด และใช้เส้นตัวอักษร
ต่างสีกัน กล่าวคือ ถ้าเป็นอักษรธรรมล้านนาจะใช้เส้นสีแดง อักษรขอมส่วนใหญ่ใช้เส้นหมึก
มอี กั ษรไทยบางสว่ นเปน็ เสน้ ดนิ สอ นอกจากน้ี การเขยี นภาพรปู ทรงของสรรพสตั วใ์ นภพภมู ติ า่ ง ๆ
สถาปัตยกรรม และทิวทัศน์ตามธรรมชาติในสมุดภาพไตรภูมิ สันนิษฐานว่ามีการผสมผสาน
ระหว่างความเป็นจิตรกรรมล้านนา และยังได้รับอิทธิพลจากงานจิตรกรรมศิลปะพม่าอีกด้วย
สว่ นรายละเอยี ดของเนอื้ หาภายในเลม่ ประกอบดว้ ยความรหู้ ลากหลายสาขาวชิ า อนั ประกอบดว้ ย
เรอ่ื งลกั ษณะของเจดียท์ รงตา่ ง ๆ สมี าและขอบเขตของสมี า ไตรภมู ิ ผงั จักรวาล แผนผงั บ้านเมอื ง
ในสมยั พุทธกาล การเยบ็ จีวรตามพทุ ธบัญญตั ิ พุทธประวตั ิ ไวยกรณ์ กลบทในผัง จักรราศี และ
ดาวนักษัตร ตามล�ำดับ โดยมีค�ำบรรยายเนื้อหาท้ังเล่มเป็นภาษาบาลีด้วยตัวอักษรธรรมล้านนา
และมีอักษรขอมกับอักษรไทยอธิบายขยายความเป็นภาษาไทยจดแทรกอยู่เป็นบางส่วนด้วย๒๐
ท้ังน้ี สญั ลกั ษณ์พระอดตี พุทธเจา้ ทีป่ รากฏอยใู่ นสมดุ ภาพไตรภูมิฉบบั น้ี ได้แก่ ภาพพระพุทธบาท
๔ รอยทเ่ี ขาสมุ ณกฏู (พระกกสุ นั โธ พระโกนาคม พระกสั สปะ และพระโคตม) ซงึ่ อยใู่ นภาพแผนที่
โบราณแสดงทีต่ ้งั ของบ้านเมืองต่าง ๆ ในสมยั พทุ ธกาล
รอยพระพทุ ธบาทพระพทุ ธเจา้ ๔ พระองค์
66 จิตรกรรมสมดุ ภาพไตรภูมิฉบบั อกั ษรธรรมลา้ นนา
67
สัญลักษณ์พระอดีตพุทธเจ้าในรอยพระพทุ ธบาท
วัดเสด็จ เมืองกำ�แพงเพชร
รอยพระพุทธบาทส�ำรดิ วัดเสดจ็ จังหวัดกำ� แพงเพชร สรา้ งขึ้นใน
สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แสดงภาพสัญลักษณ์มงคล ๑๐๘ จัดวางเป็น
แนววงกลมเพอื่ แสดงรปู จกั รวาลในมติ ริ าบ มเี ขาพระสเุ มรเุ ปน็ จดุ ศนู ยก์ ลาง
ของวงกลม ล้อมรอบด้วยเขาสัตตบริภัณฑ์และมหาสมุทรสีทันดรเป็น
วงแหวน ๗ ชนั้ รวมทงั้ วถิ กี ารโคจรของพระอาทติ ย์ พระจนั ทร์ ถดั ออกมาเปน็
ภาพสตั วห์ มิ พานต์ สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของโลกมนษุ ย์ ตลอดจนสญั ลกั ษณ์
เครื่องสูงและสมบัติของพระมหาจักรพรรดิ ส่วนแนวรอบนอกสุดแสดง
สญั ลักษณ์เทวโลกและพรหมโลก ผสู้ ร้างรอยพระพทุ ธบาทชิน้ นี้มีเจตนาให้
เป็นแนวนอน ด้วยภาพของพระอดีตพุทธเจ้าเรียงเป็นแถวอยู่ด้านบน
และพระสาวกเรยี งเปน็ แถวอยดู่ า้ นลา่ ง และขนาบขา้ งดว้ ยภาพพระอรหนั ต์
องค์สำ� คัญ ท้าวจตุโลกบาลและเทพเจ้าผูม้ ีนามตามจารกึ ว่า “ขตั รคาม”๒๑
68
รอยพระพทุ ธบาท
วัดเสด็จ อ�ำ เภอเมอื ง จังหวดั กำ�แพงเพชร
รอยพระพุทธบาทส�ำริดที่วัดเสด็จ เป็นรอยพระพุทธบาทข้างขวา
