นางสาวจุจุ จุจุ ติติ ติติ ภรณ์ณ์ ณ์ณ์ สิสิ สิสิ ทธิธิ ธิธิศรีรี รีรี นันั นันั กศึศึ ศึศึ กษาฝึฝึฝึฝึ กประสบการณ์ณ์ ณ์ณ์วิวิ วิวิชาชีชี ชีชี พครูรูรูรู สาขาวิวิ วิวิชาภาษาไทย คณะครุรุรุรุ ศาสตร์ร์ ร์ร์ แผนการจัจั จัจั ดการเรีรี รีรี ยนรู้รู้รู้รู้ที่ที่ ที่ที่ ๒๑-๔๐ รายวิวิ วิวิชาภาษาไทย (ท๒๓๑๐๒) ชั้ชั้ ชั้ชั้ นมัมั มัมั ธยมศึศึ ศึศึ กษาปีปีปีปี ที่ที่ ที่ที่ ๓ ภาคเรีรี รีรี ยนที่ที่ ที่ที่ ๒ ปีปีปีปี การศึศึ ศึศึ กษา ๒๕๖๖ โรงเรีรี รีรี ยนอุอุ อุอุ ดรธรรมานุนุนุนุ สรณ์ณ์ ณ์ณ์ สำสำสำสำนันั นันั กงานเขตพื้พื้ พื้พื้ นที่ที่ ที่ที่ การศึศึ ศึศึ กษามัมั มัมั ธยมศึศึ ศึศึ กษาอุอุ อุอุ ดรธานีนี นีนี
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๑-๔๐ รายวิชาภาษาไทย (ท๒๓๑๐๒) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ อ าเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี จุติภรณ์ สิทธิศรี รหัสนักศึกษา ๖๒๑๐๐๑๐๑๒๐๗ เอกสารฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๒ รหัสวิชา ED๑๘๕๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๖ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
๑ ค ำอธิบำยรำยวิชำ ท๒๓๑๐๒ ชื่อวิชำ ภำษำไทยพื้นฐำน ๓ ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ ๓ ภำคเรียนที่ ๒ ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๖ เวลำ ๖๐ ชั่วโมง จ ำนวน ๑.๕ หน่วยกิต ค ำอธิบำยรำยวิชำ ฝึกทักษะการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วที่เป็นบทบรรยาย บทร้อยกรอง เช่น กลอนสุภาพ กลอน บทละคร กาพย์ฉบัง ๑๖ โคลงสี่สุภาพ อ่านจับใจความส าคัญจากวรรณคดีในชั้นเรียน บทความ นิทาน ข่าว บทร้อยกรอง การอ่านเรื่องต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด แผนผังความคิด บันทึก ย่อความและรายงานการ วิเคราะห์วิจารณ์เรื่องที่อ่านจากงานเขียน เช่น หนังสืออ่านนอกเวลา หนังสือเรียน ตีความและประเมินคุณค่า แนวคิดที่ได้จากการเขียนเพื่อน าไปใช้แก้ปัญหาในชีวิต และมีมารยาทในการอ่าน เขียนข้อความ ค าขวัญ ค าคม คติพจน์ได้ถูกต้องตามระดับภาษา การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า และโครงงาน เขียนสร้างสรรค์จากรูปภาพ ข้อความ เขียนสื่อสารโดยใช้ถ้อยค าถูกต้องชัดเจนเหมาะสม สละสลวย และมีมารยาทในการเขียน พูดสรุปใจความส าคัญ การเล่าเรื่องย่อ พูดรายงานการศึกษาค้นควา การพูดแสดงความคิดเห็นอย่าง สร้างสรรค์การพูดในโอกาสต่าง ๆ เช่น การพูดอภิปราย การพูดโต้วาที การพูดแนะน าตนเอง และมีมารยาท ในการฟัง การดูและการพูด วิเคราะห์โครงสร้างประโยคซับซ้อน ประโยคกรรม การวิเคราะห์ระดับภาษา อธิบายค าศัพท์ทาง วิชาการและวิชาชีพ ใช้ค าทับศัพท์และศัพท์บัญญัติได้ถูกต้อง และแต่งบทร้อยกรอง เช่น โคลงสี่สุภาพ และ กาพย์ฉบัง ๑๖ สรุปเนื้อหา ความรู้ข้อคิด วิเคราะห์อธิบาย ประเมินคุณค่าวรรณคดีเรื่องพระบรมราโชวาท บทพากย์เอราวัณ อีกทั้งวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ เพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ท่องจ าบท อาขยานตามที่ก าหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการฟัง การดูและพูดวิเคราะห์คุณค่าที่ได้รับ จากการอ่านอย่างหลากหลายเพื่อน าไปใช้แก้ปัญหาชีวิต เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติภูมิปัญญาของภาษา และเห็นคุณค่าของภาษาไทย รักชาติศาสน์กษัตริย์ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้อยู่อย่างพอเพียง มีจิตสาธารณะ เปี่ยมด้วยความรู้และใช้ชีวิตอยู่ในประชาคมอาเซียนอย่างมีความสุข มำตรฐำน/ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม. ๓/๑, ๓/๓, ๓/๔, ๓/๕, ๓/๙, ๓/๑๐ ท ๒.๑ ม. ๓/๒, ๓/๖, ๓/๙, ๓/๑๐ ท ๓.๑ ม. ๓/๑, ๓/๒, ๓/๓, ๓/๔, ๓/๖ ท ๔.๑ ม. ๓/๒, ๓/๓, ๓/๔, ๓/๕, ๓/๖ ท ๕.๑ ม. ๓/๑, ๓/๒, ๓/๓, ๓/๔ รวม ๒๔ ตัวชี้วัด
๒ โครงสร้ำงรำยวิชำ รหัสวิชำ ท ๒๓๑๐๒ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ ๓ ภำคเรียนที่ ๒ เวลำ ๖๐ ชั่วโมง จ ำนวน ๑.๕ หน่วยกิต อัตรำส่วนคะแนน ระหว่ำงภำค ๗๐ : ปลำยภำค ๓๐ ชื่อหน่วย กำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ/ควำมคิดรวบยอด และสำระกำรเรียนรู้แกนกลำง จ ำนวน ชั่วโมง น้ ำหนัก คะแนน ระหว่ำงเรียน ๑. พระบรมราโชวาท (๒๖ ชั่วโมง) ท ๑.๑ ม.๓/๑ ท ๑.๑ ม.๓/๓ ท ๑.๑ ม.๓/๔ ท ๑.๑ ม ๓/๕ ท ๑.๑ ม.๓/๙ ท ๑.๑ ม.๓/๑๐ ท ๓.๑ ม.๓/๓ ท ๓.๑ ม.๓/๔ ท ๓.๑ ม.๓/๖ ท ๔.๑ ม ๓/๒ ท ๔.๑ ม.๓/๔ ท ๔.๑ ม.๓/๕ ท ๕.๑ ม ๓/๑ ท ๕.๑ ม. ๓/๓ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ ถูกต้องและเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ระบุใจความ ส าคัญและรายละเอียดของข้อมูลที่สนับสนุนจาก เรื่องที่อ่าน อ่านเรื่องต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบ แนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความ และ รายงาน วิเคราะห์วิจารณ์และประเมินเรื่องที่ อ่านโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบ เพื่อให้ผู้อ่าน เข้าใจได้ดีขึ้น ตีความและประเมินคุณค่าแนวคิด ที่ได้จากการเขียนอย่างหลากหลาย เพื่อน าไปใช้ แก้ปัญหาในชีวิต มีมารยาทในการอ่าน พูด รายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษา ค้นคว้าจาก การฟัง การดูและการสนทนา พูดในโอกาสต่าง ๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด วิเคราะห์โครงสร้างของ ประโยคซับซ้อน ใช้ค าทับศัพท์และศัพท์บัญญัติ อธิบายความหมายค าศัพท์ทางวิชาการและ วิชาชีพ สรุปเนื้อหาวรรณคดี วรรณกรรม และ วรรณกรรมท้องถิ่นในระดับที่ยาก และสรุป คว ามรู้แล ะข้อคิดจ ากก า รอ่ านเพื่อน าไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ๒๖ ๒๕ สอบกลางภาค ๓ ๒๐
๓ โครงสร้ำงรำยวิชำ (ต่อ) รหัสวิชำ ท ๒๓๑๐๒ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ ๓ ภำคเรียนที่ ๒ เวลำ ๖๐ ชั่วโมง จ ำนวน ๑.๕ หน่วยกิต อัตรำส่วนคะแนน ระหว่ำงภำค ๗๐ : ปลำยภำค ๓๐ ชื่อหน่วย กำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ/ควำมคิดรวบยอด และสำระกำรเรียนรู้แกนกลำง จ ำนวน ชั่วโมง น้ ำหนัก คะแนน ระหว่ำงเรียน ๒. บทพากย์ เอราวัณ (๒๘ ชั่วโมง) ท ๑.๑ ม.๓/๑ ท ๑.๑ ม.๓/๓ ท ๑.๑ ม.๓/๔ ท ๑.๑ ม.๓/๙ ท ๒.๑ ม.๓/๒ ท ๒.๑ ม.๓/๖ ท ๒.๑ ม.๓/๙ ท ๒.๑ ม.๓/๑๐ ท ๓.๑ ม.๓/๑ ท ๓.๑ ม.๓/๒ ท ๓.๑ ม.๓/๔ ท ๓.๑ ม.๓/๖ ท ๔.๑ ม.๓/๓ ท ๔.๑ ม.๓/๖ ท ๕.๑ ม.๓/๒ ท ๕.๑ ม.๓/๓ ท ๕.๑ ม.๓/๔ ระบุใจความส าคัญและรายละเอียดของข้อมูล สนับสนุนจากเรื่องที่อ่าน ระบุใจความส าคัญและ รายละเอียดของข้อมูลที่สนับสนุนจากเรื่องที่ อ่าน อ่านเรื่องต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความและรายงาน เขียน ข้อความโดยใช้ถ้อยค าได้ถูกต้องตามระดับภาษา เขียนอธิบาย ชี้แจง แสดงความคิดเห็นและ โต้แย้งอย่างมีเหตุผล เขียนรายงานการศึกษา ค้นคว้าและโครงงาน ตีความและประเมินคุณค่า แนวคิดที่ได้จากงานเขียนอย่างหลากหลาย เพื่อน าไปใช้แก้ปัญห าในก า รด าเนินชี วิต มีมารยาทในการเขียน แสดงความคิดเห็นและ ประเมินเรื่องจากการฟังและการดูวิเคราะห์และ วิ จ า รณ์ เ รื่ องที่ฟัง แ ล ะดู เพื่ อน า ข้ อ คิด ม า ประยุกต์ใช้ในการด าเนินชีวิต พูดในโอกาสต่างๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์มีมารยาทในการฟังการ ดูและการพูด วิเคราะห์ระดับภาษา แต่งบทร้อย กรอง วิเคราะห์วิถีไทยและคุณค่าจากวรรณคดี และวรรณกรรมที่อ่าน สรุปความรู้และข้อคิด จากการอ่านเพื่อน าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ท่องจ าและบอกคุณค่าบทอาขยานตามที่ก าหนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจและ น าไปใช้อ้างอิง ๒๘ ๒๕ สอบปลายภาค ๓ ๓๐ รวม ๖๐ ๑๐๐
