(2) สงเสรมิ และสนบั สนนุ ความมนั่ คงและความเจรญิ ก฿าวหนา฿ ของกิจการลูกเสอื
(3) สนับสนุนและสงเสริมให฿มกี ารพัฒนาบคุ ลากรทางการลูกเสอื
(4) ควบคมุ ดูแลทรัพยสโ นิ ในกิจการของลกู เสอื จงั หวัด
(5) พิจารณาคาํ ขอการจดั ต้งั คา ยลูกเสอื ตามมาตรา 32
(6) พจิ ารณารายงานประจาํ ปขี องสาํ นักงานลกู เสือจงั หวดั
(7) ใหค฿ วามเหน็ ชอบแผนปฏบิ ัติการประจําปี
(8) ให฿คําแนะนําผ฿อู าํ นวยการลูกเสอื เขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาในการปฏิบตั ิงานลกู เสอื
(9) จดั ใหม฿ ีทะเบยี นและสถิตติ าง ๆ เก่ียวกบั การดาํ เนินกจิ การลกู เสอื
(10) ออกระเบยี บปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกบั กจิ การลูกเสือ เพื่อความเหมาะสมแกการปกครองในจังหวดั
ซ่ึงจะตอ฿ งไมข ดั หรอื แยง฿ กับกฎหมาย ขอ฿ บังคบั และระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการบรหิ าร
ลกู เสือแหง ชาติ
(11) จดั ทาํ รายงานประจําปีและรายงานทเ่ี กยี่ วขอ฿ งกบั กิจการลูกเสือในจังหวัดเสนอตอ
คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง ชาติ
(12) แตงตั้งคณะอนกุ รรมการเพอื่ ดาํ เนินการอยา งหนง่ึ อยา งใด ตามทค่ี ณะกรรมการลกู เสอื
จังหวดั มอบหมาย
(13) ปฏิบัติงานอ่นื ตามทีค่ ณะกรรมการบรหิ ารลูกเสือแหงชาตมิ อบหมาย
มาตรา 32 การจัดต้ังคา ยลกู เสอื ในจังหวัดใดต฿องไดร฿ บั อนุญาตเปน็ หนังสือจากคณะกรรมการ
ลกู เสือจังหวัด และใหค฿ ณะกรรมการลูกเสือจังหวัดรายงานตอ คณะกรรมการบรหิ ารลูกเสือแหง ชาตทิ ราบ
การขออนญุ าตและการอนุญาตใหเ฿ ป็นไปตามหลักเกณฑโ วิธกี าร และเง่ือนไขทค่ี ณะกรรมการ
บริหารลูกเสอื แหง ชาตกิ ําหนด
มาตรา 33 ให฿มสี าํ นักงานลกู เสือจังหวัดอยูในสาํ นักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาเขต 1
โดยมผี ูอ฿ ํานวยการสํานักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาเขต 1 เปน็ หัวหนา฿ สํานกั งานลูกเสอื จงั หวัด บงั คบั บัญชา
และรับผิดชอบการดําเนินงานของสาํ นกั งานลกู เสือจงั หวดั และให฿ผู฿อํานวยการศนู ยโการศกึ ษา
นอกโรงเรยี นจังหวดั เป็นผู฿ชว ยหวั หนา฿ สาํ นกั งานลูกเสือจังหวัด
มาตรา 34 การจดั ตั้งคายลูกเสอื การขออนุญาต และการอนญุ าตสําหรบั คา ยลกู เสือ
ในกรุงเทพมหานคร ให฿นาํ บทบัญญัติมาตรา 32 มาใช฿บงั คับโดยอนุโลม
สว่ นท่ี 4
ลกู เสือเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา
มาตรา 35 ใหม฿ สี าํ นักงานลกู เสอื เขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา เพอื่ การบรหิ ารงานลูกเสอื ในเขตพนื้ ที่
การศกึ ษานนั้
มาตรา 36 ใหม฿ คี ณะกรรมการลกู เสือเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา ประกอบดว฿ ย
(1) ผอ฿ู าํ นวยการสาํ นักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา เปน็ ประธานกรรมการ
คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 49
คู่มอื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ปชรนั้ ะมกธัายศมนศยี กึ บษัตารปวีทิช่ี า4ชีพ 1
42 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
(2) กรรมการโดยตําแหนง ได฿แก ผกู฿ ํากบั ลกู เสอื การสถานีตาํ รวจภธู รของทุกอาํ เภอในเขตพน้ื ท่ี
การศกึ ษา หรอื ผูก฿ าํ กบั ลกู เสอื การสถานตี าํ รวจนครบาลของทกุ สถานใี นเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาของ
กรุงเทพมหานคร
(3) กรรมการประเภทผู฿แทน ได฿แก ผ฿ูแทนองคกโ รปกครองสว นทอ฿ งถน่ิ ผแู฿ ทนสถานศึกษา
ในสงั กดั เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ผ฿ูแทนสถานศึกษาเอกชน ผ฿แู ทนสถานศกึ ษาอาชวี ศกึ ษา ผู฿แทน
สถาบนั อุดมศกึ ษา ผู฿แทนศนู ยโบรกิ ารการศึกษานอกโรงเรยี นอาํ เภอ ผ฿ูแทนคายลกู เสอื และผูแ฿ ทน
สมาคมหรอื สโมสรลูกเสอื ซ่งึ เลือกกันเองกลมุ ละหนึง่ คน
(4) กรรมการผ฿ูทรงคณุ วฒุ ิจํานวนไมเกนิ เจด็ คน ซ่งึ ประธานกรรมการแตง ต้งั โดยคาํ แนะนํา
ของกรรมการตาม (2) และ (3) ในจาํ นวนนจี้ ะตอ฿ งแตงตัง้ จากภาคเอกชนไมน ฿อยกวากงึ่ หนึ่ง
ใหร฿ องผ฿อู าํ นวยการสํานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาท่ไี ด฿รับมอบหมายเปน็ กรรมการและ
เลขานกุ าร และให฿ผูอ฿ าํ นวยการสํานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาแตงต้งั ข฿าราชการในสาํ นกั งานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษาอกี ไมเ กนิ สองคนเป็นผ฿ชู ว ยเลขานกุ าร
หลักเกณฑแโ ละวธิ ีการในการเลอื กกรรมการตาม (3) ให฿เปน็ ไปตามขอ฿ บังคบั คณะกรรมการ
บริหารลูกเสือแหง ชาติ
มาตรา 37 ให฿นําบทบัญญัตมิ าตรา 16 มาใช฿บังคับกบั วาระการดาํ รงตําแหนง และการพน฿
จากตาํ แหนง ของกรรมการตามมาตรา 36 (3) และ (4) โดยอนุโลม
มาตรา 38 ใหค฿ ณะกรรมการลกู เสอื เขตพืน้ ทกี่ ารศึกษามอี ํานาจหน฿าทภ่ี ายในเขตพ้นื ที่
การศึกษา ดงั ตอ ไปน้ี
(1) ควบคุมดูแลกจิ การลกู เสอื ให฿เปน็ ไปตามกฎหมาย ข฿อบังคับ และระเบียบของทาง
ราชการและคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง ชาติ
(2) สงเสริมและสนบั สนนุ ความมั่นคงและความเจริญกา฿ วหนา฿ ของกิจการลกู เสอื
(3) สง เสริมและสนับสนุนใหม฿ กี ารจัดกจิ กรรมลกู เสอื ทง้ั ในและนอกสถานศึกษา
(4) ควบคมุ ดแู ลทรพั ยสโ นิ ในกิจการของลกู เสอื เขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษา
(5) พจิ ารณารายงานประจาํ ปขี องสาํ นกั งานลกู เสือเขตพนื้ ท่ีการศึกษาและรายงานให฿
คณะกรรมการลกู เสือจงั หวัดทราบ
(6) ให฿ความเหน็ ชอบในแผนปฏบิ ัติการประจาํ ปี
(7) ให฿คําแนะนาํ แกผ อู฿ าํ นวยการสถานศกึ ษาในการปฏิบตั ิงานหรอื จดั กจิ กรรมลกู เสอื
(8) จดั ใหม฿ ที ะเบียนและสถติ ติ าง ๆ เก่ยี วกับลกู เสอื
(9) กํากับดแู ล สนับสนุนและสง เสรมิ กิจการลูกเสอื ชาวบา฿ นในเขตพื้นที่การศึกษา
(10) ออกระเบียบปฏิบตั เิ กีย่ วกบั กจิ การลูกเสอื เพือ่ ความเหมาะสมแกการปกครองในเขตพืน้ ท่ี
การศึกษา ซ่ึงจะตอ฿ งไมข ัดแยง฿ กับกฎหมาย ขอ฿ บงั คับ และระเบยี บของทางราชการและคณะกรรมการ
บรหิ ารลกู เสอื แหง ชาติ
มาตรา 39 ใหม฿ สี าํ นักงานลูกเสือเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาอยใู นสาํ นักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษานัน้
โดยมผี อ฿ู ํานวยการสาํ นกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาเปน็ หัวหน฿าสาํ นกั งานลกู เสือเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษา
50 คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 43
คปมู่ รอื ะสกง่ าเสศรนิมยี แบลัตะพรวฒั ิชนาาชกีพิจก1รรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4
ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 1
บงั คับบญั ชาและรบั ผิดชอบการดําเนนิ งานของสาํ นกั งานลูกเสือเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา และใหร฿ อง
ผู฿อํานวยการสาํ นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาซง่ึ ผอ฿ู ํานวยการสํานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามอบหมาย
เป็นผ฿ูชวยหัวหน฿าสํานักงานลูกเสือเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา
ส่วนที่ 5
ทรัพยส์ นิ ของสานกั งานลูกเสือแห่งชาติ
มาตรา 40 บรรดาอสงั หาริมทรัพยทโ ่ีสํานักงานลกู เสือแหงชาติได฿มาโดยมผี ฿ูอุทศิ ใหห฿ รือ
ได฿มาจากการให฿ ซ้อื ด฿วยเงนิ รายไดข฿ องสาํ นกั งาน หรือแลกเปล่ียนกับทรัพยโสนิ ของสาํ นกั งานลกู เสอื
แหง ชาติ หรอื ได฿มาโดยวธิ อี ืน่ ไมถอื เปน็ ทร่ี าชพัสดุ และใหเ฿ ป็นกรรมสิทธขิ์ องสาํ นักงานลูกเสือ
แหง ชาติ
การจาํ หนา ยหรอื แลกเปล่ยี นอสังหาริมทรัพยขโ องสํานกั งานตามวรรคหน่ึงให฿กระทาํ ได฿ก็แต
โดยพระราชบัญญตั ิ เวน฿ แตเปน็ การโอนกรรมสทิ ธ์ใิ หแ฿ กส ว นราชการ รฐั วสิ าหกจิ หรอื หนว ยงานอน่ื
ของรฐั เม่อื คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสือแหงชาตไิ มข ัดขอ฿ งและได฿รับคาตอบแทนจากสวนราชการ
รัฐวสิ าหกิจ หรือหนว ยงานน้นั แลว฿ ให฿กระทําโดยพระราชกฤษฎกี า
มาตรา 41 ทรัพยโสินที่มีผ฿ูอุทิศใหแ฿ กสาํ นกั งานลกู เสือแหง ชาตจิ ะต฿องจัดการตามเง่ือนไข
ท่ผี ฿ูอทุ ิศให฿กําหนดไว฿ และตอ฿ งเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคโของสํานกั งานลกู เสอื แหงชาติ แตถา฿ มคี วาม
จําเปน็ ตอ฿ งเปล่ียนแปลงเงื่อนไขดังกลา ว สาํ นกั งานลูกเสือแหง ชาติตอ฿ งได฿รบั ความยินยอมจากผอ฿ู ุทศิ ให฿
หรอื ทายาท หากไมม ีทายาทหรือทายาทไมปรากฏจะต฿องได฿รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารลูกเสือ
แหงชาติ
มาตรา 42 ทรัพยสโ ินของสาํ นกั งานลกู เสอื แหง ชาตไิ มอ ยใู นความรับผดิ แหงการบังคบั คดี
และบคุ คลใดจะยกอายุความขน้ึ เปน็ ข฿อตอ ส฿กู บั สํานกั งานลูกเสอื แหงชาตใิ นเรอ่ื งทรพั ยโสินมไิ ด฿
หมวด 3
การจดั กลุม่ ประเภท และตาแหนง่ ลูกเสอื
มาตรา 43 การตง้ั การยบุ การจัดหนวยลูกเสอื เหลา ลกู เสือ และประเภทลกู เสือทั้งปวง
ให฿เปน็ ไปตามหลกั เกณฑโและวธิ ีการทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 44 การเขา฿ เป็นลูกเสอื การออกจากลูกเสือ การจัดประเภท ชั้น เหลา และ
การฝกึ อบรมลกู เสอื ในสถานศกึ ษาหรือนอกสถานศึกษา ให฿เปน็ ไปตามข฿อบงั คับคณะกรรมการบรหิ าร
ลูกเสือแหงชาติ
มาตรา 45 ตาํ แหนงผูบ฿ งั คับบัญชาลกู เสือมลี ําดบั ดงั ตอ ไปนี้
(1) ผอู฿ ํานวยการใหญ
(2) รองผูอ฿ ํานวยการใหญ
(3) ผ฿ชู วยผอ฿ู ํานวยการใหญ
คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 51
คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญปชรน้ั ะมกัธายศมนศยี กึ บษัตารปวที ชิ ่ี า4ชีพ 1
44 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 1
(4) ผ฿ูอํานวยการลูกเสอื จังหวัด
(5) รองผู฿อํานวยการลกู เสอื จงั หวัด
(6) ผช฿ู วยผูอ฿ ํานวยการลูกเสอื จงั หวดั
(7) ผ฿อู าํ นวยการลูกเสอื เขตพ้นื ทกี่ ารศึกษา
(8) รองผ฿อู าํ นวยการลกู เสอื เขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา
(9) ผูอ฿ ํานวยการลกู เสอื โรงเรยี น
(10) รองผู฿อํานวยการลกู เสอื โรงเรยี น
(11) ผู฿กาํ กับลูกเสือกลุม ลกู เสือ
(12) รองผู฿กาํ กับลกู เสอื กลมุ ลกู เสือ
(13) ผู฿กํากบั ลูกเสอื กองลูกเสอื
(14) รองผกู฿ าํ กบั ลูกเสอื กองลกู เสอื
(15) นายหมูลูกเสอื
(16) รองนายหมลู กู เสอื
มาตรา 46 ใหร฿ ฐั มนตรีวาการกระทรวงศึกษาธกิ ารเป็นผ฿ูอํานวยการใหญ ปลัดกระทรวง
ศึกษาธิการ เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
เปน็ รองผอู฿ าํ นวยการใหญ และรองปลดั กระทรวงศึกษาธิการ เป็นผ฿ชู วยผ฿อู าํ นวยการใหญ
ให฿ผ฿วู าราชการจังหวัดเปน็ ผู฿อาํ นวยการลกู เสอื จงั หวัด รองผู฿วา ราชการจงั หวดั เป็น
รองผอ฿ู าํ นวยการลูกเสอื จงั หวัด และปลัดจังหวดั เปน็ ผ฿ชู วยผู฿อํานวยการลกู เสอื จงั หวดั
ใหผ้฿ อู้฿ �าํ ำนนววยยกการาเรขเขตตพพน้ื ้ืนททก่ี ี่การาศรกึศษกึ ษาเาปเ็นปผน็ อู้ผ�ู฿อำนําวนยกวยารกลากู รเลสกู อื เเสขอื ตเพขตน้ื พทก่้ืนี าทรกี่ ศากึ รษศาึกแษลาะและ
รองผอ฿ู าํ นวยการเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาเปน็ รองผูอ฿ าํ นวยการลกู เสือเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา
การแตง ต้ังผบ฿ู ังคบั บัญชาลกู เสอื ตามมาตรา 45 (9) ถงึ (16) ให฿เปน็ ไปตามขอ฿ บงั คบั
คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหงชาติ
มาตรา 47 ตาํ แหนง ผตู฿ รวจการลกู เสือมลี ําดบั ดงั ตอ ไปน้ี
(1) ผตู฿ รวจการใหญพิเศษ
(2) ผู฿ตรวจการใหญ
(3) รองผู฿ตรวจการใหญ
(4) ผูต฿ รวจการลกู เสือประจําสาํ นักงานลกู เสอื แหงชาติ
(5) รองผตู฿ รวจการลกู เสอื ประจาํ สาํ นกั งานลกู เสือแหง ชาติ
(6) ผช฿ู ว ยผต฿ู รวจการลูกเสือประจําสํานกั งานลกู เสอื แหง ชาติ
(7) ผ฿ูตรวจการลูกเสอื จงั หวัด
(8) รองผ฿ตู รวจการลูกเสอื จงั หวัด
(9) ผ฿ูชวยผ฿ูตรวจการลกู เสือจงั หวัด
(10) ผูต฿ รวจการลกู เสือเขตพื้นทก่ี ารศึกษา
(11) รองผ฿ตู รวจการลูกเสอื เขตพน้ื ท่ีการศึกษา
52 คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 45
คปู่มรอื ะสกง่ าเสศรนมิ ียแบลตัะพรวฒั ิชนาาชกีพจิ ก1รรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
มาตรา 48 ให฿นายกรัฐมนตรีเป็นผต฿ู รวจการใหญพิเศษ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรวี าการ
กระทรวงมหาดไทย เป็นผู฿ตรวจการใหญ ปลดั กระทรวงมหาดไทย ผต฿ู รวจราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร
อธบิ ดีกรมการปกครอง และอธิบดกี รมสงเสรมิ การปกครองท฿องถนิ่ เปน็ รองผ฿ตู รวจการใหญ
การแตงตงั้ ผตู฿ รวจการลกู เสอื และการกาํ หนดหนา฿ ทีข่ องผ฿ูตรวจการลูกเสอื ตามมาตรา 47 (4)
ถึง (11) ใหเ฿ ปน็ ไปตามขอ฿ บงั คับคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสือแหง ชาติ
มาตรา 49 ผตู฿ รวจการลกู เสอื มีหนา฿ ทต่ี รวจตรา แนะนํา ช้ีแจง และรายงานเพอื่ ใหก฿ าร
บรหิ ารงานลูกเสือเปน็ ไปตามนโยบาย ข฿อบงั คบั ระเบียบ และแบบธรรมเนียมของลกู เสือ
หมวด 4
ธง เครื่องแบบ และการแตง่ กาย
มาตรา 50 ให฿มธี งคณะลกู เสือแหง ชาติ และธงลกู เสือประจาํ จงั หวดั โดยรับพระราชทาน
จากประมขุ ของคณะลกู เสอื แหงชาติ
ให฿มธี งคณะลกู เสือไทยและธงลกู เสอื อื่น ๆ เพอื่ ประโยชนใโ นการรว มกจิ กรรมระดบั นานาชาติ
ท้ังนี้ ใหเ฿ ป็นไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 51 เครอื่ งแบบและการแตงกายลกู เสือ ให฿เป็นไปตามทกี่ าํ หนดในกฎกระทรวง
มาตรา 52 ลกู เสือตอ฿ งปฏิบัตติ ามวินัยซง่ึ กําหนดไวใ฿ นขอ฿ บงั คับคณะกรรมการบรหิ าร
ลูกเสือแหง ชาติ และตามแบบธรรมเนยี มของลูกเสอื
2. กิจกรรมขององคกโ ารลกู เสอื โลก
2.1 สมชั ชาลูกเสือโลก (World Scout Conference) คอื ทปี่ ระชมุ ของผ฿ูแทนคณะลูกเสอื ประเทศ
ตา งๆ ปัจจุบันมสี มาชกิ อยู 163 ประเทศ (ขอ฿ มลู ในปี พ.ศ. 2553) ในปจั จบุ นั มีการประชุมทุก 3 ปี มี
หน฿าทก่ี าํ หนดนโยบายทวั่ ไป พจิ ารณาแก฿ไขธรรมนูญ และข฿อบงั คบั ของคณะลูกเสอื โลกรบั สมาชกิ ใหม
เลือกตัง้ กรรมการลกู เสอื โลกและพจิ ารณารายงานขอ฿ เสนอแนะของคณะกรรมการลกู เสอื โลก
2.2 คณะกรรมการลกู เสอื โลก (World Scout Committee) ประกอบดว฿ ยบคุ คล 12 คน จากผ฿แู ทน
ประเทศสมาชิก 12 ประเทศ อยใู นตําแหนงคนละ 6 ปี มีการประชมุ อยางนอ฿ ยปีละ 1 คร้ัง มีอาํ นาจหน฿าที่
สงเสรมิ กจิ การลกู เสอื ทว่ั โลก จดั หาทุนสําหรบั สง เสริมกจิ การลกู เสือ แตงตง้ั เลขาธกิ ารสํานกั งานลกู เสอื
โลก และควบคุมการปฏบิ ตั หิ น฿าที่ ตลอดจนใหเ฿ ครอ่ื งหมายลกู เสือสดุดขี องคณะกรรมการลูกเสอื โลก
2.3 สาํ นักงานลกู เสอื โลก (World Scout Bureau) มเี ลขาธิการเป็นผบู฿ งั คับบัญชา มเี จา฿ หนา฿ ที่
ประมาณ 40 คนเป็นผช฿ู วย มีสาํ นกั งานสาขาอกี 6 แหง คือ
2.3.1 เขตอินเตอรโ – อเมริกา
2.3.2 เขตเอเชยี – แปซฟิ ิก
2.3.3 เขตอาหรับ
2.3.4 เขตยโุ รป
2.3.5 เขตอัฟรกิ า
2.3.6 เขตยเู รเซยี
คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 53
คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญปชร้นั ะมกัธายศมนศียกึ บษัตารปวที ิชี่ า4ชีพ 1
