สญั ลกั ษณพ์ ระอนนั ตพทุ ธเจ้า
ลายคำ� วิหารวดั ปราสาท เมอื งเชยี งใหม่
งานศลิ ปะลายค�ำภายในวิหารวัดปราสาทเหลอื อยไู่ มม่ ากนัก ไดแ้ ก่ บรเิ วณเสาด้านขา้ ง
เสาหลวง ผนังปนู ห้องท้ายวหิ าร และใตท้ ้องข่นื หลวงบางส่วนเท่านนั้ ทง้ั นี้ เน่ืองจากการบูรณะ
ซ่อมแซมวิหารเม่ือปี พ.ศ.๒๕๒๗-๒๕๒๘ ได้มีการทาน้�ำมันรักษาเนื้อไม้สีด�ำทับตัวไม้โครงสร้าง
เครอ่ื งบนของวหิ ารทมี่ งี านลายคำ� ประดบั ตกแตง่ อยู่ ภาพสญั ลกั ษณพ์ ระอดตี พทุ ธเจา้ ปรากฏอยบู่ น
ผนังปูนท้ายวิหาร โดยท�ำเป็นภาพพระพุทธเจ้าทรงประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย ภายใต้
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ภาพบางส่วนถูกทาทับด้วยน้�ำมันรักษาเน้ือไม้ แต่ท่ีหลงเหลืออยู่ก็มีจ�ำนวน
มากนบั รอ้ ยพระองค์ จงึ เปน็ งานศลิ ปะลายคำ� ทแี่ สดงถงึ สญั ลกั ษณพ์ ระอนตั พทุ ธเจา้ อยา่ งชดั เจน๙๕
199
สญั ลกั ษณพ์ ระอนันตพุทธเจา้
พระแผง วดั ตน้ เกวน๋ (วดั อนิ ทราวาส) เมืองเชียงใหม่
วัดต้นเกว๋น มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า “วัดอินทราวาส” ต้ังอยู่ในเขตอ�ำเภอหางดง
จงั หวดั เชยี งใหม่ ประวตั กิ ารสรา้ งปรากฏหลกั ฐานจารกึ เปน็ อกั ษรธรรมลา้ นนาภายในวหิ าร ระบวุ า่
วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๐๑ โดยครูบาอินทร์และคณะศรัทธาวัด ส่วนชื่อวัดต้นเกว๋น
มีท่ีมาจากช่ือของต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งขึ้นตรงบริเวณที่สร้างวิหารในปัจจุบัน ภาษาล้านนาเรียกว่า
“ตน้ บา่ เกวน๋ ” ตอ่ มาจงึ เปลย่ี นชอ่ื เปน็ วดั อนิ ทราวาส ตามชอ่ื ของเจา้ อาวาสองคแ์ รกซงึ่ เปน็ ผสู้ รา้ ง
วัดแห่งน้ี ในสมัยก่อนวัดต้นเกว๋นมีความส�ำคัญมากส�ำหรับชาวเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นที่พัก
ของขบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุ ซ่ึงอัญเชิญมาจากวัดพระธาตุจอมทองมาสู่เวียงเชียงใหม่
เพ่ือให้ประชาชนได้สรงน�้ำ ถือว่าเป็นประเพณีของเจ้าหลวงเชียงใหม่และประชาชนทุกหมู่เหล่า
โดยขบวนแหจ่ ะมาหยดุ พกั คา้ งคนื ทวี่ ดั แหง่ น๙ี้ ๖ พระบรมสารรี กิ ธาตวุ ดั จอมทององคน์ ี้ มไิ ดบ้ รรจไุ ว้
ในองคพ์ ระธาตเุ จดยี เ์ หมอื นพระธาตอุ งคอ์ นื่ ๆ แตป่ ระดษิ ฐานในมณฑปในวหิ ารวดั จอมทอง ดว้ ยเหตนุ ้ี
เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่จึงโปรดฯ ให้อัญเชิญพระธาตุมาสรงน�้ำที่พระต�ำหนักหรือคุ้มหลวง
ในเมืองเชียงใหม่เป็นประจ�ำทุกปี ทั้งนี้ ในระหว่างที่ขบวนแห่มาหยุดพักท่ีวัดต้นเกว๋น ชาวบ้าน
ในละแวกนจ้ี งึ ไดม้ โี อกาสมารว่ มทำ� บญุ สรงนำ้� พระบรมสารรี กิ ธาตโุ ดยพรอ้ มเพรยี งกนั ปจั จบุ นั ยงั มี
หลกั ฐานงานสถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรมปรากฏอยหู่ ลายอยา่ ง ไดแ้ ก่ ศาลาสรงนำ้� มณฑปจตั รุ มขุ
ประดษิ ฐานพระบรมสารีรกิ ธาตุ และรางสำ� หรบั สรงน้ำ� เป็นตน้ ๙๗
200
วิหารวัดตน้ เกว๋น (วดั อนิ ทราวาส) 201
อ�ำ เภอหางดง จงั หวัดเชยี งใหม่
202
สัญลกั ษณ์พระอนันตพุทธเจ้า
พระแผง วดั ต้นเกว๋น (วัดอินทราวาส) เมอื งเชยี งใหม่
ภายในเขตพทุ ธาวาสของวดั ตน้ เกวน๋ มโี บราณวตั ถแุ ละโบราณสถานทเี่ กา่ แกแ่ ละงดงาม
ตามแบบแผนของศลิ ปะลา้ นนาหลายอยา่ ง ไดแ้ ก่ พระวหิ าร ระเบยี งคดหรอื ศาลาบาตร พระพทุ ธรปู
ประธาน พระแผง ธรรมาสน์ หบี ธรรม มณฑปจตั รุ มขุ เสลยี่ งสำ� หรบั หามบอ้ งไฟไปบชู า กลองโยน
หรอื กลองปจู า อาสนะสำ� หรบั ตงั้ โกศพระบรมธาตุ รางรนิ สำ� หรบั สรงนำ้� เปน็ ตน้ วหิ ารวดั ตน้ เกวน๋
เปน็ วหิ ารปดิ ฐานสงู แบบศลิ ปะลา้ นนา ดา้ นหนา้ หลงั คาซอ้ น ๓ ชนั้ ลาดตำ่� ดา้ นขา้ ง ๒ ตบั ตวั วหิ าร
มคี วามงดงามมาก โดยเฉพาะรปู ทรงและลวดลายแกะสลกั ไม้ ราวบนั ไดนาคปนู ปน้ั รปู มกรคายนาค
หนา้ ตา่ งวหิ ารดา้ นนอกทำ� เปน็ ลกู กรงไมแ้ กะสลกั ลาย โครงสรา้ งเครอ่ื งบนภายในเปดิ ใหเ้ หน็ หลงั คา
ท่ีมุงด้วยกระเบือ้ งดนิ ขอแบบดั้งเดมิ ประดบั ด้วยปา้ นลม ช่อฟา้ ใบระกา ที่แกะสลกั ไม้โดยฝีมอื
ช่างหลวง หน้าบันตกแต่งด้วยลายปูนปั้นปิดทองประดับกระจกสี เสาวิหารเป็นแบบเสากลม
หัวเสาเป็นกลีบบัวหงายประดับกระจกสี คันทวยแกะสลักไม้เป็นลวดลายเทวดา ลายดอกไม้
และพนั ธุ์พฤกษา๙๘
วหิ ารวดั ต้นเกวน๋ 203
อ�ำ เภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
สญั ลักษณพ์ ระอนนั ตพทุ ธเจ้า
พระแผง วดั ต้นเกวน๋ (วดั อินทราวาส) เมืองเชียงใหม่
งานศลิ ปกรรมภายในวหิ ารวดั ตน้ เกวน๋ ทสี่ ะทอ้ นความหมายสญั ลกั ษณพ์ ระอนนั ตพทุ ธเจา้
คอื พระแผงบนผนงั ดา้ นหลงั พระพทุ ธรปู ประธาน ซง่ึ ทำ� จากพระพมิ พโ์ ลหะหลอ่ เปน็ องคข์ นาดเลก็
ติดบนผนังปูนและโครงสร้างไม้เรียงเป็นแถว รวมทั้งหมดมีจ�ำนวน ๖๒๕ องค์ มีท้ังแบบใบโพธิ์
ปางมารวิชัยและแบบนาคปรก ทั้งนี้ จากค�ำบอกเล่าของพ่อน้อยตวง อาจารย์วัด ได้ความว่า
เดิมในวิหารแห่งนี้มีพระพิมพ์ที่ติดบนผนังจ�ำนวน ๖๒๕ องค์ แต่ปัจจุบันสูญหายไปหมดรวมทั้ง
พระพทุ ธรปู แกะสลกั หนิ พระพทุ ธรปู ไมแ้ กน่ จนั ทน์ และพระพทุ ธรปู ไมแ้ กะสลกั อนื่ ๆ อกี ซง่ึ มจี ำ� นวน
มากกวา่ ๔๐ องค๙์ ๙
สัญลกั ษณ์พระอนนั ตพุทธเจา้
พระแผง วิหารวดั ต้นเกว๋น
204 อ�ำ เภอหางดง จังหวดั เชยี งใหม่
205
สญั ลกั ษณ์พระอนนั ตพุทธเจา้
พระแผง วหิ ารวัดหางดง เมอื งเชยี งใหม่
วดั หางดง อำ� เภอหางดง จงั หวดั เชยี งใหม่ แตเ่ ดมิ มชี อื่ เรยี กวา่ “วดั สนั ดอนแกว้ ” ตามประวตั ิ
สรา้ งขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๐๒๗ ชว่ งปลายรัชสมัยของพระเจา้ ตโิ ลกราช กษตั รยิ ์พระองค์ท่ี
๙ แห่งราชวงศม์ งั ราย ซ่ึงเป็นช่วงท่ีพระพุทธศาสนาในดนิ แดนลา้ นนาเจรญิ รุ่งเรืองเป็นอย่างมาก
มีการก่อสร้างและบูรณะซ่อมแซมวัดวาอารามหลายแห่งในเมืองเชียงใหม่ จนกระทั่งอาณาจักร
ล้านนาตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่า วัดหลายแห่งถูกท�ำลาย บางแห่งก็ถูกทิ้งให้รกร้าง
แตว่ ดั สนั ดอนแกว้ ยงั คงเปน็ ศนู ยก์ ลางของชมุ ชนแหง่ นต้ี ลอดระยะเวลาทผี่ า่ นมา เพราะมผี นู้ ำ� ชมุ ชน
และชาวบา้ นคอยบรู ณปฏสิ งั ขรณอ์ ยเู่ สมอ ตอ่ มาจงึ เปลยี่ นชอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพชมุ ชนทส่ี ว่ นใหญ่
เป็นป่าไม้สักว่า “วัดบ้านดง” เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๐ แขวงแม่ท่าช้างได้ยกฐานะเป็นอ�ำเภอหางดง
“วดั บา้ นดง” จงึ เปลย่ี นชอ่ื อกี ครง้ั เปน็ “วดั หางดง” เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั ชอื่ อำ� เภอมาจนถงึ ปจั จบุ นั
206
วิหารวดั หางดง
อ�ำ เภอหางดง จงั หวดั เชยี งใหม่ 207
208
สญั ลกั ษณพ์ ระอนนั ตพทุ ธเจา้
พระแผง วหิ ารวดั หางดง เมืองเชยี งใหม่
วหิ ารวดั หางดงเปน็ วหิ ารปดิ ผงั รปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ ฐานสงู แบบแผนวหิ ารลา้ นนา ดา้ นหนา้
