80
ตัวอย่างบัตรค าธาต ุ
1.008 4.0026 6.94 9.0122 10.81
H He Li Be B
1 ไฮโรเจน 2 ฮีเลียม 3 ลิเทียม 4 เบริลเลียม 5 โบรอน
12.011 14.007 15.999 18.998 20.180
C N O F Ne
6 คาร์บอน 7 ไนโตรเจน 8 อ อกซิเจน 9 ฟลูออรีน 10 นีออน
22.990 24.305 26.982 28.085 30.974
Na Mg Al Si P
11 โซเดียม 12 แมกนีเซียม 13 อะลูมิเนียม 14 ซิลิคอน 15 ฟอสฟอรัส
32.06 35.45 39.948 39.098 40.078
S Cl Ar K Ca
16 ก ามะถัน 17 คลอรีน 18 อาร์กอน 19 โพแทสเซียม 20 แคลเซียม
44.956 47.867 50.942 51.996 54.938
Sc Ti V Cr Mn
21 สแกนเดียม 22 ไทเทเนียม 23 วาเนเดียม 24 โครเมียม 25 แมงกานีส
55.845 58.933 58.693 63.546 65.38
Fe Co Ni Cu Zn
26 ไอร์ออน(เหล็ก) 27 โคบอลต ์ 28 นิกเกิล 29 คอปเปอร์ (ทองแดง) 30 ซิงค์ (สังกะสี)
69.723 72.630 74.922 78.971 79.904
Ga Ge As Se Br
31 แกลเลียม 32 เจอร์เมเนียม 33 สารหน ู 34 ซีลิเนียม 35 โบรมีน
83.798 85.468 87.62 88.906 91.224
Kr Rb Sr Y Zr
36 คริปทอน 37 รูบิเดียม 38 สตรอนเซียม 39 อิตเทรียม 40 เซอร์โคเนียม
92.906 95.95 98 101.07 102.91
Nb Mo Tc Ru Rh
41 ไนโอเบียม 42 โมลิบดีนัม 43 เทคนีเซียม 44 รูทีเนียม 45 โรเดียม
106.42 107.87 112.41 114.82 118.71
Pd Ag Cd In Sn
46 แพลเลเดียม 47 เงิน 48 แคดเมียม 49 อินเดียม 50 ทิน (ดีบุก)
81
121.76 127.60 126.90 131.29 132.91
Sb Te I Xe Cs
51 พลวง 52 เทลลูเรียม 53 ไอโอดีน 54 ซีนอน 55 ซีเซียม
137.33 174.97 178.49 180.95 183.84
Ba Lu Hf Ta W
56 แบเรียม 71 ลูทิเทียม 72 แฮฟเนียม 73 แทนทาลัม 74 ทังสเตน
186.21 190.23 192.22 195.08 196.97
Re Os Ir Pt Au
75 รีเนียม 76 ออสเมียม 77 อิริเดียม 78 แพลทินัม 79 ทองค า
200.59 204.38 207.20 208.98 209
Hg Tl Pb Bi Po
80 ปรอท 81 แทลเลียม 82 เลท(ตะกั่ว) 83 บิสมัท 84 พอโลเนียม
210 222 223 226 230.03
At Rn Fr Ra U
85 แอสทาทิน 86 เรดอน 87 แฟรนเซียม 88 แทลเลียม 92 ยูเรเนียม
232.04
Th
90 ทอเรียม
82
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ
รายวิชา ว31104 วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เวลา 1 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ อากาศ รวม 5 ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรียนรวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1
ู้
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกิดปฏิกิริยาเคมี
2. ตัวชี้วัด
ว 2.1 ม.5/7 สืบค้นข้อมูลและน าเสนอตัวอย่างประโยชน์และอันตรายที่เกิดจากธาตุเรพรีเซนเททีฟและ
ธาตุแทรนซิชัน
3. จุดประสงค์การเรียนร ู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนบอกประโยชน์ของแก๊สในอากาศได ้
2) ยกตัวอย่างสารมลพิษในอากาศ รวมถึงแหล่งก าเนิดและผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนสืบค้นข้อมูลและน าเสนอประโยชน์และอันตรายของธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิชัน
ได ้
3.3 ด้านคุณลักษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการท างาน
4. สาระส าคัญ
อากาศเป็นสารผสมประกอบด้วยแก๊สหลายชนิดในปริมาณ ที่แตกต่าง อยู่ในรูปของอะตอมและโมเลกุล
โดยสารที่อยู่ในรูปอะตอมจัดเป็นธาตุเสมอ ส่วนสารที่อยู่ในรูปโมเลกุลอาจเป็นธาตุหรือสารประกอบก็ได้ อะตอมเป็น
หน่วยย่อยของสารเคมี ภายในอะตอมประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน ซึ่งมีจ านวนที่แตกต่างกันใน
ธาตุแต่ละชนิด ส่งผลให้ธาตุแต่ละชนิดมีมวลและสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกัน โดยโปรตอนและนิวตรอนรวมกันอยู่ใน
นิวเคลียส ส่วนอิเล็กตรอนเคลื่อนที่รอบนิวเคลียส แบบจ าลองอะตอมของโบร์เสนอว่า อิเล็กตรอนเคลื่อนที่รอบ
นิวเคลียสเป็นวง ส่วนแบบจ าลองอะตอมแบบกลุ่มหมอกเสนอว่า อิเล็กตรอนเคลื่อนที่รอบนิวเคลียสในลักษณะ
83
ุ
กลุ่มหมอก อะตอมของธาตต่างชนิดกันมีจ านวนโปรตอนไม่เท่ากัน อะตอมเป็นกลางทาง ไฟฟูาเมื่ออะตอมของธาตุ
มีการให้หรือรับอิเล็กตรอนท าให้เกิดไอออน สัญลักษณ์นิวเคลียร์ แสดงชนิดและจ านวนอนุภาคใน อะตอมของธาตุ
ธาตุชนิดเดียวกันที่มีเลขมวลต่างกันเป็นไอโซโทปกัน ตารางธาตุจัดเรียงธาตุตามเลขอะตอมและสมบัติที่คล้ายคลึง
กันของธาตุ แบ่งธาตุออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ และกลุ่มธาตุแทรนซิชัน และยังสามารถแบ่งธาต ุ
ออกเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดยธาตุที่เป็นองค์ประกอบของแก๊สในอากาศส่วนใหญ่เป็นธาตุอโลหะ
แก๊สหลายชนิดในอากาศน ามาใช้ประโยชน์ได้มาก แต่บางชนิดเป็นพิษโดยส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์และ
สิ่งแวดล้อม
5. สาระการเรียนร ู้
5.1 ความรู้
1) แก๊สออกซิเจน
- บรรจุในถังช่วยหาใจส าหรับผู้ปุวย นักประดาน้ า และนักบินอวกาศ
- รักษาโรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน
- ท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C H ) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและ
2 2
เชื่อมเหล็ก
- เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิงในจรวดและเครื่องบินไอพ่น
2) แก๊สไนโตรเจน
- บรรจุในถุงขนม เพื่อปูองกันความชื้นและออกซิเจน คงความกรุบกรอบ และคุณภาพ
อาหาร
- ปูองกันการเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือชิ้นงานในอุตสาหกรรม
กับแก๊สออกซิเจนในอากาศ
- เป็นสารตั้งต้นในการผลิตปุ๋ยไนโตรเจน
- ท าให้เป็นไนโตรเจนเหลวที่ใช้ในกระบวนการผลิตอาหารแช่แข็ง และการเก็บรักษา
น้ าเชื้อหรือตัวอ่อน
3) แก๊สมีสกุล
- แก๊สฮีเลียมน าไปบรรจุในลูกโปุงสวรรค์
- แก๊สนีออนและซีนอนใช้บรรจุในหลอดไฟที่ให้แสงสีต่าง ๆ
- แก๊สอาร์กอนใช้บรรจุในหลอดไฟแบบมีไส้ เพื่อปูองกันไส้หลอดท าปฏิกิริยากับออกซิเจน
ในอากาศ แล้วเกิดการลุกไหม้
4) นอกจากมีการใช้ประโยชน์ของธาตุที่อยู่ในอากาศแล้ว ธาตุอื่นๆ ในตารางธาตุยังสามารถ
น ามาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ าวันและในอุตสาหกรรมได้อีกมากมาย เช่น เหล็ก (Fe) เป็นโลหะที่มีความ
แข็งแรง จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง มีความเป็นพิษต่ า นิยมน ามาใช้ท าเป็นโครงสร้างพื้นฐานอาคารและ
ยานพาหนะ สังกะสี (Zn) นิยมน ามาเคลือบเหล็กเพื่อปูองกันการเกิดสนิม ไอโอดีน (I) ใช้ผสมในน้ ายาฆ่า
เชื้อส าหรับใส่แผล
84
5) มลพิษทางอากาศ
อากาศที่มีปริมาณของฝุุนละออง แก๊สพิษ ควัน เขม่า มากเกินไปจนส่งผลกระทบที่เป็น
อันตราต่อสุขภาพจะท าให้เกิดมลพิษทางอากาศ ซึ่งอาจเกิดขึ้นธรรมชาติ เช่น ภูเขาไฟระเบิด ไฟปุา หรือ
เกิดจาการกระท าของมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงในรถยนต์ การปล่อยแก๊สจากโรงงานอุตสาหกรรม
การเผาขยะ การก่อสร้าง ดังตัวอย่างในตาราง 1.3
ตาราง 1.3 ตัวอย่างสารมลพิษ แหล่งก าเนิด และผลกระทบ
สารมลพิษ แหล่งก าเนิด ผลกระทบ
์
แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด การเผาไหม้เชื้อเพลิงใน ท าให้เกิดอาการมึนงง วิงเวียน
เครื่องยนต ์ ศีรษะ และหากได้รับปริมาณมาก
การเผาขยะ อาจถึงขั้นเสียชีวิต
ไฟปุา
์
แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด การเผาไหม้ถ่านหิน ระคายเคืองตา ผิวหนัง และหาก
ภูเขาไฟระเบิด สูดดมเข้าไปมาก อาจท าให้ระบบ
การหายใจผิดปกติ และเป็นสาเหต ุ
ของการเกิดฝนกรด
ออกไซด์ของไนโตรเจน การเผาไหม้เชื้อเพลิงใน ระคายเคืองต่อระบบทางเดิน
เครื่องยนต ์ หายใจ และเป็นสาเหตุของการเกิด
การเผาไหม้สารอินทรีย์ในเตาเผา ฝนกรด
ไฟปุา
แก๊สโอโซน การท าปฏิกิริยาเคมีของ ท าให้เกิดอาการไอ จาม หายใจ
สารอินทรีย์ระเหยง่าย กับ ผิดปกติ เป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็น
ออกไซด์ของไนโตรเจนในอากาศ โรคหอบหืด และโรคระบบทางเดิน
หายใจ
ปรอท การเผาไหม้ถ่านหิน หากสะสมในปริมาณมาก ระบบ
