๕๑
คำอธิบายรายวชิ าพ้ืนฐาน
ค ๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ เวลา ๑๖๐ ชว่ั โมง
**********************************************************************************
ฝึกทักษะการคิดคำนวณ การแก้ปัญหาในเรื่องการดำเนินการ เขียน อ่าน เปรียบเทียบและ
เรียงลำดับ เศษส่วน จำนวนคละ และทศนิยมไม่เกินสองตำแหน่ง บวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วน
และทศนิยมไม่เกินสองตำแหน่ง วิเคราะห์และแสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาระคนของจำนวนนับ
เศษส่วน ทศนิยม และร้อยละ บอกค่าประมาณใกล้เคียง จำนวนเต็มสิบ เต็มร้อย และเต็มพัน
บอกความสัมพันธ์ของหน่วยการวัด ปริมาตร หรือความจุ หาความยาวรอบรูปสี่เหลี่ยม รูปสามเหลี่ยม
หาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากและรูปสามเหลี่ยม วัดขนาดของมุม แก้ปัญหาเกี่ยวพื้นที่ ความยาวรอบรูป
ส่ีเหลี่ยมมมุ ฉาก และรปู สามเหล่ียม
บอกลักษณะและจำแนกรูปเรขาคณิตสามมิติ บอกความสัมพันธ์และจำแนกรูปสี่เหลี่ยม และรูป
สามเหลี่ยมตา่ งๆ สร้างมุมโดยใช้โปรแทกเตอร์ สร้างรูปส่ีเหล่ียมมุมฉาก รูปสามเหลี่ยมและรูปวงกลม สร้าง
เส้นขนานโดยใช้ไม้ฉาก บอกจำนวนและความสัมพนั ธ์ในรูปแบบของจำนวนทีก่ ำหนดให้ เขียนแผนภูมแิ ทง่ ที่
มีการยน่ ระยะของเส้นแสดงจำนวน อา่ นขอ้ มูลจากแผนภมู ิแท่งเปรียบเทียบ บอกได้ว่าเหตกุ ารณ์ท่ีกำหนดให้
เกดิ ขึน้ แน่นอน อาจจะเกดิ ขนึ้ หรือไม่กไ็ ด้ ไม่เกิดขึน้ อย่างแน่นอน
ใช้ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เพื่อให้มีความสามารถในการสื่อสาร การคิด
การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิตและเทคโนโลยี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นการทำงาน อยู่อย่างพอเพียง
รักความเป็นไทย รักชาติ ศาสตร์กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ พร้อมทั้งตระหนักในคุณค่า
และมีเจตคติท่ีทดี่ ีตอ่ คณติ ศาสตร์
รหัสตวั ชี้วัด
ค ๑.๑ ป.๕/๑ , ป.๕/๒ , ป.๕/๓, ป.๕/๔ , ป.๕/๕ , ป.๕/๖ ป.๕/๗ , ป.๕/๘ , ป.๕/๙ ,
ค ๒.๑ ป.๕/๑ , ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ ,
ค ๒.๒ ป.๕/๑ , ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ ,
ค ๓.๑ ป.๕/๑ , ป.๕/๒
รวมทั้งหมด ๑๙ ตัวช้ีวัด
หลักสตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๕๒
คำอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน
ค ๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์
ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๑๖๐ ชัว่ โมง
**********************************************************************************
เปรยี บเทียบ เรยี งลำดับ เศษสว่ นและจำนวนคละจากสถานการณ์ตา่ ง ๆ เขียนอัตราส่วนแสดง
การเปรียบเทียบปรมิ าณ ๒ ปริมาณ จากข้อความหรือสถานการณ์ โดยที่ปริมาณแต่ละปริมาณเป็นจำนวนนับ
หาอตั ราส่วนที่เท่ากับอัตราส่วนที่กำหนดให้ หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น.ของจำนวนับไม่เกิน ๓ จำนวน แสดงวิธีหา
คำตอบของโจทยป์ ญั หาโดยใช้ความรเู้ ก่ยี วกับห.ร.ม.และค.ร.น. หาผลลัพธข์ องการบวก ลบ คณู หารระคนของ
เศษส่วนและจำนวนคละ แสดงวิธีหาคำตอบของโจทยป์ ัญหาเศษส่วนและจำนวนคละ ๒-๓ ขัน้ ตอน หาผลหาร
ของทศนิยมที่ตัวหารและผลหารเป็นทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาการบวก
การลบ การคูณ การหารทศนิยม ๓ ข้นั ตอน แสดงวธิ หี าคำตอบของโจทย์ปัญหาอัตราส่วนและโจทยป์ ัญหาร้อย
ละ ๒-๓ ขั้นตอน แสดงวิธีคิดและหาคำตอบของปัญหาเกี่ยวกับแบบรูป แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหา
เกี่ยวกับปริมาตรของรูปเรขาคณิตสามมิติที่ประกอบด้วยทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์
ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูป และพื้นที่ของรูปหลายเหลีย่ ม ความยาวรอบรูปและพืน้ ท่ีของวงกลม จำแนก
รปู สามเหลย่ี มโดยพิจารณาจากสมบัติของรูป สรา้ งรูปสามเหล่ียมเมอ่ื กำหนดความยาวของดา้ นและขนาดของ
มุม
บอกลักษณะของรูปเรขาคณิตสามมิติชนิดต่างๆ ระบุรูปเรขาคณิตสามมิติที่ประกอบจากรูปคลี่ และ
ระบรุ ูปคลขี่ องรปู เรขาคณิตสามมติ ิ ใชข้ อ้ มลู จากแผนภมู ิรูปวงกลมในการหาคำตอบของโจทยป์ ัญหา
ในการจดั การเรียนรู้ได้กำหนดสถานการณ์เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า ฝกึ ทักษะโดยการปฏิบัติจริง
สรปุ เน้ือหา มเี จตคตทิ ี่ดตี ่อคณิตศาสตร์ มีความคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาทักษะและกระบวนการ
ทางคณติ ศาสตรข์ องผเู้ รยี น และนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้
รหัสตวั ชี้วดั
ค ๑.๑ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ , ป.๖/๔ , ป.๖/๕ , ป.๖/๖ , ป.๖/๗ , ป.๖/๘ , ป.๖/๙ ,
ป.๖/๑๐ , ป.๖/๑๑ , ป.๖/๑๒
ค ๑.๒ ป.๖/๑
ค ๒.๑ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓
ค ๒.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ , ป.๖/๔
ค ๓.๑ ป.๖/๑
รวมทั้งส้ิน ๒๑ ตัวช้ีวัด
หลกั สูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๕๓
รายวิชาพืน้ ฐานและเพ่ิมเติม กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
รายวิชาพื้นฐาน จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง
ค ๒๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง
ค ๒๑๑๐๒ คณิตศาสตร์ จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง
ค ๒๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง
ค ๒๒๑๐๒ คณติ ศาสตร์ จำนวน ๖๐ ชัว่ โมง
ค ๒๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จำนวน ๖๐ ชั่วโมง
ค ๒๓๑๐๒ คณติ ศาสตร์
รายวิชาเพิ่มเติม (บงั คับเลือก) จำนวน ๒๐ ช่วั โมง
ค ๒๑๒๐๑ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ ๑ จำนวน ๒๐ ชัว่ โมง
ค ๒๑๒๐๒ ทักษะทางคณติ ศาสตร์ ๒ จำนวน ๒๐ ชว่ั โมง
ค ๒๒๒๐๑ ทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ ๓ จำนวน ๒๐ ชั่วโมง
ค ๒๒๒๐๒ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ ๔ จำนวน ๒๐ ชว่ั โมง
ค ๒๓๒๐๑ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ ๕ จำนวน ๒๐ ชั่วโมง
ค ๒๓๒๐๒ ทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ ๖
หลกั สูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๕๔
คำอธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน
ค ๒๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ (ภาคเรยี นท่ี ๑) เวลา ๖๐ ช่ัวโมง
******************************************************************************
จำนวนตรรกยะ ศึกษาจำนวนเตม็ การเปรียบเทยี บจำนวนเตม็ จำนวนตรงข้ามและค่าสมั บูรณ์ การ
บวก การลบ การคูณ และการหารจำนวนเต็ม สมบัตขิ องจำนวนเต็ม และการนำความรู้เกย่ี วกับจำนวนเตม็ ไป
ใช้ในชวี ิตจรงิ
เศษสว่ นและทศนยิ ม การเปรียบเทียบเศษสว่ น การบวก การลบ การคณู การหารเศษสว่ น และการ
นำความรู้เกี่ยวกับเศษส่วนไปใช้ในชีวิตจริง ทศนิยม ค่าประจำหลักของทศนิยม การเปรียบเทียบทศนิยมการ
บวก การลบ การคณู การหารทศนิยม (ไม่รวมผลลัพธ์ทีเ่ ปน็ ทศนยิ มซ้ำ) ความสัมพนั ธข์ องเศษส่วน
กับทศนิยม การนำความรเู้ กีย่ วกบั ทศนยิ มไปใช้ในชวี ิตจริง และจำนวนตรรกยะและสมบตั ิของจำนวนตรรกยะ
เลขยกกำลงั การเขียนเลขยกกำลงั ท่ีมีเลขชกี้ าลังเปน็ จำนวนเต็มบวก การคูณ และการหาร เลขยก
กำลัง เมื่อเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก การเขียนจำนวนในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์และการนำความรู้
เก่ยี วกับเลขยกกำลังไปใชใ้ นชวี ิตจริง
การสร้างทางเรขาคณิต การสรา้ งพ้นื ฐานทางเรขาคณติ การสรา้ งเก่ยี วกับส่วนของเส้นตรง การสร้าง
เก่ียวกับมุม การสร้างเกยี่ วกบั เสน้ ตั้งฉากการสร้างรูปเรขาคณติ สองมติ ิโดยใช้การสร้างพนื้ ฐานทางเรขาคณิต
การสร้างมุมท่มี ีขนาดตา่ ง ๆ และการสรา้ งเสน้ ขนาน
มิติสัมพันธ์ของรูปเรขาคณิต รูปเรขาคณิตสองมิติ รูปเรขาคณิตสามมิติ หน้าตัดของรูปเรขาคณิต
สามมิติ การอธิบายภาพสองมิติที่ได้จากการมองด้านหนา้ ด้านข้าง และด้านบนของรูปเรขาคณิตสามมิติ และ
รปู เรขาคณติ สามมติ ทิ ่ปี ระกอบขึ้นจากลกู บาศก์ แบบรปู และความสัมพันธ์
โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าโดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป
รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะ/กระบวนการในการคิดคำนวณ แก้ปัญหา การให้เหตุผล และนำความรู้ ความคิด
ทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตนคติที่ดีต่อ
คณิตศาสตร์ สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบ มีความรับผิดชอบมีวิจารณญาณ มีความคิดริเริ่ม
สร้างสรรค์และมีความเชอื่ มัน่ ในตนเอง
รหสั ตัวช้วี ัด
ค ๑.๑ ม.๑/๑ , ม.๑/๒
ค ๒.๒ ม.๑/๑ , ม.๑/๒
รวมทั้งหมด ๔ ตวั ช้ีวัด
หลกั สูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๕๕
คำอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน
ค ๒๑๑๐๒ คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ (ภาคเรียนท่ี ๒) เวลา ๖๐ ชว่ั โมง
**********************************************************************************
สมการเชิงเส้นตัวและเดียว คำตอบของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สมบัติของ การเท่ากัน การแก้
สมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดียว และการนาความรเู้ กี่ยวกบั สมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี วไปใช้ในชีวติ จริง
อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ ศึกษาอัตราส่วน อัตราส่วนของจำนวนหลาย ๆ จำนวน สัดส่วน การ
นำความรเู้ กีย่ วกับอัตราส่วน สดั สว่ น และร้อยละไปใชใ้ นชีวิตจรงิ
กราฟและสมการเชงิ เสน้ คอู่ ันดบั และกราฟของคูอ่ ันดบั กราฟของความสัมพนั ธเ์ ชงิ เส้น สมการ
เชงิ เสน้ สองตวั แปร และการนำความรูเ้ ก่ียวกับกราฟของความสมั พนั ธ์เชิงเสน้ ไปใช้ในชวี ติ จรงิ
สถิติ การตั้งคำถามทางสถิติ การเก็บรวบรวมข้อมูล การนำเสนอและการแปลความหมายข้อมูลและ
การนำความรู้เกีย่ วกบั สถิตไิ ปใชใ้ นชวี ติ จริง
โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าโดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป
รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะ/กระบวนการในการคิดคำนวณ แก้ปัญหา การให้เหตุผล และนำความรู้ ความคิด
ทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตนคติที่ดีต่อ
คณิตศาสตร์ สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบ มีความรับผิดชอบมีวิจารณญาณ มีความคิดริเร่ิม
สร้างสรรคแ์ ละมคี วามเช่อื ม่นั ในตนเอง
รหสั ตัวชว้ี ัด
ค ๑.๑ ม.๑/๓
ค ๑.๓ ม.๑/๑ , ม.๑/๒ , ม.๑/๓
ค ๓.๑ ม.๑/๑
รวมท้ังหมด ๕ ตัวชี้วดั
หลกั สูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๕๖
คำอธิบายรายวิชาพืน้ ฐาน
ค ๒๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ (ภาคเรียนที่ ๑) เวลา ๖๐ ช่วั โมง
******************************************************************************
ศึกษาความรู้เก่ยี วกับเศษสว่ นและทศนยิ มจำนวนตรรกยะและจำนวนอตรรกยะ การหารากท่ีสองและ
รากที่สามของจำนวนจริง การแยกตัวประกอบโดยการหารากที่สองและรากที่สามของจำนวนจริง โจทย์
ปัญหาเกี่ยวกับการหารากที่สองและรากที่สามของจำนวนเต็ม ความสมเหตุสมผล ความสัมพันธ์ของการยก
กำลังกับการหารากของจำนวนจริง ความสัมพันธ์ของจำนวนจริง จำนวนตรรกยะและจำนวนอตรรกยะ
ทฤษฎีบทพีทาโกรัส บทกลับทฤษฎีบทพีทาโกรสั และการนำไปใช้แก้โจทย์ปัญหา พื้นที่ผิวและปริมาตรของ
ปริซึมและทรงกระบอก และการนำความรู้เกี่ยวกับพื้นที่ผิวและปริมาตรของปริซึมและทรงกระบอกไปใช้ใน
การแกป้ ัญหา การแปลงทางเรขาคณติ การสรา้ งรูปเรขาคณิตที่ได้จากการเลื่อนขนาน การสะทอ้ น และการ
หมุนในระบบพิกัดฉาก สมบัติและการดำเนินการของเลขยกกำลัง การบวก การลบ การคูณ และการหารเอก
นามและพหุนาม
โดยจดั ประสบการณห์ รอื สร้างสถานการณใ์ นชีวติ ประจำวนั ที่ใกล้ตัวให้ผูเ้ รยี นไดศ้ ึกษาค้นควา้
เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการในการคิดคำนวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การวิเคราะห์ การสื่อ
ความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนำประสบการณ์ทั้งด้านความรู้ความคิด ทักษะกระบวนการท่ีได้ไปใช้
ในชวี ิตประจำวนั อย่างสรา้ งสรรค์
เพอื่ ให้เกิดความรคู้ วามเขา้ ใจ ความคิดรวบยอด ใฝ่ร้ใู ฝ่เรียน มีระเบียบวนิ ัย มุ่งม่นั ในการทำงาน
อย่างมีระบบ ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวิจารณญาณ รู้จักนำความรู้ไปประยุกต์ในการดำรงชีวิตได้อย่างพอเพียง
รวมทั้งมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเลา่ เรียนท้ังทางตรงและทางอ้อม ซื่อสัตย์ เสียสละ
มอี ดุ มการณ์ในสง่ิ ทดี่ งี ามเพื่อส่วนรวม
รหสั ตวั ชี้วดั
ค ๑.๑ ม. ๒/๑
ค ๑.๑ ม. ๒/๒
ค ๒.๑ ม. ๒/๑
ค ๒.๑ ม. ๒/๒
ค ๒.๒ ม. ๒/๓
ค ๒.๒ ม. ๒/๕
รวมทั้งหมด ๗ ตัวช้ีวัด
หลกั สูตรโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๕๗
คำอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน
ค ๒๒๑๐๒ คณติ ศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ (ภาคเรียนท่ี ๒) เวลา ๖๐ ชวั่ โมง
