The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ว31221 เคมี 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วสันต์ คําสุข, 2020-05-20 06:32:01

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ว31221 เคมี 1

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ว31221 เคมี 1

248

แบบทดสอบ
เร่ืองพลังงานกับการเกิดสารประกอบไอออนิก

คาช้แี จง ให้นกั เรยี นทาเครอ่ื งหมาย (  ) ทบั อักษร ก ข ค ง ขอ้ ใดขอ้ หนงึ่ ท่ีเห็นวา่ ถกู ตอ้ งทส่ี ดุ

เพียงข้อเดียว ลงในกระดาษคาตอบ

1. การเกดิ สารประกอบไอออนกิ สว่ นใหญ่จะเกิดจากธาตุประเภทใดมารวมตัวกัน

ก. เกิดไดท้ ั้งหมด ข. โลหะ กบั โลหะ

ค. อโลหะ กบั อโลหะ ง. โลหะ กับ อโลหะ

2. ข้อพิสูจน์ใดท่ีแสดงวา่ ผลึกโซเดยี มคลอไรดเ์ ป็นสารประกอบไอออนกิ

ก. เมอื่ นาผลึกโซเดียมคลอไรดล์ ะลายนา้ สารละลายที่ได้มีจดุ เยือกแข็งลดลง

ข. โซเดยี มคลอไรด์ทีห่ ลอมเหลวนาไฟฟ้าได้

ค. โซเดียมคลอไรดล์ ะลายนา้ แล้วคายพลังงาน

ง. โซเดยี มคลอไรดล์ ะลายนาและนาไฟฟ้าได้

3. สารในขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ท่ีมจี ดุ เดือด จุดหลอมเหลวสูง

ก. COCl2 ข. CH3COOH ค. NH4SCN ง. NH3BF3

4. ตารางข้างลา่ งนแ้ี สดงจุดหลอมเหลว จดุ เดอื ด และความสามารถในการนาไฟฟา้ เม่อื หลอมเหลว

ของสารประกอบคลอไรด์ A, B และ C

สารประกอบคลอไรด์ จุดหลอมเหลว จุดเดอื ด การนาไฟฟา้

A 883 1650 ดีมาก

B 1148 2750 ดี

C 548 1005 ไม่ดี

สง่ิ ท่ีสรปุ ได้จากขอ้ มูลคือ

ก. A และ B เป็นสารประกอบไอออนิก ข. A,B และ C เปน็ สารประกอบไอออนกิ

ค. A เปน็ สารประกอบไอออนิกเพยี งสารเดียว ง. B เปน็ สารประกอบไอออนิกเพยี งสารเดียว

5. กาหนดให้

พลังงานแลตทชิ ของ NaCl = 787 kJ/mol พลังงานไอออไนเซช่นั ของ Na(g) = 494 kJ/mol

พลังงานของ Cl2(g) = 242 kJ/mol พลังงานสมั พรรคภาพอเิ ลก็ ตรอนของ Cl(g) = 347 kJ/mol

พลังงานการระเหดิ ของ Na(s) = 109 kJ/mol

ปฏกิ ิริยา Na(s) + 1/2Cl2 ------> NaCl(s) ที่ 25 C คายพลงั งานความรอ้ นจานวนกก่ี ิโลจลู

ก. 410 kJ ข. 531 kJ ค. 724 kJ ง. 1134 kJ

249

เฉลยบัตรกิจกรรมท่ี 9
เรอื่ งพลงั งานของสารประกอบไอออนิก

แบบบนั ทกึ ตอบคาถามจากกจิ กรรม
จงเขยี นคา่ ∆H และประเภทของพลงั งานในการละลายของสารประกอบไอออนิก

1.1 LiCl แนวการตอบ คา่ ∆H เทา่ กับ -50.98 ประเภทคายพลงั งาน

1.2 LiBr แนวการตอบ คา่ ∆H เท่ากับ -66.88 ประเภทคายพลังงาน

1.3 NaBr แนวการตอบ คา่ ∆H เทา่ กบั -12.54 ประเภทคายพลงั งาน

1.4 KCl แนวการตอบ ค่า ∆H เท่ากบั -95.86 ประเภทคายพลงั งาน
1.5 KI แนวการตอบ ค่า ∆H เท่ากับ +12.72 ประเภทดดู พลงั งาน

250

เฉลยใบงานท่ี 11
เรอื่ งพลังงานกับการเกดิ สารประกอบไอออนิก

คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนเตมิ คาตอบในชอ่ งวา่ ง

1. จากแผนภาพ ใหน้ กั เรียนเตมิ ชอ่ื พลงั งานและระบุชนิดการเปลี่ยนแปลงพลงั งานในชอ่ งวา่ ง

แผนภาพวฏั จกั รบอรน์ –ฮาร์เบอร์

พลังงาน Li+ g + e− + F(g)

= 79.5(ดูดพลังงาน)= -349 KJ(คายพลงั งาน) สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน
พลังงานการสลายพันธะ(D)

(EA)

Li+ g + e− + 1
2 F2(g)

Li+(g) + F−(g)

= 520 KJ(ดูดพลังงาน)

พลงั งานไอออไนเซชัน(IE).

Li g + e− + 1 F2 (g)  = -1047 KJ (คายพลังงาน)
2 พลงั งานโครงผลึก

หรอื พลงั งานแลตทซิ (U)
= 161 KJ (ดูดพลงั งาน)

พลังงานการระเหิด(∆ )

Li s + 1 F2(g)
2

Hf = -635.5 KJ

(คายพลังงาน)LiF(s)

251

2. นาข้อมลู ทก่ี าหนดใหต้ อบคาถามต่อไปนี้

1. พลงั งานรวมของการเกดิ ปฏิกิริยาหาได้จาก พลงั งานการเกดิ สารประกอบไอออนิก 1 โมล

เป็นผลตา่ งของพลงั งานในขน้ั  +  + +กับขนั้ + 6

2. การสรปุ วา่ การเปล่ียนแปลงเปน็ แบบดูดพลังงานหรอื คายพลังงานนกั เรยี นพจิ ารณาจาก

ผลตา่ งของพลังงานใน ข้อ 1

3. พลังงานรวมของปฏิกิริยาน้ีมคี ่าเทา่ กบั -293 เป็นแบบ คายพลังงาน

4. การเปลย่ี นแปลงพลงั งานใดข้ันใดบา้ งท่มี ีการเปลีย่ นแปลงพลงั งานแบบเดยี วกัน ขน้ั ที่ 1

เหมอื นกบั ข้นั ท่ี 2 ขัน้ ที่ 3 ขั้นท่ี 4และ ขั้นที่ 5เหมือนกับ ขั้นที่ 6

5. การเปลยี่ นแปลงพลงั งานในขั้นที่ 2 และ 3 มีความสัมพนั ธ์กนั อย่างไร เปน็ การแตกตัวเปน็

ไอออน ของของแกส๊ อะตอมของโลหะแมกนีเซียมในสถานะแก๊สเสียอเิ ล็กตรอนกลายเป็นไอออนบวก

เรียกพลังงานทใ่ี ช้ในข้ันนี้วา่ พลังงานไอออไนเซชนั (Ionization energy : IE)ลาดบั ที่ 1(IE1)และ
ลาดับที่ 2(IE2)ตามลาดับ

6. การเกดิ แมกนเี ซยี มคลอไรดจ์ านวน 1.5 โมล มกี ารเปลยี่ นแปลงพลังงานเทา่ ใด

MgCl2จานวน 1 โมลคายพลังงาน 293 KJ

MgCl2จานวน 1.5 โมลคายพลังงาน 1.5 x 293 = 439.5 KJ

การเกิดแมกนเี ซียมคลอไรด์จานวน 1.5 โมล มกี ารเปลี่ยนแปลงพลงั งานเทา่ กับ -439.5 KJ

252

เฉลยแบบทดสอบ
เรื่องพลงั งานกบั การเกิดสารประกอบไอออนิก

1. ง
2. ข
3. ค
4. ก
5. ก

ตรวจคาตอบกบั เฉลย
ถกู ทั้งหมดกีข่ ้อค่ะ

253

แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 10
เร่ือง สมบัติของสารประกอบไอออนกิ

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4

รายวิชา ว31221 เคมี 1 ภาคเรียนที่ 2

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พันธะเคมี เวลา 2 ชั่วโมง

ช่วั โมงท่ี 1 สอนวนั ชัว่ โมงที่ 2 สอนวัน

1. สาระสาคญั

สารประกอบไอออนกิ สว่ นใหญม่ ีสถานะเป็นของแขง็ เปราะแตกง่ายมจี ุดเดอื ดจุดหลอมเหลวสงู

เป็นของแขง็ ไมน่ าไฟฟ้า แตเ่ มอื่ หลอมเหลวหรือละลายน้าจะนาไฟฟา้

2. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี 3 สารและสมบัติของสาร
มาตรฐานว 3.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสาร ความสัมพันธ์ระหวา่ งสมบัติของสารกับโครงสร้างและ

แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ ละจิตวิทยาศาสตร์ สอื่ สารส่ิงท่ี
เรียนรแู้ ละนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

ตัวชวี้ ดั
ว 3.1ม.4-6/4 วิเคราะห์และอธิบายการเกดิ พนั ธะเคมีในโครงผลึกและในโมเลกลุ ของสาร

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 จุดประสงคด์ ้านความรู้ (K)
อธิบายถึงสมบัตบิ างประการของสารประกอบไอออนิกได้
3.2 จุดประสงค์ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)

ทาการทดลองเพอ่ื ศกึ ษา การเปลยี่ นแปลงพลังงานของสารประกอบไอออนกิ เม่ือมี
การละลายน้าได้

3.3 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
3.3.1 ซอื่ สตั ยส์ ุจริต

3.3.2 มวี ินัย

3.3.3 ใฝเ่ รยี นรู้

3.3.4 มงุ่ มน่ั ในการทางาน

254

4. สาระการเรยี นรู้
สารประกอบไอออนกิ เกิดจากการรวมกลมุ่ ของไอออนต่างชนดิ กนั ทาให้มสี มบตั ิเฉพาะตวั ที่

แตกตา่ งจากสารประกอบอนื่ ๆ ดงั น้ี
1. สารประกอบไอออนกิ ในสภาพของแข็งหรือผลึกไม่นาไฟฟ้าเนื่องจากไอออนบวกและไอออน

ลบยดึ ติดกนั แน่นดว้ ยแรงดงึ ดูดทางไฟฟา้ สถติ อยา่ งแรงไอออนท้งั สองจงึ ไมเ่ ปน็ อสิ ระและเคล่อื นที่ได้นอ้ ย
มาก

2. สารประกอบไอออนกิ นาไฟฟา้ ไดใ้ นสภาพหลอมเหลวหรือเปน็ สารละลาย เนื่องจาก
ไอออนท้ังสองได้แยกออกห่างกันและเปน็ อสิ ระในการเคลื่อนท่ี

3. สารประกอบไอออนกิ มีจดุ เดือดและจุดหลอมเหลวสงู มาก เพราะแรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ ง
ไอออนบวกและไอออนลบมคี วามแข็งแรงมาก และมีแรงดงึ ดดู กันทุกทิศทาง

4. สารประกอบไอออนิกมีความแข็งแต่เปราะ เพราะการทบุ จะทาให้โมเลกลุ สน่ั สะเทอื น
ไอออนชนิดเดยี วกันเลอื่ นมาอย่ชู ดิ กัน ทาใหเ้ กิดแรงผลักกันอย่างรุนแรงผลึกจงึ แตกออกจากกนั

การละลายนา้ ของสารประกอบไอออนิก
สารประกอบไอออนกิ มที งั้ ละลายน้าไดแ้ ละไม่ละลายน้า สารประกอบไอออนิกทุกชนดิ ที่

ละลายน้าไดม้ ีการเปลี่ยนแปลง 2 ขัน้ ตอนเสมอ โดยการเปลี่ยนแปลงแต่ละข้นั จะมีการดดู พลังงาน
และคายพลังงาน การละลายนา้ มขี ัน้ ตอนดงั นี้
ขั้นที่ 1 ระบบดูดพลงั งานเพื่อใชแ้ ยกไอออนบวกและไอออนลบในผลึกของสารประกอบ
ไอออนกิ 1 โมล ออกเป็นไอออนในภาวะแกส๊ เรยี กวา่ พลงั งานแลตทิซ (Lattice energy)
ขน้ั ที่ 2 ระบบคายพลงั งานออกมาเมอื่ ไอออนในภาวะแก๊ส รวมกับนา้ กลายเป็นไอออนใน
นา้ ซง่ึ มโี มเลกุลของนา้ ลอ้ มรอบ เรียกวา่ พลังงานไฮเดรชัน (Hydration energy)

การพจิ ารณาวา่ การละลายของสารประกอบไอออนกิ เป็นประเภทดดู หรือคายพลงั งาน จะต้องทราบ
ข้อมลู ดงั น้ี

1. ค่าพลังงานแลตทซิ และพลงั งานไฮเดรชัน ถา้ พลังงานแลตทซิ มากวา่ พลงั งานไฮเดรชัน
การละลายเปน็ ประเภทดูดพลังงาน ถ้าพลังงานแลตทิซน้อยกว่าพลังงานไฮเดรชนั การละลายเป็น
ประเภทคายพลังงาน