46 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
3. ความสมั พนั ธรโ ะหวางลูกเสือนานาชาติ
3.1 กจิ การลูกเสอื ของทกุ ประเทศมหี ลกั การทส่ี ําคัญอยา งเดียวกนั
3.2 ประเทศสมาชกิ มกี จิ กรรมตางๆ รว มกนั โดยเนน฿ การสงเสริมความสมั พนั ธขโ องประเทศสมาชิก
หมายเหตุ ศึกษาเนอ้ื หารายละเอียดในใบความรท฿ู ี่ 2
กิจการของคณะลูกเสอื แห่งชาติ คณะลูกเสอื โลก
และความสัมพันธร์ ะหว่างลูกเสอื นานาชาติ
กจิ การของคณะลกู เสือแห่งชาติ
คณะลกู เสอื แหงชาติเปน็ นติ บิ ุคคล โดยพระมหากษัตรยิ ทโ รงเป็นพระประมุขของลกู เสอื แหง ชาติ
คณะลูกเสอื แหง ชาติประกอบดว฿ ย ลกู เสอื ท้งั ปวง ผ฿ูบังคบั บัญชาลูกเสอื ผต฿ู รวจการลูกเสือ กรรมการลกู เสอื
และเจา฿ หนา฿ ที่ลกู เสอื
คณะลกู เสอื แหงชาติ มวี ตั ถุประสงคเโ พ่ือพัฒนาลกู เสือทงั้ ทางกาย สตปิ ญั ญา จิตใจ และศีลธรรมให฿
เปน็ พลเมอื งดี มคี วามรบั ผิดชอบ ชวยสร฿างสรรคโให฿มคี วามเจริญก฿าวหนา฿ เพอ่ื ความสงบสุขและความมน่ั คง
ของประเทศชาติตามแนวทาง ดังตอ ไปนี้
1. ให฿มนี ิสัยในการสังเกต จดจาํ เชอ่ื ฟงั และพ่งึ ตนเอง
2. ใหซ฿ อ่ื สัตยสโ จุ ริต มีระเบยี บวนิ ัย และเห็นอกเหน็ ใจผอ฿ู ืน่
3. ใหร฿ จ฿ู กั บําเพ็ญตนเพื่อสาธารณะประโยชนโ
4. ใหร฿ ู฿จักทําการฝีมอื และฝกึ ฝนใหท฿ ํากจิ การตางๆ ตามความเหมาะสม
5. ใหร฿ ู฿จกั รักษาและสง เสริมจารีต ประเพณี วฒั นธรรม และความมั่นคงของประเทศชาติ
ทัง้ นโ้ี ดยไมเ กย่ี วข฿องกบั ลทั ธิการเมืองใดๆ
การดาเนนิ งานของคณะลูกเสือแห่งชาติประกอบด้วย
สภาลูกเสอื แหงชาติ
คณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหง ชาติ
คณะกรรมการลกู เสอื จังหวดั
คณะกรรมการลกู เสอื เขต
54 คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 47
คปมู่ รอื ะสกง่ าเสศรนิมยี แบลตัะพรวฒั ชิ นาาชกีพิจก1รรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
กจิ การของคณะลูกเสอื โลก และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งลกู เสอื นานาชาติ
กจิ การของคณะลกู เสือโลก
กจิ การลกู เสือเปน็ ขบวนการเยาวชนทเี่ จริญก฿าวหนา฿ และขยายกวา฿ งไปทั่วโลกมสี มาชกิ มากกวา 30
ล฿านคน ใน 163 ประเทศทีอ่ ยตู ามดนิ แดนและแคว฿นตางๆ การลูกเสือเปน็ ขบวนการอาสาสมคั รไมเ ก่ยี วขอ฿ ง
กับการเมอื ง เป็นขบวนการทางการศึกษาสําหรบั เยาวชนทง้ั ทางกาย สติปญั ญา จติ ใจ สงั คมและศลี ธรรม
การลูกเสอื เริ่มตน฿ ท่ีประเทศองั กฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) จากแนวความคดิ ของลอรโด เบ
เบดนเดนโพโเพอเลอลลโ ลแ์ลแะลหะนหงันสงั อืสอื “ก“การาลรลกู กูเสเสืออืสสาํ �หำหรรบั บั เดเดก็ ก็ ชชาายย”ห” หนนงั สงั สอื อืเลเลมม่นน้ีป้ปี รระะกกออบบดดว฿ ว้ยยเรเรอ่ื อ่ื งงรราาววแแลละะกกาํ �หำหนนดดกกาารร
ตา งๆ ชวนใหเ฿ ดก็ ๆ เกิดความคิดตรงกันในอนั ทจี่ ะรว มใจกนั ทาํ กจิ กรรมอยา งใดอยา งหนึ่ง นน่ั คอื การจดั ตง้ั
หมูลกู เสอื ขนึ้ โดยอสิ ระและกระจายออกไปทั่วทุกมุมโลกอยางรวดเร็ว แม฿ในปัจจุบนั โปรแกรมหรอื โครงการ
ฝึกอบรมเหลา น้นั กย็ ังเป็นทนี่ ยิ มแพรห ลายอยทู ว่ั โลก
ปจั จุบันวตั ถุประสงคโ คําปฏิญาณและกฎของลกู เสือไดก฿ อใหเ฿ กดิ ภารดรภาพแหงโลก กาํ หนดการ
ของลูกเสอื ถูกปรบั ปรงุ ให฿ยดื หยนุ เหมาะสมกบั ความต฿องการของเยาวชนและสงั คมทอ่ี ยูอ าศัย
วัตถปุ ระสงคโหลกั ของการลูกเสอื ก็คอื การกอประสบการณโให฿กบั เยาวชนโดยเป็นการศึกษานอก
โรงเรยี น ไมค าํ นงึ ถึงเรอื่ งการเมอื งแตเ ป็นการรว มมอื กันทกุ คนทกุ เหลา เพอ่ื กอ ให฿เกดิ ความเจรญิ แก
เยาวชนในทางกาย สติปญั ญา สงั คม จติ ใจและศลี ธรรม เพอ่ื เปน็ บคุ คลทพี่ ึงประสงคโของสังคมของชาตแิ ละ
ของเพอื่ นมนุษยดโ ว฿ ยกนั ปลูกฝงั ใหม฿ คี วามจงรักภักดีตอ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริยโควบคไู ปกบั การ
สงเสริมใหม฿ สี ันตสิ ุขในชมุ ชน ในสังคม ในชาติ และระหวา งชาตดิ ว฿ ย
เปน็ วิธีการพฒั นาเยาวชนใหเ฿ ปน็ พลเมอื งดี อาศยั ความสมคั รใจและความเตม็ ใจเป็นสาํ คญั ความ
รบั ผดิ ชอบพน้ื ฐาน ยดึ มัน่ คําปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ เรยี นรูโ฿ ดยการกระทาํ และรว มมอื กันทาํ ที่เรียกวา
ระบบหมู สงเสรมิ ความก฿าวหนา฿ ของบคุ คลโดยใชห฿ ลกั สูตรและวิชาพิเศษลกู เสือจงู ใจและให฿ปฏบิ ตั กิ นั จริงๆ
ซงึ่ สว นใหญจะเปน็ กิจกรรมกลางแจ฿ง
โดยหลักการดังกลา วมาแล฿วเพอื่ ความเป็นปึกแผน และดําเนนิ การไปทาํ นองเดียวกัน ชาติตางๆ ท่ี
มีกิจกรรมลูกเสอื จงึ รวมตวั กนั เป็นองคกโ ารข้ึน และขนานนามวา “ลกู เสอื โลก” (World Scout) มีธรรมนูญวา
ด฿วยการปกครองเป็นบทบญั ญตั ิในการดาํ เนนิ การ
การดาเนนิ งานขององคก์ ารลกู เสอื โลกโดยสังเขป
องคโการลกู เสอื โลก คอื องคกโ ารนานาชาติ ทไ่ี มใ ชเ ปน็ องคโการรฐั บาลใดมีองคปโ ระกอบสาํ คัญ 3
ประการ คือ สมชั ชาลูกเสอื โลก คณะกรรมการลกู เสอื โลก และสาํ นักงานลกู เสือโลก
การประชุมสมชั ชาลกู เสือโลก
ที่ประชุม (Conference) คอื “สมชั ชาใหญ”(General Assembly) ของการลูกเสือโลกประกอบดว฿ ย
ประเทศสมาชิก 163 ประเทศ จํานวนลกู เสอื และผ฿ูกํากับลูกเสอื มากกวา 30,000,000 คน ตั้งอยใู นดินแดน
ตางๆ มากกวา 200 แหง ประเทศหนงึ่ ทีจ่ ะมสี มาคมลกู เสือไดเ฿ พยี งแหงเดียวกับแตละประเทศจะมีผแู฿ ทน
เข฿ารวมประชุมสมชั ชาฯ ไดป฿ ระเทศละ 6 คน และผูส฿ ังเกตการณอโ กี จํานวนหน่ึง โดยสมาชิกออกเสียง
ลงคะแนนได฿ 6 เสยี ง ถา฿ ประเทศใดมีสมาชิกลกู เสือมากกวา 1 แหง เพือ่ สะดวกในการดาํ เนินงานใหร฿ วมกนั
เข฿าในรูปสหพนั ธโ
คมู่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 55
คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญปชร้ันะมกธัายศมนศยี กึ บษัตารปวที ิช่ี า4ชีพ 1
48 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1
ในการรบั รองประเทศตา งๆ เขา฿ เป็นสมาชกิ สมชั ชาลกู เสอื ทกุ ประเทศจะต฿องยอมรับในหลักการขน้ั
มูลฐานของลูกเสอื โลก เชน สมาคมลกู เสอื แหง ประเทศนั้นๆ จะตอ฿ งไมเ กยี่ วขอ฿ งกับการเมอื งและยอมรับใน
เร่ืองกระบวนการอาสาสมคั ร ฯลฯ เปน็ ตน฿
ประเทศหนึ่งจะมีคณะลูกเสือแหงชาตไิ ด฿เพียงหน่งึ เทา นน้ั และจะเปน็ ตัวแทนของคณะลกู เสอื
ทง้ั หมดในการประชุมสมัชชาลูกเสือ คณะลกู เสอื แหงชาติ อาจประกอบด฿วยสมาคมลูกเสือมากกวาหน่ึง
รวมกัน มรี ปู แบบเปน็ สหพันธกโ ไ็ ด฿ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคขโ องการลกู เสือรว มกัน
การประชุมสมัชชาลูกเสือโลก มีการประชุมทกุ ระยะ 2 ปี คอื ตัง้ แตค รั้งที่ 1 ถึงครั้งท่ี 32 แตตอมา
ได฿มกี ารเปลี่ยนเปน็ การประชมุ ทกุ ระยะ 3 ปี โดยเร่ิมตง้ั แตครัง้ ที่ 33 ที่จดั ขน้ึ ณ ประเทศไทย ในปี พ.ศ.
2536 โดยไดจ฿ ดั ขึ้นทป่ี ระเทศตา งๆ ดงั นีค้ อื
คร้ังที่ 1 พ.ศ. 2463 ประเทศอังกฤษ
คร้ังที่ 2 พ.ศ. 2465 ประเทศฝรงั่ เศส
ครง้ั ที่ 3 พ.ศ. 2467 ประเทศเดนมารโค
ครั้งท่ี 4 พ.ศ. 2469 ประเทศสวิสเซอรแโ ลนดโ
คร้งั ที่ 5 พ.ศ. 2472 ประเทศอังกฤษ
ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2474 ประเทศออสเตรยี
ครั้งที่ 7 พ.ศ. 2476 ประเทศฮงั การี
คร้งั ท่ี 8 พ.ศ. 2478 ประเทศสวีเดน
ครงั้ ที่ 9 พ.ศ. 2480 ประเทศเนเธอรแโ ลนดโ
คร้งั ท่ี 10 พ.ศ. 2482 ประเทศสกอตแลนดโ
คร้ังที่ 11 พ.ศ. 2490 ประเทศฝร่ังเศส
ครงั้ ที่ 12 พ.ศ. 2492 ประเทศนอรเโ วยโ
ครัง้ ท่ี 13 พ.ศ. 2494 ประเทศออสเตรยี
ครัง้ ท่ี 14 พ.ศ. 2496 ประเทศลชิกเชตนสลไ์ ตนโ์
คร้งั ที่ 15 พ.ศ. 2498 ประเทศแคนนาดาาดา
ครง้ั ที่ 16 พ.ศ. 2500 ประเทศอังกฤษ
คร้งั ที่ 17 พ.ศ. 2502 ประเทศอนิ เดยี
ครงั้ ที่ 18 พ.ศ. 2504 ประเทศโปรตเุ กส
ครัง้ ที่ 19 พ.ศ. 2506 ประเทศกรซี
คร้ังท่ี 20 พ.ศ. 2508 ประเทศเมก็ ซโีิ ก
คร้งั ที่ 21 พ.ศ. 2510 ประเทศสหรฐั อเมริกา
คร้ังที่ 22 พ.ศ. 2512 ประเทศฟินแลนดโ
ครง้ั ที่ 23 พ.ศ. 2514 ประเทศญ่ีปูุน
คร้งั ท่ี 24 พ.ศ. 2516 ประเทศเคนยา
คร้งั ท่ี 25 พ.ศ. 2518 ประเทศเดนมารคโ
56 คูม่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 49
คปมู่ รอื ะสก่งาเสศรนิมียแบลตัะพรวฒั ชิ นาาชกีพจิ ก1รรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
ครั้งที่ 26 พ.ศ. 2520 ประเทศแคนาดา
ครั้งที่ 27 พ.ศ. 2522 ประเทศอังกฤษ
ครัง้ ที่ 28 พ.ศ. 2524 ประเทศเซเนกลั
คร้ังที่ 29 พ.ศ. 2526 ประเทศสหรฐั อเมรกิ า
ครง้ั ที่ 30 พ.ศ. 2528 ประเทศเยอรมนั นตี ะวันตก
คร้ังที่ 31 พ.ศ. 2531 ประเทศออสเตรเลยี
ครงั้ ที่ 32 พ.ศ. 2533 ประเทศฝรัง่ เศส
คร้งั ที่ 33 พ.ศ. 2536 ประเทศไทย
คร้ังท่ี 34 พ.ศ. 2539 ประเทศนอรเโ วยโ
คร้ังที่ 35 พ.ศ. 2542 ประเทศอาฟริกาใต฿
ครั้งท่ี 36 พ.ศ. 2545 ประเทศกรซี
คร้ังที่ 37 พ.ศ. 2548 ประเทศตนู เี ซยี
ครง้ั ที่ 38 พ.ศ. 2551 ประเทศเกาหลใี ต฿
คร้งั ท่ี 39 พ.ศ. 2554 ประเทศบราซลิ
ครงั้ ที่ 40 พ.ศ. 2557 ประเทศสโลวาเกยี
ครั้งท่ี 41 พ.ศ. 2560 ประเทศอาเซอรไโ บจาน
หนา้ ท่ีของสมัชชาลูกเสือโลก
สมัชชาลูกเสอื โลกเปน็ องคโกรทก่ี ําหนดนโยบายเป็นสําคัญในทกุ 3 ปี จะมกี ารนดั หมายประชมุ กนั
ท่ใี ดที่หนงึ่ เพอื่ กาํ หนดนโยบายหรอื ใหข฿ อ฿ เสนอแนะในการดาํ เนนิ งาน
- รบั ทราบการดําเนินกจิ การของลูกเสือท่วั โลก
- เลอื กต้ังกรรมการลกู เสือโลก
- พิจารณาสมาชกิ ใหม และตัดสินใจในเรอื่ งการขบั ออกจากสมาชิก
- พจิ ารณารายงานและขอ฿ เสนอแนะของคณะกรรมการลกู เสอื โลก
คณะกรรมการลูกเสอื โลก (World Scout Committee)
คณะกรรมการลกู เสอื โลก ประกอบดว฿ ยสมาชกิ 12 นาย อยูในตาํ แหนงคราวละ 6 ปี ซง่ึ เปน็ ผ฿แู ทน
ของแตล ะสมาคมทมี่ ารวมประชุมสมัชชาฯ จะเปน็ ผ฿ลู งคะแนนเสยี งในการเลือกตัง้ โดยวธิ ีลบั คร้ังหนงึ่ ของ
จํานวนคณะกรรมการลูกเสือโลกจะหมดวาระ และจะต฿องเลอื กตง้ั ใหมในทกุ ๆ 3 ปี ทม่ี ีการประชุมสมชั ชา
ลูกเสอื โลกแตละคร้ัง และอาจมีการเลอื กตั้งซอ มแทนตาํ แหนงทวี่ า งลงเนื่องจากกรณีทีล่ าออกกอ นวาระ
กาํ หนดหรอื ตาย ด฿วยกรณใี ดๆ สาํ นกั งานลกู เสอื โลกจะเปน็ ผ฿แู จ฿งให฿บรรดาประเทศสมาชิกทราบลวงหนา฿ 6
เดอื น และให฿ประเทศสมาชิกแจง฿ ความจาํ นงคขโ อสมัครเขา฿ รับการเลอื กต้ังไปยงั สาํ นักงานลูกเสอื โลกภายใน
8 สัปดาหโ ประเทศที่มีบคุ คลรวมเปน็ กรรมการลกู เสอื โลกอยูแล฿ว ไมมีสิทธ์ิในการขอรบั การเลือกต้งั
คณะกรรมการลกู เสอื โลกจะมีการประชุมอยา งนอ฿ ยปีละ 1 ครงั้ สถานท่แี ลว฿ แตคณะกรรมการจะกาํ หนด
ประธานคณะกรรมการลกู เสอื เขตฯ (Chairman, Regional Scout Committee) อาจไดร฿ ับเชิญให฿เข฿ารวม
ประชมุ ด฿วย แตไ มม ีสทิ ธอิ์ อกเสียง
คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 57
คู่มือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ปชรัน้ ะมกัธายศมนศยี ึกบษัตารปวีทิช่ี า4ชีพ 1
50 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
เลขาธกิ ารคณะกรรมการลูกเสอื โลก จะทาํ หนา฿ ทเี่ ปน็ เลขาธิการคณะกรรมการลูกเสอื โลก
คณะกรรมการลกู เสอื โลกมอี าํ นาจและหน฿าทดี่ ังตอ ไปน้ี
อํานาจของคณะกรรมการลูกเสอื โลก
- สง เสริมภราดรพ่นี อ฿ งลกู เสือรว มโลก โดยการเยยี่ มเยยี นติดตอ ทางจดหมาย
- การฝกึ อบรมและการรว มชมุ นมุ อ่ืน
- เป็นตวั แทนสมัชชาลูกเสอื โลกในระหวา งการประชมุ
- ใหค฿ าํ แนะนาํ และชวยเหลอื ในการดาํ เนินงานตางๆ ของลูกเสอื
- สนับสนนุ ในการทจ่ี ะยอมรับประเทศตางๆ ท่ียน่ื คําร฿อง เพอ่ื ขอเขา฿ เปน็ สมาชกิ รับและ
ถอนการจดทะเบยี นดงั กลาว
- เพิกถอนหรอื ระงบั ขอ฿ บังคบั และระเบียบวาระแหง ที่ประชุมสมชั ชาลูกเสือโลก
- พจิ ารณาขอ฿ เสนอแนะซงึ่ มาจากประเทศสมาชกิ ทั้งหลาย
- แตง ตงั้ ตาํ แหนง เลขาธกิ ารสาํ นกั งานลกู เสอื โลก
- ดูแลการดําเนนิ งานของสาํ นกั งานลกู เสอื โลก
- รับผดิ ชอบในการหาเงินกองทนุ เพ่ิมเตมิ
- เปน็ ตัวแทนของสํานกั งานลกู เสือในกิจการระหวางชาติ หรือนานาชาติ
- อนมุ ัติการให฿เคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณโแกผ ูบ฿ ริการประโยชนตโ อกระบวนการลกู เสือแหงโลก
หน้าทข่ี องคณะกรรมการลูกเสอื โลก
แตงตั้งกรรมการเฉพาะคราว ตามวาระความจาํ เปน็ ในการดาํ เนนิ งานเกย่ี วกับปัญหาฉุกเฉนิ ที่
เกดิ ขน้ึ
แตงต้งั อนุกรรมการซ่งึ จําเป็นตอ฿ งปฏบิ ตั แิ ทนเฉพาะเรื่อง โดยปกติจะแตงตัง้ จากบุคคลซึง่ เป็น
สมาชิกในกระบวนการลกู เสอื โลก เชน การใหเ฿ คร่ืองราชอสิ รยิ าภรณโกกาารรเงเงนิ นิ ฯฯลลฯฯเปเปน็ ็นตตน฿ น้
แตง ต้งั กรรมการเฉพาะกจิ หรอื กรรมการที่ได฿รับเลือกใหท฿ าํ หนา฿ ท่ีเฉพาะเพอ่ื พิจารณาปัญหาเฉพาะ
ซง่ึ อาจเกดิ ข้นึ เป็นครงั้ คราว
เปน็ ผอ฿ู ยใู นฐานะท่ีปรึกษาตอคณะกรรมการลกู เสอื เขตฯ โดยคณะบุคคลเหลา น้ันได฿รับการ
เลอื กต้งั มาจากสมชั ชาลูกเสอื ในเขตนนั้ ๆ ซงึ่ มธี รรมนูญการปกครองของตน โดยได฿รับความยินยอม
เหน็ ชอบจากคณะกรรมการลูกเสอื โลกแล฿ว และโดยเนอื้ หาแหงธรรมนูญลกู เสอื โลก คณะกรรมการลกู เสอื
เขตฯ ยอมมภี ารกิจและหนา฿ ท่เี กี่ยวกบั ขบวนการลูกเสือเขตของตน
แตงต้ังกรรมการท่ีปรกึ ษาตามความจําเปน็ เฉพาะเรอ่ื งเกยี่ วกบั เทคนคิ ซ่งึ มีผลกระทบกระเทอื นตอ
การพฒั นาอนั มน่ั คงหรืออาจเปน็ ประโยชนโทแี่ ทจ฿ รงิ ของกระบวนการลูกเสอื
แตง ตั้งกรรมการเกี่ยวกบั การศึกษาหรอื คณะทป่ี รึกษา ตามความจาํ เปน็ เฉพาะเรอื่ งเพอื่ ปฏบิ ตั ิงาน
ตามภารกิจและหนา฿ ท่ี ซงึ่ คณะกรรมการลูกเสอื จะผ฿ูพจิ ารณาตามความต฿องการในเร่ืองนนั้ ๆ
58 คูม่ อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 51
คปู่มรอื ะสกง่ าเสศรนิมียแบลตัะพรวัฒชิ นาาชกีพจิ ก1รรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1
สานกั งานลูกเสือโลก
ทําหน฿าท่ีเป็นสํานักงานเลขาธิการดําเนินการให฿เป็นไปตามคําแนะนําหรือมติที่ประชุมสมัชชา
ลูกเสือโลก (World Scout Conference) และคณะกรรมการลูกเสือโลก (World Scout Committee)
มเี จา฿ หนา฿ ท่ีประจาํ สาํ นักงานลูกเสอื โลกและสาํ นักงานลกู เสอื เขตฯ อีก 5 เขต จํานวน 31 คน คือสํานักงาน
ใหญประจําเมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอรโแลนดโ และที่สํานักงานของคณะลูกเสือเขตฯ ที่คอสตาริก฿า
ฟิลปิ ปนิ สโ เคนยา อยี ปิ ตโ และสวิสเซอรแโ ลนดโ
กาเนิดสานักงานลกู เสือโลกโดยสังเขป
ในปี พ.ศ. 2463 ไดม฿ กี ารชุมนมุ ลกู เสอื ข้นึ ครงั้ แรกที่กรงุ ลอนดอน และในการชุมนุมครัง้ น้ีได฿จัดใหม฿ ี
การประชุมบรรดาผ฿ูนําทางการลูกเสือนานาชาติคร้ังแรกด฿วยในที่ประชุมเห็นสมควรให฿จัดตั้งสํานักงาน
ลูกเสอื โลกขนึ้ เพื่อจะไดท฿ ําหนา฿ ทเี่ ป็นสื่อกลางประสานงานของคณะกรรมการลูกเสือนานาชาติ เผยแพรและ
พฒั นาการลูกเสอื แกน านาประเทศ
วันที่ 11 ตุลาคม 2463 สํานักงานลูกเสือนานาชาติ (Boy Scout International Bureau) ก็ได฿เปิด
ดําเนินการขึ้นภายในอาคารสาํ นักงานคณะลกู เสอื แหง ประเทศอังกฤษ ในกรุงลอนดอน โดยขอเชาสถานที่
จากสาํ นักงานคณะกรรมการลกู เสือองั กฤษในการดําเนินงานคร้งั นี้
มิสเตอรโ เฟรเดริค เอฟ. พีบอดี้ (Mr. Frederick F. Peabody) ซ่ึงเป็นคหบดีผ฿ูมั่งคั่งชาว
สหรฐั อเมริกาเปน็ ผ฿ูออกทุนคาใช฿จายแกสํานักงานฯ โดยตลอดสาํ หรับปีแรก