การเผาขยะ ประสาทจะถูกท าลาย ผู้ปุวยจะ
โรงงานผลิตแบตเตอรี่ อ่อนเพลีย ซึมเศร้า มือเท้าไม่มี
การถลุงโลหะ เรี่ยวแรง ตาพร่ามัว สูญเสียการได ้
ยิน พิการ และรุนแรงถึงขั้น
เสียชีวิต
ตะกั่ว การเผาไหม้น้ ามันที่มีส่วนผสม ท าลายระบบประสาท มีผลต่อ
ของสารตะกั่ว พัฒนาการทางสมองของทารก
การถลุงแร่โลหะ เป็นสาเหตุของโรคโลหิตจาง และ
โรงงานผลิตแบตเตอรี่ โรคไต
ฝุุนละออง การเผาไหม้ถ่านหินและเชื้อเพลิง ระคายเคืองตา หากสะสมภายใน
ชีวมวล โพรงจมูกเป็นเวลานาน อาจเกิด
การเผาขยะ การอักเสบเรื้อรัง
การก่อสร้าง
85
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์)
5.3 คุณลักษณะและค่านิยม
ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการท างาน
6. บูรณาการ
-
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ
1.1 ครูทบทวนบทเรียนที่ผ่านมา เรื่อง ตารางธาตุ
1.2 ครูน าเข้าสู่บทเรียนโดยตั้งค าถาม เพื่อน าเข้าสกิจกรรม
ู่
1) นักเรียนคิดว่าธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิซันมีประโยชน์และอันตรายหรือไม่
2) นักเรียนจงยกตัวอย่างสารพิษในอากาศ หรือแก๊สพิษ
ขั้นที่ 2 ขั้นส ารวจและค้นหา
2.1 ครูน าเข้าสู่บทเรียนโดยเกริ่นน าว่า ธาตุหลายชนิดในตารางธาตุมีสถานะเป็นแก๊สและเป็นองค์
ประกอบส าคัญของอากาศ เช่น แก๊สออกซิเจน แก๊สไนโตรเจน แก๊สมีสกุล ซึ่งมีการน ามาใช้ประโยชน์
หลากหลาย
2.2 ครูให้นักเรียนทุกคนศึกษาค้นคว้าข้อมูลในหนังสือเรียน หน้า 16 – 20 แล้วนักเรียนท าใบงาน
เรื่อง การใช้ประโยชน์ของแก๊สในอากาศและมลพิษทางอากาศ
2.3 แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 5-6 กลุ่ม นักเรียนแต่ละกลุ่มท ากิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ
ประโยชน์ และอันตรายของธาต ุ
ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป
3.1 ครูน านักเรียนอภิปราย โดยการตั้งค าถาม เพื่อสรุปบทเรียน ดังนี้
1) แก๊สใดบ้างที่น ามาใช้ประโยชน์ทางอากาศ (แนวการตอบ แก๊สไนโตรเจน (N ) แก๊ส
2
ออกซิเจน (O ) และแก๊สมีสกุล)
2
2) แก๊สใดบรรจุในถังช่วยหายใจส าหรับผู้ปุวย (แนวการตอบ แก๊สออกซิเจน (O ))
2
3) แก๊สใดท าปฏิกิริยากับแก๊สอะเซทิลีน เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูง (แนวการตอบ แก๊ส
ออกซิเจน (O ))
2
4) แก๊สใดบรรจุในถุงขนม เพื่อปูองกันความชื้นและออกซิเจน คงความกรุบกรอบ
86
(แนวการตอบ แก๊สไนโตรเจน (N ))
2
5) แก๊สใดที่น าไปบรรจุในลูกโปุงสวรรค์ (แนวการตอบ แก๊สฮีเลียม (He))
6) จงบอกผลกระทบของแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด (แนวการตอบ ท าให้เกิดอาการมึนงง
์
วิงเวียนศีรษะ และหากได้รับปริมาณมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิต)
7) จงบอกแหล่งก าเนิดของปรอท (แนวการตอบการเผาไหม้ถ่านหิน การเผาขยะ
โรงงานผลิตแบตเตอรี่ และการถลุงโลหะ)
ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครูสรุปเนื้อหาในบทเรียนทั้งหมดในหนังสือ หน้า 20
ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล
5.1 ครูตรวจใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์ของแก๊สในอากาศและมลพิษทางอากาศ
5.2 ครูตรวจใบกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาต ุ
ประยุกต์และตอบแทนสังคม
ครูให้นักเรียนแต่ละคนน าความรู้ที่เรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมที่ห้องสมุด หรือเว็บไซต์ แล้วน าเสนอใน
ชั้นเรียน
ู้
8. สื่อการเรียนร/แหล่งเรียนร ู้
8.1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 1
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)
8.2 ใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์ของแก๊สในอากาศและมลพิษทางอากาศ
8.3 ใบกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาต
ุ
8.4 อินเทอร์เน็ต หรือ ห้องสมุด
87
9. การวัดและประเมินผล
จุดประสงค์การเรียนร ู้ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนบอกประโยชน์ของแก๊สในอากาศ 1) ตรวจใบงาน เรื่อง 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนสามารถ
้
ได ้ การใชประโยชน์ของ ท ากิจกรรม ตอบค าถามในใบงาน
2) ยกตัวอย่างสารมลพิษในอากาศ รวมถึง แก๊สในอากาศและ 2) ใบงาน เรื่อง การ ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
แหล่งก าเนิดและผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและ มลพิษทางอากาศ ใช้ประโยชน์ของแก๊ส
สิ่งแวดล้อม ในอากาศและมลพิษ
ทางอากาศ
ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนสืบค้นข้อมูลและน าเสนอ 1) ตรวจใบกิจกรรม 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนสามารถ
ประโยชน์และอันตรายของธาตุเรพรีเซนเท 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ท ากิจกรรม สรุปเนื้อหาที่ได้จาก
ทีฟและธาตุแทรนซิชันได ้ ประโยชน์ และ 2) ใบกิจกรรม 1.2 การศึกษาค้นคว้า
อันตรายของธาต ุ สืบค้นข้อมูลสมบัติ ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
ประโยชน์ และ
อันตรายของธาต ุ
ด้านคุณลักษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการ 1) ตรวจใบงาน เรื่อง 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนท าภาระ
ท างาน การใชประโยชน์ของ ท ากิจกรรม งานที่ได้รับมอบหมาย
้
แก๊สในอากาศและ ไดระดับดี ผ่านเกณฑ์
้
มลพิษทางอากาศ
2) ตรวจใบกิจกรรม
1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ
ประโยชน์ และ
อันตรายของธาต ุ
88
10. เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรียน
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการท ากิจกรรม เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ
ประเด็นการ ค่าน้ าหนัก
ประเมิน คะแนน แนวทางการให้คะแนน
ด้านความรู้ 3 ตอบค าถามถูกต้องครบถ้วน จ านวน 7-10 ข้อ
(K) 2 ตอบค าถามถูกต้องครบถ้วน จ านวน 4-6 ข้อ
1 ตอบค าถามถูกต้องครบถ้วน จ านวน 1-3 ข้อ หรือไม่ถูกต้อง
ด้าน 3 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาตได้ถูกต้องครบถ้วน
ุ
กระบวนการ 2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาตได้ค่อนข้างถูกต้องครบถ้วน
ุ
(P) 1 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาตุ แต่ไม่ครบถ้วน
ด้าน 3 ท าภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่ก าหนด และเรียบร้อยถูกต้องครบถ้วน
คุณลักษณะ 2 ท าภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่ก าหนด แต่งานยังผิดพลาดบางส่วน
(A) 1 ท าภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางส่วน
ระดับคะแนน
คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดับด ี
คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช ้
89
การประเมินการท ากิจกรรม เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ
จุดประสงค์การเรียนร ู้
ด้าน ด้าน รวม
ด้านความรู้ ระดับ
ที่ ชื่อ - นามสกุล กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน
(K) คุณภาพ
(P) (A)
3 3 3 9
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
90
จุดประสงค์การเรียนร ู้
ด้าน ด้าน รวม
ด้านความรู้ ระดับ
ที่ ชื่อ - นามสกุล กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน
(K) คุณภาพ
(P) (A)
3 3 3 9
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดับคุณภาพ
คะแนน 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดับด ี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดับปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรับปรุง
91
บันทึกหลังการสอน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง อากาศ ใ
แผนการสอนที่ 5 เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ .
ใ
วันที่ เดือน พ.ศ. ใ
ผลการจัดการเรียนร ู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หัวหน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวนิลนิกา แก้วปัญญา) (นางนพรัตน์ ครุฑเกิด)
92
ชื่อ ชั้น เลขที่ ‘
ใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ
1. ให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากอากาศในหนังสือเรียน พร้อมตอบค าถามให้ถูกต้อง
1.1 แก๊สออกซิเจนสามารถน าไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
- บรรจุในถังช่วยหาใจส าหรับผู้ปุวย นักประดาน้ า และนักบินอวกาศ อ
- รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v
- ท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v
- บรรจุในถังช่วยหาใจส าหรับผู้ปุวย นักประดาน้ า และนักบินอวกาศ อ
- รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v
- ท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v
1.2 แก๊สไนโตรเจนสามารถน าไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
- บรรจุในถังช่วยหาใจส าหรับผู้ปุวย นักประดาน้ า และนักบินอวกาศ อ
- รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v
- ท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v
- บรรจุในถังช่วยหาใจส าหรับผู้ปุวย นักประดาน้ า และนักบินอวกาศ อ
- รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v
- ท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v
1.3 แก๊สสกุลสามารถน าไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
- แก๊สฮีเลียมน าไปบรรจุในลูกโปุงสวรรค์ v
- บรรจุในถังช่วยหาใจส าหรับผู้ปุวย นักประดาน้ า และนักบินอวกาศ อ
- รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v
- ท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v
- บรรจุในถังช่วยหาใจส าหรับผู้ปุวย นักประดาน้ า และนักบินอวกาศ อ
- รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v
- ท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v
93
2. ให้นักเรียนศึกษาตารางสารมลพิษ แหล่งก าเนิด และผลกระทบในหนังสือเรียน พร้อมเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
สารมลพิษ แหล่งก าเนิด ผลกระทบ
แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด ์ การเผาไหม้เชื้อเพลิงใน
เครื่องยนต ์
การเผาขยะ
ไฟปุา
แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด ์ ระคายเคืองตา ผิวหนัง และหาก
สูดดมเข้าไปมาก อาจท าให้ระบบ
การหายใจผิดปกติ และเป็นสาเหต ุ
ของการเกิดฝนกรด
การเผาไหม้เชื้อเพลิงใน ระคายเคืองต่อระบบทางเดิน
เครื่องยนต ์ หายใจ และเป็นสาเหตุของการเกิด
การเผาไหม้สารอินทรีย์ในเตาเผา ฝนกรด
ไฟปุา
การท าปฏิกิริยาเคมีของ
สารอินทรีย์ระเหยง่าย กับ
ออกไซด์ของไนโตรเจนในอากาศ
หากสะสมในปริมาณมาก ระบบ
ประสาทจะถูกท าลาย ผู้ปุวยจะ
อ่อนเพลีย ซึมเศร้า มือเท้าไม่มี
เรี่ยวแรง ตาพร่ามัว สูญเสียการได ้
ยิน พิการ และรุนแรงถึงขั้น
เสียชีวิต
ตะกั่ว ท าลายระบบประสาท มีผลต่อ
พัฒนาการทางสมองของทารก
เป็นสาเหตุของโรคโลหิตจาง และ
โรคไต
ฝุุนละออง
94
กลุ่มที่ ชั้น เลขที่ ‘
ุ
ใบกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาต
ค าชี้แจง เลือกธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิชันที่สนใจมาชนิดละ 2 ธาตุ ระบุชื่อ สัญลักษณ์ธาตุ เลขอะตอม
และสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติทางกายภาพ สมบัติทางเคมี ประโยชน์ และอันตรายของธาตุนั้น จากนั้นน าเสนอ
หน้าชั้นเรียนและอภิปรายร่วมกัน
1. ธาตุเรพรีเซนเททีฟที่เลือก คือ อะลูมิเนียม และ ซิลิคอน ท
1.1 อะลูมิเนียม (Aluminium) b
สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Al อ
เลขอะตอม เท่ากับ 13 อ
สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเทาเงิน มีความหนาแน่นต่ า เหนียวและแข็ง ดัดโค้งงอได้ ทุบให้เป็น
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
ี
สมบัติทางเคม เกิดปฏิกิริยากับอากาศอย่างรวดเร็วได้เป็นสารประกอบออกไซด์ของอะลูมิเนียม b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
ประโยชน์ ใช้ท าาอุปกรณ์ไฟฟูา เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน ห่ออาหาร และห่อของใช้ ท าโลหะเจือที่ใช้เป็น
์
ส่วนประกอบของเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต v
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
อันตราย อะลูมิเนียมสามารถสะสมอยู่ในร่างกาย และสารประกอบของอะลูมิเนียมบางชนิด เป็นพิษต่อ
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม n
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
95
1.2 อะลูมิเนียม (Aluminium) b
สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Al อ
เลขอะตอม เท่ากับ 13 อ
สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเทาเงิน มีความหนาแน่นต่ า เหนียวและแข็ง ดัดโค้งงอได้ ทุบให้เป็น
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
สมบัติทางเคม เกิดปฏิกิริยากับอากาศอย่างรวดเร็วได้เป็นสารประกอบออกไซด์ของอะลูมิเนียม b
ี
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
ประโยชน์ ใช้ท าาอุปกรณ์ไฟฟูา เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน ห่ออาหาร และห่อของใช้ ท าโลหะเจือที่ใช้เป็น
์
ส่วนประกอบของเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต v
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
อันตราย อะลูมิเนียมสามารถสะสมอยู่ในร่างกาย และสารประกอบของอะลูมิเนียมบางชนิด เป็นพิษต่อ
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม n
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
96
ุ
2. ธาตแทรนซิซันที่เลือก คือ โครเนียม และ ทองแดง ท
2.1 อะลูมิเนียม (Aluminium) b
สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Al อ
เลขอะตอม เท่ากับ 13 อ
สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเทาเงิน มีความหนาแน่นต่ า เหนียวและแข็ง ดัดโค้งงอได้ ทุบให้เป็น
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
สมบัติทางเคม เกิดปฏิกิริยากับอากาศอย่างรวดเร็วได้เป็นสารประกอบออกไซด์ของอะลูมิเนียม b
ี
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
ประโยชน์ ใช้ท าาอุปกรณ์ไฟฟูา เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน ห่ออาหาร และห่อของใช้ ท าโลหะเจือที่ใช้เป็น
์
ส่วนประกอบของเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต v
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
อันตราย อะลูมิเนียมสามารถสะสมอยู่ในร่างกาย และสารประกอบของอะลูมิเนียมบางชนิด เป็นพิษต่อ
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม n
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
97
2.2 อะลูมิเนียม (Aluminium) b
สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Al อ
เลขอะตอม เท่ากับ 13 อ
สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเทาเงิน มีความหนาแน่นต่ า เหนียวและแข็ง ดัดโค้งงอได้ ทุบให้เป็น
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
สมบัติทางเคม เกิดปฏิกิริยากับอากาศอย่างรวดเร็วได้เป็นสารประกอบออกไซด์ของอะลูมิเนียม b
ี
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
ประโยชน์ ใช้ท าาอุปกรณ์ไฟฟูา เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน ห่ออาหาร และห่อของใช้ ท าโลหะเจือที่ใช้เป็น
ส่วนประกอบของเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต v
์
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
อันตราย อะลูมิเนียมสามารถสะสมอยู่ในร่างกาย และสารประกอบของอะลูมิเนียมบางชนิด เป็นพิษต่อ
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม n
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
98
ี่
ชื่อ ชั้น เลขท ‘
เฉลยใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ
1. ให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากอากาศในหนังสือเรียน พร้อมตอบค าถามให้ถูกต้อง
1.1 แก๊สออกซิเจนสามารถน าไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
- บรรจุในถังช่วยหาใจส าหรับผู้ปุวย นักประดาน้ า และนักบินอวกาศ อ
- รักษาโรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v
- ท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v
- เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิงในจรวดและเครื่องบินไอพ่น j
- ท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v
- เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิงในจรวดและเครื่องบินไอพ่น j
1.2 แก๊สไนโตรเจนสามารถน าไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
- บรรจุในถุงขนม เพื่อปูองกันความชื้นและออกซิเจน คงความกรุบกรอบ และคุณภาพอาหาร v
- ปูองกันการเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือชิ้นงานในอุตสาหกรรมกับแก๊สออกซิเจนใน
อากาศ อ
- เป็นสารตั้งต้นในการผลิตปุ๋ยไนโตรเจน v
- ท าให้เป็นไนโตรเจนเหลวที่ใช้ในกระบวนการผลิตอาหารแช่แข็ง และการเก็บรักษาน้ าเชื้อหรือตัวอ่อน b
- ท าให้เป็นไนโตรเจนเหลวที่ใช้ในกระบวนการผลิตอาหารแช่แข็ง และการเก็บรักษาน้ าเชื้อหรือตัวอ่อน b
- ท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v
- เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิงในจรวดและเครื่องบินไอพ่น j
1.3 แก๊สสกุลสามารถน าไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
- แก๊สฮีเลียมน าไปบรรจุในลูกโปุงสวรรค์ v
- แก๊สนีออนและซีนอนใช้บรรจุในหลอดไฟที่ให้แสงสีต่าง ๆ f
