ยกสน฿ เทา฿ ท้ังสองขา฿ ง แล฿วก฿าวเทา฿ ขวา (ซ฿าย) ไปทางขวา (ซา฿ ย) 30 ซม. (หรอื ประมาณครึ่ง
กา฿ วปกต)ิ แลว฿ ชักเทา฿ ซา฿ ย (ขวา) ไปชิดอยา งแข็งแรง ระหวา งทใ่ี ช฿เทา฿ เคลอื่ นทน่ี นั้ เขาท้ังสองต฿องตงึกสสน้ ฿น
เทา฿ ยก และกา฿ วทางขา฿ งตอ ไปในจังหวะเดินปกติ
ถ฿าจะใหห฿ ยดุ จากทา ก฿าวทางข฿าง ให฿ใช฿คําบอกวา “แถว – หยดุ ” ในขณะทเ่ี ท฿าท้ังสองข฿างมา
ชิดกัน ให฿ปฏิบัติโดยก฿าวไปทางขวา (ซ฿าย) อีก 1 ก฿าว และหยุดด฿วยการก฿าวเท฿าอีกข฿างหน่ึงไปชิด
จากนน้ั ให฿อยใู นลกั ษณะทา ตรงทันที
ถา฿ ท่ีการกําหนดจํานวนก฿าวให฿ ลูกเสอื คงก฿าวตอไปตามจํานวนก฿าวท่ีกําหนด แล฿วหยุดเอง
โดยไมต ฿องใช฿คาํ บอก “แถว – หยดุ )
8. ทา่ กา้ วถอยหลงั
ใช฿ในการจัดแถวเมื่ออยูกับท่ี และทําในระยะสั้น ๆ เทาน้ัน เป็นการฝึกลูกเสือเพ่ือนําไปใช฿ตาม
ลําพงั ในแถว หรอื ในความควบคุมตามคาํ บอก เชน “กา฿ วถอยหลัง 3 ก฿าว, ทาํ ” เปน็ ต฿น
- คาํ บอก “กา฿ วถอยหลงั , ทาํ ”
- การปฏิบัติ
เอนตัวไปขา฿ งหลังเล็กน฿อย พร฿อมกับก฿าวเท฿าซ฿ายถอยหลัง วางเท฿าลงให฿ปลายเท฿าลงกอน
แกวง่า แงแขขนนตตามาปมกปตกิติ ระยะกา฿ ว 30 ซม. (ครงึ่ ก฿าวปกต)ิ จังหวะกา฿ วเชน เดียวกับทาเดินตามปกติ
ถา฿ จะใหห฿ ยดุ จากทาก฿าวถอยหลัง ให฿ใช฿คําบอกวา “แถว – หยุด” ไมวาเทข฿า้ ข฿างใดจะตกถึง
พน้ื ใหก฿ ฿าวถอยหลังไปอีก 1 ก฿าว แล฿วชักเท฿าท่ีอยูข฿างหน฿าไปชิดส฿นเท฿าที่อยูข฿างหลัง และอยูในลักษณะ
ทา ตรงทนั ที
ถ฿ามีการกาํ หนดจาํ นวนกา฿ วให฿ ลูกเสือคงก฿าวตอไปตามจํานวนก฿าวท่ีกําหนด แล฿วหยุดเอง
โดยไมต อ฿ งใชค฿ าํ บอก “แถว – หยุด”
9. ทา่ ว่ิง
ใช฿ในโอกาสท่ีต฿องการความรวดเร็วในการเคล่ือนท่ี ระยะใกล฿ ๆ หรือใช฿เพื่อการออกกําลังกาย
ของลกู เสอื
1) การวงิ่
- คําบอก “วง่ิ , หนา฿ – ว่ิง”
- การปฏบิ ัติ
ออกว่ิงด฿วยเท฿าซ฿าย และวางปลายเท฿าลงพ้ืนกอน งอเขาเล็กน฿อย โน฿มตัวไปข฿างหน฿า ขา
หลังไมตอ฿ งเหยียดตงึ ปลายเท฿ายกสงู จากพ้ืนพอควร มือยกข้ึนเสมอราวนม กํามอื หนั ฝูามอื เขา฿ หาตวั ยืด
อก ศีรษะตง้ั ตรง ขณะว่ิงให฿แกวงแขนที่งอตามจังหวะก฿าวได฿พอสมควร ระยะก฿าวประมาณ 50-60 ซม.
พยายามรักษาระยะกา฿ วใหค฿ งที่ อัตราความเร็วนาทีละ 150-160 ก฿าว
ทา นเี้ ร่มิ ไดท฿ ้ังเวลาอยกู บั ที่และขณะกําลังเดิน ถา฿ กําลังเดนิ อยู เมื่อสิ้นคําบอกไมว าเท฿าใดจะ
ตกถงึ พ้ืนกต็ าม ให฿ก฿าวตอ ไปอีก 1 กา฿ วแลว฿ เร่ิมว่งิ ทนั ที (ปกตคิ วรบอกเมอื่ ตกเท฿าขวา)
คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 99
คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญปชร้ันะมกธัายศมนศียึกบษตั ารปวที ิชี่ า4ชีพ 1
92 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1
2) การหยดุ
- คําบอก “แถว – หยดุ ”
- การปฏิบตั ิ
เมอื่ ส้นิ คําบอกไมวา เทา฿ ใดจะตกถงึ พ้นื ก็ตาม ให฿คงว่ิงด฿วยอาการย้ังตัวตอไปข฿างหน฿าอีก 3
ก฿าว แล฿วทําทาหยดุ เชนเดยี วกบั การหยดุ ในเวลาเดนิ
3) เปลีย่ นเปน็ เดิน
- คาํ บอก “เดิน – ทํา”
- การปฏบิ ตั ิ
เมอ่ื ส้ินคําบอกไมว าเท฿าใดจะตกถงึ พืน้ ก็ตาม ให฿คงว่ิงด฿วยอาการยั้งตัวตอไปข฿างหน฿าอีก 3
ก฿าว แล฿วทาํ ทาเดินตามปกติ
4) เปลี่ยนเท้า ใช฿ในโอกาสเปล่ยี นเท฿าใหพ฿ รอ฿ มกับสว นของแถว
- คําบอก “เปล่ยี นเท฿า”
- การปฏบิ ตั ิ
ทานี้ให฿ทําเป็นจังหวะเดียว โดยใช฿คําบอกในขณะที่เท฿าซ฿ายและขวาตกถึงพ้ืนในลําดับ
ตดิ ตอกนั ใหก฿ ฿าวเทา฿ ไปข฿างหนา฿ อกี 2 ก฿าว (ซา฿ ย,ขวา) จากนนั้ จึงกระโดดกา฿ วซํ้าเทา฿ ขวาไปขา฿ งหน฿าอีก 1
กา฿ ว และก฿าวเทา฿ ซ฿ายวิง่ ตอ ไปอีกตามระยะของการกา฿ วปกติ
10.ท่าหันในเวลาเดิน
1) ท่าขวาหนั ให฿ในโอกาสตอ฿ งการเปลยี่ นทศิ ทางหรือหน฿าแถวในระหวางการเดิน
- คําบอก “ขวา – หัน”
- การปฏิบัติ
ใช฿คําบอกในจงั หวะท่ีเขา฿ ขวาจะถึงพน้ื ในลาํ ดบั ตดิ ตอ กัน ปฏิบัตเิ ป็น 2 จังหวะ
จังหวะที่ 1 ก฿าวเท฿าซ฿ายไปข฿างหน฿าในแนวปลายเท฿าขวาประมาณคร่ึงก฿าว พร฿อมกับบิด
ปลายเทา฿ ให฿ไปทางก่งึ ทางขวาดว฿ ย ขณะเดยี วกนั ใหย฿ กส฿นเท฿าขวาและหมุนตัวด฿วยสะโพก โดยใช฿ปลาย
เทา฿ ท้งั สองเปน็ หลกั หนั ไปทางขวาจนได฿ 90 องศา
จงั หวะท่ี 2 ก฿าวเทา฿ ขวาตอไปตามจังหวะการเดินแบบเดิมในทิศทางใหม
2) ท่าซา้ ยหัน ใหใ฿ นโอกาสต฿องการเปลี่ยนทศิ ทางหรือหนา฿ แถวในระหวางการเดนิ
- คาํ บอก “ซ฿าย – หัน”
- การปฏิบตั ิ
ใช฿คําบอกในจังหวะท่ีเท฿าซา฿ ยจดถึงพนื้ ในลําดับติดตอกัน ปฏิบัติเป็น 2 จังหวะเชนเดียวกัน
ทา ขวาหนั โดยเปลี่ยนคาํ บอกวาขวามาเปน็ ซา฿ ยแทน
ทา ขวาหัน และซ฿ายหนั เมื่อปฏิบัติเปิดจังหวะต฿องไมหยุดชะงัก และแกวงแขนตามจังหวะ
ก฿าวโดยตอเนอ่ื งกนั
3) ทา่ กลับหลงั หนั เปน็ ทาสําหรบั เปล่ียนการหนั หน฿าของแถว จากด฿านหน฿าเป็นด฿านหลังใน
ระหวา งเดิน
100 ค่มู อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 93
คปู่มรือะสก่งาเสศรนมิ ยี แบลัตะพรวัฒิชนาาชกีพิจก1รรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4
ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 1
- คําบอก “กลบั หลงั – หัน”
- การปฏิบัติ
ใชค฿ ําบอกในจงั หวะท่เี ท฿าซา฿ ยจดถงึ พนื้ ในลําดับตดิ ตอกัน ปฏิบตั ิเป็น 3 จังหวะ
จังหวะที่ 1 กา฿ วเทา฿ ขวาไปขา฿ งหน฿า 1 กา฿ ว
จังหวะที่ 2 ชกั เท฿าซา฿ ยไปข฿างหนา฿ เฉียงขวา และตบลงกบั พนื้ ดว฿ ยปลายเท฿าในแนวทางขวา
ของปลายเทา฿ ขวาเล็กนอ฿ ยพอเขาซา฿ ยตึง ทนั ใดนั้นยกสน฿ เท฿าและหมุนตัวด฿วยสะโพก โดยใช฿ปลายเทา฿ ท้งั
สองเปน็ หลัก ไปข฿างหลังจนได฿ 180 องศา ขณะหมุนตัวนว้ิ มอื ท้ังสองตดิ อยกู บั ข฿างชขา
จังหวะท่ี 3 ก฿าวเท฿าซ฿ายออกเดิน พร฿อมยกมือและแกวงแขนตามจังหวะของทาเดินคร้ังน้ันตอไป
การหัดในข้ันแรก ๆ ควรให฿ลกู เสอื นับจงั หวะดว฿ ยเสยี งดังกอน จนทําไดค฿ ลอ งแล฿วจงึ นับในใจ
11.ทา่ หนั ในเวลาวง่ิ
ใช฿ในโอกาสต฿องการเปลีย่ นทิศทางหรือหน฿าแถวในเวลาวิง่
1) ท่าขวาหัน
- คาํ บอก “ขวา – หนั ”
- การปฏบิ ัติ
ใช฿คาํ บอกในจงั หวะทเี่ ท฿าขวาจดถงึ พน้ื ปฏบิ ัตเิ ป็น 4 จงั หวะ ดงั นี้
จังหวะที่ 1 ก฿าวเท฿าซ฿ายไปขา฿ งหน฿า 1 กา฿ วเพอ่ื ยัง้ ตัว
จงั หวะท่ี 2 กา฿ วเท฿าขวาไปข฿างหนา฿ อีก 1 ก฿าว พร฿อมกบั หมุนตัวไปทางก่งึ ขวา
จังหวะท่ี 3 ก฿าวเท฿าซ฿ายไปอยูหน฿าปลายเท฿าขวา พร฿อมกับหมุนตัวไปทางขวา จนได฿ 90
องศา จากทิศทางเดมิ
จังหวะท่ี 4 ก฿าวเท฿าขวาออกวิ่งตอ ไปตามจังหวะเดมิ
2) ทา่ ซา้ ยหัน
- คาํ บอก “ซ฿าย – หนั ”
- การปฏบิ ัตใิ ช฿คาํ บอกในจังหวะท่ีเท฿าซ฿ายจดถึงพ้นื ปฏิบัติเปน็ 4 จงั หวะเชนเดียวกับทาขวาหัน
โดยเปลี่ยนคาํ บอกวา ขวาเป็นซา฿ ยแทน
ขวาหัน และซ฿ายหัน เมื่อปฏิบัติเปิดจังหวะต฿องไมหยุดชะงัก และแกวงแขนท่ีงอข้ึนตาม
จังหวะก฿าวโดยตอ เนอื่ งกัน
3) ท่ากลับหลังหันเป็นทาสําหรับเปลี่ยนการหันหน฿าของแถว จากด฿านหน฿าเป็นด฿านหลังใน
ระหวา งเดนิ
- คําบอก “กลบั หลัง – หัน”
- การปฏบิ ตั ิ
ใช฿คําบอกในจังหวะท่เี ท฿าซ฿ายในลาํ ดับตดิ ตอกนั ปฏิบัติเป็น 4 จงั หวะ
จงั หวะท่ี 1 กา฿ วเท฿าขวาไปข฿างหนา 1 ก฿าวเพือ่ ย้ังตัว
จังหวะที่ 2 กา฿ วเทา฿ ซา฿ ยไปข฿างหนา฿ อีก 1 ก฿าว พรอ฿ มกับหมนุ ตัวไปทางขวาประมาณ 90 องศา
คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 101
ค่มู อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญปชรน้ั ะมกธัายศมนศียกึ บษตั ารปวีทชิ ่ี า4ชีพ 1
94 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
จังหวะที่ 3 ก฿าวเท฿าขวาไปอยูหน฿าปลายเท฿าซ฿าย พร฿อมกับหมุนตัวไปทางขวา จนได฿ 90
องศา จากทิศทางเดิม
จงั หวะที่ 4 ก฿าวเทา฿ ซา฿ ยออกวง่ิ ตอ ไปตามจังหวะเดิม
การหัดในขน้ั แรก ๆ ควรให฿ลกู เสือนบั จังหวะดว฿ ยเสยี งดังกอน จนทําไดค฿ ลอ งแลว฿ จึงนับในใจ
12.การนบั
ใช฿สาํ หรบั หนา฿ กระดาษแถวเด่ยี ว เพ่อื หัดใหล฿ กู เสือออกเสียงให฿ถูกตอ฿ งตามลกั ษณะของลกู เสือ
- คําบอก “นับ”
- การปฏบิ ัติ
ลกู เสือคนท่ีอยูหัวแถวสะบัดหน฿าไปทางซ฿าย พร฿อมกับนับ 1 แล฿วสะบัดหน฿ากลับมาอยูใน
ทางตรงโดยเรว็ ลกู เสือคนอ่ืน ๆ นับเรียงไปตามลําดับเชนเดียวกับคนหัวแถว เว฿นคนที่อยูท฿ายแถวให฿
สะบดั หนา฿ มาทางขวา
- คาํ บอก “นบั สอง (สาม, ส,่ี ห฿า ฯลฯ”
- การปฏบิ ัติ
ลูกเสือนบั ตามจํานวนที่บอก โดยเริ่มจากคนที่อยหู ัวแถวเชนเดียวกับการนับตามปกติ เชน
นบั สอง ลูกเสอื จะนบั หนึ่ง สอง, หนง่ึ สอง, หนง่ึ สอง เรยี งตอ ไปตามลําดบั จนสุดแถว
การนับเมอ่ื แถวมกี ารแยกคขู าด ใหค฿ นท่ีอยูทา฿ ยของแถวหลังสุดขานจํานวนที่ขาดให฿ทราบ
โดยขานวา “ขาดหน่งึ (สอง, สาม....ฯลฯ)”
13.ทา่ ถอดหมวก สวมหมวก
ใชใ฿ นโอกาสเกี่ยวกบั พธิ สี งฆโ หรอื พธิ ที างศาสนา เชน พิธีสวนสนามที่มกี ารประพรมน้าํ พทุ ธมนตโ
เปน็ ตน฿
- คําบอก “ถอดหมวก”
- การปฏบิ ัติ
1) แบมือซา฿ ยและงอศอกจนแขนทอนลา งและทอ นบนตง้ั ฉากกัน นิ้วหัวแมมอื ตัง้ ขึ้นข฿างบน
พร฿อมกนั นั้นใช฿มือขวาจับที่กะบังหน฿าหมวก (หมวกทรงกลมท่ีมีกะบังหน฿าหมวก, หมวกทรงหม฿อตาล)
หรอื จบั ทป่ี ีกีหหมมววกกดด฿าา้ นนหหนนา฿้ (หมวกปีกกวา฿ งพบั ขา฿ ง และไมพับข฿าง) หรือจับที่หมวกด฿านขวา (หมวกทรง
ออน) หรอื จบั ทขี่ อบหมวกบนด฿านหนา฿ (หมวกกลาสี)
2) ถอดหมวกออกจากศีรษะ วางครอบหัวแมมือซ฿าย ให฿หน฿าหมวกหันไปทางขวา ขอบ
หมวกด฿านนอกอยูร ะหวา งนิ้วหัวแมม อื กับนว้ิ ชี้
3) ลดมอื ขวาลงมาอยูในทาตรง พรอ฿ มกบั มือซา฿ ยจับหมวกด฿วยนิว้ หวั แมม ือกับนิ้วอน่ื ทัง้ ส่ี
- คําบอก “สวมหมวก”
- การปฏิบตั ิ
1) ใชม฿ อื ขวาจบั หมวกท่ีอยใู นมือซา฿ ย เชนเดียวกับการถอดหมวก
2) ยกหมวกขน้ึ สวมศีรษะ มือซ฿ายชว ยจัดหมวก
3) ลดมือทั้งสองลงมาอยใู นทาตรงอยางแข็งแรง
102 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 95
คปมู่ รือะสก่งาเสศรนมิ ียแบลตัะพรวฒั ิชนาาชกีพจิ ก1รรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
กอนฝกึ ในขัน้ แรก ควรกระทาํ เปน็ ตอน ๆ เม่อื ลกู เสอื มีความเขา฿ ใจดีแล฿วจึงฝึกโดยเปดิ ตอน
ถ฿าลูกเสือถือไม฿พลองหรือไม฿งาม กอนทําทาถอดหมวก และสวมหมวก ให฿นําอาวุธมาไว฿
ระหวางปลายเทา฿ ท้งั สอง แลว฿ พงิ ทอนบนไว฿กับแขนซา฿ ย แลว฿ จึงปฏบิ ัตติ ามขน้ั ตอนตาง ๆ ตอ ไปเมื่อถอด
หมวกหรอื สวมหมวกเรยี บรอ฿ ยแล฿ว จึงนาํ ไมพ฿ ลองหรือไม฿งามไปอยใู นทา เรียบอาวุธตามเดิม
14.การถวายราชสดดุ ี
- คาํ บอก “ถอดหมวก, นง่ั ”
- การปฏบิ ตั ิ
เมื่อสั่ง “ถอดหมวก” เว฿นระยะให฿ลูกเสือทุกคนถอดหมวกเรียบร฿อยแล฿วให฿ส่ัง “นั่ง” เม่ือ
ลูกเสือไดย฿ นิ คําสง่ั “นั่ง” ให฿กา฿ วเทา฿ ซา฿ ยไปข฿างหนา฿ ครึ่งกา฿ ว คกุ เขา ขวาลงต้ังเขา ซา฿ ย น่งั ลงบนสน฿ เท฿าขวา
มือขวาแบคว่ําวางลงบนเขาขวา แขนซ฿ายวางพาดลงตง้ั ฉากบนเขาซา฿ ย มือท่ีถือหมวกหันเข฿าหาตัวเม่ือ
ร฿องเพลงราชสดดุ ีใหก฿ ม฿ หนา฿ เล็กนอ฿ ยเงยขึน้ เม่ือเพลงจบ เมื่อไดย฿ ินคําส่ังวา “ลกุ ” ใหล฿ กู เสอื ลกุ ขึน้ โดยดึง
เทา฿ ซา฿ ยกลับมาชดิ เทา฿ ขวา และเมอ่ื ส่งั “สวมหมวก” ให฿ลูกเสอื สวมหมวกโดยเรว็ แล฿วอยูในทา ตรง
ในกรณีที่ลูกเสือมีไม฿พลอง หรือไม฿งาม ให฿ถอดหมวกในทามีอาวุธกอน แล฿วจึงนั่งลง วาง
อาวธุ ตามยาวชดิ ขาขวาทางขวา มอื ขวาวางคลว่ำ�าํ บนเขาตามปกติ
15.ทา่ หมอบ – ลุก (มือเปลา่ )
- คําบอก “หมอบ” และ “ลกุ ”
- การปฏบิ ตั ิ
เม่อื ไดย฿ นิ คาํ บอกวา “หมอบ” ให฿ลกู เสอื ปฏบิ ตั ิเป็น 3 จังหวะ
จังหวะที่ 1 ลูกเสือก฿าวเท฿าซ฿ายไปข฿างหน฿า 1 ก฿าว น้ําหนักตัวอยูบนเท฿า 2 ข฿าง แขนอยูที่
เดิม
จังหวะที่ 2 ทรุดตัวลงคุกเขาขวาและเขาซ฿ายตามลําดับ พร฿อมก฿มตัวไปข฿างหน฿า เหยียด
แขน 2 ขา฿ งใช฿มอื ยันพน้ื เพื่อรบั นํ้าหนักตวั แลว฿ เหยียดขาขวาตึง เงยหน฿าตามองตรงไปข฿างหน฿า
จังหวะท่ี 3 เหยยี ดเทา฿ ซ฿ายออกให฿ส฿นเทา฿ 2 ขา฿ งชิดกนั ลดตัวลงนอนราบกบั พนื้ งอแขน ฝาู
มอื คลว่ำ�ําลงกบั พื้นให฿นิว้ มือขวาทับน้ิวซา฿ ยแคโคนน้วิ แนวกึ่งกลางระหวางมอื ทั้งสองอยูประมาณหน฿าผาก
(เวลากม฿ หนา฿ ) กางศอก 2 ขา฿ งเตม็ ท่ี เงยหนา฿ ทาํ ศีรษะให฿ตํา่
เม่ือไดย฿ นิ คาํ บอกวา “ลกุ ” ให฿ลกู เสือปฏิบตั เิ ปน็ 3 จังหวะ
คมู่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 103
คูม่ ือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ปชรั้นะมกธัายศมนศยี กึ บษตั ารปวที ชิ ี่ า4ชีพ 1
96 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 1
จังหวะท่ี 1 ลกู เสอื ชกั มอื ทั้ง 2 ข฿างเข฿าหาตวั ยนั พ้ืนยกตวั ขน้ึ แล฿วชกั เท฿าขวาคุกเขา
จงั หวะที่ 2 คกุ เขา ซา฿ ย แลว฿ ยกตวั ขน้ึ ยืนโดยเร็ว ให฿มือทั้ง 2 อยทู ่ขี ฿างขา
จังหวะท่ี 3 ชักเท฿าขวามาชิดเท฿าซ฿ายตอไปอยูในลักษณะตรง ถ฿าเป็นการเคล่ือนท่ีในภูมิ
ภปมูระปิ เรทะศเทเหศยเยี หดยหยี รดอื หจระอื ตจ฿อะงตเอ้ดงนิ เดตนิอ ตไปอ่ ไมปตไมอ฿ ต่งชอ้ งกั ชเทกั เา฿ ทขา้วขาวชาิดชดิเมเ่อื มยอ่ื นื ยขนื ึ้นขแน้ึ ลแว฿ลใว้ หใหอ฿ อ้ กอกเดเดินนิไดไดเ฿ ลเ้ ลยย
การฝึกในขั้นแรก ควรกระทําเป็นตอน ๆ เมอ่ื ลกู เสือมีความเข฿าใจดีแล฿วจึงฝึกโดยเปิดตอน
และให฿ปฏิบัตดิ ว฿ ยความรวดเร็วตอไป
การฝึกระเบยี บแถวบุคคลท่าประกอบอาวุธ
1. ทา่ ตรง –พกั
- คาํ บอก “กอง (หมู) – ตรง”
- การปฏบิ ัติ
ทาตรงและทาพักในเวลาถอื ไม฿พลองหรือไมง฿ าม เหมอื นกับทา มือเปลา ไมพ฿ ลองหรอื ไมง฿ า ม
อยูในทาเรยี บอาวธุ
ไม฿พลองหรอื ไมง฿ า มในทา เรียบอาวธุ คอื ลกู เสอื อยูในทา ตรง ถอื ไม฿พลองหรือไม฿งา มด฿วยมือ
ขวา โดยไมพ฿ ลองหรือไมง฿ ามอยูประมาณโดนน้วิ ก฿อยเทา฿ ขวาและชิดกับเท฿าขวา ไม฿พลองหรือไม฿งามอยู