ผู฿อาํ นวยการกิตตมิ ศักดิ์คนแรก คอื มิสเตอรโ เฮลเบิธ เอส. มารโติน (Mr.Hubert S. Martin) และยัง
ดํารงตาํ แหนงเป็นผต฿ู รวจการลูกเสอื ฝาู ยตา งประเทศของคณะลูกเสือองั กฤษดว฿ ยเขาดํารงตําแหนง อยูได฿ 18
ปี กถ็ งึ แกก รรมเมอ่ื ปี พ.ศ. 2481
ผูท฿ ีร่ บั ชว งตอมาก็คือ พันเอก เจ.เอส.วิลสัน (J.S. Wilson) ได฿รับตําแหนงผ฿ูอํานวยการกิตติมศักดิ์
คนที่ 2 ขณะเดยี วกนั เขาเป็นผ฿อู ํานวยการคายของกิลเวลลโปารโคด฿วย
เมื่อพันเอก เจ.เอส.วลิ สัน ได฿รับแตงต้ังก็ได฿ย฿ายท่ีทําการของสํานักงานลูกเสือนานาชาติไปท่ีใหม
คอื 28 ถนนบ๊คั กิ้งแฮม พาเลซ ในกรุงลอนดอน
ปี พ.ศ. 2482 สงครามโลกครงั้ ที่ 2 ไดเ฿ กิดขึน้ งานของสํานักงานแหง นกี้ ็ซบเซาลงเพราะการติดตอ
สัมพันธโระหวา งประเทศตา งๆ นน้ั ไมส ะดวก
ปี พ.ศ. 2488 สํานักงานลกู เสือนานาชาติกเ็ ริ่มคึกคักขึ้นอีก และได฿ย฿ายท่ีทําการของสํานักงานไป
อยูท ่ี 172 ถนนอบิ ูร่ี ตําบลเว็ชทมินซเทอะ เพราะสถานท่ีเดิมหมดสัญญาเชา
ปี พ.ศ. 2489 – 2496 ก็ไดห฿ นั มาฟนื้ ฟูการลกู เสือในประเทศลาตนิ อเมรกิ าและประเทศอน่ื ๆ ทีช่ ะงกั
ไปขณะที่เกดิ สงคราม
ปี พ.ศ. 2496 น้ันเอง พลตรี ดี.ซี.ซพไร (D.C.Spry) ก็ได฿รับเลือกต้ังเป็นผู฿อํานวยการสํานักงาน
ลูกเสอื โลก คณะกรรมการบรหิ ารของสาํ นักงานเห็นวาควรย฿ายที่ทําการไปอยูท่ีทวีปอเมริกาเพราะสะดวก
แกก ารหาเงนิ และรายได฿ เพอื่ จะไดน฿ าํ มาคํา้ จุนในการดําเนินงาน เพราะลําพังคาธรรมเนียมสมาชิกประจํา
จากประเทศตางๆ น้ันไมพอที่จะดําเนินงานและขณะนั้นเศรษฐกิจของประเทศในยุโรปต่ํามากเกือบทุก
ประเทศการหาเงินมาบํารงุ สาํ นักงานจึงทาํ ไดล฿ ําบาก
คูม่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 59
คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามัญปชรั้นะมกธัายศมนศียกึ บษัตารปวที ิชี่ า4ชีพ 1
52 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 1
ดงั นน้ั สํานกั งานลกู เสอื โลกจงึ ยา฿ ยจากกรงุ ลอนดอนไปอยูกรุงออตตาวา ในประเทศแคนนาดาาด าเมเมอ่ื ่ือ
วันที่ 1 มกราคม 2501
ปี พ.ศ. 2508 ในคราวการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครั้งท่ี 20 ณ เมืองเม็กซิโก ระหวางวันท่ี 26
กันยายน ถึงวนั ท่ี 3 ตุลาคม 2508 พลตรี ด.ี ซี.ซพไร (D.C.Spry) กพ็ น฿ จากตาํ แหนงผู฿อํานวยการสํานักงาน
ลูกเสือโลกไปตามวาระ คงให฿ มิสเตอรโ ริดชารโด ที.ลูนด (Mr. Richard T. Lund) รักษาการในตําแหนง
จนกระทั่ง พ.ศ. 2510 ในคราวการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกได฿ประกาศแตงต้ัง ดเอกเตอรโ แลสซีลโอ นากี้
(Dr. Laszlo Nagy) แทนตําแหนง ผู฿อํานวยการทว่ี างลง โดยเรยี กตาํ แหนงเสียใหมวาเลขาธิการ (Secretary
General) เม่ือวันท่ี 1 พฤษภาคม 2510 และนอกจากน้ันท่ีประชุมสมัชชาลูกเสือโลกยังได฿มีมติเห็นพ฿อง
ต฿องกันวาให฿ย฿ายสํานักงานใหญ สํานักงานลูกเสือโลก จากออตตาวาไปอยูท่ีเมืองเจนีวา ประเทศ
สวิสเซอรโแลนดโ ซึ่งเป็นศูนยโแหงยุโรปและการคมนาคมท่ีสะดวกท่ีสุด และขณะน้ีเมืองเจนีวาก็คือท่ีตั้ง
สาํ นกั งานนานาชาติหลายสาขา
ปี พ.ศ. 2531 ดอเ กเตอรโ แลสซีลโอ นากี้ ไดพ฿ น฿ วาระจากการเป็นเลขาธิการฯ ซง่ึ ได฿ตออายุมาหลาย
ครัง้ แล฿ว รวมระยะเวลาท่ีดํารงตําแหนง เลขาธกิ ารฯ เป็นเวลา 21 ปี
ปี พ.ศ. 2531 – 2547 ดเอกเตอรจโ ารคโ เมอรยิ อง (Jacques Moreillon) ชาวสวิซเซอรโแลนดโ
ดาํ รงตําแหนงเลขาธกิ ารฯ โดยในระยะนี้ กิจการลกู เสอื ทวั่ โลกมีความรดุ หน฿ากา฿ วไปไกลอยา งมาก โดย
จากเดมิ ในวนั เข฿ารบั ตําแหนง มีลกู เสอื 16 ล฿านคน ใน 120 ประเทศท่วั โลก และในวนั ทส่ี นิ้ สดุ การดํารง
ตาํ แหนง มีลกู เสอื ถงึ 28 ลา฿ นคน ใน 155 ประเทศ
ปี พ.ศ. 2547 - 2550 ดเอกเตอรโเอด็ ดอู าโด มซิ โซนี่ (Eduardo Missoni) ชาวอิตาลี
ปี พ.ศ. 2550 - 2555 นายลุด พานซิ โซ (Luc Panissod) ชาวฝรั่งเศส ในยุคสมัยนไี้ ด฿ใหก฿ าร
สนบั สนนุ ด฿านรฐั ธรรมนูญการวางแผนยทุ ธศาสตรโและการประเมนิ ผลเชงิ กลยุทธกโ ารสอ่ื สารและการ
ตา งประเทศ และเขาไดร฿ ับรางวัล Bronze Wolf ในปพี . ศ. 2539
ปี พ.ศ. 2556 - 2559 นายสกเอตซโ เทยี รโ (Scott A. Teare) ชาวอเมรกิ า เป็นเลขาธกิ ารฯคน
แรกที่ไมไ ด฿แตงต้ังมาจากชาวยุโรปโดยในยคุ สมัยนไี้ ดม฿ กี ารปรับปรงุ โครงสร฿างและย฿ายท่ีทาํ การ
สาํ นกั งานลกู เสือโลกเพอื่ รองรับการเปล่ียนแปลงของสภาพสงั คม และเขาไดร฿ ับรางวัล Bronze Wolf ใน
ปี พ. ศ. 2555
ปี พ.ศ. 2560 - ปจั จุบัน* นายอัลเหมด็ อัลเฮ็นดาวี (Ahmad Alhendawi) ชาวจอรโแดน
เลขาธิการฯคนปจั จบุ ัน โดยมนี โยบายเช่ือมนั่ ในเปาฺ หมายการพัฒนาอยา งยั่งยืน (SDGs) และเชอ่ื มั่นใน
การลงทนุ ทเี่ หมาะสมกับคนหนมุ สาววา พวกเขาสามารถมีสวนรว มอยางมากในการบรรลุเปาฺ หมาย และ
ยังเป็นผูท฿ ีม่ บี ทบาทสาํ คัญในการมีสว นรว มในการรวมตัวของสนั ติภาพในสถานที่ตาง ๆ ซง่ึ นาํ ไปสูการ
ยอมรับดา฿ นสันตภิ าพและความมัน่ คง
*ข฿อมูล ณ วนั ที่ 8 มิถนุ ายน 2560
60 ค่มู อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 53
คปมู่ รือะสก่งาเสศรนิมียแบลัตะพรวัฒชิ นาาชกีพิจก1รรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1
หน้าทขี่ องสานกั งานลูกเสือโลกมดี ังนค้ี อื
เปน็ ศนู ยโกลางประสานงานและตดิ ตอ องคโการลกู เสอื นานาชาติทเี่ ป็นสมาชกิ ทัว่ โลก
ใหค฿ วามชวยเหลือและคาํ แนะนาํ แกอ งคกโ รการลกู เสอื นานาชาตทิ ร่ี อ฿ งขอไป
ทําหน฿าท่ีวิจยั ค฿นควา฿ และวางโครงการระยะยาวในการพฒั นาการลกู เสอื ในนามสมัชชาลกู เสือโลก
และกรรมการบริหารลกู เสือโลก
สงเสริมใหม฿ ีการกอต้งั องคกโ ารลกู เสือใหมๆ เพิม่ ขึ้นตามความจาํ เป็นและชวยพัฒนาองคกโ ารลกู เสือ
เหลา น้นั โดยการชวยสงเอกสารเกีย่ วกับการลูกเสอื จดั ใหเ฿ จา฿ หน฿าทสี่ าํ นกั งานลูกเสอื โลกไปเยยี่ มเยียนและ
จดั ใหม฿ กี ารฝกึ อบรมผบู฿ งั คับบัญชาลูกเสือ
จดั การติดตอ โดยตรงกบั ประเทศในเครือสมาชิก โดยการไปเยย่ี มเยียนของเลขาธกิ ารและ
ผูต฿ รวจการสาํ นกั งานลกู เสอื โลกเสมอ
แตง ตั้งผตู฿ รวจการฝูายบรหิ ารและผต฿ู รวจการฝาู ยฝกึ อบรมในเขตตา งๆ ซ่ึงประเทศสมาชกิ ในสงั กดั
ต฿องการทจ่ี ะไดร฿ บั ความชวยเหลอื
จัดให฿มกี ารประชมุ ผบ฿ู งั คับบญั ชาลูกเสือนานาชาติสองปีตอ ครง้ั และจดั กจิ กรรมอ่นื ๆ ระหวา ง
ลกู เสือนานาชาติ สาํ หรบั ประเทศในเครอื สมาชกิ อยา งเพียงพอ
ทาํ หนา฿ ท่ีเป็นสาํ นกั งานเลขาธิการของคณะกรรมการลกู เสอื โลก ทง้ั ตาํ แหนงประจําและตาํ แหนง
ชวั่ คราว เชน คณะกรรมการลูกเสอื โลก ฝูายฝกึ อบรม ฯลฯ
สงเสริมใหม฿ ีการฝกึ อบรมผูบ฿ งั คับบญั ชาลูกเสือนานาชาติ ตามเขตตา งๆ ของสาํ นกั งานลูกเสอื โลก
และให฿มีอนกุ รรมการฝาู ยฝึกอบรมประจําเขตนนั้ ๆ
ออกวารสารลกู เสอื ฉบบั ประจําเดอื น และวารสารลูกเสือประจําเขตแตล ะเขต เพ่อื เผยแพรข าวสาร
การลกู เสอื
สง เสรมิ ใหม฿ กี ารเยี่ยมเยียนระหวางประเทศตา ง ๆ เป็นการตอบแทนซึ่งกันและกนั รวมท้งั ให฿
คําแนะนาํ และชว ยเหลอื ตามโครงการตา ง ๆ ท่ีจาํ เปน็
ชวยเหลือในการปรับปรุงกิจการลกู เสือ ตามโปรแกรมการประชาสมั พนั ธทโ ัว่ โลก
ทาํ หน฿าท่ตี ิดตอกบั องคโการอน่ื ๆ ของโลก เชน สํานกั งานลูกเสอื หญงิ แหงโลก องคกโ าร
สหประชาชาติ ยเู นสโก และองคโการอน่ื ๆ ที่เกย่ี วข฿องในการพฒั นาชุมชนใหเ฿ ป็นพลเมอื งดี
สํานกั งานลกู เสือไดแ฿ บง การบรหิ ารลกู เสือเป็นเขตๆ แตละเขตกม็ ีผต฿ู รวจการฝูายบรหิ ารประจําเขต
ของตน และมีศูนยกโ ลางดาํ เนินงานของแตล ะเขตดังน้ี คอื
เขตกลมุ ประเทศลาตนิ อเมรกิ า (Inter American Region) อยทู ่ีเมืองซานโฮเช ในประเทศออสตา
ริกา
เขตกลมุ ประเทศยุโรป (Europan Region) สาํ นกั งานตัง้ อยูท่เี มอื งเจนวี า ประเทศสวิสเซอรแโ ลนดโ
เขตกลมุ อาหรบั (Arab Region) สํานกั งานอยทู ่ีเมืองไคโร ประเทศอยี ปิ ตโ
เขตเอเชีย-แปซิฟกิ (Asia-Pacific Region) สาํ นกั งานต้ังอยูท่ีเมอื งมะนลิ า ประเทศฟิลปิ ปินสโ
เขตอาฟรกิ า (Afriga Region) สาํ นกั งานตัง้ อยทู ่เี มืองไนโรบี ประเทศเคนยา
เขตยูเรเซยี (Urasia Region) สํานักงานต้ังอยทู เ่ี มอื งยลั ตาเคอรซโ ัฟ ประเทศยเู ครน
ค่มู อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 61
คูม่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ปชรนั้ ะมกัธายศมนศียกึ บษตั ารปวีทิชี่ า4ชีพ 1
54 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1
ภมู ิหลงั ของที่ประชมุ สมชั ชาลูกเสอื เขตเอเชีย – แปซฟิ กิ
กรรมการลกู เสอื โลกได฿จดั ต้งั สาํ นักงานเขตตะวนั ออกไกล (Far – East Region) ขึ้นเมอื่ พ.ศ. 2499
ขณะน้ันมปี ระเทศสมาชกิ อยูเพยี ง 10 ประเทศ รวมประเทศไทยด฿วย ครนั้ ตอ มาการลูกเสอื ในเขตนมี้ ีการ
ขยายตวั ขึน้ เร่ือยๆ สองปตี อมามีประเทศสมาชกิ เพม่ิ ขนึ้ เปน็ 14 ประเทศ จึงไดจ฿ ัดใหม฿ กี ารประชมุ ลูกเสือ
เขตตะวันออกไกลขน้ึ (Far – East Scout Conference) เปน็ คร้งั แรก ณ เมอื งบาเกยี ว ประเทศฟลิ ปิ ปินสโ
และตอ มากม็ ีการประชุมทกุ 2 ปี
ในปี พ.ศ. 2513 ประเทศสมาชกิ เพ่ิมขน้ึ เป็น 18 ประเทศ และไดเ฿ ปลยี่ นจากเขตตะวนั ออกไกลเปน็
เขตเอเชีย-แปซฟิ ิก (Asia-Pacific Region) และปจั จุบันนมี้ ีประเทศสมาชกิ เพมิ่ ขึน้ เป็น 20 ประเทศแล฿ว ท่ี
เพ่ิมขนึ้ มา มีเนปาล บังคลาเทศ ฟิจิ ปาปัวนวิ กนี ี และบรไู น
คณะกรรมการลกู เสือเขตเอเชีย-แปซฟิ ิก
จากธรรมนญู ลูกเสอื เขตเอเชีย-แปซิฟิก กําหนดใหม฿ คี ณะกรรมการ 10 คนจาก 10 ประเทศอยูใน
ตาํ แหนง คราวละ 6 ปี โดยทป่ี ระชุมลกู เสอื เขตเอเชีย-แปซิฟิก เป็นผเ฿ู ลอื กตงั้ ทุกระยะ 3 ปี ทีม่ กี ารประชมุ
คณะกรรมการชุดนจี้ ะมกี ารประชุมทกุ ปี และอาจจะแตง ต้งั อนุกรรมการหรือกรรมการดาํ เนนิ งานในเร่ืองใด
เร่ืองหนงึ่ กย็ อ มทาํ ได฿ตามความจาํ เปน็ ในเขตของตน
คนไทยทีเ่ คยเปน็ คณะกรรมการลูกเสือภาคพ้นื เอเชียแปซฟิ ิก
1. นายแพทยแโ สง สทุ ธิพงษโ (พ.ศ. 2503 - 2507)
2. นายอภยั จนั ทวมิ ล (พ.ศ.2507 - 2511) ไดร฿ ับเลอื กเป็นประธานกรรมการ (พ.ศ.2509-2511)
3. นายจิตร ทงั สบุ ุตร (พ.ศ. 2511 - 2513)
4. นายเพทาย อมาตยกลุ (พ.ศ. 2515 - 2519)
5. นายแพทยโบญุ สม มารตโ ิน (พ.ศ. 2519 - 2523)
6. พลโทเยีย่ ม อนิ ทรกําแหง (พ.ศ. 2523 - 2525)
7. นายสําอาง พวงบตุ ร (พ.ศ. 2525 - 2529)
8. นายอาณฐั ชัย รตั ตกลุ (พ.ศ. 2529 - 2535)
9. นายสธุ รรม พนั ธุศกั ดิ์ ไดร฿ บั เลือกเปน็ รองประธานกรรมการคนท่ี 1 (พ.ศ.2535 – 2541)
10. นายประกอบ มกุ ุระ ไดร฿ บั เลอื กเปน็ รองประธานกรรมการคนที่ 1 (พ.ศ. 2550 – 2556)
11. นายพัทธโรจนโ กมลโรจนสโ ิริ สมยั ท่ี 1 (พ.ศ.2557 – 2558) ,สมัยท่ี 2 (พ.ศ.2558 – ปจั จบุ นั *)
*ข฿อมูล ณ วนั ท่ี 8 มถิ ุนายน 2560
เก่ียวกับการเงิน
นอกจากการกําหนดให฿เกบ็ คา บํารุงลูกเสือโลกสาํ หรับลกู เสอื ในเครอื่ งแบบแลว฿ ยังไดเ฿ งนิ มาจาก
รางวลั หรือเงินบริจาคมูลนิธิ บริษทั และบคุ คลในวงการตางๆ มีหลายประเทศท่ดี อ฿ ยพัฒนาไดร฿ ับความ
ชว ยเหลอื จากกองเงินลงทนุ ลูกเสอื นานาชาติ ซงึ่ นําไปชว ยเหลอื พีน่ อ฿ งของเราและสํานกั งานลูกเสอื โลก
เป็นผจ฿ู ัดสรรในเร่อื งงบประมาณและได฿นําเงินกองทนุ ไปฝากไว฿ในธนาคารตางๆ 10 แหง ใน 9 ประเทศ
62 คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 55
คปูม่ รอื ะสกง่ าเสศรนมิ ียแบลัตะพรวฒั ชิ นาาชกีพิจก1รรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
แผนภมู ิการบรหิ ารงานของสานักงานลูกเสือโลก
World Organization of the ScoouuttMMoovveemmeennt t(W(WOOSSMM) )
169 MEMBER COUNTRIES
Send 6 delegates to a biennial
สง่ ผู้แทน 6 คน ไปร่วมการประชุมทุก 3 ปี
elects 12 mem Staggered basis WORLD GENERAL ASSEMBLY
OF
WORLD SCOUTING
six – year term สมัชชาลกู เสอื
12 คนอยใู นตําแหนงคราวละ 6 ปี
Sets policy supervise WORLD BOARD OF DIRETOR OF
The work of the WSB COMMITTEE WORLD SCOUTING
วางนโยบายดแู ลการดาํ เนนิ งาน คณะกรรมการอาํ นวยการ
ของสาํ นกั งานลูกเสือโลก
Implementation relationships WORLD SECRETARIAT OF
Eo – ordination promotion WORLD
SCOUTING
สํานักงานเลขาธกิ าร
ดําเนนิ การ ตดิ ตอ ประสานงาน
และสงเสรมิ
AFRICA ARAB ASIA EUROPE INTER URESIA
PACIFIC AMERICA
Information Training World Jamboree Visits Direct RublicatNion
& Advice การฝึกอบรม & Moot การเยีย่ มเยียน Research
การใหค้ าชแ้ี จง การชุมนุม และการ การพมิ พเ์ อกสาร
แนะนา ลกู เสือช่วยเหลอื โดยตรง และการวิจัย
169 MEMBER COUNTRIES
คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 63
ค่มู อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ปชรน้ั ะมกธัายศมนศยี ึกบษตั ารปวีทิชี่ า4ชีพ 1
56 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 1
ความสมั พันธ์ระหว่างลกู เสอื นานาชาติ
ลกู เสอื นานาชาตมิ คี วามสมั พันธกโ ันดังตอ ไปน้ี
1. กิจการลกู เสอื ทกุ ประเทศมหี ลักการทส่ี าํ คัญอยางเดยี วกนั
1.1 หน฿าที่ตอ พระผูเ฿ ป็นเจา฿ และศาสนา
1.2 ความจงรกั ภกั ดตี อ ประเทศชาติของตน
1.3 มีความศรัทธาในมิตรภาพ และความเป็นพี่น฿องของลูกเสอื ทว่ั โลก
1.4 การบาํ เพ็ญประโยชนโตอ ผอู฿ ่นื
1.5 การยอมรบั และปฏิบัติตามคาํ ปฏิญาณและกฎของลกู เสือ
1.6 การเขา฿ เปน็ สมาชกิ ดว฿ ยความสมัครใจ
1.7 มีความเปน็ กลางไมข ึ้นกบั อิทธิพลทางการเมอื ง
1.8 มกี าํ หนดการพเิ ศษสําหรับการฝึกอบรมโดยอาศยั ระบบหมู การทดสอบเปน็ ขัน้ ๆ
เครือ่ งหมายวิชาพเิ ศษ กิจกรรมกลางแจ฿ง
2. ยึดหลักการพัฒนาลกู เสอื 8 ประการ
2.1 พฒั นาความคิดเรอื่ งศาสนา
2.2 พฒั นาให฿มคี วามรส฿ู กึ ด฿านคา นิยม
2.3 การพัฒนาทางรางกาย
2.4 การพัฒนาทางสติปัญญา
2.5 การพฒั นาทางสงั คม
2.6 สมั พันธภาพทางสังคมในกลุมลกู เสอื
2.7 ความรบั ผดิ ชอบตอชมุ ชน
3.ความรับผดิ ชอบตอ ส่ิงแวดลอ฿ มมกี ารจัดงานชมุ นมุ ลกู เสอื โลก งานชุมนมุ ลกู เสือเขตตางๆ เชน
งานชุมนมุ ลกู เสอื เขตเอเชยี แปซฟิ กิ เป็นตน฿ การจดั งานชุมนุมลูกเสือทาํ ใหล฿ ูกเสือประเทศตางๆ ได฿มี
โอกาสมารว มชมุ นมุ ได฿มโี อกาสทาํ กจิ กรรมตา งๆ รวมกัน ได฿แลกเปลีย่ นความรู฿ ประสบการณโ ทําให฿มี
ความสมั พนั ธกโ ันมากขน้ึ มเี พอ่ื นตา งชาตเิ พ่มิ ขนึ้ และอาจมกี ารติดตอ กนั หลงั จากงานชมุ นมุ ลกู เสือแลว฿ จะ
ทําใหค฿ วามสมั พันธโตา งๆ แนบแนน ขึ้นจากเดมิ มโี ครงการแลกเปล่ยี นลกู เสอื เพือ่ ศึกษาดูงานกิจการลกู เสือ
ของแตล ะประเทศ ทําใหล฿ กู เสือไดม฿ โี อกาสรวมโครงการดงั กลา ว ไดศ฿ ึกษากิจการลกู เสอื และสร฿าง
ความสมั พนั ธอโ นั ดีกบั ลูกเสอื ในประเทศทแ่ี ลกเปล่ยี นตามโครงการ ยงั ผลใหค฿ วามสมั พันธเโ กี่ยวกบั กิจการ
ลูกเสอื ของประเทศมคี วามผูกพันกนั มากขึ้น
จะเหน็ ได฿วา จากหลักการและกิจกรรมตางๆ ดังกลาวนน้ั กจิ การลกู เสอื เปน็ กจิ การทสี่ ง เสริมให฿พี่
นอ฿ งลกู เสอื ท่ัวโลกมคี วามสัมพนั ธกโ นั เปน็ อยา งดี ดังนัน้ หลักการท่ีวา ลกู เสือเป็นมิตรของทุกคนและเปน็ พ่ี
นอ฿ งกับลูกเสืออื่นทวั่ โลก
64 คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 57