- แก๊สอาร์กอนใช้บรรจุในหลอดไฟแบบมีไส้ เพื่อปูองกันไส้หลอดท าปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ แล้วเกิดการ
ลุกไหม้l v
- ท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v
- เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิงในจรวดและเครื่องบินไอพ่น j
99
2. ให้นักเรียนศึกษาตารางสารมลพิษ แหล่งก าเนิด และผลกระทบในหนังสือเรียน พร้อมเติมข้อความลงใน
ช่องว่างให้ถูกต้อง
สารมลพิษ แหล่งก าเนิด ผลกระทบ
แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด ์ การเผาไหม้เชื้อเพลิงในเครื่องยนต ์ ท าให้เกิดอาการมึนงง วิงเวียน
การเผาขยะ ศีรษะ และหากได้รับปริมาณมาก
อาจถึงขั้นเสียชีวิต
ไฟปุา
แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด ์ การเผาไหม้ถ่านหิน ระคายเคืองตา ผิวหนัง และหาก
ภูเขาไฟระเบิด สูดดมเข้าไปมาก อาจท าให้ระบบ
การหายใจผิดปกติ และเป็น
สาเหตุของการเกิดฝนกรด
ออกไซด์ของไนโตรเจน การเผาไหม้เชื้อเพลิงในเครื่องยนต ์ ระคายเคืองต่อระบบทางเดิน
การเผาไหม้สารอินทรีย์ในเตาเผา หายใจ และเป็นสาเหตุของการ
เกิดฝนกรด
ไฟปุา
แก๊สโอโซน การท าปฏิกิริยาเคมีของสารอินทรีย์ ท าให้เกิดอาการไอ จาม หายใจ
ระเหยง่าย กับออกไซด์ของ ผิดปกติ เป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็น
ไนโตรเจนในอากาศ โรคหอบหืด และโรคระบบ
ทางเดินหายใจ
ปรอท การเผาไหม้ถ่านหิน หากสะสมในปริมาณมาก ระบบ
การเผาขยะ ประสาทจะถูกท าลาย ผู้ปุวยจะ
อ่อนเพลีย ซึมเศร้า มือเท้าไม่มี
โรงงานผลิตแบตเตอรี่
เรี่ยวแรง ตาพร่ามัว สูญเสียการ
การถลุงโลหะ
ได้ยิน พิการ และรุนแรงถึงขั้น
เสียชีวิต
ตะกั่ว การเผาไหม้น้ ามันที่มีส่วนผสมของ ท าลายระบบประสาท มีผลต่อ
สารตะกั่ว พัฒนาการทางสมองของทารก
การถลุงแร่โลหะ เป็นสาเหตุของโรคโลหิตจาง
และโรคไต
โรงงานผลิตแบตเตอรี่
ฝุุนละออง การเผาไหม้ถ่านหินและเชื้อเพลิงชีว ระคายเคืองตา หากสะสมภายใน
มวล โพรงจมูกเป็นเวลานาน อาจเกิด
การเผาขยะ การอักเสบเรื้อรัง
การก่อสร้าง
100
ี่
ี่
กลุ่มท ชั้น เลขท ‘
เฉลย ใบกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาต
ุ
ค าชี้แจง เลือกธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิชันที่สนใจมาชนิดละ 2 ธาตุ ระบุชื่อ สัญลักษณ์ธาตุ เลขอะตอม
และสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติทางกายภาพ สมบัติทางเคมี ประโยชน์ และอันตรายของธาตุนั้น จากนั้นน าเสนอ
หน้าชั้นเรียนและอภิปรายร่วมกัน
ตัวอย่างผลการสืบค้นข้อมูล
1. ธาตุเรพรีเซนเททีฟที่เลือก คือ อะลูมิเนียม และ ซิลิคอน ท
1.1 อะลูมิเนียม (Aluminium) b
สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Al อ
เลขอะตอม เท่ากับ 13 อ
สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเทาเงิน มีความหนาแน่นต่ า เหนียวและแข็ง ดัดโค้งงอได้ ทุบให้เป็น
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
ี
สมบัติทางเคม เกิดปฏิกิริยากับอากาศอย่างรวดเร็วได้เป็นสารประกอบออกไซด์ของอะลูมิเนียม b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
ประโยชน์ ใช้ท าอุปกรณ์ไฟฟูา เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน ห่ออาหาร และห่อของใช้ ท าโลหะเจือที่ใช้เป็น
ส่วนประกอบของเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต์ v
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
อันตราย อะลูมิเนียมสามารถสะสมอยู่ในร่างกาย และสารประกอบของอะลูมิเนียมบางชนิด เป็นพิษต่อ
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม n
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
101
1.2 ซิลิคอน (Silicon) b
สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Si อ
เลขอะตอม เท่ากับ 14 อ
สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็งสีเทาเหลือบฟูา เป็นมันเงา b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
ี
สมบัติทางเคม เกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนได้สารประกอบออกไซด์ที่มีความเสถียร b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
ประโยชน์ ใช้ในอุตสาหกรรมท าแก้ว เส้นใยแก้วและเส้นใยน าแสง เป็นสารกึ่งตัวน าในวงจรไฟฟูา ขนาด
เล็ก และใช้ท าอุปกรณ์ไฟฟูา เช่น ไมโครคอมพิวเตอร์ วิทยุ โทรทัศน์ เซลล์สุริยะ v
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
อันตราย การสูดดมผงซิลิเกตซึ่งเป็นสารประกอบออกไซด์ของซิลิคอนที่อยู่ในแร่ใยหินจะเป็น อันตรายต่อ
ปอด n
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
102
2. ธาตแทรนซิซันที่เลือก คือ โครเนียม และ ทองแดง ท
ุ
2.1 โครเมียม (Chromium) b
สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Cr อ
เลขอะตอม เท่ากับ 24 อ
สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเงิน มีความแข็งมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
สมบัติทางเคม เกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนอย่างรวดเร็วได้สารประกอบออกไซด์ที่ต้านทานการ กัดกร่อน
ี
และคงความเป็นมันเงาได้นานในอากาศ b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
ประโยชน์ ใช้เคลือบผิวเหล็กหรือโลหะอื่น ๆ โดยการชุบด้วยไฟฟูา เพื่อปูองกันการกัดกร่อนและ ให้มีผิว
เป็นเงางาม เป็นส่วนผสมในเหล็กกล้าไร้สนิม รวมทั้งเป็นส่วนประกอบในเหล็กกล้า ผสมที่ใช้ท าาตู้นิรภัย
เครื่องยนต์ เกราะกันกระสุน v
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
อันตราย มนุษย์ต้องการโครเมียมในปริมาณเพียงเล็กน้อย ถ้าได้รับในปริมาณที่มากเกินไปจะ เป็นพิษต่อ
ร่างกาย n
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
103
2.2 ทองแดง (Copper) b
สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Cu อ
เลขอะตอม เท่ากับ 29 อ
สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีส้มแดงเป็นมันเงา มีความหนาแน่น จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีรองจากเงิน b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
สมบัติทางเคม เกิดปฏิกิริยากับความชื้นและออกซิเจนในอากาศได้อย่างช้า ๆ ได้สารประกอบออกไซด์
ี
สีเขียว เรียกว่า สนิมทองแดง ที่มีสมบัติต้านการกัดกร่อนได้ b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
ประโยชน์ เป็นลวดน าไฟฟูาในสายไฟฟูา อุปกรณ์ไฟฟูา โลหะผสมระหว่างทองแดงกับสังกะสี เรียกว่า
ทองเหลือง ใช้ท ากลอนประตู กุญแจ ใบพัดเรือ ปลอกกระสุนปืน กระดุม โลหะผสม ของทองแดงกับดีบุก
เรียกว่า ทองบรอนซ์ ใช้ท าลานนาฬิกา ระฆัง ปืนใหญ่ ทองแดงเป็นธาตุ ที่จ าเป็นต่อร่างกายในการช่วย
์
เอนไซม์ถ่ายโอนพลังงานในเซลล v
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
อันตราย ุษย์ต้องการธาตุทองแดงเพียงปริมาณเล็กน้อย การได้รับทองแดงมากเกินไปอาจ ท าาให้เกิด
มน
โรคทางพันธุกรรมได n
้
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ น าไฟฟูาและน าความร้อนได้ดีมาก b
104
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6
เรื่อง พันธะโคเวเลนต ์
รายวิชา ว31104 วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เวลา 1 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ น้ า รวม 9 ชั่วโมง
ู้
กลุ่มสาระการเรียนรวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกิดปฏิกิริยาเคมี
2. ตัวชี้วัด
ว 2.1 ม.5/8 ระบุว่าพันธะโคเวเลนต์เป็นพันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสาม และระบุจ านวนคู่อิเล็กตรอน
ระหว่างอะตอมคู่ร่วมพันธะ จากสูตรโครงสร้าง
3. จุดประสงค์การเรียนร ู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนระบุจ านวนอะตอมของธาตุองค์ประกอบในโมเลกุลของสารโคเวเลนต์จากสูตรโมเลกุลหรือ
สูตรโครงสร้างได ้
2) นักเรียนระบุว่าพันธะโคเวเลนต์เป็นพันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสาม และระบุจ านวนค ู่
้
อิเล็กตรอนระหว่างอะตอมคู่ร่วมพันธะจากสูตรโครงสร้างได
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนสามารถจัดกระท าและสื่อความหมายของข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้าได ้
3.3 ด้านคุณลักษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการท างาน
4. สาระส าคัญ
น้ าเป็นสารเคมี ชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประ กอบพื้นฐานในร่ากายของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม โมเลกุลของน้ า
เกิดจากอะตอมของธาตุไฮโดรเจน 2 อะตอม ยึดเหนี่ยวกับธาตุออกซิเจน 1 อะตอมด้วย พันธะเคมีที่เรียกว่า พันธะ
โคเวเลนต์ น้ าจัดเป็นสารโคเวเลนต์ และยังมีสารอื่นอีกหลายชนิดที่เป็นสารโคเวเ ลนต์ สถานะและจุดเดือดของสาร
โคเวเลนต์ขึ้นอยู่กับ แรงยึดเหนี่ยวระหว่ างโมเลกุล ซึ่งมีความสัมพันธ์กับสภาพขั้วของสารและพันธะไฮโดรเจน
105
ิ
ในแหล่งน้ าธรรมชาตนอกจากมีน้ าเป็นองค์ประกอบหลักแล้ว ยังมีสารอื่นละลายอยู่ด้วย สารที่ละลายน้ าได้มีทั้งสาร
โคเวเลนต์และสารประกอบไอออนิก สารประกอบไอออนิกเกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่างไอออนบวกกับไอออนลบ
ด้วยพันธะไอออนิก ในอัตราส่วนอย่างต่ าที่ท าให้ประจุรวมของสารประกอบเป็นศูนย์ การละลายของสารในน้ ามี 2
แบบ คือการละลายแบบแตกตัวและไม่แตกตัว ซึ่งท าให้ได้สารละลายอิเล็กโทรไลต์และนอนอิเล็กโทรไลต์ ตามล าดับ
5. สาระการเรียนร ู้
5.1 ความรู้
น้ าเป็นสารประกอบที่มีสูตรโมเลกุลเป็น H 2 O ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน 2 อะตอม และ
ออกซิเจน 1 อะตอมยึดเหนี่ยวกันด้วย พันธะเคมี ( chemical bond) โดยพันธะเคมีระหว่างอะตอม
ไฮโดรเจนกับอะตอมออกซิเจนเป็นพันธะโคเวเลนต์ และน้ าจัดเป็นสารโคเวเลนต ์
รูป 2.1 โมเลกุลน้ า
