48
และกนั ในเชงิ เปรียบเทยี บประเมินจุดดีหรือจดุ ดอ้ ยปรับปรุง หรอื ทบทวนใหม่ และใหค้ รไู ด้
ประเมนิ กระบวนการสรา้ งองคค์ วามร้ใู หมข่ องผู้เรยี นเนน้ การประเมนิ ตามสภาพจรงิ ในระหวา่ งการ
จดั การเรยี นรู้ เพือ่ ปรบั ปรงุ พฒั นาการเรยี นรขู้ องผ้เู รยี น
บรรยากาศการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ควรมลี ักษณะดังนี้
1. บรรยากาศภายในห้องเรยี น
1.1 เปน็ บรรยากาศการโตต้ อบกันระหวา่ งครูกับนกั เรยี น และนกั เรียนกบั นกั เรียน
อย่างสร้างสรรค์ สมเหตุสมผล
1. 2 เปน็ บรรยากาศที่นักเรยี นรู้สึกอบอ่นุ ใจ ปลอดภัย ปราศจากการตาหนิ
วพิ ากษ์ วจิ ารณค์ วามคิด ไมม่ กี ารตัดสินวา่ ถกู หรอื ผดิ
1.3 บรรยากาศตน่ื เตน้ น่าสนใจ สนกุ สนาน เพอ่ื ให้การเรียนรู้เปน็ แบบสร้างสรรค์
และอสิ ระ
1. 4 นักเรยี นสนใจ กระตือรือรน้ ให้ความรว่ มมอื ในการทากิจกรรม
2. ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งครกู ับนกั เรียน
2.1 ครูเปน็ กลั ยาณมิตรกบั นักเรยี น เปน็ กนั เอง ให้กาลังใจแกน่ กั เรียน
2.2 ครูใจกวา้ ง ใหน้ ักเรยี นโตแ้ ย้งได้ ยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของนักเรยี น
2.3 ครูให้คาปรกึ ษา ชีแ้ นะ และชว่ ยเหลอื นักเรยี น
3. ปฏิสัมพันธ์ระหวา่ งนกั เรียนกบั นักเรยี น
3.1 ร่วมมือร่วมใจในการทากิจกรรม ชว่ ยกนั คดิ ช่วยกนั ทางาน ถอ้ ยทีถ้อยอาศัย
3.2 อภปิ รายซกั ถามแลกเปลย่ี นความคิดเห็นกนั และโต้แย้งกนั อย่างสร้างสรรค์
49
ใบงานที่ 1
เรอ่ื งการเขยี นแผนผังมโนทศั น์
กลุม่ ท่ี................... ประธานกลมุ่
1………………………………………………… เลขที่……… รองประธานกลม่
2…………………………………………………. เลขที่ ……… กรรมการ
3…………………………………………………. เลขท่ี ……… กรรมการ
4………………………………………………… เลขที่ ……… กรรมการ
5…………………………………………………. เลขที่……… เลขานกุ าร
6………………………………………………… เลขท่ี………
จุดประสงค์
นกั เรยี นลงขอ้ สรุปการศกึ ษา จากเนอ้ื หาเรอื่ ง โดยการเขียนแผนผังมโนทศั น์
คาช้แี จง
จากการศกึ ษา ใบความรทู้ ่ี 1 เรอื่ งเน้ือหาสาระหนว่ ยการเรียนร้เู รื่องพันธะเคมี และใบความรู้
ที่ 2 เรื่องรปู แบบการจัดกระบวนการเรยี นแรบู้ บสบื เสาะหาความรู้ (5E)
1. ใหน้ กั เรยี นเขยี นแผนผงั มโนทัศน์ สรุปเรอื่ งท่ีเกย่ี วกบั เร่อื งพันธะเคมี
2. ใหน้ กั เรียนเขยี นแผนผงั มโนทัศน์ สรปุ เรอื่ งทีเ่ กย่ี วกบั รูปแบบการจดั กระบวนการเรยี นรู้
แบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
50
1. แผนผงั มโนทศั น์เรือ่ งพนั ธะเคมี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
เรือ่ งพันธะเคมี ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4
เนือ้ หา กจิ กรรม การวดั ผล
51
2. แผนผงั มโนทัศน์เร่ืองรูปแบบการจัดกระบวนการเรียนแรบู้ บสืบเสาะหาความรู้
รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหา
ความรู้
บรรยากาศการเรียนการสอน ข้นั ตอนการจดั กจิ กรรม
52
เฉลยใบงานท่ี 1
เรือ่ งการเขยี นแผนผงั มโนทศั น์
เร่อื งพันธะเคมี ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
เนื้อหา กจิ กรรม การวดั ผล
ขน้ึ อยูก่ บั ดลุ พนิ ิจของครูผู้สอน
53
2. แผนผงั มโนทัศนเ์ รอื่ งรปู แบบการจัดกระบวนการเรยี นแรบู้ บสบื เสาะหาความรู้
รูปแบบการจดั กระบวนการเรียนรแู้ บบสืบ
เสาะหาความรู้
บรรยากาศการเรยี นการสอน ขนั้ ตอนการจัดกิจกรรม
บรรยากาศภายใน ปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหว่าง 1. ขน้ั สรา้ งความ
ห้องเรยี น ครกู บั นักเรยี น นกั เรียนกับนักเรียน สนใจ (Engage)
1.1 เปน็ บรรยากาศการ 2.1 ครเู ป็น 3.1 รว่ มมือร่วมใจในการ 2. ข้นั สารวจและ
โต้ตอบกนั ระหวา่ งครกู บั กลั ยาณมิตรกบั ทากจิ กรรม ชว่ ยกนั คิด คน้ หา (Explore)
นกั เรยี น และนกั เรียนกับ นักเรียน เปน็ กันเอง ช่วยกันทางาน ถ้อยที
นกั เรียน ใหก้ าลังใจแกน่ ักเรียน ถ้อยอาศัย 3. ขนั้ อธบิ ายและลง
ขอ้ สรุป (Explain)
1.2 เป็นบรรยากาศท่ี 2.2 ครูใจกวา้ ง ให้ 3.2 อภิปรายซักถาม
นักเรียนรูส้ กึ อบอุ่นใจ นกั เรียนโต้แย้งได้ แลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ 4. ขั้นขยายความรู้
ปลอดภัย ม่มีการตัดสิน ยอมรับฟังความ กันและโต้แยง้ กันอยา่ ง (Elaborate)
ว่าถูกหรือผิด คดิ เหน็ ของนักเรยี น สรา้ งสรรค์
5. ขน้ั ประเมนิ ผล
1.3 บรรยากาศตื่นเต้น 2.3 ครูให้คาปรกึ ษา (Evaluate)
นา่ สนใจ สนกุ สนาน ชแ้ี นะ และช่วยเหลอื
นกั เรยี น
1.4 นกั เรียนสนใจ
กระตือรือร้น ใหค้ วาม
รว่ มมือในการทากจิ กรรม
54
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 1
เร่ือง การเกดิ พันธะและชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4
2
รายวิชา ว31221 เคมี 1 ภาคเรยี นที่
เวลา 2 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 พนั ธะเคมี
ชั่วโมงท่ี 1 สอนวนั ท่ี เดือน พ.ศ.
พ.ศ.
ชัว่ โมงที่ 2 สอนวัน ที่ เดือน
1. สาระสาคัญ
พนั ธะโค เวเลนต์เปน็ แรงยึดเหนีย่ วระหว่างอะตอมของอโลหะโดยอะตอมแตล่ ะอะตอมใช้เวเลนซ์
อิเล็กตรอนร่วมกนั เปน็ คๆู่ เพ่ือให้มเี วเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนเปน็ ไปตามกฎออกเตต พันธะโคเวเลนต์ แบ่งเปน็
3 ชนิด โดยอาศัยจานวนอิเลก็ ตรอนครู่ ่วมพนั ธะเป็นเกณฑคือ์ พนั ธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสาม
2. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหว่างสมบตั ิ
ของ สสารกบั โครงสร้างและแรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติ ของการเปลีย่ นแปลง
สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิด ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ตัวชวี้ ดั
ว 2.1 ม.4-6/4 วิเคราะห์และอธิบายการเกดิ พนั ธะเคมีในโครงผลึกและในโมเลกุลของสาร
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 จุดประสงคด์ ้านความรู้ (K)
3.1.1 อธิบายการเกดิ พันธะโคเวเลนตแ์ ละระบชุ นดิ ของพนั ธะได้
3.1.2 บอกความหมายของอเิ ลก็ ตรอนคู่รว่ มพันธะและอเิ ล็กตรอนคโู่ ดดเด่ยี ว รวมท้งั อธิบาย
การเกิดพนั ธะเดีย่ ว พนั ธะคู่ และพันธะสามได้
3.2 จุดประสงค์ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
3.2.2 สามารถแสดงความคิดเหน็ และสามารถเขียนถงึ การเกิดพนั ธะโคเวเลนต์ได้
3.2.2 สามารถตดั สินใจและระบชุ นิดของพันธะได้
3.3 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
55
3.3.1 ซอ่ื สัตย์สุจรติ
3.3.2 มวี นิ ยั
3.3.3 ใฝเ่ รยี นรู้
3.3.4 มุ่งมนั่ ในการทางาน
4. สาระการเรียนรู้
พันธะโคเวเลนต์เกดิ จากอะตอมของอโลหะรวมกัน โดยการนาเวเลนซอ์ ิเล็กตรอนมาใช้
รว่ มกันเป็นคู่ๆ เพอ่ื ให้มีอิเลก็ ตรอนวงนอกสดุ เท่ากบั 8 หรือเปน็ ไปตามกฎออกเตต คลา้ ยกบั ธาตุ
หมู่ VIIIA อเิ ล็กตรอนทใี่ ช้ร่วมกันเป็นคู่ ๆ เรียกว่าอเิ ล็กตรอนคู่รว่ มพนั ธะ สว่ นอิเล็กตรอนคูท่ ไ่ี ม่ได้
ใช้สร้างพันธะ เรยี กวา่ อิเลก็ ตรอนคโู่ ดดเด่ียว
พนั ธะโคเวเลนต์แบ่งตามจานวนอิเล็กตรอนทใ่ี ช้สร้างพนั ธะได3้ ชนิด คอื พนั ธะเด่ียว อะตอม
ใช้อิเลก็ ตรอนรว่ มกัน 1 คู่ (:) ใช้ – แทนพนั ธะเดี่ยวพันธะคู่ อะตอมใชอ้ เิ ล็กตรอนรว่ มกัน 2 คู่ (::)
ใช้ = แทนพนั ธะคู่ และพนั ธะสาม อะตอมใช้อเิ ลก็ ตรอนรว่ มกนั 3 คู่ (⋮⋮) ใช้ แทน พันธะสาม
5. ช้ินงาน/ภาระงาน
5.1 แบบทดสอบเรอื่ งการเกิดพนั ธะและชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์ จานวน 5 ข้อ
5.2 สรุปเน้อื หาเรอ่ื งการเกิดพนั ธะและชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์
5.3 ทากจิ กรรมท่ี 1 เรอ่ื งจบั คู่พนั ธะและชนิดของพันธะของโคเวเลนต์