ก ำหนดกำรสอนรำยวิชำภำษำไทย ห้องที่สอน ม.๓/๑ ม.๓/๒ และ ม.๓/๓ เวลำเรีภำคเรียนที่ ๒ ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๖ โรงเรียนอุดรธผู้สอน นำงสำวจุติภรณ์ สิทธิศรี หน่วยกำรเรียนรู้ แผนที่ วัน/เดือน/ปี เวลำที่สอน หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ พระบรมราโชวาท (๒๖ ชั่วโมง) ๑ ๓๐ ต.ค ๒๕๖๖ ๓๐ ต.ค ๒๕๖๖ ๑ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๒ ๓๑ ต.ค ๒๕๖๖ ๓๑ ต.ค ๒๕๖๖ ๒ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๓ ๑ พ.ย ๒๕๖๖ ๓ พ.ย ๒๕๖๖ ๓ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๔ ๖ พ.ย ๒๕๖๖ ๖ พ.ย ๒๕๖๖ ๘ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๕ ๗ พ.ย ๒๕๖๖ ๗ พ.ย ๒๕๖๖ ๙ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ ๓ รหัสวิชำ ท ๒๓๑๐๒ รียน ๖๐ ชั่วโมง/ภำคเรียน จ ำนวน ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ ธรรมำนุสรณ์ต ำบลบ้ำนตำด อ ำเภอเมือง จังหวัดอุดรธำนี ชั้น/ห้อง สำระกำรเรียนรู้ เวลำ/ชั่วโมง หมำยเหตุ น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ ที่มาและเนื้อเรื่อง พระบรมราโชวาท ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ การวิเคราะห์คุณค่าของเรื่อง พระบรมราโชวาท ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ การแสดงความคิดเห็นเรื่อง พระบรมราโชวาท ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ ค าสอนในพระบรมราโชวาท ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ วิเคราะห์เนื้อเรื่องและข้อคิด “คิดดีก็ได้บุญ” ๑ ชั่วโมง ๔
หน่วยกำรเรียนรู้ แผนที่ วัน/เดือน/ปี เวลำที่สอน หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ พระบรมราโชวาท (๒๖ ชั่วโมง) ๖ ๘ พ.ย ๒๕๖๖ ๑๐ พ.ย ๒๕๖๖ ๑๐ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๗ ๑๓ พ.ย ๒๕๖๖ ๑๓ พ.ย ๒๕๖๖ ๑๕ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๘ ๑๔ พ.ย ๒๕๖๖ ๑๔ พ.ย ๒๕๖๖ ๑๖ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๙ ๑๕ พ.ย ๒๕๖๖ ๑๗ พ.ย ๒๕๖๖ ๑๗ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๐ ๒๐ พ.ย ๒๕๖๖ ๒๐ พ.ย ๒๕๖๖ ๒๒ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๑ ๒๑ พ.ย ๒๕๖๖ ๒๑ พ.ย ๒๕๖๖ ๒๓ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๑๒ ๒๒ พ.ย ๒๕๖๖ ๒๔ พ.ย ๒๕๖๖ ๒๔ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕
ชั้น/ห้อง สำระกำรเรียนรู้ เวลำ/ชั่วโมง หมำยเหตุ น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ค าบุพบท ค าเชื่อม และค าอุทาน ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ ประโยคกรรม ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ ประโยคซับซ้อน ๑ (ประโยคความเดียว) ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ประโยคซับซ้อน ๒ (ประโยคความรวม) ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ ประโยคซับซ้อน ๓ (ประโยคความซ้อน ๑) ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ ประโยคซับซ้อน ๔ (ประโยคความซ้อน ๒) ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ วิเคราะห์เนื้อเรื่องและข้อคิด “กรุงเทพเมื่อร้อยกว่าปี” ๑ ชั่วโมง ๕
หน่วยกำรเรียนรู้ แผนที่ วัน/เดือน/ปี เวลำที่สอน หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ พระบรมราโชวาท (๒๖ ชั่วโมง) ๑๓ ๒๗ พ.ย ๒๕๖๖ ๒๗ พ.ย ๒๕๖๖ ๒๙ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๔ ๒๘ พ.ย ๒๕๖๖ ๒๘ พ.ย ๒๕๖๖ ๓๐ พ.ย ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๑๕ ๒๙ พ.ย ๒๕๖๖ ๑ ธ.ค ๒๕๖๖ ๑ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๖ ๔ ธ.ค ๒๕๖๖ ๔ ธ.ค ๒๕๖๖ ๖ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๗ ๕ ธ.ค ๒๕๖๖ ๕ ธ.ค ๒๕๖๖ ๗ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๑๘ ๖ ธ.ค ๒๕๖๖ ๘ ธ.ค ๒๕๖๖ ๘ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๙ ๑๑ ธ.ค ๒๕๖๖ ๑๑ ธ.ค ๒๕๖๖ ๑๓ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕
ชั้น/ห้อง สำระกำรเรียนรู้ เวลำ/ชั่วโมง หมำยเหตุ น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ การเปลี่ยนแปลงของภาษา ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ การอ่านเพื่อวิเคราะห์ และวิจารณ์ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ การอ่านเพื่อเขียน กรอบแนวคิด ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ การพูดอภิปราย ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ ศัพท์วิชาการและวิชาชีพ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ค าทับศัพท์และศัพท์บัญญัติ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ ความรู้เบื้องต้นการอ่าน จับใจความส าคัญ ๑ ชั่วโมง ๖
หน่วยกำรเรียนรู้ แผนที่ วัน/เดือน/ปี เวลำที่สอน หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ พระบรมราโชวาท (๒๖ ชั่วโมง) ๒๐ ๑๒ ธ.ค ๒๕๖๖ ๑๒ ธ.ค ๒๕๖๖ ๑๔ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๒๑ ๑๓ ธ.ค ๒๕๖๖ ๑๕ ธ.ค ๒๕๖๖ ๑๕ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๒๒ ๑๘ ธ.ค ๒๕๖๖ ๑๘ ธ.ค ๒๕๖๖ ๒๐ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๒๓ ๑๙ ธ.ค ๒๕๖๖ ๑๙ ธ.ค ๒๕๖๖ ๒๑ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๒๔ ๒๐ ธ.ค ๒๕๖๖ ๒๒ ธ.ค ๒๕๖๖ ๒๒ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๒๕ ๒๕ ธ.ค ๒๕๖๖ ๒๕ ธ.ค ๒๕๖๖ ๒๗ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๒๖ ๒๖ ธ.ค ๒๕๖๖ ๒๖ ธ.ค ๒๕๖๖ ๒๘ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๐๘.๓๐ – ๐๙.๒๐
ชั้น/ห้อง สำระกำรเรียนรู้ เวลำ/ชั่วโมง หมำยเหตุ น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ การอ่านจับใจความส าคัญ จากนิทาน ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ การอ่านจับใจความส าคัญ จากข่าว ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ การอ่านจับใจความส าคัญ จากบทความ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ การอ่านจับใจความส าคัญ จากบทร้อยกรอง ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ วิเคราะห์เนื้อเรื่องและข้อคิด “ที่เรียกว่าก้าวหน้า” ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๑ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ การอ่านตีความ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ การอ่านตีความ ๑ ชั่วโมง ๗
หน่วยกำรเรียนรู้ แผนที่ วัน/เดือน/ปี เวลำที่สอน หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ บทพากย์เอราวัณ(๒๘ ชั่วโมง) ๒๗ ๒๗ ธ.ค ๒๕๖๖ ๒๙ ธ.ค ๒๕๖๖ ๒๙ ธ.ค ๒๕๖๖ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๒๘ ๑ ม.ค ๒๕๖๗ ๑ ม.ค ๒๕๖๗ ๓ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๒๙ ๒ ม.ค ๒๕๖๗ ๒ ม.ค ๒๕๖๗ ๔ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๐๘.๓๐ – ๐๙.๒๐น๓๐ ๓ ม.ค ๒๕๖๗ ๕ ม.ค ๒๕๖๗ ๕ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๓๑ ๘ ม.ค ๒๕๖๗ ๘ ม.ค ๒๕๖๗ ๑๐ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๓๒ ๙ ม.ค ๒๕๖๗ ๙ ม.ค ๒๕๖๗ ๑๑ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๐๘.๓๐ – ๐๙.๒๐ ๓๓ ๑๐ ม.ค ๒๕๖๗ ๑๒ ม.ค ๒๕๖๗ ๑๒ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕
ชั้น/ห้อง สำระกำรเรียนรู้ เวลำ/ชั่วโมง หมำยเหตุ น. น. น. ม.๓/๓ม.๓/๑ ม.๓/๒ ประวัติและเรื่องย่อ บทพากย์เอราวัณ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ม.๓/๒ ม.๓/๑ การอ่านบทร้อยกรอง บทพากย์เอราวัณ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ การถอดค าประพันธ์ บทพากย์เอราวัณ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ม.๓/๑ ม.๓/๒ การวิเคราะห์ภาษา บทพากย์เอราวัณ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ม.๓/๒ ม.๓/๑ การสร้างผลงานจาก บทพากย์เอราวัณ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ ทบทวนและสรุปองค์ความรู้ บทพากย์เอราวัณ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ม.๓/๑ ม.๓/๒ วิเคราะห์เนื้อเรื่องและข้อคิด จาก “เช้าฮาเย็นเฮ” ๑ ชั่วโมง ๘
หน่วยกำรเรียนรู้ แผนที่ วัน/เดือน/ปี เวลำที่สอน หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ บทพากย์เอราวัณ (๒๘ ชั่วโมง) ๓๔ ๑๕ ม.ค ๒๕๖๗ ๑๕ ม.ค ๒๕๖๗ ๑๗ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๓๕ ๑๖ ม.ค ๒๕๖๗ ๑๖ ม.ค ๒๕๖๗ ๑๘ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๐๘.๓๐ – ๐๙.๒๐ ๓๖ ๑๗ ม.ค ๒๕๖๗ ๑๙ ม.ค ๒๕๖๗ ๑๙ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๓๗ ๒๒ ม.ค ๒๕๖๗ ๒๒ ม.ค ๒๕๖๗ ๒๔ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๓๘ ๒๓ ม.ค ๒๕๖๗ ๒๓ ม.ค ๒๕๖๗ ๒๕ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๐๘.๓๐ – ๐๙.๒๐ ๓๙ ๒๔ ม.ค ๒๕๖๗ ๒๖ ม.ค ๒๕๖๗ ๒๖ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๔๐ ๒๙ ม.ค ๒๕๖๗ ๒๙ ม.ค ๒๕๖๗ ๓๑ ม.ค ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕
ชั้น/ห้อง สำระกำรเรียนรู้ เวลำ/ชั่วโมง หมำยเหตุ น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ ระดับภาษา ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ เขียนรายงานการศึกษา ค้นคว้า ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ การเขียนรายงานการศึกษา ค้นคว้า ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ โคลงสี่สุภาพ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ การแต่งโคลงสี่สุภาพ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ วิเคราะห์เนื้อเรื่องและข้อคิด “ความรักใดควรใฝ่หา” ๑ ชั่วโมง ๙
หน่วยกำรเรียนรู้ แผนที่ วัน/เดือน/ปี เวลำที่สอน หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ บทพากย์เอราวัณ (๒๘ ชั่วโมง) ๔๑ ๓๐ ม.ค ๒๕๖๗ ๓๐ ม.ค ๒๕๖๗ ๑ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๐๘.๓๐ – ๐๙.๒๐ ๔๒ ๓๑ ม.ค ๒๕๖๗ ๒ ก.พ ๒๕๖๗ ๒ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๔๓ ๕ ก.พ ๒๕๖๗ ๕ ก.พ ๒๕๖๗ ๗ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๔๔ ๖ ก.พ ๒๕๖๗ ๖ ก.พ ๒๕๖๗ ๘ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๐๘.๓๐ – ๐๙.๒๐ ๔๕ ๗ ก.พ ๒๕๖๗ ๙ ก.พ ๒๕๖๗ ๙ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๔๖ ๑๒ ก.พ ๒๕๖๗ ๑๒ ก.พ ๒๕๖๗ ๑๔ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๔๗ ๑๓ ก.พ ๒๕๖๗ ๑๓ ก.พ ๒๕๖๗ ๑๕ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๐๘.๓๐ – ๐๙.๒๐
ชั้น/ห้อง สำระกำรเรียนรู้ เวลำ/ชั่วโมง หมำยเหตุ น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ การแสดงความคิดเห็น จากการดู ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ การประเมินค่าจากการดู ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ คติพจน์และค าคม ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ การเขียนคติพจน์ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ การเขียนค าคม ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ ม.๓/๒ ม.๓/๑ ความรู้เบื้องต้นการเขียน สร้างสรรค์ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ การเขียนสร้างสรรค์จากภาพ ๑ ชั่วโมง ๑๐
หน่วยกำรเรียนรู้ แผนที่ วัน/เดือน/ปี เวลำที่สอน หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ บทพากย์เอราวัณ(๒๘ ชั่วโมง) ๔๘ ๑๔ ก.พ ๒๕๖๗ ๑๖ ก.พ ๒๕๖๗ ๑๖ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๔๙ ๑๙ ก.พ ๒๕๖๗ ๑๙ ก.พ ๒๕๖๗ ๒๑ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ – ๑๐.๑๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๕๐ ๒๐ ก.พ ๒๕๖๗ ๒๐ ก.พ ๒๕๖๗ ๒๒ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๐๘.๓๐ – ๐๙.๒๐ ๕๑ ๒๑ ก.พ ๒๕๖๗ ๒๓ ก.พ ๒๕๖๗ ๒๓ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๕๒ ๒๖ ก.พ ๒๕๖๗ ๒๖ ก.พ ๒๕๖๗ ๒๘ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ ๕๓ ๒๗ ก.พ ๒๕๖๗ ๒๗ ก.พ ๒๕๖๗ ๒๙ ก.พ ๒๕๖๗ ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น๑๐.๒๐ - ๑๑.๑๐ น๐๘.๓๐ – ๐๙.๒๐ ๕๔ ๒๘ ก.พ ๒๕๖๗ ๑ มี.ค ๒๕๖๗ ๑ มี.ค ๒๕๖๗ ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕
ชั้น/ห้อง สำระกำรเรียนรู้ เวลำ/ชั่วโมง หมำยเหตุ น. น. น. ม.๓/๓ม.๓/๑ ม.๓/๒ การเขียนสร้างสรรค์จาก ข้อความ ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ม.๓/๒ ม.๓/๑ ความรู้เบื้องต้นของการพูด ในที่ชุมชน ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ การพูดแนะน าตนเอง ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ม.๓/๑ ม.๓/๒ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ การโต้วาที ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ม.๓/๒ ม.๓/๑ การปฏิบัติโต้วาที ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๑ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ หนังสืออ่านนอกเวลา ๑ ชั่วโมง น. น. น. ม.๓/๓ม.๓/๑ ม.๓/๒ การวิเคราะห์หนังสือ อ่านนอกเวลา ๑ ชั่วโมง ๑๑
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ พระบรมราโชวาท เวลา ๒๖ ชั่วโมง เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญจากข่าว เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวจุติภรณ์ สิทธิศรี โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ วันที่สอน วันพุธ ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๘.๓๐ - ๐๙.๒๐ น. ม. ๓/๓ วันศุกร์ ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๑๕ – ๑๒.๐๕ น. ม. ๓/๑ วันศุกร์ ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ น. ม. ๓/๒ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และะความคิดเพื่อน าไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการด าเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม.๓/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องและเหมาะสมกับเรื่องที่ อ่าน ท ๑.๑ ม.๓/๔ อ่านเรื่องต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความและ รายงาน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ ผู้เรียนสามารถบอกใจความส าคัญจากข่าวที่อ่านได้ถูกต้อง (K) ๒.๒ ผู้เรียนสามารถเขียนแผนผังความคิดสรุปใจความส าคัญจากข่าวที่อ่านถูกต้อง (P) ๒.๓ ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการท างาน (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการท างาน ๔. สมรรถนะส าคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการอ่าน ๕. สาระส าคัญ การอ่านจับใจความ เป็นทักษะการอ่านที่ผู้อ่านต้องเข้าใจเนื้อเรื่อง จุดมุ่งหมายของเรื่องว่า ใคร ท า อะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร แล้วน าเรื่องที่อ่านมาสรุปรวบรวมหรือเรียบเรียงข้อความให้เป็นส านวนภาษาของ ตนเอง การอ่านจับใจความข่าว เป็นการอ่านเนื้อหาของข่าวเพื่อให้เข้าใจเรื่องราวหรือเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น สามารถสรุปใจความส าคัญจากข่าวที่อ่านได้ว่าเป็นเรื่องอะไรบ้าง มีใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไร เพราะเหตุใด และอย่างไรบ้าง เมื่ออ่านข่าวจบแล้วสามารถน ามาเขียนเรียบเรียง