หนั ไปทางทศิ ตะวนั ออก หลงั คาซอ้ น ๓ ชน้ั ดา้ นขา้ ง ๒ ตบั สนั หลงั คามชี อ่ ฟา้ นาคสะดงุ้ ทำ� จากไม้
ประดับด้วยกระจกสี หน้าบันตกแต่งด้วยลายปูนปั้นปิดทองประดับกระจกสี เสาวิหารมีทั้งแบบ
เสาแปดเหลยี่ มและแบบเสากลม หวั เสาเปน็ กลบี บวั หงายประดบั กระจกสี คนั ทวยแกะสลกั ไมเ้ ปน็
ลวดลายพญานาคและพนั ธพ์ุ ฤกษา ทางเขา้ พระวหิ ารมี ๒ ทาง ไดแ้ ก่ ดา้ นหนา้ มรี าวบนั ไดทางขนึ้ ทำ�
เปน็ ปนู ปน้ั รปู มกรคายนาค และดา้ นขา้ งทางทศิ ใตเ้ ปน็ มขุ เลก็ ๆ ลายของหนา้ บนั เปน็ ไมแ้ กะสลกั รูปนก
ยูง ประตูด้านข้างนิยมใช้เป็นทางเข้าส�ำหรับพระสงฆ์ ภายในวิหารประดิษฐานพระประธาน
ปูนปั้นปางมารวิชัย ปูนปั้นลงรักปิดทอง มีพุทธลักษณะงดงามตามแบบพื้นถ่ิน บริเวณผนัง
ด้านหลังพระประธานมีพระพิมพ์องค์ขนาดเล็กติดเรียงเป็นแถวจนเต็มพ้ืนที่ ฝาผนังมี
ภาพจติ รกรรมเล่าเรื่องรามเกยี รต์ิ เสาประดับลายปนู ปั้นลงรักปดิ ทอง แต่เดมิ พ้นื ที่โดยรอบของ
วิหารมีวหิ ารคดหรอื ศาลาบาตร เมอื่ ชำ� รุดทรุดโทรมและไมส่ ามารถบรู ณะซ่อมแซมได้ จงึ ร้ือถอน
ออกไปเหลอื เพยี งตวั วหิ ารกบั พนื้ ทรายโดยรอบเทา่ นนั้ ทหี่ ลงเหลอื อยู่ ซง่ึ เปน็ หลกั ฐานทบี่ ง่ บอกไดถ้ งึ
แนวคิดในการวางผังเขตพุทธาวาสของวัดในล้านนา ตามคติความเช่ือไตรภูมิและจักรวาลวิทยา
ในพทุ ธศาสนา
พระแผง วิหารวัดหางดง 209
อ�ำ เภอหางดง จงั หวดั เชยี งใหม่
สญั ลักษณพ์ ระอนันตพทุ ธเจา้
พระแผง วหิ ารวดั หางดง เมืองเชียงใหม่
งานศิลปกรรมภายในวิหารวัดหางดง ที่สะท้อนแนวคิดเชิงสัญลักษณ์พระอดีตพุทธเจ้า
เรอ่ื ง พระอนนั ตพทุ ธเจา้ ไดแ้ ก่ พระแผงบนฝาผนงั ไมด้ า้ นหลงั พระประธาน ซงึ่ มลี กั ษณะพเิ ศษทใ่ี ช้
การซำ�้ ของรปู ทรงพระพมิ พข์ นาดเลก็ ปดิ ทองบนพนื้ ชาดจำ� นวนมาก ตดิ เรยี งเปน็ แถวในชอ่ งลกู ฟกั
ของอุดจั่วห้องท้ายวิหารที่ประดษิ ฐานพระพุทธรปู ประธาน
210
สัญลกั ษณพ์ ระอนนั ตพุทธเจา้
พระแผง วหิ ารวดั หางดง
อำ�เภอหางดง จงั หวัดเชยี งใหม่ 211
212
สัญลกั ษณพ์ ระอนันตพุทธเจา้
พระแผง วหิ ารพระเจ้าพันองค์ วดั ปงสนกุ เมืองลำ�ปาง
วิหารพระเจ้าพันองค์ มีลักษณะเป็นมณฑปทรงจัตุรมุข หลังคาซ้อน ๔ ชั้น รูปแบบ
ของอาคารแสดงอทิ ธพิ ลการผสมผสานของศลิ ปะลา้ นนา พมา่ และจนี แนวคดิ หลกั คอื การสรา้ งวหิ าร
ให้เป็นปราสาท รวมทั้งองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมภายในวิหารยังสะท้อนความหมายจาก
คตคิ วามเชอ่ื เรอื่ งไตรภมู แิ ละจกั รวาลวทิ ยาในพทุ ธศาสนา เชน่ เขาพระสเุ มรุ ปา่ หมิ พานต์ ทวปี ทง้ั
๔ และดวงดาวตา่ ง ๆ ในจกั รราศี ตำ� แหนง่ ศนู ยก์ ลางของวหิ ารสรา้ งเปน็ รปู ทรงตน้ พระศรมี หาโพธิ์
แบบ ๓ มิติ ท�ำด้วยโลหะท้ังล�ำต้นและใบ ประดิษฐานพระพุทธรูป ๔ องค์ แสดงปางมารวิชัย
หนั พระพกั ตรอ์ อกทง้ั ๔ ทศิ และหนั พระปฤษฎางคช์ นกนั โดยมตี น้ โพธพิ ฤกษเ์ ปน็ ตวั เชอื่ มรปู ทรง
อยู่ทางด้านหลังพระปฤษฎางค์ของพระพุทธรูปทุกองค์ แสดงความหมายถึงสัญลักษณ์ของ
พระพทุ ธเจา้ ๔ พระองคใ์ นภทั รกปั ไดแ้ ก่ พระกกสุ นั โธพทุ ธเจา้ พระโกนาคมพทุ ธเจา้ พระกสั สปะพทุ ธเจา้
และพระโคตมพทุ ธเจ้า๑๐๐
วหิ ารพระเจ้าพันองค์ 213
วัดปงสนกุ
อำ�เภอเมอื ง จังหวดั ลำ�ปาง
สัญลกั ษณพ์ ระอนันตพทุ ธเจ้า
พระแผง วิหารพระเจ้าพันองค์ วัดปงสนุก เมอื งลำ�ปาง
บรเิ วณฝาผนงั ทห่ี อ้ ยลงมาจากคานปดิ เพียงดา้ นบนโดยรอบอาคาร และเปดิ พื้นด้านล่าง
โลง่ เปน็ วหิ ารโถง หรอื เรยี กวา่ “ฝายอ้ ย” ปรากฏงานศลิ ปกรรมทส่ี ะทอ้ นความหมายเชงิ สญั ลกั ษณ์
เรอ่ื ง พระอนนั ตพทุ ธเจา้ ดว้ ยการประดบั พระพมิ พท์ สี่ รา้ งดว้ ยดบี กุ ลงรกั ปดิ ทองจำ� นวนมาก อยใู่ น
ทา่ ประทบั นง่ั บนฐานบวั ปางมารวชิ ยั ภายในซมุ้ เรอื นแกว้ นำ� มาตดิ เรยี งกนั เปน็ ๓ แถวบนฝายอ้ ย
โดยรอบท้ังวิหาร อันเป็นท่ีมาของชื่อเรียก วิหารพระเจ้าพันองค์๑๐๑ ในอดีตบนฝาย้อยของ
วหิ ารแหง่ นี้เคยประดบั ด้วยพระพมิ พด์ ีบุกทีส่ รา้ งโดย ครูบาอาโนชยั ธรรมจินดามุนี เม่อื ปี พ.ศ.
๒๔๒๙ จำ� นวน ๑,๐๘๐ องค์ และมเี รอ่ื งเลา่ สบื ตอ่ กนั มาวา่ ในชว่ งสงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ ทหารไทย
ทต่ี อ้ งเดนิ ทางไปราชการสงครามไดม้ าอาราธนาพระพมิ พท์ ปี่ ระดษิ ฐานอยภู่ ายในวหิ าร เพอ่ื นำ� ตดิ ตวั ไป
คุ้มครองตนเองให้ปลอดภัย จนพระพิมพ์เกือบจะหมดไปจากวิหาร ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๙-
๒๕๕๐ ทางชมุ ชนวดั ปงสนกุ ไดจ้ ดั ทำ� โครงการการอนรุ กั ษว์ หิ ารพระเจา้ พนั องค์ และการอนรุ กั ษ์
มรดกทางวฒั นธรรมอน่ื ๆ ภายในชมุ ชน จงึ ไดม้ กี ารสรา้ งพระพมิ พข์ น้ึ ใหมจ่ ากตน้ แบบองคท์ เ่ี หลอื อยู่ แลว้
น�ำมาประดับบนฝาย้อยของวิหารจนครบตามจ�ำนวนท่ีเคยมีมาแต่แรกสร้าง เพื่อเป็น
การอนรุ กั ษร์ กั ษาคณุ ค่าทางศลิ ปะและความหมายเชิงสัญลักษณ์ในพุทธศาสนา๑๐๒
214
พระแผง สญั ลกั ษณ์พระอนนั ตพทุ ธเจา้ 215
วิหารพระเจ้าพันองค์ วัดปงสนกุ
อ�ำ เภอเมือง จังหวดั ลำ�ปาง
216
สัญลกั ษณพ์ ระอนนั ตพทุ ธเจ้า
ลายคำ�บนแผงไม้คอสอง อโุ บสถและวิหารจตุรมขุ เมอื งน่าน
วัดภูมินทร์ มีอาคารทรงจตุรมุขที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมพิเศษแตกต่างไป
จากวัดอื่น ๆ ในล้านนา เนื่องจากพระอุโบสถและวิหารของวัดจะรวมอยู่ในอาคาร
หลังเดียวกัน ซึ่งเป็นอาคารทรงจัตุรมุขมีมุขบันไดและประตูทางเข้าออกทั้ง ๔ ทิศ
แนวแกนทิศเหนือ-ใต้ ราวบันไดเป็นปูนปั้นรูปพญานาคหันเศียรไปทางด้านทิศเหนือ
ตวั นาคสะดงุ้ มาชนกบั ผนงั วหิ ารดา้ นนอก ดา้ นทศิ ใตท้ ำ� เปน็ นาคสะดงุ้ ตดิ ผนงั วหิ ารดา้ นนอก
ยาวออกไปเปน็ สว่ นหาง อาคารแนวนท้ี ำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ พระอโุ บสถ สว่ นวหิ ารจะอยใู่ นแนวแกน
ทิศตะวันออก-ตะวนั ตก มปี นู ปั้นรปู สิงหค์ ูต่ งั้ อยหู่ นา้ ประตูทางเขา้ ภายในอาคารต�ำแหน่ง
ศนู ยก์ ลางเปน็ เจดยี เ์ หลย่ี มยอ่ มมุ ไมส้ บิ สอง สว่ นยอดของเจดยี โ์ ผลท่ ะลขุ นึ้ ไปดา้ นบนหลงั คา
จัตุรมุข ฐานเจดีย์ภายในวิหารและอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูป ๔ องค์ ประทับน่ัง
หนั พระปฤษฎางคช์ นกนั อยบู่ นฐานชกุ ชี หนั พระพกั ตรอ์ อกไปสปู่ ระตทู างเขา้ -ออกทงั้ ๔ ทศิ ๑๐๓
ผนงั ทกุ ดา้ นของอาคารมภี าพจติ รกรรมฝาผนงั สฝี นุ่ ฝาผนงั เหนอื ขอบประตทู างเขา้ เขียน
เรื่องราวพุทธประวัติ ฝาผนังระหว่างช่องประตูเขียนภาพนิทานชาดกพื้นถ่ินล้านนา
เร่ือง คนั ธกุมารชาดก และ ฝาผนังทางด้านทิศตะวันตกเขียนเรือ่ ง เนมิราชชาดก ซง่ึ เปน็
หนง่ึ ในทศชาตชิ าดก
วัดภมู ินทร์ 217
อำ�เภอเมือง จังหวดั นา่ น
สัญลกั ษณ์พระอนนั ตพทุ ธเจ้า
ลายคำ�บนแผงไม้คอสอง อุโบสถและวิหารจตุรมุข วดั ภมู ินทร์ เมืองนา่ น
งานศลิ ปะลายค�ำทีป่ ระดับอยู่ภายในวหิ ารวัดภูมินทร์ จะพบอย่ใู นแทบทุกองคป์ ระกอบ