******************************************************************************
ศึกษาความรู้เกี่ยวกับเรื่อง การเก็บรวบรวมข้อมูล การนำเสนอข้อมูลแบบแผนภาพจุด แผนภาพ
ต้น-ใบ ฮิสโทแกรม ค่ากลางของข้อมูล ความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม รูปสามเหลี่ยมสองรูป
ที่สัมพันธ์กันแบบ ด้าน-มุม-ด้าน , มุม-ด้าน-มุม , ด้าน-ด้าน-ด้าน , มุม-มุม-ด้าน และฉาก-ด้าน-ด้าน
และการนำไปใช้แก้โจทย์ปัญหา สมบัติต่างๆ ของเส้นขนาน รวมไปถึงการให้เหตุผลและการแก้ปัญหาของ
เส้นขนานและรูปสามเหลี่ยม การให้เหตุผลทางเรขาคณิต การให้เหตุผลเกี่ยวกับการสร้าง และการให้เหตุผล
เกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยม การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว พหุนามดีกรี
ทเ่ี ปน็ กำลงั สองสมบูรณ์ และพหนุ ามดกี รสี องทีเ่ ปน็ ผลตา่ งของกำลงั สอง
โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจำวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า
เพือ่ พฒั นาทักษะกระบวนการในการคดิ คำนวณ การแก้ปญั หา การให้เหตผุ ล การวิเคราะห์ การส่อื ความหมาย
ทางคณิตศาสตร์ และการนำประสบการณ์ทั้งด้านความรู้ความคิด ทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้
ในชวี ิตประจำวนั อย่างสร้างสรรค์
เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ความคิดรวบยอด ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีระเบียบวินัย มุ่งมั่นในการทำงาน
อย่างมีระบบ ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวิจารณญาณ รู้จักนำความรู้ไปประยุกต์ในการดำรงชีวิตได้อย่างพอเพียง
รวมทั้งมีเจตคติท่ีดตี อ่ คณิตศาสตร์ ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนท้ังทางตรงและทางอ้อม ซื่อสัตย์ เสียสละ
มีอดุ มการณ์ในส่ิงท่ีดีงามเพ่อื สว่ นรวม
รหสั ตัวช้ีวดั
ค ๑.๒ ม. ๒/๒
ค ๒.๒ ม. ๒/๑
ค ๒.๒ ม. ๒/๒
ค ๒.๒ ม. ๒/๔
ค ๓.๑ ม. ๒/๑
รวมท้ังหมด ๕ ตัวชี้วัด
หลักสูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๕๘
คำอธิบายรายวชิ าพ้นื ฐาน
ค ๒๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ (ภาคเรยี นท่ี ๑) เวลา ๖๐ ชว่ั โมง
******************************************************************************
ศึกษา ฝึกทักษะ/กระบวนการในสาระ การใช้สมบัติของการไม่เท่ากัน เพื่อวิเคราะห์และแก้ปัญหา
โดยใชอ้ สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว การแยกตัวประกอบของพหุนามท่ีทีดีกรสี ูงกวา่ สอง สมการกำลังสองตัว
แปรเดยี ว การแกส้ มการกำลังสองตวั แปรเดียว การนำความรู้เกี่ยวกับสมการกำลงั สองตัวแปรเดยี วไปใช้ในการ
แก้ปัญหา ฟังก์ชันกำลังสอง กราฟฟังก์ชันกำลังสอง การนำความรู้เกี่ยวกับฟังก์ชันกำลังสองไปใช้ในการ
แก้ปัญหา ความคล้าย รูปสามเหลี่ยมคล้ายกนั การนำความรูเ้ กี่ยวกับความคลา้ ยไปใช้ในการแก้ปญั หา เข้าใจ
และใช้ความรู้ทางสถิติในการนำเสนอและวิเคราะห์ข้อมูลจากแผนภาพกล่องและแปลความหมาย ผลลัพธ์
รวมทัง้ นำสถิติไปใช้ในชีวิตจรงิ โดยใชเ้ ทคโนโลยีท่เี หมาะสม
เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษา พัฒนาทักษะกระบวนการในการคิดคำนวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การ
สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ ไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั อย่างสรา้ งสรรค์
ผเู้ รยี นเหน็ คุณคา่ และมเี จตคติทด่ี ีต่อคณติ ศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเปน็ ระบบระเบียบ รอบคอบ มี
ความรบั ผดิ ชอบ มีวจิ ารณญาณ และเช่อื มัน่ ในตนเอง
รหสั ตัวชี้วัด
ค ๑.๒ ม.๓/๑ , ม.๓/๒
ค ๑.๓ ม.๓/๑ , ม.๓/๒
ค ๒.๒ ม.๓/๑
ค ๓.๑ ม.๓/๑
รวมทั้งหมด ๖ ตัวช้ีวัด
หลักสตู รโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๕๙
คำอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน
ค ๒๓๑๐๒ คณติ ศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ (ภาคเรียนที่ ๒) เวลา ๖๐ ช่ัวโมง
**********************************************************************************
ศึกษา ฝึกทักษะ/กระบวนการในสาระ ประยุกต์ใช้ระบบสมการเชิงเสน้ สองตวั แปรในการแก้ปัญหา
คณิตศาสตร์ เข้าใจและใช้ทฤษฎีบทเกี่ยวกับวงกลมในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ ประยุกต์ใช้ความรู้เรื่อง
ปริมาตรของพีระมิด กรวย และทรงกลมในการแก้ปญั หาคณิตศาสตรแ์ ละปัญหาในชวี ติ จรงิ เข้าใจเก่ยี วกับ
การทดลองสุ่มและนำผลที่ไดไ้ ปหาความนา่ จะเปน็ ของเหตุการณ์ และนำความรู้เกยี่ วกับอตั ราส่วนตรโี กณมิติ
ไปใชใ้ นการแก้ปัญหาคณติ ศาสตรแ์ ละปญั หาในชวี ติ จริง
เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษา พัฒนาทักษะกระบวนการในการคิดคำนวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การ
สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ ไปใช้ในชวี ิตประจำวันอยา่ งสร้างสรรค์
ผ้เู รียนเห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อคณติ ศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเปน็ ระบบระเบยี บ รอบคอบ มี
ความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเชอื่ ม่ันในตนเอง
รหสั ตัวช้ีวัด
ค ๑.๓ ม.๓/๓
ค ๒.๑ ม.๓/๑ , ม.๓/๒
ค ๒.๒ ม.๓/๒ , ม.๓/๓
ค ๓.๒ ม.๓/๑
รวมท้ังหมด ๖ ตัวชี้วัด
หลักสตู รโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๖๐
คำอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม(บังคบั เลือก)
ค ๒๑๒๐๑ ทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ (ภาคเรียนท่ี ๑) เวลาเรยี น ๒๐ ชวั่ โมง
**************************************************************************************************
การประยุกต์ ๑ รปู เรขาคณิต ความยาวของรปู สามเหลี่ยม จดุ ภายในและจุดภายนอก แทนแกรม
จำนวนนบั จำนวนเฉพาะ ตวั หารรว่ มมากโดยวิธขี องยคู ลดิ ร้อยละในชีวิตประจำวนั
จำนวนและตัวเลข ระบบตวั เลขโรมัน ระบบตวั เลขฐานตา่ ง ๆ การเปลีย่ นฐานในระบบตวั เลข
การประยกุ ต์ของจำนวนเตม็ และเลขยกกำลัง การคดิ คำนวณ โจทย์ปัญหา
การสร้าง การแบง่ สว่ นของเสน้ ตรง การสร้างมุมตา่ ง ๆ การสรา้ งรปู สามเหลย่ี มและรปู สเ่ี หล่ียม
ด้านขนาน
เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีและนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์ที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่า
และมี เจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีวินัย ซื่อสัตย์สุจริต ใฝ่เรียนรู้
ม่งุ มั่นในการทำงาน อยู่อย่างพอเพยี ง รกั ความเปน็ ไทย รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และมีจิตสาธารณะ
ผลการเรียนรู้
๑. นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับรปู เรขาคณติ และรูปสามเหล่ยี ม
๒. นกั เรียนสามารถอธบิ ายจดุ ภายในและจุดภายนอกได้
๓. นกั เรียนมีความรู้เก่ียวกบั จำนวนนบั
๔. นกั เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ และสามารถนำรอ้ ยละไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้
๕. นกั เรียนสามารถเขียนจำนวนในรปู เลขโรมัน และเขียนจำนวนโรมันในรูปตัวเลขได้
๖. นักเรียนสามารถเปล่ยี นระบบเลขฐานตา่ ง ๆ ได้
๗. นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ และสามารถประยุกต์จำนวนเต็ม และเลขยกกำลงั ได้
๘. นักเรยี นมคี วามรเู้ ก่ียวกับการสร้างในการแบ่งส่วนของเส้นตรง การสร้างมุมต่าง ๆ การสรา้ งรปู
สามเหลี่ยม และรปู ส่ีเหล่ียมด้านขนาน
รวมท้ังหมด ๘ ผลการเรียนรู้
หลักสูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๖๑
คำอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม(บังคบั เลือก)
ค ๒๑๒๐๒ ทักษะทางคณิตศาสตร์ ๒ กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์
ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ (ภาคเรียนท่ี ๒ ) เวลาเรียน ๒๐ ชั่วโมง
การเตรียมความพร้อมในการให้เหตุผล ข้อความคาดการณ์ ประโยคเงื่อนไข บทกลบั ของประโยค
เง่อื นไข การให้เหตผุ ล
พหุนาม เอกนาม การบวกและการลบเอกนาม พหนุ าม การบวกและการลบพหนุ าม การคูณ
พหุนาม การหารพหุนาม
การประยกุ ต์ ๒ แบบรูปของจำนวน ข่ายงาน การประยกุ ต์ของเศษส่วนและทศนิยม
เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีและนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์ที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่า
และมี เจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีวินัย ซื่อสัตย์สุจริต ใฝ่เรียนรู้
มงุ่ มนั่ ในการทำงาน อยู่อย่างพอเพยี ง รกั ความเป็นไทย รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และมีจติ สาธารณะ
ผลการเรียนรู้
๑. นกั เรยี นสามารถคาดการณ์ข้อความในสถานการณต์ า่ ง ๆ ได้
๒. นักเรียนสามารถสร้างประโยคเงือ่ นไขท่มี คี วามเปน็ เหตเุ ปน็ ผลได้
๓. นกั เรยี นสามารถเขยี นบทกลบั ของประโยคเงื่อนไขได้
๔. นกั เรียนสามารถให้เหตุผลในการพสิ ูจน์ประโยคเง่อื นไขทางคณติ ศาสตร์ได้
๕. นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั เอกนาม และพหนุ าม
๖. นกั เรียนสามารถบวก และลบเอกนาม การบวก และการลบพหนุ าม การคุณ การหารพหนุ ามได้
๗. นักเรียนสามารถหาแบบรปู ของจำนวนได้
๘. นกั เรียนสามารถบอกขา่ ยงาน และสรา้ งข่ายงานจากสถานการณ์ต่าง ๆ ได้
๙. นกั เรียนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ และความคดิ รวบยอดเก่ยี วกบั การประยกุ ตเ์ ศษสว่ น และทศนยิ ม
รวมทั้งหมด ๙ ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๖๒
คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม(บังคับเลือก)
ค ๒๒๒๐๑ ทักษะทางคณิตศาสตร์ ๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ (ภาคเรยี นที่ ๑) เวลาเรียน ๒๐ ชั่วโมง
**************************************************************************************************
ศึกษา ฝึกทักษะการคิดคำนวณ มีความรู้ความเข้าใจ เกิดทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์และ
ฝึกการแก้ปัญหาเรื่อง บทนิยามและสมบัติอื่นๆของเลขยกกำลัง การคูณและการหารเลขยกกำลังที่มีเลขชี้
กำลังเป็นจำนวนเต็มและการนำไปใช้ในการแก้ปัญหาหรือสถานการณ์ต่างๆ การใช้เลขยกกำลังในการเขียน
แสดงจำนวนที่มีค่าน้อยๆ หรือมากๆในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ การคำนวณเกี่ยวกับจำนวนที่อยู่ในรูป
สัญกรณว์ ทิ ยาศาสตร์ การบวก การลบ การคูณและการหารพหนุ าม การบวก การลบ การคูณ และการหาร
เศษส่วนของพหุนามที่พหุนามมีดีกรีไม่เกินหนึ่ง การแก้ปัญหาหรือสถานการณ์โดยใช้อัตราส่วนและสัดส่วน
การแก้ปัญหา หรือสถานการณ์ในชีวิตประจำวันโดยใชร้ ้อยละ การสร้างสรรค์งานศิลปะโดยใชก้ ารแปลงทาง
เรขาคณติ การออกแบบโดยใชก้ ารแปลงทางเรขาคณิต
โดยจัดประสบการณห์ รือสรา้ งสถานการณใ์ นชีวิตประจำวนั ท่ใี กลต้ ัวใหผ้ เู้ รียนได้ศึกษาคน้ คว้า โดยการ
ปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะ/กระบวนการในการคิดคำนวณ การแก้ปัญหา การใช้
เหตผุ ล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนำประสบการณ์ดา้ นความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการที่ได้
ไปใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ และใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อ
คณิตศาสตร์ สามารถทำงานอยา่ งเป็นระบบระเบยี บ มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มวี จิ ารณญาณ และมี
ความเชอื่ มนั่ ในตนเอง
เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีและนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์ท่ไี ด้ไปใชใ้ นการเรยี นร้สู ง่ิ ต่างๆและใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั อยา่ งสรา้ งสรรค์ รวมทง้ั เหน็ คุณค่าและ
มเี จตคติทดี่ ตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีวินัย ซอ่ื สัตย์สจุ รติ ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่น
ในการทำงาน อยอู่ ย่างพอเพยี ง รกั ความเป็นไทย รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ และมจี ติ สาธารณะ
ผลการเรียนรู้
๑. คูณและหารจำนวนท่เี ขยี นในรปู เลขยกกำลังที่มเี ลขชก้ี ำลังที่เปน็ จำนวนเตม็ โดยใชบ้ ทนิยาม และ
สมบตั ขิ องเลขยกกำลงั และนำไปใช้ในการแกป้ ัญหาได้
๒. คำนวณและใชเ้ ลขยกกำลังในการเขยี นแสดงจำนวนที่มีค่าน้อยๆหรอื มาก ในรปู สัญกรณ์
วทิ ยาศาสตร์ได้
๓. บวก ลบ คูณ และหารพหนุ ามได้
๔. บวก ลบ คณู หาร เศษสว่ นของพหนุ ามที่มีดีกรไี มเ่ กินหนงึ่ ได้
๕. ใชค้ วามรเู้ กยี่ วกบั อัตราส่วน สัดสว่ นและร้อยละแก้ปัญหา หรือสถานการณต์ า่ งๆได้
รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรียนรู้
หลกั สตู รโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๖๓
คำอธิบายรายวิชาเพ่ิมเตมิ (บังคับเลือก)
ค ๒๒๒๐๒ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ ๔ กลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ (ภาคเรยี นท่ี ๒) เวลาเรียน ๒๐ ชั่วโมง
**************************************************************************************************
ศึกษา ฝกึ ทกั ษะการคิดคำนวณ มีความรคู้ วามเข้าใจ เกดิ ทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และ
