298
10. ความคดิ เห็นของหวั หนา้ กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ
เป็นแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่คี รบองค์ประกอบ กิจกรรมการเรียนร้สู ง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ ม
สื่อการเรียนการสอน และการวัดผลประเมินผลสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรียนรู้ เหน็ ควรอนุญาต
ใหใ้ ชจ้ ัดการเรยี นการสอนได้
ลงช่ือ……………………………………………………
(นางพรพิรณุ แจง้ ใจ)
หัวหน้ากล่มุ บริหารวิชาการ
11. ความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
อนญุ าตใหใ้ ชจ้ ัดการเรียนการสอนได้
ลงชือ่ ……………………………………………………
(นายวไิ ลศกั ด์ิ วรรณศรี)
ผอู้ านวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศกึ ษา
วนั ที่ ....... เดอื น...........................พ.ศ...........
299
สือ่ Power Point เรื่องพนั ธะโลหะ
300
บัตรกจิ กรรมที่ 12
เรอื่ งสมบตั ิของโลหะ
จดุ ประสงค์
ทาการทดลองเพ่อื ศกึ ษาสมบตั ิของโลหะได้
วัสดุอปุ กรณ์และสารเคมี 1 ชุด
14) ถ่านไฟฉายและรางถ่าน 1 ดวง
15) หลอดไฟ 1 เสน้
16) สายไฟ 1 เส้น
17) ลวดทองแดง 5-10 กรัม
18) ผงตะไบเหล็ก 1 อัน
6) ไม้จิ้มฟัน 1 อัน
7) เสน้ ดา้ ย
วธิ ีทดลอง
6) ตอ่ ถา่ นไฟฉายในรางถา่ นเข้ากับหลอดไฟ โดยใชส้ ายไฟเชื่อมเข้าด้วยกนั โดยเหลือปลาย
สายไฟไว้สองขา้ ง
7) ปดิ วงจรให้ครบดว้ ยการต่อขวั้ ไฟฟา้ เขา้ กับวัสดตุ ่าง ๆ ทเ่ี ตรยี มมา
8) สงั เกตการณ์เปลยี่ นแปลงที่เกดิ ขึ้นกบั หลอดไฟ
9) ออกแบบตารางแสดงผลทดลองพร้อมบันทกึ ผลการทดลอง
บนั ทึกผลการทดลอง
วัสดทุ ี่ใช้ทดสอบ ผลท่ไี ด้จากสังเกตการเปลีย่ นแปลง
ลวดทองแดง …………………………………………………………………………………..
ผงตะไบเหลก็ …………………………………………………………………………………..
ไมจ้ ้ิมฟัน ………………………………………………………………………………….
เสน้ ด้าย ………………………………………………………………………………….
301
คาถามหลงั การทดลอง
1) สิ่งใดบา้ งท่ีทาให้ไฟฟ้าครบวงจร จนทาใหห้ ลอดไฟสวา่ งได้
………………………………………..………………………………………………………………………………………………
………………………………………..………………………………………………………………………………………………
2) ความสว่างของหลอดไฟมีความสมั พันธก์ ับวสั ดทุ ีน่ ามาทดลอบหรือไม่
………………………………………..……………………………………………………………………….……………………
…………………………………………..……………………………………………………………………………………….…
3) โลหะแบบลวดและแบบผง สามารถนาไฟฟา้ ไดเ้ หมอื นหรอื แตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร
……….………………………………………..……………………………………………………………………………………
………………………………………..……………………………………………………………………………………….……
4) ชนดิ โลหะมีผลตอ่ ความสามารถในการนาไฟฟ้าหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
………………………………………..……………………………………………………………………………………….……
………………………………………..……………………………………………………………………………………….……
สรุปผลการทดลอง
………………………………………..………………………………………………………………………………………………
………………………………………..……………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชื่อกลมุ่ ...................................................................................................
สมาชกิ ในกลมุ่
1) ช่อื …………………………………………………………………………. เลขท่ี.......................................
2) ชอ่ื …………………………………………………………………………. เลขท.ี่ ........................................
3) ชอ่ื …………………………………………………………………………. เลขท.ี่ ........................................
4) ชื่อ…………………………………………………………………………. เลขท.่ี ........................................
5) ช่อื …………………………………………………………………………. เลขท.่ี .......................................
6) ชอ่ื …………………………………………………………………………. เลขที่.........................................
7) ชื่อ…………………………………………………………………………. เลขท.ี่ ........................................
302
ใบความรูท้ ี่ 14
เรอื่ งพนั ธะโลหะ
พันธะโลหะ
เกิดกบั ธาตทุ ีม่ ีสมบตั ิเปน็ โลหะ ซ่ึงมีคา่ IE1 ตา่ จงึ เสียอิเลก็ ตรอนไดง้ า่ ย ทาให้โลหะอยู่
รวมกันเปน็ ไอออนบวก มเี วเลนซอ์ เิ ลก็ ตรอนของทุกอะตอมเคล่อื นทไ่ี ด้อยา่ งอสิ ระทกุ ทิศทาง ขณะท่ี
เคลอ่ื นทจ่ี ะสง่ แรงไปดงึ ดดู นิวเคลยี สไว้ เกดิ แรงยึดเหน่ียวทีแ่ ขง็ แรงระหวา่ งไอออนบวกของโลหะกับ
กลมุ่ เวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอน ซึ่งทาใหโ้ ลหะมีสมบตั นิ าไฟฟา้ ไดท้ ุกทิศทาง มจี ุดหลอมเหลวและจดุ เดือดสงู
ผิวเป็นมันวาว และสามารถยดื เป็นเส้นหรอื ทบุ เป็นแผน่ บาง ๆ ได้
การเกดิ พันธะโลหะ
พนั ธะโลหะเกิดข้นึ ระหว่าอะตอมของโลหะภายในก้อนโลหะ โดยอะตอมของโลหะซ่ึงมี
นิวเคลยี สเปน็ ประจุบวกและมีอเิ ล็กตรอนเคลอ่ื นทอี่ ยรู่ อบนิวเคลยี สเปน็ กลมุ่ หมอกอิเล็กตรอน
อะตอมแต่ละอะตอมจะใหเ้ วเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนออกมา เพื่อใหก้ ารจัดเรยี งอิเลก็ ตรอนวงนอกสดุ ของ
อะตอมคลา้ ยแก๊สเฉือ่ ย กลมุ่ เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนจะเคล่อื นท่ีเป็นอิสระทัว่ ทัง้ กอ้ นของโลหะ