สารโคเวเลนต์อาจเป็นธาตุหรือสารประกอบ ส่วนใหญ่เกิดจากการรวมตัวกันของธาตุอโลหะ
โดยอะตอมจะยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะที่เรียกว่า พันธะโควาเลนต์ (covalent bond) ซึ่งเป็นพันธะที่เกิด
จากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน และคู่อะตอมที่ใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน เรียกว่า อะตอมคู่ร่วม
พันธะ จ านวนและชนิดของธาตุองค์ประกอบภายในโมเลกุลของสารโคเวเลนต์แสดงไว้ด้วยสูตรโครงสร้าง
(molecular formula) นอกจากน้ าแล้วในธรรมชาติยังมีสารโคเวเลนต์ชนิดอื่น ตัวอย่างดังตาราง 2.1
ตาราง 2.1 ตัวอย่างสารโคเวเลนซ์ที่พบในธรรมชาติ
สาร สูตรโคเวเลนต ์
แก๊สออกซิเจน* O
2
แก๊สไนโตรเจน* N
2
แอมโมเนีย NH
3
คาร์บอนไดออกไซด ์ CO
2
คาร์บอนมอนอกไซด ์ CO
อะเซทิลีน C H
2 2
ยูเรีย CH N O
4 2
กรดแอซีติกหรือกรดน้ าส้ม C H O
2 4 2
กลูโคส C H O
6 12 6
วิตามินซีหรือกรดแอสคอร์บิก C H O
6 8 6
* O และ N จะเรียกว่าแก๊สออกซิเจน และแก๊สไนโตรเจน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับการ
2
2
เรียกชื่อธาตุหรืออะตอมออกซิเจน (O) และไนโตรเจน (N)
106
สูตรโมเลกุลบอกชนิดและจ านวนอะตอมของธาตุที่เป็นองค์ประกอบใน 1 โมเลกุล แต่สูตรโมเลกุล
ไม่ได้แสดงว่าอะตอมคู่ใดยึดเหนี่ยวกัน ซึ่งการยึดเหนี่ยวกันของคู่อะตอมมีความส าคัญต่อสมบัติทาง
กายภาพและเคมีของสาร
สารโคเวเลนต์
การแสดงการยึดเหนี่ยวกันของอะตอมภายในโมเลกุลสารโคเวเลนต์ ท าได้โดยสูตรโครงสร้าง
(structural formule) ซึ่งแสดงคู่อิเล็กตรอนที่ใช้ร่วมกันในการเกิดพันธะโควาเลนต์ด้วยเส้นพันธะ
โดยพันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่ เรียกว่า พันธะเดี่ยว ซึ่งเขียนแทนด้วยเส้น 1 เส้น
และพันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 และ 3 คู่ เรียกว่า พันธะคู่ และพันธะสาม ซึ่งเขียน
แทนด้วยเส้น 2 และ 3 เส้น ตามล าดับ ดังรูป 2.2
รูป 2.2 สูตรโครงสร้างของน้ า แก๊สออกซิเจน และแก๊สไนโตรเจน
โมเลกุลของสารโคเวเลนต์อาจประกอบด้วยหลายพันธะและอาจมีพันธะโคเวเลนต์ที่เป็นพันธะ
เดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสามมากว่า 1 ชนิด ดังรูป 2.3
รูป 2.3 สูตรโครงสร้างของสารโคเวเลนต์บางชนิด
107
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์)
5.3 คุณลักษณะและค่านิยม
ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการท างาน
6. บูรณาการ
-
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ
1.1 ครูให้นักเรียนท าตรวจสอบความรู้ก่อนเรียนในหนังสือเรียน หน้า 28
1.2 ครูทวนค าถามตรวจสอบความรู้ก่อนเรียนให้นักเรียนตอบร่วมกัน พร้อมเฉลย
1.3 ครูน าเข้าสู่บทเรียน โดยตั้งค าถามเกี่ยวกับประโยชน์ ความส าคัญของน้ าในชีวิตประจ าวัน
สถานะ และสูตรเคมี
ขั้นที่ 2 ขั้นส ารวจและค้นหา
2.1 ครูให้นักเรียนพิจารณารูป 2.1 แล้วระบุชนิดและจ านวนอะตอมของธาตุองค์ประกอบ จากนั้น
ให้ศึกษาหาความรู้ว่าน้ าเป็นสารโคเวเลนต์ โดยอะตอมไฮโดรเจนยึดเหนี่ยวกับอะตอมของออกซิเจนด้วย
พันธะ เคมีที่เรียกว่า พันธะโคเวเลนต์
2.2 ครูให้นักเรียนพิจารณาตาราง 2.1 แล้วตั้งค าถามว่า สารโคเวเลนต์มีธาตุองค์ประกอบเป็นธาตุ
โลหะหรืออโลหะ
2.3 ครูให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับสารโคเวเลนต์ ตามหนังสือเรียน หน้า 31-32
2.4 นักเรียนสรุปองค์ความรู้ เรื่อง สารโคเวเลนส์ ในรูปแบบ Mind mapping
2.5 นักเรียนท าแบบฝึกหัด 2.1 ข้อที่ 1-5 ในหนังสือเรียน หน้า 34-35 ลงในสมุด
ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป
3.1 ครูน านักเรียนอภิปรายเพื่อน าไปสู่การสรุป โดยใช้ค าถามต่อไปนี้
1) น้ าเป็นสารโคเวเลนต์ หรือไม่ (แนวการ น้ าเป็นสารโคเวเลนต)
์
2) สูตรโมเลกุลของน้ า คือ (แนวการตอบ H O)
2
3) น้ าประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจนกี่อะตอม และออกซิเจนกี่อะตอม (แนวการตอบ น้ า
ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน 2 อะตอม และออกซิเจน 1 อะตอม)
4) โมเลกุลของน้ าประกอบด้วยอะตอมไฮโดรเจนยึดเหนี่ยวกับอะตอมของออกซิเจนด้วย
พันธะเคมี ที่เรียกว่า (แนวการตอบ พันธะโคเวเลนต)
์
108
้
5) การแสดงการยึดเหนี่ยวกันของอะตอมภายในโมเลกุลสารโคเวเลนต์ ท าไดอย่างไร
(แนวการตอบ ท าได้โดยใชสูตรโครงสร้าง (structural formule))
้
6) พันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่ เรียกว่า (แนวการตอบ พันธะ
เดี่ยว)
7) พันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 และ 3 คู่ เรียกว่า ตามล าดับ
(แนวการตอบ พันธะคู่ และพันธะสาม)
3.2 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปการศึกษาค้นคว้า เรื่อง สารโคเวเลนต์ ดังนี้
สารโคเวเลนต์
การแสดงการยึดเหนี่ยวกันของอะตอมภายในโมเลกุลสารโคเวเลนต์ ท าได้โดยสูตร
โครงสร้าง (structural formule) ซึ่งแสดงคู่อิเล็กตรอนที่ใช้ร่วมกันในการเกิดพันธะโควาเลนต์ด้วยเส้น
พันธะ โดยพันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่ เรียกว่า พันธะเดี่ยว ซึ่งเขียนแทนด้วยเส้น
1 เส้น และพันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 และ 3 คู่ เรียกว่า พันธะคู่ และพันธะสาม
ซึ่งเขียนแทนด้วยเส้น 2 และ 3 เส้น ตามล าดับ ดังรูป 2.2
โมเลกุลของสารโคเวเลนต์อาจประกอบด้วยหลายพันธะและอาจมีพันธะโคเวเลนต์ที่เป็นพันธะ
เดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสามมากว่า 1 ชนิด ดังรูป 2.3
ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครูให้ความรู้เพิ่มเติมสารเคมีบางชนิด เช่น สารประกอบอินทรีย์ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
หน้า 33
ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล
5.1 ครูตรวจ Mind mapping เรื่อง สารโคเวเลนส์ ของนักเรียน
5.2 ครูตรวจสมุดการท าแบบฝึกหัด 2.1 ของนักเรียน
ประยุกต์และตอบแทนสังคม
ครูให้นักเรียนแต่ละคนน าความรู้ที่เรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมที่ห้องสมุด หรือเว็บไซต์ แล้วน าเสนอใน
ชั้นเรียน
ู้
8. สื่อการเรียนร/แหล่งเรียนร ู้
8.1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 1
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต
8.3 ห้องสมุด
109
9. การวัดและประเมินผล
จุดประสงค์การเรียนร ู้ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนระบุจ านวนอะตอมของธาต ุ 1) ตรวจแบบฝึกหัด 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนสามารถ
องค์ประกอบในโมเลกุลของสารโคเวเลนต ์ 2.1 ข้อที่ 1-5 ท ากิจกรรม ท าแบบฝึกหัด 2.1
จากสูตรโมเลกุลหรือสูตรโครงสร้างได ้ ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
2) นักเรียนระบุว่าพันธะโคเวเลนต์เป็น
พันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสาม และ
ระบุจ านวนคู่อิเล็กตรอนระหว่างอะตอมค ู่
ร่วมพันธะจากสูตรโครงสร้างได้
ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนสามารถจัดกระท าและสื่อ 1) ตรวจ Mind 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนสามารถ
ความหมายของข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้าได ้ mapping เรื่อง สาร ท ากิจกรรม สรุปองค์ความรู้ เรื่อง
โคเวเลนส์ สารโคเวเลนส์
ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
ด้านคุณลักษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการ 1) ตรวจแบบฝึกหัด 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนท าภาระ
ท างาน 2.1 ข้อที่ 1-5 ท ากิจกรรม งานที่ได้รับมอบหมาย
้
2) ตรวจ Mind ไดระดับดี ผ่านเกณฑ์
mapping เรื่อง สาร
โคเวเลนส์
110
10. เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรียน
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการท ากิจกรรม เรื่อง พันธะโคเวเลนต ์
ประเด็นการ ค่าน้ าหนัก แนวทางการให้คะแนน
ประเมิน คะแนน
ด้านความรู้ 3 ท าแบบฝึกหัด 2.1 ได้ถูกต้องครบถ้วน จ านวน 4-5 ข้อ
(K) 2 ท าแบบฝึกหัด 2.1 ได้ถูกต้องครบถ้วน จ านวน 2-3 ข้อ
1 ท าแบบฝึกหัด 2.1 ได้ถูกต้องครบถ้วน จ านวน 1 ข้อ หรือไม่ถูกต้อง
์
ด้าน 3 สรุปเนื้อหา เรื่อง สารโคเวเลนสได้ถูกต้องครบถ้วน
์
กระบวนการ 2 สรุปเนื้อหา เรื่อง สารโคเวเลนสได้ค่อนข้างถูกต้องครบถ้วน
(P) 1 สรุปเนื้อหา เรื่อง สารโคเวเลนสได้ แต่ไม่ครบถ้วน
์
ด้าน 3 ท าภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่ก าหนด และเรียบร้อยถูกต้องครบถ้วน
คุณลักษณะ 2 ท าภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่ก าหนด แต่งานยังผิดพลาดบางส่วน
(A) 1 ท าภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางส่วน
ระดับคะแนน
คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดับด ี
คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช ้
111
การประเมินการท ากิจกรรม เรื่อง พันธะโคเวเลนต ์
จุดประสงค์การเรียนร ู้
ด้าน ด้าน รวม
ด้านความรู้ ระดับ
ที่ ชื่อ - นามสกุล กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน
(K) คุณภาพ
(P) (A)
3 3 3 9
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
112
จุดประสงค์การเรียนร ู้
ด้าน ด้าน รวม
ด้านความรู้ ระดับ
ที่ ชื่อ - นามสกุล กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน
(K) คุณภาพ
(P) (A)
3 3 3 9
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดับคุณภาพ
คะแนน 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดับด ี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดับปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรับปรุง
113
บันทึกหลังการสอน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง น้ า ใ
แผนการสอนที่ 6 เรื่อง พันธะโคเวเลนต .