2. อณุ หภูมิของน้าและอณุ หภมู ขิ องสารละลายถา้ อณุ หภมู ิสารละลายสูงกว่าอณุ หภมู นิ ้า
การละลาย เป็นประเภทคายพลังงานถ้าอุณหภมู ิสารละลายตา่ ว่าอุณหภูมนิ า้ การละลายเป็น
ประเภทดดู พลงั งาน

255

5. ช้นิ งาน/ภาระงาน
5.1 สรปุ เนือ้ หาเรอ่ื งสมบัติของสารประกอบไอออนิก
5.2 ทากิจกรรมที่ 11 เรอ่ื งการละลายนา้ ของสารประกอบไอออนิก
5.3 ทางานจากใบงานท่ี 12 เรอ่ื งสมบตั ขิ องสารประกอบไอออนกิ

6. การประเมนิ ผล
6.1 ความรู้

ภาระ/ชนิ้ งาน วธิ ีการวดั เครอ่ื งมือ เกณฑท์ ่ีใช้ ระดับ เกณฑ์
ทาแบบทดสอบ ประเมนิ คุณภาพ การผา่ น
- เขา้ ใจเนื้อหา ดีมาก ถกู ตัง้ แต่ 3 ข้อ
เรอื่ งสมบตั ิของ แบบทดสอบ ตอบถกู 4-5 ขอ้ ขน้ึ ไปหรือร้อย
สารประกอบ ตอบถกู 2-3 ข้อ ดี ละ 70 ขนึ้ ไป
ไอออนิก ตอบถูก 0-1 ขอ้ พอใช้

6.2 ทักษะ/กระบวนการ/ทักษะการคิด

ภาระ/ชิน้ งาน วิธีการวัด เคร่อื งมอื เกณฑ์ทีใ่ ช้ ผู้ประเมนิ
ประเมิน
1. ทางานจากใบกิจกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมิน ผ่านระดับดี นักเรยี น
ท่ี 10 การละลายน้าของ การปฏบิ ัติงานและ การปฏิบัติงาน ขึ้นไป ครู
สารประกอบไอออนกิ การทากิจกรรม กลมุ่
ทดลองของกลุ่ม ผ่านระดบั ดี ครู
2. สรุปเนอ้ื หาเปน็ แผนผัง - การตรวจผลงาน - แบบตรวจ ขน้ึ ไป
มโนทศั น์ เกีย่ วกบั สมบัติ ผลงาน
ของสารประกอบไอออนกิ - การตรวจผลงาน ผา่ นระดับดี เพื่อน
3. ทางานจากใบงานท่ี 12 - แบบตรวจ ขนึ้ ไป ครู
เร่อื งสมบัตขิ องสาร ผลงาน
ประกอบไอออนกิ

256

6.3 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

ภาระ/ช้ินงาน วิธีการวัด เครอื่ งมือ เกณฑท์ ีใ่ ช้ ผ้ปู ระเมิน
ประเมิน
- ซอื่ สัตยส์ ุจรติ - สงั เกตพฤติกรรมความ - แบบประเมิน ผา่ นระดับดขี ึน้ ไป ครู
- มีวนิ ยั ซือ่ สตั ย์ มีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ คุณลักษณะ
- ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ ม่ันในการทางาน อนั พึงประสงค์
- มงุ่ มนั่ ในการทางาน

4. กิจกรรมการเรียนรู้

กิจกรรม สอ่ื และแหล่งเรียนรู้
ช่วั โมงที่ 1 สอ่ื การเรียนรู้
1. แบบทดสอบเร่อื งสมบัติ
ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engage)
1. นกั เรียนและครูรว่ มกันสนทนาเพ่ือทบทวนความรเู้ ดิม ของสารประกอบไอออนกิ

เก่ยี วกบั การเกิดสารประกอบไอออนิก จากประเดน็ คาถามดังต่อไปน้ี 2. ใบความร้ทู ่ี 12 เร่ือง
- การเกิดสารประกอบไอออนิกมีกี่ข้ันตอนและมีพลังงานเข้า สมบัตขิ องสารประกอบไอ
ออนิก
ไปเก่ียวขอ้ งอยา่ งไร (มพี ลังงานเก่ียวข้องกบั การเกิดสารประกอบไอ 3. บตั รกิจกรรมท่ี 10 เรือ่ ง
ออนิก 5 ขั้นตอน โดยข้ันท่ี 1 – 3 เปน็ การเปลีย่ นแปลงแบบดูด การละลายนา้ ของ
พลังงาน และขั้นที่ 4 – 5 เปน็ การเปลยี่ นแปลงแบบคายพลังงาน) สารประกอบ
ไอออนิก
2. ครูนาเกลอื แกง 1 ช้อนเบอร์ 2 เทลงในบกี เกอรน์ า้ กลั่น 4. หนังสอื เรยี น รายวชิ า
คนให้ละลาย นักเรียนสงั เกตการทากิจกรรมสาธิต แลว้ ตอบคาถาม เพิ่มเตมิ เคมี เลม่ 1
เก่ียวกับสมบตั ขิ องสารประกอบไอออนกิ จากประเด็นคาถาม ของสสวท. หนา้ 116- 120
ดงั ต่อไปน้ี 5. อปุ กรณ์ทากิจกรรมการ
ทดลองการละลายน้าของ
- ทาไมเกลอื จงึ ละลายนา้ ไดด้ ี (เพราะเกลอื โซเดยี มคือโลหะ สารประกอบไอออนกิ
หมู่ 1 มีสมบัติการละลายน้าได้ดี) 6. ใบงานที่ 12 เรื่องสมบัติ
ของสารประกอบไอออนิก
- สารละลายน้าเกลอื นาไฟฟ้าได้หรอื ไม่(ได้)
การสารวจและค้นหา (Explore)

3. แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6 – 7 คน โดยคละเพศ
คละผลการเรียนเกง่ ปานกลาง ออ่ น แล้วเลือกประธานกลุ่ม
กรรมการ และเลขานุการกล่มุ หรือเปน็ กลุ่มเดมิ ท่ีแบง่ กลมุ่ จากชั่วโมง

257

กิจกรรม สอ่ื และแหล่งเรียนรู้
เรียนทผี่ า่ นมา
แหลง่ เรียนรู้
4. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมารับบัตรกจิ กรรมท่ี 11 เรือ่ ง 1. หอ้ งสมดุ โรงเรียน
การละลายนา้ ของสารประกอบไอออนกิ ซ่ึงเปน็ การคดิ สงั เคราะห์ 2. หอ้ งอนิ เตอรเ์ น็ตโรงเรยี น
ความสัมพันธ์ จากครูนาอภปิ รายและช้แี นะก่อนการทากจิ กรรมการ 3. ห้องปฏิบัตกิ ารกลมุ่ สาระ
ทดลอง ดงั น้ี วิทยาศาสตร์
4. จากเวบ็ ไซน์
- ควรเช็ดแคลอรีมเิ ตอรใ์ ห้แห้งกอ่ นทาการทดลองทุกครงั้ www.google.com
- เม่อื ละลายสารในนา้ แล้ว ใหน้ ักเรยี นอ่านอุณหภมู จิ าก 5. หนงั สือเตรียมสอบ
เทอร์โมมิเตอรต์ ลอดเวลาจนอณุ หภูมไิ มเ่ ปลี่ยนแปลง O-Net และ A-Net
5. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ทากจิ กรรมการทดลองเพ่ือ
ศึกษาเกี่ยวกับการละลายนา้ ของสารประกอบไอออนิก และตอบ
คาถามจากประเดน็ คาถาม ดังต่อไปน้ี
- สารทนี่ ามาทดลองทงั้ 3 ชนดิ ละลายนา้ ได้แตกตา่ งกัน
หรือไม่ อยา่ งไร(ตา่ งกัน NH4Cl ละลายน้าไดอ้ ย่างรวดเรว็ NaCl
ละลายน้าได้ดี และ CuSO4 ละลายน้าไดช้ า้ )

- สารทีล่ ะลายนา้ แล้ว อุณหภูมิสารละลายเพมิ่ สงู ข้นึ เป็น
การเปลีย่ นแปลงพลงั งานแบบใด(คายพลังงาน)

- สารที่ละลายนา้ แล้วอณุ หภมู สิ ารละลายลดลง เปน็
การเปล่ียนแปลงพลงั งานแบบใด(ดดู พลังงาน)

การอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explain)
6. ตวั แทนนกั เรยี นกลมุ่ คู่ คือกล่มุ ที่ 2,4 และ 6 ออกมา

นาเสนอหน้าชนั้ เรยี นจากการศกึ ษาเน้ือหาและการทากิจกรรมการ
ทดลองเรอ่ื งการละลายนา้ ของสารประกอบไอออนกิ และตอบคาถาม
หลงั การทดลอง

7. นักเรียนทง้ั ชนั้ เรยี นร่วมกนั อภิปรายและสรุปผลการทา
กจิ กรรมการทดลอง และคาตอบทีไ่ ด้ จนไดข้ ้อสรุปดงั ตอ่ ไปนี้

1) สารท้ัง 3 ชนดิ ละลายนา้ ได้แตกตา่ งกัน ได้แก่
NH4Cl ละลายน้าได้อยา่ งรวดเร็ว
NaCl ละลายนา้ ไดด้ ี
CuSO4 ที่ปราศจากน้าละลายนา้ ได้ชา้

2) การละลายนา้ ของ CuSO4 ทป่ี ราศจากนา้ เปน็ การ

258

กิจกรรม สือ่ และแหลง่ เรยี นรู้
เปลย่ี นแปลงประเภทคายพลงั งาน เพราะอณุ หภมู ิของสารละลายสูงข้ึน

3) การละลายของ NH4Cl ในน้าเป็นการเปลีย่ นแปลงประเภทดูด
พลังงาน เพราะอุณหภูมขิ องสารละลายลดลง

4) การละลายของ NaCl ในน้าเปน็ การเปล่ยี นแปลงพลงั งาน
นอ้ ยมาก เพราะอณุ หภูมิสารละลายเกอื บจะคงท่ี

ชั่วโมงท่ี 2
การขยายความรู้ (Elaborate)
8. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมารับใบความรู้ที่ 12 และนาไปแจก

สมาชิกในกลมุ่ ทกุ คน แล้วศกึ ษาสมบัตขิ องสารประกอบไอออนิก หรอื
ศกึ ษาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนรายวชิ าเพ่ิมเตมิ เคมี เลม่ 1 ของสสวท. หนา้
116 – 120

9. นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายและแสดงความคดิ เห็น จากประเด็น
คาถาม เพอื่ เป็นการเช่อื มโยงความรูข้ องนกั เรยี นใหม้ ีความเข้าใจในเนอ้ื หา
มากขึน้ ดงั ตอ่ ไปน้ี
- สารประกอบไอออนิกท่ลี ะลายนา้ แลว้ มีหยดนา้ เกาะขา้ ง ๆ
ภาชนะจดั เปน็ การละลายแบบใด(ดูดพลงั งาน)

- สารประกอบไอออนกิ ที่ละลายนา้ แล้วภาชนะรอ้ นข้นึ จัดเปน็ การละลาย
แบบใด(คายพลังงาน)

- นกั เรยี นจะมีวธิ กี ารทดสอบอยา่ งไรวา่ สารประกอบชนดิ หนึง่
เปน็ สารประกอบไอออนิกหรอื ไม่(ทดสอบการนาไฟฟา้ จดุ เดอื ดจุด
หลอมเหลวของสาร)

10. นักเรียนจบั คู่กนั เลอื กสารประกอบไอออนกิ ทนี่ กั เรียนสนใจ
มา 1 ชนิด แล้วรว่ มกันพจิ ารณาถึงสมบัติของสารประกอบไอออนกิ

11. ครสู ุ่มนักเรียน 5 คู่ นาเสนอถึงสมบตั ิของสารประกอบไอ
ออนกิ ท่ีได้พจิ ารณารว่ มกบั เพ่อื น

12. นักเรยี นท้งั ช้นั และครรู ว่ มกนั อภปิ รายถึงสมบตั ขิ อสารประกอบ
ไอออนิกทเ่ี พือ่ นไดน้ าเสนอ และรว่ มกันสรปุ เกีย่ วกับสมบตั ขิ อสารประกอบ
ไอออนกิ ท่ีถกู ต้อง

259

กิจกรรม สอื่ และแหล่งเรียนรู้
การประเมินผล (Evaluate)

13. นกั เรยี นแต่ละคนรับใบงานท่ี 12 เรื่องสมบตั ขิ องสารประกอบ
ไอออนิก

14. นกั เรยี นทางานจากใบงานท่ี 12 เรื่องสมบัตขิ องสารประกอบ
ไอออนกิ
โดยครูสงั เกตพฤติกรรมอยา่ งใกลช้ ิด

15. ครตู รวจใบงานท่ี 12 เร่อื งสมบตั ิของสารประกอบ
ไอออนกิ

16. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น เรอ่ื งสมบัตขิ องสารประกอบ
ไอออนกิ ซึ่งเป็นข้อสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 5 ขอ้

17. นกั เรยี นเขยี นสรุปเน้อื หาและความร้ทู ี่เปน็ แผนผังมโนทัศน์
แสดงสมบัตขิ องสารประกอบไอออนกิ ลงในกระดาษทคี่ รแู จกเป็นรายบุคคล
ได้ถกู ตอ้ ง