ระหวางนว้ิ หัวแมมอื กับน้วิ ชี้ นิ้วหวั แมม ือจบั ไมพ฿ ลองหรือไมง฿ ามชดิ ขวา น้ิวอื่นอีก 4 นิ้ว ชิดติดกันจับไม฿
พลองหรือไม฿งามเฉยี งลงไปเบอ้ื งลา ง ๆ ปลายไม฿พลองหรอื ไมง฿ ามอยใู นรองไหลขวา ลําไม฿พลองหรือไม฿
งา มตง้ั ตรงแนบตวั
สําหรับพักตามระเบียบ เหมือนกับทามือเปลา มือขวาที่ถือไม฿พลองหรือไม฿งาม ให฿เลื่อน
ข้นึ มาเสมอเอว แลว฿ ยนื่ ไม฿พลองหรือไมง฿ า มไปข฿างหน฿า เฉียงขวาประมาณ 45 องศา มือซ฿ายไพลหลังใต฿
เข็มขัดเลก็ นอ฿ ย มอื แบตามธรรมชาติและนิ้วเรียงชิดตดิ กนั
2. ท่าวันทยาวุธ – เรียบอาวธุ เปน็ ทา่ แสดงการเคารพ
- คําบอก “วนั ทยา –วธุ ”
- การปฏบิ ัติ
ลกู เสือปฏิบตั เิ ป็นจงั หวะเดียว โดยยกแขนซ฿ายข้ึนมาเสมอแนวไหล ศอกงอไปข฿างหน฿าให฿
ตั้งฉากกับลําตัว ฝูามือแบควํ่า รวมนิ้วหัวแมมือกับน้ิวก฿อยจดกัน คงเหลือนิ้วชี้ นิ้วกลางและน้ิวนาง
เหยียดตรงชิดตดิ กนั ใหข฿ ฿างปลายน้ิวช้ีแตะไมพ฿ ลองหรอื ไมง฿ ามในรองไหลขวา
- คาํ บอก “เรียบ – อาวธุ ”
- การปฏิบัติ
เมอ่ื เลิกทาํ ความเคารพ ให฿ลูกเสอื ลดแขนซ฿ายลงมาอยทู เี่ ดิมโดยเรว็
ถ฿าผ฿ูรับการเคารพเคล่ือนที่มาทางขวา ซ฿าย หรือตรงหน฿า ผ฿ูควบคุมแถวจะบอกทิศทาง
เสียกอน “ขวา (ซ฿ายหรือตรงหน฿า) ระวัง –วัทยา –วุธ” ให฿ลูกเสือทําวันทยาวุธ พร฿อมกับหันหน฿าไปยัง
ผรู฿ ับการเคารพ ตาอยูที่ผ฿ูรับการเคารพ หันหน฿าตามจนผู฿รับการเคารพผานหน฿าตนไปแล฿ว ประมาณ 2
กา฿ ว จงึ หนั มาอยูในทาตรง เมอ่ื ผร฿ู บั การเคารพผานพ฿นแถว ให฿ผคู฿ วบคมุ แถวบอกเลิกทาํ ความเคารพ
104 ค่มู อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 97
คปูม่ รือะสก่งาเสศรนมิ ียแบลตัะพรวัฒิชนาาชกีพิจก1รรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4
ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 1
3. ทา่ แบกอาวุธ – เรียบอาวุธ
- คาํ บอก “แบก – อาวธุ ”
- การปฏบิ ัติลูกเสอื ปฏบิ ัติ เปน็ 2 จงั หวะ
จังหวะที่ 1 ยกไม฿พลองหรือไม฿งามด฿วยมือขวาผานหน฿าเฉียดลําตัวไปข฿างซ฿าย ให฿โคนไม฿
พลองหรอื ไมง฿ ามอยใู นอุ฿งมอื ซา฿ ย ลําไม฿พลองหรือไม฿งา มตรงรองไหลซ ฿าย มือขวาจบั ไมพ฿ ลองหรอื ไม฿งาม
อยูทเ่ี ดิม ศอกงอไปขา฿ งหนา฿ แนวเดยี วกบั ไหล
จงั หวะที่ 2 ดนั ไมพ฿ ลองหรือไมง฿ า มดว฿ ยมอื ซา฿ ย พรอ฿ มกบั สงไม฿พลองหรอื ไมง฿ า มดว฿ ยมอื ขวา
ใหไ฿ ม฿พลองหรือไม฿งามพาดขึ้นไปบนไหลซ฿าย แขนซ฿ายทอนบนชิดลําตัว ศอกซ฿ายงอ แขนทํามุม 100
องศากบั ลาํ ตัว ขณะเดยี วกันลดมือขวาลงในทา ตรงโดยเรว็
ข้อควรระวัง ขณะลูกเสือทําทาแบบอาวธุ จงั หวะ 2 ระวังอยา ให฿ศรี ษะเคลอ่ื นหลบไม฿พลอง
หรือไม฿งาม ทรงศีรษะให฿คงทเี่ หมอื นอยูในทา ตรงเสมอ แขนซ฿ายอยใู นลกั ษณะทีถ่ กู ต฿องและน่ิง ปลายไม฿
พลองจึงจะไดร฿ ะดบั ไมเ ฉไปมา
- คําบอก “เรียบ – อาวธุ ”
- การปฏิบัติ
ลูกเสอื ปฏิบตั เิ ป็น 3 จังหวะ
จังหวะที่ 1 ยกมือขวาข้ึนจับไม฿พลองหรือไม฿งาม ศอกงอไปข฿างหน฿าในแนวเดียวกับไหล
พร฿อมกบั เหยยี ดแขนซ฿าย โดยลดไมพ฿ ลองหรอื ไม฿งามลงชดิ กบั ลําตัว
จังหวะที่ 2 จับไม฿พลองหรือไม฿งามด฿วยมือขวานํามาไว฿ข฿างลําตัวในรองไหลมา (แขนขวา
เหยียดเกือบสุดระยะท่ีมือจับไม฿พลองหรือไม฿งามในทาเรียบอาวุธ) ขณะเดียวกันยกมือซ฿ายขึ้นกันไม฿
พลองหรอื ไมง฿ ามท่ีรอ งไหลขวา ศอกงอไปขา฿ งหน฿าในแนวเดยี วกับไหล
จังหวะที่ 3 ลดแขนซา฿ ยอยใู นทา เรียบอาวธุ ตามเดิม (ในจังหวะนี้เหยียดแขนขวาสุดระยะที่
มอื ขวาจับไมพ฿ ลองหรือไมง฿ ามอยูใ นทา เรยี บอาวุธ โดยไมพ฿ ลองหรอื ไมง฿ ามจดพนื้ )
ข฿อสังเกต ตอนเหยียดแขนขวาจากจังหวะ 2 ลงสุดระยะที่มือขวาจับไม฿พลองในทาเรียบ
อาวุธในจงั หวะที่ 3 จะร฿สู ึกวาต฿นไมพ฿ ลองหรอื ไมง฿ า มจดพน้ื
4. ทา่ ถอดหมวก – สวมหมวก
- คําบอก “ถอดหมวก”
- การปฏบิ ตั ิ
ลกู เสือปฏิบตั ิเป็นจงั หวะเดียว โดยนาํ ไม฿พลองหรอื ไม฿งา มในมอื ขวามาไว฿ตรงหน฿า ให฿ต฿นไม฿
พลองหรอื ไมง฿ ามอยูตรงกงึ่ กลางระหวาง 2 เทา฿ สว นบนพงิ แขนซ฿ายด฿านในตรงตําแหนงศอกที่งอต้ังฉาก
อยูแขนซ฿ายทอนบนชิดลําตัว ฝูามือแบหงายมาด฿านหน฿า ขณะเดียวกันใช฿มือขวาถอดหมวกออกจาก
ศีรษะ (ถา฿ ใสส ายรดั คาง ให฿ปลดออกกอ น) แลว฿ นํามาวางบนฝาู มือซ฿าย (หมวกเบเรตโ หน฿าหมวกอยูขวา,
หมวกทรงหม฿อตาล ให฿ขอบหมวกด฿านซ฿ายอยูหน฿า หน฿าหมวกอยูขวา, หมวกทรงปีกกว฿าง ใ ห฿
นิ้วหัวแมมือซ฿ายชูข้ึนชิดขอบหมวกด฿านใน นิ้วทั้ง 4 งอขึ้นติดขอบหมวกด฿านนอก หน฿าหมวกอยู
ด฿านขวา) แลว฿ ลดแขนขวาลงอยูในทา ตรงตามเดมิ ลูกเสอื วสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 105
คําบอคกมู่ อื “สสง่ วเสมรหมิ มแลวะกพ”ฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
- การปฏบิ ัติ
-
รัด9ท8า฿ ยทอปคยมู่รใะอื หลกสาูก่ง฿เศเรเสนียสรยี ิมบือบแใรัตลชร฿อะว฿มพยิชอืัฒ)าขชนแพีวาลกา1฿วจิ นกใาํรชรห฿มมมลือกูวขเกสวอืใานทจกัมับษือะไซชมวีา฿฿พติ ยใลขนอสึน้ ถงสาหนวรศมือกึ โษไดมาย฿งปใารชะม฿มเภทอื ที่พชลกูวิงเยไสวือ(฿กวถิสับา฿ามแเปัญข็นนชห้ันซมม฿าัธวยยกมมศปาึกถีกษือกาปไวีทว฿า่ี฿ใง4นใหท฿ใาสเรสียาบย
น้ิวหัวแมมือซ฿ายชูขึ้นชิดขอบหมวกด฿านใน น้ิวท้ัง 4 งอขึ้นติดขอบหมวกด฿านนอก หน฿าหมวกอยู
ดา฿ นขวา) แล฿วลดแขนขวาลงอยใู นทาตรงตามเดมิ
- คําบอก “สวมหมวก”
- การปฏบิ ตั ิ
ลกู เสอื ใชม฿ อื ขวานาํ หมวกในมอื ซ฿ายข้นึ สวมโดยใชม฿ อื ชว ย (ถา฿ เป็นหมวกปีกกว฿างให฿ใสสาย
รัดทา฿ ยทอยให฿เรียบร฿อย) แล฿วใช฿มือขวาจับไม฿พลองหรือไม฿งามท่ีพิงไว฿กับแขนซ฿ายมาถือไว฿ในทาเรียบ
อาวุธตามเดิม
5. ท่าหันและการเคล่ือนที่ในเวลาถอื ไมพ้ ลองหรอื ไม้งา่ ม
ทาหนั ในเวลาถอื ไมพ฿ ลองหรือไมง฿ า ม ใช฿คําบอกและวิธีปฏิบัติเหมือนทาอยูกับที่กับมือเปลา ถ฿า
หนั ในขณะที่ไม฿พลองไม฿งามอยูในทาเรียบอาวุธ เพ่ือให฿การหันสะดวกให฿ยกไม฿พลองหรือไม฿งามในมือ
ขวาพ฿นพนื้ เล็กน฿อยจงึ หัน เมอื่ หันเสรจ็ ให฿ลดมอื ขวาลงจนไม฿พลองหรอื ไม฿งา มจดพน้ื
การเคล่อื นที่ในเวลาถือไม฿พลองหรือไม฿งาม ใช฿คําบอกและวิธีปฏิบัติเหมือนกับการเคล่ือนท่ีมือ
เปลา ตามปกตเิ มื่อจะให฿เคล่ือนท่ี ผู฿ควบคุมแถวต฿องบอกให฿แบกอาวุธเสยี กอ น แลว฿ จงึ สัง่ ใหเ฿ ดินในทา เดิน
แบกอาวุธอยูในแถวควบคมุ เม่อื จะทาํ ความเคารพ ผู฿ควบคุมแถวบอก “แลขวา (ซ฿าย) – ทํา” ให฿ลูกเสือ
ทหันหน฿าไปยังผู฿รับการเคารพ แ ลแะลแะกแกววาง่ ตามปกติและรักษาทาแบกอาวุธไว฿คงเดิม เมื่อพ฿นผ฿ูรับการ
เคารพแล฿วลกู เสือหันหน฿าแลตรงเอง
ถ฿าลกู เสอื ในทา แบกอาวุธเคล่อื นทอี่ ยูตามลําพัง เม่ือจะทาํ ความเคารพใหล฿ ดไมพ฿ ลองหรือไม฿งาม
ลงจากทาปกตอิ าวธุ มาเปน็ ทาเรยี บอาวธุ จังหวะที่ 1 แตมือวาที่ยกข้ึนมาจับไม฿พลองในรองไหลซ฿ายให฿
จัดน้ิวเหมือนทารหัสลกู เสอื ฝูามอื แบควํา่ ให฿ขา฿ งปลายนว้ิ ช้แี ตะไมพ฿ ลองหรือไมง฿ า ม ศอกงอไปข฿างหนา฿ ใน
แนวเดียวกับไหล หันหน฿าไปยังผ฿ูรับการเคารพที่ยืนหรือเดินอยู (สวนมาหรือเดินไป เมื่อผานผ฿ูรับการ
เคารพไปแลว฿ เลกิ ทาํ ความเคารพโดยใชม฿ ือซ฿ายดันไม฿พลองขึ้นไปอยูในทาแบกอาวุธตามเดิมพร฿อมกับ
หันหนา฿ แลตรง ลดแขนขวาลง แขนแกวง ตอ ไปในทาเดินตามปกติ
ในการเคล่ือนท่ีด฿วยทาแบกอาวุธ เม่ือผ฿ูควบคุมแถวบอก “เดินตามสบาย” ลูกเสือจะเปล่ียนทา
แบกอาวธุ จากบาซ฿ายมาบาขวาก็ได฿ แตเม่ือใหเ฿ ดนิ เข฿าระเบียบแล฿ว ต฿องจัดไม฿พลองหรือไม฿งามไปไว฿บา
ซา฿ ยตามเดิม
เมือ่ ผูค฿ วบคมุ แถวบอก “แถว – หยดุ ” ลกู เสอื หยุดอยูในทาแบกอาวุธ จนกวาผ฿ูควบคุมแถวจะสั่ง
ให฿เรียบอาวุธหรือสั่งเป็นอยางอื่นตอไป ถ฿าเคลื่อนท่ีไปโดยไมบอกให฿แบกอาวุธหรือไปในระยะใกล฿ ๆ
เพื่อจัดแนวหรอื ระยะตอ – ระยะเคียงของขบวน หรือเคล่ือนไปบนพื้นที่ขรุขระไมสม่ําเสมอ เม่ือบอกให฿
เดินลกู เสอื กเ็ คลื่อนทีไ่ ปในทา คอนไมพ฿ ลองหรอื ไมง฿ าม โดยยกไมพ฿ ลองหรือไมง฿ า มให฿ปลายไม฿พลองหรือ
ไม฿งา มเอนไปข฿างหนา฿ ตน฿ ไม฿พลองหรือไม฿งามคลอ฿ ยไปข฿างหลงั พ฿นพ้ืน แนวไมพ฿ ลองหรือไม฿งามเฉียงกับ
ลําตัวพอประมาณ เมอื่ คอนไม฿พลองหรือไมง฿ ามอยูในแถวควบคุมและผานผ฿ูรับการเคารพผ฿ูควบคุมแถว
ไมตอ฿ งบอกแถวทําความเคารพ ผู฿ควบคมุ แถวคงทาํ ความเคารพตามลําพงั แตผ฿ูเดียว
ถ฿าลูกเสือคอนไมพ฿ ลองหรอื ไมง฿ า มไปโดยลาํ พงั ผูเ฿ ดียว เมอื่ ผานผู฿รบั การเคารพให฿ลูกเสือทาํ ความ
เคารพด฿วยทาแลขวา (ซ฿าย) โดยแนบไม฿พลองหรือไม฿งามชิดลําตัว แขนไมแกวง เม่ือผานพ฿นผ฿ูรับการ
เคารพไปแลว฿ หันหนา฿ แลตรง แขนแกวงตามสบาย
106 คูม่ ือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
6. ทา่ หมอปบระ–กาลศกุ นียใบนัตเรววลิชาาชถีพือ1ไมพ้ ลองหรือไมง้ ่าม
- คาํ บอก “หมอบ”และ “ลกุ ”
กคูม่ าอื รเสปม่งเฏือ่ สไบิรดิมตั แย฿ ิลนิ ะพคัฒาํ บนาอกกิจกวรา รม“ลหูกมเสออื บทัก”ษใะหช฿ลีวูกิตใเนสสอื ถปานฏศิบึกษตั าเิ ปปรน็ ะเ3ภทจลงักู หเสวอื ะวิสาปมรญั ะกชา้ันศมนัธยี ยบมตั ศรึกวษชิ าาชปีพที ่ี 4 99
- 1
เคารพดว฿ ยทาแลขวา (ซ฿าย) โดยแนบไม฿พลองหรือไม฿งามชิดลําตัว แขนไมแกวง เมื่อผานพ฿นผู฿รับการ
เคารพไปแล฿วหนั หน฿าแลตรง แขนแกวงตามสบาย
6. ท่าหมอบ – ลุก ในเวลาถอื ไม้พลองหรือไม้ง่าม
- คาํ บอก “หมอบ”และ “ลกุ ”
- การปฏบิ ัติ
เมื่อไดย฿ ินคาํ บอกวา “หมอบ” ใหล฿ ูกเสือปฏบิ ัตเิ ปน็ 3 จงั หวะ
จังหวะที่ 1 ก฿าวเท฿าซ฿ายไปข฿างหน฿า 1 ก฿าว พร฿อมกับสงไม฿พลองหรือไม฿งามให฿มือซ฿าย ถือในทา
ถนัด
จงั หวะท่ี 2 คุกเขาขวาลง มอื ขวายนั พ้นื ศอกซา฿ ยวางพาดขาซ฿ายทอนบน
จังหวะท่ี 3 ปลอ ยตวั นอนคว่าํ ไปโดยเรว็ ใหไ฿ ม฿พลองหรือไม฿งามอยูข฿างตัวด฿านขวา มือขวา
ชวยรองรับไมพ฿ ลองหรือไม฿งามกระชบั ไวข฿ า฿ งตัว แขนซา฿ ยทอนลางทอดไปขา฿ งหนา฿ มาก ๆ โดยวางขวาง
ความยาวของลําตัว
เม่อื ไดย฿ นิ คาํ บอกวา “ลกุ ” ให฿ลูกเสือปฏบิ ัติเปน็ 3 จังหวะกลับกัน
จังหวะที่ 1 ผลกั ตัวลกุ ขนึ้ น่ังคุกเขาขวา หยิบไม฿พลองหรือไม฿งามใสมือซ฿าย ศอกซ฿ายพาด
ขาซา฿ ยทอ นบน มือขวายันพนื้
จังหวะท่ี 2 ทรงตัวข้ึนยนื โดยให฿เท฿าซา฿ ยอยูข า฿ งหน฿า 1 ก฿าวเหมอื นเดมิ ไม฿พลองหรือไม฿งา ม
ยงั อยใู นมือซา฿ ย
จังหวะท่ี 3 ชักเข฿าซ฿ายชิดพร฿อมกับสงไม฿พลองหรือไม฿งามให฿มือขวา และอยูในทาเรียบ
อาวุธ
การฝึกในขัน้ แรก ควรกระทาํ เป็นตอน ๆ เมื่อลูกเสือมคี วามเขา฿ ใจดแี ลว฿ จึงฝึกโดยเปิดตอน และให฿
ปฏิบตั ิด฿วยความรวดเรว็ ตอ ไป
สญั ญาณนกหวดี ) ถา฿ เคล่อื นที่ ให฿หยุด ถา฿ หยดุ อยู เตอื น เตรียมตวั หรือคอยฟงั
1. หวีดยาว 1 ครง้ั (
คําส่งั
2. หวีดยาว ๆ 2 คร้ัง เดินตอไป เคลอื่ นท่ีตอ ไป ทาํ งานตอไป
3. หวีดสั้น 1 ครั้ง และหวดี ยาว 1 ครั้ง สลบั กนั ไป( ) เกดิ เหตุอันตราย
4. หวีดสน้ั 3 ครง้ั หวดี ยาว 1 ครั้ง สลบั กนั ไป( )เรียกนายหมมู ารบั คาํ สัง่
5. หวดี สัน้ ตดิ ตอ กนั หลาย ๆ ครง้ั ( ) ประชุมรวม
6. หวีดยาว 3 คร้ัง หวีดส้ัน 1 คร้ัง ( ) ชักธงชาติลงเวลา
18.00 น. โดยลกู เสอื บรกิ าร 2 คน
ในกรณอี ยูคายพักแรม เวลา 18.00 น. หมูบริการจะสงตัวแทน 2 คน ทําหน฿าที่ชักธงชาติ
หมายทเกุ หคตนุ:ทกี่ออ คยนูม่ ูในือทสค่ีจง่ ะาเสใยหรพมิ ส฿ แกั ญั ลแะญรพมฒัายณนืนาทกต่ีิจร2กง-รห5รมันตลห฿อูกนงเสใ฿าอืหไท฿สปักัญทษาะญชงวีาเสิตณใานทธส่ีงถ1าแนเลตศะือึกนวษันากทลอูกนยเหสทือตักุ วถคสิ าโรจม้ังปนัญระสกชิ้นา้นั ศสมนดุ ัธยี สยบญัมัตศญรึกวษาชิ าณาปชีพีท่ี 4 107
1
การใชส้ ญั ญาณมอื
ใหล฿ ูกเสือใ1ชไ0ด฿แ0ทย฿ ินนทคาํ่วั ปคบถู่มระอืองึ กสกาห่งศคเรสนาํ รือยี สมิ ใบแั่งนัตลขรกะวณพริชณฒั ะาชทนีทีพาีผ่ กต่ี 1บู฿จิ ฿อกงั งรคกรมบั าลรบูกคัญเสวอืชาทมากั อสษยงะชบูหีวเาติ งงใียนไบสกถลาไนจดศาแ฿ ึกกกษลาูกปเรสะเือภทหลรกู ืเอสไือมวสิสาามมัญาชร้ันถมทัธยี่จมะศใกึ ชษ฿คาปําีทบ่ี อ4 ก
1. เตรียม คอยฟังคาส่งั หรือหยุด
หมายเหตุ: กอนที่จะใหส฿ ัญญาณที่ 2-5 ต฿องให฿สัญญาณท่ี 1 เตอื นกอนทุกคร้ัง
การใชส้ ัญญาณมือ
ใช฿แทนคาํ บอกคําส่งั ขณะท่ผี ู฿บังคับบัญชาอยูหางไกลจากลูกเสือ หรือไมสามารถท่ีจะใช฿คําบอก
ให฿ลูกเสือไดย฿ นิ ทว่ั ถึง หรือในกรณที ตี่ ฿องการความสงบเงยี บ ไดแ฿ ก
1. เตรียม คอยฟงั คาส่ัง หรือหยุด
การให฿สัญญาณ เหยยี ดแขนขวาข้ึนตรงเหนือศีรษะ มือแบนิ้วทั้งห฿าเรียงชิดติดกัน หันฝูามือไป
ขา฿ งหนา฿
เม่ือเหน็ สญั ญาณน้ี ใหล฿ ูกเสอื หยุดการเคลื่อนไหวหรือการกระทําใด ๆ ท้ังส้ิน พร฿อมกับนิ่งคอย
ฟังคาํ ส่ัง โดยหันหน฿าไปยงั ผบ฿ู ังคับบญั ชาเพอ่ื คอยฟงั คาํ สั่ง แตถ฿าอยใู นแถวใหย฿ นื ในทาตรง
2. รวม หรอื กลับมา
การใช฿สัญญาณ เหยียดแขนขวาขึ้นตรงเหนือ ศีรษะ แบมือไปข฿างหน฿า นิ้วมือทั้งห฿าชิด
ตดิ กนั และหมนุ เปน็ วงกลมจากซ฿ายไปขวา เม่ือเห็นสัญญาณนี้ ให฿ลูกเสือรวมกองรีบ
มาเขา฿ แถวรวมกนั
108 คูม่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1
คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 101
ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 1
3. จดั แถวหนา้ กระดาน
การใหส฿ ญั ญาณ เหยียดแขนทัง้ สองออกไปดา฿ นซ฿ายเสมอแนวไหล ฝูามือแบไปข฿างหน฿านิ้วเรียง
ชิดติดกัน
เมื่อเห็นสญั ญาณนี้ ใหล฿ กู เสอื จดั แถวหนา฿ กระดาษ หนั หนา฿ ไปหาผใ฿ู หส฿ ัญญาณ
4. จัดแถวตอน
การให฿สญั ญาณ เหยียดแขนทง้ั สองข฿างไปขา฿ งหนา฿ แนวเดียวกบั ไหลโยกใหให฿แแ้ขขนนขขนนาานนกกันนั และฝูา
ฝม่าือมแอื บแเบขเา฿ ขหา้ าหกาันกนั
เม่อื เห็นสัญญาณนี้ ให฿ลูกเสือเขา฿ แถวตอน หนั หนา฿ ไปหาผใ฿ู หส฿ ญั ญาณ
5. เคลื่อนที่ไปยงั ทิศทางทตี่ อ้ งการ
(ด฿านหน฿า ขวา/ซา฿ ย ก่ึงขวา/ก่ึงซ฿าย และด฿านหลัง)
คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 109
ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
การใหส฿ ญั ญาณ ผูใ฿ ห฿สัญญาณหันหน฿าไปยังทิศทางท่ีต฿องการ โดยชูแขนขวาข้ึนเหนือศีรษะสุด
แขน ฝูามอื แบไปขา฿ งหนา฿ น้ิวชดิ กัน แลว฿ ลดแขนลงขา฿ งหน฿าใหเ฿ สมอแนวไหล
เมื่อเห็นสญั ญาณน้ี ให฿ลูกเสอื วงิ่ ไปยงั ทศิ ทางทีม่ อื ผ฿ูให฿สัญญาณชีไ้ ป
102 ค่มู ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ประกาศนียบตั รวิชาชพี 1
6. เรง่ จงั หวะหรือทาให้เร็วขึ้น
การให฿สญั ญาณ ผ฿ูใหส฿ ัญญาณงอแขนขวามอื กาํ เสมอวา ชูขน้ึ ตรงเหนอื ศรี ษะแล฿วลดลงหลาย ๆ
คร้งั ติดตอกัน
เมอื่ เหน็ สัญญาณนี้ ใหล฿ กู เสือรีบว่งิ หรอื เรง จงั หวะสิ่งทีท่ ําอยูใ หเ฿ รว็ ขน้ึ
7. นอนลงหรอื เข้าท่กี าบัง
การให฿สัญญาณ ผ฿ูใหส฿ ญั ญาณเหยยี ดแขนขวาตรงไปขา฿ งหน฿าให฿เสมอแนวไหล ฝูามือแบคว่ําลง
นิ้วชดิ กัน พรอ฿ มกับลดแขนลงข฿างหน฿า แล฿วยกข้ึนที่เดมิ หลาย ๆ ครั้ง
เม่ือลูกเสือเหน็ สัญญาณนี้ใหร฿ ีบนอนหรอื เขา฿ ทีก่ าํ บงั ทนั ที
การใช้สัญญาณมือในการเรียกแถวของลกู เสอื สากล
การฝึกอบรมลูกเสือตามแบบสากลของลูกเสือทุกประเภท ผ฿ูบังคับบัญชาที่จะ
เรียกแถวต฿องเลือกสถานที่โลงและกว฿างพอเหมาะกับจํานวนของลูกเสือ ผู฿ให฿สัญญาณ
110 คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
ยืนตรงแล฿วจึงให฿สัญญาณเรียกแถวคําเรียกแถวของลูกเสือสํารองให฿คําวา “แพค” สวนลูกเสือสามัญ
สามัญรนุ ใหญ และวสิ ามญั ให฿คําวา “กอง”
1) ทา่ พกั ตามระเบยี บ
ขณะทล่ี กู เสืออยใู นแถว ผู฿เรยี กแถวจะทาํ สญั ญาณมือเปน็ 2 จงั หวะ ดังน้ี
เข็มขดั คูม่ อื จสังง่ เหสรวิมะแทลี่ะ1พฒั กนาํ ามกอืจิ กขรวรมาลงูกอเสขืออ฿ทักศษอะกชใีวหติ ใ฿มนือสถทา่ีกนศําึกอษยาูปปรระะเมภทาลณกู เหสัอืววเิสขา็มปมรขัญะัดกชาน้ัศหมนันธัยี ยบฝมตั ูาศรมกึวษิชือาาทชปพีที่ีกี่ ํา14เข฿าห1า0ห3ัว
จังหวะที่ 2 สลัดมือท่ีกําและหน฿าแขนออกไปทางขวา เป็นมุม 180 องศา ประมาณแนว
ยืนตรงแล฿วจึงให฿สัญญาณเรียกแถวคําเรียกแถวของลูกเสือสํารองให฿คําวา “แพค” สวนลูกเสือสามัญ
สามญั รนุ ใหญ และวิสามัญ ใหค฿ าํ วา “กอง”
1) ท่าพักตามระเบยี บ
ขณะทีล่ ูกเสืออยูในแถว ผ฿ูเรยี กแถวจะทําสญั ญาณมือเปน็ 2 จังหวะ ดังนี้
จังหวะท่ี 1 กํามอื ขวา งอขอ฿ ศอกให฿มือที่กําอยูประมาณหัวเข็มขัด หันฝูามือท่ีกําเข฿าหาหัว
เข็มขดั
จังหวะที่ 2 สลัดมือท่ีกําและหน฿าแขนออกไปทางขวา เป็นมุม 180 องศา ประมาณแนว
เดียวกับเขม็ ขัดเปน็ สัญญาณให฿ลูกเสือ “พกั ” ตามระเบยี บ
2) ท่าตรง
ขณะทล่ี ูกเสือกาํ ลังพกั ตามระเบยี บ ผูเ฿ รยี กแถวจะทาํ สัญญาณมอื เป็น 2 จังหวะ ดงั นี้
จังหวะที่ 1 กํามือขวา แขนเหยียดตรงไปทางขวา ให฿มือกําอยูในระดับ
เดยี วกบั เข็มขัด (เหมอื นกับการสลดั แขนสง่ั “พัก” ในจงั หวะท่ี 2)
จังหวะที่ 2 กระตกุ หน฿าแขนเข฿าหาตัว ให฿มือท่ีกํากลับมาอยูตรงหัวเข็ม
ขัด (เหมือนจังหวะที่ 1 ของสญั ญาณส่ัง “พัก”) เม่ือเห็นสัญญาณนี้ ให฿ลูกเสือชักเท฿า
ซา฿ ยมาชิดเท฿าขวา ลดแขนท่ีไขวห฿ ลงั มาอยูใ นทา ตรง
3) แถวหน้ากระดานแถวเดี่ยว
การใหส฿ ญั ญาณ ผเู฿ รียกแถวอยใู นทา ตรงเหยยี ดแขนท้ังสองไปดา฿ นขา฿ งเสมอแนวไหล มอื แบ
หนั ฝูามอื ไปขา฿ งหน฿า น้วิ มอื เรยี งชดิ ติดกนั
ลกู เสือเขา฿ แถวหนา฿ กระดานแถวเด่ียว หนั หนา฿ เขา฿ หาผ฿เู รยี ก โดยนายหมยู ืนทางซา฿ ยมือของ
ผู฿เรียกกะให฿ผูเ฿ รยี กอยูกงึ่ กลางแถวและหางจากแถวประมาณ 6 ก฿าว ลูกหมูยืนตอกันไปทางซ฿ายมือของ
นายหมจู นถึงคนสดุ ท฿ายคือรองนายหมู
คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 111
ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
104 ค่มู ือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1
การจัดระยะเคยี ง ถา฿ เป็น “ปิดระยะ” ระยะเคียงจะเป็น 1 ชวงศอก คือ ให฿ลูกเสือยกมือซ฿าย
ขน้ึ เท฿าสะโพก นิ้วเหยียดชิดติดกันอยูประมาณแนวตะเข็บกางเกง แขนขวาแนบกับลําตัวและจดปลาย
ศอกซ฿ายของคนท่ีอยูด฿านขวา จัดแถวให฿ตรงโดยสะบัดหน฿าแลขวา ให฿เห็นหน฿าอกคนที่ 4 นับจากตัว
ลูกเสอื เองเม่อื ผู฿เรยี กตรวจแถวสง่ั วา “น่งิ ” ให฿ลดมือลงพรอ฿ มกับสะบดั หนา฿ มาอยูใ นทา ตรงและน่ิง
ถ฿า “เปดิ ระยะ” ระยะเคยี งจะเปน็ สุดชวงแขนซา฿ ยของลูกเสือ โดยให฿ทุกคน (ยกเว฿นคนท฿าย
แถว) ยกแขนซ฿ายขึ้นเสมอไหล เหยียดแขนตรงออกไปทางซ฿าย คลว่ำ�ําฝูามือลง น้ิวชิดติดกัน ให฿ปลายน้ิว
ซ฿ายจดไหลขวาของคนตอไป จัดแถวให฿ตรงโดยนายหมูยืนแลตรงเป็นหลัก ลูกหมูสะบัดหน฿าแลขวาให฿
เหน็ หน฿าอกคนท่ี 4 เมอ่ื ได฿ยนิ คาํ สงั่ วา “นิง่ ” จงึ ลดมือลง สะบัดหน฿ากลับมาอยูในทา ตรงและนงิ่
4) แถวตอนเรียงหนึง่ (กรณีมหี ลายหมจู ะเรยี กวา “แถวตอนหมู”)
การให฿สญั ญาณ ผเู฿ รยี กแถวอยใู นทา ตรงเหยียดแขนท้ังสองไปขา฿ งหนา฿ เสมอแนวไหล มือแบ
หนั ฝูามอื เขา฿ หากัน น้วิ เรยี งชิดตดิ กนั
ลูกเสือเข฿าแถวตอนเรียงหนึ่งโดยนายหมูยืนตรงเป็นหลักข฿างหน฿าผู฿เรียก กะให฿หางจาก
ผู฿เรียกประมาณ 6 ก฿าว ลูกหมูเข฿าแถวตอหลังนายหมูตอ ๆ กันไปจัดแถวให฿ตรงคอคนหน฿า ระยะตอ
ระหวา งบุคคล 1 ชวงแขน และปิดท฿ายดว฿ ยรองนายหมู
5) แถวตอนหมู่
แถวตอนเรยี งหนึง่ หลายหมู เรยี กวา “แถวตอนหมู” สมมุตวิ า มี 5 หมู ใหห฿ มทู ี่อยตู รงกลางคือหมทู ี่ 3 ยืนเปน็ หลกั
ตรงหน฿าผเู฿ รยี ก หางจากผเู฿ รยี กประมาณ 6 กา฿ ว หมทู ี่ 2 และหมทู ่ี 1 เข฿าแถวอยูใ นแนวเดียวกนั ไปทางซา฿ ยมอื ของ
ผ฿ูเรยี ก สว นหมทู ่ี 4 และหมทู ี่ 5 กเ็ ข฿าแถวอยใู นแนวเดียวกนั แตไ ปทางขวามือของผเ฿ู รียกระยะเคียงระหวา งหมู
ประมาณ 1 ชวงศอก สว นระยะตอ ระหวา งบุคคล 1 ชว งแขน
112 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4 105
คปมู่ รือะสก่งาเสศรนมิ ยี แบลตัะพรวัฒิชนาาชกีพิจก1รรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
6) แถวหน้ากระดานหมู่ ปดิ ระยะ
การใหส฿ ัญญาณ ผูเ฿ รยี กแถวยนื ในทาตรง กํามือทง้ั 2 ข฿าง เหยยี ดแขนตรงไปขา฿ งหน฿าขนาน
กับพนื้ งอข฿อศอกขนึ้ เปน็ มุมฉาก หนั หนา฿ มอื เข฿าหากนั
ลูกเสือหมูแรกเข฿าแถวตรงหน฿าผู฿เรียก อยูหางจากผู฿เรียกประมาณ 6 ก฿าว นายหมูอยู
ทางซ฿ายมือของผเู฿ รียก กะใหก฿ ึ่งกลางของหมอู ยตู รงหน฿าผ฿ูเรยี ก ลกู หมูยืนตอ ๆ ไปทางซ฿ายของนายหมู
เวน฿ ระยะเคยี ง 1 ชวงศอก
หมูอ่ืน ๆ เข฿าแถวหน฿ากระดานข฿างหลังหมูแรก ซ฿อน ๆ กันไปตามลําดับ เว฿นระระตอ
ระหวางอยปู ระมาณ 1 ชว งแขน
การจัดแถว เม่อื ส่งั วา “จดั แถว” ใหท฿ กุ คน (ยกเว฿นคนสุดท฿าย) ยกมือซ฿ายขึ้นเท฿าสะโพกนิ้ว
เหยยี ดชิดกัน นวิ้ กลางอยูในแนวตะเข็บกางเกง แขนขวาแนบลําตวั จัดแถวใหต฿ รงโดยนายหมูยืนแลตรง
เป็นหลกั ลูกหมูสะบดั หน฿าแลขวาให฿เหน็ หน฿าอกคนที่ 4
การตรวจแถว ผ฿ูเรียกแถวตรวจการจัดแถวแล฿ว จึงส่ัง “น่ิง” ลูกเสือทุกคนลดแขนลงพร฿อม
สะบัดหนา฿ กลับมาอยใู นทาตรงและน่ิง
7) แถวหน้ากระดานหมู่ เปิดระยะ
คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4 113
ค่มู ือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ปชรน้ั ะมกัธายศมนศียกึ บษตั ารปวที ชิ ่ี า4ชีพ 1
106 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
ผู฿เรียกยืนในทาตรง กํามือท้ัง 2 ข฿าง งอข฿อศอกเป็นมุมฉาก แขนทอนบนแบะออกจนเป็น
แนวเดียวกับไหล หันหน฿ามอื ไปขา฿ งหนา฿ ใหล฿ ูกเสอื เขา฿ แถวเชนเดียวกับแถวหนา฿ กระดานหมูปิดระยะ แต
เว฿นระยะตอระหวา งหมขู ยายออกไปทางด฿านหลัง หางกนั หมลู ะประมาณ 3 ชวงแขน หรอื 3 ก฿าว
การจัดแถว และตรวจแถว ให฿ปฏบิ ัติเชน เดยี วกบั แถวหน฿ากระดานหมปู ิดระยะ
8) แถวรปู ครึ่งวงกลม
114 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 107
ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 1
การให฿สัญญาณ ผ฿ูเรียกแถวยนื ในทาตรง แบมือทั้ง 2 ข฿าง แขนเหยียดตรงด฿านหน฿าและลง
ขา฿ งลางควํ่าฝาู มอื เขาหาตวั ข฿อมอื ขวาไขว฿ทับซ฿อนมอื ซา฿ ย แล฿วโบกผานลาํ ตัวช฿า ๆ เปน็ รปู ครง่ึ วงกลม 3
ครง้ั
นายหมลู ูกเสือหมูแรกยนื อยูในแนวเดียวกบั ผูเ฿ รียกทางด฿านซ฿าย หางจากผ฿ูเรียกพอสมควร
ลูกหมยู นื ตอ ๆ กันไปทางซา฿ ยมอื ของนายหมู เว฿นระยะเคียง 1 ชวงศอก (มือเท฿าสะโพก) สะบัดหน฿าไป
ทางขวารอคาํ สัง่ “นงิ่ ”
หมทู ี่ 2 และหมูอนื่ ๆ เข฿าแถวตอจากดา฿ นซ฿ายของหมูแ รก ตามลําดับ เว฿นระยะระหวางหมู
1 ชวงศอก รองนายหมูสุดทา฿ ย จะยนื ตรงดา฿ นขวาของผ฿เู รยี ก ในแนวเดยี วกนั กบั นายหมู หมแู รก
การจัดแถว ยกมอื ซ฿ายข้นึ ทาบสะโพก สะบัดหน฿าไปทางขวา (ยกเว฿นนายหมู หมูแรก) จัด
แถวใหเ฿ ป็นรูปครึ่งวงกลม)
การตรวจแถว ผู฿เรียกแถวตรวจการจัดแถวแล฿ว จึงสั่ง “น่ิง” ลูกเสือทุกคนลดแขนลงพร฿อม
กับสะบัดหน฿ากลบั มาอยูในทาตรง
9) แถวรูปวงกลมมี 2 แบบ
การเรยี กแถวแบบผ฿เู รยี กยนื อยทู จ่ี ดุ ศนู ยโกลาง
การใช฿สัญญาณ ผู฿เรียกแถวยืนในทาตรง แบมือท้ัง 2 ข฿าง แขนเหยียดตรงลงข฿างลาง
ควํ่าฝูามือเขา฿ หาตวั ข฿อมอื ขวาไขวท฿ บั ข฿อมือซา฿ ย แล฿วโบกผานลําตวั ประสานกันจากดา฿ นหน฿าจดด฿านหลงั
(โบกผา นลําตัว 3 ครง้ั )
ลูกเสือหมแู รกยนื ดา฿ นซา฿ ยมอื ของผเ฿ู รียก เข฿าแถวเชน เดียวกับแถวครงึ่ วงกลม สวนหมู 2
และหมตู อ ๆ ไปอยูทางดา฿ นซา฿ ยของหมทู ่ีอยกู อ นตามลาํ ดบั จนคนสุดท฿าย (รองนายหม)ู ของหมสู ุดทา฿ ย
ไปจดกับนายหมขู องหมแู รก ถา฿ ผ฿ูเรียกเป็นศูนยโกลาง
คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 115
คูม่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญปชรั้นะมกธัายศมนศียึกบษัตารปวที ิช่ี า4ชีพ 1
108 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
การจัดแถว ลกู เสือยกมือซ฿ายขึ้นเทา฿ สะโพก สะบัดหน฿าไปทางขวา (ยกเว฿นนายหมู หมู
แรก) จัดแถวให฿เป็นรูปวงกลม
การตรวจแถว ผ฿ูเรยี กแถวตรวจการจัดแถวแลว฿ จงึ สัง่ “น่ิง” ลกู เสือทกุ คนลดแขนลงพรอ฿ ม
กับสะบัดหนา฿ กลับมาอยใู นทาตรง และนิ่ง
การเรียกแถวแบบผ฿ูเรียกอยูทเี่ ส฿นรอบวง
การให฿สัญญาณ ผ฿ูเรียกแถวยืนในทาตรง กํามือขวา เหยียดแขนขวาตรงไปข฿างหน฿า
ยกข้ึนบน และเลยไปขา฿ งหลัง หมุนกลบั มาดา฿ นหนา฿ ทํา 3 คร้ัง
ลูกเสือหมูแรกยืนชิดด฿านซ฿ายมือของผ฿ูเรียก หมูท่ี 2 และหมูตอ ๆ ไป อยูทางซ฿ายมือ
ของหมูท ีอ่ ยูกอนตามลาํ ดบั จนรองนายหมูของหมสู ุดท฿ายไปจดขวามือของผ฿ูเรียกให฿ผู฿เรียกอยูในเส฿นรอ
รบอวบงวง
การจัดแถวและการตรวจแถว กระทําเชนเดียวกับแบบแรก
การเดินสวนสนาม
การเดนิ สวนสนาม
การสวนสนามมีความจําเปน็ อยา งยิ่งในการจัดงานชุมนุมลูกเสือ เชน งานชมุ นุมลูกเสือแหงชาติ
งานชมุ นุมลกู เสอื เขตการศกึ ษา และงานงานชุมนมุ ลูกเสือจงั หวดั เพ่อื แสดงถงึ สมรรถภาพของลูกเสือวา
มคี วามพรอ฿ มเพรยี ง มรี ะเบยี บวินยั ควรแกการยกยองสรรเสริญมากน฿อยเพียงใด เป็นการแสดงออกใน
ความสามารถของลูกเสอื แตล ะกอง จะมองภูมหิ ลังของการดาํ เนนิ งานภายในกองลกู เสอื ไดอ฿ ยางดยี งิ่ และ
ใชป฿ ระกอบพิธใี นวนั คล฿ายวันสถาปนาคณะลกู เสือแหงชาติ ในวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี
การต้งั แถวเดนิ สวนสนามของลูกเสอื
กองลูกเสอื อาจจัดแถวสวนสนามไดด฿ ังน้ี คือ
116 คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 109
คปู่มรอื ะสกง่ าเสศรนิมยี แบลตัะพรวฒั ิชนาาชกีพจิ ก1รรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 1
1) จัดเป็นรปู แบบแถวหนา฿ กระดาน หรือจดั เปน็ รปู แบบแถวตอนลึก แลว฿ แตค วามเหมาะสม
2) ตาํ แหนงการยืนและเวน฿ ระยะ คนถอื ปาฺ ยกองลูกเสือโรงเรียนยืนเป็นคนแรก หางจากคนถือ
ปาฺ ย 5 กา฿ ว เป็นตําแหนงคนถือธงประจํากองลูกเสือโรงเรียน หางจากคนถือธง 5 ก฿าว เป็นตําแหนงผู฿
กาํ กับลูกเสือ หา งจากผู฿กาํ กบั ลูกเสือ 5 กา฿ ว เป็นตําแหนง รองผู฿กํากับลูกเสือ หางจากรองผ฿ูกํากับลูกเสือ
3 ก฿าว เป็นตาํ แหน่ งสมาชกิ ลูกเสอื
การแสดงความเคารพ
1) ผถ฿ู อื ธง การแสดงความเคารพในเวลาอยูกับที่ เม่ือมีคําบอกวา “วันทยา-วุธ” ให฿ผ฿ูถือธงยก
ธงขึ้นในทาเคารพ และทําก่ึงขวาหนั ลดปลายคันธงลงขา฿ งหนา฿ อยา งช฿าๆ จนคนั ธงอยใู นแนวเสน฿ ขนานคู
กบั พนื้ มือทง้ั 2 อยูเสมอแนวบา เมอื่ ลดธงลงถึงแนวขนาดกบั พืน้ ให฿เชิญธงกลบั ขนึ้ ในทาเคารพชา฿ ๆ ได฿
จังหวะเชนเดยี วกบั ขาลง และเชิญธงในทา นี้จะมีคาํ บอกวา “เรยี บ-อาวุธ” จึงลดธงลงแล฿วจงึ ทาํ ก่ึงซ฿ายหัน
อยใู นทาตรง
2) ลกู เสือและผก฿ู ํากับ ทาํ ความเคารพตามวิธกี ารของลกู เสือ ดงั นี้
- การทําความเคารพขณะเดนิ
การจัดสถานทใี่ ห฿ใช฿ธงปักเป็นเคร่ืองหมาย 3 ธง ธงแรกปักหางจากผ฿ูรับการเคารพ 20
กา฿ ว ธงท่สี องปกั หา งจากผร฿ู บั การเคารพ 10 กา฿ ว และธงท่สี ามอยถู ดั จากผูร฿ บั การเคารพไปอีก 10 กา฿ ว
- การทําความเคารพ
- เม่ือเดนิ ถึงธงแรก รองผก฿ู ํากับลูกเสอื สั่งด฿วยคําวา “ระวงั ” ทุกคนเร่ิมตบเท฿าแรง
- เมอ่ื ถงึ ธงที่ 2 รองผูก฿ าํ กับลูกเสือสงั่ ด฿วยคาํ วา “แลขวา – ทํา” เมอื่ สนิ้ สดุ คาํ ส่งั ให฿
ลกู เสือทกุ นายเดินสะบัดหนา฿ ไปทางขวามอื เพอื่ ทาํ ความเคารพประธาน ยกเว฿นนายหมูลกู เสอื ซงึ่ อยขู วา
สุด ใหแ฿ ลตรงมองไปข฿างหน฿า คนถอื พลองและไมง฿ ามให฿เดินแกวงแขนตามปกติ ทีเ่ หลอื ไมแ กวง แขน
เม่อื ถงึ ธงท่ี 3 ผู฿ใดหรอื ตับใดผา นธงที่ 3 กส็ ะบดั หนา฿ แลตรงและเลิกทาํ ความเคารพ แกวง แขนเดนิ ตอไป
ตามปกติ โดยไมตอ฿ งออกคําส่งั
ตวั อย่างแถวสวนสนาม หมูแ่ ถวตอน
ปา้ ยช่ือกองลกู เสอื 5 ก้าว
ธงประจากองลกู เสือ 5 กา้ ว
ผกู้ ากับลกู เสอื 5 กา้ ว
รองผู้กากับลูกเสือลกู เสือ
