The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การใช้เทคโนโลีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้-ม.ปลาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rawa_30, 2023-11-02 12:39:00

การใช้เทคโนโลีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้-ม.ปลาย

การใช้เทคโนโลีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้-ม.ปลาย


ข หนังสือแบบเรียนวิชา การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ รหัสรายวิชา ทร3200018 รายวิชาเลือก ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสวรรคโลก สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด สุโขทัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ


ก คำนำ หนังสือแบบเรียน การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ รหัสรายวิชา ทร3200018 รายวิชาเลือก ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หนังสือแบบเรียนนี้ประกอบด้วยเนื้อหาความรู้ ด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ คอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศ และ การสื่อสารมีทักษะในการค้นหาข้อมูลหรือสารสนเทศ ประเมิน จัดการ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และนำสารสนเทศไปใช้ในการแก้ปัญหา การประยุกต์ใช้ความรู้ด้านการใช้ เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล การค้าออนไลน์ และแหล่งเรียนรู้บนเครือข่าย อินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง การ ทำงานอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ ต่อตนเองหรือสังคม ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารอย่างปลอดภัย รู้เท่าทัน มีความรับผิดชอบ มีจริยธรรมเพื่อนำความรู้ไปใช้ใน ชีวิตประจำวันได้ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสวรรคโลก ขอขอบคุณผู้เชี่ยวชาญเนื้อหา ที่ให้การสนับสนุนองค์ความรู้ประกอบการนำเสนอเนื้อหา รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องในกาจัดทำชุดวิชา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดวิชานี้จะเกิดประโยชน์ต่อ ผู้เรียน กศน. และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเห็นคุณค่าต่อไป คณะจัดทำ


ข คำแนะนำการใช้หนังสือแบบเรียน ทร3200018 การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ หนังสือแบบเรียน วิทยาการคำนวณ รหัสรายวิชา พว3300102 ใช้สำหรับผู้เรียน หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 โครงสร้างของหนังสือแบบเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน โครงสร้างของ หน่วยการเรียนรู้เนื้อหาสาระ กิจกรรม เรียงลำดับตามหน่วยการเรียนรู้และแบบทดสอบ หลังเรียน ส่วนที่ 2 เฉลยแบบทดสอบและกิจกรรม ประกอบด้วย เฉลยแบบทดสอบ ก่อน เรียนและหลังเรียน เฉลยกิจกรรม เรียงลำดับตามหน่วยการเรียนรู้วิธีการใช้หนังสือ แบบเรียน วิธีการใช้หนังสือแบบเรียน ให้ผู้เรียนดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้ 1. ศึกษารายละเอียดโครงสร้างหนังสือแบบเรียนโดยละเอียดเพื่อให้ทราบว่าผู้เรียน ต้องเรียนรู้เนื้อหาเรื่องใดบ้างในรายวิชานี้ 2. วางแผนเพื่อกำหนดระยะเวลาและจัดเวลาให้ผู้เรียนมีความพร้อมที่จะศึกษา หนังสือแบบเรียนนี้ เพื่อให้สามารถศึกษารายละเอียดของเนื้อหาได้ครบทุกหน่วย การเรียนรู้พร้อมทำกิจกรรมตามที่กำหนดให้ทันก่อนสอบปลายภาค 3. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนของหนังสือแบบเรียนตามที่กำหนดเพื่อทราบ พื้นฐานความรู้เดิมของผู้เรียน โดยตรวจสอบคำตอบจากเฉลยแบบทดสอบท้ายเล่ม 4. ศึกษาเนื้อหาหนังสือแบบเรียนในแต่ละหน่วยการเรียนรู้อย่างละเอียดให้เข้าใจ ทั้งในหนังสือแบบเรียนและสื่อประกอบ (ถ้ามี) และทำกิจกรรมที่กำหนดไว้ให้ครบถ้วน 5. เมื่อทำกิจกรรมแล้วเสร็จแต่ละกิจกรรม ผู้เรียนสามารถตรวจสอบคำตอบได้ จากแนวตอบ/เฉลยท้ายเล่ม หากผู้เรียนยังทำกิจกรรมไม่ถูกต้องให้ผู้เรียนกลับไปทบทวน เนื้อหา สาระในเรื่องนั้นซ้ำจนกว่าจะเข้าใจ