ขณะเดยี วกัน
จะสง่ แรงดงึ ดูดกบั นวิ เคลยี สซึ่งมีประจบุ วกของทุกอะตอมไว้ ทาให้อะตอมเสถยี รและเกดิ พนั ธะโลหะ
ทม่ี คี วามแขง็ แรง ดังรูป
เวเลนซ์อิเลก็ ตรอน
นวิ เคลียส
303
ตัวอย่างการเกิดพนั ธะโลหะในกอ้ นโซเดียม โลหะโซเดียมเปน็ ธาตหุ มIAู่ มีเวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอน
เท่ากับ 1 อะตอมของโซเดียม แตล่ ะอะตอมจะใหเ้ วเลนซ์อเิ ล็กตรอน 1 อิเลก็ ตรอน ทาให้อะตอม
ของโลหะโซเดียมกลายเป็นไอออนบวกลมุ่ อิเล็กตรอนซงึ่ เคลือ่ นท่อี ยา่ งรวดเรว็ คลา้ ยกระแสดคลืน่ ในทะเล
ทาใหเ้ กิดแรงยดึ เหน่ียวท่ีมคี วามแข็งแรงมากระหว่างกลมุ่ อิเลก็ ตรอนกบั โซเดยี มไอออนเปน็ พันธะ
โลหะ
ถา้ เป็นโลหะหมู่ IIA จะใหอ้ ิเล็กตรอนอะตอมละ 2 อเิ ลก็ ตรอน และหมู่ IIIA จะให้
อิเลก็ ตรอน 3 อิเล็กตรอน
ความแขง็ แรงของพนั ธะโลหะ
ความแขง็ แรงของพันธะโลหะขึ้นอยู่กับปจั จยั ตอ่ ไปนี้
1. จานวนเวเลนซ์อิเลก็ ตรอน ธาตุทม่ี ีเวเลนซอ์ ิเล็กตรอนมากกวา่ จะมคี วามแขง็ แรงมากกวา่
ทาให้มีจุดเดอื ดจดุ หลอมเหลวสูง ดงั นั้นธาตหุ มู่ IIIA จดุ เดอื ดและจดุ หลอมเหลวสูงกว่าหมู่ IIA
และ IA ในคาบเดยี วกนั
2. ขนาดอะตอม ธาตทุ มี่ ขี นาดอะตอมใหญก่ ว่าจะมีระยะหา่ งระหวา่ งเวเลนซอ์ เิ ล็กตรอนกบั
นิวเคลยี สมากกวา่ ทาให้พนั ธะโลหะไมแ่ ข็งแรง จุดเดือดจุดหลอมเหลวจึงตา่ กวา่ ธาตุทม่ี ีขนาด
อะตอมเล็กกว่า
304
สมบัตขิ องโลหะ
1. โลหะนาไฟฟา้ ได้ เนอ่ื งจากอิเลก็ ตรอนในทะเลอเิ ลก็ ตรอนเกิดการเคลือ่ นท่อี ย่างอิสระ
และทกุ ทศิ ทาง
2. โลหะมจี ดุ เดือดและจดุ หลอมเหลวสงู เพราะมแี รงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอเิ ล็กตรอนกบั โลหะ
ไอออนภายในก้อนโลหะท่เี หนียวแนน่ และมีจานวนมาก
3. ทบุ เป็นแผน่ บางๆ หรือยืดเป็นเส้นได้ เกดิ จากการเลื่อนไถลของอนภุ าค โดยไม่หลดุ แยกจาก
กัน เพราะมกี ล่มุ หมอกอิเลก็ ตรอนในทะเลอเิ ลก็ ตรอนช่วยยึดเหน่ียวไว้
4. การสะทอ้ นแสงของโลหะ เกิดจากกลุ่มอเิ ลก็ ตรอนที่เคล่ือนท่โี ดยอสิ ระกระทบกบั คลื่น
แสง ซึ่งเปน็ คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้าเกดิ การกระจายแสงได้
5. โลหะไมม่ สี ตู รโมเลกลุ แต่ใช้สัญลกั ษณข์ องธาตแุ ทนสูตรอย่างง่าย เช่น Al Fe
6. เมอ่ื อณุ หภูมิสงู ขึ้นการนาไฟฟา้ ของโลหะจะลดลงเนอื่ งจากไอออนบวกเกิดการสนั่ สะเทือน
และอิเลก็ ตรอนเคลอ่ื นทไ่ี มส่ ะดวก
7. โลหะละลายได้ในโลหะทห่ี ลอมเหลวโดยไมเ่ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี เกิดเป็นสารละลายเรียกว่า
อลั ลอย เช่น นาก เหรยี ญเงนิ เหรยี ญทองแดง ทองเหลอื ง
305
ใบงานท่ี 14
เรือ่ งพันธะโลหะ
คาชแ้ี จงใหน้ ักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี
1. พันธะโลหะ หมายถึง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…….…………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เพราะเหตใุ ดโลหะจึงมจี ดุ หลอมเหลวสูง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…….……………………………………………………………………………………………………………………………………
3. เพราะเหตุใดโลหะจึงนาไฟฟ้าไดด้ ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…….…………………………………………………………………………………………………………………………….…….
4. เพราะเหตุใดโลหะจึงมีผิวเป็นมนั วาว
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. เพราะเหตุใดโลหะจึงตแี ผ่เปน็ แผ่นได้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
6. ใหน้ กั เรียนพิจารณาข้อมูลในตาราง แลว้ ตอบคาถามต่อไปนี้
โลหะ การจัดเรยี งอเิ ล็กตรอน จุดหลอมเหลว (๐C) ความหนาแน่น (g/cm3)
Na 2 8 1 98 0.97
K 2881 63.7 0.86
Mg 2 8 2 654 1.74
Ca 2 8 8 2 840 1.54
Al 2 8 3 660 2.70
306
6.1 เมือ่ พิจารณาจดุ หลอมเหลวของNa , Mg และ Al ความแข็งแรงของพนั ธะโลหะขนึ้ อยกู่ บั ส่งิ ใด
………………………………………..…………………………………………………………………..………………………………
…………………………………………..…………………………………………………………………..…………………………….
6.2 เม่อื พิจารณาจดุ หลอมเหลวของธาตุ Naและ K ซง่ึ เปน็ ธาตหุ มูเ่ ดียวกนั จงเรียงลาดบั
ความแข็งแรงของพนั ธะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………..…………………………………………………………………..…………………………….
6.3 Li อยหู่ มู่เดยี วกับNa และ K ความแขง็ แรงของพันธะโลหะใน Li จะเป็นอยา่ งไรเม่อื เทยี บ
กบั Na เพราะเหตุใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
6.4 ความแข็งแรงของโลหะหมู่ IA , IIA และ IIIA ในคาบเดยี วกนั สัมพนั ธก์ นั โดยใช้หลกั การใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………..…………………………………………………………………..…………………………….
6.5 จากตาราง ความแข็งแรงของพันธะข้ึนอยู่กบั ปจั จัยใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………..…………………………………………………………………..…………………………….
…………………………………………..…………………………………………………………………..…………………………….
…………………………………………..…………………………………………………………………..…………………………….