5.4 ทาใบงานที่ 2 เรอื่ งการเกิดพนั ธะและชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์
6. การประเมินผล
6.1 ความรู้
การทดสอบ วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์ทใ่ี ช้ ระดับ เกณฑ์
ประเมนิ คุณภาพ การผ่าน
อธิบายการเกดิ ตรวจแบบ
พนั ธะและชนิดของ ทดสอบ แบบทดสอบ ตอบถกู 4-5 ข้อ ดมี าก ถูกต้งั แต่ 3 ขอ้
พันธะโคเวเลนต์ จานวน 5 ขอ้
ตอบถกู 2-3 ขอ้ ดี ขึ้นไปหรือร้อย
ตอบถูก 0-1 ข้อ พอใช้ ละ 70 ขน้ึ ไป
56
1.2 ทกั ษะ/กระบวนการ/ทักษะการคดิ
ภาระ/ชนิ้ งาน วิธกี ารวัด เคร่อื งมือ เกณฑ์ทใ่ี ช้ ผ้ปู ระเมิน
ประเมนิ
1. เขียนแผนผังมโนทัศนส์ รปุ เนอ้ื หาเรือ่ ง - สงั เกต นักเรยี น
การเกิดพันธะและชนดิ ของพันธะ พฤติกรรม - แบบ ผา่ นระดับ ครู
โคเวเลนต์ การปฏบิ ตั ิงาน
ของกลมุ่ ประเมนิ ดีขน้ึ ไป
การปฏิบตั ิงาน
กลุ่ม
2. ทาบตั รกจิ กรรมที่ 1 เรือ่ งจับคู่พันธะ - การตรวจ - แบบตรวจ ผ่านระดบั ครู
และชนิดของพันธะของโคเวเลนต์ ผลงาน ผลงาน ดีขึน้ ไป
3. ทางานจากใบงาน ที่ 2 เรอื่ งการเกดิ -การตรวจ -แบบตรวจ ผา่ นระดับ เพอ่ื น
พนั ธะและชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์ ผลงาน ผลงาน ดขี ้นึ ไป ครู
1.3 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
ภาระ/ชน้ิ งาน วธิ ีการวัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์ทใี่ ช้ ผู้ประเมิน
ประเมิน ครู
-ซือ่ สตั ย์สจุ รติ -สงั เกตพฤตกิ รรมความ -แบบประเมนิ ผ่านระดับ
- มวี นิ ัย ซอ่ื สตั ย์ มีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ คุณภาพดีขน้ึ
-ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทางาน อันพึงประสงค์ ไป
-มุ่งมนั่ ในการทางาน
57
2. กจิ กรรมการเรียนรู้
กจิ กรรม ส่อื และแหล่งเรยี นรู้
ชวั่ โมงที่ 1 สื่อการเรยี นรู้
ขั้นสร้างความสนใจ (Engage) 1. แบบทดสอบเรอื่ งการเกิดพันธะ
1. นกั เรียนและครูร่วมกนั สนทนาเพื่อทบทวนความรู้ และชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์
เกี่ยวกบั สมบัติของธาตุในตารางธาตุ โดยใช้ประเด็นคาถาม 2. สื่อ Power point
ดงั ต่อไปน้ี
3. ใบความรทู้ ่ี 3 เร่ืองการเกดิ
- ธาตหุ มู่ใดมเี สถียรภาพมากทีส่ ุด (หมู่ VIIIA)
พนั ธะและชนิดของพันธะ
- ธาตุท่ีเสถยี รทสี่ ดุ มีการจัดเรยี งอเิ ล็กตรอนอย่างไร โคเวเลนต์
( มเี วเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนครบ 8)
4. หนงั สือเรยี น รายวิชาเพมิ่ เตมิ
- ธาตทุ ่ีไม่เสถยี รมเี วเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนเท่าใด และมักจะพบใน เคมี เลม่ 1 ของสสวท.
รปู ใด (ไม่ครบ 8)
5. หนงั สือคมู่ อื ครู รายวชิ า
ข้นั การสารวจและค้นหา (Explore)
เพิม่ เติม เคมี เลม่ 1 ของสสวท.
2. แบ่งนักเรยี นเป็นกลมุ่ ๆ ละ 6–7 คน โดยคละเพศ 6. บัตรกจิ กรรมที่ 1 เรอื่ งจบั คู่
คละผลการเรียนเก่ง ปานกลาง อ่อน แลว้ เลอื กประธานกลมุ่ พนั ธะและชนิดของพนั ธะของ
กรรมการ และเลขานกุ ารกลุ่มหรอื เปน็ กลมุ่ เดิมทีแ่ บง่ กลุ่มจาก โคเวเลนต์
ช่วั โมงเรยี นท่ผี า่ นมา
7. ใบงานท่ี 2 เรอื่ งการเกดิ พันธะ
3. นกั เรยี นภายในกลุ่มแต่ละกลุ่มร่วมกันศกึ ษาเก่ยี วกบั และชนิดของพนั ธะโคเวเลนตก์ าร
การเกิดพันธะโคเวเลนต์ จากส่อื Power point และตอบ
เกดิ พนั ธะและชนดิ ของพันธะ
คาถามจากประเด็นคาถาม ดงั ต่อไปน้ี
โคเวเลนต์
- อะตอมของธาตไุ ฮโดรเจนทง้ั สองอะตอม จะรวมเป็น แหล่งเรยี นรู้
โมเลกลุ ไดอ้ ยา่ งไร (อะตอมเขา้ ใกลก้ นั ในระยะทเ่ี หมาะสม คอื มี 1. ห้องสมุดโรงเรียน
แรงดึงดดู สมดลุ กบั แรงผลกั ) 2. ห้องอินเตอรเ์ นต็ โรงเรียน
- อิเล็กตรอนคู่ทใี่ ชร้ ว่ มกันเปน็ ของอะตอมใด (เปน็ ของ 3. หอ้ งปฏบิ ตั ิการกลมุ่ สาระ
ทง้ั สองอะตอม) วทิ ยาศาสตร์
- แรงดึงดูดทีเ่ กิดจากอะตอมทงั้ สองส่งแรงดึงดูดระหวา่ ง 4. จากเวบ็ ไซน์
นวิ เคลยี สกบั อเิ ลก็ ตรอนของท้ังสองอะตอมเรยี กว่าอะไร www.google.com
(พนั ธะโคเวเลนต์) 5. หนงั สอื เตรยี มสอบ
O-Net และ A-Net
4. นาเสนอกราฟแสดงการเปล่ียนแปลงพลงั งานในการ
เกิดโมเลกุลไฮโดรเจน โดยศกึ ษาผา่ นส่อื Power Point เพื่อ
กิจกรรม 58
ร่วมกนั อภปิ ราย โดยใช้คาถามดังต่อไปน้ีน้ี สื่อและแหล่งเรยี นรู้
- เมอ่ื อะตอมท้ังสองของไฮโดรเจนส่งแรงดงึ ดดู มากขึ้น
อะตอมทง้ั สองจะเขา้ ใกล้กนั ในระยะทเี่ หมาะสมพลงั งานศักย์ของ
อะตอมเปน็ อยา่ งไร (จะลดลงเรอ่ื ยๆ)
- ถา้ อะตอมเขา้ ใกลก้ ันมากข้นึ จะยังคงเป็นโมเลกุลอยู่
หรอื ไม่ (แรงผลักระหว่างนิวเคลียสจะมากขึ้น ทาใหพ้ ลังงาน
ศกั ยส์ งู ข้ึน อะตอมท้ังสองไม่มีโอกาสเขา้ ใกลก้ ันมากกวา่ น้ี จะไม่
ทาใหเ้ กดิ โมเลกุลได้)
ชั่วโมงท่ี 2
ข้ันการอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explain)
5. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนรับใบความรู้ที่ 3 เรอื่ ง
การเกิดพนั ธะและชนิดของพันธะโคเวเลนต์ สมาชิกภายในกลมุ่
ร่วมกันศกึ ษาและสรุปเนอื้ หาเก่ียวกบั การเกิดพนั ธะและชนดิ ของ
พนั ธะโคเวเลนต์ หรอื ศกึ ษาเพมิ่ เติมจากหนงั สือเรียน วิชา เคมี 1
ของสสวท. หนา้ 63 – 68
6. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนรบั บัตรกิจกรรมที่ 1
เร่อื งการจับคู่พันธะและชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์ โดยสมาชิกใน
กลุ่มร่วมการศึกษาและสรปุ ความคดิ เห็นเกยี่ วกบั คาตอบทไ่ี ด้
7. นกั เรียนเปล่ยี นกนั ตรวจใบกจิ กรรมที่ 1 โดยครูและ
นกั เรยี นร่วมกนั เฉลย
- สารประกอบโคเวเลนตเ์ กิดจากธาตุอโลหะ ท่ีมคี ่า
พลังงานไอออไนเซชันสงู นาเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนมาใชร้ ่วมกัน
เพ่อื ใหม้ กี ารจัดเรยี งอเิ ล็กตรอนเหมอื นก๊าซเฉ่อื ย
- อเิ ลก็ ตรอนท่ใี ชร้ ว่ มกันเป็นคู่ๆ เรียกว่า อิเล็กตรอนคู่
รว่ มพนั ธะ ส่วนอเิ ล็กตรอนท่ไี ม่ได้สรา้ งพนั ธะเรียกวา่
อเิ ล็กตรอนคโู่ ดดเดย่ี ว
- พนั ธะโคเวเลนตแ์ บ่งตามจานวนอิเลก็ ตรอนคู่ร่วมพนั ธะได้
3 ชนดิ คอื พันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพนั ธะสาม
กิจกรรม 59
สื่อและแหล่งเรยี นรู้
ข้นั ขยายความรู้ (Elaborate)
9. ใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งว่ามีสารประกอบใดบา้ งท่ยี ดึ
เหนี่ยวกันด้วยพันธะโคเวเลนตก์ ล่มุ ละ 5 ตัวอย่าง
( CO CO2 BF3 Cl2O H2O )
10. ครูอธบิ ายใหค้ วามรเู้ พม่ิ เติมเกย่ี วกับการเกิดโมเลกลุ
โคเวเลนตท์ ี่ไม่เป็นไปตามกฎออกเตต คอื มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนไม่
ครบ 8 และพนั ธะโคออดิเนตโคเวเลนต์ คอื พนั ธะท่ีเกิดจาก
อะตอมของธาตหุ น่ึงมาใช้คู่อเิ ลก็ ตรอนของอกี อะตอมหนง่ึ
11. นกั เรยี นรว่ มกันพิจารณาสารประกอบที่พบใน
ชวี ิตประจาวนั เช่น H2O CO Cl2 CO2 O2 N2 NH3
สารประกอบเหล่านี้ยึดเหนยี่ วกันด้วยพนั ธะโคเวเลนต์หรอื ไม่
และเปน็ พันธะโคเวเลนต์ชนิดใด(ยึดเหน่ยี วกนั ด้วยพนั ธะ
โคเวเลนต์ ชนดิ พนั ธะเดี่ยว ได้แก่ H2O Cl2 NH3 พนั ธะคู่
ได้แก่ CO2 O2 และพันธะสามได้แก่ CO N2 )
12. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายจนได้ขอ้ สรุป
ข้นั การประเมนิ ผล (Evaluate)
13. นกั เรยี นแตล่ ะคนรบั ใบงานที่ 2 เร่ืองการเกิดพนั ธะ
และชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์
14. นักเรียนทาใบงานท่ี 2 เร่ืองการเกิดพนั ธะและชนดิ
ของพันธะโคเวเลนต์ โดยครสู ังเกตพฤติกรรมอย่างใกลช้ ิด
15. นกั เรียนทกุ คนส่งใบงานที่ 2 เรื่องการเกิดพนั ธะและ
ชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์
16. ครตู รวจใบงานที่ 2 เร่อื งการเกิดพนั ธะและชนิดของ
พันธะโคเวเลนต์
17. นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน เรอ่ื งการเกิดพนั ธะ
และชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์ ซ่งึ เปน็ ขอ้ สอบปรนยั ชนดิ
เลอื กตอบ 4 ตวั เลอื ก จานวน 5 ข้อ
18. เขียนแผนผังมโนทัศนส์ รปุ เนอื้ หาเร่ือง การเกิดพันธะ
และชนิดของพันธะโคเวเลนต์สง่ ในชั่วโมงตอ่ ไป
60
8. กิจกรรมเสนอแนะ
นักเรยี นทยี่ ังเรยี นไม่เขา้ ใจ หรอื เรยี นไมท่ นั เพ่อื นสามารถนาใบความรู้ กลบั ไปเรยี นต่อที่
บา้ นหรอื สามารถศึกษาได้จากแหล่งเรียนรตู้ า่ งๆ และใหเ้ พื่อนชว่ ยแนะนานอกเวลาเรยี นและสามารถ
วัดผลประเมินผลอกี ครัง้ จนนกั เรยี นสามารถผ่านตามเกณฑก์ ารประเมินผล
9. บนั ทึกผลหลงั สอน
9.1 ผลการสอน
1) นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ
ผลการตรวจแบบทดสอบ นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมิน คิดเปน็ ร้อยละ 60.25
ของนกั เรยี นทัง้ หมด
2) นกั เรยี นมีความสามารถด้านทกั ษะกระบวนการ
ผลการตรวจการ เขียนแผนผังมโนทัศนส์ รปุ เนอื้ หาเรือ่ ง การเกิดพนั ธะและชนิด
ของพันธะโคเวเลนต์นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ดีขน้ึ ไป คิดเป็นร้อยละ 64.82
ของนักเรยี นทง้ั หมด
ผลการตรวจผลงานใบงานท่ี 1 และ 2 นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับดี
ขึ้นไป คิดเป็นรอ้ ยละ 63.07 ของนักเรียนทัง้ หมด
3) นักเรียนมีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด
9.2 ปญั หา/อุปสรรค
1) นักเรียนไม่กล้าแสดงความคิดเห็นในกลุม่ เท่าทค่ี วร
2) นกั เรยี นไม่ทบทวนบทเรียนลว่ งหนา้ มาก่อน
9.3 แนวทางปรับปรงุ การเรยี นการสอนคร้งั ต่อไป
ควรแนะนาแนวทางในการทากิจกรรมอย่างใกล้ชิด
ลงชอ่ื ........................................................ นางคุณากร คาสุข)
( ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ
61
10. ความคดิ เหน็ ของหวั หน้ากลมุ่ บริหารวิชาการ
เป็นแผนการจดั การเรยี นร้ทู ีค่ รบองคป์ ระกอบ กิจกรรมการเรียนรูเ้ น้นผ้เู รยี นเป็นสาคญั
สอ่ื การเรียนการสอน และการวดั ผลประเมนิ ผลสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นรู้ เหน็ ควรอนุญาต
ให้ใชจ้ ดั การเรยี นการสอนได้
ลงชอื่ ……………………………………………………
(นางพรพริ ุณ แจง้ ใจ)
หวั หนา้ กลมุ่ บริหารวิชาการ
11. ความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน
อนุญาตใหใ้ ช้จัดการเรียนการสอนได้
ลงชอ่ื ……………………………………………………
(นางลัดดา ผาพันธ์)
ผ้อู านวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศกึ ษา
วันที่ ....... เดอื น...........................พ.ศ...........
62
ส่ือ Power Point
เร่อื ง การเกดิ พนั ธะและชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์
63
ใบความรู้ที่ 3
เรื่องการเกิดพันธะและชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์
การเกิดพันธะโคเวเลนต์
การสร้างพันธะโค เวเลนต์ มหี ลกั การของการเกิดพันธะโค เวเลนต์ ซงึ่ ศึกษาไดจ้ ากการเกิด
พันธะระหวา่ งอะตอมของธาตุไฮโดรเจนเป็นโมเลกุลของแก๊สไฮโดรเจน ดงั น้ี
1. อะตอมของธาตไุ ฮโดรเจนมีอิเลก็ ตรอนเคลอ่ื นทไี่ ปรอบๆ นวิ เคลยี สซึ่งมีประจุไฟฟา้ +1
อิเลก็ ตรอนและนิวเคลยี สจะดงึ ดูดซ่งึ กนั และกนั มีลักษณะเป็นกล่มุ หมอกรปู ทรงกลม
2.เมอื่ อะตอมของไฮโดรเจนเคลื่อนท่ีเขา้ ใกลก้ ันจะมีแรงเกยี่ วข้องระหว่างอะตอม ดงั นี้
- แรงดึงดดู ระหว่างอิเล็กตรอนของอะตอมหนง่ึ กบั นิวเคลยี สของอีกอะตอมหนงึ่
- แรงผลกั ระหว่างอิเล็กตรอนกับอเิ ลก็ ตรอนของทั้งสองอะตอม
- แรงผลักระหว่างนวิ เคลียสกบั นิวเคลยี สของทั้งสองอะตอม
3. ขณะที่อะตอมเคลอ่ื นทีเ่ ขา้ หากนั พลงั งานศักยข์ องอะตอมจะลดลงเรอ่ื ยๆ จนกระทั่ง
อะตอมเขา้ ใกลก้ นั มากท่ีสุด จะอยใู่ นภาวะทเี่ สถยี รท่สี ุด เป็นภาวะที่มีความสมดุลระหว่างแรงดึงดูด
กับแรงผลัก มีผลทาให้นวิ เคลยี สของอะตอมไมแ่ ยกจากกัน และใชอ้ เิ ลก็ ตรอนร่วมกันในการสง่ แรง
ไปดงึ ดดู นิวเคลียสซง่ึ กนั และกัน เรยี กว่า การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์
64
ชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์
โมเลกลุ โคเวเลนต์มลี ักษณะดังนี้
1. เกดิ จากอะตอมของธาตุประเภทอโลหะ ซึง่ ส่วนใหญ่มีเวเลนซอ์ ิเล็กตรอน 4 – 7 หรอื
ธาตุ ทม่ี ีคา่ อเิ ลก็ โตรเนกาตวิ ิตสี งู รวมท้งั ธาตุ Be และ B นาเวเลนซ์อิเล็กตรอนมาใช้รว่ มกนั เป็น
ค่ๆู เพื่อสร้างพันธะโดยอเิ ล็กตรอนทีใ่ ชร้ ว่ มกันในการสรา้ งพันธะ เรยี กว่า “อิเลก็ ตรอนค่รู ่วมพนั ธะ”
เพื่อใหม้ เี วเลนซ์อิเลก็ ตรอนครบ 8 สว่ นอิเล็กตรอนคทู่ ่ไี มไ่ ด้ใช้สร้างพันธะ เรียกว่า “อเิ ลก็ ตรอนคู่
โดดเดย่ี ว”
2. จานวนเวเลนซอ์ เิ ล็กตรอนทแ่ี ต่ละอะตอมใชส้ รา้ งพนั ธะ คอื จานวนเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนท่ีไม่
ครบ8 ดงั ตวั อย่าง
ตัวอยา่ งที่ 1 การสรา้ งพันธะระหวา่ ง H กับ Clได้สารประกอบ HCl
ตวั อย่างท่ี 2 การสร้างพันธะระหวา่ งCl กับ Clไดส้ ารประกอบ Cl2
3. ชนิดของพันธะโคเวเลนตแ์ บ่งตามจานวนอเิ ล็กตรอนทใ่ี ช้สร้างพนั ธะ แบง่ ได้3 ชนดิ คือ
3.1 พนั ธะเด่ียว อะตอมใช้อิเลก็ ตรอนสร้างพันธะรว่ มกนั 1 คู่ (:) ใช้ แทน
พันธะเดีย่ ว
เชน่ H – Cl N – H
65
3.2 พนั ธะคู่ อะตอมใชอ้ ิเลก็ ตรอนสร้างพันธะร่วมกนั 2 คู่ (::) ใช้ แทนพนั ธะคู่
เช่น O O O C O
3.3 พนั ธะสาม อะตอมใชอ้ เิ ลก็ ตรอนสรา้ งพนั ธะร่วมกัน 3 คู่ (⋮⋮) ใช้ แทน
พนั ธะสาม เชน่ H – C N
4. โมเลกุลมที ง้ั โมเลกลุ ธาตุ เช่นCl2 O2และโมเลกุลสารประกอบ เชน่ HCl NH3 CO2
5. สารโคเวเลนตบ์ างชนิดประกอบดว้ ยพันธะโคเวเลนต์ทอี่ ิเล็กตรอนครู่ ่วมพนั ธะมาจากอะตอม
ใดอะตอมหน่งึ เท่านัน้ เรยี กพันธะน้ีว่า พนั ธะโคออดิเดตโคเวเลนต์ เช่น
NH3 + H+→ NH+4
แอมโมเนยี ไฮโดรเจน แอมโมเนยี มไอออน
โมเลกลุ โคเวเลนตท์ ไ่ี มเ่ ปน็ ไปตามกฎออกเตต
1. อะตอมกลางไม่ครบออกเตต เกิดจากธาตุ Be และ B สร้างพนั ธะโคเวเลนต์ดังนี้
BeCl2 BF3
Be เป็นอะตอมกลาง B เป็นอะตอมกลาง 6
มเี วเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนเท่ากับ 4 มเี วเลนซ์อิเลก็ ตรอนเท่ากับ
2. อะตอมกลางเกินออกเตตเช่น
PCl5 SF6 XeF4
PCl5 SF6
P เปน็ อะตอมกลาง S เปน็ อะตอมกลาง 12
มเี วเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนเทา่ กบั 10 มีเวเลนซอ์ เิ ล็กตรอนเท่ากับ
66
บตั รกจิ กรรมท่ี 1
เรอ่ื งจบั คู่พันธะและชนิดของพันธะโคเวเลนต์
จุดประสงค์ของกจิ กรรม
สามารถเขียนแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั การเกิดพันธะโคเวเลนต์และสามารถ
ตัดสนิ ใจเขยี นระบชุ นิดของพันธะได้
คาชีแ้ จง
1. ใหส้ มาชกิ ภายในกลุ่มรว่ มกันปฏิบัติกิจกรรมตอ่ ไปนีใ้ ห้เสรจ็ ภายในเวลา 20 นาที
2. ใหส้ มาชกิ ทกุ คนร่วมกันแสดงความคดิ เห็น และบันทกึ ผลการทากจิ กรรมใส่กระดาษ
ทเ่ี ตรยี มไวใ้ ห้
3. คดั เลอื กตัวแทนเพอ่ื นาเสนอผลการศึกษาหน้าช้ันเรียน
คาสง่ั
ใหน้ กั เรยี นพิจารณาค่ธู าตุทีก่ าหนดให้ แลว้ เลอื กธาตุคู่ทเ่ี กดิ พนั ธะโคเวเลนต์ พรอ้ มท้งั
ระบุชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์
1. Mg กับCl Na กบั O H กบั S Fe กับ O K กับ S
2. Mg กบั O N กบั Cl Ag กบั Cl Na กับCl Fe กับCl
3. Ba กับ S Mg กบั S Ca กับCl H กบั O Ba กบั Cl
4 Li กับ O Li กบั F K กบั O O กับ O Na กบั S
5. N กบั N Li กบั Cl K กับ I Sr กับ O Mg กับ F
67
แบบบนั ทึกตอบคาถามจากกจิ กรรม
1. ธาตคุ ู่ทีเ่ กดิ พนั ธะโคเวเลนต์คือ
...............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ชนิดของพันธะ
................................................................................................................................................................