ค 6. เมื่อศึกษาเนื้อหาสาระครบทุกหน่วยการเรียนรู้แล้ว ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบ หลังเรียนและตรวจสอบคำตอบจากเฉลยท้ายเล่มว่าผู้เรียนสามารถทำแบบทดสอบ ได้ถูกต้องทุกข้อหรือไม่ หากข้อใดยังไม่ถูกต้องให้ผู้เรียนกลับไปทบทวนเนื้อหาสาระ ในเรื่องนั้นให้เข้าใจอีกครั้งหนึ่ง ผู้เรียนควรทำแบบทดสอบหลังเรียนให้ได้คะแนนมากกว่า แบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ 7. หากผู้เรียนได้ทำการศึกษาเนื้อหาและทำกิจกรรมแล้วยังไม่เข้าใจ ผู้เรียน สามารถสอบถามและขอคำแนะนำได้จากครูหรือแหล่งค้นคว้าเพิ่มเติมอื่น ๆ การศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ผู้เรียนอาจศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ ที่เผยแพร่ความรู้ ใน เรื่องที่เกี่ยวข้องและศึกษาจากผู้รู้ การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผู้เรียนต้องวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดังนี้ 1. ระหว่างภาค วัดผลจากการทำกิจกรรมหรืองานที่ได้รับมอบหมายระหว่างเรียน รายบุคคล 2. ปลายภาค วัดผลจากการทำข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ปลายภาค


ง โครงสร้างหนังสือแบบเรียน วิชาการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ สาระทักษะการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มาตรฐานการเรียนรู้ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สามารถประมวลความรู้ทำงาน บนฐานข้อมูลและมีความชำนาญในการอ่าน ฟัง จดบันทึกเป็นสารสนเทศอย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว สามารถวางแผนและใช้แหล่งเรียนรู้ได้อย่างคล่องแคล่วจนเป็นลักษณะนิสัย สามารถสรุป องค์ความรู้ใหม่ นำไปสร้างสรรค์สังคมอุดมปัญญา ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. ประมวลความรู้ และสรุปเป็นสาระสนเทศได้ 2. ทำงานบนฐานข้อมูลด้วยมีทักษะด้านการแสวงหาความรู้จนเป็นลักษณะนิสัย 3. ใช้แหล่งเรียนรู้จากเทคโนโลยีและนวตกรรมตามความต้องการจำเป็น 4. สามารถวางแผนและเลือกใช้แหล่งเรียนรู้บนเครือข่ายของอินเทอร์เน็ตเพื่อ พัฒนาอาชีพของตนเองได้อย่างมีคุณภาพเหมาะสมกับความสามารถ สาระสำคัญ ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ การเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจและสังคมสูงขึ้น จึงทำให้การศึกษาในปัจจุบัน ต้องปรับเปลี่ยนให้ตอบสนองกับสถานการณ์ปัจจุบันมีความสอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 โดยเน้น ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา ทักษะด้านการ สร้างสรรค์และนวัตกรรม ตามนโยบายกระทรวง การปรับปรุงหลักสูตรและกระบวนการ เรียนรู้ให้ทันสมัย ด้านยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งนโยบาย กศน. มุ่งเน้นให้ประชาชนรู้เท่าทันเทคโนโลยีโดยสอดคล้องกับส่งเสริมการจัด การศึกษาและการเรียนรู้ สำหรับประชาชนที่เหมาะสมทุกวัย การคิดวิเคราะห์สังเคราะห์ และมีความสามารถในการสื่อสาร ตามปรัชญาของ กศน. อำเภอสวรรคโลก ให้ผู้เรียนมี ทักษะในการเรียนรู้ และมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ในการใฝ่เรียนรู้


จ ขอบข่ายเนื้อหา บทที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 25 ชั่วโมง บทที่ 2 การใช้งานอินเทอร์เน็ต(Internet) จำนวน 15 ชั่วโมง บทที่ 3 ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล จำนวน 25 ชั่วโมง (Digital literacy) บทที่ 4 การค้าออนไลน์ จำนวน 25 ชั่วโมง บทที่ 5 การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปและเครือข่ายสังคม จำนวน 15 ชั่วโมง เพื่อการเรียนรู้ บทที่ 6 แหล่งเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จำนวน 15 ชั่วโมง สื่อประกอบการเรียนรู้ 1. หนังสือแบบเรียน การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้รหัสรายวิชา ทร3200018 2. สื่อเสริมการเรียนรู้อื่น ๆ จำนวนหน่วยกิต 3 หน่วยกิต (120 ชั่วโมง) กิจกรรมเรียนรู้ 1. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน และตรวจสอบคำตอบจากเฉลยท้ายเล่ม 2. ศึกษาเนื้อหาสาระในหน่วยการเรียนรู้ทุกบทเรียน 3. ทำกิจกรรมตามที่กำหนด 4. ทำแบบทดสอบหลังเรียน และตรวจสอบคำตอบจากเฉลยท้ายเล่ม การประเมินผล 1. แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน 2. แบบประเมินโครงงาน 3. แบบสังเกต