307
แบบทดสอบ
เร่ืองพนั ธะโลหะ
คาชแี้ จง ให้นกั เรียนทาเครื่องหมาย ( ) ทบั อักษร ก ข ค ง ขอ้ ใดข้อหนง่ึ ทีเ่ หน็ วา่ ถูกต้องท่สี ดุ
เพยี งข้อเดยี ว ลงในกระดาษคาตอบ
1. โลหะมเี วเลนซ์อิเลก็ ตรอนน้อย ดังนั้นอเิ ลก็ ตรอนทหี่ ลดุ ออกไปกี่ตวั (ความรคู้ วามจา)
ก. 1-3 ตัว ข. 4-6 ตัว
ค. 7-8 ตัว ง. 9-10ตัว
2. สมบตั ิทางกายภาพในข้อใด ท่ใี ชอ้ ธิบายสมบตั ทิ างเคมขี องอโลหะ (ความเขา้ ใจ)
ก. พลังงานไอออไนเซชันตา่ ขนาดอะตอมใหญ่ อเิ ลก็ โทรเนกาติวติ ตี ่า
ข. พลงั งานไอออไนเซชนั สงู ขนาดอะตอมเล็ก อเิ ลก็ โทรเนกาตวิ ติ ีสงู
ค. พลังงานไอออไนเซชนั สูง ขนาดอะตอมใหญ่ สมั พรรคภาพอเิ ลก็ ตรอนนอ้ ย
ง. พลงั งานไอออไนเซชนั สูง ขนาดอะตอมเลก็ สมั พรรคภาพอิเล็กตรอนน้อย
3. พนั ธะโลหะ (Metallic Bond) เปน็ พนั ธะทีเ่ กิดข้ึนกบั อะไร เพราะเหตใุ ด (การวเิ คราะห์หลักการ)
ก. เกดิ ขึน้ กบั โลหะท่ีเปน็ ของแขง็ ซง่ึ จะเหน็ วา่ อะตอมของโลหะนัน้ อัดกันแนน่ มาก อะตอมก็จะอยู่
ไกลกันมาก
ข. เกดิ ขน้ึ กับโลหะทเี่ ปน็ ของแข็งซงึ่ จะเห็นว่าอะตอมของโลหะน้นั อดั กันแน่นมาก อะตอมก็จะอยู่
ใกลก้ ันมาก
ค. เกดิ ขึ้นกบั โลหะท่เี ป็นของเหลวซง่ึ จะเหน็ ว่าอะตอมของโลหะนั้นอัดกันแนน่ มาก อะตอมกจ็ ะ
อยใู่ กล้กนั มาก
ง. เกิดขน้ึ กับโลหะที่เปน็ ของแขง็ ซ่ึงจะเหน็ วา่ อะตอมของโลหะน้นั อดั กันบางเบามาก อะตอมก็จะ
อยู่ใกลก้ ันมาก
4. ข้อใดไมใ่ ชว่ ตั ถปุ ระสงค์ของการผสมสารประกอบโลหะหรืออลั ลอยด์ (การสงั เคราะห์แผนงาน)
1. เพอ่ื ให้ไดโ้ ลหะทีม่ นี า้ หนกั ท่เี บา แตแ่ ข็งแรง
2. เพื่อให้ได้โลหะท่ที นตอ่ การเกดิ ปฏิกริ ิยา เกดิ การกัดกร่อนและเกดิ สนิมยาก
3. เพอ่ื ให้ได้โลหะทมี่ ีความยดื หยนุ่ สงู ซมึ ซบั แรงกระแทกได้
คาตอบในขอ้ ใดต่อไปนี้กล่าวไดถ้ ูกต้อง
ก. ข้อ 1 และ 2 ข. ขอ้ 1 และ 3
ค. ข้อ 1 ขอ้ เทา่ นั้น ง. ขอ้ 1 2 และ 3
308
5. สมบตั ขิ องโลหะในขอ้ ใดต่อไปน้ีอธิบายการตเี ป็นแผน่ ของโลหะไดด้ ที ่สี ุด (การวิเคราะห์
ความสาคญั )
ก. โลหะมจี ุดเดือดจดุ หลอมเหลวสูงมาก
ข. โลหะมีเวเลนต์อเิ ลก็ ตรอนที่เคลอื่ นที่ไดอ้ สิ ระ
ค. อเิ ลก็ ตรอนในกอ้ นโลหะรบั และกระจายคลนื่ แสงได้
ง. ไอออนบวกและไอออนลบในก้อนโลหะสามารถเล่อื นไถลได้
309
เฉลยบัตรกจิ กรรมท่ี 12
เร่ืองสมบตั ขิ องโลหะ
บนั ทึกผลการทดลอง
วัสดทุ ี่ใชท้ ดสอบ ผลทีไ่ ด้จากสังเกตการเปล่ียนแปลง
ลวดทองแดง หลอดไฟสวา่ ง
ผงตะไบเหล็ก หลอดไฟไมส่ วา่ ง
ไม้จ้ิมฟนั หลอดไฟไมสวา่ ง
เสน้ ดา้ ย หลอดไฟไมส่ วา่ ง
คาถามหลงั การทดลอง
1) ส่ิงใดบา้ งที่ทาให้ไฟฟา้ ครบวงจร จนทาให้หลอดไฟสว่างได้
แนวการตอบ ลวดทองแดง ส่วนผงตะไบเหล็กในที่น้ีไม่สามารถนาไฟฟ้าได้ เพราะอิเล็กตรอน
มแี รงเคลื่อนไฟฟา้ น้อย เนือ่ งจากแรงเคลื่อนไฟฟ้าถ่านไฟฉายน้อย
2) ความสว่างของหลอดไฟมคี วามสมั พันธก์ บั วสั ดทุ ่ีนามาทดลอบหรือไม่
แนวการตอบ ความสวา่ งของหลอดไฟบอกถงึ ความสามารถในการนาไฟฟา้ ถา้ หลอดไฟสว่าง
มากแสดงว่าสงิ่ ทนี่ ามาทดสอบน้ันสามารถนาไฟฟา้ ได้ดี
3) โลหะแบบลวดและแบบผง สามารถนาไฟฟา้ ได้เหมอื นหรือแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อย่างไร
แนวการตอบ แตกต่างกนั เนือ่ งจากโลหะทเี่ ปน็ เนื้อเดยี วกัน จะใหอ้ ิเลก็ ตรอนเคล่ือนทผี่ า่ นได้
ง่ายและสะดวกจึงสามารถนาไฟฟา้ ได้ดี
4) ชนดิ โลหะมีผลตอ่ ความสามารถในการนาไฟฟา้ หรือไม่ เพราะเหตุใด
แนวการตอบ มีผล เพราะโลหะแต่ละชนดิ นาไฟฟา้ ได้ไมเ่ ทา่ กนั ข้นึ อยกู่ บั จานวนอิเลก็ ตรอน
และความตา้ นทานไฟฟ้าของโลหะนั้นๆ
สรุปผลการทดลอง
ลักษณะของโลหะมีผลต่อการนาไฟฟา้ โลหะทเ่ี ปน็ เนือ้ เดยี วกนั สามารนาไฟฟา้ ไดด้ ี สว่ นผงตะไบ
เหลก็ ไมจ้ ม้ิ ฟัน และส้นดา้ ย จะไม่นาไฟฟ้า
310
เฉลยใบงานที่ 14
เรื่องพนั ธะโลหะ
คาชี้แจงให้นักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้
1. พนั ธะโลหะ หมายถงึ แรงยดึ เหน่ยี วท่ที าใหอ้ ะตอมของโลหะอยูด่ ้วยกันในกอ้ นของโลหะ โดยมี
การใช้เวเลนซ์อเิ ล็กตรอนร่วมกนั ของอะตอมของโลหะ โดยทเ่ี วเลนซอ์ เิ ล็กตรอนนไ้ี มไ่ ด้เปน็ ของ
อะตอมหน่งึ อะตอมใดโดยเฉพาะ
2. เพราะเหตุใดโลหะจงึ มีจดุ หลอมเหลวสงู
เนอื่ งจากมแี รงยึดเหนีย่ วระหวา่ งอเิ ล็กตรอนกบั โลหะ ไอออนภายในกอ้ นของโลหะที่เหนียว
แน่นและมจี านวนมาก
3. เพราะเหตใุ ดโลหะจงึ นาไฟฟา้ ไดด้ ี
เนื่องจากอิเล็กตรอนในทะเลอเิ ลก็ ตรอนเกดิ การเคล่อื นทอี่ ยา่ งอสิ ระทุกทศิ ทาง
4. เพราะเหตุใดโลหะจงึ มผี วิ เปน็ มนั วาว
เนอ่ื งจากกลุ่มอเิ ลก็ ตรอนเคล่อื นทโี่ ดยอิสระกระทบกบั เคล่อื นแสง ซ่ึงเปน็ คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า
เกิดการกระจายแสงได้
5. เพราะเหตใุ ดโลหะจึงตแี ผเ่ ปน็ แผน่ ได้
เนื่องจากการเล่ือนไถลของอนุภาคโดยไมห่ ลุดแยกออกจากกนั เพราะมีกล่มุ หมอก
