๒๕๑
รายวิชาพื้นฐานและเพ่ิมเตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น
รายวิชาพืน้ ฐาน จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง
อ ๒๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๖๐ ชัว่ โมง
อ ๒๑๑๐๒ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง
อ ๒๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง
อ ๒๒๑๐๒ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง
อ ๒๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ จำนวน ๖๐ ชั่วโมง
อ ๒๓๑๐๒ ภาษาองั กฤษ
รายวิชาเพิม่ เติม(เลือกเสรี) จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง
อ ๒๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อการทอ่ งเทีย่ ว ๑ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง
อ ๒๑๒๐๒ ภาษาอังกฤษเพ่ือการท่องเทย่ี ว ๒ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง
อ ๒๒๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อมคั คเุ ทศก์ ๑ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง
อ ๒๒๒๐๒ ภาษาองั กฤษเพื่อมคั คเุ ทศก์ ๒ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง
อ ๒๓๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่ออาชีพ ๑ จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง
อ ๒๓๒๐๒ ภาษาอังกฤษเพื่ออาชีพ ๒
หลักสูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๕๒
คำอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน
อ ๒๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑(ภาคเรียนท่ี ๑) เวลา ๖๐ ชั่วโมง
*********************************************************************************
ปฏิบัติตามคำสั่ง คำขอร้อง คำแนะนำและคำชี้แจงในการทำอาหารและเครื่องดื่ม การประดิษฐ์ อ่าน
ออกเสียงข้อความ นิทาน และบทร้อยกรองสั้นๆถูกต้องตามหลักการอ่าน เลือก/ระบุประโยคหรือข้อความ
ความหมายเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล้อม อาหาร เครื่องดื่ม เวลาว่างและนันทนาการ
สุขภาพและสวัสดิการ การซื้อ – ขาย ลมฟ้าอากาศ การเดินทางท่องเที่ยว การบริการ สถานที่ในท้องถ่ิน
ตคี วาม / ถ่ายโอนข้อมูลให้สัมพนั ธก์ ับส่อื ท่ีไมใ่ ช่ความเรียง ระบุหัวขอ้ เรื่อง บทสนทนา นทิ าน เรื่องส้ันและเรอื่ ง
จากสื่อประเภทต่างๆ จับใจความสำคัญ สนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและสถานการณ์ต่างใน
ชีวิตประจำวัน ใช้คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง พูดและเขียนแสดงความต้องการ ขอความช่วยเหลือ
ตอบรับและปฏิเสธ การให้ความช่วยเหลือ อ่านคำศัพท์ สำนวนภาษา พูดและเขียนสรุปจับใจความสำคัญ /
แกน่ สาระ การวิเคราะห์ความ / เรอ่ื ง / เหตกุ ารณท์ ่ีอยู่ในความสนใจ เลอื กใช้ภาษา นำ้ เสียง และกริยาท่าทาง
ในการสนทนาตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา เปรียบเทียบความเหมือน / ความแตกต่าง
ระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆของเจ้าของภาษากับของไทย ใช้เครื่องหมายวรรคตอนและลำดับคำ
ตามโครงสรา้ งประโยคของภาษา ต่างประเทศและภาษาไทย
มีทกั ษะการใช้ภาษาต่างประเทศ ( เน้นการฟัง – พูด – อ่าน – เขยี น ) สอื่ สารตามหวั เรือ่ งที่เรียนและ
ใช้ประโยคผสมและประโยคซับซ้อนสื่อความหมายตามบริบทต่างๆในการสนทนาทั้งที่เป็นทางการและไม่เปน็
ทางการ นำไปใช้ในการเรียนรสู้ ิ่งตา่ งๆ
เห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษสามารถทำงานอย่างมีระเบียบ มีความรอบคอบ มีความ
รับผิดชอบและมีความเชื่อม่ันในตนเอง
รหัสตวั ช้ีวัด
ต ๑.๑ ม. ๑/๑ ม. ๑/๒ ม. ๑/๔
ต ๑.๒ ม. ๑/๑ ม. ๑/๒ ม. ๑/๓
ต ๑.๓ ม. ๑/๑
ต ๒.๑ ม. ๑/๑
ต ๒.๒ ม. ๑/๑
ต ๔.๑ ม. ๑/๑
รวมทั้งหมด ๑๐ ตัวชี้วดั
หลกั สูตรโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒๕๓
คำอธบิ ายรายวชิ าพ้ืนฐาน
อ ๒๑๑๐๒ ภาษาอังกฤษ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ (ภาคเรยี นท่ี ๒) เวลา ๖๐ ช่วั โมง
*********************************************************************************
การอ่านป้ายประกาศต่างๆ หรือการใช้อุปกรณ์ การศึกษาและอาชีพ ภาษา และวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี อ่านคำศัพท์ สำนวนภาษา ประโยคและข้อความที่ใช้ในการขอและให้ข้อมูล และแสดงความ
คิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังหรืออ่าน พูดและเขียนบรรยายรู้สึก ความคิดเห็น และให้เหตุผล ประโยคและ
ข้อความเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวันและสถานการณ์เกี่ยวกับสิง่ แวดลอ้ มของชุมชนตะพง ประสบการณ์
สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว การแสดงความคิดเห็นและการให้เหตุผลประกอบเกี่ยวกับกิจกรรมหรือเรื่องต่างๆใกล้ตัว
เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกริยาท่าทางในการสนทนาตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
อธิบายความเป็นมาและความสำคัญของเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา
กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างระหว่างเทศกาล งานฉลอง วัน
สำคัญ และชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของภาษากับของไทย ค้นคว้า รวบรวม สรุป และนำเสนอข้อมูล /
ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่
เกดิ ขนึ้ ในห้องเรียน สถานศึกษา ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการสบื ค้น / ค้นคว้า รวบรวมและสรปุ ความรู้ / ข้อมูล
ตา่ งๆจากสื่อและแหล่งการเรยี นรู้ต่างๆในการศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชีพ
มที กั ษะการใช้ภาษาต่างประเทศ ( เน้นการฟัง – พูด – อา่ น – เขียน ) ส่ือสารตามหวั เรอื่ งท่ีเรียนและ
ใช้ประโยคผสมและประโยคซับซ้อนส่ือความหมายตามบริบทตา่ งๆในการสนทนาทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็น
ทางการ นำไปใชใ้ นการเรยี นรู้สิ่งต่างๆ
เห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษสามารถทำงานอย่างมีระเบียบ มีความรอบคอบ มีความ
รับผดิ ชอบและมคี วามเชอ่ื มั่นในตนเอง
รหสั ตวั ช้ีวดั
ต ๑.๑ ม ๑/๓ ม ๑/๔
ต ๑.๒ ม. ๑/๔ ม. ๑/๕
ต ๑.๓ ม. ๑/๒ ม. ๑/๓
ต ๒.๑ ม. ๑/๒ ม. ๑/๓
ต ๒.๒ ม. ๑/๒
ต ๓.๑ ม. ๑/๑
ต ๔.๒ ม. ๑/๑
รวม ท้งั หมด ๑๑ ตัวช้ีวดั
หลักสตู รโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๕๔
คำอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน
อ ๒๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ (ภาคเรยี นท่ี ๑) เวลา ๖๐ ช่วั โมง
*********************************************************************************
ศึกษาและปฏิบตั ติ ามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชแี้ จง และคำอธิบายงา่ ยๆ ตามสถานการณต์ ่างๆ สรปุ
ใจความสำคัญ และรายละเอียดสนับสนุน พรอ้ มทั้งแสดงความคิดเห็น ให้เหตผุ ล และยกตวั อยา่ งประกอบจาก
การอ่านเรื่อง ข่าว เหตุการณ์ ประกาศ กิจกรรม บทร้อยกรองสั้นๆ เรื่องใกล้ตัว ข้อมูลเกี่ยวกับกิจวัตร
ประจำวันของตนเอง เหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสงั คม สภาพอากาศ การเฉลิมฉลอง เทศกาล อาหาร
งานเทศกาล วันสำคญั ชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ประเพณขี องเจา้ ของภาษา ขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จรงิ ท่เี กี่ยวข้อง
กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ตำนานเรื่องเล่า ภาพยนตร์ ระบุ เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่าง
ระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาอังกฤษและ
ภาษาไทย พร้อมทง้ั ประชาสมั พนั ธข์ ้อมูล ขา่ วสารของโรงเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ขอและใหข้ อ้ มูล ใชท้ ักษะใน
การสื่อสารเพื่อแสดงความต้องการ ความรู้สึก ความคิดเห็น ความช่วยเหลือเกี่ยวกับตัวเอง กิจวัตรประจำวัน
ประสบการณ์ สถานการณ์ต่างๆ ในชวี ติ ประจำวัน เช่น ในหอ้ งเรียน สถานศึกษา ชุมชน
โดยการอ่านออกเสียง เขียน อธิบาย สืบค้น รวบรวม และสรุปข้อมูล หรือข้อเท็จจริง สรุป
ใจความสำคัญ และนำเสนอ ประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ใช้ทักษะในการสื่อสาร ภาษา
น้ำเสียงกิริยาท่าทางอย่างเหมาะสม ถูกต้องตามกาลเทศะ เข้าร่วมหรือจัดกิจกรรมทางภาษา และวัฒนธรรม
ตามความสนใจให้เหมาะสมกับบุคคล โอกาส และมารยาทสงั คม และวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
เพื่อให้เกิดความรู้ความ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนำเสนอ สื่อสาร มีความสามารถในการ
ตัดสินใจ นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษ รักความเป็นไทยและมีจิต
สาธารณะ
ตัวชี้วัด
ต ๑.๑ ม. ๒/๑, ม. ๒/๒, ม. ๒/๓, ม. ๒/๔
ต ๑.๒ ม. ๒/๑, ม. ๒/๒, ม. ๒/๓, ม. ๒/๔, ม. ๒/๕
ต ๑.๓ ม. ๒/๒
ต ๒.๑ ม. ๒/๑
ต ๔.๑ ม. ๒/๑
รวมท้ังหมด ๑๒ ตัวชี้วัด
หลกั สตู รโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๕๕
คำอธบิ ายรายวชิ าพ้ืนฐาน
อ ๒๒๑๐๒ ภาษาองั กฤษ กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ (ภาคเรียนที่ ๒) เวลา ๖๐ ช่ัวโมง
*********************************************************************************
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการบรรยาย กิจกรรม และสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิต ประจำวัน ประสบการณ์
เช่น การไปพัก ผอ่ นวนั หยุด การเปรียบเทียบขา่ วและเหตุการณ์ท่ีอยู่ในความสนใจของสังคม ข้อมูลข่าวสาร
สื่อที่ไม่ใชค่ วามเรียงรูปแบบต่างๆ และสถานการณ์ต่างๆ ในชวี ิตประจำวนั ความเจ็บปว่ ย สุขภาพ และการ
ออกกำลังกาย ส่วนต่างๆ ของร่างกาย การสนทนาในสถานการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับการซื้อขายสินค้า ข้อมูล
สว่ นตวั รายการโทรทศั น์ ความบนั เทิงตา่ งๆ ประเภทของดนตรี เครือ่ งดนตรีพืน้ เมือง การแสดงความคิดเห็น
กฎระเบียบของโรงเรยี น ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เสียงและการไดย้ ิน ตลอดจนการจัดตารางนัดหมาย พร้อม
ทั้งแสดงความคิดเห็น ให้เหตผุ ล และยกตวั อย่างประกอบจากการอา่ นเร่ือง ข่าว เหตกุ ารณ์ ประกาศ กิจกรรม
การลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาอังกฤษและภาษาไทย รวมทั้งขอและให้ข้อมูล ใช้ทักษะในการ
สื่อสารเพื่อแสดงความต้องการ ความรู้สึก ความคิดเห็น ความช่วยเหลือเกี่ยวกับตัวเอง กิจวัตรประจำวัน
ประสบการณ์ สถานการณต์ ่างๆ
โดยการอ่านออกเสียง เขียน อธิบาย สืบค้น รวบรวม และสรุปข้อมูล หรือข้อเท็จจริง สรุป
ใจความสำคัญ และนำเสนอ ประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ใช้ทักษะในการสื่อสาร ภาษา
น้ำเสียงกิริยาท่าทางอย่างเหมาะสม ถูกต้องตามกาลเทศะ เข้าร่วมหรือจัดกิจกรรมทางภาษา และวัฒนธรรม
ตามความสนใจใหเ้ หมาะสมกบั บุคคล โอกาส และมารยาทสังคม และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