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
ค่มู ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4
ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 1
แบบทดสอบ แผนกจิ กรรมท่ี 2
คาสัง่ ให฿เขยี นเคร่ืองหมายกากบาท ( ) ทบั ตวั อกั ษรหน฿าข฿อคาํ ตอบที่ถกู ที่สุด
1. นายกรัฐมนตรดี าํ รงตําแหนง ใดในสภาลูกเสอื แหง ชาติ
ก. ประธานสภาลกู เสอื แหงชาติ ข. สภานายกของสภาลกู เสือแหง ชาติ
ค. อุปนายกของสภาลกู เสอื แหง ชาติ ง. ผอู฿ ํานวยการใหญของสภาลูกเสอื แหง ชาติ
2. ประธานคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหงชาติคือใคร
ก. นายกรฐั มนตรี ข. รองนายกรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีวา การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ง. อธบิ ดกี รมพลศกึ ษา
3. ขอ฿ ใดท่ี ไมใ ช อํานาจหนา฿ ท่ีของคณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหงชาติ
ก. ดําเนินการตามนโยบายของสภาลกู เสอื แหง ชาติ
ข. ดาํ เนนิ การตามวตั ถุประสงคโของคณะลกู เสือแหงชาติ
ค. จัดใหม฿ ีการฝกึ อบรมลูกเสือและผ฿บู ังคับบญั ชาลกู เสือ
ง. พจิ ารณารายงานประจําปีของคณะลูกเสอื แหง ชาติ
4. ผว฿ู า ราชการจังหวัดทําหนา฿ ทใ่ี ด ในคณะกรรมการลกู เสอื จงั หวัด
ก. ทีป่ รึกษาคณะกรรมการฯ ข. ประธานกรรมการฯ
ค. อปุ นายก ง. กรรมการผูท฿ รงคุณวุฒิ
5. ประธานคณะกรรมการลกู เสอื เขตคอื ใคร
ก. นายอาํ เภอ ข. ปลัดอาํ เภอ
ค. ผอ฿ู ํานวยสาํ นักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษา
ง. ผูอ฿ ํานวยการสาํ นกั งานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย
6. ในปจั จุบันสมชั ชาลูกเสอื โลกมีการประชมุ ทกุ ๆ ก่ีปี
ก. 1 ปี ข. 2 ปี
ค. 3 ปี ง. 4 ปี
7. คณะกรรมการลูกเสอื โลก ประกอบด฿วยผ฿แู ทนก่คี น
ก. 6 คน ข. 8 คน
ค. 10 คน ง. 12 คน
8. สํานกั งานลกู เสอื โลก มใี ครเปน็ ผู฿บงั คบั บัญชา
ก. เลขาธกิ ารสาํ นกั งานลกู เสอื โลก ข. เลขานกุ ารสาํ นกั งานลกู เสอื โลก
ค. ผอ฿ู าํ นวยการสํานักงานลกู เสอื โลก ง. ประธานสาํ นักงานลกู เสอื โลก
9. สํานกั งานลกู เสอื โลกมี สํานกั งานสาขากแี่ หง
ก. 3 แหง ข. 5 แหง
ค. 7 แหง ง. 9 แหง
คูม่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 65
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
58 คู่มือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4
ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1
10. ขอ฿ ใด ไมใ ช หลกั การสาํ คญั ของกจิ การลกู เสอื
ก. มคี วามจงรกั ภกั ดีตอ ประเทศชาติ ข. การบาํ เพญ็ ประโยชนโตอ ผอู฿ ่นื
ค. ไมเ ก่ยี วข฿องกับอทิ ธิพลทางการเมอื ง ง. ไมจําเปน็ ตอ฿ งมศี าสนา
เฉลยแบบทดสอบ
1.ข 2.ค 3.ง 4.ข 5.ค
6.ค 7.ง 8.ก 9.ข 10.ง
เรอ่ื งส้นั ที่เป็นประโยชน์
ทางเตยี นเวียนลงนรก ทางรกวกขึ้นสวรรค์
เดก็ ชายคนหน่งึ เปน็ ลกู ของคนรํา่ รวย เกดิ มา พอ – แมให฿ทุกอยาง ตามใจทุกอยาง การเรยี นไมม ี
ความต้ังใจถอื วา พอ – แมรวย อยมู าไมนานนกั พอ – แม เสียชวี ิตลงทรพั ยโสมบัตติ า งๆ ทม่ี ีอยกู ถ็ ูกลกู คน
นผี้ ลาญหมดจนสนิ้ พอหมดทรพั ยโสนิ ท่ี พอ – แมหาไว฿ให฿ เดก็ คนนี้กค็ ิดสนั้ เลยฆา ตวั ตาย
แตม เี ดก็ อกี คนหนึง่ เกดิ มามคี วามลาํ บาก อดทนตอ สูช฿ ีวติ ทุกอยา งดว฿ ยตวั เอง มคี วามตงั้ ใจเรยี น
แม฿มีอปุ สรรคตา งๆ ทเ่ี ปน็ อุปสรรคตอ การเรยี น เด็กคนน้นั กส็ ามารถแกป฿ ัญหาไดจ฿ นประสบความสําเร็จใน
ชีวติ อยา งราบรน่ื ทกุ วันนี้
เรอ่ื งนส้ี อนให้รวู้ ่า หากคนเราไมม คี วามต้ังใจและอดทน ถงึ แมจ฿ ะมีทรพั ยสโ นิ เงินทองมากมายกช็ วยอะไร
ไมไ ด฿ เพราะฉะนนั้ ลกู เสือเนตรนารวี ิสามัญ ควรตงั้ ใจศึกษาหาความรแู฿ ละอดทนตอ ความยากลาํ บากเพ่ือ
ความสําเร็จในชวี ติ
66 คูม่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 59
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4
ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามัญ 1 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4, ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช. 1)
หนว่ ยที่ 3 คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื เวลา 2 ช่ัวโมง
แผนการจดั กิจกรรมที่ 4 คาปฏิญาณและกฎของลกู เสอื วสิ ามญั
1.จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.1 ลูกเสอื สามารถบอกความหมายของคาํ ปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื วิสามัญได฿
1.2 ลูกเสอื ปฏิบัตติ ามคําปฏิญาณและกฎของลกู เสือวิสามญั ได฿
2.เนื้อหา
2.1 ความหมายของคาํ ปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื
2.2 กฎของลกู เสือเปรยี บเสมือนหลกั การของศาสนา
2.3 การปฏบิ ตั ติ ามคําปฏิญาณและกฎของลกู เสอื
3.ส่ือการเรยี นรู้
3.1 แผนภูมิเพลง/เกม
3.2 ใบความร฿ู
3.3 เรอื่ งสั้นท่ีเป็นประโยชนโ
4. กิจกรรม
4.1 พิธีเปดิ ประชุมกอง (ชักธงขน้ึ สวดมนตโ สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
4.2 เกมสร฿างหนุ
4.3 กิจกรรมตามจดุ ประสงคโการเรยี นรู฿
1) ผูก฿ าํ กับลกู เสอื บรรยาย คําปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื ประกอบภาพในเหตกุ ารณปโ ัจจุบนั
2) ลกู เสือรอ฿ งเพลง กฎของลกู เสอื โดยผูก฿ ํากับลกู เสือรอ฿ งเพลงให฿ฟงั เปน็ ตัวอยางแลว฿ ให฿
ลูกเสอื ร฿องตาม
3) ให฿ลูกเสอื แตละหมู เตรียมเร่ืองแสดงบทบาทสมมตุ ิเก่ียวกบั เร่อื งคําปฏญิ าณและกฎของ
ลูกเสอื โดยผก฿ู ํากับลกู เสือมหี ัวขอ฿ เรื่องใหแ฿ ตล ะหมจู ับฉลากเลือกเรื่อง แล฿วใหแ฿ ตล ะหมูเ ตรยี มการแสดง
บทบาทสมมุติเพ่อื นําเสนอตอ ไป
4) ให฿ลูกเสือออกมาแสดงบทบาทสมมตุ ิเรอ่ื งทจี่ ับฉลากได฿โดยใหแ฿ สดงทีละหมู
5) ผกู฿ ํากบั ลกู เสอื และลูกเสอื รวมกนั สรุปการแสดงบทบาทสมมตุ ขิ องลกู เสอื ซกั ถาม
รายละเอียดเพิ่มเตมิ และเพมิ่ เตมิ สวนท่ียงั ไมสมบูรณโ
6) ผก฿ู าํ กบั ลกู เสอื เสนอแนะใหล฿ ูกเสือทอ งคาํ ปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื แลว฿ นาํ ไปปฏิบัติใช฿
ในชวี ิตประจําวัน
4.4 ผก฿ู าํ กบั ลกู เสือเลา เรือ่ งสน้ั ทเี่ ปน็ ประโยชนโ
4.5 พิธปี ดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ )
คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 67
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
60 คมู่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
5.การประเมิน
5.1 สงั เกตความรวมมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการอภปิ รายและบทบาทสมมตุ ิ
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 4
เพลง
กฎคาปฏิญาณ
กฎคําปฏญิ าณ ทุกวนั เราตางจดจํา
ไมเคยลืมคํา น฿อมนาํ ไวใ฿ นดวงใจ
ยึดม่นั หนักหนา ไมวาจะอยูแ หง ใด
พวกเราลูกเสอื
ยดึ มั่นไว฿ในคาํ ปฏญิ าณ
กฎของลูกเสือ
กฎขอ฿ หน่ึงพงึ จาํ ใหด฿ ี ลูกเสอื ต฿องมีเกยี รตเิ ชอ่ื ถอื ได฿
กฎขอ฿ ทส่ี องนัน้ รองลงไป จะภักดใี หผ฿ ู฿มพี ระคณุ
กฎข฿อทส่ี ามนัน้ บาํ เพ็ญบญุ ชว ยเหลือเกอ้ื กูลผอ฿ู ื่นเรื่อยไป
นะเธอ อยาลมื อยา ลมื ๆ
กฎข฿อส่นี นั้ มาคดิ จะเปน็ มติ รกับคนทว่ั ไป
กฎขอ฿ ห฿าทานวาเอาไว฿ มารยาทนัน้ ไซรห฿ ัดให฿งามๆ
กฎข฿อหกนรกไมตาม เพราะนํ้าใจงามกรุณาสตั วโมนั
นะเธอ อยาลมื อยา ลืม ๆ
กฎขอ฿ เจ็ดจงเชอ่ื ฟัง ในคําสง่ั โดยดุษฎี
กฎขอ฿ ทแี่ ปดยม้ิ ยม้ิ ไวซ฿ ี ลูกเสอื ไมหนีตอ ความยากลาํ บาก
กฎขอ฿ ทเ่ี ก฿าออมเอาไวย฿ ามยาก จะไมลําบากเงินทองมากมี
กฎขอ฿ ทสี่ บิ ประพฤตคิ วามดี ท้ังกายวจมี โนพรอ฿ มกนั
นะเธอ อยา ลมื อยา ลมื ๆ
68 คูม่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 61
ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
ค่มู อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
เกม
จานวนผูเ้ ล่ม สร้างหนุ่
20 – 40 คน
อุปกรณ์ -
สถานท่เี ล่น สนาม
วิธีการเล่น 1. จดั ผเ฿ู ลน เป็นแถวแบบรูปวงกลมโดยให฿นั่งชดิ กัน ผู฿นาํ เกมให฿ผเู฿ ลนคนแรกหนั
หน฿าไปหาผ฿ูเลนคนทางขวามอื แล฿วจัดทา ทางตา งๆ ตามทตี่ ฿องการ เชน จับแขนยกขน้ึ บนศีรษะ ในขณะ
ท่ีผเู฿ ลน คนทจี่ ัดทา ทางตางๆ อยู ผ฿เู ลน ทถ่ี กู ทาํ นนั้ จะต฿องอยเู ฉยๆ ไมห วั เราะหากหวั เราะจะตอ฿ งออกจาก
การแขงขนั จะทาํ ตอ กนั ไปจนครบทกุ คน
2. ผ฿ทู ่ีไมห ัวเราะเลยจะเป็นผ฿ทู ีช่ นะ
ขอ้ ควรระวงั การจัดทา ทางตา งๆ ทจ่ี ัดใหผ฿ ฿ูเลน ตอ฿ งคาํ นงึ ถงึ ความเหมาะสมดว฿ ย
ประโยชน์ 1.เปน็ การฝึกการควบคุมอารมณโ และความอดทน
2.ทาํ ให฿เกดิ ความสนุกสนานเพลิดเพลนิ
ใบความรู้ คาปฏญิ าณและกฎลูกเสือ
คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสือ
คําวา “ปฏิญาณ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน แปลวา “ให฿คํามั่นสัญญาโดยมาก
มักเป็นไปตามแบบพิธี”
ลกู เสือจะตอ฿ งสํานกึ วา การกลาวคาํ ปฏิญาณเป็นไปด฿วยสมัครใจของตนเอง ไมมีการบังคับอน่ึง
จะตอ฿ งเขา฿ ใจด฿วยวา ผูจ฿ ะเรียกไดว฿ า เป็น “คนจรงิ ” เพ่ือให฿ผ฿อู ่ืนนับถือหรอื เช่ือถือได฿น้ันจะต฿องเป็นผู฿รักษา
คําพูดโดยเฉพาะทเ่ี ป็นคาํ ปฏญิ าณ หรอื คาํ มนั่ สญั ญาของตน กลาวคือ ถ฿าสัญญาวา จะทําอยา งไรแลว฿ ต฿อง
ทาํ เหมอื นปากพดู ทกุ อยา ง
คําปฏิญาณของลูกเสือไมมีคําวา “อยา” หรือ “ต฿อง” คือไมมีการห฿ามหรือบังคับ แตเป็นคํา
ปฏิญาณหรือคํามั่นสัญญาท่ีลูกเสือและผู฿บังคับบัญชาลูกเสือได฿กลาวรับรองด฿วยเกียรติของตนเองด฿วย
ความสมคั รใจ
กฎของลูกเสือประกอบดว฿ ยขอ฿ บังคับซึง่ ใชก฿ ับลูกเสอื ทัว่ โลก เพ่ือให฿ลูกเสือถือเป็นหลักปฏิบัติใน
ชวี ิตประจําวัน
คําปฏิญาณและกฎของลูกเสือ เป็นหลักการสําคัญประการหน่ึงของการลูกเสือ ลูกเสือทุกคน
จะตอ฿ งยอมรบั และปฏบิ ัตติ ามคาํ ปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื ประเทศท่ีเปน็ สมาชกิ ของสมัชชาลูกเสือโลก
จะต฿องกําหนดให฿มีคําปฏิญาณและกฎของลูกเสือสําหรับลูกเสือของตน โดยอนุโลมตามหลักการที่
กําหนดไว฿ในธรรมนูญของสมชั ชาของลกู เสอื โลก
ค่มู อื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 69
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
62 คู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
คําปฏญิ าณและกฎของลูกเสือทุกข฿อสอดคล฿องกับศลี ธรรมของศาสนาทุกศาสนา
คําปฏญิ าณและกฎของลูกเสือทําให฿ลูกเสือ มีความจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริยโ
รูจ฿ ักบาํ เพญ็ ประโยชนตโ อผู฿อื่นมรี ะเบียบวินัย อยูในกรอบประเพณอี ันดีงามและไมกอให฿เกิดความยุงยาก
ใดๆ ในบ฿านเมือง
คาปฏิญาณของลูกเสอื สามญั สามญั ร่นุ ใหญแ่ ละวิสามัญ มี 3 ขอ฿ ดงั ตอไปน้ี
ดว฿ ยเกียรติของขา฿ ขา฿ สัญญาวา
ข฿อ 1. ข฿าจะจงรักภกั ดี ตอชาติ ศาสนาพระมหากษัตริยโ
ขอ฿ 2. ขา฿ จะชว ยเหลอื ผ฿ูอ่นื ทุกเมอ่ื
ขอ฿ 3. ขา฿ จะปฏิบตั ติ ามกฎของลูกเสอื
จากคําปฏิญาณของลูกเสือแสดงใหเ฿ ห็นวา ลกู เสอื มีหน฿าทดี่ งั ตอไปน้ี
หน้าทตี่ อ่ ชาติ
ชาติเป็นทร่ี วมของบคุ คลคณะหนึ่ง ซ่งึ มีเช้อื ชาตกิ ําเนดิ เกดิ มาจากบรรพบรุ ุษสายเดียวกนั
ชาติไทย คือ แผนดินและนานนาํ้ ทีร่ วมเรยี กวาประเทศไทย ประกอบด฿วย ประชาชน พลเมืองที่
รวมกนั เรยี กวา คนไทย
ธงชาติ เป็นเคร่ืองหมายแทนชาติ ฉะนั้น ธงชาติจึงเป็นส่ิงที่ควรแกการเคารพ เป็นหน฿าที่ของ
ลกู เสอื ทุกคน จะตอ฿ งแสดงความเคารพในโอกาสทีช่ ักธงขึน้ สูย อดเสาและชกั ธงลงจากยอดเสา
พิธชี ักธงชาตขิ ้ึนสยู อดเสา หรือชกั ธงลงจากยอดเสาน้นั เปน็ พิธที ่สี ําคญั อยา งหนึง่ ของลูกเสือซ่ึง
จะต฿องกระทําด฿วยความพิถีพิถันเป็นระเบียบเรียบร฿อย ผู฿ที่ได฿รับมอบหมายให฿มีหน฿าท่ีชักธงชาติขึ้นลง
กอนชักธงควรเชิญธงชาติไปผูกให฿เรียบร฿อย และเวลาชักธงลงต฿องระวังไมให฿ธงชาติสัมผัสกับพื้นเป็น
เด็ดขาด เม่อื ชักธงลงแล฿วควรแก฿ธงชาติพับให฿เรียบร฿อย วางบนพานท่ีเตรียมไว฿แล฿วเชิญธงชาติไปเก็บ
รกั ษาไว฿ในท่เี หมาะสม
เพลงชาติ เป็นสัญลกั ษณอโ ยา งหน่ึงของไทย ลกู เสอื ต฿องร฿องเพลงชาตไิ ด฿อยางถกู ต฿องและเม่ือได฿
ยนิ การร฿องหรือบรรเลงเลเพลงชาติตอ฿ งแสดงความเคารพทกุ คร้งั
ลูกเสือจะต฿องปฏิบัติตอชาติ ด฿วยความเคารพ ยกยอง เทิดทูน ไมกระทําการใดๆ อันที่จะนํา
ความเสอื่ มเสียมาสชู าตขิ องเรา
หนา้ ที่ตอ่ ศาสนา
ศาสนามีพระคุณแกเรามาก โดยชวยแนะนําส่ังสอนให฿รู฿ผิดชอบชั่วดี สิ่งใดควรละเว฿นคือให฿เรา
สร฿างความดีละเวน฿ ความช่ัวไมเบียดเบยี นกนั ลกู เสือทุกคนต฿องมีศาสนา จะเป็นศาสนาใดก็ได฿ เพราะทุก
ศาสนาสอนให฿คนเปน็ คนดี โดยการละเวน฿ ความชว่ั กระทําแตค วามดี และทําใจให฿บริสุทธ์ิ
ลูกเสือจะต฿องประพฤติและปฏิบัติกิจทางศาสนา ตามจารีตประเพณี นับถือด฿วยใจบริสุทธ์ิ ไม
แสดงการลบหลูศาสนา ไมวา ศาสนาใดๆ ควรหาโอกาสปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาตลอดเวลาที่สามารถ
ทาํ ได฿
70 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 63
คป่มู รอื ะสก่งาเสศรนิมยี แบลตัะพรวัฒิชนาาชกีพจิ ก1รรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4
ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 1
หน้าท่ตี อ่ พระมหากษัตริย์
พระมหากษัตริยโทรงเปน็ ประมุขของชาติ ทรงเป็นอคั รศาสนปู ถัมภก ทรงเป็นจอมทัพไทยเปน็ ท่ี
รวมแหงความเคารพสกั การะและความสามคั คีของคนไทยทัง้ ชาติ นอกจากนัน้ พระองคโทรงเปน็ พระ
ประมขุ ของคณะลกู เสอื แหงชาติ
ลูกเสือจะตอ฿ งถวายความจงรกั ภกั ดี เคารพสกั การะตอ พระองคแโ ละสมเด็จพระนางเจ฿า
พระบรมราชนิ นี าถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงคโทกุ พระองคโ และตอพระพรมฉายาลกั ษณโ ไมแ สดงกิรยิ า
วาจาอนั เปน็ การลบหลดู หู ม่ินหรือทาํ ให฿เสอ่ื มเสยี พระเกียรตยิ ศ ยอมสละเลอื ดเนอ้ื ถวายชีวิตเปน็ ราชพลี
ได฿
หนา้ ทต่ี อ่ ผู้อ่ืน
ดงั คําปฏิญาณขอ฿ 2 ท่ีวา ขา฿ จะชว ยเหลือผูอ฿ ืน่ ทกุ เม่ือ
การบาํ เพ็ญประโยชนตโ อ ผอู฿ ่นื เปน็ หลกั สําคญั ประการหน่งึ ของลกู เสอื และเปน็ สิง่ ท่ที าํ ให฿การ
ลกู เสือมชี อ่ื เสยี ง ได฿รับการยกยองจากประชาชนโดยทว่ั ไป ในการบําเพญ็ ประโยชนโ ควรเริ่มจากส่งิ ทมี่ ี
อยใู กลต฿ วั ตนกอ นได฿แก ทบี่ า฿ นของตนเอง โดยการชว ยเหลอื งานในบา฿ นและครอบครวั ชว ยเหลอื และทาํ
ประโยชนโใหแ฿ กเพอ่ื น หอ฿ เรียน โรงเรยี นหรอื กองลกู เสอื ทส่ี ังกดั ชุมชน สังคม และประเทศชาติในม่ใี น
ทส่ี ุดโดยลกู เสือตอ฿ งตระหนกั วา การชว ยเหลือผอ฿ู ื่นเป็นสง่ิ มเี กยี รติ และปฏิบตั ดิ ฿วยความสมัครใจ
หน้าท่ีตอ่ การปฏิบัตติ ามคาปฏิญาณและกฎของลูกเสอื
ลูกเสอื ทกุ คนมีหนา฿ ทป่ี ฏิบตั ติ ามคาํ ปฏิญาณและกฎของลกู เสือ เปรียบเสมอื นศีลของลกู เสอื ท่ี
ต฿องถือปฏิบัติ โดยถอื เป็นหลกั ยดึ เหนยี วใหป฿ ฏบิ ัติแตส่งิ ทด่ี งี าม หลกั เลา นี้เป็นหลกั สากลซึ่งลูกเสือทกุ
ประเทศถอื ปฏบิ ตั เิ ชนเดยี วกนั ทัว่ โลก
กฎของลกู เสือ มี 10 ขอ฿ ดังตอไปนี้
ข฿อ 1 ลกู เสือมีเกยี รติเช่อื ถือได฿
ข฿อ 2 ลกู เสือมคี วามจงรักภักดตี อ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ โ และซอื่ ตรงตอผมู฿ พี ระคณุ
ข฿อ 3 ลูกเสือมหี นา฿ ท่กี ระทาํ ตนใหเ฿ ปน็ ประโยชนโและชว ยเหลอื ผอ฿ู น่ื
ขอ฿ 4 ลกู เสือเปน็ มติ รของคนทกุ คน และเปน็ พนี่ อ฿ งกบั ลูกเสอื อ่ืนทั่วโลก
