The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ว31221 เคมี 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วสันต์ คําสุข, 2020-05-20 06:32:01

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ว31221 เคมี 1

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ว31221 เคมี 1

198

บตั รกิจกรรมที่ 7
เรอ่ื งการเกดิ และลักษณะโครงผลกึ พนั ธะไอออนิก

จุดประสงค์ของกจิ กรรม
สามารถส่ือความหมายและเขียนลกั ษณะโครงผลึกของสารประกอบไอออนกิ ได้

คาชีแ้ จง
1. ใหส้ มาชิกภายในกลุ่มรว่ มกันปฏิบตั กิ ิจกรรมตอ่ ไปน้ใี ห้เสร็จภายในเวลา 20 นาที
2. ให้สมาชกิ ทกุ คนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ และบันทกึ ผลการทากจิ กรรมใส่กระดาษ

ที่เตรยี มไว้ให้
3. คดั เลอื กตัวแทนเพื่อนาเสนอผลการศกึ ษาหนา้ ชั้นเรยี น

คาสง่ั
1. ใหน้ กั เรียนวาดภาพ การใหแ้ ละการับอเิ ลก็ ตรอน อะตอมของธาตุในการเกิดพนั ธะไอออนกิ
1.1 การรวมตัวกนั ของ Ca กบั Cl เกิดเป็นสารประกอบ CaCl2
1.2 การรวมตัวกันของ Mg กับ O เกดิ เป็นสารประกอบ MgO
2. ให้นกั เรียนจาแนกสารประกอบไอออนิกทก่ี าหนดให้ ตามโครงสรา้ งสารประกอบไอออนกิ
โดยใหต้ ดั กระดาษช่อื สารประกอบไอออนกิ มาตดิ รอบกบั โครงสรา้ งสารประกอบไอออนกิ

199

CuCl HgS CaF2 CsB4 BaCl2

KI NH4Cl NaCl ZnS CaF2

HgS BaF2 NH4Br HF HCl

200
แบบบันทึกตอบคาถามจากกจิ กรรม

1. จงวาดภาพ การใหแ้ ละการับอเิ ลก็ ตรอน อะตอมของธาตุในการเกดิ พนั ธะไอออนกิ
1.1 การรวมตัวกนั ของ Ca กบั Cl เกิดเปน็ สารประกอบ CaCl2

1.2 การรวมตวั กนั ของ Mg กับ O เกิดเปน็ สารประกอบ MgO

2. จาแนกสารประกอบไอออนกิ ทกี่ าหนดให้ ตามโครงสรา้ งสารประกอบไอออนิก โดยให้
ตดั กระดาษชื่อสารประกอบไอออนิก มาตดิ รอบกบั โครงสร้างสารประกอบไอออนกิ

…………………………………………………………………..

201

………………………………………………………………………..

……………………………………………………………..
………………………………..…………………………..

202

ใบงานที่ 9
เรอื่ งการเกดิ พนั ธะไอออนกิ

คาช้ีแจง
1. ให้นักเรยี นเตมิ ขอ้ มูลลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกต้อง

1.1 พนั ธะไอออนิกหมายถึง.....................................................................................................
..................................................................................................................................................
1.2 หลักในการใหแ้ ละรบั อเิ ลก็ ตรอนของอะตอมของธาตุเพ่ือให้เกดิ เป็นไอออนคือ................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
1.3 ธาตุทใ่ี ห้อิเล็กตรอนแกธ่ าตอุ ื่น คือ.............จากนั้นอนภุ าคจะเปลี่ยนเปน็ ........................
1.4 ธาตุท่ีรบั อิเลก็ ตรอนจากธาตุอน่ื คอื .............จากนนั้ อนุภาคจะเปลยี่ นเป็น......................
2. ใหน้ ักเรยี นเขียนแผนภาพการเกิดสารประกอบไอออนกิ จากธาตุท่ีกาหนดให้

2142Mg กบั
168O

2.1 ธาตุโลหะคือ ............... จดั เรียงอิเลก็ ตรอน ..................................... เกดิ เปน็ ไอออน .................
2.2 ธาตุอโลหะคือ ............. จดั เรียงอิเล็กตรอน ..................................... เกดิ เป็นไอออน..................
2.3 แผนภาพ

203
3. โครงสรา้ งผลึกของสารประกอบไอออนิกตอ่ ไปนีม้ ีจานวนไอออนลบท่ลี อ้ มรอบไอออนบวก

และจานวนไอออนบวกท่ลี ้อมรอบไอออนลบเทา่ ใด

ภาพประกอบโครงสรา้ งผลึกของซเี ซยี มคลอไรด์
ที่มา : Razeghi (2009 : 32)

204

แบบทดสอบ
เร่อื งการเกดิ พนั ธะไอออนิก

คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนทาเครอ่ื งหมาย (  ) ทบั อกั ษร ก ข ค ง ขอ้ ใดข้อหน่งึ ทเ่ี ห็นว่าถกู ตอ้ งทส่ี ดุ
เพยี งข้อเดียว ลงในกระดาษคาตอบ

1. สารประกอบใดตอ่ ไปน้ี ไม่ได้เกดิ จากพนั ธะไอออนกิ (ความเขา้ ใจ)

ก. CO2 , HCl ข. NaNO3 , NH4F

ค. BaSO4 , CuS ง. NaF , NaCl

2. ขอ้ ใด ไม่ใช่ สมบัติของสารประกอบไอออนิก (ความรู้ความจา)

ก. มีความแข็งแตเ่ ปราะ ข. ในสภาพของแขง็ ไมน่ าไฟฟา้

ค. ตีเปน็ แผน่ หรือยืดเป็นเสน้ ได้ ง. มจี ุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง

3. กาหนดให้ พลงั งานแลตทิซ แทนด้วย DH1 พลงั งานไฮเดรชนั แทนด้วย DH2

ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้องเกย่ี วกับการละลายของสารประกอบไอออนิก (ความเข้าใจ)

ก. พลงั งานการละลาย = DH1 + DH2

ข. พลังงานการละลาย = DH1 - DH2

ค. ถา้ DH1 มคี า่ มากกว่า DH2 จะเป็นปฏิกิรยิ าดดู ความร้อน

ง. ข้อ ก. และ ข้อ ค. ถูก

4. การทีโ่ ลหะรวมตวั กับอโลหะ แล้วโลหะจะใหอ้ ิเลก็ ตรอนแกอ่ โลหะ เกิดไอออนบวกและลบดงึ ดูดกัน

ดว้ ยแรงดงึ ดดู ไฟฟา้ สถิต สรา้ งพนั ธะไอออนิกขึน้ ในสารประกอจบะมีลกั ษณะเปน็ ไปตามขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี

(การวเิ คราะห์สัมพนั ธ์)

ก. โลหะมคี า่ IE สูง จึงใหอ้ เิ ล็กตรอนได้ง่าย เพอื่ ปรบั เวเลนต์อิเลก็ ตรอนแบบแกส๊ เฉื่อย

ข. โลหะมีคา่ IE ต่า จึงใหอ้ เิ ลก็ ตรอนได้ง่าย เพ่ือปรบั เวเลนตอ์ เิ ลก็ ตรอนแบบแก๊สเฉ่อื ย

ค. โลหะมขี นาดอะตอมเลก็ กว่าอโลหะ

ง. อโลหะมีขนาดอะตอมใหญก่ ว่าโลหะ

5. จงพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี (การวิเคราะห์ความสาคัญ)

1. สารประกอบไอออนิกนาไฟฟ้าได้ แต่สารประกอบโคเวเลนต์ไมน่ าไฟฟ้า

2. ธาตหุ มู่ I และหมู่ II ทุกธาตุต่างทาปฏกิ ริ ยิ ากบั าตอุ โลหะเกดิ สารประกอบไอออนกิ

3. พันธะไอออนกิ เปน็ พันธะเคมีทเี่ กิดจากแรงดงึ ดดู ไฟฟ้า ระหวา่ งไอออนบวกและไอออนลบ

ข้อใดต่อไปนี้กลา่ วถกู ต้อง

ก. ข้อ 2 และ 3 ข. ขอ้ 1 และ 3

ค. ข้อ 1, 2 และ 3 ง. ข้อ ค

205

เฉลยบตั รกจิ กรรมที่ 7
เรื่องการเกิดและลักษณะโครงผลึกพนั ธะไอออนิก

แบบบันทึกตอบคาถามจากกจิ กรรม
1. จงวาดภาพ การให้และการับอเิ ล็กตรอน อะตอมของธาตใุ นการเกิดพันธะไอออนิก
1.1 การรวมตัวกนั ของ Ca กับ Cl เกดิ เปน็ สารประกอบ CaCl2

1.2 การรวมตัวกนั ของ Mg กับ O เกดิ เปน็ สารประกอบ MgO

2. จาแนกสารประกอบไอออนิกท่กี าหนดให้ ตามโครงสร้างสารประกอบไอออนิก โดยให้
ตดั กระดาษชอ่ื สารประกอบไอออนกิ มาตดิ รอบกบั โครงสรา้ งสารประกอบไอออนิก

KI NaCl HF HCl

206
CsBr NH4Br NH4Cl CaF2

CaF2 BaCl2 BaF2
CuCl HgS ZnS HgS

207

เฉลยใบงานที่ 9
เรือ่ งการเกดิ พันธะไอออนิก

คาชีแ้ จง

1. ใหน้ ักเรียนเติมข้อมูลลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง
1.1 พันธะไอออนิก หมายถึง พนั ธะท่เี กดิ จากการใหแ้ ละรับอิเลก็ ตรอนระหวา่ งอะตอม

ของธาตุคูร่ ว่ มพนั ธะทาใหเ้ กดิ เป็นไอออนบวกและไอออนลบ
1.2 หลกั ในการให้และรบั อิเลก็ ตรอนของอะตอมของธาตเุ พอ่ื ให้เกดิ เปน็ ไอออนคอื

เม่อื ใหห้ รอื รบั อเิ ล็กตรอนแล้ว จะต้องทาให้เวเลนซอ์ ิเล็กตรอนของไอออนทีเ่ กดิ ขนึ้ ครบ 8
1.3 ธาตุท่ีใหอ้ ิเล็กตรอนแก่ธาตุอื่น คอื โลหะ จากนั้นอนุภาคจะเปลย่ี นเปน็ ไอออนบวก
1.4 ธาตุทร่ี บั อเิ ลก็ ตรอนจากธาตอุ ่นื คือ อโลหะ จากนัน้ อนุภาคจะเปลยี่ นเป็นไอออนลบ