สำ� คญั ของวหิ าร ได้แก่ แผงคอสอง เสาหลวง และโครงสร้างไมเ้ ครือ่ งบน เชน่ ข่ือ ดัง้ แป และ
กลอน ท้ังน้ี ลายค�ำภาพพระอดีตพุทธเจ้าที่ปรากฏในวิหารอยู่บริเวณแผงไม้คอสองช่วงบนติด
กับลายดาวเพดาน แสดงภาพพระพทุ ธเจา้ ประทบั นงั่ บนฐานบวั ปางมารวชิ ยั เรยี งเปน็ แถวตอ่ เนอื่ ง
กนั โดยรอบอาคาร ดว้ ยภาพพระพทุ ธเจา้ ทมี่ จี ำ� นวนมาก ยอ่ มเปน็ สญั ลกั ษณท์ ส่ี ะทอ้ นความหมาย
ถงึ คติเร่ือง พระอนันตพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าท้ังในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่จะได้มาตรัสรู้
ซึง่ มีจ�ำนานมากมายจนไมอ่ าจนบั ได้
218
สญั ลกั ษณพ์ ระอนันตพทุ ธเจ้า 219
ลายค�ำ บนแผงไม้คอสอง
วิหารและอโุ บสถ วดั ภูมนิ ทร์
อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวัดน่าน
สัญลกั ษณ์พระอนนั ตพุทธเจ้า
แผงพระพมิ พ์ (พระแผง) ศิลปะลา้ นนา
พระแผง เปน็ พระพทุ ธรปู ทชี่ าวพทุ ธในลา้ นนานยิ มสรา้ งขน้ึ เพอ่ื ประดษิ ฐานไวภ้ ายในวหิ าร
โดยนยิ มสร้างเป็น ๒ รปู แบบ ได้แก่ รูปแบบแผงพระพมิ พ์ทส่ี ามารถเคล่ือนยา้ ยได้ และรูปแบบ
แผงพระพิมพ์ที่ติดกับผนังภายในวิหารเป็นการถาวร ด้วยคติความเชื่อเรื่อง พระอนันตพุทธเจ้า
ซงึ่ กล่าววา่ การมพี ระพทุ ธเจ้าเสดจ็ มาตรัสรเู้ ป็นจำ� นวนมากจนไม่อาจนับได้ เปรยี บได้กบั จำ� นวน
เมด็ ทรายในมหาสมทุ ร นอกจากน้ี ชาวลา้ นนายงั มคี ตคิ วามเชอ่ื เรอื่ งการสรา้ งพระแผงใหม้ จี ำ� นวน
เทา่ กบั อายขุ องผสู้ รา้ ง หรอื เทา่ กบั ตวั เลขศกั ดส์ิ ทิ ธทิ์ มี่ คี วามสำ� คญั ในทางพทุ ธศาสนา เชน่ พระแผง
๑๐๘ และพระแผง ๕๐๐ เปน็ ตน้ กรรมวธิ กี ารสรา้ งนยิ มใชแ้ ผน่ ไมส้ กั นำ� มาแกะสลกั หรอื เจาะใหเ้ ปน็
ชอ่ งขนาดเลก็ เพอื่ บรรจุพระพมิ พไ์ วใ้ นชอ่ งเหล่านน้ั ๑๐๔
220
แผงพระพิมพว์ ัดพระธาตลุ �ำ ปางหลวง
อ�ำ เภอเกาะคา จังหวัดล�ำ ปาง
221
สัญลักษณพ์ ระอนันตพทุ ธเจา้
แผงพระพมิ พ์ (พระแผง) ศลิ ปะล้านนา
พระพมิ พม์ กุ วดั ผา้ ขาว สรา้ งเมอื่ พ.ศ. ๒๓๖๔ พทุ ธลกั ษณะเปน็ พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ยั
จำ� นวน ๔๔ องค์ เรยี งแถวอยใู่ นซมุ้ สงู ๑๖๗ เซนตเิ มตร เดมิ มพี ระพทุ ธรปู ๔๖ องค์ ปจั จบุ นั ขาดไป
สององค ์ อาจสรา้ งพระพมิ พน์ เี้ พอ่ื เปน็ พระพทุ ธรปู “คอู่ าย”ุ ภาษาไทยวนบางครงั้ เรยี ก “พระพมิ พห์ ม”ู่
คำ� จารึกอยู่ทฐ่ี านของซมุ้ ประดิษฐานพระแผงมุก บรเิ วณใต้แถวสุดท้ายของพระพทุ ธรปู ค�ำจารกึ
ช�ำรุดมาก บอกเวลาสร้างพระพมิ พ์ และชื่อวัดที่พระภิกษุผ้สู ร้างจำ� พรรษาอยู่
พระแผงหา้ ร้อย วดั ดอกเอ้ือง มีลักษณะเปน็ พระพิมพ์ ปางมารวิชยั ติดเรียงเปน็ แถวใน
ซุม้ สูง ๘๖ เซนตเิ มตร คำ� ว่า “พระแผงห้าร้อย” มคี วามหมายถึงพระพมิ พด์ นิ จำ� นวน ๕๐๐ องค์
ซึ่งพิมพ์อยู่ในแผ่นเดียวกัน ท้ังน้ี พระแผงห้าร้อยท่ีวัดดอกเอื้ององค์น้ี มีพระพุทธรูปอยู่จ�ำนวน
๕๐๑ องค์ แสดงปางมารวิชัย เรียงเป็นแถวจำ� นวน ๒๐ แถว๑๐๕
222
พระพมิ พม์ ุกวดั ผา้ ขาว พระแผงหา้ รอ้ ยวัดดอกเออ้ื ง 223
อำ�เภอเมือง จงั หวัดเชยี งใหม่ อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม่
สัญลกั ษณพ์ ระอนันตพุทธเจา้
พระบฏไม้
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ค�ำจ�ำกัดความของค�ำว่า บฏ ว่าหมายถึง
ผ้าทอ ผนื ผ้า ดว้ ยเหตนุ ้ี พระบฏ ก็คือ ผืนผา้ ที่มภี าพพระพุทธเจ้า แขวนไวเ้ พอ่ื สักการบูชา ซงี่ มี
รากศพั ทใ์ นภาษาบาลวี า่ ปฏ (อา่ นวา่ ปะ-ตะ) คตกิ ารเขยี นภาพพระพทุ ธเจา้ ลงบนผนื ผา้ มปี ระวตั ิ
ความเปน็ มาตงั้ แตใ่ นสมยั โบราณของอนิ เดยี โดยเฉพาะตำ� นานพระพทุ ธฉาย ไดม้ เี รอ่ื งราวกลา่ ววา่
พระเจ้าอชาตศัตรูทูลขอพระพุทธฉายจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อน�ำมาสักการบูชาแทน
พระพทุ ธองค์ พระพทุ ธเจา้ ทรงประทานพระพทุ ธฉายเปน็ ภาพประทบั นงั่ อยบู่ นผา้ ผนื หนงึ่ และยงั มี
การระบายสภี าพดว้ ยสีต่าง ๆ ท้งั นี้ คตกิ ารเขยี นภาพพระพุทธเจ้าลงบนผืนผ้าเพอื่ นำ� มาประดับ
ในศาสนสถานในอนิ เดยี นนั้ เปน็ คตนิ ยิ มของพทุ ธศาสนาแบบมหายาน ซงึ่ ไดเ้ ผยแพรค่ วามนยิ มนี้
ไปยังดนิ แดนทีย่ อมรบั นบั ถือพทุ ธศาสนา เช่น จนี ทิเบต และญีป่ ุ่น สว่ นในประเทศไทยก็ปรากฏ
หลักฐานการสร้างพระบฏในสมัยสุโขทัย ศิลาจารึกหลักที่ ๑๐๖ (จารึกวัดช้างล้อม) เรียกว่า
จารึกพนมไสด�ำ พระบฏที่สร้างข้ึนในคติด้ังเดิมจะมีขนาดสูงใหญ่ และมีจุดประสงค์ในการสร้าง
เพอื่ ถวายเป็นบญุ กุศลแก่ผ้ทู ี่ล่วงลับไปแล้ว๑๐๖
พระบฏไม้
วัดพระธาตุลำ�ปางหลวง
224 อำ�เภอเกาะคา จงั หวดั ล�ำ ปาง
225
สัญลกั ษณพ์ ระอนันตพุทธเจ้า
พระบฏไม้ วัดพระธาตลุ ำ�ปางหลวง เมืองลำ�ปาง
พระบฏชน้ิ ทมี่ อี ายมุ ากทีส่ ดุ ท่คี ้นพบในประเทศไทย ได้แก่ พระบฏ กรเุ จดีย์วดั ดอกเงนิ
อ�ำเภอฮอด จังหวดั เชียงใหม่ เป็นพระบฏแสดงพทุ ธประวัติ ตอนพระพทุ ธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์
ช้ันดาวดึงส์ เขียนด้วยสีฝุ่นปิดทองท�ำเปลวลงบนผืนผ้า นอกจากคติการเขียนภาพพระพุทธเจ้า
ลงบนผืนผ้าแล้ว ยังพบพระบฏที่เขียนภาพลงบนแผ่นไม้ และท�ำฐานไม้ส�ำหรับการน�ำไปตั้ง
ประดิษฐานแทนการแขวน ท้ังน้ี พระบฏไม้ในประเทศไทยมักพบอยู่ในอุโบสถและวิหารศิลปะ
ลา้ นนาในภาคเหนอื และในภาคอีสานของไทยเป็นส่วนมาก เช่น พระบฏไม้ภายในวหิ ารน้�ำแตม้
ภาพพระพุทธเจ้าประทับยืน และพระบฏไม้ประดับลายค�ำสัญลักษณ์พระอนันตพุทธเจ้า
วดั พระธาตลุ �ำปางหลวง จังหวดั ล�ำปาง เปน็ ตน้
226
สญั ลักษณพ์ ระอนนั ตพุทธเจ้า 227
ลายค�ำ บนพระบฏไม้
วัดพระธาตุลำ�ปางหลวง
อำ�เภอเกาะคา จงั หวดั ลำ�ปาง
228
สัญลักษณ์พระอนนั ตพทุ ธเจา้
เจดยี ์กู่กุด วัดจามเทวี เมืองลำ�พนู
เจดยี ์กกู่ ุด วัดจามเทวี อ�ำเภอเมือง จงั หวัดลำ� พนู เปน็ เจดียท์ ่เี ช่ือกันว่าเปน็ สถานทบ่ี รรจุ
เครอ่ื งใชป้ ระจำ� ตวั ของพระนางจามเทวี เพ่ือเปน็ ท่รี ะลึกถงึ พระนางจามเทวี เจดยี แ์ หง่ นี้สรา้ งขึน้
ภายหลงั จากทพี่ ระนางสนิ้ พระชนมแ์ ลว้ ในสมยั ตอ่ มายอดเจดยี ห์ กั พงั สญู หายไป ชาวบา้ นจงึ เรยี กชอื่
เจดีย์ตามสภาพท่ีหลงเหลืออยู่ว่า“กู่กุด”๑๐๗ ตามประวัติการสร้างเจดีย์ระบุว่าสร้างขึ้นในสมัย
พระเจ้าอาทิตยราช ในช่วงปี พ.ศ.๑๖๑๖ เม่ือกองทัพของหริภุญชัยได้รับชัยชนะในการรบกับ
กองทัพละโว้ ชาวละโว้จงึ จึงถูกเกณฑ์ใหส้ รา้ งเจดยี ์ข้นึ องค์หน่งึ เรยี กวา่ เจดีย์มหาพล อยภู่ ายใน
วัดทุ่งมหาพล๑๐๘ ลักษณะพิเศษของเจดีย์องค์นี้คือ เป็นเจดีย์ทรงปราสาทอยู่ในผังสี่เหล่ียม
สว่ นเรอื นธาตุทำ� ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ แตล่ ะชนั้ ประดิษฐานพระพทุ ธรปู ในซุ้มจระนำ� ดา้ นละ ๓ องค์
ทงั้ สดี่ า้ นรวมมชี น้ั ละ ๑๒ องค์ เรอื นธาตมุ หี า้ ชน้ั จงึ รวมมพี ระพทุ ธรปู รวมทงั้ หมด ๖๐ องค์ ซง่ึ เปน็
สัญลักษณ์ของพระอดีตพุทธเจ้าจ�ำนวนมากจนมิอาจนับได้ ที่เสด็จมาตรัสรู้แล้วในโลกมนุษย์