เป็นข้อความใหม่ ด้วยภาษาที่สั้น กะทัดรัด เข้าใจง่าย แต่ยังคงเรื่องราวของข่าวนั้น ๆ ได้ครบถ้วน การอ่าน จับใจความข่าวนั้นควรอ่านตามโครงสร้างข่าว ได้แก่ หัวข่าว ความน าข่าว ตัวข่าวหรือเนื้อข่าว และสรุป ถ้ามีการศึกษาเรื่องการอ่านจับใจความจะท าให้นักเรียนเข้าใจหลักการอ่านมากขึ้น ตลอดจนสามารถ ตั้งค าถาม ตอบค าถามจากเรื่องที่อ่านได้ ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ การอ่านจับใจความส าคัญจากข่าว ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ๗.๑ การเขียนแผนผังความคิดสรุปความรู้จากข่าว ๗.๒ ใบงานเรื่องการอ่านจับใจความส าคัญ KWL Plus ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน ๘.๑ ผู้เรียนดูวีดีโอข่าวเรื่อง “หนุ่มนั่งรถไฟเที่ยวเมืองกาญจน์พลัดตกสาหัส” ผู้เรียนดูข่าว แล้วร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าจากข่าวที่อ่านมีบุคคลผู้ถูกกล่าวถึง คือ ใครบ้าง บุคคลดังกล่าวท าอะไร ท าที่ ไหน ท าเมื่อไหร่ ท าอย่างไร ท าท าไม และผลสุดท้ายเกิดอะไรขึ้น ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าว ร่วมกับผู้สอน จากนั้นผู้เรียนฟังสรุปข่าวจากผู้สอน ๘.๒ ผู้เรียนสนทนากับผู้สอนว่า มีวิธีการศึกษาข่าวเหตุการณ์ต่าง ๆ ผู้เรียนศึกษาข้อมูลทาง ไหนบ้าง จากนั้นน าเข้าสู่บทเรียนเรื่องการอ่านจับใจความจากข่าว ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ ขั้นกิจกรรมก่อนการอ่าน ขั้น K (What you know) ๘.๓ ผู้เรียนแบ่งกลุ่มภายในชั้นเรียนกลุ่มละ ๓ คน จากนั้นผู้สอนแจกใบความรู้เรื่องข่าว ๘.๔ ผู้เรียนทบทวนความรู้เรื่องการอ่านจับใจความส าคัญในชั่วโมงที่แล้ว และผู้สอนทบทวน การอ่านจับใจความส าคัญโดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus ให้ผู้เรียนเข้าใจอีกครั้ง ๘.๕ ผู้เรียนดูหัวข้อข่าวที่ผู้สอนเขียนบนกระดานว่า “กองทัพแมลงวันบุกหมู่บ้าน ร้านอาหาร เจ๊ง ถึงกับต้องกางมุ้งกินข้าว” ผู้สอนสนทนากับผู้เรียนว่า ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับหัวเรื่องที่ผู้สอนเขียนอย่างไร ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันระดมความคิด โดยการพูดอภิปรายแสดงความคิดเห็น ผู้เรียนเขียนสิ่งที่รู้เกี่ยวกับ หัวข้อเรื่องที่ผู้สอนเขียนบนกระดานบันทึกข้อความลงในใบงาน KWL Plus ในช่อง K ขั้นที่ ๒ ขั้นกิจกรรมระหว่างการอ่าน ขั้น W (What we want to know) ๘.๖ ผู้เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันตั้งค าถามในสิ่งที่ต้องการรู้จากหัวข้อข่าว “กองทัพแมลงวันบุก หมู่บ้าน ร้านอาหารเจ๊ง ถึงกับต้องกางมุ้งกินข้าว” ให้บันทึกค าถามลงในใบงาน KWL Plus ในช่อง W ๘.๗ ผู้เรียนอ่านข่าวเรื่อง “กองทัพแมลงวันบุกหมู่บ้าน ร้านอาหารเจ๊ง ถึงกับต้องกางมุ้ง กินข้าว” แล้วผู้เรียนหาค าตอบจากค าถามที่ตั้งไว้ในช่อง W ถ้าผู้เรียนอ่านพบข้อมูลใหม่ ๆ ผู้เรียนสามารถ ตั้งค าถามเพิ่มเติมในช่อง W ได้
ขั้น L (What you have learned) ๘.๘ ผู้เรียนบันทึกค าตอบที่ได้จากการตั้งค าถาม ลงในใบงาน KWL Plus ในช่อง L ๘.๙ ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันอภิปรายสิ่งที่ได้เรียนรู้ทั้งหมดจากการอ่านข่าวเรื่อง “กองทัพ แมลงวันบุกหมู่บ้าน ร้านอาหารเจ๊ง ถึงกับต้องกางมุ้งกินข้าว” เพื่อตรวจสอบค าตอบอีกครั้งหนึ่ง ขั้นที่ ๓ ขั้นกิจกรรมหลังการเรียน (Plus) ๘.๑๐ ผู้เรียนน าข้อมูลจากใบงาน KWL Plus มาเรียบเรียงข้อมูลและสรุปข้อมูลเป็นแผนผัง ความคิด ๘.๑๑ ผู้เรียนส่งตัวแทนของกลุ่มตัวเองออกมาน าเสนอแผนผังความคิดที่ผู้เรียนสรุปข้อมูล จากเรื่องที่ศึกษา จากนั้นผู้เรียนฟังค าแนะน าหรือค าอธิบายเพิ่มจากผู้สอน ๘.๑๒ ผู้เรียนท ากิจกรรมทบทวนความเข้าใจจากการอ่านจับใจความจากข่าว โดยการท า กิจกรรมตอบค าถามผ่าน Blooket ผู้เรียนคนไหนได้คะแนนเยอะที่สุดได้รับรางวัลพิเศษ ขั้นสรุป ๘.๑๓ ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกับสรุปความรู้เรื่องการอ่านจับใจความส าคัญจากข่าว และ สอบถามประเด็นที่ผู้เรียนสงสัย ๙. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ๙.๑ ใบงาน KWL Plus ๙.๒ ใบความรู้เรื่อง ข่าว ๙.๓ ข่าว “กองทัพแมลงวันบุกหมู่บ้าน ร้านอาหารเจ๊ง ถึงกับต้องกางมุ้งกินข้าว” ๙.๔ Power Point การอ่านจับใจความ ๙.๕ วีดีโอข่าวเรื่อง “หนุ่มนั่งรถไฟเที่ยวเมืองกาญจน์พลัดตกสาหัส” ๙.๖ กิจกรรมตอบค าถาม Blooket ๑๐. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ๑๐.๑ การสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนให้เป็นแบบกันเอง ๑๐.๒ ให้ค าแนะน านักเรียนอย่างทั่วถึงและใกล้ชิด ๑๐.๓ การให้ค าชมเชย รางวัลพิเศษ หรือคะแนนพิเศษ
๑๑. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน ๑. ผู้เรียนสามารถบอก ใจความส าคัญจากข่าวที่อ่าน ได้ถูกต้อง (K) การสังเกต พฤติกรรม แบบให้คะแนนการ น าเสนองานแบบ กลุ่ม ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน แบบให้คะแนนการน าเสนอ ผลงานแบบกลุ่มในระดับร้อยละ ๘๐ หรือ ดี ขึ้นไป ๒. ผู้เรียนสามารถเขียน แผนผังความคิดสรุปใจความ ส าคัญจากข่าวที่อ่านถูกต้อง (P) การตรวจแผนผัง ความคิด แบบให้คะแนน แผนผังความคิด ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน แบบให้คะแนนแผนผังความคิด ในระดับ ดีขึ้นไป หรือ ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๓. ผู้เรียนมีความ กระตือรือร้นในการท างาน (A) การส่งงานที่ได้รับ มอบหมาย แผนผังความคิด ความรับผิดชอบงาน มี ๔ ระดับ ดีมาก = ๒ คะแนน ดี = ๑.๕ คะแนน ปานกลาง = ๑ คะแนน น้อย = ๐.๕ คะแนน
๔. ความคิดเห็นครูพี่เลี้ยง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ..................................................... (นางสกลรัตน์ สวยรูป) วันที่............เดือน............พ.ศ. .............. ๕. ความคิดเห็นของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................................... ........ .......................................................................................................................... .................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................... ..................... ............................................................................................................. ................................................................. ลงชื่อ..................................................... (นางสาวจีรนันท์ ละม่อมสาย) ผู้อ านวยการสถานศึกษา วันที่............เดือน..............พ.ศ. ..............