ข฿อ 5 ลูกเสอื เป็นผสู฿ ภุ าพเรียบรอ฿ ย
ข฿อ 6 ลกู เสอื มีความเมตตากรณุ าตอ สัตวโ
ขอ฿ 7 ลกู เสอื เชอื่ ฟงั คําส่ังของบิดามารดา และผบ฿ู ังคับบญั ชาด฿วยความเคารพ
ข฿อ 8 ลกู เสือมีใจรา เริง และไมย อ ท฿อตอ ความยากลําบาก
ข฿อ 9 ลูกเสือเป็นผม฿ู ัธยัสถโ
ข฿อ 10 ลกู เสอื ประพฤตชิ อบดว฿ ยกาย วาจา ใจ
หมายเหตุ กฎของลกู เสอื ขอ฿ 10 น้ี ไดด฿ ัดแปลงมาจากกฎของลกู เสอื ขอ฿ 10 ตามธรรมนญู ของ
สมัชชาลกู เสอื โลกท่วี า “ลกู เสอื เป็นผส฿ู ะอาดในทางความคิด วาจา และการกระทาํ ”
ความหมายและรายละเอียดของกฎลูกเสอื
คมู่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 71
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
64 คู่มือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
ข฿อ 10 ลูกเสือประพฤติชอบด฿วยกาย วาจา ใจ
หมายเหตุ กฎของลกู เสอื ขอ฿ 10 น้ี ไดด฿ ัดแปลงมาจากกฎของลูกเสือข฿อ 10 ตามธรรมนูญของ
สมัชชาลกู เสอื โลกที่วา “ลกู เสอื เป็นผสู฿ ะอาดในทางความคดิ วาจา และการกระทาํ ”
ความหมายและรายละเอียดของกฎลกู เสือ
กลา วออขกอ฿มา1แลลคูก฿วู่มเจือสะสอื ทง่ มเาํ สอเีรกิมยียแา ลงระไตพริเฒัแชลนอ่ื ฿วาถกตจิ ือ฿อกไงรดปรม้ฏลเิบกูกียเตั สรติือตทาิขมกั อษคะงําชลพวี กู ติูดเใสทนือนัสเถทปาโีน็นดศสยึกิ่งไษทมาม่ี ม ลีคเีูกงาเอื่สยือน่งิ วไสิเขกาใมียปดญั รรๆะตกชิเแาัน้ปศลมน็นะัธียศตยบกั฿อมัตดศงรึกทสิ์วษิชทิําาาดธปช฿วิ์ีพที เย่ีม14คอ่ื วไาดม฿ 71
ต้ังใจจรงิ เต็มความสามารถ คนที่รจ฿ู ักรักษาเกยี รติเปน็ ผ฿เู ชือ่ ถอื ได฿ ในฐานะที่ทา นเปน็ ลูกเสอื วิสามัญ ทาน
ต฿องไมย อมให฿สง่ิ ใดๆมาทาํ ใหท฿ า นเสยี เกียรติหรือละเมิดคํามัน่ สัญญาเป็นอันขาด
ขอ้ 2 ลกู เสือมคี วามจงรักภักดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ และซ่ือตรงตอ่ ผู้มีพระคณุ
คือ ลกู เสอื ต฿องมีความซอ่ื ตรง ซื่อสตั ยโ จงรักภกั ดตี อ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริยโ และผอู฿ ุปการะคณุ
ดว฿ ยการยกยอ งเทดิ ทนู เคารพรัก เม่อื มีภยั อนั ตรายยอมสละชวี ติ ปอฺ งกันได฿ ในฐานะทที่ า นเป็นลกู เสือ
วสิ ามัญ ทา นจะต฿องตระหนกั ถงึ เรอ่ื งความซอ่ื ตรง ซอ่ื สตั ยโ และจงรกั ภักดีตอ สถาบนั ท้งั 3 และผู฿มี
พระคณุ ต฿องแสดงออกทกุ เมอ่ื ๆ มีโอกาส
ข้อ 3ลูกเสือมหี น้าทีก่ ระทาตนใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ ละชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื คือ พยายามกระทาํ ตน
ให฿เป็นประโยชนโและชว ยเหลือผู฿อื่นด฿วยความจรงิ ใจ โดยไมห วงั สงิ่ ตอบแทนใด ๆ เชน ชว ยเหลือใหพ฿ น฿
ทุกขพโ น฿ ภยั อนั ตราย ชวยกจิ การบ฿านเมอื ง งานโรงเรยี น และชมุ ชน ตลอดจนสงั คมและประเทศชาตใิ น
ฐานะที่ทานเปน็ ลกู เสือวิสามัญทา นตอ฿ งเตรยี มพร฿อมเสมอทจ่ี ะชว ยเหลือโดยไมเ ห็นแกค วามยากลาํ บาก
และควรบําเพ็ญประโยชนตโ อผอู฿ ืน่ อยเู สมอ
ข้อ 4 ลูกเสือเปน็ มติ รของคนทุกคน และเปน็ พ่ีน้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก คอื ลูกเสอื ตอ฿ งมี
ใจโอบอ฿อมอารี เออื้ เฟือ้ เผ่ือแผแ กค นทกุ ช้ัน โดยไมเลอื กชาติ ศาสนาและช้นั วรรณะ จะเป็นชาติเดียวกนั
หรือตา งชาตกิ ็ยอ มถอื วา เปน็ พวกเดียวกัน เป็นพนี่ ฿องกันตอ฿ งชว ยเหลอื กนั เม่ือพบกันตอ฿ งทกั ทาย ใน
ฐานะท่ีทา นเป็นลกู เสือวิสามัญ ทา นจะตอ฿ งยอดรบั วาคนอ่ืนเป็นเพ่อื นมนษุ ยแโ ละไมรงั เกียจความแตกตาง
ในเรอ่ื งตา งๆ ควรมองหาสว นดขี องผูอ฿ นื่ และไมตรจี ติ มิตรภาพที่แท฿จริงจะเกดิ ข้ึน
ขอ้ 5 ลูกเสือเป็นผูส้ ภุ าพเรียบรอ้ ย คือ เป็นผแ฿ู สดงกริ ยิ าวาจาสภุ าพออ นโยน นอบน฿อมมี
สัมมาคารวะแกบ คุ คลท่ัวไป ร฿จู กั ยกยองใหเ฿ กยี รตแิ กผ฿อู อ นกวา และผ฿ทู ีส่ ูงวัยกวา ในฐานะทท่ี า นเป็น
ลูกเสือวสิ ามญั ทา นตอ฿ งคํานงึ ถงึ การแสดงความสุภาพตอบคุ คลท่ัวๆไป โดยเฉพาะ ผหู฿ ญงิ คนแก และ
เดก็ แมก฿ ระท่งั ฝูายตรงข฿ามกบั ทาน
ข้อ 6 ลกู เสือมีความเมตตากรณุ าตอ่ สัตว์ คอื เป็นผม฿ู ใี จเมตตากรุณา สงสารสตั วโ ไมฆ า ไม
ทรมาน หรอื รงั แกสตั วโให฿เจบ็ ปวด เพราะสตั วทโ งั้ หลาย มคี วามรักและหวงแหนชีวติ ของตนยง่ิ กวา สง่ิ ใด
ทกุ ชวี ติ ปรารถนามคี วามสขุ ความรัก ความอบอนุ และการชวยเหลือเกอ้ื กูลกนั แตเ กลียดกลัวการปอง
ร฿าย ในฐานะทท่ี า นเป็นลกู เสอื วิสามัญ ภารกิจอนั สําคัญท่ีสดุ คือการชว ยเหลอื ผ฿ูอืน่ ให฿พน฿ จากความทกุ ขโ
และบริการให฿ผูอ฿ ่นื ไดร฿ บั ความสุข ดังนั้น จงึ ควรจะเป็นผม฿ู คี วามรักและความเมตตาสตั วดโ ว฿ ย
ขอ้ 7 ลกู เสือเช่ือฟังคาส่ังของบิดามารดาและผู้บังคบั บญั ชาดว้ ยความเคารพ คอื ลกู เสอื
ต฿องเช่อื ฟงั อยูในโอวาทคาํ สัง่ สอนยและคาํ แนะนาํ ของบิดามารดา ญาติผ฿ูใหญ ครูบาอาจารยโ และ
ผ฿บู ังคบั บัญชาดว฿ ยความจริงใจ การปฏิบตั ติ ามคาํ ส่ังตอ฿ งกระทาํ โดยไมลังเล ต฿องตัง้ ใจและอยใู นระเบียบ
วินัย ในฐานะทที่ านเปน็ ลกู เสือวสิ ามัญทา นจะตอ฿ งยอมรับและเตม็ ใจเชื่อฟังคาํ ส่งั สอน โดยชอบดว฿ ย
เหตผุ ลไมม กี ารโต฿แยง฿ และปฏิบัติดว฿ ยความเตม็ ใจวินยั จะเกดิ ในตวั ทาน ซง่ึ เป็นวนิ ัยจากภายใน
72 คปค่มู ู่มรือะือสก่งสาเง่สศเรสนิมรียแมิ บลแตัะลพระวัฒพชิ นัฒาาชนกีพาจิ กก1จิรรกมรลรมูกเลสกู อื เทสกั ือษทะักชษีวะิตชในวี ติสถในานสศถกึาษนาศึกปษระาเภลทกู ลเสกู ือเสวอื สิ วาิสมาปัญมรัญะชกช้ันาั้นศมมนัธธัยี ยยบมมัตศศรึกกึวษษชิ าาาปชปพีีทีท่ีี่ 414 65
ขอ้ 8 ลูกเสือมีใจร่าเรงิ และไม่ยอ่ ทอ้ ต่อความยากลาบาก คอื ลกู เสอื ตอ฿ งเป็นผู฿ทีม่ หี น฿าตา
ยิ้มแย฿มแจม ใสเสมอถงึ แมจ฿ ะประสบตอ ความยากลําบากกไ็ มบน ไมแ สดงความยอ ทอ฿ ใหผ฿ ู฿อื่นเหน็ ใน
ฐานะที่ทา นเป็นลกู เสอื วิสามญั ทา นตอ฿ งราเรงิ อดทน และจะต฿องยืนหยัดตอ ส฿ูด฿วยความเข฿มแข็งในเม่อื มี
เหตุการณโตา งๆเกดิ ขนึ้
ข้อ 9 ลกู เสอื เป็นผู้มธั ยสั ถ์ คือ ลูกเสอื ตอ฿ งเปน็ ผ฿ูรจู฿ กั กระเหมด็ กระแหมไ มใช฿จา ยสุรุยสุรา ยรจ฿ู กั
รักษาทรัพยโ และส่งิ ของของตนและผ฿อู ื่น ร฿จู ักเกบ็ หอมรอมริบไวส฿ าํ หรับใช฿จา ยตามความจําเปน็ ไมต ฿อง
คอยเบยี ดเบยี นผอู฿ น่ื เมอื่ ถงึ โอกาสอนั ควรกอ็ าจสละเพอ่ื ประโยชนโผท฿ู ไ่ี ด฿รับด฿วยความเต็มใจ นอกจากจะ
รจ฿ู กั ประหยดั เงนิ ทองแล฿ว ตอ฿ งรจ฿ู ักใช฿เวลาวางใหเ฿ ป็นประโยชนโ ในฐานะทที่ า นเปน็ ลกู เสอื วิสามัญ ทาน
จะต฿องไมย อมเสยี เวลาหรอื เสยี เงินสําหรบั ความสขุ สาํ ราญในปจั จบุ นั แตค วรใชโ฿ อกาสนนั้ เพือ่ ใหบ฿ รรลุ
ความสําเรจ็ ในหน฿าทที่ งั้ ในปัจจุบันและอนาคตขา฿ งหนา฿
ข้อ 10 ลูกเสอื ประพฤตชิ อบด้วยกาย วาจา ใจ คอื ลกู เสอื ตอ฿ งประพฤติตนให฿ถกู ตอ฿ งอยใู น
ศีลธรรม อยใู นกรอบประเพณที ่ดี ี ละเว฿นความช่ัวและอกศุ ลกรรมตา งๆ ตอ฿ งมหี ิริโอตตัปปะ คอื รจู฿ กั
ละอายตอ บาป เกลยี ดชังและกลัวความช่ัว ไมเ ห็นแกสนิ จ฿างรางวลั มสี ติคอยเหนยี่ วรั้งไมยอมให฿ใจพาไป
ในทางที่ผดิ มวี าจาไพเราะไมก ลาวสอ เสียดใหผ฿ อ฿ู น่ื เดอื ดร฿อน มีจิตใจดีคดิ รา฿ ยตอ ผูอ฿ ื่น รจ฿ู ักใหอ฿ ภัยซงึ่ กนั
กัน ในฐานะทีท่ า นเป็นลกู เสอื วสิ ามญั ทานตอ฿ งเปน็ ตัวของตัวอง และเป็นตัวอยางทดี่ ีแกผอ฿ู ่นื ในทุกสง่ิ ทกุ
อยางทที่ าน คดิ พูดและกระทาํ
สรปุ คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื
ในฐานะทเ่ี ป็นลูกเสอื วสิ ามัญต฿องจาํ ไวว฿ า การขา฿ มจากความเป็นเดก็ ไปสูความเป็นผ฿ใู หญน ั้นมไิ ด฿
เปน็ แคเ พียงเรยี นรใ฿ู นการปฏบิ ัตติ ามกฎของลกู เสือ แตล กู เสอื วสิ ามญั ต฿องใชก฿ ฎของลกู เสือน้ันสาํ หรับ
ปฏิบตั ิในดา฿ นการดาํ เนนิ ชวี ิตประจาํ วนั ในปัจจบุ นั ลกู เสือวสิ ามัญต฿องเป็นตวั อยางแกผู฿อ่นื และอาจจะชัก
นําเขาเหลา นน้ั ให฿ไปในทศิ ทางทด่ี ีหรือทางชวั่ ได฿ ถา฿ ลกู เสอื วิสามัญปฏิบัตติ ามคําปฏิญาณและกฎของ
ลูกเสือกย็ อมเป็นตัวอยา งท่ดี ี แตถ ฿าไมปฏิบัติตามคาํ ปฏิญาณและกฎของลกู เสือกอ็ าจจะชักนาํ ผู฿อ่นื ไป
ในทางทไ่ี มด ี เพราะฉะนนั้ ลูกเสือวสิ ามัญจะตอ฿ งยึดมัน่ คําปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื ไวต฿ ลอดเวลาโดยที่
มไิ ดห฿ มายถงึ การทอ งจําแบบนกแก฿วนกขุนทอง ตอ฿ งจําแล฿วนําไปประพฤติปฏิบัติจนเกิดความเคยชนิ เปน็
ปกตินิสัยแลว฿ จะประสบความสําเร็จในชีวิต
ค่มู ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 73
คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ปชรนั้ ะมกัธายศมนศียึกบษตั ารปวที ิช่ี า4ชีพ 1
66 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 1
เรือ่ งสัน้ ทีเ่ ป็นประโยชน์
ไมเ่ ชือ่ คาผูใ้ หญ่
ในกาลครัง้ หนึง่ มีพอ คา฿ เกวยี นคนหนงึ่ พาบรวิ ารออกไปค฿าขาย และได฿พกั อยทู ีต่ ําบลหนงึ่ ใน
ตาํ บลแหง นม้ี ีบอ เกา ๆ อยูบอ หนง่ึ แตไมม นี ้ํา พอ ค฿าจงึ พากันขดุ เพอ่ื จะไดน฿ ํา้ พอกนิ ครน้ั ขุดลกึ ลงไปกพ็ บ
แกว฿ ไพฑรู ยโ เป็นจาํ นวนมาก แมจ฿ ะไดม฿ ากเพยี งใดก็ยงั ไมพ อความต฿องการของบรรดาบริวารจงึ ขดุ ลกึ ลง
ไปอกี พอ คา฿ หัวหนา฿ เหน็ อศั จรรยเโ ชนนจี้ ึงพูดวา “พวกเราควรจะพอกนั เสียที เราไดม฿ ากมายพอความ
ต฿องการแล฿วไมค วรขุดตอ ไปอีกจะโลภไปถึงไหนกัน” บรรดาบรวิ ารไมเชื่อฟังจงึ ขดุ ลึกลงไปอกี
จนกระทั่งดนิ ทะลุถึงถิ่นทอ่ี ยพู ญานาค พญานาคเห็นมนษุ ยมโ ารบกวนเชน นั้นกโ็ กรธพนพิษ
ข้นึ มาใสบ ริวารพอคา฿ จนถงึ แกค วามตหามยดหมคดงเคหงลเอืหแลตอื พแตอ พ่คอ่า฿ หคา้วั หวันห฿านค้านคเนดเียดวยี ตวอตมอ่ ามพาพญญานานาคาคไดได฿ปป้ลลออมมตตัววั
เปน็ บรุ ษุ ผ฿หู นึ่ง มาหาพอ คา฿ แลว฿ ถามวา “เกดิ เรอ่ื งอะไรหรอื ”พอ ค฿ากเ็ ลาเร่อื งให฿ฟังโดยตลอดพญานาคได฿
ฟังดงั นนั้ ก็เปรยขน้ึ วา “เพราะความโลภแทๆ฿ เอาเถอะฉนั จะขนแกว฿ ไพฑูรยโไปใหเ฿ ราแบง กนั คนละครง่ึ ”
พอคา฿ ยอมตาม พญานาคพาพอ คา฿ ไปสงถงึ บ฿าน แลว฿ กลับไปอยูท ข่ี องตน พอ ค฿ากลายเปน็ คนร่ํารวยเอา
ทรัพยอโ อกมาทําบุญทาํ ทานเพอ่ื กุศลผลบุญในภายภาคหนา฿
เรอ่ื งนี้สอนให้รูว้ า่ คนเราควรตระหนกั อยเู สมอวา เราจะตอ฿ งเช่ือฟงั คาํ สั่งของผูบ฿ งั คับบญั ชาหรือ
ผใ฿ู หญ
74 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 67
คปู่มรือะสก่งาเสศรนิมียแบลตัะพรวฒั ชิ นาาชกีพิจก1รรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 1
แผนการจดั กจิ กรรมลูกเสือวิสามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4, ประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช. 1)
หนว่ ยท่ี 3 คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ เวลา 1 ชั่วโมง
แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 5 การคบเพอื่ น
1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1.1 ลกู เสอื สามารถบอกแนวทางในการเลือกคบเพือ่ นทม่ี ีผลตอชวี ิตได฿
1.2 ลกู เสอื สามารถอธิบายคุณลกั ษณะเพอ่ื นทค่ี วรคบได฿
2. เนอื้ หา
เพอ่ื นมคี วามสําคัญตอชีวิตของคนเรา การรจู฿ กั เลอื กคบเพอื่ นทด่ี จี ะนาํ พาชวี ติ ใหเ฿ ปน็ สุขได฿
3. สื่อการเรียนรู้
3.1 แผนภมู เิ พลง/เกม
3.2 ใบความรู฿
3.3 เรอ่ื งส้นั ท่ีเปน็ ประโยชนโ
4. กิจกรรม
4.1 พิธเี ปิดประชมุ กอง (ชักธงขนึ้ สวดมนตโ สงบนิง่ ตรวจ แยก)
4.2 เกมหรอื เพลง
4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงคกโ ารเรยี นร฿ู
1) ผู฿กํากับลกู เสอื เกริ่นนําเรือ่ งการคบเพ่ือนมีผลอยางไรตอ ชีวิต และใหล฿ กู เสอื 1-2 คนเลา
ประสบการณตโ รง ทง้ั ทางใหค฿ ุณและใหโ฿ ทษ
2) ผ฿กู าํ กับลูกเสอื แบง กลมุ ลกู เสอื ออกเปน็ กลุมละ 8 คน (โดยคละเพศชาย – หญงิ ) ระดม
คณุ ลักษณะเพอื่ นพงึ คบหรอื มติ รแท฿
3) ผแ฿ู ทนกลมุ นาํ เสนอ ผกู฿ ํากับลกู เสือนําอภิปราย เพมิ่ เตมิ ตามใบความร฿ู ชนื่ ชมการเรียนรู฿
ของลูกเสอื และสรุป
4.4 ผูก฿ าํ กับลูกเสือเลา เรือ่ งสนั้ ที่เป็นประโยชนโ
4.5 พิธีปดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชักธงลง เลกิ )
5. การประเมินผล
5.1 สังเกตความรวมมอื ในการปฏบิ ัติกิจกรรม
5.2 สังเกตกระบวนการคดิ จากการอภปิ ราย
6. องค์ประกอบทกั ษะชวี ิตสาคัญทเ่ี กดิ จากกจิ กรรม
คือ ความคดิ วเิ คราะหโ ความคดิ สรา฿ งสรรคโ เข฿าใจตนเอง และเขา฿ ใจเหน็ ผอ฿ู ่นื
คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 75
คูม่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ปชรั้นะมกัธายศมนศียกึ บษตั ารปวีทิชี่ า4ชีพ 1
68 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมที่ 5
เพลง
รวมเงนิ
รวมเงนิ รวมเงนิ วนั น้ี รวมกันใหด฿ อี ยา ใหม฿ ีผิดพลาด
ผหู฿ ญิงให฿เปน็ เหรยี ญบาท(ซํา้ ) ผ฿ชู ายเกง กาจเปน็ หา฿ สิบสตางคโ
ใบความรู้
คนท่จี ะคบหา (มิตรแท้ - มติ รเทียม)
การคบเพอ่ื นเปน็ สง่ิ สําคญั มีผลตอ ความเจรญิ กา฿ วหน฿าและความเสอ่ื มของชวี ติ อยา งมาก มี
หลักธรรมทเ่ี กยี่ วกบั เรอ่ื งมติ รทค่ี วรคบกับทไ่ี มค วรคบและหลกั ปฏบิ ตั ติ อ กันระหวางมิตรสหายดังตอไปนี้
มิตรแท้ 4 ประเภท มติ รเทยี ม 4 ประเภท
1. มิตรอปุ การะ มีลกั ษณะ 4 1. คนปอกลอก ขนเอาของเพ่ือนไปถา่ ยเดยี ว
1 เพ่อื นประมาท ชว ยรกั ษาเพอื่ น 1 คิดเอาแตไดฝ฿ าู ยเดยี ว
2 เพอ่ื นประมาท ชว ยรักษาทรัพยโสินของเพ่ือน 2 ยอมเสียนอ฿ ย โดยหวงั จะเอาใหม฿ าก
3 เมื่อมภี ยั เป็นท่ีพ่ึงพํานกั ได฿ 3 ตัวมภี ัย จงึ มาชวยทํากจิ ของเพื่อน
4 มีกจิ จาํ เป็น ชว ยออกทรพั ยโใหเ฿ กินกวาทอ่ี อกปาก 4 คบเพือ่ น เพราะเห็นแกประโยชนโ
2. มติ รร่วมสขุ ร่วมทุกข์ มลี กั ษณะ 4 2. คนดแี ตพ่ ูด มีลกั ษณะ 4
1 บอกความลับแกเพอ่ื น 1 ดแี ตย กหมดของหมดแล฿วมาปราศรยั
2 รักษาความลบั ของเพ่ือน 2 ดีแตอ ฿างของยงั ไมม มี าปราศรัย
3 มภี ยั อนั ตรายไมละท้งิ 3 สงเคราะหดโ ฿วยส่งิ ท่หี าประโยชนมโ ิได฿
4 แมช฿ ีวิตกส็ ละใหไ฿ ด฿ 4 เม่อื เพ่ือนมีกิจ อ฿างแตเหตขุ ดั ข฿อง
3. มิตรแนะนาประโยชน์ มลี ักษณะ 4 3. คนหัวประจบ มลี กั ษณะ 4
1 จะทาํ ช่ัวเสียหาย คอยห฿ามปรามไว฿ 1 จะทําชว่ั กเ็ ออออ
2 แนะนาํ สนบั สนุนให฿ตง้ั อยูใ นความดี 2 จะทาํ ดกี ็เออออ
3 ใหไ฿ ดฟ฿ งั ได฿รสู฿ ิ่งทไี่ มเ คยได฿รไู฿ ดฟ฿ ัง 3 ตอหน฿าสรรเสริญ
4 บอกทางสขุ ทางสวรรคโให฿ 4 ลับหลงั นินทา
4. มิตรทมี่ ใี จรกั มีลักษณะ 4 4. คนชวนฉบิ หาย มลี กั ษณะ 4
1 เพอ่ื นมที ุกขโ พลอยไมสบายใจ (ทกุ ขๆโ ดว฿ ย) 1 คอยเปน็ เพ่ือนดื่มน้าํ เมา
2 เพื่อนมีสขุ พลอยแชม ชื่นยินดี (สุขๆ ดว฿ ย) 2 คอยเปน็ เพอื่ นเท่ียวกลางคนื
3 เขาติเตยี นเพอ่ื น ชวยยับยงั้ แกไ฿ ข 3 คอยเปน็ เพือ่ นเท่ียวดกู ารเลน
4 เขาสรรเสรญิ เพือ่ น ชวยพดู เสรมิ สนบั สนนุ 4 คอยเปน็ เพอ่ื นไปเลน การพนนั
76 คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 69
คป่มู รือะสก่งาเสศรนมิ ียแบลตัะพรวฒั ชิ นาาชกีพจิ ก1รรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1
หลกั ปฏบิ ัตติ อ่ กันระหว่างมิตรสหาย
หลกั ธรรมทพี่ ึงปฏิบตั ติ อ่ มิตรสหาย หลกั ธรรมทม่ี ติ รสหายอนเุ คราะหต์ อบ
1 เผือ่ แผแ บงปัน 1 เมือ่ เพื่อนประมาท ชวยรักษาปฺองกนั
2. พดู จามนี าํ้ ใจ 2 เมื่อเพ่ือนประมาท ชวยรักษาทรพั ยสโ มบัติของ
3 ชว ยเหลอื เกอ้ื กูลกนั เพื่อน
4 มีตนเสมอ รว มสุขรว มทกุ ขโด฿วย 3 ในคราวมภี ัย เปน็ ทีพ่ งึ่ ได฿