หรอื อาจหมายถงึ พระปจั เจกพทุ ธเจา้ จำ� นวนมาก นอกจากน้ี ยงั มกี ารตคี วามหมายจำ� นวนพระพทุ ธรปู
ทแี่ ตกตา่ งออกไป กลา่ วคอื จำ� นวนพระพทุ ธรปู ๓ พระองคใ์ นซมุ้ จระนำ� ในแตล่ ะดา้ นของแตล่ ะชนั้
อาจหมายถึงพระอดีตพทุ ธเจา้ พระปจั จบุ ันพุทธเจา้ และพระอนาคตพทุ ธเจ้า๑๐๙
เจดยี ก์ ู่กดุ วดั จามเทวี 229
อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวัดลำ�พูน
สัญลกั ษณพ์ ระอนนั ตพทุ ธเจา้
สุวรรณเจดยี ์ วัดพระธาตหุ ริภญุ ชยั เมอื งลำ�พูน
สุวรรณเจดีย์ วัดพระธาตุหริภุญชัย อ�ำเภอเมือง จังหวัดล�ำพูน เป็นเจดีย์ก่อด้วยอิฐ
ส่วนยอดของเจดยี เ์ ปน็ รูปทรงกรวยส่ีเหลยี่ ม มีกลบี บัวหงายรองรบั เป็นจังหวะเหมอื นกบั ในเจดีย์
กกู่ ดุ วดั จามเทวี แตส่ ว่ นยอดของเจดยี ย์ งั ปรากฏอยคู่ รบสมบรู ณ์ โดยเฉพาะสว่ นทต่ี อ่ เนอ่ื งขน้ึ ไปถงึ
ส่วนปลาย คือ ปลี ตามประวัติการสร้างในต�ำนานมูลศาสนากล่าวว่า พระนางปทุมวดี
พระอคั รมเหสขี องพระเจา้ อาทติ ยราช ทรงสรา้ งเจดยี อ์ งคน์ ใ้ี นชว่ งครงึ่ หลงั พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๗ ใน
สมยั ตอ่ มาไดร้ บั การบรู ณะซอ่ มแซมสบื ตอ่ กนั มาอกี หลายครง้ั ๑๑๐ สวุ รรณเจดยี ม์ ลี กั ษณะเปน็ เจดยี ์
ทรงปราสาทที่มีระเบียบแบบแผนเดียวกันกับเจดีย์กู่กุด ซึ่งเป็นแบบอย่างเฉพาะอย่างหน่ึงของ
ศลิ ปะสถาปัตยกรรมหรภิ ุญชัยทสี่ ง่ อิทธพิ ลทางศิลปะไปยงั รปู แบบเจดีย์ศิลปะลา้ นนายคุ ต้น เชน่
เจดยี ก์ คู่ ำ� (เจดยี เ์ หลย่ี ม) เวยี งกมุ กาม อำ� เภอสารภี จงั หวดั เชยี งใหม่ รวมทง้ั เจดยี แ์ บบศลิ ปะลา้ นนา
ระยะหลงั ทว่ี ดั พญาวดั จงั หวดั นา่ น เปน็ ตน้ ๑๑๑ อยา่ งไรกต็ าม เคยมขี อ้ สนั นษิ ฐานวา่ สวุ รรณเจดยี ์
อาจเคยหุ้มด้วยทองค�ำท้ังองค์ ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงปราสาทซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป ๕ ชั้น
โดยแตล่ ะชนั้ ประกอบดว้ ยซมุ้ จระนำ� จำ� นวน ๑๒ ซมุ้ ภายในซมุ้ ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ดนิ เผาประทบั ยนื
รวมทงั้ สนิ้ ๖๐ องค๑์ ๑๒ ซึ่งเปน็ การสะท้อนความหมายเชิงสัญลักษณ์พระอนนั ตพทุ ธเจ้า
สุวรรณเจดยี ์
วดั พระธาตหุ รภิ ญุ ชัย
230 อำ�เภอเมือง จงั หวัดล�ำ พนู
231
สญั ลกั ษณ์พระอนันตพุทธเจา้
เจดยี ์เหลยี่ ม วัดกคู่ ำ� เวยี งกุมกาม เมอื งเชียงใหม่
สถาปตั ยกรรมศลิ ปะลา้ นนาทแ่ี สดงใหเ้ ปน็ ถงึ การสบื ทอดศลิ ปะสมยั หรภิ ญุ ชยั ไดแ้ ก่เจดยี เ์ หลยี่ ม
หรอื กคู่ ำ� วดั กคู่ ำ� เวยี งกมุ กาม อำ� เภอสารภี จงั หวดั เชยี งใหม่ ซง่ึ มปี ระวตั กิ ารสรา้ งปรากฏในตำ� นาน
พนื้ เมอื งเชยี งใหม่ และโคลงนริ าศหรภิ ญุ ชยั เรยี กวา่ “กคู่ ำ� หลวง” พญามงั รายโปรดใหส้ รา้ งขน้ึ ภาย
หลงั การสรา้ งเวยี งกมุ กาม ราวปี พ.ศ.๑๘๔๗ โดยมตี น้ แบบมาจากเจดยี ก์ กู่ ดุ วดั จามเทวี จงั หวดั ลำ� พนู
ทง้ั นี้ แบบแผนทางสถาปัตยกรรมมลี ักษณะเปน็ เจดยี ์ทรงปราสาท ทม่ี เี รือนธาตุอยู่ในผงั สเ่ี หล่ยี ม
ซอ้ นลดหลนั่ กนั ขนึ้ ไปเปน็ ชนั้ ๆ โดยแตล่ ะชน้ั มซี มุ้ จระนำ� ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู อยภู่ ายในแตล่ ะซมุ้
นบั รวมไดจ้ ำ� นวน ๖๐ องค์ อนั เปน็ สญั ลกั ษณจ์ ากคตอิ ดตี พทุ ธเจา้ เรอื่ ง พระอนนั ตพทุ ธเจา้ ๑๑๓ ตอ่ มา
ในสมัยที่เมืองเชียงใหม่ถูกทิ้งร้าง กู่ค�ำหลวงในเวียงกุมกามจึงช�ำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
ต่อมาในสมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ผู้ครองนครเชียงใหม่ ซ่ึงตรงกับสมัยรัชกาลท่ี ๕
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจดีย์กู่ค�ำได้รับการบูรณะในราวปี พ.ศ.๒๔๔๙ โดยคหบดีชาวพม่า
ชื่อหลวงโยนการพิจิตรและครอบครัว โดยได้รักษาโครงสร้างเดิมของเจดีย์เอาไว้ เพียงแต่
เปล่ียนแปลงรูปแบบซุ้มจระน�ำให้เป็นแบบศิลปะพม่า และพอกปูนทับลวดลายด้ังเดิมแล้วปั้น
ข้ึนใหม่ รวมท้ังการกอ่ คหู าเพมิ่ บรเิ วณฐานเจดยี แ์ ละสรา้ งพระพทุ ธรปู เพม่ิ ๔ องค์ เพอ่ื ประดษิ ฐาน
ไว้ภายในซุ้ม ดังน้ัน จึงมีพระพุทธรูปรวมทั้งสิ้น ๖๔ องค์ ซึ่งเท่ากับอายุของหลวงโยนการพิจิตร
ในปที บี่ รู ณะซอ่ มแซมเจดยี ๑์ ๑๔ ดว้ ยเหตนุ ้ี พทุ ธลกั ษณะของพระพทุ ธรปู และลวดลาย จงึ มลี กั ษณะเปน็
ศลิ ปะพมา่ สมยั หลงั ในชว่ งกลางพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๕ ซง่ึ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากศลิ ปะตะวนั ตก เนอ่ื งจาก
ในช่วงเวลานั้นพมา่ ไดต้ กอยู่ภายใตก้ ารปกครองของอังกฤษน่นั เอง๑๑๕
เจดีย์เหลี่ยม
วดั เจดีย์เหล่ยี ม (กู่คำ�) เวียงกุมกาม
232 อำ�เภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
233
234
สญั ลักษณ์พระอนันตพทุ ธเจา้
เจดีย์วดั ตะโปตาราม (รำ่ �เปงิ ) เมอื งเชียงใหม่
วดั รำ�่ เปงิ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม่ เดมิ มชี อ่ื วา่ วดั ตะโปตาราม ตง้ั อยบู่ รเิ วณเชงิ ดอยสเุ ทพ
ใกล้กับคลองชลประทาน ประวัติการสร้างวัดปรากฏในพงศาวดารโยนก กล่าวว่า วัดแห่งน้ีสรา้ ง
โดยพญายอดเชยี งราย (พ.ศ.๒๐๓๑-๒๐๔๐) กษัตรยิ ล์ �ำดบั ท่ี ๑๑ ของเมืองเชยี งใหม่ องคเ์ จดยี ์
ตงั้ อยบู่ นฐานสเี่ หลยี่ มจตั รุ สั ถดั จากฐานทำ� เปน็ เรอื นธาตทุ รงกลมซอ้ นลดหลนั่ กนั ขน้ึ ไปจนถงึ ยอด
รวม ๗ ชน้ั โดยเรอื นธาตแุ ต่ละชัน้ ประดับด้วยซุ้มจระน�ำ ๘ ซมุ้ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
ปางมารวิชัย๑๑๖ เจดีย์วัดร่�ำเปิง มีแบบแผนเป็นเจดีย์ทรงปราสาทในผังกลม ซ่ึงมีลักษณะส�ำคัญ
ประกอบดว้ ย สว่ นฐานเป็นฐานเขียงรองรับฐานบัวคว่ำ� บวั หงาย ในผงั สเี่ หลีย่ ม ส่วนกลางเปน็ ชั้น
เรอื นธาตอุ ยใู่ นผงั กลมซอ้ นกบั ขน้ึ ไปเปน็ ชน้ั ๆ แตล่ ะชน้ั มซี มุ้ จระนำ� ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู โดย
รอบมีการสลับต�ำแหน่งกันในแต่ละชั้น ส่วนยอดเป็นเจดีย์ทรงระฆังที่มีขนาดเล็กมาก ตัวอย่าง
ของเจดยี ร์ ปู แบบนที้ พี่ บไดใ้ นศลิ ปะลา้ นนา ไดแ้ ก่ เจดยี ว์ ดั รำ่� เปงิ (วดั ตะโปตาราม) เจดยี ว์ ดั พวกหงส์
และเจดยี ว์ ดั เชยี งโฉม เปน็ ตน้ ๑๑๗
เจดียว์ ัดร่�ำ เปงิ 235
วดั ร่�ำ เปงิ (วัดตะโปตาราม)
อ�ำ เภอเมือง จงั หวัดเชียงใหม่
อนูปวาโท อนปู ฆาโต
ปาฏโิ มกฺเข จ สวํ โร
มตตฺ ญฺญตุ า จ ภตตฺ สมฺ ึ
ปนตฺ ญฺจ สยนาสนํ
อธจิ ิตเฺ ต จ อาโยโค
เอตํ พุทธฺ าน สาสนํ ฯ ๑๘๕ ฯ
ไม่ว่ารา้ ยใคร
ไมก่ ระทบกระท่งั ใคร
ระมดั ระวงั ในปาตโิ มกข์
บรโิ ภคพอประมาณ
อยู่ในสถานสงัด
ฝกึ หดั จติ ให้สงบ
นค้ี อื คำ�สอนของพระพุทธเจ้าทง้ั หลาย
To speak no ill,
To do no harm,
To observe the Rules,
To be moderate in eating,
To live in a secluded abode,
To devote onself to meditation -
This is the Message of the Buddhas.