คมู่ ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ าม3ัญกช้าั้นวมัธยมศึกษาปีท่ี 4 117
คมู่ อื สง่ เลสกูริมเสแลือะกพอัฒงนทา่ีก1จิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญปชร้ันะมกธัายศมนศยี กึ บษัตารปวที ชิ ี่ า4ชีพ 1
110
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
ตตััววออยย่า่างงแแถถววสสววนนสสนนาามม หหมมแู่แู่ ถถววตตออนน
ปป้า้ายยชช่อือื่ กกอองงลลกกูู เเสสืืออ 55 กกา้า้ วว
ธธงงปปรระะจจาากกอองงลลกููกเเสสอือื 55 กก้้าาวว
ผผ้กูกู้ าากกับับลลกููกเเสสออืื
55 กก้าา้ วว
รรคคลลออู่มมู่ กูกูงงืืออผผเเสสสสู้้กูกงง่่ ออืื เเาา�สสำกกกกรรออับับมิิมบั งงแแลลลททลลกกูู กู ี่ี่ะะเเ11เพพสสสัฒัฒออืื อื ลลนนลููกกาากู กกเเเสสิจจิ สกกออืื อืรรรรมมลลกููกเเสสือือททกัักษษะะชชวีีวิติตใในนสสถถาานนศศกึกึ ษษาา 3 กา้ ว
ลลูกูกเเสสืออื ววสสิิ าามมปป33ัญญั รระะกกกกชช้้าาาา้้นนััววศศมมนนััธธียียยยบบมมตตัั ศศรรกกึึ ววษษชิิชาาาาปปชชีีพพทีที ี่ี่ 1144 111177
ตัวอยา่ งแถวสวนสนาม หมแู่ ถวหน้ากระดาน
ป้ายช่อื กองลูกเสอื 5 ก้าว
ธงประจากองลูกเสอื 5 กา้ ว
ผ้กู ากับลูกเสือ 5 ก้าว
รองผู้กากบั ลกู เสอื ลูกเสือ
3 กา้ ว
ลกู เสือกองที่ 1
เรือ่ งส้ันที่เปน็ ประโยชน์
สจั จะ
118 คูม่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1
คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 111
ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 1
เรื่องสั้นท่ีเป็นประโยชน์
สัจจะ
118 ณคูม่ปือูาสใ่งหเสญรมิแ แหลงะหพฒันึ่งนาเกปจิ น็กรทร่อีมยลกูอู เาสศอื ทยั กัขษอะงชสีวัติตใวนโตสา ถงานๆศกึ อษนั ามลีสูกิงเสโือตวสิชาา฿ มงัญเสชอื ้ันโมคธั รยงมลศงิกึ ษการปะีทที่ 4ิง ม฿า กวาง
หมาปูา งูปกรระะกราศอนกยี บกตัรระวตชิ า ายชีพแ1ละนกแก฿ว สัตวปโ าู เหลาน้ีตางกฆ็ ากัน เพื่อกนิ เป็นอาหาร ทําใหส฿ ตั วปโ าู ตาง
ก็อยูกันอยางไมเป็นสุขมีแตความหวาดกลัวอันตรายอยูตลอดเวลา วันหนึ่งสิงโตซ่ึงเป็นเจ฿าปูา เห็นวา
สตั วโท้งั หลาย อยูก นั อยา งไมม คี วามสขุ สิงโตจึงเรียกประชุมและขอให฿สตั วปโ ูาเลกิ ฆากนั ขอให฿กินแตเน้ือ
ของสัตวโที่ตายแล฿วเทาน้ัน สัตวโท้ังหลายตางเช่ือฟังและทําตาม สัตวโปูาจึงอยูรวมกันอยางมีความสุข
จนกระทง่ั วนั หน่งึ มคี นเขา฿ มาปลูกบ฿านอยูรมิ คลองกลางปูา ทําให฿สตั วปโ ูาตา งพากนั กลัววาคนจะมาทาํ รา฿ ย
สงิ โตจงึ ประชุมสัตวโท้ังหลายและชวยกันคิดวาจะทําอยางไรกับคนท่ีเข฿ามาต้ังบ฿านเรือนอยู “ บุกเข฿าไป
ทําลายบ฿านเสียก็หมดเร่ือง ”ช฿างพูดพลางยกงวงชูไปมา “ อยาเพิ่งเลยตอนนี้เราต฿องคอยดูความ
เคลื่อนไหวของเขากอ น ” มา฿ เสนอความคดิ “ ฉันจะพาพวกบกุ เขา฿ ไปกินคนพวกน้นั ใหส฿ าสมกับทเ่ี ขามา
บุกรุกปาู ของพวกเรา ” เสือโครงพดู อยา งเดอื ดพลาน “ เรานาจะสงตัวแทนไปบอกให฿เขาออกไปเสียจาก
ปาู พวกเราจะไดอ฿ ยูอ ยา งสงบสขุ ” ลงิ แนะนําขณะทีม่ ือยงั ถือกล฿วย สัตวโทุกคนเห็นด฿วยกับข฿อเสนอของ
ลงิ เพราะเหน็ วาเปน็ วิธีท่ีดีท่ีสุด สงิ โตจงึ รับหนา฿ ทไ่ี ปหาคนและขอร฿องใหอ฿ อกจากปาู “ เราไมมีท่อี ยู จึงมา
อยใู นปูา ” ชายคนหน่ึงบอก “ แตสัตวโทั้งหลายกลัวพวกทานจะทําร฿ายพวกเรา ” สิงโตบอก “ อยากลัว
พวกเราเลย พวกเรามาอยูในปูาเพ่อื ทาํ มาหากิน เราจะไมร บกวนและทํารา฿ ยสัตวโ เราขอยืนยนั ” ชายคน
น้ันกลา ว สงิ โตคิดวาคําพดู ของคนเหลา นนั้ นาจะเชื่อถือได฿จึงยนิ ยอมให฿อยใู นปาู ตอ ไป กอ นกลับไปสิงโต
ได฿ยํ้ากบั คนเหลานั้นวา “ เราขอใหท฿ า นรกั ษาคาํ พูดตลอดไปทง้ั คนและสัตวจโ ะได฿อยูรวมกันด฿วยความรัก
ปูาแหง น้ีจะได฿สงบรมเยน็ นา อยูต ลอดไป”
เรอ่ื งนส้ี อนให้รู้วา่ การยดึ มน่ั และรักษาคาํ พดู หรอื สัจจะสญั ญาทไี่ ดใ฿ หไ฿ ว฿ตอกนั เปน็ สงิ่ ดี จะนาํ มาซึง่
ความสงบสขุ
บุตรดมี ีกตัญญู
มีชายคนหนึ่งรับจ฿างไปทํางานกับเศรษฐีได฿รับอาหารสามม้ือแลกเป็นคาแรงงานพอถึงเวลา
รับประทานอาหาร ชายคนน้นั กค็ ิดถึงแมซ่ึงอดอยากยากจนท่ีบ฿านไมมีใครดูแลดังน้ันเขาจึงจัดแจงแบง
อาหารแล฿วหอไปฝากแมท ี่บ฿าน ทา นเศรษฐีเหน็ ชายคนน้นั แบง อาหารใสหอทุกวันก็เรียกมาถาม ชายคน
นนั้ จึงตอบวา “พอแมม พี ระคุณลน฿ เหลอื กระผมจึงแบงปนั ให฿ทานกินตามแตจะได฿รับถ฿ากระผมทอดทิ้งไม
เหลยี วแลแมก ็คงเปน็ บาปหนกั ” ทานเศรษฐที ราบดังนั้นจึงพูดขึ้นวา “เราขอชมเชยทา นวา เปน็ ผม฿ู ีกตัญใู
เอาเถอะแมข องเจ฿านนั้ เราจะอปุ การะเลยี้ งดูเขาเอง”
เรื่องนี้สอนให้รวู้ า่ การร฿ูจกั ตอบแทนผู฿มพี ระคณุ เป็นสิ่งทดี่ ี
112 ค่มู อื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
คมู่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 119
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื วสิ ามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4, ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ(ปวช. 1)
หนว่ ยท่ี 5 การกางและร้อื เตน็ ทท์ พ่ี ักแรม เวลา 1 ชวั่ โมง
แผนการจดั กิจกรรมท่ี 9 การกางและร้อื เตน็ ท์ทพ่ี กั แรม
1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.1 ลกู เสอื สามารถบอกสวนประกอบของเต็นทไโ ด฿
1.2 ลกู เสอื สามารถกางและรอื้ เต็นทพโ ักแรมได฿
2. เนือ้ หา
2.1 สว นประกอบของเตน็ ทโ
2.2 วธิ ีการกางเตน็ ทโ
2.3 วธิ กี ารรอื้ และเกบ็ รกั ษาเต็นทโ
3. ส่อื การเรียนรู้
3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 เต็นทโสําเรจ็ รูป, เตน็ ทโ 5 ชาย
3.3 ใบความร฿ู เรือ่ งเตน็ ทโ
3.4 เร่อื งสนั้ ท่เี ปน็ ประโยชนโ
4เเกกพพเคเคขขตตชช.฿฿ออํําาํําากกัั1นน็น็นกกกแแดด2แแววททนนิจบับัแแีี0รรััสสเโเโกะะลลมมลลพพดดนนะะรูกูกขข44444444อุุอือ่ื่อขขาําํรเเออ........สสุปปุเเททออ฿฿ม44512233งงคปปปอืือกกจจี่ถีถ่หหู่มรนน็็พเกเกสสาาํํ2244ะ11รร33ูกกูพผผพพอืมมววจจิิกกกนนธิณณ))))))))สตตก฿฿ููกููตตธิลลาทิิทกกีเัดัดง่ททหหลลผผลลศ฿฿ออาํําโโปีปงงนนเรรยยใใพพกููกูกกูสนน฿กกู฿ูนกกมมงงดิดิรรนนเเาายยรยีเเเเออนืนื้้าํําาาับับลลููมมปปิกกรรสสกกสสาาบกกคคงงททกููกลลตตววแอือืรรมมือือรราาตั บบััววลเเกูกูมม่รี่ีรออาาบบะะรรรรรรรคคสสาาะลลออมมชชใใเเวททววธธววนน่ํา่าํพมมออืืสสชชชิูกกูงงมุุมมมจจมมิบิบง้ััง้พพฒัววออืืรรารรเ฿฿เเเุดดุววกกกกกกาาตตช฿ูเ฿ูเเิิเสสบับันเเนน้ืื้ กกคคิธธิยยปปีลลนนพออัับบัั็นน็อือืาฐฐกกีี่ียี่ยรรแแาางงรรออกออเเใใทท1าาาาพพาาเเะะววจิลลหหุปปุภภนน(รร(แแโโะะกสสรรเเะะออชนื่่ื฿฿ลลกก่่อือืิิปปหหรรขขตตดดรงงสสนนกัดักููกร่ออ่ืืงงรรรรคคออ฿฿ลลโรรโแูแูาามสสณณธออหเเงงาาูปปูมมธธะะกโโกลลสสลง้ัั้นนเเกกยยีีมปปิิตตแแรรโเเโููลลตตาาูกืืออขสสหหสสททกกััารรรรบบเนน็็ศศึน้สขขรรรรยเเนนเี่ีเ่ะะษษบบททึกึกอืรรปปิมิมุุปปออเเึ่งง่ึสยยาาีีทภภขขตษษโขโขนน็็ตตกกงงคคเเวกันนออรททออสสตตาาาาปปาานนดษวงงรรถถงงงงใใรรนน็็รระมเเเเบบ฿ูู฿จๆๆลลปปปปาาชะะตตชชททเนูกกูคคนนีวโโฏฏคฏฏนน็น็นโโ ยยิตตเเววแแททบบิิรบบิิเเสสททใชชาาโตตลลื่อ่พ่ีพีนัตตัสืออืตตััโโมมนนะะ็นน็งแแสิิงงงขขกกัักิิกรรกกแโโถลลททบาาณณแแ฿ูู฿าาาาบานนะะรรโโนรรรรนรร55กกะะปปููบกกมมง่ิศเเเเาากกแแาาดดชชกึ ชรรตพพบบ็็บบงงษยยาาีีนนกัรแแาบบรรยยเเวววําําธตตลลออ฿฿ ลกกตตไไจงเเ็น็นะะมมกูนันัปปาาตตลรรททเกกแงงส็น็นมมงใใื้ืออ้ ยโโบับัชชอืเเออททๆๆเตตกวท฿ท฿ปปลบบสสโโสิ ็น็น)ีเเ่่ีขขกิัจัจหหาาํําหหททจจออม)เเมมมมรรยยัััญงงโโโโาา็จ็จดดาาเเททยยตตรระะยยชีี่เเ่ปูปูใใสส็น็นกกน้ัมมหหมมแแททยยมีี่่นนีี นน฿฿บบกกัธววโโ าาววาายบบับับขขยยยยธธิิมอ฿฿อตตสสหหศีกกีหหงงภภาามมกึาามมกกงงาาษรรเููเ เเููับบัปปพพากกตตๆๆปกกน็็นกกาารรที าาฯฯงงีียยผผาาี่รรเเลล4มมรรู฿ู฿ตตกกใใฯฯออออหห็นน็าายยุปุปผผงง฿฿ททคูคู เเกกูู฿฿ โโตตาา รรยยนน็็ ณณททโโ โโ
4.5 พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ )
5.การประเมินผล 113
5.การปรสะงั เเมกตนิ คผวลามรว มมอื ในการปฏิบัตกิ จิ กรรม
สงัคเู่มกือสตง่ คเสวราิมมแลระว พมฒั มนอื าใกนิจกกรารรมปลกู ฏเสบิ ือตั ทิกกั ษจิ ะกชรวี รติ มในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 1
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมที่ 9
5.การประเมนิ ผล
สังเกตความรว มมอื ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมท่ี 9
เพลง
ยามค่า
ฟฺามืดมัวลมเยน็ พดั โชยกระหนาํ่ ฝนก็ตกพราํ พราํ ฟฺามดื คา่ํ มัวไปใจคิดถึงเมอื่ ครั้งมาพกั
แรมในปาู แสนจะสขุ ใจฟาฺ มดื คาํ่ ทใี ดพอเบกิ บานใจฝนกระหน่าํ ลงมา
เสอื เผา ไทยรว มใจมานอนกลางปูาแม฿เหน็ดเหนอ่ื ยกายาเราสุขอุราเกินใคร
ถงึ หนกั เอาเบาสส฿ู ามคั คมี ีอยูแ สนจะสขุ ใจฟาฺ มืดค่าํ ทไี รเลน รอบกองไฟเราสนกุ เฮฮา
ใบความรู้ เต็นท์
เต็นททโ ่นี ิยมนําไปอยคู า ยพักแรมมี 3 ชนดิ
1. เตน็ ทอโ าํ นวยการ มีขนาดใหญ ใช฿เป็นท่ีประชุม
2. เตน็ ทโหมู ใช฿เป็นทพี่ ักสาํ หรบั ลูกเสือทงั้ หมู
3. เตน็ ทโบคุ คล สาํ หรับลูกเสอื 2 คน ทนี่ ยิ มใชม฿ ี 2 ชนิด ได฿แก เตน็ ทโกระแบะหรอื เตน็ ทโ 5 ชาย
และเตน็ ทสโ าํ เร็จครู่มูปอื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 121
เต็นท์กระแบะ หรอื เต็นท์ 5 ชาย ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
เหมาะสาํ หรบั ลกู เสอื 2 คน มขี นาดเลก็ กระทดั รัด พกพาสะดวก ใชพ฿ น้ื ท่ีกางเต็นทไโ มก วา฿ งมาก
และวธิ กี างเตน็ ทไโ มย ุง ยาก มีลูกเสือชว ยกนั เพยี ง 2 คนก็สามารถกางเต็นทไโ ด฿
ส่วนประกอบของเต็นท์ 5 ชาย มีดงั นี้
1. ผ฿าเตน็ ทโ 2 ผนื
2. เสาเตน็ ทโ 2 ชุด ( 2 เสา ) ชุดละ 3
ทอน ( 3 ทอนตอกนั เปน็ 1 ชุดหรือ 1 เสา )
3. สมอบก 10 ตัว ( หวั ท฿าย 2 ตัว ชาย
ดา฿ นลางด฿านละ 3 ตวั ประตหู น฿า 1 ตวั และหลงั
1 ตัว )
4. เชอื กยึดสมอบก 10 เส฿น (เชือกยาวใชร฿ ั้งหวั ท฿ายเตน็ ทโ 2 เส฿น เชือกส้ันใชย฿ ึดชายเตน็ ทโ 6 เส฿น
และประตูหนา฿ - หลัง 2 เส฿น )
การกางเต็นท์ 5 ชาย มี 5 ขั้นตอน ดังน้ี
1. ตดิ กระดมุ ผ฿าเตน็ ทโท้ัง 2 ผืนเขา฿ ดว฿ ยกนั ดา฿ นที่ติดกระดมุ เปน็ ดา฿ นสนั ของหลงั คา รตู าไกท ่ี
ซ฿อนกนั และอยถู ัดจากระดุมจะเป็นทย่ี ดึ เสาท้งั 2 เสา สว นด฿านทม่ี รี ูตาไกดา฿ นละ 3 รู จะเปน็ ชายดา฿ นลา ง
2. นาํ เสาชุดที่ 1 (ตอ 3 ทอ นเขา฿ ด฿วยกนั ) มาเสยี บท่ีรหู ลังคาเต็นทโ ใหค฿ นที่ 1 จับไว฿
3. ใหค฿ นที่ 2 ใชเ฿ ชอื กยาว 1 เส฿นนํามายึดจากหวั เสา (หรอื หว ง) ไปยังสมอบกดา฿ นหนา฿ (ผกู ด฿วย
เงื่อนตะกรดุ เบ็ด กระหวดั ไม฿ หรอื ผกู รงั้ ) แลว฿ จึงใชเ฿ ชือกสัน้ 2 เสน฿ ยึดชายเตน็ ทเโ ขา฿ กับสมอบก เพื่อให฿
เตน็ ทกโ างออกเป็นรูปหนา฿ จ่วั (ผกู ด฿วยเง่อื นปมตาไก)
4. ให฿คนที่ 2 เดินอ฿อมไปอีกดา฿ นหนงึ่ ตอ เสาท่ี 2 เสยี บเขา฿ กับรหู ลังคาเตน็ ทอโ กี ดา฿ นหนง่ึ แลว฿ จบั
เดส1า฿ า1นไ4หว฿ลใังห(ค฿ผปคนมู่กูระือดทกส฿วาี่ง1ศเยสนเรปียงิมบล่อื แัตอนลระยตวพชิมะฒั ากอื ชนจรีพาดุาก1กิจเบกเรส็ดรามกทลรูก่ี 1เะสหอืแทวลกัดั ฿วษไนะมชํา฿ วีเหชติ รใือนือกสผถยูกาานรวศัง้ เึก)สษน฿ าทป่ีร2ะเภยทึดลจกู าเสกือหวสิวั าเมสัญาทช่ีน้ั 2มัธไยปมยศึกงั ษสามปอที บี่ 4ก
5. ให฿คนท่ี 2 ปลอ ยมอื จากเสาท่ี 2 ได฿ เตน็ ทจโ ะไมลม฿ และทง้ั 2 คนชวยกนั ใช฿เชือกยดึ ชายเต็นทโ
3. สมอบก 10 ตัว ( หวั ท฿าย 2 ตัว ชาย
ดา฿ นลา งด฿านละ 3 ตวั ประตหู น฿า 1 ตวั และหลงั
1 ตวั )
4. เชอื กยดึ สมอบก 10 เส฿น (เชือกยาวใชร฿ ้งั หวั ทา฿ ยเต็นทโ 2 เสน฿ เชอื กส้ันใชย฿ ดึ ชายเต็นทโ 6 เสน฿
และประตูหนา฿ - หลงั 2 เส฿น )
การกางเตน็ ท์ 5 ชาย มี 5 ขน้ั ตอน ดงั น้ี
1. ติดกระดุมผา฿ เต็นทโทง้ั 2 ผนื เขา฿ ด฿วยกนั ดา฿ นที่ตดิ กระดมุ เปน็ ดา฿ นสนั ของหลงั คา รูตาไกท ี่
ซอ฿ นกนั และอยูถัดจากระดมุ จะเป็นทย่ี ดึ เสาทั้ง 2 เสา สว นด฿านทมี่ ีรตู าไกด ฿านละ 3 รู จะเปน็ ชายด฿านลา ง
2. นาํ เสาชุดที่ 1 (ตอ 3 ทอ นเขา฿ ด฿วยกนั ) มาเสยี บทีร่ ูหลังคาเต็นทโ ใหค฿ นท่ี 1 จับไว฿
3. ใหค฿ นท่ี 2 ใช฿เชอื กยาว 1 เสน฿ นํามายึดจากหวั เสา (หรือหวง) ไปยงั สมอบกดา฿ นหน฿า (ผูกดว฿ ย
เงอ่ื นตะกรดุ เบ็ด กระหวัดไม฿ หรอื ผกู รัง้ ) แล฿วจึงใชเ฿ ชอื กสัน้ 2 เสน฿ ยึดชายเตน็ ทโเขา฿ กบั สมอบก เพอื่ ให฿
เตน็ ทโกางออกเป็นรูปหนา฿ จวั่ (ผกู ด฿วยเง่ือนปมตาไก)
4. ให฿คนที่ 2 เดินอ฿อมไปอกี ด฿านหนึ่ง ตอ เสาท่ี 2 เสียบเข฿ากับรหู ลังคาเต็นทอโ ีกดา฿ นหนึง่ แลว฿ จบั
เสาไว฿ ใหค฿ นที่ 1 ปลอยมอื จากเสาที่ 1 แลว฿ นาํ เชือกยาวเสน฿ ที่ 2 ยึดจากหัวเสาท่ี 2 ไปยงั สมอบก
ด฿านหลงั (ผูกด฿วยเงอ่ื นตะกรุดเบ็ด กระหวดั ไม฿ หรือผกู ร้ัง)
5. ให฿คนท่ี 2 ปลอยมอื จากเสาที่ 2 ได฿ เต็นทจโ ะไมล ฿ม และทงั้ 2 คนชวยกันใชเ฿ ชอื กยดึ ชายเตน็ ทโ
จดุ ทีเ่ หลอื เขา฿ กับสมอบก แลว฿ ปรับความตงึ หยอ นของเต็นทโใหเ฿ รียบรอ฿ ย
การรื้อเต็นท์ 5 ชาย มี 7 ขั้นตอน
1. แก฿เชือกท่รี งั้ เสาหวั ทา฿ ยกบั สมอบกออก เตน็ ทโจะลม฿ ลงทนั ที
2. ถอนเสาเต็นทอโ อกเปน็ 6 ทอ น นํามา
รวมกันไว฿
3. ถอนสมอบกทงั้ 10 ตวั นาํ ไปรวมกนั ไว฿
ทีใ่ กล฿ ๆ กบั เสาเตน็ ทโ
4. แก฿เชือกและเกบ็ เชอื กใหเ฿ รยี บร฿อย
(เชือกสัน้ 8 เส฿น เชือกยาว 2 เส฿น รวม 10 เสน฿ )
นําไปรวมไว฿ใกล฿ ๆ กองสมอบก
122 ปคทแูม่รกําะือกคะสากวง่ ศเราสนะมรยีดิมสบุมแะัตลเอรตะวาพ็นชิดัฒาทอชนปุเโีพาพกก1ือ่ ิจรแกณรยรแโ กมลผละูก฿าเเเกสต็บอื น็ ทพทกั ับษอโ ผะอช฿ากวี เเติตปใ็นนน็ ทสถใโ 2หานเ฿ ศรผียกึ นื ษบารลอ฿ ูกยเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
5.
6.