2. ใหน้ กั เรยี นเขยี นแผนภาพการเกิดสารประกอบไอออนกิ จากธาตุท่กี าหนดให้

2124Mg กบั

2.1 ธาตโุ ลหะคอื Mg จัดเรียงอิเลก็ ต1ร68อOน 2, 8, 2 เกิดเป็นไอออน Mg2+
2.2 ธาตอุ โลหะคอื จดั เรียงอิเลก็ ตรอน 2, 6 กดิ เปน็ ไอออน O2-
2.3 แผนภาพ

แนวคาตอบ

208
3. โครงสรา้ งผลึกของสารประกอบไอออนิกตอ่ ไปนมี้ ีจานวนไอออนลบทล่ี อ้ มรอบไอออนบวก

และจานวนไอออนบวกที่ลอ้ มรอบไอออนลบเทา่ ใด

แนวคาตอบ โครงสร้างของผลกึ ซีเซยี มคลอไรด์ (CsCl) พบว่า Cs+ แต่ละไอออนจะถกู ล้อมรอบ
ดว้ ย Cl- จานวน 8 ไอออน และ Cl- แตล่ ะไอออนกถ็ กู ล้อมรอบด้วย Cs+ จานวน 8 ไอออน

ศกึ ษาเนอ้ื หาให้เขา้ ใจแล้ว
ทางานในใบงานจะไดง้ า่ ยขนึ้ นะคะ

คะ

209

เฉลยแบบทดสอบ
เร่อื งการเกดิ พันธะไอออนิก

1. ก
2. ค
3. ง
4. ข
5. ง

ตรวจคาตอบกับเฉลย
ถูกทง้ั หมดก่ีขอ้ คะ่

210

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 8
เร่ือง การเขียนสตู รและการเรยี กชอื่ สารประกอบไอออนกิ

กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
รายวชิ า ว31221 เคมี 1 ภาคเรียนที่ 2
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 พนั ธะเคมี
ช่ัวโมงท่ี 1 สอนวนั เวลา 2 ช่ัวโมง

ช่ัวโมงท่ี 2 สอนวนั

1. สาระสาคัญ
การเขยี นสตู รสารประกอบไอออนิก เขยี นสัญลกั ษณ์ของธาตทุ ่เี ป็นไอออนบวกไว้ขา้ งหน้าตาม

ด้วยไอออนลบ แสดงอตั ราสว่ นอย่างต่าของจานวนไอออนหอ้ ยท้ายไอออนนน้ั โดยไอออนบวกและ
ไอออนลบจะรวมกนั ในอัตราส่วนทีท่ าใหส้ ารประกอบไอออนกิ มปี ระจรุ วมเปน็ ศนู ย์

2. มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 3 สารและสมบตั ขิ องสาร
มาตรฐานว 3.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสมบตั ขิ องสารกับโครงสรา้ งและ

แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาค มีกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละจิตวิทยาศาสตร์ ส่อื สารสงิ่ ท่ี
เรียนรูแ้ ละนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ตวั ช้วี ัด
ว 3.1ม.4-6/4 วิเคราะห์และอธิบายการเกิดพนั ธะเคมใี นโครงผลึกและในโมเลกลุ ของสาร

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงค์ดา้ นความรู้ (K)
3.1.1 อธบิ ายถึงหลกั การเขียนสตู รและเรียกชอื่ สารประกอบไอออนกิ ได้
3.1.2 สามารถเขยี นสูตรสารประกอบไอออนิกได้
3.2 จดุ ประสงค์ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
3.2.1 สามารถสอื่ ความหมายและเรียกชอื่ สารประกอบไอออนิกได้
3.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
3.3.1 ซือ่ สัตยส์ ุจริต

3.3.2 มีวนิ ัย

3.3.3 ใฝ่เรียนรู้

211

3.3.4 มุง่ มน่ั ในการทางาน

4. สาระการเรียนรู้
การเขียนสตู รสารประกอบไอออนกิ ประเภทธาตุคู่มีหลกั การเขียนคือ เขยี นสญั ลักษณ์ของ

ไอออนบวกไว้ข้างหนา้ ตามด้วยไอออนลบแลว้ คูณไขว้ตวั เลขประจขุ องไอออน โดยพิจารณาการเกดิ
ไอออนของธาตตุ ่าง ๆ จากการจัดเรยี งอเิ ลก็ ตรอน

กรณที ่สี ารประกอบไอออนิกเกิดจากกลุ่มอะตอมที่มีประจทุ างไฟฟา้ หรือสารประกอบไอ
ออนกิ ประเภทธาตุ 3 มหี ลักการเชน่ เดยี วกับประเภทธาตคุ ู่ แตถ่ ้ากล่มุ อะตอมที่มปี ระจุไฟฟา้ มมี ากกวา่
1 กลมุ่ ใหใ้ สว่ งเล็บแลว้ จึงเขียนตัวเลขแสดงจานวนกลุ่มท่ีมุมลา่ งขวา

การเรยี กช่อื สารประกอบไอออนกิ ให้เรียกช่อื ไอออนบวกตามด้วยชือ่ ไอออนลบ ดังน้ี
1. ถ้าโลหะหมู่ IA, IIA, IIIA รวมกับอโลหะ ให้อา่ นชอ่ื โลหะ (ไอออนบวก) ตามด้วยชื่อ
อโลหะ (ไอออนลบ) แล้วเปลีย่ นท้ายเสยี งเป็น ไ – ด์
2. ถา้ โลหะเปน็ ธาตทุ รานซิชันที่มไี อออนได้มากกวา่ 1 ชนิด ใหร้ ะบปุ ระจขุ องไอออนใน
วงเลบ็ เปน็ ตัวเลขโรมนั แล้วอา่ นช่ืออโลหะแลว้ เปลย่ี นทา้ ยเสยี งเปน็ ไ – ด์
3. ถา้ โลหะรวมกับกลุ่มอะตอมทีม่ ีประจุไฟฟา้ ใหอ้ า่ นช่ือโลหะก่อนแลว้ อา่ นชอ่ื กลุ่มอะตอม
ท่ีมีประจไุ ฟฟา้

5. ชิน้ งาน/ภาระงาน
5.1 สรปุ เน้อื หาเรอ่ื งการเขยี นสตู รและเรยี กชอื่ สารประกอบไอออนกิ
5.2 ทากจิ กรรมที่ 9 เรอ่ื งเขยี นสตู รและเรยี กชื่อสารประกอบไอออนกิ
5.3 ทางานจากใบงานท่ี 10 เร่ืองการเขยี นสูตรและเรียกช่อื สารประกอบไอออนกิ

6. การประเมนิ ผล
6.1 ความรู้

ภาระ/ช้นิ งาน วิธีการวัด เคร่ืองมือ เกณฑท์ ีใ่ ช้ ระดับ เกณฑ์
คุณภาพ การผ่าน
- เขา้ ใจเนอื้ หา ประเมนิ ดีมาก ถกู ต้ังแต่ 3 ขอ้
เร่อื งการเขียน
สูตรและเรียกชือ่ ทา แบบทดสอบ ตอบถกู 4-5 ขอ้ ดี ขึน้ ไปหรือร้อย
สารประกอบ พอใช้ ละ 70 ขึน้ ไป
ไอออนกิ แบบทดสอบ ตอบถูก 2-3 ขอ้

ตอบถกู 0-1 ข้อ

212

6.2 ทกั ษะ/กระบวนการ/ทกั ษะการคิด

ภาระ/ชิ้นงาน วิธีการวดั เคร่ืองมอื เกณฑ์ทใี่ ช้ ผู้ประเมนิ
ประเมิน นกั เรยี น
1. เขียนแผนผังมโนทัศน์ - สงั เกตพฤตกิ รรม
สรปุ เน้ือหาเกี่ยวกบั การปฏบิ ตั ิงานของ - แบประเมนิ ผา่ นระดบั ดี ครู
หลกั การเขยี นสูตรและ กลมุ่ การปฏิบัตงิ าน ข้นึ ไป
เรยี กชือ่ สารประกอบ กลมุ่ ครู
ไอออนิก
2. ทากิจกรรมท่ี 8 - การตรวจผลงาน - แบบตรวจ ผ่านระดบั ดี เพื่อน
เร่ืองการเขียนสตู รและ ผลงาน ขนึ้ ไป ครู
เรยี กช่ือสารประกอบ
ไอออนกิ - การตรวจผลงาน - แบบตรวจ ผ่านระดับดี
3. ทางานจากใบงาน ผลงาน ขนึ้ ไป
ท่ี 10 เรอื่ งการเขียน
สูตรและเรยี กชือ่
สารประกอบไอออนิก

6.3 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

ภาระ/ช้ินงาน วิธกี ารวัด เคร่อื งมอื เกณฑท์ ีใ่ ช้ ผูป้ ระเมิน
ประเมิน ครู
-ซื่อสตั ย์สจุ ริต - สงั เกตพฤติกรรมความ - แบบประเมิน ผ่านระดับดขี น้ึ
- มวี ินยั ซอื่ สตั ย์ มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ คณุ ลักษณะ ไป
-ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มน่ั ในการทางาน อนั พึงประสงค์
-มุ่งมน่ั ในการทางาน

213

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้

กจิ กรรม ส่ือและแหล่งเรยี นรู้

ชว่ั โมงที่ 1

ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engage) สื่อการเรียนรู้

1. นาเข้าสบู่ ทเรียนเกย่ี วกบั การเขยี นสูตรของ 1. แบบทดสอบเร่อื งการเขยี นสตู ร

สารประกอบไอออนกิ โดยครูตง้ั คาถามถามนกั เรียน ดังประเด็น และการเรียกชอ่ื สารประกอบ