ฝึกการแก้ปัญหาเรื่อง การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองโดยใช้สมบัติการแจกแจง การแยกตัว
ประกอบของพหุนามดีกรีสองที่อยู่ในรูป ax2 + bx + c เมื่อ a,b,c เป็นค่าคงตัว และ a 0 การแยกตัว
ประกอบของพหุนามดีกรีสองท่ีอยู่ในรูปกำลงั สองสมบรู ณ์ การแยกตวั ประกอบของพหุนามดีกรีสองที่อยู่ในรูป
ผลต่างกำลังสอง การแกส้ มการกำลงั สองตัวแปรเดยี วโดยใช้การแยกตวั ประกอบ การแกโ้ จทย์ปัญหาเกี่ยวกับ
สมการกำลังสองตัวแปรเดียวโดยใช้การแยกตัวประกอบ การแปรผันโดยตรง การแปรผันแบบผกผัน
การแปรผนั แบบเกย่ี วเน่อื ง การนำไปใช้
โดยจดั ประสบการณห์ รือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจำวนั ท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรยี นได้ศึกษาค้นคว้าโดยการ
ปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน โดยสร้างทฤษฎีความรู้ ( TOK ; Theory of Knowledge )เพื่อพัฒนา
ทักษะ/กระบวนการในการคดิ คำนวณ การแก้ปัญหา การใช้เหตผุ ล การสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และนำ
ประสบการณ์ด้านความรู้ด้านต่างๆ และใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแนวคิดในการจัดทำ
โครงงานคณิตศาสตร์ รวมทั้งเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเป็นระบบ
ระเบยี บ มีความรอบคอบ มีความรบั ผิดชอบ มีวจิ ารณญาณ และมคี วามเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีและนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์ที่ได้ไปใช้ในการเรยี นรู้สิ่งต่างๆและใช้ในชวี ิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ รวมท้ังเห็นคุณค่าและ
มีเจตคตทิ ด่ี ตี ่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ มวี ินัย ซอ่ื สัตย์สจุ ริต ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ัน
ในการทำงาน อยู่อยา่ งพอเพยี ง รกั ความเปน็ ไทย รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ และมจี ิตสาธารณะ
ผลการเรยี นรู้
๑. แยกตัวประกอบของพหนุ ามดีกรสี องตัวแปรเดยี วทม่ี ีสัมประสิทธ์ขิ องแต่ละพจน์เปน็ จำนวนเตม็
และมสี ัมประสทิ ธิ์ ของแต่ละพจน์ในพหนุ าม ตวั ประกอบเปน็ จำนวนเตม็
๒. แก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียวโดยใช้การแยกตัวประกอบได้
๓. แกโ้ จทย์ปัญหาเกีย่ วกับสมการกำลงั สองตวั แปรเดยี วโดยใชก้ ารแยกตัวประกอบได้
๔. เขยี นสมการแสดงการแปรผันระหว่างปริมาณใดๆท่แี ปรผนั ต่อกนั ได้
๕. แก้ปญั หาหรอื สถานการณ์ทีก่ ำหนด โดยใชค้ วามรเู้ กี่ยวกับการแปรผนั ได้
รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรียนรู้
หลักสตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๖๔
คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม(บังคบั เลอื ก)
ค ๒๓๒๐๑ ทักษะทางคณิตศาสตร์ ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ (ภาคเรยี นท่ี ๑) เวลาเรียน ๒๐ ช่ัวโมง
**************************************************************************************************
ศึกษาความรู้เกี่ยวกับพหุนามที่มีดีกรีสาม การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสาม โดยใช้ผลบวก
กำลังสาม หรือผลต่างกำลังสาม หรือสมบัติการแจกแจง ตามสูตรการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสาม
3 + 3 = ( + )( 2 − + 2) และ 3 − 3 = ( − )( 2 + + 2) สมการกำลัง
สอง การหาคำตอบของสมการกำลังสองตวั แปรเดยี ว การแก้สมการกำลงั สองตัวแปรเดยี วโดยใชส้ ูตร
= − ±√ 2−4 การแกโ้ จทย์ปัญหาเกี่ยวกบั สมการกำลังสองตัวแปรเดียว
2
โดยจัดประสบการณ์ กิจกรรม หรือโจทย์ปัญหาที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะกระบวนการทาง
คณิตศาสตร์ในการคิดคำนวณ การให้เหตุผล การวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร การสื่อความหมาย
และการนำเสนอ
เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีและนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์ที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่า
และมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีวินัย ซื่อสัตย์สุจริต ใฝ่เรียนรู้
มุง่ ม่นั ในการทำงาน อย่อู ย่างพอเพยี ง รกั ความเป็นไทย รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และมจี ติ สาธารณะ
ผลการเรยี นรู้
๑. แยกตัวประกอบของพหนุ ามดีกรสี งู กว่าสอง โดยใชส้ ูตร
3 + 3 = ( + )( 2 − + 2) ได้
๒. แยกตวั ประกอบของพหนุ ามดกี รสี ูงกว่าสอง โดยใชส้ ูตร
3 − 3 = ( − )( 2 + + 2) ได้
๓. หาคำตอบของสมการกำลังสองตัวแปรเดียวได้
๔. แก้สมการกำลงั สองตัวแปรเดียวโดยใชส้ ตู ร = − ±√ 2−4 ได้
2
๕. แก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั สมการกำลงั สองตัวแปรเดยี วได้
รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรียนรู้
หลักสูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๖๕
คำอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม(บังคบั เลอื ก)
ค ๒๓๒๐๒ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ ๖ กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ (ภาคเรียนที่ ๒) เวลาเรียน ๒๐ ชั่วโมง
*********************************************************************************************
ศึกษาความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีวงกลม มุมที่จุดศูนย์กลาง และมุมในส่วนโค้งของวงกลม คอร์ดเส้น
สัมผัสวงกลม และการประยุกต์ใช้ทฤษฎีวงกลมในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ การประยุกต์ความน่าจะ
เป็นในการแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ และในชวี ติ ประจำวัน
โดยจัดประสบการณ์ กิจกรรม หรือโจทย์ปัญหาที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะกระบวนการทาง
คณิตศาสตร์ในการคิดคำนวณ การให้เหตุผล การวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร การสื่อความหมาย
และการนำเสนอ
เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีและนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์ที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่า
และมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีวินัย ซื่อสัตย์สุจริต ใฝ่เรียนรู้
ม่งุ ม่ันในการทำงาน อยู่อย่างพอเพียง รกั ความเป็นไทย รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ และมีจิตสาธารณะ
ผลการเรียนรู้
๑. บอกทฤษฎวี งกลมได้
๒. นำทฤษฎวี งกลมไปใช้แก้ปญั หาตามสถานการณ์ที่กำหนดใหไ้ ด้
๓. ประยกุ ตใ์ ชท้ ฤษฎวี งกลมต้ังแต่ ๒ ทฤษฎรี วมกนั ได้
๔. หาความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ที่กำหนดให้ได้
๕. แกป้ ัญหาเกย่ี วกับความน่าจะเป็นได้
รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรียนรู้
หลกั สตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๖๖
คำอธิบายรายวชิ า
กลุม่ สาระการเรียนรู้
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
หลักสตู รโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๖๗
รายวิชาพน้ื ฐานและเพิ่มเตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ระดบั ประถมศึกษา
รายวิชาพืน้ ฐาน จำนวน ๑๒๐ ชั่วโมง
ว ๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๑๒๐ ช่ัวโมง
ว ๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๑๒๐ ชว่ั โมง
ว ๑๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๑๒๐ ช่ัวโมง
ว ๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๑๒๐ ชว่ั โมง
ว ๑๕๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๑๒๐ ชว่ั โมง
ว ๑๖๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รายวชิ าเพม่ิ เติม
--ไมม่ -ี -
หลักสตู รโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๖๘
คำอธบิ ายรายวิชาพืน้ ฐาน
ว ๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ เวลา ๑๒๐ ช่วั โมง
**********************************************************************************
ศึกษา วิเคราะห์ ระบุชื่อพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณต่างๆ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ บอก
สภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมกับการดำรงชวี ติ ของสัตวใ์ นบริเวณท่ีอาศยั อยู่ บรรยายลกั ษณะและบอกหน้าที่ของ
ส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์สัตว์ และพืช รวมทั้งบรรยายการทำหน้าที่ร่วมกันของ ส่วนต่างๆ ของร่างกาย
มนุษย์ในการทำกิจกรรมต่าง ๆจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ตระหนักถึงความสำคัญของส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ตนเอง โดยการดแู ลส่วนต่างๆ อยา่ ถกู ต้องใหป้ ลอดภัย และรักษาความสะอาดอยูเ่ สมอ อธบิ ายสมบตั ทิ สี่ งั เกต
ไดข้ องวสั ดทุ ีใ่ ชท้ ำวัตถุ ซึ่งทำจากวัสดุชุนเดียวหรือหลายชุนประกอบกัน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุ
ชนิดของวัสดุและจัดกลุ่มวัสดุตามสมบัติที่สังเกตได้ บรรยายการเกิดเสียงและทิศทางการเคลื่อนที่ ของเสียง
จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้าในเวลากลางวันและกลางคืนจากข้อมูลที่รวบรวมได้
อธิบายสาเหตทุ มี่ องไม่เหน็ ดาวส่วนใหญ่ในเวลากลางวนั จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ อธบิ ายลักษณะภายนอกของ
หนิ จากลักษณะ เฉพาะตัวท่สี ังเกตได้
แกป้ ญั หาอย่างงา่ ยโดยใช้การลองผิดลองถกู การเปรยี บเทยี บ แสดงลำดบั ขัน้ ตอนการทำงานหรือการ
แก้ปัญหา อย่างงา่ ยโดยใช้ภาพสัญลกั ษณ์หรือขอ้ ความ เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือสือ่ ใช้
เทคโนโลยีในการสรา้ ง จัดเก็บเรียกใชข้ ้อมูล ตามวัตถุประสงค์ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัยปฏิบัติ
ตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอรร์ ว่ มกันดูแล รักษาอุปกรณเ์ บอื้ งต้น ใช้งานอย่างเหมาะสม
เพื่อให้รักการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เกิดความรู้ ความคิด ความ
เข้าใจ มีจิตวิทยาศาสตร์ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ สามารถตัดสินใจ มีทักษะในการดำรงชีวิต และนำความรู้
วทิ ยาศาสตร์เปน็ เคร่ืองมอื ในการเรียนร้วู ิชาอื่นและนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
รหสั ตวั ช้ีวัด
ว ๑.๑ ป.๑/๑ ป.๑/๒
ว ๑.๒ ป.๑/๑ ป.๑/๒
ว ๒.๑ ป.๑/๑ ป.๑/๒
ว ๒.๓ ป.๑/๑
ว ๓.๑ ป.๑/๑ ป.๑/๒
ว.๓.๒ ป.๑/๑
ว.๔.๒ ป.๑/๑ ป.๑/๒ ป.๑/๓ ป๑/๔ ป.๑/๕
รวมทั้งหมด ๑๕ ตัวชีว้ ดั
หลักสตู รโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๖๙
คำอธบิ ายรายวชิ าพ้ืนฐาน
ว ๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ เวลา ๑๒๐ ชวั่ โมง
********************************************************************************
ศึกษาการเรียนรู้แบบนักวิทยาศาสตร์ ลักษณะของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต ความจำเป็นของแสง
และน้ำต่อการเจริญเติบโตของพืช วัฏจักรชีวิตของพืชดอก สมบัติการดูดซับน้ำของวัสดุและการนำไปใช้
ประโยชน์ สมบัติของวัสดุที่เกิดจากการนำวัสดุมาผสมกัน การเลือกวัสดุมาใช้ทำวัตถุตามสมบัติของวัสดุ การ
นำวสั ดุทใ่ี ช้แลว้ กลับมาใช้ใหม่ การเคลอื่ นที่ของแสง การมองเห็นวัตถุ การปอ้ งกนั อนั ตรายจากการ มองวัตถุใน
บริเวณที่มีแสงสว่างไม่เหมาะสม ส่วนประกอบและการจำแนกชนิดของดิน การใช้ประโยชน์จากดิน การแสดง
ขั้นตอนการแก้ปัญหา การตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม การใช้งานซอฟต์แวร์เบื้องต้น การจัดการไฟล์
และโฟลเดอร์ การใช้งานและดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน การใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศอยา่ งปลอดภยั
ใช้การสืบเสาะหาความรู้ สังเกต จำแนกประเภท รวบรวมข้อมูล บันทึก และอธิบายผลการสำรวจ
ตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานและมีทักษะ การ
เรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี ๒๑ ในดา้ นการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารเบอ้ื งตน้ สามารถสอื่ สารสง่ิ ทีเ่ รียนรู้
มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างง่าย เขียนโปรแกรมแบบมี
เงอื่ นไขโดยใชบ้ ตั รคำสง่ั และตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด ใช้งานซอฟตแ์ วร์ สรา้ ง จดั หมวดหมไู่ ฟล์และโฟลเดอร์
ตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต ตระหนัก
ถึงความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนตัว ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ดูแลรักษาอุปกรณ์
คอมพวิ เตอร์ มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ มท่ีเหมาะสม
รหัสตวั ชี้วดั
ว ๑.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓
ว ๑.๓ ป.๒/๑
ว ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔
ว ๒.๓ ป.๒/๑, ป.๒/๒
ว ๓.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒
ว ๔.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔
ตัวช้วี ัดรวม ๑๖ ตัวช้ีวดั
หลักสตู รโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๗๐
คำอธิบายรายวิชาพื้นฐาน
ว ๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ เวลา ๑๒๐ ช่วั โมง