อิเลก็ ตรอนในทะเลอเิ ลก็ ตรอนชว่ ยยึดเหนยี่ วไว้
6.ใหน้ ักเรียนพิจารณาข้อมูลในตาราง แลว้ ตอบคาถามตอ่ ไปน้ี
6.1 เมอื่ พิจารณาจุดหลอมเหลวของNa, Mg และ Al ความแขง็ แรงของพันธะโลหะขึ้นอย่กู ับสง่ิ ใด
ขนึ้ อยกู่ ับจานวนเวเลนซอ์ เิ ล็กตรอน ธาตุทีม่ ีเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนมากกว่าจะมคี วามแข็งแรง
มากกว่า ทาใหม้ ีจุกเดอื ดจุดหลอมเหลวสูง
6.2 เมื่อพิจารณาจุดหลอมเหลวของธาตุ Na และ K ซงึ่ เป็นธาตุหมเู่ ดียวกัน จงเรยี งลาดบั
ความแข็งแรงของพันธะ ความแขง็ แรงของพนั ธะใน Na มากกวา่ K
6.3 Li อย่หู มู่เดียวกบั Na และ K ความแขง็ แรงของพันธะโลหะใน Li จะเปน็ อย่างไร
เม่อื เทยี บกบั Na เพราะเหตใุ ด
Li › Na › K เพราะธาตุที่มขี นาดอะตอมใหญก่ วา่ จะมรี ะยะหา่ งระหว่างเวเลนซ์อิเลก็ ตรอน
กับนวิ เคลยี สมากกวา่ ทาใหพ้ นั ธะโลหะไม่แข็งแรง
6.4 ความแขง็ แรงของโลหะหมู่ IA , IIA และ IIIA ในคาบเดยี วกนั สมั พนั ธ์กนั โดยใชห้ ลกั การใด
ธาตุในคาบเดียวกนั จานวนเวเลนซอื ิเลก็ ตรอนจะเพ่มิ ขึน้ ธาตทุ มี่ ีเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนมากกวา่
จะมีความแข็งแรงมากกวา่
6.5 จากตาราง ความแข็งแรงของพนั ธะข้นึ อยกู่ ับปัจจัยใด
จานวนเวเลนซอื ิเล็กตรอนและขนาดของอะตอม
311
เฉลยแบบทดสอบ
เร่ืองพันธะโลหะ
1. ก
2. ข
3. ค
4. ง
5. ก
ตรวจคาตอบกบั เฉลย
ถกู ท้ังหมดกขี่ ้อคะ่ ปรบมอื
ใหค้ นเกง่ หนอ่ ยนะคะ
312
บรรณานกุ รม
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551).หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551.
กรุงเทพฯ : ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2545). คูม่ อื การจัดการสาระการเรียนร้กู ล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ตามหลักสูตรการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2544. กรงุ เทพมหานคร : องคก์ ารรับสง่
สินคา้ และพสั ดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
กลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรียนโคกโพธไิ์ ชยศึกษา. (2551). หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียน
โคกโพธิไ์ ชยศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์. ขอนแกน่ : โรงเรียน
โคกโพธิไ์ ชยศกึ ษา. (เอกสารอดั สาเนา).
ทศิ นา แขมมณี. (2548). ศาสตร์การสอน: องคค์ วามร้เู พอื่ การจดั กระบวนการเรยี นรทู้ ี่มี
ประสทิ ธิภาพ. พมิ พ์ครัง้ ท่ี 4. กรงุ เทพฯ : ด่านสุทธาการพิมพ์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2546). การจดั สาระการเรยี นรู้กลมุ่
วิทยาศาสตร์หลกั สตู รการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน. กรุงเทพมหานคร: สถาบนั สง่ เสรมิ การสอน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
สุวิทย์ มลู คา และอรทัย มลู คา. (2547). 20 วิธจี ดั การเรยี นรู้ เพ่อื พัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม
ค่านิยมและการเรยี นรโู้ ดยการแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง. พมิ พค์ รัง้ ท่ี 5.
กรุงเทพฯ: ภาพพมิ พ์.
สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2551). ตวั ชีว้ ดั และสาระการเรยี นรู้
แกนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้น
พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ : ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
ภาคผนวก
314
แบบประเมินการตรวจงาน
ช่อื – สกุล รายการประเมิน รวม
1 ความ การเขยี น ความสะอาด
2 ถกู ต้อง และใช้ภาษา เรยี บร้อย
3
4 321321321
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
ลงช่อื ...................................................ผู้ตรวจ/ผู้สอ
เก ฑการประเมนิ การตรวจ าน 315
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนน
1. ความถูกต้อง 3
2
รายการ 1
1. ตอบถกู 4-5 ขอ้ คะแนน
3
2. ตอบถกู 2-3 ข้อ 2
1
3. ตอบถูก 0-1 ขอ้
คะแนน
2. การเขยี นและใช้ภาษา 3
รายการ 2
1
1. เขียนถกู ตอ้ ง ใช้ภาษาอ่านเข้าใจ สรปุ ตรงประเดน็
2. เขยี นถูกตอ้ ง ใช้ภาษาอ่านเข้าใจ สรปุ ตรงประเด็นเพียงบางสว่ น
3. เขียนไม่ถกู ตอ้ ง ใชภ้ าษาค่อนข้างยากอา่ นไมเ่ ข้าใจและสรปุ ตรง
ประเด็นเพียงบางสว่ น
3. ความสะอาด เรยี บรอ้ ย
รายการ
1. การทางานมีความสะอาด เรียบร้อย
2. การทางานมีความสะอาด แตข่ าดความเรยี บร้อยในบางส่วน
3. การทางานไม่มคี วามสะอาดและไมเ่ รียบร้อยเลย
หมายเหตุ
ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ดีมาก
ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถึง ดี
ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถงึ พอใช้
316
แบบประเมินงานกลุ่ม