คาถามตอ่ ไปน้ี ไอออนกิ

1) ครูซกั ถามเกี่ยวกับสตู รเคมขี องสารประกอบต่าง ๆ 2. อปุ กรณ์สาธิต

ท่ีนักเรียนพบเหน็ ในชวี ติ ประจาวัน เชน่ สูตรสารเคมที ่ฉี ลากยา 1) บกี เกอร์ขนาด 100 ml
ขวดยาฆ่าแมลง ขวดแชมพู 2) เกลอื แกง
3. ใบความรทู้ ี่ 10 เรอื่ งการเขียน
2) นกั เรียนชว่ ยกนั ยกตวั อยา่ งสูตรเคมี ครูเขยี นสตู รท่ี
นกั เรียนยกตวั อย่างบนกระดาน สูตรและการเรียกช่อื สารประกอบ

3) นกั เรียนรว่ มกันวิเคราะห์สูตรเคมีทเ่ี ขียนบนกระดาน ไอออนิก
ว่ามีสารใดเปน็ สารประกอบไอออนิก และทาไมนักเคมีจงึ เขยี น
4. หนงั สือเรียน รายวชิ าเพิ่มเตมิ
สตู รของสารประกอบเปน็ แบบนัน้ เคมี เลม่ 1 ของสสวท. หน้า 106
การสารวจและคน้ หา (Explore) - 110
2. แบง่ นักเรียนออกเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 6 – 7 คน โดยคละ 5. บัตรกจิ กรรมที่ 8 เรอ่ื งการ

เพศ คละผลการเรยี นเก่ง ปานกลาง อ่อน แลว้ เลอื กประธาน เขยี นสูตรและการเรยี กช่ือ
กลมุ่ กรรมการ และเลขานกุ ารกลุ่มหรอื เป็นกล่มุ เดิมทแ่ี บง่ กล่มุ
จากช่ัวโมงเรยี นทผี่ ่านมา สารประกอบไอออนกิ

6. ใบงานท่ี 10 เร่ืองการเขยี นสตู ร

3. นักเรียนภายในกลุม่ แต่ละกลุ่มสงั เกตผลกึ เกลือแกงใน และการเรียกช่ือสารประกอบไอ

บีกเกอร์ทเ่ี ตรยี มไว้แล้วตอบคาถาม ดงั ต่อไปน้ี ออนกิ

- สิ่งทน่ี กั เรยี นสงั เกตคอื อะไร (เกลอื แกง) แหล่งเรยี นรู้
1. ห้องสมดุ โรงเรียน
- เกลือแกงมชี ่ือและสูตรทางเคมีอยา่ งไร(NaCl = โซเดยี ม 2. ห้องอินเตอรเ์ น็ตโรงเรยี น
คลอไรด์)

- เกลอื แกงประกอบด้วยไอออนบวกและไอออนลบอะไร 3. ห้องปฏิบตั กิ ารกลมุ่ สาระ
(Na + และ Cl-)
วทิ ยาศาสตร์

4. จากเว็บ

214

กจิ กรรม สื่อและแหล่งเรยี นรู้

- การเขียนสตู รสารประกอบไอออนกิ มีหลกั ในการเขยี น ไซนw์ ww.google.com

อย่างไร(เขียนสัญลักษณข์ องไอออนบวกไวข้ ้างหน้าตามดว้ ย 5. หนังสอื เตรียมสอบ
ไอออนลบแลว้ คูณไขวต้ ัวเลขประจขุ องไอออน โดยพจิ ารณาการ O-Net และ A-Net

เกิดไอออนของธาตุต่าง ๆ จากการจัดเรยี งอิเล็กตรอน)

4. ตัวแทนนกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมารับบัตรสูตรสารประกอบไอ
ออนกิ แล้วรว่ มกนั พจิ ารณาแยกไอออนบวกและไอออนลบ

5. ยกตัวอย่างสารประกอบไอออนกิ และให้ความรู้เพ่มิ เติม
ในการพจิ ารณาเกย่ี วกบั การเขยี นสูตร เช่น

K+กบั Cl- อัตราส่วนไอออนเปน็ 1 : 1 เขียนสูตรเป็น
KCl

Mg2+กับ Cl- อตั ราสว่ นไอออนเป็น 1 : 2 เขยี นสูตร
เปน็ MgCl2

6. นักเรียนศึกษาขอ้ มูลเก่ยี วกับการเขียนสตู รและการ
เรียกชอื่ สารประกอบไอออนกิ แลว้ ร่วมกันตอบคาถาม เพ่อื

นาไปสู่การค้นคว้าจากประเด็นคาถามต่อไปนี้
- ในการเขียนสูตรสารประกอบไอออนิก จะต้องทราบ

อะไร (ไอออนบวก และไอออนลบ และคา่ ประจขุ องไอออน)
- จะทราบประจุของไอออนได้อยา่ งไร (จากการ

จัดเรียงอเิ ล็กตรอนของธาตุ โดยพจิ ารณาจากจานวนเวเลนซ์
อิเลก็ ตรอน)

- มหี ลักการเขียนสตู รอยา่ งไร (เขยี นไอออนบวกตาม
ดว้ ยไอออนลบ และรวมกนั ในอตั ราส่วนท่ที าใหป้ ระจุเป็นศูนย์)

7. นักเรียนออกมารบั ใบความรู้ท่ี 10 เรอ่ื งการเขยี นสูตร
และการเรียกชอ่ื สารประกอบไอออนกิ แจกให้สมาชกิ ภายใน
กลมุ่ ร่วมกนั ศึกษาและสรปุ เน้อื หาเกีย่ วกับการเขยี นสูตรและการ
เรียกชอ่ื สารประกอบไอออนกิ หรือศกึ ษาเพมิ่ เตมิ จากหนังสอื

กจิ กรรม 215
เรียน รายวชิ าเพ่ิมเติมเคมี เล่ม 1 ของสสวท. หน้า สื่อและแหลง่ เรยี นรู้
106- 110

ช่ัวโมงท่ี 2
การอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explain)
8. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมารับบตั รกจิ กรรมท่ี 8

เรื่องการเขียนสูตรและเรยี กช่ือสารประกอบไอออนิก ซึง่ เปน็
การคิดวเิ คราะห์ความสาคัญ โดยสมาชกิ ในกลมุ่ รว่ มการศึกษา
และสรปุ คาตอบทไี่ ด้

9. ตัวแทนนักเรียนกลุ่มคูค่ อื กลมุ่ ที่ 2,4 และ 6 ออกมานาเสนอ
ผลงาน

10. นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายเพ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ สรุป
เกย่ี วกบั การเขียนสตู รและการเรยี กชอื่ สารประกอบไอออนิก
ดงั น้ี

- การเขยี นสตู รสารประกอบไอออนกิ เขียนไอออนบวก
ไว้หน้า ตามดว้ ยไอออนลบแล้วคูณไขว้ดว้ ยตวั เลขประจุไอออน

- การเรยี กชื่อสารประกอบไอออนกิ เรยี กชื่อไอออน
บวกตามด้วยชอ่ื ไอออนลบ เปลีย่ นท้ายเสียงเป็น ไ-ด์ ถา้ โลหะ
เป็นธาตุทรานซชิ ันท่มี ไี อออนได้มากกว่า 1 ชนดิ ให้ระบปุ ระจุ
ของไอออนในวงเล็บเปน็ ตวั เลขโรมัน และถ้าโลหะรวมกับกลมุ่
อะตอมท่มี ีประจุไฟฟ้า ให้เรยี กชอื่ โลหะตามดว้ ยชอ่ื กลุ่มอะตอม
ท่มี ปี ระจไุ ฟฟา้ นั้น ๆ

การขยายความรู้ (Elaborate)
11. นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ และหาคาตอบวา่

สารประกอบไอออนกิ ท่ีเกิดจากธาตหุ มู่ IA, IIA, IIIA กบั ธาตุ
หมู่ VA ควรมสี ูตรเอมพริ ิคลั อย่างไร (M3A , M3A2 , MA)

12. ครูอธิบายให้ความรู้เพ่ิมเตมิ เกยี่ วกบั การเขียนสูตร

กจิ กรรม 216
เอมพริ ิคัล เพอื่ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจวิธกี ารเขยี นสตู รสมการที่ถกู ต้อง สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้

การประเมินผล (Evaluate)
13. นักเรียนแตล่ ะคนรับใบงานท่ี 10 เรอ่ื งการเขยี นสูตร

และการเรยี กชอื่ สารประกอบไอออนิก

14. นักเรียนทางานจากใบงานที่ 10 เร่อื งการเขยี นสตู ร

และการเรียกชอื่ สารประกอบไอออนิก โดยครสู ังเกตพฤติกรรม

อยา่ งใกลช้ ิด

15. ครตู รวจใบงานท่ี 10 เร่ืองการเขยี นสตู รและการ

เรียกชอ่ื สารประกอบไอออนิก

16. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี นเรอื่ งรปู รา่ งโมเลกลุ
โคเวเลนต์ ซึง่ เป็นขอ้ สอบปรนัยชนิดเลอื กตอบ 4 ตวั เลือก
จานวน 5 ขอ้

17. นกั เรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรปุ เนือ้ หาและความร้ทู ่ีเป็น
แผนผังมโนทศั น์ ลงในกระดาษที่ครแู จกเป็นรายบคุ คลได้ถกู ต้อง

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนที่ยังเรยี นไมเ่ ข้าใจสามารถศกึ ษาไดจ้ ากแหลง่ เรยี นรูต้ ่าง ๆ และให้เพ่ือนช่วย

แนะนานอกเวลาเรียนและสามารถวดั ผลประเมนิ ผลอกี ครัง้ จนนกั เรียน

217

9. บนั ทึกผลหลังสอน

9.1 ผลการสอน

1) นกั เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจ

ผลการตรวจแบบทดสอบ นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมิน คดิ เป็นร้อยละ 83.31

ของนกั เรยี นทง้ั หมด

2) นักเรียนมคี วามสามารถด้านทักษะกระบวนการ

ผลการตรวจเขยี นแผนผังมโนทัศน์ สรุปเน้อื หาเกี่ยวกับหลักการเขยี นสตู รและ

เรียกชอ่ื สารประกอบไอออนกิ นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดขี นึ้ ไป คิดเป็นร้อยละ

86.24 ของนกั เรยี นทง้ั หมด

ผลการตรวจบัตรกจิ กรรมท่ี 8 และใบงานท่ี 10 นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ

ระดบั ดขี น้ึ ไป คดิ เป็นรอ้ ยละ 83.43 ของนกั เรยี นทั้งหมด

3) นกั เรยี นมคี ุณลักษณะอันพึงประสงค์

นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นท้งั หมด

9.2 ปญั หา/อุปสรรค
นักเรยี นประมาณร้อยละ 15 ของนกั เรียนทั้งหมด เขียนสูตรสารประกอบและไอออน

ของสารประกอบไอออนิกไมช่ ดั เจน

9.3 แนวทางปรับปรุงการเรียนการสอนครั้งตอ่ ไป
แนะนาและกาชบั นกั เรยี นอยา่ งใกล้ชดิ ในการเขียนสูตรและไอออนของสารประกอบ

ไอออนิก

ลงชอ่ื ........................................................ นางคุณากร คาสุข)
( ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการ

218

10. ความคิดเห็นของหัวหนา้ กลุ่มบริหารวชิ าการ
เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ครบองค์ประกอบ กจิ กรรมการเรยี นรเู้ น้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ

สอ่ื การเรียนการสอน และการวดั ผลประเมินผลสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้ เหน็ ควรอนุญาต
ให้ใช้จัดการเรยี นการสอนได้

ลงช่อื ……………………………………………………
(นางพรพิรุณ แจ้งใจ)

หวั หนา้ กล่มุ บรหิ ารวชิ าการ

11. ความคดิ เหน็ ของผูอ้ านวยการโรงเรยี น
อนุญาตให้ใชจ้ ัดการเรยี นการสอนได้

ลงช่ือ……………………………………………………
(นางลดั ดา ผาพนั ธ์)

ผู้อานวยการโรงเรียนโคกโพธิไ์ ชยศกึ ษา
วันที่ ....... เดือน...........................พ.ศ...........