ของพระพทุ ธเจา้ ๔ พระองค์ ทอี่ บุ ตั ขิ นึ้ ในภทั รกปั น ี้ องคป์ ระกอบของภาพ
ออกแบบเปน็ รปู ตารางแนวตง้ั มจี ดุ ศนู ยก์ ลางเปน็ รปู จกั ร ซง่ึ มคี วามสมั พนั ธ์
ใกล้ชิดกันกับรอยพระพุทธบาทท่ีอ�ำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
สญั ลกั ษณม์ หาทวปี ทง้ั ๔ ในสที นั ดรสมทุ ร ไดแ้ ก่ บรู พวเิ ทหทวี อมรโคยานทวปี
อตุ ตรกรุ ทุ วปี และชมพทู วปี ใชส้ ญั ลกั ษณภ์ าพบคุ คล และพระราชาแตล่ ะองค์
สวมมงกฏุ สว่ นสญั ลกั ษณพ์ ระอดตี พทุ ธเจา้ ๓ พระองค์ ไดแ้ ก่ พระกกสุ นั ธะ
พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ แสดงโดยขอบวงกลมทั้ง ๓ วง บริเวณ
ส้นพระบาท ซึ่งขยายไปยังด้านข้างของส้นพระบาท รอยพระพุทธบาท
ของพระพทุ ธเจา้ องคป์ จั จบุ นั คอื พระโคตมพระพทุ ธเจา้ จดั วางอยดู่ า้ นบน
และศนู ยก์ ลางรอยพระพทุ ธบาทของพระพทุ ธเจา้ องค์ก่อน ๆ เคร่ืองหมาย
มงคลคอื หมดู่ วงดาว สว่ นดา้ นบนสดุ ของแถวแนวตง้ั ดา้ นซา้ ยสดุ แสดงดว้ ย
ดาวนพเคราะห์ทั้ง ๙ ซง่ึ มตี น้ กำ� เนดิ จากหลกั โหราศาสตรโ์ บราณของอนิ เดยี
ประกอบดว้ ย ดวงอาทติ ย์ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพทุ ธ ดาวพฤหัส ดาว
ราหู ดาวเสาร์ และดาวเกตุ รูปลกั ษณด์ ังกลา่ วนี้ มชี ่อื เรียกวา่ นพรัตน์ หรอื
แกว้ ท้ังเกา้ ประการ๒๒
69
รอยพระพุทธบาทของพระพทุ ธเจา้ ๔ พระองค์
วัดพระธาตลุ ำ�ปางหลวง เมอื งลำ�ปาง
รอยพระพทุ ธบาทของพระพทุ ธเจา้ ๔ พระองค์ ทว่ี ดั พระธาตลุ ำ� ปางหลวง
เป็นรอยพระพุทธบาทที่สร้างขึ้นด้วยแผ่นไม้สักจ�ำนวน ๖ แผ่น แกะสลักเป็น
รูปทรงรอยพระพุทธบาทซ้อนทับกัน ลงรักปิดทอง รูปลักษณ์ของพระพุทธบาท
แสดงว่าได้รับอิทธิพลมาจากรอยพระพุทธบาทพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ ซึ่งพบท่ี
เมืองก�ำแพงเพชร ดังนั้น จงึ น่าจะสรา้ งขนึ้ ในรัชสมยั สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช
นอกจากนนั้ ยงั พบวา่ มรี อยพระพทุ ธบาททมี่ คี วามสมั พนั ธก์ บั รอยพระพทุ ธบาทขา้ งซา้ ย
ของพระพทุ ธเจา้ ๔ พระองคอ์ กี คอื รอยพระพทุ ธบาทพระพทุ ธเจา้ พระพทุ ธเจา้ ๔
พระองค์ ทว่ี ดั พระสิงห์วรมหาวหิ าร จังหวัดเชยี งใหม่ นบั ว่าเป็นรอยพระพทุ ธบาท
ท่ีมีความยง่ิ ใหญ่ เป็นงานศลิ ปะชิ้นเอกของพุทธศิลป์ล้านนา๒๓
70
รอยพระพุทธบาทไม้
วดั พระธาตลุ ำ�ปางหลวง
อำ�เภอเกาะคา จังหวดั ล�ำ ปาง 71
รอยพระพทุ ธบาทของพระพทุ ธเจ้า ๔ พระองค์
วดั พระสงิ หว์ รมหาวิหาร เมืองเชยี งใหม่
สัญลักษณ์พระอดีตพุทธเจ้าที่ปรากฏอยู่บนรอยพระพุทธบาทไม้ประดับมุกแห่ง