**********************************************************************************
ศึกษาการเรียนรู้แบบนักวิทยาศาสตร์ ปัจจัยในการดำรงชีวิตและการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์
วฏั จักรชีวิตของสัตว์ วัตถุประกอบขึ้นจากช้นิ ส่วนย่อยซ่ึงสามารถแยกออกจากกนั และประกอบกันเป็นวตั ถุ ชิ้น
ใหมไ่ ด้ การเปลีย่ นแปลงของวัสดเุ มื่อทำให้ร้อนขึ้นหรือเยน็ ลง ผลของแรงท่ีมตี ่อการเปลี่ยนแปลง การเคล่ือนที่
ของวัตถุ แรงสัมผัสและแรงไมส่ มั ผัส วสั ดทุ แี่ ม่เหลก็ ดงึ ดดู ได้ แรงแม่เหล็ก ขั้วแมเ่ หลก็ การเปล่ยี นพลังงานหน่ึง
ไปเป็นอีกพลังงานหนึ่ง การทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้าอย่าง
ประหยัดและปลอดภัย การเกิดกลางวัน กลางคืน การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ การกำหนดทิศ ความสำคัญ
ของดวงอาทิตย์ ส่วนประกอบของอากาศ ความสำคัญของอากาศ ผลกระทบของมลพิษ ทางอากาศ การเกิด
ลม ประโยชน์และโทษของลม การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะเบื้องต้น การเขียน
โปรแกรมแบบวนซ้ำโดยใช้บัตรคำสั่งและการตรวจหาข้อผิดพลาด การใช้อินเทอร์เน็ต และข้อตกลงในการใช้
งาน การรวบรวมข้อมูล การประมวลผลข้อมูลเบื้องต้น การนำเสนอข้อมูล เทคโนโลยีในงานด้านต่าง ๆ ข้อดี
และข้อเสียในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร
ใชก้ ารสบื เสาะหาความรู้ สังเกต รวบรวมข้อมูล จดั กระทำและส่ือความหมายข้อมลู สร้างแบบจำลอง
และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ข้ัน
พื้นฐานและมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเบื้องต้น
สามารถสื่อสารสิง่ ทเี่ รยี นรู้ มคี วามคิดสร้างสรรค์ สามารถทางานรว่ มกบั ผอู้ ื่น แสดงขน้ั ตอนการแก้ปัญหา เขียน
โปรแกรมแบบวนซ้ำโดยใช้บัตรคำสั่ง ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาความรู้ รวบรวม ประมวลผล และนำเสนอ
ขอ้ มลู ตามวัตถปุ ระสงค์
ตระหนักถึงประโยชนข์ องการใชค้ วามรู้และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการดารงชวี ติ ตระหนักถึง
การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและอยู่ในการดูแลของครูหรือผู้ปกครอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม
คุณธรรม และค่านิยมท่เี หมาะสม
รหสั ตวั ช้ีวดั
ว ๑.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
ว ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒
ว ๒.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
ว ๒.๓ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓
ว ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓
ว ๓.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
ว ๔.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕
ตัวชวี้ ดั รวม ๒๕ ตัวชี้วดั
หลักสตู รโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๗๑
คำอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน
ว ๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔ เวลา ๑๒๐ ชวั่ โมง
*********************************************************************************
ศึกษาการเรียนรู้แบบนักวิทยาศาสตร์ การจำแนกสิ่งมีชีวิตเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ไม่ใช่พืช
และสัตว์ การจำแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอก การจำแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์ มีกระดูกสันหลังและ
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ลักษณะเฉพาะของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก
กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม หน้าที่ของราก ลำต้น ใบและดอกของพืชดอก
สมบัติทางกายภาพ ด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน และการนำไฟฟ้าของวัสดุ การนำสมบัติ
ทางกายภาพของวัสดุไปใช้ในชีวิตประจำวัน สมบัติของสสาร ทั้ง ๓ สถานะ ผลของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อวัตถุ
การวัดน้ำหนักของวัตถุ มวลของวัตถุที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ และตัวกลางของแสง
การขึ้นและตกและรูปร่างดวงจันทร์ และองค์ประกอบของระบบสุริยะ การใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ
แก้ปญั หา การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย การตรวจหาข้อผิดพลาดในโปรแกรม การค้นหาข้อมูลใน
อินเทอร์เน็ตและการใช้คำค้น การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล การรวบรวม นำเสนอข้อมูลและ
สารสนเทศ
ใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ตั้งคำถาม คาดคะเนคำตอบหรือสร้างสมมติฐาน วางแผนและ
สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมืออุปกรณ์และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม ประเมินความน่าเชื่อถือ
ของขอ้ มลู รวมรวมข้อมลู ประมวลผลอย่างง่าย วเิ คราะหข์ อ้ มูล วเิ คราะหผ์ ลและสร้างทางเลอื ก นำเสนอข้อมูล
ลงความคิดเห็นและสรุปผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เบื้องต้น มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา และอธิบาย
การทำงานหรือคาดการผลลัพธ์จากปัญหาอย่างง่าย ออกแบบและเขียนโปรแกรม ตรวจหาข้อผิดพลาดจาก
โปรแกรมของตนเองและผูอ้ น่ื
ตระหนักถึงคุณค่าของความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และใช้ความรู้และกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต สามารถสื่อสารอย่างมีมารยาทและรู้กาลเทศะ รู้จักการปกป้องข้อมูลส่วนตัว
มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม
รหัสตวั ชี้วดั
ว ๑.๒ ป.๔/๑
ว ๑.๓ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป. ๔/๔
ว ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป. ๔/๔
ว ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓
ว ๒.๓ ป.๔/๑
หลกั สตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๗๒
ว ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓
ว ๔.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป. ๔/๔, ป. ๔/๕
ตัวชว้ี ดั รวม ๒๑ ตวั ชี้วัด
หลักสูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๗๓
คำอธิบายรายวชิ าพื้นฐาน
ว ๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ เวลา ๑๒๐ ช่วั โมง
**********************************************************************************
ศกึ ษาการเรยี นรู้แบบนกั วทิ ยาศาสตร์ โครงสรา้ งและลักษณะของส่งิ มชี ีวิตท่เี หมาะสมในแต่ละ แหล่งที่
อยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต การถ่ายทอด
ลักษณะทางพันธุกรรมของพืช สัตว์ และมนุษย์ การเปลี่ยนสถานะของสสาร การละลายของสารในน้ำ การ
เปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้ แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน การได้ยินเสียง
ผ่านตัวกลาง ลักษณะและการเกิดเสียงสูง เสียงต่ำ เสียงดัง และเสียงค่อย ระดับเสียงและมลพิษทางเสียง
ความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การใช้แผนที่ดาว แบบรูปเส้นทางการขึ้นและตก ของกลุ่มดาว
ฤกษ์บนท้องฟ้าในรอบปี ปริมาณน้ำในแต่ละแหล่ง ปริมาณน้ำที่มนุษย์สามารถนำมาใช้ได้ การใช้น้ำอย่าง
ประหยัดและการอนุรักษ์น้ำ วัฏจักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง และน้ำค้างแข็ง กระบวนการเกิด
ฝน หิมะ และลูกเหบ็ การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา การเขยี นรหัสลำลองเพอื่ แสดงวิธแี กป้ ัญหา การ
ออกแบบ และการเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขและการทำงานแบบวนซ้ำ การใช้ซอฟต์แวร์ประมวลผลข้อมูล
การติดต่อสือ่ สารผ่านอนิ เทอร์เน็ต การใช้อินเทอร์เนต็ คน้ หาข้อมูลและการประเมิน ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
อันตรายจากการใชง้ านและอาชญากรรมทางอินเทอรเ์ น็ต
วิธีใช้การสืบเสาะหาความรู้ สังเกต รวบรวมข้อมูล จัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล สามารถสร้าง
แบบจำลอง และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ ขั้นพื้นฐานและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสารเบื้องต้น สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น แสดงวิธี
แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ใช้รหัสลำลองแสดงวิธีการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ออกแบบ และเขียน
โปรแกรมแบบมีเงือ่ นไขและการทำงานแบบวนซ้ำ ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการ
แก้ปัญหา ใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อสื่อสารและค้นหาข้อมูล แยกแยะข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็น ประเมินความ
น่าเชอ่ื ถอื ของข้อมลู
ตระหนักถึงคุณค่าของความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และใช้ความรู้และกระบวนการ ทาง
วิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมีมารยาท มีจิตวิทยาศาสตร์
จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมทเ่ี หมาะสม
รหสั ตัวช้วี ดั
ว ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔
ว ๑.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒
ว ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔
ว ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
ว ๒.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
หลักสตู รโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๗๔
ว ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒
ว ๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
ว ๔.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
ตวั ชีว้ ดั รวม ๓๒ ตวั ชี้วัด
หลักสูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๗๕
คำอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐาน
ว ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เวลา ๑๒๐ ชั่วโมง
**********************************************************************************
ศึกษาเกี่ยวกับ สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย การรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับเพศและวัย
ระบบย่อยอาหาร วิธีการแยกสารเนื้อผสมอย่างง่าย โดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การริน
ออก การกรอง และการตกตะกอน กระบวนการเกดิ หนิ วัฏจกั รหนิ ซากดกึ ดำบรรพ์ การเกิดแรงไฟฟ้า ผลของ
แรงไฟฟ้าซึ่งเกิดจากวัตถุที่ผ่านการขัดถู ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การเขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้า
การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน ลมบก ลมทะเล และมรสุม ธรณพี ิบัติภยั ปรากฏการณ์ของโลก
ปรากฏการณ์เรือนกระจก การเกิดฤดูกาล การเกิดเงามืดเงามัว ปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคา
เทคโนโลยอี วกาศ นำความรู้มาประยุกตใ์ ชเ้ พื่อแก้ปญั หาและใหเ้ กิดประโยชน์กบั ชีวิตประจำวัน
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา
มีความสามารถในการสื่อสารสิ่งที่ได้เรียนรู้ ช่างสังเกต รวบรวมข้อมูล จัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล
สร้างแบบจำลอง และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและ
ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลอย่างมี
ประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพใน
สิทธิของผู้อื่นแจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลที่ไม่เหมาะสม เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาที่พบใน
ชีวิตประจำวัน ตระหนักถึงคุณค่าของความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และใช้ความรู้และกระบวนการ
ทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการดำรงชวี ติ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และมีมารยาท
เพ่ือให้เกดิ ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มคี วามซ่อื สตั ยส์ ุจรติ มีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อย่อู ย่างพอเพียง มีความ
มุ่งมน่ั ในการทำงาน รักความเปน็ ไทย และมจี ิตสาธารณะ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการดำรงชีวติ
รหสั ตัวชีว้ ดั
ว ๑.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป,๖/๓ , ป.๖/๔ , ป.๖/๕
ว ๒.๑ ป.๖/๑
ว ๒.๒ ป.๖/๑
ว ๒.๓ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป,๖/๓ , ป.๖/๔ , ป.๖/๕ , ป.๖/๖ , ป.๖/๗ , ป.๖/๘
ว ๓.๑ ป.๖/๑ , ป.๖/๒
ว ๓.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป,๖/๓ , ป.๖/๔ , ป.๖/๕ , ป.๖/๖ , ป.๖/๗ , ป.๖/๘ , ป.๖/๙
ว ๔.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป,๖/๓ , ป.๖/๔
รวมตัวชวี้ ดั ๓๐ ตัวชวี้ ดั
หลกั สตู รโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๗๖
รายวิชาพืน้ ฐานและเพ่ิมเติม กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น
รายวิชาพนื้ ฐาน จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง
ว ๒๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์ จำนวน ๒๐ ชั่วโมง
