ตวั อย่างคาส่งั จากแผนผงั
จุดเริม่ ต้น
“จากจุดเริม่ ต้นทท่ี ่านยนื อยใู่ ห้ทา่ นหมุนหน้าปัดเข็มทิศ
ไปท่ี มุม 40 องศา แล้วเดินไปตามลกู ศรช้ี จานวน 18 ก้าว
และรับคาสง่ั ต่อไป”
จดุ ท่ี 1
“จากจดุ ที่ 1ใหท้ า่ นหมุนหนา้ ปดั เข็มทิศไปที่
มุม 260 องศา แลว้ เดินไปตามลูกศรชี้ จานวน 52 กา้ ว
และรบั คาสัง่ ตอ่ ไป”
จดุ ที่ 2
“จากท่ี 2 ให้ท่านหมุนหน้าปัดเข็มทิศไปท่ี มุม 35 องศา
แล้วเดินไปตามลูกศรชี้ จานวน 22 ก้าว
และรับคาส่งั ตอ่ ไป”
จดุ ที่ 3
“จากจุดท่ี 3 ให้ทา่ นหมุนหน้าปดั เข็มทิศไปที่ มมุ 110 องศา
แลว้ เดินไปตามลูกศรชี้ จานวน 43 กา้ ว แล้วรบั คาสง่ั ตอ่ ไป”
จุดที่ 4
“ท่านเดินทางมาถึงจดุ หมายแล้วใหท้ า่ นหาเหรียญทร่ี ะลกึ
งานชุมนุมลกู เสือแห่งชาตคิ รั้งที่ 15 แล้วนาไปมอบให้กับ
ผู้กากบั ลกู เสอื ต่อไป”
คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 147
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
142 คูม่ ือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
เร่ืองสั้นท่ีเป็นประโยชน์
กบกับหนู
หนูแกต ัวหน่ึงเดนิ ทางรอนแรมมาจนถึงลําธารทช่ี ายปาู หนตู อ฿ งการจะข฿ามไปยงั ฝัง่ ตรงข฿ามจึงเขา฿
ไปหาเจ฿ากบ ตัวน฿อยทรี่ มิ ลําธารแลว฿ เอย ขอใหก฿ บชวยพาข฿าม ลาํ ธารกบนอ฿ ยมองหนูแลว฿ ปฏเิ สธอยา ง
สภุ าพวา " โธ ฉนั นะ ตวั เล็กพอๆ กบั ทาน แล฿วจะพาทานขา฿ มไปได฿ อยา งไรกันละจะเ "แตหนไู มย อม กลับ
อา฿ งวาตนเป็นสัตวโผู฿อาวโุ สกวา ถา฿ กบไมชว ยตนก็จะไปปาู วประกาศใหส฿ รรพสตั วทโ งั้ หลายรูถ฿ งึ ความใจดํา
ของกบเม่ือถกู ขูเข็ญเชน นน้ั กบจึงตอ฿ งจาํ ยอมใหห฿ นเู อาเทา฿ ผกู กับเทา฿ ของตนแลว฿ กพ็ าวา ยขา฿ มลาํ ธารแต
ทวา พอวา ยไปได฿แคครึง่ ทางเทา น้ันกบกเ็ รมิ่ หมดแรงกอนทท่ี ้ังคจู ะจมนา้ํ ตาย เหยย่ี วตวั หนึง่ ก็โฉบลงมา
จกิ เอาทง้ั กบและหนไู ปกิน
เรอื่ งน้ีสอนให้รวู้ ่า คิดประโยชนจโ ากผู฿ทไี่ มสามารถให฿ได฿ ยอ มมีแตเสียหาย
โลภมากจะลาภหาย (กจิ กรรมที่ 2)
กาลคร้งั หนึ่งนานมาแล฿ว ในสมัยทสี่ ตั วโพดู ไดม฿ ีสงิ โตตัวหนงึ่ อาศัยอยูในปูา วันหนงึ่ สิงโตเกิด
ความรูส฿ กึ หิวโซ จงึ เดนิ หาอาหารไปในทงุ หญา฿ บงั เอญิ พบลูกวัวตัวหน่งึ กําลังกนิ หญา฿ อยู สงิ โตรส฿ู ึกดีใจ
ยิง่ นกั และคดิ วาวนั น้ตี ัวเองโชขคดี จึงยอ งเขา฿ ไปหาลูกววั อยา งชา฿ ๆ และเงยี บ ดว฿ ยความอรอ ยของหญา฿
ออนเจา฿ วัวนอ฿ ยจึงไมทนั ระวังวาจะมภี ัยรา฿ ยมาใกล฿ตวั ทันใดนั้น สิงโตกต็ ะครุบเจา฿ ววั นอ฿ ยไวไ฿ ด฿ เจา฿ วัว
นอ฿ ยตัวสนั่ ด฿วยความกลวั แตกพ็ ยายามควบคุมความร฿ูสกึ ของมันเอาไว฿ และพูดกบั เจา฿ สิงโตวา “ทา น
พญาราชสหี ผโ ฿ูยง่ิ ใหญ ข฿าร฿ูวา ทานกําลงั หวิ โซอยู แตตัวขา฿ น฿อย ถึงทา นจะกนิ ถา฿ ตัวเดยี วทานก็คงไมอ มิ่
อยากระน้นั เลย ใหข฿ า฿ ไปพาเพื่อนมาอีกจะดกี วา ” ดว฿ ยความโลภของเจ฿าสิงโตจึงยอมปลอยเจา฿ ววั นอ฿ ยไป
เจา฿ วัวนอ฿ ยจงึ ถือโอกาสหลบหนีไป
เรอ่ื งนสี้ อนให้ร้วู า่ โลภมากจะลาภหาย การมสี ตสิ ามารถแก฿ปญั หา
148 คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4 143
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
คู่มือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4
ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 1
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4, ประกาศนียบัตรวิชาชพี (ปวช.1)
หนว่ ยที่ 9 การผูกเงอื่ นและประโยชน์ของเง่ือน เวลา 1 ชั่วโมง
แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 13 เงื่อนเชือก
1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1.1 ลูกเสือสามารถอธิบายความหมาย คณุ สมบัติ ความสาํ คญั และชนิดของเชอื กได฿
1.2 ลูกเสอื สามารถผกู เงอ่ื นเชือกตามหลักสูตรลกู เสือโลกได฿
1.3 ลกู เสือสามารถอธิบายการใช฿ประโยชนโจากเงื่อนเชอื กได฿
2. เน้อื หา
2.1 เครื่องหมายและความสําคญั ของเชือก
2.2 คณุ สมบัติและชนดิ ของเชือก
2.3 เงอ่ื นเชือกตามหลกั สูตรลูกเสือโลก
2.4 การใช฿ประโยชนจโ ากเงอื่ นเชอื กตาง ๆ
3. สอื่ การเรยี คนมู่ ือรสู้ ง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 149
3.1 แผนรปู เพลง/เกม ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
3.2 ใบความร฿ู
3.3 แผนภูมิเง่อื น, เชอื ก
3.4 อุปกรณกโ ารเลน เกม ได฿แก นกหวีด ไมง฿ า ม และไมส฿ าํ หรับผูกเลนเกม
3.5 เรอื่ งสั้นทีเ่ ปน็ ประโยชนโ
4. กิจกรรม
4.1 พิธเี ปิดประชมุ กอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนตโ สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
4.2 เพลงหรอื เกม
4.3 กิจกรรมตามจุดประสงคกโ ารเรยี นร฿ู
1) ผูก฿ าํ กับลกู เสอื นําเขา฿ สูบทเรยี น โดยใหล฿ ูกเสอื ผกู เง่ือนที่ตนผูกได฿คนละ 1 เง่ือน และ
ผกู฿ ํากบั ลกู เสอื อธบิ ายถงึ ความสําคญั ของเชอื กและเงื่อนตา ง ๆ
2) ผ฿กู าํ กับลูกเสอื บรรยายคณุ สมบัตแิ ละชนดิ ของเชอื กประกอบการสาธิตเง่อื นเชือก
ลกู เสอื โลก
3) ผก฿ู ํากับลกู เสอื แบง ลูกเสอื ออกเป็น 4 หมู จดั สอนแบบฐาน โดยใหช฿ มตัวอยา งเงื่อนจาก
แผงแสดงเง่อื นพรอ฿ มทงั้ สาธติ ประกอบและให฿ปฏิบัติ (ใช฿พเ่ี ลย้ี งหรอื นายหมปู ระจําฐาน)
- ฐานท1ี่ เงอื่ นพริ อด เง่ือนขดั สมาธิ เงือ่ นบวงสายธนู
- ฐานที่2 เงือ่ นผกู กะหวดั ไม฿เง่อื น ตะกรดุ เบ็ด เงื่อนประมง
- ฐานท3ี่ เงอ่ื นตาไก เงื่อนผกู ซงุ เงอ่ื นผกู รั้ง
- ฐานที4่ ผูกแนน ผกู ทแยง ผูกกากบาท ผกู ประกบ
4) ผก฿ู าํ กบั ลกู เสอื สรปุ บทเรยี น โดยให฿ลกู เสือเลน เกมผกู เงื่อนตามคําสง่ั
5) ผ฿ูกาํ กับลกู เสอื ใหล฿ กู เสอื ทดสอบตามแบบทดสอบ
154.4การปคป44รมู่ร..4ะะ5ือกสเผามพ่งศเกู฿สินธินรําีปยีผิมกบิดแลัตับลประลวรพกูิชะัฒาเชชสนมุ ีพาือกกเ1จิลอกางรเรร(มน่อื ลดังูกสเหสน้ั ือมททาักเี่ยษปะตน็ ชรปีววติ รใจะนเโสคยถรชาือ่ นนงศโแึกษบาบปชระักเภธทงลลกู งเสเือลวิกสิ า)มัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
- ฐานท4่ี ผกู แนน ผกู ทแยง ผูกกากบาท ผกู ประกบ
4) ผูก฿ าํ กับลกู เสอื สรปุ บทเรียน โดยให฿ลกู เสือเลน เกมผกู เงอื่ นตามคาํ สั่ง
5) ผ฿กู ํากับลูกเสอื ใหล฿ ูกเสือทดสอบตามแบบทดสอบ
4.4 ผู฿กํากบั ลูกเสอื เลา เรอ่ื งสนั้ ท่ีเปน็ ประโยชนโ
4.5 พิธปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธงลง เลิก)
5. การประเมินผล
5.1 สงั เกตความรว มมอื ในการปฏบิ ัติกิจกรรม
5.2 ตรวจผลการแบบทดสอบหลงั เรียน
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 13
เพลง
เพลงเงือ่ นพริ อด
คําร฿อง ครูสกุ ลั ยา ธูปพงษโ (จงั หวะ โซล)
150 คู่มือสง่ เสรมิ แลขะพวฒัาทนบัากซจิ า฿กยรรมซล฿าูกยเสทอื ับทขักวษาะชเวี งิตื่อในนสพถริ าอนดศึกนษนั้า หลกูนเาสอื ลวูกสิ าเสมัญือจงชจัน้ ํามธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศปนรยี ะบโตัยรชวนชิ าโ ชมีพไี ว1ท฿ าํ ( ซํ้า ) ตอ เชอื กขนาดเดยี วกนั นําไปใช฿ไดเ฿ ลย ( ซ้ํา )
เกม
ผูกเง่ือนตามคาสัง่
สอจาถุปนากนวรนทณผเ่ี ์ลู้เล่นน่ เส2ช0นือา–กมย4า0วคปนระมาณ 3 – 5 เมตร คนละ 1 เสน฿
วอธิุปกี การรณเล์ น่ คมู่ ือสง่ เสรมิ 1สเแช.นลือแจะาพกตดัมฒัยลผานะู฿เหวลากนมปจิ อหูกรอราะรกงมมกเาลปนัณูก็นปเสห3รอื มะท–มๆูกั า5ษณละเชะมวี 3ต8ติ ใรช–นวคส1งถนแ0าลขนคะศนนึก1ษโเาดสลยน฿ กู ใเหสือผ฿ ว฿เู สิลาน มปเัญรขะา฿ กชแานั้ ถศมนวัธียหยบนมตั ศา฿ รึกกวษิชราาะปชดีพที า่ี น14
สถานทเี่ ลน่ 151
วธิ ีการเลน่ 1. จัดผูเ฿ ลนออกเป็นหมๆู ละ 8 – 10 คน โดยให฿ผู฿เลน เข฿าแถวหนา฿ กระดาน
แตละหมหู า งกนั ประมาณ 3 ชว งแขน
ขอ้ ควรระวัง 2. ผ฿ูนําเกมสงั่ ใหผ฿ เ฿ู ลน ผกู เงอ่ื นทีใ่ ช฿ตอ เชือก เชน เง่ือนพริ อด ผ฿เู ลนแตล ะคนภายใน
ประโยชน์ หมูจะนาํ ปลายเชือกของตนเอง และของเพ่อื นลกู เสอื ทางซ฿ายมาผกู ตอ กนั ด฿วย
ข้อควรระวงั เ2ง.อ่ื ผนู฿นพําเริกอมดสเง่ั มให่ือผ฿ผูกู฿เลเนสรผ็จกู ทเงง้ั อื่ หนมทูใ ใี่หชค฿ ฿ตนอ แเชรกอื กแลเชะคน นเสงือ่ดุ นทพ฿ายริ อขดอผง฿ูเแลตน ลแะตหลมะคถู นอื ภเชาือยกในท่ี
ประโยชน์ หตอมดูจะึงในหาํ ต฿ปึงลแาลย฿วเชนืองั่ กหขมอูใงดตผนูกเเอสงรจ็แกละอขนอเปงเ็นพห่ือมนูทลชี่กู นเสะอื คทวารงใซห฿าผ฿ ยกู มเาชผอื กูกต3อกหนั รอื ด4ว฿ ย
เเงง่ือื่อนน พแลิระอเดกเบ็มผอ่ื ลผแูกพเส฿ชรน็จะทข้งั อหงมแูใตหล ค฿ ะนเงแ่อื รนกแเพละอ่ื คตนดั สสุดนิ ทห฿าายผช฿ูขนอะงรแวตมล เะมห่ือมคถู รอืบเช3ือ–กท4ี่
เตงอ อื่ ดนึงให฿ตงึ แลว฿ นัง่ หมูใดผกู เสร็จกอนเป็นหมทู ช่ี นะ ควรให฿ผูกเชือก 3 หรอื 4
เขงณื่อนะทแดี่ ลึงะเเชกอื บ็ กผใหลแ฿ตพงึ อช฿ านจะหขกอลงม฿แตไดล ฿ะถเงา฿ ื่อเงนอ่ื นเพทอ่ื ่ีผตกู ดั ตสอ ินเชหอื ากผไูช฿ มนแ ะนรวน มเมื่อครบ 3 – 4
เ1ง.ื่อเนป็นการทบทวนทกั ษะเงอ่ื นเชอื กทไ่ี ดศ฿ กึ ษามา
2ข.ณทะําทใ่ีดหึง฿เกเชิดอื คกวใาหมต฿ เพงึ อลาดิ จเหพกลลนิ ม฿ สไนดกุ ฿ ถสา฿นเางนอ่ื นท่ผี ูกตอ เชือกไมแ นน
1. เป็นการทบทวนทักษะเงือ่ นเชอื กทไ่ี ด฿ศึกษามา
2. ทําให฿เกิดความเพลดิ เพลนิ สนกุ สนาน
คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 145
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
ใบความรู้
เงอ่ื นเชอื ก
เงอ่ือนนเเชชอือกกกกย็ ็ยงั งั มมบี ีบททบบาาททแแลละะคคววาามมสส�ำําคคญั ญั สส�ำาํ หหรรบั บั กกาารรดด�ำาํเนเนินนิ ชชวี ีวติ ติ ขขอองงคคนนเรเรา าถถงึ แึงแมมว้ า่ว฿ เา ทเทคคโนโนโลโลยยตี ีต่างางๆ
จๆะจเจะเรจิญรญิเขเ้าขม฿ามากาก็ตต็ าามม จะเห็นไไดด฿ว้วา ่าเงเงื่อ่ือนนเชเชือกือจกะจเะกเ่ยี กว่ียขวอ฿ ขง้กองบั กเรับาเตรง้ั าแตตัง้ แแรตก่แเกรดิกเเมกื่อิดเราเคมล่ืออเรดาอคอลกอมดาหอมออกจมะา
หใหม฿เอชจือะกใหในเ้ ชกอื ากรใผนูกกสาารผยกูสสะดายือสตะดออืนเตดอ็กนใเชด฿เก็ง่ืใอชนเ้ งเชอ่ื ือนกเชผอื ูกกทผํากู เทป�ลำเนปอลนอผนูกผสกูาสยามยุ฿งมตงุ้ อตนอโนตโใตชใ฿เชงเ้่ืองนอ่ื นเชเชืออืกกผผู กกู
รองเท฿า ผูกเนคไท ผูกสิ่งของตาง ๆ และยังใช฿เงื่อนเชือกถักเป็นเสื้อผ฿าเคร่ืองนุมหมและเคร่ืองใช฿ตาง ๆ
หลายชนิด บางคร้ังเงื่อนเชือกยังมีบทบาทกับเราอีก อาจจะชวยชีวิตให฿รอดพ฿นจากอันตรายได฿ ตอน
เสยี ชวี ติ เชอื กยงั มบี ทบาทอีก เงอ่ื นเชอื กมคี วามสัมพันธโเก่ียวข฿องกับการดําเนินชีวิตของเรา เพราะฉะน้ัน
ลูกเสือวิสามญั ควรจะต฿องศึกษาเร่อื งเงอ่ื นเชอื กเพอื่ จะได฿นาํ ไปใช฿ประโยชนโในโอกาสตอไป
คณุ สมบัติของเชอื กและการใชป้ ระโยชน์จากเง่ือนเชอื กตา่ ง ๆ
152 ค่มู อื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 1
146 คู่มอื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1
หลายชนิด บางคร้ังเงื่อนเชือกยังมีบทบาทกับเราอีก อาจจะชวยชีวิตให฿รอดพ฿นจากอันตรายได฿ ตอน
เสยี ชีวติ เชือกยงั มบี ทบาทอีก เง่อื นเชือกมีความสัมพันธโเก่ียวข฿องกับการดําเนินชีวิตของเรา เพราะฉะนั้น
ลกู เสอื วสิ ามัญควรจะต฿องศกึ ษาเรอ่ื งเง่อื นเชอื กเพอ่ื จะไดน฿ าํ ไปใชป฿ ระโยชนโในโอกาสตอไป
คณุ สมบัติของเชือกและการใช้ประโยชนจ์ ากเง่อื นเชอื กตา่ ง ๆ
เชือกเปน็ สิ่งสาํ คญั สาํ หรบั ผกู จากวสั ดตุ า ง ๆ ทีเ่ ปน็ เส฿นเล็ก ๆ ยาวๆ เอามาทบกนั หลายๆ เส฿น
หร1ือ5จ2ะนาํ มปคามู่รฟะอื กนั่ สากง่ ศเนัสนรเยี ปิมบแน็ตั ลรเะกวพชิลัฒาียชนวีพาทก1าํจิ ใกหรรม฿ มีขลนูกเาสดือใทหักญษะแ ชลีวะติ ยในาสวถเาหนมศาึกะษแากลก ูกาเสรือใชวสิ ง฿ าามนญั ปรชะัน้ เภมัธทยตมาศงกึ ษๆาปทที ่ตี ี่ 4อ฿ งการ