219

ใบความรู้ที่ 10
เร่ืองการเขียนสูตรและการเรียกชือ่ สารประกอบไอออนิก

การเขียนสูตรสารประกอบไอออนกิ

การเขยี นสตู รสารประกอบไอออนกิ น้นั จะตอ้ งทราบชนิดของไอออนบวก ไอออนลบและคา่
ประจขุ องแตล่ ะไอออน ซ่งึ ค่าประจุสามารถทราบได้จากการจัดเรยี งอิเลก็ ตรอนของธาตุ

การเขยี นสูตรสารประกอบไอออนกิ ประเภทธาตุคู่มหี ลกั การเขยี น คอื เขยี นสัญลักษณ์ของ
ไอออนบวกไวข้ า้ งหนา้ ตามด้วยไอออนลบแลว้ คณู ไขว้ตวั เลขประจขุ องไอออน โดยพจิ ารณาการเกดิ
ไอออนของธาตตุ ่าง ๆ จากการจัดเรียงอเิ ล็กตรอน เช่น

ตวั อย่าง จงเขียนสตู รสารประกอบไอออนิกทเี่ กดิ จากธาตุ แคลเซียมรวมกบั ธาตคุ ลอรีน

Ca เสียอเิ ลก็ ตรอน 2 อเิ ลก็ ตรอนเกดิ เปน็ Ca2+

Cl รับอิเลก็ ตรอน 1 อเิ ลก็ ตรอนเกดิ เปน็ Cl-

การเขียนสูตรต้องไขวป้ ระจุ Ca2+ + Cl- a2+ + Cl- CaCl2

12
ตารางแสดงไอออนของธาตุ

กรณีท่สี ารประกอบไอออนิกเกดิ จากกลุม่ อะตอมท่มี ีประจุทางไฟฟา้ หรือสารประกอบไอ
ออนิกประเภทธาต3ุ มหี ลกั การเชน่ เดียวกบั ประเภทธาตุคู่ แต่ถ้ากลุ่มอะตอมท่มี ีประจุไฟฟา้ มมี ากก1ว่า
กลุ่ม ให้ใส่วงเลบ็ แลว้ จงึ เขยี นตวั เลขแสดงจานวนกลุ่มที่มุมล่างขวา ดงั ตัวอยา่ ง

220

ไอออนบวก ไอออนลบ สูตรสารประกอบ
Al3+ Al2(SO4)3
Ca2+ SO42− Ca(NO3)2
Mg2+ NO3− Mg3(PO4)2
PO43−

สารประกอบไอออนกิ

การเรยี กช่ือสารประกอบไอออนิกใหเ้ รยี กชอ่ื ไอออนบวกตามดว้ ยชอื่ ไอออนลบ ดงั นี้
1. ถา้ โลหะหมู่ IA , IIA , IIIA รวมกับอโลหะ ให้อา่ นช่อื โลหะ(ไอออนบวก) ตามด้วยช่ือ

อโลหะ (ไอออนลบ) แล้วเปล่ียนทา้ ยเสียงเปน็ ไ – ด์ ดงั ตวั อย่าง

ไอออนบวก ไอออนลบ สตู รสารประกอบ การเรียกชือ่
Li+ O2- Li2O ลเิ ทยี มออกไซด์
Mg2+ S2- MgS แมกนเี ซยี มซลั ไฟด์
Ca2+ F- CaF2 แคลเซยี มฟลอู อไรด์

Al3+ O2- Al2O3 อะลูมิเนยี มออกไซด์

2. ถา้ โลหะเปน็ ธาตุทรานซิชนั ท่มี ีไอออนได้มากกว่า 1 ชนิด ใหร้ ะบปุ ระจุของไอออนใน
วงเลบ็ เปน็ ตวั เลขโรมนั แล้วอ่านช่ืออโลหะแลว้ เปลยี่ นทา้ ยเสียงเป็น ไ – ด์ ดงั ตวั อยา่ ง

ไอออนบวก ไอออนลบ สตู รสารประกอบ การเรียกชื่อ
Fe2+ Cl- FeCl2 ไอรอ์ อน(II) คลอไรด์
Fe+ Cl- FeCl3 ไอร์ออน(III) คลอไรด์
Cu+ O2- Cu2O คอปเปอร์(I) ออกไซด์
Cu2+ O2- Cu2O คอปเปอร์(II) ออกไซด์
Ag+ Cl- AgCl2 ซลิ เวอร์คลอไรด์(Ag+ มีประจคุ า่
เดยี วไม่ต้องระบุ)

221

3. ถา้ โลหะรวมกบั กลมุ่ อะตอมทม่ี ีประจไุ ฟฟ้า ให้อา่ นช่อื โลหะก่อนแล้วอา่ นช่ือกลมุ่ อะตอมที่
มปี ระจไุ ฟฟา้ ดังตวั อยา่ ง

ไอออนบวก ไอออนลบ สตู รสารประกอบ การเรยี กชื่อ
Al3+ OH- Al(OH)3 อะลมู ิเนียมไฮดรอกไซด์
Na+ Na2CO3 โซเดียมคาร์บอเนต
Mg2+ CO32− MgSO4 แมกนีเซียมซัลเฟต
SO42− NH4NO3 แอมโมเนียมไนเตรต
NH+4 NO3− FeSO4 ไอร์ออน(II) ซลั เฟต
SO24−
Fe2+

การเรยี กช่อื กล่มุ อะตอมท่มี ปี ระจไุ ฟฟ้า

สตู ร ช่อื กลุ่มอะตอม
แอมโมเนียมไอออน
NH4+ ไฮดรอกไซด์ไอออน
ไซยาไนดไ์ อออน
OH- ไนเตรตไอออน
CN- คาร์บอเนตไอออน
ไฮโดรเจนคารบ์ อเนต
NO−3 ซัลเฟตไอออน
ไฮโดรเจนซลั เฟตไอออน
CO23− ฟอสเฟตไอออน
HCO−3 ไฮโดรเจนฟอสเฟต
ไดไฮโดรเจนฟอสเฟต
SO24−
HSO4−

PO43−
HPO24−
H2PO4−

222

บตั รกจิ กรรมท่ี 8
เรอ่ื งการเขียนสูตรและเรียกชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์

จดุ ประสงค์ของกิจกรรม
อธิบายถงึ หลักการเขยี นสูตรและเรยี กชอ่ื สารประกอบไอออนกิ ได้

คาชแ้ี จง
1. ให้นกั เรยี นเขียนสตู รของสารประกอบไอออนิกทก่ี าหนดให้

1.1 Na+ กบั O2

1.2 Ca2+ กับ Cl

1.3 NH4 กบั SO24

2. ใหน้ ักเรยี นเขียนสูตรของสารประกอบไอออนกิ ท่ขี าดหายไปลงในชอ่ งว่าง

ไอออนลบ NO3- OH- SO42- CO32-
Cu(NO3)2 Mg(OH)2 Al2(SO43 CuCO3
ไอออนบวก
Mg2+
Al3+
Cu2+

3. ให้นักเรียนเขียนชอ่ื สารประกอบไอออนิก ดงั ตอ่ ไปนี้

3.1 NaF 3.2 KCl 3.3 BaF2 3.4 CaCl2
3.8 FeCl3
3.5 Na2CO3 3.6 Mg2(PO4)2 3.7 Cu(NO3)2

3.9 KClO3 3.10 AgNO3

223

แบบบันทึกตอบคาถามจากกิจกรรม

1. เขยี นสตู รของสารประกอบไอออนิกทีก่ าหนดให้

1.1 Na+ กบั O2

1.2 Ca2+ กบั Cl

1.3 NH4 กบั SO24

2. เขียนสูตรของสารประกอบไอออนิก ท่ีขาดหายไปลงในชอ่ งวา่ ง

ไอออนลบ NO3- OH- SO42- CO32-
Cu(NO3)2 Mg(OH)2 Al2(SO43 CuCO3
ไอออนบวก
Mg2+
Al3+
Cu2+

3. เขียนช่ือสารประกอบไอออนกิ ดงั ตอ่ ไปนี้

3.1 NaF อา่ นว่า ................................................................................................................
3.2 KCl อา่ นว่า ................................................................................................................
3.3 BaF2 อ่านวา่ ................................................................................................................
3.4 CaCl2 อ่านวา่ ................................................................................................................
3.5 Na2CO3 อ่านวา่ ................................................................................................................
3.6 Mg2(PO4)2 อา่ นว่า ............................................................................................................
3.7 Cu(NO3)2 อา่ นว่า ............................................................................................................
3.8 FeCl3 อ่านว่า ................................................................................................................
3.9 KClO3 อา่ นว่า ................................................................................................................
3.10 AgNO3 อ่านว่า ................................................................................................................