ว ๒๑๑๐๒ วิทยาการคำนวณ จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง
ว ๒๑๑๐๓ วิทยาศาสตร์ จำนวน ๒๐ ชว่ั โมง
ว ๒๑๑๐๔ การออกแบบและเทคโนโลยี จำนวน ๖๐ ชั่วโมง
ว ๒๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์ จำนวน ๒๐ ช่ัวโมง
ว ๒๒๑๐๒ วิทยาการคำนวณ จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง
ว ๒๒๑๐๓ วทิ ยาศาสตร์ จำนวน ๒๐ ชั่วโมง
ว ๒๒๑๐๔ การออกแบบและเทคโนโลยี จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง
ว ๒๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์ จำนวน ๒๐ ชวั่ โมง
ว ๒๓๑๐๒ วทิ ยาการคำนวณ จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง
ว ๒๓๑๐๓ วิทยาศาสตร์ จำนวน ๒๐ ชวั่ โมง
ว ๒๓๑๐๔ การออกแบบและเทคโนโลยี
จำนวน ๒๐ ชวั่ โมง
รายวิชาเพิม่ เติม (บงั คับเลือก) จำนวน ๒๐ ชั่วโมง
ว ๒๑๒๐๑ คอมพิวเตอร์ ๑ (การออกแบบและเทคโนโลยี) จำนวน ๒๐ ชว่ั โมง
ว ๒๑๒๐๒ คอมพวิ เตอร์ ๒ (การออกแบบและเทคโนโลยี) จำนวน ๒๐ ชว่ั โมง
ว ๒๒๒๐๑ คอมพิวเตอร์ ๓ (การออกแบบและเทคโนโลยี) จำนวน ๒๐ ชว่ั โมง
ว ๒๒๒๐๓ คอมพวิ เตอร์ ๔ (การออกแบบและเทคโนโลยี) จำนวน ๒๐ ชวั่ โมง
ว ๒๓๒๐๑ คอมพวิ เตอร์ ๕ (การออกแบบและเทคโนโลยี)
ว ๒๓๒๐๓ คอมพิวเตอร์ ๖ (การออกแบบและเทคโนโลยี) จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง
จำนวน ๔๐ ชัว่ โมง
รายวิชาเพ่ิมเติม (เลือกเสรี)
ว ๒๓๒๐๒ โครงงานวิทยาศาสตร์ ๑
ว ๒๓๒๐๔ โครงงานวิทยาศาสตร์ ๒
หลักสตู รโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๗๗
คำอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐาน
ว ๒๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ (ภาคเรยี นที่ ๑) เวลา ๖๐ ช่วั โมง
*********************************************************************************
ศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของส่วนประกอบของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ด้วยกล้องจุลทรรศน์
กระบวนการผ่านเซลล์โดยการแพร่และการออสโมซิส ศึกษากระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชผลและ
ความสำคัญของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมระบบลำเลียงสารของพืช
กระบวนการสืบพันธุ์ของพืชแบบอาศัยเพศและแบบไม่อาศัยเพศ โครงสร้างของพืชดอกที่เกี่ยวข้องกับการ
สบื พันธขุ์ องพืช สตั วท์ ชี่ ว่ ยในการถา่ ยเรณูของพชื ธาตุอาหารทม่ี ผี ลต่อการเจรญิ เติบโตและการดำรงชีวิตของ
พชื การเลอื กใชธ้ าตุอาหารให้เหมาะสมกับพชื วิธีการขยายพนั ธุ์พืชโดยใช้ความรูเ้ ก่ียวกับการสืบพันธุ์ของพืช
การใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพและการนำไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจำวนั ศกึ ษาเก่ียวกับอุณหภมู ิและการวดั ผลของ
ความร้อนที่มีต่อการเปลีย่ นแปลงของสารการถ่ายโอนความร้อน การดดู กลืนและคายความร้อน สมดุลความ
รอ้ นและการนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การแก้ปัญหาโดย
การตั้งคำถามที่กำหนดประเด็นหรือตัวแปรที่สำคัญในการสำรวจตรวจสอบ หรือศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจได้
อยา่ งครอบคลุมและเช่ือถือได้ สรา้ งสมมุตฐิ านท่ีสามารถตรวจสอบไดแ้ ละวางแผนการสำรวจตรวจสอบหลายๆ
วิธี เลือกเทคนิควิธีการสำรวจตรวจสอบทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพทีไ่ ด้ผลเที่ยงตรง และปลอดภัยโดยใช้
วัสดุและเครื่องมือที่เหมาะสม รวบรวมข้อมูล จัดกระทำข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพ วิเคราะห์และประเมิน
ความสอดคล้องของประจักษ์พยานกับข้อสรุปทั้งที่สนับสนุนหรือขัดแย้งกับสมมุติฐานและความผิดปกติของ
ข้อมูลจากการสำรวจตรวจสอบ สร้างแบบจำลองหรือรูปแบบที่อธิบายผลหรือแสดงผลของการสำรวจ
ตรวจสอบ สรา้ งคำถามท่ีนำไปสู่การสำรวจตรวจสอบในเร่ืองท่ีเก่ียวข้องและนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในสถานการณ์
ใหม่ หรืออธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการและผลของชิ้นงานให้ผู้อื่นเข้าใจบันทึกและอธิบายผล การ
สังเกต การสำรวจตรวจสอบ ค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้รู้ต่างๆ ให้ได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ และยอมรับการ
เปลี่ยนแปลงความรู้ที่ค้นพบเมื่อมีข้อมูลและประจักษ์พยานใหม่เพิ่มขึ้นหรือโต้แย้งจากเดิม จัดแสดงผลงาน
เขยี นรายงานและ/หรอื อธบิ ายเกี่ยวกบั แนวคิด กระบวนการ และผลของช้นิ งานใหผ้ อู้ ่ืนเข้าใจ
เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างถูกต้องมีกร ะบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการ
คน้ หาความรู้ดว้ ยตนเองผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์คิดตัดสินใจและสามารถส่ือสารเป็นท่ีเขา้ ใจตรงกัน รวมท้ัง
มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรมคุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสมตลอดจนเชื่อมโยงความรู้ และนำความรู้ไปใช้ใน
ชีวติ ประจำวนั
รหัสตวั ชว้ี ัด
ว ๑.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖, ม.๑/๗, ม.๑/๘, ม.๑/๙, ม.๑/๑๐, ม.๑/๑๑,
ม.๑/๑๒, ม.๑/๑๓, ม.๑/๑๔, ม.๑/๑๕, ม.๑/๑๖, ม.๑/๑๗, ม.๑/๑๘,
หลกั สูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๗๘
ว ๒.๓ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖, ม.๑/๗,
ตัวชีว้ ัดรวม ๒๕ ตวั ชี้วัด
หลักสูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๗๙
คำอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน
ว ๒๑๑๐๒ วิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ (ภาคเรยี นท่ี ๑) เวลา ๒๐ ช่ัวโมง
*********************************************************************************
ศึกษาการออกแบบอัลกอริทึมที่ใช้แนวคิดเชิงนามธรรมเพื่อแก้ปัญหาหรืออธิบายการทำงานที่พบใน
ชีวิตจริง การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้ตัวแปร เงื่อนไข วนซ้ำ การออกแบบอัลกอริทึม เพื่ อ
แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์อย่างง่าย การเขียนโปรแกรมโดยใช้ซอฟต์แวร์ Scratch, python,
java และ c เปน็ ต้น ศึกษาการรวบรวมข้อมลู จากแหล่งข้อมูลปฐมภมู ิ ประมวลผล สร้างทางเลอื ก ประเมนิ ผล
ตลอดจนใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั การจัดการอตั ลักษณ์ การพจิ ารณาความเหมาะสมของเนื้อหา
ใชส้ ื่อและแหลง่ ขอ้ มูลตามข้อกำหนดและข้อตกลงได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) และการเรียนรู้
แบบใช้โครงงานเปน็ ฐาน (Project-based Learning) เพอ่ื เน้นให้ผเู้ รยี นไดล้ งมอื ปฏบิ ัติ ฝึกทกั ษะการคิด เผชิญ
สถานการณ์การแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และนำเสนอผ่านการทำกิจกรรมโครงงาน
เพื่อให้เกิดทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการวิเคราะห์โจทย์ปัญหา จนสามารถนำเอาแนวคิดเชิง
คำนวณมาประยกุ ต์ใชใ้ นการสร้างโครงงานได้
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ การนำข้อมูลปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ประเมิน
นำเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศ ไดต้ ามวัตถุประสงค์ ใชท้ ักษะการคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริง
และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพื่อช่วยในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างรู้เท่าทัน
และรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิด
ประโยชน์ตอ่ สังคม และการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการ
แก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการส่ือสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ท่ีมจี ิตวิทยาศาสตร์
มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์
รหสั ตัวช้ีวัด
ว ๔.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕
ตัวชว้ี ัดรวม ๕ ตัวชว้ี ดั
หลักสูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๐
คำอธบิ ายรายวชิ าพืน้ ฐาน
ว ๒๑๑๐๓ วทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ (ภาคเรียนที่ ๒) เวลา ๖๐ ชวั่ โมง
*********************************************************************************
ศกึ ษาเกยี่ วกบั สารรอบตวั สมบตั ขิ องสาร การจำแนกสารโดยใช้สถานะ เนอ้ื สาร และขนาดอนุภาค
ของสารเปน็ เกณฑ์ การเปล่ียนแปลงของสารบรสิ ุทธิแ์ ละสารผสม สมบัติของสารบรสิ ทุ ธแ์ิ ละสารผสม การใช้
ความรู้ให้เป็นประโยชน์ตอ่ การเลอื กใช้สารเคมีในชวี ิตประจำวันไดอ้ ย่างเหมาสมและปลอดภัย ศึกษาเกี่ยวกบั
องค์ประกอบและการแบ่งชั้นบรรยากาศ ผลของแสงสีจากดวงอาทิตย์ต่อบรรยากาศ องค์ประกอบของ
บรรยากาศ ได้แก่ อุณหภูมิ ความชื้น และความดันอากาศมีผลต่อปรากฏการณ์ทางลมฟ้าอากาศ การเกิด
ลม เมฆและฝน พายุฟ้าคะนอง พายุหมุนเขตร้อน มรสุม การพยากรณ์อากาศ ผลของลมฟ้าอากาศ ต่อ
การดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ปัจจัยทางธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ที่มีผลต่อการ
เปลย่ี นแปลงอณุ หภมู ขิ องโลก
โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และจติ วทิ ยาศาสตรใ์ นการสบื เสาะหาความรู้ การแกป้ ัญหาโดย
การตั้งคำถามที่กำหนดประเด็นหรือตัวแปรที่สำคัญในการสำรวจตรวจสอบ หรือศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจได้
อย่างครอบคลุมและเชื่อถือได้ สร้างสมมุติฐานที่สามารถตรวจสอบได้ และวางแผนการสำรวจตรวจสอบ
หลายๆ วิธี เลือกเทคนิควิธีการสำรวจตรวจสอบทั้งเชิงปรมิ าณ และเชิงคณุ ภาพที่ไดผ้ ลเที่ยงตรง และปลอดภัย
โดยใช้วัสดุและเครื่องมือที่เหมาะสม รวบรวมข้อมูล จัดกระทำข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพ วิเคราะห์และ
ประเมินความสอดคล้องของประจักษ์พยานกับข้อสรุป ทั้งที่สนับสนุนหรือขัดแย้งกับสมมุติฐานและความ
ผิดปกติของข้อมูลจากการสำรวจตรวจสอบ สร้างแบบจำลองหรือรูปแบบที่อธิบายผลหรือแสดงผลของการ
สำรวจตรวจสอบ สร้างคำถามที่นำไปสู่การสำรวจตรวจสอบในเรื่องที่เกี่ยวข้องและนำความรู้ที่ได้ไปใช้ใน
สถานการณ์ใหม่ หรืออธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการและผลของช้ินงานให้ผู้อื่นเข้าใจบันทึกและอธิบาย
ผล การสังเกต การสำรวจตรวจสอบ ค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้รู้ต่างๆ ให้ได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ และ
ยอมรับการเปลี่ยนแปลงความรู้ที่ค้นพบเมื่อมีข้อมูลและประจักษ์พยานใหม่เพิ่มขึ้นหรือโต้แย้งจากเดิม จัด
แสดงผลงาน เขยี นรายงานและ/หรืออธิบายเกีย่ วกบั แนวคิด กระบวนการ และผลของช้ินงานให้ผอู้ ืน่ เข้าใจ
เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างถูกต้องมีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการ
คน้ หาความรู้ด้วยตนเองผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์คิดตัดสินใจและสามารถส่ือสารเป็นท่ีเขา้ ใจตรงกัน รวมทั้ง
มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรมคุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสมตลอดจนเชื่อมโยงความรู้ และนำความรู้ไปใช้ใน
ชีวิตประจำวนั
รหัสตวั ช้ีวดั
ว ๒.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖, ม.๑/๗, ม.๑/๘, ม.๑/๙, ม.๑/๑๐,
ว ๒.๒ ม.๑/๑,
ว ๓.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖, ม.๑/๗,
ตัวช้ีวดั รวม ๑๘ ตัวชี้วดั
หลกั สูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๑
คำอธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน
ว ๒๑๑๐๔ การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ (ภาคเรียนท่ี ๒) เวลา ๒๐ ชวั่ โมง
*********************************************************************************
ศึกษาแนวคิดหลักของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน วิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการ
เปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี ระบปุ ัญหาหรอื ความต้องการในชีวิตประจำวัน รวบรวม วเิ คราะหข์ อ้ มูล แนวคิดท่ี
เกี่ยวขอ้ งกบั ปัญหา การออกแบบวิธกี ารแก้ปัญหา ตัดสินใจเลือกขอ้ มลู ท่จี ำเปน็ นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหา
ให้ผู้อื่นเข้าใจ วางแผน ดำเนินการแก้ปัญหา ด้วยการทดสอบ ประเมินผล ระบุข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้ง
หาแนวทางการปรับปรงุ แก้ไข และนำเสนอผลการแก้ปญั หา เลอื กใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือ กลไก ไฟฟา้ หรือ
อิเล็กทรอนกิ ส์เพอ่ื แกป้ ัญหาได้อยา่ งถูกต้อง เหมาะสมและปลอดภัย
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) และการเรียนรู้
แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project – based Learning) เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญ
สถานการณก์ ารแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ และนำเสนอผ่านการทำกิจกรรมโครงงาน
เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจความสมั พนั ธ์ของความรวู้ ิทยาศาสตร์ท่มี ีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี
ประเภทต่างๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า ผลของ