ใบความรู้เรื่อง ข่าว รายวิชาภาษาไทย ท ๒๓๑๐๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ความหมายของข่าว พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (๒๕๕๔ : ๑๙๐ ) ให้ค านิยามของข่าวว่า “ค าบอกเล่าเรื่องราว ซึ่ง โดยปกติมักเป็นเรื่องที่เกิดใหม่ หรือเป็นที่น่าสนใจ” ดรุณี หิรัญรักษ์ (๒๕๓๘) นักวิชาการ กล่าวถึงข่าวว่า คือ การรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ อธิบายเพิ่มเติมว่าข่าวไม่จ าเป็นต้องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดเพราะเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นอาจจะ เป็นข่าวได้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้วอาจเป็นข่าวได้ถ้าสิ่งนั้นเพิ่งค้นพบ ฉอ้าน วุฑฒิกรรมรักษา (๒๕๓๖) นักวิชาการได้ให้ค าจ ากัดความของข่าวว่า คือ รายงานข้อเท็จจริง หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ตลอดจนความคิดเห็นจากบุคคลระดับต่าง ๆ ซึ่งมีความส าคัญ และเป็นที่ น่าสนใจ อันมีผลกระทบต่อคนหมู่มากในชุมชนหรือสังคมจากค าจ ากัดความ จึงพอสรุปได้ว่า ข่าว คือ รายงาน เหตุการณ์และข้อเท็จจริงที่น่าสนใจผ่านสื่อต่าง ๆ ท าให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ โครงสร้างของข่าว โครงสร้างของข่าวจากหนังสือพิมพ์ประกอบด้วย ๑. หัวข่าว หรือ พาดหัวข่าว เป็นส่วนแรกของข่าวมีไว้เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้อ่านติดตาม ๒. ความน าข่าว เป็นข่าวข้อความที่สรุปเหตุการณ์หรือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นบางครั้งอาจไม่ครบถ้วน เพียงแต่กล่าวเป็นบางส่วน ๓. ตัวข่าว เป็นรายละเอียดของเหตุการณ์ โดยเรียงความส าคัญของเนื้อหาเป็นส่วนขยายความน าข่าว อย่างละเอียด ๔. สรุป ส่วนท้ายของข่าวอาจจะมีการสรุปเหตุการณ์หรือไม่สรุปก็ได้ ประเภทของข่าว ข่าวมีมากมายหลายประเภทขึ้นอยู่กับเกณฑ์ในการแบ่งประเภท ซึ่ง พนม วรรณศิริ (๒๕๔๔) ได้ใช้ เกณฑ์การแบ่งประเภทข่าว ดังนี้ ๑. แบ่งตามประเภทของข่าว ข่าวที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อสังคมในระดับที่แตกต่างกันซึ่งสามารถแบ่งเป็น ๒ ประเภท ๑) ข่าวหนัก เป็นข่าวที่ส าคัญกับชีวิตประชาชน เช่น ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวสังคม ข่าวการศึกษา ฯลฯ มักเป็นข่าวที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ๒) ข่าวเบา เป็นข่าวที่เน้นอารมณ์ ผู้อ่านเกิดความพอใจ เบาสมอง เช่น ข่าวอาชญากรรม ข่าวกีฬา ข่าวตลกขบขัน ข่าวบันเทิง เมื่อเกิดแล้วผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่กระทบต่อคนส่วนใหญ่ ๒. แบ่งตามเนื้อหาข่าว การแบ่งประเภทข่าวตามเนื้อหา หนังสือพิมพ์บางฉบับอาจแบ่งไว้ชัดเจน ซึ่งสามารถเปิดอ่าน หรือติดตามได้ง่าย เช่น ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าววิทยาศาสตร์ ข่าวการศึกษา ข่าวกีฬา เป็นต้น ดังนี้
๑) ข่าวการเมือง เป็นข่าวเกี่ยวกับกิจการบ้านเมือง การบริหารงานของรัฐบาล รัฐมนตรี ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง หนังสือพิมพ์มักให้ความสนใจตีพิมพ์ไว้หน้าแรก ๒) ข่าวศาล เป็นข่าวเกี่ยวกับการตัดสินคดีความ ข้อพิพาทหรือข้อขัดแย้งต่าง ๆ ที่มีการ ด าเนินคดีทางแพ่งและทางอาญา ๓) ข่าวอาชญากรรม เป็นข่าวเกี่ยวกับการปล้น จี้ ฆาตกรรม การลักพาตัว การค้ายาเสพติด การค้าของเถื่อน เป็นต้น มักสะท้อนสภาพสังคม เป็นข่าวที่ประชาชนสนใจ ๔) ข่าวเศรษฐกิจ เป็นข่าวเกี่ยวกับธุรกิจ อุตสาหกรรม การเงิน การธนาคาร การเกษตร แรงงานและการคมนาคม ฯลฯ ๕) ข่าววิทยาศาสตร์และการศึกษา เป็นข่าวเกี่ยวกับครูอาจารย์ นักศึกษา นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ มักให้ความสนใจข่าวประเภทนี้เป็นพิเศษ หนังสือพิมพ์มักจัดสรรหน้าไว้เฉพาะส าหรับ การศึกษาและวิทยาศาสตร์ ๖) ข่าวประชุม เป็นข่าวที่มีผลต่อประชาชนต่อประชาชนโดยตรง เช่น การประชุมสภา ผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก ผู้น าประเทศต่าง ๆ การประชุมที่มีเรื่องส าคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ ๗) ข่าวอุบัติเหตุ เพลิงไหม้ และภัยพิบัติ ซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งมีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สิน การรายงานข่าวท าให้ประชาชนระมัดระวังมากขึ้น เป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจ ๘) ข่าวกีฬา เป็นการรายงานข่าวที่เกี่ยวกับวงการกีฬา การแข่งขันฟุตบอล บาสเกตบอล ว่ายน้ า ฯลฯ หนังสือพิมพ์มักจัดหน้าพิเศษไว้เพราะคนให้ความสนใจเป็นจ านวนมาก ๙) ข่าวสังคมและสตรี เป็นข่าวที่เกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ในสังคมของคนที่มีชื่อเสียงหรือมี ลักษณะเด่นในสังคม ข่าวในวงการสังคมชั้นสูง ย่อมเป็นที่สนใจของคนทั่วไป เช่น ประกวดนางงาม การจัดบ้าน การเลี้ยงเด็ก ความงาม การกุศลต่าง ๆ ๑๐) ข่าวบันเทิง เป็นข่าวให้ความบันเทิง ประชาชนมักติดตามความเคลื่อนไหวของดาราที่ชื่นชอบ ผลงานใหม่ ๆ การเปิดการแสดง เป็นข่าวเบา ๓. แบ่งตามภูมิภาคของข่าว การแบ่งข่าวตามภูมิภาคซึ่งสื่อมวลชนบางประเภทแบ่งดังนี้ ๑) ข่าวท้องถิ่น มักเป็นรายงานข่าวท้องถิ่นต่าง ๆ ในจังหวัด เช่น หนังสือพิมพ์ของจังหวัด หรือหนังสือพิมพ์ทั่วไปก็มักมีการรายงานที่เกิดขึ้นในจังหวัดต่าง ๆ นอกเหนือกรุงเทพมหานคร ๒) ข่าวภูมิภาค เป็นข่าวที่เกิดขึ้นในอาณาเขตที่กว้างขวางกว่าข่าวท้องถิ่น ส า หรับ หนังสือพิมพ์มักจัดไว้เฉพาะ เช่น ข่าวภาคกลาง ข่าวภาคเหนือ ข่าวภาคใต้ เป็นต้น ๓) ข่าวในประเทศ เป็นข่าวรวม ๆ ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ เช่น ข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ๔) ข่าวต่างประเทศ เป็นข่าวที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ มักเป็นข่าวที่น่าสนใจในประเทศ ใกล้เคียงหรือข่าวที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ เช่น การขึ้นราคาน้ ามันของกลุ่มโอเปค หลักการอ่านและพิจารณาข่าว พรทิพย์ ศิริสมบูรณ์เวช และคณะ (๒๕๔๘) กล่าวว่าในการอ่านข่าวควรพิจารณาตามองค์ประกอบ ของข่าว ดังนี้ ๑. พิจารณาพาดหัวข่าว การพิจารณาพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์เป็นการจัดล าดับความส าคัญของข่าว หากสังเกตการพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์จะพบว่า ส่วนส าคัญที่สุดของข่าวจะพาดหัวด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่