วัดพระสงิ หว์ รมหาวหิ าร เมอื งเชยี งใหม่ คอื หลกั ฐานจารกึ อกั ษรธรรมลา้ นนาทอี่ ยบู่ รเิ วณแนวลา่ งสดุ
ของสน้ พระบาท ซง่ึ ระบวุ า่ เปน็ รอยพระบาททที่ บั ซอ้ นกนั ๔ รอย คอื รอยพระบาทของพระพทุ ธเจา้
๔ พระองค์ ในภทั รกปั นี้ ไดแ้ ก่ พระกกสุ นั โธพทุ ธเจา้ พระโกนาคมนพทุ ธเจา้ พระกสั สปะพทุ ธเจา้
และพระโคตมพทุ ธเจา้ ๒๔ นอกจากนน้ั ลายประดบั มกุ บนรอยพระพทุ ธบาท คอื ระเบยี บอนั แสดง
แผนผงั ของสคุ ตภิ มู แิ หง่ จกั รวาลในมติ ดิ า้ นตง้ั มโี สฬสพรหมโลกอยใู่ นระดบั สงู ทส่ี ดุ ของพรหมโลก
เขาพระสเุ มรุ โลกมนษุ ย์ เขาจกั รวาล และมหาสมทุ ร อยใู่ นระดบั ทล่ี ดหลนั่ กนั ลงมา สว่ นดา้ นหลงั ของ
รอยพระพทุ ธบาทไมป้ ระดบั มกุ ชน้ิ นี้ มจี ารกึ บอกปที ซ่ี อ่ มคอื พ.ศ. ๒๓๓๗ ทงั้ น้ี ลกั ษณะรปู เทวดา
ลายประดบั และแบบตวั หนงั สอื ทอี่ ธบิ ายเรอื่ งอยดู่ า้ นหนา้ แสดงวา่ นา่ จะมอี ายรุ าวสมยั พระเจา้ ตโิ ลกราช
คือ ปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๐ เป็นตัวอย่างอันแรกที่สมบูรณ์ท่ีสุดของการจัดระบบของมงคล
๑๐๘ ใหเ้ ปน็ แผนผงั ของจกั รวาลในมติ ติ ง้ั ทเี่ ชอ่ื วา่ เกดิ ขน้ึ ในศลิ ปะสโุ ขทยั ราวปลายพทุ ธศตวรรษท่ี
๑๙ หรอื ตน้ พุทธศตวรรษท่ี ๒๐๒๕
รอยพระพทุ ธบาทไมป้ ระดบั มกุ
วดั พระสงิ ห์วรมหาวหิ าร
72 อ�ำ เภอเมอื ง จังหวัดเชยี งใหม่
73
รอยพระพุทธบาทของพระพทุ ธเจ้า ๔ พระองค์
วดั พระสิงห์วรมหาวิหาร เมืองเชียงใหม่
รายละเอียดของสัญลกั ษณ์มงคลท้งั หลายจ�ำนวน ๑๐๘ ถูกจัดเปน็ ระเบยี บตามต�ำแหนง่
อนั ถกู ตอ้ งตามศกั ดแ์ิ ละความสำ� คญั ทำ� ใหเ้ กดิ ภาพรวมเปน็ แผนผงั ของจกั รวาล อนั มโี สฬสพรหมโลก
ได้แก่ ช้ันอกนิฏฐาพรหมอยู่บนเหนือสุดของฝ่าเท้า แล้วจัดล�ำดับลดหล่ันลงมาคือ พรหมโลก
ช้ันรอง ๆ ลงมา และเทวโลกอันประกอบด้วย แดนฉกามาพจร คือ ปรินิมมิตวสวดี นิมมานรดี
ยามา ดสุ ติ ดาวดงึ ส์ และจตมุ หาราชกิ าอยบู่ นยอดเขารอง ๔ ยอดของเขาพระสเุ มรุ อนั เปน็ แกนกลาง
ของจกั รวาล มีพระอาทติ ย์ และพระจนั ทร์โคจรอยู่โดยรอบ แสดงภาพเหล่าสตั วห์ มิ พานตต์ า่ ง ๆ
เชน่ ครุฑพระยานกอันมีอานภุ าพมาก กนิ นร และกนิ รี บนิ อยูใ่ นทอ้ งฟา้ เขาพระสเุ มรุน้ีตั้งอยู่ใน
ตำ� แหนง่ ศนู ยก์ ลางของจกั รวาล ลอ้ มรอบดว้ ยเทอื กเขาสตั ตบรภิ ณั ฑร์ ปู วงแหวน ๗ ชน้ั และคน่ั สลบั
กับมหาสมุทรทั้ง ๗ อนั มขี อบเขตสนิ้ สดุ ที่แนวภูเขาจกั รวาล๒๖
74
แผนผังจักรวาล
รอยพระพทุ ธบาทไมป้ ระดับมุก
วัดพระสงิ หว์ รมหาวิหาร
อำ�เภอเมอื ง จังหวัดเชยี งใหม่ 75
รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์
วัดพระสิงห์วรมหาวหิ าร เมืองเชยี งใหม่