เทคโนโลยตี ่อชีวิต สงั คม และสง่ิ แวดล้อมตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไป
ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ
ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ เป็นผู้ที่มี
จติ วทิ ยาศาสตร์มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมค่านยิ มในการใชว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
รหสั ตวั ชี้วดั
ว ๔.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔
ตัวชวี้ ัดรวม ๔ ตวั ช้วี ัด
หลกั สูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๘๒
คำอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน
ว ๒๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ (ภาคเรยี นท่ี ๑) เวลาเรียน ๖๐ ช่ัวโมง
************************************************************************************************
ศึกษา อธบิ ายการแยกสารผสมโดยการระเหยแหง้ การตกผลกึ การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟแี บบ
กระดาษ การสกัดด้วย ตัวทำละลาย โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก
การกล่ันอยา่ งงา่ ย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกดั ด้วยตัวทำละลาย การแยกสารผสมโดยการระเหยแห้ง
การตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วย ตัวทำละลาย โดยใช้หลักฐานเชิง
ประจักษ์ แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัด
ด้วยตัวทำละลาย นำวิธีการแยกสารไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน โดยบูรณาการวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์
เทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ นำวิธีการแยกสารไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน โดยบูรณาการ
วทิ ยาศาสตร์คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยแี ละวิศวกรรมศาสตร์ ออกแบบการทดลองและทดลองในการอธิบาย ผล
ของชนิดตัวละลาย ชนดิ ตวั ทำละลาย อุณหภูมิทมี่ ีต่อสภาพละลายไดข้ องสาร รวมท้งั อธบิ ายผลของความดันท่ี
มีต่อสภาพละลายได้ ของสาร โดยใช้สารสนเทศ ระบุปริมาณตัวละลายในสารละลายในหน่วย ความเข้มข้น
เป็นร้อยละ ปริมาตรต่อปริมาตร มวลต่อมวล และมวลต่อปริมาตร ตระหนักถึงความสำคัญของการนำความรู้
เรือ่ ง ความเขม้ ข้นของสารไปใชโ้ ดยยกตัวอย่างการใช้ สารละลายในชวี ิตประจำวนั อย่างถกู ต้อง และปลอดภัย
พยากรณ์การเคลื่อนท่ีของวตั ถุท่ีเปน็ ผลของ แรงลัพธ์ทีเ่ กดิ จากแรงหลายแรงท่ีกระทำต่อวัตถุ ในแนวเดียวกัน
จากหลักฐานเชิงประจักษ์ เขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ที่เกิดจาก แรงหลายแรงที่กระทำต่อวัตถุใน
แนวเดียวกัน ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธี ที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อความดัน ของ
ของเหลว วิเคราะห์แรงพยุงและการจม การลอยของวัตถุ ในของเหลวจากหลักฐานเชิงประจักษ์ เขียน
แผนภาพแสดงแรงที่กระทำต่อวัตถุ ในของเหลว อธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์ จาก
หลักฐานเชิงประจักษ์ ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีท่ี เหมาะสมในการอธิบายปัจจยั ที่มีผลต่อขนาด
ของแรงเสียดทาน เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงอื่น ๆ ที่กระทำต่อวัตถุ ตระหนักถึงประโยชน์
ของความรู้เร่ืองแรงเสียดทาน โดยวิเคราะห์สถานการณป์ ัญหาและเสนอแนะ วิธกี ารลดหรอื เพิ่มแรงเสียดทาน
ที่เป็นประโยชน์ ต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธี ที่เหมาะสมใน
การอธิบายโมเมนต์ ของแรง เมื่อวัตถุอยู่ในสภาพสมดุลต่อ การหมุน และคำนวณโดยใช้สมการ M = Fl
เปรียบเทียบแหล่งของสนามแม่เหล็ก สนามไฟฟ้า และสนามโน้มถ่วง และทิศทาง ของแรงที่กระทำต่อวัตถุที่
อยู่ในแต่ละสนาม จากข้อมูลที่รวบรวมได้ เขียนแผนภาพแสดงแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟ้า และแรงโน้มถ่วงที่
กระทำตอ่ วตั ถุ วิเคราะหค์ วามสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรง แม่เหล็ก แรงไฟฟ้า และแรงโนม้ ถว่ งท่กี ระทำ ตอ่
วัตถุที่อยู่ในสนามนั้น ๆ กับระยะห่างจาก แหล่งของสนามถึงวัตถุจากข้อมูลที่รวบรวมได้ อธิบายและคำนวณ
อตั ราเรว็ และความเร็วของ การเคลอ่ื นทข่ี องวัตถุโดยใช้สมการ จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
เขียนแผนภาพแสดงการกระจัดและความเร็ว วิเคราะห์สถานการณ์และคำนวณเกี่ยวกับงาน และกำลังที่เกิด
จากแรงทีก่ ระทำต่อวตั ถุ โดยใช้สมการ จากข้อมลู ทีร่ วบรวมได้
หลักสูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๘๓
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
บนั ทึก จัดกลมุ่ ข้อมลู และการอภปิ ราย
เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนำเสนอสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการ
ตัดสนิ ใจ เหน็ คณุ ค่าของการนำไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจำวัน
รหัสตวั ช้ีวดั
ว.๒.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓,ม.๒/๔,ม.๒/๕,ม.๒/๖
ว.๒.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓,ม.๒/๔,ม.๒/๕ม.,ม.๒/๖ม.๒/๗ม.๒/๘,ม.๒/๙,ม.๒/๑๐,ม.๒/๑๑,ม.๒/๑๒,
ม.๒/๑๓, ม.๒/๑๔,ม.๒/๑๕
ว.๒.๓ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓,ม.๒/๔,ม.๒/๕.,ม.๒/๖
ตวั ชี้วดั รวม ๒๗ ตัวชี้วดั
หลักสูตรโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๘๔
คำอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐาน
ว ๒๒๑๐๒ วิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒ (ภาคเรียนท่ี ๑) เวลา ๒๐ ชัว่ โมง
*********************************************************************************
ศึกษาการออกแบบอัลกอริทึมที่ใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหา หรือการทำงานที่พบในชีวิต
การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟังก์ชันในการแก้ปัญหา การเขียนโปรแกรมโดยใช้
ซอฟต์แวร์Scratch, python, java และ c อภิปรายองค์ประกอบและหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
และเทคโนโลยีการสื่อสารเพื่อประยุกต์ใช้งานหรือแก้ปัญหาเบื้องต้น ตลอดจนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง
ปลอดภยั มคี วามรับผดิ ชอบ สรา้ งและแสดงสทิ ธใิ นการเผยแพร่ผลงาน
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning) และการเรียนรู้
แบบใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน (Project-based Learning) เพื่อเน้นใหผ้ ู้เรยี นไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิ ฝึกทักษะการคดิ เผชิญ
สถานการณ์การแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และนำเสนอผ่านการทำกิจกรรมโครงงาน
เพื่อให้เกิดทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการวิเคราะห์โจทย์ปัญหา จนสามารถนำเอาแนวคิดเชิง
คำนวณมาประยกุ ตใ์ ช้ในการสรา้ งโครงงานได้
เพือ่ ให้ผูเ้ รียนมีความรู้ ความเข้าใจ การนำข้อมลู ปฐมภมู ิเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ประเมิน
นำเสนอข้อมลู และสารสนเทศไดต้ ามวัตถุประสงค์ ใชท้ ักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริง
และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพื่อช่วยในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างรู้เท่าทัน
และรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิด
ประโยชน์ตอ่ สังคมและการดำรงชวี ติ จนสามารถพัฒนากระบวนการคดิ และจนิ ตนาการมีความสามารถในการ
แก้ปัญหาและมีทักษะในการสื่อสาร มีความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์มีคุณธรรม
จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใชว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
รหัสตัวช้ีวดั
ว.๔.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔
รวมตัวชี้วดั ๔ ตวั ช้ีวัด
หลกั สตู รโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๘๕
คำอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน
ว ๒๒๑๐๓ วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ (ภาคเรียนท่ี ๒) เวลาเรียน ๖๐ ชั่วโมง
***********************************************************************************************
ระบุอวัยวะและบรรยายหนา้ ทขี่ องอวยั วะ ท่ีเก่ยี วขอ้ งในระบบหายใจอธิบายกลไกการหายใจเข้า
และออกโดยใช้ แบบจำลอง รวมทั้งอธิบายกระบวนการแลกเปลี่ยนแก๊ส ตระหนักถึงความสำคัญของระบบ
หายใจ โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะ ในระบบหายใจให้ทำงานเป็นปกติ ระบุอวัยวะและ
บรรยายหน้าที่ของอวัยวะ ในระบบขับถ่ายในการกำจัดของเสียทางไต ตระหนักถึงความสำคัญของระบบ
ขับถ่าย ในการกำจัดของเสียทางไต โดยการบอก แนวทางในการปฏิบัติตนที่ชว่ ยให้ระบบขับถ่าย ทำหน้าที่ได้
อย่างปกติ บรรยายโครงสร้างและหน้าที่ของหัวใจหลอดเลือด และเลือด อธิบายการทำงานของระบบ
หมุนเวียนเลือด โดยใช้แบบจำลองออกแบบการทดลองและทดลอง ในการ เปรียบเทียบอัตราการเต้นของ
หัวใจ ขณะปกติ และหลังทำกิจกรรม ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหมนุ เวียนเลือด โดยการบอกแนวทาง
ในการดูแลรกั ษาอวยั วะ ในระบบหมุนเวียนเลือดให้ทำงานเปน็ ปกติ ระบอุ วัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะ
ใน ระบบประสาทส่วนกลางในการควบคุม การทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย ตระหนักถึงความสำคัญของระบบ
ประสาท โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษา รวมถึง การป้องกันการกระทบกระเทือนและอันตราย ต่อ
สมองและไขสันหลัง ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะใน ระบบสืบพันธุ์ของเพศชายและเพศหญิง
โดยใช้แบบจำลอง อธิบายผลของฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิงท่ี ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เมื่อ
เข้าสู่ วัยหนุ่มสาว ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อ เข้าสู่วัยหนุ่มสาว โดยการดูแลรักษาร่างกาย
และจิตใจของตนเองในช่วงที่มี การเปลี่ยนแปลง อธิบายการตกไข่การมีประจำเดือน การปฏิสนธิและการ
พัฒนาของไซโกต จนคลอดเปน็ ทารก เลือกวิธีการคมุ กำเนิดที่เหมาะสมกับ สถานการณ์ท่กี ำหนด ตระหนักถึง
ผลกระทบของการต้งั ครรภ์ กอ่ นวยั อันควร โดยการประพฤตติ นใหเ้ หมาะสม
ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ คาดการณแ์ นวโนม้ เทคโนโลยที ่ีจะเกิดขึ้นโดย
พิจารณาจากสาเหตุหรือปัจจยั ท่สี ่งผลต่อการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี และวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ ตัดสินใจ
เลือกใชเ้ ทคโนโลยีโดยคำนงึ ถึงผลกระทบที่เกิดขนึ้ ตอ่ ชวี ิต สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม ระบปุ ัญหาหรอื ความตอ้ งการ
ในชุมชนหรือท้องถิ่น สรุปกรอบของปัญหา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกันปัญหา
ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จำเป็นภายใต้เงื่อนไขและ
ทรัพยากรที่มีอยู่ นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจ วางแผนขั้นตอนการทำงานและดำเนินการ
แกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอน
สามารถนำเสนอสื่อสาร สิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนำไปใช้
ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ คณุ ธรรมจริยธรรม และค่านยิ มท่ีเหมาะสม
รหสั ตัวชี้วัด
ว.๑.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔, ม.๒/๕, ม.๒/๖, ม.๒/๗ ,ม.๒/๘, ม.๒/๙, ม.๒/๑๐,
หลกั สตู รโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๖
ม.๒/๑๑, ม.๒/๑๒, ม.๒/๑๓, ม.๒/๑๔, ม.๒/๑๕, ม.๒/๑๖, ม.๒/๑๗
ว.๓.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔, ม.๒/๕, ม.๒/๖, ม.๒/๗, ม.๒/๘, ม.๒/๙, ม.๒/๑๐
ตวั ชี้วดั รวม ๒๗ ตัวชี้วัด
หลกั สูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๘๗
คำอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐาน
ว ๒๒๑๐๔ การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ (ภาคเรยี นที่ ๒) เวลา ๒๐ ช่ัวโมง
*********************************************************************************
ศึกษาสาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง
เทคโนโลยีต่อมนุษย์และสังคม ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่อเศรษฐกิจ ผลกระทบจากการ
เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่อสิ่งแวดล้อม ประเภทของวัสดุอุปกรณ์เพื่อให้สามารถสร้างชิ้นงานได้ตรงกับความ
ต้องการ มีความปลอดภัย และใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า เครื่องกลในการสร้างชิ้นงาน ได้แก่ รอก คาน ล้อ
และเพลา พน้ื เอียง ลิ่ม สกรู เครือ่ งมอื ในการสร้างช้ินงาน เคร่อื งมือวดั เครอ่ื งมอื ตัด เคร่ืองมอื ยดึ ติด เคร่ืองมือ
เจาะ เสยี งและอุปกรณ์ทท่ี ำให้เกิดเสยี ง อปุ กรณท์ ี่ทำให้เกิดเสยี ง ไฟฟ้าและอปุ กรณท์ ี่ทำใหเ้ กดิ แสง วงจรไฟฟ้า
และการต่อตัวต้านทาน ประเภทและการต่อวงจรไฟฟ้า ความสัมพันธ์ของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
วิศวกรรมศาสตร์แนวคิดกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ระบบเทคโนโลยี