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
กอ่ นทาการทดลองนกั เรยี นควรเตรียมอปุ กรณ์ใหพ้ ร้อมและทาการทดลองใหท้ ันเวลาทคี่ รู

กาหนด

260

9. บันทกึ ผลหลังสอน

9.1 ผลการสอน

1) นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจ

ผลการตรวจผลงาน การเขยี นสรปุ ความรู้เรอ่ื งสมบัตขิ องสารประกอบไอออนิก

นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับดีขน้ึ ไป คิดเป็นร้อยละ 83.31 ของนักเรยี นทั้งหมด

2) นักเรียนมีความสามารถดา้ นทักษะกระบวนการ

ผลการตรวจการเขียนสรุป เน้ือหาเป็นแผนผังมโนทศั น์ เกยี่ วกับสมบตั ขิ อง

สารประกอบไอออนิก นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับดขี ึ้นไป คดิ เปน็ รอ้ ยละ 86.50

ของนักเรยี นทง้ั หมด

ผลการตรวจบัตรกจิ กรรมที่ 10 และใบงานที่ 12 นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ

ระดบั ดีขน้ึ ไป คดิ เปน็ รอ้ ยละ 83.79 ของนกั เรยี นท้ังหมด

3) นกั เรยี นมคี ณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมิน คิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรยี นทงั้ หมด

9.2 ปัญหา/อปุ สรรค
นกั เรียนบางกลุ่มขาดทกั ษะในการทดลอง เช่นการตวงสารและการอา่ นคา่

9.3 แนวทางปรับปรงุ การเรียนการสอนครง้ั ตอ่ ไป
ครูให้คาปรึกษาและดแู ลนักเรยี นอย่างใกลช้ ิด โดยการเดนิ กากับดูแลทุก ๆ กลุ่มใน

กิจกรรมการทดลอง

ลงชอื่ ........................................................ นางคุณากร คาสุข)
( ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ

261

10. ความคดิ เห็นของหัวหน้ากลุ่มบรหิ ารวิชาการ
เปน็ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่คี รบองค์ประกอบ กจิ กรรมการเรยี นรเู้ น้นทกั ษะกระบวนการ

ทางวทิ ยาศาสตร์ สื่อการเรยี นการสอน และการวัดผลประเมนิ ผลสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรู้
เห็นควรอนุญาตให้ใชจ้ ดั การเรียนการสอนได้

ลงช่ือ……………………………………………………
(นางพรพริ ณุ แจ้งใจ)

หวั หน้ากลุ่มบริหารวิชาการ

11. ความคดิ เห็นของผู้อานวยการโรงเรียน
อนญุ าตใหใ้ ช้จดั การเรยี นการสอนได้

ลงชื่อ……………………………………………………
(นางลดั ดา ผาพนั ธ์)

ผอู้ านวยการโรงเรยี นโคกโพธไิ์ ชยศกึ ษา
วนั ที่ ....... เดอื น...........................พ.ศ...........

262

บตั รกิจกรรมท่ี 10
เรอ่ื งการละลายนา้ ของสารประกอบไอออนิก

จุดประสงค์

1. ทาการทดลองศกึ ษาการเปลีย่ นแปลงพลงั งานในการเกิดสารละลายของสารประกอบไอออนกิ ได้

2. บอกการเปล่ียนแปลงพลังงานในการละลายของคอปเปอร์ (II) ซัลเฟตแอมโมเนยี มคลอไรด์และ

โซเดียมคลอไรด์

วสั ดุอปุ กรณ์

1) แท่งแก้วคน 6) กระบอกตวง

2) ช้อนตักสารเบอร์ 1 7) คอปเปอร์ (II) ซัลเฟตที่ปราศจากน้า

3) แครอรมี ิเตอร์ 8) แอมโมเนียมคลอไรด์

4) เทอร์โมมิเตอร์ 9) โซเดียมคลอไรด์

5) โกรง่ และทบี่ ด 10) นา้

วิธที ดลอง

1) บรรจุนา้ 25 cm3 ไว้ในแคลอรมี ิเตอร์ วัดอุณหภูมขิ องนา้ บันทกึ ผล

2) ใสค่ อปเปอร์ (II) ซัลเฟตทป่ี ราศจากนา้ 1 g ลงในนา้ ทีเ่ ตรยี มไว้ คนสารละลายแล้วรบี ปดิ ฝา

แคลอรมี ิเตอร์ บนั ทึกอุณหภูมสิ ูงสดุ หรอื ต่าสดุ ของสารละลายทเ่ี ปลย่ี นแปลง

3) ทาการทดลองเช่นเดยี วกบั ขอ้ 1 – 2 แต่ใชแ้ อมโมเนยี มคลอไรด์ และโซเดยี มคลอไรดแ์ ทน

บนั ทกึ ผลการทดลอง

สาร มวลของสาร อุณหภูมิของนา้ (o C) อณุ หภูมิของสารละลาย (o C)

1. CuSO4 ……………………… ………………………… ………………………………
2. NH4Cl ……………………… ………………………… ………………………………
3. NaCl ……………………… ………………………… ………………………………

คาถามหลงั การทดลอง
1) สารที่ละลายน้าแล้วมีอุณหภมู ิสูงขน้ึ คอื

………………………………………..………………………………………………………………………………………………
………………………………………..………………………………………………………………………………………………

263

2) สารทล่ี ะลายนา้ แลว้ มอี ณุ หภมู ลิ ดลงคือ
………………………………………..……………………………………………………………………….……………………
…………………………………………..……………………………………………………………………………………….…

3) การละลายของสารท่เี ปน็ การเปลย่ี นแปลงประเภทคายพลงั งานคอื .................................................
เพราะ………………………………………..……………………………………………………………………………………
………………………………………..……………………………………………………………………………………….……

4) การละลายของสารทเี่ ป็นการเปลีย่ นแปลงประเภทดดู พลังงานคอื ...................................................
เพราะ ………………………………..…………………………………………………………………………………………..
………………………………………..……………………………………………………………………………………….……

5) การละลายของสารแต่ละชนดิ ในนา้ มกี ารเปลี่ยนแปลงพลังงานหรือไม่ อยา่ งไร
………………………………………..……………………………………………………………………………………….……
………………………………………..……………………………………………………………………………………….……

สรุปผลการทดลอง
………………………………………..………………………………………………………………………………………………

………………………………………..……………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ช่อื กลุ่ม...................................................................................................
สมาชกิ ในกลุ่ม

8) ชือ่ …………………………………………………………………………. เลขท่.ี ......................................
9) ชือ่ …………………………………………………………………………. เลขที่.........................................
10) ช่อื …………………………………………………………………………. เลขที่.........................................
11) ชื่อ…………………………………………………………………………. เลขที่.........................................
12) ชอ่ื …………………………………………………………………………. เลขท.ี่ .......................................
13) ช่อื …………………………………………………………………………. เลขท่.ี ........................................
14) ช่อื …………………………………………………………………………. เลขท่ี.........................................

264

ใบความรู้ที่ 12
เรือ่ งสมบัติของสารประกอบไอออนกิ

สมบัติของสารประกอบไอออนกิ

สารประกอบไอออนกิ เกิดจากการรวมกลุ่มของไอออนตา่ งชนิดกนั ทาให้มสี มบัติเฉพาะตัวที่
แตกต่างจากสารประกอบอน่ื ๆ ดงั นี้

1. สารประกอบไอออนกิ ในสภาพของแข็งหรอื ผลกึ ไมน่ าไฟฟ้า
เหตุผล เนอ่ื งจากไอออนบวกและไอออนลบยึดติดกันแน่นด้วยแรงดึงดูดทางไฟฟ้าสถิตอย่างแรง
ไอออนทัง้ สองจงึ ไม่เป็นอสิ ระ และเคล่อื นทไ่ี ด้น้อยมากจนถือวา่ ไมเ่ คลอื่ นท่ีเลย ผลกึ ไอออนิกจึงไม่นา
ไฟฟ้า
2. สารประกอบไอออนิกนาไฟฟา้ ไดใ้ นสภาพหลอมเหลวหรอื เปน็ สารละลาย
เหตุผล เนื่องจากไอออนทัง้ สองไดแ้ ยกออกห่างกนั และเปน็ อสิ ระในการเคลือ่ นทไ่ี ด้ การทไี่ อออน
เคล่ือนที่ได้ในสภาพของเหลว หรือสารละลายจงึ นาไฟฟ้าได้
3. สารประกอบไอออนกิ มจี ุดเดอื ดและจดุ หลอมเหลวสูงมาก
เหตุผล เพราะแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งไอออนบวกและไอออนลบมคี วามแขง็ แรงมากหรอื พันธะ
ไอออนิกแขง็ แรงมากนน่ั เอง และมีแรงดงึ ดูดกนั ทุกทิศทาง การทาใหห้ ลอมเหลวต้องใช้พลังงานมาก
เพอื่ ทาลายแรงยดึ เหนย่ี วระหว่างไอออนทงั้ สองน้ีให้แยกออกจากกนั
4. สารประกอบไอออนิกมีความแขง็ แตเ่ ปราะ
เหตผุ ล สาเหตทุ ผ่ี ลกึ ไอออนิกมักจะแข็งเปน็ เพราะพนั ธะไอออนกิ เปน็ แรงดึงดูดท่แี ขง็ แรงมาก
ส่วนเหตผุ ลทผ่ี ลึกไอออนกิ เปราะนนั้ เน่ืองจากการทุบจะทาให้ผลกึ แตกไดง้ ่ายเป็นเพราะการทบุ ทาให้
โมเลกุลสั่นสะเทือน ทาใหไ้ อออนชนดิ เดยี วกนั เล่ือนมาอยชู่ ดิ กนั ทาใหเ้ กิดแรงผลักกันอย่างรุนแรง
ผลกึ จึงแตกออกจากกันดงั รปู

แรงผลัก ผลกึ แตกตัว

แรงภายนอก

265

การละลายน้าของสารประกอบไอออนิก

สารประกอบไอออนกิ มที ้ังละลายนา้ ได้ และไมล่ ะลายนา้ สารประกอบไอออนิกทุกชนิดท่ี
ละลายนา้ ไดม้ ีการเปล่ียนแปลง 2 ขัน้ ตอนเสมอ โดยการเปลี่ยนแปลงแตล่ ะขัน้ จะมกี ารดดู พลงั งาน
และคายพลงั งาน ซงึ่ จะสามารถนามาหาค่าพลังงานได้ การละลายนา้ มีขั้นตอนดังน้ี
ขน้ั ท่ี 1 ระบบดูดพลังงานเพอ่ื ใช้แยกไอออนบวกและไอออนลบในผลกึ ของสารประกอบ
ไอออนิก 1 โมล ออกเปน็ ไอออนในภาวะแก๊ส เรียกวา่ พลงั งานแลตทซิ (Lattice energy) เช่น

KBr s → K+ g + Br−(g) ; ∆H1 = 664 KJ

ข้นั ที่ 2 ระบบคายพลงั งานออกมาเม่อื ไอออนในภาวะแกส๊ รวมกบั น้ากลายเป็นไอออนใน
นา้ ซ่ึงมโี มเลกลุ ของน้าล้อมรอบ เรยี กว่า พลังงานไฮเดรชัน (Hydration energy)เชน่

K+ g + Br−(g) H2O K+ aq + Br− aq ; ∆H2 = -656 KJ

สมการรวมหรือสมการการละลายมผี ลต่างของพลังงานทงั้ 2 ขน้ั 8 KJ

KBr s H2O K+ aq + Br− aq ; ∆H = -8 KJ

การละลายของ KBrเป็นการละลายประเภทคายพลงั งาน (พลงั งานไฮเดรชัน มากกว่า
พลงั งานแลตทซิ ) ∆H เป็นพลงั งานการละลายมีคา่ เปน็ ลบ

การเปรยี บเทียบความสามารถในการละลาย

ถา้ พลงั งานการละลาย ( ∆H) สงู แสดงว่าพลงั งานแลตทซิ สูงกวา่ พลงั งานไฮเดรชันมาก
พลังงานการละลายมีค่าเป็นบวกสารนัน้ จะละลายไดน้ อ้ ยหรือไมล่ ะลาย ถ้าพลงั งานแลตทิซนอ้ ย
พลังงานไฮเดรชนั มาก สารนน้ั จะละลายได้ดี พลงั งานการละลายมคี ่าเป็นลบ

การระบปุ ระเภทการละลาย

การพจิ ารณาว่าการละลายของสารประกอบไอออนิกเปน็ ประเภทดดู หรอื คายพลงั งาน
จะต้องทราบขอ้ มลู ดงั นี้

1. คา่ พลงั งานแลตทซิ และพลงั งานไฮเดรชัน ถ้าพลังงานแลตทิซมากวา่ พลงั งานไฮเดรชัน
การละลายเปน็ ประเภทดูดพลงั งาน ถ้าพลังงานแลตทิซน้อยกว่าพลังงานไฮเดรชัน การละลายเป็น
ประเภทคายพลังงาน

2. อุณหภมู ิของนา้ และอุณหภมู ิของสารละลายถา้ อุณหภมู ิสารละลายสงู กว่าอณุ หภมู ิน้า
การละลายเป็นประเภทคายพลังงานถ้าอณุ หภมู สิ ารละลายต่าวา่ อณุ หภูมนิ า้ การละลายเป็นประเภท
ดดู พลังงาน