ลวดลายงานประดบั มกุ บนรอยพระพทุ ธบาทชน้ิ นี้ นบั เปน็ งานประณตี ศลิ ปช์ นั้ สงู ของไทย
ซึ่งมคี วามงดงามเปน็ พิเศษดว้ ยการใชเ้ ปลอื กหอยบางชนดิ ทมี่ คี ุณลกั ษณะแวววาวเมอ่ื กระทบกบั
แสงสวา่ ง และสามารถสะทอ้ นแสงเปน็ สสี นั ตา่ ง ๆ โดยชา่ งจะนำ� เปลอื กหอยมาฉลเุ ปน็ ลวดลายตา่ ง ๆ
ที่มีขนาดเล็กตามแบบท่ีร่างไว้บนกระดาษ แล้วน�ำมาติดประดับลงบนพื้นผิวไม้ของรอย
พระพุทธบาท หรือประดบั ตามองค์ประกอบสถาปตั ยกรรมไทย อาทิ ประตู หน้าตา่ ง รวมทงั้ งาน
ประณีตศิลป์อ่ืน ๆ ผลงานศิลปะท่ีสร้างสรรค์ด้วยกรรมวิธีการดังกล่าว มักนิยมเรียกว่า
เครอ่ื งประดบั มกุ หรอื เครอ่ื งมกุ ทงั้ น้ี งานประดบั มกุ เปน็ งานประณตี ศลิ ปท์ ตี่ อ้ งอาศยั ทงั้ ประสบการณ์
ความเช่ียวชาญ ความประณีตละเอียดอ่อน ความอดทน และมีสมาธิของช่าง อีกท้ัง ยังเป็นงาน
ที่ต้องด�ำเนินการร่วมกันของช่างหลากหลายแขนง ตั้งแต่ช่างเขียนลาย ช่างตัด ช่างโกรกช้ินมุก
ชา่ งรกั และชา่ งประดบั มกุ จงึ จะสามารถรงั สรรคผ์ ลงานศลิ ปะอนั วจิ ติ รงดงามและทรงคณุ คา่ ได้๒๗
76
แผนผังจักรวาล
รอยพระพทุ ธบาทไมป้ ระดับมุก
วัดพระสงิ หว์ รมหาวิหาร
อำ�เภอเมอื ง จังหวัดเชยี งใหม่ 77
วหิ ารพระเจา้ พันองค์ วดั ปงสนกุ เมอื งลำ�ปาง
วัดปงสนุก เป็นวัดโบราณของเมืองล�ำปาง ต้ังอยู่ในหมู่บ้านปงสนุก ต�ำบลเวียงเหนือ
อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ลำ� ปาง สนั นษิ ฐานวา่ สรา้ งขน้ึ ในสมยั เจา้ อนนั ตยศ ราชบตุ รของพระนางจามเทวี
แห่งนครหริภุญไชย ที่ได้เสด็จมาสร้างเมืองเขลางค์นครเมื่อ ปีพ.ศ.๑๒๒๓ แต่เดิมวัดปงสนุก
เป็นวัดที่มีอาณาเขตกว้างขวาง โดยมีการแบ่งเป็นวัดปงสนุกเหนือและวัดปงสนุกใต้ และสร้าง
เขาพระสเุ มรุจ�ำลองข้ึนกลางระหว่างวัดทง้ั สอง เรียกวา่ “มอ่ นดอย”๒๘
78
วัดปงสนุก
อ�ำ เภอเมือง จงั หวดั ล�ำ ป7า9ง
80
วหิ ารพระเจา้ พันองค์ วัดปงสนกุ เมอื งลำ�ปาง
วหิ ารพระเจา้ พนั องค์ มลี กั ษณะเปน็ เปน็ มณฑปทรงจตั รุ มขุ หลงั คาซอ้ น ๔ ชนั้ รปู แบบ
ของอาคารแสดงอิทธิพลการผสมผสานของศิลปะล้านนา พม่า และจีน แนวคิดหลัก
ในการสรา้ งวหิ ารใหเ้ ปน็ ปราสาท หรอื แสดงสญั ลกั ษณข์ องคตจิ กั รวาล ภายในประดษิ ฐาน
พระพุทธรูป ๔ องค์ อนั เป็นสญั ลักษณข์ องพระพทุ ธเจา้ ๔ พระองค์ทมี่ าตรสั รใู้ นภัทรกัป
ไดแ้ ก่ พระกกสุ นั โธพทุ ธเจา้ พระโกนาคมนพทุ ธเจา้ พระกสั สปะพทุ ธเจา้ และพระโคตมพทุ ธเจา้
นอกจากนี้ องค์ประกอบของสถาปัตยกรรมภายในวิหารยังสะท้อนถึงความหมายของ
คติไตรภมู ิและจักรวาลวทิ ยาในพุทธศาสนา เชน่ เขาพระสุเมรุ ปา่ หมิ พานต์ ทวปี ทงั้ ๔