การคิดเชิงออกแบบ แนวคิดหลักของการคิดเชิงออกแบบ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ และความคิดเชิง
ออกแบบของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning) และการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ (5EsInstructional Model)เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญ
สถานการณ์การแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ และนำเสนอผ่านการทำกิจกรรมโครงงาน
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนา
เทคโนโลยปี ระเภทตา่ งๆและการพฒั นาเทคโนโลยีท่สี ง่ ผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตรท์ ี่ก้าวหน้า ผล
ของเทคโนโลยีตอ่ ชีวิต สังคม และส่ิงแวดล้อมตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ
ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจเป็นผู้ที่มี
จติ วิทยาศาสตร์มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมในการใชว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยา่ งสรา้ งสรรค์
ตวั ชวี้ ัด
ว.๔.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕
รวม ๕ ตัวชี้วดั
หลกั สูตรโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๘
คำอธิบายรายวิชาพื้นฐาน
ว ๒๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ (ภาคเรียนท่ี ๑) เวลาเรียน ๖๐ ช่ัวโมง
*************************************************************************************************
ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้าและความต้านทาน กฎของโอห์ม
การวดั ปริมาณทางไฟฟ้า แผนภาพวงจรไฟฟา้ แสดงการต่อตัวตา้ นทานแบบอนุกรมและแบบขนาน การทำงาน
ของชิ้นส่วนของอิเล็กทรอนิกส์อย่างง่าย การต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์อย่างง่ายในวงจรไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้า
และการคำนวณค่าไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและปลอดภัย การเกิดคลื่นและส่วนประกอบของคล่ืน
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ประโยชน์และการป้องกันอันตรายจากคล่ืน
แม่เหล็กไฟฟ้า กฎการสะท้อนของแสง การสะท้อนของแสงบนกระจกเงา การหักเหของแสงเม่ือผา่ นตัวกลาง
โปร่งใสที่แตกต่างกันและการกระจายแสงของแสงขาวเมื่อผ่านปริซึม การหักเหของแสงผ่านเลนส์
ปรากฏการณ์ท่ีเกยี่ วกับแสงและการทำงานของทัศนอุปกรณ์ การมองเห็นวตั ถุ ความสวา่ งของแสง การโคจร
ของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตยด์ ้วยแรงโน้มถว่ ง การเกิดฤดูกาล การเคลือ่ นทปี่ รากฏของดวงอาทติ ย์ การเกิด
ข้างขึ้นข้างแรม การเกิดน้ำขึ้นน้ำลง เทคโนโลยีอวกาศและความก้าวหนา้ ของโครงการสำรวจอวกาศ ปัจจัยที่
ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น ปัญหาหรือความ
ต้องการของชุมชนหรือท้องถิ่นเพื่อพัฒนางานอาชีพ วิธีการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและการตัดสินใจเพ่ือ
เลือกข้อมูลที่จำเป็นภายใต้เงื่อนไข การทดสอบ การประเมินผล และให้เหตุผลของปัญหาหรือข้อบกพร่องท่ี
เกิดขึ้นภายใต้กรอบเงื่อนไข พร้อมทั้งหาแนวทางการปรับปรุงการแก้ไขและนำเสนอผลการแก้ปัญหา การใช้
ความรู้และทักษะเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกต้อง และปลอดภัย
เพอื่ แก้ปัญหาหรอื พัฒนางาน
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การ
สืบคน้ ข้อมลู การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภปิ ราย การอธิบาย การจดั กระทำขอ้ มลู และการสรุป
เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจ นำเสนอสือ่ สารสงิ่ ที่เรียนรู้
เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ี
เหมาะสม
รหสั ตัวชีว้ ดั
ว ๒.๓ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕, ม.๓/๖, ม.๓/๗, ม.๓/๘, ม.๓/๙, ม.๓/๑๐, ม.๓/๑๑,
ม.๓/๑๒, ม.๓/๑๓, ม.๓/๑๔, ม.๓/๑๕, ม.๓/๑๖, ม.๓/๑๗, ม.๓/๑๘, ม.๓/๑๘, ม.๓/๒๐,
ม.๓/๒๑
ว ๓.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔
ตัวชี้วัดรวม ๒๕ ตวั ชี้วดั
หลักสูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๙
คำอธิบายรายวิชาพืน้ ฐาน
ว ๒๓๑๐๒ วิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ (ภาคเรียนที่ ๑) เวลา ๒๐ ช่วั โมง
*********************************************************************************
ศกึ ษาเก่ียวกับการจัดการข้อมูลและสารสารเทศ การใชซ้ อฟต์แวรใ์ นการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ
ศึกษาเกี่ยวกับการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล การรู้เท่าทันสื่อ ศึกษาเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยี
สารสนเทศและกฎหมายคอมพิวเตอร์ ศึกษาเกีย่ วกับแอปพลเิ คชัน เทคโนโลยี IoTและการพัฒนาแอปพลเิ คชัน
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การ
แก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคิดและ
ปฏบิ ตั ิ
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหาเป็น
ขน้ั ตอน และเป็นระบบ มที กั ษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตวั และการส่อื สารเบื้องต้นใน
การแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และ
นำเทคโนโลยีใหม่ที่เกดิ ขึ้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสงั คมและการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิด
และจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการ
ตัดสนิ ใจ และเป็นผู้มจี ติ วิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สรา้ งสรรค์
รหสั ตวั ช้ีวดั
ว ๔.๒ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔
รวม ๔ ตวั ชวี้ ดั
คำอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน
หลกั สตู รโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๙๐
ว ๒๓๑๐๓ วทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ (ภาคเรยี นที่ ๒) เวลาเรยี น ๖๐ ชัว่ โมง
**************************************************************************************************
ศึกษาเกีย่ วกับปฏิสมั พันธข์ ององคป์ ระกอบของระบบนิเวศ รปู แบบความสมั พนั ธร์ ะหว่างสิ่งมชี วี ิต การ
ถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ การสะสมสารพษิ ในส่ิงมชี วี ติ ในโซ่อาหาร พันธุกรรม ความสมั พันธ์ระหว่าง ยีน
ดีเอ็นเอ และโครโมโซม การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ การแบ่งเซลล์ของ
สิ่งมีชีวิต โรคทางพันธุกรรม การดัดแปรทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ สมบัติทางกายภาพและ
การใช้วัสดุพอลิเมอร์ เซรามิก และวัสดุผสม ผลกระทบจากการใช้วัสดุพอลิเมอร์ เซรามิก และวัสดุผสม
การเกิดปฏิกิริยาเคมี ประเภทของปฏิกิรยิ าเคมี ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจำวนั การพัฒนาแอปพลิเคชัน การ
ใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ต การวิเคราะห์สื่อและผลกระทบจากการให้ข่าวสารที่ผิด เพื่อการใช้
งานอยา่ งรู้เทา่ ทนั ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย และมีความรบั ผิดชอบต่อสังคม
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้น
ข้อมลู การสงั เกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภปิ ราย การอธบิ าย การจดั กระทำขอ้ มูลและการสรปุ
เพ่อื ใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ นำเสนอสื่อสารสิง่ ท่ีเรียนรู้
เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่
เหมาะสม
รหสั ตัวชีว้ ดั
ว ๑.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕, ม.๓/๖
ว ๑.๓ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕, ม.๓/๖, ม.๓/๗, ม.๓/๘ ม.๓/๙, ม.๓/๑๐, ม.๓/๑๑
ว ๒.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕, ม.๓/๖, ม.๓/๗, ม.๓/๘
ตวั ชวี้ ดั รวม ๒๕ ตวั ช้ีวดั
คำอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน
หลกั สูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๙๑
ว ๒๓๑๐๔ ออกแบบและเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ (ภาคเรยี นที่ ๒) เวลา ๒๐ ชวั่ โมง
*********************************************************************************
ศึกษาสาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และผลกระทบต่อมนุษย์ สังคม
เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และอาชีพในชุมชน เพื่อสำรวจและระบุปัญหาที่เกิดขึ้นได้ตรงตามความจริง
กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ ร่วมกัน ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
ประเภท และสมบัติของวัสดุตา่ ง ๆ เช่น ไม้ เหล็ก พลาสติก ยางพารา เครื่องมือในการสร้างชิน้ งาน เช่น ค้อน
ประแจ สว่าน คีมประเภทต่าง ๆ เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกแนวทางในออกแบบการแก้ปัญหาได้อย่าง
เหมาะสม
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ( Problem – based Learning) วิธีการสอนโดยเน้น
รูปแบบการสอนแบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-based Learning) วัฏจักรการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้
(5Es Intructional Model) และวิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบอุปนัย (Induction) เพื่อเน้นให้ผู้เรียนได้
ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การแก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้าง
องค์ความรใู้ หมด่ ้วยตนเองผา่ นกระบวนการคิดและปฏบิ ัติ โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรู้ความเข้าใจ มีทกั ษะเกยี่ วกับการใชค้ วามร้ดู า้ นวิทยาศาสตร์และศาสตรอ์ ื่น ๆ ใน
การออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีในดา้ นต่าง ๆ ท่สี ามารถนำไปใช้ในชวี ติ จริงได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ และเกิด
ประโยชนต์ ่อสงั คม และการดำรงชวี ติ จนสามารถพฒั นากระบวนการคดิ และจนิ ตนาการ ความสามารถในการ
แกป้ ญั หาและการจดั การทักษะในการส่ือสาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจ และเป็นผ้ทู ่ีมีจิตวทิ ยาศาสตร์
มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์
ตวั ชีว้ ดั
ว ๔.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕
รวม ๕ ตัวชว้ี ัด
คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม(บังคบั เลอื ก)
หลกั สูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๙๒
ว ๒๑๒๐๑ คอมพิวเตอร์ ๑ (การออกแบบและเทคโนโลยี) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ (ภาคเรียนที่ ๑) เวลา ๒๐ ชัว่ โมง
*********************************************************************************
การโปรแกรม หมายถึง การสร้างชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน Scratch เป็น
ภาษาคอมพิวเตอร์สำหรับสร้างผลงานต่างๆ เช่น การทำแอนิเมชัน การจำลองทางวิทยาศาสตร์ เกม ดนตรี
ศิลปะ การสร้างสื่อแบบมีปฏิสัมพันธ์ โดยมีวิธีการโปรแกรมที่ไม่ต้องมีการพิมพ์คำสั่งที่ยุ่งยากซับซ้อน เหมาะ
กับการสอนหลักการโปรแกรมที่ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีระบบและการทำงานร่วมกัน
ชิ้นงานในโปรแกรม Scratch เรียกว่าโปรเจกต์ ซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างที่สำคัญอยู่ ๓ ส่วน ได้แก่ เวที
(Stage) ตวั ละคร (Sprite) และสครปิ ต์ (Script) โดยแตล่ ะส่วนมคี วามสัมพนั ธ์กันและทำงานร่วมกัน
การสรา้ งโปรเจกตเ์ กิดจากการเขยี นสครปิ ต์ (ชุดคำสัง่ ) ซ่งึ โปรแกรม Scratch ใชก้ ารวางบลอ็ กเรียงต่อ
กันแทนการเขียนคำสั่งในโปรแกรมภาษาทั่วไป เพื่อสั่งให้ตัวละครทำงาน ณ ตำแหน่งต่างๆ บนเวที คำสั่ง
พื้นฐานเบอ้ื งตน้ เพอ่ื สง่ั งานให้ตวั ละครเคลอื่ นที่ เปลีย่ นแปลงทา่ ทาง หรอื การควบคุมการทำงานของตวั ละคร
จะใชก้ ลมุ่ บลอ็ ก Motion, Looks และ Control
เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีทักษะในการเขียนโปรแกรมข้ันพ้ืนฐาน
เพ่อื นำไปประยุกต์ในการสร้างงานทเี่ กดิ จากความคิดสร้างสรรค์ของตนเองอย่างมุง่ มน่ั
ผลการเรียนรู้
๑. อธบิ ายข้นั ตอนและเขียนโปรแกรมสัง่ งานคอมพวิ เตอร์
๒. ใชค้ ำส่ังพนื้ ฐานในการเขียนโปรแกรม
๓. สร้างชน้ิ งานจากจนิ ตนาการอย่างสรา้ งสรรค์
๔. กำหนดและใช้งานตวั แปร
รวมทั้งหมด ๔ ผลการเรยี นรู้
คำอธบิ ายรายวิชาเพ่ิมเติม(บังคับเลอื ก)
หลักสตู รโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๙๓
ว๒๑๒๐๒ คอมพวิ เตอร์ ๒ (การออกแบบและเทคโนโลยี) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ (ภาคเรียนที่ ๒) เวลา ๒๐ ช่วั โมง
*********************************************************************************
การโปรแกรม หมายถึง การสร้างชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน Scratch เป็น
ภาษาคอมพิวเตอร์สำหรับสร้างผลงานต่างๆ เช่น การทำแอนิเมชัน การจำลองทางวิทยาศาสตร์ เกม ดนตรี
ศิลปะ การสร้างสื่อแบบมีปฏิสัมพันธ์ โดยมีวิธีการโปรแกรมที่ไม่ต้องมีการพิมพ์คำสั่งที่ยุ่งยากซับซ้อน เหมาะ
กับการสอนหลักการโปรแกรมที่ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีระบบและการทำงานร่วมกัน