รายการประเมิน คา่ เฉลย่ี
การนาเสนอ รวม
ชื่อ – สกุล การ ความ
วางแผน ถกู ตอ้ ง ผลงาน
1 การทางาน
2
3 3 213 2 1 3 2 1
4
กลุ่ม ่ีท ………
5
กลุ่ม ่ีท ……… 6
กลุ่ม ี่ท ……… 1
2
3
4
5
6
1
2
3
4
5
6
ลงชื่อ...................................................ผู้ตรวจ/ผ้สู อน
หมายเหตุ
ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถงึ ดมี าก ระดบั คุณภาพ 2 หมายถึง ดี
ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง พอใช้
317
เก ฑการประเมิน านก ุ่ม คะแนน
3
เกณฑ์การใหค้ ะแนน 2
1
1. การวางแผนการทางาน
คะแนน
รายการ 3
1. มีวางแผนการทางาน ครบองค์ประกอบและถกู ต้องตามขัน้ ตอน 2
2. มีวางแผนการทางาน ได้ไมค่ รบองคป์ ระกอบและถกู ตอ้ งตามขั้นตอน 1
3. มวี างแผนการทางานไดไ้ ม่ครบองค์ประกอบและไมถ่ ูกตอ้ งตามข้นั ตอน
คะแนน
2. ความถกู ตอ้ งในการทากิจกรรม 3
รายการ 2
1. มีความถกู ตอ้ ง แม่นยาในการทากจิ กรรม
2. มคี วามถกู ต้อง แต่ขาดความแม่นยาในการทากจิ กรรม 1
3. มคี วามถูกต้องเพยี งบางส่วนและขาดความแม่นยาในการทากิจกรรม
3. การนาเสนอผลงาน
รายการ
1. มกี ารนาเสนอผลงานถูกตอ้ ง ตรงและครอบคลมุ เน้อื หา มีความชดั เจน
เข้าใจในเนอ้ื หา
2. มกี ารนาเสนอผลงานถกู ต้อง ตรงและครอบคลุมเนอ้ื หาในบางสว่ น
ไมม่ ีความชดั เจนในเนอ้ื หา
3. มกี ารนาเสนอผลงานไม่ถกู ต้อง และไมค่ รอบคลุมเนอื้ หา ขาดความ
ชัดเจนในเนือ้ หา
318
แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ท่ี ชอ่ื – สกุล ซ่ือสัตย์ มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่นั ใน
สจุ ริต การทางาน คา่ เฉล่ยี
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 รวม
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน/ผู้สอน
319
หมายเหตุ
ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดีมาก
ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง ดี
ระดับคุณภาพ 1 หมายถงึ พอใช้
320
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนพฤติกรรมดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ระดบั คะแนน ระดบั คะแนน
ประเด็น 3 21
1. ซ่ือสตั ย์ ใหข้ อ้ มลู ท่ีถูกต้องและเป็น ให้ข้อมลู ทีถ่ กู ตอ้ งและ ใหข้ ้อมลู ท่ถี กู ต้องและ
สจุ รติ จริง ปฏิบตั ใิ นสง่ิ ท่ถี กู ต้อง เปน็ จรงิ ปฏิบัตใิ นสิง่ ที่ เปน็ จรงิ ปฏิบัตใิ นสงิ่ ท่ี
ทาตามสัญญาทตี่ นใหไ้ ว้กับ ถูกตอ้ ง ทาตามสญั ญาที่ ถูกตอ้ ง ทาตามสญั ญาที่
เพอ่ื น พ่อแม่ หรือผ้ปู กครอง ตนใหไ้ ว้กบั เพ่ือน พ่อแม่ ตนให้ไวก้ ับพ่อแม่ หรอื
และครู ละอายและเกรงกลวั หรือผู้ปกครองและครู ผู้ปกครองและครู
ที่จะทาความผดิ เปน็ ละอายและเกรงกลัวท่จี ะ ไม่นาสิ่งของหรอื ผลงาน
แบบอย่างทดี่ ดี า้ นความ ทาความผิด ไมน่ าส่ิงของ ของผ้อู ืน่ มาเป็นของ
ซ่ือสตั ยไ์ มน่ าส่ิงของและ และผลงานของผู้อ่นื มา ตนเอง ปฏบิ ตั ิตนต่อผู้อน่ื
ผลงานของผู้อน่ื มาเป็นของ เป็นของตนเอง ปฏิบตั ิ ด้วยความซ่ือตรง
ตนเอง ปฏบิ ัตติ นตอ่ ผูอ้ ่นื ตนตอ่ ผอู้ ่นื ด้วยความ
ดว้ ยความซื่อตรง ไมห่ า ซือ่ ตรง ไมห่ าประโยชน์
ประโยชนใ์ นทางทไี่ ม่ถกู ตอ้ ง ในทางทีไ่ มถ่ กู ตอ้ ง
และเป็นแบบอย่างทด่ี ีแก่
เพือ่ นด้านความซ่ือสัตย์
2. มีวนิ ัย ปฏิบตั ิตนตามข้อตกลง ปฏบิ ัตติ นตามข้อตกลง ปฏิบตั ิตนตามขอ้ ตกลง
กฎเกณฑ์ ระเบยี บขอ้ บงั คับ กฎเกณฑ์ ระเบียบ กฎเกณฑ์ ระเบียบ
ของครอบครวั โรงเรยี น ข้อบงั คับของครอบครวั ขอ้ บงั คบั ของครอบครัว
และสังคม ไมล่ ะเมดิ สทิ ธิ โรงเรยี น และสงั คม โรงเรียน และสังคม
ของผู้อ่นื ตรงต่อเวลาใน ไมล่ ะเมิดสิทธขิ องผูอ้ ่ืน ไมล่ ะเมดิ สิทธิของผ้อู ื่น
การปฏิบัตกิ จิ กรรมต่างๆ ตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิ ตรงต่อเวลาในการปฏิบัติ
ในชีวติ ประจาวันและ กจิ กรรมต่างๆใน กิจกรรมตา่ ง ๆ ในชวี ิต
รับผดิ ชอบในการทางาน ชวี ิตประจาวันและ ประจาวัน และ
ปฏบิ ตั ิจนเป็นปกติวิสยั และ รับผิดชอบในการทางาน รับผดิ ชอบ
เป็นแบบอย่างที่ดี
3. ใฝเ่ รียนรู้ เข้าเรยี นตรงเวลา ตง้ั ใจเรยี น เข้าเรียนตรงเวลา ต้ังใจ เข้าเรยี นตรงเวลา ตง้ั ใจ
เอาใจใส่และมคี วามเพียร เรยี น เอาใจใส่และมี เรียน เอาใจใสแ่ ละมี
พยายามในการเรยี นรู้ มี ความเพียรพยายามใน ความเพียรพยายามใน
321
ระดับคะแนน ระดบั คะแนน
ประเดน็ 3 21
ส่วนรว่ มในการเรยี นรู้ และ การเรยี นรู้ มสี ว่ นรว่ มใน การเรียนรู้ มีส่วนรว่ มใน
เข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ การเรียนรู้ และเข้ารว่ ม การเรียนรู้และเข้าร่วม
ตา่ ง ๆ ทัง้ ภายในและ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ า่ งๆ กิจกรรมการเรยี นร้ตู า่ งๆ
ภายนอกโรงเรยี นเปน็ ทง้ั ภายในและภายนอก ทง้ั ภายในและภายนอก
ประจา โรงเรยี นบ่อยครง้ั โรงเรยี นเป็นบางครัง้