และดวงดาวต่าง ๆ ในจักรราศ๒ี ๙
วิหารพระเจ้าพนั องค์ 81
วดั ปงสนุก
อำ�เภอเมอื ง จงั หวดั ลำ�ปาง
สัญลกั ษณพ์ ระพุทธเจ้า ๔ พระองค์
วิหารพระเจ้าพนั องค์ วัดปงสนกุ เมืองลำ�ปาง
พระพทุ ธรปู ประธานประดษิ ฐานบนฐานชกุ ชี เปน็ ศนู ยก์ ลางของวหิ าร มชี อ่ื เรยี กในภาษา
ลา้ นนาวา่ “แทน่ แกว้ ” มลี กั ษณะเปน็ ฐานปทั มย์ อ่ มมุ ตรงหนา้ กระดาน บนฐานเขยี งชน้ั ลา่ งทำ� เปน็
รปู ทรงสัตวช์ นดิ ตา่ ง ๆ เช่น นกอินทรีย์ โค นาค สิงห์ และช้าง สันนษิ ฐานว่าเปน็ การแสดงนยั ยะ
ของความเป็นสัญลักษณ์แทนเขาพระสุเมรุศูนย์กลางจักรวาลที่มีป่าหิมพานต์และสัตว์หิมพานต์
อยเู่ บอ้ื งลา่ ง และใชเ้ ปน็ สตั วป์ ระจำ� ทศิ เพอื่ การนบั เคราะหต์ ามคตคิ วามเชอ่ื ของชาวไทเขนิ ในลา้ นนา
ส่วนพระพุทธรูปประธานทั้ง ๔ องค์ มีพทุ ธลักษณะแสดงปางมารวชิ ัย หันพระปฤษฎางคช์ นกัน
โดยมีต้นพระศรีมหาโพธ์ิอยู่เบื้องหลังในต�ำแหน่งแกนกลางของวิหาร ท้ังนี้ การวางผังอาคาร
รปู กากบาทและประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ๔ องคน์ น้ั เปน็ รปู แบบทไี่ ดร้ บั ความนยิ มอยา่ งแพรห่ ลาย
ในศลิ ปะพกุ ามของพมา่ แตด่ า้ นหลงั ของพระพทุ ธรปู มกั สรา้ งเปน็ แกนกลางรองรบั องคเ์ จดยี ด์ า้ นบน
ซง่ึ แตกตา่ งจากวหิ ารแหง่ นท้ี ส่ี รา้ งเปน็ รปู ทรงโพธพ์ิ ฤกษแ์ บบ ๓ มติ ิ สรา้ งดว้ ยโลหะทงั้ ลำ� ตน้ และใบ
ได้แก่ สงั กะสีทาดว้ ยสีเขยี วและสนี ้ำ� ตาล รวมท้ังการนำ� ลูกสนมาประดับตกแต่ง๓๐
พระพุทธเจ้า ๔ พระองค์
วหิ ารพระเจา้ พนั องคว์ ดั ปงสนกุ
82 อำ�เภอเมือง จังหวดั ลำ�ปาง
83
สญั ลักษณพ์ ระพทุ ธเจ้า ๔ พระองค์
อุโบสถและวหิ ารทรงจตุรมขุ วัดภูมนิ ทร์ เมอื งนา่ น
วดั ภูมินทร์ เป็นวัดหลวงทีม่ ีความสำ� คัญของเมืองนา่ น ตามประวัติกล่าวว่า สร้างขึน้ โดย
เจา้ เจตบตุ รพรหมมนิ ทร์ เจา้ ผคู้ รองนครนา่ น เมอื่ ปี พ.ศ.๒๑๙๓ หลงั จากทไี่ ดป้ กครองเมอื งนา่ นได้ ๖ ปี
ตอ่ มาอกี ประมาณ ๓๐๐ ปี หรอื ในปี พ.ศ.๒๔๑๐ ซง่ึ ตรงกบั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
รชั กาลที่ ๔ แหง่ กรงุ รตั นโกสินทร์ เจ้าอนนั ตวรฤทธเิ ดช ได้บูรณปฏสิ งั ขรณค์ รัง้ ใหญ่ โดยใชเ้ วลา
นานถึง ๘ ปี ๓๑
วิหารและอโุ บสถ วดั ภมู นิ ทร์
84 อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวดั น่าน
85
สญั ลักษณ์พระพทุ ธเจ้า ๔ พระองค์
อุโบสถและวหิ ารทรงจตรุ มุข วดั ภูมนิ ทร์ เมืองน่าน
ภายในอาคารจตั รุ มขุ ซง่ึ เปน็ ทงั้ พระวหิ ารและพระอโุ บสถในตวั อาคารเดยี วกนั กลา่ วคอื