5 ซือ่ สตั ยจโ รงิ ใจ 4 ไมละทง้ิ ในยามทุกขโยาก
5 นบั ถือตลอดถงึ วงศญโ าตขิ องมติ ร
เรื่องสั้นที่เปน็ ประโยชน์
เพ่อื นแท้
เมื่อหมาปาู กาํ ลังหวิ โซ มันจงึ เดนิ หาอาหารอยูท่วั ปาู มันได฿เห็นกระตายน฿อยสองตัว มันดีใจนัก
จงึ แอบซมุ อยูใ นพงหญ฿า "ฉนั ให฿หญ฿ากองน้แี กเ ธอก็แล฿วกัน" กระตา ยขา วบอกกับกระตายดํา"ขอบใจเธอ
มากนะเพ่ือน" กระตายดํายินดีนัก"แล฿วไมมีอะไรให฿ฉันเลยเหรอ" หมาปูากระโดออกจากพุมไม฿มาอยู
ตรงหน฿ากระตา ยท้ังสองอยางรวดเร็ว"พระเจ฿าชวย ไดโ฿ ปรด อยาทาํ รา฿ ยพวกเราเลยนะ" กระตายขาวร฿อง
ขอชีวติ "ทา นหมาปูาผู฿มีสงาราศี ทา นปลอยฉันไปเถอะนะจเะ" กระตา ยดาํ ออ฿ นวอนเชนกนั "จะทําอยางไรดี
ละ พวกเจา฿ ทัง้ สองเปน็ เพื่อนกันเสียดว฿ ย ฉันจะปลอยไปคงไมไ ดห฿ รอก เพราะตัวฉนั เองก็หวิ มาก แตปาก
ปากและท฿องของฉันคงกินได฿เพียงตัวเดียวกอนสวนอีกตัวคงต฿องเอาไว฿ทีหลัง ใครจะให฿ฉันกินกอนดี"
หมาปูาบอกอยางอารมณดโ กี ับเหยื่อตรงหน฿าท้ังสอง"กระตา ยขาวเนื้อนุมกวาฉันแน เพราะแม฿แตขนยังสี
ขาว สว นฉันเน้ือคงเหนียวมาก ทา นดูซิขนของฉันสีดําอัปลักษณโยิ่งนัก" กระตายดําแสดงความเห็นแก
ตัวทนั ท"ี แกนชี่ างนา รงั เกียจยิ่งนกั ฉนั อตุ สาหโแบง ปันหญา฿ ให฿แกได฿กนิ แตก ลบั เห็นแกตัว พูดเอาตัวรอด
แตเพยี งลาํ พงั " กระตา ยขาวโมโหกระตา ยดํามาก"ในสถานการณแโ บบนี้ ใครไมร ักตัวเองบ฿างละ ฉันเองก็
กลัวตายหรือแกไมกลัวตายหา? “กระตายดําถามกลับไป"ถึงฉันจะกลัวตาย แตการท่ีฉันตายอยางมี
ศักดิศ์ รยี งั คงดกี วา การทีฉ่ ันจะตอ฿ งตายอยางละอายใจ" กระตายขาวบอกอยางทรนง"จริงด฿วยซิ พวกเจ฿า
ทั้งสองคงกลวั ตายกนั แน กระตายดาํ อยางเจา฿ มนั ใจดําสมกบั ตวั ของเจา฿ เอาเป็นวาฉันจะกินพวกเจ฿าท้ัง
สองพรอ฿ มๆกันเลยดีกวา "หมาปาู พจู บจงึ ใช฿เล็บทีแ่ หลมคม ตวดั ไปทีต่ วั กระตายดาํ และกระตา ยขาวอยาง
รวดเรว็ จากนัน้ จึงจบั กระตายท้งั สองตวั กนิ เป็นอาหารอันโอชะทันที
เร่ืองน้ีสอนให้รู้ว่า การมีเพ่ือน ไมจําเป็นต฿องมีมากมาย ขอเพียงมีเพ่ือนที่รู฿ใจกัน และเข฿าใจกัน
ยามมภี ัยคอยชว ยเหลอื กันไดก฿ เ็ พยี งพอ
คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 77
คู่มือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญปชร้นั ะมกัธายศมนศียกึ บษตั ารปวที ชิ ่ี า4ชีพ 1
70 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 1
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสือวสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช. 1)
หนว่ ยที่ 3 คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ
แผนการจัดกิจกรรมที่ 6 การสร้างสมั พนั ธภาพและการสอ่ื สาร เวลา 1 ชั่วโมง
1. จุดประสงค์การเรยี นรู้
ลูกเสอื สามารถอธบิ ายวิธีสร฿างสมั พนั ธภาพและการส่ือสารเชงิ บวกกบั ผูอ฿ ่ืนได฿
2. เนอื้ หา
2.1 การสรา฿ งสมั พนั ธภาพ
2.2 การสื่อสารเชิงบวก
3. สือ่ การเรยี นรู้
3.1 แผนภูมเิ พลง เกม
3.23.ใ2บใคบวคามวารมู้ รู฿
3.3 เรอื่ งสนั้ ที่เปน็ ประโยชนโ
4. กจิ กรรม
4.1 พธิ ีเปิดประชมุ กอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนตโ สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
4.2 เกมหรือเพลง
4.3 กิจกรรมตามจดุ ประสงคโการเรยี นร฿ู
1) ผ฿ูกาํ กบั ลกู เสอื และลูกเสือรวมกันสนทนาเก่ยี วกับความเป็นวยั รุนสรา฿ งและเสรมิ
สัมพนั ธภาพกบั เพอ่ื นๆ หรอื ผอ฿ู นื่ ทัง้ เพศเดยี วกันและตางเพศ ตามสถานการณโในชีวติ ประจําวนั และ
โยงไปสอดคล฿องสมั พนั ธภาพกบั กฎลูกเสอื ขอ฿ ท่ี 4 ลูกเสอื เปน็ มติ รของคนทกุ คน และเป็นพนี่ ฿องกบั
ลกู เสืออนื่ ทัว่ โลก
2) ผ฿ูกาํ กบั ลกู เสอื แบง ลกู เสือเปน็ 4 กลมุ โดยกาํ หนดให฿ลกู เสอื ชาย-หญงิ คละกัน แตละกลมุ
ศกึ ษาใบความรแู฿ ละรวมกนั อภปิ รายถึงวธิ ีการหรือคาํ พดู ใดบ฿างในการสร฿างสมั พนั ธภาพและสือ่ สารตาม
หัวขอ฿ ในเวลา 20 นาที ดงั น้ี
กลมุ 1 ยั่งยนื เพื่อน ไมด ีตอ กัน
(เชิงบวก) ต่างเพศ (เชงิ ลบ)
กลมุ 2 ยั่งยนื เพอ่ื นเพศ ไมดตี อ กัน
(เชงิ บวก) เดียวกัน (เชงิ ลบ)
78 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 71
คปมู่ รอื ะสก่งาเสศรนิมยี แบลัตะพรวฒั ชิ นาาชกีพจิ ก1รรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
กลมุ 3 ยั่งยนื ร่นุ พี่ ไมด ตี อ กนั
(เชิงบวก) (เชงิ ลบ)
กลุม 4 ย่ังยืน รนุ่ น้อง ไมด ตี อ กัน
(เชิงบวก) (เชงิ ลบ)
3) ผ฿แู ทนแตละกลมุ นําเสนอผลงานอภิปราย กลมุ ละ 2 นาที
4) ผ฿ูกาํ กบั ลกู เสอื และลกู เสอื รว มกนั สรปุ การสรา฿ งสัมพนั ธภาพและการส่ือสารเชงิ บวก และ
ผลดีตอ ชวี ิตประจาํ วัน
4.4 ผู฿กาํ กบั ลูกเสอื เลา เรือ่ งสนั้ ทีเ่ ปน็ ประโยชนโ
4.5 พิธีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชักธงลง เลิก)
5. การประเมนิ ผล
5.1 สังเกตความรว มมอื ในการปฏิบัติกิจกรรม
5.2 สังเกตกระบวนการคิดจากการอภิปราย
6. องคป์ ระกอบทักษะชวี ติ สาคัญท่เี กดิ จากกจิ กรรม
คือ ความคิดวิเคราะหโ ความคดิ สร฿างสรรคโ และเห็นความสาํ คัญของการสรา฿ งสมั พนั ธภาพ
และการส่อื สารทางบวก
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 6
เพลง
รว่ มเฮฮา
รวมเฮฮา เมอ่ื เรามาเจอกัน (ซํา้ ) ไมร ฿ูเป็นอยางไร ไมร ฿เู ปน็ อยางไร ไมร เ฿ู ป็นอยางไร ใจมนั
ผูกพนั
อยูใ กลก฿ ัน ความสมั พนั ธเโ รามากมี (ซ้าํ ) ไมรูเ฿ ปน็ อยา งไร ไมร เ฿ู ปน็ อยา งไร ไมร ูเ฿ ปน็ อยา งไร
ใจมันผกู พัน
เมอื่ จากกนั อยา ลืมสมั พนั ธไโ มตรี (ซา้ํ ) ไมร฿เู ป็นอยา งไร ไมร฿ูเป็นอยา งไร ไมร ฿เู ป็นอยา งไร
ในมนั ผูกพัน
คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 79
คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญปชรนั้ ะมกธัายศมนศียกึ บษตั ารปวที ชิ ี่ า4ชีพ 1
72 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 1
ใบความรู้ การสร้างสมั พันธภาพและการส่อื สาร
การสอ่ื สาร เป็นการแลกเปล่ยี นความคดิ ความรสู฿ ึก ซง่ึ กนั และกนั โดยอาศยั ทงั้ การพูดคุยและ
ทาทางอิรยิ าบถตา งๆ ดงั นน้ั ทกั ษะในการส่อื สารทัง้ ภาษาและทา ทางกจ็ ะสง ผลใหอ฿ ยากพดู คุยเลาปัญหา
ตา งๆให฿ผ฿ูอนื่ ฟงั มากขึ้น ดงั แนวทางตอไปนี้
- สบตาขณะพดู คยุ กนั จะทําให฿รบั รู฿และเข฿าใจถงึ ความร฿สู กึ ซึ่งกนั และกนั
- แสดงสหี นา฿ ท่ีรับฟังและย้มิ แย฿มแจม ใส
- แสดงทา ทางที่รบั ฟังอยา งตง้ั ใจและสนใจ โดยผงกศีรษะรับฟัง โน฿มตวั เข฿าหา
- พยายามทาํ ความเขา฿ ใจถงึ ความรสู฿ ึกและอารมณโ โดยการสงั เกตสหี นา฿ ทา ทางเพื่อ
สามารถสอื่ สารตอบกลับไดอ฿ ยางเหมาะสม
- ขณะสื่อสารอาจใชก฿ ารสมั ผสั โดยการจบั มือ จบั ตน฿ แขน โอบกอดจะทาํ ใหล฿ ูกรสู฿ กึ
อบอุน ใกล฿ชิด สนทิ สนม อยากพูดคยุ ด฿วย
- การพดู คยุ แตละเร่ือง ควรปรบั ระยะหางระหวา งผู฿พดู กับผู฿ฟงั อยา งเหมาะสมเพ่อื สะดวกในการ
แสดงสหี นา฿ ทา ทาง และนาํ้ เสียง
การเป็นผ฿ูฟงั ทดี่ ี จะทาํ ใหค฿ นพดู กล฿าทจี่ ะเข฿ามาพูดคยุ ปรกึ ษาและแสดงความคิดเห็นได฿
อยางเตม็ ท่ดี ฿วย เทคนิคการเปน็ ผฟู฿ ังทด่ี มี ดี งั นี้
- ต้ังใจและสนใจฟงั โดยหนั มาสบตา พรอ฿ มทง้ั พยายามทาํ ความเข฿าใจในประเด็นทีพ่ ูด
- ขณะทฟ่ี ังควรแสดงการยอมรบั ฟังเรอ่ื งที่พดู โดยพยกั หนา฿ สบตาหรอื ยมิ้
- พยายามสังเกตพฤติกรรมทีค่ นพูดแสดงออกมา จะทาํ ให฿เขา฿ ใจความร฿สู กึ มากขนึ้
- ควรมกี ารตอบโต฿และถามคําถามไปบ฿าง โดยใชค฿ ําถามที่เปดิ โอกาสให฿แสดงความคิด
ความรส฿ู กึ มากขึ้น
เมือ่ ฟงั แล฿วไมค วรรบี สรุป หรอื วพิ ากษโวจิ ารณใโ นทนั ที ควรใหพ฿ ดู จนจบเรอื่ งแลว฿ จึง
คอ ยแสดงความคดิ เหน็ รวมกนั
ลักษณะของการสอ่ื สาร
การส่ือสารมีทง้ั ทางบวกและทางลบ รวมทง้ั การสื่อสารทไ่ี มต รงไปตรงมา
- การสื่อสารทางบวก ทาํ ใหผ฿ ูร฿ ับพอใจและทําให฿ภมู ใิ จ เชน การช่นื ชม ย้ิมรบั มอง สบตา จบั มอื
พูดคยุ ดว฿ ยความเปน็ มิตร การให฿สิง่ ทต่ี อ฿ งการ ฯลฯ
- การสือ่ สารทางลบ ทาํ ใหผ฿ ูร฿ ับเสียใจและร฿สู กึ ดอ฿ ย เชน การพูด ตําหนิ ดา ทอ ประชดประชัน
เปรียบเทยี บกับผูอ฿ ื่นในทา ทดี ูหมนิ่ หรอื มกี ารให฿แตบนวา ลําเลิกด฿วย ฯลฯ
- การสือ่ สารท่ีไมต รงไปตรงมา เปน็ การแสดงออกอยา งหนึง่ แตม คี วามคดิ และความรูส฿ กึ อีก
อยางหน่งึ ซอ นอยเู ปน็ ลกั ษณะไมจ รงิ ใจ ไมซ ่ือสตั ยโ เชน การแสดงทา ทคี ําพูดเหมอื นช่นื ชมแตต อนทา฿ ย
จะดูสับสน หรอื มคี วามหมายไปทางลบ เชน
“เธอเป็นคนดที ีส่ ุดคนหนึ่งในโลก.....ถา฿ คนอื่นตายหมด” หรอื
80 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 73
คปมู่ รอื ะสก่งาเสศรนิมยี แบลัตะพรวัฒิชนาาชกีพิจก1รรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
“ลายมือสวยจรงิ ๆ เหมือนยงุ ตกี นั ”
ความใสใจ แสดงออกไดท฿ ้ังคาํ พูด สายตา ทาทาง ซ่งึ แตละคนอาจเลอื กรบั การใสใจทางบวก
ปฏิเสธการใสใ จทางลบและความใสใจเคลอื บแฝง เราสามารถปรับเปลีย่ นการใสใ จให฿เหมาะสมกับบุคคล
เวลาและสถานการณโ
วิธกี ารสอื่ สารที่ดไี มเ พยี งแตการพูดจานมุ นวล ออนหวาน มเี หตผุ ลเทา นน้ั แตตอ฿ งรู฿จกั พดู จาให฿
เขา฿ ใจและชดั เจน สือ่ ความหมายใหต฿ รงตามความตอ฿ งการของผพู฿ ดู เชน พดู ชมเชย ไมใ ชพดู ประชด
ประชันนอกจากนี้การส่อื สารที่ดตี อ฿ งส่อื สารไดโ฿ ดยตรงระวางผู฿พูดและผู฿ฟงั อีกด฿วย
วิธสี ่อื สารทไ่ี มดี ได฿แก การสอ่ื สารทกี่ ลา วอา฿ ง หรือกลา วโทษอกี ฝูาย วิธกี ารพูดเชนนที้ าํ ให฿โตง฿
เถียงกันมากกวาท่จี ะเข฿าใจกนั ได฿ ดังน้นั หลกั การสื่อสารทจ่ี ะสงเสริมสัมพนั ธภาพอนั ดคี วรเริ่มตน฿ ทก่ี าร
พูดถึงความรส฿ู กึ ความตอ฿ งการของตนเองกอ น
หลักทวั่ ไปของการสอ่ื สารที่ดี
- บอกความรสู฿ กึ นกึ คดิ ของตนกอ น
- ถามและรบั ฟงั ความเหน็ ของอกี ฝูายหนง่ึ
- ถา฿ คสู นทนายอมรับกใ็ ห฿ขอบคุณและแสดงความช่นื ชม ถา฿ คสู นทนาปฏบิ ตั ิไมไ ดใ฿ ห฿
พยายามหาทางปรบั ใหย฿ อมรบั ได฿ท้งั สองฝูาย
การสื่อสารท่ีวัยรนุ ตอ฿ งการ
วัยรนุ แมจ฿ ะเป็นเดก็ ทเ่ี ริ่มเปลย่ี นวยั แตย ังต฿องการความรัก ความอบอนุ ความสนใจจากพอ แม
เชน เดยี วกับเดก็ วยั อนื่ ๆ เพยี งแตรูปแบบของความรัก ความสนใจอาจแตกตางไปบ฿าง เชน
- ตอ฿ งการความช่ืนชมในสงิ่ ท่ีเขารับผิดชอบได฿ หรือส่งิ ท่เี ขาตัง้ ใจทํา แมจ฿ ะไมเ กงไมฉลาดเทา คน
อื่น แตเป็นความสามารถและความเป็นตัวของตวั เอง
- ตอ฿ งการให฿ปลอบใจ ใหก฿ ําลังใจเมือ่ คราวผดิ พลาดหรือท฿อแท฿
- ตอ฿ งการความรักทใ่ี ห฿อสิ ระ ใหโ฿ อกาสเปน็ สว นตัวในขอบเขตทเี่ ป็นธรรม
- ไมต ฿องการสือ่ สารทางลบ เชน การดดุ า ประชดประชัน เปรยี บเทยี บให฿ดอ฿ ย
- ยงั ต฿องการความสะดวกสบายในชวี ิตประจาํ วนั ที่เกีย่ วข฿องกับการกนิ อยู คาใชจา ยสว นตวั
- ต฿องการคาํ พดู ทีอ่ อนโยน ไพเราะในการตกั เตอื น หรอื ชแี้ นะทางในการปรับตัว
ผลของการส่ือสารท่ีเหมาะสม เปน็ สง่ิ ทช่ี วยให฿เกิดความภมู ใิ จในตัวเอง และเปน็ ปัจจยั สาํ คญั
ในการสรา฿ งสัมพันธภาพทด่ี ีระหวางคนในครอบครัวและเป็นแนวทางให฿เรียนรท฿ู ่จี ะปรบั ตวั ในสงั คมตอไป
ในทางกลับกนั ถ฿าได฿รับการส่ือสารทางลบอยูเสมอจะทาํ ใหเ฿ กดิ ความร฿สู กึ ไมพ อใจ น฿อยใจและไมร ว มมือใน
คําตกั เตอื น บางครัง้ มกี ารตอตา฿ นเรียกร฿องความสนใจจากผอู฿ นื่ แทน ซึ่งจะเกดิ ปัญหาอน่ื ๆได฿ เชน หนี
ออกจากบา฿ น ถูกชักจงู เข฿ากลุมเส่ยี งตางๆ ตดิ ยาเสพติด ฯลฯ
วิธกี ารท่ีทําให฿วัยรุนยอมรับ และไมเสียความรส฿ู กึ ด฿านดีของตน ทาํ ไดด฿ ฿วยการตาํ หนทิ พ่ี ฤตกิ รรม
แทนการตาํ หนทิ ตี่ ัววยั รุน ดงั ตวั อยา งตอไปน้ี
คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 81
คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ปชรน้ั ะมกธัายศมนศียกึ บษตั ารปวที ิช่ี า4ชีพ 1
74 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 1
- ไมค วรตาํ หนดิ ฿วยคําพดู วา เป็นนสิ ัยไมดี หรอื สนั ดานไมด ี เพราะจะทําใหว฿ ยั รุนโกรธ ตอ ต฿าน
ไมยอมรับ หรอื แกล฿งเปน็ อยา งนัน้ จริงๆ
- ไมควรตําหนิลามไปถงึ พอแม เชน “อยางนพ้ี อ แมไ มเ คยสอน ใชไหม” เพราะสรา฿ งความรู฿สกึ
ตอ ต฿านอยางแรง เปน็ อันตรายตอ การสอื่ สารและการสร฿างความสมั พนั ธโ
- ไมค วรตําหนิแล฿วลามไปถึงเรอื่ งอนื่ ๆ เรอ่ื งในอดตี เรื่องท่ผี านมาแล฿ว เรอ่ื งท่ีเคยตําหนิไปแลว฿
- ไมค วรตําหนแิ ลว฿ คาดหวงั วา วัยรนุ คงแกไ฿ ขไมได฿ หมดหวัง
- ไมควรตาํ หนแิ ล฿วซํา้ เตมิ ประชดประชนั เสยี ดสี เชน “ใช฿อะไรคดิ เนยี่ หัวนะมหี รือเปลา ”“พอ แม
ให฿มาแคน ีน้ ะ”“เธอไปเกิดใหมดีกวา ”
- ไมควรนาํ ไปผกู พนั กบั เรอ่ื งอืน่ ทไี่ มเ กีย่ วข฿องกนั เชน “เธอรกั พอ แมห รือเปลา ถา฿ รกั ทาํ ไมทาํ
อยางน้ี”
- ไมควรใช฿คาํ พดู หยาบคาย ใชค฿ าํ พดู สภุ าพ จรงิ จังแตนมุ นวล
82 คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 75
คปู่มรือะสก่งาเสศรนิมียแบลัตะพรวฒั ิชนาาชกีพิจก1รรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1
เรอ่ื งสน้ั ท่เี ป็นประโยชน์
นกกระจอกล้ินขาด
นานมาแลว฿ มีตากับยายเล้ยี งนกกระจอกไว฿ตวั หนึ่ง ตานั้นรักนกกระจอกมาก สว นยายไมรักเลย
อยูมาวันหน่ึง ตาเข฿าปาู ไปหาผลไม฿ สว นยายเฝาฺ บ฿าน เมื่อยายซักผา฿ เสรจ็ แลว฿ กจ็ ะลงแปงฺ จึงใสแ ปฺงมันไว฿
ในขนั ฝูายนกกระจอกกน็ กึ วา ยายเอาแปฺงมนั มาใสขนั ใหก฿ ิน นกกระจอกกเ็ ลยกินเสียหมดขัน ยายรเ฿ู ขา฿ ก็
โกรธ จงึ ตัดลน้ิ นกกระจอก แล฿วไลใ หไ฿ ปอยูป ูา
เม่อื ตากลับมาจากปูา ไมพ บนกกระจอก พอรู฿เร่อื งจากยายวายายได฿ตัดลิ้นแล฿วไลเข฿าปูาไปแล฿ว
ก็เสียใจมาก จึงออกไปตามหาในปูา ในที่สุดก็พบนกกระจอกตัวนั้น นกกระจอกก็เล้ียงอาหารและร฿อง
เพลงใหต฿ าฟัง และกอนที่ตาจะกลับบ฿านนกกระจอกก็นําของขวัญมาให฿ตา โดยเอาหีบสองใบ มาให฿ตา
เลอื ก ใบหนง่ึ หนัก และอีกใบหน่งึ เบา ตานนั้ เปน็ คนเจียมสังขาร ไมโลภมากจึงเลอื กหีบท่ีเบา เม่ือนําหีบ
ใบนน้ั มาถงึ บา฿ นก็เปิดดูปรากฏวาในหีบมีทองคํา เพชร พลอย มากมาย ฝูายยายเมื่อตาเลาเรื่องให฿ฟัง
ทั้งหมดกเ็ กิดความโลภอยากได฿หีบใบหนัก จึงเดินทางเข฿าปูาไปหานกกระจอกเทศทนั ที นกกระจอกเทศ
กแ็ สนดี ยกหีบ 2 ใบ ออกมาใหย฿ ายเลือก ยายก็เลอื กหบี ใบท่ีหนักเพราะอยากได฿สมบัติมากกวาที่ได฿ไป
แล฿ว ระหวางเดินทางกลับบ฿านนั้นยายอยากรู฿วาในหีบท่ีหนักแสนหนักน้ันมีอะไร อดใจไว฿ไมได฿จึงเปิด
ออกดูกป็ รากฏวา มีงูเต็มไปหมด ยายถงึ กับร฿องล่ัน...วิ่งหนีเอาตัวรอดมาได฿ ต้ังแตน้ันเป็นต฿นมา ยายก็
พฤติตนเปน็ คนดี มเี มตตา ไมโ ลภมาก และมใี จเออ้ื เฟ้ือเผือ่ แผ ประกอบแตก รรมดตี ลอดมา
เรือ่ งนี้สอนให้รวู้ ่า โลภมาก ลาภหาย
คูม่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 83
76 คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญปชร้นั ะมกัธายศมนศยี กึ บษัตารปวีทชิ ี่ า4ชีพ 1
ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 1
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4, ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ปวช. 1)
หน่วยที่ 3 คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ เวลา 2 ชัว่ โมง
แผนการจดั กิจกรรมท่ี 7 การเรยี นรเู้ บญจภมู ิ
1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ลูกเสือสามารถอธบิ ายความสาํ คัญของการรักษาและหวงแหนสาธารณสมบัตขิ องชาติได฿