เชือกแบง่ เป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 4 ประเภท คือ
1. เชือกที่ทาํ จากพืช โดยนาํ สวนตาง ๆ ของพืช เชน ตน฿ เปลือก ใยของพืชมาทาํ ความสะอาด
แลว฿ นาํ มาฟัน่ เปน็ เกลยี วหรอื ทบกนั ใหม฿ ขี นาดพอดี พืชทส่ี ามารถนํามาทําเปน็ เชอื กได฿ เชน เถาวลั ยโ กาบ
กลว฿ ยตากแห฿ง ใยมนลิ า ตน฿ กก หวาย ใยฝฺาย เปลอื กปอ ไม฿ไผ (ทาํ ตอกมัดสง่ิ ของได)฿ เปน็ ต฿น
2. เชือกทาํ จากอวยั วะบางสว นของสตั วโ เชน หนงั สัตวโ ใยไหม เปน็ ต฿น โดยนํามาเปน็ เสน฿ เล็ก ๆ
แลว฿ นาํ มาฟน่ั ให฿เปน็ เกลยี วหรือทบกนั ใหม฿ ขี นาดเหมาะสมกับการใช฿งาน
3. เชอื กทําจากแรโ ดยเอาแรบ างชนิด เชน แรเหล็ก อลูมเิ นยี มมารีดใหเ฿ ป็นเสน฿ เลก็ ๆ เรียกวาเสน฿
ใยโลหะ เอาหลายๆ เสน฿ แลว฿ นาํ มาฟัน่ ใหเ฿ ป็นเกลียวหรือใชง฿ านเปน็ เสน฿ เล็ก ๆ ลวด ลวดสลิง เปน็ ต฿น
4. เชอื กทาํ จากสารเคมี หรอื เชอื กทที่ าํ จากเสน฿ ใยสงั เคราะหโ ไดจ฿ ากการนาํ เอาสารเคมีบางชนดิ มา
สังเคราะหดโ ว฿ ยกรรมวิธีตาง ๆ จนได฿เปน็ เสน฿ ใยแล฿วนําเส฿นใยมาทบกัน ฟนั่ เป็นเชือก เชอื กไนลอนเป็นต฿น
เชอื กที่เรานามาใช้งานทัว่ ไปในปจั จบุ นั ทที่ าจากวสั ดตุ ่าง ๆ มีชือ่ เรียก คือ
1. เชือกปูาน ทาํ จากเปลือกตน฿ เฮมพโ หรอื กัญชาเป็นเชือกสเี หลืองออน มคี วามเหนยี วและแขง็ แรง
ดี แตม ีความทนทานนอ฿ ย ผุงา ยขาดเร็ว ในการทจี่ ะใช฿เชือกปูานใหไ฿ ดท฿ นทาน จึงเอาเชือกปูานชบุ นํ้ามันดิน
เราเรยี กวาเชอื กน้าํ มัน มีคณุ สมบตั อิ อนตวั ไมดดู อมนาํ้ จึงเหมาะทจ่ี ะใช฿ในการผสู฿ งิ่ ของไดด฿ ี เชอื กนาํ้ มนั
ขนาดเลก็ 1 นว้ิ เรียกวา เชอื กกญั ชา ชาวเรอื นยิ มใช฿ผูกโยงเรอื และใชผ฿ ูกสว นประกกอบอบเสเาสใาบใบเรเอืรอืเลเลก็ ็ก
2. เชอื กมะลลิ า ทํามาจากเปลือกต฿นอะคาบามมีมมี าากกใในนปปรระะเทเทศศฟฟิลิลิปปิ ปปินินสสโ เ์ ชอื กเหนียวแข็งแรงกวา
เชอื กปาู นชุบนาํ้ มนั ดนิ มคี วามออ นตวั กวา แตผเุ รว็ กวาเชอื กปูาน มีประโยชนใโ ช฿ทาํ รอก ทําสลิง ใชผ฿ ูกโยง
เรือ
3. เชอื กกาบมะพร฿าว ทาํ จากเสน฿ ใยมะพรา฿ ว มนี าํ้ หนกั เบาลอยน้ําได฿ มคี วามฝดื ดี ไมอ มนา้ํ ผุยาก
จึงเปน็ เชือกท่เี หมาะสมกบั การใช฿งานในนา้ํ ประโยชนโ ใชท฿ ําเชือกลากจงู หรือโยงเรอื พวงเรอื ทาํ ความ
สะอาดงา ย แตม คี วามเหนียวนอ฿ ยกวา เชอื กอืน่ ๆ ขนาดเดยี วกัน
4. เชอื กมะเล็น เปน็ เชอื กปาู นขนาดเล็ก แตน ํา้ ไปชบุ น้ํามนั ดนิ ใช฿ไดท฿ นกวา เชอื กปูานธรรมดาไม
อมนํา้ ผูกมดั พนั รอบปากขอรอก ปอฺ งกนั ไมใ ห฿สง่ิ ของทแ่ี ขวนอยใู นรอกหลดุ ออกจากขอ
5. เชอื กนา้ํ มัน เปน็ เชือกปูานขนาดใหญทช่ี ุบนาํ้ มนั ดนิ ออ นตวั กวา เชือกปูานธรรมดา ใช฿ไดท฿ นไม
อมนํา้ กร่าํ แดดกรํ่าฝนไดด฿ ีกวา เชือกอน่ื ๆ
6. เชือกปอ ทาํ จากปอกระเจา เป็นเชอื กขนาดเลก็ แขง็ กอ นใช฿นาํ ไปชุบนาํ้ กอน เชือกจะออ นตัว
และเหนยี ว ทําใหผ฿ ูกงา ยขึน้ เชอื กปอทําในประเทศไทยเป็นสว นใหญ
7. เชอื กสปันยารนโ เป็นเชือกเกลียวหยาบ ฟัน่ เปน็ เกลยี ว 3 – 4 เกลยี ว บางชนดิ ชบุ น้าํ มนั ดิน ทาํ
ให฿เชือกออนตวั ไมอ มน้าํ ใช฿สาํ หรับอดุ รูร่วั ตาง ๆ เชน อุดตะเขบ็ เรือขนาดใหญก อ นยาเรือ ด฿วยชนั
คู่มอื ส่งคเสู่มรือมิ สแง่ ลเะสพรมิัฒแนลาะกพจิ ัฒกรนรามกลจิกู กเสรือรทมกัลษกู ะเสชอืีวิตทใักนษสะถชาวีนิตศใกึ นษสาถปารนะศเภกึ ทษลากู ลเสูกอื เสวสิอื าวปมสิ รญัาะมกปชญัารั้นศะมนกชธัียา้นั ยบศมมตันศธัรยี ึกยวบษชิมตั าาศรชปกึ วพีีทษิชี่ าา14ปชีพที ี่ 4 147153
1
8. เชือกดา฿ ย ทาํ จากดา฿ ยดิบหรือดา฿ ยฟอก เปน็ เชอื กที่ออ นตวั มาก ขดเกบ็ ไดง฿ า ย มีสขี าว มอด
ปลวกไมช อบอาศัยกัดกนิ ประโยชนโใชท฿ ําแห อวน สวิง หรอื ผูกมดั ส่ิงของเลก็ มหี ลายชนดิ ขนาดเล็กมากๆ
ใชใ฿ นการปักเย็บ
9. เชอื กสายลอ็ ก ทําจากปูานอยา งดี ถกั เป็นเสน฿ ไมไ ดใ฿ ช฿ฟนั่ เป็นเกลยี วอยา งเชอื กชนดิ อน่ื ๆ ใช฿
ทําสายลอ็ คเครือ่ งวัดระยะทางเดนิ เรือ ใชท฿ าํ บว งบาศ ชนิดที่ทําจากใยไนลอนใช฿โรยตวั จากทสี่ งู ได฿
คุณสมบตั ไิ มอ มนา้ํ ไมข าดงาย
10. เชือกลวด ทาํ จากโลหะเสน฿ เลก็ ๆ ใชท฿ าํ ลวดสลิงขงึ โยงวตั ถตุ างๆ คุณสมบตั แิ ขง็ แรง ไมอ มนา้ํ
ทนทาน รับน้าํ หนกั ได฿มาก ใช฿ผูกมัดสง่ิ ของก็ได฿ และเชอื กลวดชนดิ ฟน่ั เปน็ เกลยี วมไี ส฿เปน็ ลวดแขง็ งอเกบ็
ได฿ยกมกี าํ ลังยกและฉดุ ไดม฿ าก ประโยชนใชท฿ าํ ลวดขึงโยงสลิงยึดส่ิงตา งๆ ให฿อยกู ับที่ เชน โยงยดึ เสาไฟฟาฺ
11. เชือกไนลอน ทาํ จากเส฿นใยไนลอนซง่ึ เป็นใยสงั เคราะหโ คณุ สมบตั เิ หนยี วมาก ไมด ดู น้ําทนตอ
ดินฟฺาอากาศและความชืน้ มอดปลวกไมก ัดกนิ แตม คี วามยืดตวั ไดม฿ ากกวา เชอื กประเภทอนื่ ๆ เหมาะใช฿
งานท้งั บนบกและในน้าํ ขอ฿ เสยี คอื ปมเงอ่ื นจะคลายงาย
เงอ่ื นเชอื กตามหลักสตู รลูกเสือโลกมดี งั น้ี
เง่ือนพิรอด (Reef Knot)
ประโยชน์ 1. ใช฿ตอเชือกทมี่ ขี นาดเดยี วกนั
2. ใชเ฿ ปน็ เงอื่ นในการพยาบาล เชน ผา฿ ผกู พนั แผล
3. ใชผ฿ ูกปลายเชือกของเงื่อนกากบาทญีป่ ูุน
วิธผี กู วธิ ที ่ี 1
ข้ันที่ 1 ปลายเชือกด฿านซ฿ายทับดา฿ นขวา
ขั้นที่ 2 – 3 ออ฿ มปลายเชอื กด฿านซ฿ายลงใต฿เสน฿ เชอื กดา฿ นขวาใหป฿ ลายเชือกตง้ั ข้นึ แลว฿ รวบปลาย
เชือกเขา฿ หากนั โดยให฿ดา นขวาทับดา฿ นซา฿ ย
ขนั้ ท่ี 4 อ฿อมปลายเชอื กขวามอื ลอดใต฿เสน฿ ซา฿ ยมอื จดั เงอื่ นให฿เรยี บรอ฿ ย
วิธผี11ูก4584วธิ ขีทัน้ ี่ ทคป2ปคู่มรี่ (มู่1ระือเะกอืสงกขาง่สื่อศาเด่งสนศนเปรสนียพิมลรบยี แริิมาตับลอแยรัตะดวลเพริชชะ)วัฒพาอิชืเชนฒัมากีพาช่อืนดกีพ1ปาจิ า฿ กก1ลนจิราซรกยมรา฿ ลเรยชมกู งเือลสอกูกือเเทมปสักอืคีน็ ษทวบะกัาชวษมีวงะติแชใสขนีวอ็งติสดมถในปาานสกลศถาึกายษนเาศชกึปือษรกะาเดภลา฿ทกู นลเสกูขอืเวสวอืาสิ วขาสิ ม้นึ าัญใมนญั บชช้นั ว้ันมงมัธธั ยยมมศศึกึกษษาาปปีทที ่ีี่ 4
4
วธิ ีผกู วิธที ี่ 2 (เงอื่ นพริ อด) เมือ่ ปลายเชือกมีความแขง็ มาก
ขน้ั ที่ 1 ขดปลายเชอื กดา฿ นซา฿ ยงอเปน็ บวง สอดปลายเชอื กดา฿ นขวาขน้ึ ในบว ง
ข้ันท่ี 2 ม฿วนเสน฿ ขวามอื ลงออ฿ มดา฿ นหลงั ของบว ง
ข้ันท่ี 3 สอดปลายเชอื กเส฿นขวามือลงในบวง แลว฿ จัดเง่อื นให฿เรยี บร฿อย
เงอ่ื นขดั สมาธิ (Sheet Bend)
ประโยชนโ 1. ใช฿ตอ เชอื กท่ีมขี นาดตา งกนั
2. ใช฿ผกู กับสงิ่ ทเ่ี ปน็ ขอหรือเปน็ หูอยแู ลว฿ เชน ธงชาติ เปน็ ต฿น
วธิ ผี ูก ขั้นท่ี 1 งอเชือกเสน฿ ใหญใ ห฿เป็นบว ง สอดปลายเสน฿ เลก็ เขา฿ ในบวงโดยสอดจากข฿างลาง
ค่มู อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 155
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
ขั้นท่ี 2 ม฿วนเส฿นเลก็ ลงออ฿ มดา฿ นหลงั เส฿นใหญทั้งคู
คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 149
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
ข้นั ที่ 2 มว฿ นเส฿นเลก็ ลงออ฿ มดา฿ นหลงั เส฿นใหญท ัง้ คู
ขัน้ ท่ี 3 จับปลายเส฿นเลก็ ข้นึ ไปลอดเสน฿ ตวั เองเปน็ การขดั ไว฿ จดั เงอื่ นให฿แนน และเรยี บรอ฿ ย
เงอื่ นผูกกระหวัดไม้ (Simple Turn and Two Half Hitch)
ประโยชนโ 1. เป็นเงอ่ื นผกู สตั วโ เรอื แพ ไวก฿ ับหลักหรือหว ง
2. ใชใ฿ นเงื่อนบกุ เบิก โดยปิดหัวเงอื่ นตะกรดุ เบ็ดกนั เง่ือนตะกรดุ เบ็ดหลุดหรอื คลาย
3. เปน็ เงอ่ื นทผ่ี ูกงา ยแก฿งา ย
วธิ ผี กู ขัน้ ที่ 1 ออ฿ มปลายเชือกไปคลอ฿ งหลักหรือราวหรอื บว ง ใหป฿ ลายเชือกอยูข ฿างบนเสน฿ เชือก
156 ค่มู อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
150 คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
เงอื่ นผูกกระหวดั ไม้ (Simple Turn and Two Half Hitch)
ประโยชนโ 1. เป็นเง่ือนผูกสัตวโ เรอื แพ ไวก฿ บั หลกั หรือหว ง
2. ใช฿ในเงอื่ นบกุ เบกิ โดยปิดหัวเงอ่ื นตะกรุดเบด็ กันเงอ่ื นตะกรดุ เบด็ หลุดหรอื คลาย
3. เปน็ เง่อื นทผี่ ูกงา ยแกง฿ า ย
วิธีผกู ข้ันที่ 1 อ฿อมปลายเชือกไปคลอ฿ งหลักหรือราวหรอื บวง ให฿ปลายเชือกอยูข฿างบนเสน฿ เชือก
156 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
ขั้นท่ี 2 สอดปลายเชือกลอดใต฿เชอื กเขา฿ ไป
ขั้นท่ี 3 ออ฿ มปลายเชอื กขา฿ มเส฿นทเี่ ปน็ บว งและเสน฿ ทเี่ ป็นตวั เชอื ก
ข้ันท่ี 4 สอดปลายเชือกลอดใต฿ตวั เชือก เลยขา฿ มไปเส฿นบว งจดั เงอื่ นใหเ฿ รียบรอ฿ ย
เงอื่ นบว่ งสายธนู (Bowline)
ประโยชนค์ มู่ อื สง่ เส12ร..ิมเใแปชละ็นเ฿ ปพเฒังน็ ือ่ นบนาวกทงจิ คไ่ีกมรลรรอ฿ มดูงลชเกู ขเว สา฿ ยอื ไทคปักนรษัดตะสกชีวง่ินติท้ําใผ่ีนขสกู ณถาจะนงึทศเึกหี่ลษามากาปขะรทนึ้ ะจ่ีมเภะาทคจลละกู ไ฿อเสมงอื รสวดูตัิสาเวปขมไโรัญา฿ วะไกก฿ ชปาบั้นัศรมนหัดัธียลยบ(กัมเัตวศรลทึกวษาิชําลาาใชปหาีพีทกห฿ ่ี ต14มอ฿ นุ งไจดับ1ร฿ ต5อ฿น1บ
เง่อื นบ่วงสายธนู (Bowline)
ประโยชน์ 1. เป็นเงื่อนทไ่ี มร ดู เขา฿ ไปรัดสง่ิ ที่ผูก จงึ เหมาะทจ่ี ะคล฿องสัตวไโ วก฿ ับหลัก ทาํ ใหห฿ มนุ ไดร฿ อบ
2. ใชเ฿ ป็นบวงคลอ฿ งชวยคนตกนา้ํ ขณะทล่ี ากขนึ้ มาจะไมรดู เข฿าไปรัด (เวลาลากต฿องจบั ตน฿
คอคนตกนาํ้ ให฿หงายข้ึน เพ่ือใหจ฿ มกู พ฿นน้ํา)
3. ใชค฿ ล฿องคนหยอ นจากทสี่ งู หรอื ดงึ จากทตี่ ่ําขน้ึ ทีส่ ูง
วธิ ผี ูก วธิ ที ่ี 1ค่มู ทอื ําสบง่ เว สงรนิมอแลกะตพวั ฒั น(เาพกือ่จิ กชรว รยมเลหูกลเสือือหทรักอื ษคะชลีวอ฿ ติ งใผน฿ูอสน่ืถา)นศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 157
ขน้ั ท่ี 1 ขดเชือกใหเ฿ ป็นบวงคล฿าย เลข 6 ถอื ไว฿ดว฿ ยมอื ซา฿ ยขขนั้ นั้ ทท่ี 2่ี 2มมอื อื ขขปววราะาจกจบัาบั ศปปนลยีลาบายัตยเรชเชวอื ิชอื กากชสสีพออด1ด
เข฿าไปในบว ง (สอดจากดา฿ นลาง)
ขน้ั ที่ 3 จบั ปลายเชอื กอ฿อมหลงั ตวั เลข 6 แล฿ว วิธีที่ 2 (เง่ือนบวงสายธน)ู เป็นการผูกหว งในตัวเพ่ือ
สอดปลายลงในบว งหัวเลข 6 จัดเงอื่ นให฿แนน
และเรียบร฿อย ชว ยเหลือตนเอง
ขน้ั ท่ี 1 ใชม฿ อื ซา฿ ยจับเชอื กใหเ฿ หลือสว นปลายเชือก
ข้ันที่ 2 พลิกขอ฿ มอื ประมาณ 1 เมตร มอื ขวาอ฿อมไปหลงั จบั ปลายเชอื ก
ขวาเขา฿ หาตัว ตักเชอื กจากมอื ขนึ้ มาจนเป็นบว งคลอ฿ งลาํ ตวั ปลายเชือกอยูบนเสน฿
ซา฿ ย (2ก) จนตัวเชอื กเขา฿ ไป เชือก
คล฿องขอ฿ มอื ขวาเปน็ บว งเลข 6
(2ข)
ขัน้ ที่ 3 สอดปลายเชือกอ฿อม
ลอดใตเ฿ สน฿ มือซา฿ ย มอื ซา฿ ยแลว฿ ดึงลง
ในชองหมายเลข 6 ชักมือขวาออกจาก
บวงเลข 6 พร฿อมดงึ ปลายเชอื กมือซา฿ ย
ถงึ เชอื กจดั เงอื่ นให฿เรยี บร฿อย
เงอ่ื นตะกรดุ เบ็ด (Ciove Hitch)
ประโยชน์ 1. เงื่อนตะกรดุ เบด็ ใชใ฿ นการผกู แนน เชน ผูกกากบาท
152 ปคมู่ระอื กสา่งศเสนรยี ิม23บแ..ตั ลใใระชชวพิชผ฿฿ทฒั ากูําชนบพีโายกัน1ิจงไกดเรรรเือชมลือแูกกพเสบอื สทนั ัตกั ไษวดะโเลลชีวิงย้ี ติ งใไนวส฿กถาับนเศสกึ าษหารปือรระ้วัเภทลกู เสือวิสามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4
ในชอ งหมายเลข 6 ชกั มอื ขวาออกจาก
บว งเลข 6 พรอ฿ มดงึ ปลายเชอื กมอื ซา฿ ย
ถงึ เชอื กจดั เงอื่ นให฿เรยี บร฿อย
เงื่อนตะกรดุ เบด็ (Ciove Hitch)
ประโยชน์ 1. เงื่อนตะกรุดเบ็ดใชใ฿ นการผกู แนน เชน ผกู กากบาท
2. ใช฿ผกู โยง เรอื แพ สัตวเโ ลยี้ งไว฿กับเสาหรือร้วั
3. ใชท฿ ําบันไดเชือก บันไดลงิ
วิธีผกู วธิ ีที่ 1 (เมอ่ื สามารถทาํ เปน็ หว งสวมหวั เสาได฿)
158 ขคปนั้มู่ระอืทกส่ีา1ง่ ศเสนพรยี กัิมบแเัตชลระือวพกชิ ฒั าใชหนีพาเ฿ ปก1จิ็นกบรรวมงลสูกลเับสือกทันกั ษ(ดะชงั ีวริตปู ใ)นสถานศกึ ขษั้นาทลีู่ก2เสเือลวอื่ สิ นามบัญว งใชหน้ั ฿เมขธั ฿ายไมปศซกึ ษอ฿ านปีท(ร่ี 4ูป ก.)
จนทบั กนั เป็นบวงเดยี ว (รูป ข.)