เพื่อให้เกิดความรู้ความ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนำเสนอ สื่อสาร มีความสามารถในการ
ตัดสินใจ นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษ รักความเป็นไทยและมีจิต
สาธารณะ
ตัวช้วี ัด
ต ๑.๑ ม. ๒/๔
ต ๑.๓ ม. ๒/๑, ม. ๒/๓
ต ๒.๑ ม. ๒/๒, ม.๒/๓
ต ๒.๒ ม. ๒/๒
ต ๓.๑ ม. ๒/๑
ต ๔.๑ ม. ๒/๒
ต ๔.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒
รวมท้ังหมด ๑๐ ตัวช้วี ัด
หลักสูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๕๖
คำอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน
อ ๒๓๒๐๑ ภาษาองั กฤษ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ (ภาคเรยี นท่ี ๑) เวลา ๖๐ ชวั่ โมง
*********************************************************************************
ศึกษาการใช้คำขอร้อง ใหค้ ำแนะนำ คำชีแ้ จง คำอธบิ ายอย่างถูกต้องเหมาะสมตามกาลเทศะ อ่าน
ออกเสียงคำศัพท์ สำนวน ประโยค ข้อความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองสั้นๆ ได้ถูกต้องตามหลักการอ่าน
เลือกระบุและเขียนหัวข้อเรื่อง ใจความสำคัญ และสื่อที่ไม่ใช่ความเรียง รูปแบบต่างๆ แสดงความคิดเห็นจาก
เรื่องที่ฟังและอ่าน พร้อมให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ พูดสนทนาและเขียนบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับ
ตนเอง เรื่องต่างๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตาม
กาลเทศะ เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทาง อธิบายเปรียบเทียบเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่
ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับวัฒนธรรมของไทย เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและ
วัฒนธรรมตามความสนใจ คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปข้อมูล ข้อเทจ็ จรงิ แล้วนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน
ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น จากแหล่งเรียนรู้และสื่อสารในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน
สถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสมตามกาลเทศะ
โดยการอ่านออกเสียง เขียน อธิบาย สืบค้น รวบรวม และสรุปข้อมูล หรือข้อเท็จจริง สรุป
ใจความสำคัญ และนำเสนอ ประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ใช้ทักษะในการสื่อสาร ภาษา
น้ำเสียงกิริยาท่าทางอย่างเหมาะสม ถูกต้องตามกาลเทศะ เข้าร่วมหรือจัดกิจกรรมทางภาษา และวัฒนธรรม
ตามความสนใจให้เหมาะสมกบั บคุ คล โอกาส และมารยาทสงั คม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
เพื่อให้เกิดความรู้ความ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนำเสนอ สื่อสาร มีความสามารถในการ
ตัดสินใจ นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษ รักความเป็นไทยและมีจิต
สาธารณะ
ตัวช้ีวัด
ต ๑.๑ ม. ๓/๑, ม. ๓/๒, ม. ๓/๓, ม. ๓/๔
ต ๑.๒ ม. ๓/๑, ม. ๓/๒, ม. ๓/๓, ม. ๓/๔, ม. ๓/๕
ต ๑.๓ ม. ๓/๑, ม. ๓/๒, ม. ๓/๓
ต ๒.๑ ม. ๓/๒, ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓
ต ๒.๒ ม. ๓/๑, ม. ๓/๒
ต ๓.๑ ม. ๓/๑
ต ๔.๑ ม. ๓/๑
ต ๔.๒ ม. ๓/๑, ม. ๓/๒
รวมท้ังหมด ๒๑ ตัวช้ีวดั
หลักสตู รโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๕๗
คำอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน
อ ๒๓๒๐๒ ภาษาอังกฤษ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ
ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ (ภาคเรียนที่ ๒) เวลา ๖๐ ช่ัวโมง
*********************************************************************************
ศึกษาความรู้เกยี่ วกบั คำขอร้อง คำแนะนำ คำชแ้ี จง คำอธิบาย หลักการอา่ นออกเสยี งสื่อท่ีไม่ใช่ความ
เสี่ยง การจับใจความสำคัญ การแสดงความคิดเห็น การให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ ข้อมูลเกี่ยวกับ
ตนเอง เรอื่ งต่างๆ ใกลต้ วั ความตอ้ งการ การเสนอการตอบรบั และปฏิเสธการให้ความช่วยเหลอื การขอและให้
ข้อมลู การอธบิ าย เปรยี บเทยี บ การแสดงความรู้สึก การบรรยายเกย่ี วกบั ตนเอง ประสบการณ์ การจบั ใจความ
สำคัญ การวิเคราะห์เรื่องเหตุการณ์และสถานที่อยู่ในความสนใจ ศึกษาเปรียบเทียบเกี่ยวกับภาษา นํ้าเสียง
กิริยาทา่ ทาง ชวี ติ ความเปน็ อยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา ความเหมือนความ
แตกต่าง การออกเสียงประโยค ลำดับคำถามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย ศึกษา
การใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จรงิ สถานการณ์จำลอง การค้นควา้ การเผยแพรป่ ระชาสัมพันธ์ข่าวสารของ
โรงเรียน ชมุ ชนและสังคม
โดยใช้กระบวนการทางภาษา คือ ฟัง พูด อ่านและเขียน การสื่อสาร การสืบเสาะความรู้ การสืบค้น
ข้อมลู การฝกึ ปฏิบตั ติ ามสถานการณต์ า่ งๆ
เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถนำเสนอ สอ่ื สาร เห็นคณุ ค่าและประโยชน์ นำความรู้
ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจำวันอย่างเหมาะสม ตลอดจนมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ รักความเป็น
ไทย ซอื่ สัตย์ สจุ รติ มีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน
ตวั ชี้วดั
ต ๑.๑ ม. ๓/๑, ม. ๓/๒, ม. ๓/๓, ม. ๓/๔
ต ๑.๒ ม. ๓/๑, ม. ๓/๒, ม. ๓/๓, ม. ๓/๔, ม. ๓/๕
ต ๑.๓ ม. ๓/๑, ม. ๓/๒, ม. ๓/๓
ต ๒.๑ ม. ๓/๒, ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓
ต ๒.๒ ม. ๓/๑, ม. ๓/๒
ต ๓.๑ ม. ๓/๑
ต ๔.๑ ม. ๓/๑
ต ๔.๒ ม. ๓/๑, ม. ๓/๒
รวมท้ังหมด ๒๑ ตัวชว้ี ดั
หลกั สตู รโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๕๘
คำอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม(เลือกเสร)ี
อ ๒๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่ือการท่องเทีย่ ว ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ (ภาคเรยี นที่ ๑) เวลา ๔๐ ชัว่ โมง
*********************************************************************************
ศกึ ษาภาษาท่ีใชใ้ นการสือ่ สารระหว่างบุคคล เชน่ คำส่ัง คำขอร้อง คำชีแ้ จง และคำอธบิ ายง่ายๆ การ
ทักทาย การกลา่ วลา การขอบคุณ การแนะนำตนเอง การแนะนำผู้อืน่ ให้ร้จู กั กนั การแลกเปล่ยี นข้อมูล
เกยี่ วกับสถานการณต์ ่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวันและสถานการณท์ ่ีน่าสนใจ รวมท้งั ส่ือสงิ่ พิมพแ์ ละสื่อ
อิเลก็ ทรอนิกส์ การใชภ้ าษา นำ้ เสียง และกริยาทา่ ทางเหมาะสมกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา การแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ ขา่ ว และเร่อื งทอี่ ยู่ในความสนใจของ
สังคม ภาษาทใ่ี ชใ้ นการบอกทิศทาง/ท่ีต้ังของสถานทท่ี ่องเที่ยวทส่ี ำคัญ ภาษาทใี่ ช้ในการประชาสัมพนั ธข์ ้อมลู
ของโรงเรยี นและสถานท่ีทอ่ งเที่ยวในชุมชน
โดยเลอื กใชท้ ักษะกระบวนการฟัง พดู อ่าน และเขยี น ทกั ษะการจดจำคำศัพท์ คิด วิเคราะห์ และส่อื
ความกระบวนการทำงานกลุม่ /คู่ และสมรรถนะ ๕ สมรรถนะ คือ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถ
ในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต และความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี
เพอื่ ใหน้ ักเรียน เปน็ ผมู้ คี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่
เรยี นรู้ อยู่อย่างพอเพยี ง มุ่งม่ันในการทำงาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ ส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวใน
ชุมชน โดยยดึ หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปสู่การประกอบอาชีพในอนาคต
ผลการเรียนรู้
๑. พูดและปฏิบัติตามคำสง่ั คำขอรอ้ ง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธบิ ายง่ายๆ
๒. สนทนาโตต้ อบข้อมลู เก่ยี วกบั ตนเอง เรือ่ งตา่ ง ๆ ใกลต้ ัว แสดงความคิดเห็น สถานการณ์ ข่าว
และเร่ืองทีอ่ ยู่ในความสนใจของสงั คม
๓. พูดบรรยายเก่ยี วกับตวั เอง ประสบการณ์ ข่าว เหตกุ ารณ์ เรื่อง ประเด็นตา่ ง ๆ ท่ีอยู่ในความสนใจ
ของสงั คม
๔. เลอื กใช้ภาษา นำ้ เสียง และกรยิ าทา่ ทางเหมาะสมกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสงั คมและ
วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา
๕. ใชภ้ าษาสือ่ สารในการบอกทิศทาง/ที่ตง้ั ของสถานท่ีทอ่ งเที่ยวทสี่ ำคญั
๖. มีทักษะในการใชภ้ าษาในการประชาสัมพนั ธ์ข้อมลู ของโรงเรียนและสถานที่ทอ่ งเทีย่ วในชมุ ชน
รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรยี นรู้
หลกั สตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒๕๙
คำอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเตมิ (เลอื กเสรี)
อ ๒๑๒๐๒ ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเท่ยี ว ๒ กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ภาคเรยี นท่ี ๒) เวลา ๔๐ ชว่ั โมง
******************************************************************************
ศกึ ษาภาษาสือ่ สารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณ์จำลองเกี่ยวกับแหล่งทอ่ งเทยี่ วในชุมชน การใช้
ภาษาในการสืบค้นขอ้ มูลเก่ียวกับของท่ีระลึกและผลิตภณั ฑ์ของฝากในพนื้ ทกี่ ารทอ่ งเทยี่ ว ภาษาทใ่ี ช้ในการ
เดินทาง การใช้ยานพาหนะ การซื้อ-ขายต๋วั และการจองหอ้ งพกั
โดยเลอื กใชท้ ักษะกระบวนการฟงั พูด อา่ น และเขียน ทักษะการจดจำคำศัพท์ คิด วเิ คราะห์ และสือ่
ความกระบวนการทำงานกล่มุ /คู่ และสมรรถนะ ๕ สมรรถนะ คือ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถ
ในการคดิ ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ และความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี
เพ่อื ให้นักเรียน เปน็ ผ้มู คี ุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซ่ือสตั ย์สจุ ริต มวี นิ ัย ใฝ่
เรยี นรู้ อยู่อย่างพอเพยี ง มุ่งมั่นในการทำงาน รกั ความเป็นไทย และมีจติ สาธารณะ สง่ เสริมสถานที่ท่องเทย่ี วใน
ชมุ ชน โดยยึดหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปสู่การประกอบอาชีพในอนาคต
ผลการเรียนรู้
๑. ใชภ้ าษาสอื่ สารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ ำลองเกี่ยวกับแหล่งท่องเทย่ี วในชมุ ชน
๒. พดู และเขยี นรายละเอยี ดเกีย่ วกบั ของที่ระลึกในพนื้ ทก่ี ารท่องเท่ยี ว
๓. ใช้ภาษาสอ่ื สารเก่ยี วกับผลติ ภัณฑ์ของฝากในพ้นื ที่การทอ่ งเทย่ี ว
๔. ใชภ้ าษาสอื่ สารในการเดนิ ทาง และการใชย้ านพาหนะ
๕. ใช้ภาษาส่ือสารในการซื้อ-ขายต๋ัวเดินทาง
๖. ใช้ภาษาสอื่ สารในการจองห้องพัก
รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรยี นรู้
หลักสูตรโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๖๐
คำอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม(เลอื กเสร)ี
อ ๒๒๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพื่อมคั คเุ ทศก์ ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ
ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ (ภาคเรียนท่ี ๑) เวลา ๔๐ ชัว่ โมง
******************************************************************************
ศึกษาภาษาที่ใช้ในการสื่อสารสำหรับการท่องเที่ยว เช่น คำศัพท์สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดระยองและ
จังหวัดใกล้เคียง อาหารประจำจังหวัดระยอง คำขวัญประจำจังหวัดระยอง สินค้า O-Top การละเล่นต่างๆ
ของจังหวัดระยอง ร้านอาหาร สถานที่พัก รวมทั้ง ประโยค สำนวน บทสนทนา คำศัพท์เกี่ยวกับการ
ท่องเที่ยว นักเรียนสามารถสื่อสารและนำข้อมูลต่างๆที่ได้ศึกษานี้มาเผยแพร่ในสถานศึกษาเพื่อสร้างความ
ตระหนักเกีย่ วกบั คุณคา่ ของวัฒนธรรมและช่วยกนั อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและประเพณีทอ้ งถ่ินของตนเอง
โดยเลือกใช้กระบวนการทักษะด้านการฟัง พูด อ่าน และเขียน ทักษะการจำ คดิ วิเคราะห์ และเขียน
สื่อความกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม และงานคู่ และสมรรถนะ ๕ ด้าน คือ ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต และความสามารถ
ในการใช้เทคโนโลยี
เพื่อให้นักเรียนเป็นผู้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่
เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สืบ
สานศลิ ปวฒั นธรรมท้องถน่ิ ชมุ ชน ยดึ หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง เพอ่ื นำไปสกู่ ารประกอบอาชีพในอนาคต
ผลการเรียนรู้
๑. เรียนรู้เกี่ยวกับบุคลิกภาพ จุดเด่นของตนเอง มารยาทของการพูดและการฟังที่ส่งเสรมิ บคุ ลิกของ
ตนเองในการเปน็ ผู้ใหข้ ้อมลู และผู้นำนักทอ่ งเทยี่ ว
๒. ศึกษาและอธิบายข้อมูลด้านภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม คุณค่าและเทศกาลสำคัญของจังหวัดระยอง
สถานที่สำคัญ อาหาร การละเล่น สินค้า O Top นักเรียนสามารถนำเสนอข้อมูลดังกล่าวได้อย่างถูกต้องและ
นา่ สนใจ
๓. นกั เรียนใช้คำศัพทแ์ ละประโยคเกีย่ วกับการทอ่ งเทย่ี วในด้านการพดู และการเขยี นได้อยา่ งถูกต้อง
๔. เผยแพร่ข้อมูลด้านภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม คุณค่าและเทศกาลสำคัญของจังหวัดระยอง สถานที่
สำคญั อาหาร การละเลน่ สินค้า O Top ในสถานศกึ ษาและสอ่ื ออนไลน์ได้อย่างถูกต้องและนา่ สนใจ
รวมทัง้ หมด ๔ ผลการเรยี นรู้
หลกั สตู รโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๖๑
คำอธบิ ายรายวิชาเพ่ิมเตมิ (เลือกเสร)ี
อ ๒๒๒๐๒ ภาษาอังกฤษเพ่ือมคั คเุ ทศก์ ๒ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ (ภาคเรยี นที่ ๒) เวลา ๔๐ ชว่ั โมง
*********************************************************************************
ศึกษาประโยคที่ใช้ในการอธิบายง่ายๆ การทักทาย การร้องขอความช่วยเหลือ การบอกเส้นทาง การ
แนะนำสถานที่ต่างๆ ที่น่าสนใจ รวมทั้งศึกษาความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวจากสื่อ สิ่งพิมพ์ออน ไลน์ และ
สามารถนำเสนอผลงานของตนเองผ่านทกั ษะการเรียนรู้บูรณาการ นักเรียนสามารถสื่อสารและนำขอ้ มูลตา่ งๆ
ทไ่ี ดศ้ ึกษานม้ี าเผยแพร่ในสถานศกึ ษาเพ่ือสรา้ งความตระหนกั เกี่ยวกับคุณค่าของวัฒนธรรมและชว่ ยกันอนุรักษ์
วัฒนธรรมและประเพณีทอ้ งถ่นิ ของตนเอง
โดยเลอื กใช้กระบวนการทักษะด้านการฟัง พูด อ่าน และเขยี น ทกั ษะการจำ คดิ วเิ คราะห์ และเขียน
สื่อความกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม และงานคู่ และสมรรถนะ ๕ ด้าน คือ ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ และความสามารถ
ในการใชเ้ ทคโนโลยี
เพื่อให้นักเรียนเป็นผู้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่
เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สืบ
สานศลิ ปวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ชุมชน ยดึ หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง เพือ่ นำไปสู่การประกอบอาชพี ในอนาคต
ผลการเรียนรู้
๑. ทราบและอธิบายข้อมูลด้านภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม คุณค่าและเทศกาลของจังหวัดระยอง
สามารถนำเสนอขอ้ มูลดงั กล่าวไดอ้ ยา่ งถูกต้องและนา่ สนใจ
๒. กลา้ แสดงออกในการใชป้ ระโยคในการส่ือสารต่างๆ ในฐานะเป็นผนู้ ำเทย่ี วไดห้ ลากหลาย น่าสนใจ
๓. นักเรียนสามารถเข้าร่วมโครงการด้านการท่องเที่ยวในท้องถิ่นตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัด
ระยอง และสามารถปฏบิ ัติตนเป็นมคั คุเทศก์นำเทีย่ วในบริเวณดงั กล่าวได้
๔. จดั ทำโครงงานสถานทที่ ่องเท่ียว อาหารหรอื สินคา้ ทต่ี นเองชนื่ ชอบและทำงานร่วมกบั ผ้อู นื่ ได้
รวมทง้ั หมด ๔ ผลการเรียนรู้
หลักสูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๖๒
คำอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม(เลอื กเสรี)
อ ๒๓๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่ืออาชีพ ๑ กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ (ภาคเรยี นที่ ๑) เวลา ๔๐ ช่วั โมง
*********************************************************************************
ศึกษาคำศัพท์ ข้อความ ประโยค และข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงในรูปแบบต่างๆ
บทสนทนาเกี่ยวกับอาชีพการซื้อขายสินค้า การใช้บริการเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย การใช้บริการในสถานที่
ท่องเที่ยวและที่พัก และสถานที่ทำงานที่สำคัญในท้องถิ่น การขอความช่วยเหลือ คำแนะนำ และแสดงความ
ต้องการเก่ียวกบั สถานที่ตา่ งๆในท้องถ่นิ ใชภ้ าษาตามสถานการณต์ า่ งๆ ท่ใี ช้ในการส่ือสารกบั บคุ คลในชมุ ชน
โดยใช้กระบวนการสื่อสารทางภาษา และฝึกปฏิบัติ การฟัง การพูด การสนทนา การนำเสนอข้อมูล
การแสดงความคิดเห็น การแสดงความรู้สึก การขอและให้ข้อมูล การแสดงความต้องการ การเสนอความ
ช่วยเหลอื และบริการ การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนตามสถานการณ์ต่างๆ ได้
อย่างถกู ต้องเหมาะสม
เพือ่ ใหเ้ ห็นคณุ คา่ ของการเรียนภาษาตา่ งประเทศ มีนสิ ยั ใฝ่รูใ้ ฝ่เรยี น มคี วามกระตอื รือรน้ มมี ารยาท
ในการฟงั การพดู การอา่ น การเขียน มคี ุณธรรมจริยธรรม มีสมั มาคารวะ และมเี จตคตทิ ีด่ ีต่อการเรียนวิชา
ภาษาต่างประเทศเพ่อื ใช้ในการประกอบอาชพี ในอนาคต
ผลการเรยี นรู้
๑. ฟังประโยคสนทนาและขอ้ ความใหส้ มั พันธ์ส่ือที่ไม่ใชค่ วามเรียงในรปู แบบต่างๆเกี่ยวกบั อาชีพ
ค้าขาย อาชีพในสถานพยาบาล อาชีพในโรงแรมและสถานทที่ อ่ งเท่ยี ว และสถานท่ีราชการท่ีสำคญั ในท้องถ่นิ
๒. อา่ นออกเสียง คำศพั ท์ ข้อความ และบทสนทนาตามสถานการณท์ ีก่ ำหนด ถกู ตอ้ งตามหลักการ
อ่านเกี่ยวกับอาชีพค้าขาย อาชีพในสถานพยาบาล อาชีพในโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่
ราชการทส่ี ำคัญในทอ้ งถน่ิ
๓. เขยี นประโยคสนทนาเก่ียวกบั สถานการณ์ตา่ งๆ เกย่ี วกบั อาชพี ค้าขาย อาชีพในสถานพยาบาล
อาชีพในโรงแรมและสถานท่ที อ่ งเท่ยี ว และสถานที่ราชการทีส่ ำคัญในทอ้ งถ่ิน
๔. พูดสนทนาตามสถานการณท์ กี่ ำหนดให้ เกย่ี วกบั อาชพี คา้ ขาย อาชีพในสถานพยาบาล อาชพี ใน
โรงแรมและสถานทที่ ่องเท่ยี ว และสถานทร่ี าชการทส่ี ำคัญในท้องถิน่
๕. แสดงบทบาทสมมุติเก่ยี วกับสถานการณต์ า่ งๆ ตามทไี่ ด้ฟงั และอ่าน เกีย่ วกบั อาชพี คา้ ขาย อาชพี
ในสถานพยาบาล อาชีพในโรงแรมและสถานทีท่ อ่ งเทีย่ ว และสถานท่ีราชการท่ีสำคญั ในทอ้ งถน่ิ
๖. นำเสนอข้อมลู ทตี่ นเองได้ศกึ ษา ค้นคว้าและรวบรวมผลงานตามหัวข้อท่กี ำหนดให้ เก่ียวกบั อาชีพ
คา้ ขาย อาชพี ในสถานพยาบาล อาชีพในโรงแรมและสถานท่ที อ่ งเทีย่ ว และสถานท่ีราชการท่ีสำคญั ในท้องถ่ิน
รวมทง้ั หมด ๖ ผลการเรียนรู้
คำอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม(เลือกเสร)ี
อ ๒๓๒๐๒ ภาษาอังกฤษเพื่ออาชพี ๒ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ
หลกั สตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๖๓
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ (ภาคเรียนท่ี ๒) เวลา ๔๐ ชัว่ โมง
**********************************************************************************
ศึกษาคำศัพท์ ขอ้ ความ ประโยค และข้อความท่ีใหส้ ัมพันธ์กับสอ่ื ที่ไม่ใช่ความเรียงในรูปแบบตา่ งๆ
บทสนทนาเก่ยี วกบั อาชีพงานชา่ งไม้ ชา่ งก่อสร้างและชา่ งยนต์ อาชีพในการขนส่งสาธารณะ และอาชพี ท่ี
เกีย่ วขอ้ งกบั การเงนิ -ธนาคาร การใช้ภาษาตามสถานการณ์ตา่ งๆ ทใ่ี ชใ้ นการสื่อสารกบั บุคคลในชุมชน
โดยใช้กระบวนการสอื่ สารทางภาษา และฝกึ ปฏบิ ตั ิ การฟัง การพดู การสนทนา การนำเสนอข้อมลู
การแสดงความคดิ เหน็ การแสดงความรสู้ ึก การขอและใหข้ อ้ มลู การแสดงความตอ้ งการ การเสนอความ
ช่วยเหลือและบรกิ าร การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ทกั ษะการฟงั พดู อา่ น และเขียนตามสถานการณต์ ่างๆ
ได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
เพื่อให้เหน็ คุณคา่ ของการเรียนภาษาต่างประเทศ มีนิสัยใฝ่รใู้ ฝ่เรยี น มคี วามกระตือรือร้น มมี ารยาท
ในการฟัง การพดู การอ่าน การเขยี น มีคุณธรรมจริยธรรม มสี มั มาคารวะ และมีเจตคตทิ ด่ี ีต่อการเรยี นวชิ า
ภาษาต่างประเทศ และนำไปใชใ้ นการประกอบอาชีพในอนาคต
ผลการเรียนรู้
๑. ฟังประโยคสนทนาและข้อความทใ่ี ห้สมั พันธ์สื่อท่ีไม่ใช่ความเรยี งในรูปแบบต่างๆ เกี่ยวกับอาชพี
งานชา่ งไม้ ชา่ งก่อสร้าง และช่างยนต์ อาชพี พนักงานที่เก่ียวข้องกบั การขนสง่ สาธารณะ และอาชีพด้าน
การเงนิ -ธนาคาร
๒. อ่านออกเสยี ง คำศัพท์ ข้อความ และบทสนทนาตามสถานการณท์ ี่กำหนด ถูกตอ้ งตามหลักการ
อ่านเก่ยี วกับอาชีพงานช่างไม้ ช่างกอ่ สร้าง และช่างยนต์ อาชีพพนกั งานท่เี กีย่ วข้องกบั การขนสง่ สาธารณะ
และอาชีพดา้ นการเงิน-ธนาคาร
๓. เขยี นประโยคสนทนาเก่ยี วกบั อาชพี งานชา่ งไม้ ชา่ งกอ่ สรา้ ง และช่างยนต์ อาชพี พนักงานท่ี
เก่ยี วขอ้ งกบั การขนสง่ สาธารณะ และอาชพี ด้านการเงิน-ธนาคาร
๔. พูดสนทนาเกีย่ วกับอาชีพงานช่างไม้ ชา่ งก่อสร้าง และช่างยนต์ อาชีพพนักงานที่เกยี่ วข้องกับ
การขนส่งสาธารณะ และอาชีพดา้ นการเงิน-ธนาคาร
๕. แสดงบทบาทสมมตุ ิเกยี่ วกบั อาชีพงานช่างไม้ ชา่ งก่อสร้าง และชา่ งยนต์ อาชพี พนักงานที่
เกย่ี วขอ้ งกับการขนสง่ สาธารณะ และอาชีพด้านการเงนิ -ธนาคาร ตามที่ได้ฟงั และอา่ น
๖. นำเสนอข้อมลู ท่ีตนเองได้ศึกษา คน้ คว้าและรวบรวมผลงานเกยี่ วกบั อาชีพงานชา่ งไม้ ชา่ งกอ่ สรา้ ง
และช่างยนต์ อาชพี พนักงานท่ีเกย่ี วข้องกบั การขนสง่ สาธารณะ และอาชีพด้านการเงิน-ธนาคาร
รวมทง้ั หมด ๖ ผลการเรียนรู้
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น
หลกั สูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๖๔
โรงเรียนวัดตะพงนอก ได้จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยมุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์
ตรง ได้ฝึกปฏิบัติจริงและค้นพบความถนัดของตนเอง สามารถค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมตามความสนใจจาก
แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย บำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม มีทักษะในการดำเนินงาน ส่งเสริมให้มีวุฒิภาวะทาง
อารมณ์ สังคม ศีลธรรม จริยธรรม ให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง สามารถวางแผนชีวิตและอาชีพได้อย่าง
เหมาะสม
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมที่มุ่งให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาการเรียนรู้อย่าง
รอบด้านเพ่ือความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย สตปิ ัญญา อารมณ์ และสงั คม เสรมิ สรา้ งให้เป็นผู้มีศีลธรรม
จรยิ ธรรม มีระเบียบวินยั ปลูกฝงั ใหส้ รา้ งจติ สำนกึ ของการทำประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได้และ
อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข โรงเรียนวัดตะพงนอก ได้จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยแบ่งออกเป็น ๓
ลกั ษณะ ดงั น้ี
๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม
สามารถตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวติ ทั้งด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้
อยา่ งเหมาะสม นอกจากน้ียงั ชว่ ยให้ครูรูจ้ กั และเขา้ ใจผู้เรยี น ทัง้ ยงั เป็นกจิ กรรมที่ช่วยเหลอื และให้คำปรึกษาแก่
ผู้ปกครองในการมีส่วนร่วมพัฒนาผู้เรียน โดยนักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนว ๔๐ ชั่วโมงต่อปี
การศกึ ษา
๒. กิจกรรมนกั เรียน เป็นกิจกรรมที่มงุ่ พฒั นาระเบยี บวินยั ความเป็นผนู้ ำ ผู้ตามท่ดี ี ความรับผิดชอบ
การทำงานร่วมกัน รู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันเอื้ออาทร
และสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติ
ด้วยตนเองในทุกขัน้ ตอน ไดแ้ ก่ การศึกษาวเิ คราะห์ วางแผน ปฏบิ ตั ติ ามแผนประเมนิ และปรับปรุงการทำงาน
เน้นการทำงานรวมกันเป็นกลุ่มตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียนและบริบทของ
สถานศึกษาและท้องถ่ิน กิจกรรมนกั เรียน ประกอบด้วย กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี นกั เรยี นทุกคนต้องเข้า
ร่วม กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ๔๐ ชั่งโมงต่อปีการศึกษา กิจกรรมชุมนุม นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วม
กจิ กรรมชุมนมุ ๓๐ ชั่งโมงตอ่ ปกี ารศึกษา
๓. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็น
ประโยชน์ต่อสังคม ชุมชนและท้องถิ่นตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ
ความดีงาม ความเสียสละการมีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่างๆ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม
นักเรยี นทุกคนต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ชั่วโมงตอ่ ปกี ารศึกษา
โครงสร้างและอตั ราเวลาการจัดกิจกรรม
หลกั สูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๖๕
กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ระดับประถมศึกษา ระดบั มธั ยมศกึ ษา
ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ม.๑ ม.๒ ม.๓
๑. กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
๒. กจิ กรรมนกั เรียน
๒.๑ ลูกเสือ-เนตรนารี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
๒.๒ กจิ กรรมชมุ นมุ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐
๓. กิจกรรมเพ่อื สังคม ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐
และสาธารณประโยชน์
เวลาเรียนรวม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
๑. กิจกรรมแนะแนว
วัตถปุ ระสงค์
๑. เพอ่ื ผเู้ รยี นคน้ พบความถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รักละเห็นคณุ ค่าในตนเองและ
ผอู้ ่ืน
๒. เพอื่ ให้ผเู้ รยี นแสวงหาความรจู้ ากข้อมูล ข่าวสาร แหลง่ เรยี นรู้ ท้งั ดา้ นการศกึ ษา อาชพี สว่ นตวั
สังคม เพือ่ นำไปใช้ในการวางแผน เลือกแนวทางการศึกษาอาชพี ไดอ้ ย่างเหมาะสมสอดคล้องกับ
ศักยภาพของตนเอง
๓. เพื่อให้ผู้เรยี นได้พัฒนาบคุ ลิกภาพ และรบั ตวั อยู่ในสังคมได้อยา่ งมีความสขุ
๔. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ มีทกั ษะ มคี วามคดิ สร้างสรรค์ ในงานอาชพี และมีเจตคตทิ ีด่ ตี ่ออาชีพสุจรติ
๕. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนมีค่านยิ มที่ดงี ามในการดำเนินชีวิต สรา้ งเสรมิ วนิ ยั คณุ ธรรมและจริยธรรมแก่
นกั เรียน
๖. เพอ่ื ให้ผูเ้ รียนมจี ติ สำนึกในการรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ
แนวการจัดกิจกรรม โรงเรียนวัดตะพงนอก ได้จัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาผู้เรียน
ดงั นี้
๑. จัดกิจกรรมเพื่อให้ครูได้รู้จักและช่วยเหลือผู้เรียนมากขึ้น โดยใช้กระบวนการทางจิตวิทยา การ
จัดบริการสนเทศ โดยให้มีเอกสารเพื่อใช้ในการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้เรียน ด้วยการสังเกต
สัมภาษณ์ การใชแ้ บบสอบถาม การเขยี นประวตั ิ การพบผปู้ กครองกอ่ นและระหว่างเรยี น การ
เยี่ยมบ้านนักเรียน การให้ความช่วยเหลือผู้เรียนเรื่องสุขภาพจิต เศรษฐกิจ การจัดทำระเบียน
สะสม สมุดรายงานประจำตัวนักเรยี น และบตั รสขุ ภาพ
๒. การจัดกิจกรรมพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ โดยทำแบบทดสอบเพื่อรู้จักและเข้าใจตนเอง มี
ทักษะในการตัดสินใจ การปรับตวั การวางแผนเพอื่ เลอื กศึกษาต่อ เลือกอาชีพ
หลักสตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๖๖
๓. การจัดบริการให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียนรายบุคคล และรายกลุ่ม ในด้านการศึกษา อาชีพ และ
ส่วนตวั โดยมีผู้ใหค้ ำปรึกษาทม่ี คี ณุ วุฒิ และมคี วามเช่ยี วชาญในเรอื่ งการให้คำปรกึ ษา ตลอดจน
มีห้องใหค้ ำปรกึ ษาท่ีเหมาะสม
๓.๑ ช่วยเหลอื ผูเ้ รียนทป่ี ระสบปัญหาดา้ นการเงิน โดยการใหท้ ุนการศกึ ษาแกผ่ ูเ้ รยี น
๓.๒ ติดตามเกบ็ ข้อมลู ของนักเรียนท่สี ำเร็จการศกึ ษา
๒. กิจกรรมนักเรยี น
๑. กิจกรรมลกู เสือ
กจิ กรรมลูกเสอื - เนตรนารี
ผเู้ รียนในระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๑-๖ และชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๑-๓ ทกุ คน ได้ฝึกอบรมวิชาลูกเสือ
เนตรนารี เพ่ือส่งเสริมหลักการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ส่งเสริมความ
สามัคคี มีวินัย และบำเพ็ญประโยชน์ตอ่ สงั คม โดยดำเนินการจัดกิจกรรมตามข้อกำหนดของคณะกรรมการ
ลูกเสือแห่งชาติ
วัตถปุ ระสงค์
พระราชบญั ญัติลกู เสือ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๘ ไดก้ ำหนดวัตถปุ ระสงค์ของการฝึกอบรม เพอ่ื พัฒนา
ลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรมให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และช่วยสร้างสรรค์
สังคม เพื่อให้เกิดความสามัคคี และความเจริญก้าวหน้า ทั้งนี้เพื่อความสงบสุข และความมั่งคงของ
ประเทศชาตติ ามแนวทางดงั ตอ่ ไปน้ี
๑. ใหม้ ีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชือ่ ฟัง และพ่งึ ตนเอง
๒. ใหม้ คี วามซือ่ สัตยส์ จุ รติ มรี ะเบยี บวินยั และเห็นอกเห็นใจผ้อู นื่
๓. ให้รจู้ ักบำเพญ็ ตนเพื่อสาธารณประโยชน์
๔. ใหร้ จู้ กั ทำการฝีมือและฝกึ ฝนการทำกิจกรรมตา่ งๆตามความเหมาะสม
๕. ใหร้ ู้จกั รักษาและสง่ เสริมจารตี ประเพณี วัฒนธรรม และความมง่ั คงชองชาติ
แนวการจดั กจิ กรรม
กิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑-๓
เปดิ ประชุมกอง ดำเนนิ การตามกระบานการของลูกเสือ และจัดกจิ กรรมให้ศึกษาวเิ คราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเน้นระบบหมู่ สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง โดยให้ผู้เรียน
ศกึ ษาและฝึกปฏบิ ัติดงั นี้
๑. เตรียมลกู เสอื สำรอง นยิ ายเร่ือเมาคลี ประวตั กิ ารเร่ิมกจิ กรรมลกู เสือสำรอง การทำ
ความเคารพเป็นหมู่ (แกรนด์ฮาวล์) การทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถวเบื้องต้น
คำปฏิญาณ กฎ และคตพิ จนข์ องลูกเสอื สำรอง
๒. ลกู เสือสำรองดาวดวงท่ี ๑ , ๒ และ ๓ อนามัย ความสามารถเชงิ ทกั ษะ การสำรวจ การค้นหา
ธรรมชาติ ความปลอดภัย บรกิ าร ธง และประเทศต่างๆ การฝีมอื กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิง การผูก
หลักสูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๖๗
เงอื่ น คำปฏิญาณ และกฎของลกู เสือสำรองโดยใช้กระบานการทำงาน กระบวนการแกป้ ญั หา กระบวนการ
กลุ่ม กระบวนการจัดการ กระบวนการคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ กระบวนการฝึกปฏิบัติ ทางลูกเสือ
กระบวนการทางเทคโนโลยี และภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ินได้อย่างเหมาะสม เพือ่ ใหม้ ีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรม
ลูกเสอื สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสือสำรอง มนี สิ ยั ในการสังเกต จดจำ เชื่อ
ฟงั และพงึ่ ตนเอง ซือ่ สัตย์ สุจริต มีระเบยี บวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อนื่ บำเพญ็ ตนเพือ่ สาธารณประโยชน์
รู้จักทำการฝีมือ พัฒนากาย จิตใจ และศีลธรรม ทั้งน้ีโดยไม่เกี่ยวข้องกับลัทธิทางการเมืองใดๆ สนใจและ
อนุรกั ษ์ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม นำไปใช้ในชีวิตประจำวันไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ
กจิ กรรมลูกเสือ - เนตรนารี ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔-๖
เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเน้นระบบหมู่ สรุปการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง โดยให้
ผ้เู รียนศกึ ษาและปฏบิ ัติในเรือ่ ง
๑. ลูกเสือตรี ความรเู้ ก่ียวกับขบวนการลกู เสือ คำปฏิญาณและกฎของลกู เสือสามัญ กิจกรรม
กลางแจ้ง ระเบียบแถว
๒. ลูกเสือโท การรู้จักดูแลตนเอง การช่วยเหลือผู้อื่น การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทักษะ
ทางวชิ าลกู เสือ งานอดเิ รกและเร่ือทน่ี ่าสนใจ คำปฏิญาณ และกฎของลกู เสือ ระเบยี บแถว
๓. ลกู เสือเอก การพ่งึ พาตนเอง การบรกิ าร การผจญภยั วิชาการของลกู เสอื ระเบยี บ
แถวโดยใช้กระบวนการทำงาน กระบวนการแก้ปัญหา ระบวนการกลุ่ม กระบวนการจัดการ กระบวนการ
คิดริเริ่ม สร้างสรรค์ กระบวนการฝึกปฏิบัติทางลูกเสือ กระบวนการทางเทคโนโลยี และภูมิปัญญาท้องถ่ิน
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เพือ่ ให้มคี วามรู้ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือ สามารถปฏิบตั ิตามคำปฏิญาณ กฎ และคติ
พจน์ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง ซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย
และเหน็ อกเห็นใจผอู้ นื่ บำเพ็ญตนเพือ่ สารธารณประโยชน์ ร้จู กั ทำการฝีมอื พฒั นากาย จิตใจ และศีลธรรม
ทั้งนี้โดยไม่เกี่ยวข้องกับลัทธิทางการเมืองใดๆ สนใจและอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนำไปใช้ใน
ชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ
หมายเหตุ ผเู้ รยี นไดป้ ฏิบัตกิ ิจกรรม และผา่ นการทดสอบแลว้ จะไดร้ บั เคร่ืองหมายลกู เสอื ตรี
ลูกเสอื โท และลูกเสอื เอก
กิจกรรมลูกเสอื - เนตรนารี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑-๓
เปิดประชมุ กองดำเนนิ ตามกระบวนการของลูกเสือและกจิ กรรมโดยให้ศึกษาวเิ คราะห์วางแผน ปฏิบัติ
กิจกรรมตามฐาน โดยเนน้ ระบบหมู่ สรปุ ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม ปดิ ประชุมกองในเรื่อง การประดบั เคร่ืองหมาย
ลูกเสือโลกพิธีสวนสนามและการใช้อาวุธ กิจกรรมลูกเสือแห่งชาติ กิจกรรมลูกเสือโลก บทบาทในฐานะลูกเสือ
สามญั รุง่ ใหญ่ ระเบยี บแถว การฝึกถอื อาวุธ (ไม้ง่าม) เป็นรายบุคคล เปน็ หมู่เป็นกอง กฎและคำปฏิญาณ แผนท่ี-
เข็มทิศ พิธีราชดุดี การหาทศิ โดยการใช้เข็มทิศ สงั เกตสิ่งแวดล้อม เง่ือนของสามัญร่นุ ใหญ่ วธิ ีการปฐมพยาบาล
ความปลอดภยั ในกิจกรรมผจญภยั
หลกั สูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๖๘
วชิ าพิเศษลกู เสือ-เนตรนารสี ามัญรุ่นใหญ่
๑. วิชาผจญภัย
๒. วชิ าหัวหนา้ คนครวั
๓. วิชานักสะกดรอย
๒. กจิ กรรมชุมนมุ
วัตถปุ ระสงค์
๑. เพื่อให้ผเู้ รยี นได้ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนดั และความต้องการของตน
๑. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นไดพ้ ฒั นาความรู้ ความสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ ใหเ้ กดิ
ประสบการณท์ ้ังทางวิชาการและวชิ าชีพตามศักยภาพ
๒. เพือ่ ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นใชเ้ วลาใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและส่วนรวม
๓. เพอ่ื ให้ผู้เรียนทำงานรว่ มกับผู้อื่น ไดต้ ามวิถปี ระชาธปิ ไตย
แนวการจัดกจิ กรรม
การจัดกิจกรรมตามความสนใจ (ชุมนุม) ผู้เรียนสามารถเลือกเข้าเป็นสมาชิกชมรม วางแผนการ
ดำเนินกิจกรรมร่วมกัน โดยมีชมรมที่หลากหลาย เหมาะสมกับเพศ วัย และความสนใจของผู้เรียน
ประกอบด้วยกิจกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมประชาธิปไตย ส่งเสริม
การเรียนรู้ และคา่ ยวชิ าการ การศึกษาดงู าน การฝึกปฏบิ ัติ การบรรยายพิเศษดงั ตัวอยา่ งพอสงั เขปต่อไปนี้
กิจกรรมพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรมและจริยธรรม จัดสอนจริยธรรมในหอ้ งเรียนจัดให้มี
การปฏิบัติกิจกรรมเนื่องในวันสำคัญทั้งทางชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัด
กิจกรรมทงั้ ในดา้ นวัฒนธรรม ประเพณี กีฬา และศิลปะ
๑. กิจกรรมพฒั นาทักษะชีวติ จัดกจิ กรรมแขง่ ขนั กฬี าสที ุกช่วงชั้น โดยผ้เู รยี นไดฝ้ กึ ทกั ษะ
การทำงาน และการแก้ปญั หาทุกขน้ั ตอน
๒. กิจกรรมส่งเสรมิ นิสยั รักการทำงาน จัดกิจกรรมวันวชิ าการโดยผู้เรียนมีโอกาสปฏิบัติจรงิ
และฝึกทักษะการจดั การ
๓. กิจกรรมเพือ่ อนรุ กั ษส์ ิง่ แวดล้อมและวัฒนธรรม โดยจัดกจิ กรรมสบื สานวฒั นธรรมไทย
เชน่ ประเพณีไหว้ครู ประเพณลี อยกระทง
๔. กิจกรรมสง่ เสริมการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย จัดให้มีการเลือกคณะกรรมการนักเรียน
โดยใหน้ ำกระบวนการประชาธปิ ไตยไปใชใ้ นการร่วมวางแผนดำเนนิ งานพฒั นาโรงเรยี น
๕. กจิ กรรมคนดขี องสงั คม จดั ให้มีการบรรยายให้ความรู้ เพื่อป้องกันปญั หาโรคติดตอ่ ร้ายแรง
ปญั หายาเสพติด ปญั หาวยั รุ่น ให้ความรเู้ พื่อปลกู ฝงั ให้เป็นสุภาพบรุ ษุ สุภาพสตรี
๖. กจิ กรรมส่งเสริมการเรยี นรู้ โดยจดั แหลง่ เรยี นรู้ ไดแ้ ก่ ห้องสมดุ ห้องปฏิบตั กิ ารทางภาษา
หอ้ งปฏิบตั ิการทางวทิ ยาศาสตร์ ห้องเทคโนโลยสี ารสนเทศ
หลกั สูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒๖๙
๗. กิจกรรมสง่ เสริมสุขภาพและอนามัย ให้บรกิ ารห้องพยาบาล มีบรกิ ารใหค้ วามรู้แกผ่ เู้ รยี น
เพื่อป้องกนั โรคระบาดอย่างทันเหตุการณ์
รายช่ือชุมนมุ ระดับประถมศึกษา
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑-๓
ชุมนุมคอมพิวเตอร์
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ ๒. ชุมนมุ วิทย์หรรษา
๑. ชมุ นมุ มอื น้อยคอยสรา้ งสรรค์ ๔. ชมุ นุม Sudoku (ซโู ดกุ)
๓. ชุมนุมภาษาไทยพาเพลิน ๖. ชุมนุมดนตรีคตี ะวาทติ
๕. ชมุ นุมศลิ ปส์ นกุ
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ ๒. ชมุ นมุ กฬี าและนันทนาการ
๑. ชมุ นุมวิทยห์ รรษา ๔. ชมุ นมุ โอ้โหโซเชียล
๓. ชุมนมุ English Club
๕. ชุมนุมภาษาพาสนกุ
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ๒. ชุมนมุ มารยาทไทย
๑. ชมุ นุม English games ๕. ชมุ นุมเคลด็ ไม่ลบั กบั ภาษาไทย
๔. ชมุ นมุ วิทย์วา้ ว
๖. ชุมนุมคณติ คดิ สรา้ งสรรค์
รายชื่อชุมนุมระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ ๒. ชมุ นมุ คิดเลขเร็ว
๑. ชุมนมุ จัดดอกไม้ ๔. ชุมนมุ Social life 1
๓. ชมุ นุมมรดกอีสาน
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ๒. ชมุ นมุ ผ้ามัดย้อม
๑. ชุมนมุ วทิ ย์คิดสนกุ ๔. ชุมนุมกีฬาสากล
๓. ชุมนุมศีล สมาธิ
๕. ชุมนุม Movie Club
หลกั สตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๗๐
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ๒. ชุมนมุ Take it easy
๑. ชุมนุมกีฬาและนนั ทนาการ ๔. ชมุ นมุ อังกฤษพาเพลิน
๓. ชมุ นมุ คณิตคดิ สนกุ
๓. กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์
วัตถุประสงค์
๑. เพื่อให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และ
ประเทศชาติ
๒. เพื่อให้ผู้เรยี นออกแบบกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารประโยชน์อยา่ งสร้างสรรค์ตามความ
ถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร
๓. เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นพฒั นาศกั ยภาพในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่าง
มปี ระสทิ ธภิ าพ
๔. เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนปฏิบตั ิกิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์จนเกดิ คุณธรรม จริยธรรม
ตามคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
๕. เพอ่ื ให้ผู้เรียนมจี ติ สาธารณะและใช้เวลาว่างให้เกดิ ประโยชน์
แนวการจัดกิจกรรม
การจดั กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ เปน็ กิจกรรมทีส่ ง่ เสริมใหผ้ เู้ รยี นได้ทำประโยชน์
ตามความสามารถ ความถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม
ความเสียสละต่อสังคม มีจิตใจมุ่งทำประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชนและสังคมกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ กิจกรรม
บำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม กิจกรรมดำรงรักษา สืบสาน ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
กิจกรรมพฒั นานวัตกรรมและเทคโนโลยี
เวลาเรียนสำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ในส่วนกิจกรรมเพื่อสังคมและ
สาธารณประโยชน์ จดั สรรเวลาให้ผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ รวม ๖ ปี จำนวน ๖๐ ชั่วโมง (เฉล่ียปีละ
๑๐ ชัว่ โมง) ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑-๓ รวม ๓ ปี จำนวน ๖๐ ชั่วโมง (เฉล่ยี ภาคเรยี นละ ๕ ช่ัวโมง)
การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ในระดับประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ และช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ เป็นการจัดกิจกรรมภายในเวลาเรียน โดยให้ผู้เรียนรายงานแสดงการเข้าร่วมกิจกรรมลง
ในสมุดบนั ทกึ และมผี ู้รับรองผลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมทกุ ครง้ั
แนวทางการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
โรงเรียนวัดตะพงนอก กำหนดแนวทางในการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นดงั น้ี
๑. การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรายกจิ กรรม มแี นวทางปฏิบตั ดิ งั นี้
๑.๑ การตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียน
ตลอดปกี ารศึกษา
หลักสูตรโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๗๑
๑.๒ ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจากการปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียน
ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทกุ ผลการเรียนรู้ และผ่านทกุ ผลการเรียนรู้ โดยแต่ละผลการเรียนรู้ผ่านไม่น้อย
กวา่ รอ้ ยละ ๕๐ หรือมคี ณุ ภาพในระดบั ๑ ขึ้นไป
๑.๓ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียนตาม
เกณฑ์ ข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ถือว่าผู้เรียนมีผลการเรียน “ผ” ผ่านการประเมินกิจกรรมและนำผลการ
ประเมนิ ไปบนั ทึกในระเบียนแสดงผลการเรียน
๑.๔ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานไม่เป็นไปตาม
เกณฑ์ ข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ถือว่าผู้เรียนมีผลการเรียน “มผ” โรงเรียนต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำ
กิจกรรมในส่วนที่ผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น
“ผ” และนำผลการประเมินไปบนั ทึกในระเบยี นแสดงผลการเรยี น
๒. การประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี นเพื่อการตัดสิน มีแนวปฏบิ ัตดิ ังน้ี
๒.๑ กำหนดให้ผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของ
ผู้เรยี นทุกคนตลอดระดับการศกึ ษา
๒.๒ ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนเป็นรายบุคคลตาม
เกณฑท์ โ่ี รงเรยี นกำหนด ผู้เรียนจะตอ้ งผา่ นกิจกรรม ๓ กจิ กรรมสำคญั ดังนี้
๒.๒.๑ กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ช่วั โมง/ปี
๒.๒.๒ กจิ กรรมนกั เรียน ไดแ้ ก่
๑. กิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี ๔๐ ชั่วโมง/ปี
๒. กจิ กรรมชุมนมุ ๓๐ ช่วั โมง/ปี
๒.๒.๓ กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ช่ัวโมง/ปี
๒.๓ การนำเสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนา
ผู้เรียน
๒.๔ เสนอผบู้ รหิ ารโรงเรียนพิจารณาอนุมตั ผิ ลการประเมินกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนผา่ นเกณฑ์การ
จบแต่ละระดบั การศกึ ษา
เกณฑ์การจบการศึกษา
หลักสูตรโรงเรียนวัดตะพงนอกพุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กำหนดเกณฑส์ ำหรบั การจบการศึกษา ดงั นี้
เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา
(๑) ผูเ้ รยี นเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน และรายวชิ า/กิจกรรมเพ่มิ เติมตามโครงสรา้ งเวลาเรียนท่ีหลกั สตู ร
การศึกษาขั้นพืน้ ฐานกำหนด
(๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวชิ าพนื้ ฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ีสถานศกึ ษากำหนด
(๓) ผเู้ รียนมผี ลการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี นในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมินตามที่
หลกั สตู รโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๗๒