ใบงานท่ี 12
เรื่องสมบตั ขิ องสารประกอบไอออนกิ

266

ตอนที่ 1 ใหน้ ักเรยี นทาเครื่องหมาย หนา้ ขอ้ ความท่ถี ูก ทาเครื่องหมาย หนา้ ข้อทผ่ี ดิ

………… 1. สารประกอบไอออนกิ ทุกชนิดละลายนา้ ได้
………… 2. การละลายแบบดดู พลังงาน พลงั งานแลตทซิ จะมากกวา่ พลังงานไฮเดรชนั
………… 3. เมื่อละลายสารชนิดหน่งึ ในน้า ปรากฏว่าสารละลายมอี ุณหภมู ิสงู ขน้ึ การละลายน้ี

เป็นการละลายแบบคายพลังงาน
………… 4. สารประกอบไอออนิกมีความแขง็ แต่เปราะ เมือ่ ทุบจะแตกไดง้ า่ ย
………… 5. CaCO3ไม่ละลายนา้ เน่ืองจากมีพลงั งานไฮเดรชนั สูงมาก
………… 6. สารประกอบไอออนิกนาไฟฟา้ ได้เมือ่ อยู่ในสถานะสารละลาย
………… 7. พลงั งานแลตทซิ เทา่ กับพลงั งานไฮเดรชัน แสดงวา่ สารประกอบไอออนกิ ไม่ละลายน้า
………… 8. ผลกึ โซเดียมคลอไรดส์ ามารถนาไฟฟา้ ได้
………… 9. สารประกอบไอออนกิ มจี ุดเดอื ดจุดหลอมเหลวสูง มีแรงยึดเหนย่ี วระหว่างอนภุ าคสงู
………… 10.สารประกอบไอออนกิ ชนดิ หน่งึ ละลายนา้ ได้มากข้นึ เม่ืออุณหภูมสิ งู ขึน้ แสดงว่า∆H

มคี า่ เป็นบวก

ตอนท่ี 2 ใหน้ ักเรยี นเขียนสมการและพลงั งานในการละลายของ NaOH (s)
1. การละลาย NaOH (s) มี 2 ขนั้ ตอน คอื
ขน้ั ที่ 1 ……………………………………. พลงั งานแลตทิซ = +662.4 kJ/mol
ข้ันที่ 2 ……………………………………. พลังงานไฮเดรชนั = -816.8 kJ/mol
ก. จงเขียนสมการแสดงการละลายในข้ันท่ี 1 และ 2
ข. จงหาพลังงานในการละลาย NaOH (s)

267

แบบทดสอบ
เร่อื งสมบัติของสารประกอบไอออนกิ

คาชแ้ี จง ให้นักเรียนทาเครือ่ งหมาย (  ) ทบั อักษร ก ข ค ง ข้อใดขอ้ หนงึ่ ที่เหน็ วา่ ถูกตอ้ งทส่ี ุด

เพียงข้อเดยี ว ลงในกระดาษคาตอบ

1. ข้อใดต่อไปนี้ท่ีกล่าวไมถ่ กู ต้องของสารประกอบไอออนกิ

ก. สารประกอบไอออนกิ มักเกิดระหวา่ งธาตุที่มพี ลงั งานไอออไนเชชันต่ากับธาตุทีม่ คี ่าENสงู

ข. เมื่อหลอมเหลวสารประกอบไอออนกิ จะเป็นปฏิกริ ิยาดูดความร้อน

ค. สารประกอบไอออนกิ ยึดเหน่ยี วกันด้วยแรงทางไฟฟ้า

ง. การเกิดสารประกอบไอออนกิ เป็นปฏิกิรยิ าดดู ความรอ้ น

2. ขอ้ ใดไม่ใช่สมบัตขิ องสารประกอบไอออนิก

ก. มีความแข็งแตเ่ ปราะ

ข. ในสภาพของแข็งไม่นาไฟฟา้

ค. ตีเปน็ แผ่นหรอื ยืดเปน็ เส้นได้

ง. มจี ุดเดือดและจดุ หลอมเหลวสงู

3. ข้อใดกลา่ วไม่ถกู ตอ้ งเกี่ยวกับสมบตั ิของสารประกอบไอออนิก

ก. นาไฟฟ้าไดท้ กุ สถานะ

ข. เกดิ จากการรวมตัวของไอออนบวกกบั ไอออนลบ

ค. จัดเรียงตัวเปน็ ผลกึ

ง. มีผลรวมของประจสุ ุทธิเป็นศนู ย์

4. เกลอื ของสารประกอบไอออนกิ ชนดิ หนงึ่ ละลายนา้ ไดด้ ีมากขนึ้ ทอ่ี ุณหภูมสิ ูงข้นึ นนั้ แสดงว่า

1. กรบวนการละลายเปน็ คายพลังงาน

2. สารน้ันมีพลงั งานโครงร่างผลึกมากกวา่ พลังงานไฮเดรชัน

3. ความรอ้ นของสารละลายมีคา่ เปน็ บวก

4. สารน้นั มพี ลังงานไฮเดรชั้นมากกว่าพลงั งานโครงร่างผลกึ

ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี กล่าวถกู ตอ้ ง

ก. 1 และ 2 ข. 2 และ 3

ค. 1 และ 3 ง. 3 และ 4

268

5. เมอ่ื นาคอปเปอร์ I(I) ซัลเฟต4 กรมั มาละลายในน้า100 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร อุณหภูม2ิ 8 องศา
เซลเซยี ส ปรากฏวา่ วัดอุณหภมู ขิ องสารละลายไดเ้ ท่าก3ับ2 องศาเซลเซยี ส เขยี นการเปลี่ยนแปลไดง้
ดงั สมการดังตอ่ ไปน้ี

CuSO4 (s)  Cu2+(g) + SO42- (g) ------------- (ก)

Cu2+(g) + SO42- (g) H2O Cu2+(aq) + SO42- (aq) ------------- (ข)

ข้อใดต่อไปนส้ี รุปไดถ้ ูกต้อง
ก. ทัง้ ปฏกิ ิริยา (ก) และ (ข) เปน็ ปฏิกริ ิยาคายความรอ้ น
ข. ความรอ้ นทคี่ ายออกในปฏิกริ ิยา (ก) มีคา่ มากกวา่ ความรอ้ นทด่ี ดู เขา้ ไปใสปฏิกิริยา (ข)
ค. ความร้อนที่ดูดเขา้ ในปฏิกริ ิยา (ก) มคี า่ นอ้ ยกว่าความรอ้ นท่ีคายออกไปใสปฏกิ ริ ยิ า (ข)
ง. จากสมการข้างบนไม่สามารถนามาใช้อธิบายสาเหตุที่ทาใหอ้ ณุ หภูมขิ องน้าสูงขนึ้ กว่าเดิม

269

เฉลยบตั รกิจกรรมท่ี 10
เรอ่ื งการละลายน้าของสารประกอบไอออนกิ

บันทึกผลการทดลอง อุณหภูมขิ องน้า (oC) อณุ หภมู ขิ องสารละลาย(oC)
สาร มวลของสาร

1. CuSO4 1 31.0 35.0
2. NH4Cl 1 31.0 29.0
3. NaCl 1 31.0 30.5

คาถามหลงั การทดลอง
1) สารที่ละลายน้าแลว้ มีอุณหภมู ิสูงขึ้นคือ CuSO4
2) สารท่ลี ะลายนา้ แลว้ มอี ุณหภมู ลิ ดลงคือ NH4Cl
3) การละลายของสารที่เป็นการเปล่ียนแปลงประเภทคายพลังงานคCือuSO4 เพราะอุณหภมู ขิ องสาร

สงู ขนึ้
4) การละลายของสารท่ีเปน็ การเปลีย่ นแปลงประเภทดดู พลังงานคือNH4Cl เพราะอณุ หภมู ขิ องสาร

ลดลง
5) การละลายของสารแต่ละชนดิ ในนา้ มีการเปลีย่ นแปลงพลงั งานหรอื ไม่ อย่างไร มกี ารเปลี่ยนแปลง

พลังงาน
สรุปผลการทดลอง

1) สารทั้ง 3 ชนิดละลายนา้ ได้แตกตา่ งกนั ดังนี้
NH4Cl ละลายนา้ ไดอ้ ย่างรวดเรว็
NaCl ละลายนา้ ไดด้ ี
CuSO4 ทปี่ ราศจากนา้ ละลายน้าได้ช้า

2) การละลายน้าของ CuSO4 ท่ีปราศจากน้าเป็นการเปลี่ยนแปลงประเภทคายพลงั งาน
เพราะอณุ หภูมขิ องสารละลายสงู ข้นึ

3) การละลายของ NH4Cl ในน้าเปน็ การเปล่ียนแปลงประเภทดูดพลงั งาน เพราะ
อณุ หภูมิของสารละลายลดลง

4) การละลายของ NaCl ในนา้ เปน็ การเปลย่ี นแปลงพลงั งานนอ้ ยมาก เพราะอณุ หภูมิ
สารละลายเกอื บจะคงที่

270

เฉลยใบงานที่ 12
เรอ่ื งสมบตั ขิ องสารประกอบไอออนกิ

ตอนที่ 1 ใหน้ ักเรยี นทาเครื่องหมาย หน้าข้อความทถี่ กู ทาเครอ่ื งหมาย หนา้ ข้อท่ีผดิ
1. สารประกอบไอออนิกทุกชนดิ ละลายน้าได้

 2. การละลายแบบดดู พลงั งาน พลงั งานแลตทิซจะมากกวา่ พลงั งานไฮเดรชนั
 3. เมื่อละลายสารชนิดหน่งึ ในน้า ปรากฏวา่ สารละลายมีอุณหภมู ิสูงขนึ้ การละลายนี้เปน็

การละลายแบบคายพลังงาน
 4. สารประกอบไอออนิกมีความแขง็ แตเ่ ปราะ เม่อื ทบุ จะแตกได้งา่ ย

5. CaCO3ไม่ละลายนา้ เนอื่ งจากมีพลังงานไฮเดรชันสงู มาก
 6. สารประกอบไอออนิกนาไฟฟ้าได้เมื่ออยใู่ นสถานะสารละลาย

7. พลงั งานแลตทิซเทา่ กับพลังงานไฮเดรชนั แสดงว่าสารประกอบไอออนกิ ไม่ละลายน้า
8. ผลึกโซเดยี มคลอไรดส์ ามารถนาไฟฟ้าได้
 9. สารประกอบไอออนกิ มจี ดุ เดอื ดจดุ หลอมเหลวสูง มีแรงยึดเหนยี่ วระหว่างอนภุ าคสูง
10. สารประกอบไอออนิกชนิดหนึง่ ละลายน้าไดม้ ากขึ้นเมอื่ อณุ หภูมิสงู ขน้ึ แสดงวา่ ∆H

มคี า่ เป็นบวก

ตอนท่ี 2 ใหน้ ักเรยี นเขยี นสมการและพลงั งานในการละลาย ของ NaOH (s)
1. การละลาย NaOH (s) มี 2 ขนั้ ตอน คือ

ก. ขน้ั ท่ี 1 NaOH (s)  Na+ (g) + OH- (g)
ขน้ั ที่ 2 Na+ (g) + OH- (g) H2O Na+ (aq) + OH- (aq)

ข. พลงั งานในการละลาย NaOH = พลังงานแลตทิซ+ พลงั งานไฮเดรชนั
= (+662.4 kJ) + ( -816.8 kJ)
= -154.4 kJ

271

เฉลยแบบทดสอบ
เรอ่ื งสมบตั ิของสารประกอบไอออนิก

1. ง
2. ค
3. ก
4. ค
5. ง

ตรวจคาตอบกบั เฉลย
ถกู ทั้งหมดก่ขี อ้ ค่ะ ปรบมอื

ให้คนเกง่ หนอ่ ยนะคะ

272

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 11

เรือ่ ง ปฏิกิริยาของสารประกอบไอออนกิ

กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4

รายวิชา ว31221 เคมี 1 ภาคเรียนที่ 2

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 พันธะเคมี เวลา 2 ช่ัวโมง

ชวั่ โมงท่ี 1 สอนวันองั คารที่ 16 ธ.ค. 57 ชว่ั โมงท่ี 2 สอนวนั พฤหสั บดีท่ี 18 ธ.ค. 57

1. สาระสาคัญ

ปฏิกริ ิยาการเกดิ สารประกอบไอออนกิ เกิดจากไอออนของสารเข้าทาปฏิกริ ยิ ากนั สมการที่

แสดงไอออนของสารประกอบไอออนกิ ทเ่ี ขา้ ทาปฏิกิริยากันครบทุกชนิด เรยี กว่า สมการไอออนกิ

สว่ นการเขียนสมการไอออนิกสทุ ธิแสดงเฉพาะไอออนทเ่ี ข้าทาปฏิกิริยาแลว้ เกดิ เป็นสารประกอบไอออนกิ

ทไี่ ม่ละลายน้า

2. มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 3 สารและสมบตั ิของสาร
มาตรฐานว 3.1 เข้าใจสมบัตขิ องสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ขิ องสารกับโครงสร้างและ

แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอนภุ าค มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละจติ วิทยาศาสตร์ ส่อื สารส่ิงที่
เรยี นรแู้ ละนาความรู้ไปใช้ประโยชน์

ตัวชีว้ ดั
ว 3.1ม.4-6/4 วเิ คราะห์และอธบิ ายการเกิดพนั ธะเคมีในโครงผลึกและในโมเลกลุ ของสาร

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 จดุ ประสงค์ดา้ นความรู้ (K)
อธิบายถงึ สมการไอออนกิ และเขยี นสมการไอออนิกสทุ ธไิ ด้
3.2 จุดประสงค์ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
3.2.1 สามารถสื่อความหมายและสามารถเขียนสมการไอออนิกและสมการไอออนกิ สทุ ธไิ ด้
3.2.2 ทาการทดลองเพื่อศึกษาการเกิดปฏกิ ิรยิ าของสารประกอบไอออนิกได้
3.3 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
3.3.1 ซือ่ สัตย์สุจริต

3.3.2 มีวนิ ยั

3.3.3 ใฝเ่ รยี นรู้

3.3.4 มุ่งมน่ั ในการทางาน

273

4. สาระการเรียนรู้
ปฏกิ ิริยาของสารประกอบไอออนกิ ส่วนใหญอ่ ยู่ในสภาวะทีเ่ ป็นสารละลาย ซ่งึ แตกตัวให้

ไอออนบวกและไอออนลบ เมอ่ื นาสารละลายของสารประกอบไอออนิกต่างชนิดกันมาผสมกัน
ถ้าเกดิ สารใหม่ที่มสี มบัติตา่ งไปจากสารเดมิ แสดงว่ามีปฏิกริ ยิ าเกดิ ขน้ึ
สมการไอออนิก เปน็ สมการที่แสดงไอออนอสิ ระของสารประกอบในสารละลายให้ครบทกุ ชนดิ
มีหลกั การเขยี นสมการ ดงั น้ี

1. หาไอออนในสารละลายทน่ี ามาผสมกนั เพอื่ ใชเ้ ป็นสูตรของสารใหมท่ ่ีเกดิ จากการรวมตวั
ระหวา่ งไอออนบวกกับไอออนลบ

2. ตอ้ งทราบว่าไอออนบวกและไอออนลบค่ใู ดรวมกนั แลว้ ไดส้ ารประกอบทไ่ี มล่ ะลายน้า
ซงึ่ จะทาให้ไอออนในน้ากลายเปน็ ไอออนในผลกึ หรอื ตะกอน

3. นาไอออนคู่ทท่ี าปฏกิ ิริยากันไดส้ ารที่ไม่ละลายน้า มาเขยี นสมการไอออนกิ สุทธิและ
ดลุ สมการการละลายของสารประกอบไอออนิก

สารท่ลี ะลายนา้ ได้
1. สารประกอบของหมู่ IA และ NH+4 ละลายนา้ ได้
2. สารประกอบ NO-4 ละลายนา้ ได้

สารทไ่ี มล่ ะลายน้า
1. สารประกอบ CO2-4 , SO2-4 , PO3-4 , HPO2-4 ของหมู่ IIAไม่ละลายนา้ ยกเวน้

MgSO4
ละลายนา้ ได้

2. สารประกอบ Cl-, Br - , I- ของ Ag+ , Hg+ , Pb2+ ไม่ละลายนา้
3. สารประกอบ S2- ของโลหะทรานซิชันไม่ละลายน้า
4. สารประกอบออกไซด์ (O2-) และไฮดรอกไซด์ (OH-) ของโลหะหมู่ IIIA และโลหะ
ทรานซชิ ันไม่ละลายน้า

5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
5.1 สรปุ เนอื้ หาเร่ืองปฏกิ ริ ิยาของสารประกอบไอออนิก
5.2 ทากิจกรรมที่ 11 เร่อื งปฏกิ ริ ิยาของสารประกอบไอออนิก
5.3 ทางานจากใบงานที่ 13 เรอ่ื งปฏกิ ิริยาของสารประกอบไอออนิก

6. การประเมนิ ผล

274

6.1 ความรู้

ภาระ/ช้นิ งาน วิธีการวดั เครอื่ งมอื เกณฑท์ ใี่ ช้ ระดับ เกณฑ์
คุณภาพ การผ่าน
- เข้าใจเนอื้ หา ประเมนิ ดมี าก ถูกต้งั แต่ 3 ข้อ
เรือ่ งปฏิกริ ิยาของ ขน้ึ ไปหรือรอ้ ย
สารประกอบ ตรวจแบบ แบบทดสอบ ตอบถูก 4-5 ขอ้ ดี ละ 70 ขนึ้ ไป
ไอออนกิ พอใช้
ทดสอบ ตอบถูก 2-3 ขอ้

จานวน 5 ข้อ ตอบถกู 0-1 ข้อ

6.2 ทกั ษะ/กระบวนการ/ทักษะการคดิ

ภาระ/ชิ้นงาน วธิ กี ารวดั เครื่องมือ เกณฑท์ ใ่ี ช้ ผ้ปู ระเมิน
ประเมิน
1. ทางานจากใบ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมิน ผ่านระดับดขี น้ึ ไป นกั เรียน
กิจกรรมที่ 11 ครู
การทดลองและเน้ือหา การปฏิบัติงาน การปฏิบัติงาน
เกย่ี วกับปฏกิ ริ ิยาของ
สารประกอบไอออนิก และการทา กลุ่ม
2. ทางานจากใบงานที่
13 เรอื่ งปฏิกิริยาของ กจิ กรรมทดลอง
สารประกอบไอออนกิ
ของกลมุ่

- การตรวจผลงาน - แบบตรวจ ผ่านระดบั ดขี ้ึนไป เพ่ือน
ครู
ผลงาน

6.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

ภาระ/ช้ินงาน วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมือ เกณฑท์ ี่ใช้ ผู้ประเมิน
ประเมิน ครู
- ซ่ือสตั ย์สจุ รติ - สังเกตพฤติกรรมความ - แบบประเมนิ ผ่านระดับดขี ้นึ
- มีวินัย ซอ่ื สตั ย์ มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ ไป
- ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทางาน อันพงึ ประสงค์
- มุง่ มนั่ ในการทางาน

275

7. กิจกรรมการเรียนรู้

กิจกรรม สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้

ชวั่ โมงที่ 1

ขั้นสร้างความสนใจ (Engage) สอ่ื การเรยี นรู้

1. นักเรียนและครูร่วมกันสนทนาเพ่ือทบทวนความรเู้ ดมิ 1. แบบทดสอบเรอ่ื งปฏิกริ ยิ า

เกีย่ วกับการละลายน้าของสารประกอบไอออนกิ และตอบคาถาม ของสารประกอบไอออนกิ

จากประเดน็ คาถามดงั ตอ่ ไปน้ี “สารประกอบไอออนิกมขี ้ันตอน 2. ใบความรูท้ ่ี 13 เร่ืองปฏกิ ริ ิยา
การละลายนา้ อย่างไร” (สารประกอบไอออนกิ ดูดพลงั งานเพ่ือทา
ใหไ้ อออนหลดุ ออกจากโครงผลึก และไอออนที่หลุดออกมาถกู ของสารประกอบไอออนิก

ลอ้ มรอบด้วยโมเลกลุ ของนา้ จะคายพลงั งานออกมา) 3. บัตรกิจกรรมท่ี 11 เรือ่ ง

การสารวจและคน้ หา (Explore) ปฏิกริ ิยาของสารประกอบ

2. แบง่ นักเรยี นออกเปน็ กลุ่ม ๆ ละ 6 – 7 คน โดยคละ ไอออนิก

เพศ คละผลการเรยี นเก่ง ปานกลาง อ่อน แลว้ เลือกประธานกลมุ่ 4. หนงั สือเรยี น รายวิชาเพม่ิ เตมิ

กรรมการ และเลขานกุ ารกลุ่มหรือเปน็ กลมุ่ เดมิ ท่ีแบง่ กล่มุ จาก เคมี เล่ม 1 ของสสวท. หนา้

ชั่วโมงเรียนท่ผี ่านมา 121 - 122

3. ตัวแทนนกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมารับบตั รกิจกรรมที่ 11 5. อปุ กรณ์ทากจิ กรรมการ

เรื่องปฏิกริ ิยาของสารประกอบไอออนิก แลว้ ครนู าอภปิ รายและ ทดลองเรอ่ื งปฏกิ ริ ิยาของ

ชี้แนะก่อนการทากจิ กรรมการทดลอง ดังน้ี สารประกอบไอออนิก

- ควรล้างกระบอกฉีดยากอ่ นทาการทดลองทุกครัง้ 6. ใบงานท่ี 13 เร่อื งปฏิกริ ยิ า

4. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกันทากจิ กรรมการทดลองเพ่อื ของสารประกอบไอออนิก

ศกึ ษาเกีย่ วกบั ปฏกิ ิรยิ าของสารประกอบไอออนกิ และตอบคาถาม

จากประเดน็ คาถาม ดงั ตอ่ ไปน้ี แหล่งเรยี นรู้

- นกั เรยี นทราบไดอ้ ยา่ งไรว่ามีปฏกิ ิรยิ าเคมเี กดิ ข้ึน (เมื่อ 1. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น

สารทาปฏกิ ริ ิยากันแลว้ ไดส้ ารใหมท่ ่มี ีสมบตั ิแตกตา่ งไปจากเดิม) 2. หอ้ งอินเตอร์เน็ตโรงเรยี น

- สารคูใ่ ดที่เกิดปฏิกิรยิ า และสารใหมม่ ลี กั ษณะอย่างไร 3. หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารกลุ่มสาระ

(Ca(OH)2 กบั Na2CO3 , Ca(OH)2 กบั Pb(NO3)2 , Na2SO4 กับ วิทยาศาสตร์

Pb(NO3)2 และ KI กบั Pb(NO3)2 ซึง่ สารใหม่ที่ได้มีลกั ษณะเปน็ 4. จากเว็บไซน์

ตะกอนสีขาวและสีเหลอื ง) www.google.com

- สารผลิตภัณฑ์ทไ่ี ดจ้ ากปฏกิ ริ ยิ าแต่ละคู่ คอื สารใด 5. หนังสือเตรียมสอบ

(CaCo3(s), Pb(OH)2(s), PbSO4(s), PbI2(s)) O-Net และ A-Net

กจิ กรรม 276
- จะแสดงปฏิกริ ยิ าเคมขี องสารแตล่ ะคูท่ ่ที าปฏิกิรยิ าเคมี สื่อและแหล่งเรยี นรู้

ไดอ้ ยา่ งไร (โดยการเขียนสมการไอออนิกและไอออนิกสุทธิ)

- นักเรียนจะสรุปผลการทดลองนอ้ี ย่างไร (ในสารละลาย
ผสมประกอบดว้ ยไอออนที่เปน็ องคป์ ระกอบของสารประกอบ
ไอออนิกทง้ั 2 ชนิด ซ่ึงประกอบดว้ ยไอออน 4 ชนิด ได้แก่
Na+ Cl- K+และ I- ไอออนเหลา่ น้ีจะไม่ทาปฏกิ ิรยิ าเคมตี อ่ กัน
ดงั นน้ั จงึ ไมเ่ ขยี นเป็นสมการเคม)ี

5. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ออกมารบั ใบความรู้ที่ 14 แจกให้
สมาชกิ ภายในกลุม่ ทุกคนร่วมกนั ศกึ ษาและสรปุ เนอื้ หาเก่ยี วกบั
ปฏกิ ริ ิยาของสารประกอบไอออนิก หลกั การเขียนสมการไอออนิก
หรอื ศกึ ษาเพิม่ เติมจากหนังสือเรยี น รายวิชาเพ่ิมเตมิ เคมี เล่ม 1
ของสสวท. หนา้ 121-122

การอธิบายและลงข้อสรุป (Explain)
6. ตัวแทนนักเรียนกลุม่ คี่ คือกลมุ่ ท่ี 1,3 และ 5 ออกมา

นาเสนอหนา้ ช้นั เรียน จากการศกึ ษาเนื้อหาและการทากิจกรรม
การทดลองเร่อื งปฏิกิริยาของสารประกอบไอออนกิ

7. นกั เรยี นทั้งชัน้ เรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายและสรุปผล
การทากิจกรรมการทดลอง จนไดข้ อ้ สรุปดังตอ่ ไปน้ี
1) เม่ือผสมสารละลายสองชนดิ เข้าดว้ ยกันแล้วไม่มี
ตะกอนเกดิ ขึ้น แสดงวา่ ไอออนในสารละลายไม่รวมตวั กัน จงึ ไม่
เกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี
2) เม่ือผสมสารละลายสองชนิดเขา้ ด้วยกนั แลว้ มีตะกอน
เกดิ ขึ้น แสดงวา่ ไอออนในสารละลายรวมตวั กันเกดิ เป็นสารใหมท่ ่ี
ไม่ละลายนา้ หรอื มีปฏิกริ ิยาเคมเี กิดข้ึน

ชวั่ โมงท่ี 2
การขยายความรู้ (Elaborate)
8. ใหน้ กั เรียนทกุ คนฝึกเขียนสมการไอออนิกและสมการไอ