์
ใ
วันที่ เดือน พ.ศ. ใ
ผลการจัดการเรียนร ู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หัวหน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวนิลนิกา แก้วปัญญา) (นางนพรัตน์ ครุฑเกิด)
114
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7
เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ าและความมีขั้ว
รายวิชา ว31104 วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เวลา 1 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ น้ า รวม 9 ชั่วโมง
ู้
กลุ่มสาระการเรียนรวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกิดปฏิกิริยาเคมี
2. ตัวชี้วัด
ว 2.1 ม.5/9 ระบุสภาพขั้วของสารที่โมเลกุลประกอบด้วย 2 อะตอม
ว 2.1 ม.5/10 ระบุสารที่เกิดพันธะไฮโดรเจนได้จากสูตรโครงสร้าง
ว 2.1 ม.5/11 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุดเดือดของสารโควาเลนต์กับแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลตาม
สภาพขั้วหรือการเกิดพันธะไฮโดรเจน
3. จุดประสงค์การเรียนร ู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนระบุสภาพขั้วของสารที่โมเลกุลประกอบด้วย 2 อะตอมได ้
2) นักเรียนระบุสารที่เกิดพันธะไฮโดรเจนได้จากสูตรโครงสร้างได
้
3) นักเรียนอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุดเดือดของสารโคเวเลนต์กับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล
ตามสภาพขั้วหรือการเกิดพันธะไฮโดรเจนได
้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนสามารถจัดกระท าและสื่อความหมายของข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้าได ้
3.3 ด้านคุณลักษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการท างาน
4. สาระส าคัญ
น้ าเป็นสารเคมี ชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประ กอบพื้นฐานในร่ากายของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม โมเลกุลของน้ า
เกิดจากอะตอมของธาตุไฮโดรเจน 2 อะตอม ยึดเหนี่ยวกับธาตุออกซิเจน 1 อะตอมด้วย พันธะเคมีที่เรียกว่า พันธะ
โคเวเลนต์ น้ าจัดเป็นสารโคเวเลนต์ และยังมีสารอื่นอีกหลายชนิดที่เป็นสารโคเวเ ลนต์ สถานะและจุดเดือดของสาร
115
โคเวเลนต์ขึ้นอยู่กับ แรงยึดเหนี่ยวระหว่ างโมเลกุล ซึ่งมีความสัมพันธ์กับสภาพขั้วของสารและพันธะไฮโดรเจน
ิ
ในแหล่งน้ าธรรมชาตนอกจากมีน้ าเป็นองค์ประกอบหลักแล้ว ยังมีสารอื่นละลายอยู่ด้วย สารที่ละลายน้ าได้มีทั้งสาร
โคเวเลนต์และสารประกอบไอออนิก สารประกอบไอออนิกเกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่างไอออนบวกกับไอออนลบ
ด้วยพันธะไอออนิก ในอัตราส่วนอย่างต่ าที่ท าให้ประจุรวมของสารประกอบเป็นศูนย์ การละลายของสารในน้ ามี 2
แบบ คือการละลายแบบแตกตัวและไม่แตกตัว ซึ่งท าให้ได้สารละลายอิเล็กโทรไลต์และนอนอิเล็กโทรไลต์ ตามล าดับ
5. สาระการเรียนร ู้
5.1 ความรู้
ที่อุณหภูมิห้องและความดัน 1 บรรยากาศ น้ ามีสถานะเป็นของเหลว มีจุดเยือกแข็งหรือจุด
หลอมเหลวที่ 0 องศาเซลเซียส และจุดเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส เมื่อน้ าได้รับพลังงานจากสิ่งแวดล้อม
หรือจากการให้ความร้อนโดยตรง โมเลกุลของน้ าในสถานะของเหลวซึ่งอยู่ชิดกันจะเคลื่อนที่ห่างกันมากขึ้น
และอาจเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส โดยความร้อนที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะของน้ าให้เป็นไอน้ าต้องมีค่ามาก
พอที่จะท าลายแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของน้ า แสดงดังรูป 2.4
รูป 2.4 ภาพจ าลองการจัดเรียงโมเลกุลของน้ าในสถานะของเหลวและแก๊ส
สารโคเวเลนต์แต่ละชนิดมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่างกัน ตัวอย่างดังตาราง 2.2 เมื่อต้องการ
เปลี่ยนสถานะของสารเหล่านี้จึงต้องใช้พลังงานความร้อนไม่เท่ากัน แสดงว่าแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล
ของสารโคเวเลนต์แต่ละชนิดไม่เท่ากัน
ตาราง 2.2 จุดหลอมเหลวและจุดเดือดของสารโคเวเลนส์บางชนิด ที่ความดัน 1 บรรยากาศ
สารโคเวเลนต ์ จุดหลอมเหลว (°C) จุดเดือด (°C)
แก๊สไฮโดรเจน (H ) -259 -252
2
แก๊สไนโตรเจน (N ) -210 -196
2
แก๊สออกซิเจน (O ) -219 -183
2
์
ไนโตรเจนมอนอกไซด (NO) -164 -152
ไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl) -114 -85
ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H S) -86 -60
2
แอมโมเนีย (NH ) -78 -33
3
น้ า (H O) 0 100
2
สารโคเวเลนต์ที่มีจุดเดือดแตกต่างกันเกิดจากความแตกต่างของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ซึ่งเป็นผลมา
จากสภาพขั้วของโมเลกุลที่เกิดจากพันธะโคเวเลนต์ระหว่างอะตอมของธาตุชนิดเดียวกันหรืออะตอมของธาตุต่าง
116
์
ชนิดกัน เช่น โมเลกุลของน้ ามีพันธะโคเวเลนตที่เชื่อมต่อระหว่างอะตอมต่างชนิดกัน และน้ าจัดเป็นสารมีขั้ว ท าให้มี
แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลมากจึงมีจุดเดือดสูง เมื่อเปรียบเทียบกับโมเลกุลของแก๊สออกซิเจนซึ่งมีพันธะโคเว
์
เลนตที่เชื่อมต่อระหว่างอะตอมของธาตุเพียงชนิดเดียว และออกซิเจนจะเป็นสารไม่มีขั้ว ท าให้มีแรงยึดเหนี่ยว
ระหว่างโมเลกุลน้อยกว่าน้ า แก๊สออกซิเจนจึงมีจุดเดือดต่ ากว่าน้ า
สารโคเวเลนต์ที่โมเลกุลประกอบด้วย 2 อะตอม หากเป็นธาตุชนิดเดียวกันจัดเป็นสารไม่มีขั้ว (non-polar
substance) เช่น แก๊สไฮโดรเจน (H ) แก๊สไนโตรเจน (N ) หากเป็นธาตุต่างชนิดกันจัดเป็นสารมีขั้ว (polar
2
2
ี่
substance) เช่น ไนโตรเจนมอนอกไซด (NO) ไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl) ส่วนสารโคเวเลนต์ทประกอบด้วยอะตอม
์
มากกว่า 2 อะตอมอาจเป็นสารมีขั้วหรือไม่มีขั้วก็ได ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปร่างโมเลกุลของสารแต่ละชนิด เช่น น้ า (H O)
้
2
ไข่เน่าหรือแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H S) แอมโมเนีย (NH ) เป็นสารมีขั้ว ส่วนคาร์บอนไดออกไซด (CO ) มีเทน CH )
์
3
2
2
4
เป็นสารไม่มีขั้ว
นอกจากสภาพขั้วของโมเลกุลที่ส่งผลแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลแล้ว มวลและรูปร่างของโมเลกุลยังส่งผล
ต่อแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลอีกด้วย ถ้าสารมีมวลและรูปร่างของโมเลกุลใกล้เคียงกันจุดเดือดจะขึ้นอยู่กับสภาพ
ขั้วของโมเลกุล
ที่อุณหภูมิห้อง น้ า (H O) มีสถานะเป็นของเหลว ส่วนไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H S) เป็นแก๊ส แสดงว่าน้ ามีจุด
2
2
เดือดสูงกว่าไฮโดรเจนซัลไฟด์ ทั้งที่สารทั้งสองชนิดเป็นสารมีขั้วและมีองค์ประกอบแตกต่างกันเพียงอะตอมเดียว
ปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจาก พันธะไฮโดรเจน (hydrogen bond)
รูป 2.5 พันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลของน้ า
พันธะไฮโดรเจนเป็นแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของสารมีขั้วที่ภายในโมเลกุลมีพันธะ O-H N-H หรือ F-H
ท าให้สารมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูงกว่าสารมีขั้วทั่วไปที่มีขนาดโมเลกุลใกล้เคียงกัน นอกจากนี้พันธะไฮโดรเจน
ในผลึกน้ าแข็งยังท าให้โมเลกุลของน้ าจัดเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบโดยมีช่องว่างระหว่างโมเลกุลมากกว่าช่องว่าง
ระหว่างโมเลกุลของน้ าที่อยู่ในสถานะเป็นของเหลว ท าให้น้ าแข็งมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ า น้ าแข็งจึงลอยน้ า ดัง
รูป 2.6
รูป 2.6 ภาพจ าลองการจัดเรียงโมเลกุลของน้ าในสถานะของแข็งและของเหลว
117
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์)
5.3 คุณลักษณะและค่านิยม
ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการท างาน
6. บูรณาการ
-
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ
1.1 ครูทบทวนบทเรียน เรื่อง สารโคเวเลนต์
1.2 ครูน าเข้าสู่บทเรียน โดยตั้งค าถาม ดังนี้
1) น้ า และไอน้ า เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร (แนวการตอบ มีสูตรเคมีเหมือนกัน แต่มี
สถานะต่างกัน)
ขั้นที่ 2 ขั้นส ารวจและค้นหา
2.1 ครูน านักเรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หน้า 35-39
2.2 ครูให้นักเรียนท ากิจกรรมกลุ่มเพื่อน าเสนอแบบจ าลองการจัดเรียงโมเลกุลของน้ าในสถานะ
ของเหลวและแก๊ส เช่น วาดภาพ แสดงบทบาทสมมติ จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า น้ าจะ
จัดเรียงโมเลกุลชิดกันมากกว่าไอน้ า
2.3 นักเรียนสรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ในชั้นเรียน ในรูปแบบ Mind mapping
2.4 นักเรียนท าแบบฝึกหัด 2.2 ข้อที่ 1-3 ในหนังสือเรียน หน้า 39 ลงในสมุด
ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป
3.1 ครูน านักเรียนอภิปรายเพื่อน าไปสู่การสรุป โดยใช้ค าถามต่อไปนี้
1) สารโคเวเลนต์ที่โมเลกุลประกอบด้วย 2 อะตอม หากเป็นธาตุชนิดเดียวกันจัดเป็นสาร
มีขั้วหรือไม่มีขั้ว (แนวการ เป็นสารไม่มีขั้ว)
2) หากเป็นธาตุต่างชนิดกันจัดเป็นสารมีขั้วหรือไม่มีขั้ว (แนวการตอบ เป็นสารมีขั้ว)
3) น้ า (H O) ไข่เน่าหรือแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H S) แอมโมเนีย (NH ) เป็นสารมีขั้ว
2
2
3
หรือไม่มีขั้ว (แนวการตอบ เป็นสารมีขั้ว)
์
4) คาร์บอนไดออกไซด (CO ) มีเทน CH ) เป็นสารมีขั้วหรือไม่มีขั้ว (แนวการตอบ
2
4
เป็นสารไม่มีขั้ว)
118
5) ที่อุณหภูมิห้อง น้ า (H O) มีสถานะเป็นของเหลว ส่วนไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H S) เป็น
2
2