พุทธวจนะใน ธรรมบท
236
บทสรปุ
237
บทสรปุ
ความเป็นมาของสัญลักษณพ์ ระอดีตพุทธเจา้
คติเรื่องพระอดีตพุทธเจ้า ปรากฏอยู่ในเนื้อหาท้ังคัมภีร์ของพุทธศาสนามหายานและ
เถรวาท คติในพุทธศาสนาแบบมหายานเช่ือว่ามีพระพุทธเจ้าในรูปสัมโภคกาย สถิตอยู่ใน
พทุ ธเกษตรตา่ ง ๆ ทอ่ี ยหู่ อ้ มลอ้ มสขุ าวดพี ทุ ธเกษตร ของพระพทุ ธเจา้ อมติ าภะทม่ี จี ำ� นวนมากมาย
จนไมอ่ าจนบั ได้และมพี ระพทุ ธเจา้ ในรปู นริ มานกายทเ่ี คยเสดจ็ อบุ ตั มิ าแลว้ กอ่ นหนา้ พระศากยมนุ พี ทุ ธเจา้
และท่ีจะเสด็จมาอุบัติต่อไปในกาลข้างหน้า ซ่ึงมีจ�ำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน
สว่ นคตใิ นฝา่ ยเถรวาทนน้ั กถ็ อื วา่ พระพทุ ธเจา้ ในอดตี มจี ำ� นวนมากมายไมแ่ ตกตา่ งจากคตมิ หายาน
แต่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอดีตพุทธเจ้าท่ีแตกต่างกัน กล่าวคือ มีพระอดีตพุทธเจ้าบางองค์เท่าน้ันท่ีมี
ความส�ำคัญเปน็ พิเศษ ซง่ึ เกี่ยวขอ้ งสัมพนั ธ์ในทางใดทางหนึ่งกับพระโคตมพุทธเจ้าองค์ปจั จุบัน
พระอดีตพุทธเจ้าเป็นแนวคิดท่ีเข้ามาพร้อมกับการเผยแพร่ศาสนาพุทธเถรวาทใน
ภมู ภิ าคอษุ าคเนย์ มาแตส่ มยั โบราณ ปรากฏหลกั ฐานในคมั ภรี แ์ ละวรรณกรรมพทุ ธศาสนา ตลอดจน
งานพุทธศิลป์รูปแบบต่าง ๆ เป็นจ�ำนวนมาก คติเร่ืองพระอดีตพุทธเจ้ามีเรื่องราวปรากฏใน
พระไตรปฎิ ก อรรถกถา รวมทงั้ คมั ภรี ภ์ าษาบาลขี องพทุ ธศาสนาเถรวาททมี่ คี วามสำ� คญั หลายฉบบั
โดยเน้ือหาสาระในคัมภีร์แต่ละฉบับล้วนมีความคล้ายคลึงกัน อาทิ พุทธวงศ์ นิทานกถา
และมธุรัตถวิลาสินี รวมทั้งในวรรณกรรมพทุ ธศาสนาของลา้ นนา เชน่ ชินกาลมาลปี กรณ์ ตำ� นาน
พระเจ้าเลยี บโลก ตำ� นานมูลศาสนา และตำ� นานแม่กาเผอื ก เปน็ ต้น
ความหมายและองค์ประกอบของสัญลักษณพ์ ระอดตี พุทธเจ้า
แนวคิดพระอดีตพุทธเจ้า หมายถึง คติในพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับเรื่องพระพุทธเจ้าที่
เสด็จมาตรสั รู้ก่อนพระศากยโคดมหรือพระพทุ ธเจ้าองคป์ จั จุบนั ตามคตขิ องพุทธศาสนาเถรวาท
ได้กล่าวถึงเร่ืองราวของพระพุทธเจ้าท่ีอุบัติขึ้นในกาลก่อนท่ีมีจ�ำนวนมากมายจนไม่อาจนับได้
ทเ่ี สดจ็ มาตรสั รกู้ อ่ นพระพทุ ธเจา้ องคป์ จั จบุ นั เปรยี บไดก้ บั จำ� นวนเมด็ ทรายในมหาสมทุ ร โดยมชี อื่
เรยี กวา่ พระอนนั ตพทุ ธเจา้ ทง้ั นี้ พระพทุ ธเจา้ ทกุ พระองคล์ ว้ นมพี ระจรยิ าวตั รและการปฏบิ ตั ธิ รรม
ด้านต่าง ๆ คล้ายคลึงกันกับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน อาทิ ความสมบูรณ์ในการบ�ำเพ็ญ
บารมี มหาปรุ ิสลักษณะ ๓๒ ประการ การออกมหาภเิ นษกรมณ์ (ออกบวช) การตรสั รู้ การแสดง
ปฐมเทศนา การปรินิพพาน การมอี คั รสาวก อคั รสาวิกา และการมพี ทุ ธอุปัฏฐาก
238
แตก่ ม็ สี งิ่ ทแี่ ตกตา่ งกนั ของพระพทุ ธเจา้ แตล่ ะพระองค์ จะอยใู่ นสว่ นทเ่ี ปน็ รายละเอยี ด เชน่
ชื่อสถานท่ีในเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ความยาวนานของระยะเวลาในการครองเรอื น การบ�ำเพ็ญเพยี ร
ขนาดความสูงใหญข่ องพระวรกาย อายขุ ัย เปน็ ต้น นอกจากน้ี ยังมพี ระพทุ ธเจา้ อีกประเภทหนึง่
คอื พระปจั เจกพทุ ธเจา้ ซงึ่ หมายถงึ พระพทุ ธเจา้ ประเภทหนงึ่ ทที่ รงตรสั รไู้ ดเ้ ฉพาะตวั ไดบ้ รรลธุ รรม
มีโพธิญาณ มีปัญญาบารมี ที่ผู้อื่นไม่อาจเทียบเท่าได้ นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
ทงั้ นี้ เนอ่ื งจากพระองคท์ รงบรรลธุ รรมไดเ้ ฉพาะพระองคเ์ อง มไิ ดม้ กี ารประกาศพระศาสนาเทศนา
สัง่ สอนผอู้ ืน่ จงึ ทำ� ใหไ้ มม่ พี ระสาวก
แนวคิดสัญลักษณ์พระอดีตพุทธเจ้า สามารถจ�ำแนกได้ตามจ�ำนวนของพระพุทธเจ้า
ที่ปรากฏอย่ใู นงานศิลปกรรมล้านนา ได้แก่
๑. สญั ลกั ษณพ์ ระพทุ ธเจา้ ๔ พระองค์ หมายถงึ พระพทุ ธเจา้ ๔ พระองค์ ทอ่ี บุ ตั ขิ น้ึ ในกปั
(ยุค) ปจั จุบนั ซ่ึงเรยี กว่า “ภัทรกัป” โดยไดท้ รงตรสั รแู้ ละเผยแผ่พระธรรมค�ำสอนเพ่อื โปรดสตั ว์
ซง่ึ ประกอบดว้ ย พระกกสุ นั ธพทุ ธเจา้ พระโกนาคมนพทุ ธเจา้ พระกสั สปพทุ ธเจา้ และพระโคตมพทุ ธเจา้
๒. สญั ลกั ษณพ์ ระพทุ ธเจา้ ๕ พระองค์ มคี วามหมายเชน่ เดยี วกนั กบั กลมุ่ ทมี่ พี ระพทุ ธเจา้
๔ พระองค์ แต่เพิ่มพระศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้า ผู้เป็นพระอนาคตพุทธเจ้าเข้าไว้ด้วยอีก ๑
พระองค์
๓. สญั ลกั ษณพ์ ระพทุ ธเจา้ ๒๔ พระองค์ หมายถงึ พระอดตี พทุ ธเจา้ ๒๔ พระองคท์ ที่ รงมี
พุทธท�ำนายว่าพระโพธิสัตว์จะตรัสรู้เป็นพระโคตมพุทธเจ้า บางครั้งอาจเพิ่มพระโคตมพุทธเจ้า
เข้าไปในกลุ่มดว้ ย ทำ� ใหม้ พี ระพุทธเจา้ ๒๕ พระองค์
๔. สญั ลกั ษณ์พระพุทธเจา้ ๒๗ พระองค์ มคี วามหมายเชน่ เดียวกบั กลมุ่ ทม่ี ีพระพทุ ธเจ้า
๒๕ พระองค์ หากแตไ่ ดเ้ พม่ิ พระอดตี พทุ ธเจา้ ๓ พระองคแ์ รก ทไ่ี มไ่ ดม้ พี ทุ ธทำ� นายวา่ พระโพธสิ ตั ว์
จะตรสั รเู้ ปน็ พระโคตมพทุ ธเจา้ เขา้ ไปดว้ ย ทำ� ใหพ้ ระพทุ ธรปู กลมุ่ นป้ี ระกอบดว้ ยพระอดตี พทุ ธเจา้
๒๗ พระองค์
๕. สัญลกั ษณพ์ ระพทุ ธเจา้ ๒๘ พระองค์ มคี วามหมายเช่นเดยี วกับกลมุ่ ทมี่ ีพระพุทธเจา้
๒๗ พระองค์ และเพม่ิ พระปัจจบุ ันพุทธเจ้าอกี ๑ พระองค์ จึงรวมเป็น ๒๘ พระองค ์
๖. สัญลักษณ์พระอนันตพุทธเจ้า กลุ่มที่มีจ�ำนวนพระพุทธเจ้ามากกว่า ๒๘ องค์ข้ึนไป
ซ่งึ หมายถงึ พระพุทธเจ้าจ�ำนวนมากทตี่ รัสรู้มาแลว้ ในอดีต ปจั จุบนั และจะตรัสรตู้ อ่ ไปในอนาคต
ซงึ่ มมี ากมายจนไมอ่ าจนับได้ เรียกวา่ พระอนนั ตพทุ ธเจ้า
239
สญั ลักษณ์พระอดตี พทุ ธเจา้ ในงานศิลปะล้านนา
คติเรื่องพระอดีตพุทธเจ้าในวรรณกรรมพุทธศาสนา ซึ่งพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นปราชญ์ของ
ลา้ นนาไดร้ จนาคมั ภรี ต์ า่ ง ๆ ไวเ้ ปน็ จำ� นวนมาก อาทิ ชนิ กาลมาลปี กรณ์ ตำ� นานมลู ศาสนา พระเจา้ เลยี บโลก
ฉบับล้านนา ซ่ึงอิงเนื้อหาจากพระไตรปิฎก และคัมภีร์พุทธวงศ์เป็นหลัก อีกท้ัง ยังปรากฏใน
วรรณกรรมตำ� นานในทอ้ งถ่ิน เช่น ต�ำนานแม่กาเผือก อานิสงสผ์ างประทีป ต�ำนานเวยี งกาหลง
หรอื ตำ� นานดอยสิงคตุ ตระ เปน็ ต้น สว่ นงานศิลปกรรมลา้ นนาทเี่ นอื่ งในพระพุทธศาสนาส่วนมาก
กจ็ ะอาศยั เรอ่ื งราวและสญั ลกั ษณท์ เ่ี กดิ จากการตคี วามหมายจากแนวคดิ พระอดตี พทุ ธเจา้ นำ� มา
เปน็ แรงบนั ดาลใจในการสรา้ งสรรคง์ านพทุ ธศลิ ปแ์ ขนงตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ งานสถาปตั ยกรรม จติ รกรรม
และประตมิ ากรรม โดยจำ� แนกตวั อยา่ งผลงานศลิ ปกรรมลา้ นนาตามองคป์ ระกอบของสญั ลกั ษณ์
พระอดตี พุทธเจ้าได้ ดังน้ี
สญั ลกั ษณพ์ ระพทุ ธเจ้า ๔ พระองค์ ทีป่ รากฏอยู่ในศิลปะล้านนา เชน่ สมุดภาพไตรภมู ิ
ฉบบั อกั ษรธรรมลา้ นนา, รอยพระพทุ ธบาทไมล้ งรกั ปดิ ทองประดบั มกุ ในวหิ ารลายคำ� วดั พระสงิ ห์
จงั หวัดเชยี งใหม่, รอยพระพุทธบาทไม้ วดั พระธาตุล�ำปางหลวง จงั หวัดลำ� ปาง, พระพุทธรปู ๔
องค์ ภายในวิหารพระเจ้าพนั องค์ วดั ปงสนุก อำ� เภอเมือง จงั หวัดลำ� ปาง, พระพทุ ธรูป ๔ องค์
ภายในวหิ ารและอุโบสถจตุรมขุ วัดภมู นิ ทร์ อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดน่าน, พระพุทธรปู ๔ องค์ ภายใน
วิหารลายค�ำและซุ้มจระน�ำภายในมณฑปทรงปราสาทท้ายวิหาร, พระพุทธรูป ๔ องค์ ภายใน
องค์ปราสาทและซุ้มจระน�ำทา้ ยวหิ ารวดั ปราสาท อ�ำเภอเมอื ง จังหวัดเชยี งใหม่ เปน็ ตน้
สญั ลกั ษณพ์ ระพทุ ธเจา้ ๕ พระองค์ ทปี่ รากฏอยใู่ นศลิ ปะลา้ นนา ไดแ้ ก่ พระบฏ พทุ ธประวตั ิ
ตอน เสดจ็ ลงจากสวรรคช์ นั้ ดาวดงึ ส์ ตอนบนเขยี นภาพพระพทุ ธเจา้ ๕ พระองค,์ จติ รกรรมฝาผนงั
ภาพพระพทุ ธเจา้ ๕ พระองค์ ภายในวหิ ารลายคำ� วดั พระสงิ ห์ อำ� เภอเมอื ง และ จติ รกรรมฝาผนงั
เร่อื ง แมก่ าเผือก ภายในวหิ ารวดั ทา่ ข้าม อ�ำเภอแมแ่ ตง จงั หวดั เชียงใหม่ และกลุ่มพระพุทธรูป
ประธาน ภายในวิหารวดั พระธาตแุ ช่แห้ง อำ� เภอเมือง จังหวดั นา่ น
สญั ลกั ษณพ์ ระพทุ ธเจา้ ๒๔ พระองค์ ทปี่ รากฏอยใู่ นศลิ ปะลา้ นนา ไดแ้ ก่ จติ รกรรมฝาผนงั