ฉ สารบัญ หน้า คำนำ ก คำแนะนำการใช้หนังสือแบบเรียนวิชา ข โครงสร้างหนังสือแบบเรียนวิชา ง แบบทดสอบก่อนเรียน ช บทที่ 1 เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศ 1 บทที่ 2 เรื่อง การใช้งานอินเทอร์เน็ต(Internet) 39 บทที่ 3 เรื่อง ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล(Digital literacy) 63 บทที่ 4 เรื่อง การค้าออนไลน์ 71 บทที่ 5 เรื่อง การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปและเครือข่ายสังคม เพื่อการเรียนรู้ 141 บทที่ 6 เรื่อง แหล่งเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 168 แบบทดสอบหลังเรียน 185 เฉลยแบบทดสอบ 194 บรรณานุกรม 195 คณะทำงาน 197


ช แบบทดสอบก่อนเรียน รายวิชา การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้จำนวน 3 หน่วยกิต (120 ชั่วโมง ) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คำชี้แจง 1. แบบทดสอบฉบับนี้เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 40 คะแนน 2. ให้ผู้เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียวแล้วทำเครื่องหมาย ลงใน กระดาษคำตอบ 3. เวลาที่ใช้ในการทำแบบทดสอบ 40 นาที 1. ข้อใดเป็นความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ถูกต้องมากที่สุด ก. การนำความรู้มาประยุกต์ใช้จัดการกับสารสนเทศอย่างเป็นระบบ ข. การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เป็นระบบและรวดเร็ว ค. การนำวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างหรือจัดการกับสารสนเทศอย่างเป็นระบบ ง. การนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างหรือจัดการกับสารสนเทศ อย่าง 2. ลักษณะใดไม่ใช่แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศ ก. ขนาดใหญ่แต่มีราคาถูกลง ข. ขนาดเล็กลงแต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ค. ผนวกอุปกรณ์หลาย ๆ อย่างได้ในครั้งเดียว ง. หน้าจอสัมผัสสามารถสั่งการได้ด้วยเสียง 3. ข้อใดเป็นองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ ก. ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล ข. ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล บุคลากร ค. ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล ขั้นตอนกการปฏิบัติงาน ง. ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล บุคลากร ขั้นตอนการปฏิบัติงาน


ซ 4. อาชีพใดมีหน้าที่บริหารและจัดการระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร ก. นักวิเคราะห์ระบบ ข. ผู้ดูแลและบริหารระบบ ค. ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล ง. ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย 5. อาชีพ System Analyst เป็นอาชีพที่ตรงกับข้อใด ก. นักวิเคราะห์ระบบ ข. ผู้ดูแลและบริหารระบบ ค. ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล ง. ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย 6. ความก้าวหน้าของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำ ให้เกิดความ เปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ทั้งที่เกิดประโยชน์และโทษ ด้านใดมีผลกระทบกับ นักเรียนมากที่สุด ก. ด้านสังคม ข. ด้านเศรษฐกิจ ค. ด้านสิ่งแวดล้อม ง. ด้านการเมืองการปกครอง 7. ข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ ก. เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจ ข. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ค. เปลี่ยนรูปแบบการบริการให้เป็นแบบกระจาย ง. เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำเนินงานของหน่วยงาน 8. อินเทอร์เน็ต คืออะไร ก. ระบบเมนเฟรม ข. ระบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันหลาย ๆ เครือข่ายทั่วโลก ค. ระบบเครือข่ายเดี่ยว ง. ระบบไมโครคอมพิวเตอร์


ฌ 9. www ย่อมาจากอะไร ก. World Wide Web ข. World War Web ค. World Wan Web ง. World Wide Wan 10. อีเมลล์ (E-mail) คืออะไร ก. โปรแกรมดูภาพ ข. โปรแปรมรับส่งแฟกซ์ ค. โปรเกรมการทำงานควบคุมอินเทอร์เน็ต ง. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับสื่อสารระหว่างกันทางอินเทอร์เน็ต 11. การพูดคุยผ่าน Face book ทางอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศเป็นการใช้เทคโนโลยีใน ด้านใด ก. เทคโนโลยีการสื่อสาร ข. เทคโนโลยีทางการแพทย์ ค. เทคโนโลยีชีวภาพ ง. เทคโนโลยีการผลิต 12. โปรโตคอล คืออะไร ก. ระบบที่แปลงภาษาเครื่องคอมพิวเตอร์ ข. ระเบียบวิธีที่กำหนดสำหรับการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ ค. ระบบที่จำลองการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ง. ระบบรับส่งข้อมูล 13. Domain Name คืออะไร ก. รหัสข้อมูลที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ข. เลขรหัสประจำตัวของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อเข้ากับเครือข่าย ค. รหัสไอพีประจำตัวของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการ ง. เลขรหัสประจำตัวของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้เชื่อมโยง