7. นาํ ผา฿ เตน็ ทโและอปุ กรณเโ กบ็ รวมไวใ฿ นทเ่ี ดยี วกัน
เต็นท์สาเรจ็ รูป
ใชเ฿ ป็นท่ีพกั สาํ หรบั ลูกเสอื ทงั้ หมู (1 หมู) มขี นาดใหญก วา และนํา้ หนกั มากกวา เตน็ ทโกระแบะ
แตยังสามารถพกพาไปได฿สะดวก พืน้ ท่ที ่ใี ชก฿ างเตน็ ทโมีบริเวณกว฿างพอสมควร วิธกี างเตน็ ทไโ มย งุ ยาก มี
ลูกเสอื ชว ยกนั เพยี ง 2 คนก็สามารถกางเตน็ ทโได฿ เตน็ ทโสาํ เร็จรปู มีหลายแบบ มรี ปู ทรงไมเหมือนกนั บาง
แบบคลา฿ ยเต็นทโกระแบะ
สว นประกอบของเตน็ ทสโ าํ เรจ็ รปู มดี งั น้ี
1. ผา฿ เต็นทโ 1 ชุด
2. เสาเต็นทโ 2 ชดุ (2 เสา) ชุดละ 3 ทอ น (3 ทอ นตอกนั เปน็ 1 ชดุ หรือ 1 เสา)
3. สมอบก 12 ตวั (ยดึ มุมพนื้ 4 ตวั ยึดชายหลงั คา 6 ตวั หัว 1 ตัว ทา฿ ย 1 ตวั )
4. เชือกยึดสมอบก 8 เส฿น ทุกเสน฿ มดั ติดกบั แผน เหลก็ สาํ หรบั ปรบั ความตึงหยอ นของเชอื ก โดย
เชือกสั้นว6ธิคมู่ ีกเือสาสน฿ ง่งใเเสชตร฿ยมิ็นแดึ ทลชะ์สาพายัฒเหนรลาจ็ กังรจิ คปูการรมแมีลล5ูกะเเขสชือนั้ อืทตักกอษยะนาชวีวดติ 2ังในนเส้ีสถ฿นานใชศกึ ร฿ ษัง้ าหปัวรทะเา฿ ภยทเลตกู ็นเสทอื วโ ิสาปมรัญะกชาั้นศมนธัยี ยบมตั ศรึกวษิชาาชปพีีท่ี 4
1 115
5. แกะกระดุมเต็นทเโ พือ่ แยกผา฿ เตน็ ทอโ อกเป็น 2 ผนื
6. ทําความสะอาดอปุ กรณโและเก็บพบั ผา฿ เตน็ ทใโ ห฿เรียบร฿อย
7. นาํ ผ฿าเต็นทแโ ละอุปกรณโเกบ็ รวมไว฿ในทเี่ ดยี วกนั
เต็นท์สาเร็จรูป
ใชเ฿ ป็นทีพ่ กั สาํ หรับลกู เสอื ทง้ั หมู (1 หม)ู มีขนาดใหญกวา และนํา้ หนกั มากกวา เต็นทกโ ระแบะ
แตยังสามารถพกพาไปไดส฿ ะดวก พนื้ ทที่ ใ่ี ชก฿ างเต็นทมโ บี รเิ วณกวา฿ งพอสมควร วิธกี างเตน็ ทไโ มยุงยาก มี
ลกู เสอื ชว ยกนั เพียง 2 คนก็สามารถกางเต็นทโได฿ เต็นทสโ าํ เรจ็ รูปมีหลายแบบ มีรปู ทรงไมเ หมอื นกนั บาง
แบบคล฿ายเตน็ ทกโ ระแบะ
สวนประกอบของเต็นทสโ าํ เรจ็ รูป มดี งั น้ี
1. ผ฿าเต็นทโ 1 ชดุ
2. เสาเต็นทโ 2 ชุด (2 เสา) ชดุ ละ 3 ทอ น (3 ทอ นตอกนั เปน็ 1 ชดุ หรือ 1 เสา)
3. สมอบก 12 ตวั (ยดึ มมุ พน้ื 4 ตวั ยึดชายหลงั คา 6 ตวั หวั 1 ตวั ทา฿ ย 1 ตวั )
4. เชือกยึดสมอบก 8 เส฿น ทกุ เสน฿ มดั ตดิ กับแผน เหลก็ สาํ หรับปรบั ความตงึ หยอนของเชอื ก โดย
เชือกส้ัน 6 เส฿นใชย฿ ดึ ชายหลังคา และเชอื กยาว 2 เส฿นใช฿รง้ั หัวทา฿ ยเตน็ ทโ
วิธกี างเต็นทส์ าเร็จรูป มี 5 ขนั้ ตอน ดังนี้
1. ยึดพ้ืนของเต็นททโ ้ัง 4 มุมด฿วยสมอบก 4 ตวั
2. นาํ เสาชดุ ที่ 1 ( ตอ 3 ทอ นเข฿าด฿วยกัน ) มาเสยี บท่ีรูหลงั คาเต็นทโ ให฿คนท่ี 1 จบั ไว฿
3. ใหค฿ นท่ี 2 ใช฿เชอื กยาว 1 เสน฿ ยดึ จากหัวเสา (หรอื หวง) ไปยังสมอบกด฿านหน฿า (โดย ผูกด฿วย
เงอ่ื นตะกรดุ เบด็ หรอื เงอื่ นกระหวดั ไม฿ ไมต อ฿ งใชเ฿ งือ่ นผ฿ูรงั้ เพราะมแี ผน ปรับความตงึ อยู แลว฿ ) แล฿วใช฿
เชือกสั้น 2 เส฿น ยดึ ชายเตน็ ทเโ ข฿ากับสมอบก ใหเ฿ ตน็ ทโกางออกเปน็ รปู หนา฿ จ่ัว
4. ใหค฿ นที่ 2 เดนิ อ฿อมไปอีกด฿านหนึ่ง ตอ เสาท่ี 2 เสียบเขา฿ กบั รูหลังคาเต็นทอโ กี ดา฿ นหนงึ่ แล฿วจบั
เสาไว฿ ใหค฿ นที่ 1 ปลอ ยมือจากเสาท่ี 1 แลว฿ นําเชอื กยาวเสน฿ ที่ 2 ยึดจากหวั เสาท่ี 2 ไปยงั สมอบก
ดา฿ นหลงั
5. ใหค฿ นที่ 2 ปลอ ยมอื จากเสาท่ี 2 ได฿ เต็นทจโ ะไมลม฿ ทง้ั สองคนชว ยกันใชเ฿ ชอื กยึดชายหลงั คา
เตน็ ทโ ( จดุ ท่เี หลอื ) ใหเ฿ ข฿ากบั สมอบกแลว฿ ปรบั ความตงึ หยอนของเตน็ ทโใหเ฿ รียบรอ฿ ย
วธิ ีร้อื เตน็ ทส์ าเร็จรปู มี 5 ขนั้ ตอน ดังนี้
1. แก฿เชือกทรี่ ง้ั เสาหัวทา฿ ยกับสมอบกออก เตน็ ทโจะล฿มลงทนั ที
2. ถอนเสาเตน็ ทอโ อกเป็น 6 ทอ น นํามารวมกันไว฿
3. ถอนสมอบกทัง้ 12 ตวั นําไปรวมกนั ไว฿ทีใ่ กล฿ ๆ กับเสาเต็นทโ
4. เกบ็ เชอื กและแผนปรบั ความตงึ ใหเ฿ รยี บร฿อย (เชอื กส้ัน 6 เส฿น เชอื กยาว 2 เสน฿ แผน ปรับ
ความตงึ 8 อนั ) นาํ ไปรวมไวใ฿ กล฿ ๆ กองสมอบก
5. ทําความสะอาดอุปกรณทโ ุกช้นิ แลว฿ นําไปเกบ็
คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 123
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
116 คมู่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
การเลอื กสถานทต่ี งั้ คา่ ยและกางเต็นท์
ตอ฿ งทําการสํารวจความเหมาะสมของพื้นที่ แหลงนาํ้ และเส฿นทางคมนาคม เพื่อปฺองกันปัญหา
ตา ง ๆ ทจ่ี ะตามมา ควรมีลกั ษณะดังน้ี
1. เปน็ พื้นทีโ่ ลงกวา฿ ง เหมาะสาํ หรบั การตงั้ คา ยและจดั กิจกรรม
2. พืน้ ดินบรเิ วณทต่ี ัง้ คายควรเป็นดนิ ปนทราย พื้นเป็นท่ีเรยี บ ไมม นี า้ํ ขัง
3. อยใู กล฿แหลง นาํ้ สะอาด ปลอดภัย
4. อยูหา งจากตน฿ ไมใ฿ หญ เพอื่ ปอฺ งกันอนั ตรายท่จี ะเกดิ จากกิ่งไมห฿ ลนลงมาทบั
5. ทิศทางของลมเพ่อื ใชพ฿ ิจารณาในการตง้ั เต็นททโ พ่ี กั
6. สามารถหาเชอ้ื ไฟ เชน ฟนื เศษไม฿ สาํ หรบั หงุ ตม฿ ได฿สะดวก
7. การคมนาคมสะดวก ใกล฿กบั โรงพยาบาล หรอื อนามยั ใกลก฿ บั สถานตาํ รวจ
8. ไดร฿ ับอนญุ าตจากเจา฿ ของสถานทีก่ อนจะตั้งคายพกั แรม
ขอ้ ควรระวังในการกางเตน็ ท์
1. เมื่อตอ฿ งการกางเตน็ ทโหลายหลงั เปน็ แนวเดยี วกนั ควรเล็งให฿สมอบกตัวท่ีอยูด า฿ นหนา฿ สดุ และ
เสาต฿นแรกของทกุ เต็นทอโ ยใู นแนวเดยี วกัน
2. การกางเต็นทแโ ตล ะหลงั ให฿เล็งสมอบกตัวแรก เสาแรก เสาหลัง และสมอบกตวั หลังทัง้ 4 จดุ
ใหอ฿ ยใู นแนวเดียวกนั
3. เสาทกุ ต฿นทยี่ ึดเต็นทจโ ะต฿องตง้ั ฉากกับพืน้ เสมอหลงั คา
4. เตน็ ทตโ อ฿ งไมม ีรอยยน สมอบกด฿านข฿างของเต็นทแโ ตละหลงั ตอ฿ งเรียงกันอยา งเป็นระเบียบ ถา฿
เตน็ ทโตึงไปอาจจะขาดได฿ หรอื ถา฿ หยอนเกนิ ไปกจ็ ะกันฝนไมไ ด฿ ซึ่งจะเป็นสาเหตทุ าํ ให฿นาํ้ ซึมไดง฿ า ย และ
ถ฿าลมพัดแรงอาจทาํ ใหเ฿ ต็นทโขาดได฿
5. การผกู เต็นทคโ วรใชเ฿ ง่อื นผกู รั้ง เพราะสามารถปรับใหต฿ ึงหยอ นได฿ตามต฿องการ
การดูแลรักษาเตน็ ท์
การดแู ลรกั ษาเตน็ ทโใหม฿ อี ายุการใชง฿ านทยี่ าวนาน
1. ฝกึ กางเต็นทใโ ห฿ถูกวธิ ี เพราะการกางเตน็ ทไโ มถ ูกวิธี อาจทาํ ใหอ฿ ปุ กรณโบางชิ้นเกดิ ความ
เสยี หายได฿ เชน ใสเสาเตน็ ทผโ ดิ อันทาํ ให฿เกดิ ความเสยี หายเวลางอเสาเข฿ากบั เตน็ ทโ เปน็ ตน฿
2. อยา เกบ็ เต็นทโขณะเปียกถา฿ ไมจ าํ เปน็ เพราะจะทําให฿เกิดกลนิ่ อบั ควรจะนาํ เตน็ ทมโ าผ่งึ ลมให฿
แหง฿ กอนและนาํ เศษสงิ่ สกปรกออกจากเตน็ ทกโ อ นปดิ ซปิ ใหเ฿ รยี บรอ฿ ย
124 คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 117
คปู่มรอื ะสกง่ าเสศรนมิ ยี แบลัตะพรวัฒชิ นาาชกีพิจก1รรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4
ประกาศนียบตั รวิชาชพี 1
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4, ประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช. 1)
หน่วยท่ี 6 การบรรจุเคร่ืองหลงั เวลา 1 ชว่ั โมง
แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 10 การบรรจุเคร่ืองหลัง
1. จุดประสงค์การเรียนรู้
ลกู เสอื สามารถบรรจุเครอ่ื งหลงั ส�ําำหในรหบั มกูล่ารูกเเดสนิอื ทหารงับไกาลรไเปดอนิ ยทคู่ าา่ งยไพกกลั ไแปรมอไยดูค้ า ยพกั แรมได฿
2. เนอื้ หา
2.1 การวางแผนเตรียมอปุ กรณโ วัสดุ ส่งิ ของเครอ่ื งใชส฿ วนตัวและสวนรวมสาํ หรับเดนิ ทางไกลไป
พักแรมคา฿ งคนื
2.2 วธิ ีการบรรจเุ ครอ่ื งหลัง
3. ส่ือการเรยี นรู้
3.1 แผนภูมเิ พลง, เกม
3.2 ใบความรู฿ เรอ่ื ง การบรรจุเครอื่ งหลังสําหรบั การเดนิ ทางไกลไปอยคู ายพกั แรม
3.3 อุปกรณโสําหรบั การบรรจเุ ครอื่ งหลัง และเครอ่ื งหลงั
3.4 เร่ืองสนั้ ท่ีเป็นประโยชนโ
4. กิจกรรม
4.1 กิจคก่มู รอื รสมง่ เคสรริมง้ั แทละี่ พ1ฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 125
1) พิธเี ปดิ (ชกั ธงขน้ึ สวดมนตโ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
2) เพลง เดินทางไกล
3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคโการเรียนร฿ู
(1) ผู฿กํากับลูกเสือนําตัวอยา งส่ิงของเคร่ืองใช฿สว นตวั วัสดุ อุปกรณสโ าํ หรับเดนิ ทางไกลและ
อยคู า ยพักแรม เชน ช฿อน จาน ผา฿ เชด็ ตัว สบู แปรงสีฟนั ยาสฟี นั รองเท฿าแตะ อาหารสําเร็จรูป ฯลฯ มา
จัดเปน็ นทิ รรศการรูปแบบร฿านคา฿ โดยกํากับราคาสิ่งของเหลาน้นั ไว฿ ทุกรายการ
(2) ผก฿ู าํ กับลกู เสอื ให฿ลกู เสือเลอื กวัสดุอุปกรณสโ ิ่งของเครอ่ื งใช฿สําหรบั พักแรม ตามความ
จาํ เปน็ โดยจดั รายการซ้อื สง่ิ ของนั้น จากนิทรรศการรา฿ นคา฿ ในจาํ นวนเงนิ คนละไมเ กิน 300 บาท ตามใบ
รายการทไ่ี ด฿กาํ หนดไว฿
(3) ลูกเสอื นาํ รายทไี่ ดซ฿ ือ้ ไว฿จากรา฿ นค฿า มาตรวจสอบ และอภปิ รายในกลมุ ถงึ เหตุผล ความ
จําเปน็ แลว฿ สรุปเป็นข฿อกาํ หนดของกลมุ
(4) ผกู฿ ํากับลกู เสอื สรปุ และใหข฿ อ฿ เสนอแนะในการจัดเตรียม วสั ดอุ ปุ กรณโที่เป็นประโยชนโ
และคม฿ุ คาในการอยคู า ยพักแรม โดยยดึ หลกั ปฏบิ ตั ใิ นเรือ่ งความพอเพยี ง
4.4 ผูก฿ ํากบั ลกู เสอื เลาเร่ืองสั้นที่เปน็ ประโยชนโ
4.5 พธิ ีปิดประชมุ กอง(นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลิก)
4.2 กจิ กรรมครัง้ ที่ 2
118 คปมู่ร21ะือ))กสาง่เพศพเสนิธรลยีเี ิมปงบแหตัดิลรระปวพอื ชิรัฒเาะกชนชมพีาุมก1กิจกอรงรม(ลชูกักเสธอื งทขกั ึ้นษะชสีววิตดในมสนถตานโ สศกึงษบานปิ่งระตเภรทวลจูกเแสยอื วกสิ )ามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคโการเรยี นร฿ู
และค฿ุมคาในการอยคู า ยพกั แรม โดยยดึ หลักปฏิบตั ิในเร่อื งความพอเพยี ง
4.4 ผูก฿ าํ กับลูกเสอื เลา เรื่องส้นั ทีเ่ ป็นประโยชนโ
4.5 พธิ ีปิดประชมุ กอง(นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธงลง เลิก)
4.2 กิจกรรมคร้ังที่ 2
1) พิธีเปิดประชุมกอง (ชักธงข้ึน สวดมนตโ สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
2) เพลงหรือเกม
3) กิจกรรมตามจุดประสงคโการเรยี นรู฿
(1) ผู฿กํากบั ลูกเสอื มอบหมายใหน฿ ายหมูลูกเสอื แตละหมบู รรยายและสาธติ วิธีการบรรจเุ คร่ือง
หลังที่ถกู ต฿อง
(2) ลกู เสือปฏบิ ตั ิการบรรจวุ สั ดอุ ุปกรณสโ ิง่ ของสวนตวั ที่เตรยี มมาลงเครอื่ งหลงั ตามวธิ ีการ
ทน่ี ายหมลู ูกเสือไดส฿ าธิต
(3) ลูกเสอื ประเมนิ น้ําหนักสิ่งของเครอ่ื งใช฿ ทบี่ รรจุเครอ่ื งหลงั วาเหมาะสม และสามารถ
นําพา ไปไดด฿ ฿วยตนเองในระยะทาง 15 กิโลเมตร ได฿หรอื ไม
(4) ลกู เสือนําเครื่องหลังของตนมาเปรียบเทยี บ และแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ กับลกู เสอื คน
อน่ื แล฿วจัดเครอื่ งหลงั ของตนใหเ฿ หมาะสม
(5) ผ฿ูกาํ กับลูกเสือและลูกเสือรวมกันสรุปการเตรียมวัสดุ อุปกรณโของใช฿สวนตัวลงบรรจุ
เครอ่ื งหลังสาํ หรบั การพักแรมคา฿ งคนื
4) ผกู฿ าํ กับลกู เสอื เลาเร่อื งส้นั ที่เป็นประโยชนโ
5) พิธปี ิดประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธงลง เลิก)
5. การประเมินผล
126 55..21ปคู่มรสสะอื ังังกสเเากกง่ ศเตตสนรกกียิมบาาแัตรรลรปจะวดัพฏชิ เัฒาบิ ตชนัตรีพายีิงก1ามิจนกวขรสั รอดมงุอลลกูปุ ูกเกสเอืสรทณือกั สโษงิ่ะชขวีอติ งใสนวสนถาตนวั ศแึกลษะาสลว ูกนเสรอื ววมสิ ขามอัญงลชกู ้นั เสมธัือยมศึกษาปที ี่ 4
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมท่ี 10
เพลง
เดนิ ทางไกล
เดนิ ทางไกล เดินทางไกล ไปไปซิไปไปซไิ ปด฿วยกนั
เหนื่อยอยางไร ไมเคยหว่นั รวมใจกันและสามคั คี
เดนิ ทางไป ในกลางดง ใจนกึ ทะนงหลงเพลนิ เขาดอย
มุง หนา฿ ไป ไมยอ หยอ น ลมื ทกุ ขรโ อ฿ น มุงสูปลายทาง
รวมเงิน
รวมเงิน รวมเงนิ ใหด฿ ี รวมเงินวนั น้อี ยา ใหม฿ ีผิดพลาด
ผูห฿ ญงิ น้ันเปน็ เหรยี ญบาท ผ฿ชู ายฉลาดเป็นหา฿ สบิ สตางคโ
เกม คมู่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตรในวสมถเางนินศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4
1. กําหนดให฿ลูกเสอื ท่ีเป็นผู฿ชายใหส฿ วมหมวก เป็นผ฿ูหญงิ ให฿ถอดหมปวรกะกาศนียบัตรวิชาชพี 1
119
2. อธิบายการเลน เกมกาํ หนดใหล฿ ูกเสอื ชายเปน็ เงนิ มคี า ห฿าสิบสตางคโ ผ฿ูหญงิ เปน็ เงนิ มีคา
5.1 สงั เกต5ก.1ารสจังดั เกเตตรกียามรวจัสดดเตุอรปุ ียกมรวณสั โสดงิ่ อุ ขุปอกงรสณวนสโ ตง่ิ ขวั อแลงสะสวนว นตรวั วแมลขะสอวงนลกูรวเสมอื ของลกู เสือ
5.2 สัง5เ.ก1ตส5ก.ัง2าเกรสปตงั ฏกเกาบิ ตรตั จกิงดั าเรนตปขรฏอยี ิบงมลตั วกูงิสั าเดสนุออื ขปุ อกงรลณกู เโสส่ิงือของสว นตวั และสวนรวมของลกู เสือ
5.2 สงั เกตการปฏบิ ัติงานของลูกเสอื
เพลง เพลง ภาคผนวกภปาคระผกนอวบกแปผรนะกอารบจแัดผกนิจกการรรจมัดทก่ี จิ1ก0รรมท่ี 10
เพลง
ภาคผนวกปเดรินะกทอาบงไแเกดผลนนิ กทาารงจไกัดลกิจกรรมท่ี 10
เดนิ ทางไกเดลนิ ทาเงดไนิกทลาเงดไกนิ เดลทนิ าทงไาไปกงไลกปลซิไปไปไซปไิ ซปิไดป฿วไยปกซนั ไิ ปด฿วยกนั
เเมดหุงินนหท่อื นาเยเดา฿งหอไินไนเปยปดทเอื่เมาดหนิางยุงไนิใงนไทหอมนไทรอื่ายนยปกางยาอา฿ลไงไงอไหมไากใไปยปนงยเลรคาดกอ งยงไลในไไมหนมารยกงวเเใคดดอ่ันลลจไยงหินมนามื หงทยเทึกคดรวอทากุใวยงัน่จงนขะมหไนนรโใกวึกอ฿จใงลรน่ัลจทหนกวนืมันะลมทกึนงแมใรไทกุเจงลวุงพปหกขะมสะไลนสรโนัลูปใปินอ฿จางงแลซมหนกเเลาขพิไคันลยะาปลสงคแมทดไินเาลีงุาพอปมเสะงขยซลสัคปู านิไิาคลดปมเีาขอดัคยาย฿วคทดยี าอกงยนั
มงุ หนา฿ ไป ไมยอ รหวยมอ เนงิน ลรมื วทมกุ เขงินรโ อ฿ น มงุ สปู ลายทาง
รวมเงิน รวรวมมเงเินงินใหร฿ดวี มเงนิ ใหรร฿ดววี มมเเงงินนิ วันรนวี้อมยเงา นิ ใหวนัม฿ นผี ี้อิดยพาลใาหดม฿ ีผิดพลาด
ผู฿หญรงิ วนมัน้ เเผงปินห฿ู น็ ญรเหวิงมนรยีเน้ั งญเินปบใน็หาเทด฿ หี รยี ผญู฿ชบาายทรฉวลมาเผงดนิูช฿เปวา็นยนั หฉนลา฿้ีอสายดบิ า เใสปหต็นม฿ าหผีงคา฿ิดสโพิบลสาตดางคโ
เกม เกม ผ฿ูหญงิ น้ันเป็นเหรยี ญบาท ผ฿ูชายฉลาดเปน็ ห฿าสบิ สตางคโ
เกม รวมเงนิ รวมเงิน
1. กําหนด1ใ.หก฿ลาํูกหเสนอื ดทใหเ่ี ป฿ล็นกู ผเสูช฿ อื าทยเ่ีใปห็นส฿ วผม฿ชู หายมใวหก฿สรเวปวม็นมหผเมง฿ูหวนิ ญกงิ เใปห็นถ฿ ผอห฿ู ดญหงิมใวหกถ฿ อดหมวก
ล1สูกบิ บเสสาตทือสล1าเกูิบงปบ234คเส็นสา...1สลเโตทผมอือเเกูิบาลบรก฿ูเธอื่เสงปนิ่มสาบิาํ231คคตน็แทอืเห...ารเโาลลผเมอกบยนเงปนะรก฿ู234ธ่ือกาํแคดร็นิ่มใ..ห.บิําคาลโเกอ฿หผมเหเอรเนว฿ารงาลล฿รลเก฿ูธอ่ืบยในซรดลน่ินมหูกบิาํคกรแดใาํ้นแใเห฿นวหาราลปกลเหสลมบยรน่ังกว฿ล฿รานะื฿อลเลกเแใดูกมะรลรงใหูกเงามลรกเกอ฿นนิหดส฿นรวเ฿วากงาาํเิสน฿ลเอมืใเณง่ักซรหลลชืหูกอปทลเรมํ้านุมงน฿นเวงเ่ีเะ3ปกนิเดทดสปมป่ังกกรสําืิใรน่ีรอ็นลเเมะนหหบ่ีลองวชเงปผมกนิมุนกด฿ลมบาน ชู฿ะากําทกูัิทดนไเณปาหเลสมชเหใร่ีใปพยสนหุมนีบ่คนวนา฿ใะ3่อือื กทล฿มดารสหกปหชสทบกูันใรไ่ีริบส฿ลนหาา่ีบมอวเหตใวุมยสลกใล฿มบาคน฿อา฿มหโอเกูืทูกันไรสงปกดหชเ฿ลมบเหอิบใพสน็ลยสมาูกคนอต฿าอืุมเ่ออยืรวเใรงสกกอ฿ทสหวหชโเกบินิบจงปลดือีร่มาาล฿ ตอมาเวุนม็รยยลกกูปใกออ฿คีมวเหโเูกรัเนน็งกเงปามดกสวเกล฿ินอรผจสน็กือลยมหกูม฿ออมาอห฿ูืเนัุมรรกเ฿างกกงคีทวสญวทเสนิันเเจปามอืรี่มพกิบ่เีิงมารวป็นกรหกใมสก฿ลอคีมวหนั็นกันา฿ตเงงามก฿ถลเกผสราเปกลุมหอพมชู฿บิวง฿อน็นัุม ดคใา฿นมสลงหทกเสหโตะเงปผ฿คพลงบิ่ีเมราปน็ู฿หินมุรสวงลว็นกบญคใมตกงหเลผจโราเงิมผมุค฿าํ฿ชูงวงเ่ือ฿หูปนินคใรนมหจบญน็วโะเผบเค฿นงจเงิมงห฿ูินเราํเเนิื่พองบปนญินมจเลจน็วิงมบคีาํนงเเส่ืองปนผาเเบ่ี นิพจงน็วู฿กาินบมนลเําทงีคเงเกสหินพงผา ับี่บนิม฿าลู฿กาคีงํสาทผากบี่ ห฿ูกับา฿าําทกหับ฿า
ใบความรใู้ บค4ว.าเมลนรู้และร฿องซ้าํ ประมาณ 3 รอบ เพ่ือหาลูกเสอื ท่รี วมกลมุ ทเ่ี ป็นผชู฿ นะ
ใบความรู้การบรรจกุเคารบ่อื งรหรจลเุงั คสราอ่ื หงรหบั ลกังาสราเหดรนิ บั ทกาางรไเกดลินไทปาองยไู่คกา่ลยไพปักอแยรคู่ มา่ ยพักแรม
การเดนิ ทากงาไรกเกดลาไินรปทบอารยงรูคไจกา เุยลคไพรปกั ่อื อแงยรหูคมลาเยังปสพ็นากั กหแจิรรกับมรกรเปามรน็หเกนดจิึ่งนิ กซทร่ึงราลมงกู ไหเกสนอืลึง่ จไซะปง่ึ ตลอ฿อูกยงเ่คูมสา่ีกอื ยาจรพะเตักตอ฿ รแงยี รมมมกี กาารรเเตรร่อื ยี งมเคกราอื่ รงเร่ืองเครอื่ ง