2. ธาตุคู่ทเี่ กิดพันธะโคเวเลนตค์ อื
...............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ชนิดของพนั ธะ
................................................................................................................................................................
3. ธาตุคู่ท่ีเกดิ พันธะโคเวเลนต์คอื
...............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ชนิดของพนั ธะ
................................................................................................................................................................
4. ธาตุคู่ที่เกิดพันธะโคเวเลนตค์ อื
...............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ชนิดของพนั ธะ
................................................................................................................................................................
5. ธาตุคู่ที่เกดิ พันธะโคเวเลนต์คือ
...............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ชนิดของพนั ธะ
................................................................................................................................................................
68
ใบงานที่ 2
เรอื่ งชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์
คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนเตมิ คาตอบลงในช่องวา่ งใหถ้ กู ต้อง
1. อเิ ลก็ ตรอนค่รู ว่ มพนั ธะ หมายถึง.......................................................................................................
................................................................................................................................................................
2. อิเล็กตรอนค่โู ดดเดี่ยว หมายถึง
..............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
3. พันธะเดย่ี วเกดิ จาก.............................................................................................................................
................................................................................................................................................................
4. พนั ธะคเู่ กดิ จาก
...............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
5. พนั ธะสามเกิดจาก
...............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
6. จากสารประกอบที่กาหนดให้
SiO2 BeCl2 SO2 CO2 CCl4 PCl5 BF3
O3 Cl2 N2 NO NH3 NH4+
6.1โมเลกลุ ทอ่ี ะตอมกลางไม่มอี ิเลก็ ตรอนคโู่ ดดเดี่ยว คอื ...........................................................
..............................................................................................................................................................
6.2 โมเลกุลท่ไี ม่เป็นไปตามกฎออกเตต คอื ....................................................................................
..............................................................................................................................................................
6.3 โมเลกุลท่เี ป็นชนดิ พนั ธะคู่ คือ .................................................................................................
..............................................................................................................................................................
6.4 โมเลกลุ ท่ีมีพันธะโคออดิเนตโคเวเลนต์ คือ ..............................................................................
....................................................................................................................................................... .......
69
แบบทดสอบ
เร่ือง การเกิดพันธะและชนิดของพันธะโคเวเลนต์
คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นทาเคร่ืองหมาย ( ) ทบั อักษร ก ข ค ง ข้อใดข้อหน่ึงท่ีเห็นวา่ ถูกต้องที่สดุ
เพียงข้อเดยี ว ลงในกระดาษคาตอบ
1. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้กล่าวถงึ พันธะโคเวเลนตไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง
ก. เกิดจากโลหะเสียอเิ ลก็ ตรอนให้กบั อโลหะ ข. เกดิ จากอโลหะเสียอเิ ล็กตรอนใหก้ ับโลหะ
ค. เกิดจากอโลหะใชอ้ ิเล็กตรอนรว่ มกนั ง. เกดิ จากโลหะใช้อเิ ลก็ ตรอนรว่ มกนั
2. ข้อใดต่อไปนี้สรปุ ได้ถกู ต้องเก่ยี วกบั พลงั งานพนั ธะในโมเลกุลทม่ี ี C สร้างพันธะกัน
ก. พนั ธะเด่ยี ว พนั ธะคู่ พันธะสาม ข. พนั ธะเด่ียว พันธะคู่ พันธะสาม
ค. พนั ธะเด่ียว พนั ธะคู่ พันธะสาม ง. พนั ธะเดยี่ ว พนั ธะคู่ พันธะสาม
3. เหตใุ ดสารโคเวเลนต์จึงมจี ุดเดือด จุดหลอมเหลวตา่
ก. สารโคเวเลนต์มแี รงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกลุ น้อย
ข. สารโคเวเลนตม์ กั สลายตัวได้งา่ ย
ค. สารโคเวเลนตไ์ ม่มปี ระจไุ ฟฟ้า
ง. สารโคเวนเลนต์มักมโี มเลกุลขนาดเล็ก
4. พจิ ารณาสารต่อไปนี้
H2S NH3 BF3 PBr5 HF
(I) ( II) ( III) (IV) ( V)
ขอ้ ใดต่อไปน้ีทส่ี รปุ เกยี่ วกับสารท่ีกาหนดให้ไดถ้ ูกตอ้ ง
ก. สาร (I), (III) และ (IV) เทา่ นนั้ เปน็ สารประกอบโคเวเลนต์
ข. สาร (II), (III), (IV) และ (V) เท่านัน้ เปน็ สารประกอบโคเวเลนต์
ค. สาร (I) และ (II)เท่านน้ั ที่อะตอมตา่ งๆ มีเวเลนซอ์ เิ ลก็ ตรอนเปน็ ไปตามกฎออกเตต
ง. สาร (III) และ (IV)เท่าน้ัน ทีอ่ ะตอมต่างๆ มเี วเลนซ์อิเล็กตรอนไมเ่ ปน็ ไปตามกฎออกเตต
5. ถ้า A , B และ C เป็นสารโคเวเลนต์ 3 ชนิด โดยทง้ั 3 ชนดิ มสี ถานะเป็นของเหลว โมเลกุล
ของสาร A และ B มีขั้ว สว่ นโมเลกุลของสาร C ไม่มขี ั้ว สารในข้อใดต่อไปนี้สามารถละลายนา้ ได้
ก. สาร A เเละ B ข. สาร A และ C
ค. สาร B และ C ง. สาร C
70
เฉลยบตั รกจิ กรรมท่ี 1
เรือ่ งจับคู่พนั ธะและชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์
แบบบนั ทึกตอบคาถามจากกจิ กรรม ชนดิ ของพันธะ พันธะเดีย่ ว
1. ธาตคุ ู่ที่เกิดพันธะโคเวเลนต์คือ H กบั S
2. ธาตุคทู่ ีเ่ กิดพันธะโคเวเลนต์คือ N กับ Cl ชนดิ ของพันธะ พันธะเดีย่ ว
3. ธาตคุ ู่ทเ่ี กิดพนั ธะโคเวเลนต์คอื H กับ O ชนดิ ของพนั ธะ พันธะเดยี่ ว
4. ธาตคุ ทู่ เี่ กดิ พันธะโคเวเเลนต์คอื O กับ O ชนิดของพนั ธะ พนั ธะคู่
5. ธาตุคู่ทีเ่ กิดพนั ธะโคเวเลนตค์ ือ N กับ N ชนดิ ของพนั ธะ พนั ธะสาม
71
เฉลยใบงานท่ี 2
เรือ่ งชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์
คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นเติมคาตอบลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง
1. อิเล็กตรอนค่รู ว่ มพนั ธะ หมายถงึ อเิ ล็กตรอนคู่ที่อะตอมใชร้ ่วมกัน
2. อเิ ล็กตรอนค่โู ดดเดย่ี ว หมายถงึ อเิ ล็กตรอนคู่ทีไ่ ม่เกิดพันธะโคเวเลนซ์
3. พันธะเด่ียวเกดิ จาก อะตอมครู่ ว่ มพนั ธะกันใช้อเิ ล็กตรอนรว่ มกัน 1 คู่
4. พันธะคเู่ กดิ จาก อะตอมครู่ ว่ มพันธะกันใชอ้ ิเลก็ ตรอนร่วมกนั 2 คู่
5. พันธะสามเกดิ จาก อะตอมคู่รว่ มพนั ธะกนั ใชอ้ เิ ล็กตรอนรว่ มกนั 3 คู่
6. จากสารประกอบที่กาหนดให้
6.1 โมเลกลุ ที่อะตอมกลางไม่มีอเิ ลก็ ตรอนคูโ่ ดดเดีย่ ว คอื CCl4 SiO2 O2
BeCl2 BF3 PCl5 Cl2 และ N2