ขัน้ ท่ี 3 นาํ บวงจากขั้นที่ 2 ข. สวมลงในเสา
แลว฿ ดงึ ปลายเชอื กจดั เงอ่ื นให฿แน
วิธที ี่ 2 (เง่อื นตะกรดุ เบด็ )
เม่อื ตอ฿ งการผูกกบั หลกั เสา ตน฿ ไม฿ ซง่ึ ไมส ามารถทาํ เป็นบว งไปสวมกับวธิ ีท่ี 1 ได฿
(วธิ นี ี้ใชม฿ าก ลูกเสือตอ฿ งฝึกใหค฿ ลอ งทั้งสภาพเสาทต่ี ้งั อยู หรอื คานทอ่ี ยใู นแนวนอน)
ขั้นที่ 1 พาดปลายเชอื กอ฿อมหลักไปด฿านหลังวกกลบั มาดา฿ นหนา฿ ใหป฿ ลายเชือกอยูใหต฿ ัว
เชือก
ขั้นที่ 2 ยกปลายเชอื ก พร฿อมท่ีอ฿อมหลงั อกี ครง้ั หนง่ึ
ค่มู ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 153
ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1
ขน้ั ท่ี 2 ยกปลายเชอื ก พร฿อมทอ่ี ฿อมหลงั อกี ครัง้ หน่งึ
คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 159
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
ขัน้ ท่ี 3 ออ฿ มปลายเชือกไปดา฿ นหลังแล฿ววกกลับมาดา฿ นหนา฿ ลอดตวั เอง จัดเงอื่ นให฿
เรียบร฿อย
เงอื่ นประมง (Fisherman’s Knot)
ประโยชน์ เปน็ เงือ่ นท่ีใชต฿ อ เชอื กสองเสน฿ ขนาดเดยี วกันอยา งงา ยทส่ี ุด และรบั กาํ ลงั ลากได฿อยา งดบี างคน
เรยี กวา เงอ่ื นหวั ลา฿ นชนกนั
วิธีผกู
ข้ันที่ 1 ให฿ปลายเชือกซ฿อนกนั ดังรูป
ขั้นที่ 2 ผกู ปลายเชอื ก ก. รอบตวั เชอื ก A ด฿วยผูกขดั ชั้นเดียวธรรมดา
115640 คคู่มู่มอื ือสง่สเ่งสเรสมิ รแิมลแะลพะัฒพนฒั านกาจิ กจิรรกมรลรมูกเลสกู ือเทสกั ือษทะักชษวี ะติ ชในีวติสถในานสศถึกาษนาศกึปษระาเภลทกู ลเสกู อืเสวอื สิ วาสิ มาญั มญั ชช้นั ั้นมมธั ัธยยมมศศกึ ึกษาปที ่ี 4
ปปรระะกกาศาศนนยี บียัตบรัตวริชวาิชชาีพชีพ1 1
ขั้นที่ 2 ผกู ปลายเชอื ก ก. รอบตวั เชือก A ด฿วยผกู ขดั ชั้นเดยี วธรรมดา
160 คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1
ขนั้ ท่ี 3 ผกู ปลายเชือก ข. รอบตวั เชือก B
ขนั้ ท่ี 4 ดงึ เส฿นเชอื ก A, B ใหป฿ มเงอ่ื นเขา฿ ไปชนกนั
เงอ่ื นผูกซุง (A Timber Hitch)
ประโยชน์ 1. ใช฿ผูกซุงหรือเสาหนกั ๆ เพือ่ ลาก
2. ผกู สตั วโ เรอื แพ ไว฿กับหลกั จะยิง่ แนน เมือ่ ถกู ดึง
3. ใช฿เปน็ เงอ่ื นเรม่ิ ตน฿ ในการผกู ทแยง
วธิ ผี กู
ขัน้ ที่ 1 สอดเชอื กใหค฿ ล฿องรอบต฿นซงุ หรือเสา
ขั้นที่ 2 งอปลายเชือกคลอ฿ งตวั เชือก
ดขคงึ้ัน่มูตทอื วั ี่สเ3่งชเสพอื รกันมิ แปAลละใาพหยัฒเ฿ เงนชอื่าอื กนกิจแกรนรอรนบมลเสูกเน฿ สตอื ทัวกั เษอะงช3ีวิต–ใน5สถราอนบศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 155
ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 1
เง่ือนผูกซุง (A Timber Hitch)
ประโยชน์ 1. ใช฿ผูกซงุ หรอื เสาหนกั ๆ เพ่ือลาก
2. ผกู สตั วโ เรือ แพ ไวก฿ ับหลักจะยงิ่ แนน เมอ่ื ถกู ดงึ
3. ใชเ฿ ปน็ เงื่อนเรม่ิ ต฿นในการผกู ทแยง
วิธผี กู
ขน้ั ที่ 1 สอดเชอื กใหค฿ ลอ฿ งรอบต฿นซุงหรอื เสา
ข้นั ที่ 2 งอปลายเชือกคลอ฿ งตัวเชือก
ขน้ั ท่ี 3 พนั ปลายเชอื กรอบเสน฿ ตัวเอง 3 – 5 รอบ
ดึงตัวเชอื ก A ใหเ฿ ง่ือนแนน
คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 161
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
156 คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 1
เงเ่ืองือ่นนผผูกูกรรัง้ ง้ั (T(TaarbrbuucckkKKnnoot)t)
ปปรระะโยโยชชนน์ ์ ใชใช฿ผ฿ผกู ูกสสายายเตเตน็ น็ททยโ โยดึ ดึเสเสาธาธงเงพเพ่ือ่อืกกันันลลม฿ ม฿ ใชใชร฿ ้ัง฿รต้ังตน฿ น฿ไมไม฿เป฿เปน็ น็เงเอ่ืงอื่นนเลเลอ่ื อื่นนใหใหต฿ ฿ตงึ แงึ แลละหะหยยออนนไดได฿ ฿
ววธิ ิธีผผีกู กู
ขข้ันัน้ทที่ 1่ี 1นนําเาํ ชเชือือกกคคลล฿ออ฿งกงกับับหหลลังเังสเสาหาหรือรอืบบว วงง
ขขั้นั้นทท่ี 2ี่ 2ใชใช฿ป฿ปลลายายเชเชอื อืกกพพันนัเชเชอื อืกกเสเสน฿ ฿นยยาวาวโดโดยยพพันนัปปลลายายเกเกลลยี ยีววปประรมะมาณาณ33––44เกเกลลยี ยีววพพนั ันลลงมงมาทาทางาดงดา฿ นา฿ นเปเป็น็นหหว วงง
ขขั้น้นัทที่ 3่ี 3ดดงึ ปงึ ปลลายายเชเชืออืกกขขึ้นนึ้ไปไปดด฿าน฿านบบนนแแลลว฿ ฿วพพนั ันกกบั ับเชเชืออืกกเสเส฿นน฿ยยาวาวดด฿านา฿ นบบนนเพเพอ่ื อื่กกนั ันไมไมใ หใ หเ฿ กเ฿ กลลียียววเชเชืออืกกหหลลดุ ดุ
เงเอ่ืง่ือนนหหมมายายเลเลขข88หหรือรอืปปมมตตาไากไก
ปปรระะโยโยชชนน์ ์ 11. .ใชใชผ฿ ผ฿ูกกูปปลลายายเชเชอื อืกกใหให฿เปเ฿ ป็นน็ปปมม
22. .ใชใช฿ผผ฿ูกูกแแททนนกการาพรพนั นัหหวั ัวเชเชอื ือกกชชว่ั ัว่คครารวาวเอเอาตาตวั วัเชเชอื อืกกททําเําปเปน็ น็บบววงงccททับับปปลลายายaaแแลล฿วว฿ออ฿ ฿อมมเชเชอื อืกกaa
ออ฿ อ฿มมอออกกมมาทาทับบั บว วงงccสสออดดปปลลายายbbเขเข฿าใ฿านในบบว วงงccดดงึ ปึงปลลายายaaแแลละะbbจจะเะกเกดิ ดิปปมม
กกาารรผผกู กูแแนน่นน่ (L(Laasshhiningg) )
11. ผ. ผูกูกปปรระะกกบบใชใชส฿ ส฿ําหาํ หรับรับผผกู กูไมไม฿หห฿ รอืรอืเสเสาา22ตต฿นน฿เขเขา฿ ดา฿ ดว฿ ว฿ยยกกันนั มมคี ีคาดาดคคออเรเิ่มรม่ิผผกู กูดดว฿ ว฿ยยเงเอ่ืงอื่นนตตะกะกรดุรดุเบเบ็ด็ดททไ่ี มไ่ี ม฿หห฿ ลลกั กั ลลงง
ดด฿ว฿วยยเงเ่ืองื่อนนตตะกะกรุดรดุเบเบด็ ด็ททไี่ มไี่ ม฿ต฿ตอ อ
ปปรระะโยโยชชนน์ ์ 11. .ตตอ อไมไมใ฿ ห฿ให฿ยย฿าวาวหหรอืรอืมมัดดัไมไม฿เข฿เข฿าด฿าด฿วย฿วยกกันัน
22.ท.ทําใาํ หให฿ได฿ไดค฿ ค฿ววามามยยาวาวขขอองไงมไม฿ ส฿ สาํ หาํ หรบัรบังางนานกกอ อสสรา฿รงา฿ องอาคาคาราร
116622 คคมู่ ่มูอื สอื ง่สเง่ สเรสิมริมแลแะลพะพัฒัฒนนากาิจกกจิ รกรมรมลูกลเูกสเือสทอื ทกั ษักษะชะวีชติวี ติในในสถสาถนานศศกึ ษกึ ษาาลกูลเูกสเือสือวสิวาสิ มามญั ัญชั้นช้นัมมัธยธั มยมศศกึ ษกึ ษาปาปที ีท่ 4ี่ 4 157
ปประรกะากศาศนนียบยี บัตัตรวรชิวาชิ ชาีพชีพ11
คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 1
การผกู แน่น (Lashing)
1. ผูกประกบ ใชส฿ ําหรับผกู ไมห฿ รอื เสา 2 ต฿นเขา฿ ด฿วยกนั มีคาดคอ เริ่มผกู ดว฿ ยเงอื่ นตะกรดุ เบด็ ทไ่ี ม฿หลกั ลง
ดว฿ ยเงอ่ื นตะกรดุ เบด็ ทไ่ี มต฿ อ
ประโยชน์ 1. ตอ ไม฿ใหย฿ าวหรอื มัดไมเ฿ ขา฿ ด฿วยกัน
2.ผูกกากบาท ข2นึ้ .ตท ฿นทําใด�หำใ฿วหไ฿ ยดไ้เค฿ดงอ่ืวค้ นาวมตายมะกายวราขดุวอขเบงอได็ งมทไ฿มไ่ีส้มําสต฿ห�ำวัหรใบั รดบงั ตางวันาหนกนอกง่ึสอ่ แรสล฿ารงะา้ อหงาอักคาคาคอราลรงดว฿ ยเง่อื นตะกรดุ เบด็ ทไี่ มอ฿ กี ตวั
หปนร1ะึง่6โก2ยาชรวนา์ คปงใมู่รหะือก฿วสา่งาศ1เงสน.พรียมิาใบชแดัตลใ฿กรนะวันพชิงตัฒาาชั้งนนีพฉากกา1อ จิกสกรรา฿รมงทลูกาํ เนสอืง่ั รท฿ากั นษทะชาีวสิตอี ในาคสถาารนศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4
2. ใชใ฿ นงานสร฿างคา ยพกั แรม อปุ กรณกโ ารพักแรม
2.ผกู กากบาท ข้ึนต฿นด฿วยเงอื่ นตะกรดุ เบ็ดที่ไมต฿ ัวใดตัวหนึง่ และหักคอลงดว฿ ยเงื่อนตะกรุดเบ็ดทไ่ี มอ฿ กี ตวั
หนงึ่ การวางใหว฿ างพาดกนั ตั้งฉาก
ประโยชน์ 1. ใช฿ในงานกอ สร฿างทาํ นั่งร฿านทาสอี าคาร
2. ใช฿ในงานสร฿างคา ยพักแรม อุปกรณกโ ารพกั แรม
3.ผกู ทแยง เปน็ การผกู ไมใ฿ ห฿ตดิ กนั ใช฿กลางเชอื กพนั ขนึ้ ตน฿ ดว฿ ยเง่อื นผกู ซุง แล฿วพนั ทแยงมมุ ไขว฿กนั ในมมุ
ตรงกันขา฿ ม จบลงดว฿ ยเงื่อนพริ อดทไ่ี มต฿ ัวใดตัวหน่งึ ก็ได฿ แลว฿ หักคอ
ประโยชน์ 1. ใช฿ในงานกอ สรา฿ ง
2. ใช฿คาํ้ หรือยัน เพื่อปอฺ งกนั มใิ ห฿ลม฿
คมู่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 163
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
3.ผูกทแยง เปน็ การผูกไมใ฿ หต฿ ดิ กนั ใช฿กลางเชือกพันขน้ึ ต฿นด฿วยเงอ่ื นผกู ซงุ แลว฿ พนั ทแยงมมุ ไขว฿กันในมมุ
ตรงกันขา฿ ม จบลงด฿วยเง่อื นพริ อดท่ไี ม฿ตวั ใดตัวหนงึ่ กไ็ ด฿ แล฿วหักคอ
ป1ร5ะ8โยชนปค์เมู่รร่ือะอื กงสสาง่ ศ้ันเสน12ทรยี..เ่ีมิ ปบแน็ใใตั ลชชรปะวคใ฿฿รพชินะา้ํัฒโางยหชนาชพีรานนกือ1์กจิ ยกอ ันรสรมรเพล฿าูกงอ่ื เสปอื อฺ ทงกั กษันะชมีวิใิตหใน฿ลสม฿ ถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4
เรื่องสัน้ ทีเ่ ป็นประโยชน์
ความสามคั คีกอ่ ใหเ้ กิดความสาเร็จ
ครง้ั หน่งึ มีคนตาบอด 3 คน เดนิ ทางไปพบช฿างตวั หนงึ่ ก็ตรงเขา฿ ไปจบั ลบู คลําดู คนหน่ึงบอกวาชา฿ ง
มลี กั ษณะคลา฿ ยงู เพราะเขาคลําไปทีง่ วงช฿าง อีกคนหน่ึงบอกวาช฿างมีลักษณะคล฿ายเสาเรือน เพราะเขาไป
คลําที่ขาช฿าง สวนคนที่สามบอกวามีลักษณะคล฿ายพัดอันใหญ เพราะไปคลําท่ีหูช฿าง ทั้งสามคนตางก็
ถกเถยี งกันไมยอมหยดุ ในทส่ี ดุ กถ็ ูกช฿างกระทบื ตายหมดท้ังสามคน
เรือ่ งนี้สอนใหร้ ู้วา่ การไมร อ฿ู ะไรจริงและไมยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผูอ฿ น่ื นน้ั เปน็ อนั ตรายอยางยิ่ง
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4, ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช. 1)
หน่วยท่ี 10 การปฐมพยาบาล เวลา 1 ชั่วโมง
แผนการจดั กจิ กรรมที่ 14 กภู้ ัยใกลต้ วั และการปฐมพยาบาล
1. จุดประสงค์การเรยี นรู้
164 คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1
คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 159
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสือวสิ ามญั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4, ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช. 1)
หน่วยที่ 10 การปฐมพยาบาล เวลา 1 ชัว่ โมง
แผนการจัดกิจกรรมที่ 14 กู้ภัยใกลต้ ัวและการปฐมพยาบาล
1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
164 11..12ปคมู่ระลลอื กสกูกู า่งเเศเสสสนอืือรยี ิมสสบแาาตั ลมมระวาาพชิ รรฒัาถถชนขปีพาอกฐ1ิจคมกวพรารยมมาลชบูกวาเยสลอืเผหทป฿ู ลกั รษือะะจสชาวีบกติ เหใหนนตสว ุถยาคนงนาศเนึกปษท็นาี่ใลหลมกู ค฿ เวสแือาวมมสิ ชลางวมกยัญดัเหตชล้นัอ ือมยผัธยูป฿ ขมรอ฿ศะกึเสทษบา฿าอปแีทุบพี่ ัต4ลิเงหแตลไุะด฿
ผิวหนงั ถลอกได฿
2. เนือ้ หา
2.1 หนว ยงานทีใ่ หค฿ วามชว ยเหลอื ผูป฿ ระสบอบุ ัติเหตุ
2.2 การปฐมพยาบาลคนเป็นลม
2.3 การปฐมพยาบาลผ฿ปู ูวยถูกแมลงกดั ตอ ย
2.4 การปฐมพยาบาลผ฿ปู ูวยขอ฿ เท฿าแพลง
2.5 การปฐมพยาบาลผ฿ปู ูวยผิวหนังถลอก
3. ส่อื การเรียนรู้
3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 ใบความรู฿
1) หนวยงานท่ใี ห฿ความชวยเหลอื ผู฿ประสบอบุ ัตเิ หตุ
2) การปฐมพยาบาลคนเป็นลม
3) การปฐมพยาบาลผถ฿ู ูกแมลงกดั ตอ ย
4) การปฐมพยาบาลผูป฿ ูวยขอ฿ เทา฿ แพลง
5) การปฐมพยาบาลผ฿ูปูวยผวิ หนงั ถลอก
3.3 เรื่องสน้ั ท่ีเปน็ ประโยชนโ
4. กิจกรรม
4.1 พิธีเปิดประชุมกอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนตโ สงบนิง่ ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรอื เกม
4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงคโการเรยี นร฿ู
1) ผ฿กู าํ กบั ลูกเสอื นําสนทนาเรอื่ ง อบุ ัติเหตทุ เี่ กดิ ขึ้น และพบไดบ฿ อยสอบถามประสบการณโ
ทีล่ กู เสือไดพ฿ บและใหล฿ กู เสือทีเ่ คยผา นประสบการณโดังกลา วเลา ถึงสาเหตุของอบุ ัตเิ หตแุ ละการได฿รับการ
ชวยเหลือหรือการขอความชว ยเหลอื ในชวี ิตประจําวัน ให฿ลกู เสอื แตละหมูบอกถงึ หนว ยงานทใ่ี หบ฿ ริการ
ชว ยเหลอื ผูป฿ ระสบอบุ ัติเหตุ หรอื อบุ ัตภิ ยั
2) ผกู฿ ํากบั ลกู เสอื แจกใบความร฿ูที่ 1 หนวยงานทใ่ี ห฿ความชว ยเหลือผ฿ปู ระสบอุบตั ิเหตุ
สนทนาวธิ กี าร แจ฿งเหตไุ ปยงั เจา฿ หน฿าท่ี
3) ผ฿ูกํากับลูกเสอื บรรยาย และสาธิตการปฐมพยาบาล เร่อื งคนเป็นลม
คนถูกแมลงกดั ตอ ยผ฿ปู ูวยข฿อเทา฿ แพลงผป฿ู วู ยผวิ หนงั ถลอก
เพ16มิ่ 0เตมิ จาปคกมู่ระือใ4กสบา)ง่ คศเแสนวรบยีามิ บงมแัตลลรรูกะตู฿วพเชิาสฒั ามชือนกพีาอลกอ1ิจมุ กกดรเรปงั มนน็ ล้ี ูก(เโ4สดือยทกใักลชษมุว฿ะชธิ วี ีเใิตรหใียนแ฿ นสตถแลาบนะบศกึกฐลษามุ านฝป)ึกระปเภฏทิบลกูัตเิกสอืาวริสปาฐมัญมพชยัน้ มาัธบยามลศกึทษ่ผี า฿ูโปดีทยี่ 4ศึกษา
ฐานท่ี 1 การปฐมพยาบาลคนเปน็ ลม
ชว ยเหลือผูป฿ ระสบอุบัตเิ หตุ หรอื อุบตั ิภยั 165
2) ผูก฿ ํากับลกู เสอื แจกใบความร฿ูที่ 1 หนวยงานทใ่ี หค฿ วามชวยเหลือผูป฿ ระสบอุบตั ิเหตุ
สนทนาวิธกี าร แจ฿งเหตุไปยงั เจ฿าหน฿าที่
3) ผก฿ู าํ กับลูกเสอื บรรยาย และสาธิตการปฐมพยาบาล เรื่องคนเป็นลม
คนถกู แมลงกดั ตอยผผูป฿ ปู้ วู ่วยยขข฿ออ้ เเททา฿ า้ แแพพลลงผผ฿ปู ปู้ วู ่วยยผผวิ วิหหนนังงั ถถลลออกก
4) แบงลกู เสอื ออกเป็น 4 กลมุ ให฿แตละกลมุ ฝึกปฏบิ ัติการปฐมพยาบาลทผี่ ูโ฿ ดยศกึ ษา
เพมิ่ เตมิ จากใบความรูต฿ ามกลมุ ดังน้ี (โดยใชว฿ ิธเี รยี นแบบฐาน)
ฐานที่ 1 การปฐมพยาบาลคนเป็นลม
ฐานที่ 2 การปฐมพยาบาลผถู฿ กู แมลงกดั ตอ ย
ฐานท่ี 3 การปฐมพยาบาลผูป฿ วู ยขอ฿ เทา฿ แพลง
คู่ม5ือ)สผง่ เกู฿ สํารกมิ ฐแบั าลลนะกูพทฒัเ่ีสนอื4าสกรกิจปุการรบรปมทฐลเมรูกยีเพสนือยจทาาักบกษาะกลชาผวี รติ฿ปู เใรูวนียยสนถผแาิวนตหศล นึกะษังฐถาาลลนูกอเโกสดอื ยวเสิ สารมปิมัญรสะกวชาัน้นศมทนธั ีย่ียยบงัมัตไศรมกึ วสษิชมาาปชบีพที รู ่ี 1ณ4 โ
4.4 ผ฿ูกาํ กับลกู เสอื เลา เรื่องสน้ั ทเี่ ป็นประโยชนโ
4.5 พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชกั ธงลง เลิก)
5. การประเมินผล
สังเกตการมสี ว นรวมในการทาํ กิจกรรม และตรวจสอบความถกู ต฿องในการปฏิบัติ
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมท่ี 14
เพลง
เพลง นกั ปฐมพยาบาล
นกั ปฐมพยาบาล งานของเราขน้ั ตน฿ คอื คดิ จะชว ยคนที่ปูวยกะทันหนั
หากใจหยุดเตน฿ ก็นวดเฟฺนและผายปอดพลนั เลอื ดออกมากนน้ั เร็วไวหา฿ มไวก฿ อ น
จบั นอนตะแคงเครือ่ งแตง กายน้นั ชวยคลายผอน ซบเซาเฝาฺ นอนหา฿ มให฿ยาหา฿ มอาหาร
ให฿ความอนุ พอ และรบี ตามหมอมาจดั การ เราตอ฿ งชว ยพยาบาลกอนนาํ สง หมอ
ใบความรคู้ ู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 161