ออนิกสุทธิจากสารตวั อยา่ งท่ีกาหนดใหบ้ นกระดานดา
9. ครูอธิบายให้ความรู้เพ่มิ เติมเกย่ี วกบั การการเขียน

กจิ กรรม 277
สื่อและแหลง่ เรยี นรู้

สมการไอออนกิ และสมการไอออนิกสทุ ธิ

10. นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและแสดงความคิดเหน็ จาก

ประเด็นคาถาม เพอ่ื เป็นการเชอ่ื มโยงความรูข้ องนกั เรียนใหม้ ี

ความเข้าใจในเน้อื หามากขนึ้ ดงั ตอ่ ไปนี้

- นักเรียนจะมีวธิ ีการตรวจสอบได้อยา่ งไรวา่

เกดิ ปฏกิ ิริยา ของสารประกอบไอออนิก(สามารถเขียนสมการไอ

ออนกิ และไอออนิกสุทธิได้)

- ถา้ นาสารละลาย AgNO3 มาทาปฏกิ ิริยากบั

สารละลาย NaCl จะเกิดตะกอนหรอื ไม่ และถา้ เกิดเป็นตะกอน

ของสารใด (เกดิ เป็นตะกอนของ AgCl(s))

11. นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายคาตอบที่ไดเ้ พอื่ ใหไ้ ด้

คาตอบและขอ้ สรปุ ที่ถกู ตอ้ ง

การประเมนิ ผล (Evaluate)

12. นักเรียนแตล่ ะคนรับใบงานท่ี 13 เร่ืองปฏกิ ิริยาของ

สารประกอบไอออนกิ

13. นกั เรยี นทางานจากใบงานที่ 13 เรื่องปฏกิ ริ ยิ าของ

สารประกอบไอออนกิ

โดยครสู งั เกตพฤตกิ รรมอยา่ งใกล้ชดิ

14. ครูตรวจใบงานที่ 13 เรอ่ื งปฏิกิรยิ าของสารประกอบ

ไอออนกิ

15. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน เร่ืองปฏกิ ิรยิ าของ

สารประกอบไอออนิก ซ่งึ เป็นข้อสอบปรนยั ชนิดเลือกตอบ 4

ตัวเลอื ก จานวน 5 ข้อ

16. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ เขียนสรปุ เนื้อหาและความรทู้ ่ีเปน็

แผนผังมโนทัศน์เก่ียวกับปฏิกริ ยิ าของสารประกอบไอออนิก ลงใน

กระดาษท่คี รูแจกได้ถกู ต้องแล้วสง่ ครู

278

8. กิจกรรมเสนอแนะ
ในการสังเกตการเปล่ยี นแปลงการทดลองใหน้ กั เรียนนากระดาษสขี าววางไว้ขา้ งลา่ งหลอด

ทดลองเพอ่ื จะได้มองเหน็ การเปลย่ี นแปลงไดช้ ัดเจน

9. บนั ทึกผลหลังสอน

9.1 ผลการสอน

1) นักเรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจ

ผลการตรวจผลงาน การเขยี นสรปุ ความร้เู ร่ืองปฏิกิรยิ าของสารประกอบไอออนกิ

นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับดขี ้นึ ไป คดิ เปน็ ร้อยละ 82.31 ของนักเรียนท้งั หมด

2) นกั เรียนมคี วามสามารถดา้ นทกั ษะกระบวนการ

ผลการตรวจบตั รกจิ กรรมที่ 11 นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดับดขี ึ้นไป

คดิ เป็นรอ้ ยละ 83.69 ของนกั เรียนทงั้ หมด

ผลการตรวจใบงานที่ 13 นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับดีขึ้นไป

คิดเปน็ รอ้ ยละ 86.40 ของนกั เรียนทง้ั หมด

3) นกั เรียนมีคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมิน คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนักเรยี นทงั้ หมด

9.2 ปญั หา/อุปสรรค
นกั เรยี นใชเ้ วลาทากจิ กรรมกลุม่ เกินเวลาทก่ี าหนด

9.3 แนวทางปรบั ปรงุ การเรยี นการสอนครง้ั ต่อไป
ควรกระตนุ้ เตอื นและดูแลนกั เรยี นอยา่ งใกลช้ ิดขณะทากจิ กรรมกลมุ่

ลงชื่อ........................................................ นางคณุ ากร คาสขุ )
( ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ

279

10. ความคิดเห็นของหัวหนา้ กลุ่มบริหารวชิ าการ
เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ครบองค์ประกอบ กจิ กรรมการเรยี นรเู้ น้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ

สอ่ื การเรียนการสอน และการวดั ผลประเมินผลสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้ เหน็ ควรอนุญาต
ให้ใช้จัดการเรยี นการสอนได้

ลงช่อื ……………………………………………………
(นางพรพิรุณ แจ้งใจ)

หวั หนา้ กล่มุ บรหิ ารวชิ าการ

11. ความคดิ เหน็ ของผูอ้ านวยการโรงเรยี น
อนุญาตให้ใชจ้ ัดการเรยี นการสอนได้

ลงช่ือ……………………………………………………
(นางลดั ดา ผาพนั ธ์)

ผู้อานวยการโรงเรียนโคกโพธิไ์ ชยศกึ ษา
วันที่ ....... เดือน...........................พ.ศ...........

280

บตั รกจิ กรรมท่ี 11
เร่ืองปฏิกิรยิ าของสารประกอบไอออนกิ

จดุ ประสงค์
1. ทาการทดลองเพ่ือศกึ ษาการปฏกิ ิริยาของสารประกอบไอออนิกได้
2. สามารถเขยี นสมการไอออนิกแสดงปฏิกิรยิ าทีเ่ กิดขน้ึ ได้ถูกต้อง

สารเคมแี ละอุปกรณ์ 3 cm3
6) สารละลายแคลเซยี มไฮดรอกไซด์ 3 cm3
7) สารละลายโซเดยี มซลั เฟต 3 cm3
8) สารละลายโพแทสเซียมไอโอไดด์ 1 cm3
9) สารละลายโซเดยี มคาร์บอเนต 1 cm3
10) สารละลายแอมโมเนยี มคลอไรด์ 1 cm3
11) สารละลายเลด(II) ไนเตรต
12) หลอดทดลองขนาดเลก็ 3 หลอด 6 ใบ
13) กระบอกตวงขนาด 10 cm3

วิธที ดลอง

4) เลือกสารละลายตอ่ ไปน้ี Ca(OH)2, Na2SO4 หรือ KI มา 1 ชนดิ ใสล่ งในหลอดทดลอง
ขนาดเล็ก 3 หลอด ๆ ละ 1 cm3

5) เตมิ สารละลาย Na2CO3 NH4Cl และ Pb(NO3)2 อย่างละ 1 cm3 ลงในหลอดท่ี 1, 2
และ 3 หลอดละชนิดตามลาดบั สังเกตการเปล่ียนแปลงและบันทึกผลการทดลอง

บนั ทกึ ผลการทดลอง

สาร การเปลีย่ นแปลงเมื่อเตมิ สารละลาย

Na2CO3 NH4Cl Pb(NO3)2

Ca(OH)2 ……………………… ………………………… ………………………………
Na2SO4 ……………………… ………………………… ………………………………
……………………… ………………………… ………………………………
KI

281

คาถามหลังการทดลอง
1) สารละลายCa(OH)2แตกตัวใหไ้ อออนชนิดใด

………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
2) สารละลาย Na2CO3แตกตัวให้ไอออนชนดิ ใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
3) สารละลายทผ่ี สมกันคใู่ ดท่เี กิดปฏิกิรยิ าเคมี ทราบได้อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
4) เขยี นสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาท่เี กิดขึ้น ไดอ้ ยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………

สรุปผลการทดลอง
………………………………………..………………………………………………………………………………………………

………………………………………..……………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ช่อื กลุ่ม...................................................................................................
สมาชกิ ในกลมุ่

15) ชอื่ …………………………………………………………………………. เลขที.่ ......................................
16) ช่อื …………………………………………………………………………. เลขท่.ี ........................................
17) ชื่อ…………………………………………………………………………. เลขที่.........................................
18) ชื่อ…………………………………………………………………………. เลขที่.........................................
19) ช่อื …………………………………………………………………………. เลขที.่ .......................................
20) ชอ่ื …………………………………………………………………………. เลขที.่ ........................................
21) ชอ่ื …………………………………………………………………………. เลขที่.........................................

282

ใบความรู้ที่ 13
เรื่องปฏกิ ริ ิยาของสารประกอบไอออนิก

ปฏิกริ ยิ าของสารประกอบไอออนิก

สารประกอบไอออนิกมีสถานะเปน็ ของแข็ง อนภุ าคไม่เคลอ่ื นท่ี ทาปฏกิ ิริยายาก ดงั นน้ั
การทาปฏกิ ริ ยิ าของสารประกอบไอออนิกสว่ นใหญ่อยใู่ นสภาวะท่ีเป็นสารละลาย ซ่ึงแตกตัวให้
ไอออนบวกและไอออนลบ เมอื่ นาสารละลายของสารประกอบไอออนกิ ต่างชนดิ กนั มาผสมกนั ถ้า
เกิดสารใหม่ที่มสี มบตั ติ า่ งไปจากสารเดิม แสดงว่ามปี ฏกิ ริ ยิ าเกดิ ขนึ้

สมการไอออนกิ

สมการไอออนกิ (Ionic Equation) เปน็ สมการท่ีแสดงไอออนอสิ ระของสารประกอบใน

สารละลายให้ครบทกุ ชนิด เชน่ นาสารละลาย Ca(OH)2 ผสมกบั สารละลาย Na2CO3 แสดง
สมการ ไอออนกิ ไดด้ งั น้ี

Ca2+ (aq)+ 2OH- (aq) + 2 Na2+(aq) +CO2-3 (aq) CaCO3(s) + 2OH- (aq) +2 Na2+(aq)

ส่วนสมการทแ่ี สดงเฉพาะไอออนทม่ี สี ่วนในการเกิดปฏกิ ิริยากนั แลว้ เกดิ เปน็ สารผลติ ภัณฑ์
เรยี กว่าสมการไอออนิกสุทธิ เช่น

Ca2+ (aq) + 2 CO2-3 (aq) CaCO3 (s)

ตัวอย่างท่ี 1 ผสมสารละลาย AgNO3 กับสารละลาย CaBr2 จงเขยี นสมการแสดงปฏกิ ิรยิ าทเี่ กดิ ขนึ้
ขั้นท่ี 1 เขียนสมการแสดงการแตกตัวของสาร เพ่อื ใช้เขยี นสูตรของสารใหม่

AgNO3(aq) Ag+(aq) + NO-3(aq)
CaBr2 Ca2+(aq) + Br-(aq)

ข้ันท่ี 2 เขียนสมการโมเลกุลโดยเขยี นสูตรของสารต้ังต้นและสารผลติ ภณั ฑ์

AgNO3(aq) + CaBr2(aq) AgBr(aq) + Ca(NO3)2(aq)

ขัน้ ที่ 3 เขียนสมการไอออนิก AgBr(s) + NO-3(aq) + Ca2+(aq)
Ag+(aq) + NO-3(aq) + Ca2+(aq) + Br-(aq)

283

ขนั้ ที่ 4 เขยี นสมการไอออนิกสุทธิ โดยเขียนเฉพาะไอออนที่เกิดปฏกิ ริ ยิ า

Ag+(aq) + Br-(aq) AgBr(s)

หลกั การเขยี นสมการไอออนิกและสมการไอออนิกสทุ ธิ
1. หาไอออนในสารละลายทนี่ ามาผสมกนั เพ่อื ใช้เปน็ สตู รของสารใหมท่ เี่ กดิ จากการรวมตวั

ระหวา่ งไอออนบวกกบั ไอออนลบ
2. ตอ้ งทราบว่าไอออนบวกและไอออนลบคู่ใดรวมกนั แลว้ ไดส้ ารประกอบทไ่ี ม่ละลายนา้ ซง่ึ จะ

ทาให้ไอออนในนา้ กลายเป็นไอออนในผลึกหรอื ตะกอน
3. นาไอออนคูท่ ่ที าปฏิกิริยากันไดส้ ารทไี่ ม่ละลายน้า มาเขยี นสมการไอออนกิ สทุ ธแิ ละดลุ สมการ

ข้อมลู เก่ียวกับการละลายน้าของสารประกอบไอออนกิ
1. สารทีล่ ะลายนา้ ได้

1.1 สารประกอบของหมู่ IA(Li+ , Na+ , K+ , Rb+ , Cs+ ) และ NH+4 ละลายน้าได้ เช่น
LiNO3 Na2CO3 KOH K3PO4 Cs2SO4 NH4Cl

1.2 สารประกอบ NO-3 ละลายน้าได้ เช่น Pb(NO3)2 Mg(NO3)2
2. สารที่ไม่ละลายนา้

2.1 สารประกอบ CO2-3 , SO2-3 , PO3-4 , HPO2-4 ของหมู่ IIA Mg2+ , Ca2+, Sr2+, Ba2+
ไมล่ ะลายน้า เชน่ MgCO3 , CaSO4 , SrHPO4 , Ca3(PO4)2 ยกเวน้ MgSO4 ละลาย
น้าได้

2.2 สารประกอบ Cl- , Br- , I- ของ Ag+ , Hg+ , Pb2+ ไมล่ ะลายนา้ เชน่ PbI2 ,
PbCl2AgBrHgCl