6.2 โมเลกลุ ที่ไม่เป็นไปตามกฎออกเตต คือ BeCl2 BF3 PCl5 NO
6.3 โมเลกลุ ท่เี ปน็ ชนดิ พันธะคู่ คอื CO2 SiO2 SO2 NO
6.4 โมเลกลุ ทม่ี พี ันธะโคออดิเนตโคเวเลนต์ คอื NH4+ SO2 O3
6.5 โมเลกลุ ทีเ่ ปน็ โมเลกุลของธาตุ คอื Cl2 N2 O2 O3
72
เฉลยแบบทดสอบ
เร่อื งการเกดิ พนั ธะและชนิดของพันธะโคเวเลนต์
1. ค
2. ข
3. ง
4. ง
5. ก
ตรวจคาตอบกบั เฉลย
ถูกทัง้ หมดก่ีขอ้ คะ่
73
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2
เร่ือง การเขียนสตู รและการเรยี กช่ือสารประกอบโคเวเลนต์
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4
รายวิชา ว31221 เคมี 1 ภาคเรยี นท่ี 2
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 พนั ธะเคมี เวลา 2 ช่วั โมง
ชัว่ โมงที่ 1 สอนวนั ชั่วโมงที่ 2 สอนวนั
1. สาระสาคัญ
การเขยี นสูตรโมเลกลุ ของสารประกอบโคเวเลนต์ เขียนสัญลกั ษณ์ของธาตุเรยี งตามค่าอเิ ล็ก
โตรเนกาตวิ ติ จี ากน้อยไปหามาก ธาตุท่มี จี านวนอะตอมมากกว่า 1 ให้ระบจุ านวนอะตอมไวท้ ีม่ มุ
ด้านลา่ งขวาของสญั ลักษณ์ การเรียกชอ่ื สารประกอบโคเวเลนตใ์ หเ้ รียกชื่อธาตแุ รกก่อนแลว้ ตามดว้ ย
ช่อื อีกธาตหุ นึ่งโดยเปล่ยี นทา้ ยเสียงเปน็ ไ-ด์ พร้อมทั้งระบุจานวนอะตอมเป็นภาษากรกี
2. มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบัติ
ของ สสารกบั โครงสร้างและแรงยึดเหนยี่ วระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี
ตัวชีว้ ดั
ว 2.1 ม.4-6/4 วเิ คราะห์และอธบิ ายการเกดิ พันธะเคมใี นโครงผลึกและในโมเลกุลของสาร
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงค์ดา้ นความรู้ (K)
3.1.1 เขยี นสูตรโมเลกลุ และสตู รโครงสร้างลวิ อสิ ของสารประกอบโคเวเลนต์ได้
3.1.2 เรียกช่ือสารประกอบโคเวเลนต์ได้
3.2 จุดประสงคด์ ้านทักษะ/กระบวนการ (P)
สามารถสื่อความหมายและสามารถเขยี น สูตรโมเลกลุ และสูตรโครงสรา้ งลิวอสิ ของ
สารประกอบโคเวเลนตไ์ ด้
74
3.3 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
3.3.1 ซื่อสตั ย์สุจรติ
3.3.2 มีวนิ ยั
3.3.3 ใฝ่เรียนรู้
3.3.4 มงุ่ มั่นในการทางาน
4. สาระการเรียนรู้
สูตรที่ใช้กบั สารประกอบโคเวเลนต์ มี 3 ชนิด คือ
1. สูตรโมเลกุล เขียนสญั ลักษณข์ องธาตทุ ่ีมีคา่ EN ตา่ กอ่ น โดยใช้จานวนอเิ ล็กตรอนคู่
ร่วมพนั ธะของแตล่ ะธาตุคูณไขวเ้ ช่น สตู รของสารประกอบธาตHุ กับ S ; ธาตุ H ตอ้ งใชอ้ เิ ลก็ ตรอนคู่
ร่วมพนั ธะเทา่ กับ 1 คู่ ธาตุ S ต้องใช้อิเล็กตรอนคูร่ ่วมพันธะเทา่ กับ 2 คู่ เพื่อให้แตล่ ะอะตอมของ
ธาตมุ ีการจัดเรยี งอิเลก็ ตรอนแบบแก๊สเฉือ่ ย
2. สตู รโครงสรา้ งลิวอิสแบบจดุ เป็นสตู รท่เี ขยี นขน้ึ โดยใชจ้ ดุ .() แทนจานวนเวเลนซ์อเิ ล็กตรอน
โดยเขียนอิเล็กตรอนคูท่ ่สี ร้างพันธะไวร้ ะหวา่ งอะตอมส่วนอเิ ล็กตรอนที่ไม่ได้สร้างพันธะเขยี นไว้เปน็ คๆู่
รอบสัญลักษณข์ องธาตุ
3. สูตรโครงสรา้ งลิวอิสแบบเสน้ ใช้ขีดเสน้ ระหว่างอะตอมคู่ทใ่ี ชส้ รา้ งพนั ธะรว่ มกัน
พันธะเด่ยี ว เขยี นเสน้ ตรง 1 เส้น ( – ) แทนอเิ ลก็ ตรอนที่ใชส้ รา้ งพันธะร่วมกนั 1 คู่
พนั ธะคู่ เขียนเสน้ ตรง 2 เส้น ( = ) แทนอิเล็กตรอนท่ีใชส้ รา้ งพนั ธะรว่ มกนั 2 คู่
พันธะสาม เขยี นเสน้ ตรง 3 เส้น ( ) แทนอิเลก็ ตรอนที่ใช้สรา้ งพันธะรว่ มกัน 3 คู่
การเรยี กช่อื สารประกอบโคเวเลนตส์ ารประกอบโคเวเลนต์ประเภทธาตุคู่ ใหอ้ า่ นชอื่ ธาตุข้างหน้าก่อน
แลว้ ตามด้วยชือ่ ธาตทุ ี่อยู่หลัง โดยเปลย่ี นเสยี งพยางคท์ า้ ยเป็น ไ-ด์ (ide) ระบุจานวนอะตอมของแต่ละ
ธาตดุ ว้ ยเลขจานวนในภาษากรกี ถา้ สารประกอบนน้ั อะตอมของธาตแุ รกมเี พียงธาตเุ ดียวไม่ต้องระบุ
จานวนอะตอมของธาตุนั้น แตส่ าหรับธาตขุ า้ งหลังแม้จะมอี ะตอมเดยี วกใ็ ห้ระบุจานวนอะตอมด้วย
5. ช้ินงาน/ภาระงาน
5.1 แบบทดสอบ เรื่อง การเขียนสตู รและการเรยี กชอ่ื สารประกอบโคเวเลนต์ จานวน 5 ข้อ
5.2 สรุปเน้อื หาโดยการเขยี นแผนผงั มโนทศั น์ เร่อื ง การเขียนสตู รและการเรยี กช่ือ
สารประกอบโคเวเลนต์
5.3 ทากิจกรรมท่ี 2 เร่ือง การเขยี นสตู รและการเรยี กช่ือสารประกอบโคเวเลนต์
5.4 ทาใบงานที่ 3 และใบงานท่ี 4
75
6. การประเมินผล
6.1 ความรู้
ภาระ/ชน้ิ งาน วิธีการวดั เคร่ืองมอื เกณฑ์ที่ใช้ ระดับ เกณฑ์
ประเมิน คุณภาพ การผ่าน
- เข้าใจเขียนสตู ร ตรวจแบบ ดีมาก ถกู ตงั้ แต่ 3
และการเรยี กชื่อ ทดสอบ แบบทดสอบ ตอบถูก 4-5 ขอ้ ขอ้ ขน้ึ ไปหรือ
สารประกอบ ตอบถูก 2-3 ขอ้ ดี ร้อยละ 70
โคเวเลนต์ได้ ตอบถูก 0-1 ข้อ พอใช้ ขึน้ ไป
6.2 ทกั ษะ/กระบวนการ/ทักษะการคดิ
ภาระ/ช้นิ งาน วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑท์ ่ใี ช้ ผู้
ประเมิน ประเมิน
1. เขียนสรุปเนื้อหา - สังเกตพฤตกิ รรม -แบบประเมนิ ผา่ นระดับดขี ้นึ ไป นกั เรยี น
โดยการเขยี นแผนผงั การปฏบิ ตั ิงานและ การปฏบิ ตั งิ านกลุ่ม
มโนทัศน์ เกย่ี วกบั การ การทากจิ กรรม ครู
เขยี นสตู รและการ ทดลองของกลมุ่
เรียกช่อื สารประกอบ -แบบตรวจผลงาน ผา่ นระดับดีขึน้ ไป ครู
โคเวเลนต์
2. ทาบัตรกจิ กรรมท่ี 2 -การตรวจผลงาน
3. ทาใบงานท่ี 3 และ -การตรวจผลงาน -แบบตรวจผลงาน ผา่ นระดบั ดีข้นึ ไป เพอื่ น
ใบงานท่ี 4 ครู
76
6.3 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ภาระ/ช้นิ งาน วธิ ีการวัด เครอื่ งมอื เกณฑ์ทใี่ ช้ ผปู้ ระเมนิ
ประเมิน
-ซอื่ สตั ย์สจุ ริต -สงั เกตพฤตกิ รรมความ -แบบสังเกต ผ่านระดบั ดีขน้ึ ไป ครู
- มวี ินัย ซอ่ื สตั ย์ มวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ คณุ ลักษณะ
-ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทางาน อนั พึง
-มงุ่ มั่นในการทางาน ประสงค์
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
กจิ กรรม สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้
ชว่ั โมงท่ี 1
ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engage) สอ่ื การเรยี นรู้
1. นกั เรียนและครูร่วมกนั สนทนาเก่ียวกับสารประกอบโคเว 1. แบบทดสอบเรือ่ งการเขยี นสูตร
เลนต์ทนี่ ักเรยี นรจู้ ักในชีวติ ประจาวนั โดยใหน้ กั เรียนระดมความคิด และการเรียกชอื่ สารประกอบโคเว
และเขยี นสูตรบนกระดานครเู ขยี นสตู รสารประกอบ เลนต์
2. ครูยกตัวอย่างสูตรสารประกอบโคเวเลนต์ เชน่ O2, N2, HF, 2. ใบความรทู้ ี่ 4 เรือ่ งการเขียน
NH3, CO2 และ CH4 แลว้ ใหน้ ักเรียนเรยี กชอ่ื สารประกอบดังกลา่ ว ( สูตรและการเรยี กชื่อสารประกอบ
O2 อา่ นวา่ ออกซเิ จน ,N2 อ่านวา่ ไนโตรเจน HF อา่ นว่า ไฮโดรเจน โคเวเลนต์
ฟลูออไรด์ NH3 อ่านวา่ แอมโมเนยี CO2 อ่านวา่ 3. หนังสอื เรียน รายวชิ าเพิม่ เตมิ
คารบ์ อนไดออกไซด์ และ CH4 อ่านวา่ มเี ทน ) และตอบคาถาม เคมี เล่ม 1 ของสสวท. หน้า 70-72
เกยี่ วกับสารประกอบออกไซดข์ องไนโตรเจน เชน่ NO, NO2 , N2O 4. บัตรกจิ กรรมท่ี 2 เร่อื งการเขียน
มชี ่ือว่าอย่างไร (NO อา่ นว่า ไนโตรเจนออกไซด์ NO2 อา่ นว่า สตู รและการเรียกช่ือสารประกอบ
ไนโตรเจนไดออกซ์ และ N2O ไดไนโตรเจนออกไซด์ ) โคเวเลนต์
ขน้ั การสารวจและค้นหา (Explore) 5. ใบงานท่ี 3 เรอื่ งการเขยี นสตู ร
3. แบง่ นักเรียนเป็นกลมุ่ ๆ ละ 6 – 7 คน โดยคละเพศ สารประกอบโคเวเลนต์
คละผลการเรยี นเก่ง ปานกลาง อ่อน แลว้ เลือกประธานกลุ่ม 6. ใบงานที่ 4 เรอ่ื งการเรยี กชอื่
กรรมการ และเลขานุการกลุม่ หรอื เปน็ กล่มุ เดิมจากชัว่ โมงเรยี นท่ีผา่ น สารประกอบโคเวเลนต์
มา
77
กิจกรรม สื่อและแหล่งเรียนรู้
4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รับใบความรู้ที่ 4 แล้วศึกษาและสรุป แหล่งเรียนรู้
เน้อื หาเกี่ยวกับการเขยี นสูตรและการเรยี กช่อื สารประกอบ โคเวเลนต์ 1. ห้องสมดุ โรงเรียน