แก๊ส แสดงว่าน้ ามีจุดเดือดของน้ าเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับไฮโดรเจนซัลไฟด์ (แนวการตอบ น้ ามีจุดเดือดสูง
กว่าไฮโดรเจนซัลไฟด์)
6) น้ า (H O) และไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H S) สารทั้งสองชนิดเป็นสารมีขั้วและมี
2
2
องค์ประกอบแตกต่างกันเพียงอะตอมเดียว ปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจาก (แนวการตอบ พันธะไฮโดรเจน
(hydrogen bond))
3.2 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปการศึกษาเนื้อหา เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ าและความมีขั้ว
ดังนี้
1) สารโคเวเลนต์ที่โมเลกุลประกอบด้วย 2 อะตอม หากเป็นธาตุชนิดเดียวกันจัดเป็นสาร
ไม่มีขั้ว (non-polar substance) เช่น แก๊สไฮโดรเจน (H ) แก๊สไนโตรเจน (N ) หากเป็นธาตุต่างชนิดกัน
2
2
์
จัดเป็นสารมีขั้ว (polar substance) เช่น ไนโตรเจนมอนอกไซด (NO) ไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl) ส่วนสาร
โคเวเลนต์ทประกอบด้วยอะตอมมากกว่า 2 อะตอมอาจเป็นสารมีขั้วหรือไม่มีขั้วก็ได ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปร่าง
ี่
้
โมเลกุลของสารแต่ละชนิด เช่น น้ า (H O) ไข่เน่าหรือแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H S) แอมโมเนีย (NH ) เป็น
3
2
2
สารมีขั้ว ส่วนคาร์บอนไดออกไซด (CO ) มีเทน CH )เป็นสารไม่มีขั้ว
์
4
2
2) นอกจากสภาพขั้วของโมเลกุลที่ส่งผลแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลแล้ว มวลและ
รูปร่างของโมเลกุลยังส่งผลต่อแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลอีกด้วย ถ้าสารมีมวลและรูปร่างของโมเลกุล
ใกล้เคียงกันจุดเดือดจะขึ้นอยู่กับสภาพขั้วของโมเลกุล
3) ที่อุณหภูมิห้อง น้ า (H O) มีสถานะเป็นของเหลว ส่วนไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H S) เป็น
2
2
แก๊ส แสดงว่าน้ ามีจุดเดือดสูงกว่าไฮโดรเจนซัลไฟด์ ทั้งที่สารทั้งสองชนิดเป็นสารมีขั้วและมีองค์ประกอบ
แตกต่างกันเพียงอะตอมเดียวปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจาก พันธะไฮโดรเจน (hydrogen bond)
4) น้ าในสถานะของเหลวโมเลกุลจะอยู่ชิดกันมากกว่าในสถานะแก๊ส แสดงว่าในสถานะ
ของเหลว โมเลกุลมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลมากกว่าในสถานะแก๊ส ดังนั้นความร้อนที่ใช้ในเปลี่ยน
สถานะของน้ าให้เป็นไอน้ าจึงเป็นพลังงานที่ใช้ในการท าลายแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของน้ า ซึ่งความ
ร้อนที่โมเลกุลได้รับอาจได้จากการให้ความร้อนโดยตรงหรือจากสิ่งแวดล้อม
ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครูให้ความรู้เพิ่มเติมสารเคมีบางชนิด เช่น สารประกอบอินทรีย์ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
หน้า 33
ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล
5.1 ครูตรวจ Mind mapping เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ าและความมีขั้ว
5.2 ครูตรวจสมุดการท าแบบฝึกหัด 2.2 ข้อที่ 1-5
ประยุกต์และตอบแทนสังคม
ครูให้นักเรียนแต่ละคนน าความรู้ที่เรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมที่ห้องสมุด หรือเว็บไซต์ แล้วน าเสนอใน
ชั้นเรียน
119
ู้
8. สื่อการเรียนร/แหล่งเรียนร ู้
8.1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 1
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต
8.3 ห้องสมุด
9. การวัดและประเมินผล
จุดประสงค์การเรียนร ู้ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนระบุสภาพขั้วของสารที่โมเลกุล 1) ตรวจแบบฝึกหัด 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนสามารถ
ประกอบด้วย 2 อะตอมได ้ 2.2 ข้อที่ 1-3 ท ากิจกรรม ท าแบบฝึกหัด 2.2
2) นักเรียนระบุสารที่เกิดพันธะไฮโดรเจนได ้ ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
จากสูตรโครงสร้างได้
3) นักเรียนอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุด
เดือดของสารโคเวเลนต์กับแรงยึดเหนี่ยว
ระหว่างโมเลกุลตามสภาพขั้วหรือการเกิด
พันธะไฮโดรเจนได้
ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนสามารถจัดกระท าและสื่อ 1) ตรวจ Mind 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนสรุปองค ์
ความหมายของข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้าได ้ mapping เรื่อง การ ท ากิจกรรม ความรู้ได้ระดับดี
เปลี่ยนสถานะของน้ า ผ่านเกณฑ์
และความมีขั้ว
ด้านคุณลักษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการ 1) ตรวจแบบฝึกหัด 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนท าภาระ
ท างาน 2.2 ข้อที่ 1-5 ท ากิจกรรม งานที่ได้รับมอบหมาย
้
2) ตรวจ Mind ไดระดับดี ผ่านเกณฑ์
mapping เรื่อง การ
เปลี่ยนสถานะของน้ า
และความมีขั้ว
120
10. เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรียน
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการท ากิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ าและความมีขั้ว
ประเด็นการ ค่าน้ าหนัก
ประเมิน คะแนน แนวทางการให้คะแนน
ด้านความรู้ 3 ท าแบบฝึกหัด 2.2 ได้ถูกต้องครบถ้วน จ านวน 3 ข้อ
(K) 2 ท าแบบฝึกหัด 2.2 ได้ถูกต้องครบถ้วน จ านวน 2 ข้อ
1 ท าแบบฝึกหัด 2.2 ได้ถูกต้องครบถ้วน จ านวน 1 ข้อ หรือไม่ถูกต้อง
ด้าน 3 สรุปเนื้อหา เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ าและความมีขั้วได้ถูกต้องครบถ้วน
กระบวนการ 2 สรุปเนื้อหา เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ าและความมีขั้วได้ค่อนข้างถูกต้องครบถ้วน
(P) 1 สรุปเนื้อหา เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ าและความมีขั้วได้ แต่ไม่ครบถ้วน
ด้าน 3 ท าภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่ก าหนด และเรียบร้อยถูกต้องครบถ้วน
คุณลักษณะ 2 ท าภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่ก าหนด แต่งานยังผิดพลาดบางส่วน
(A) 1 ท าภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางส่วน
ระดับคะแนน
คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดับด ี
คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช ้
121
การประเมินการท ากิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ าและความมีขั้ว
จุดประสงค์การเรียนร ู้
ด้าน ด้าน รวม
ด้านความรู้ ระดับ
ที่ ชื่อ - นามสกุล กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน
(K) คุณภาพ
(P) (A)
3 3 3 9
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
122
จุดประสงค์การเรียนร ู้
ด้าน ด้าน รวม
ด้านความรู้ ระดับ
ที่ ชื่อ - นามสกุล กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน
(K) คุณภาพ
(P) (A)
3 3 3 9
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดับคุณภาพ
คะแนน 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดับด ี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดับปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรับปรุง
123
บันทึกหลังการสอน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง น้ า ใ
แผนการสอนที่ 7 เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ าและความมีขั้ว .
ใ
วันที่ เดือน พ.ศ. ใ
ผลการจัดการเรียนร ู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หัวหน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวนิลนิกา แก้วปัญญา) (นางนพรัตน์ ครุฑเกิด)
124
acc
acc
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8
เรื่อง สารประกอบไอออนิก
รายวิชา ว31104 วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เวลา 1 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ น้ า รวม 9 ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรียนรวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1
ู้
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกิดปฏิกิริยาเคมี
2. ตัวชี้วัด
ว 2.1 ม.5/12 เขียนสูตรเคมีของไอออนและสารประกอบไอออนิก
3. จุดประสงค์การเรียนร ู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนอธิบายการเกิดพันธะไอออนิกได ้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนเขียนสูตรเคมีของไอออนที่พบในชีวิตประจ าวันได ้
3.3 ด้านคุณลักษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการท างาน
4. สาระส าคัญ
น้ าเป็นสารเคมี ชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประ กอบพื้นฐานในร่ากายของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม โมเลกุลของน้ า
เกิดจากอะตอมของธาตุไฮโดรเจน 2 อะตอม ยึดเหนี่ยวกับธาตุออกซิเจน 1 อะตอมด้วย พันธะเคมีที่เรียกว่า พันธะ
โคเวเลนต์ น้ าจัดเป็นสารโคเวเลนต์ และยังมีสารอื่นอีกหลายชนิดที่เป็นสารโคเวเ ลนต์ สถานะและจุดเดือดของสาร
โคเวเลนต์ขึ้นอยู่กับ แรงยึดเหนี่ยวระหว่ างโมเลกุล ซึ่งมีความสัมพันธ์กับสภาพขั้วของสารและพันธะไฮโดรเจน
ในแหล่งน้ าธรรมชาตนอกจากมีน้ าเป็นองค์ประกอบหลักแล้ว ยังมีสารอื่นละลายอยู่ด้วย สารที่ละลายน้ าได้มีทั้งสาร
ิ
โคเวเลนต์และสารประกอบไอออนิก สารประกอบไอออนิกเกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่างไอออนบวกกับไอออนลบ
ด้วยพันธะไอออนิก ในอัตราส่วนอย่างต่ าที่ท าให้ประจุรวมของสารประกอบเป็นศูนย์ การละลายของสารในน้ ามี 2
แบบ คือการละลายแบบแตกตัวและไม่แตกตัว ซึ่งท าให้ได้สารละลายอิเล็กโทรไลต์และนอนอิเล็กโทรไลต์ ตามล าดับ
125
5. สาระการเรียนร ู้
5.1 ความรู้
สารในแหล่งน้ าธรรมชาต ิ