หน่วยงานทใ่ี ห้ความช่วยเหลือผ้ปู ระสบอบุ ัติเปหรตะกุ าศนยี บตั รวิชาชพี 1
ศูนย์ก้ชู ีพ “นเรนทร” (Narenthorn EMS Center)
ใบความรู้
หน่วยงานทใ่ี ห้ความช่วยเหลือผปู้ ระสบอุบตั ิเหตุ
ศนู ย์กู้ชพี “นเรนทร” (Narenthorn EMS Center)
ความเจ็บปูวยเกิดข้ึนได฿ทุกที่ทุกเวลา ไมวาจะเกิดอุบัติเหตุ หรืออาการปูวยเฉียบพลันจาก
โรคภัย หากรักษาไมท ันการณโโอกาสรอดชีวิตอาจมไี มมาก หนว ยแพทยฉโ ุกเฉิน จงึ พรอ฿ มปฏบิ ตั หิ นา฿ ที่
2416ช6ม. เพคูม่ อ่ื อื นสาํ่งเผส฿ูปรมิ วู แยลเะขพา฿ ัฒสนกู าากรจิ รกกั รรษมาลใูกนเสโอืรทงพักษยะาชบีวติ าใลนอสยถาานงศทึกันษทา ลวกูงเทสีือวพสิ าวมกญั เขชานั้อมุทธั ิศยตมศัวึกเพษาื่อปคที นี่ 4ไข฿โดยไม
หวังผลตอบปแระทกนาศนทียนับัตทรี่โวทชิ ราชแีพจง฿1 1669 พวกเขาจะไปถึงท่ี เป็นบริการฟรีไมเกี่ยงวาน้ําจะทวม ไฟจะ
ไหม฿ หรือต฿องฝาู เขา฿ ไปในเขตระเบดิ
ปว่ ยฉุกเฉนิ แจง้ 1669
สงิ่ หนึ่งที่หนว ยแพทยโฉกุ เฉินหรือหนว ยกชู฿ ีพใหค฿ วามสาํ คญั อยา งมากก็คอื การเขา฿ ถงึ ผ฿ปู วู ยให฿เร็ว
ที่สุด ไมวาผ฿ูปูวยจะอยูที่ไหน เหตุเกิดในเวลาใด ดังนั้นนอกจากหนวยก฿ูชีพที่มีหน฿าท่ีเข฿าไปให฿การ
ชว ยเหลอื ผู฿ปูวยแล฿ว จึงต฿องมศี ูนยรโ บั แจ฿งเหตุทีใ่ ห฿บรกิ ารตลอด 24 ชว่ั โมง และทําหน฿าท่ีประสานงาน
หนว ยงานตาง ๆ ซงึ่ จะอํานวยความสะดวกในการชวยเหลือผู฿ปูวย โดยเม่ือศูนยโรับแจ฿งเหตุได฿รับแจ฿ง
จากผ฿ูปูวยหรือบุคคลใกล฿ชิดก็จะต฿องสอบถามรายละเอียดตาง ๆ ให฿ชัดเจน เชน ได฿รับบาดเจ็บจาก
อุบัติเหตุ หรือมีอาการปูวยจากโรคประจําตัว อาการของผู฿ปูวยอายุ – เพศ และจํานวนของผู฿ปูวย
สถานที่เกิดเหตุ พรอ฿ มทัง้ เบอรโโทร ท่สี ามารถตดิ ตอได฿
จากนน้ั จึงแจง฿ ไปยงั เจา฿ หนา฿ ท่ีของหนวยแพทยโฉกุ เฉนิ ซ่ึงใกลจ฿ ุดเกดิ เหตุท่สี ดุ พร฿อมทั้งประสาน
กับหนวยงานท่ีเกี่ยวข฿องเพื่อให฿ชวยอํานวยความสะดวกหรือเข฿าไปชวยเหลือผ฿ูปูวยในเบ้ืองต฿น เชน
แจ฿งใหต฿ าํ รวจจราจรชว ยเคลียรเโ ส฿นทาง ให฿อาสาสมัครปฺองกันฝูายพลเรือน (อพปร.) ชวยงัดรถยนตโ
เพ่ือนําผู฿ปูวยออกจากจุดเกิดเหตุ ปัจจุบันได฿กําหนดให฿มีการใช฿เลขหมายโทรศัพทโในการับแจ฿งเหตุ
ผปู฿ ูวยฉุกเฉินหมายเลขเดียวกันทั่วประเทศ คือ หมายเลข 1669 เพ่ือให฿งายตอการจดจํา โดยเมื่อ
ผ฿ูปวู ยหรือผใ฿ู กล฿ชิดโทร เรียก 1669 ระบบจะเชื่อมโยงไปยังหนวยแพทยโฉุกเฉินที่ใกล฿ที่สุด จากนั้น
หนวยกู฿ชีพในพื้นที่รับผิดชอบก็จะสงเจ฿าหน฿าท่ีเข฿าไปนําตัวผู฿ปูวยสงโรงพยาบาลโดยเร็ว โดยระหวาง
ทางเจา฿ หนา฿ ท่จี ะทาํ การชวยเหลือผู฿ปูวยในเบื้องต฿นตามความจําเป็น เชน ห฿ามเลือด ให฿น้ําเกลือ ให฿
ออกซิเจน และภายในรถกู฿ชีพจะต฿องมีอุปกรณโชวยชีวิตตาง ๆ ครบครัน ไมวาจะเป็น เพลท หรือ
เตียงลําเลียงผปู฿ ูวย เครอื่ งมอื ปฐมพยาบาล เคร่ืองวัดความดัน เครือ่ งปัม๊ หัวใจ สายน้าํ เกลอื ฯลฯ
ท้ังนี้ เพ่ือเปน็ การเพมิ่ ศกั ยภาพในการเขา฿ ถงึ ผู฿ปวู ยขณะนที้ างสาํ นักงานระบบบริการการแพทยโ
ฉุกเฉนิ ไดเ฿ รง ดําเนนิ การจัดทาํ โปรแกรมซอฟตแโ วรโ เพือ่ ใชใ฿ นการบอกตาํ แหนงของผป฿ู ูวย โดยเม่ือมกี าร
โทรแจ฿งเหตุ ระบบจะทําการเช่ือมโยงข฿อมูลวาผ฿ูแจ฿งอยู ณ จุดใด พร฿อมท้ังปรากฏฎภาพแผนที่บน
หนา฿ จอคอมพิวเตอรโเพ่อื บอกตาํ แหนง ทม่ี กี ารโทรแจ฿ง ซ่งึ จะชว ยใหห฿ นวยแพทยฉโ ุกเฉนิ สามารถเดินทาง
ไปยังพนื้ ที่เกิดเหตไุ ดเ฿ ร็วย่ิงข้นึ และเม่อื รถก฿ูชพี เดินทางออกจากโรงพยาบาลไปยังจุดเกดิ เหตุกจ็ ะปรากฏ
ภาพข้ึนบนหนา฿ จอวา รถเคล่ือนท่ไี ปถึงจดุ ใด มอี ุปสรรคใดหรือไม เพื่อท่ีหนวยรับแจ฿งเหตุจะได฿ทําการ
ประสานไปยังเจา฿ หน฿าทตี่ าง ๆ ทเี่ กยี่ วข฿องเพื่อชวยแก฿ปัญหา โดยระบบดังกลาวจะแล฿วเสร็จประมาณ
ตน฿ ปี 2551 และนาํ มาใช฿กับหนว ยบรกิ ารแพทยโฉุกเฉินท่วั ประเทศ
การปฐมพยาบาลคนเป็นลม
เน16่อื 2งมาจคาคปนกู่มรเะอืปกส็นา่งศเลสนมรยี ิมหบแัตนลระา฿วพมิชัฒาดื ชนพีากเ1ปิจกน็ รผรมลลเกูนเสอื่ อื งทจกั าษกะเชลีวอืิตใดนไสปถาเนลศยี้ กึ งษสามปอรงะเไภมทเลพกู เียสงอื พวิสอาชมัญว่ คชรนั้ ามวธั ยมสศากึ เษหาตปุอที ี่า4จ
ภาพข้นึ บนหน฿าจอวา รถเคลอื่ นทไี่ ปถึงจุดใด มอี ุปสรรคใดหรือไม เพ่ือที่หนวยรับแจ฿งเหตุจะได฿ทําการ
ประสานไปยงั เจา฿ หน฿าทีต่ าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข฿องเพื่อชวยแก฿ปัญหา โดยระบบดังกลาวจะแล฿วเสร็จประมาณ
ตน฿ ปี 2551 และนาํ มาใชก฿ ับหนวยบรกิ ารแพทยโฉกุ เฉนิ ทว่ั ประเทศ
การปฐมพยาบาลคนเป็นลม
คนเปน็ ลมหนา฿ มดื เปน็ ผลเน่อื งจากเลอื ดไปเลยี้ งสมองไมเพยี งพอชัว่ คราว สาเหตอุ าจ
เน่ืองมาจาก
1. รา งกายออ นเพลยี มาก เชน อดนอน
ออาารกคมามู่ ศณือสถโ ง่ าเเสยชรเน มิทแไลตมะน่ืสพะฒัเตดนน฿วากกจิ ตกเกรชรในมจลกกู ลผเวัสคู฿ มือนทาหักกนษเกะาชแนิ ีวนไติ ปนในสอถาานกศากึศษรา฿อลนกู จเัดสอื วสิ ามปญั ระกชาั้นศมนธั ยี ยบมัตศรึกวษิชาาปชีพีที่ 4 167
2. 1
3.
คนเปน็ ลมมักมีอาการวิงเวียน คลืน่ ไสอ฿ าเจยี น หนา฿ มดื ใจสัน่ ใบหน฿าซีดเซียว มีเหงอื่ ออก
ตามฝูามอื ฝูาเทา฿ และหน฿าผาก ชีพจรเบา หายใจหอบถ่ี อาจลม฿ ลงและหมดสติ
การปฐมพยาบาล
1. เมอื่ รู฿สกึ เวยี นศรี ษะ หน฿ามดื ใหผ฿ ป฿ู ูวยน่งั ลงสูดหายใจยาวๆ
2. ขยายเสอื้ ผ฿าให฿หลวม
3. ห฿ามคนมงุ ดู
4. พัดใหผ฿ ป฿ู วู ย
5. ใหด฿ มแอมโมเนยี หรอื ยาดม
6. เชด็ เหงื่อตามมอื เทา฿ หน฿าผาก
7. ถา฿ หมดสตใิ หผ฿ ฿ปู วู ยนอนลงให฿ศรี ษะต่ํากวาตวั เลก็ น฿อย หรอื นอนราบกไ็ ด฿
8. ถ฿ายงั ไมรส฿ู ึกตวั ควรให฿ความอบอนุ ทาํ การผายปอดและนําไปพบแพทยโ
การปฐมพยาบาลคนถูกแมลงกดั ต่อย
แมลงท่ีมีเหล็กใน เชน ผึ้ง แตน ตอ เม่ือตอยแล฿วเหล็กในจะคาอยู ให฿นําเหล็กในออก
พิษของแมลงพวกน้ีฤทธเ์ิ ปน็ กรด แผลที่ถกู ตอ ยจะบวม คันและปวด ไมค อ ยมีอันตรายมากนัก แตถ฿า
ตอ ยเป็นจาํ นวนมาก อาจทําให฿มีไข฿สูง อาเจียน ท฿องเดิน เป็นลม หมดสติ และอาจตายได฿ซึ่งต฿อง
ได฿รับการปฐมพยาบาลโดยดวน
การปฐมพยาบาล
1. ให฿รีบเอาเหลก็ ในออกจากแผลทันที
2. ใช฿สําลชี ุบแอมโมเนยี หอม ซึ่งมฤี ทธเิ์ ป็นดา งออ นทาบรเิ วณแผล
3. ใชน฿ ้ําแข็งประคบเพอื่ ระงบั ปวด และชวยลดการซมึ ซาบของพษิ
4. ถ฿าถูกแมลงตอ ยบริเวณหน฿า คอ มีอาการบวมหายใจไมอ อกใหร฿ ีบนาํ สง โรงพยาบาล
การปฐมพยาบาลผู้ป่วยข้อเทา้ แพลง
ข฿อเทา฿ แพลงหรือขอ฿ เคลด็ สาเหตเุ นือ่ งมาจากขอ฿ ตอ สว นนัน้ เกดิ กระทบกระเทือน ถกู ชน ถกู
บดิ พลิกหรือแพลงอยางรนุ แรง ทาํ ให฿เยอื่ ห฿มุ หรอื เอน็ รอบๆ ขอ฿ ตอพลกิ หรือแพลงได฿
การปฐมพยาบาล
1. ให฿ขอ฿ เทา฿ น้นั พกั ผอน ให฿อยนู ง่ิ ๆ อยา ใชง฿ าน ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
2.คูม่ ยอื สกง่ ขเส฿อรเิมทแ฿าละสพว ฒั นนนา้ันกจิ ใกหรส฿รมูงลนูก้นั เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1
163
คูม่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
บิด พลกิ หรอื แพลงอยา งรุนแรง ทําให฿เยื่อห฿มุ หรือเอ็นรอบๆ ขอ฿ ตอ พลิกหรอื แพลงได฿
การปฐมพยาบาล
1. ให฿ข฿อเทา฿ นนั้ พักผอ น ใหอ฿ ยนู ิ่งๆ อยา ใชง฿ าน
2. ยกขอ฿ เท฿าสวนน้นั ใหส฿ งู น้ัน
3. ให฿นา้ํ แขง็ ประคบเพ่อื ระงับปวด
168 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 การปฐมพยาบาลผ้ปู ่วยผวิ หนังถลอก
ผิวหนงั ถลอก มลี ักษณะแผลต้ืนๆ ที่ผิวหนังสวนนอกถลอก มีเลือดไหลซึมออกเล็กน฿อยเกิด
จากวิ่งหกล฿ม เลน กฬี า หรือแผลจากถูกขีดขวน
การปฐมพยาบาล
1. ถ฿ามกี ารตกเลือด จะตอ฿ งหา฿ มเลือดเสียกอ น
2. ทาํ ความสะอาดบาดแผล แตอยาทาํ ลายเลอื ดท่ีแขง็ ตวั อดุ บาดแผล เพราะจะทาํ ให฿
เลือดออกอกี
3. ขณะทาํ ความสะอาดบาดแผล ควรตรวจดบู าดแผลมีลกั ษณะบาดแผลชนิดใด
4. ถ฿าบาดแผลนั้นมวี ตั ถุอยใู ห฿เอาออกเสยี กอ น จงึ แตงบาดแผล
5. ใช฿ยาใสบ าดแผลสด เชน ทิงเจอรไโ อโอดีน หรือยาแดง
6. หากบาดแผลถลอกมากและมีอาการเจบ็ แสบมาก ควรนาํ สง แพทยโ
เร่ืองส้ันทเ่ี ปน็ ประโยชน์
ค่มู ือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษคะชณุ วี ติ ธในรสรถมานขศอึกงษคา รปูระเภทลกู เสอื วิสามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
164
ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 1
คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4
เร่อื งสั้นทเี่ ปน็ ประโยชน์ คุณธรรมของครู
สํานักของอาจารยโบันไก มีนักศึกษาจากหลายท฿องถิ่นท่ัวประเทศญ่ีปุูนเข฿าไปฝากตัวกันมาก
โในดนจําจนบั วไนดผห฿ ู฿ไนปทเคหี่รูม่ียนอื น่ึงสธง่ รเเสรมรมื่อมิ ะแนคลาํ ะนเพรหฒัอื่ นงนงึ่ไากปกิจลฟกบั อฺรปรงมอรละากูพจเาสฤรอื ตยทิตักโ วัษทเะปาชนวี็นติ อขใาโนมจสายถราไยนปศโบเึกรนั ษยี ไานกลธกกูร็รเรสับมอื ฟะวแสงัิ าตมปแกญั รตละมับกชาิไป้ันศดมรน฿จัธะยี ัดยพบมกัตฤศราตกึ วริตษชิ อาาัวะปชเไีปพที รี่็น14แขมโ฿หมนย169
ที่สอง ทานอาจารยโก็เฉยตามเคย นกั ศึกษาไมเ ข฿าใจการวางเฉยของอาจารยโ สดุ จะทนได฿ ก็เขา฿ ชือ่ กัน
ร฿องขอให฿พิจารณาโทษนักศึกษานิสัยเสีย ไมดี เสียที มิฉะน้ันทุกคนจะพากันไปจากสํานักท้ังหมด
ทานอาจารยอโ า นคาํ เรยี กรอ฿ งนีแ้ ลว฿ ทานก็เรียกประชมุ นักศึกษาพรอ฿ มกนั แล฿วไดก฿ ลา วข้ึนมา “พวกเธอ
ท้งั หลายที่ลงช่ือมานี้ เปน็ ผ฿ูฉลาด เพราะทกุ คนสามารถร฿ผู ดิ ร฿ูถูก ฉะนนั้ หากพวกเธอมีความประสงคโ
จะจากสาํ นกั ศกึ ษาของฉนั ไป เพื่อไปหาสถานศกึ ษาตอท่ีดีกวา ก็อนุญาตไปได฿ตามความปรารถนา ”
ทานอาจารยโบันไกกลาวดังนี้ สวนนักศึกษาผู฿ประพฤติมิชอบ ทานอาจารยโบันไกก็หันมาประกาศวา
“แตเ จ฿าเพ่อื นขขี้ โมยผู฿นา สงสารของเจ฿าคนน้ี เขายงั เขลามาก โง ไมรู฿แม฿กระท่ังอะไรเป็นสิ่งถูก อะไร
ไมบังควร ฉะน้ัน ขอให฿เหน็ ใจเถอะ ทีฉ่ ันจะตอ฿ งใหเ฿ ขาอยูกับฉันตอไป เพราะถ฿าฉันไมสอนเขา แล฿ว
ใครเลาจะสอน” นักศึกษาคนผดิ ถึงร฿องไหโ฿ ฮ ห฿วงแหงความรูผ฿ ดิ รชู฿ อบเกิดขนึ้ ในตอนนี้เอง นิสัยไมดีถูก
ความเมตตาปราณีเปลยี่ นอยางหมดสนิ้ ตง้ั แตบ ดั นนั้ มา
เร่อื งนส้ี อนใหร้ วู้ ่า ความดยี อมชนะความชั่ว
จากหนังสือชีวติ งาม
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื วิสามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ,ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.1)
หน่วยท่ี 1ค1ู่มอื สค่งเวสาริมมแปละลพอฒั ดนาภกยัจิ กใรนรมกลาูกรเสปือฏทักบิ ษตั ะชกิ วี จิตใกนรสรถามนขศกึอษงาลปูกรเะสเภอื ทวลูกสิ เสาอืมวญัิสามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 165
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
170 คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื วิสามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ,ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ (ปวช.1)
หน่วยท่ี 11 ความปลอดภัยในการปฏิบัติกจิ กรรมของลกู เสือวิสามญั
แผ1น70การจปคดั ูม่รกะอื กจิสา่งกศเสนรรยีริมบมแัตทลระวี่ พ1ชิ ฒั5าชนใีพคานกว1สิจากถมรารปมนลลปกูอรเดสะือภกทยัอกั ใษบนะกชกีวาาติ รรในปสฏถาิบนตั ศิกึกษิจากลรกู รเสมือแวสิ ลาะมปัญรชะั้นกมอัธบยมอศาึกชษเพี าวปลที า่ี 41 ชวั่ โมง
1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.1 ลกู เสอื สามารถบอกประโยชนแโ ละวิธีสรา฿ งความปลอดภยั ในการทํางานได฿
1.2 ลูกเสอื สามารถบอกวธิ ีปฏิบัติงานในสถานประกอบการไดอ฿ ยา งปลอดภยั
2. เน้ือหา
2.1 องคปโ ระกอบความปลอดภยั ในการทาํ งาน
2.2 ผลกระทบท่ีเกิดจากความปลอดภยั ในการทาํ งาน
2.3 การเสรมิ สร฿างความปลอดภยั ในการทาํ งาน
2.4 ประโยชนขโ องความปลอดภยั ในการทาํ งาน
3. สอื่ การเรยี นรู้
3.1 แผนภมู เิ พลง
3.2 ใบความรู฿
3.3 เรอ่ื งสั้นทีเ่ ป็นประโยชนโ
4. กิจกรรม
4.1 พธิ ีเปิดประชมุ กอง(ชักธงขึน้ สวดมนตโ สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
4.2 เพลงหรอื เกม
4.3 กิจกรรมตามจดุ ประสงคโการเรยี นรู฿
1) ผก฿ู าํ กับลกู เสอื แบงลูกเสอื ออกเปน็ 4 กลุม นําเขา฿ สูบทเรียนโดยการสนทนาจากภาพ
อุบตั ิเหตุที่เกดิ ขน้ึ ในสถานประกอบการ ใหล฿ ูกเสอื ชว ยกนั อภปิ รายถงึ อันตรายจากภาพดังกลาว
2) ผูก฿ ํากบั ลูกเสอื มอบหมายงานให฿แตละกลุม ชว ยกันอภปิ รายตามหวั ขอ฿ เรอื่ ง ดงั น้ี
ให฿เวลา กลมุ ละ 5 นาที แล฿วนํามาอธิบายหนา฿ ชน้ั ตามลําดับ
กลมุ ท่ี 1 องคปโ ระกอบของความปลอดภยั ในการทํางาน
กลมุ ท่ี 2 ผลกระทบทเี่ กดิ จากความปลอดภยั ในการทํางาน
กลุมที่ 3 การเสรมิ สรา฿ งความปลอดภยั ในการทาํ งาน
กลุม ที่ 4 ประโยชนโของความปลอดภัยในการทาํ งาน
3) ผูก฿ ํากับลูกเสอื แจกใบความร฿ู ใหล฿ ูกเสอื ไปศกึ ษาตามหวั ขอ฿ ท่ีกําหนด
4) ผ฿ูกาํ กบั ลูกเสอื และลูกเสือรว มกนั สรปุ ตามหวั ข฿อเรอื่ งท้ังหมด
4.4 ผ฿ูกํากบั ลกู เสือเลา เรื่องสน้ั ทีเ่ ป็นประโยชนโ
4.5 พธิ ีปดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชกั ธงลง เลกิ )
5. การประเมนิ ผล 171
166 5.ปค1ูม่ระือสกสงั า่งเศเกสนรตยี มิ บคแตั ลวระาวพมิชัฒารชนวพีามก1มจิ กือรใรนมลกกู าเรสปือทฏักบิษะตั ชกิ วี ิจิตใกนรสรถมานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4
4.4 ผก฿ู าํ กับลูกเสือเลา เร่อื งสน้ั ท่ีเปน็ ประโยชนโ
4.5 พธิ ปี ดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชักธงลง เลกิ )
5. การประเมินผล 171
5.1 สังเกตความรวมมือในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการอภปิ ราย
คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมท่ี 15
เพลง
จับมือ
จบั มอื กนั ไวใ฿ หม฿ ัน่ คง เพอ่ื ความยนื ยงสามคั คี
รักกนั ปรองดองเหมอื นนอ฿ งพี่ เพื่อความสามคั คมี ีรว มกัน
เปรียบดงั เปน็ เปลวรอ฿ นไฟนัน้
โกรธกันมนั ร฿ายเปน็ สิง่ เลว จับมอื ยมิ้ ให฿กนั เปน็ สงิ่ ดี
เผาใจให฿มีความไหวหว่นั เกริกเกยี รติ เกรียงไกร วินัยดี
พวกเราลกู เสอื เชื้อเผา ไทย จงรกั ภักดี มที ั่วกนั
ศลี ธรรม จรรยา และหนา฿ ที่
ใบความรู้
องค์ประกอบของความปลอดภยั ในการทางาน
ความปลอดภัยในการทํางานจะเกิดขึ้นได฿นั้นต฿องประกอบด฿วยปัจจัยที่สําคัญ 2 องคโประกอบ
คอื
1. บุคลากรหรือผู฿ปฏิบัติงาน ทุกระดับทุกหน฿าท่ีภายในองคโกรท้ังภาครัฐและเอกชน ตั้งแต
พนักงานจนถึงผ฿ูบริหาร ต฿องตระหนักในความสําคัญและมีจิตสํานึกท่ีดีตอความปลอดภัยในการ
ปฏบิ ตั งิ าน จากสถิติอุบตั เิ หตทุ ่ีเกดิ จากการปฏิบัติงานพบวาสวนใหญเกิดจากการกระทําท่ีไมปลอดภัย
ของบุคลากรทข่ี าดความรคู฿ วามเขา฿ ใจ ขาดประสบการณแโ ละความชํานาญ หรอื มีอาการเหน็ดเหนอ่ื ยมาก
เกินไป สงผลให฿มีความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน หรือหัวหน฿างานและผู฿บริหารปลอยปละละเลยตอ
อนั ตรายที่เกิดขน้ึ ดังนั้น ในการปฏิบตั ิงานจําเป็นตอ฿ งมีการพฒั นาบคุ ลากรทุกฝาู ย โดยการใหก฿ ารศกึ ษา
อบรม ปลุกจิตสํานึกท่ีดีด฿านความปลอดภัย โดยช้ีให฿ผู฿ปฏิบัติงานเห็นถึงความเสียหายตอชีวิตและ
ทรัพยโสินท่ีอาจเกิดขึ้นจากความปลอดภัย ตลอดจนฝึกฝนให฿เกิดความชํานาญในการปฏิบัติงานท่ีตน
รับผิดชอบ นอกจากน้ีหนวยงานภาครัฐท่ีมีสวนเกี่ยวข฿องกับความปลอดภัยในการปฏิบัติงานต฿อง
สอดสอ งดูแลใหส฿ ถานประกอบการปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายความปลอดภัยอยางเครง ครดั
2. สภาพแวดล฿อมในการทํางานท่ีปลอดภัย จากการเก็บรวบรวมสถิติการเกิดอุบัติเหตุในการ
ทาํ1ง7า2นนัน้ คพคู่มมู่ือบอืสวง่สาเง่สมเรสามิ รกแิมลกแะลวพะาัฒพนฒั1า0นก%าจิ กกจิรมรกีสมรลารมูกเหเลสูกตือเทุมสักือาษทจะกัาชษกีวะิตสชใภนีวิตสาถใพนานแสศถวกึาดษนลาศอ฿ ึกปมษระใาเนภลกทกู ลาเสูกรอืเทสวือาํสิ วงาิสามานปัญมรทญั ะชกเ่ี ช้ันตา้นัศม็มมนัธไธัียยปยบมมัตดศศร฿วกึกึวษยษชิ าาาอปชปันีพทีีทตี่ี่ 414รายต1า6ง7ๆ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 15
เพลง
จับมือ
จบั มือกนั ไว฿ใหม฿ น่ั คง เพือ่ ความยืนยงสามัคคี
รกั กนั ปรองดองเหมอื นน฿องพ่ี เพ่อื ความสามคั คีมรี วมกัน
เปรียบดังเป็นเปลวร฿อนไฟนัน้
โกรธกันมันร฿ายเปน็ ส่ิงเลว จบั มือย้ิมใหก฿ ันเปน็ สิ่งดี
เผาใจใหม฿ ีความไหวหวนั่ เกรกิ เกยี รติ เกรียงไกร วินยั ดี
พวกเราลกู เสือเช้ือเผาไทย จงรกั ภักดี มีทั่วกัน
ศลี ธรรม จรรยา และหนา฿ ที่
ใบความรู้
องค์ประกอบของความปลอดภยั ในการทางาน
ความปลอดภัยในการทํางานจะเกิดขึ้นได฿น้ันต฿องประกอบด฿วยปัจจัยที่สําคัญ 2 องคโประกอบ
คอื
1. บุคลากรหรือผ฿ูปฏิบัติงาน ทุกระดับทุกหน฿าที่ภายในองคโกรทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งแต
พนักงานจนถึงผ฿ูบริหาร ต฿องตระหนักในความสําคัญและมีจิตสํานึกท่ีดีตอความปลอดภัยในการ
ปฏบิ ัตงิ าน จากสถติ อิ บุ ตั ิเหตทุ ีเ่ กดิ จากการปฏิบัติงานพบวาสวนใหญเกิดจากการกระทําท่ีไมปลอดภัย
ของบคุ ลากรท่ีขาดความรค฿ู วามเข฿าใจ ขาดประสบการณโและความชาํ นาญ หรอื มอี าการเหน็ดเหนือ่ ยมาก
เกินไป สงผลให฿มีความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน หรือหัวหน฿างานและผ฿ูบริหารปลอยปละละเลยตอ
อนั ตรายทเี่ กิดขนึ้ ดังน้ัน ในการปฏิบัติงานจําเป็นตอ฿ งมีการพฒั นาบุคลากรทุกฝาู ย โดยการให฿การศึกษา
อบรม ปลุกจิตสํานึกท่ีดีด฿านความปลอดภัย โดยช้ีให฿ผู฿ปฏิบัติงานเห็นถึงความเสียหายตอชีวิตและ
ทรัพยโสินท่ีอาจเกิดขึ้นจากความปลอดภัย ตลอดจนฝึกฝนให฿เกิดความชํานาญในการปฏิบัติงานท่ีตน
รับผิดชอบ นอกจากน้ีหนวยงานภาครัฐที่มีสวนเกี่ยวข฿องกับความปลอดภัยในการปฏิบัติงานต฿อง
สอดสอ งดแู ลใหส฿ ถานประกอบการปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายความปลอดภัยอยางเครง ครัด
2. สภาพแวดล฿อมในการทํางานท่ีปลอดภัย จากการเก็บรวบรวมสถิติการเกิดอุบัติเหตุในการ
ทํางานนน้ั พบวามากกวา 10% มสี าเหตมุ าจากสภาพแวดล฿อมในการทํางานทเี่ ต็มไปด฿วยอันตรายตางๆ
172 คมู่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
168 คู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4
ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 1
เชน สถานที่ทํางานมีอากาศถายเทไมสะดวก การวางโรงงานไมมี การกอสร฿างตอเติมไมได฿มาตรฐาน
หรือไมป ลอดภยั ไมม เี ครือ่ งหมายหรอื สญั ลักษณเโ ตือนภยั เครอื่ งจกั รเกา หรือเสื่อมคุณภาพ เคร่ืองมือไร฿
คุณภาพวัตถุมีพิษหรือสารเคมีท่ีจัดการเก็บไมถูกวิธี เคร่ืองปฺองกันอันตรายสวนบุคคลเกาหรือเสื่อม
คณุ ภาพ รวมไปถงึ สภาพแวดล฿อมทางธรรมชาติ เชน ฝนตกหนกั นาํ้ ทวม ฟฺาผา ฯลฯ
ผลกระทบท่เี กิดจากความไม่ปลอดภัยในการทางาน
อุบตั ิภยั จากการทาํ งานทุกสาขาอาชีพกอ ใหเ฿ กิดความสญู เสยี ตอชีวติ และทรัพยสโ นิ อยา งมหาศาล
และสงผลกระทบตอทุกๆ ฝูายท่ีมีสวนเกี่ยวข฿อง ทั้งผู฿ประกอบการ นายจ฿าง ผู฿ปฏิบัติงาน ครอบครัว
สังคมและประเทศชาติ พอสรปุ ได฿ดังน้ี
1. ผ฿ูประสบอบุ ตั เิ หตแุ ละครอบครัว เปน็ ผู฿ได฿รบั ผลกระทบโดยตรง ตอ฿ งบาดเจ็บหรือสูญเสยี ชวี ิต
เสียเวลาในการรักษาตัว เสียรายได฿ประจําท่ีเคยได฿รับ เสียคาใช฿จายในการรักษาพยาบาล เสียอวัยวะ
ตางๆ พิการทุพพลภาพจนไมสามารถประกอบอาชีพหรือชวยเหลือตนเองได฿เสียสุขภาพจิต เกิด
ความเครยี ด วติ กกังวล เกดิ ความทกุ ขตโ ามมา
2. เพื่อนรวมงาน เกดิ การเสียขวัญและกําลังใจในการทาํ งาน สขุ ภาพจติ ยํา่ แย ประสิทธิภาพใน
การทํางานลดลง สง ผลตอ ผลผลติ ขององคกโ ร
3. หวั หน฿างาน ซง่ึ หมายถงึ ผ฿ูควบคุมงานตั้งแตห วั หนา฿ ชาง หัวหน฿ากะ หวั หนา฿ แผนกทเี่ ปน็ ฝาู ย
บริหารระดบั ตน฿ ผ฿นู าํ ของกลมุ คนงาน ที่มหี นา฿ ทคี่ วบคมุ ดูแลใหพ฿ นักงานทําการผลิตตามแผนท่ีวางไว฿ มี
สวนได฿รับผลกระทบตออุบัติภัยท่ีเกิดข้ึน และถือเป็นความบงพรองในการควบคุมดูแลพนักงานต฿อง
เสียเวลาในการสอบสวนและวเิ คราะหหโ าสาเหตุ การรายงานผล การฝึกอบรมพนกั งานใหมท ดแทน ฯลฯ
4. เจ฿าของธรุ กจิ หรือผป฿ู ระกอบการ ไดร฿ ับผลกระทบโดยตรง เพราะอบุ ตั เิ หตภุ ยั สงผลให฿
ประสิทธิภาพในการทํางานลดลง ผลผลิตลดลงแตคาใช฿จายสูงข้ึน ท้ังในรูปของเงินคาชดเชย คา
รักษาพยาบาล คา วัสดุ คา ซอ มแซมเคร่ืองจักร คาถูกปรับจากการสงมอบงานลาช฿าฯลฯ ทําให฿ผลกําไร
ลดลงหรือประสบกับการขาดทนุ ในการดาํ เนินงาน
5. สงั คมและประเทศชาติ อบุ ัตภิ ัยในการทาํ งานท่รี า฿ ยแรงในประเทศไทยสว นใหญส ง ผลกระทบ
ตอสังคมประเทศไทย กอให฿เกิดการเสียขวัญและกําลังใจ ท้ังผ฿ูปฏิบัติงานประชาชนท่ัวไป สูญเสีย
ทางด฿านเศรษฐกิจโดยเปลาประโยชนโ เป็นภารตอ สงั คมในการดแู ลและชว ยเหลือคนงานท่ีไร฿สมรรถภาพ
ในการปฏิบัติงานเพ่ิมมากข้ึน ความเชื่อม่ันของนักลงทุนตางชาติที่มีตออุตสาหกรรมไทยลดลง เสีย
ภาพพจนโและชอื่ สียงท่ีดขี องประเทศชาติ
การเสรมิ สร้างความปลอดภัยในการทางาน
คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 173
คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญปชรัน้ ะมกัธายศมนศยี ึกบษตั ารปวที ชิ ่ี า4ชีพ 1 169
ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 1
การเสริมสร้างความปลอดภยั ในการทางาน
การเสรมิ สรา฿ งความปลอดภยั ในการทาํ งานจะดาํ เนินไปได฿อยา งมปี ระสทิ ธิภาพนน้ั จําเป็นตอ฿ ง
ไในดกร฿ ับารคทวําางมารนว นมคน้ัมูม่ ืออืไจสมาง่ ใ เกชสบเรคิมคุ แรลาลาะะกพหรฒั กโ ทนรกุารกๆมจิ หกฝรราูรือยมเลหทกู ตเี่ เกสุสยี่ือดุ ทววกัขิสษอ฿ ัยะงชสีวเพิตวในรนาใสหะถเญาปนม็นศาทึกจษี่ทาารกลาคกูบวเกสาอืันมวดผสิ ีวาิดมาปพอญั รลุบะกาชัตาด้ันิเศหมนคัธตียวยบตุามัตมาศรงบกึ วๆษชิกาาพทปชีรพีท่เี กอี่ 14ิดงขขอนึ้ ง173
มนษุ ยโและสภาพแวดลอ฿ มตางๆ ทไ่ี มปลอดภยั เชน อุปกรณเโ คร่ือง เครื่องจักร กระบวนการผลติ ฯลฯ
การเสรมิ สรา฿ งความปลอดภยั ในการทาํ งานสามารถทําได฿ ดงั น้ี
1. สรา฿ งจิตสาํ นึกและความรับผดิ ชอบทีด่ ใี ห฿เกิดขนึ้ ในตัวบคุ ลากรทกุ ๆ ฝาู ย
1.1. นายจา฿ งหรือผู฿ประกอบการ ตอ฿ งมจี ติ สํานกึ ทดี่ แี ละรับผิดชอบตอ ความปลอดภยั ใน
การทาํ งานของบคุ ลากรทุกฝาู ยภายในองคกโ รของตน โดยดําเนนิ งานภายใตก฿ ฎหมายความปลอดภยั
อยางเครงครดั นําเคร่ืองจักรทีด่ มี ีประสิทธภิ าพสูงมาใชใ฿ นกระบวนการผลติ สินค฿า รวมไปถึงการจดั หา
วัสดอุ ปุ กรณโปอฺ งกันภยั เชน เครอ่ื งดับเพลงิ เครือ่ งปอฺ งกันอนั ตรายสว นบคุ คล เครอื่ งมอื ชุดปฏิบัติงาน
ตางๆทดี่ มี ีประสทิ ธิภาพเหมาะสมกบั ลักษณะงาน และเพียงพอตอ การปฏบิ ตั งิ าน
1.2. วศิ วกร ผ฿คู วบคุมงานหรอื วศิ วกรรมมคคววาามมปปลลออดดภภยั ยั มหี นา฿ ท่ีตดั สินใจและรับผดิ ชอบ
ตอ การปฏิบตั งิ านของลกู จา฿ ง และการทาํ งานของเครื่องจักร วสั ดุ อุปกรณตโ า ง ๆ วา มีความปลอดภัยใน
การทํางานหรือไม ต฿องมจี ิตสาํ นึกทีด่ ีตอ การควบคมุ หรอื ปฺองกนั อันตรายตาง ๆ ทอี่ าจเกดิ ขนึ้ การ
ออกแบบเครอ่ื งจักร เคร่ืองมือ หรอื อุปกรณโ รวมไปถงึ การวางผังโรงงาน การติดต้งั ระบบไฟฟาฺ แสง
สวาง การระบายอากาศ ตอ฿ งอาศัยหลกั วิชาการทางวศิ วกรรมศาสตรใโ นการคํานวณ ออกแบบโดย
ถูกต฿องตามกฎหมายทีบ่ ัญญตั ิไว฿เพอื่ ความปลอดภัยสงู สดุ ในการทาํ งาน
1.3. หัวหน฿างานหรอื ผค฿ู วบคุมงาน ตอ฿ งควบคมุ ดแู ลใหป฿ ฏบิ ตั งิ านปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบ
ของโรงงานอยา งเครง ครัดแกไ฿ ข ปรับปรุงสภาวะการทํางาน สิ่งแวดลอ฿ ม เครื่องจกั ร อุปกรณตโ างๆที่ไม
ปลอดภยั ใหด฿ ขี นึ้ วากลา วตักเตือน ลงโทษผ฿ปู ฏิบัติงานทไี่ มป ฏิบตั ิตามกฎระเบียบทอี่ าจนาํ ไปสอู บุ ตั เิ หตุ
และรณรงคโกระต฿ุนใหค฿ นงานตระหนกั เหน็ ความสําคญั ของการปฺองกนั อุบตั เิ หตุโดยเป็นแบบอยา งทดี่ ี
1.4. ผป฿ู ฏบิ ัตงิ าน ต฿องมีจติ สาํ นึกที่ดตี อ ความปลอดภัยในการทาํ งาน โดยปฏบิ ตั งิ าน
ตามกฎข฿อบังคับของโรงงาน มสี ติ มคี วามเข฿าใจในงานท่ีตนรับผดิ ชอบ ฝึกฝนและปฏบิ ัตงิ านเพอ่ื ใหเ฿ กิด
ความชาํ นาญและไมล ะเลยตอการกระทาํ ทไี่ มป ลอดภยั เชน ปฏบิ ตั ิท้ังๆที่ ไมม หี นา฿ ท่รี ับผดิ ชอบ
ปฏิบัตงิ านท่ตี นขาดทักษะแทนผูอ฿ นื่ เพ่ือหวงั คา ตอบแทนท่ีสูงขนึ้ หรอื ปฏิบตั งิ านทัง้ ๆทไี่ มมหี นา฿ ท่ี
รบั ผดิ ชอบ ปฏิบตั ิงานท่ีตนขาดทักษะแทนผูอ฿ ่ืน เพื่อหวงั คาตอบแทนที่สงู ขน้ึ หรือปฏิบตั ิงานมากเกินไป
จนขาดการพักผอน หยอกลอ฿ หรือเลน ในระหวา งทาํ งาน ใช฿เคร่ืองจกั ร อุปกรณทโ ั้งๆท่ีรูว฿ าชาํ รุด หรือ
ดดั แปลงแก฿ไขอปุ กรณคโ วามปลอดภยั เพราะการกระทําเหลา น้ีอาจนําไปสอู บุ ตั ิเหตทุ สี่ งผลตอชวี ติ และ
ทรัพยโสิน ทัง้ ของตนเอง ผ฿อู น่ื และสถานประกอบการ
1.5. เจา฿ หนา฿ ท่ีของรฐั ต฿องควบคุมดูแลสถานประกอบการตางๆใหด฿ ําเนนิ งานตาม
กฎหมายท่ีบญั ญัตไิ ว฿ หากมกี ารละเมดิ ตอ฿ งปฏิบตั ติ ามบทลงโทษทก่ี าํ หนดไว฿สูงสดุ โดยไมเ หน็ แก
ผลประโยชนโใดๆ และตระหนกั อยเู สมอความไมป ลอดภยั ในการทํางานเป็นภยั ตอ เศรษฐกิจโดยรวมของ
ประเทศชาตแิ ละทรัพยากรมนษุ ยทโ มี่ คี า ย่ิง
2. ปรับปรงุ สภาพแวดลอ฿ มในการทํางาน ให฿เหมาะสมถกู สขุ ลกั ษณะอนามัยและเปน็ ไป
117704 ปคคปมู่รู่มระือะกือสกา่งสศาเ่งสศนเรสนียิมรบยี แมิ ัตบลแรตัะวลพรชิะวฒั พาิชชนฒั าพีาชนกีพ1าิจกก1จิรรกมรลรมกู เลสกู ือเทสกั ือษทะักชษวี ะติ ชในวี ิตสถในานสศถกึาษนาศึกปษระาเภลทกู ลเสกู อืเสวือสิ วาสิ มาัญมัญชชนั้ ้นั มมัธธั ยยมมศศึกกึ ษษาาปปีทที ่ี่ี 44
ตามขอ฿ กฎหมายกําหนด เชน ผงั โรงงานตอ฿ งไดถ฿ ูกต฿องตามหลกั วศิ วกรรมและกฎหมาย พ้ืนโรงงานตอ฿ ง
ไมเ ป็นหลมุ เปน็ บอการจัดเก็บวสั ดอุ ปุ กรณโตา งๆ ต฿องเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ฿ ย ไมส กปรกรกรุงรัง แสงสวาง
เสียง อณุ หภูมิ ตอ฿ งเหมาะสมและเปน็ ไปตามมาตรฐานความปลอดภยั ใช฿สัญลกั ษณแโ ละเคร่ืองหมาย
ความหมายความปลอดภยั ในพน้ื ที่ที่เสยี่ งตออนั ตราย
3. มอบหมายงานใหเ฿ หมาะสมกบั บคุ คล โดยเฉพาะอยางยง่ิ งานท่ีมีอนั ตรายสงู แม฿จะมกี าร
มอบหมายงานพร฿อมกับการต฿องการและประสบการณขโ องบุคคล โดยเฉพาะอยา งย่ิงงานท่มี อี นั ตรายสูง
แม฿จะมีการมอบหมายงานพรอ฿ อ้มมกกบั บั กกาารรฝฝกึ ึกสสออนนงงาานนหรอื แนะนําวธิ กี ารปฏบิ ตั ิงานแลว฿ ยงั ต฿องมกี าร
ตดิ ตามผล หากเหน็ วาบุคคลนน้ั ไมเ หมาะสมกบั งานทม่ี อบหมาย อาจกอ ให฿เกิดอนั ตรายในการ
ปฏิบตั งิ านกค็ วรโยกยา฿ ยสับเปลยี่ นหนา฿ ที่
4. จดั ทาํ กฎระเบยี บใหเ฿ ป็นมาตรฐาน ทัง้ ดา฿ นเครอื่ งจกั ร อปุ กรณกโ ารปฏิบตั ิงาน และระบบ
การทาํ งาน เชนกําหนดมาตรฐานวธิ ีการปฏิบัตงิ านท่ปี ลอดภัย การแตง กายสาํ หรบั การปฏิบัตงิ านตางๆ
การใช฿เคร่ืองมือ เครอ่ื งจักร อุปกรณปโ ฺองกันอันตรายสวนบุคคล ฯลฯ
ประโยชน์ของอาชีวอนามัยและความปลอดภยั ในการทางาน
1. คุณภาพชีวติ ของพนักงานดขี ึน้ อุบัตเิ หตจุ ากการทาํ งานสว นใหญกอ ให฿เกดิ จากการบาดเจบ็
พิการหรอื เสียชวี ติ จนไมส ามารถประกอบอาชพี หารายไดเ฿ ลย้ี งตนเองและครอบครวั ตอไปได฿ กลายเปน็