ส่วนที่ส าคัญรองลงมา จะใช้ตัวอักษรขนาดเล็กลงมาตามล าดับ ดังนั้น ในการอ่านและพิจารณาข่าว ควรอ่าน พาดหัวข่าวใหญ่ก่อน แล้วจึงอ่านพาดหัวข่าวย่อย ๒. พิจารณาความน า เมื่ออ่านและพิจารณาพาดหัวข่าวและทราบเรื่องราวสั้น ๆ ของข่าวนั้นแล้ว ขั้นต่อมาคือการอ่านและพิจารณาความน า ซึ่งจะสรุปเรื่องราวของข่าว โดยขยายความหรือเพิ่มเติม รายละเอียดของพาดหัวข่าว หากผู้เขียนข่าวสามารถเขียนความน าได้ชัดเจน และผู้อ่านมีเวลาในการอ่านน้อย หรือต้องประหยัดเวลาในการอ่านก็อาจไม่จ าเป็นต้องอ่านส่วนเนื้อข่าวต่อไป ๓. พิจารณาเนื้อข่าว เนื้อข่าวเป็นส่วนที่ผู้อ่านจะอ่านหรือไม่อ่านก็ได้หากทราบเรื่องย่อของข่าวจาก ความน าแล้ว เนื้อข่าวเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เป็นข่าว ซึ่งอาจพบว่าหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ ข้อมูลของข่าวแตกต่างกัน เพราะผู้เขียนข่าวต้องน าเสนอข่าวให้ทันเวลา หากเราสนใจข่าวใดเป็นพิเศษก็ควร ติดตามอ่านเนื้อข่าวจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับเพื่อเปรียบเทียบความถูกต้องของข่าว และคิดไตร่ตรองอย่าง รอบคอบ ๔. พิจารณาการใช้ส านวนภาษา เมื่อพิจารณาการใช้ส านวนภาษาในการเขียนข่าวจะพบว่ามี ข้อบกพร่องหลายประการ ทั้งในการเขียนสะกดค าการใช้ค าย่อการใช้ค าผิดระดับ การใช้ค าแสลง การวาง ส่วนขยายไม่ถูกต้อง ทั้งนี้เพราะการจัดท าหนังสือพิมพ์เป็นกระบวนการเร่งด่วนที่ต้องด าเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันเวลาขาย เพราะหนังสือพิมพ์จะมีค่าเฉพาะวันนี้เท่านั้น พอวันรุ่งขึ้นก็จะไม่มีใครสนใจอ่านข่าวจึงเป็น วรรณกรรมรีบเร่งเพราะฉะนั้นในการอ่านข่าวจึงต้องพิจารณาการใช้ภาษาตามลักษณะของภาษาข่าว ที่ไม่ ถูกต้องของหลักการใช้ภาษา
ข่าว กองทัพแมลงวัน “บุกหมู่บ้าน ร้านอาหารเจ๊ง ถึงกับต้องกางมุ้งกินข้าว” นางพิศมัย กล่าวอ้างว่า ที่เดินทางมาร้องเรียนนั้น เพราะชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านได้รับความ เดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาแมลงวันตอมที่มีจ านวนมากมายมหาศาล มาสร้างความเดือดร้อนร าคาญ และ ท าให้สุขอนามัยภายในหมู่บ้านแย่ลง มีคนท้องเสียท้องร่วงจากการกิน ชาวบ้านจึงได้ปรึกษากันมายื่นร้องทุกข์ “ครอบครัวเราจึงอาสาเป็นตัวแทนของคนในหมู่บ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเข้าร้องเรียนให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องมาแก้ปัญหาดังกล่าวนี้อย่างจริงจัง แมลงวันที่บินว่อนอยู่ในหมู่บ้านนั้น มั่นใจว่ามาจากการเลี้ยงไก่ ภายในฟาร์มไก่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน และสร้างความเดือดร้อนเพราะปัญหาแมลงวันมานานกว่า 20 ปี แล้ว ร้องเรียนไปทางผู้น าชุมชนหรือหน่วยงานในท้องถิ่น ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาช่วยเหลือได้ และมีหลายคน บอกว่าเจ้าของฟาร์มมีอิทธิพล มีเงิน มีอ านาจ อย่าไปยุ่ง แต่ตนเองมองว่าถ้าปล่อยให้ปัญหานี้เป็นแบบนี้ต่อไป ก็จะส่งผลกระทบถึงลูกหลาน จึงตัดสินใจเป็นตัวแทนชาวบ้านเข้าร้องเรียน” ตัวแทนชาวบ้านโสกดังกล่าว นางพิศมัย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการพยายามขอร้องให้เจ้าของฟาร์มไก่แก้ไขปัญหา แต่สิ่งที่ฟาร์มไก่ แก้ไขปัญหามีเพียงการแจกกระดาษดักแมลงวันให้ชาวบ้านแต่ละหลัง แต่ไม่มีการมาพูดคุยหรือบอกจะมีการ แก้ปัญหาอย่างยั่งยืนให้ชาวบ้านเลย ซึ่งยกตัวอย่างบ้านของตนเองซึ่งเปิดขายก๋วยเตี๋ยว พอเจอกองทัพแมลงวัน เหล่านี้ก็ท าลูกค้าหายหมด ไม่มีใครกล้ากิน จนต้องปิดกิจการลง และคนอื่น ๆ ที่ขายอาหารตามสั่งก็ได้รับความ เดือดร้อน ลูกค้าไม่มั่นใจความสะอาดก็ไม่มีใครกล้าซื้อไปกิน ตัวแทนชาวบ้านโสกดัง กล่าวด้วยว่า ในทุกๆ วันต้องนั่งกินข้าวในมุ้ง เดือดร้อนร าคาญแมลงวันเหล่านี้ ตลอดเวลา จนไม่รู้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร จึงอยากวอนสื่อช่วยในการเป็นกระบอกเสียงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาช่วยแก้ปัญหาแมลงวันเหล่านี้ให้หมดไปด้วย (ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1678776) \
แบบประเมินแผนผังความคิด ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ ที่ ชื่อ – สกุล เกณฑ์การให้คะแนน รวม (๒๐) หมายเหตุ ความ ครบถ้วน ของเนื้อหา (๔) ความ ถูกต้องของ เนื้อหา (๔) การใช้ ภาษา (๔) ความ สวยงาม (๔) ความ สะอาด เรียบร้อย (๔) ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐ ๒๒ ๒๓ ๒๔ ๒๕ ลงชื่อ........................................................ผู้ประเมิน ................../..................../...................
แบบให้คะแนนแผนผังความคิด รายละเอียด ๔ ๓ ๒ ๑ ๐ ความครบถ้วน ของเนื้อหา เนื้อหาครบถ้วน เนื้อหาไม่ครบ ๑ ส่วน เนื้อหาไม่ครบ ๒ ส่วน เนื้อหาไม่ครบ ๓ ส่วน เนื้อหาไม่ครบ มากกว่า ๔ ส่วน ความถูกต้องของ เนื้อหา เนื้อหาถูกต้อง ตามหลักการ เนื้อหาไม่ ถูกต้อง ๑ ส่วน เนื้อหาไม่ ถูกต้อง ๒ ส่วน เนื้อหาไม่ ถูกต้อง ๓ ส่วน เนื้อหาไม่ ถูกต้อง มากกว่า ๔ ส่วน การใช้ภาษาที่ ถูกต้องตามหลัก ภาษา ใช้ภาษาได้ ถูกต้องตาม หลักภาษาไทย ใช้เนื้อหาไม่ ถูกต้องตาม หลักภาษา ๑ จุด ใช้เนื้อหาไม่ ถูกต้องตาม หลักภาษา ๒ จุด ใช้เนื้อหาไม่ ถูกต้องตาม หลักภาษา ๓ จุด ใช้เนื้อหาไม่ ถูกต้องตาม หลักภาษา มากกว่า ๔ จุด ความสวยงาม ตกแต่งสวยงาม ใช้สีและรูปภาพ เหมาะสมมาก ตกแต่งสวยงาม ใช้สีและรูปภาพ เหมาะสม ตกแต่งสวยงาม ใช้สีและ รูปภาพพอใช้ ตกแต่งสวยงาม ใช้สีและ รูปภาพ ตกแต่งและใช้ สีไม่สวยงาม หรือไม่ตกแต่ง ความสะอาด เรียบร้อย ไม่พบรอยลบ การขีดฆ่า สะอาด เรียบร้อย พบรอยลบหรือ การขีดฆ่า ๑ - ๒ จุด พบรอยลบหรือ การขีดฆ่า ๓ - ๔ จุด พบรอยลบหรือ การขีดฆ่า ๕ - ๖ จุด พบรอยลบ หรือการขีดฆ่า มากกว่า ๖ จุด เกณฑ์การผ่าน ๑๖ - ๒๐ คะแนน หมายถึง ดีมาก ๑๒ - ๑๕ คะแนน หมายถึง ดี ๖ - ๑๑ คะแนน หมายถึง พอใช้ ต่ ากว่า ๕ คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับ ดี ขึ้นไป
แบบประเมินการน าเสนองาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ ที่ ชื่อ – สกุล เกณฑ์การให้คะแนน รวม (๒๐) หมายเหตุ เนื้อหาการ น าเสนอ (๔) การใช้ ภาษา (๔) เวลาใน การ น าเสนอ (๔) การมีส่วน ร่วม(๔) เห็น คุณค่า (๔) ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐ ๒๒ ๒๓ ๒๔ ๒๕ ลงชื่อ........................................................ผู้ประเมิน ................../..................../...................