ชิ้นงานในโปรแกรม Scratch เรียกว่าโปรเจกต์ ซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างที่สำคัญอยู่ ๓ ส่วน ได้แก่ เวที
(Stage) ตวั ละคร (Sprite) และสครปิ ต์ (Script) โดยแต่ละสว่ นมคี วามสัมพันธก์ นั และทำงานร่วมกัน
การสรา้ งโปรเจกตเ์ กดิ จากการเขยี นสคริปต์ (ชดุ คำสั่ง) ซ่งึ โปรแกรม Scratch ใชก้ ารวางบล็อกเรยี งต่อ
กันแทนการเขียนคำสั่งในโปรแกรมภาษาทั่วไป เพื่อสั่งให้ตัวละครทำงาน ณ ตำแหน่งต่างๆ บนเวที คำส่ัง
พื้นฐานเบ้อื งตน้ เพ่อื ส่ังงานให้ตวั ละครเคลอ่ื นท่ี เปล่ียนแปลงทา่ ทาง หรือการควบคมุ การทำงานของตัวละคร
จะใช้กล่มุ บลอ็ ก Motion, Looks และ Control
เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในด้านความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นใน
การทำงาน มีทักษะในการเขียนโปรแกรมขั้นเพื่อนำไปประยุกต์ในการสร้างงานแอนนเิ มชัน เกม ด้วยความคิด
สร้างสรรค์ของตนเอง
ผลการเรยี นรู้
๑. ใช้คำสัง่ พื้นฐานในการเขียนโปรแกรม
๒. กำหนดและใช้งานตัวแปร
๓. ใชโ้ ครงสรา้ งแบบลำดบั เงอ่ื นไข และวนซ้ำ
๔. พัฒนาเกมสร้างสรรค์ตามความตอ้ งการ
รวมทั้งหมด ๔ ผลการเรยี นรู้
คำอธบิ ายรายวิชาเพ่ิมเตมิ (บังคับเลือก)
หลักสตู รโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๙๔
ว๒๒๒๐๑ คอมพิวเตอร์ ๓ (การออกแบบและเทคโนโลยี) กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ (ภาคเรียนที่ ๑) เวลา ๒๐ ชวั่ โมง
*********************************************************************************
ศึกษา การสร้างชุดคำสั่งเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน Scratch เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีคำส่ัง
สำหรับสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานต่างๆ เช่น ภาพเคลื่อนไหว แบบจำลองทางวิทยาศาสตร์ เกม ดนตรี ศิลปะ
ส่ือแบบมปี ฏิสัมพนั ธ์ การโปรแกรมภาษา Scratch จะใช้บล็อกคำสง่ั มาวางตอ่ กันแทนการพิมพ์คำสั่งมีตัวละคร
และฉากที่ใช้สร้างเรื่องราวต่างๆ จึงเหมาะกับการสอนเขียนโปรแกรมที่ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การ
คิดอยา่ งมีระบบและการทำงานร่วมกนั ชิ้นงานในโปรแกรม Scratch เรยี กว่าโปรเจกต์ จะประกอบด้วย 3 สว่ น
สำคัญ ได้แก่ เวที (Stage) ตัวละคร (Sprite) และสคริปต์ (Script) โดยแต่ละส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันและ
ทำงานไปพรอ้ มๆ กัน
การสร้างโปรเจกต์ทำได้โดยการเขียนสคริปต์ (ชุดคำสั่ง) ซึ่งใช้การลากวางบล็อก (คำสั่ง) เรียงต่อกัน
เพื่อสั่งตัวละคร ณ ตำแหน่งต่างๆ บนเวที ให้ทำงานต่างๆ คำสั่งพื้นฐานที่สัง่ ให้ตัวละครเคลื่อนไหว แสดงออก
ควบคุมขั้นตอนการทำงานของคำสั่งจะใช้กลุ่มบล็อก Motion, Looks, และ Control ตามลำดับ การบันทึก
โปรเจกตเ์ พ่ือเก็บไวใ้ ช้งานหรอื แกไ้ ข
เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจ มที ักษะในการเขยี นโปรแกรมเพอื่ นำไปประยุกตใ์ นการสร้างงานแอน
นิเมชัน เกม เพลง ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในด้านความมีวินัย ใฝ่
เรยี นรู้ ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
ผลการเรียนรู้
๑. อธบิ ายข้ันตอนและเขียนโปรแกรมสง่ั งานคอมพวิ เตอร์
๒. ใช้คำสั่งพนื้ ฐานในการเขยี นโปรแกรม
๓. ใชง้ านตวั แปร
๔. สรา้ งชน้ิ งานจากจนิ ตนาการ
รวมท้ังหมด ๔ ผลการเรียนรู้
คำอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม(บังคบั เลอื ก)
หลักสูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๙๕
ว๒๒๒๐๓ คอมพวิ เตอร์ ๔ (การออกแบบและเทคโนโลยี) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ (ภาคเรียนที่ ๒) เวลา ๒๐ ชวั่ โมง
*********************************************************************************
ศึกษา การสร้างชุดคำสั่งเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน Scratch เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีคำสั่ง
สำหรับสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานต่างๆ เช่น ภาพเคลื่อนไหว แบบจำลองทางวิทยาศาสตร์ เกม ดนตรี ศิลปะ
ส่ือแบบมีปฏิสัมพนั ธ์ การโปรแกรมภาษา Scratch จะใชบ้ ลอ็ กคำสัง่ มาวางตอ่ กนั แทนการพมิ พ์คำสั่งมีตัวละคร
และฉากที่ใช้สร้างเรื่องราวต่างๆ จึงเหมาะกับการสอนเขียนโปรแกรมที่ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การ
คดิ อยา่ งมรี ะบบและการทำงานร่วมกนั ช้ินงานในโปรแกรม Scratch เรยี กว่าโปรเจกต์ จะประกอบดว้ ย 3 สว่ น
สำคัญ ได้แก่ เวที (Stage) ตัวละคร (Sprite) และสคริปต์ (Script) โดยแต่ละส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันและ
ทำงานไปพร้อมๆ กัน
การสร้างโปรเจกต์ทำได้โดยการเขียนสคริปต์ (ชุดคำสั่ง) ซึ่งใช้การลากวางบล็อก (คำสั่ง) เรียงต่อกัน
เพื่อสั่งตัวละคร ณ ตำแหน่งต่างๆ บนเวที ให้ทำงานต่างๆ คำสั่งพื้นฐานที่สั่งให้ตวั ละครเคล่ือนไหว แสดงออก
ควบคุมขั้นตอนการทำงานของคำสั่งจะใช้กลุ่มบล็อก Motion, Looks, และ Control ตามลำดับ การบันทึก
โปรเจกตเ์ พื่อเกบ็ ไวใ้ ชง้ านหรอื แกไ้ ข
เพ่อื ให้เกดิ ความรู้ ความเข้าใจ มที ักษะในการเขียนโปรแกรมเพอ่ื นำไปประยุกตใ์ นการสร้างงานแอน
นิเมชัน เกม เพลง ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในด้านความมีวินัย ใฝ่
เรียนรู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน
ผลการเรยี นรู้
๑. ใช้คำสัง่ พืน้ ฐานในการเขยี นโปรแกรมและการวาดเสน้
๒. เขา้ ใจมุมและทศิ ทางของเส้นตรง
๓. เขา้ ใจการหมุนและลากเส้นไปยังทิศทางท่ตี ้องการ
๔. ใช้คำสง่ั พน้ื ฐานในการวาดรูป
๕. ใช้โครงสรา้ งแบบลำดับ เง่อื นไข และวนซ้ำ
๖. ใชค้ ำสั่งในการสรา้ งฟงั กช์ ัน
๗. กำหนดและใช้งานตวั แปร
๘. ใช้งานรายการ (List)
รวมท้ังหมด ๘ ผลการเรยี นรู้
คำอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม(บังคับเลือก)
หลักสูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๙๖
ว๒๓๒๐๑ คอมพิวเตอร์ ๕ (การออกแบบและเทคโนโลยี) กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ (ภาคเรยี นท่ี ๑) เวลา ๒๐ ช่ัวโมง
*********************************************************************************
ศึกษาลักษณะการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ และโปรแกรมการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ในการใชเ้ ทคโนโลยีใน
เพอื่ ช่วยสร้างช้นิ งานได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
อธบิ ายความรูเ้ ก่ยี วกับการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ และโปรแกรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพ่ือฝกึ ทักษะ
การเรียกใชง้ านโปรแกรม กลุ่มแถบเคร่ืองมอื ต่างๆ และสว่ นประกอบภายในโปรแกรม การใช้งานเบื้องต้นของ
โปรแกรมเพ่ือออกแบบและสร้างชน้ิ งาน
เพ่ือให้เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ มีคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคใ์ นด้านมีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ มีความ มุ่งม่นั ใน
การทำงาน ออกแบบสร้างชิน้ งานใหเ้ หมาะสมกับลักษณะการนำไปใชง้ าน
ผลการเรยี นรู้
๑. นกั เรียนเข้าใจความหมายและลักษณะของโปรแกรมท่ใี ชใ้ นการออกแบบได้ถกู ต้อง
๒. นักเรยี นรู้จกั เลือกใชโ้ ปรแกรมการออกแบบในการสรา้ งผลงานได้อย่างมีคุณภาพ
๓. นักเรยี นอธิบายวธิ กี ารใชง้ านเคร่ืองมือต่าง ๆ ของโปรแกรมออกแบบผลิตภณั ฑ์ได้ถูกต้อง
๔. นักเรียนสามารถใชเ้ ครือ่ งมือของโปรแกรมในการออกแบบชิ้นงานไดถ้ ูกตอ้ ง
รวมทั้งหมด ๔ ผลการเรียนรู้
คำอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม(บังคับเลอื ก)
หลักสตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๙๗
ว๒๓๒๐๔ คอมพิวเตอร์ ๖ (การออกแบบและเทคโนโลยี) กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ (ภาคเรยี นท่ี ๒) เวลา ๒๐ ชั่วโมง
*********************************************************************************
ศึกษาการใชโ้ ปรแกรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในการใช้เทคโนโลยีในเพอ่ื ชว่ ยสรา้ งช้นิ งานไดอ้ ย่างมี
ประสิทธิภาพตามหลักการออกแบบผลติ ภณั ฑ์
เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทกั ษะ และสามารถสรา้ งโมเดลชน้ิ งาน และตกแตง่ ช้ินงานของตนเองพร้อม
ทั้ง Export ไฟล์ได้ โดยนำหลักการออกแบบผลติ ภัณฑ์มาพัฒนาผลงานตามความสนใจ และความถนดั อยา่ ง
เปน็ ระบบ โดยใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศใหเ้ หมาะสม มีหลักการใชโ้ ปรแกรมในการนำเสนอผลงาน
เพือ่ ให้มีความรู้ ความเข้าใจ และมที ักษะเกีย่ วกับการใชค้ อมพวิ เตอร์เพอ่ื นำไปพัฒนาและประยกุ ตใ์ ช้
งานการสรา้ ง ผลติ ภัณฑ์ทเี่ กดิ จากความคิดสรา้ งสรรค์ของนักเรียนเอง
ผลการเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นสามารถตกแต่งโมเดลได้อยา่ งมมี ิติ
๒. นกั เรียนสามารถสร้างโมเดลส่ิงของเครือ่ งใชไ้ ด้
๓. นกั เรียนสามารถนำเสนอโมเดลในรูปแบบตา่ ง ๆ ได้
รวมท้ังหมด ๓ ผลการเรียนรู้
คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม(เลือกเสร)ี
หลักสตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๙๘
ว ๒๓๒๐๑ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ (ภาคเรียนท่ี ๑) เวลา ๔๐ ช่วั โมง
*********************************************************************************
ศึกษา วิเคราะห์และอธิบายความหมาย ความสำคัญและประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ การ
เลือกประเด็นปัญหาในการจัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์ การตั้งสมมุติฐานจากประเด็นปัญหา การกำหนดตัว
แปรวิธีการออกแบบและวางแผนการรวบรวมข้อมลู เพื่อใช้จัดทำโครงงาน โดยแสวงหาความรูเ้ กี่ยวกบั ประเด็น
ปัญญาทีเ่ ลอื กจากแหล่งขอ้ มูลทห่ี ลากหลาย การเขียนและการนำเสนอเคา้ โครงงานวทิ ยาศาสตร์
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา การสำรวจตรวจสอบ
การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย ทักษะด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณมีทักษะด้านการคิดอย่างมี
วจิ ารณญาณและทักษะในการแกป้ ัญหา ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์ ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม
และภาวะผ้นู ำ ทกั ษะดา้ นคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทกั ษะการเรยี นรู้
เพื่อให้มีองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่สามารถใช้ต่อยอดได้ในอนาคต มี
ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่รู้ และนำความรู้ไปเชื่อมโยงกับ
ชวี ติ ประจำวัน มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ผลการเรยี นรู้
๑. อธบิ ายความหมาย ความสำคญั และประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตรไ์ ด้
๒. กำหนดประเด็นปัญหาทส่ี นใจ ตั้งสมมตุ ฐิ านและกำหนดตัวแปรจากประเดน็ ปัญหาได้
๓. สืบค้นและออกแบบวางแผนการจัดทำโครงงานได้
๔. อธิบายและเขยี นเคา้ โครงโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
รวมทั้งหมด ๔ ผลการเรียนรู้
คำอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเติม(เลอื กเสรี)
หลักสตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๙๙
ว ๒๓๒๐๔ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ (ภาคเรยี นที่ ๒) เวลา ๔๐ ชวั่ โมง
******************************************************************************
ศึกษา วิเคราะห์และอธิบายขั้นตอนของกระบวนการทางวิยาศาสตร์ที่ใช้ในการจัดทำโครงงาน
วิทยาศาสตรต์ ามความสนใจ โดยเชอ่ื มโยงกับสมมตฐิ านที่ต้งั ไว้ การสรุปผลและอภิปรายผลการทดลอง แล้ว
จัดทำรายงานโครงงานวยิ าศาสตร์และนำเสนอผลงานทางวิยาศาสตร์
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา การสำรวจตรวจสอบ
การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย ทักษะด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ มีทักษะด้านการคิดอย่างมี
วิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์ ทกั ษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีม
และภาวะผ้นู ำ ทกั ษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร ทักษะการเรียนรู้
เพื่อให้มีองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่สามารถใช้ต่อยอดได้ใน
อนาคต มีความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ และสามารถสื่อสารสิ่งที่รู้ นำความรู้ไป
เชอื่ มโยงกับชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ผลการเรยี นรู้
๑. อธิบายขน้ั ตอนของกระบวนการทางวยิ าศาสตร์ได้
๒. ผลิตโครงงานวิทยาศาสตร์ตามความสนใจ โดยใช้ขั้นตอนของกระบวนการทางวิยาศาสตร์ในการ
แกป้ ญั หา
๓. วิเคราะห์ อธิบายผลการทดลองเชอ่ื มโยงกับสมมติฐานและสรปุ องคค์ วามรู้ได้
๔. จดั ทำรายงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์ได้
๕. นำเสนอผลงานทางวยิ าศาสตร์ได้
รวมทงั้ หมด ๕ ผลการเรียนรู้
หลักสตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๑๐๐
คำอธิบายรายวิชา
กลุม่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา
ศาสนาและวฒั นธรรม
หลกั สตู รโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