2หลปังรใะหห2เ฿พภลป12ทรงั ร..2หอ฿ใะหออคมลเปุปุป฿พภอืงั รแ1กกกใทระหล.าอ฿รรเะอร฿พณณภคมเเ12ปุอืทหรดเโสโ ..แอกฉ฿ มนิว ออลคมรพนาทะุปปุณอื ะารเาแกกสหะวเโงลฉรรบมมไมะณณกพกุคาเหหละับคโเโสาฉสไรมะวลกปือพบมนาหออะกุคารรสปุยระเวบัคดอืบมคูกมลกินกคุาราอหหทยณับครุปรรพาเลกสโกดอือืงกัาํารหไินอรแหอณกุปทรเรปุรดลือกปโามับไกินงรรอปหรไทเณะปุปณกพมจาโสก็นลําหักูงปโ ําไรตไกครรหปณกวัอจืิา฿ะรพลกกงจปโ บัไคาํักรอรปหตรนืคงะพมมวัจา฿ อหาํหักูงปุตคนครกวัอนืืา฿ึ่งรกซงอคณอ่ึงุปนืลงทโ กกู ต่ีอรเสุป฿อณองืกโทจจรัดีต่ะณตเ฿อตโท฿องรจ่ีตงยี มดัอ฿ มกีเงตแจาบรดัรียเงเตตมอรรแอียียกบมมเงปกแอ็นาบอรกง เอเรปอื่อน็กงเเคปรน็ อ่ื ง
2ค.ู่มออื ุปสกง่ เรสณริมคโสแมู่วลอืนะพสรง่ฒั วเสนมราิมกหแจิ รลกือะรพอรมฒัุปลนกกู ารเกสณจิอื กสโทรักาํ รษหมะลรชบัูกีวเหติสใือมนทหู สกั ถรษอาื ะนกชศวีอกึติ งษในาสลถูกาเนสศอื กึวสิษาามปลัญรกู ะเกสชาือัน้ ศวมนสิ ธั ียายบมปมตัญั รศระกึ วกชษิชานั้ าาศมปชนัธีพที ียยี่ บ14มตั ศรึกวษชิ า1าปช2ีพีท7ี่ 4 127
1
คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 127
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
120 ค่มู อื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 1
อุปกรณ์เฉพาะบคุ คล ควรเปน็ สงิ่ จาํ เปน็ มนี ํ้าหนักไมม ากนกั ได฿แก
1. กระตกิ น้ํา ใสน า้ํ สะอาดใหเ฿ ต็ม
2. เครื่องใช฿ประจาํ ตัว เชน ผา฿ เช็ดตัว ผ฿าขาวมา฿ ผา฿ ถงุ สบู แปรงสีฟนั ยาสฟี ัน รองเท฿าแตะ ไฟ
ฉาย ชอ฿ นสอ฿ ม จานข฿าว ยาทากันยงุ เปน็ ต฿น
3. เคร่ืองแบบและเครอื่ งประกอบเคร่ืองแบบ ได฿แก เสือ้
กางเกง (กระโปรงสําหรบั เนตรนารี) ผ฿าพันคอ หมวก เขม็ ขดั
รองเทา฿ ถุงเท฿า เปน็ ตน฿
4. ยาประจําตวั และอปุ กรณปโ ฐมพยาบาล
5. เข็มทิศ แผนท่ี สมุดจดบนั ทึกการเดนิ ทาง ดนิ สอ ปากกา
6. ฤดฝู นต฿องเตรียมชดุ กันฝน ฤดหู นาวให฿เตรยี มเส้อื กนั หนาว
7. เครอื่ งนอน เชน เตน็ ทโ ผา฿ ปทู ่นี อน เสื่อ ผา฿ หม ถุงนอน เปน็ ต฿น
8. ถุงพลาสตกิ เพ่อื ใช฿สําหรับใสเสอื้ ผ฿าเปียกชื้นหรือเสอ้ื ผา฿ ทใ่ี ชแ฿ ลว฿
9. เชือกหรือยางเพอ่ื ใช฿ผูกรดั อุปกรณสโ ิง่ ของเลก็ ๆ นอ฿ ย ๆ
10. ไมง฿ า ม
อุปกรณ์ ส่วนรวม หรอื อปุ กรณ์สาหรบั หมูห่ รอื กอง เป็นอปุ กรณทโ ่ใี ช฿สาํ หรบั ทุกคนในหมหู รือกอง
ในการอยคู า ยพกั แรมรวมกนั และตอ฿ งแบง หนา฿ ที่กนั นําส่งิ ของไป เชน
-- นายหมู เอาตะเกยี ง มีดพรา฿ และแผนท่ี
-- รองนายหมู นาํ พล่ัวสนาม เตน็ ทโ กระดาษชาํ ระ กระเปา ยาและอปุ กรณใโ นการปฐมพยาบาล
ถงั นํา้ กะละมงั ไม฿ขดี ไฟ เชือ้ ไฟ ยาขดั รองเทา฿ ยาขดั โลหะ
-- หัวหนา฿ คนครัว เตรยี มกระทะ หมอ฿ ทัพพี หม฿อ สาํ หรับปรุงอาหาร กระทะ มีดทาํ ครัว
-- รองหวั หนา฿ คนครัว นาํ กับขา฿ ว เครอื่ งปรุง อาหารสด อาหารแห฿ง และอาหารกระปองสาํ หรบั
รบั ประทานทง้ั หมู
สิง่ ที่ไมค่ วรบรรจุเคร่ืองหลัง
ไมค วรนาํ สงิ่ ของอนื่ ๆ ที่ไมจ าํ เป็นและของมคี า ทุกชนิดไป เชน สายสร฿อยทองคาํ โทรศพั ทรโ าคา
แพง เครอ่ื งเลนรวมถึงอุปกรณโอิเล็กทรอนกิ สอโ น่ื ๆ ฯลฯ นําเงนิ ติดตวั ไปเทา ทีจ่ ําเปน็ ตอ฿ งใช฿ รวมท้งั ไม
พกพาอาวุธทกุ ชนดิ
การบรรจสุ ิง่ ของลงในถุงเคร่อื งหลังหรอื กระเปา๋
เครื่องหลัง คอื ถงุ หรือกระเปาสาํ หรับใสส ง่ิ ของตา ง ๆ ใช฿สะพายหลงั เพอ่ื สามารถนําสงิ่ ของตดิ ตัว
ไปได฿สะดวก จัดเป็นส่ิงสําคัญและมคี วามจาํ เป็นมากสาํ หรบั กิจกรรมการเดนิ ทางไกล เพราะลกู เสอื ตอ฿ ง
ใช฿บรรจอุ ปุ กรณโประตัว อปุ กรณโประจําหมู ทตี่ อ฿ งนําไปใชใ฿ นการอยคู า ยพกั แรม
เครอ่ื งหลังมหี ลายชนิดแลว฿ แตล กู เสอื จะเลือกใชเ฿ ชน กระเปา ยา ม หรอื เปฺ ลกู เสอื ควรเลอื กใช฿
เครอื่ งหลงั ทม่ี ลี ักษณะคลา฿ ยเปฺ เพราะมชี อ งสําหรบั แยกบรรจุสง่ิ ของได฿หลายประเภท
การบรรจสุ ิ่งของลงในถุงเครอ่ื งหลังหรอื กระเปา มีข฿อแนะนาํ ดงั น้ี
1. เลอื กเครอื่ งหลงั ทม่ี ีขนาดพอเหมาะไมเล็กหรอื ใหญจ นเกินไป
128 ค่มู ือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 121
คป่มู รือะสก่งาเสศรนมิ ยี แบลัตะพรวัฒชิ นาาชกีพิจก1รรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
2. บรรจสุ ่งิ ของทมี่ ีน้ําหนกั มากหรอื สง่ิ ของทใ่ี ชภ฿ ายหลงั ไวข฿ า฿ งลาง สว นส่ิงของท่ีใชก฿ อ นหรอื ใช฿
รบี ดว น เชน ไฟฉาย เส้ือกนั ฝน ไมข฿ ีดไฟ ฯ ใหบ฿ รรจไุ วข฿ า฿ งบนสดุ เพื่อสามารถนําออกมาใช฿ไดอ฿ ยาง
สะดวก
3. บรรจุส่งิ ของนมุ ๆ เชน ผ฿าเช็ดตวั ผา฿ หม เสอ้ื ผ฿า ฯลฯ ตรงสวนที่สมั ผัสกบั หลังของลกู เสอื เพือ่
จะได฿ไมเจบ็ หลังขณะเดนิ ทาง
4. สิง่ ของบางประเภท เชน ยารกั ษาโรค ขา฿ วสาร เป็นตน฿ ควรใสถงุ ผ฿าหรือถงุ พลาสตกิ กอน
แลว฿ จึงบรรจุลงเครือ่ งหลงั
5. ในกรณที ี่ถุงนอน และผา฿ หมบรรจเุ ครอ่ื งหลงั ไมได฿ ให฿ผกู ถุงนอนและผ฿าหมนอนของลกู เสือไว฿
นอกเครื่องหลงั คลมุ ดว฿ ยแผน พลาสตกิ ใสเพื่อกนั การเปยี กน้ํา
6. เคร่อื งหลังทีล่ กู เสือนําไปตอ฿ งไมห นกั จนเกนิ ไป เพราะจะทาํ ให฿ลกู เสอื เหน่ือยเรว็ น้ําหนกั ของ
เคร่ืองหลงั ควรหนกั ไมเ กิน 1 ใน 5 ของนา้ํ หนกั ตัวลูกเสอื เชน ถา฿ ลูกเสอื หนกั 60 กโิ ลกรัมเครอ่ื งหลังควร
หนักไมเ กนิ 12 กิโลกรัม เป็นต฿น
เรอ่ื งสนั้ ท่เี ปน็ ประโยชน์ อกี ากับเหยอื ก
ขณะท่ีอีกาตัวหน่ึงกําลังบินอยู มันรู฿สึกกระหายนํ้ามาก เม่ือมองเห็นเหยือกน้ําตั้งอยูด฿านลาง
จึงรอนลงไปยังจุดหมาย เม่ือมองเข฿าไปในเหยือก พบวามีนํ้าอยูเพียงเล็กน฿อย มันจึงพยายามสอด
จะงอยปากเข฿าไปเพ่ือจะด่ืมนํ้า ไมวามันจะพยายามเทาใดก็ไมสามารถสอดจะงอยปากเข฿าไปถึงก฿น
เหยือกได฿
วธิ ีถัดมา มนั พยายามจะควา่ํ เหยือก เพอื่ ใหน฿ า้ํ ไหลหกออกมา แตเหยือกนน้ั หนักเกินไป
ในที่สุด มันเหลือบไปเห็นกอ฿ นหนิ ใกล฿ ๆ กบั บริเวณนัน้ จึงคาบมาหยอ นลงในเหยือกนา้ํ ทีละกอ฿ น
จนระดบั นํ้าทก่ี ฿นเหยือกคอ ย ๆ เออ ขึ้นมา ในทส่ี ดุ มันกด็ ่มื นํา้ ได฿ตามท่ตี ฿องการ
เร่ืองนี้สอนใหร้ วู้ า่ คนฉลาดมกั คดิ หาวิธไี ปสคู วามสําเรจ็ ไดด฿ ฿วยความอตุ สาหะไมยอ ท฿อเสมอ
หมาปา่ กบั หมาเลีย้ งแกะ
วันหนึ่งุฝูงหมาปูากลาวกับบรรดาหมาเล้ียงแกะกลุมหน่ึงวา “พวกเธอก็คล฿ายกับพวกเรา
ทาํ ไมเธอไมม าอยูเสียด฿วยกนั กบั เราเลา” หมาเลยี้ งแกะจึงตอบวา “เราต฿องทํางานให฿กับนายของเรา คอย
ดแู ลแกะพวกน้ี นายเขาไวใ฿ จเราให฿ชวยดแู ลแกะเหลา นี้ใหพ฿ ฿นจากการเป็นเหยื่อของพวกหมาปาู เชน เจา฿ ”
คูม่ อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 129
คูม่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ปชรั้นะมกธัายศมนศียึกบษตั ารปวีทชิ ี่ า4ชีพ 1
122 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1
จนระดบั น้ําทก่ี น฿ เหยือกคอ ย ๆ เออ ขึ้นมา ในทสี่ ุดมนั กด็ ่ืมน้ําไดต฿ ามทต่ี ฿องการ
เรอ่ื งนสี้ อนให้รูว้ ่า คนฉลาดมกั คดิ หาวธิ ไี ปสคู วามสาํ เร็จไดด฿ ว฿ ยความอตุ สาหะไมยอ ทอ฿ เสมอ
หมาป่ากับหมาเลย้ี งแกะ
วันหนึ่งุฝูงหมาปูากลาวกับบรรดาหมาเลี้ยงแกะกลุมหนึ่งวา “พวกเธอก็คล฿ายกับพวกเรา
ทาํ ไมเธอไมมาอยเู สียด฿วยกนั กบั เราเลา” หมาเล้ียงแกะจึงตอบวา “เราตอ฿ งทาํ งานให฿กับนายของเรา คอย
ดแู ลแกะพวกน้ี นายเขาไวใ฿ จเราให฿ชวยดแู ลแกะเหลาน้ีให฿พ฿นจากการเปน็ เหย่อื ของพวกหมาปูาเชนเจา฿ ”
“ทาํ ไมเธอถงึ ทาํ งานกับเขาอยูได฿นะ” หมาปูาตัวหนึ่งเอยข้ึน “เขาใช฿งานเธอหนักมาก ให฿อาหาร
เธอน฿อยนิด ดูพวกเราสไิ มต฿องทาํ งานเลย แตเ ราก็ยังมีอาหารกินอุดมสมบูรณโ เธอควรไปอยูกับพวกเรา
หพมวากปหาู มตคมู่าวั อืเหลสนี้ยง่ เ่งึ งสเแรอิมกยแะชลใกัชะพชเ฿ วัฒวลนนาาคกิจดิ กอรยรมนู ลากู นเสือใทนักทษส่ีะชดุ ีวกิตต็ในกสลถงาในจศรกึ บั ษคา ําลชกู เักสชอื ววสินาขมปอญั รงะกหชา้นัมศมนาัธยีปยบูามัตศรึก“วดษิชาาีแปชลีพที ฿วี่ 14” 129
ดีกวา ” พวก
หมาปาู วา “พวกเราจะพาเธอไปอยูด ฿วยกัน”
ดังนั้น พวกหมาเล้ียงแกะจึงผละจากฝูงแกะตามพวกหมาปูาไป เม่ือพากันมาได฿ระยะหนึ่งที่
ไกลพอแล฿ว พวกหมาปาู ก็หันกลบั มาบอกกับพวกหมาเลี้ยงแกะวา “เอาละทีนเ้ี ราก็ได฿พาพวกเจ฿ามาถึง
ทน่ี แ่ี ลว฿ เราจะกินพวกเจา฿ ละ” วาแลว฿ หมาปูาฝูงนนั้ กร็ ุมกันกดั กินหมาเลีย้ งแกะ
เรือ่ งน้สี อนใหร้ ้วู ่า ผ฿ูทหี่ ลงเช่อื คนงา ย ไมคดิ ไตรต รองใหร฿ อบคอบ มักตกเป็นเหย่ือของคนชวั่
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื วิสามัญ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4, ประกาศนียบตั รวิชาชพี (ปวช. 1)
หนว่ ยท่ี 7 การก่อไฟและปรงุ อาหาร เวลา 2 ชวั่ โมง
แผนการจดั กิจกรรมที่ 11 การกอ่ ไฟและปรงุ อาหาร
1.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
ลกู เสือสามารถกอและจุดไฟแล฿วปรงุ อาหารสําหรบั 2 คนได฿
2.เนื้อหา
2.1 ส่งิ อาํ นวยความสะดวกในชวี ติ ประจาํ วัน
2.2 การฝึกปฏิบตั กิ จิ กรรมการกอ ไฟและปรงุ อาหาร
3.สือ่ การเรยี นรู้
3.1 แผนภมู เิ พลง,เกม
3.2 ใบความร฿ู เร่ือง การกอ กองไฟ
3.3 วัสดสุ ําหรับการกอกองไฟ, เคร่ืองปรงุ และอุปกรณโในการประกอบอาหาร
3.ค4มู่ อืเรสือ่งเงสสรมิ ัน้ แทละเ่ี พปฒั น็ นปารกะิจโกยรรชมนลกูโ เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 123
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
4.กจิ กรรม
4.1 กิจกรรมครงั้ ท่ี 1
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสือวิสามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4, ประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช. 1)
หนว่ ยที่ 7 การก่อไฟและปรงุ อาหาร เวลา 2 ชว่ั โมง
แผนการจดั กจิ กรรมที่ 11 การก่อไฟและปรงุ อาหาร
1.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
ลูกเสือสามารถกอและจุดไฟแล฿วปรุงอาหารสําหรับ 2 คนได฿
2.เน้ือหา
2.1 ส่งิ อาํ นวยความสะดวกในชีวิตประจําวนั
2.2 การฝึกปฏิบตั ิกจิ กรรมการกอ ไฟและปรงุ อาหาร
3.สอ่ื การเรยี นรู้
3.1 แผนภมู เิ พลง,เกม
3.2 ใบความรู฿ เรื่อง การกอ กองไฟ
3.3 วสั ดุสําหรับการกอกองไฟ, เครื่องปรุงและอุปกรณโในการประกอบอาหาร
3.4 เร่อื งสน้ั ท่ีเป็นประโยชนโ
4.กิจกรรม
4.1 กจิ กรรมคร้ังที่ 1
1) พธิ ีเปดิ ประชมุ กอง (ชักธงขึ้น สวดมนตโ สงบน่ิง ตรวจ แยก)
130 คป23มู่ร))ะือกกเสาพ่งจิ ศเลกสนงรรียิมโรบอแมัตลเ฿ รตมะวาพอ่ืชิ มัฒามชจนีไีพดุฟากป1ิจหรกะรรสือรมงเกคลูกมกโ เตาสรอือ฿ เทนรักียปษนละชราวีู฿เขติ า฿ในอสวถนานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4
(1) ลกู เสือเลาประสบการณกโ ารกอกองไฟ
(2) ผกู฿ ํากบั ลูกเสือใหล฿ กู เสอื ดรู ปู ภาพกองไฟแบบตา ง ๆ ลูกเสอื แสดงความคดิ เห็นเรอ่ื ง
รปู แบบของกองไฟท่ีใหค฿ วามร฿อน และท่ใี ห฿แสงสวาง ในกิจกรรมการอยคู า ยพกั แรม
(3) ลูกเสอื และผ฿กู ํากับลกู เสือรวมกันสรปุ ประโยชนขโ องกองไฟรูปแบบตาง ๆ
(4) หมลู ูกเสอื ฝกึ ปฏบิ ัตกิ อกองไฟ 3 แบบ (แบบคอกหมแู แบบบบกกรระะโโจจมม แแลละแบบผสม)
(5) ผ฿ูกํากบั ลกู เสอื ให฿ข฿อเสนอแนะ ลกู เสอื นําทกั ษะประสบการณไโ ปใช฿ในการอยูคา ย
พกั แรม
4) ผ฿ูกํากับลกู เสือเลา เรอ่ื งส้นั ที่เป็นประโยชนโ
5) พธิ ปี ิดประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธง เลกิ )
4.2 กจิ กรรมคร้งั ท่ี 2
1) พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนตโ สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจุดประสงคโการเรียนร฿ู
(1) ผ฿กู าํ กบั ลูกเสอื ให฿ลูกเสอื แตล ะคกู อ ไฟ และประกอบอาหารตามทไ่ี ด฿วางแผนไว฿
ภายในเวลาที่กาํ หนด
124 คูม่ อื ส่งเส(ร2มิ )แผละกู฿ พาํ ัฒกนับากลิจูกกเรสรือมลแูกลเสะือลทูกกั เษสะอื ชวี ริตวในมสกถันานปศรึกะษเามปนิ รกะเาภรทปลูกฏเิบสอื ตั วิงสามนญั แลชะนั้ สมัธรยุปมศึกษาปที ี่ 4
ประกาศน(3ียบ) ัตผรู฿กวชิําากชบั พี ล1ูกเสอื ให฿ข฿อเสนอแนะเพมิ่ เติม เรอ่ื งการจัดเก็บทําความสะอาดภาชนะ
ประกอบอาหารและการฝึกฝนเพ่มิ เตมิ ในครอบครวั เพ่อื เตรยี มพรอ฿ มในการอยคู า ยพกั แรม
พักแรม
4) ผ฿กู าํ กับลูกเสือเลาเรอื่ งสน้ั ที่เป็นประโยชนโ
5) พธิ ีปดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชกั ธง เลกิ )
4.2 กิจกรรมครั้งท่ี 2
1) พธิ ีเปิดประชมุ กอง (ชักธงขึ้น สวดมนตโ สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กจิ กรรมตามจุดประสงคกโ ารเรียนรู฿
(1) ผ฿ูกาํ กบั ลูกเสือใหล฿ กู เสอื แตล ะคูก อ ไฟ และประกอบอาหารตามทไี่ ด฿วางแผนไว฿
ภายในเวลาท่กี าํ หนด
(2) ผู฿กาํ กบั ลกู เสือและลกู เสือ รวมกันประเมินการปฏิบตั ิงานและสรุป
(3) ผูก฿ ํากับลูกเสอื ให฿ขอ฿ เสนอแนะเพิ่มเติม เรอ่ื งการจดั เก็บทําความสะอาดภาชนะ
ประกอบอาหารและการฝึกฝนเพมิ่ เตมิ ในครอบครวั เพอ่ื เตรยี มพรอ฿ มในการอยูคา ยพกั แรม
4) ผูก฿ าํ กับลกู เสอื เลา เรื่องสน้ั ที่เป็นประโยชนโ
5) พิธปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธงลง เลกิ )
5.การประเมินผล
5.1 สงั เกตความรวมมือในการปฏิบัติกจิ กรรม
5.2 สงั เกตการมสี วนรวมในการทาํ กจิ กรรม และตรวจสอบความถกู ตอ฿ งในการปฏิบตั ิ
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 11
เพลง
ค่มู อื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 131
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
คมู่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 125
ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 1
มากินข้าวสิ
มากนิ ขภา฿ วคสผิ (นซวา้ํ ก) ปกับระดกีๆอ(บซแาํ้ )ผนกมาีทรจงั้ แดั กกงิจแกลระรตมม฿ ทยาํี่ 1(1ซ้ํา) อรอยดี ๆ
เกพมลง
แบง กอคงู่มลอื ูกสเง่สเสอื รอมิ อแกลเะปพัฒน็ น2ากกจิ ลกมุรรมใหลมตูกก฿าเ้อกสลอืนมุนิ ทหปขักนลษ้าง่ึวะาชทสเีวขาํิิตห้าใอนนสว฿าถนทาเ่ีนปศน็กึ ษอาวนลกู โเสดือยวใสิ ชาม฿มปญัอืระจกชับาั้นกศมนันธั ยี ไยบวมัตเ฿ศปรกึ วน็ษิชลาาปชกู ีพีทโี่ซ14 ไล 131
ต฿อนอีกกลุมทที่ าํ หน฿าทม่ีเาปกน็ ินปขล฿าาวใสหิ ฿เ(ขซา฿า้ํ ม) ากอบั ยดูในีๆว(งซจาํ้ )บั เวลมาีทเ้งัมแอ่ื กคงรแบละ2ตนม฿ ายทาํ ีก(รซรํ้าม)กอารรอนยับดจี าํๆนวนปลาท่อี ยู
ในวง แลว฿ ใหส฿ ลับหนา฿ ทกี่ ัน กลุมที่เปน็ ปลากลับมาจบั มอื กนั เปน็ อวน ไลต฿อนอีกกลมุ เขา฿ วง จนครบ 2
เนกามที
การตดั สนิ กลมุ ใดตอ฿ นปลาไดม฿ ากตก้อวนากปลลมุ านเขน้ั า้ เปอ็นวนผช฿ู นะ
แบง กองลูกเสอื ออกเปน็ 2 กลุม ให฿กลมุ หนง่ึ ทาํ หนา฿ ท่ีเปน็ อวน โดยใชม฿ อื จบั กันไวเ฿ ปน็ ลกู โซ ไล
ตอ฿ นอกี กลมุ ทที่ าํ หน฿าท่เี ป็นปลาให฿เขา฿ มาอยใู นวง จบั เวลา เม่อื ครบ 2 นาทีกรรมการนับจาํ นวนปลาทอ่ี ยู
ในวง แล฿วใหส฿ ลบั หน฿าท่กี ัน กลมุ ทเ่ี ป็นปลากลับมาจับมอื กนั เป็นอวน ไลต ฿อนอกี กลมุ เขา฿ วง จนครบ 2
นาที
การตัดสิน กลมุ ใดตอ฿ นปลาไดม฿ ากกวากลุมนน้ั เปน็ ผ฿ูชนะ
ใบความรู้
การเลอื กเชอ้ื เพลิง เลอื กกิ่งไมแ฿ ห฿งเลก็ ๆ โดยเฉพาะทีแ่ ห฿งคาตน฿ จะตดิ ไฟงา ย ถ฿าเป็นกง่ิ ใหญควรผา
ออกเปน็ ซีก ๆ กอ น แตถ฿าเปยี กชื้นควรนาํ ไปผึ่งแดดใหแ฿ ห฿ง
การจดุ ไม้ขีดไฟ ผู฿จดุ นงั่ ในลักษณะบังลม จุดโดยหนั ขดี ออกนอกตัว เมอ่ื กา฿ นไมข฿ ีดตดิ ดีแลว฿ รบี นําไปจุด
เช้อื ไฟตอ
ขใบ้อคคววารมรระวู้ งั ตอ฿ งดับไฟให฿เรยี บร฿อยทกุ ครงั้ เมอ่ื เลิกใช฿ แลว฿ เกบ็ เศษถานและขีเ้ ถา฿ ลงหลุมกลบแล฿วปรับ
พกานื้ รทเใ่ีลหอื อ฿ กยเูใชนอื้ สเภพาลพิงเดเลมิ ือกกง่ิ ไมแ฿ หง฿ เลก็ ๆ โดยเฉพาะท่แี ห฿งคาตน฿ จะตดิ ไฟงา ย ถ฿าเป็นก่ิงใหญควรผา
ออกเป็นซกี ๆ กอ น แตถ ฿าเปยี กชนื้ ควรนาํ ไปผงึ่ แดดให฿แหง฿