4. มุ่งม่ันในการ ตั้งใจและรบั ผดิ ชอบในการ ตงั้ ใจและรับผิดชอบใน ตั้งใจและรบั ผิดชอบใน
ทางาน ปฏิบตั ิหน้าทที่ ี่ได้รับ การปฏบิ ัตหิ น้าท่ที ีไ่ ด้รับ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทีท่ ี่ไดร้ บั
มอบหมายใหส้ าเรจ็ มีการ มอบหมาย ให้สาเร็จ มอบหมายใหส้ าเร็จ
ปรับปรุงและพฒั นาการ มกี ารปรับปรงุ และ มกี ารปรบั ปรงุ และ
ทางานใหด้ ขี ้ึนดว้ ยตนเอง พัฒนาการทางานใหด้ ีขึน้ พฒั นาการทางานใหด้ ขี น้ึ
ทางานดว้ ยความขยันอดทน ทางานด้วยความขยัน ทางานด้วยความขยนั
และยายามให้งานสาเร็จตาม อดทน และพยายามให้ อดทน และพยายามให้
เป้าหมายภายในเวลาที่ งานสาเร็จตามเป้าหมาย งานสาเร็จตามเปา้ หมาย
กาหนด ไม่ย่อท้อต่อ ไม่ยอ่ ท้อ ตอ่ อุปสรรคใน และชื่นชมผลงานด้วย
อุปสรรคในการทางาน และ การทางาน และชนื่ ชม ความภาคภูมิใจ
ชืน่ ชมผลงานด้วยความ ผลงานด้วยความ
ภาคภมู ใิ จ ภาคภูมใิ จ
322
โรงเรียนโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศกึ ษา อาเภอโคกโพธิ์ไชย จงั หวัดขอนแกน่
แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิ เร่ือง พันธะเคมี ประจาภาคเรียนที่ 1/2563
รายวิชา ว31221 เคมี 1 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
คะแนนเต็ม 40 คะแนน เวลาท่ใี ช้ 60 นาที
สอบวัน
คาช้แี จง
1. เป็นแบบทดสอบแบบปรนัยชนิดเลอื กตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 40 ขอ้
2. ให้เลอื กคาตอบที่ถกู ทส่ี ดุ เพยี งคาตอบเดียว แล้วทาเครอื่ งหมาย X ลงในชอ่ งวา่ งทต่ี รงกบั
ขอ้ ทน่ี กั เรยี นเลอื กในกระดาษคาตอบ
3. ถ้าตอ้ งการเปลีย่ นคาตอบใหท้ าเครือ่ งหมาย = ในข้อท่ไี ม่ต้องการแล้วทาเครอ่ื งหมาย X ลง
ในชอ่ งใหมท่ เ่ี ลือก
4. แบบทดสอบฉบบั น้ีขอ้ ละ 1 คะแนน
1. จงพจิ ารณาว่าข้อความตอ่ ไปนี้
1. พันธะโคเวเลนตเ์ ป็นพนั ธะท่เี กิดจากอะตอมใช้เวเลนตอ์ ิเล็กตรอนเปน็ คๆู่
2. พนั ธะโคเวเลนต์เปน็ พันธะทเี่ กิดจากธาตทุ ีม่ คี ่าพลงั งานไอออไนเซชันต่า
3. จานวนพันธะโคเวเลนตใ์ นสารประกอบโคเวเลนตห์ าได้จากจานวนอะตอมทงั้ หมดในโมเลกลุ นนั้ ๆ
ข้อใดต่อไปนก้ี ล่าวถกู ตอ้ ง
ก. ขอ้ 1 เทา่ น้นั ข. ข้อ 1 และ 2 ถูก
ค. ข้อ 2 และ 3 ถกู ง. ขอ้ 1, 2 และ 3 ถกู
2. ธาตุค่ใู ดตอ่ ไปนีเ้ ม่อื ทาปฏกิ ริ ิยากันแลว้ ได้สารประกอบโคเวเลนต์
ก. คารบ์ อนกับกามะถนั ข. โซเดยี มกับออกซเิ จน
ค. แมกนเี ซยี มกับคลอรีน ง. โพแทสเซียมกบั ฟลอู อรีน
3. สารประกอบต่อไปนข้ี ้อใดยดึ เหนย่ี วกนั ด้วยพนั ธะโคเวเลนตท์ กุ ตัว
ก. BeCl2, HgCl2, CHCl ข. H2O, ZnO, FeS
ค. CHCl3, Hg2Cl2, PH3 ง. HCN, K2S, KMnO4
323
4. จงพิจารณาขอ้ ความต่อไปนี้
1. SiH4 เป็นโมเลกลุ โคเวเลนต์ท่ีไมม่ ีขว้ั มีรปู รา่ งโมเลกุลเป็นแบบทรงส่ีหน้า
2. SiF2-6 เปน็ ไออนที่มีรูปร่างโมเลกลุ เป็นทรงแปดหน้าอะตอมกลางมีประจเุ ป็นลบ
3. NCl3 มอี เิ ล็กตรอนค่สู ร้างพนั ธะ 3 คู่ และอเิ ล็กตรอนคโู่ ดดเดย่ี ว 1 คู่ รปู รา่ งโมเลกุลเป็น
แบบพรี ะมฐิ านสามเหลย่ี ม
ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ ง
ก. ขอ้ 1 เทา่ น้ัน ข. ขอ้ 1 และ 2 เทา่ นนั้
ค. ข้อ 1 และ 3 เท่านนั้ ง. ขอ้ 1, 2 และ 3
5. ขอ้ ใดเขยี นสูตรแบบจดุ ของสาร Cl2O ไดถ้ กู ต้อง
ก. Cl Cl O ข. Cl Cl O
ค. Cl O Cl ง. Cl O Cl
6. 38Sr ทาปฎกิ ริ ิยากับ 16S สารประกอบที่ไดค้ วรมีสตู รอยา่ งไร
ก. SrS3 ข. Sr2S3
ค. SrS ง. Sr3S3
7. X, Y และ Z มีเลขอะตอม 9, 15 และ 19 ตามลาดับ สารประกอบคลอไรด์ของธาตุเหลา่ น้ี
ควรมีสตู รอยา่ งไร
ก. XCl2, YCl, ZCl4 ข. XCl4, YCl3, ZCl2
ค. XC32, YCl2, ZCl3 ง. XCl, YCl5, ZCl
8. สตู รของสารประกอบระหว่างธาตุ X และ Y ที่มีเลขอะตอมเป็น 9 และ 15 ตามลาดับ
ก. XY3 ข. X3Y
ค. XY4 ง. X4Y
9. สารใดมรี ูปร่างโมเลกุล ไม่ เหมือนกนั
ก. HO2 และ SBr2 ข. HCl และ CS2
ค. NOCl และ COS ง. CCl4และ POCl3
10. จงพจิ ารณาข้อความต่อไปนี้
1. สารโคเวเลนต์อาจเปน็ ธาตุ หรือสารประกอบกไ็ ด้
2. ความยาวพนั ธะระหว่างS และ O ใน SO2 และใน SO3 จะเท่ากัน เพราะต่างเป็นสารทเ่ี กิด
เรโซแนนซเ์ หมอื นกนั
3. พนั ธะโคเวเลนตเ์ ป็นพนั ธะท่มี กี ารใชเ้ วเลนต์อเิ ลก็ ตรอนร่วมกนั ระหว่างอะตอม โดยไมค่ านงึ ถงึ
วา่ อิเล็กตรอนคูร่ ว่ มพันธะน้นั มาจากอะตอมใด
324
ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้อง
ก. ข้อ 1 และ 2 ถูก ข. ข้อ 1 และ 3 ถูก
ค. ขอ้ 2 และ 3 ถูก ง. ข้อ 1, 2 และ 3 ถกู
11. ขอ้ ความเกีย่ วกับพันธะเคมีข้อใดถูกตอ้ ง
ก. พันธะเคมเี กดิ ขึน้ เมอื่ แตล่ ะอะตอมมอี เิ ลก็ ตรอนเป็นจานวนค่เี ท่ากนั
ข. พลังงานของพนั ธะโคเวเลนต์จะเพิม่ ขึน้ ตามความยาวของพนั ธะเคมี
ค. พันธะเคมเี กดิ จาแรงกระทาระหว่างอิเลก็ ตรอนกับอเิ ล็กตรอน
ง. พันธะเคมีเกิดแรงดึงดดู ระหวา่ งนิวเคลยี สและอเิ ล้กตรอน