224

ใบงานท่ี 10
เร่อื งการเขียนสตู รและเรยี กชอื่ สารประกอบไอออนกิ

คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเตมิ คาตอบในช่องว่าง

1. จงเขยี นสูตรของสารประกอบไอออนกิ จากการรวมตัวของไอออนตอ่ ไปนี้

ไอออน 2− F− SO24− PO34− NO3−

แบเรยี มไอออน
(Ba2+)

อะลมู ิเนียมไอออน
(Al3+)

คอปเปอร์(II) ไอออน
(Cu2+)

แอมโมเนยี ม ไอออน
(NH4+)

ซลิ เวอรไ์ อออน (Ag+)

โซเดยี มไอออน (Na+)

2. จงอา่ นช่อื สารประกอบตอ่ ไปนี้

K2CrO4 อ่านว่า ……………………………………………………………………………….
Sr(NO3)2
Al2(SO4)3 อา่ นวา่ ……………………………………………………………………………….
SiF4
C3S2 อ่านวา่ ……………………………………………………………………………….
(CH3COO)2Pb
Fe2O3 อ่านว่า ……………………………………………………………………………….

อ่านว่า ……………………………………………………………………………….

อ่านวา่ ……………………………………………………………………………….

อ่านวา่ ……………………………………………………………………………….

225

3. ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาสารประกอบไอออนกิ ตอ่ ไปนีว้ า่ เกิดข้นึ จากไอออนชนิดใด

สารประกอบ วิเคราะหไ์ อออน
ไอออนบวก ไอออนลบ
KBr
MgSO4
Fe(CN)3
Fe(OH)3
Ni(HCO3)2
KNO3
NH4Br
Fe(NO3)3

ต่ืนไดแ้ ล้วจา้

226

แบบทดสอบ
เรือ่ งการเขยี นสูตรและเรยี กชอื่ สารประกอบไอออ

นกิ

คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนทาเครือ่ งหมาย (  ) ทบั อักษร ก ข ค ง ข้อใดข้อหน่ึงท่เี หน็ ว่าถูกต้องท่สี ุด

เพียงขอ้ เดียว ลงในกระดาษคาตอบ

1. ข้อใดเขยี นสตู รสารประกอบได้ถกู ตอ้ ง

ก. MgCl2 , CaCl2 ข. MgO , K2Cl
ค. Li2Cl , Al2O3 ง. Ca2F , Na2S
2. ขอ้ ใดเรียกช่อื สารไดถ้ กู ต้อง

ก. BaSO4 แบเรียมซัลไฟด์ ข. NH4Cl แอมโมเนียมคลอรนี

ค. NaNO3 โซเดยี มไนเตรต ง. CaO แคลเซยี มออกซไิ ซด์

3. ถ้า A, B ,C ,D เป็นธาตทุ ม่ี ีเลขอะตอม 7,11,17 และ 20 ตามลาดับ สูตรของไอออนและ

สารประกอบไอออนกิ ขอ้ ใดต่อไปน้ีถกู ต้อง

ข้อ ไอออนบวก ไอออนลบ สตู รสารประกอบไอออนิก

ก D2+ A3- D3A2

ข C3+ B2- C2B3

ค B+ A- BA
ง A+ C- AC

4. X เปน็ สารประกอบของธาตุ Ca และ F มีจุดหลอมเหลวสงู ไม่นาไฟฟา้ ทอ่ี ุณหภมู ิห้อง และละลาย

น้าได้น้อยมากจากขอ้ มลู ที่กล่าวไว้ข้างตน้ ข้อสรปุ ใดที่ไม่สอดคล้องกบั ข้อมูลดงั กล่าว

ก. พนั ธะในสาร X เปน็ พนั ธะไอออนกิ

ข. สาร X เมอื่ หลอมเหลวจะนาไฟฟา้

ค. X มีสตู ร CaF2 ผลกึ มคี วามแขง็ แรงมากจึงละลายได้ยาก

ง. เมอ่ื X ละลายน้า จะดดู ความร้อน ทาให้ละลายได้น้อย

5. ช่ือสารทีก่ าหนดให้ต่อไปนี้ ข้อใดต่อไปน้ีผิด

ก. Cu2S คอปเปอร์ (II) ซลั ไฟด์, Ai2O3 ไซเดียมไซยาไนด์
ข. P2O5 ไดฟอสฟอรสั เพนทอกไซด์, Al2O3 อะลูมิเนยี มออกไซด์
ค. MnO2 แมงกานีส (IV) ออกไซด์, FeCl3 ไอออน (III) คลอไรด์
ง. K4[ Fe(CN)6] โพแทสเซียมเฮกซายาโนเฟอเรต (II), HNO3 กรดไตรออกโซไนตรกิ

227

เฉลยบตั รกจิ กรรมที่ 8
เรื่อง การเขียนสตู รและเรยี กช่ือสารประกอบโคเวเลนต์

แบบบนั ทกึ ตอบคาถามจากกจิ กรรม
1. เขียนสูตรของสารประกอบไอออนกิ ทกี่ าหนดให้

1.1 Na+ กบั O2 แนวการตอบ Na2O

1.2 Ca2+ กับ Cl แนวการตอบ CaCl2

1.3 NH4 กับ SO24 แนวการตอบ (NH4)2SO4

2. เขียนสูตรของสารประกอบไอออนิก ทขี่ าดหายไปลงในช่องว่าง

ไอออนลบ NO3- OH- SO42- CO32-
Mg(NO3)2 Mg(OH)2 MgSO4 MgCO3
ไอออนบวก Al(NO) Al(OH)3 Al2(SO4)3 Al2(CO3)3
Mg2+ Cu(NO3)2 Cu(OH)2 CuSO4 CuCO3
Al3+
Cu2+

3. เขียนชื่อสารประกอบไอออนกิ ดงั ตอ่ ไปน้ี

3.1 NaF อ่านว่า โซเดยี มฟลูออไรด์
3.2 KCl อา่ นว่า โพแทสเซียมฟลูออไรด์
3.3 BaF2 อา่ นวา่ แบเรยี มฟลูออไรด์
3.4 CaCl2 อ่านว่า แคลเซียมคลอไรด์
3.5 Na2CO3 อา่ นว่า โซเดียมคาร์บอเนต

228

3.6 Mg2(PO4)2 อ่านวา่ แมกนีเซียมฟอสเฟต
3.7 Cu(NO3)2 อา่ นว่า คอปเปอร์(II)ไนเตรต
3.8 FeCl3 อ่านวา่ ไอออน(III) คลอไรด์
3.9 KClO3 อา่ นวา่ โพแทสเซยี มคลอเรต
3.10 AgNO3 อ่านว่า ซลิ เวอร์ (III) ไนเตรต

เฉลยใบงานที่ 10
เร่อื งการเขียนสตู รและเรยี กช่ือสารประกอบไอออนิก

คาช้แี จง ให้นกั เรยี นเตมิ คาตอบในชอ่ งวา่ ง

1. จงเขยี นสตู รของสารประกอบไอออนิกจากการรวมตัวของไอออนตอ่ ไปน้ี

ไอออน 2− F− SO42− PO43− NO3−
แบเรยี มไอออน (Ba2+)
BaS BaF2 BaSO4 Ba3(PO4)2 Ba(NO3)2
อะลูมิเนยี มไอออน Al2S3
(Al3+) AlF3 Al2(SO4)3 AlPO4 Al(NO3)3
CuS
คอปเปอร์(II) ไอออน CuF2 CuSO4 Cu3(PO4)2 Cu(NO3)2
(Cu2+) NH4)2S
Ag2S NH4F (NH4)2SO4 (NH4)3PO4 NH4NO3
แอมโมเนียม ไอออน Na2S
(NH4+) AgF Ag2SO4 Ag3PO4 AgNO3
ซลิ เวอรไ์ อออน (Ag+) NaF Na2SO4 Na3PO4 NaNO3
โซเดยี มไอออน (Na+)

2. จงอ่านช่อื สารประกอบต่อไปนี้

K2CrO4 อ่านวา่ โพแทสเซียมโครเมต
สตรอนเซยี มไนเตรต
Sr(NO3)2 อา่ นวา่

229

Al2(SO4)3 อ่านวา่ อะลมู เิ นยี มซัลเฟต
SiF4 อ่านว่า ซลิ ิคอนเตตระฟลอู อไรด์
C3S2 ไตรคาร์บอนไดซัลซลั ไฟด์
(CH3COO)2Pb อา่ นว่า เลด(II) อะซเิ ตต
Fe2O3 อา่ นวา่ ไอร์ออน(III) ออกไซด์

อา่ นว่า

3. ใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาสารประกอบไอออนกิ ต่อไปนว้ี ่าเกดิ ขึน้ จากไอออนชนิดใด

สารประกอบ วิเคราะหไ์ อออน
ไอออนบวก ไอออนลบ
KBr
MgSO4 K+ Br-
Fe(CN)3 Mg2+ SO42-
Fe(OH)3 Fe3+ CN-
Ni(HCO3)2 Fe3+ OH-
KNO3 Ni2+ HCO3-
NH4Br K+ NO3-
Fe(NO3)3 NH4+ Br-
Fe3+ NO3-

230

เฉลยแบบทดสอบ
เร่อื งการเขยี นสูตรและเรยี กชอ่ื สารประกอบไอออนกิ

1. ข
2. ค
3. ก
4. ง
5. ก

ตรวจคาตอบกับเฉลย
ถูกทั้งหมดก่ขี ้อค่ะ

231

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 9
เรื่อง พลังงานกับการเกดิ สารประกอบไอออนิก

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
รายวชิ า ว31221 เคมี 1 ภาคเรียนที่ 2
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 พนั ธะเคมี
สอนวัน เวลา 2 ชัว่ โมง

1. สาระสาคญั
การเกิดสารประกอบไอออนิกมีปฏกิ ิริยาเกิดข้นึ หลายขั้นตอน แต่ละขน้ั ตอนมกี ารเปลีย่ นแปลง

พลังงานแบบดดู หรือคายพลังงาน โดยปฏกิ ริ ยิ าทม่ี กี ารดดู มากกวา่ คายพลงั งาน จดั เป็นปฏิกริ ิยาแบบ
ดูดพลังงาน และปฏิกิริยาทม่ี ีการคายมากกว่าดูดพลงั งาน จัดเป็นปฏกิ ริ ยิ าแบบคายพลังงาน

2. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี 3 สารและสมบตั ิของสาร
มาตรฐานว 3.1 เข้าใจสมบัตขิ องสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสารกับโครงสร้างและ

แรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งอนุภาค มกี ระบวนการสบื เสาะหาความร้แู ละจติ วทิ ยาศาสตร์ สื่อสารส่งิ ที่
เรียนรแู้ ละนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ตวั ชี้วดั
ว 3.1ม.4-6/4 วเิ คราะห์และอธิบายการเกดิ พนั ธะเคมใี นโครงผลกึ และในโมเลกลุ ของสาร

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 จดุ ประสงค์ด้านความรู้ (K)
3.1.1 อธิบายถึงขัน้ ตอนการเกดิ สารประกอบไอออนกิ ได้
3.1.2 เรียงลาดับและบรรยายข้นั ตอนการเกดิ สารประกอบไอออนกิ ได้
3.2 จดุ ประสงค์ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)

สามารถแก้ปญั หาในการคานวณหาค่าพลังงานในการเกิดสารประกอบไอออนิกได้
3.3 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
3.3.1 ซือ่ สัตยส์ ุจริต

3.3.2 มวี ินยั

3.3.3 ใฝเ่ รยี นรู้

3.3.4 ม่งุ ม่ันในการทางาน

232

4. สาระการเรียนรู้
การเกิดสารประกอบไอออนกิ ชนดิ หนงึ่ ๆ มหี ลายขั้น ในแต่ละข้ันมีการเปล่ียนแปลงพลงั งาน

เกดิ ขนึ้ ดังน้ี
1. การระเหดิ ของของแขง็ โลหะท่อี ย่ใู นสถานะของแขง็ ใชพ้ ลงั งานในการเปลีย่ นสถานะให้

เปน็ แก๊ส เรยี กพลงั งานทใ่ี ช้ในข้นั นว้ี า่ พลังงานการระเหดิ (Heat of sublimation : ∆Hsub )
2. การแตกตัวเป็นไอออนของของแก๊สอะตอมของโลหะในสถานะแก๊สเสยี อเิ ล็กตรอน

กลายเป็นไอออนบวก ใชพ้ ลงั งานจานวนหนึ่งเรยี กพลังงานท่ีใชใ้ นขน้ั นว้ี า่ พลงั งานไอออไนเซชนั
(Ionization energy : IE)

3. การสลายพนั ธะของแก๊ส โมเลกุลของอโลหะสลายพนั ธะได้อะตอม 2 อะตอมในสถานะแก๊ส
ใชพ้ ลงั งานจานวนหน่ึงเรยี กพลังงานท่ใี ชใ้ นขัน้ นว้ี ่าพลงั งานการสลายพนั ธะ(Dissociation energy : D)

4. การเกิดไอออนอะตอมของอโลหะในสถานะแก๊สรบั อิเล็กตรอนท่หี ลุดออกจากโลหะ
กลายเปน็ ไอออนลบ แล้วคายพลงั งานออกมา เรียกพลงั งานในขน้ั นว้ี า่ สมั พรรคภาพอเิ ลก็ ตรอน
(Electron Affinity : EA)

5. การเกิดสารประกอบไอออนิกเมอ่ื ไอออนบวกกบั ไอออนลบในสถานะแก๊สยึดกนั เป็นผลกึ
จะคายพลงั งานออกมา เรียกพลังงานในขั้นน้ีวา่ พลงั งานโครงผลึกหรอื พลังงานแลตทิซ (Lattice
energy : U)

เมื่อรวมการเปลี่ยนแปลงท้ัง 5 ขนั้ จะได้พลังงานการเกดิ สารประกอบไอออนิก 1 โมล
เปน็ ผลตา่ งของพลังงานในข้ัน  +  + กบั ขน้ั  + 

5. ชิน้ งาน/ภาระงาน
5.1 สรปุ เนื้อหาเรอื่ งพลังงานกบั การเกิดสารประกอบไอออนกิ
5.2 ทากจิ กรรมท่ี 9 เรอื่ งพลงั งานของสารประกอบไอออนกิ
5.3 ทางานจากใบงานที่ 11 เรื่องพลงั งานกบั การเกิดสารประกอบไอออนกิ

233

6. การประเมินผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ทใ่ี ช้ ระดับ เกณฑ์
6.1 ความรู้ ประเมนิ คุณภาพ การผ่าน

ภาระ/ชน้ิ งาน วธิ กี ารวดั แบบทดสอบ ตอบถกู 4-5 ขอ้ ดีมาก ถูกตั้งแต่ 3 ขอ้
ตอบถกู 2-3 ข้อ ดี ขน้ึ ไปหรอื รอ้ ย
- เข้าใจเน้อื หา ทาแบบทดสอบ ตอบถกู 0-1 ขอ้ พอใช้ ละ 70 ขนึ้ ไป
เร่อื งพลงั งานกบั
การเกิดการ
ประกอบไอออนกิ

6.2 ทกั ษะ/กระบวนการ/ทกั ษะการคดิ

ภาระ/ชนิ้ งาน วิธีการวัด เคร่ืองมอื เกณฑท์ ใี่ ช้ ผู้ประเมิน
ประเมนิ นักเรียน
1. สรปุ เนือ้ หาเป็น - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมิน ผา่ นระดับดี
แผนผงั มโนทศั น์ การปฏบิ ตั งิ านของ การปฏบิ ตั งิ านกล่มุ ขนึ้ ไป ครู
เก่ียวกับพลังงานกบั กลุ่ม
การเกดิ สารประกอบ - แบบตรวจผลงาน ผา่ นระดับดี ครู
ไอออนิก - แบบตรวจผลงาน ขึ้นไป
2. ทากิจกรรมที่ 9 - การตรวจผลงาน เพ่อื น
เรอื่ งพลงั งานของสาร ผ่านระดบั ดี ครู
ประกอบไอออนิก ข้ึนไป
3. ทางานจากใบงาน - การตรวจผลงาน
ที่ 11 เร่ืองพลังงาน
กบั การเกิสารประกอบ
ไอออนิก

6.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์

ภาระ/ช้ินงาน วิธีการวัด เครอื่ งมอื เกณฑท์ ่ีใช้ ผ้ปู ระเมนิ
ประเมนิ ครู
- ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ - สังเกตพฤตกิ รรมความ - แบบประเมิน ผา่ นระดับดีขน้ึ
- มีวินัย ซ่อื สัตย์ มีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ คณุ ลักษณะ ไป
- ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทางาน อันพงึ ประสงค์
-มงุ่ ม่นั ในการทางาน

234

7. กิจกรรมการเรยี นรู้

กจิ กรรม ส่อื และแหลง่ เรียนรู้

ชัว่ โมงท่ี 1

ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engage) สือ่ การเรียนรู้

1. นักเรียนรว่ มกันสนทนาและพิจารณารปู กราฟแสดง 1. แบบทดสอบเร่อื งพลงั งานกบั

พลังงานกบั การดาเนินไปของปฏกิ ริ ยิ าจากส่อื Power Point การเกดิ สารประกอบไอออนกิ

ครูถามนักเรียนเพ่ือทบทวนความรู้เร่ืองการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี ดังน้ี 2. สื่อ power point
- การเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีมพี ลงั งานเกยี่ วขอ้ งหรือไม่ (ม)ี 3. ใบความรทู้ ี่ 11 เรอื่ งพลังงาน
- พลงั งานท่ีเกิดจากปฏิกิรยิ าเคมีเป็นการเปลี่ยนแปลง กับการเกิดสารประกอบไอออนิก
แบบใด (มที ัง้ การเปลี่ยนแปลงแบบดดู พลังงานและคายพลงั งาน) 4. หนังสือเรยี น รายวิชาเพิ่มเตมิ
- นักเรียนทราบไดอ้ ยา่ งไรวา่ เป็นการเปลยี่ นแปลงแบบดดู เคมี เลม่ 1 ของสสวท. หน้า
พลงั งานหรอื คายพลงั งาน (สงั เกตจากเครือ่ งหมายแสดงพลังงาน 111- 114
ของปฏกิ ิริยา (∆H) เครือ่ งหมายบวกแบบดดู พลังงาน
5. บตั รกจิ กรรมที่ 9 เร่ือง
เคร่อื งหมายลบ แบบคายพลงั งาน)
การสารวจและค้นหา (Explore) พลงั งานของสารประกอบ
2. แบง่ นกั เรียนออกเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 6 – 7 คน โดยคละ ไอออนกิ
6. ใบงานท่ี 11 เรอ่ื งพลงั งานกับ
เพศ คละผลการเรียนเก่ง ปานกลาง อ่อน แล้วเลือกประธานกลุ่ม การเกิดสารประกอบไอออนิก
กรรมการ และเลขานกุ ารกลมุ่ หรอื เปน็ กลมุ่ เดมิ ท่แี บง่ กลุ่มจาก

ช่วั โมงเรยี นทผ่ี า่ นมา แหลง่ เรียนรู้
3. นกั เรียนภายในกลุ่มแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ระดมความคิด 1. หอ้ งสมุดโรงเรียน
2. ห้องอินเตอรเ์ นต็ โรงเรยี น
สร้างแผนผังเกย่ี วกับหวั ขอ้ ทค่ี รูกาหนดใหก้ ลุ่มละ 1 หัวขอ้ ดังน้ี 3. หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารกล่มุ สาระ
- การเปลีย่ นแปลงแบบดูดและคายพลงั งาน วทิ ยาศาสตร์
- การระเหดิ 4. จากเวบ็ ไซน์
- การสลายพันธะ www.google.com
- การแตกตวั เป็นไอออนของธาตุโลหะ 5. หนังสือเตรียมสอบ
- การรบั อิเลก็ ตรอนของธาตอุ โลหะ O-Net และ A-Net
4. นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิด จากคาถามท่คี รูต้งั คาถามว่า
“เม่ือโลหะโซเดียมทาปฏกิ ิริยากบั แก๊สคลอรีนเกดิ เป็น

สารประกอบโซเดยี มคลอไรด์ จะมีการเปลีย่ นแปลงพลงั งาน

อยา่ งไร” (คายพลงั งานออกมา)