การจดุ ไม้ขดี ไฟ ผู฿จดุ นงั่ ในลักษณะบังลม จุดโดยหนั ขดี ออกนอกตวั เม่ือก฿านไมข฿ ดี ตดิ ดแี ลว฿ รบี นําไปจดุ
เช้อื ไฟตอ
ข้อควรระวัง ตอ฿ งดบั ไฟให฿เรยี บรอ฿ ยทกุ ครั้งเมอ่ื เลกิ ใช฿ แล฿วเกบ็ เศษถานและขเ้ี ถา฿ ลงหลมุ กลบแลว฿ ปรบั
พน้ื ทใี่ หอ฿ ยใู นสภาพเดมิ
132 ค่มู อื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
126 ค่มู ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
เรือ่ งส้ันที่เป็นประโยชน์ ไกก่ บั สนุ ัขจ้งิ จอก
สนุ ขั จ้งิ จอกตัวหนึง่ คอยเดนิ วนเวียนอยูใกล฿ๆ กับเล฿าไก สร฿างความหวาดกลัวให฿กับลูกไกมาก
ไกต ัวหนงึ่ จึงบินขึ้นไปอยูบนรวั้ และเฝาฺ จบั ตาดูสนุ ัขจ้งิ จอกด฿วยความหวาดกลัว เม่อื ใดทเี่ จา฿ สุนขั จ้ิงจอก
ขยับตวั เข฿ามาใกล฿ มันกจ็ ะบินหนีไปอยา งรวดเรว็ ทําใหไ฿ กต ัวอืน่ ๆ เยาะเยย฿ ถากถางในการกระทาํ ของ
มัน และดหู ม่นิ วามนั ขขี้ ลาด เจา฿ ไกไ ด฿ฟังดังนั้นกต็ อบออกไปวา
“เจ฿าจะเรียกขา฿ วาอยางไรกไ็ ด฿ แตสําหรับขา฿ แลว฿ ข฿าร฿จู ักพิษสงของสนุ ัขจิ้งจอกดี และแนใ จวา ถา฿
พวกเจ฿าไดเ฿ ผชิญหนา฿ กบั สุนขั จงิ้ จอกเหมอื นอยา งท่ขี า฿ เคยโดนมาแล฿ว พวกเจ฿ากอ็ าจจะมสี ภาพไมผดิ ไป
จากขา฿ อยา งแนนอน”
เร่อื งน้สี อนใหร้ ู้วา่ การยอมรับวา ตนเป็นคนขลาด แตรูจ฿ กั ระวังภัย ดกี วาเสแสร฿งเปน็ คนกลา฿ หาญ
แล฿วต฿องพบจดุ จบในภายหลัง
นกอนิ ทรกี ับอกี า
นกอินทรีตวั หน่งึ คอยจ฿องตะปบลกู แกะอยูบนยอดผาสูง เมอื่ ได฿โอกาสเหมาะ มนั กโ็ ฉบเอาลูก
แกะขึน้ ไปด฿วยองุ฿ เล็บอนั แขง็ แกรง แล฿วบนิ กลบั สูรงั บนยอดผาสูง
คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 133
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
คมู่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 127
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1
เรอื่ งน้ีสอนใหร้ วู้ ่า การยอมรบั วาตนเปน็ คนขลาด แตร฿ูจักระวังภยั ดกี วา เสแสร฿งเปน็ คนกลา฿ หาญ
แลว฿ ตอ฿ งพบจุดจบในภายหลัง
นกอินทรกี บั อีกา
นกอินทรีตวั หนงึ่ คอยจอ฿ งตะปบลกู แกะอยูบนยอดผาสงู เมอ่ื ได฿โอกาสเหมาะ มนั กโ็ ฉบเอาลกู
แกะข้นึ ไปด฿วยอุ฿งเลบ็ อนั แข็งแกรง แล฿วบนิ กลบั สรู งั บนยอดผาสูง
อกี าซง่ึ อยบู ริเวณนั้นเหน็ การกระทําของนกอินทรมี าโดยตลอด ก็คดิ จะเอาอยา งบ฿าง จงึ บินถลา
ไตดร฿งไมปนั ตจะึงปคบิดลจูกะคปแู่มกลือสะอ ทง่ยเสีก่ลรูกนิ มิ แหแกลญะะ฿าพลอัฒงยมนูเาาพกแิจ่ือกตจรอบั รงุ฿มตเลวัลกู มบ็ เสันขอื บอทงินักมษขนัะึ้นชกวี ลิตแับใตนจล สิกูกถแาแนนกศนะึกนเษขน้ั า฿าตไลปวักู เหใสนนอื เวักนสิ เอื้ากมลปนิ ญั ูกรกะแกวชกาา้ันศะทมนธัมี่ ียไยนับมมัตจวศระากึ วพจษชิ ะาาาปพชบีพที นิย่ี 14ขายึ้นาไมป133
สลดั ออกอยา งไรกไ็ มห ลุด
เม่อื คนเลย้ี งแกะเห็นเขา฿ กร็ ฿องวา “โอโ฿ ห! นมี่ นั นกอะไรกนั ” ลกู ชายผู฿เหน็ เหตุการณโโ ดยตลอด
จึงกลา วขนึ้ วา
“พอ ทขี่ า฿ เหน็ เมือ่ ครูน ้ี มันแสดงทา ทางราวกับเปน็ นกอนิ ทรี แตตอนนข้ี ฿าคิดวา มนั คงเข฿าใจแลว฿
ละ วาตัวมันน้ันเป็นแคเพยี งอีกาเทา นนั้ ”
เรือ่ งน้สี อนให้รู้ วา่ คนโงเขลามักคดิ ทาํ ในส่งิ ทเี่ กินความสามารถของตนสวนคนฉลาดรู฿วา จะใช฿
ความสามารถทม่ี ีอยขู องตนใหเ฿ กดิ ประโยชนไโ ดอ฿ ยา งไร
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4, ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ(ปวช. 1)
หน่วยที่ 8 แผนที่และเข็มทศิ เวลา 4 ช่ัวโมง
แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 12 แผนทีแ่ ละเขม็ ทศิ
1. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.1 ลกู เสอื สามารถอา นและใชแ฿ ผนที่ได฿
1.2 ลูกเสอื สามารถใช฿เขม็ ทิศได฿
1.3 ลูกเสอื สามารถหาทิศโดยอาศยั ธรรมชาตไิ ด฿
2. เน้ือหา
2.1 ความหมายของประโยชนโของแผนท่ี
2.2 การอา นแผนท่ี
2.3 ความหมายของประโยชนโเขม็ ทิศ
2.4 การใชเ฿ ขม็ ทศิ
2.5 การหาทิศโดยอาศัยธรรมชาติ
3. สือ่ การเรียนรู้
3.ค1่มู ือแสผ่งเนสภริมมู แิเลพะพลฒั งน, าเกกจิ มกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4
128 3.ป2ระใกบาคศนวียาบมตั รร฿เูวรชิ ือ่ าชงีพแ1ผนที,่ เขม็ ทิศ
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4, ประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช. 1)
หนว่ ยที่ 8 แผนทแี่ ละเขม็ ทศิ เวลา 4 ช่วั โมง
แผนการจดั กจิ กรรมที่ 12 แผนทแ่ี ละเขม็ ทศิ
1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1.1 ลกู เสือสามารถอานและใชแ฿ ผนทไ่ี ด฿
1.2 ลกู เสือสามารถใช฿เขม็ ทิศได฿
1.3 ลกู เสอื สามารถหาทิศโดยอาศัยธรรมชาติได฿
2. เนื้อหา
2.1 ความหมายของประโยชนโของแผนที่
2.2 การอา นแผนท่ี
2.3 ความหมายของประโยชนโเขม็ ทิศ
2.4 การใช฿เขม็ ทิศ
2.5 การหาทศิ โดยอาศัยธรรมชาติ
3. ส่อื การเรยี นรู้
3.1 แผนภูมิเพลง, เกม
3.2 ใบความร฿ูเรื่อง แผนที,่ เขม็ ทศิ
134 3.3คูม่ แือผสนง่ เทสรี่,ิมเแขล็มะทพฒัิศนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
3.4ปรเะรกือ่ างศสนนั้ ียบทัตี่เปรว็นชิ ปาชรีพะโ1ยชนโ
4. กจิ กรรรม
4.1 กิจกรรมครัง้ ท่ี 1
1) พธิ ีเปดิ ประชุมกอง (ชักธงขน้ึ สวดมนตโ สงบนิง่ ตรวจ แยก)
2) เพลง “ทศิ ทงั้ แปดทศิ ”
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคกโ ารเรียนรู฿
(1) ผู฿กํากบั ลกู เสือบรรยายนํา เรอ่ื ง ความหมายประโยชนแโ ละชนดิ ของแผนทจ่ี ากนั้นแยก
เรยี นเป็นฐาน
ฐานที่ 1 การเก็บรกั ษาแผนท่ี
ฐานท่ี 2 สที ่ใี ช฿ในแผนที่
ฐานที่ 3 เสน฿ ชน้ั ความสูง
ฐานที่ 4 การอานแผนท่ี
(2) ผ฿ูกํากบั ลูกเสอื ทบทวนความรู฿เรอ่ื ง แผนท่ี ท่ไี ด฿ศึกษาไปแล฿ว จากน้ันบรรยายเรอื่ ง
เข็มทศิ ในหวั ขอ฿ ความหมาย, ประโยชน,โ ชนดิ ของเขม็ ทิศ, ข฿อควรระวงั , การเก็บรกั ษา และความ
ปลอดภยั ในการใช฿เข็มทิศ
(3) ผ฿ูกํากบั ลกู เสอื รวมลกู เสอื ทดสอบความร฿ู และสรปุ
4) ผ฿ูกํากับลกู เสอื เลาเร่ืองส้ันท่เี ปน็ ประโยชนโ
คมู่ ือ5ส)่งพเสรธิ ิมีปแดิละปพรฒั ะนชามุ กกจิ กอรงรม(ลนูกดัเสหอื ทมักาษยะชตีวริตวในจสเถคารนื่อศงกึ แษบา บประชเกัภทธลงกู ลเสงอื เวลสิ ิกาม)ัญ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 129
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1
4.2 กิจกรรมครั้งที่ 2
เข็มทศิ ในหัวขอ฿ ความหมาย, ประโยชน,โ ชนิดของเขม็ ทศิ , ขอ฿ ควรระวัง, การเกบ็ รกั ษา และความ
ปลอดภัยในการใชเ฿ ขม็ ทศิ
(3) ผู฿กาํ กบั ลกู เสือรวมลกู เสือ ทดสอบความรู฿ และสรปุ
4) ผู฿กํากบั ลูกเสอื เลา เรื่องส้ันทเ่ี ป็นประโยชนโ
5) พิธปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธงลง เลกิ )
4.2 กจิ กรรมคร้ังที่ 2
1) พธิ เี ปิด (ชกั ธงขนึ้ สวดมนตโ สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2) เกม“หาสงิ่ ของ”
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคกโ ารเรียนร฿ู
(1) ผูก฿ ํากบั ลกู เสือทบทวนความรเู฿ รอ่ื ง เข็มทศิ ท่ีไดศ฿ กึ ษาไปแลว฿ จากน้นั แยกเรยี นตาม
ฐาน เรอื่ งการใชเ฿ ขม็ ทศิ
ฐานท่ี 1 รอ฿ู ะซมิ ทุ หาทิศทางและรู฿ทิศทาง หาอะซมิ ทุ
ฐานที่ 2 การเดนิ อ฿อมส่งิ กดี ขวาง
ฐานท่ี 3 เกมเกีย่ วกับการใชเ฿ ขม็ ทศิ (เชน เกมการหาเหรยี ญ, เกมหนา฿ ปัด
เขม็ นาฬกิ า)
ฐานที่ 4 การหาทิศ พิกดั และระยะทางในแผนทโ่ี ดยใชเ฿ ข็มทิศ
(2) ผก฿ู ํากับลูกเสอื รวมสรปุ ความรเ฿ู ก่ยี วกับการใช฿เข็มทิศและบรรยายเรือ่ ง การหาทิศ
โดยอาศัยธรรมชาติ
4) ผ฿ูกาํ กบั ลกู เสอื เลา เร่อื งสั้นท่ีเปน็ ประโยชนโ
5)คพมู่ อืิธสีปง่ ิดเสร(มินแัดลหะพมฒั ายนาตกจิรกวรจรเมคลรกู อ่ื เสงือแทบักบษะชชกัีวติ ธใงนลสงถาเนลศกิ ึก)ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 135
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 1
5. การประเมินผล
5.1 สังเกตความรวมมอื ในการปฏิบัตกิ จิ กรรม
5.2 สงั เกต การมสี วนรวมในการทาํ กจิ กรรม และตรวจสอบความถกู ตอ฿ งในการปฏบิ ตั ิ
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 12
คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
130 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 12
เพลง
ทิศทง้ั แปดทิศ
ทิศท้งั แปดทศิ ขอใหค฿ ิดจําใหเ฿ คยชิน
อดุ รตรงข฿ามทกั ษณิ บรู พาประจมิ จําไว฿
อีสานตรงหรดี ทองอกี ทีจาํ ใหข฿ ้นึ ใจ
พายพั น้นั อยูทางไหน (ซ้ํา) ตรงขา฿ มไปคืออาคเนยโ
เกม
หาสง่ิ ของ
การเตรียมอุปกรณ์
1. เขม็ ทิศแบบซิลวา
2. กระดาษแข็ง
3. ปากกาเคมี
136 4. คสมู่ ิ่งอื ขสอง่ เงสทรมิีต่ แอ฿ ลงะกพาฒั รนใาหก฿หิจการเรชมนลูกเหเสรอื ียทญักษบะาชทีวิตใขนนสมถาฯนลศึกฯษา ลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
การจดั ทาฐานกิจกรรม
1.สถานที่ ควรเป็นบรเิ วณกว฿าง เชนบรเิ วณโรงเรียน
2. การสํารวจเพอื่ วางจดุ คําส่งั ใหล฿ กู เสอื ปฏบิ ตั ิ ผู฿กาํ กับลกู เสือต฿องสํารวจให฿ถกู ต฿องแมน ยาํ
โดยวธิ นี ําแผนผังของโรงเรียนมาชว ยในการวางจุด
3. เขยี นคําสั่งลงในกระดาษแข็ง เชน “จากจุดทท่ี ่านยืนใหท้ า่ นหมนุ หน้าปัดเขม็ ทิศไปท่ี
มุม 250 องศา แล้วเดนิ ไปตามลกู ศรชี้ จานวน 24 ก้าว และรบั คาสงั่ ต่อไป” นาํ กระดาษไปติดหรือ
วางไวต฿ รงจดุ ทที่ าํ เครอื่ งหมายไว฿
4. การฝึกปฏบิ ัตคิ วรวางจุดไว฿ประมาณ 3 – 4 จดุ
ใบความรู้
คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษแะผชนวี ติ ทในแี่ สลถาะนเศขึก็มษทา ปิศระเภทลกู เสอื วิสาปมรัญะกชาน้ัศมนัธียยบมัตศรกึวษิชาาชปพีที ่ี 4 131
1
แผนท่ีคอื อะไร
ใบความรู้
แผนทแ่ี ละเขม็ ทศิ
แผนที่คอื อะไร
แผนท่ี คอื สงิ่ แสดงรายละเอยี ดของภมู ิประเทศบทพ้นื ผิวโลก ทั้งทม่ี ีอยตู ามธรรมชาติและที่
มนุษยโสรา฿ งขน้ึ โดยจาํ ลองไวบ฿ นวัตถพุ นื้ ระนาบมาตราสวน ซ่ึงรายละเอยี ดเหลา นี้ แสดงดว฿ ยเสน฿ สี และ
สญั ลกั ษณตโ า ง ๆ เชน
สีน้าํ เงินแก แสดงถงึ ทะเล มหาสมุทรที่ลึกมาก
สฟี าฺ ออ น แสดงถึง เขตน้ําตนื้ หรือไหลทวีป
สีเขียว แสดงถึง ที่ราบระดบั ตาํ่
สีเหลือง แสดงถงึ ท่ีราบระดบั สงู
สแี สด แสดงถึง ภเู ขาทสี่ ูงปานกลาง
สแี ดง แสดงถงึ ภเู ขาทส่ี ูงมาก
สีนํา้ ตาล แสดงถงึ ยอดเขาท่สี ูงมาก ๆ
สขี าว แสดงถงึ ยอดเขาทส่ี งู จนมหี มิ ะปกคลุม
ประเทศไทย เริ่มทาํ แผนทใ่ี นสมัยรชั กาลที่ 4 พ.ศ. 2418
คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 137
ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 1
132 ค่มู ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
การปรบั ปรงุ แผนท่ขี องไทย เรมิ่ ใน พ.ศ. 2419 โดยความชว ยเหลือจากรฐั บาลสหรัฐ สงหนวย
ทําแผนที่ทางอากาศมาทาํ การสํารวจและจดั ทาํ แผนที่ มาตราสว น 1 ตอ 50,000 (2 ซ.ม. ตอ กม.) และ
กรมแผนท่ีทหารไดด฿ ําเนนิ การตอ มาจนปจั จุบัน
ชนดิ ของแผนท่ี
แผนท่ีโดยท่วั ไป แบง ออกเปน็ 3 ชนดิ
1. แผนทแ่ี บนราบ แสดงพนื้ ผวิ โลกความสงู ตาํ่ ใชแ฿ สดงตําแหนง ระยะทาง และเสน฿ ทาง
2. แผนทภี่ มู ิประเทศ แสดงพนื้ ผวิ โลกในทางราบ ไมแสดงความสงู ตา่ํ ละเอยี ดกวา และใช฿
ประโยชนโได฿มากกวา แผนท่ีแบนราบ
3. แผนที่ภาพถาย ทาํ ข้นึ จากภาพถายทางอากาศ มคี วามละเอยี ดและความถกู ตอ฿ งมากกวา
แผนทช่ี นิดอน่ืแมผานกท่ีสามารถมองเหน็ สง่ิ ตา่ ง ๆ ตามธรรมชาติ และสง่ิ ทม่ี นุษยส์ รา้ งขน้ึ อยา่ งชดั เจน
ชนิดอ่ืนมาก สามารถมองเห็นสง่ิ ตาง ๆ ตามธรรมชาติ และสิ่งทมี่ นษุ ยโสรา฿ งข้ึนอยา งชัดเจน
นอกจากนยี้ ังแบง ชนดิ ของแผนทตี่ ามลักษณะการใช฿งาน ตวั อยาง เชน
แผนท่ีท่ัวไป เชน แผนท่ีโลก แผนท่ีประเทศตา ง ๆ
แผนทท่ี รวดทรงหรือแผนทน่ี นู แสดงความสงู ตา่ํ ของประเทศ
แผนทีท่ หาร เปน็ แผนทยี่ ุทธศาสตรโ ยทุ ธวธิ ี
แผนทเ่ี ดนิ อากาศ ใชส฿ ําหรบั การบนิ เพื่อบอกตาํ แหนง และทศิ ทางของเคร่ืองบนิ
แผนที่ประวตั ิศาสตรโ แสดงอาณาเขตยคุ และสมยั ตาง ๆ
แผนท่ีการขนสง แสดงการคมนาคมทางบก เรอื อากาศฯ
สีทีใ่ ช้ในแผนที่
สีดาํ ใชแ฿ ทนรายละเอยี ดทเ่ี กดิ จากแรงงานมนุษยโ ยกเว฿นถนน
สแี ดง ใชแ฿ ทนรายละเอียดทเ่ี ปน็ ถนน
สนี ้ําเงนิ ใชแ฿ ทนรายละเอยี ดทเ่ี ปน็ นาํ้ หรือทางนา้ํ เชน ทะเล แมน า้ํ บึง ฯลฯ
สเี ขยี ว ใช฿แทนรายละเอียดที่เปน็ ปาู ไม฿ และบริเวณที่ทาํ การเพาะปลกู
สนี ้ําตาล ใช฿แทนลกั ษณะทรวดทรงความสงู
เสน้ ช้ันความสูงในแผนที่
บริเวณภูเขา จะมีเสน฿ สีนาํ้ ตาลเป็นวงรอบภเู ขาเป็นวงๆ แตละวงน้ันจะหา งไมเ ทากนั บางวง
ใกล฿ชิดกนั บางวงหา งกัน เปน็ เสน฿ แสดงความสงู จากระดับนา้ํ ทะเลปานกลาง (วดั ท่ีเกาะหลกั จ.
ประจวบคีรขี ันธ)โ เราจะทราบวา ภเู ขาน้สี งู เทาใด ลักษณะชนั หรอื ลาดไดจ฿ ากเส฿นน้ี โดยระยะแตละวงน้นั
สูงตา งกนั 500 ฟุต ถา฿ วงอยชู ิดกันกจ็ ะชัน วงหา งกนั ก็จะลาด
138 คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 133
คปมู่ รือะสกง่ าเสศรนิมยี แบลัตะพรวัฒิชนาาชกีพิจก1รรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 1
การอ่านแผนที่
วางแผนท่ีในแนวราบ บนพนื้ ทีไ่ ดร฿ ะดับ ทศิ เหนอื ของแผนที่ชไี้ ปทางเหนอื จดั ให฿แนวตา ง ๆ ใน
แผนทขี่ นานกับแนวทเี่ ปน็ จรงิ ในภูมิประเทศทุกแนว
โดยท่วั ไปแผนที่จะบอกทต่ี ั้งของส่งิ ตา ง ๆ ระบบทีใ่ ช฿ในการหาทีต่ ง้ั ของสงิ่ ตา ง ๆ ที่นิยมใช฿กันมี
2 ระบบ คอื ระบบพิกดั ภมู ศิ าสตรโ และระบบพกิ ดั ตาราง
1. ระบบพกิ ัดภูมศิ าสตร์
ใช฿คา ละตจิ ูดหรอื เส฿นรุง฿ และลองตจิ ดู หรือเสน฿ แวง เป็นตวั กําหนดทีต่ ั้งของส่ิงตาง ๆ
ละติจูด เปน็ เส฿นทขี่ ดี รอบโลกตามแนวนอนขนานกนั โดยมเี สน฿ ศนู ยโสูตร (อิเควเตอรโ) เปน็ เสน฿
กําหนดเขตแบงโลกเปน็ ซกี โลกเหนอื และซกี โลกใต฿ เสน฿ ละตจิ ดู ทีอ่ ยูเหนอื และใต฿เส฿นศนู ยสโ ตู รเรยี กวา
ละตจิ ูดเหนอื และละติจดู ใต฿ มีจาํ นวนซกี โลกละ 90 เสน฿ มหี นว ยเปน็ องศา ท่ีขอบแผนทีจ่ ะมเี ลขกาํ กบั วา
10, 20, 30 เรากท็ ราบวา 10 องศา, 20 องศา, 30 องศา
ลองติจูด เปน็ เส฿นทีล่ ากจากขว้ั โลกเหนอื มายังขวั้ โลกใต฿ โดยเรม่ิ จากเสน฿ ทีล่ ากผานเมอื งกรนี ชิ
ประเทศองั กฤษ เป็นเสน฿ ลองติจดู ท่ี 0 องศา ถ฿าวัดไปทางขวามือจะเปน็ ซีกโลกตะวนั ออก มี 180 เส฿น
ถา฿ วัดไปทางซา฿ ยมอื จะเปน็ ซกี โลกตะวันตก มี 180 เสน฿ มหี นว ยเปน็ องศาเชนกนั
ในแผนที่ จะมตี ัวเลขกํากับท่ีขอบบน เชน 20, 30, 40, 50เราก็ทราบวา 20 องศา, 30 องศา, 40 องศา
และกท็ ราบวา บรเิ วณนั้นอยซู กี โลกตะวนั ออกหรือตะวันตก
2. ระบบพิกดั ตาราง
คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 139
คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญปชร้ันะมกัธายศมนศยี ึกบษตั ารปวที ิชี่ า4ชีพ 1
134 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
ในแผนที่ จะมีตัวเลขกํากบั ทขี่ อบบน เชน 20, 30, 40, 50เรากท็ ราบวา 20 องศา, 30 องศา, 40 องศา
และกท็ ราบวาบริเวณนั้นอยูซ กี โลกตะวันออกหรือตะวนั ตก
2. ระบบพกิ ดั ตาราง
อาศยั เสน฿ ตรง 2 ชดุ เป็นตัวกาํ หนดทต่ี ้งั ของสงิ่ ตา ง ๆ เสน฿ คขู นานในแนวตงั้ เรยี กวา เสน฿ พกิ ดั ตัง้
เส฿นคขู นานในแนวนอนเรยี กวา เสน฿ พกิ ัดราบหรอื นอน เส฿นคูขนานท้งั 2 ชุด จะตดั กนั เปน็ รปู สเี่ หล่ียม
จตุรสั เรียกวา พคกิ่มู ดัือสกง่ รเสิดรมิรแะลหะวพา ัฒงนเสากน฿ จิ คกขู รรนมาลนูกแเสตอื ล ทะักคษทูะช้ังีวแิตนในวสตถั้งานแศลึกะษแานลวูกนเสออื นวยสิ างั มแญั บงชย้ันอ มยัธอยอมศกึกเปษา็นปที 1ี่ 04 ชอง139
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 1
เทาๆ กนั
ระบบน้จี ะมีในแผนทท่ี ี่ละเอียดมาก คือ มาตราสวน 1 ตอ 50,000 ข้นึ ไป (1ซ.ม. ตอครึ่ง กม.)