และจิตรกรรมบนแผงไมค้ อสอง ภายในวหิ ารวดั หนองบัว อ�ำเภอท่าวงั ผา จังหวัดน่าน
สัญลักษณ์พระพุทธเจ้า ๒๗ พระองค์ ท่ีปรากฏอยู่ในศิลปะล้านนา ได้แก่ ลายค�ำ
พระอดตี พทุ ธเจ้า ภายในวิหารพระพทุ ธ วัดพระธาตุล�ำปางหลวง อ�ำเภอเกาะคา จงั หวัดล�ำปาง,
ลายค�ำพระอดีตพุทธเจ้า ภายในวิหารจามเทวี วัดปงยางคก อ�ำเภอห้างฉัตร และวิหารวัดเวียง
อำ� เภอเถิน จงั หวัดล�ำปาง
240
สญั ลกั ษณพ์ ระพทุ ธเจา้ ๒๘ พระองค์ ทป่ี รากฏอยใู่ นศลิ ปะลา้ นนา เชน่ ลายคำ� พระอดตี พทุ ธเจา้
ภายในวหิ ารวดั คะตกึ เชยี งมนั่ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ลำ� ปาง, แผงพระพมิ พ์ พระพทุ ธเจา้ ๒๘ พระองค์
วัดปงสนุกเหนอื อ�ำเภอเมือง จงั หวดั ล�ำปาง และพระพิมพ์ซาวแปด กรุวัดมหาวนั อ�ำเภอเมอื ง
จงั หวดั ล�ำพนู
สญั ลกั ษณพ์ ระอนนั ตพทุ ธเจา้ ทปี่ รากฏอยใู่ นศลิ ปะลา้ นนา เชน่ จติ รกรรมฝาผนงั ภายในวหิ าร
วัดช้างค�้ำ อ�ำเภอเมือง จังหวัดน่าน, ลายค�ำและจิตรกรรมบนคอสอง วิหารวัดไหล่หิน อ�ำเภอ
เกาะคา จังหวัดล�ำปาง, ลายค�ำภายในวิหารวัดปราสาท อ�ำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, ลายค�ำ
บนคอสองวิหารและอุโบสถ วัดภูมินทร์ อ�ำเภอเมือง จังหวัดน่าน, พระแผง วิหารวัดหางดง
และพระแผง วิหารวดั ต้นเกวน๋ อำ� เภอหางดง จงั หวดั เชยี งใหม,่ พระแผง วหิ ารพระเจา้ พันองค์
วดั ปงสนกุ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ลำ� ปาง, แผงพระพมิ พ์ วดั พระสงิ ห์ วดั ปราสาท วดั ผา้ ขาว และวดั ดอกเออื้ ง
อ�ำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, แผงพระพิมพ์ วัดพระธาตุล�ำปางหลวง อ�ำเภอเกาะคา จังหวัด
ล�ำปาง, พระพุทธรูป ภายในซมุ้ จระน�ำ เจดียเ์ หลยี่ ม วัดก่คู �ำ และเจดีย์วัดตะโปตาราม (ร�ำ่ เปงิ )
อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม,่ พระพทุ ธรปู ภายในซมุ้ จระนำ� เจดยี ก์ กู่ ดุ วดั จามเทวี และ สวุ รรณเจดยี ์
วัดพระธาตหุ ริภญุ ชัย อำ� เภอเมือง จังหวัดลำ� พูน เป็นตน้
ดงั นน้ั จากการศกึ ษาจงึ สามารถสรปุ ไดว้ า่ แนวคดิ พระอดตี พทุ ธเจา้ คอื แนวคดิ หลกั ทใ่ี ชเ้ ปน็
ปทัสถานในการสร้างงานพุทธศิลป์นับแต่อดีต เพ่ือชี้ให้เห็นว่าพระธรรมเป็นอกาลิโก ด�ำรงอยู่
อย่างไม่จำ� กดั กาลเวลา บคุ คลผู้มปี ญั ญา ศรทั ธา และความเพยี รทกุ ยคุ สมยั ท้ังในอดตี ปัจจบุ นั
และอนาคต สามารถคน้ พบไดด้ ว้ ยตนเอง เมอ่ื นำ� สจั ธรรมมาประพฤตปิ ระปฏบิ ตั กิ จ็ ะหลดุ พน้ จาก
ความทุกข์ทั้งปวงได้ ด้วยเหตุนี้ การระลึกถึงคติเร่ืองพระอดีตพุทธเจ้า จึงเป็นการส่งเสริมให้
ชาวพทุ ธเกดิ ความเลอ่ื มใสศรทั ธาในพระรตั นตรยั ไดแ้ ก่ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ทง้ั น้ี คณุ คา่
และความส�ำคัญของงานศิลปะล้านนาที่สะท้อนสัญลักษณ์พระอดีตพุทธเจ้า ก็คือ ส่ือศิลปะที่
สรา้ งสรรคข์ น้ึ ใหเ้ ปน็ เครอื่ งมอื เพอ่ื การยกระดบั จติ ใจของมนษุ ย์ ทง้ั ยงั แสดงใหเ้ หน็ ถงึ จนิ ตนาการ
และความคดิ สรา้ งสรรค์ ซง่ึ มคี วามหมายอนั เปน็ นยั สำ� คญั บางประการ ทสี่ ะทอ้ นถงึ วฒั นธรรมวธิ คี ดิ
อันลุ่มลึก ด้วยการตีความหมายจากหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ถ่ายทอดผ่านภาพเล่าเร่ือง
และรูปสัญลักษณ์ ซึ่งมีรูปแบบงดงามเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางศิลปะ อันเป็นผลิตผลทางด้าน
พทุ ธิปญั ญาของชาวพทุ ธ
241
เชิงอรรถ
๑ เสมอชัย พูลสุวรรณ. สัญลกั ษณใ์ นงานจิตรกรรมไทยระหวา่ งพุทธศตวรรษที่ ๑๙ – ๒๔. กรุงเทพฯ :
สำ�นักพมิ พม์ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร,์ ๒๕๓๙. หน้า ๓๙.
๒ สมชาติ มณีโชติ. จิตรกรรมไทย. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร,์ ๒๕๒๙. หนา้ ๕๕.
๓ สุชีพ ปญุ ญานภุ าพ. พระไตรปฎิ กฉบับประชาชน. กรุงเทพฯ : มหามกฏุ ราชวิทยาลัย, ๒๕๓๙.
หน้า ๖๓๔ - ๖๓๖.
๔ เรือ่ งเดยี วกนั . หนา้ ๓๑๖ - ๓๑๘.
๕ มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบบั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย. กรุงเทพฯ :
โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย, ๒๕๓๙.
๖ ธนิต อยูโ่ พธ.ิ์ นทิ านกถา พระพุทธประวตั ติ อนตน้ ฉบบั พระพุทธโฆสเถร. กรงุ เทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๒๙.
หน้า ๔๐-๖๐.
๗ ตวงทอง แกว้ วชั ระรงั ส.ี การศกึ ษาคตกิ ารสรา้ งรปู พระอดตี พทุ ธเจา้ เป็นพระประธานในพระอุโบสถ
วัดอัปสรสวรรคว์ รวิหาร. กรุงเทพฯ : ปรญิ ญานพิ นธ์ศิลปศาสตรบ์ ณั ฑิต (โบราณคด)ี คณะโบราณคดี
มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร, ๒๕๔๖. หน้า ๖.
๘ พระรัตนปญั ญา. แสง มนวิทูร แปล. ชินกาลมาลีปกรณ.์ กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร. ๒๕๐๑. หน้า ๑.
๙ กองบรรณาธกิ ารนติ ยสาร Secret. พระพทุ ธเจ้า ๕ พระองค.์ กรงุ เทพฯ : อมรินทร,์ ๒๕๕๖. หน้า ๑๘ - ๒๐.
๑๐ ผาสุข อนิ ทราวธุ . พทุ ธศาสนาและประตมิ าณวิทยา. กรุงเทพฯ : ภาควชิ าโบราณคดี คณะโบราณคดี
มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร, ม.ป.ป. หน้า ๘๑.
๑๑ อรณุ รตั น์ วเิ ชยี รเขียว. พระพทุ ธรูปในลา้ นนา. เชยี งใหม่ : โรงพิมพ์ตะวันเหนอื , ๒๕๕๔. หนา้ ๙๑.
๑๒ สมชาติ มณีโชติ. จิตรกรรมไทย. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร,์ ๒๕๒๙. หน้า ๕๕.
๑๓ เรื่องเดียวกัน. หน้า ๕๖.
๑๔ เร่อื งเดียวกนั . หนา้ ๕๗.
๑๕ กองบรรณาธิการนติ ยสาร Secret. พระพุทธเจ้า ๕ พระองค.์ กรงุ เทพฯ : อมรินทร์, ๒๕๕๖. หน้า ๗๙ - ๘๐.
๑๖ มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบบั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ :
โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๙.
๑๗ สรุ พล ดำ�รหิ ก์ ลุ . ล้านนา สิ่งแวดล้อม สงั คม และวัฒนธรรม. กรงุ เทพฯ : คอมแพคพรินท์ จำ�กดั , ๒๕๔๒.
หน้า ๑๔๙.
๑๘ ศลิ ป์ พรี ะศรี. บทความ ข้อเขียน และงานศลิ ปกรรมของศาสตราจารยศ์ ิลป์ พีระศรี. กรุงเทพฯ :
อมรนิ ทร.์ ๒๕๔๕, หน้า ๑๐๓.
๑๙ ศิลปากร, กรม. สมุดภาพไตรภมู ิฉบบั อักษรธรรมลา้ นนาและอักษรขอม. กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทร์, ๒๕๔๗. หนา้ ๑.
๒๐ ________. สมุดภาพไตรภูมฉิ บบั อกั ษรธรรมลา้ นนาและอักษรขอม. กรุงเทพฯ : อมรนิ ทร์, ๒๕๔๗. หนา้ ๓.
242
๒๑ นนั ทนา ชุติวงศ.์ รอยพระพุทธบาทในศิลปะเอเชยี ใตแ้ ละเอเชียอาคเนย.์ กรงุ เทพฯ : ดา่ นสธุ าการพมิ พ,์ 243
๒๕๓๓. หน้า ๔๙.
๒๒ เวอรจ์ เิ นีย แมคคนี ดิ ครอคโค. สมหวงั แก้วสฟุ อง แปล. รอยพระบาทพระพทุ ธเจา้ ๕ พระองค์ ในภัททกปั ปน์ ้ี
ตามกรอบคดิ แบบสงิ หล-สยาม. กรุงเทพฯ : มลู นิธิพริ ยิ ะ ไกรฤกษ,์ ๒๕๕๕. หนา้ ๑๐๘.
๒๓ เร่ืองเดียวกนั . หน้า ๑๑.
๒๔ เรอ่ื งเดียวกัน. หนา้ ๑๑๐.
๒๕ นันทนา ชตุ วิ งศ.์ รอยพระพุทธบาทในศิลปะเอเชียใต้และเอเชยี อาคเนย.์ กรงุ เทพฯ : ด่านสุธาการพิมพ์,
๒๕๓๓. หน้า ๔๓.
๒๖ เรื่องเดียวกัน. หนา้ ๔๓.
๒๗ งานช่างศลิ ป์ไทย : ปูนป้นั เครอื่ งถมและลงยา เคร่ืองรัก ประดบั มกุ ประดับกระจก. กรงุ เทพฯ :
แสงแดดเพอ่ื นเด็ก (คติ), ๒๕๕๕. หนา้ ๑๗๑.
๒๘ ปงสนกุ : คนตัวเลก็ กับการอนรุ ักษ.์ กรุงเทพฯ : อุษาคเนย,์ ๒๕๕๐. หน้า ๑๙.
๒๙ เรอ่ื งเดียวกัน. หน้า ๒๓.
๓๐ เรื่องเดยี วกัน. หน้า ๒๙ - ๓๐.
๓๑ บริษทั มรดกโลก จำ�กดั . โครงการศึกษาเพื่ออนรุ ักษ์จติ รกรรมฝาผนังในประเทศไทย. กรุงเทพฯ :
บรษิ ทั มรดกโลก จำ�กดั . ๒๕๓๘. หนา้ ๑๕๗.
๓๒ น. ณ ปากน้ำ� (นามแฝง). วัดภูมนิ ทร์และวัดหนองบัว. กรงุ เทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๒๙. หน้า ๙.
๓๓ เรอ่ื งเดียวกนั . หน้า ๙.
๓๔ บรษิ ัท มรดกโลก จำ�กดั . โครงการศกึ ษาเพื่ออนุรกั ษจ์ ิตรกรรมฝาผนังในประเทศไทย. กรงุ เทพฯ :
บรษิ ัท มรดกโลก จำ�กัด. ๒๕๓๘. หน้า ๑๕๗.
๓๕ วรลญั จก์ บุณยสุรัตน์. วิหารล้านนา. กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๔. หน้า ๒๐๖ และ ๒๑๐.
๓๖ เรอื่ งเดยี วกัน. หน้า ๒๑๙.