235

กิจกรรม ส่อื และแหล่งเรยี นรู้
- การเกิดสารประกอบไอออนิกมกี ารเปลีย่ นแปลง
พลังงาน กข่ี ัน้ (5 ข้นั )
- การเกดิ สารประกอบไอออนิกมีการเปลีย่ นแปลง
พลงั งานกีแ่ บบ (2 แบบ คือ แบบดูดพลงั งานและคายพลังงาน)
- การเกิดสารประกอบไอออนิกการเปลย่ี นแปลง
พลังงานขัน้ ใดที่เปน็ แบบดูดพลังงานและขนั้ ใดเป็นแบบคาย
พลังงาน (ขน้ั ที่ 1, 2 ,3 ดูดพลังงาน ข้ันที่ 4 , 5 คายพลงั งาน)
- ∆Hf มีความสมั พันธ์กับพลงั งานในแตล่ ะข้นั อย่างไร
(∆ เป็นพลังงานรวมของปฏิกริ ยิ า ซง่ึ หาได้จากผลตา่ งของ
พลังงานแบบดดู และแบบคายทีเ่ กดิ ข้ึนใน 5 ขัน้ )
7. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมารบั บัตรกจิ กรรมที่ 9 เร่ือง
พลงั งานของสารประกอบไอออนกิ ซึ่งเป็นการคดิ วเิ คราะห์
ความสัมพันธ์ โดยสมาชกิ ในกลมุ่ ร่วมการศกึ ษาและสรุปคาตอบ
ที่ได้
8. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันเฉลยคาตอบ อภิปรายและเปดิ
โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามขอ้ สงสยั ต่าง ๆ จนเกดิ ความเขา้ ใจ
การอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explain)
9. ตวั แทนนักเรยี นแต่ละกลุ่มออกมารับใบความรู้ที่ 11
เรือ่ งพลงั งานกับการเกิดสารประกอบไอออนิก แจกให้สมาชิก
ภายในกลุ่มร่วมกันศกึ ษาและสรปุ เน้ือหาเกี่ยวกบั ข้ันตอนการเกดิ
สารประกอบไอออนิกและตวั อย่างการคานวณพลงั งานของ
ปฏิกิริยา หรือศึกษาเพิ่มเตมิ จากหนงั สอื เรียนรายวิชาเพ่ิมเติมเคมี
เลม่ 1 ของสสวท. หนา้ 111- 114
10. ตวั แทนนกั เรียนกลมุ่ ค่ี คือ กลมุ่ ที่ 1,3 และ 5 ออกมา
นาเสนอขั้นตอนการเกดิ สารประกอบไอออนิกและวิธีการ
คานวณหาพลังงานของปฏิกริ ิยาจากโจทยป์ ญั หาบนกระดานดา
หนา้ ชน้ั เรียน
11. นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั คาตอบของ
เพอ่ื นและครใู หน้ ักเรียนตอบคาถามจากประเด็นคาถาม ดังตอ่ ไปนี้
- โลหะโซเดียมเปลีย่ นสถานะจากของแขง็ เปน็ ก๊าซดูดหรอื คาย

236

กิจกรรม สื่อและแหลง่ เรยี นรู้
พลังงาน และเรียกว่าพลงั งานอะไร(ดดู พลงั งาน เรยี กว่าพลังงานการ
ระเหิด)
- พลงั งานท่ีทาใหโ้ ลหะโซเดียมกลายเป็นไอออนบวก ดูดหรอื
คายพลังงานและเรียกวา่ พลังงานอะ(ไดรดู พลงั งานเรียกวา่ พลังงานไอ
ออไนเซชนั )

- โมเลกลุ ของก๊าซคลอรนี กลายเป็นอะตอมดูดหรอื คายพลงั งาน
และเรียกวา่ พลงั งานอะไร(ดูดพลงั งาน เรยี กวา่ พลังงานการสลาย
พนั ธะ)

- คลอรีนรบั อเิ ล็กตรอนกลายเปน็ ไอออนลบดูดหรอื คาย
พลังงาน และเรยี กวา่ พลงั งานอะไร (คายพลงั งาน เรยี กวา่
พลงั งานสัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอน)

- โซเดียมไอออนและคลอไรด์ไอออนดงึ ดูดกนั จะดูดหรอื
คายพลงั งานและเรยี กวา่ พลังงานอะไ(รคายพลงั งาน เรียกวา่ พลังงาน
แลตทซิ )

ช่วั โมงท่ี 2
12. นักเรียนทัง้ ช้ันเรยี นและครรู ่วมกันอภปิ รายเก่ียวกบั

พลงั งานกบั การเกิดสารประกอบไอออนกิ จนไดข้ ้อสรปุ ดงั ตอ่ ไปน้ี
1) การเกดิ สารประกอบไอออนกิ มกี ารเปลย่ี นแปลง

พลงั งาน 5 ข้ัน คือ พลงั งานการระเหดิ พลังงานไอออไนเซชนั
พลงั งานการสลายพนั ธะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบดูดพลังงาน
สัมพรรคภาพอิเลก็ ตรอน และพลงั งานโครงผลึก เป็นการ
เปล่ียนแปลงแบบคายพลงั งาน

2) การเกิดสารประกอบไอออนกิ มกี ารเปลี่ยนแปลง
พลังงาน 5 ขั้น คือ พลงั งานการระเหดิ พลังงานไอออไนเซชัน
พลงั งานการสลายพนั ธะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบดดู พลงั งาน
สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน และพลงั งานโครงผลกึ เป็นการ
เปลี่ยนแปลงแบบคายพลงั งาน

3) พลังงานรวมของปฏกิ ิรยิ า หาไดจ้ ากผลต่างของ

กิจกรรม 237
พลังงานแบบดดู พลงั งานและคายพลังงานทีเ่ กดิ ขนึ้ จากการ สื่อและแหล่งเรยี นรู้
เปล่ียนแปลง 5 ขนั้

การขยายความรู้ (Elaborate)
13. นักเรียนแต่ละกลุม่ รว่ มกนั ฝึกเขียนแผนภาพแสดงการ

เปลย่ี นแปลงพลังงานในการเกดิ สารประกอบลเิ ทียมฟลอู อไรด์
(LiF) โดยครูคอยสังเกตพฤติกรรมและใหค้ าปรึกษาอย่างใกล้ชดิ

14. นกั เรียนเขียนแผนภาพแสดงการเปลีย่ นแปลงพลงั งาน
ของสารประกอบไอออนิก ทีน่ ักเรียนสนใจมาอยา่ งนอ้ ย คนละ 1
ชนดิ ในสมุดจดงานเป็นรายบคุ คลไดถ้ ูกต้อง

การประเมนิ ผล (Evaluate)
15. นักเรียนแตล่ ะคนรับใบงานที่ 11 เรื่องพลงั งานกบั การ

เกิดสารประกอบไอออนิก
16. นกั เรยี นทางานจากใบงานท่ี 11 เร่ืองพลังงานกับการ

เกดิ สารประกอบไอออนิก โดยครสู งั เกตพฤติกรรมอยา่ งใกล้ชดิ
17. ครตู รวจใบงานท่ี 11 เรือ่ งพลงั งานกับการเกดิ

สารประกอบไอออนกิ
18. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี นเรื่องพลงั งานกับการ

เกิดสารประกอบไอออนกิ ซึ่งเป็นข้อสอบปรนัยชนดิ เลือกตอบ 4
ตัวเลือก จานวน 5 ข้อ

19. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ เขียนสรุปเน้ือหาและความรทู้ ี่เป็น
แผนผงั มโนทศั น์แสดงการเปลยี่ นแปลงพลงั งานในการเกิด
สารประกอบไอออนิก ลงในกระดาษทีค่ รแู จกไดถ้ กู ต้อง

238

8. กิจกรรมเสนอแนะ
ครคู วรสง่ เสรมิ นักเรยี นทยี่ งั ขาดทักษะในการคดิ และการแสดงความคดิ เหน็ โดยการกระตุ้น

และเสริมแรง

9. บันทึกผลหลังสอน

9.1 ผลการสอน

1) นกั เรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ

ผลการตรวจแบบทดสอบ นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมิน คิดเปน็ รอ้ ยละ 81.21

ของนกั เรยี นทั้งหมด

2) นักเรียนมีความสามารถด้านทกั ษะกระบวนการ

ผลการตรวจการเขียนสรปุ เน้อื หาเป็นแผนผงั มโนทศั น์เกีย่ วกับพลังงานกบั การเกิด

สารประกอบไอออนกิ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินระดบั ดขี ้ึนไป คดิ เปน็ รอ้ ยละ 83.92

ของนกั เรยี นท้ังหมด

ผลการตรวจบัตรกิจกรรมที่ 9 และใบงานท่ี 11 นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมนิ

ระดบั ดีขน้ึ ไป คดิ เปน็ รอ้ ยละ 80.77 ของนักเรียนทัง้ หมด

3) นกั เรียนมคี ณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรียนทัง้ หมด

9.2 ปญั หา/อปุ สรรค
เวลาที่ใช้ในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนไม่เหมาะสมทาให้นกั เรยี นมเี วลาฝึก

ปฏิบตั ิน้อย

9.3 แนวทางปรบั ปรุงการเรยี นการสอนครง้ั ตอ่ ไป
ควรเพม่ิ เวลาในการจัดกิจกรรมเพิม่ ข้ึนอีกประมาณ 1 ช่วั โมง

ลงช่ือ........................................................ นางคุณากร คาสขุ )
( ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการ

239

10. ความคิดเห็นของหัวหนา้ กลุ่มบริหารวชิ าการ
เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ครบองค์ประกอบ กจิ กรรมการเรยี นรูส้ ่งเสริมการมสี ว่ นร่วม

สอ่ื การเรียนการสอน และการวดั ผลประเมินผลสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้ เหน็ ควรอนญุ าต
ให้ใช้จัดการเรยี นการสอนได้

ลงช่อื ……………………………………………………
(นางพรพริ ณุ แจ้งใจ)

หวั หนา้ กลุม่ บรหิ ารวิชาการ

11. ความคดิ เหน็ ของผูอ้ านวยการโรงเรยี น
อนุญาตให้ใชจ้ ัดการเรยี นการสอนได้

ลงช่ือ……………………………………………………
(นางลดั ดา ผาพันธ์)

ผู้อานวยการโรงเรียนโคกโพธ์ไิ ชยศกึ ษา
วันที่ ....... เดือน...........................พ.ศ...........