12. ปฏกิ ริ ยิ า CH4 (g) -----> C(g) + 4H(g)
กาหนดคา่ พลงั งานพันธะ ดงั น้ี H-H = 104 kJ/mol และ C-H = 81 kJ/mol
ปฏิกริ ยิ าข้างบนน้จี ะมกี ารเปลย่ี นแปลงของพลงั งานเป็นอยา่ งไร
ก. ปฏิกิรยิ าดูดพลงั งาน พลงั งานท้ังหมด = 185 kJ/mol
ข. ปฏิกิริยาดูดพลังงาน พลังงานทัง้ หมด = 324 kJ/mol
ค. ปฏิกริ ยิ าคายพลังงาน พลงั งานท้ังหมด = 185 kJ/mol
ง. ปฏิกิริยาคายพลงั งาน พลังงานท้งั หมด = 324 kJ/mol
13. ในการเผาไหม้โพรทานอล ( C3H7OH ) 1 โมล ไดผ้ ลติ ภณั ฑเ์ ปน็ แกส๊ CO2 และ H2O (ไอนา้ )
จะดูดหรอื คายพลงั งาน ก่ีกโิ ลจลู ตอ่ โมล
ก. ดูดพลงั งาน 1.52 kJ ข. คายพลังงาน 1,525 kJ
ค. ดดู พลงั งาน 1,883 kJ ง. คายพลังงาน 1,883 kJ
14. สารในขอ้ ใดมรี ปู รา่ งเปน็ พรี ะมดิ คูฐ่ านสามเหลย่ี ม
ก. PCl5 ข. PBr3
ค. NH3 ง. SiH4
15. D, E เปน็ ธาตใุ นหม่เู ด่ยี วกนั ขนาดอะตอมของ D> E สารประกอบกับไฮโดรเจน มสี ตู ร H2D
และ H2E โดยมีรูปรา่ งเปน็ มุมงอ
ก. ขนาดมุมระหวา่ งพนั ธะจากเล้กไปใหญ่ คือมมุ H-E-H , มุม H-D-H
ข. ธาตุ E จะมีคา่ อิเลก็ โทรเนกาตวิ ิตตี ่ากวา่ ธาตุ D
ค. เมอื่ D และ E รวมกับธาตุ X ซงึ่ อยู่หมู่ IVA ควรได้สารประกอบ XD2 และ XE2 มีรูปรา่ ง
เป็นเสน้ ตรง
ง. รอบอะตอมกลางของโมเลกุล H2D และ H2E ควรมีอิเล้กตรอนคโู่ ดดเดีย่ ว เหลือ 1 คู่
325
16. สูตรโครงสรา้ งลวิ อสิ ตามกฏออกเตตของโมเลกลุ และไอออนต่อไปนี้ ข้อใดไมม่ ีขว้ั
ก. OF2 ข. FNO
ค. CO ง. OCS
17. ข้อใดเปน็ โมเลกุล ไมม่ ขี ั้ว
ก. CO2, CCl4 และ CH3Cl ข. CO2, SF6 และ BCl3
ค. BCl3, NCl3 และ CCl4 ง. HCN, NCl3 และ CO2
18. กาหนดให้ A, B, C , D เป็นธาตคุ าบเด่ียวกัน และอยู่ในหมู่ IV, V, VI, VII ตามลาดบั ข้อใด
ตอ่ ไปนี้ไมถ่ ูกตอ้ ง
ก. ความแรงของสภาพขวั้ จากนอ้ ยไปมาก คอื H-A < H-B < H-C < H-D
ข. สูตรโมเลกลุ ของ A, B กับไฮโดรเจน คือ AH4 , BH3
ค. โมเลกลุ ของสารประกอบ H2C มรี ปู ร่างเป็นเสน้ ตรง
ง. สารประกอบระหวา่ ง C กับ D เปน็ สารโคเวเลนตม์ ีสูตร CD2
19. สารประกอบของ X มีสตู รเปน็ XO2 และเป็นโมเลกุลมขี ้วั พจิ ารณาข้อความต่อไปน้ี
1. สารประกอบคลอไรดม์ ีสูตร XCl 2. สารประกอบคลอไรด์ ละลายน้าแสดงสมบตั ิเปน็ กรด
3. ธาตุ X มีจุดเดอื ด จดุ หลอมเหลวสงู 4. ธาตุ X มไี ด้หลายรปู
ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ ง
ก. ขอ้ 1 และ 3 ข. ขอ้ 2 และ 4
ค. ขอ้ 1, 3 และ 4 ง. ขอ้ 1, 2, 3 และ 4
20. สารผสมระหวา่ งโมเลกลุ ตอ่ ไปนข้ี อ้ ใดมีพนั ธะไฮโดรเจนเกิดข้นึ
ก. CH4 กับ BeCl2 ข. I2 กบั C2H2
ค. H2O กับ C2H5OH ง. C6H14 กบั NaCl
21. สารผสมระหว่างโมเลกุลต่อไปน้ีขอ้ ใดมีพนั ธะไฮโดรเจนเกิดขน้ึ
ก. CH4 กับ BeCl2 ข. I2 กับ C2H2
ค. H2O กับ C2H5OH ง. C6H14 กบั NaCl
22. ประเภทของพันธะหรือแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาคในสารตอ่ ไปน้ี เหลก็ , นา้ ตาลกลูโคส,
เกลอื แกง ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ เปน็ การเรยี งลาดบั อย่างถูกตอ้ ง
ก. พันธะโลหะ, แรงลอนดอน, พันธะไอออนิก
ข. แรงลอนดอน, พันธะไอออนิก, พนั ธะโคเวเลนต์
ค. พนั ธะไอออนกิ , พนั ธะโคเวเลนต์, พนั ธะโลหะ
ง. พนั ธะโลหะ, พนั ธะโคเวเลนต์, แรงลอนดอน
326
23. การเกิดสารประกอบไอออนิกสว่ นใหญ่จะเกดิ จาก ธาตุประเภทใดมารวมตัวกัน
ก. เกดิ ไดท้ ั้งหมด ข. โลหะ กบั โลหะ
ค. อโลหะ กับ อโลหะ ง. โลหะ กับ อโลหะ
24. สารประกอบทเ่ี กดิ จากพันธะไอออนกิ เรียกว่าตรงตามขอ้ ใด
ก. สารโครงผลึกรา่ งตาข่าย ข. สารโลหะ
ค. สารประกอบไอออนกิ สารโคเวเลนต์ ง. สารโคเวเลนต์
25. ขอ้ ความใดต่อไปน้ีไมถ่ กู ต้อง
ก. แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างช้นั ในแกร์ไฟต์แข็งแรงน้อยกวา่ แรงระหวา่ งคารบ์ อนอะตอมในช้นั เดี่ยวกนั
ข. จะตอ้ งใชพ้ ลังงานจานวนมากเพอื่ สลายพันธะโคเวเลนตใ์ นคาร์บอรมั ดมั (SiC)
ค. แกรต์นาไฟฟ้าได้ดที ุกทศิ ทาง
ง. เพชรไม่นาไฟฟ้าเพราะเวเลนต์อเิ ลก็ ตรอนถกู ใช้ไปในการสร้างพนั ธะหมด
26. ขอ้ ใดเขยี นสตู รสารประกอบไดถ้ ูกต้อง
ก. MgCl2 , CaCl2 ข. MgO , K2Cl
ค. Li2Cl , Al2O3 ง. Ca2F , Na2S
27. ในการทดลองสารละลายสารประกอบไอออนกิ AB และ CD2 ในนา้ ได้ข้อมลู ดังน้ี
ธาตุ AB C D E
เลขอะตอม 13 16 20 35 37
จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้
1. การจัดอเิ ล็กตรอนในอะตอมของ D เป็น 2, 8, 18, 7
2. ไออนของธาตุต่างๆ เปน็ A3+, C2+, E+, D-, B2-
3. ธาตุ A ทาปฏิกิริยากบั ธาตุ B เป็นสารประกอบไอออนิกทม่ี สี ูตร A3B2
ข้อใดต่อไปน้ีถกู ตอ้ ง
ก. ขอ้ 1 และ 2 ข. ขอ้ 2 และ 3
ค. ข้อ 1 และ 3 ง. ข้อ 1,2 และ 3
28. จงพจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี
1. การทาใหน้ ้ากลายเป็นไอเปน็ การทาลายแรงแวนเดอรว์ าลส์ และพันธะไฮโดรเจน
2. การทาให้ Cu2Cl2 กลายเป็นไอ เปน็ การทาลายพนั ธะไอออนิก
3. การทาให้ Cu กลายเป็นไอเปน็ การทาลายพันธะโลหะ
ข้อใดตอ่ ไปนถ้ี กู ตอ้ ง
327
ก. ข้อ 1 และ 2 ข. ข้อ 2 และ 3
ค. ขอ้ 1 และ 3 ง. ขอ้ 1,2 และ 3
29. หลกั ฐานสาคัญที่แสดงว่ามีแรงยึดเหนีย่ วระหว่างอนุภาคของสาร
ก. สารมีความหนาแนน่ ไม่เท่ากนั ข. สารบางชนดิ มีสมบตั กิ ารนาไฟฟ้า
ค. การทาใหส้ ารเปล่ยี นสถานะตอ้ งใช้พลังงาน ง. สารแตล่ ะชนดิ มรี ปู รา่ งแตกต่างกนั
30. เกลือของสารประกอบไอออนกิ ชนดิ หน่งึ ละลายน้าได้มากข้นึ ทีอ่ ุณหภูมสิ งู ขน้ึ ข้อใดถกู ตอ้ ง
ก. กระบวนการละลายเปน็ การคายพลังงาน
ข. สารนน้ั มีพลงั งานโครงรา่ งผลกึ มากกว่าพลงั งไฮเดรชัน
ค. ความร้อนของการละลายมคี ่าเปน็ ลบ
ง. สารนน้ั มพี ลังงานไอเดรชนั มากกวา่ พลังงานโครงร่างผลกึ
31. สารไอออนกิ ขอ้ ใดทลี่ ะลานยนา้ ไดท้ กุ สาร
ก. Li2CO3, (NH4)2SO4, NaCN ข. NH3, H2CO3, NaOH
ค. KNO3, ZnSO4, Ca3(PO4)2 ง. AgI, Mg(NO3)2, Cuso4
32. ในการทดลองสารละลายสารประกอบไอออนิก AB และ CD2 ในน้าได้ข้อมูลดังน้ี
สาร มวลของสาร (g) อุณหภมู ิ (๐C) อุณหภูมสิ ารละลาย (๐C)
AB 4 25 34
CD2 4 25 21
ขอ้ ใดสรุปผลการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งท่ีสุด
ก. CD2 ละลายนา้ ได้นอ้ ยกว่า AB
ข. AB มีพลงั งานแลตทิซน้อยกวา่ พลงั งานแลตทิซของ CD2
ค. CD2 มีพลังงานแลตทซิ สูงกวา่ พลังงานไฮเดรชัน
ง. พลงั งานไฮเดรชนั ของ AB สูงกว่าพลงั งานไฮเดรชันของ CD2
33. ข้อมูลแสดงคา่ พลังงานทเ่ี ก่ียวข้องกบั การละลายสาร A, B, และ C เป็นดังน้ี
สาร พลังงานไฮเดรชนั พลงั งานแลตทิซ
A 745 750
B 590 550
C 690 700
328
ถา้ ใชส้ าร A, B และ C จานวนโมลเท่ากนั ละลายในนา้ ทีม่ ปี ริมาตร 100 cm3
การเปรยี บเทยี บอุณหภมู ขิ องแตล่ ะสารละลาย ขอ้ ใดถูก
ก. A > B > C ข. B > A > C
ค. B > C > A ง. C > A > B
34. สมการไอออนกิ ท่แี สดงถึงไอออนทีเ่ ข้าทาปฏกิ ริ ิยากันของ FeCl3 + Ba(OH)2 และ HgNO3 + NaCl
ตามลาดับ คอื ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี
ก. Fe3+ + 3OH- และ Hg2+2 + 2Cl-
ข. Fe3+ + 2OH- และ Hg- + Cl-
ค. Ba2+ + 3Cl- และ Hg2+2 + 2Cl-
ง. Ba2+ + 2Cl- และ Na+ + NO-3
35. จงพจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี
1. สารประกอบไอออนิกนาไฟฟา้ ได้ แต่สารประกอบโคเวเลนตไ์ ม่นาไฟฟา้
2. ธาตหุ มู่ I และ II ทุกธาตตุ ่างทาปฏกิ ริ ยิ ากบั ธาตอุ โลหะเกิดสารประกอบไอออนิก
3. พันธะไอออนิกเป็นพนั ธะเคมีท่เี กิดจากแรงดงึ ดดู ทางไฟฟ้า ระหวา่ งไอออนบวกกบั ไอออนลบ
ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ ง
ก. ข้อ 2 และ 3 เท่าน้ัน ข. ข้อ 1 และ 3 เทา่ นนั้
ค. ข้อ 1, 2 และ 3 ง. ขอ้ 3 เทา่ นนั้
36. พนั ธะโลหะ หมายถึงอะไร
ก. พันธะท่เี กดิ จากการใชเ้ วเลนซ์อิเล็กตรอนรว่ มกนั
ข. แรงยึดเหนี่ยวท่ีทาใหอ้ ะตอมของโลหะ อยูด่ ว้ ยกนั ในก้อนของโลหะ
ค. คา่ พลังงานไอออไนเซชั่นตา่ มาก
ง. อเิ ล็กตรอนอสิ ระเคลอื่ นทไ่ี ดท้ กุ ทิศทาง
37. ขอ้ ความใดต่อไปน้ี ทกี่ ล่าวไม่ถกู ต้อง
ก. พันธะโคเวเลนตเ์ ป็นพนั ธะที่เกิดจากการใช้อเิ ลก็ ตรอนเป็นคูๆ่
ข. พันธะไอออนิกเป็นแรงดงึ ดดู ระหว่างไอออนท่ีมีประจตุ า่ งกนั
ค. พนั ธะโลหะเป็นพันธะที่เกิดจากแรงดงึ ดูดระหวา่ งอะตอมของโลหะกบั อเิ ล็กตรอนทงั้ หมด
ทีม่ ีอยู่ในโลหะ
ง. พนั ธะไอออนิก ทาใหส้ ารไอออนกิ ไม่มีสตู รโมเลกลุ และมีจุดหลอมเหลวสงู
38. พนั ธะและแรงระหว่างโมเลกลุ ใด ที่แขง็ แรงมากและทาใหส้ ารมจี ุดเดอื ดและจุดหลอมเหลวสูง
ก. แรงลอนดอน ข. พันธะไฮโดรเจน
ค. แรงแวนเดอรว์ าลส์ ง. แรงดงึ ดดู ระหวา่ งข้วั
329
39. ขอ้ ใดท่ีไมใ่ ช่ธาตทุ ีม่ ีสถานะเป็นของแข็งทีอ่ ุณภมู ิปกติ
ก. แมกนีเซียม (Mg) ข. ปรอท (Hg)
ค. ลิเทยี ม (Li) ง. ไทเทเนยี ม (Ti)
40. สมบัตขิ องโลหะในข้อใดอธิบายการตีเปน็ แผน่ ของโลหะไดด้ ที ่สี ุด
ก. โลหะมีจุดเดือดจดุ หลอมเหลวสูงมาก
ข. โลหะมเี วเลนต์อเิ ลก็ ตรอนท่เี คลอ่ื นทไ่ี ดอ้ ิสระ
ค. อเิ ล็กตรอนในกอ้ นโลหะรับและกระจายคล่นื แสงได้
ง. ไอออนบวกและไอออนลบในก้อนโลหะสามารถเลื่อนไถลได้
330
เฉลยข้อสอบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น
เรอื่ ง พนั ธะเคมี ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ขอ้ ท่ี 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
เฉลย ก ก ก ข ค ค ง ข ค ข
ขอ้ ที่ 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
เฉลย ง ข ข ก ค ก ข ค ข ค
ข้อท่ี 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30
เฉลย ค ก ง ค ง ข ก ง ค ก
ขอ้ ที่ 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40
เฉลย ก ค ค ก ง ข ค ง ข ง
331