หรอื ศกึ ษาเพิ่มเตมิ จากหนงั สือเรียน วชิ า เคมี 1 ของ สสวท. หนา้ 2. ห้องอินเตอรเ์ น็ตโรงเรียน
70-72 3. หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารกลมุ่ สาระ
5. นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายและตอบคาถาม จากประเด็น วิทยาศาสตร์
คาถามดังตอ่ ไปนี้ 4. จากเวบ็ ไซน์www.google.com
- การเขียนสตู รสารประกอบโค เวเลนตเ์ รยี งลาดับสญั ลกั ษณ์ 5. หนังสือเตรียมสอบ O-Net
ธาตกุ ่อนหลงั อย่างไร (เรียงลาดบั ตามคา่ อเิ ลก็ โตรเนกาติวติ ี ธาตุท่มี ี และ A-Net
ค่าอเิ ลก็ โตรเนกาติวติ ีตา่ อยู่ข้างหน้า)
- ถ้าธาตุ Cl รวมกับธาตุ O เรียงลาดับธาตุใดกอ่ นหลงั
(ธาตุ Cl ก่อนธาตุ O)
- การเขยี นสตู รโมเลกลุ โค เวเลนต์ เมอื่ รวมกนั แลว้ แตล่ ะอะตอมมี
เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนเทา่ ใด (ครบ 8 ตามกฎออกเตต)
- ถ้าธาตุ Si กบั ธาตุ H รวมกนั เขียนสตู รได้อย่างไร
(ธาตุ Si ต้องการอิเลก็ ตรอนคูร่ ่วมพนั ธะอีก 4 และธาตุ H
ตอ้ งการอิเลก็ ตรอนคูร่ ่วมพันธะอีก 1 ดงั นนั้ มสี ตู รเป็น Si1H4 หรือ
SiH4)
- หลกั ในการเรยี กชื่อสารประกอบโค เวเลนตเ์ ป็นอยา่ งไร
(อา่ นชือ่ ธาตแุ รกก่อน แลว้ ตามดว้ ยชือ่ ธาตหุ ลงั เปล่ียนทา้ ยเสียงเปน็
ไ-ด์ และระบจุ านวนอะตอมเปน็ ภาษากรีก)
- SiH4 มชี ่ือเรยี กวา่ อยา่ งไร (ซิลคิ อนเตตระไฮไดรด์)
ข้นั การอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explain)
6. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รับบัตรกจิ กรรมที่ 2 เร่ืองการเขียนสูตร
และการเรยี กชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์ ซึ่งเปน็ การคดิ วิเคราะห์
หลักการ โดยสมาชิกในกลมุ่ รว่ มการศึกษาและสรปุ คาตอบทไ่ี ด้
7. ตัวแทนนักเรียนกลมุ่ คู่ คอื กลุม่ ท่ี 2, 4 และ 6 ออกมา
นาเสนอหนา้ ชั้นเรียน เกี่ยวกับเรอื่ งการเขียนสูตรและการเรียกชอ่ื
สารประกอบโคเวเลนต์ ที่ไดจ้ ากการศกึ ษาเน้อื หาดงั กลา่ ว
กจิ กรรม 78
8. นกั เรียนรว่ มกันอภิปราย จนไดข้ อ้ สรุป ดังตอ่ ไปนี้ ส่ือและแหลง่ เรยี นรู้
- การเขยี นสูตรโมเลกุลของสารประกอบโค เวเลนต์ เขยี น
เรียงลาดบั ตามคา่ อิเลก็ โตรเนกาติวิตี และเขียนจานวนอะตอมไว้ มมุ
ล่างขวาของสญั ลกั ษณ์ของธาตุ
- การเรียกชือ่ สารประกอบโคเวเลนต์ให้เรยี กชอ่ื ธาตุแรก
กอ่ นแล้วตามด้วยชอ่ื อกี ธาตหุ น่ึง โดยเปลีย่ นทา้ ยเสียงเป็น ไ-ด์
พรอ้ มท้งั ระบุจานวนอะตอมเปน็ ภาษากรกี
9. ครูอธิบายให้เพม่ิ เติมเก่ยี วกับการเขียนสตู รและการเรียกช่ือ
สารประกอบโคเวเลนต์ท่มี ีไฮโดรเจน เปน็ องค์ประกอบบางชนดิ ที่ไม่
เป็นไปตามหลกั ที่กาหนดไว้ เช่น H2S เรียก
ไฮโดรเจนซัลไฟด์ H2O เรยี ก น้า
ชว่ั โมงท่ี 2
ข้ันการขยายความรู้ (Elaborate)
10. ให้นกั เรียนรว่ มกันเขียนสูตรสารประกอบโคเวเลนต์ทพ่ี บ
เห็นในชวี ติ ประจาวัน เชน่ แอมโมเนีย (NH3) แก๊สหุงตม้
( C3H8 + C4H10 ) และนาหลักการเขยี นสูตรและเรยี กชอื่
สารประกอบโคเวเลนตไ์ ปฝึกกับสารประกอบของธาตอุ นื่ ๆ เช่น
การเกดิ สารประกอบระหว่างธาตุ P กบั O ( P2O3 อ่านวา่
ไดฟอสฟอรัสไตรออกไซด์ )
11. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกบั หลกั การเขียน
สูตรและเรียกชื่อสารประกอบโคเวเลนต์ และเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียน
ซักถามจนเกดิ ความเข้าใจ
12. ตวั แทนนักเรียนแต่ละกลุม่ รบั ใบงานท่ี 3 เรือ่ ง การเขยี น
สตู รสารประกอบโคเวเลนต์ และใบงานท่ี 4 เร่ือง การเรียกชื่อ
สารประกอบโคเวเลนต์ นาไปแจกสมาชิกในกลมุ่
13. นกั เรยี นทางานจากใบงานท่ี 3 เรื่อง การเขยี นสตู ร
สารประกอบโคเวเลนต์ และใบงานท่ี 4 เรือ่ ง การเรยี กชอ่ื
สารประกอบโคเวเลนต์
กิจกรรม 79
14. นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภิปรายเฉลยใบงานที่ 3 เร่ือง สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้
และใบงานที่ 4 เร่ือง การเรยี กชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์ เพอื่ ให้
ไดข้ ้อสรปุ ทถี่ ูกต้อง
ข้นั การประเมินผล (Evaluate)
15. นกั เรียนทุกคนรับแบบทดสอบ เรอ่ื ง การเขียนสูตร
และการเรยี กชือ่ สารประกอบโคเวเลนต์ ซึ่งเปน็ ขอ้ สอบปรนัยชนดิ
เลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 5 ข้อ
16. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น เรือ่ ง การเขียน
สูตรและการเรยี กช่ือสารประกอบโคเวเลนต์
17. ครูตรวจแบบทดสอบ เรอื่ ง การเขยี นสูตรและการ
เรียกชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์
18. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มเขยี นสรปุ เน้อื หาโดยการเขียน
แผนผังมโนทัศน์ เรอ่ื ง การเขียนสตู รสารประกอบโคเวเลนต์ลงใน
กระดาษท่ีครแู จกให้สง่ ในช่ัวโมงตอ่ ไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นักเรยี นขาดความมน่ั ใจในการนาเสนอควรมกี ารเตรียมตวั มาล่วงหนา้ และขอคาปรกึ ษา
จากครผู ้สู อน
80
9. บันทกึ ผลหลงั สอน
9.1 ผลการสอน
1) นักเรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจ
ผลการตรวจการเขียน สรปุ เนื้อหาโดยการเขียนแผนผงั มโนทัศน์ เกี่ยวกบั การเขยี น
สตู รและการเรยี กช่อื สารประกอบโคเวเลนต์ นกั เรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ
คดิ เป็นรอ้ ยละ 69.46 ของนกั เรยี นท้ังหมด
2) นกั เรียนมีความสามารถดา้ นทักษะกระบวนการ
ผลการตรวจบัตรกจิ กรรมท่ี 2 นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินระดบั ดีขึ้นไป
คิดเป็นร้อยละ 70.18 ของนกั เรยี นท้ังหมด
ผลการตรวจบตั รกิจกรรมท่ี 2 นักเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับดขี ้ึนไป
คิดเปน็ รอ้ ยละ 69.92 ของนกั เรียนท้งั หมด
ผลการตรวจผลงานใบงานที่ 3 และใบงานท่ี 4 นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน
ระดับดีข้ึนไป คิดเปน็ ร้อยละ 71.50 ของนักเรยี นทั้งหมด
3) นักเรยี นมคี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ คิดเปน็ ร้อยละ 100 ของนักเรยี นท้งั หมด
9.2 ปัญหา/อุปสรรค
1) นักเรยี นเขียนสูตรสารประกอบโคเวเลนต์ไมช่ ดั เจน
2) นักเรยี นไมท่ บทวนบทเรยี นลว่ งหน้ามากอ่ น
9.3 แนวทางปรับปรงุ การเรยี นการสอนครงั้ ตอ่ ไป
ควรแนะนาวธิ กี ารเขียนสตู รของสารประกอบทถ่ี กู ตอ้ งชัดเจนแก่นกั เรียนอยา่ งใกล้ชดิ
ลงชื่อ........................................................ นางคุณากร คาสขุ )
( ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ
81
10. ความคดิ เหน็ ของหัวหน้ากลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
เปน็ แผนการจดั การเรียนรทู้ ค่ี รบองคป์ ระกอบ กจิ กรรมการเรียนรูส้ ง่ เสรมิ การมสี ว่ นร่วม
สื่อการเรียนการสอน และการวัดผลประเมินผลสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้ เหน็ ควรอนญุ าต
ให้ใช้จัดการเรยี นการสอนได้
ลงชอื่ ……………………………………………………
(นางพรพิรณุ แจ้งใจ)
หัวหน้ากล่มุ บริหารวชิ าการ
11. ความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น
อนญุ าตให้ใช้จดั การเรียนการสอนได้
ลงชือ่ ……………………………………………………
(นางลัดดา ผาพนั ธ์)
ผอู้ านวยการโรงเรยี นโคกโพธ์ิไชยศึกษา
วันท่ี ....... เดอื น...........................พ.ศ...........
82
ใบความรู้ที่ 4
เรอื่ ง การเขยี นสตู รและเรยี กชื่อสารประกอบโคเวเลนต์
การเขียนสูตรสารประกอบโคเวเลนต์
สตู รทีใ่ ชก้ ับสารประกอบโควาเลนต์ มี 3 ชนดิ คอื
1. สตู รโมเลกุล เขียนเพ่ือแสดงจานวนอะตอมของธาตใุ น 1 โมเลกุล มหี ลักการเขียน คอื