อาคารตามแนวแกนเหนอื -ใต้ เปน็ พระอโุ บสถ สว่ นอาคารทวี่ างตามแนวแกนตะวนั ออก-ตะวนั ตก
ท�ำหน้าท่ีเป็นพระวิหาร อาคารหลังน้ีมีบันไดทางขึ้นและประตูทางเข้าท้ัง ๔ ด้าน ภายใน
ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ๔ องค์ พทุ ธลกั ษณะแสดงปางมารวชิ ยั หนั พระพกั ตรอ์ อกทงั้ ๔ ทศิ ตรงกบั ชอ่ ง
ประตู และหนั พระปฤษฎางค์ชนกัน โดยมพี ระเจดียส์ ่เี หลย่ี มย่อมุมสิบสองเป็นตวั เช่ือมรูปทรงอยู่
ดา้ นหลงั พระปฤษฎางคข์ องพระพทุ ธรปู ทกุ องค์ แสดงความหมายเชงิ สญั ลกั ษณข์ องพระพทุ ธเจา้
๔ พระองค์ในภัทรกปั อันได้แก่ พระกกุสนั โธ พระโกนาคม พระกสั สปะ และพระโคตม ฐานชกุ ชี
ท่ปี ระดิษฐานพระพทุ ธรูปจงึ ทำ� หนา้ ท่ีเป็นฐานร่วมขององคเ์ จดยี ไ์ ปโดยปรยิ าย๓๒
พระพทุ ธเจ้า ๔ พระองค์
วิหารและอุโบสถ วดั ภมู ินทร์
86 อำ�เภอเมือง จังหวัดน่าน
87
สญั ลักษณ์พระพุทธเจ้า ๔ พระองค์
อโุ บสถและวหิ ารทรงจตรุ มุข วัดภูมินทร์ เมอื งนา่ น
การตกแตง่ ดา้ นบนเพดานของอาคาร ลงรกั ปดิ ทองเปน็ ลวดลายดาวเพดาน เสาในอาคาร
มที ้งั หมด ๑๖ ตน้ เรียงเปน็ คู่ ๆ รอบใน ๔ คู่ รอบนอก ๔ คู่ ตามทศิ ทั้ง ๔ เสาแต่ละต้นมลี วดลาย
ปิดทองล่องชาด โดยมีสว่ นที่แตกต่างกัน คอื ลายเหนือกรวยเชงิ กลา่ วคือ เสารอบนอกเปน็ ลาย
รปู ชา้ งแต่รอบในเปน็ ลายเทพพนม บานประตูท้งั ๔ ทิศ เปน็ ไมแ้ กะสลักเปน็ รปู ทา้ วเวสสวุ ณั และ
ลวดลายพันธุ์พฤกษา สอดแทรกด้วยสัตว์จตุบาท ทวิบาท อย่างงดงาม๓๓ ภายในวิหารเขียน
ภาพจติ รกรรมฝาผนงั ทงั้ สดี่ า้ น ฝาผนงั เหนอื ขอบประตทู างเขา้ แสดงเรอื่ งพทุ ธประวตั ิ โดยการเขยี น
ภาพขนาดใหญ่เต็มพ้ืนที่ผนัง ส่วนฝาผนังระหว่างช่องประตูเขียนภาพเล่าเรื่อง คันธกุมารชาดก
ซ่ึงเป็นนิทานชาดกท่ีปรากฏในวรรณกรรมพื้นถ่ินล้านนา ฝาผนังทางด้านทิศตะวันตกเขียนเร่ือง
เนมิราชชาดก นอกจากน้ี องคป์ ระกอบทางสถาปัตยกรรมสว่ นอื่นๆ ทีเ่ ป็นเครื่องไม้ ตกแต่งด้วย
ลายคำ� หรอื ลายปดิ ทองลอ่ งชาด รวมทงั้ บรเิ วณแผน่ คอสองโดยรอบอาคารทำ� เปน็ ลายปดิ ทองลอ่ งชาด
แสดงสัญลักษณ์พระอดีตพทุ ธเจ้าจ�ำนวนมาก๓๔ หรือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ พระอนันตพุทธเจา้
88
ลายค�ำ
วิหารและอโุ บสถ วัดภูมนิ ทร์
อำ�เภอเมอื ง จงั หวัดนา่ น 89
วิหารวัดปราสาท เมอื งเชียงใหม่
วัดปราสาทเป็นวัดเก่าแก่ท่ีสร้างอยู่ภายในก�ำแพงเมืองเชียงใหม่ ชื่อของวัดมีท่ีมาจาก
สถาปัตยกรรม “โขงปราสาท” ภาษาล้านนาเรียกว่า “ผาสาท” หมายถึง เรือนยอดเป็นช้ัน ๆ
ใช้ส�ำหรับเป็นที่ประทับของกษัตริย์ หรือเป็นท่ีประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วิหารของวัดมีลักษณะ