ภาระของสงั คมครอบครวั และญาติพนี่ อ฿ งมคี า ใช฿จา ยเพมิ่ มากข้นึ ขณะทรี่ ายไดไ฿ ดล฿ ดลง สง ผลให฿คุณภาพ
ชวี ติ ตา่ํ ลง ในทางตรงกนั ขา฿ มหากปราศจากอุบตั ิภัยในการทาํ งาน คุณภาพชวี ิตของพนักงานและ
ครอบครัวยอ มดขี ้นึ
2. ผลผลติ เพ่ิมข้ึน การทํางานอยา งปลอดภยั ในทุกสาขาอาชีพ ภายใตส฿ ภาพแวดลอ฿ มทีถ่ กู
สุขลกั ษณะและปราศจากอนั ตราย โดยมอี ุปกรณโปอฺ งกันอันตรายท่มี คี ณุ ภาพและเพยี งพอจะสง ผลให฿
พนักงานมขี วัญและกําลังใจท่ดี กี วา สภาพการทาํ งานท่เี สยี่ งภยั อนั ตราย กอ ใหเ฿ กดิ ความมน่ั ใจ ตงั้ ใจ
ทํางาน รบั ผิดชอบอยา่ งเตเตม็ ม็ ทที่ ่ีผลผลิตโดยรวมจงึ เพิ่มสงู ขน้ึ ท้ังเชิงปรมิ าณและคณุ ภาพ
3. คาใชจ฿ ายลดลง ตน฿ ทนุ การผลิตตํ่าภายใตก฿ ารทาํ งานทป่ี ลอดภยั ไร฿อบุ ตั เิ หตยุ อ มสงผลให฿
คาใชจ฿ ายในการผลติ สนิ คา฿ ลดลง เพราะสามารถประหยดั เงินคา รกั ษาพยาบาล คา เงินเข฿ากองทุนทดแทน
คา ซอ มแซมเครื่องจกั ร คาเสยี เวลา ซง่ึ คา เหลานีถ้ ือเป็นสวนหนึ่งของ ตน฿ ทนุ การผลิตสนิ ค฿า
4. ผลกําไรเพ่มิ มากขนึ้ การทํางานอยางปลอดภยั ปราศจากภยั อันตรายตา งๆ จะสง ผลให฿ต฿นทนุ
การผลิตต่าํ และเพม่ิ ผลผลติ ใหส฿ งู ขนึ้ ซึ่งจะเป็นเหตุให฿กําไรเพม่ิ มากยิ่งขนึ้
5. ลดการสญู เสียทรัพยากรมนษุ ยขโ องชาติ การทาํ งานทไ่ี มปลอดภยั สงผลให฿เกิดอุบตั ิเหตุ
บางครง้ั อาจกอ ให฿เกดิ การสูญเสยี ชีวิตพกิ ารทุพพลภาพ ถอื เปน็ การสูญเสยี แรงงานทส่ี ําคญั ของ
ประเทศชาติ
6. ภาพลักษณขโ ององคโการดขี น้ึ อบุ ัติเหตหุ รืออนั ตรายตางๆ ท่เี กดิ จากการทาํ งานมผี ลกระทบ
ตอ ชอื่ เสียงภาพพจนขโ ององคกโ าร ตอ วิชาชีพ ตอ สังคมและประเทศชาติ ลดความเชอ่ื มัน่ ในผลผลติ ของ
องคโการ
คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 175
คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ปชร้นั ะมกัธายศมนศยี กึ บษตั ารปวีทชิ ่ี า4ชีพ 1 171
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
7. เศรษฐกิจของประเทศโดยรวมดีขนึ้ ชื่อเสยี ง ภาพพจนแโ ละความเชื่อม่นั จากนกั ลงทุนตางชาติ
ทมี่ ีตอสงั คมไทยในภาพรวมยอ มดขี ้ึน สง ผลใหม฿ ีการลงทนุ การจ฿างแรงเพม่ิ มากขน้ึ
176 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4
คป่มู รอื ะสก่งคาเสูม่ศรนือมิ สยี แง่บลเัตะสพรรวิมัฒชิ แนาลาชะกีพพิจฒัก1รนรามกลจิูกกเสรือรทมกัลษูกะเสชือีวติทใกั นษสะถชาวีนิตศใกึ นษสาถปารนะศเภกึ ทษลาูกลเสกู ือเสวิสือาวมสิ ัญามชญั ั้นมชธั ั้นยมมศธั ึกยษมาศปกึ ที ษี่ า4ปีท่ี 4
172 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 1 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1 177
เร่ืองสั้นที่เปน็ ประโยชน์
แมวเป็นเพื่อนกบั เสือ
ณ.หมูบ฿านใกล฿ชายปูาแหงนี้มีครอบครัวที่เจ฿าของเลี้ยงแมวที่มีลักษณะนิสัยขี้อ฿อนชอบสงเสียง
เวลาเจ฿าของกลับมาถึงบ฿านแตแล฿วเจ฿าแมวตัวน้ีเกิดซนวิ่งออกนอกบ฿าน พลัดหลงเข฿าไปในปูาใหญ
หาทางกลับมาท่ีบ฿านไมเจอแมวตัวน้ีก็เดินทางไปเรื่อยๆหวังวาจะพบทางออก มิได฿ประสบกับอันตราย
ใดๆเลยอีกท้งั ยงั ไดพ฿ บเข฿ากบั เสือผใู฿ จดี
"อา้ ว...เจา้ เหมยี ว เจา้ เข้ามาทาอะไรที่นี่ มนั อันตรายนะแตห่ ากเจ้าไม่มีที่ไปจริงๆแล้วล่ะก็ เจ้าก็มาอยู่กับ
ข้าทีน่กี ็ได้นะ"แมเ สอื เอย ปากถามเจ฿าแมวเหมยี ว แมวเหมยี วข้ีออ฿ นเม่ือหมดหนทางไปจึงตัดสินใจอาศัย
อยกู ับแมเสือเติบโตมาพรอ฿ มกับลกู เสอื เป็นท้งั เพอื่ นเลนและเพ่อื นทค่ี อยลา สตั วโดว฿ ยเสมอ
เมือ่ เวลาผา นไป .. จากเจา฿ แมวทเ่ี คยข้ีออ฿ นไดก฿ ลับกลายเป็นแมวปูาทแ่ี สนจะดรุ า฿ ยเลยทเี ดียว
เร่ืองนส้ี อนใหร้ วู้ า่ คนเราแปรเปล่ียนไปไดต฿ ามสภาพแวดลอ฿ มและวธิ กี ารเล้ยี งดู
178 คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 173
คปู่มรือะสก่งาเสศรนิมียแบลตัะพรวฒั ิชนาาชกีพิจก1รรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4
ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 1
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสือวิสามัญช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4, ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.1)
หนว่ ยที่ 11 ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมของลูกเสือวสิ ามญั เวลา 2 ชว่ั โมง
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 16 สายไปเสียแลว้
1.จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ลกู เสอื สามารถบอกการมีเพศสัมพนั ธทโ ่ปี ลอดภยั ได฿
2. เน้อื หา
การมีเพศสัมพันธโเป็นเรื่องที่ทั้งชายและหญิงจะต฿องรับผิดชอบรวมกันตอผลท่ีเกิดขึ้นตามมา
ได฿แก ตั้งครรภโ การเรียน ความร฿ูสึกของพอแม ครูอาจารยโ เพ่ือน รวมทั้งผลกระทบด฿านอ่ืนๆอีกมาก
นอกจากนีย้ งั ตอ฿ งคาํ นึงถงึ ความปลอดภัยจากการติดโรคตา งๆ ได฿แก กามโรคและเอดสโ ซง่ึ ทาํ ให฿สูญเสีย
ทัง้ อนาคตและชีวิต ความตระหนักในเพศสัมพันธโที่ปลอดภัยทําให฿มีการควบคุมตนเอง ไตรตรองอยาง
รอบคอบและมกี ารปอฺ งกนั ท่เี หมาะสม
3. ส่อื การเรียนรู้
3.1 แผนภูมิเพลง
3.2 ใบงาน
3.3 ใบความรู฿
3.4 เรอ่ื งสน้ั ที่เป็นประโยชนโ
4. กจิ กรรม
4.1 พิธเี ปิดประชมุ กอง (ชกั ธงขึน้ สวดมนตโ สงบน่งิ ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรือเกม
4.3 กิจกรรมตามจุดประสงคโการเรยี นรู฿
1) ผ฿กู าํ กบั ลูกเสอื นําสนทนาเรื่อง “ความหมายของเพศสมั พันธทโ ี่รับผดิ ชอบ”
(เพศสัมพนั ธทโ ีร่ ับผิดชอบประกอบด฿วย ความรกั ความเข฿าใจ ความยินยอมพร฿อมใจของทง้ั สองฝูาย
ปลอดภัย ไมม ผี ลกระทบทางจติ ใจ สงั คมและครอบครัว)
2) ผู฿กํากับลกู เสอื อา นกรณีศึกษาเรอื่ ง “สายไปเสียแลว฿ ”
3) ลกู เสอื จบั คู บอกความรส฿ู กึ ท่ีมตี อ เร่อื งของสทิ ธ์ิ
4) ผก฿ู าํ กบั ลูกเสอื สมุ ถามความร฿สู กึ ของลกู เสอื 4 - 5 คู โดยไมต อ฿ งสรุป
5) แบง ลูกเสอื ออกเปน็ กลมุ ๆละ 8 คน โดยคละชายหญิงนัง่ ลอ฿ มวง และใหอ฿ ภิปรายตาม
ประเดน็ ในใบกจิ กรรม
6) ผแ฿ู ทนกลมุ รายงานทลี ะประเด็น / ผู฿กาํ กับลกู เสือนาํ อภปิ รายเพอื่ ใหไ฿ ดข฿ อ฿ สรปุ ตามใบ
ความร฿ู
4.4 ผก฿ู าํ กบั ลูกเสอื เลา เรื่องสน้ั ท่เี ปน็ ประโยชนโ
4.5 พิธปี ดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธงลง เลกิ )
คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 179
ค่มู ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ปชรั้นะมกธัายศมนศียึกบษัตารปวีทิชี่ า4ชีพ 1
174 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1
5. การประเมนิ ผล
5.1 สงั เกตความรว มมอื ในการปฏิบัติกิจกรรม
5.2 สังเกตกระบวนการคิดจากการอภปิ ราย
6. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวิตสาคญั ท่เี กิดจากกจิ กรรม
คอื ความคดิ วิเคราะหโ ความคดิ สร฿างสรรคโ ตระหนักถึงความสาํ คญั ของการมีเพศสมั พันธโท่ี
ปลอดภัย
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 16
เพลง
สขุ กันเถอะเรา
สุขกันเถอะเรา เศร฿าไปทาํ ไม จบั มือกนั ไว฿ แลว฿ ยกั เอวยกั ไหล
หมุนตัวกลบั ไป หมนุ ตัวกลับมา อยา มวั รอชา฿ เปลี่ยนคมู าเร็วไว
180 ค่มู ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 175
คปูม่ รือะสกง่ าเสศรนิมยี แบลัตะพรวฒั ชิ นาาชกีพิจก1รรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
ใบงาน กรณีศกึ ษาเร่ือง “สายไปเสยี แล้ว
สทิ ธิ์เพื่อนรกั
เรามาอยอู เมริกาเกือบสองปีแล฿ว เวลาผา นไปเรว็ มาก เราไดเ฿ รยี นรอู฿ ะไรมากมาย ในระยะแรกๆ
เราเหงาและคดิ ถึงบ฿านมาก แตชวงหลังๆคอยดีหนอ ยเพราะต฿องเรียนหนกั จนไมมีเวลาคดิ ถึงบา฿ น แตเรา
กย็ งั คดิ ถงึ นายและน฿อยอยูเ สมอนะ เพราะนายเป็นเพอ่ื นที่ดที ส่ี ุดของเรา นอ฿ ยก็เป็นผ฿หู ญงิ ที่นายภูมิใจได฿
เลย เพราะจะหาผ฿ูหญิงที่ดีอยางนอ฿ ยคงไมงา ยเม่ือพูดถึงสาวๆท่ีนี่กับสาวไทยแล฿ว เราอยากแตงงานกับ
สาวไทยมากกวา หวังวาเราคงกลบั ไปทันงานแตง งานของนายกับนอ฿ ยนะ
เราขอเลาถงึ เรื่องคนหนุมสาวที่น่ีหนอยนะ ท่ีนี่การมีเพศสัมพันธโกับเพ่ือนตางเพศถือเป็นเร่ือง
ธรรมดา แตเขาก็ร฿ูจักระมัดระวังไมให฿มีปัญหาตามมา เชนเรื่องต้ังครรภโ ติดโรค หนุมๆสาวๆท่ีนี่พก
ถุงยางอนามัยตดิ ตัวกนั จนเปน็ เรื่องธรรมดาถ฿านายจะเอาอยางหนุมสาวที่นี่ เราหวังวานายจะต฿องระวัง
หนอย เพราะสงั คมไทยยังไมยอมรับเรือ่ งนี้ ผู฿หญิงจะเสียหาย เราเตือนมาเพราะรักเพ่ือน อยากให฿นาย
ทั้งสองคนเรยี นจบ ทํางานและมคี รอบครวั ท่ีอบอนุ จาํ ท่ีอาจารยโปรีชาเคยพูดอยเู สมอได฿ไหมวา “อนาคต
ขึ้นอยูกับการกระทําของเราเอง”..............จาก ชาย......
สิทธิ์น่ังน่ิงอยูคนเดียว ตาเหมอมองไปท่ี Note book อยางลองลอย ชาย...เพ่ือนแท฿คนเดียวที่
เขามกั จะนกึ ถึงเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่มีความทุกขโ สิทธิ์รู฿สึกเจ็บปวด ใชแล฿ว... “อนาคตข้ึนอยูกับการ
กระทําของเราเอง” สทิ ธ์ิตดั สนิ ใจเคาะตัวอกั ษรตอบเพ่อื นอยางชา฿ ๆ
ชายเพอ่ื นรัก
ท้ังๆที่เรารักน฿อยมาก แตเราก็พลาดอยางไมนาให฿อภัย นายจะคิดอยางไรถ฿ารู฿วาเราติดเอดสโ
เพราะความเมาแทๆ฿ ในวนั เล้ยี งฉลองสอบเอน็ ติด พวกเรา 4 คนไปฉลองกันที่เธคจนเมา เราเจอผ฿ูหญิง
คนหน่ึง คยุ กนั ไปคุยกันมา เราก็ไปมีอะไรทหี่ ฿องพักกบั เธอคนนั้น พอหายเมาเราร฿ูสึกเสียใจที่ไมซื่อตรง
กบั นอ฿ ยเสยี แล฿ว เราตั้งใจจะหยุดไวแ฿ คนน้ั ดีท่ีเธอคนน้ันก็ไมคิดจริงจังอะไรกับเรา แต...เราไมอยากเชื่อ
เลยวาจะตดิ เอดสจโ ากผู฿หญงิ คนน้ันได฿ เธอไมใชผ฿ูหญิงอยางวา เธอเป็นเพียงวัยรุนที่ใจแตกและรักสนุก
ธรรมดาๆคนหน่ึงเทา นนั้
เราทุกขโใจเหลือเกิน ไมกล฿าปรับทุกขโกับใครท้ังส้ิน กลัวคนรังเกียจ โดยเฉพาะน฿อย...เรากลัว
เหลือเกินวานอ฿ ยจะตดิ โรคจากเรา.... นายคงเขา฿ ใจนะวาทเ่ี รามีอะไรกับนอ฿ ยเปน็ เพราะเรารักน฿อยและไม
เคยคดิ จะทาํ ใหน฿ ฿อยเสียใจ ยงั ไงๆเรากต็ ฿องแตง งานกบั นอ฿ ย แตวา เวลาน้ีเรามองไมเห็นอนาคตเลยวาจะ
เปน็ อยา งไรตอ ไป...มนั สายเกินไปเสยี แล฿ว
คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 181
คูม่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ปชรนั้ ะมกัธายศมนศยี ึกบษตั ารปวีทิช่ี า4ชีพ 1
176 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 1
ใบกจิ กรรม
คาแนะนา ลูกเสืออภิปรายกลุม ตามประเด็นทไี่ ดร฿ บั มอบหมาย เมอื่ ไดข฿ ฿อสรปุ แล฿ว สงตวั แทนรายงาน
(เวลา 15 นาท)ี
กลุ่มท่ี 1. เพราะเหตใุ ดสทิ ธ์ิจึงตดิ เอดสโ และลูกเสอื มคี วามเห็นอยา งไรตอ ความคดิ เหน็ ของสทิ ธโ
ท่ีวา“เธอไมใชผหู฿ ญงิ อยา งวา เธอเป็นเพยี งวยั รนุ ทใ่ี จแตกรักสนกุ ธรรมดาๆคนหน่ึงเทา นนั้ ”
กล่มุ ที่ 2. ทัง้ ๆทม่ี คี วามร฿ูเร่ืองเอดสแโ ละทราบวิธีปอฺ งกัน แตเ หตุใดผชู฿ ายบางคนจงึ ยงั คงมี
เพศสัมพันธโโดยไมคดิ จะปอฺ งกัน
กลมุ่ ท่ี 3. ในการคบเพอ่ื นตางเพศของผหู฿ ญิง มีโอกาสตดิ เอดสโเชน เดยี วกับกรณีของนอ฿ ยหรอื ไม
เพราะเหตุใด
กล่มุ ท่ี 4. ลกู เสือคดิ วา “เพศสมั พันธโท่ีปลอดภยั ” ควรเปน็ อยางไร จะมวี ิธปี ฺองกนั การเกดิ
เพศสัมพันธทโ ่ไี มป ลอดภยั ไดอ฿ ยา งไร และเมื่อตดั สนิ ใจทจี่ ะมีเพศสมั พนั ธโ การมีเพศสมั พันธทโ ป่ี ลอดภยั
ทาํ ไดอ฿ ยา งไร
182 คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 177
คปมู่ รือะสกง่ าเสศรนิมียแบลตัะพรวฒั ิชนาาชกีพจิ ก1รรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4
ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 1
ใบความรู้
ประเดน็ อภิปราย แนวคดิ ท่คี วรได้
1. เพราะเหตใุ ดสทิ ธจ์ิ งึ ติดเอดสโ - สิทธติ์ ิดเอดสโเพราะมเี พศสมั พนั ธโโ ดยไมมีการ
ปอฺ งกัน
- การมีเพศสมั พนั ธกโ บั ผู฿หญิงทัว่ ไป แม฿ไมใ ชผ฿ ูห฿ ญงิ
บริการกอ็ าจติดเชอื้ เอดสไโ ด฿ เพราะผ฿หู ญงิ คนนนั้
อาจไดร฿ ับเชื้อมาจากผู฿ชายอ่นื โดยเธอเองก็ไมร ตู฿ วั
2. ท้งั ๆ ท่ีมคี วามร฿ูเรอ่ื งเอดสโ และรว฿ู ิธีปอฺ งกนั แต - การด่มื สรุ ากอนมเี พศสัมพนั ธโอาจทําใหข฿ าดสตยิ ง้ั
เหตใุ ดผ฿ชู ายบางคนจึงมีเพศสมั พนั ธโโดยไมปฺองกัน คดิ ทําให฿มเี พศสัมพนั ธโโดยไมปฺองกัน
- บางกรณเี กิดเพราะมีความเขา฿ ใจผิด ๆ เชน เชื่อ
วาผูห฿ ญงิ ที่ไมใ ชผ ฿หู ญิงบรกิ ารจะปลอดเอดสโ หรอื มี
วิธปี อฺ งกันอนื่ ๆ นอกเหนอื จากการใชถ฿ ุงยาง
อนามยั
3. ในการคบเพอ่ื นตางเพศของนกั เรยี น หญงิ จะมี - มี เพราะความใกลช฿ ดิ อาจนําไปสกู ารมี
โอกาสติดเอดสเโ ชน เดียวกับกรณีของนอ฿ ยหรือไม เพศสมั พนั ธโโดยไมคาดคดิ และกรณีเชน นมี้ กั จะไม
เพราะเหตุใด มีโอกาสใชถ฿ ุงยางอนามยั ในการปฺองกนั
4. เพศสัมพนั ธโท่ปี ลอดภยั เป็นอยา งไร -หมายถึงการมีเพศสมั พนั ธโทนี่ อกจากไมม ี
ผลกระทบตา งๆ เชน การเรียน การตง้ั ครรภโ
หน฿าทกี่ ารงาน ฯลฯ แล฿วตอ฿ งไมม คี วามเสยี่ งตอ การ
ติดโรคตาง ๆ เชน กามโรค และโรคเอดสโ
นกั เรยี นคดิ วาจะปอฺ งกันเพศสัมพนั ธโทไ่ี มป ลอดภัย -หลกี เลี่ยงการอยูใกล฿ชดิ ตามลาํ พงั สองคนกับเพ่อื น
ไดอ฿ ยา งไร ตางเพศ เพอ่ื ปอฺ งกันเพศสัมพนั ธโทไี่ มค าดคิด
-ไมม เี พศสมั พันธใโ นขณะทยี่ งั ไมม คี วามพร฿อมทง้ั
ทางรางกาย จติ ใจ และสังคม
-ขอรับบริการตรวจเลือดกอนการสมรส
เมือ่ ตัดสนิ ใจทจ่ี ะมเี พศสมั พนั ธโ การมเี พศสมั พนั ธทโ ่ี -ใชถ฿ ุงยางอนามยั อยา งถกู วธิ ี ในการปอฺ งกนั
ปลอดภยั ทาํ ไดอ฿ ยางไร