240

สอื่ Power point
เรอ่ื งพลังงานกับการเกิดสารประกอบไอออนกิ

 1) า ะ ิดของของ ขง ะ ด อ น านะของ ขง ช

พ งั งาน KJ น า ป น านะ ปน พ งั งาน ช

นขนั น า พ งั งาน า ะ ิด (Heat of sublimation : )

Na(s) Na(g)

2) า ั ปน อออนของของ อะ อ ของ ะ ด น
านะ อิ อน า ปน อออนบ ชพ งั งาน KJ
พ งั งาน ช นขนั น า พ งั งาน อออ น ชนั (Ionization energy : IE)

Na(g) Na⁺(g) + e⁻

241

า า พันธะของ ของ อ น า พนั ธะ ด
อะ อ ของ อ น อะ อ น านะ ชพ ังงาน KJ
พ ังงาน ช นขนั น า พ ังงาน า
energy : D) า พันธะ (Dissociation

า ดิ อออน อะ อ ของ อ น น านะ บั
อิ อน ดออ า ะ ด า ปน อออน บ

า พ งั งานออ า KJ พ งั งาน ช นขันน า
ั พ าพอิ อน (Electron Affinity : EA)

า ิด า ป ะ อบ อออนิ อ ด อออน ับ อ ด อออน
น านะ ด ัน ปนผ ด อ ด ะ า พ ังงานออ า
787 KJ พ ังงาน ช นขันน า พ งั งาน งผ อพ ังงาน

ิ (Lattice energy : U)

-

242

บัตรกิจกรรมท่ี 9
เรื่องพลังงานของสารประกอบไอออนกิ

จุดประสงคข์ องกิจกรรม
อธิบายถึงคา่ พลงั งานในการเกดิ สารประกอบไอออนิกได้

คาชแ้ี จง
ใหน้ ักเรียนเขยี นคา่ ∆H และประเภทของพลงั งานในการละลายของสารประกอบไอออนกิ

โดยใช้ข้อมลู ในตารางตอ่ ไปนี้

สารประกอบ พลังงานโครงผลกึ พลงั งานไฮเดรชัน

kJ/mol kJ/mol

LiCl +831.81 -881.98

LiBr +785.84 -852.72

NaBr +727.32 -739.86

KCl +689.70 -785.56

KI +631.18 -618.46

แบบบนั ทึกตอบคาถามจากกิจกรรม
จงเขยี นค่า ∆H และประเภทของพลังงานในการละลายของสารประกอบไอออนกิ

1.1 LiCl

…………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 LiBr

…………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………

243

1.3 NaBr
………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………….
1.4 KCl
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
1.5 KI
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…

244

ใบความรทู้ ่ี 11
เร่อื งพลงั งานกับการเกิดสารประกอบไอออนกิ

การเกดิ สารประกอบไอออนิกชนิดหนง่ึ ๆ มีหลายขน้ั ในแต่ละข้ันมกี ารเปลี่ยนแปลงพลงั งาน
เกดิ ขนึ้ ศกึ ษาจากการเกิดสารประกอบโซเดยี มคลอไรด์ ดงั น้ี

แผนภาพวัฏจกั รบอรน์ –ฮาร์เบอร์

พลงั งาน Na  (g)  e  Cl(g)

EA= -349 KJ

Na  (g)  Cl (g)

D= +122 KJ

Na  (g)  e  1 Cl2 (g)
2

Na (g)  1 Cl2 (g) IE =+496 KJ
2

Na(s)  1 Cl2 (g) ∆Hsub = +107 KJ U = -787 KJ
2
เริ่มตน้ NaCl(s)

Hf = -411 KJ

สุดท้าย

พลงั งานการเกิดสารประกอบไอออนกิ 1 โมล เปน็ ผลตา่ งของพลังงานในขนั้ ++

กบั ขน้ั  +  การเปลี่ยนแปลงทง้ั 5 ขัน้ อธบิ ายไดด้ งั น้ี

1) การระเหดิ ของของแข็ง โลหะโซเดียมทอี่ ยู่ในสถานะของแขง็ ใชพ้ ลังงาน 107 KJ ใน

การเปลยี่ นสถานะใหเ้ ปน็ แกส๊ เรียกพลงั งานที่ใชใ้ นขน้ั นีว้ า่ พลงั งานการระเหดิ (Heat of

sublimation : ∆Hsub )

Na s → Na(g)

245

2) การแตกตัวเปน็ ไอออนของของแก๊สอะตอมของโลหะโซเดยี มในสถานะแก๊สเสยี
อเิ ลก็ ตรอนกลายเป็นไอออนบวก ใช้พลังงาน 496 KJ เรียกพลังงานทีใ่ ช้ในขนั้ น้วี ่า พลงั งานไอ
ออไนเซชัน (Ionization energy : IE)

Na g → Na+ g + e−

3) การสลายพันธะของแกส๊ โมเลกุลของแก๊สคลอรีนสลายพันธะได้อะตอมของคลอรีน 2

อะตอมในสถานะแก๊ส ใช้พลังงาน 243 KJ เรยี กพลังงานท่ใี ช้ในข้นั น้ีวา่ พลงั งานการสลายพันธะ

(Dissociation energy : D)

Cl2 g → 2Cl(g)

4) การเกดิ ไอออนอะตอมของคลอรนี ในสถานะแกส๊ รับอิเล็กตรอนท่หี ลดุ ออกจากโลหะ

โซเดยี มกลายเปน็ ไอออนลบ แล้วคายพลงั งานออกมา 349 KJ เรยี กพลังงานทใี่ ชใ้ นขน้ั นี้ว่า

สัมพรรคภาพอเิ ลก็ ตรอน (Electron Affinity : EA)

Cl g + e− → Cl−(g)

5) การเกดิ สารประกอบไอออนกิ เมอื่ โซเดียมไอออนกบั คลอไรด์ไอออนในสถานะแก๊สยึด

กันเป็นผลึกโซเดียมคลอไรด์จะคายพลังงานออกมา 787 KJ เรียกพลงั งานท่ีใชใ้ นขน้ั น้วี ่า

พลังงานโครงผลึกหรอื พลงั งานแลตทซิ (Lattice energy : U)

Na+(g) + Cl− g → NaCl(s)

เม่อื รวมการเปลี่ยนแปลงท้ัง 5 ขัน้ จะได้สมการรวมของปฏกิ ริ ยิ า ดงั น้ี

Na(s) + 1 Cl2 g → NaCl(s) ; ∆Hf = -411 KJ
2
วธิ ีการหาพลงั งานรวมของปฏิกิรยิ า

- หาคา่ พลงั งานที่ระบบดดู เขา้ ไปใช้ในการเปลย่ี นแปลง (สังเกตจากเครื่องหมาย +)

= 107 + 496 +122

= +725 KJ

- หาค่าพลังงานทร่ี ะบบคายออก (สงั เกตจากเครือ่ งหมาย -)

= -349 + (-787)

= -1136 KJ

- หาค่าพลงั งานของปฏิกริ ิยา พลงั งานทีร่ ะบบคายออก มคี ่ามากกวา่ พลังงานทีด่ ดู เข้า

= -1136 + 725

= -411 KJ

พลังงานรวมของปฏกิ ิริยา (∆Hf)= -411 KJ
=ระบบคายพลังงาน 411 KJ

246

ใบงานท่ี 11
เรื่องพลังงานกับการเกดิ สารประกอบไอออนิก

คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเตมิ คาตอบในชอ่ งว่าง

1. จากแผนภาพ ใหน้ ักเรยี นเตมิ ช่อื พลงั งานและระบชุ นดิ การเปลย่ี นแปลงพลงั งานในช่องว่าง
แผนภาพวัฏจกั รบอรน์ –ฮารเ์ บอร์

Li+ g + e− + F(g)

พลังงาน

= 79.5(…..………………)= -349 KJ(…..………………)

…………………………..…………………….

Li+ g + e− + 1 F2 (g)………………………………………….
2

Li+(g) + F−(g)

= 520 KJ(…..……………)

………………………………………………………..

Li g + e− + 1 F2 (g)  = -1047 KJ (……..……………)
2 พลงั งานโครงผลึก

หรอื พลังงานแลตทซิ (U)

= 161 KJ(……...……………)

……………………………………..………………..

Li s + 1 F2(g)
2

Hf = ………………… KJ

(…..………………..……)LiF(s)

247

2. นาขอ้ มลู ทีก่ าหนดให้ตอบคาถามตอ่ ไปน้ี

การเกิด MgCl2จานวน 1 โมล มีการเปลี่ยนแปลงพลงั งาน ดังนี้

ขน้ั ท่ี 1 Mg(s) Mg(g) ; E1 = 150 KJ
Mg+(g) + e- ; E2 = 738 KJ
ขน้ั ที่ 2 Mg(g) Mg2+(g) + e- ; E3 = 1451 KJ
ขน้ั ท่ี 3 Mg+(g)

ขน้ั ท่ี 4 Cl2(g) 2Cl(g) ; E4 = 242 KJ
ขั้นท่ี 5 Cl(g) + e- Cl-(g) ; E5 = -348 KJ

ขนั้ ท่ี 6 Mg2+(g) + Cl-(g) MgCl2(s) ; E6 = -2526 KJ

1. พลังงานรวมของการเกดิ ปฏิกิริยาหาได้จาก ......................................................................................
................................................................................................................................................................

2. การสรุปว่าการเปล่ยี นแปลงเปน็ แบบดดู พลงั งานหรอื คายพลงั งานนกั เรยี นพิจารณาจาก .................
................................................................................................................................................................

3. พลังงานรวมของปฏิกิรยิ าน้มี ีค่าเทา่ กบั ...................................... เปน็ แบบ.......................................
................................................................................................................................................................

4. การเปลยี่ นแปลงพลงั งานใดขน้ั ใดบา้ งที่มกี ารเปล่ียนแปลงพลงั งานแบบเดียวกนั ...............................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
5. การเปลี่ยนแปลงพลังงานในข้นั ที่ 2 และ 3 มคี วามสมั พันธก์ นั อย่างไร ........................................
................................................................................................................................................................

6. การเกดิ แมกนีเซยี มคลอไรดจ์ านวน 1.5 โมล มกี ารเปลย่ี นแปลงพลังงานเท่าใด..............................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version