สถานศกึ ษากำหนด
(๔) ผ้เู รยี นมีผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงคใ์ นระดับผา่ นเกณฑ์การ ประเมนิ ตามท่ี
สถานศึกษากำหนด
(๕) ผเู้ รยี นเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี นและมีผลการประเมนิ ผา่ นเกณฑก์ าร ประเมินตามท่ี
สถานศกึ ษากำหนด
เกณฑก์ ารจบระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
(๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้นื ฐานและเพ่ิมเติม โดยเปน็ รายวิชาพนื้ ฐาน ๖๖ หนว่ ยกติ และรายวชิ า
เพิ่มเติมตามทีส่ ถานศึกษากำหนด
(๒) ผูเ้ รยี นต้องได้หนว่ ยกติ ตลอดหลกั สตู รไมน่ ้อยกวา่ ๗๗ หน่วยกติ โดยเปน็ รายวิชา
พ้นื ฐาน ๖๖ หน่วยกติ และรายวชิ าเพมิ่ เตมิ ไม่น้อยกวา่ ๑๑ หน่วยกิต
(๓) ผู้เรียนมีผลการประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียนในระดบั ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตามท่ี
สถานศึกษากำหนด
(๔) ผเู้ รยี นมีผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ในระดบั ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามท่ี
สถานศึกษากำหนด
(๕) ผ้เู รียนเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นและมีผลการประเมินผา่ นเกณฑก์ ารประเมินตามที่
สถานศกึ ษากำหนด
การจดั การเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ของผเู้ รียน เป็นเปา้ หมายสำหรับพฒั นาเดก็ และเยาวชน
ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการ
เรียนรู้ เทคนิควิธกี ารจดั การเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรูผ้ ่านสาระทีก่ ำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการ
เรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็นสมรรถนะสำคัญให้
ผูเ้ รยี นบรรลตุ ามเปา้ หมาย
๑. หลกั การจดั การเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า
ผเู้ รียนมีความสำคัญที่สดุ เชอ่ื วา่ ทุกคนมีความสามารถเรียนรูแ้ ละพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชนท์ ่ีเกดิ กบั ผูเ้ รยี น
กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึง
ความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการทางสมองเน้นให้ความสำคญั ทงั้ ความรู้ และคุณธรรม
หลักสูตรโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๗๓
๒. กระบวนการเรยี นรู้
การจัดการเรียนรูท้ ี่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะตอ้ งอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็น
เครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อาทิ
กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม
กระบวนการเผชิญสถานการณแ์ ละแก้ปญั หา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณจ์ ริง กระบวนการปฏิบตั ิ ลง
มือทำจริง กระบวนการจดั การ กระบวนการวิจยั กระบวนการเรียนร้กู ารเรยี นรขู้ องตนเอง กระบวนการพัฒนา
ลักษณะนสิ ัย
กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ
สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอน จึงจำเป็นต้องศึกษาทำ
ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ
๓. การออกแบบการจัดการเรียนรู้
ผู้สอนต้องศกึ ษาหลกั สตู รสถานศึกษาใหเ้ ข้าใจถึงมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัด สมรรถนะสำคัญของ
ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ
จัดการเรียนรู้โดยเลือกใชว้ ิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้ผู้เรียน
ได้พัฒนาเต็มตามศกั ยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายทกี่ ำหนด
๔. บทบาทของผู้สอนและผูเ้ รยี น
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียนควรมี
บทบาท ดังน้ี
๔.๑ บทบาทของผ้สู อน
๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบคุ คล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี
ท้าทายความสามารถของผเู้ รียน
๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ที่เป็น
ความคดิ รวบยอด หลักการ และความสมั พันธ์ รวมทง้ั คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ
พัฒนาการทางสมอง เพอ่ื นำผู้เรยี นไปสู่เป้าหมาย
๔) จดั บรรยากาศทีเ่ อือ้ ต่อการเรียนรู้ และดแู ลช่วยเหลอื ผ้เู รยี นใหเ้ กิดการเรียนรู้
๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีที่
เหมาะสมมาประยุกตใ์ ชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน
๖) ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติของวิชา
และระดบั พัฒนาการของผู้เรียน
๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการจัดการ
เรยี นการสอนของตนเอง
หลักสูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒๗๔
๔.๒ บทบาทของผู้เรียน
๑) กำหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรียนร้ขู องตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคำถาม คิดหา
คำตอบหรือหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยวิธกี ารต่างๆ
๓) ลงมือปฏบิ ตั ิจรงิ สรปุ สง่ิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ด้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นสถานการณ์ต่างๆ
๔) มปี ฏิสัมพันธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมร่วมกับกล่มุ และครู
๕) ประเมินและพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ของตนเองอย่างต่อเนอ่ื ง
ส่อื การเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้
ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มี
หลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถ่ิน
การเลือกใช้สือ่ ควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลลี าการเรียนรูท้ ห่ี ลากหลายของผเู้ รยี น
การจดั หาส่ือการเรียนรู้ ผเู้ รียนและผ้สู อนสามารถจัดทำและพัฒนาข้ึนเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่าง
มคี ุณภาพจากสื่อต่างๆ ท่ีมีอยู่รอบตวั เพ่อื นำมาใช้ประกอบในการจดั การเรยี นรู้ทีส่ ามารถสง่ เสรมิ และส่ือสารให้
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่าง
แท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควร
ดำเนนิ การดังนี้
๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน
ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ระหวา่ งสถานศกึ ษา ท้องถิ่น ชมุ ชน สงั คมโลก
๒. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้ง
จัดหาส่ิงท่มี อี ยู่ในท้องถนิ่ มาประยุกตใ์ ชเ้ ปน็ สอื่ การเรยี นรู้
๓. เลอื กและใชส้ ่ือการเรยี นร้ทู มี่ คี ุณภาพ มีความเหมาะสม มคี วามหลากหลาย สอดคล้อง กับวธิ ีการ
เรยี นรู้ ธรรมชาติของสาระการเรยี นรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลของผู้เรยี น
๔. ประเมนิ คณุ ภาพของส่ือการเรยี นรู้ที่เลือกใชอ้ ยา่ งเป็นระบบ
๕. ศึกษาคน้ ควา้ วิจัย เพ่อื พัฒนาสือ่ การเรียนรใู้ ห้สอดคล้องกบั กระบวนการเรยี นรูข้ องผเู้ รียน
๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้ส่ือ
การเรียนร้เู ปน็ ระยะๆ และสม่ำเสมอ
ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคำนึงถึง
หลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบ
กิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคง
ของชาติ ไม่ขดั ตอ่ ศลี ธรรม มกี ารใช้ภาษาทถ่ี กู ต้อง รปู แบบการนำเสนอท่ีเขา้ ใจงา่ ย และน่าสนใจ
หลักสูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๗๕
การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การ
ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบ
ผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้
สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดบั ไมว่ ่าจะเป็นระดบั ชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา และ
ระดับชาติ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใชผ้ ลการประเมินเป็น
ข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจน
ข้อมลู ท่ีเป็นประโยชน์ต่อการสง่ เสรมิ ให้ผูเ้ รยี นเกดิ การพฒั นาและเรียนรูอ้ ย่างเต็มตามศกั ยภาพ
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา
ระดบั เขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา และระดบั ชาติ มีรายละเอียด ดงั นี้
๑. การประเมนิ ระดับชน้ั เรยี น เป็นการวดั และประเมนิ ผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน
ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น
การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสม
งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อน
ประเมนิ เพื่อน ผ้ปู กครองรว่ มประเมนิ ในกรณีที่ไม่ผ่านตัวชีว้ ัดให้มีการสอนซ่อมเสรมิ
การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้
อนั เปน็ ผลมาจากการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มสี ิ่งท่ีจะต้องได้รับการพัฒนา
ปรบั ปรงุ และส่งเสริมในด้านใด นอกจากนย้ี ังเปน็ ข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรงุ การเรยี นการสอนของตนด้วย ท้ังนี้
โดยสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชว้ี ดั
๒. การประเมินระดับสถานศกึ ษา เป็นการประเมนิ ทีส่ ถานศึกษาดำเนินการเพ่ือตัดสินผล การเรียน
ของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์
และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ไดข้ ้อมูลเกีย่ วกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อ
การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของ
ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ
สารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการ
จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ
รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ผูป้ กครองและชุมชน
๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นท่ี
การศึกษาตามมาตรฐานการเรยี นร้ตู ามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลพน้ื ฐานในการ
พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมิน
คุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วย
หลกั สูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๗๖
ความรว่ มมือกบั หนว่ ยงานต้นสงั กดั ในการดำเนนิ การจดั สอบ นอกจากน้ยี ังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูล
จากการประเมินระดับสถานศึกษาในเขตพืน้ ท่ีการศึกษา
๔. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทกุ คนที่เรียน ในชั้นประถมศกึ ษาปี
ที่ ๓ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพ
การศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูล
สนับสนุนการตดั สินใจในระดบั นโยบายของประเทศ
ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน
พัฒนาคุณภาพผเู้ รียน ถอื เปน็ ภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาทจ่ี ะต้องจัดระบบดแู ลชว่ ยเหลือ ปรับปรุง
แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลที่
จำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่ม
ผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธ
โรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูล
จากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้
ผเู้ รยี นได้รับการพัฒนาและประสบความสำเรจ็ ในการเรยี น
สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผล
การเรยี นของสถานศึกษาใหส้ อดคล้องและเปน็ ไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏบิ ัติท่ีเปน็ ข้อกำหนดของหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน เพอ่ื ให้บคุ ลากรทเ่ี กีย่ วขอ้ งทกุ ฝ่ายถือปฏิบตั ิรว่ มกัน
เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรียน
การตัดสินผลการเรียน
ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนนั้น ผู้สอนต้องคำนึงถึงการพัฒนานักเรียนแต่ละคนเป็นหลัก และ
ตอ้ งเก็บขอ้ มลู ของนกั เรยี นทกุ ดา้ นอย่างสม่ำเสมอและต่อเนอ่ื งในแต่ละภาคเรียน มีเกณฑ์ดังนี้
(๑) ผูเ้ รียนต้องมเี วลาเรยี นไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทงั้ หมด
(๒) ผูเ้ รยี นตอ้ งได้รับการประเมนิ ทุกตวั ช้ีวัด และผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐
ของจำนวนตัวช้วี ัด
(๓) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ บั การตัดสินผลการเรยี นทุกรายวชิ า
(๔) ผ้เู รยี นต้องไดร้ ับการประเมินและมีผลการประเมินผา่ นตามเกณฑท์ ีส่ ถานศึกษากำหนดใน
การอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน
หลกั สูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๗๗
การให้ระดบั ผลการเรยี น
๑๓.๑ การตดั สนิ ผลการเรยี นรายวิชาของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ให้ใช้ระบบตวั เลข แสดงระดับ
การเรยี นในแต่ละกลุม่ สาระ ดังน้ี
ระดบั ผลการเรียน ความหมาย ช่วงคะแนนร้อยละ
๔ ผลการเรียนดีเยีย่ ม ๘๐ - ๑๐๐
๓.๕ ผลการเรียนดีมาก ๗๕ - ๗๙
๓ ผลการเรยี นดี ๗๐ - ๗๔
๒.๕ ผลการเรียนคอ่ นข้างดี ๖๕ - ๖๙
๒ ผลการเรยี นน่าพอใจ ๖๐ - ๖๔
๑.๕ ผลการเรยี นพอใช้ ๕๕ - ๕๙
๑ ผลการเรยี นผา่ นเกณฑข์ ้นั ตำ่ ๕๐ - ๕๔
๐ ผลการเรียนตำ่ กว่าเกณฑ์ ๐ - ๔๙
๑๓.๒ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เป็นผ่านและไม่ผ่าน ถ้ากรณีที่ผ่าน
กำหนดเกณฑ์การตัดสนิ เปน็ ดีเยีย่ ม ดี และผ่าน
ดีเยี่ยม หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนที่มี
คณุ ภาพดีเลศิ อย่เู สมอ
ดี หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนที่มีคุณภาพ
เป็นท่ยี อมรบั
ผ่าน หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ที่มี
คณุ ภาพเป็นท่ียอมรับ แต่ยงั มขี อ้ บกพรอ่ งบางประการ
ไมผ่ า่ น หมายถึง ไมม่ ีผลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน หรือ
ถ้ามีผลงาน ผลงานนนั้ ยงั มขี ้อบกพรอ่ งท่ตี อ้ งได้รับการปรบั ปรงุ แก้ไขหลายประการ
๑๓.๓ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมทุกคุณลักษณะเพื่อการเลื่อนชั้น และจบ
การศึกษา เป็นผ่านและไม่ผ่าน ในการผ่าน กำหนดเกณฑ์การตัดสินเป็นดีเยี่ยม ดี และผ่าน และ
ความหมายของแต่ละระดบั ดงั นี้
ดีเยี่ยม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัย และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
เพอ่ื ประโยชน์สขุ ของตนเองและสงั คม โดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดับดเี ยยี่ ม จำนวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ
และไม่มีคณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินตำ่ กว่าระดบั ดี
ดี หมายถึง ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรับของสังคม
โดยพิจารณาจาก
๑) ไดผ้ ลการประเมินระดับดีเยี่ยมจำนวน ๑-๔ คุณลกั ษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการ
ประเมนิ ต่ำกว่าระดับดี หรอื
๒) ได้ผลการประเมินระดับดี เยี่ยมจำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการ
หลักสูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๗๘
ประเมนิ ต่ำกว่าระดบั ผา่ นหรือ
๓) ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการ
ประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดับผา่ น
ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศึกษากำหนด โดย
พิจารณาจาก
๑) ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จำนวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการ
ประเมนิ ต่ำกวา่ ระดบั ผ่าน หรือ
๒) ไดผ้ ลการประเมินระดับดี จำนวน ๔ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมิน
ต่ำกว่าระดับผา่ น
ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศึกษา
กำหนดโดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ไม่ผา่ นตั้งแต่ ๑ คณุ ลักษณะ
๑๓.๔ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมการ
ปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรยี นตามเกณฑ์ทโ่ี รงเรียนกำหนดและให้ผลการประเมินเป็นผ่าน และไม่ผ่าน
ใหใ้ ชต้ วั อกั ษรแสดงผลการประเมิน ดงั นี้
“ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ปฏิบัติ
กจิ กรรมและมผี ลงานเป็นทป่ี ระจักษ์
“มผ” หมายถึง ผูเ้ รียนมีเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ปฏบิ ตั ิกิจกรรมและมผี ลงาน
ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากำหนด
ในกรณีที่ผู้เรียนได้ “มผ” ครูผู้ดูแลกิจกรรมต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมในส่วนท่ี
ผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทั้งนี้ ต้อง
ดำเนนิ การใหเ้ สรจ็ ส้นิ ภายในปีการศกึ ษาน้นั ยกเว้นมีเหตสุ ดุ วิสัยหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาหรือ
ผู้ท่ีได้รบั มอบหมาย
การเลอ่ื นชน้ั
เม่ือสนิ้ ปีการศกึ ษา ผเู้ รียนจะไดร้ บั การเล่ือนชัน้ เมือ่ มีคณุ สมบัตติ ามเกณฑ์ดังต่อไปน้ี
(๑) ผู้เรียนต้องมีเวลาเรยี นไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทงั้ หมด
(๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัด และผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของจำนวน
ตัวช้วี ดั
(๓) ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา ไม่น้อยกว่าระดับ “ ๑ ” จึงจะถือว่าผ่าน
เกณฑต์ ามท่ีสถานศึกษากำหนด
(๔) นกั เรยี นต้องได้รับการประเมิน และมผี ลการประเมิน การอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี น ในระดับ
“ ผ่าน ” ขึ้นไป มีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับ“ ผ่าน ” ขึ้นไป และมีผลการประเมนิ
กจิ กรรมพฒั นานักเรียน ในระดบั “ ผ่าน ”
หลักสูตรโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒๗๙
ทัง้ นี้ ถ้าผูเ้ รียนมขี ้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และพจิ ารณาเห็นวา่ สามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริม
ได้ให้อย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาท่ีจะผอ่ นผนั ใหเ้ ล่ือนช้ันได้
อน่งึ ในกรณีท่ีผู้เรียนมีหลกั ฐานการเรียนรทู้ ี่แสดงวา่ มีความสามารถดีเลิศ สถานศกึ ษาอาจให้โอกาส
ผู้เรียนเลื่อนชั้นกลางปีการศึกษา โดยสถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยฝ่ายวิชาการของ
สถานศกึ ษาและผแู้ ทนของเขตพนื้ ที่การศกึ ษาหรือตน้ สังกัดประเมนิ ผู้เรยี นและตรวจสอบคุณสมบัติให้ครบถ้วน
ตามเง่ือนไขท้งั ๓ ประการตอ่ ไปนี้
๑. มีผลการเรียนในปกี ารศึกษาทีผ่ ่านมาและมีผลการเรยี นระหว่างปีทกี่ ำลังศึกษาอยู่ในเกณฑ์
ดเี ยีย่ ม
๒. มวี ฒุ ิภาวะเหมาะสมทจ่ี ะเรียนในชน้ั ท่ีสูงขึน้
๓. ผ่านการประเมินผลความรู้ความสามารถทกุ รายวิชาของช้ันปีที่เรียนปัจจุบนั และความรู้
ความสามารถทุกรายวิชาในภาคเรียนแรกของชั้นปที จ่ี ะเล่ือนขน้ึ
การอนุมัตใิ ห้เลื่อนช้ันกลางปกี ารศึกษาไปเรยี นชัน้ สงู ขึน้ ได้ ๑ ระดบั ชั้นน้ี ตอ้ งได้รบั การยินยอม
จากผู้เรียนและผูป้ กครองและต้องดำเนินการให้เสรจ็ สิ้นก่อนเปิดภาคเรยี นที่ ๒ ของปีการศึกษานั้น สำหรับ
ในกรณีที่พบว่ามีผู้เรียนกลุ่มพิเศษประเภทต่างๆ มีปัญหาในการเรียนรู้ให้สถานศึกษาดำเนินงานร่วมกับ
สำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาเฉพาะความพกิ ารหาแนวทางการแก้ไขและพัฒนา
การสอนซอ่ มเสรมิ
การสอนซอ่ มเสรมิ เป็นการสอนเพื่อแกไ้ ขข้อบกพร่อง กรณที ผี่ ้เู รียนมคี วามรู้ ทักษะ กระบวนการ
หรือคุณลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องจัดสอนซ่อมเสริมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนเต็ม
ตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องกรณีที่ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ
กระบวนการ หรอื เจตคต/ิ คณุ ลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด สถานศึกษาต้องจัดสอนซ่อม
เสริมเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามปกติเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการ
เรียนรู้/ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้เป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้เรียนรู้และพัฒนา โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่
หลากหลายและตอบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล
การเปลี่ยนผลการเรยี น
การเปลี่ยนผลการเรียน“๐”
สถานศึกษาจัดใหม้ ีการสอนซ่อมเสรมิ ในมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัดที่ผ้เู รียนสอบไมผ่ ่านก่อน
แล้วจึงสอบแก้ตวั ได้ไม่เกิน ๒ ครัง้ ถ้าผเู้ รยี นไม่ดำเนนิ การสอบแกต้ ัวตามระยะเวลาท่สี ถานศึกษากำหนดให้
อย่ใู นดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษาท่ีจะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีก ๑ ภาคเรยี น สำหรบั ภาคเรยี นที่ ๒ ตอ้ ง
ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปกี ารศึกษานนั้
ถา้ สอบแกต้ วั ๒ ครง้ั แลว้ ยังไดร้ ะดบั ผลการเรียน “๐” อีก ให้สถานศึกษาแต่งต้ัง
คณะกรรมการดำเนินการเกยี่ วกบั การเปลี่ยนผลการเรียนของผู้เรยี นโดยปฏิบตั ิดังนี้
หลกั สูตรโรงเรียนวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๘๐
๑) ถา้ เปน็ รายวิชาพนื้ ฐานให้เรียนซำ้ รายวชิ าน้นั
๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพม่ิ เติมให้เรียนซำ้ หรอื เปลยี่ นรายวชิ าเรียนใหม่ ทงั้ นี้ให้อยใู่ นดุลย
พินจิ ของสถานศึกษา ในกรณีทเี่ ปลย่ี นรายวชิ าเรียนใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี นว่าเรยี น
แทนรายวชิ าใด
การเปลีย่ นผลการเรียน“ร”
การเปลี่ยนผลการเรียน“ร” ให้ดำเนินการดังนี้ ให้ผู้เรียนดำเนินการแก้ไข “ร” ตามสาเหตุ