เกณฑ์ให้คะแนนการน าเสนอผลงาน รายละเอียด ๔ ๓ ๒ ๑ ๐ เนื้อหา การน าเสนอ ชัดเจน ตรง ประเด็น เข้าใจ ง่ายและเป็น ประโยชน์ ชัดเจน ตรง ประเด็น เข้าใจง่าย ชัดเจน ไม่ตรงประเด็น เล็กน้อย ไม่ชัดเจน ไม่ตรง ประเด็น และไม่ เป็นประโยชน์ เนื้อหาที่พูด ไม่มีสาระที่เป็น ประโยชน์ ใช้ภาษาได้ ถูกต้องและ สุภาพ ใช้ภาษาได้ ถูกต้องและ สุภาพ ใช้ภาษาผิด เล็กน้อยและ สุภาพ ใช้ภาษาผิด บางส่วนและ สุภาพ ใช้ภาษาผิดและ ไม่ค่อยสุภาพ ไม่แสดงความ คิดเห็นหรือใช้ ภาษาไม่ถูกต้อง ไม่สุภาพ เวลาในการ น าเสนอ ใช้เวลาได้ เหมาะสม กระชับ ใช้เวลาขาด หรือเกิน เล็กน้อยจากที่ ก าหนด ใช้เวลาขาด หรือเกิน ค่อนข้างมาก ใช้เวลาขาด หรือเกินมาก ไม่น าเสนอหรือ ใช้เวลาไม่ เหมาะสมเลย การมีส่วนร่วมใน การน าเสนอ ทุกคนมีส่วนร่วม ใน การท ากิจกรรม เอาใจใส่ ตั้งใจ พบคนที่ไม่มี ส่วนร่วม ๑ - ๒ คน พบคนที่ไม่มี ส่วนร่วม ๓ - ๔ คน พบคนที่ไม่มีส่วน ร่วม ๕ - ๖ คน ไม่ให้ ความร่วมมือเลย บอกคุณค่าจาก เรื่องที่ศึกษา บอกคุณค่าจาก เรื่องที่ศึกษาได้ ชัดเจน บอกคุณค่าจาก เรื่องที่ศึกษาได้ บอกคุณค่าจาก เรื่องที่ศึกษาได้ บ้าง บอกคุณค่าจาก เรื่องที่ศึกษาได้ไม่ ชัดเจน ไม่บอกคุณค่า เกณฑ์การผ่าน ๒๐ - ๑๖ คะแนน หมายถึง ดีมาก ๑๕ - ๑๒ คะแนน หมายถึง ดี ๑๑ - ๘ คะแนน หมายถึง พอใช้ ต่ ากว่า ๘ คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับ ดี ขึ้นไป
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ พระบรมราโชวาท เวลา ๒๖ ชั่วโมง เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญจากบทความ เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวจุติภรณ์ สิทธิศรี โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ วันที่สอน วันจันทร์ ที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๒๕ - ๑๐.๑๕ น. ม. ๓/๓ วันจันทร์ ที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ น. ม. ๓/๒ วันพุธ ที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๕๕ – ๑๔.๔๕ น. ม. ๓/๑ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพื่อน าไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการด าเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม.๓/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องและเหมาะสมกับเรื่องที่ อ่าน ท ๑.๑ ม.๓/๔ อ่านเรื่องต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความและ รายงาน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ ผู้เรียนสามารถบอกใจความส าคัญจากบทความที่อ่านได้ถูกต้อง (K) ๒.๒ ผู้เรียนสามารถเขียนแผนผังความคิดสรุปใจความส าคัญจากบทความที่อ่านได้ถูกต้อง (P) ๒.๓ ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการท างาน (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการท างาน ๔. สมรรถนะส าคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการอ่าน ๕. สาระส าคัญ การอ่านจับใจความส าคัญ หมายถึง การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดส าคัญหลักของ ข้อความหรือเรื่องที่อ่าน เป็นข้อความที่คลุมข้อความอื่น ๆ ในย่อหน้าหนึ่ง ๆ ไว้ทั้งหมด การอ่านจับใจความ จากบทความจะท าให้ผู้อ่านเข้าเนื้อหาและมีทักษะการคิดวิเคราะห์มากขึ้น โดยการพิจารณาทีละย่อหน้า หาประโยคใจความส าคัญของแต่ละย่อหน้า ตัดส่วนที่เป็นรายละเอียดออกได้ เช่น ตัวอย่าง ส านวนโวหาร อุปมาอุปไมย (การเปรียบเทียบ) ตัวเลข สถิติ ตลอดจนค าถามหรือค าพูดของผู้เขียนซึ่งเป็นส่วนขยาย
ใจความส าคัญ และสุดท้ายสรุปใจความส าคัญด้วยส านวนภาษาของตนเอง การศึกษาเรื่องการอ่านจับใจความ ส าคัญจากบทความจะช่วยให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ การอ่านจับใจความส าคัญจากบทความ ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ๗.๑ การเขียนแผนผังความคิดสรุปความรู้จากบทความ ๗.๒ ใบงานเรื่องการอ่านจับใจความส าคัญ KWL Plus ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน ๘.๑ ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการอ่านบทความ ในประเด็นดังต่อไปนี้ ๘.๑.๑ ผู้เรียนรู้จักบทความหรือไม่ บทความคืออะไร ๘.๑.๒ บทความมักจะปรากฏในสื่อชนิดใด ๘.๑.๓ บทความเหมาะกับผู้อ่านวัยใดและใช้ภาษาในระดับใด ๘.๑.๔ บทความกล่าวถึงเรื่องอะไรบ้าง ๘.๑.๕ ผู้เรียนอ่านบทความแล้วจับประเด็น เข้าใจเรื่องที่อ่านหรือไม่ ๘.๑.๖ ผู้เรียนชอบอ่านบทความหรือไม่เพราะเหตุใด ๘.๒ ผู้เรียนตอบค าถาม แสดงความคิดเห็นแล้วฟังสรุปจากผู้สอนว่า บทความเป็นสื่อชนิด หนึ่งที่อยู่ในรูปแบบของการเขียนหรือพิมพ์ด้วยตัวอักษร มีขนาดความยาวประมาณ ๑ - ๕ หน้ากระดาษ มักจะอยู่ในหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร หรือบทความบนอินเทอร์เน็ต บทความกล่าวถึงเรื่องราวหรือเนื้อหา โดยทั่วไปทุกเรื่องบนโลกไม่มีจ ากัด ขึ้นอยู่กับว่าผู้เขียนจะเขียนบทความเกี่ยวกับอะไร เช่น การเมือง สุขภาพ ชีวิต อาหาร ฯลฯ บทความมักจะใช้ภาษาในทุกระดับชั้นขึ้นอยู่กับประเภทของเนื้อหาและผู้เขียน ตั้งแต่การใช้ ภาษาปากไปจนถึงภาษาระดับพิธีการ ผู้เรียนจะได้ฝึกฝนทักษะการอ่านจับใจความส าคัญเพิ่มขึ้น น าเข้าสู่ บทเรียนเรื่องการอ่านจับใจความส าคัญจากบทความ ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ ขั้นกิจกรรมก่อนการอ่าน ขั้น K (What you know) ๘.๓ ผู้เรียนแบ่งกลุ่มภายในชั้นเรียนกลุ่มละ ๓ คน จากนั้นผู้สอนแจกใบกิจกรรม KWL Plus ให้ผู้เรียน ๘.๔ ผู้เรียนทบทวนความรู้เรื่องการอ่านจับใจความส าคัญในชั่วโมงที่แล้ว และผู้สอนทบทวน การอ่านจับใจความส าคัญโดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus ให้ผู้เรียนเข้าใจอีกครั้ง ๘.๕ ผู้เรียนดูข้อความที่ผู้สอนเขียนบนกระดานว่า “กิ้งก่าเปลี่ยนสีเพื่อ พรางตัว จริงหรือ?” ผู้สอนสนทนากับผู้เรียนว่า ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับหัวเรื่องที่ผู้สอนเขียนอย่างไร ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกัน ระดมความคิด โดยการพูดอภิปรายแสดงความคิดเห็น ผู้เรียนเขียนสิ่งที่รู้เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องที่ผู้สอนเขียน บนกระดานบันทึกข้อความลงในใบงาน KWL Plus ในช่อง K
ขั้นที่ ๒ ขั้นกิจกรรมระหว่างการอ่าน ขั้น W (What we want to know) ๘.๖ ผู้เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันตั้งค าถามในสิ่งที่ต้องการรู้จากข้อความ “กิ้งก่าเปลี่ยนสีเพื่อ พรางตัว จริงหรือ ?” ให้บันทึกค าถามลงในใบงาน KWL Plus ในช่อง W ๘.๗ ผู้เรียนอ่านบทความเรื่อง “กิ้งก่าเปลี่ยนสีเพื่อ พรางตัว จริงหรือ?” แล้วหาค าตอบจาก ค าถามที่ตั้งไว้ในช่อง W ถ้าผู้เรียนอ่านพบข้อมูลใหม่ ๆ ผู้เรียนสามารถตั้งค าถามเพิ่มเติมในช่อง W ได้ ขั้น L (What you have learned) ๘.๘ ผู้เรียนบันทึกค าตอบที่ได้จากการตั้งค าถาม ลงในใบงาน KWL Plus ในช่อง L ๘.๙ ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันอภิปรายสิ่งที่ได้เรียนรู้ทั้งหมดจากการอ่านบทความเรื่อง “กิ้งก่าเปลี่ยนสีเพื่อ พรางตัว จริงหรือ?” เพื่อตรวจสอบค าตอบอีกครั้งหนึ่ง ขั้นที่ ๓ ขั้นกิจกรรมหลังการเรียน (Plus) ๘.๑๐ ผู้เรียนน าข้อมูลจากใบงาน KWL Plus มาเรียบเรียงข้อมูลและสรุปข้อมูลเป็นแผนผัง ความคิด ๘.๑๑ ผู้เรียนส่งตัวแทนของกลุ่มตัวเองออกมาน าเสนอแผนผังความคิดที่ผู้เรียนสรุปข้อมูล จากเรื่องที่ศึกษา จากนั้นผู้เรียนรับฟังค าแนะน าหรือค าอธิบายเพิ่มจากผู้สอน ๘.๑๒ ผู้เรียนท ากิจกรรมทบทวนความเข้าใจจากการอ่านจับใจความจากบทความ โดยการ ท ากิจกรรมตอบค าถามผ่าน Quizizz ผู้เรียนคนไหนได้คะแนนเยอะที่สุดได้รับรางวัลพิเศษ ขั้นสรุป ๘.๑๓ ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสรุปความรู้เรื่องการอ่านจับใจความส าคัญจากบทความและ สอบถามประเด็นที่ผู้เรียนสงสัย ๙. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ๙.๑ ใบงาน KWL Plus ๙.๒ Power Point การอ่านจับใจความ ๙.๓ บทความเรื่อง “กิ้งก่าเปลี่ยนสีเพื่อ พรางตัว จริงหรือ?” ๙.๔ กิจกรรมตอบค าถาม Quizizz ๑๐. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ๑๐.๑ การสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนให้เป็นแบบกันเอง ๑๐.๒ ให้ค าแนะน านักเรียนอย่างทั่วถึงและใกล้ชิด ๑๐.๓ การให้ค าชมเชย รางวัลพิเศษ หรือคะแนนพิเศษ