น้ าในแหล่งน้ าธรรมชาติเป็นน้ าที่ไม่บริสุทธิ์ มีสารอื่นเจือปนซึ่งอาจเป็นสารโคเวเลนต์ เช่น แก๊ส
+
์
ออกซิเจน (O ) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด (CO ) และสารที่อยู่ในรูปของไอออน เช่น โซเดียมไอออน (Na )
2
2
-
คลอไรด์ไอออน (Cl ) ไอออนทั้งสองชนิดนี้มีปริมาณมากในน้ าทะเล และเมื่อระเหยน้ าออกจะได้เกลือแกง
หรือโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ซึ่งเป็น สารประกอบไอออนิก (ionic compound)
รูป 2.8 การจัดเรียงไอออนของเกลือแกงในสถานะของแข็งและในรูปของสารละลาย
สารประกอบไอออนิกประกอบด้วยไอออนบวกที่ยึดเหนี่ยวกับไอออนลบด้วยพันธะเคมีที่เรียกว่า
พันธะไอออนิก (ionic bond) ด้วยไอออนบวกและไอออนลบจัดเรียงตัวสลับต่อเนื่องกันไปใน 3 มิติ
เกิดเป็นผลึกของแข็ง ดังรูป 2.9 ในอัตราส่วนของไอออนที่ท าให้สารประกอบไอออนิกเป็นกลางทางไฟฟูา
รูป 2.9 การจัดเรียงไอออนบวกและไอออนลบของเกลือแกงใน 3 มิติ
เนื่องจากสารประกอบไอออนิกเกิดจากการจัดเรียงตัวของไอออนที่เป็นองค์ประกอบต่อเนื่องกันไป
ิ
ในสามมิต โดยไม่สามารถหาขอบเขตได้แน่นอนจึงไม่จัดเป็นโมเลกุล และไม่สามารถเขียนสูตรโมเลกุลได ้
ดังนั้น สูตรเคมีของสารประกอบไอออนิกจึงเขียนแสดงอัตราส่วนอย่างต่ าของไอออน ซึ่งเรียกว่า
สูตรเอมพิริคัล (empirical formule)
การเขียนสูตรเอมพิริคัลท าได้โดยเขียนสัญลักษณ์ธาตุที่เป็นไอออนบวกไว้ข้างหน้าและตามด้วย
สัญลักษณธาตุที่เป็นไอออนลบ และเขียนตัวเลขห้อยท้ายสัญลักษณ์ธาตุแต่ละชนิดเพื่อแสดงอัตราส่วนอย่าง
์
ต่ าของจ านวนไอออนในการรวมตัว โดยไม่ต้องเขียนแสดงเลข 1 เช่น โซเดียมคลอไรด์ (NaCl) เป็นสูตรเคมี
-
+
ของเกลือแกงแสดงว่า Na รวมตัวกับ (Cl) ด้วยอัตราส่วนอย่างต่ า 1:1
สารประกอบไอออนิกเมื่อละลายน้ าจะอยู่ในรูปของไอออน ซึ่งไอออนที่ละลายอยู่ในน้ าอาจเป็น
ไอออนที่เกิดจากอะตอมของธาตุชนิดเดียวหรือเกิดจากกลุ่มอะตอม เช่น สารประกอบแมกนีเซียมซัลเฟต
126
2-
2+
(MgSO ) เมื่อละลายน้ าจะอยู่ในรูปของแมกนีเซียมไอออน (Mg ) กับซัลเฟตไอออน (SO ) ตัวอย่าง
4
4
ไอออนที่พบในชีวิตประจ าวัน แสดงดังตาราง 2.3
ตาราง 2.3 ตัวอย่างไอออนที่พบในชีวิตประจ าวัน
ไอออนบวก ชื่อ ไอออนลบ ชื่อ
+
-
Li ลิเทียมไอออน Cl คลอไรด์ไอออน
+
2-
Na โซเดียมไอออน O ออกไซด์ไอออน
+
-
K โพแทสเซียมไอออน OH ไฮดรอกไซด์ไอออน
2+
-
Mg แมกนีเซียมไอออน NO ไนเทรตไอออน
3
2+
2-
Ca แคลเซียมไอออน CO คาร์บอเนตไอออน
3
2-
Al 3+ อะลูมิเนียมไอออน SO ซัลเฟสไอออน
4
3-
+
NH แอมโมเนียมไอออน PO ฟอสเฟตไอออน
4
4
เนื่องจากสารประกอบไอออนิกเป็นกลางทางไฟฟูา ดังนั้นสูตรเอมพิริคัลต้องประกอบด้วยจ านวน
ไอออนบวกและไอออนลบที่รวมตัวกันด้วยอัตราส่วนอย่างต่ าที่ท าให้ผลรวมของประจุเป็นศูนย์ ดังตัวอย่าง
ในตาราง 2.4
ตาราง 2.4 ตัวอย่างการรวมตัวของไอออนในสารประกอบไอออนิก
ไอออน ไอออน อัตราส่วนการรวมตัว ผลรวมประจุ สูตรเอมพิริคัล
บวก ลบ (ไอออนบวก:ไอออนลบ)
(+2) + (-1) = +1
1:1
-
2+
Mg Cl ไม่เป็นกลางทางไฟฟูา
(+2) + 2(-1) = 0
1:2 MgCl
2
เป็นกลางทางไฟฟูา
(+1) + (-2) = -1
1:1 ไม่เป็นกลางทางไฟฟูา
2-
+
Na SO 2(+1) + (-2) = 0
4
2:1 Na SO
2
2
เป็นกลางทางไฟฟูา
(+3) + (-1) = +2
1:1
ไม่เป็นกลางทางไฟฟูา
(+3) + 2(-1) = +1
3+
-
Al NO 1:2
3
ไม่เป็นกลางทางไฟฟูา
(+3) + 3(-1) = 0
1:3 Al(NO )
3 3
เป็นกลางทางไฟฟูา
127
นอกจากนี้การเขียนสูตรเอมพิริคัลของสารประกอบไอออนิกยังอาจท าได้โดยการไขว้ตัวเลขประจ ุ
ของไอออน แล้วท าตัวเลขให้เป็นอัตราส่วนอย่างต่ า ดังตัวอย่าง
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์)
5.3 คุณลักษณะและค่านิยม
ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการท างาน
6. บูรณาการ
-
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ
1.1 ครูทบทวนบทเรียน เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ าและความมีขั้ว
1.2 โดยให้นักเรียนอภิปรายเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของน้ ากลั่นกับน้ าในแหล่ง
น้ าธรรมชาติ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า น้ ากลั่นเป็นสารบริสุทธิ์ ส่วนน้ าในแหล่งน้ าธรรมชาติเป็นสารผสมที่มีสาร
อื่นละลายอยู่
1.3 ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างสารที่ละลายอยู่ในแหล่งน้ าธรรมชาติ เพื่อให้ได้ตัวอย่างของสาร
โคเวเลนต์ เช่น O CO และสารประกอบไอออนิก เช่น NaCl แล้วใช้ค าถามว่า สารที่ยกตัวอย่างมีสาร
2
2
ใดบ้างเป็นสารโคเวเลนต์ ทราบเอย่างไร เพื่อชี้ให้เห็นว่า สารที่ละลายอยู่ในน้ าบางชนิด เช่น NaCl ไม่ใช่สาร
โคเวเลนต์ เนื่องจาก Na ไม่ใช่ธาตุอโลหะ
ขั้นที่ 2 ขั้นส ารวจและค้นหา
2.1 ครูให้ความรู้ว่า NaCl ไม่ใช่สารโคเวเลนต์แต่เป็นสารประกอบไอออนิกที่ประกอบด้วยไอออน
+
-
ของโซเดียม หรือ โซเดียมไอออน (Na ) และไอออนของคลอรีน หรือคลอไรด์ไอออน (Cl)
2.2 ครูให้ความรู้ว่า ไอออนบวกและไอออนลบในสารประกอบไอออนิกยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะเคมี
ที่เรียกว่า พันธะไอออนิก
128
2.3 ครูทบทวนความรู้เรื่องไอออนบวก ไอออนลบ และให้ความรู้เกี่ยวกับการดึงดูดกันระหว่าง
ไอออนที่มีประจุต่างกัน และการผลักกันระหว่างไอออนที่มีประจุเหมือนกัน แล้วใช้ค าถามว่า หากของแข็ง
เกิดจากการรวมตัวของไอออนให้ชิดติดกันมากที่สุด สารประกอบไอออนิกจะมีการจัดเรียงไอออน อย่างไร
เพื่อน าเข้าสู่กิจกรรม
2.3 ครูให้นักเรียนท ากิจกรรมเพื่อศึกษาการจัดเรียงตัวของไอออนในสารประกอบไอออนิก โดยมี
เงื่อนไขดังนี้
1) ครูแบ่งนักเรียนทั้งห้องออกเป็นกลุ่ม 2 กลุ่ม เพื่อให้เป็นตัวแทนของไอออนบวกและ
ไอออนลบ เช่น แบ่งกลุ่มนักเรียนชายและนักเรียนหญิง ท าปูายสัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ชัดของทั้งสองกลุ่ม
2) ให้นักเรียนทั้งหมดยืนเป็นรูปสี่เหลี่ยม (นักเรียนควรยืนซ้อนกันอย่างน้อย 3 แถว โดย
นักเรียนที่อยู่ต่างกลุ่มกันให้ยืนชิดกัน แต่นักเรียนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันห้ามยืนชิดกัน
3) ให้นักเรียนที่ยืนอยู่หัวแถวด้านใดด้านหนึ่งออกมาวาดรูปจ าลองการจัดเรียงไอออนบน
กระดาน
2.4 ครูน านักเรียนศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับสารประกอบไอออนิกเกิดจากการจัดเรียงตัวของไอออน
ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน 40-41
2.5 นักเรียนท าใบงาน เรื่อง ไอออนที่พบในชีวิตประจ าวัน
ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป
3.1 จากการท ากิจกรรมการจัดเรียงของไอออนในสารประกอบไอออนิก ครูและนักเรียน ร่วมกัน
อภิปรายรูปจ าลองการจัดเรียงไอออนจากกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า
สารประกอบไอออนิกเกิดจากการจัดเรียงตัวของไอออนบวกและไอออนลบสลับ
ต่อเนื่องกันไป โดยในกิจกรรมนี้เป็นการจัดเรียงใน 2 มิติ
้
3.2 จากนั้นให้พิจารณารูป 2.9 ซึ่งแสดงการจัดเรียงไอออนใน 3 มิติ แลวให้นักเรียนชี้ต าแหน่งของ
พันธะไอออนิก ซึ่งควรชี้ได้ทุกต าแหน่งที่อยู่ระหว่างไอออนบวกและไอออนลบ
3.3 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสารประกอบไอออนิกและไอออนที่พบในชีวิตประจ าวัน
ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับศัพท์น่ารู้ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน หน้า 41
ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล
5.1 ครูถามค าถามเกี่ยวกับการเกิดพันธะไอออนิก จ านวน 3 ข้อ ให้นักเรียนท าส่งในสมุด
1) จงอธิบายความหมายการเกิดพันธะไอออนิก (แนวการตอบ สารประกอบไอออนิก
ประกอบด้วยไอออนบวกที่ยึดเหนี่ยวกับไอออนลบด้วยพันธะเคมี)
2) ภาษาอังกฤษค าว่าพันธะไอออนิก (แนวการตอบ ionic bond)
3) พันธะไอออนิก ไอออนบวกและไอออนลบจัดเรียงตัวอย่างไร (แนวการตอบ ไอออน
ิ
บวกและไอออนลบจัดเรียงตัวสลับต่อเนื่องกันไปใน 3 มิต)
5.2 ครูตรวจใบงาน เรื่อง ไอออนที่พบในชีวิตประจ าวัน
129
ประยุกต์และตอบแทนสังคม
ครูให้นักเรียนแต่ละคนน าความรู้ที่เรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมที่ห้องสมุด หรือเว็บไซต์ แล้วน าเสนอใน
ชั้นเรียน
ู้
8. สื่อการเรียนร/แหล่งเรียนร ู้
8.1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 1
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)
8.2 ใบงาน เรื่อง สูตรเคมีของไอออนที่พบในชีวิตประจ าวัน
8.3 อินเทอร์เน็ต
8.4 ห้องสมุด
9. การวัดและประเมินผล
จุดประสงค์การเรียนร ู้ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนอธิบายการเกิดพันธะไอออนิกได 1) ถามค าถามเกี่ยวกับ 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนสามารถ
้
การเกิดพันธะไอออนิก ท ากิจกรรม ตอบค าถามได้ระดับ
จ านวน 3 ข้อ 2) ค าถามเกี่ยวกับ ดี ผ่านเกณฑ์
การเกิดพันธะไอออนิก
จ านวน 3 ข้อ
ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนเขียนสูตรเคมีของไอออนที่พบ 1) ตรวจใบงาน เรื่อง 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนท าใบงาน
ในชีวิตประจ าวันได ้ ไอออนที่พบใน ท ากิจกรรม ถูกต้อง ได้ระดับดี
ชีวิตประจ าวัน 2) ใบงาน เรื่อง ผ่านเกณฑ์
ไอออนที่พบใน
ชีวิตประจ าวัน
ด้านคุณลักษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการ 1) ถามค าถามเกี่ยวกับ 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนท าภาระ
ท างาน การเกิดพันธะไอออนิก ท ากิจกรรม งานที่ได้รับมอบหมาย
จ านวน 3 ข้อ 2) ค าถามเกี่ยวกับ ไดระดับดี ผ่านเกณฑ์
้
2) ตรวจใบงาน เรื่อง การเกิดพันธะไอออ
ไอออนที่พบใน นิก จ านวน 3 ข้อ
ชีวิตประจ าวัน 3) ใบงาน เรื่อง
ไอออนที่พบใน
ชีวิตประจ าวัน