2. เนื้อหา 77
5 ภมู ิหรอื เบญจภมู ิ ไดแ฿ ก
1. ภูมปิ ระวตั ิ
2. ภูมิธรรม
3. ภูมพิ ล
4. ภมู ิประชาไท
5. ภมู ิใจในความเป็นไทย
3. สื่อการเรียนรู้
3.1 แผนภมู ิเพลง/เกม
3.2 ใบความร฿ู
3.3 วดิ ีทศั นโ 2 เรอื่ ง
1) เรื่องพระนเรศวร หรือ บางระจนั หรอื ภาพประวัตศิ าสตรใโ นการส฿ูรบ
2) พระราชกรณยี กิจของพระบาทสมเดจ็ พระเจ฿าอยหู ัว หรอื ภาพพระราชกรณียกิจ
3.4 ภาพ
1) ภาพประชาชนไทยรวมกจิ กรรมในวันสําคญั ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ โ
2) ภาพการปฏิบตั ิกิจกรรมทางศาสนาหรือภาพเอกลกั ษณไโ ทยทางด฿านขนบธรรมเนียม
ประเพณี ภาษา วัฒนธรรมภมู ิปัญญาไทย
3.5 เร่อื งสนั้ ทีเ่ ป็นประโยชนโ
4. กจิ กรรม
4.1 พิธเี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนตโ สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
4.2 เพลงหรอื เกม
4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงคกโ ารเรยี นรู฿
1) ผก฿ู าํ กบั ลูกเสอื แบง ลูกเสอื ออกเป็น 5 กลุม เพือ่ เขา฿ รวมกิจกรรม 5 ฐาน ดงั นี้
- ฐานท่ี 1 ภมู ิประวัติ
- ฐานที่ 2 ภมู พิ ล
- ฐานที่ 3 ภมู ิธรรม
- ฐานที่ 4 ภมู ปิ ระชาไท
84 ค่มู ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
คปู่มรือะสกง่ าเสศรนมิ ยี แบลัตะพรวัฒิชนาาชกีพิจก1รรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1
- ฐานท่ี 5 ภมู ใิ นความเปน็ ไทย
2) ผู฿กาํ กับลูกเสอื สรุปความสาํ คญั ของการรักและหวงแหนสาธารณสมบตั ิของชมุ ชนและของชาติ
คือ เบญจภูมิ
4.4 ผูก฿ าํ กับลกู เสือเลา เรื่องสนั้ ทีเ่ ปน็ ประโยชนโ
4.5 พิธีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชกั ธงลง เลิก)
5. การประเมินผล
5.1 สังเกตความรวมมอื ในการปฏิบตั กิ ิจกรรม
5.2 สงั เกตกระบวนการคิดจากการอภิปราย
6.องค์ประกอบทกั ษะชีวิตสาคญั ทีเ่ กิดจากกิจกรรม
คือ ความคิดวเิ คราะหโ ความคดิ สร฿างสรรคโ และตระหนักถงึ ความสาํ คัญของการรักษาและหวง
แหนสาธารณสมบัติของชมุ ชนและของชาติ
คูม่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 85
คมู่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ปชรัน้ ะมกธัายศมนศียกึ บษัตารปวีทชิ ี่ า4ชีพ 1
78 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 1
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 7
เกม
มอญซอ่ นผา้
ลกั ษณะของการเล่น เลนกลางแจ฿ง มีบทร฿องประกอบ
จานวนผ้เู ลน่
ไมจํากัดจาํ นวน
อปุ กรณก์ ารเลน่ ผ฿า 1 ผนื และมีบทร฿องประกอบ ดังนี้
ระวงั ตวั ไวใ฿ หด฿ ี วาผ฿าผนื นจี้ ะวางตรงไหน
แมต฿ กอยขู ฿างหลังใคร ขอเชิญออกไปรา ยรํา
อยา เผลอปลอย ใจลอยคอยเอามอื คลาํ
ระวังนะต฿องจดจาํ จะมีผ฿ูนําผ฿ามาทง้ิ เอย
ราํ ซริ ายรํา อยาทาํ เป็นเมนิ เฉย
เล็กใหญเราไมละเลย แม฿เธอไมเ คยก็ตอ฿ งรํา
วธิ ีเล่น
เลอื กคนท่ีจะเป็นมอญโดยการจับไม฿ส้ัน ไม฿ยาว คนอื่นๆนั่งล฿อมวงรวมกับพ้ืน ตบมือร฿องเพลงตาม
จังหวะ ผทู฿ ี่เป็นมอญจะถอื ผา฿ ซอนไว฿ใหม฿ ิด เริม่ ต฿นเดนิ รอบวงตามจงั หวะเพลงโดยเวยี นทางขวา ระหวาง
นั้นคนที่เดนิ อยูจ ะทง้ิ ผา฿ ไว฿หลังใครก็ได฿แลว฿ ตอ฿ งพลางไว฿ ทาํ เป็นวา ยังถือผ฿าอยู เมอ่ื ผา น คนที่ 3 คนนั่งจึง
จะใช฿มอื คลาํ ผา฿ ข฿างหลงั โดยไมหันไปมอง และเม่ือผา นถึงคนที่ 4 คนที่ 2 จึง จะคลําได฿ ห฿ามคนที่น่ังใน
วงใชส฿ ายตาบอกเพ่อื น ถ฿าใครคลําถกู กจ็ ะคว฿าผ฿าผืนน้ันเดินแทน คนที่ เป็นมอญกลับมานั่งแทนที่ แตถ฿า
มัวร฿องเพลงเพลินหรอื คลําผา฿ ไมถ ูก เมอื่ ผ฿ซู อนมาถึงตัว กจ็ ะใช฿ ผา฿ ผืนนั้นตีคนนัง่ เปน็ อันวา คนทถี่ กู ตแี พ฿
86 คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 79
คปู่มรือะสก่งาเสศรนิมยี แบลตัะพรวัฒชิ นาาชกีพิจก1รรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
ประกาศนียบตั รวิชาชพี 1
จะตอ฿ งลกุ ไปยนื รํากลางวง เปน็ การสนกุ สนาน บางคนก็อยากลุกข้ึนมารํา บางคนก็อายไมอยากรํา บาง
คนราํ สวย บางคนตลก
ประโยชน์จากการเลน่ เกมนี้
เปน็ การออกกําลังกาย ฝกึ การสงั เกต พกั ผอ นสมอง ฝึกให฿มีความกลา฿ ทีจ่ ะแสดงออกโดยการราํ เดีย่ ว
และให฿ความสนุกสนานด฿วยการร฿องเพลง และที่สาํ คญั เปน็ การอนรุ กั ษวโ ัฒนธรรมประเพณขี องไทยให฿คงอยู
สยามนสุ ติ
หากสยามยังอยยู ง้ั ยนื ยง
เรากเ็ หมือนอยคู ง ชีพด฿วย
หากสยามพินาศลง ไทยอยู ไดฤ฿ า
เรากเ็ หมอื นมอดมว฿ ย หมดสน้ิ สกุลไทย
ใครรานใครรุกด฿าว แดนไทย
ไทยรบจนสดุ ใจ ขาดดนิ้
เสยี เน้ือเลอื ดหลั่งไหล ยอมสละ ส้ินแล
เสียชีพไปเู สยี ส้นิ ชื่อกอ฿ งเกยี รตงิ าม
ล้นเกลา้ ชาวไทย (ใช฿ในฐานท่ี 3 ภมู พิ ล)
ล฿นเกลา฿ เผาไทย ศูนยโรวมใจคนไทยทัง้ ชาติ
ขออภวิ าทเบือ้ งบาทองคโ ภมู พิ ลยามใดไพรฟฺา
ปวงประชายากจน ทรงหว งกังวลด่งั หยาดฝนชโลมพ้ืนหล฿า
ถึงวาปาู ดง พฤกษโไพรพงทรงสด฿ู ั้นด฿น
ถึงกายหมองหมน แดดฝนไมคิดนําพา
รวมสุขรว มทกุ ขโ ทกุ ขโหรอื สขุ มมี า
ทรงแผเมตตา ใหช฿ าวประชาชนื่ ใจ
มงิ่ ขวัญดวงใจ ชาวไทยทัง้ ผอง
ทอแสงเร่ืองรอง ผุดผอ งดงั รมโพธิ์ใหญ
พระบารมี เป็นทล่ี ือขานนามไกล
ขา฿ บาท ภมู ิใจล฿นเกล฿าเผา ไทยแหง วงคจโ กั กรี
เหนือยง่ิ ส่งิ ใด เหนอื ดวงใจชาวไทยรกั ยิ่ง
เหมอื นเป็นขวัญมง่ิ พกั พิงยามทกุ ขภโ ัยมี
ชาวไทยแหนหวง ยงิ่ กวาดวงชวี ี
แม฿นใครย้าํ ยี ใตฝ฿ าู ธลุ ี ขอพลชี ีพแทน
คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 87
คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญปชร้นั ะมกัธายศมนศยี กึ บษตั ารปวีทชิ ่ี า4ชีพ 1
80 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
ใบความรู้ รายละเอียดฐาน 5 ภูมหิ รือเบญจภมู ิ
ฐานท่ี 1 ภมู ปิ ระวัติ นาํ VCD หรือแผนภมู ิภาพที่แสดงให฿เหน็ ถึงความเปน็ มาทางประวัตศิ าสตรขโ อง
ชาติ การสร฿างวีรกรรมของบรรพบุรุษท่ีได฿เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพ่ือปกปฺองรักษาผืนแผนดินให฿กับ
คนรุนตอไปมาจนถึงปัจจบุ ัน
ฐานที่ 2 ภมู ิธรรม เปน็ การกลาวถงึ เร่ืองของคุณธรรม จรยิ ธรรม การรักษาศลี การปฏิบตั ิธรรม เป็น
เคร่ืองยึดเหน่ียวทางจิตใจของคนในสังคมให฿อยูรวมกันอยางสันติสุข แม฿จะแตกตางทางเช้ือชาติและ
การนบั ถือศาสนา
ฐานท่ี 3 ภูมิพล นําภาพพระราชกรณียกิจ หรือ VCD พระราชกรณียกิจ หรือ VCD เพลงล฿นเกล฿า
ชาวไทย แล฿วสรุปเพ่ือแสดงให฿เห็นถึงพระปรีชาสามารถของพระองคโทานในด฿านตางๆ และพระราช
กรณียกจิ ท่ีทรงงานอยา งตรากตราํ พระวรกายด฿วยความหวงใยในวิถีชีวิต ความเป็นอยู ของพสกนิกร
ไทย ดังพระปฐมบรมราชโองการท่ีวา “เราจะครองแผนดินโดยธรรมเพื่อ ประโยชนโสุขแหงมหาชนชาว
สยาม” ตลอดจนการพระราชทานแนวทางในการปรับเปล่ยี น การพฤตปิ ฏิบัตติ นของพสกนกิ รไทยทีม่ ตี อ
สงั คมท่ีเปลยี่ นแปลง ทั้งนเ้ี พื่อให฿เกิดความสาํ นึก ในพระมหากรณุ าธคิ ุณ เดินตามรอยเบือ้ งยุคลบาทดว฿ ย
การน฿อมนําพระราชดํารัสไปยึดถือ เป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติ รวมท้ังโครงการในพระราชดําริตางๆ
ท่ีพระองคโท์ทา่านนไไดด฿พ้พรระะรราาชชททานานใหใ฿แหก้แพก่สพกสนกิกนริกไรทไยทดย฿วดย้วมยีพมรีพะเรมะตเตมาตแตลาะแมลีพะรมะีพรารชะปราระชสปงรคะโจสะงเหค์็นจะพเสหก็น
พนสกิ กรไนทิกยรไมทีวยถิ มชี วี ถิตชีทวี ดี่ ติ ขี ทนึ้ ด่ี ขี น้ึ
ฐานท่ี 4 ภูมิประชาไท นําภาพของการมีสวนรวมของพ่ีน฿องประชาชนไทยทุกคน ที่จะชวยกัน
ปกปฺองรักษาทรัพยากรของแผนดิน ให฿เกิดความหวงแหน เห็นคุณคาและการแสดงออกซ่ึงความเป็น
หน่ึงใจเดียวกนั ของคนในชาติอยา งเหมาะสมตามวาระตางๆ ทงั้ ในเรอื่ งการแสดงพลังความรว มมือในวัน
สําคัญของชาติ การปกปฺองสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ โ ซึง่ ถือเป็นหนา฿ ทข่ี องประชาชนไทยทุก
คน
ฐานที่ 5 ภูมิใจในความเป็นไทย นํา VCD หรือภาพความเป็นเอกลักษณโของชาติท้ังทาง
ดา฿ นขนบธรรมเนียมประเพณี ภาษา วฒั นธะธรรมรม คา นยิ ม ศลิ ปะการแสดงภมู ิปญั ญาไทย มาเชดิ ชจู ัดเวที
สาธารณะ ให฿มีการแสดงออกถึงเอกลักษณโของชาติอยางตอเน่ือง และสร฿างให฿เกิด ความตระหนักใน
ความเป็นเอกลักษณโของชาติ เพื่อให฿เกิดความภาคภูมิใจ เห็นคุณคาในการอนุรักษโ รักษาฟ้ืนฟู และ
สบื สานสงตอ แกค นรนุ ตอไป และใหล฿ กู เสอื ทํากจิ กรรมเลน เกมมอญซอนผา฿
88 คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 81
คป่มู รือะสก่งาเสศรนิมยี แบลัตะพรวัฒิชนาาชกีพจิ ก1รรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4
ประกาศนียบตั รวิชาชพี 1
เรอ่ื งสัน้ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์
อมตพจนา สมเด็จย่าของปวงชน
ต฿นไม฿น้ีมันคล฿าย ๆ คน ต฿นบานช่ืนน้ีฉันไมได฿ปลูกด฿วยเมล็ด แตไปซ้ือต฿นเล็กๆ ที่เขาเพาะแล฿วมา
ปลกู แตม ันก็งามและแข็งแรงดี เพราะอะไรหรอื เพราะคนที่ขายนน้ั เขารูว฿ ธิ วี าจะเพาะอยางไร ซึ่งฉันไม
สามารถทาํ ไดเ฿ ชน เขา เมื่อฉนั เอามาปลกู ฉนั ต฿องดูแลใสปยุ เสมอ เพราะดนิ ท่ีน่ีไมดี ต฿องคอยรดนํา้ พรวน
ดินบอ ย ๆ ต฿องเอาหญา฿ และต฿นไมท฿ ไี่ มด อี อก เด็ดดอกใบท่ีเสยี ๆ ทิง้
คนเราก็เหมอื นกนั ถ฿ามพี นั ธดโ เี ม่ือเปน็ เด็กก็แข็งแรง ฉลาด เม่ือพอแมคอยสั่งสอน เด็ดเอาของเสีย
ออกและหาปุย ท่ีดใี สเ สมอเดก็ คนนั้น ก็จะเปน็ คนที่เจริญและดเี หมอื นกับตน฿ และดอกบานชน่ื เหลา นั้น”
เร่อื งน้สี อนให้ร้วู า่ การเร่มิ ต฿นทด่ี ี ยอมไดผ฿ ลลัพธทโ ีด่ ดี ว฿ ย
คูม่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 89
คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ปชร้นั ะมกัธายศมนศียึกบษัตารปวีทิช่ี า4ชีพ 1
82 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4, ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ(ปวช. 1)
หน่วยท่ี 4 ระเบยี บแถว เวลา 4 ชั่วโมง
แผนการจดั กิจกรรมท่ี 8 ระเบยี บแถวลูกเสือ
1. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ลูกเสือสามารถปฏบิ ัตติ ามระเบียบแถวลูกเสอื ได฿
2. เนื้อหา
2.1 การฝกึ บุคคลทา มอื เปลา การฝึกบคุ คลทาประกอบอาวุธ
2.2 การเข฿าแถวรปู แบบตา งๆ ของลกู เสือสากล
2.3 การสวนสนาม
2.4 สัญญาณนกหวดี และสัญญาณมอื
3. สื่อการเรยี นรู้
3.1 แผนภูมเิ พลง/เกม
3.2 ใบแจ฿งความรู฿
3.3 ไม฿งาม, นกหวีด
3.4 เรือ่ งสนั้ ทีเ่ ปน็ ประโยชนโ
4. กิจกรรรม
4.1 กิจกรรมครงั้ ท่ี (1 ครั้งละ 2 ชว่ั โมง)
1) พธิ เี ปิดประชมุ กอง (ชักธงขึ้น สวดมนตโ สงบน่ิง ตรวจ แยก)
2) เพลงหรือเกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคกโ ารเรยี นร฿ู
(1) ผ฿ูกํากับลกู เสอื มอบหมายให฿นายหมูลกู เสอื ทาํ หนา฿ ทีฝ่ ึกสมาชิกลูกเสอื ในหมขู องตน
ในเรื่องรหัสลกู เสือ การฝกึ บคุ คลทา มอื เปลา ตามทไ่ี ดม฿ กี ารฝกึ ซอ฿ มกนั ลวงหนา฿ กอนแลว฿
(2) ผก฿ู ํากับลูกเสอื รวมลกู เสือเพื่อทดสอบผลการฝกึ จากนน้ั สรุปผลการฝกึ และให฿
คําแนะนาํ
(3) ผู฿กาํ กับลูกเสือทบทวนทารหสั ลูกเสอื ทา บคุ คลมอื เปลา
(4) ผู฿กาํ กบั ลูกเสือมอบหมายนายหมใู หฝ฿ กึ สมาชิกภายในหมู เร่อื ง การฝึกบคุ คลทา ประกอบ
อาวุธ
(5) ผู฿กํากับลกู เสอื รวมลกู เสือเพอื่ ทดสอบผลการฝึกจากนนั้ สรปุ ผลการฝกึ และใหค฿ าํ แนะนํา
4) ผก฿ู ํากบั ลกู เสอื เลาเร่ืองสนั้ ทีเ่ ป็นประโยชนโ
5) พธิ ีปดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชกั ธงลง เลกิ )
90 คูม่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 83
คป่มู รือะสกง่ าเสศรนมิ ยี แบลตัะพรวัฒิชนาาชกีพิจก1รรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
4.2 กิจกรรมครั้งที่ 2 (ครั้งละ 2 ช่วั โมง)
1) พธิ ีเปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนตโ สงบน่ิง ตรวจ แยก)
2) เพลงหรอื เกม
3) กิจกรรมตามจุดประสงคกโ ารเรยี นรู฿
(1) ผูก฿ ํากับลกู เสอื ทบทวนทาบคุ คลมอื เปลา และทา บุคคลประกอบอาวุธ
(2) ผ฿ูกาํ กบั ลูกเสอื มอบหมายนายหมู ให฿ฝกึ สมาชกิ ภายในหมู เร่ือง สัญญาณนกหวดี
สัญญาณมือ และการเข฿าแถวรูปแบบตางๆ ของลกู เสอื สาํ รอง
(3) ผ฿กู ํากับลกู เสือรวมลกู เสอื เพอื่ ทดสอบผลการฝกึ จากนนั้ สรปุ ผลการฝกึ และ
ใหค฿ าํ แนะนาํ
(4) ผ฿ูกาํ กบั ลูกเสือและนายหมู ฝกึ ทกั ษะในการสวนสนามให฿แกลกู เสือ
(5) ผกู฿ าํ กับลูกเสือสรุป และนดั หมายการฝึกนอกเวลา เพอ่ื การเขา฿ รวมกจิ กรรม
ตางๆ ทม่ี กี ารสวนสนาม เชน งานวันคลา฿ ยวันสถาปนาลูกเสอื แหงชาติ (1 กรกฎาคมของทุกปี)
4) ผกู฿ าํ กบั ลูกเสอื เลาเร่อื งส้นั ที่เปน็ ประโยชนโ
5) พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ )
5. การประเมินผล
5.1 สังเกตความรวมมือในการปฏิบัติกิจกรรม
5.4 ลูกเสือสามารถพฒั นาตนเองเปน็ ผ฿ูฝกึ สอนระเบียบแถวลูกเสอื ได฿
คูม่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 91
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1
84 ค่มู ือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 8
เพลง
เราร่วมใจ
(สรอ฿ ย) รว มใจ เราพรอ฿ มใจ (3 คร้ัง) งานน฿อยใหญพ ร฿อมใจกนั ทํา พวกเราลกู เสอื ไทย ตา ง
พรอ฿ มใจสามคั คี น้ําใจเรากล฿าผจญ บากบั่นอดทน หมั่นทาํ ความดี ผูกมิตรและมไี มตรีเหมอื นดัง่ นอ฿ งพร่ี บั
ความ ชนื่ บาน (สรอ฿ ย)
พวกเราลกู เสือไทย บกุ ปูาไปลยุ นํ้านอง แม฿นเราจะฝาู ภยั พาล แตจ ิตใจเบิกบาน เพราะความ
ปรองดอง มฟี ฺาและนาํ้ ลําคลอง เสยี งคกึ คะนอง ร฿องเพลงเพลินใจ (สรอ฿ ย)
เกม
สุนขั แย่งหาง
ใหผ฿ เู฿ ลน แบงเปน็ หมู ๆ แลว฿ ใชม฿ อื กอดสะเอวคนข฿างหน฿า แตละแถวควรมจี าํ นวนผู฿เลน เทา ๆ
กัน ใหค฿ นข฿างหน฿าเป็นหวั สนุ ัข และคนสุดทา฿ ยเป็นหาง วิธเี ลน คนหวั พยายามไปแตะคนหางของแตล ะ
แถว ถ฿าใครถกู แตะแถวน้ันกแ็ พ฿
ขอ้ ควรจา แตล ะแถวอยา ให฿มีผ฿เู ลน มากเกินไป อยา เลน ในท่ีทมี่ ีส่งิ กดี ขวางจะเกดิ อันตราย
ใบความรู้
ระเบียบแถว
การแสดงรหสั
- รหัสลูกเสอื เปน็ เครอ่ื งหมายทีแ่ สดงให฿รก฿ู ันเฉพาะในวงการลกู เสือเทานั้น ลกู เสอื ทุกคนเมอ่ื
เหน็ รหสั นี้ จะรบั รแ฿ู ละเข฿าใจความหมายซึง่ กนั และกนั ทนั ทีวา “เราเปน็ พวกเดยี วกัน”
- โอกาสที่ใช฿ในการแสดงรหสั
1. เมอ่ื ลูกเสือกลา วคาํ ปฏญิ าณในพิธปี ฏญิ าณตนเข฿าประจาํ กอง และพธิ อี น่ื ๆ ทม่ี กี าร
ทบทวนคาํ ปฏิญาณ
2. เมือ่ พบกบั ลูกเสือชาตเิ ดียวกนั หรือตา งชาติเป็นการรบั รวู฿ า เป็นพวกเดยี วกัน
- วิธีการแสดงรหสั ของลูกเสอื
1. ยนื อยใู นทาตรง
2. ยกมอื ขวาเสมอไหล งอศอกชิดลาํ ตัว
3. หันฝาู มอื ไปขา฿ งหนา฿ นิ้วหัวแมม ืองอกดปลายนว้ิ ก฿อยไว฿ นิ้วช้ี นิว้ กลาง และนว้ิ นาง
เหยียดตรงชดิ ติดกนั
92 คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 85
คปู่มรอื ะสกง่ าเสศรนมิ ียแบลตัะพรวัฒิชนาาชกีพจิ ก1รรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
- ความหมาย
1. หัวแมมอื กดปลายนว้ิ กอ฿ ยได฿ทาํ เปน็ รปู วงกลม น้ิวท้ังสามเหยียดขนึ้ ไป หมายถงึ หวั ของ
รูปเฟลอรโเดอลีสใโ นเครอ่ื งหมายลกู เสือ
2. น้ิวท้ังสาม หมายถงึ คาํ ปฏญิ าณของลกู เสอื 3 ขอ฿
3. นิ้วหวั แมมอื กดทับนว้ิ ก฿อย บง บอกถึงความรกั ใครเ หมอื นญาตพิ น่ี ฿องทวั่ โลก
การฝึกระเบียบแถวบุคคลท่ามอื เปล่า