ค่มู ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 183
คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญปชรั้นะมกธัายศมนศยี กึ บษัตารปวีทิช่ี า4ชีพ 1
178 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 1
เรอ่ื งส้ันทเี่ ป็นประโยชน์
อยากรไู้ หม...มีอะไรในมือพอ่
คุณพอ เรียกลูกสาวเข฿าไปพบ และบอกกับลูกสาววา "พอมีอะไรจะให฿ดู เป็นของสําคัญมากนะ"
แลว฿ คณุ พอกห็ ยิบอะไรบางอยา งออกจากกระเปาเสื้อ โดยกําสิ่งของไว฿ในมือ ไมให฿ลูกมองเห็น และคุณ
พอก็ถามลกู สาววา"อยากรูม฿ ยั้ วา มอี ะไรในมือพอ" ลูกสาวพยักหน฿า พอเลยยื่นข฿อเสนอวางั้นเอามือเขก
พน้ื 3 ที พอลูกเขกเสร็จ คณุ พอพูดอีกวา "ไมพ อเปล่ยี นเปน็ 5 ทีดกี วา " ลูกกเ็ ขกพน้ื อีก 5 ที พอก็พูดตอ
วา "เปล่ยี นเปน็ 10 ทดี กี วา " ด฿วยความอยากรู฿ ลูกสาวยอมเขกพนื้ เพิ่มเป็น 10 ที พร฿อมพูดกบั พอวา "ลูก
อยากรู฿จริงๆวาในมือพอมันคืออะไร"พอเลยแบมือออก เผยให฿เห็นเหรียญ 5 บาทธรรมดาเหรียญหน่ึง
หลงั จากนน้ั คุณพอ ก็เอามือกําเหรียญ 5 บาทเหรียญเดิมอกี ครงั้ และถามลกู สาววา อยากดไู หมวา ในมือ
พอ มีอะไร ถ฿าอยากรู฿ตอ฿ งเอามอื เขกพ้ืน 5 ที ลูกสาวสา ยหนา฿ พรอ฿ มกบั บอกวาไมอ ยากดแู ลว฿ เพราะรู฿แลว฿
วาในมือพอ มีอะไรพอ เลยตอ รองวาเขกแค 1 ทกี ไ็ ด฿ ลกู สาวยงั สายหน฿า พร฿อมกับบอกวา หนรู แ฿ู ลว฿ หนูไม
อยากดูแลว฿ คณุ พอเลยบอกวา พอใหด฿ ูฟรๆี กไ็ ด฿ เอาหรือเปลา ฝาู ยลกู สาวตอบวาไมเอา ไมร ฿ูจะดไู ปทําไม
กร็ ฿อู ยูแล฿ววาในมือพอมีอะไร ได฿ฟังเชนนน้ั คณุ พอ เลยสอนลกู สาววา ของอะไรท่ียังคงเป็นความลับ คน
มักยอมทําตามทกุ ทจี่ ะได฿สมความปรารถนา แตเ มอ่ื สมปรารถนาแลว฿ กเ็ ปน็ เรอื่ งธรรมดา ไมตนื่ เตน฿ เร่ือง
ความรักของชายหญงิ ก็เชน เดียวกับเหรียญ 5 ท่อี ยใู นมอื พอน่ันเอง
เร่ืองนีส้ อนให้รูว้ า่ กลุ สตรตี อ฿ งรักนวลสงวนตวั
184 คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 179
คปู่มรือะสกง่ าเสศรนิมียแบลัตะพรวฒั ิชนาาชกีพิจก1รรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 1
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4, ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ (ปวช.1)
หนว่ ยท่ี 11 ความปลอดภัยในการปฏิบตั กิ ิจกรรมของลูกเสอื วสิ ามัญ เวลา 1 ชัว่ โมง
แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 17 ภยั ใกลต้ วั วยั หนุ่มสาว
1. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ลกู เสือสามารถอธบิ ายเกยี่ วกับการลวงละเมิดทางเพศได฿
2. เนอื้ หา
การลว งละเมดิ ทางเพศเป็นปัญหาท่เี กดิ ข้นึ เสมอ
3.ส่ือการเรียนรู้
3.1 แผนภมู เิ พลง
3.2 ใบงาน
3.3 ใบความร฿ู
3.4 เร่อื งสนั้ ท่เี ปน็ ประโยชนโ
4. กจิ กรรม
4.1 พิธีเปิดประชมุ กอง (ชักธงขน้ึ สวดมนตโ สงบนง่ิ ตรวจ แยก)
4.2 เพลงหรอื เกม
4.3 กิจกรรมตามจุดประสงคโการเรยี นร฿ู
1) ผ฿กู ํากับลกู เสอื นาํ เข฿าสูบทเรียนโดยถามวา “การกระทาํ อะไรบ฿างทีค่ ดิ วาเปน็ การ
ลวงละเมิดทางเพศ” สุมถาม ครูสรุปความหมายและประเภทของการลวงละเมิด 3 ประเภท คือ
“ทางคําพูด” “ทางการกระทําไมถูกเน้ือต฿องตัว”และ “ทางการกระทําท่ีถูกเน้ือต฿องตัว” (ดูใบความรู้
ประกอบ)
2) แบง ลกู เสอื ตามหมู 5 หมู แจกกรณีศกึ ษาหมูละ 1 เร่ืองให฿ชว ยกนั อภปิ รายตาม
ประเด็น และสงตัวแทนหมูออกมารายงาน
(1) คดิ วา เป็นการลวงละเมดิ ทางเพศประเภทใด (กรณที ี่1 วาจา กรณีที่ 2 การกระทาที่ไม่ถูก
เนอ้ื ตอ้ งตัว กรณที ่ี 3 – 5 เปน็ การกระทาที่ถกู เนอื้ ต้องตัวและรนุ แรงข้นึ เป็นลาดับ)
(2) ถา฿ ลกู เสอื ต฿องตกอยูในสถานการณโเดยี วกนั จะมีความรส฿ู ึกอยา งไร และคิดวาอาจจะเกดิ
อะไรตามมาได฿บ฿าง (เปิดกวา้ งใหเ้ ป็นไปตามความคดิ เหน็ ของกลุ่มไมม่ ีผดิ ถกู )
(3) คิดวาควรมที างออกอยา งไรเม่ือต฿องอยูในเหตกุ ารณโ และควรมีวิธีปฺองกันไมใ ห฿ตอ฿ ง
ตกอยูในสถานการณโเชนนน้ั ไดอ฿ ยางไร (เปดิ กว้างให้เป็นไปตามความคิดเห็นของกลุม่ ไมม่ ีผดิ ถูก)
3) ตวั แทนหมรู ายงานทีละหมู ครนู าํ อภิปราย สรุป และเพมิ่ เติม (ควรเน้นยา้ การป้องกนั และการ
หาทางออกทีเ่ สย่ี งต่ออนั ตรายนอ้ ยทสี่ ุด --ดใู บความรู้ประกอบ)
4.4 ผก฿ู าํ กับลกู เสือเลา เรอื่ งสั้นที่เปน็ ประโยชนโ
4.5 พิธีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลิก)
คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 185
คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามัญปชรน้ั ะมกธัายศมนศยี ึกบษตั ารปวีทิชี่ า4ชีพ 1
180 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 1
5. การประเมินผล
5.1 สังเกตความรวมมอื ในการปฏิบตั กิ จิ กรรม
5.2 สงั เกตกระบวนการคิดจากการอภปิ ราย
6. องคป์ ระกอบทักษะชีวติ สาคัญทเ่ี กดิ จากกจิ กรรม
คือ ความคดิ วเิ คราะหโ ความคดิ สรา฿ งสรรคโ ความตระหนักร฿ูถึงสถานการณโท่ีเป็นการลวงละเมิด
ทางเพศ การหาทางออกและการปฺองกัน
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 17
เพลง
ความซอื่ สตั ย์
ความซอ่ื สตั ยโเปน็ สมบัติของคนดี หากวา ใครไมม ี ชาตนิ ้เี อาดีไมไ ด฿
มคี วามร฿ทู ว มหวั เอาตวั ไมร อดถมไป คดโกงแล฿วใครจะรบั ไว฿ให฿รวมการงาน
186 ค่มู อื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 181
คปมู่ รอื ะสกง่ าเสศรนิมยี แบลัตะพรวฒั ิชนาาชกีพิจก1รรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4
ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 1
ใบงาน
กรณีศกึ ษา
การลว่ งละเมิดทางเพศ
กรณีท่ี 1
แสงดาว สาวโรงงานทอผ฿า หน฿าตาสะสวย ทกุ ๆ เย็นหลังเลิกงานเธอต฿องเดินผานอูรถเมลโเพ่ือ
ขน้ึ รถประจําทางกลับบ฿าน ชวงเดินผานอรู ถเมลโจะมีเสียงเปูาปากบ฿าง ตะโกนแซวชมวา สวยบ฿าง,นนอ้ ฿องงๆ
ๆมแี มฟีแนฟแนลแว้ ลย฿วงั ยงั รบั พ่ีเปน็ แฟนซกั คนได฿ไมเ หรือบางครั้งก็ร฿องเพลงแซวบ฿าง แสงดาวรู฿สึกอึดอัดและอับ
อายมาก
กรณีที่ 2
วทิ ยชโ วนดาวไปเลนอนิ เตอรโเนต็ ที่ร฿านใกล฿ ๆ โรงเรียนหลังเลิกเรียน วิทยโเรียกดาวให฿เข฿าไปดูท่ี
หน฿าจอของเขาพร฿อมกับบอกวามีเร่ืองนาสนใจจะให฿ดู สักครูก็ปราก ฏภาพลามกข้ึนที่จอ เป็นภาพ
การรวมเพศของชายหญงิ ดาวตกใจและโกรธมาก
กรณีที่ 3
โอ เปน็ เดก็ ชายวัยรุน หน฿าตาดี ตอนเย็นหลังเลิกเรียนโอกับเพ่ือน ๆ มักจะไปเลนกีตารโท่ีหลัง
โรงเรียน วันหนึง่ ขณะที่โอกําลังนงั่ เลน กตี ารอโ ยมู ีเพ่อื นรุน พ่ีผ฿ูชายคนหนึ่ง มายืนอยูใกล฿ ๆ แล฿วโอบไหล
ของโอไว฿ เมอ่ื โอยงั เฉย ๆ พี่ผูช฿ ายคนนนั้ กข็ ยบั เข฿ามาชิด แล฿วใช฿อวัยวะเพศถูไปมาบริเวณด฿านข฿างของ
โอ โอตกใจมาก
กรณีท่ี 4
ภพชวนแอนสาวเว฿นทโ ไปดูบ฿านร฿างท่ีมีขาววามทีผีดุมาก แอนกลัวแตก็ยอมไปเพราะเพ่ือน ๆ
หลายคนไปกนั มาแล฿วและนํามาเลา สกู ันฟงั วา เหน็ ผดี ฿วย เธอกลวั จะน฿อยหนา฿ เพ่ือน ๆ จึงตัดสินใจไปกับ
ภพ ภพนดั เพอ่ื นชายอีก 6 คนไปดว฿ ย บอกวาจะไดช฿ วยกันจับผี พอไปถึงบ฿านร฿างหลังนั้น ภพกับเพื่อน
ชายทง้ั 6 ชวยกันจบั แอนแลว฿ ผลัดกันขมขนื แอนตอ ส฿ู เธอถูกแทงเสยี ชวี ิต
กรณีที่ 5
ทมี และเพอ่ื นชาย 4 คน ชวนกันไปดื่มเหล฿าหลังจากสอบปลายภาคเสรจ็ สน้ิ นัดเจอกันทบ่ี ฿านตย฿ุ
ทีมพาเพื่อนสาวรุนน฿องไปด฿วย 2 คน ท้ังหมดสนุกสนานกับการร฿องเพลงและด่ืมสุราจนได฿ท่ี ต฿ุยจึง
วางแผนแยกสาวรุนน฿องออกจากกัน โดยพาอีก 1 สาวไปบ฿านเพื่อนอีกคนหนึ่งท่ีอยูใกล฿ ๆ กัน ทีมและ
เพ่ือน ๆ ผลัดเวียนกนั ขมขืน 2 สาว จนครบทุกคน
คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 187
คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญปชรน้ั ะมกธัายศมนศยี ึกบษัตารปวีทิชี่ า4ชีพ 1
182 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
ใบความรู้
การลว่ งละเมดิ ทางเพศ
ความหมายของการล่วงละเมดิ ทางเพศ
การลวงละเมดิ ทางเพศ หมายถึงพฤติกรรมทลี่ ะเมดิ สิทธขิ องผอ฿ู ื่นในเรอ่ื งเพศไมว า จะเป็นทาง
คาํ พดู และการกระทาํ ท้งั ทมี่ แี ละไมม กี ารถูกเนื้อต฿องตวั โดยผทู฿ ถี่ กู กระทาํ ไมย ินยอม
ประเภทของการล่วงละเมดิ ทางเพศ มี 3 ประเภท คอื
1. การล่วงละเมดิ ทางคาพูด ไดแ้ ก่
- การวพิ ากษโวจิ ารณโเกีย่ วกับรูปรา งหนา฿ ตา การแตงกาย ทสี่ อ ในทางลามก
- การเลาเรอ่ื งตลกลามกสองแงสองงา ม
- การตามตอ๊ื ตามจบี เกยี้ วพาราสที ้ัง ๆ ทีร่ วู฿ าอกี ฝาู ยไมชอบ
- การพูดเสียดสีเล฿าโลมในทสี่ าธารณะ
- การกลา วถงึ หญงิ หรือชายในทางลามก
- การใชค฿ ําพูดเพอื่ กระตุ฿นอารมณทโ างเพศ ฯลฯ
2. การล่วงละเมิดทางการกระทาท่ไี มถ่ กู เนอื้ ต้องตวั ไดแ้ ก่
- การจ฿องมองอยางกรม฿ุ กรมิ่
- การลว งเกินด฿วยสายตา
- การแสดงสหี น฿าทา ทางเจา฿ ช฿ู
- การแสดงทา ทางหรือการเคลื่อนไหวรา งกายท่ีสอ ถงึ เจตนาการลว งเกนิ ทางเพศ
เชน ผิวปาก แซว สงจูบ ยกั ค้วิ หล่วิ ตา
- การโชวโภาพโป หรือภาพที่สอ ไปในทางเพศหรอื ลามก
- การสง จดหมาย ขอ฿ ความ ภาพ ท่สี อไปในทางเพศหรอื ลามก
- การแอบดตู ามห฿องน้ํา
- การติดวดี ีโอวงจรปดิ ในห฿องน้ํา ห฿องเปลี่ยนเสือ้ ผ฿า
- การโชวโอวยั วะเพศ ฯลฯ
3. การลว่ งละเมดิ ทางเพศโดยการกระทาท่มี ีการถกู เน้ือต้องตัว ได้แก่
- การแตะเนอ้ื ตอ฿ งตัว รวมทั้งการจบั ตอ฿ งเสอ้ื ผ฿า รางกาย ผม คอ แขน ฯลฯ
- การกอด จบู หอมแก฿ว ตีก฿น สะโพก จับหนา฿ อก กอดรัดฟดั เหวยี่ ง
- การยนื เดิน หรอื นั่งใกลช฿ ิดเกินความจําเป็น ใชบ฿ างสวนของรา งกายสมั ผสั โดยจงใจ
- การขม ขืน ฯลฯ
188 คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 183
คปู่มรอื ะสก่งาเสศรนิมยี แบลตัะพรวฒั ชิ นาาชกีพิจก1รรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 1
การหาทางออกเมอ่ื เผชิญเหตุการณ์ลว่ งละเมดิ ทางเพศ
กรณีเหตกุ ารณไโ มรุนแรงควรหาทางออกด฿วยการใชว฿ ิธตี อไปนี้ โดยอาจใชว฿ ธิ ใี ดวิธหี นึ่งหรือหลาย
วธิ ี รว มกันแลว฿ แตเหตกุ ารณโ คอื
- ปฏเิ สธทันที
- หนีออกจากเหตุการณโ
- รีบขอความชวยเหลือ
กรณเี หตกุ ารณโรุนแรงหรอื ตกอยูในภาวะวกิ ฤติ ควรใช฿วธิ ีการตอไปน้ี
1. ควบคุมอารมณต์ นเองให้ได้ ส่งิ แรกท่ีสําคญั ทส่ี ดุ คือการควบคุมอารมณแโ ละรา งกายใหอ฿ ยู
ในภาวะสงบน่งิ ใหม฿ ากที่สดุ รวบรวมสติใหม฿ ัน่ เพ่อื ให฿ตนเองเกดิ การรบั รทู฿ ม่ี ีประสิทธิภาพ และมไี หวพริบ
ปฏภิ าณในการแกป฿ ญั หาเฉพาะหน฿า
2. ประเมินสถานการณ์ วามอี นั ตรายใดท่อี าจเกิดแกตนเองไดบ฿ า฿ งเพอ่ื หาทางหลบเลย่ี ง และ
มีส่งิ ใดที่จะใช฿ประโยชนไโ ดบ฿ ฿างในการปฺองกนั ตัว และขอความชวยเหลือ
3. มองหาโอกาสหลบหนี ขณะรอความชว ยเหลือ และมองหาโอกาสหรอื จงั หวะเหมาะในการ
หลบหนี ให฿ทาํ ใจดสี เ฿ู สือ คล฿อยตามเป็นพวกเดยี วกนั กอ น พยายามถว งเวลาโดยไมปะทะหักลา฿ งโดยตรง
และไมย ว่ั ยใุ ห฿เกิดความรนุ แรง อาจใชว฿ ธิ ีเบนความสนใจ ตอรอง หรือตั้งเงื่อนไขตาง ๆ เพิ่มข้ึน ชวนคุย
เพ่ือประวงิ เวลาใหน฿ านทส่ี ดุ เชน ตวั อยางตอไปนี้
สถานการณโ กําลงั จะถูกขมขนื อาจใชป฿ ระโยคคําพูดตอ ไปนีเ้ พ่อื พิจารณา
“เดย๋ี วนะ....... กําลงั กลวั มากเลย (ยกมือไหว฿) ขอหายใจกอ นนะ”
“ตรงน้ีมืดจงั เลย ยงุ กดั ไปสวาง ๆ หนอยดีไหม”
“ปวดฉี่ ขอเขา฿ ห฿องนา้ํ หนอย”
ทั้งน้ี เพราะการพูดและการลงมือทํารา฿ ยเปน็ พฤติกรรมที่ไมคอยเกิดข้ึนพรอ฿ มกนั
4. ต่อรองเม่อื จวนตัว เม่ือจวนตัวใหต฿ อรองหรือบอกเงื่อนไขใหม ๆ เพื่อให฿คูกรณีเปล่ียนใจ
หรอื ลดความรนุ แรง หรือลดความเสยี หายลง เชน ตอรองชวยสําเร็จความใครให฿แทนการรวมเพศ เป็น
ตน฿
5. หาทางป้องกัน ปัญหาที่อาจตามมาจากเหตุการณโ เชน กรณีถูกขมขืน ต฿องรีบพบแพทยโ
โดยดวนเพ่ือปอฺ งกันการตั้งครรภโและการติดเช้ือโรคทางเพศสัมพนั ธโ รวมท้ังโรคเอดสโ ฯลฯ
คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 189
ค่มู อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ปชรนั้ ะมกธัายศมนศยี กึ บษัตารปวีทชิ ี่ า4ชีพ 1
184 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
เร่ืองส้ันทเ่ี ป็นประโยชน์ ตากับตนี
ตนี กับตาอยูก นั มาแสนผาสกุ จะนั่งลุกยนื เดนิ เพลินหนักหนา มาวนั หน่ึง ตนี ทะล่งึ เอยปรชั ญา
วา ตีนมีคุณแกตา เสียจรงิ ๆ ตีนชว ยพาตาไปทต่ี างๆ ตาจงึ ได฿ชมนางและสรรพสิ่ง เพราะฉะนัน้ ดวงตา
จงประวงิ วาตนี นเ้ี ป็นสง่ิ ควรบูชา ตาไดฟ฿ ังตนี คยุ กห็ ม่นั ไส฿ จึงร฿องบอกออกไปด฿วยโทสา วา ท่ีตีนเดินไป
ได฿ก็เพราะตา ดูมรรคา เศษแก฿วหนามไมตําตีน เพราะฉะนั้นตาจึงสําคัญกวา ตีนไมควรจะมาคิดดู
หม่ิน สรุปแล฿วตามีคา สูงกวา ตีน ทัว่ ธานนิ ทรโตีนไปได฿ก็เพราะตา ตีนได฿ฟงั ให฿คง่ั แค฿น แสนจะโกรธ ว่งิ
กระโดดโลดไป ใกล฿หน฿าผาเพราะอวดดี คุยเบง เกงกวาตา ดวงชีวาจะดับไปไมรู฿เลย ตาเห็นตีนทํา
เก่งแ เรงกระโดดก็พโิ รธแกลง฿ ระงบั หลับตาเฉย ตีนพาตาถลาลม฿ ทั้งก฿มเงย ตกแล฿วเหวย หนา฿ ผา ท้ังตา
ตีน
เรื่องนส้ี อนให้รู้ว่า การอยรู วมกันอยางมคี วามสขุ นนั้ ยอ มเกดิ จากการพงึ่ พาอาศยั กัน
จากหนังสอื ชวี ิตงาม
190 คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 185
คปู่มรือะสกง่ าเสศรนมิ ยี แบลตัะพรวฒั ชิ นาาชกีพิจก1รรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 1
แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4, ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ(ปวช. 1)
หนว่ ยท่ี 11 ความปลอดภัยในการปฏิบตั กิ ิจกรรมของลูกเสอื วิสามญั เวลา 2 ชวั่ โมง