เป็นวิหารเครื่องก่ออิฐผสมกับเคร่ืองไม้ทรงปิดทึบขนาดใหญ่ วางผังพ้ืนเป็นรูปสี่เหล่ียมผืนผ้า
หันหนา้ ไปทางทิศตะวันออกตามคติการสรา้ งวิหารของล้านนา มีดา้ นกว้าง ๓ ห้อง ด้านยาว ๖
ห้อง มีการยกเก็จดา้ นหน้าวหิ าร ๒ ช่วง ด้านหลัง ๑ ช่วง หลังคาซอ้ นช้นั ๒ ตับ มลี กั ษณะพเิ ศษ
คอื การสรา้ งปราสาทกอ่ อิฐเช่อื มต่อกนั กบั ท้ายวิหาร ท้ังนี้ แบบแผนทางสถาปัตยกรรมของวิหาร
วดั ปราสาทจะพบเหน็ ไดใ้ นเมอื งเชยี งใหมอ่ กี หลายแหง่ เชน่ วหิ ารลายคำ� วดั พระสงิ หว์ รมหาวหิ าร
วดั ป่าแดงมหาวิหาร รวมทั้งทว่ี ิหารวัดพระธาตปุ ูเขา้ อ�ำเภอเชยี งแสน จังหวัดเชยี งราย เป็นต้น๓๕
วหิ ารวัดปราสาท
90 อ�ำ เภอเมือง จงั หวัดเชยี งใหม่
91
สญั ลักษณพ์ ระพุทธเจ้า ๔ พระองค์
วิหารวดั ปราสาท เมอื งเชียงใหม่
สัญลักษณ์พระอดีตพุทธเจ้าท่ีปรากฏในรูปแบบสถาปัตยกรรมของวิหารวัดปราสาท
ได้แก่ องค์ปราสาท เรอื นธาตุมีลักษณะเป็นอาคารขนาดใหญ่ ภายในออกแบบไว้เปน็ หอ้ งส�ำหรับ
ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ มีฐานเขียงรองรับ ๕ ช้ัน ถัดขึ้นไปเป็นเรือนธาตุ
รปู สเี่ หลย่ี มจตั รุ สั ทำ� เปน็ ซมุ้ จระนำ� ออกทงั้ ๔ ทศิ โดยทศิ ตะวนั ออกเปน็ สว่ นเชอื่ มตอ่ กบั ทา้ ยวหิ าร
ภายในซุ้มจระน�ำอีก ๓ ทิศท�ำเป็นซุ้มปลายแหลม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประทับ
เหนือดอกบัว ด้วยเหตุนี้ พระพุทธรูปทั้ง ๔ องค์ท่ีประดิษฐานท้ังภายในปราสาทและซุ้มจระน�ำ
จึงเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าท่ีมาตรัสรู้แล้วในภัทรกัป ได้แก่ พระกกุสันโธ พระโกนาคม
พระกัสสปะ และพระโคตม นอกจากน้ี ภายในวิหารวัดปราสาทยังมีงานศิลปกรรมที่สะท้อน
ความหมาย “พระอนนั ตพทุ ธเจา้ ” ไดแ้ ก่ ลายคำ� และแผงพระพมิ พบ์ นผนงั ปนู ทา้ ยวหิ ารทางดา้ น
ทศิ ตะวนั ตกอกี ด้วย
92
พระพทุ ธรูปภายในซุ้มจระนำ�
องค์ปราสาททา้ ยวหิ ารวัดปราสาท 93
วหิ ารลายคำ� วดั พระสิงหว์ รมหาวิหาร เมอื งเชียงใหม่
วหิ ารลายคำ� วดั พระสงิ ห์ ตามประวตั สิ รา้ งโดยพระเจา้ กาวโิ รรสสรุ ยิ วงศ์ เจา้ ผคู้ รอง
นครเชยี งใหม่ การกอ่ ยงั ไมแ่ ลว้ เสรจ็ ทา่ นกไ็ ดถ้ งึ แกพ่ ริ าลยั เสยี กอ่ น วหิ ารลายคำ� มาสรา้ งเสรจ็
ในสมัยพระเจา้ อนิ ทรวิชยานนท์ เจ้าผูค้ รองนครเชยี งใหมอ่ งคต์ ่อมา และไดจ้ ัดงานฉลอง
ในปี พ.ศ. ๒๔๒๙ ตอ่ มาไดม้ กี ารบรู ณะซอ่ มแซมวหิ ารอกี หลายครง้ั ดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ ครบู าศรวี ชิ ยั