2.3 สารประกอบ S2-ของโลหะทรานซชิ ันไม่ละลายน้า เช่น ZnSFeSCuS
2.4 สารประกอบออกไซด์ (O2-) และไฮดรอกไซด์ (OH-) ของโลหะหมู่ IIIA และโลหะ

ทรานซชิ ันไม่ละลายน้า เช่น Al(OH)3 , Al2O3 , Fe2O3 , MnO2

284

ใบงานท่ี 13
เรอื่ งปฏิกิรยิ าของสารประกอบไอออนิก

1.จงเขยี นสมการไอออนิกและสมการไอออนกิ สทุ ธจิ ากสารทีก่ าหนดให้
1.1 KBr กบั AgNO3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
1.2 Na2SO4 กับ BaCl2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
1.3 CaCl2 กับ Na2CO3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………

285

1.4 CuSO4 กับ (NH4)2S
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ใหน้ ักเรยี นวิเคราะห์วา่ จะใช้สารละลายชนดิ ใดผสมกัน จงึ จะไดต้ ะกอนตอ่ ไปน้ี

2.1 Ag3PO4
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.2 PbBr2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.3 MgCO3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.4 Fe(OH)3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………

286

แบบทดสอบ
เรอ่ื งปฏกิ ริ ยิ าของสารประกอบไอออนกิ

คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นทาเครื่องหมาย (  ) ทับอักษร ก ข ค ง ขอ้ ใดข้อหน่ึงที่เหน็ วา่ ถูกต้องที่สุด
เพียงข้อเดยี ว ลงในกระดาษคาตอบ

1. ธาตทุ ่เี กิดพันธะไอออนิกกบั ออกซเิ จนได้ดีท่สี ุดคอื ขอ้ ใด

ก. กามะถนั ข. คลอรีน

ค. ดีบุก ง. โซเดยี ม

2. ปฏิกิริยาระหวา่ งสารละลายคู่ต่างๆ ในข้อใดต่อไปนีไ้ ม่ใหต้ ะกอน

ก. NaNO3 + KCl ข. AgNO3 + ( NH4)3PO4

ค. Pb(NO3)2 + Na2SO4 ง. CaCl2 + Na2CO3

3. กาหนดให้

1. NaNO3 + KCl 2. NH4Cl + Ca(OH)2 3. K2SO4 + BaCl2

4. AgNO3 + KCl 5. Na2SO4 + Pb(NO3)2 6. Na2CO3 + CaCl2

การผสมสารละลายของสารประกอบไอออนกิ คใู่ ด ทาใหเ้ กิดตะกอนได้

ก. 1 3 4 5 ข. 3 4 5 6

ค. 2 3 4 5 ง. 1 4 5 6

4. เม่ือละลาย KCl ในน้าเกดิ ปฏิกิริยาเป็นข้นั ๆ และมกี ารเปล่ยี นแปลงพลังงาน ดังนี้

1) KCl(s) -----> K+(g) + Cl-(aq) H1 = 701.2 kJ/mol

2) K+(g) + Cl-(g) -------> K+(aq) + Cl-(aq) H2 = 684.1 kJ/mol

ปฏิกริ ยิ านเี้ ปน็ แบบใด

ก. คายพลังงานเทา่ กบั 1385.3 kJ/mol ข. คายพลังงานเท่ากับ 17.1 kJ/mol

ค. ดูดพลังงานเท่ากบั 17.1 kJ/mol ง. ดูดพลงั งานเท่ากับ 1385.3 kJ/mol

5. เม่อื ผสมสารละลายแคลเซยี มคลอไรด์และโพแทสเซียมฟอสเฟตเข้าด้วยกัน ปรากฏว่ามีตะกอน

เกิดขึน้ ข้อใดต่อไปน้เี ป็นสมการไอออนกิ แสดงถงึ การเปลีย่ นแปลงที่เกิดข้ึน

ก. 3CaCl2 (aq) + 2K3PO4 (aq) -----> CO3(PO4)2 (s) + 6KCl (aq)
ข. 3Ca2+ (aq) + 2PO43- (aq) -----> Ca3(PO4)2 (s)
ค. Ca2+ (aq) + PO42- (aq) -----> CaPO (s)
ง. K+ (aq) + Cl- (aq) -----> KCl (s)

287

เฉลยบัตรกจิ กรรมท่ี 11
เร่ืองปฏิกริ ิยาของสารประกอบไอออนิก

บันทึกผลการทดลอง การเปลี่ยนแปลงเมอ่ื เตมิ สารละลาย
NH4Cl Pb(NO3)2
สาร
Na2CO3

Ca(OH)2 เกดิ ตะกอนสขี าว ไมเ่ กิดตะกอน เกดิ ตะกอนสีขาว
Na2SO4 ไมเ่ กิดตะกอน ไมเ่ กิดตะกอน เกิดตะกอนสขี าว
ไมเ่ กิดตะกอน ไมเ่ กิดตะกอน เกิดตะกอนสีเหลือง
KI

/คาถามหลงั การทดลอง
1) สารละลายCa(OH)2แตกตัวใหไ้ อออนชนดิ ใด

Ca(OH)2(aq) ——> Ca2+(aq) + 2OH-(aq)
2) สารละลาย Na2CO3แตกตวั ใหไ้ อออนชนิดใด

NaCO3(s) ——> Na+(aq) + CO32-(aq)
3) สารละลายทผี่ สมกันค่ใู ดทเ่ี กิดปฏกิ ิรยิ าเคมี ทราบไดอ้ ย่างไร

Ca(OH)2 กบั Na2CO3
Ca(OH)2 กบั Pb(NO3)2
Na2SO4กับ Na2CO3
KI กบั Pb(NO3)2
เมอ่ื ผสมสารละลายสองชนเิ ขา้ ดว้ ยกันแล้วมตี ะกอนเกดิ ขนึ้ แสดงวา่ ไอออนในสารละลาย
รวมตวั กันเกิดเปน็ สารใหมท่ ี่ไม่ละลายนา้ หรือมีปฏิกริ ยิ าเคมีเกดิ ขน้ึ

288

4) เขียนสมการแสดงปฏิกริ ยิ าทเ่ี กิดขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร
หมายเหตุ การตรวจใหค้ ะแนนการปฏบิ ตั ิการทดลองอยู่ในดุลพนิ จิ ของครูผ้สู อน

สรปุ ผลการทดลอง
ในสารละลายผสมประกอบดว้ ยไอออนทเ่ี ปน็ องคป์ ระกอบของสารประกอบไอออนกิ ทง้ั

2 ชนดิ ซึ่งประกอบด้วยไอออน 4 ชนิด ได้แก่ Na+ Cl- K+และ I- ไอออนเหล่านจ้ี ะไม่ทา
ปฏิกริ ิยาเคมตี ่อกัน ดงั นัน้ จงึ ไม่เขียนเปน็ สมการเคมี

289

เฉลยใบงานท่ี 13
เร่ืองปฏกิ ิริยาของสารประกอบไอออนิก

1. จงเขยี นสมการไอออนิกและสมการไอออนกิ สทุ ธจิ ากสารทกี่ าหนดให้

เขียนสมการไอออนิกและสมการไอออนกิ สุทธิ

1.1 KBr กบั AgNO3

สมการไอออนกิ AgBr(s) + K+(aq) + NO3-(aq)
K+(aq) + Br-(aq) + Ag+(aq) + NO3-(aq) AgBr(s)
สมการไอออนกิ สทุ ธิAg+(aq) + Br-(aq)

1.2 Na2SO4 กบั BaCl2 BaSO4(s) + 2Na+(aq)+ 2Cl- (aq)
BaSO4(s)
สมการไอออนกิ
2Na+(aq) + SO42-(aq) + Ba2+(aq)+ 2Cl-(aq)
สมการไอออนิกสทุ ธิBa2+(aq)+ SO42-(aq)

1.3CaCl2 กบั Na2CO3 CaCO3(s) + 2Cl-(aq) + Na+(aq)
สมการไอออนกิ CaCO3(s)
Ca2+(aq) + 2Cl-(aq) + 2Na+(aq) + CO32-(aq)
สมการไอออนกิ สทุ ธิ Ca2+ (aq)+CO32-(aq) CuS(s) + SO42-(aq)+2NH4+(aq)
CuS(s)
1.4 CuSO4 กับ (NH4)2S

สมการไอออนิก
CU2+(aq) + SO42-(aq) +2NH4+(aq) +S2-(aq)
สมการไอออนกิ สุทธิ CU2+(aq)+S2-(aq)

2. ใหน้ กั เรียนวิเคราะห์วา่ จะใชส้ ารละลายชนดิ ใดผสมกนั จึงจะไดต้ ะกอนต่อไปน้ี

2.1 Ag3PO4
Ag3PO4 เตรยี มได้จากการผสมสารทีม่ ีAg+และ PO43-เปน็ องคป์ ระกอบและเปน็ สารทีล่ ะลาย

ได้ในนา้ เชน่ AgNO3กับ Na3PO4 (หรือ K3PO4หรือ (NH4)3PO4
)

290

2.2 PbBr2
PbBr2เตรียมได้จากการผสมสารทีม่ ี Pb2+และ Br-เปน็ องค์ประกอบและเป็นสารท่ลี ะลายได้

ในน้า เช่นPb(NO3)2 กบั NaBr(หรอื KBrหรอื NH4Br หรือ MgBr2หรอื CaBr2หรือ BaBr2)

2.3 MgCO3
MgCO3เตรียมได้จากการผสมสารทม่ี ี Mg+และ CO32-เป็นองค์ประกอบและเปน็ สารท่ลี ะลาย

ไดใ้ นนา้ เช่นMgCl2(หรือ MgBr2หือ MgI2 ) กับ Na2CO3 (หรือ K2CO3)

2.4 Fe(OH)3
Fe(OH)3เตรยี มไดจ้ ากการผสมสารท่มี ี Fe2+และ OH-เป็นองคป์ ระกอบและเปน็ สารท่ลี ะลาย

ไดใ้ นนา้ เช่น FeCl2(หรือ FeBr2หรือ FeI2 ) กับ NaOH(หรือ KOH หรอื Ca(OH)2)

291

เฉลยแบบทดสอบ
เร่อื งปฏิกริ ยิ าของสารประกอบไอออนกิ

1. ง
2. ก
3. ข
4. ค
5. ข

ตรวจคาตอบกบั เฉลย
ถูกท้งั หมดกีข่ อ้ ค่ะ ปรบมอื

ใหค้ นเกง่ หน่อยนะคะ

292

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 12

เรอื่ ง พนั ธะโลหะ

กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4

รายวชิ า ว31221 เคมี 1 ภาคเรยี นที่ 2

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 พนั ธะเคมี เวลา 1 ชั่วโมง

สอนวันองั คารที่ 23 ธ.ค. 5

1. สาระสาคัญ

พันธะโลหะเปน็ พนั ธะที่เกดิ ในอะตอมของพวกโลหะ เกิดจากการทอี่ ะตอมของโลหะในผลึกใช้

เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกนั ท้งั กอ้ นโลหะน้ัน โลหะนาไฟฟ้าได้ดี มจี ุดเดือดจดุ หลอมเหลวสงู สามารถตี

แผเ่ ป็นแผน่ บางๆ ได้ และมีผิวมนั วาว

2. มาตรฐานการเรียนรู้
สาระท่ี 3 สารและสมบัตขิ องสาร
มาตรฐานว 3.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ขิ องสารกับโครงสร้างและ

แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนภุ าค มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจติ วิทยาศาสตร์ สอ่ื สารส่งิ ท่ี
เรียนรแู้ ละนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

ตวั ชี้วัด
ว 3.1ม.4-6/4 วเิ คราะหแ์ ละอธิบายการเกิดพันธะเคมีในโครงผลึกและในโมเลกุลของสาร

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงคด์ า้ นความรู้ (K)
3.1.1 อธิบายถึงการเกิดพันธะโลหะได้
3.1.2 อธิบายสมบัตขิ องโลหะได้ถูกต้อง
3.2 จดุ ประสงคด์ า้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
3.2.1 ทดลองเพอ่ื ศกึ ษาเกีย่ วกบั สมบตั ิของโลหะ
3.2.2 สามารถสอ่ื ความหมายและเขยี นการเกิดพันธะโลหะได้
3.3 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
3.3.1 ซอ่ื สัตย์สุจรติ

3.3.2 มีวินยั

3.3.3 ใฝเ่ รียนรู้

3.3.4 มุ่งมนั่ ในการทางาน

293

4. สาระการเรียนรู้
เกดิ กบั ธาตุท่ีมีสมบตั เิ ป็นโลหะซึ่งมคี ่าIE1 ต่า จึงเสียอิเล็กตรอนได้งา่ ยทาให้โลหะอยรู่ วมกัน

เปน็ ไอออนบวก มีเวเลนซอ์ เิ ล็กตรอนของทกุ อะตอมเคล่ือนทไ่ี ด้อย่างอิสระทกุ ทศิ ทาง ขณะท่ีเคล่ือนท่ี
จะสง่ แรงไปดงึ ดดู นวิ เคลียสไว้ เกดิ แรงยดึ เหนีย่ วที่แขง็ แรงระหวา่ งไอออนบวกของโลหะกบั กลุ่มเวเลนซ์
อเิ ล็กตรอน ซ่งึ ทาให้โลหะมีสมบัตินาไฟฟ้าได้ทุกทิศทางมจี ุดหลอมเหลวและจุดเดือดสงู ผิวเป็นมนั วาว
และสามารถยดื เปน็ เส้นหรือทบุ เป็นแผ่นบาง ๆ ได้