1.1เขยี นสญั ลักษณ์ของธาตทุ ีม่ ีค่า EN ต่า กอ่ น สาหรับธาตุ H ให้เขียนไวห้ ลังธาตุหมู่
IIIA, IVA , VA เชน่ เขยี น B Si C P กอ่ น H
1.2 สตู รสารประกอบโคเวเลนต์ท่มี ีอะตอมของธาตุจดั เวเลนซ์อิเลก็ ตรอนเป็นไปตามกฎ
ออกเตตให้ใชจ้ านวนอเิ ลก็ ตรอนคูร่ ว่ มพันธะของแต่ละธาตุคุณไขว้ เชน่
สูตรของสารประกอบธาตุ H กบั S ; ธาตุ Hตอ้ งใช้อเิ ลก็ ตรอนครู่ ่วมพนั ธะเท่ากับ
1 ธาตุ S ตอ้ งใชอ้ เิ ล็กตรอนค่รู ่วมพนั ธะเท่ากับ 2 เพอ่ื ใหแ้ ต่ละอะตอมของธาตมุ กี ารจดั เรียง
อิเล็กตรอนแบบแกส๊ เฉอ่ื ย
สตู รของสารประกอบนเี้ ป็น H S = H2S1 หรอื H2S
12
สูตรของสารประกอบธาตุ C กบั S ; ธาตุ C ต้องใชอ้ ิเล็กตรอนคู่รว่ มพันธะ
เทา่ กับ 4 ธาตุ S ต้องใช้อเิ ลก็ ตรอนครู่ ่วมพนั ธะเทา่ กับ 2 เพือ่ ใหแ้ ต่ละอะตอมของธาตุมกี ารจดั เรยี ง
อเิ ล็กตรอนแบบแก๊สเฉือ่ ย
สูตรของสารประกอบน้ีเป็น C S = C2S4 หรือ CS2
42
2. สตู รโครงสร้างลวิ อิสแบบจุด เป็นสูตรท่เี ขยี นขึน้ โดยใชจ้ ดุ (.)แทนจานวนเวเลนซ์
อิเล็กตรอน โดยเขียนอิเลก็ ตรอนค่ทู ่ีสรา้ งพันธะไว้ระหวา่ งอะตอม ส่วนอเิ ลก็ ตรอนที่ไมไ่ ดส้ รา้ ง
พนั ธะเขียนไว้เป็นคูๆ่ รอบสญั ลกั ษณ์ของธาตุ ดังตัวอย่าง
83
3. สูตรโครงสร้างลิวอิสแบบเส้น ใชข้ ีดเส้นระหว่างอะตอมคู่ที่ใช้สร้างพนั ธะรว่ มกัน ดังนี้
3.1 พันธะเดีย่ ว เขียนเสน้ ตรง 1 เสน้ ( –) แทนอเิ ลก็ ตรอนทใี่ ชส้ ร้างพนั ธะรว่ มกนั คู่ เชน่
H – Cl Cl – Be – Cl
3.2 พนั ธะคู่ เขยี นเสน้ ตรง 2 เส้น ( = ) แทนอเิ ลก็ ตรอนท่ีใช้สรา้ งพันธะร่วมกนั 2 คู่
เช่น O = O S = Si = S
3.3 พนั ธะสาม เขียนเสน้ ตรง 3 เสน้ ( ) แทนอิเลก็ ตรอนท่ีใชส้ ร้างพนั ธะร่วมกนั 3 คู่
เช่น H – C C – H NN
การเรยี กชื่อสารประกอบโคเวเลนต์
1. สารประกอบโควาเลนตป์ ระเภทธาตคุ ู่ ใหอ้ ่านช่ือธาตุข้างหน้ากอ่ นแล้วตามดว้ ยช่อื ธาตุ
ท่ีอยหู่ ลงั โดยเปลย่ี นเสียงพยางคท์ า้ ยเปน็ ไ-ด์ (ide)
2. ใหร้ ะบจุ านวนอะตอมของแตล่ ะธาตดุ ้วยเลขจานวนในภาษากรีก ดงั น้ี
จานวน ภาษากรกี จานวน ภาษากรีก
1 มอนอ (mono-) 6 เฮกซะ (hexa-)
2 ได (di-) 7 เฮปตะ (hepta-)
3 ไตร (tri-) 8 ออกตะ (octa-)
4 เตตระ (tetra-) 9 โนนะ (nona-)
5 เพนตะ (penta-) 10 เดคะ (deca-)
3. ถา้ สารประกอบน้นั อะตอมของธาตุแรกมีเพียงธาตุเดียว ไม่ตอ้ งระบจุ านวนอะตอมของธาตุ
นนั้ แตส่ าหรับธาตขุ ้างหลงั แมจ้ ะมีอะตอมเดียวกใ็ ห้ระบุจานวนอะตอมด้วย เชน่
CO อา่ นวา่ คาร์บอนมอนอกไซด์
N2O3 อา่ นวา่ ไดไนโตรเจนไตรออกไซด์
PCl5 อ่านว่า ฟอสฟอรัสเพนตะคลอไรด์
SiH4 อ่านว่า ซิลคิ อนเตตระไฮไดรด์
N2O3 อ่านวา่ ไดไนโตรเจนไตรออกไซด์
ยกเวน้
H2O อา่ นว่า นา้
NH3 อ่านวา่ แอมโมเนีย
H2S อา่ นวา่ ไฮโดรเจนซลั ไฟด
84
บัตรกิจกรรมที่ 2
เร่อื ง การเขยี นสูตรและเรียกชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์
จุดประสงค์
เขียนสตู รโมเลกลุ และสตู รโครงสร้างลิวอสิ ของสารประกอบโคเวเลนตไ์ ด้
คาช้ีแจง
1. ให้สมาชกิ ภายในกลุ่มรว่ มกันปฏิบตั ิกจิ กรรมให้เสรจ็ ภายในเวลา 20 นาที
2. ใหส้ มาชิกทุกคนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ และบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรมใสก่ ระดาษ
ที่เตรียมไว้ให้
3. คัดเลอื กตัวแทนเพือ่ นาเสนอผลการศึกษาหน้าช้นั เรยี น
คาสงั่
1. ใหน้ ักเรียนอ่านชอ่ื สารประกอบโคเวเลนตต์ อ่ ไปนี้
1.1 N2O4 1.2 N2O5
1.3 PCl3 1.4 BCl3
1.5 SO2 1.6 P4O10
2. ให้นกั เรียนเขยี นสตู รสารประกอบสารโคเวเลนตต์ ่อไปน้ี
2.1 P กับ Cl 2.2 O กับ Cl
3. ใหน้ ักเรียนเขียนสตู รจากชอ่ื สารประกอบต่อไปน้ี
3.1 คาร์บอนเตตระคลอไรด์
3.2 ฟอสฟอรสั เพนตระฟลูออไรด์
3.3 ซิริคอนไดซลั ไฟด์
3.4 เตตระฟอสฟอรสั ไตรซลั ไฟด์
85
แบบบนั ทกึ ตอบคาถามจากกจิ กรรม คาอา่ น
1. จงอา่ นชื่อสารประกอบโคเวเลนตต์ ่อไปนี้
ข้อ สารประกอบโคเวเลนต์
1.1 N2O4
1.2 N2O5
1.3 PCl3
1.4 BCl3
1.5 SO2
1.6 P4O10
2. จงเขยี นสตู รสารประกอบสารโคเวเลนตต์ ่อไปน้ี
ขอ้ สารประกอบโคเวเลนต์ สูตรสารประกอบโคเวเลนต์
2.1 P กบั Cl
2.2 O กับ Cl
3. จงเขียนสตู รจากชือ่ สารประกอบต่อไปนี้ สตู ร
ขอ้ ชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์
3.1 คารบ์ อนเตตระคลอไรด์
3.2 ฟอสฟอรัสเพนตระฟลูออไรด์
3.3 ซิริคอนไดซลั ไฟด์
3.4 เตตระฟอสฟอรัสไตรซลั ไฟด์
86
ใบงานที่ 3
เร่อื ง การเขยี นสตู รสารประกอบโคเวเลนต์
คาช้ีแจง ให้นกั เรียนเขยี นสตู รโครงสรา้ งลิวอิสแสดงการเกดิ พันธะโคเวเลนต์
ลงในตารางใหถ้ กู ตอ้ ง
ขอ้ สตู รโมเลกุล โครงสร้างลวิ อิสแบบจุด โครงสร้างลิวอิสแบบเสน้
1 Cl
2 H2O
3 CO2
4 HCN
5 H2CO3
87
ใบงานท่ี 4
เรอื่ ง การเรียกช่อื สารประกอบโคเวเลนต์
คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเขียนสูตรและเรยี กชอ่ื สารประกอบโคเวเลนตท์ ่ีเกดิ จากธาตุที่กาหนดให้ตอ่ ไปน้ี
ขอ้ ธาตุ สูตรโมเลกลุ ชอ่ื สารประกอบ
1 N+O
2 P + Cl
3 B + Cl
4 S+ O
5 P+O
6 C + Cl
7 P +F
8 Si + S
9 P+S
88
แบบทดสอบ
เรือ่ งการเขยี นสตู รและเรียกชอ่ื สารประกอบโคเวเลนต์
คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งท่ีสดุ เพียงขอ้ เดียว จากข้อ ก ข ค หรือ ง แลว้ ทา
เครือ่ งหมายกากบาท ( ) ลงในกระดาษคาตอบทแี่ จกให้
1. ข้อใดเขียนสูตรแบบเส้นของ PCl5 ได้ถกู ต้อง
Cl
ก. Cl P Cl ข. Cl Cl P Cl Cl Cl
Cl Cl Cl
ค. P Cl Cl Cl Cl Cl ง. Cl P Cl Cl
Cl
2. ข้อใดอ่านชื่อโมเลกลุ ตามสตู ร N2O3 ไดถ้ ูกต้อง ข. ไดไนโตรเจนไตรออกไซด์
ก. ไดไนโตรเจนออกไซด์ ง. ไดไนโตรเจนไตรออกซิไจด์
ค. ไนโตรเจนไตรออกซไิ จด์
3. เนอ่ื งจากเหตุใด อโลหะจงึ ยึดเหนี่ยวกันดว้ ยพันธะโคเวเลนต์
ก. อโลหะมีคา่ EN สงู เสยี อเิ ล็กตรอนยาก ข. อโลหะมีค่า EN สูงเสียอเิ ล็กตรอนงา่ ย
ค. อโลหะมีค่า EN ต่าเสียอเิ ล็กตรอนยาก ง. อโลหะมคี า่ EN ต่าเสยี อิเลก็ ตรอนงา่ ย
4. กาหนดให้
ธาตุ A มีพลงั งานไอออไนเซชนั ตั้งแต่ ลาดบั ที่ 1 ถึง 8 ดังน้ี 1.320,3.395, 5.307,
7.476, 10.996, 13.333, 71.343 และ 84.086
ธาตุ B มพี ลงั งานไอออไนเซชัน ตง้ั แต่ลาดับที่ 1 ถงึ 4 ดังน้ี 800, 2400, 3700
และ 25000
จงพจิ ารณาขอ้ ความต่อไปน้ี
1. สตู รทัว่ ไปของสารประกอบ AB คอื A2B3
2. สารประกอบ AB เม่ือละลายในนา้ แล้วเปลี่ยนกระดาษลติ มัสจากแดงเปน็ น้าเงนิ
แตไ่ ม่เปลีย่ นกระดาษลิตมัสจากน้าเงนิ เปน็ แดง
3. สารประกอบ AB มจี ุดเดอื ดและจดุ หลอมเหลวสงู
89
4. สารประกอบ AB ยึดเหนีย่ วกันดว้ ยพันธะโคเวเลนต์และมีลักษณะเป็นของเหลว
ข้อใดต่อไปนี้กลา่ วสรปุ ได้ถูกตอ้ ง
ก. 1, 4 ข. 2, 3
ค. เฉพาะ 3 ง. เฉพาะ 4
5. ธาตุ A อยู่ในหม่ทู ่ี Vi และคาบท่ี III ถ้าธาตุ A เกิดเป็นสารประกอบฟลูออไรด์ จานวนอะตอม
ฟลอู อรีนสูงสุดท่สี ามารถเกิดพนั ธะกบั ธาตAุ ได้จะเปน็ ไปตามข้อใด
ก. 2 อะตอม
ข. 3 อะตอม
ค. 5 อะตอม
ง. 6 อะตอม
90
เฉลยบตั รกิจกรรมท่ี 2
เรือ่ ง การเขยี นสูตรและเรยี กช่ือสารประกอบโคเวเลนต์
1. จงอา่ นชื่อสารประกอบโคเวเลนตต์ ่อไปน้ี
แนวการตอบ 1.1 ไดไนโตรเจนเตตระออกไซด์
1.2 ไดไนโตรเจนเพนตะออกไซด์
1.3 ฟอสฟอรัสไตรคลอไรด์,
1.4 โบรอนไตรคลอไรด์
1.5 ซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์
1.6 เตตระฟอสฟอรสั เดคะออกไซด์
2. จงเขยี นสตู รสารประกอบสารโคเวเลนต์ต่อไปน้ี
แนวการตอบ 2.1 PCl3 2.2 OCl2
3. จงเขยี นสตู รจากช่อื สารประกอบตอ่ ไปน้ี
แนวการตอบ 3.2 PF5
3.1 CCl4 3.4 P4S3
3.3 SiS2
91
เฉลยใบงานท่ี 3
เร่ือง การเขยี นสูตรสารประกอบโคเวเลนต์
ข้อ สตู รโมเลกุล โครงสร้างลิวอิสแบบจดุ โครงสร้างลิวอสิ แบบเสน้