เปน็ การฝึกใหล฿ กู เสอื เกิดความพร฿อมเพรียง มรี ะเบียบวนิ ยั และความสามคั คี รวมท้งั สามารถฟงั
และปฏบิ ตั ิตามคาํ ส่ังได฿
1. ทา่ ตรง
ทาตรง เป็นทา เบอ้ื งตน฿ และเป็นรากฐานของการปฏิบตั ิในทา อ่นื ๆ ตอ ไปและยงั ใชเ฿ ป็นทา สาํ หรับ
การแสดงความเคารพไดท฿ าหนง่ึ ด฿วย
- คําบอก “แถว – ตรง”
- การปฏิบตั ิ
1) ลําตัวยดื ตรง อกผาย ไหลเ สมอกัน ตามองตรง
2) ยืนใหน฿ า้ํ หนกั ตัวอยทู เี่ ทา฿ ทงั้ 2 ข฿าง ส฿นเทา฿ ชดิ กนั ปลายเท฿าแยกหา งกนั 1 คบื เขา
เหยียดตงึ
3) แขนท้ัง 2 ขา฿ ง เหยยี ดตรงแนบลาํ ตัว พลกิ ศอกไปข฿างหน฿าเล็กนอ฿ ย จนไหลต งึ
4) นิ้วมอื เหยยี ดและชิดกัน นิ้วกลางแตะกึง่ กลางตะเขบ็ กระโปรง
5) นิง่ ไมเคล่อื นไหวรา งกาย
2. ทา่ พัก
ทาพัก เป็นทา เปล่ียนอิริยาบถจากทา ตรง เพอ่ื ชวยผอนคลายความตงึ เครียดซงึ่ มี 4 ทา ดงั น้ี
1) ทาพกั ตามปกติ ใชพ฿ ักในระหวา งการฝึกสอน เพือ่ อธบิ ายหรอื แสดงตัวอยา งแกล ูกเสือ
- คําบอก “พกั ”
- การปฏิบตั ิ
(1) หยอนเขาขวา ตอ ไปหยอ นเขา ซ฿าย หรือเคลอื่ นไหวสว นตา งๆ ของรางกาย แตหา฿ ม
เคลอื่ นท่ี
(2) เมื่อได฿ยนิ คาํ วา “แถว” ใหย฿ ืดตวั ข้ึน สดู ลมหายใจเขา฿ เตม็ ปอดและจัดทกุ สวนของ
รา งกายให฿อยใู นทาตรง
(3) เมอื่ ไดย฿ นิ คําวา “ตรง” ใหก฿ ระตกุ เขา ขวากลับไปอยใู นทา ตรง
2) ทา พกั ตามระเบียบ ใชพ฿ กั ในโอกาสรอพธิ กี ารตา งๆ เชน รอรบั การตรวจพลสวนสนาม หรอื
รออยใู นแถวกองเกยี รติยศ ฯลฯ
- คําบอก “ตามระเบียบ – พัก”
- การปฏบิ ตั ิ
คมู่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 93
ค่มู ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ปชรน้ั ะมกธัายศมนศยี กึ บษัตารปวีทชิ ี่ า4ชีพ 1
86 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 1
(1) ลําตวั ยืดตรง ขาท้ัง 2 ขา฿ งตึง ใหน฿ าํ้ หนกั ตวั อยบู นเทา฿ ทั้ง 2 ขา฿ งเทา ๆ กนั
(2) แยกเท฿าซา฿ ยออกไปข฿างซา฿ ยประมาณคร่ึงก฿าว อยา งรวดเรว็ และเขม฿ แขง็
(3) เอามอื ไขวห฿ ลงั โดยใหห฿ ลงั มือซา฿ ยแนบตดิ ลําตวั ในแนวก่ึงกลางหลังและอยใู ตเ฿ ขม็
ขดั เล็กนอ฿ ย มือขวาทับมอื ซา฿ ยและยนื นง่ิ
(4) เมื่อไดย฿ ินคําวา “แถว – ตรง” ก็ใหช฿ กั เทา฿ ซา฿ ยกลบั มาชิดเทา฿ ขวา พรอ฿ มกับทง้ิ มือทัง้
2 ข฿างลงแนบลําตัว กลับมาอยใู นทา เดมิ
3) ทา พกั ตามสบาย ใชพ฿ กั ในโอกาสท่รี อรบั คาํ ส่ัง เพ่อื ปฏิบัติตอไปเปน็ ระยะเวลาสน้ั ๆ เชน เม่อื
ผูค฿ วบคุมแถวต฿องไปรบั คาํ สงั่ จากผ฿ูบังคับบญั ชา เปน็ ต฿น
- คาํ บอก “ตามสบาย – พกั ”
- การปฏิบตั ิ
(1) หยอ นเขาขวากอน ปฏบิ ัตเิ ชน เดยี วกับทา พกั ตามปกติ
(2) เคล่อื นไหวรางกายไดต฿ ามสบาย แตต อ฿ งอยูกบั ที่ เชน จัดเคร่ืองแตงกายเรยี บรอ฿ ย
จัดหมวกให฿ตรง เชด็ หนา฿ ผกู เชือกรองเทา฿ เป็นตน฿
(3) พดู คยุ กนั ได฿ แตห า฿ มเสยี งดัง และห฿ามนง่ั หากผก฿ู ํากบั ลูกเสอื ไมอนญุ าต
(4) เมอื่ ไดย฿ นิ คาํ วา “แถว – ตรง” ให฿กลับมายนื ตรงในทาเดมิ ทันที โดยปฏบิ ัติ
เชน เดียวกบั ทา พักตามปกติ
4) ทา พกั นอกแถว ใช฿พกั ในโอกาสทตี่ อ฿ งรอคําส่ัง เพ่ือปฏิบตั ิตอ ไปเป็นระยะเวลานานๆ
- คําบอก “พักแถว”
- การปฏิบัติ
(1) ทกุ คนแยกยา฿ ยออกจากแถว แตตอ฿ งอยใู นบรเิ วณใกลเ฿ คียงกับท่ตี ง้ั แถว เพอ่ื ทจ่ี ะได฿
ยนิ เมอ่ื ผ฿กู าํ กบั ลกู เสือเรยี กเข฿าแถวอกี คร้งั
(2) ไมสงเสยี งอกึ ทึกครึกโครม ใหเ฿ ป็นท่รี บกวนผู฿อน่ื
(3) เม่อื ได฿ยินคําวา “แถว” ใหร฿ บี กลับมาเข฿าแถวตรงทเี่ ดิมโดยเร็วในรูปแถวเดิม และเมอื่
จัดแถวเรียบรอ฿ ยแลว฿ ให฿อยูในทา ตรงจนกวาจะมีคําสง่ั ตอ ไป
3. ท่าเคารพ
1) วนั ทยหตั ถโ เป็นทา แสดงการเคารพเมอ่ื อยลู าํ พงั นอกแถวของลกู เสอื ทุกประเภท โดยปฏบิ ตั ิ
ตอ จากทา ตรง แบง ออกเป็นการฝึกขน้ั ต฿น และเม่อื มีผ฿ูรับการเคารพ
1.1 การฝกึ ขั้นต฿น
- คําบอก “วันทยหตั ถโ” และ “มือลง”
- การปฏิบัติ
ยกมอื ขวาขนึ้ โดยเรว็ และแขง็ แรง จดั นิ้วแบบเดยี วกนั ทา รหัสของลกู เสอื ปลายนว้ิ ชี้แตะ
ขอบลางของหมวกคอ นไปขา฿ งหน฿าเลก็ น฿อยในแนวหางตาขวา (ถ฿าไมส วมหมวกใหป฿ ลายนิว้ ชีแ้ ตะทห่ี าง
ตาขวา) เหยยี ดมอื ตามแนวแขนขวาทอ นลา ง แขนขวาทอ นบนย่นื ไปทางขา฿ งประมาณแนวไหล นิว้
94 คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 87
คปู่มรอื ะสกง่ าเสศรนมิ ียแบลตัะพรวัฒิชนาาชกีพจิ ก1รรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
เหยียดตรงเรยี งชดิ ติดกัน ข฿อมือไมห กั และเปิดฝาู มือขนึ้ ประมาณ 30 องศา ถ฿าอยใู นทีแ่ คบใหล฿ ดศอกลง
ไดต฿ ามความเหมาะสม แตรา งกายสวนอนื่ ตอ฿ งไมเสยี ลักษณะทา ตรง
เม่ือได฿ยนิ คาํ บอกวา “มือลง” ให฿ลดมอื ขวาลงอยใู นทา ตรงโดยเร็วและแขง็ แรง (สาํ หรบั
ลูกเสอื สาํ รองใหท฿ าํ วันทยหตั ถโ 2 นิ้ว คอื นิ้วช้แี ละนวิ้ กลางเหยียดตรง สวนนวิ้ ที่เหลืองอเข฿าหาฝูามอื )
1.2 เมอื่ มีผูร฿ บั การเคารพ
- คําบอก “ทางขวา (ทางซ฿าย, ตรงหนา฿ ) – วันทยหัตถโ”
- การปฏิบตั ิ
ยกมอื ขวาขน้ึ โดยเรว็ และแขง็ แรง จดั นิว้ แบบเดยี วกันทารหัสของลกู เสอื ปลายน้ิวชีแ้ ตะ
ขอบลางของหมวกคอ นไปข฿างหนา฿ เลก็ น฿อยในแนวหางตาขวา (ถา฿ ไมส วมหมวกใหป฿ ลายน้วิ ชีแ้ ตะที่หาง
ตาขวา) เหยยี ดมอื ตามแนวแขนขวาทอนลา ง แขนขวาทอ นบนยืน่ ไปทางขา฿ งประมาณแนวไหล นว้ิ
เหยยี ดตรงเรยี งชดิ ติดกนั ขอ฿ มอื ไมหกั และเปิดฝาู มือขน้ึ ประมาณ 30 องศา ถ฿าอยใู นท่ีแคบใหล฿ ดศอกลง
ได฿ตามความเหมาะสม แตร างกายสวนอนื่ ตอ฿ งไมเ สียลกั ษณะทา ตรง
เมื่อไดย฿ ินคาํ บอกวา “มือลง” ใหล฿ ดมือขวาลงอยใู นทาตรงโดยเร็วและแขง็ แรง (สําหรบั
ลูกเสือสาํ รองใหท฿ ําวนั ทยหตั ถโ 2 น้วิ คอื นิว้ ช้แี ละน้วิ กลางเหยียดตรง สวนนิว้ ทเี่ หลอื งอเขา฿ หาฝาู มอื )
1.2 เม่อื มผี ฿รู ับการเคารพ
- คาํ บอก “ทางขวา (ทางซา฿ ย, ตรงหน฿า) – วันทยหตั ถโ”
- การปฏบิ ัติ
สะบดั หน฿าไปยังผ฿ูรบั การเคารพ พร฿อมกับยกมอื ขวาทําวันทยหัตถโกอนถึงผร฿ู บั การเคารพ 3 ก฿าว
ตามองจบั ไปที่ผูร฿ ับการเคารพ และหนั หนา฿ ตาม จนกวา ผรู฿ บั การเคารพจะผา นพ฿นไปแล฿ว 2 ก฿าว จากน้ัน
สะบดั หน฿ากลับพร฿อมกับลดมือลง
ถา฿ ผูร฿ บั การเคารพไมไ ด฿เคลอื่ นทผี่ าน ใหส฿ ะบดั หนา฿ กลับพรอ฿ มกบั ลดมือลงตามคาํ บอกวา “มอื ลง”
ถ฿าผร฿ู บั การเคารพอยตู รงหน฿าก็ปฏิบตั ิได฿โดยไมต ฿องสะบดั หนา฿
2) แลขวา (ซ฿าย) – ทํา เป็นทาแสดงการเคารพ เม่ือลูกเสืออยูในแถวมือเปลาหรือถืออาวุธท่ี
ทําทาวนั ทยาวธุ ไมได฿ และเปน็ ทา แสดงเคารพตามลําพงั นอกแถวของลูกเสือ ในกรณีท่ีไมสามารถแสดง
การเคารพด฿วยทา วนั ทยหัตถโ
- คาํ บอก “แลขวา (ซา฿ ย) – ทาํ
- การปฏบิ ตั ิ
สะบัดหน฿าไปทางขวา (ซ฿าย) ประมาณก่ึงขวา (ซ฿าย) กอนถึงผ฿ูรับการเคารพ 3 ก฿าว ตามองจับ
ไปที่ผ฿ูรับการเคารพ พร฿อมกับหันหน฿าตามจนกวาผ฿ูรับการเคารพจะผานพ฿นไปแล฿ว 2 ก฿าว แล฿วสะบัด
หนา฿ กลบั ทเ่ี ดมิ
ถ฿าผร฿ู ับการเคารพไมไ ดเ฿ คล่ือนท่ผี าน ใหส฿ ะบัดหนา฿ กลบั ท่เี ดิมตามคาํ บอกวา “แล – ตรง”
ข้อแนะนาในการแสดงการเคารพ
- การแสดงเคารพในเวลาเคล่ือนที่ แขนต฿องไมแกวาง คงเหยียดตรงตลอดปลายน้ิว และ
ห฿อยอยขู า฿ งตวั (มอื ไมต ิดขาเหมือนอยา งอยกู บั ที่)
คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 95
คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ปชรั้นะมกธัายศมนศียึกบษตั ารปวที ชิ ี่ า4ชีพ 1
88 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 1
-รัศมีแสดงการเคารพ ถือเอาระยะท่ีมองเหน็ เคร่อื งหมายหรอื จาํ ได฿เป็นเกณฑโ
- กรณเี ข฿าแถวรวมลูกเสืออาวุธ เม่ือได฿ยินคําบอก “ทางขวา (ซ฿าย)- ระวัง-วันทยา-วุธ”
ให฿ทําทาแลขวา (ซ฿าย) พร฿อมกับผ฿ูทําวันทยาวุธ และทําทา “แลตรง” เมื่อขาดคําบอกวา
“เรยี บ-อาวธุ ”
- ในเวลาเคลื่อนที่ เม่ือจะต฿องแสดงการเคารพโดยวิธีหยุด กอนผู฿รับการเคารพจะเข฿า
มาถงึ ระยะแสดงการเคารพ ให฿ทําทาหันในเวลาเดินไปทางทิศท่ีผู฿รับการเคารพจะผานมา
โดยหยุดชิดเท฿าในทาตรงแล฿วแสดงการเคารพ เม่ือเลิกการเคารพแล฿วให฿ทําทาหันไปใน
ทศิ ทางเดมิ และก฿าวเท฿าหลงั เคล่ือนท่ตี อ ไปโดยไมต ฿องชิดเทา฿
- ในกรณีผ฿ูรบั การเคารพอยกู บั ที่ ผ฿ูแสดงการเคารพไมตอ฿ งหยุดแสดงการเคารพ
- การแสดงการเคารพประกอบการรายงาน เชน ในหน฿าเวรยาม ให฿ว่ิงเข฿าไปหยุดยืน
หางจากผ฿ูรับการเคารพ 3 ก฿าว แล฿วแสดงการเคารพ หลังจากที่รายงานจบหรือซักถาม
เสร็จแลว฿ ใหล฿ ดมอื ลง (จากวนั ทยหตั ถโ) หรือเรียบอาวธุ (จากวนั ทยาวุธ) และกลับไปปฏิบัติ
หนา฿ ทตี่ อไป
4. ทา่ หันอยกู่ บั ที่
เป็นทา ทชี่ ว ยปรบั เปลีย่ นทศิ ทางการหันหน฿าของแถว แตก อนที่จะมีคําบอกให฿แถวหันไปยังด฿าน
ใด ตอ฿ งใหแ฿ ถวอยใู นทาตรงเสียกอ น ทาหันอยูกับทม่ี ี 3 ทา ดงั นี้
1) ท่าขวาหัน เป็นทา ทท่ี ําให฿แถวหันไปทางดา฿ นขวา
- คําบอก “ขวา–หัน”
- การปฏิบัติ มี 2 จังหวะ
จังหวะที่ 1 เปิดปลายเท฿าขาวและยกส฿นเท฿าซ฿าย ทันใดนั้นให฿หันตัวไปทางขวาจนได฿ 90
องศา พร฿อมกบั หมนุ เท฿าทงั้ 2 ขา฿ งตาม โดยใหส฿ น฿ เทา฿ และปลายเทา฿ ซ่ึงเป็นหลักติดอยูกับพ้ืน นํ้าหนักตัว
อยทู ่เี ทา฿ ขวา ขาซา฿ ยเหยยี ดตงึ บิดส฿นเทา฿ ซ฿ายออกข฿างนอกเล็กน฿อย ลําตวั ยืดตรง แขนแนบชิดกบั ลําตัว
จังหวะท่ี 2 ชกั เท฿าซ฿ายมาชิดเทา฿ ขวาในลักษณะทา ตรงอยางรวดเรว็ และแข็งแรง
2) ทา่ ซ้ายหนั เป็นทา ท่ีทาํ ใหแ฿ ถวหนั ไปทางด฿านซา฿ ย
- คําบอก “ซ฿าย-หัน”
- การปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิเป็น 2 จังหวะเชนเดียวกบั ทา ขวาหัน แตเปลี่ยนหันไปทางซ฿ายแทน และให฿
เท฿าซา฿ ยเป็นหลักอยกู ับท่ีแล฿วดึงเท฿าขวามาชดิ
3) ท่ากลับหลงั หัน เปน็ ทาสาํ หรบั เปล่ียนการหนั หน฿าของแถว จากด฿านหน฿าไปดา฿ นหลัง
- คาํ บอก “กลบั หลงั -หนั ”
- การปฏิบัติ ทาํ เป็น22จจังงัหหววะะ
จังหวะท่ี 1 ทาํ เชนเดียวกับทา ขวาหนั จังหวะท่ี 1 แตหันเลยไปจนกลับจากหน฿าเป็นหลังครบ
180 องศา ใหป฿ ลายเทา ซ฿ายหนั ไปหยดุ อยขู า฿ งหลัง เฉยี งซา฿ ยประมาณครงึ่ ก฿าวและอยใู นแนวส฿นเทา฿ ขวา
จงั หวะท่ี 2 ชกั เทา฿ ซา฿ ยมาชิดเท฿าขวาในลักษณะทาตรงอยา งรวดเรว็ และแข็งแรง
96 คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 89
คปมู่ รอื ะสกง่ าเสศรนมิ ยี แบลัตะพรวัฒชิ นาาชกีพจิ ก1รรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนียบตั รวิชาชพี 1
5. ท่าเดนิ
เปน็ ทา ท่ีชวยใหก฿ ารเคล่อื นยา฿ ยหรอื การเดนิ ขบวนของแถวดเู ปน็ ระเบยี บและสงา งาม กอนที่จะมี
คําบอกใหเ฿ ดินต฿องให฿แถวอยใู นทา ตรงเสียกอน มี 6 ทา
1) เดนิ ตามปกติ
- คําบอก “หนา฿ – เดนิ ”
- การปฏิบตั ิ
โน฿มน้ําหนักตัวไปข฿างหน฿า พร฿อมกับก฿าวเท฿าซ฿ายออกเดินกอน ขาเหยียดตึงปลายเท฿าง฿ุม
ส฿นเท฿าสงู จาพ้ืนประมาณ 1 คบื เมื่อจะวางเทา฿ และก฿าวเทา฿ ตอไป ให฿โนม฿ นาํ้ หนกั ตวั ไปข฿างหน฿าตบเต็มฝูา
เท฿าอยางแขง็ แรง แลว฿ จึงกา฿ วเท฿าขวาตาม โดยเดินตบเท฿าซ฿ายและขวาสลับกันเป็นจังหวะอยางตอเนื่อง
ทรงตัวและศรี ษะอยใู นทา ตรง แกวงแขนตามปกติเฉียงไปข฿างหนา฿ และข฿างหลงั พองาม เมื่อแกวงแขนไป
ขา฿ งหนา฿ ขอ฿ ศอกงอเลก็ นอ฿ ย เมอื่ แกวงแขนไปข฿างหลังให฿แขนเหยียดตรงตามธรรมชาติ หันหลังมือออก
นอกตวั แบมือ นิว้ มอื เรียงชดิ ตดิ กนั
ความยาวของก฿าวนับจากสน฿ เท฿าถงึ สน฿ เท฿า ประมาณ 40-60 ซม. รักษาความยาวของกา฿ วให฿คงที่
อตั ราความเรว็ ในการเดนิ นาทลี ะ 90-100 กา฿ ว การเดินเปน็ หมูต อ฿ งเดินให฿พร฿อมกัน ถ฿ามีจังหวะต฿องเดิน
ใหเ฿ ข฿าจังหวะ
2) เดินตามสบาย
- คาํ บอก “เดนิ ตามสบาย”
- การปฏิบตั ิ
เปล่ียนจากเดินตามปกติเป็นเดินตามสบาย ระยะก฿าวเชนเดียวกับเดินปกติ แตอัตร า
ความเร็วในการเดินนาทลี ะ 120-150 กา฿ ว ไมต อ฿ งรักษาทา ทางให฿เครงครัด การเดนิ เป็นหมูไ มจ าํ เปน็ ตอ฿ ง
เดินใหพ฿ ร฿อมกัน อาจพูดกันไดเ฿ วน฿ แตจ ะมีคาํ ส่งั หา฿ ม
3) เดนิ ครึง่ กา฿ ว
- คําบอก “เปลยี่ นเทา฿ ”
- การปฏบิ ตั ิ
ก฿าวเทา฿ ไปขา฿ งหน฿าอีก 1 ก฿าว ย้ังตัวพร฿อมกับก฿าวเท฿าหลังให฿ปลายเท฿าหลังชิดส฿นเท฿าหน฿า
และกา฿ วเทา฿ ออกเดินเดนิ ตอ ไป
4) เดนิ ครง่ึ กา฿ ว
- คาํ บอก “คร่ึงก฿าว – เดิน”
- การปฏบิ ัติ
เปลี่ยนจากเดินตามปกติเป็นเดินตามสบาย ระยะก฿าวเชนเดียวกับเดินปกติ แตอัตรา
ความเร็วในการเดนิ นาทีละ 120-150 กา฿ ว ไมต อ฿ งรกั ษาทาทางใหเ฿ ครงครัด การเดินเปน็ หมไู มจาํ เป็นตอ฿ ง
เดนิ ใหพ฿ รอ฿ มกัน อาจพูดกนั ไดเ฿ ว฿นแตจะมีคาํ ส่งั หา฿ ม
ถ฿าจะให฿เดินเต็มก฿าวตอไป ให฿ใช฿คําบอกวา “หน฿า-เดิน” สวนทาหยุดจากทาเดินคร่ึงก฿าว
ปฏบิ ตั ิเชนเดียวกบั ทาเดินปกติ
คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 97
คูม่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ปชรั้นะมกัธายศมนศยี กึ บษตั ารปวีทิช่ี า4ชีพ 1
90 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 1
5) ซอยเทา฿
- คําบอก “ซอยเทา฿ – ทาํ ”
- การปฏิบตั ิ
เม่ือหยุดอยูกับท่ี ถ฿าได฿ยินคําบอกวา “ซอยเท฿า-ทํา” ให฿ยกเท฿าขึ้นลงสลับกันอยูกับท่ีตาม
จงั หวะการเดนิ ในครง้ั นนั้ โดยยกเท฿าซ฿ายข้ึนกอน เท฿าท่ียกขึ้นนั้นพื้นรองเท฿าต฿องสูงจากพื้นประมาณ 1
คบื มือและการแกวง่าแงขแนขนเปเ็ปนไน็ ปไตปาตมาทมา่ทเาดเนิ ดคินรคงั้ รนง้ั นั้ นัน้
ถา฿ กําลังเดนิ เม่ือได฿ยินคําบอกวา “ซอยเทา฿ -ทาํ ” ไมวา เท฿าใดจะตกถึงพ้นื กต็ าม ให฿เดินตอ ไป
อีก 1 กา฿ ว แลว฿ ก฿าวเท฿าหลงั ใหส฿ ฿นเทา฿ หลงั เสมอแนวเดยี วกบั ส฿นเทา฿ หนา฿ และยกเท฿าเดมิ น้นั ขน้ึ กอนตอ ไป
เปน็ การปฏิบตั เิ ชนเดยี วกบั เมอื่ หยดุ อยูก บั ที่
ทงั้ 2 แบบ เมือ่ จะให฿เดนิ ตอ ไปใช฿คําวา “หน฿า-เดิน” เม่ือเท฿าซ฿ายตกถึงพ้ืน ซอยเท฿าขวาอยู
กบั ที่ แล฿วกา฿ วเท฿าซา฿ ยออกเดนิ ตอไป ถา฿ จะใหห฿ ยุดใชค฿ ําบอกวา “แถว-หยดุ ” เชนเดยี วกบั ทาหยดุ ในเวลา
เดนิ
6) เดินเฉียง
- คาํ บอก “เฉยี งขวาาว (ซซา้า฿ ยย)),,−– ทท�าํำ””
- การปฏบิ ตั ิ
เมอื่ ขาดคาํ บอกวา “ทาํ ” ในขณะท่เี ท฿าขวา (ซ฿าย) ตกถึงพน้ื ใหก฿ า฿ วเท฿าซ฿าย (ขวา) ออกเดิน
ตอไป พร฿อมกบั บดิ ปลายเทา฿ และหันตัวไปทางกงึ่ ขวา (ซ฿าย) แล฿วกา฿ วเทา฿ หลังเดินไปในทิศทางใหมทีเ่ ป็น
มมุ 45 องศา กับทศิ ทางเดินโดยตอเนื่อง ไมมีการหยุดชะงัก จังหวะก฿าวเป็นไปตามจังหวะของทาเดิน
ครัง้ นั้น ถ฿าจะให฿กลับมาเดินในทศิ ทางเดมิ ใชค฿ ําบอกวา “เดินตรง” ลูกเสือก฿าวเท฿าทําก่ึงซ฿าย (ขวา) แล฿ว
เดินตรงไปข฿างหนา฿ ตอ ไป คําบอกตอ฿ งบอกในขณะท่เี ทา฿ ซ฿าย (ขวา) ตกถงึ พืน้
6. ทา่ หยุด
เปน็ ทาท่ีติดตามจากทาเดิน ซ่งึ ชว ยทําใหก฿ ารหยุดแถวของลูกเสอื มีความพรอ฿ มเพรยี งกนั
- คาํ บอก “แถว – หยุด”
- การปฏิบตั ิ
ขณะกําลงั เดนิ ตามปกติ เม่ือไดย฿ นิ คาํ บอก “แถว – หยดุ ” ไมวาเท฿าข฿างใดข฿างหน่ึงจะตกถึง
พน้ื กต็ าม ใหป฿ ฏิบตั ิ 2 จังหวัด คอื
จังหวะที่ 1 ก฿าวเทา฿ ตอไปอกี 1 กา฿ ว
จังหวะที่ 2 ชักเทา฿ หลงั ชดิ เท฿าหนา฿ ในลักษณะทาตรง อยางแขง็ แรง
7. ท่ากา้ วทางขา้ ง
ใชฝ฿ กึ ลูกเสือเพ่อื นาํ ไปใชต฿ ามลาํ พงั ในแถว และเมื่อมีการจัดหรือรนแถวในระยะสนั้ ๆ ซง่ึ ต฿องการ
ความเป็นระเบียบเรยี บรอ฿ ย เชน ในพธิ ตี รวจพลสวนสนาม เปน็ ต฿น
- คําบอก “กา฿ วท฿าวขวา (ซ฿าย),ทํา”
- การปฏิบตั ิ
98 ค่มู ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 91
คปู่มรือะสก่งาเสศรนมิ ียแบลตัะพรวฒั ิชนาาชกีพจิ ก1รรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1