๓๗ อรณุ รัตน์ วเิ ชียรเขียว. โบราณวตั ถุ - โบราณสถานในวัดล้านนา. เชยี งใหม่ : แสงศลิ ป,์ ๒๕๔๙. หนา้ ๓๔.
๓๘ ปฐม พวั พันธส์ กลุ . วหิ ารบีบ : วหิ ารหวั จ๊อกล้านนา. เอกสารประกอบการสมั มนานานาชาติ ไทยศึกษาคร้ังที่ ๖
เลม่ ๖. โรงแรมเชยี งใหม่ออคดิ ๑๔-๑๗ ตลุ าคม. ๒๕๓๙. หน้า ๒๒๕ - ๒๒๘.
๓๙ ศกั ดช์ิ ัย สายสิงห.์ ศลิ ปะล้านนา. กรุงเทพฯ : มติชน. ๒๕๕๖. หน้า ๑๑๔.
๔๐ สุรพล ดำ�รหิ ก์ ุล. ประวัติศาสตร์และศลิ ปะล้านนา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๖๑. หนา้ ๑๗๕.
๔๑ เรื่องเดียวกัน. หน้า ๑๑๕.
๔๒ ศักดิช์ ัย สายสงิ ห์. เจดยี ์ในประเทศไทย : รูปแบบ พัฒนาการ และพลงั ศรทั ธา. นนทบรุ ี : เมืองโบราณ. ๒๕๖๐.
หน้า ๓๙๐ - ๓๙๒.
๔๓ จารุณี อินเฉิดฉาย และ ขวัญจติ เลิศศริ ิ. พระบฏ. กรงุ เทพฯ : กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๕. หน้า ๑๔.
๔๔ เร่อื งเดยี วกัน. หนา้ ๑๒.
๔๕ เรือ่ งเดียวกนั . หน้า ๑๔.
๔๖ เร่ืองเดียวกนั . หนา้ ๑๒.
๔๗ เรือ่ งเดียวกนั . หนา้ ๖๐.
๔๘ วรรณภิ า ณ สงขลา, เรยี บเรียง. จติ รกรรมไทยประเพณี ชุดท่ี ๐๐๑ เล่มท่ี ๓ วรรณกรรม. กรุงเทพฯ :
อมรินทร.์ ๒๕๓๔. หน้า ๒๕.
๔๙ ภานุพงษ์ เลาหสม. จิตรกรรมฝาผนงั ลา้ นนา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๑. หนา้ ๗๐.
๕๐ ศลิ ป์ พีระศร.ี บทความ ข้อเขียน และงานศลิ ปกรรมของศาสตราจารย์ศลิ ป์ พีระศร.ี อมรินทร.์ ๒๕๔๕.
หนา้ ๑๑๒.
๕๑ สน สมี าตรงั . “ข้อคดิ เหน็ การศกึ ษาประวตั ิศาสตรส์ ังคมลานนาจากจติ รกรรมฝาผนังลานนา”.
วารสารเมอื งโบราณ ปที ี่ ๑๑, ฉบบั ที่ ๓ (กรกฎาคม-กนั ยายน ๒๕๒๘) หน้า ๕๙.
๕๒ ภานุพงษ์ เลาหสม. จติ รกรรมฝาผนงั ล้านนา. กรงุ เทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๔๑. หน้า ๗๒.
๕๓ บรษิ ัท มรดกโลก จำ�กดั . โครงการศกึ ษาเพอ่ื อนุรกั ษ์จติ รกรรมฝาผนังในประเทศไทย. กรุงเทพฯ :
บริษัท มรดกโลก จำ�กดั . ๒๕๓๘. หนา้ ๙๙.
๕๔ ภานุพงษ ์ เลาหสม. จิตรกรรมฝาผนงั ล้านนา. กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๑. หนา้ ๙๑.
๕๕ เรือ่ งเดยี วกนั . หนา้ ๙๒.
๕๖ เรอื่ งเดียวกัน. หน้า ๙๒.
๕๗ กองบรรณาธกิ ารนติ ยสาร Secret. พระพุทธเจ้า ๕ พระองค.์ กรุงเทพฯ : อมรนิ ทร,์ ๒๕๕๖. หนา้ ๑๘ - ๑๙.
๕๘ เรอ่ื งเดียวกัน. หนา้ ๑๙ - ๒๐.
๕๙ สารานกุ รมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ. กรุงเทพฯ : มลู นิธสิ ารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพานชิ ย์,
๒๕๔๒. หนา้ ๔๔๐๔.
๖๐ เรื่องเดียวกนั . หน้า ๔๔๐๔.
๖๑ อรณุ รตั น ์ วเิ ชยี รเขยี ว. โบราณวตั ถุ - โบราณสถานในวัดล้านนา. เชียงใหม่ : แสงศลิ ป์, ๒๕๔๙. หนา้ ๔๑.
๖๒ ภานพุ งษ ์ เลาหสม. จิตรกรรมฝาผนงั ลา้ นนา. กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๑. หน้า ๑๑๑.
๖๓ สน สีมาตรัง. โครงสรา้ งจติ รกรรมฝาผนงั ลานนา “สาระสงั เขป” เล่ม ๑. มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร ๒๕๒๖.
(อดั สำ�เนา) หนา้ ๓๒.
๖๔ เรือ่ งเดียวกัน. หนา้ ๓๒.
๖๕ น. ณ ปากนำ้ � (นามแฝง). วดั ภมู นิ ทร์และวัดหนองบวั . กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๒๙. หน้า ๒๓.
๖๖ ภานพุ งษ ์ เลาหสม. จติ รกรรมฝาผนงั ล้านนา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๑. หนา้ ๑๑๒ - ๑๑๔.
๖๗ วรลญั จก์ บณุ ยสรุ ัตน์. วหิ ารล้านนา. กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๔. หน้า ๙๕ - ๙๗.
๖๘ สรุ พล ดำ�รหิ ์กุล. ลายค�ำ ล้านนา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๔. หน้า ๙๘.
๖๙ เรอ่ื งเดยี วกนั . หน้า ๑๕๒.
๗๐ วรลัญจก์ บุณยสุรัตน์. วิหารลา้ นนา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๔. หนา้ ๑๐๖.
๗๑ เรอ่ื งเดียวกัน. หนา้ ๑๐๖.
๗๒ อรุณรตั น์ วิเชยี รเขียว. โบราณวตั ถุ - โบราณสถานในวัดล้านนา. เชียงใหม่ : แสงศลิ ป์, ๒๕๔๙. หน้า ๒๗.
๗๓ เรอ่ื งเดยี วกัน. หน้า ๒๗.
๗๔ สุรพล ดำ�ริหก์ ุล. ลายคำ�ลา้ นนา. กรุงเทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๔๔. หนา้ ๒๒๑.
๗๕ เรื่องเดยี วกัน. หนา้ ๒๓๙ - ๒๔๐.
244
๗๖ สามารถ ศิริเวชพันธ์ุ. วิหารโถง ซุ้มโขง สกุลชา่ งลำ�ปาง. รายงานวจิ ัยเรือ่ งศลิ ปะสถาปตั ยกรรมล้านนา. 245
เชียงใหม่ : สถาบนั วิจยั สังคม มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม,่ ๒๕๒๗. หน้า ๗๕.
๗๗ อรณุ รตั น์ วเิ ชียรเขยี ว. โบราณวตั ถุ - โบราณสถานในวัดลา้ นนา. เชยี งใหม่ : แสงศิลป์, ๒๕๔๙. หนา้ ๒๙.
๗๘ สรุ พล ดำ�ริหก์ ุล. ลายคำ�ล้านนา. กรงุ เทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๔๔. หนา้ ๗๐.
๗๙ เร่อื งเดียวกนั . หน้า ๒๐๑ - ๒๐๓.
๘๐ วรลญั จก์ บุณยสุรตั น์. วิหารล้านนา. กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๔. หน้า ๒๒๕.
๘๑ อรณุ รตั น ์ วิเชยี รเขียว. โบราณวตั ถุ - โบราณสถานในวัดลา้ นนา. เชียงใหม่ : แสงศิลป์, ๒๕๔๙. หน้า ๒๘.
๘๒ สุรพล ดำ�รหิ ก์ ลุ . ลายค�ำ ลา้ นนา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๔. หนา้ ๒๖๕.
๘๓ อรณุ รตั น ์ วิเชยี รเขียว. พระพุทธรปู ในลา้ นนา. เชยี งใหม่ : โรงพมิ พต์ ะวนั เหนอื , ๒๕๕๔. หนา้ ๙๑.
๘๔ เรอ่ื งเดียวกนั . หน้า ๙๑ - ๙๒.
๘๕ เสมอชัย พูลสวุ รรณ. สัญลกั ษณใ์ นงานจติ รกรรมไทยระหว่างพทุ ธศตวรรษที่ ๑๙ – ๒๔. กรงุ เทพฯ :
สำ�นักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๓๙. หน้า ๖๐ -๖๓.
๘๖ ภานุพงษ ์ เลาหสม. จติ รกรรมฝาผนังลา้ นนา. กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๑. หนา้ ๑๘.
๘๗ เสมอชยั พลู สวุ รรณ. สญั ลักษณ์ในงานจติ รกรรมไทยระหวา่ งพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ – ๒๔. กรุงเทพฯ :
สำ�นักพิมพม์ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร,์ ๒๕๓๙. หน้า ๖๐ -๖๓.
๘๘ เรื่องเดยี วกัน. หน้า ๑๘.
๘๙ วรลัญจก์ บุณยสรุ ตั น.์ วหิ ารล้านนา. กรุงเทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๔๔. หนา้ ๑๖๔ - ๑๖๕.
๙๐ อรุณรตั น์ วิเชยี รเขียว. โบราณวัตถุ - โบราณสถานในวัดล้านนา. เชยี งใหม่ : แสงศิลป์, ๒๕๔๙. หนา้ ๒๙.
๙๑ สรุ พล ดำ�ริหก์ ลุ . ลายคำ�ล้านนา. กรงุ เทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๔๔. หน้า ๒๑๘.
๙๒ เรอื่ งเดียวกัน. หน้า ๒๑๙.
๙๓ สารานกุ รมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ. กรุงเทพฯ : มลู นิธิสารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพานชิ ย์,
๒๕๔๒. หน้า ๑๘๔๘ - ๑๘๔๙.
๙๔ วรลญั จก์ บณุ ยสรุ ัตน.์ วหิ ารล้านนา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๔. หน้า ๒๑๕.
๙๕ สรุ พล ดำ�ริห์กุล. ลายค�ำ ลา้ นนา. กรุงเทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๔๔. หนา้ ๒๘๑.
๙๖ สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคเหนอื . กรงุ เทพฯ : มลู นธิ ิสารานุกรมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพานชิ ย์,
๒๕๔๒. หนา้ ๗๙๔๐ - ๗๙๔๑.
๙๗ อรุณรัตน์ วิเชยี รเขยี ว. พระพุทธรปู ในลา้ นนา. เชยี งใหม่ : โรงพมิ พ์ตะวันเหนอื , ๒๕๕๔. หนา้ ๓๒.
๙๘ สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ. กรงุ เทพฯ : มูลนธิ สิ ารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพานชิ ย์,
๒๕๔๒. หน้า ๗๙๔๐ - ๗๙๔๑.
๙๙ เรอื่ งเดียวกนั . หนา้ ๗๙๔๑.
๑๐๐ ปงสนกุ : คนตวั เลก็ กับการอนุรักษ.์ กรงุ เทพฯ : อษุ าคเนย์, ๒๕๕๐. หนา้ ๒๓.
๑๐๑ เรอ่ื งเดยี วกนั . หน้า ๒๓.
๑๐๒ เรอื่ งเดยี วกนั . หน้า ๓๐.
๑๐๓ สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคเหนอื . กรุงเทพฯ : มลู นิธสิ ารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพานชิ ย,์
๒๕๔๒. หน้า ๗๙๔๐ - ๔๙๖๑.
๑๐๔ อรุณรตั น ์ วิเชียรเขียว. พระพทุ ธรูปในลา้ นนา. เชียงใหม่ : โรงพิมพต์ ะวันเหนือ, ๒๕๕๔. หนา้ ๙๑.
๑๐๕ ฮนั ท์ เพนธ์ . คำ�จารกึ ท่ฐี านพระพทุ ธรูปในนครเชยี งใหม.่ กรุงเทพฯ : สำ�นกั นายกรัฐมนตร,ี ๒๕๑๙.
หนา้ ๑๒๒ และ ๒๒๓.
๑๐๖ จารุณี อนิ เฉดิ ฉาย และ ขวญั จิต เลศิ ศริ .ิ พระบฏ. กรุงเทพฯ : กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๕. หน้า ๑๑.