ท�ำการบูรณะเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓ กรมศิลปากรบูรณะเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๗ และพ.ศ.๒๕๔๙
ตามลำ� ดบั
วหิ ารลายคำ�
วัดพระสิงหว์ รมหาวหิ าร
94 อำ�เภอเมือง จงั หวัดเชยี งใหม่
95
96
วหิ ารลายคำ� วัดพระสงิ ห์วรมหาวิหาร เมอื งเชียงใหม่
วหิ ารลายค�ำมแี บบแผนทางศิลปสถาปตั ยกรรมเปน็ วหิ ารทรงปราสาททง่ี ดงามมากท่ีสดุ
แห่งหนึ่งในล้านนา ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ผังเป็นรูปส่ีเหล่ียมผืนผ้า ฐานสูง
หลังคาดา้ นหน้าซอ้ นกนั ๓ ชัน้ ด้านขา้ ง ๒ ช้ัน บันไดทางข้นึ เปน็ ปนู ปน้ั รปู มกรคายนาค วิหาร
หันด้านหน้าไปทางทิศตะวันออก ท�ำเป็นโถงมุขมีผนังปิดทั้ง ๓ ด้าน ผนังด้านข้างท�ำเป็นย่อมุม
มปี ระตทู างเขา้ ๓ ประตู ประตทู างเขา้ หลกั เปน็ ซมุ้ ประตโู ขง ภายในวหิ ารเขยี นภาพจติ รกรรมฝาผนงั
เร่ืองสังข์ทองทางด้านทิศเหนือ และสุวรรณหงส์ทางด้านทิศใต้ ส่วนผนังด้านทิศตะวันตก
และเสาวิหารเป็นงานลายค�ำ ด้านหลังสุดของวิหารท�ำเป็นโถงหรือห้องเช่ือมต่อกับมณฑปทรง
ปราสาท ภาษาล้านนาเรียกว่า “ปราสาทโขง” อยู่บริเวณด้านหลังของวิหาร เป็นสถานที่ส�ำหรับ
ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ หรือในภาษาล้านนา เรียกวา่ “โขงพระเจ้า”
วหิ ารลายคำ� 97
วัดพระสงิ ห์วรมหาวหิ าร
อำ�เภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม่
สญั ลกั ษณพ์ ระพทุ ธเจา้ ๔ พระองค์
วหิ ารลายคำ� วัดพระสงิ ห์วรมหาวิหาร เมอื งเชยี งใหม่
วหิ ารทรงปราสาทเปน็ วหิ ารปดิ ทมี่ ลี กั ษณะพเิ ศษทกี่ ารมมี ณฑปปราสาทเชอ่ื มตอ่ กบั ผนงั
ท้ายวิหาร ส�ำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน แผนผังของวิหารซึ่งเป็นรูปส่ีเหล่ียมผืนผ้า
ลดสว่ นหวั และทา้ ยของผนงั ทเ่ี รยี กวา่ “หวั จอ๊ ก” หรอื หวั หกั จงึ เรยี กลกั ษณะดงั กลา่ ววา่ “วหิ ารบบี ”
หรอื “วหิ ารหวั จอ๊ ก” ในภาษาลา้ นนา นอกจากนี้ ผงั ของวหิ ารยงั สะทอ้ นความหมายเชงิ สญั ลกั ษณ์
เรือส�ำเภา หรือทรงวิมานตามคติวิหารท่ีประทับของพระพุทธเจ้า โดยสร้างอาคารเช่ือมต่อกับ
มณฑปทรงปราสาทดา้ นทา้ ยของวหิ าร อาคารทรงปราสาทมซี มุ้ จระนำ� เพอื่ ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ทั้ง
๓ ด้าน ซ่ึงหมายถึงพระอดีตพุทธเจ้าท้ัง ๓ พระองค์ เม่ือรวมกับพระประธานภายในอีก ๑ องค์
จึงเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าท่ีมาตรัสรู้แล้วในภัทรกัปท้ัง ๔ พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันโธ
พระโกนาคม พระกัสสปะ และพระโคตม๓๘
98