๑๑. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน ๑. ผู้เรียนสามารถบอกใจความ ส าคัญจากบทความ ที่อ่านได้ถูกต้อง (K) การสังเกต พฤติกรรม แบบให้คะแนนการ น าเสนองานแบบ กลุ่ม ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน แบบให้คะแนนการน าเสนอ ผลงานแบบกลุ่มในระดับ ร้อยละ ๘๐ หรือ ดี ขึ้นไป ๒. ผู้เรียนสามารถเขียนแผนผัง ความคิดสรุปใจความส าคัญจาก บทความที่อ่านได้ถูกต้อง (P) การตรวจแผนผัง ความคิด แบบให้คะแนน แผนผังความคิด ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน แบบให้คะแนนแผนผังความคิด ในระดับ ดีขึ้นไป หรือ ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๓. ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นใน การท างาน (A) การส่งงานที่ได้รับ มอบหมาย แผนผังความคิด ความรับผิดชอบงาน มี ๔ ระดับ ดีมาก = ๒ คะแนน ดี = ๑.๕ คะแนน ปานกลาง = ๑ คะแนน น้อย = ๐.๕ คะแนน
๔. ความคิดเห็นครูพี่เลี้ยง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................ ...................................................... ลงชื่อ..................................................... (นางสกลรัตน์ สวยรูป) วันที่............เดือน............พ.ศ. .............. ๕. ความคิดเห็นของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ...................................................................................................................................................................... ........ .......................................................................................................................... .................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................... ..................... ............................................................................................................. ................................................................. ........................................................................................................................ ...................................................... ลงชื่อ..................................................... (นางสาวจีรนันท์ ละม่อมสาย) ผู้อ านวยการสถานศึกษา วันที่............เดือน..............พ.ศ. ..............
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ากิ้งก่า (chameleon) นั้นสามารถเปลี่ยนสีเป็นสีต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นสีที่ ท าให้มันสามารถกลมกลืนกับธรรมชาติรอบ ๆ ตัว เพื่อการพรางตัว ซึ่งอาจจะเป็นการพรางตัวเพื่อล่าเหยื่อ หรืออาจจะเป็นการพรางตัวเพื่อหลีกหนีจากภัยอันตรายต่าง ๆ แต่ว่าการเปลี่ยนสีของกิ้งก่านั้นมีจุดประสงค์อื่น อยู่ นั่นคือเพื่อการสื่อสารกันอีกด้วย ภาพ กิ้งก่าเปลี่ยนสี ที่มา https://pixabay.com/th , FrankWinkler การเปลี่ยนสีของกิ้งก่า การที่กิ้งก่าสามารถเปลี่ยนสีได้เป็นเพราะว่าพวกมันมีเซลล์สะท้อนแสงพิเศษบนผิวหนัง โดยในเซลล์ ดังกล่าว มีสิ่งที่เรียกว่า นาโนคริสตัล (Nanocrystal) อยู่ ซึ่งเจ้านาโนคริสตัลเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นปริซึม สะท้อนแสงเล็ก ๆ ที่มีรูปร่างและขนาดแตกต่างกัน โดยที่กิ้งก่า สามารถจัดเรียงแก้ว คริสตัลเล็ก ๆ เหล่านี้ให้ สะท้อนคลื่นแสงที่มีความยาวต่างกันได้ เราจึงเห็นเป็นสีที่ต่างกัน แล้วกิ้งก่าเปลี่ยนสีท าไม? แน่นอนว่าเมื่อพวกมันอยู่ในป่า ความสามารถนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในเรื่องของการอ าพรางตัว แต่ว่า ความสามารถนี้ก็มีจุดประสงค์อย่างอื่นอีก นั่นก็คือเพื่อสื่อสารถึงกันและกัน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อพวกกิ้งก่าตัวผู้ ต้องการเรียกร้องความสนใจจากตัวเมีย ก็จะท าการเปลี่ยนสีตัวเองให้เป็นสีสันที่สดใสและสวยงามอย่าง สีเหลือง สีแดง และสีส้ม แต่เมื่อพวกมันต้องท าการต่อสู้กัน เช่นเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาณาเขต พวกมันจะ เปลี่ยนสีให้ตัวเองเป็นสีที่ดูแล้วน่ากลัว มีอ านาจ หรือเป็นสีที่แสดงความเกรี้ยวโกรธใส่กัน เพราะฉะนั้น กิ้งก่า ไม่ได้เพียงแต่เปลี่ยนสีของตัวเองเพื่อการอ าพรางตัวเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนสีเพื่อเป็นการสื่อสารถึงกันอีกด้วย และบางทีนี่อาจจะเป็นจุดประสงค์หลักของการเปลี่ยนสีของกิ้งก่าก็เป็นได้ บทความเรื่อง กิ้งก่าเปลี่ยนสีเพื่อ พรางตัว จริงหรือ?
หุ่นยนต์กิ้งก่า ในตอนนี้มีงานวิจัยที่สามารถสร้างหุ่นยนต์ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนสีได้คล้ายกีบการเปลี่ยนสี ของกิ้งก่าได้แล้ว โดยพวกเค้าเป็นทีมวิศวกรที่มหาวิทยาลัยอู่ฮั่นในประเทศจีน ที่สามารถประดิษฐ์หุ่นยนต์ที่ สามารถเปลี่ยนสีผิวให้เหมือนกับสีพื้นหลังของสิ่งแวดล้อมได้เหมือนกิ้งก่า โดยหวังว่าจะน ามาช่วยพัฒนา เทคโนโลยีการพรางตัวในอนาคต โดยหุ่นยนต์ดังกล่าวสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ โดยมีผิวเป็น จอพลาสมาที่ผลิตแสงสีต่าง ๆ ได้ด้วยไฟฟ้า การเปลี่ยนสีผิวนั้นใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) โดยเซ็นเซอร์ที่ผิวหุ่นยนต์จะตรวจจับแสงสีในสภาพแวดล้อม แล้วน าข้อมูลมา ประมวลผล เพื่อการเปลี่ยนโทนสีผิวให้ตรงกับสีที่ตรวจพบ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หุ่นยนต์กิ้งก่าพรางตัวยังอยู่ใน ระหว่างการพัฒนาขั้นต้น ท าให้เปลี่ยนสีได้ตามฉากพื้นหลังเพียง 3 สี คือแดง เขียว และน้ าเงินเท่านั้น แต่ใน อนาคต เทคโนโลยีนี้จะสามารถใช้กับสภาพแวดล้อมที่มีความซับซ้อน และอาจน าไปสู่การพัฒนาระบบ ตรวจจับขั้นสูงสามารถใช้ได้กับทุกสี แหล่งที่มา DMCTODAY. (2559, 17 กุมภาพันธ์). หุ่นยนต์กิ้งก่าพรางตัว. สืบค้นเมื่อ ๒๗ มิถุนายน 256๓, จาก http://dmctoday.blogspot.com/2016/02/blog-post_643.html BBCNEWS. (2561, 23 สิงหาคม). กิ้งก่าเปลี่ยนสีเพื่ออะไร? อ าพรางตัวหรือสื่อสารถึงกันและ กัน. สืบค้นเมื่อเมื่อ ๒๗ มิถุนายน 256๓ , จาก https://www.bbc.com/thai/international-45287013
แบบประเมินแผนผังความคิด ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ ที่ ชื่อ – สกุล เกณฑ์การให้คะแนน รวม (๒๐) หมายเหตุ ความ ครบถ้วน ของเนื้อหา (๔) ความ ถูกต้องของ เนื้อหา (๔) การใช้ ภาษา (๔) ความ สวยงาม (๔) ความ สะอาด เรียบร้อย (๔) ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐ ๒๒ ๒๓ ๒๔ ๒๕ ลงชื่อ........................................................ผู้ประเมิน ................../..................../...................