5. ช้ินงาน/ภาระงาน
5.1 สรปุ เน้อื หาเรือ่ งพนั ธะโลหะ
5.3 ทากจิ กรรมที่ 13 เรื่องสมบตั ขิ องโลหะ
5.4 ทางานจากใบงานท่ี 14 เร่ืองพนั ธะโลหะ

6. การประเมินผล เครอ่ื งมือ เกณฑท์ ่ีใช้ ระดบั เกณฑ์
6.1 ความรู้ ประเมนิ คุณภาพ การผา่ น
ดีมาก ถูกตง้ั แต่ 3 ขอ้
ภาระ/ช้นิ งาน วิธีการวัด แบบทดสอบ ตอบถูก 4-5 ขอ้ ข้ึนไปหรือรอ้ ย
ตอบถกู 2-3 ขอ้ ดี ละ 70 ข้ึนไป
- เข้าใจเกี่ยวกบั ทาแบบทดสอบ ตอบถูก 0-1 ขอ้ พอใช้
การเกดิ พันธะ
โลหะและ
สมบตั ขิ องโลหะ

6.2 ทักษะ/กระบวนการ/ทักษะการคดิ

ภาระ/ชิน้ งาน วิธีการวัด เคร่ืองมอื เกณฑ์ท่ใี ช้ ผปู้ ระเมิน
ประเมนิ
1. สรุปเนอ้ื หาเป็น -สังเกตพฤติกรรม -แบบประเมิน ผ่านระดับดขี น้ึ ไป นกั เรียน
แผนผงั มโนทัศน์ การปฏิบัติงานกลมุ่ การปฏบิ ัตงิ าน ครู
เกยี่ วกบั พันธะโลหะ กลมุ่ ผ่านระดบั ดขี ้ึนไป
2. ทากจิ กรรมท่ี 12 -การตรวจผลงาน -แบบตรวจผลงาน ครู
เรือ่ งสมบัติของโลหะ ผา่ นระดบั ดขี นึ้ ไป
3. ทางานจากใบงาน -การตรวจผลงาน -แบบตรวจผลงาน เพ่ือน
ท่ี 14 ครู

294

6.3 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

ภาระ/ชน้ิ งาน วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์ทใ่ี ช้ ผู้ประเมิน
ประเมิน ครู
-ซ่อื สัตย์สุจริต -สังเกตพฤติกรรมความ -แบบประเมนิ ผ่านระดับดีขึน้
- มวี นิ ัย ซื่อสัตย์ มวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ คณุ ลกั ษณะ ไป
-ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมัน่ ในการทางาน อันพงึ ประสงค์
-มุ่งมน่ั ในการทางาน

7. กจิ กรรมการเรียนรู้

กจิ กรรม ส่ือและแหลง่ เรยี นรู้

ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engage)

1. นักเรียนและครูร่วมกันสนทนาเพื่อทบทวนความรู้ สือ่ การเรียนรู้

เกยี่ วกบั แรงยดึ เหนยี่ วระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์อีกคร้ัง เพือ่ 1. แบบทดสอบเร่ืองพันธะโลหะ

นาเข้าสู่เนอื้ หาในบทเรียนต่อไป 2. ใบความรทู้ ่ี 14 เร่ืองพนั ธะ

2. นักเรยี นระดมความคิด เพอ่ื เขยี นแผนผงั ความคิดสรุป โลหะ

สมบตั ขิ องสาร 3. หนังสือเรียนรายวิชาเพ่มิ เตมิ

3. นักเรยี นรว่ มกนั ตอบคาถามเก่ยี วกบั สมบตั ขิ องสาร เคมี เลม่ 1 ของสสวท. หนา้

ต่อไปน้ี 123-126

- โลหะและอโลหะมสี มบัติเหมอื นกนั หรอื ไมอ่ ย่างไร 4. บัตรกิจกรรมที่ 12 เรือ่ ง

(ต่างกนั เชน่ โลหะนาไฟฟ้า เปน็ มันวาวและมจี ดุ เดอื ดสูง ส่วน สมบตั ขิ องโลหะ

อโลหะไมน่ าไฟฟ้า ไมเ่ ป็นมนั วาวและมีจดุ เดือดตา่ ) 5. ใบงานที่ 14 เรือ่ งพนั ธะโลหะ

- โลหะสว่ นใหญ่มสี มบตั เิ หมอื นกนั หรอื ไมอ่ ยา่ งไร แหลง่ เรียนรู้

(เหมอื นกัน) 1. ห้องสมุดโรงเรยี น

4. นกั เรียนและครูร่วมกนั อภิปรายคาตอบ เพอ่ื ให้ได้ 2. หอ้ งอนิ เตอรเ์ นต็ โรงเรียน

คาตอบทีถูกต้อง 3. หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารกลุ่มสาระ

การสารวจและค้นหา (Explore) วิทยาศาสตร์

5. แบ่งนักเรียนออกเป็นกลมุ่ ๆ ละ 6 – 7 คน โดยคละ 4. จากเว็บไซน์

เพศ คละผลการเรียนเก่ง ปานกลาง ออ่ น แล้วเลอื กประธานกล่มุ www.google.com

กรรมการ และเลขานกุ ารกลุม่ หรือเป็นกลมุ่ เดิมทีแ่ บง่ กล่มุ จาก 5. หนงั สอื เตรียมสอบ

295

กิจกรรม สื่อและแหลง่ เรียนรู้

ช่ัวโมงเรยี นทผ่ี ่านมา O-Net และ A-Net

5. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันวิเคราะหข์ อ้ มูลในตาราง

2.17 สมบตั ิบางประการของสาร แลว้ นักเรียนและครูร่วมกัน

อภิปรายโดยใช้คาถาม ดังต่อไปนี้

- โลหะมีจดุ หลอมเหลวเป็นอย่างไรเม่ือเทียบกบั สารประกอบไอ

ออนิกและโควาเลนต์ (โลหะมจี ดุ หลอมเหลวสงู ทีส่ ดุ ตามดว้ ย

สารประกอบไอออนิกและสารประกอบโควาเลนต์)

- เหตใุ ดโลหะจงึ มจี ดุ หลอมเหลวสูง (เพราะอะตอมของ

โลหะยดึ เหน่ียวกนั แขง็ แรงมาก)

- แรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ งอะตอมของโลหะเป็นแรงชนิดใด

(แรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งไอออนบวกของโลหะกับกลุ่มเวเลนต์

อิเลก็ ตรอน)

6. ตวั แทนนกั เรยี นแต่ละกลุม่ ออกมารับใบความรู้ท่ี 15

นาไปแจกสมาชิกทกุ คนในกลุม่ เพ่ือศกึ ษาและสรปุ เนือ้ หา

เกีย่ วกบั การเกิดพนั ธะโลหะและสมบตั ิของโลหะหรอื ศกึ ษา

เพมิ่ เตมิ จากหนังสอื เรียนรายวิชาเพ่มิ เตมิ เคมี เลม่ 1 ของสสวท.

หนา้ 123-126

การอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explain)

7. ตัวแทนนกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมารับบัตรกิจกรรมที่ 13

เรอ่ื งสมบตั ิของโลหะ นาไปแจกสมาชิกทกุ คนในกลมุ่ และร่วม

การศกึ ษาและสรุปคาตอบทไ่ี ด้

8. ตัวแทนนกั เรียนกลมุ่ คู่ คอื กลุ่มท2่ี,4 และ 6 ออกมานาเสนอ

หนา้ ช้นั เรยี นเกยี่ วกบั การเกดิ พันธะโลหะและสมบัตขิ องโลหะ มีการ

แลกเปลี่ยนเรียนรแู้ ละแสดงความคดิ เห็นระหวา่ งเพอื่ นๆ ในกลมุ่

อื่น

9. นักเรียนทั้งชั้นเรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายและจนได้

ข้อสรปุ ดงั ต่อไปน้ี

- พันธะโลหะเกิดขึ้นจากอะตอมของธาตโุ ลหะ โดย

เวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนในอะตอมของโลหะเคลอื่ นที่อย่างอิสระทวั่ กอ้ น

โลหะและเกิดแรงยึดเหนยี่ วกับโปรตอนในนิวเคลยี ส

กิจกรรม 296
- โลหะมสี มบัติ คอื นาไฟฟ้าและนาความรอ้ นได้ดี มีจดุ ส่อื และแหลง่ เรียนรู้
หลอมเหลวและจดุ เดือดสงู ตแี ผ่เปน็ เส้นหรือเป็นแผ่นได้ มีผิวมนั
วาวสะทอ้ นแสงได้ดี จดุ หลอมเหลวสูง เชน่ เพชร แกรไฟต์ ส่ือและแหลง่ เรียนรู้
ซลิ คิ อนไดออกไซด์
การขยายความรู้ (Elaborate)
10. นกั เรียนรว่ มกันตอบคาถาม จากประเด็นคาถาม
ดงั ต่อไปนี้
- อะตอมของโลหะมีคา่ พลงั งานไอออไนเซชันเปน็ อย่างไร
(พลงั งานไอออไนเซชันต่า)
- พลงั งานไอออไนเซชันมผี ลอยา่ งไรตอ่ อะตอมของโลหะ
(ทาให้เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนหลุดออกจากอะตอมไดง้ า่ ย)
- เวเลนซ์อิเล็กตรอนในโลหะเคลอ่ื นท่ีเปน็ อย่างไร
(เคล่ือนที่เป็นอสิ ระท่วั ท้ังกอ้ นโลหะ)
- ทาไมโลหะจึงนาไฟฟ้าได้ (เพราะเวเลนซ์อิเลก็ ตรอน
เคล่อื นทไ่ี ดอ้ ยา่ งอิสระ)
- ทาไมโลหะจงึ มจี ุดหลอมเหลวสูง (เพราะเวเลนซ์
อเิ ล็กตรอนของอะตอมท้ังหมดยึดอะตอมไวอ้ ย่างเหนียวแน่น)
- ทาไมโลหะจงึ ดงึ เป็นเสน้ หรือตีเปน็ แผ่นได้ (เพราะเกิด
การผลักของอะตอมใหเ้ ล่ือนไถล โดยไมห่ ลดุ ออกจากกันเนอ่ื งจาก
เวเลนซ์อิเล็กตรอนยึดอะตอมไว้)
- ทาไมโลหะจงึ สะท้อนแสงได้ดีและเป็นมันวาว (เพราะ
เวเลนซ์อิเล็กตรอนกระทบกับคลื่นแสงแลว้ ปล่อยคลื่นแสงออกมา)
11. ครูอธบิ ายให้ความร้เู พ่มิ เติมเก่ยี วกบั การเกิดพันธะโลหะ
ด้วยสอื่ Power point
การประเมนิ ผล (Evaluate)
15. นกั เรียนแตล่ ะคนรบั ใบงานที่ 14 เรื่องพนั ธะโลหะ
16. นกั เรยี นทางานจากใบงานท่ี 14 เรอื่ งพันธะโลหะ
17. ครูตรวจใบงานที่ 14 เรอื่ งพันธะโลหะ
18. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียนเร่ืองแรงยดึ เหนีย่ ว
ระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ ซง่ึ เปน็ ขอ้ สอบปรนยั ชนิดเลือกตอบ 4

กิจกรรม

297

ตวั เลอื ก จานวน 5 ขอ้
19. นักเรยี นเขยี นสรุปเน้ือหาและความรู้ที่เป็นแผนผงั มโน

ทศั น์ ลงในกระดาษท่คี รแู จกไดถ้ กู ต้องแล้วส่งครู

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
-

9. บนั ทกึ ผลหลงั สอน

9.1 ผลการสอน

1) นักเรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ

ผลการตรวจผลงาน การเขียนสรปุ ความรเู้ รอื่ งพันธะเคมี ดว้ ยแผนผังมโนทศั น์

นกั เรียนผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ดีข้ึนไป คิดเปน็ ร้อยละ 83.21 ของนักเรียนทงั้ หมด

2) นกั เรยี นมีความสามารถดา้ นทักษะกระบวนการ

ผลการตรวจการเขียน สรุปเนื้อหาเปน็ แผนผังมโนทัศนเ์ กีย่ วกบั พนั ธะโลหะ นกั เรยี น

ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับดีขน้ึ ไป คิดเป็นรอ้ ยละ 83.87 ของนกั เรียนทงั้ หมด

ผลการตรวจ บตั รกิจกรรมท่ี 12 ใบงานที่ 14 นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ

ระดับดขี ึ้นไป คดิ เป็นร้อยละ 86.66 ของนกั เรยี นทงั้ หมด

3) นักเรียนมคี ุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

นักเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ของนักเรียนท้ังหมด

9.2 ปัญหา/อปุ สรรค

-

9.3 แนวทางปรบั ปรุงการเรยี นการสอนครงั้ ตอ่ ไป

-

ลงชอ่ื ........................................................ นางคณุ ากร คาสขุ )
( ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ


Click to View FlipBook Version