๑๐๗ อรุณรตั น์ วิเชยี รเขยี ว. โบราณวตั ถุ - โบราณสถานในวัดล้านนา. เชยี งใหม่ : แสงศิลป์, ๒๕๔๙. หน้า ๑๕๑.
๑๐๘ ศกั ด์ชิ ัย สายสงิ ห.์ เจดยี ์ในประเทศไทย : รปู แบบ พัฒนาการ และพลังศรัทธา. นนทบรุ ี : เมืองโบราณ.
๒๕๖๐. หน้า ๒๒๕.
๑๐๙ สันติ เลก็ สุขุม. ศิลปะภาคเหนือ : หริภุญชัย-ลา้ นนา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๓๘. หนา้ ๓๐.
๑๑๐ เรื่องเดยี วกนั . หน้า ๓๓.
๑๑๑ ศกั ดช์ิ ยั สายสิงห์. เจดียใ์ นประเทศไทย : รูปแบบ พฒั นาการ และพลังศรัทธา. นนทบุรี : เมอื งโบราณ.
๒๕๖๐. หนา้ ๒๓๐.
๑๑๒ อรุณรัตน ์ วิเชยี รเขยี ว. โบราณวตั ถุ - โบราณสถานในวัดล้านนา. เชียงใหม่ : แสงศิลป์, ๒๕๔๙. หนา้ ๑๒๖.
๑๑๓ ศกั ด์ิชยั สายสงิ ห.์ ศลิ ปะล้านนา. กรุงเทพฯ : มตชิ น. ๒๕๕๖. หนา้ ๖๔.
๑๑๔ อรณุ รัตน์ วเิ ชียรเขียว. พระพุทธรูปในล้านนา. เชยี งใหม่ : โรงพิมพต์ ะวนั เหนอื , ๒๕๕๔. หน้า ๑๒๖ - ๑๒๗.
๑๑๕ ศักด์ชิ ยั สายสงิ ห์. ศลิ ปะล้านนา. กรงุ เทพฯ : มตชิ น. ๒๕๕๖. หน้า ๖๔.
๑๑๖ อรณุ รตั น ์ วิเชียรเขียว. พระพทุ ธรูปในล้านนา. เชียงใหม่ : โรงพิมพ์ตะวนั เหนือ, ๒๕๕๔. หน้า ๑๓๖
๑๑๗ ศักด์ิชัย สายสงิ ห.์ ศิลปะลา้ นนา. กรงุ เทพฯ : มติชน. ๒๕๕๖. หน้า ๑๔๓.
246
บรรณานุกรม
กองบรรณาธิการนติ ยสาร Secret. พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์. กรุงเทพฯ : อมรินทร,์ ๒๕๕๖.
งานชา่ งศิลปไ์ ทย : ปูนป้ัน เครอ่ื งถมและลงยา เครื่องรกั ประดบั มุก ประดับกระจก. กรุงเทพฯ : แสงแดดเพอ่ื นเดก็
(คติ), ๒๕๕๕.
จารณุ ี อนิ เฉิดฉาย และ ขวญั จติ เลิศศริ .ิ พระบฏ. กรงุ เทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๕.
ตวงทอง แกว้ วัชระรงั ส.ี การศึกษาคตกิ ารสรา้ งรูปพระอดีตพุทธเจา้ เปน็ พระประธานในพระอโุ บสถวดั อัปสรสวรรค์
วรวหิ าร. กรุงเทพฯ : ปรญิ ญานิพนธศ์ ลิ ปศาสตรบ์ ณั ฑิต (โบราณคดี) คณะโบราณคดี มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร,
๒๕๔๖.
ธนิต อยู่โพธ.ิ์ นทิ านกถา พระพทุ ธประวตั ติ อนตน้ ฉบับพระพุทธโฆสเถร. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๒๙.
นันทนา ชตุ วิ งศ์. รอยพระพุทธบาทในศิลปะเอเชียใต้และเอเชยี อาคเนย.์ กรงุ เทพฯ : ดา่ นสุธาการพิมพ์, ๒๕๓๓.
น. ณ ปากนำ้ � (นามแฝง). พจนานุกรมศลิ ป. กรงุ เทพฯ : กรุงสยามการพมิ พ์, ๒๕๒๒.
________. วดั ภูมนิ ทรแ์ ละวดั หนองบัว. กรงุ เทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๒๙.
บรษิ ทั มรดกโลก จำ�กัด. โครงการศึกษาเพอ่ื อนรุ กั ษจ์ ิตรกรรมฝาผนงั ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ :
บรษิ ทั มรดกโลก จำ�กดั . ๒๕๓๘.
ปงสนกุ : คนตัวเลก็ กับการอนุรักษ.์ กรงุ เทพฯ : อษุ าคเนย์, ๒๕๕๐.
ปฐม พวั พนั ธ์สกลุ . วิหารบบี : วิหารหัวจ๊อกลา้ นนา. เอกสารประกอบการสมั มนานานาชาติ ไทยศึกษาคร้ังที่ ๖
เล่ม ๖. โรงแรมเชยี งใหม่ออคิด ๑๔-๑๗ ตลุ าคม. ๒๕๓๙.
ปรมานุชิตชโิ นรส, สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระ. พระปฐมสมโพธิกถา. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พเ์ ลยี่ งเชยี ง, ๒๕๐๘.
________. สมดุ ภาพ ปฐมสมโพธิกถา. กรงุ เทพฯ : ธรรมสภา, ๒๕๕๔.
ผาสุข อนิ ทราวุธ. พุทธศาสนาและประติมาณวทิ ยา. กรงุ เทพฯ : ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี
มหาวิทยาลยั ศิลปากร, ม.ป.ป.
พระธรรมปฎิ ก (ป.อ.ปยตุ ฺโต). พจนานกุ รมพุทธศาสตร์ ฉบบั ประมวลศัพท.์ พมิ พ์คร้ังท่ี ๙ กรงุ เทพฯ :
มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๓.
พระรัตนปัญญา. แสง มนวิทูร แปล. ชนิ กาลมาลีปกรณ์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร. ๒๕๐๑.
พทุ ธทาสภกิ ขุ. พุทธประวัตจิ ากพระโอษฐ.์ กรุงเทพฯ : การพิมพพ์ ระนคร, ๒๕๓๕.
________. ภาพพุทธประวัติจากหินสลกั ยคุ ก่อนมพี ระพุทธรปู . กรุงเทพฯ : กองทุนวฒุ ิธรรม
เพอ่ื การศกึ ษาและปฏบิ ตั ิธรรม. ๒๕๐๙.
ฟื้น ดอกบวั . พุทธปรชั ญาแห่งชวี ิต. กรงุ เทพฯ : ศยาม, ๒๕๕๐.
ภานุพงษ์ เลาหสม. จิตรกรรมฝาผนังลา้ นนา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๑.
มณ ี พยอมยงค.์ เคร่ืองสกั การะล้านนาไทย. เชียงใหม่ : ส.ทรพั ย์การพิมพ,์ ๒๕๔๙.
มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . กรงุ เทพฯ :
โรงพมิ พ์มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๓๙.
247
มหามกุฏราชวทิ ยาลัย. อรรถกถาภาษาไทย ฉบบั มหามกุฏราชวิทยาลัย. กรงุ เทพฯ :
โรงพิมพ์มหามกุฏราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๖.
ราชบัณฑติ ยสถาน. พจนานกุ รมศพั ทศ์ ิลปกรรม อักษร ก-ฮ ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน. กรุงเทพฯ :
ด่านสทุ ธาการพิมพ์ จำ�กัด, ๒๕๕๐.
รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรอื ง. พระพุทธปฏิมาสยาม. กรงุ เทพฯ : มวิ เซยี มเพรส, ๒๕๕๓.
วรรณิภา ณ สงขลา, เรียบเรยี ง. จติ รกรรมไทยประเพณี ชดุ ที่ ๐๐๑ เลม่ ที่ ๓ วรรณกรรม. กรงุ เทพฯ : อมรินทร์,
๒๕๓๔.
วรลัญจก์ บุณยสรุ ัตน์. วหิ ารลา้ นนา. กรงุ เทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๔๔.
วบิ ลู ย์ ล้สี วุ รรณ. พจนานุกรมศพั ท์ศลิ ปกรรมไทย. กรงุ เทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๕๙.
เวอรจ์ ิเนีย แมคคีน ดิ ครอคโค. สมหวงั แกว้ สฟุ อง แปล. รอยพระบาทพระพทุ ธเจ้า ๕ พระองค์ ในภทั ทกัปป์น้ี
ตามกรอบคิดแบบสิงหล-สยาม. กรุงเทพฯ : มลู นธิ พิ ิริยะ ไกรฤกษ,์ ๒๕๕๕.
ศิลป์ พีระศรี. บทความ ข้อเขียน และงานศิลปกรรมของศาสตราจารยศ์ ิลป์ พรี ะศร.ี กรุงเทพฯ : อมรินทร, ๒๕๔๕.
ศักดิช์ ัย สายสิงห.์ เจดยี ์ในประเทศไทย : รูปแบบ พฒั นาการ และพลงั ศรทั ธา. นนทบุรี : เมืองโบราณ. ๒๕๖๐.
________. ศิลปะลา้ นนา. กรงุ เทพฯ : มตชิ น. ๒๕๕๖.
ศลิ ปากร, กรม. สมุดภาพไตรภูมิฉบับกรุงศรอี ยุธยา-ฉบบั กรุงธนบรู ี เล่ม ๒. กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทร์, ๒๕๔๒.
________. สมดุ ภาพไตรภูมิฉบับอกั ษรธรรมลา้ นนาและอักษรขอม. กรุงเทพฯ : อมรินทร,์ ๒๕๔๗.
สน สมี าตรัง. “ข้อคดิ เหน็ การศกึ ษาประวตั ิศาสตรส์ งั คมลานนาจากจิตรกรรมฝาผนังลานนา”. วารสารเมอื งโบราณ
ปที ่ี ๑๑, ฉบบั ที่ ๓ (กรกฎาคม-กนั ยายน ๒๕๒๘)
________. โครงสรา้ งจติ รกรรมฝาผนงั ลานนา “สาระสังเขป” เลม่ ๑. มหาวทิ ยาลัยศิลปากร ๒๕๒๖. (อดั สำ�เนา)
สมชาติ มณีโชต.ิ จติ รกรรมไทย. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร์, ๒๕๒๙.
สันติ เล็กสขุ ุม. ศลิ ปะภาคเหนือ : หรภิ ุญชัย-ล้านนา. กรุงเทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๓๘.
สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ. กรุงเทพฯ : มลู นิธิสารานุกรมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพานชิ ย,์ ๒๕๔๒.
สามารถ ศิริเวชพันธุ.์ วหิ ารโถง ซุ้มโขง สกลุ ชา่ งลำ�ปาง. รายงานวจิ ัยเร่ืองศลิ ปะสถาปตั ยกรรมล้านนา. เชียงใหม่ :
สถาบนั วจิ ัยสังคม มหาวิทยาลยั เชียงใหม,่ ๒๕๒๗.
สชุ พี ปุญญานุภาพ. พระไตรปิฎกฉบบั ประชาชน. กรุงเทพฯ : มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย, ๒๕๓๙.
สรุ พล ดำ�ริหก์ ลุ . ประวตั ศิ าสตรแ์ ละศลิ ปะล้านนา. กรุงเทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๖๑.
_________. ล้านนา สง่ิ แวดลอ้ ม สงั คม และวฒั นธรรม. กรงุ เทพฯ : คอมแพคพรินท์ จำ�กัด, ๒๕๔๒.
_________. ลายค�ำ ลา้ นนา. กรงุ เทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๔๔.
เสมอชยั พูลสวุ รรณ. สญั ลักษณ์ในงานจิตรกรรมไทยระหว่างพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๙ – ๒๔. กรงุ เทพฯ :
สำ�นกั พิมพม์ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร,์ ๒๕๓๙.
อรุณรตั น์ วเิ ชียรเขียว. โบราณวตั ถุ - โบราณสถานในวดั ลา้ นนา. เชียงใหม่ : แสงศลิ ป,์ ๒๕๔๙.
________. พระพทุ ธรูปในลา้ นนา. เชียงใหม่ : โรงพมิ พต์ ะวันเหนอื , ๒๕๕๔.
เอนก ขำ�ทอง. พทุ ธวงศ์ ประวตั พิ ระพทุ ธเจา้ 25 พระองค.์ กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา, ๒๕๔๑.
248