เมื่อผู้เรียนแก้ไขปัญหาเสร็จแล้วให้ได้ระดับผลการเรียนตามปกติ (ตั้งแต่ ๐-๔) ถ้าผู้เรียนไม่ดำเนินการแก้ไข
“ร” กรณีที่ส่งงานไม่ครบแต่มีผลการประเมินระหว่างภาคเรียนและปลายภาคให้ผู้สอนนำข้อมูลทีม่ ีอยู่ตัดสนิ
ผลการเรียนยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไม่
เกิน ๑ ภาคเรียนสำหรับภาคเรียนที่ ๒ ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น เมื่อพ้นกำหนดน้ี
แลว้ ให้เรยี นซำ้ หากผลการเรียนเป็น “๐” ให้ดำเนินการแก้ไขตามหลกั เกณฑ์
การเปลี่ยนผลการเรียน “มส”
การเปลย่ี นผลการเรียน“มส” มี ๒ กรณี ดังนี้
๑) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ แต่มีเวลาเรียนไม่น้อย
กว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนในรายวิชานั้น ให้จัดให้เรียนเพิ่มเติมโดยใช้ชั่วโมงสอนซ่อมเสริมหรือใช้เวลา
ว่าง หรือใช้วันหยุดหรือมอบหมายงานให้ทำจนมีเวลาเรียนครบตามที่กำหนดไว้สำหรับรายวิชานั้นแล้วจึงให้
วัดผลปลายภาคเปน็ กรณพี เิ ศษ
ผลการแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการเรียนไม่เกิน “๑” การแก้ “มส” กรณีนี้ให้กระทำให้เสร็จส้นิ
ภายในปีการศึกษานน้ั ถ้าผู้เรยี น ไมม่ าดำเนนิ การแก้ “มส” ตามระยะเวลาท่กี ำหนดไว้นใ้ี ห้เรียนซ้ำ ยกเว้นมี
เหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียน
แตเ่ ม่ือพ้นกำหนดนแ้ี ล้ว ใหป้ ฏบิ ัติดงั น้ี
(๑) ถ้าเปน็ รายวิชาพน้ื ฐานใหเ้ รียนซำ้ รายวิชานั้น
(๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรียนซ้ำหรือเปลี่ยนรายวิชา
เรยี นใหม่
๒) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด
ใหส้ ถานศกึ ษาดำเนนิ การดังน้ี
(๑) ถ้าเป็นรายวชิ าพน้ื ฐานให้เรยี นซ้ำรายวชิ านน้ั
(๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรียนซ้ำหรือเปลี่ยนรายวิชา
เรียนใหม่ ในกรณีทเี่ ปลย่ี นรายวิชาเรยี นใหมใ่ หห้ มายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการเรยี นวา่ เรียนแทนรายวชิ าใด
การเรียนซ้ำรายวชิ า ผู้เรียนที่ได้รับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้วไมผ่ า่ นเกณฑ์
การประเมินให้เรียนซ้ำรายวิชานั้น ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัดให้เรียนซ้ำในช่วงใด
ช่วงหนง่ึ ที่สถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวนั วันหยดุ ชวั่ โมงวา่ งหลงั เลิกเรยี น ภาคฤดูร้อน
หลักสูตรโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๘๑
เป็นตน้
ในกรณภี าคเรยี นที่ ๒ หากผู้เรยี นยังมีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ให้ดำเนินการให้เสร็จ
สิ้นก่อนเปิดเรียนปีการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพื่อแก้ไขผลการ
เรยี นของผเู้ รียนได้
การเปลยี่ นผล“มผ”
กรณีที่ผู้เรียนได้ผล “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมในส่วนที่ผู้เรียน
ไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลจาก “มผ”เป็น “ผ” ได้ ทั้งนี้ดำเนินการให้เสร็จสิ้น
ภายในภาคเรียนนั้น ๆ ยกเว้นมีเหตุสุดวสิ ัยให้อยู่ในดลุ ยพินิจของสถานศึกษาที่จะพิจารณาขยายเวลาออกไป
อกี ไมเ่ กิน ๑ ภาคเรียน สำหรับภาคเรียนที่ ๒ ตอ้ งดำเนินการใหเ้ สร็จสิน้ ภายในปกี ารศึกษานนั้
การเรยี นซ้ำชน้ั
ผู้เรียนที่ไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นท่ี
สูงขึ้นสถานศึกษา ต้องตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้
ความสามารถของผู้เรยี นเปน็ สำคัญ
ผเู้ รยี นท่ไี ม่มคี ณุ สมบัติตามเกณฑก์ ารเล่ือนชนั้ สถานศกึ ษาควรใหเ้ รียนซำ้ ชนั้ ท้ังนี้ สถานศกึ ษา
อาจใช้ดลุ ยพินจิ ใหเ้ ล่ือนชนั้ ได้ หากพิจารณาว่าผู้เรียนมคี ุณสมบัตขิ อ้ ใดขอ้ หนึ่ง ดังต่อไปน้ี
๑) มีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ อันเนื่องจากสาเหตุจำเป็นหรือเหตุสุดวิสัย แต่มีคุณสมบัติ
ตามเกณฑก์ ารเลอื่ นช้นั ในขอ้ อน่ื ๆ ครบถ้วน
๒) ผู้เรียนมีผลการประเมินผ่านมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดไม่ถึงเกณฑ์ตามที่สถานศึกษา
กำหนดในแต่ละรายวิชา แตเ่ หน็ ว่าสามารถสอนซอ่ มเสริมไดใ้ นปีการศกึ ษานนั้ และมคี ณุ สมบตั ิตามเกณฑ์การ
เลอ่ื นช้ันในขอ้ อ่นื ๆ ครบถว้ น
๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินรายวิชาในกลุ่มสาระภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม
ศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรมอยใู่ นระดับผา่ น
ก่อนที่จะให้ผู้เรียนเรียนซ้ำชั้น สถานศึกษาต้องแจ้งให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบเหตุผลของ
การเรียนซำ้ ชัน้
เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา
เอกสารหลกั ฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญที่บันทึกผลการเรียน ขอ้ มลู และสารสนเทศที่เก่ียวข้อง
กับพฒั นาการของผู้เรยี นในดา้ นต่าง ๆ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดงั น้ี
๑. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทก่ี ระทรวงศึกษาธกิ ารกำหนด
๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ
ผู้เรียนตามรายวชิ า ผลการประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขยี น ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
หลักสูตรโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๘๒
ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออกเอกสารนี้
ใหผ้ เู้ รียนเป็นรายบคุ คล เมอ่ื ผเู้ รียนจบการศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา
๑.๒ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายช่ือ
และขอ้ มูลของผู้จบการศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา
๒. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาทีส่ ถานศกึ ษากำหนด
เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับ
ผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรอง
ผลการเรียน และ เอกสารอ่นื ๆ ตามวัตถุประสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้
การเทยี บโอนผลการเรียน
สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆ ได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ
เปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก
ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก
แหล่งการเรยี นรู้อนื่ ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบนั ศาสนา สถาบนั การฝกึ อบรมอาชีพ การจดั การศกึ ษาโดย
ครอบครวั
การเทยี บโอนผลการเรียนควรดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรยี นแรก หรอื ต้นภาคเรียนแรก ท่ี
สถานศกึ ษารับผขู้ อเทยี บโอนเป็นผเู้ รยี น ท้ังนี้ ผู้เรยี นทไ่ี ดร้ ับการเทยี บโอนผลการเรยี นตอ้ งศึกษาตอ่ เน่ืองใน
สถานศกึ ษาทร่ี บั เทียบโอนอย่างนอ้ ย ๑ ภาคเรยี น โดยสถานศึกษาทร่ี ับผูเ้ รียนจากการเทียบโอนควรกำหนด
รายวิชา/จำนวนหน่วยกติ ทจ่ี ะรบั เทยี บโอนตามความเหมาะสม
การพจิ ารณาการเทียบโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดังนี้
๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของ
ผเู้ รียน
๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผเู้ รยี นโดยการทดสอบดว้ ยวิธกี ารตา่ งๆ ท้ังภาคความรู้
และภาคปฏบิ ัติ
๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ตั ิในสภาพจริง
การเทียบโอนผลการเรียนใหเ้ ปน็ ไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏิบัติ ของกระทรวงศึกษาธกิ าร
การบริหารจดั การหลกั สูตร
ในระบบการศึกษาท่ีมีการกระจายอำนาจให้ท้องถ่ินและสถานศึกษามีบทบาทในการพฒั นาหลักสูตร
นั้น หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา มี
บทบาทหน้าท่ี และความรบั ผดิ ชอบในการพัฒนา สนบั สนนุ ส่งเสริม การใชแ้ ละพฒั นาหลกั สูตรใหเ้ ปน็ ไปอย่าง
มปี ระสิทธิภาพ เพ่ือใหก้ ารดำเนนิ การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา
หลักสูตรโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๘๓
มีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ใน
ระดบั ชาติคณุ ภาพของของผู้เรยี นทส่ี ำคญั และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ระดับท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอื่น ๆ เป็นหน่วยงานที่มี
บทบาทในการขับเคลื่อนคุณภาพการจดั การศกึ ษา เป็นตัวกลางท่จี ะเชื่อมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พื้นฐานที่กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำ
หลกั สูตรของสถานศกึ ษา สง่ เสริมการใช้และพัฒนาหลกั สตู รในระดับสถานศกึ ษา ให้ประสบความสำเร็จ โดยมี
ภารกิจสำคัญ คือ กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดับท้องถิ่นโดยพิจารณาให้
สอดคล้องกับสิ่งทีเ่ ปน็ ความตอ้ งการในระดับชาติ พฒั นาสาระ การเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ ประเมินคณุ ภาพการศึกษาใน
ระดับท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน
ส่งเสริม ติดตามผล ประเมินผล วิเคราะห์ และรายงานผลคุณภาพของผู้เรียน
สถานศึกษามีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้หลักสูตร
การเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรจัดทำระเบียบ
การวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดที่เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถิ่นได้
จดั ทำเพม่ิ เตมิ รวมทง้ั สถานศกึ ษาสามารถเพ่ิมเติมในสว่ นทีเ่ ก่ียวกบั สภาพปัญหาในชมุ ชนและสงั คม ภมู ปิ ัญญา
ทอ้ งถิ่น และความต้องการของผเู้ รียน โดยทกุ ภาคส่วนเข้ามามสี ่วนรว่ มในการพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา
หลกั สตู รโรงเรียนวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๘๔
คณะทำงาน
ท่ปี รกึ ษา
นายสกลุ ศักดิ์ ทพิ ยไ์ ชย ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวัดตะพงนอก
นางสาวเนตรนภา หา่ งภยั รองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น
นางปยิ ะนนั ท์ เพช็ รฉ่ำ รองผ้อู ำนวยการโรงเรียน
ผรู้ ับผดิ ชอบ
การบรหิ ารวิชาการ (การพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา)
๑. นางสาวเดอื นเพ็ญ บตุ รดี ครู หวั หนา้ งาน
รองฯ
๒. นางอุไร ขุนสิทธ์ิเจริญ ครชู ำนาญการ กรรมการ
กรรมการ
๓. นางประเทือง อนิ ทรสทิ ธิ์ ครูชำนาญการพิเศษ กรรมการ
กรรมการ
๔. นางมณฑา หา่ งภัย ครชู ำนาญการพิเศษ กรรมการ
กรรมการ
๕. นางสาววันวสิ าข์ สวสั ดลิ์ น้ ครชู ำนาญการพิเศษ กรรมการ
กรรมการและเลขานุการ
๖. นางสพุ รรณิการ์ พฒุ ศรี ครชู ำนาญการ
๗. นายนคร สวสั ดิล์ น้ ครชู ำนาญการ
๘. นายวฒั นาราชจนั คำ ครู
๙. นายกมั ปนาท มานะสริ ิ ครู
๑๐.นายสง่า แววดี ครู
วันท่ี ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕
หลกั สตู รโรงเรยี นวัดตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๘๕
หลักสูตรโรงเรยี นวดั ตะพงนอก พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