1 Cl2 Cl - Cl
2 H2O H-O-H
3 CO2 O = C =O
4 HCN
5 H2CO3 H−C ≡ N
H-O-C-O-H
O
92
เฉลยใบงานที่ 4
เรื่อง การเรยี กชื่อสารประกอบโคเวเลนต์
ข้อ ธาตุ สตู รโมเลกุล ช่อื สารประกอบ
1 N +O N2O4 ไดไนโตรเจนเตตระออกไซด์
2 P + Cl PCl3 ฟอสฟอรสั ไตรคลอไรด์
3 B + Cl BCl3 โบรอนไตรคลอไรด์
4 S +O SO3 ซลั เฟอรไ์ ตรออกไซด์
5 P+O P4O10 เตตระฟอสฟอรสั เดคะออกไซด์
6 C + Cl CCl4 คารบ์ อนเตตระคลอไรด์
7 P+F PF5 ฟอสฟอรัสเพนตระฟลูออไรด์
8 Si + S SiS2 ซิลคิ อนไดซัลไฟด์
9 P+S P4S3 เตตระฟอสฟอรัสไตรซลั ไฟด์
คอ่ ยๆ ฝกึ ทานะครับ
93
เฉลยแบบทดสอบ
เรอื่ ง การเขยี นสตู รและเรยี กช่อื สารประกอบโคเวเลนต์
1. ง
2. ค
3. ก
4. ค
5. ง
ตรวจคาตอบแล้ว
ถูกทง้ั หมดกีข่ อ้ คะ่ ปรบมอื
ใหค้ นเก่งหนอ่ ยนะคะ
94
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3
เร่ือง กฎออกเตตความยาวพนั ธะและพลงั งานพนั ธะ
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4
รายวชิ า ว31221 เคมี 1 ภาคเรยี นที่ 2
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 พันธะเคมี
สอนวัน เวลา 2 ช่วั โมง
1. สาระสาคญั
ระยะระหว่างนวิ เคลยี สของอะตอมแตล่ ะค่ทู ่ีเกิดพันธะต่อกนั เรยี กวา่ ความยาวพันธะ พันธะ
เด่ยี วจะมคี วามยาวพันธะยาวที่สดุ รองลงมาเปน็ พันธะคู่และพนั ธะสามตามลาดับ ส่วนพลังงานทใ่ี ช้
สลายพนั ธะระหวา่ งอะตอมในสถานะแก๊ส เรยี กวา่ พลังงานพันธะ โดยพนั ธะเดยี่ วมีพลงั งานตา่
พันธะคู่ และพันธะสามมพี ลงั งานมากขนึ้ ตามลาดบั
2. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหว่างสมบตั ิ
ของ สสารกบั โครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนภุ าค หลกั และธรรมชาติ ของการเปลีย่ นแปลง
สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิด ปฏิกริ ยิ าเคมี
ตัวช้วี ัด
ว 2.1ม.4-6/4 วิเคราะหแ์ ละอธิบายการเกิดพันธะเคมีในโครงผลึกและในโมเลกุลของสาร
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 จดุ ประสงคด์ า้ นความรู้ (K)
3.1.1 บอกความหมายของพลังงานพนั ธะและความยาวพันธะได้
3.1.2 อธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ งชนิดของพันธะโคเวเลนต์กบั พลงั งานพนั ธะและความยาว
พันธะได้
3.2 จุดประสงค์ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
สามารถแก้ปัญหาในการ คานวณหาคา่ พลังงานพันธะในโมเลกลุ โคเวเลนตไ์ ด้
95
3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
3.3.1 ซื่อสัตย์สจุ รติ
3.3.2 มีวนิ ัย
3.3.3 ใฝ่เรยี นรู้
3.3.4 มงุ่ ม่ันในการทางาน
4. สาระการเรียนรู้
การที่อะตอมของธาตุตา่ ง ๆ รวมตัวกนั ดว้ ยสดั ส่วนทีท่ าใหม้ เี วเลนตอ์ ิเลก็ ตรอนเท่ากบั 8
เรยี กว่า กฎออกเตต
ความยาวพันธะคือ ระยะห่างระหว่างนิวเคลียสของธาตุ 2 อะตอมท่สี ร้างพันธะต่อกันเกิด
เปน็ โมเลกุลโคเวเลนต์ หรอื ระยะห่างระหว่างนวิ เคลยี สที่ทาใหเ้ กดิ สมดุลระหว่างแรงดึงดูดและแรง
ผลกั ระหว่างอะตอมคู่รว่ มพนั ธะจะมรี ะยะห่างท่แี น่นอนเท่ากบั ความยาวพนั ธะ ความยาวพนั ธะของ
ธาตุคูห่ นง่ึ ๆ ในโมเลกลุ ของสารต่างชนดิ กนั จะมคี า่ ไม่เท่ากนั ดงั นัน้ เมือ่ กล่าวถงึ ความยาวพนั ธะของ
ธาตุค่หู น่งึ ๆ จงึ ใชค้ วามยาวพันธะเฉล่ยี
พลงั งานพันธะคอื เป็นคา่ พลงั งานท่ใี ช้แยกอะตอมท่ียึดเหนีย่ วกันดว้ ยพันธะโคเวเลนต์ออก
จากกนั ในสภาวะแกส๊ หรือเป็นค่าพลังงานที่คายออกมาเมอ่ื มีการสรา้ งพนั ธะโคเวเลนต์ของธาตคุ รู่ ว่ ม
พนั ธะในสภาวะแก๊ส พลังงานพนั ธะมคี ่ามากหรอื น้อยขึ้นอยู่กับความแขง็ แรงของพนั ธะ พันธะท่ี
แข็งแรงมากจะมแี รงยึดเหนย่ี วระหว่างอะตอมของธาตุสูงจะมพี ลงั งานพันธะสงู
ในการสร้างพันธะของธาตชุ นิดเดยี วกนั การสรา้ งพันธะสามมคี วามแข็งแรงของพนั ธะมากกวา่
พันธะคู่ เพราะอะตอมอยู่ใกล้กันมากกว่าพันธะคู่ ทาใหแ้ รงดงึ ดดู ระหว่างอะตอมมีคา่ มากกวา่ จึงต้อง
ใช้พลงั งานในการสลายพันธะมากกวา่ พนั ธะคู่
ความยาวพนั ธะกบั พลังงานพันธะมีความสัมพนั ธ์กนั คอื ถา้ ความยาวพันธะมากคา่ พลงั งาน
พนั ธะจะน้อย และมคี วามแข็งแรงของพนั ธะนอ้ ย
5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
5.1 สรปุ เน้ือหาโดยการเขยี นแผนผังมโนทศั น์ เร่อื งความยาวพันธะและพลงั งานพันธะ
5.3 ทางานกจิ กรรมท่ี 3 เร่ืองความยาวพนั ธะและพลงั งานพันธะ
5.4 ทางานจากใบงานท่ี 5 เรือ่ ง ความยาวพันธะและพลงั งานพนั ธะ
96
6. การประเมนิ ผล
6.1 ความรู้
ภาระ/ชน้ิ งาน วธิ ีการวดั เครอื่ งมอื เกณฑ์ท่ใี ช้ ระดับ เกณฑ์
ประเมิน คณุ ภาพ การผ่าน
- เขา้ ใจเกี่ยวกับกฎ ตรวจแบบ ดมี าก ถูกตั้งแต่ 3
ออกเตตความยาว ทดสอบ แบบทดสอบ ตอบถูก 4-5 ข้อ ขอ้ ขึน้ ไป
พนั ธะและพลังงาน ตอบถูก 2-3 ขอ้ ดี หรือร้อยละ
พนั ธะโคเวเลนต์ ตอบถูก 0-1 ข้อ พอใช้ 70 ขึน้ ไป
6.2 ทกั ษะ/กระบวนการ/ทักษะการคิด
ภาระ/ช้นิ งาน วธิ ีการวัด เคร่อื งมอื เกณฑ์ทใี่ ช้ ผปู้ ระเมิน
ประเมิน
1. สรุปเนอื้ หาและความรทู้ ไ่ี ด้ -สงั เกตพฤตกิ รรม -แบบประเมนิ ผา่ นระดบั นกั เรียน
จากการศกึ ษาโดยการเขียน การปฏิบตั ิงานกลมุ่ การปฏิบัตงิ านกล่มุ ดขี ้นึ ไป ครู
แผนผงั มโนทศั น์ เกี่ยวกับกฎ
ออกเตตความยาวพันธะและ
พลังงานพันธะโคเวเลนต์
2. บัตรกจิ กรรมที่ 3 -การตรวจผลงาน -แบบตรวจผลงาน ผา่ นระดับ ครู
ดีขนึ้ ไป
3. ใบงานที่ 5 เรื่องกฎออก -การตรวจผลงาน -แบบตรวจผลงาน ผา่ นระดบั เพื่อน
เตตความยาวพนั ธะและ ดขี ้ึนไป ครู
พลงั งานพนั ธะ
97
6.3 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ภาระ/ช้ินงาน วิธีการวัด เครอ่ื งมอื เกณฑ์ท่ีใช้ ผูป้ ระเมนิ
ประเมิน
-ซ่ือสัตย์สุจริต -สงั เกตพฤติกรรมความ -แบบประเมิน ผา่ นระดบั ครู
- มีวนิ ยั ซื่อสตั ย์ มีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ ดีขึน้ ไป
-ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ ม่ันในการทางาน อันพงึ ประสงค์
-มุ่งมนั่ ในการทางาน
3. กิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรม สื่อและแหลง่ เรยี นรู้
ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engage) สือ่ การเรียนรู้
1. นักเรียนและครรู ว่ มกันสนทนาเก่ยี วกบั เร่อื งกฎออกเตต 1. แบบทดสอบเร่ืองกฎออกเตต
และสรปุ วา่ “การทอ่ี ะตอมของธาตุตา่ ง ๆ รวมตวั กันด้วยสัดส่วน ความยาวพนั ธะและพลงั งาน
ทีท่ าให้มเี วเลนต์อิเล็กตรอนเท่ากบั 8 นกั วิทยาศาสตร์ไดต้ ้ังเปน็ พันธะ
กฎเรียกว่า กฎออกเตต” 2. ใบความรทู้ ่ี 5 เรอ่ื งความยาว
2. สุ่มตัวแทนนกั เรยี น 2-3 คน บอกช่ือและชนดิ ของ พันธะและพลังงานพนั ธะ
พันธะโคเวเลนต์ ซงึ่ มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ความคิดเห็นกับ 3. หนงั สอื เรยี น รายวชิ าเพม่ิ เติม
เพื่อน ๆ ใน ช้นั เรยี น เคมี เล่ม 1 ของสสวท. หน้า 72-
การสารวจและคน้ หา (Explore) 79
3. แบ่งนกั เรียนเป็นกลุม่ ๆ ละ 6 – 7 คน โดยคละเพศ 4. บตั รกิจกรรมที่ 3 เรอื่ งความ
คละผลการเรียนเก่ง ปานกลาง อ่อน แลว้ เลอื กประธานกล่มุ ยาวพนั ธะและพลังงานพนั ธะ
กรรมการ และเลขานกุ ารกลุ่มหรอื เป็นกลุม่ เดมิ ท่แี บ่งกลมุ่ จาก 5. ใบงานที่ 5 เรอื่ งกฎออกเตต
ช่ัวโมงเรยี นทผ่ี า่ นมา ความยาวพนั ธะและพลังงาน
4. นกั เรยี นศกึ ษาและดู Power Point เก่ยี วกับกราฟ พันธะ
การเปลีย่ นแปลงพลงั งานในการเกดิ โมเลกลุ ของแกส๊ ไฮโดรเจน
แล้วคาตอบคาถาม ดังต่อไปนี้ แหลง่ เรยี นรู้
- การเกิดโมเลกลุ ของแกส๊ ไฮโดรเจนมีพลังงานเข้ามา 1. หอ้ งสมุดโรงเรยี น
เกยี่ วข้องอยา่ งไร (มพี ลงั งานศักย์ในอะตอมทห่ี ยุดนิ่งและพลังงาน 2. ห้องอนิ เตอรเ์ น็ตโรงเรี