ตวั อยาง การหาพกิ ดั จุด A ในระบบตาราง
(1) ดูตารางส่ีเหล่ียมจัตรุ ัสท่ีลอ฿ มรอบจดุ A
(2) อานเสน฿ พกิ ดั ในแนวนอน โดยอานตัวเลขที่กาํ กบั เส฿นต้งั จากซ฿ายไปขวาทีผ่ านจุด A
(3) อานเสน฿ พิกดั ในแนวนอน โดยอา นตัวเลขทกี่ าํ กบั เส฿นแนวนอนจากลา งข้ึนบนทผ่ี า นจดุ A
(4) นาํ เลขชุดทอี่ า นได฿ในข฿อ(2)และ(3) มาเรยี งตอ กนั ตามลาํ ดบั ตวั เลขนีจ้ ะเปน็ เปน็ พกิ ดั ของจุด A
จากตารางนี้ ตําแหนง ของจุด A จะอยทู ีเ่ สน฿ 93.7 ตดั กับเส฿น 60.4 จงึ อา นเป็น 937604 โดยอาน
ตอกัน ไมอ านและเขยี นคาํ วา จดุ ตาํ แหนงจดุ B กเ็ ชน เดยี วกนั อยูท่เี ส฿น 92 พอดี ก็คอื 92.0 ตดั กบั เสน฿ ที่
58.5 กอ็ า น 920585
ระยะทางในแผนที่
เป็นมาตราสว นที่ยอขนาดลง คอื อตั ราสวนระหวางระยะทางในแผนที่กับระยะทางในภูมิประเทศ
เชน 1:50,000 หมายความวา 1 หนว ยของระยะในแผนทเี่ ทากับ 50,000 หนวยของระยะในภมู ิประเทศ
(ตอ฿ งเป็นหนวยเดยี วกัน ตัวอยาง : 1 เซนติเมตรในแผนทเี่ ทากนั ระยะทาง 500 เมตรในพน้ื ท)่ี
การหาทิศในแผนท่ี
ปกติหัวกระดาษแผนทจี่ ะเป็นทิศเหนอื มีลูกศรชอี้ ยู วางแผนท่ใี หห฿ ัวลูกศรในแผนท่ีชไี้ ปทางทิศ
เหนอื ตามเขม็ ทศิ
ทศิ ทั้ง 8
140 คคูม่ มู่ือือส่งสเง่สเรสมิ รแมิ ลแะลพะฒั พนฒั านกาิจกกจิรรกมรลรมกู เลสกู อื เทสักอื ษทะกั ชษีวะติ ชในีวิตสถในานสศถกึาษนาศกึปษระาเภลทกู ลเสกู ือเสวือสิ วาิสมาัญมญั ชชั้นนั้ มมัธธั ยยมมศศึกึกษษาาปปทีีที่ี่ 44 135
ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 1
อุดร(เหนือ) NORTH อีสาน (ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ) NORTH EAST
บรู พา(ตะวนั ออก) EAST อาคเนยโ (ตะวนั ออกเฉยี งใต)฿ SOUTH EAST
ทกั ษิณ(ใต฿) SOUTH หรดี(ตะวันตกเฉียงใต฿) SOUTHWEST
ประจิม(ตะวันตก) WEST พายับ(ตะวันตกเฉยี งเหนอื ) NORTHWEST
เขม็ ทิศ
เขม็ ทศิ เปน็ 1 ใน 4 สิ่งประดษิ ฐทโ สี่ าํ คัญของจนี โบราณ (เขม็ ทิศ ดนิ ปนื กระดาษ และการพิมพ)โ
มีประวตั ิยาวนานกวา 2,000 ปี เขม็ ทิศในยคุ แรกทาํ จากหนิ แมเหล็กธรรมชาติ รูปรางคล฿ายช฿อนท่ีมีพน้ื
ดา฿ นลา งเรยี บและมัน สามารถหมุนไดอ฿ ยางอิสระบนจานซง่ึ ทําจากทองแดงหรือไม฿ เมอื่ เข็มทศิ ทหี่ มนุ หยุด
นง่ิ แลว฿ สวนท่ีเหมือนดันช฿อนของเขม็ ทศิ จะชไ้ี ปทางทศิ ใตเ฿ สมอ ดงั นน้ั เขม็ ทิศจงึ มชี ือ่ เรยี กอกี ชอ่ื หน่งึ วา
“ซือหนาน” (เขม็ ชที้ ศิ ใต)฿ และเมอื่ มกี ารใชเ฿ ขม็ ทศิ กันแพรหลายมากข้นึ จงึ มกี ารปรบั ปรงุ เขม็ ทิศให฿สะดวก
ตอการใช฿งานมากข้ึน
นอกจากเปน็ ธรรมชาตแิ รกของโลกท่ีประดษิ ฐเโ ขม็ ทศิ แล฿ว จนี ยังเปน็ ชาตแิ รกทน่ี ําเขม็ ทศิ ไปใช฿ใน
การเดินเรอื ในต฿นศตวรรษท่ี 12 และชวยให฿เกดิ การเปลย่ี นแปลงคร้ังสาํ คญั คอื สงผลให฿กจิ การเดินเรอื ได฿รบั
การพฒั นา และเกิดการแลกเปล่ียนทางวัฒนธรรมระหวา งประเทศ พอค฿าชาวอาหรับและชาวเปอรโเซยี ที่
136 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 141
คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญัปรชะกั้นามศธั นยมยี ศบกึ ตั ษราวปิชีทาช่ี 4ีพ 1
ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 1
แพรไ ปสโู ลกตะวนั ตก ตอ มาชว งปลายศตวรรษท่ี 12 ตน฿ ศตวรรษที่ 13 ประเทศอาหรบั และยโุ รปจึงไดเ฿ ริ่ม
ใชเ฿ ขม็ ทิศในการเดินเรอื ซ่งึ เกดิ ขนึ้ หลงั จากจนี ถึงรอ฿ ยกวาปี
ความหมายและประโยชน์ของเข็มทศิ
เขม็ ทิศ หมายถงึ เครื่องมือท่ใี ช฿ในการหาทศิ โดยอาศัยแรงดึงดดู ระหวา งสนามแมเ หลก็ ขั้วโลก
(Magnetic Pole) กบั เขม็ แมเ หล็ก ซึ่งเป็นองคโประกอบสําคัญทีส่ ุดของเคร่ืองมือน้ี เขม็ แมเหลก็ จะแกวง ไกว
ไดโ฿ ดยอิสระในแนวนอน เพ่ือใหแ฿ นวเขม็ ชีอ้ ยใู นแนวเหนือใต฿ ไปยังขว้ั แมเหล็กโลกตลอดเวลาหนา฿ ปัดเขม็
ทศิ ซึง่ คลา฿ ยกบั หน฿าปดั นาฬิกาจะมกี ารแบงโดยรอบเป็น 360 องศา นอกจากนเ้ี ขม็ ทิศยังเป็นเครอ่ื งมอื
สาํ หรับใชใ฿ นการหาทศิ ของจุดหรอื วัตถุโดยมหี นว ยวดั เปน็ องศา เปรียบเทยี บกบั จุดเรมิ่ ตน฿
ประโยชนข์ องเขม็ ทศิ
1. ใชป฿ ระโยชนใโ นการเดนิ ทางโดยตอ฿ งมีแผนทป่ี ระกอบ ทั้งทางบก ทางเรือ และทางเครอื่ งบนิ
2. ใช฿หาทศิ จริงในแผนที่ เมื่อวางแผนทีไ่ ดต฿ รงทิศแล฿วจงึ จะสามารถใชแ฿ ผนทไ่ี ด฿ตามวตั ถุประสงคโ
3. เป็นเครื่องมือชวยในการสํารวจ ของนกั สาํ รวจ
ชนดิ ของเข็มทศิ
เขม็ ทิศมีหลายชนดิ เชน
เขม็ ทศิ ตลับ เปน็ เขม็ ทิศแมเหล็กเล็ก ๆ หาแนวทศิ เหนือไดอ฿ ยา งเดยี ว
เขม็ ทศิ แบบเลนซาตกิ ฝาตลับมีชองเลง็ ขึงเส฿นลวดไวต฿ รงกลางเพือ่ ชวยในการเล็งทห่ี มาย
เขม็ ทิศขอ฿ มอื
เขม็ ทิศซิลวา (Silva) เป็นเข็มทิศทีน่ ิยมใชใ฿ นวงการลูกเสอื
เขม็ ทิศซิลวา (Silva)
เป็นเขม็ ทศิ ท่ที าํ ในประเทศสวเี ดน มไี ม฿โปรแทรกเตอรโรวมอยูด฿วยกนั นยิ มใช฿กนั ท่วั โลก
เนื่องจากใชท฿ ําแผนที่และหาทศิ ไดด฿ ี นอกจากใช฿งา ยแลว฿ ยงั พกพาสะดวกและราคาถกู ด฿วย
สว่ นประกอบของเข็มทศิ ซิลวา
142 คูม่ อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 137
คปมู่ รอื ะสก่งาเสศรนมิ ยี แบลตัะพรวัฒชิ นาาชกีพจิ ก1รรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1
เป็นเข็มทิศท่ที าํ ในประเทศสวเี ดน มไี ม฿โปรแทรกเตอรโรวมอยดู ว฿ ยกนั นยิ มใช฿กนั ทวั่ โลก
เนื่องจากใช฿ทาํ แผนทแี่ ละหาทศิ ไดด฿ ี นอกจากใชง฿ า ยแลว฿ ยังพกพาสะดวกและราคาถกู ด฿วย
ส่วนประกอบของเข็มทศิ ซลิ วา
142 1. ปค่มูรแทะือผกข่ี สานอ่งศเฐบสนารมียนิมบมี แเตั าปลรตะน็วพรชิ ตัฒาาัวชสนวีพวาัตกน1ิจถเกปโุ รป็นรรมนงลิว้ ใกู แสเสลอืะท/หกั ษรอืะชเซีวิตนใตนสเิ มถาตนรศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
2.
3. มลี ูกศรช้ที ิศทางทจี่ ะไป
4. เลนสโขยาย
5. ตลบั เข็มทศิ เปน็ วงกลมหมนุ ได฿ บนกรอบหนา฿ ปดั ของตลบั เข็มทศิ แบงเปน็ 360 องศา
6. ปลายเขม็ ทิศเปน็ แมเหล็กสแี ดง ซึ่งจะชไ้ี ปทางทศิ เหนือเสมอ
7. ขีดตาํ แหนง สําหรบั ตัง้ มมุ และอา นคา มมุ อยบู นหน฿าปดั ตรงโคนลกู ศรช้ที ิศทาง
วิธใี ชเ้ ขม็ ทศิ ซิลวา
การหาทศิ เหนอื
วางเขม็ ทศิ ในแนวระนาบ ปลายเขม็ ทศิ ขา฿ งหนง่ึ จะชไ้ี ปทางทิศเหนอื คอยๆ หมุนหน฿าปัดของเข็ม
ทศิ ให฿ตาํ แหนง ตวั เลขหรอื อกั ษรท่ีบอกทศิ เหนอื บนหนา฿ ปัดตรงกบั ปลายเหนอื ของเขม็ ทศิ เมอ่ื ปรับเข็มตรง
กับทิศเหนอื แลว฿ จะสามารถอานทศิ ตาง ๆ ได฿อยา งถูกต฿องจากหน฿าปดั เข็มทศิ
ลูกเสอื สามารถนาํ เขม็ ทิศไปใชใ฿ นกจิ กรรมตา ง ๆ
ได฿ เชน การเดนิ ทางไกล การสํารวจปาู การผจญภยั การ
สํารวจและการเยอื นสถานที่ เปน็ ต฿น เมอื่ เร่ิมออกเดนิ ทาง
ลกู เสอื ควรหาทศิ ทจี่ ะมงุ หนา฿ ไปให฿ทราบกอนวา เป็นทศิ ใด
เมอื่ เกดิ หลงทศิ หรอื หลงทางจะสามารถหาทิศทางตาง ๆ
จากเขม็ ทศิ ได฿
กรณีบอกมุมอะซิมทุ มาใหแ฿ ละตอ฿ งการรว฿ู า จะตอ฿ งเดนิ ทางไปในทศิ ทางใด
สมมุติวาอะซมิ ุท 60 องศา
1) วางเข็มทศิ ในแนวระดับใหเ฿ ขม็ แมเหลก็ หมนุ ไปมาไดอ฿ สิ ระ
2) หมุนกรอบหนา฿ ปดั ของตลับเขม็ ทิศใหเ฿ ลข 60 อยูต รงขดี ตําแหนงตงั้ มุม
3) หนั ตัวเข็มทิศทง้ั ฐานไปจนกวา เขม็ แมเหลก็ สีแดงภายในตลับเขม็ ทศิ ชีต้ รงกับอกั ษร N บน
กรอบหนา฿ ปดั ทบั สนทิ กับเครอื่ งหมายหวั ลูกศรทีพ่ มิ พไโ ว฿
4) เม่อื ลูกศรช้ที ศิ ทางชไ้ี ปทศิ ใด ใหเ฿ ดนิ ไปทางทศิ น้นั โดยเลง็ หาจดุ เดนทอี่ ยูในแนวลูกศรช้ี
ทิศทางเปน็ หลกั แล฿วเดนิ ตรงไปยังสิง่ นนั้
กรณีท่จี ะหาคา ของมมุ อะซมิ ทุ จากตําบลทเ่ี รายนื อยู ไปยงั ตําบลทเี่ ราจะเดินทางไป
1) วางเข็มทิศในแนวระดับให฿เขม็ แมเหลก็ หมนุ ไปมาไดอ฿ ิสระ
2) หนั ลูกศรชี้ทิศทางไปยงั จดุ หรอื ตําแหนง ทเ่ี ราจะเดินทางไป
3) หมนุ กรอบหนา฿ ปัดเขม็ ทิศไปจนกวา อกั ษร N บนกรอบหนา฿ ปัด อยูต รงปลายเขม็ แมเ หล็กสีแดง
ในตลบั เข็มทิศ
4) ตัวเลขบนกรอบหน฿าปดั จะอยูตรงขดี ตําแหนง สาํ หรับต้ังมมุ และอา นคามมุ คอื คา ของมุมทเี่ รา
ตอ฿ งการทราบ
138 คู่มือสง่ คเส่มู รือมิ สแง่ ลเะสพรมิัฒแนลาะกพิจฒักรนรามกลจิกู กเสรอืรทมกัลษูกะเสชอืีวิตทใกั นษสะถชาีวนติ ศใกึ นษสาถปารนะศเภกึ ทษลาูกลเสูกอื เสวสิอื าวมสิ ญัามชญั ้ันมชัธ้ันยมมศธั กึยษมาศปึกที ษ่ี า4ปีที่ 4 143
ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1
การใช้เขม็ ทศิ หาพกิ ัดตาแหน่งในแผนที่
กอนอน่ื จะตอ฿ งรูว฿ าตนเองอยู ณ ทีใ่ ดของแผนท่ี โดยใช฿เขม็ ทิศชว ยในการวางแผนทใี่ หถ฿ ูกทศิ ทาง
หรือวางแผนทใี่ หข฿ นานกบั เสน฿ ทางหรือถนนพ้นื ทจี่ ริง การวางขนานกับเสน฿ ทางตอ฿ งระวังไมใ หก฿ ลับทางทิศ
เหนอื -ใต฿ โดยตรวจสอบสิง่ อนื่ บนแผนท่ี ประกอบอยา งน฿อย 2 แหง
วางเขม็ ทิศบนแผนที่ ใหเ฿ ครอื่ งหมายศรช้ที ิศเหนือทางแนวทิศเหนือในแผนท่ี จากน้นั ก็หมนุ
กระดาษแผนท่ี (อยา ใหเ฿ ขม็ ทศิ เคล่อื น) ไปจนเขม็ แดงศรชท้ี ศิ เหนอื แลว฿ จงึ กดเข็มทิศติดกบั แผนที่แล฿วหมนุ
แปนฺ บอกองศาให฿ตรงทศิ
จากนน้ั ให฿มองหาทห่ี มายจรงิ บนภูมิประเทศ กบั บนแผนที่สัก 2 แหง เชน บนภูมิประเทศ A และ a
บนแผนท่ี กบั B บนภมู ปิ ระเทศ และ b บนแผนท่ี ใช฿บรรทัดลากเส฿นจาก A a และ B b และตอ เส฿นให฿ตดั
กันจะไดต฿ ําแหนง c บนแผนที่ คือทที่ เ่ี รายนื อยู
ขั้นตอ ไป จะหาตาํ แหนงใด ๆ บนแผนท่ี วา ของจริงบนภมู ิประเทศอยทู ่ีใดก็หาได฿จากแผนทีแ่ ละตัง้
มมุ เขม็ ทิศไปไดต฿ ลอดจนสามารถจะทราบระยะทางจรงิ บนภมู ิประเทศไดโ฿ ดยเทียบมาตราสวนบนแผนที่
ขอ฿ ควรระวังและการเก็บรกั ษาเขม็ ทศิ
1. จับถอื ดว฿ ยความระมัดระวัง เพราะหนา฿ ปดั และเขม็ บอบบางออนไหวงาย
2. อยา ใหต฿ ก แรงกระเทอื นทาํ ให฿เสยี ได฿
3. ไมควรอา นเขม็ ทศิ ใกลส฿ ง่ิ ท่ีเป็นแมเหลก็ หรอื วงจรไฟฟาฺ
4. อยาใหเ฿ ปยี กนาํ้ จนขน้ึ สนมิ
5. อยา ใหใ฿ กลค฿ วามร฿อน เขม็ ทิศจะบิดงอ
6. เมอ่ื ไมใชค฿ วรปิดฝาและใสซ อง
ระยะปลอดภยั ในการใช้เข็มทศิ
การใช฿งานใกลโ฿ ลหะ และไฟฟฺาแรงสงู อาจคลาดเคลอื่ นได฿ มีการกาํ หนดระยะหา งดงั น้ี
144 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 139
คปู่มรือะสก่งาเสศรนิมียแบลัตะพรวฒั ิชนาาชกีพิจก1รรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 1
หมวกเหลก็ 1 หลา
ปืนเล็ก 1 หลา
โทรศัพท,โ ลวดหนาม 10 หลา
สายโทรเลข 10 หลา
ปนื ใหญ 10 หลา
รถยนตโ, รถถัง 20 หลา
สายไฟฟฺาแรงสงู 60 หลา
การหาทศิ โดยอาศัยธรรมชาติ
ในกรณที ่ลี กู เสอื ไมม เี ขม็ ทศิ อาจหาทิศโดยการสังเกตจากสิ่งทมี่ ีอยูตามธรรมชาติ หรอื
สิง่ แวดลอ฿ มทเี่ ปน็ จุดเดน สังเกตได฿งา ย ดงั น้ี
1. สงั เกตทศิ ทางลม โดยวิธีงา ยๆ เชน โยนหญ฿าแห฿ง หรือฝนุู ข้ึนไปบนอากาศ เมอ่ื คิดวา อาจ
เดินหลงทางกใ็ หต฿ รวจสอบทศิ ทางลมอกี คร้งั หน่งึ
2. สงั เกตเถาวลั ยโ โดยธรรมชาตยิ อดเถาวัลยโจะพน฿ ตน฿ ไมไ฿ ปทางทศิ ตะวนั ออก เพื่อหนั เขา฿ รบั
แสงอาทิตยโ เม่ือทราบทิศตะวนั ออกก็สามารถหาทศิ อ่นื ๆ ได฿ โดยยนื กางแขนหนั หน฿าไปทางทศิ
ตะวันออก ซา฿ ยมอื คอื ทิศเหนอื ขวามอื คอื ทศิ ใต฿ และข฿างหลงั คือทศิ ตะวันตก
3. สงั เกตความอนุ ของตน฿ ไม฿ หลังอาทิตยลโ ับขอบฟาฺ หาทิศโดยใช฿แกม฿ แนบกบั ตน฿ ไม฿ใหญ ดา฿ น
ที่อนุ กวา แสดงวา เปน็ ทศิ ตะวนั ตก เนอื่ งจากเพงิ่ ไดร฿ ับแสงแดดมาไมนานนกั เมอื่ ทราบทศิ ตะวันตกก็
สามารถหาทิศอนื่ ๆ ได฿ โดยการยนื กางแขนหนั หลังชนต฿นไม฿ขา฿ งท่อี นุ ดา฿ นหนา฿ จะเป็นทิศตะวันตก ทิศ
เหนืออยูขวา ทิศใต฿อยซู า฿ ย และดา฿ นหลังเปน็ ทศิ ตะวนั ออก
4. สังเกตดวงอาทติ ยโ ใน 1 ปี ดวงอาทติ ยโข้ึนตรงทศิ ตะวนั ออกและตกทางทิศตะวันตกพอดอี ยู
2 วัน คือ 21 มีนาคม และ 22 กนั ยายน ระหวา ง 22 มนี าคมถงึ 21 กันยายน จะขึน้ และตกเฉยี งไปทาง
ทิศเหนือ และเฉยี งเหนอื มากทีส่ ดุ (23.5 องศา) ในวันที่ 21 มิถุนายน สว นระหวาง 23 กนั ยายนถงึ
20 มนี าคม จะขนึ้ และตกเฉยี งไปทางทศิ ใต฿ เฉยี งมากทส่ี ุด (23.5 องศา) ในวนั ที่ 21 ธันวาคม
ฤดูหนาว สังเกตดวงอาทิตยจโ ากเวลาดงั น้ี
6.00น. ทศิ ตะวนั ออกคอ นไปทางทิศใตเ฿ ล็กนอ฿ ย 9.00 น. ทศิ ตะวันออกเฉยี งใต฿
12.00 น. ทศิ ใต฿ 15.00 น. ทศิ ตะวนั ตกเฉียงใต฿
18.00 น. ทิศตะวนั ตก
ฤดรู อ้ น สงั เกตดวงอาทติ ยจโ ากเวลาดังน้ี 9.00 น. ทิศตะวันออกเฉยี งเหนอื
6.00น. ทิศตะวันออกเฉยี งเหนอื 15.00 น. ทศิ ตะวันตกเฉยี งเหนอื
12.00 น. ทศิ เหนอื
18.00 น. ทศิ ตะวนั ตก
5. สังเกตดวงจนั ทรโ มขี อ฿ สังเกตดังน้ี
ค่มู ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 145
คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ปชรัน้ ะมกธัายศมนศยี กึ บษตั ารปวที ชิ ี่ า4ชีพ 1
140 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
12.00 น. ทิศเหนอื 15.00 น. ทศิ ตะวนั ตกเฉยี งเหนอื
18.00 น. ทิศตะวนั ตก
5. สังเกตดวงจันทรโ มีขอ฿ สงั เกตดงั นี้
วนั ข้างขน้ึ ดวงจนั ทรโจะสวางไมเ ตม็ ท่ี และขน้ึ กอ นดวงอาทิตยโลับขอบฟาฺ หนั ดา฿ นสวา ง 145
ไปทางทิศตะวนั ตวกันแขคลนึู้ม่ ะอื ห1ส5ง่นั เสดครา฿า่ ิมนแดแลวหะงพวจัฒงันนไทปากรทจิ สโ ากวงราทรมงศิ เลตตูกม็ะเสวดือันวทองักเอษปกะน็ชวี วิตงใกนลสมถาสนุกศใกึ สษาขล้นึ ูกกเสอือนวดสิ วามงปัญอระากทชานั้ ิตศมนยัธียโลยบับมตั ศขรกึอวษิชบาาฟปชีพีทาฺ ี่ 4
1
เลก็ นอ฿ ย
วนั ขา้ งแรม ดวงจนั ทรโจะสวางไมเตม็ ท่ี และขน้ึ หลังจากดวงอาทติ ยโลบั ขอบฟฺาไปแล฿ว
หนั ด฿านสวา งไปทางทิศตะวนั ออก และหนั ด฿านแหวง ไปทางทิศตะวันตก
6. สงั เกตดาว สงั เกตจากดาวฤกษโซง่ึ ข้ึนประจาํ ท่ี ได฿แก
1) ดาวเหนอื ข้นึ ตรงทศิ เหนอื เสมอ มแี สงสวางมองเห็นด฿วยตาเปลาไดง฿ าย
2) กลมุ ดาวเตา หรือกลุมดาวพราน ประกอบดว฿ ยดาวฤกษโ 7 ดวงเรียงกนั เหน็ ในชวง
หัวคาํ่ ต้งั แตเ ดอื นธนั วาคมเป็นตน฿ ไป ขึ้นทางทศิ ตะวันออก ชวงหัวคาํ่ จะอยตู รงศีรษะพอดี และตกทางทศิ
ตะวันตกในเดอื นเมษายน
3) กลุมดาวจระเข฿หรือดาวหมีใหญ ดาวฤกษโ 7 ดวง เรียงตวั คล฿ายกระบวยตกั นา้ํ ขน้ึ
ประจาํ บนทอ฿ งฟาฺ ทางทศิ เหนือ มองเห็นได฿ด฿วยตาเปลา ชว งหวั ค่าํ เดอื นกมุ ภาพนั ธจุโ ะเหน็ ขึน้ ทางทศิ
ตะวันออกเฉียงเหนอื เมอื่ ข้ึนสงู สุดแล฿วจะอยทู างทศิ เหนอื ประมาณ 45 องศาในเวลาเทย่ี งคนื และตกลบั
ของฟาฺ ทางทศิ ตะวันตกเฉียงเหนือในเวลาใกลส฿ วาง
4) กลมุ ดาวแมงปอู ง เรยี งตวั คล฿ายแมงปูอง ขนึ้ ทางทิศตะวันออกเฉยี งใต฿ โดยเอาหัว
ข้ึนกอ น และตกลบั ขอบฟาฺ ทางทิศตะวนั ตกเฉยี งใตโ฿ ดยเอาข฿างลง ขึน้ เวลาใกล฿สวา งชวงต฿นเดือน
กมุ ภาพนั ธโ และขึน้ ตอนหัวคา่ํ ในเดอื นพฤษภาคม
5) กลมุ ดาวค฿างคาวหรอื กลมุ ดาวแคสสโิ อเปยี กลมุ ดาวฤกษโ 5 ดวง เห็นเป็นรปู ตวั M
ในขณะข้นึ ทางทศิ ตะวันออกเฉยี งเหนอื และเหน็ เปน็ รูป W ในขณะตกทางทศิ ตะวันตกเฉยี งเหนอื
146 คปคมู่ ู่มรือะือสก่งสาเง่สศเรสนมิ รียแมิ บลแัตะลพระวัฒพชิ นัฒาาชนกีพาิจกก1จิรรกมรลรมกู เลสกู ือเทสกั อื ษทะักชษีวะติ ชในวี ติสถในานสศถกึาษนาศกึปษระาเภลทกู ลเสกู ือเสวือสิ วาสิ มาปญั มรัญะชกชั้นาั้นศมมนัธัธียยยบมมัตศศรกึึกวษษชิ าาาปชปีพีทที ่ี่ี 414 141