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 18 สร้างวิกฤตให้เป็นโอกาส
1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ลกู เสอื สามารถอธิบายแนวทางในการปรับตวั เมือ่ ครอบครวั แตกแยกไดอ฿ ยางเหมาะสม
2. เน้อื หา
ครอบครัวทะเลาะเบาะแวง฿ หรอื ครอบครวั แตกแยกเปน็ เร่อื งที่คนเราอาจตอ฿ งเผชิญในชวี ิต การ
ทาํ ความเขา฿ ใจและยอมรบั ปัญหาทเี่ กดิ ขน้ึ จะชว ยใหเ฿ หน็ ทางออกและปรบั ตัวอยกู ับปญั หาไดอ฿ ยา ง
เหมาะสม
3. สื่อการเรยี นรู้
3.1 แผนภูมเิ พลง
3.2 ใบงาน
3.3 เรือ่ งสนั้ ที่เป็นประโยชนโ
4. กิจกรรม
4.1 พธิ เี ปิดประชมุ กอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนตโ สงบน่ิง ตรวจ แยก)
4.2 เพลงหรือเกม
4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงคโการเรยี นรู฿
1) ผ฿กู าํ กบั ลูกเสอื ชวนสนทนา ถงึ ปญั หาในครอบครัว ทอ่ี าจสง ผลกระทบถงึ สมาชกิ ทกุ คน
ในครอบครวั (เชน พอแมท ะเลาะกนั เป็นประจาํ การใช฿ความรนุ แรงในครอบครวั พอแมแยกทางกนั
หัวหน฿าครอบครวั ตดิ สรุ า/ยาเสพตดิ /การพนนั ปญั หาเศรษฐกจิ ฯลฯ)
2) ผู฿กํากับลูกเสอื เลา กรณีศกึ ษาเรอื่ ง ครอบครวั ของน฿องเมยโ
3) ผู฿กาํ กับลูกเสอื สมุ ถามความรส฿ู ึกหลงั ได฿ฟังกรณีศกึ ษา 2 -3 คน
4) แบง กลมุ ลูกเสอื ออกเป็นกลุมๆละ 8 คน (คละเพศชายหญิง) อภิปรายประเดน็ ตอ ไปนี้
แลว฿ สงตวั แทนรายงาน
(1) คดิ วาแตล ะคนในครอบครัวได฿รับผลกระทบเหมือนหรอื ตางกนั อยา งไร (ทุกคนใน
ครอบครัวตา่ งไดร้ ับผลกระทบ มากน้อยตา่ งกนั ขน้ึ กบั ความเขา้ ใจ และการยอมรับตอ่ ปญั หาทีเ่ กิดขึ้น)
(2) ลูกเสอื คดิ วาอะไรทเ่ี ป็นส่ิงสาํ คัญทีช่ วยใหน฿ อ฿ งเมยโผา นวิกฤติครัง้ นีม้ าได฿
(แม฿จะโกรธพอแม แตก ็เข฿าใจและยอมรับกับปญั หาทเ่ี กดิ ข้นึ เขม฿ แข็ง มองหาทางออกใหช฿ วี ติ ดีขึ้นแทน
การทาํ ร฿ายตนเองดว฿ ยการหมกมุนกบั ปญั หา รวมท้งั มตี ากบั ยายคอยชวยเหลือ)
(3) ถา฿ ลูกเสือตอ฿ งเผชญิ ปัญหาครอบครวั แตกแยกไมวา จากสาเหตุใด คดิ วา จะมี
ทางออกอยางไร (เปิดกว฿างใหแ฿ สดงความคดิ เหน็ อยางกวา฿ งขวาง)
คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 191
คู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ปชรน้ั ะมกธัายศมนศยี กึ บษัตารปวีทชิ ่ี า4ชีพ 1
186 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
5) ผ฿ูกาํ กบั ลูกเสอื สมุ ให฿รายงาน อภปิ ราย และสรปุ ทีละประเดน็ จนครบ แลว฿ ผูก฿ ํากับลกู เสอื
ลูกเสอื เพม่ิ เติมเรอื่ งคดิ ทางบวก (เป็นความคิดท่ที าใหเ้ กดิ ความสขุ ได้แก่
1.มองปญั หาว่ามที างออกเสมอ
2.มองหาว่า “อะไรผิด”ท่ีตอ้ งแก้ไข แทนการมองหาวา่ “ใครผิด” เพอื่ กล่าวโทษ
3. มองสิ่งท่เี หลอื แทนส่งิ ทห่ี ายไป
4. หาสง่ิ ดี ๆ ทเ่ี กิดขน้ึ จากเหตุการณ์ เช่น มองความผดิ พลาดเป็นครู
5. มสี ตอิ ยกู่ บั ปัจจุบนั ร้วู า่ ตนเองทาอะไรเพอื่ อะไร และทาปัจจบุ ันให้ดีทสี่ ุด เพื่อ
เปน็ รากฐานอนาคต
6. ตั้งความหวังให้สอดคลอ้ งกบั ความเปน็ จริง ไมเ่ พ้อฝัน
7. มีอารมณข์ ันอยเู่ สมอ)
4.4 ผ฿ูกาํ กับลกู เสือเลา เรอื่ งสนั้ ท่ีเป็นประโยชนโ
4.5 พธิ ีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชกั ธงลง เลิก)
5. การประเมนิ ผล
5.1 สงั เกตความรว มมอื ในการปฏิบัติกิจกรรม
5.2 สังเกตกระบวนการคดิ จากการอภิปราย
6. องค์ประกอบทักษะชวี ิตสาคญั ที่เกิดจากกจิ กรรม
คอื ความคิดวิเคราะหโ ความคดิ สรา฿ งสรรคโ เข฿าใจตนเอง เขา฿ ใจผอ฿ู ่ืน จดั การกบั อารมณโ
และความเครยี ด รับผดิ ชอบตอ ตนเอง
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 18
เพลง
ย้มิ ร่าเรงิ
ยมิ้ ยมิ้ ยม้ิ ยมิ้ มาหนา฿ ตาหวานชื่น ยม้ิ นิดชีวติ ยัง่ ยนื สดชนื่ อรุ าอยา มวั รอ (ซาํ้ )
มายิ้มกนั หนอเพ่อื นเอย
รา เริง รา เรงิ เราบนั เทิงใจ หันหน฿ากนั ไปทางไหน เขาก็ยม้ิ เราก็ย้ิม (ซํา้ )
ยิ้มแย฿มเปรมปรดี ส์ิ ดชน่ื อุรา
192 คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 187
คปมู่ รอื ะสกง่ าเสศรนมิ ียแบลตัะพรวฒั ิชนาาชกีพจิ ก1รรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4
ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1
ใบงาน
กรณีศึกษาเรอ่ื ง ครอบครัวของนอ้ งเมย์
นอ฿ งเมยเโ ป็นลูกสาวคนเดยี วของพอ แม เธออาศยั อยูกบั ตายาย เนือ่ งจากพอ แมแ ยกทางกนั ตง้ั แต
เธออายุ 10 ขวบ แมแตงงานใหมและมีลูกชายอีกคนหนึ่ง สวนพอกลับไปอยูกับครอบครัวเดิม ใน
ระยะแรกนอ฿ งเมยโเสยี ใจมาก โกรธทัง้ พอ และแม เมือ่ พอและแมม าหาก็มักปฏิเสธที่จะพบ โดยให฿เหตุผล
วา มีการบ฿านที่ต฿องทํา ไมมีเวลาคุย น฿องเมยโไมอยากไปโรงเรียน เน่ืองจากกลัววา คนจะถามถึงเร่ือง
ครอบครวั มตี ากบั ยายเทา นนั้ ท่นี อ฿ งเมยไโ วใ฿ จมากทส่ี ุด ตากับยายก็คอยดูแลเอาใจใสและให฿กําลังใจน฿อง
เมยอโ ยางเสมอมา
น฿องเมยเโ ป็นเดก็ เขม฿ แข็ง เขา฿ ใจและยอมรับปญั หาตางๆ ไดง฿ าย และมักหาทางออกให฿ชีวิตได฿ดี
ไมหมกมุนกับปญั หา รวมทั้งมตี ากับยายคอยชวยเหลือ) ทกุ วนั นี้ ใครๆ กพ็ ูดวาน฿องเมยเโ ป็นเดก็ เรียนเกง
กอนปิดภาคเรยี น ทางโรงเรียนมักเชิญให฿ผ฿ูปกครองไปรวมพิธีมอบเกียรติบัตรนักเรียนเรียนดี แตน฿อง
เมยโปฏิเสธที่จะไปรวมงานทุกครั้ง โดยอ฿างวาไมสะดวก ขณะน้ีน฿องเมยโกําลังเรียนอยูช้ัน ม. 6 และ
เตรียมเรียนตอกฏหมายตอไป
เร่อื งส้นั ทเ่ี ปน็ ประโยชน์
เทวดากับอูฐผ้โู งเ่ ขลา
อฐู ตัวหนึ่งเดนิ ทางไปพบเทวดา มนั พูดขนึ้ ด฿วยน้าํ เสียงไมพอใจวา “เพราะเหตุใด ข฿าจึงมีรูปราง
ไมเหมือนกับสัตวโตัวอ่ืน ๆ เลย ข฿าไมมีเขา ไมมีฟัน หรืออุ฿งเล็บ และไมมีอวัยวะอ่ืนใดที่จะสามารถใช฿
ปกปอฺ งตวั เองจากศัตรูเลย ขา฿ ขอใหท฿ า นไดโ฿ ปรดมอบเครือ่ งปฺองกนั เหลา น้ันให฿กบั ขา฿ บา฿ งเถอะ” เทวดาได฿
ฟงั ดงั น้นั กร็ ฿สู ึกโกรธในคําอันโงเ ขลาของอูฐ จึงบนั ดาลให฿อฐู มใี บหูท่ีเล็กลงกวาเดิม เพ่ือเป็นการงลงโทษ
ตอความไมรูจ฿ ักพอของมนั
เร่อื งน้สี อนให้รู้วา่ จงพอใจในส่งิ ทต่ี นมอี ยู
คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 193
คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ปชร้นั ะมกัธายศมนศยี กึ บษัตารปวีทชิ ี่ า4ชีพ 1
188 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 1
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสือวิสามัญ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4, ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ(ปวช. 1)
หนว่ ยที่ 11 ความปลอดภัยในการปฏิบตั ิกจิ กรรมของลกู เสือวิสามัญ เวลา 1 ช่ัวโมง
แผนการจดั กจิ กรรมที่ 19 สารเสพตดิ
1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.1 ลูกเสอื สามารถอธบิ ายถึงโทษภยั ของสารเสพติดชนดิ บุหร่ี สุรา และยาบ฿าได฿
1.2 ลกู เสอื สามารถอธบิ ายการตดิ สารเสพตดิ จากชนิดออนไปสูชนิดรุนแรงได฿
1.3 ลูกเสอื สามารถอธิบายแนวทางในปฺองกนั และชว ยเหลือตนเองจากการตดิ สารเสพตดิ ได฿
2. เน้อื หา
การตระหนกั ร฿ถู ึงพษิ ภยั และกระบวนการตดิ สารเสพติด จะชว ยให฿ลูกเสอื รูจ฿ ักสงั เกตและมี
แนวทางในการปอฺ งกันและชว ยเหลอื ตนเองจากการติดสารเสพตดิ ได฿
3. ส่อื การเรยี นรู้
3.1 แผนภมู /ิ เกม
3.2 ใบความรู฿
3.3 เร่อื งสนั้ ที่เป็นประโยชนโ
4. กิจกรรม
4.1 พิธีเปิดประชมุ กอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนตโ สงบน่งิ ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรือเกม
4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคโการเรยี นร฿ู
1) ผ฿ูกาํ กบั ลูกเสอื นําสนทนาด฿วยคาํ ถามวา “ อะไรเป็นสารเสพตดิ ท่ีลูกเสอื พบเหน็ บอ ย
ท่สี ุด ในชวี ติ ประจําวัน” ( บุหรี่ สุรา )
2) แบงลกู เสอื ออกเปน็ กลมุ ๆ ละ 8 คน (คละเพศชาย – หญิง) อภปิ รายประเดน็
ตอไปน้ี และสง ตัวแทนรายงาน
(1) ลูกเสือคดิ วามวี ยั รนุ จาํ นวนมากนอ฿ ยแคไ หนทอ่ี ยากทดลองสูบบหุ รีห่ รือดม่ื
สุรา หรือลองทัง้ สองอยา ง (เปิดกวา้ งให้แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอิสระ)
(2) เมอ่ื ได฿ลองแลว฿ ลูกเสอื คิดวาคนสว นใหญแ คล องเทา นนั้ หรอื จะสูบบุหร่ี/ดม่ื
สรุ าตอไปจนตอ฿ งสูบ/ดมื่ อยา งตอเนอ่ื ง (เปิดกวา้ งใหแ้ สดงความคดิ เห็นอยา่ งอสิ ระ)
(3) ผ฿ูทีส่ บู บุหรีห่ รอื ด่ืมสุรา มกั มโี อกาสเขา฿ ถงึ และทดลองสารเสพตดิ ตัวอนื่ ๆ ที่
แรงกวา ดว฿ ยหรอื ไมแ ละเมอ่ื ลองแลว฿ จะเกิดผลอะไรตามมา (มีโอกาสเข้าถึงไดม้ าก เพราะมกั ถกู ชกั ชวน
จากคนที่สบู บุหร/่ี ดืม่ สรุ า ด้วยกัน คนขายสารเสพติดกม็ ักแฝงตวั เข้าหาลูกคา้ ในคนกลุม่ นด้ี ้วยเช่นกัน
และการลองสารเสพตดิ ทรี่ นุ แรงแมค้ รง้ั เดยี วกท็ าให้ตดิ ได)้
(4) ลูกเสือคดิ วาจะมแี นวทางปอฺ งกนั ตนเองจากการตดิ สารเสพตดิ ไดอ฿ ยา งไร
194 คู่มือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 189
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4
ประกาศนียบตั รวิชาชพี 1
3) ผกู฿ าํ กับลูกเสอื สมุ ตวั แทนกลมุ รายงาน อภปิ ราย และสรปุ ทีละประเด็นจนครบ ผ฿กู าํ กับ
ลกู เสอื เพ่มิ เติม (ดูใบความรปู้ ระกอบ)
4.4 ผ฿ูกาํ กบั ลกู เสอื เลา เรือ่ งสน้ั ท่ีเป็นประโยชนโ
4.5 พิธีปดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธงลง เลกิ )
5. การประเมินผล
5.1 สังเกตความรว มมือในการปฏิบตั กิ ิจกรรม
5.2 สังเกตกระบวนการคิดจากการอภิปราย
6. องค์ประกอบทกั ษะชวี ติ สาคญั ทเ่ี กิดจากกจิ กรรม
คือ ความคิดวเิ คราะหโ ความคดิ สรา฿ งสรรคโ ตระหนกั วาสารเสพตดิ เปน็ เรอื่ งใกล฿ตัว เมอ่ื ทดลอง
อาจนําไปสกู ารติดสารเสพติดทีร่ นุ แรงได฿ การตดั สินใจ การแกไ฿ ขปญั หา
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 19
เพลง
เลกิ ใหไ้ ด้
ศลิ ปนิ เอราวัณ
คราวนต้ี อ฿ งเลกิ ใหไ฿ ด฿ ถา฿ เลกิ ไมไ ด฿ตอ฿ งตายแน ๆ
เลิกเสพติด เสยี ทีดแี ท฿ ติดไปจนแก คงจะแย.สกั วัน
ใบความรู้ การติดสารเสพติดจากชนิดอ่อนเปน็ ชนดิ รนุ แรง
การเรม่ิ ใชส฿ ารเสพติดครัง้ แรกมีท่มี าหลากหลาย เชน เพอ่ื นชวน ใช฿ตามเพอ่ื น อยากลอง ใช฿
เพื่อใหอ฿ านหนังสอื ไดท฿ นนนาานน ทํางานไดน฿ าน ทาํ ให฿อดนอนได฿ เลนกฬี าทนมากข้ึน ใช฿เพอ่ื ผอนคลาย ใช฿
เพ่อื สงั คม การใช฿ชว งต฿นมกั จะทําใหส฿ บายใจ สนุกสนาน ลมื ความทกุ ขโ มีแรง ทนทานมากข้ึน รส฿ู กึ ได฿รับ
การยอมรับในกลมุ เพอื่ นท่ีใช฿สาร ทาํ ใหช฿ ะลาใจและใชต฿ อมาเรอ่ื ย ๆ จนเริม่ ตดิ สาร ซง่ึ จะยังรู฿สกึ วาตนไม
ตดิ แตก็ไมส ามารถหยดุ ไดน฿ านนกั จนทส่ี ดุ ถงึ ขัน้ ติด ขาดไมไ ด฿ ทาํ ใหเ฿ กิดปญั หาตามมาคอื ตอ฿ งใชเ฿ งิน
เยอะขนึ้ เวลาไมไดย฿ าจะหงดุ หงดิ ฉนุ เฉียว ตอ฿ งการแตยาเทา นนั้ และอาจถึงขั้นขโมย ทาํ รา฿ ยคนอื่นเพ่ือ
ได฿เงินมาซอ้ื สารเสพติด ขายเสยี เอง หรอื ถูกจับกมุ
ที่สาํ คญั คอื บอกไมไ ด฿วาตดิ ตอนไหน เพราะอะไร เพราะเปน็ สงิ่ ท่ีดาํ เนนิ มาอยา งตอ เนอื่ ง คอ ย
เป็นคอยไป มกั เรม่ิ ตน฿ จากสารชนดิ ออ่ นกอ น เชน บุหร่ี เบียรโ สรุ าบาง ๆ จะเริม่ ใชถ฿ ่ขี น้ึ เขม฿ ขน฿ ขน้ึ หรือ
ใช฿สารท่ีแรงขึน้ ตามลาํ ดับ โดยมไิ ด฿มองถึงอนั ตราย จนตดิ สารทีม่ ีฤทธริ์ ุนแรงในทส่ี ุด
คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 195
คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ปชรน้ั ะมกธัายศมนศยี ึกบษัตารปวีทิชี่ า4ชีพ 1
190 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 1
เรอื่ งส้นั ทเ่ี ป็นประโยชน์ สามวัย
ชวี ติ ของคน ทานแบงอายุออกเป็น 3 ระยะ คอื ระยะต฿น ระยะทามกลาง และระยะสดุ ทา฿ ย
ระยะของตน฿ ชวี ิต เรียกกันวา “ปฐมวัย” คอื วัยแรกเรมิ่ มกี ําหนดวาต้ังแตเริม่ เกดิ จนอายถุ งึ 25 ปี
สําหรับระยะทา มกลางของชีวติ เรยี กกันวา “มชั ฌมิ วัย” นบั ต้งั แตอ ายุ 25 ปีขึน้ ไป จนถงึ 50 ปี
สว นระยะสดุ ท฿ายของชีวิต เรยี กกนั วา “ปัจฉิมวยั ” นบั ตั้งแตอายุ 50 ปขี น้ึ ไปโดยลาํ ดับ
นกั ปราชญโทานสองคนใหพ฿ ยายามสรา฿ งประโยชนแโ กต ัวเองตามวัยท้ัง 3 ระยะหรือ 3 วยั คอื
ปฐมวัย ให฿เรง รีบศึกษาหาความรูใ฿ สตวั
มัชฌมิ วยั ให฿เรงกอ สรา฿ งตวั และตั้งฐานะเป็นหลกั ฐานไว฿
ปัจฉิมวัย ใหเ฿ ร่ิมสร฿างคุณงานความดีใสตนใหม฿ ากท่สี ดุ เพอ่ื เปน็ เสบยี งเคร่ืองเดินทางตอไปของ
ตนและเป็นตวั อยางแกอ นุชนในภายหลงั
ผู฿พลาดประโยชนโตามวัยทเี่ ปน็ คอื ไมหาสาระของชวี ติ ใหแ฿ กต฿่ นเองตามกาํ หนดแหงวยั ยอ มตอ฿ ง
เสียใจและเสยี ดายเมอ่ื ผานพน฿ วยั น้นั ๆ แล฿ว เชนเป็นเดก็ อยูไมสนใจตอการศึกษาเติบโตขนึ้ จะไมมีวชิ า
ความรูเ฿ ป็นเครอ่ื งชวยตนเอง ยามทย่ี ังมีเรยี่ วแรงกาํ ลงั ไมเรง รีบสร฿างฐานะ เมอ่ื หมดกาํ ลังแล฿ว ยอม
กลายเปน็ คนอนาถา ถึงวัยใกลต฿ ายเรงรีบสร฿างบญุ กุศล แตกลับประมาทมวั เมาในเรือ่ งอนื่ ๆ เสยี จะตอ฿ ง
โศกเศร฿าสงสารตัวเองในเมอื่ จวนจะสนิ้ ใจ
วัยสาม หรอื สามวยั เปน็ ระยะของการสรา฿ งประโยชนโใหแ฿ กต นเองดว฿ ยวิธตี างๆ ดงั ช้แี จงมา
เรือ่ งนสี้ อนใหร้ ูว้ า่ ทุกทา นผ฿มู อี ายอุ ยูในวัยใด จึงไมค วรปลอ ยใหว฿ นั เวลาลว งเลยไปเปลาๆ เพราะไม
อาจเรยี กเวลาที่ลว งเลยไปน้นั กลบั คืนมาตง้ั ตน฿ ใหมไ ด฿
196 คูม่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 191
คปู่มรอื ะสก่งาเสศรนมิ ียแบลัตะพรวฒั ิชนาาชกีพิจก1รรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1