ญ 14. โดเมนเนม .c๐m มีความหมายคืออะไร ก. สำหรับกลุ่มองค์กรการศึกษา ข. สำหรับกลุ่มองค์กรค้า ค. สำหรับกลุ่มองค์การทหาร ง. สำหรับกลุ่มองค์กรรัฐบาล 15. ข้อใดเขียนคำว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ถูกต้อง ก. Techno Information ข. Information Techno ค. Technology Information ง. Information Technology 16. ผลกระทบทางบวกของเทคโนโลยีสารสนเทศข้อใดมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยที่สุด ก. สินค้ามีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น ข. มนุษย์มีคุณธรรมสูงขึ้น ค. มีแหล่งข้อมูลความรู้เพิ่มขึ้น ง. มนุษย์มีระบบขนส่งที่ทันสมัย 17. บุคคลใดต่อไปนี้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศได้ถูกต้องที่สุด ก. สารัส Hack ข้อมูลของบริษัทแห่งหนึ่ง ข. พรสุดาลบข้อมูลที่ไม่ใช่ของตนออกจากเครื่อง ค. ริณณี ใช้ E-mail ส่งหาเพื่อนหลาย ๆ คนแทนการส่งจดหมายธรรมดา ง. อารีรัตน์เก็บจดหมายที่เพื่อนส่งมาทุกฉบับ 18. ข้อใดถือว่าเป็นภัยแฝงออนไลน์ ก. ปาลินใช้เวลาว่างเล่นโซเชียล จนทำให้สอบไม่ผ่าน ข. มุตาขายของออนไลน์ ค. สาลีส่งงานอาจารย์ทางเมล์ ง. นาเดียแจ้งข่าวสารให้เพื่อนโดยใช้ Facebook


ฎ 19. ข้อใดไม่เป็นการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของอาชญากรคอมพิวเตอร์ ก. ใช้รหัสผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ข. ใช้บัตรแม่เหล็ก หรือกุญแจ เพื่อเข้าสู่ระบบ ค. ปิดการทำงานระบบ Firewall ทุกครั้งที่เปิดคอมพิวเตอร์ ง. ใช้ระบบอ่านลายนิ้วมือก่อนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 20. ข้อใดคือผลกระทบทางด้านลบที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการเรียนการสอน ก. สื่อที่ใช้ขาดความน่าสนใจ ข. ผู้เรียนไม่มีสถานที่เรียนหนังสือ ค. เครื่องมือที่ใช้ต้องมีความทันสมัย ง. ผู้เรียนไม่สามารถสอบถามผู้สอนได้ 21. ข้อใดเป็นความสำคัญของอินเทอร์เน็ตด้านธุรกิจและการพาณิชย์ ก. เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ โฆษณาสินค้า ติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ ข. ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ ค. สามารถดึงข้อมูล (download) ภาพยนตร์มาดูได้ ง. สามารถฟังวิทยุหรือดูรายการโทรทัศน์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ 22. การขายออนไลน์มีการลงทุนที่ ก. ลงทุนต่ำ ข. ลงทุนสูง ค. ลงทุนน้อย ง. ลงทุนมาก 23. ข้อใดเป็นข้อดีของการขายสินค้าออนไลน์ ก. ไม่ต้องเช่าพื้นที่ราคาแพง ข. ต้องหมั่นคอยอัพเดตสม่ำเสมอ ค. ต้องมีเวลาให้กับร้านค้า ง. สามารถพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรง


ฏ 24. ข้อใดหมายถึงการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อนำสินค้าของตนไปจำหน่าย ก. การทำธุรกิจ ข. การขายออนไลน์ ค. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ง. การซื้อ-ขายออนไลน์ 25. ข้อใดเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมอันดับแรกก่อนที่จะเปิดร้านค้าออนไลน์ ก. ชื่อแบรนด์ ชื่อร้าน ข. สินค้าและบริการ ค. เงินลงทุน ง. ช่องทางการจัดจำหน่าย 26. การออกแบบโลโก้มีความสำคัญอย่างไร ก. จดจำง่าย ข. ดูหรูหรา ค. ลงทุนสูง ง. ทันสมัย 27. ความหมายของบรรจุภัณฑ์ คือข้อใด ก. การห่อผลิตภัณฑ์ให้สวยงาม ข. สิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์คงรูปเดิม ค. รูปลักษณะภายนอกที่สวยงาม ง่ายต่อการพกพา ง. การนำผลิตภัณฑ์มาห่อหุ้ม ป้องกันไม่ให้ชำรุดเสียหายสะดวกต่อการขนส่ง 28. ข้อใดคือโปรแกรมสำเร็จรูป ก. Microsoft Word ข. Games ค. Google chrome ง. ถูกทุกข้อ


ฐ 29. ข้อใดเรียงลำดับการเริ่มงาน Word ได้ถูกต้อง ก. Start > Programs > Microsoft office > Microsoft Word ข. Start > Programs > Microsoft Word > Microsoft office ค. Start > Microsoft office > Programs > Microsoft Word ง. Start > Microsoft Word > Programs > Microsoft office 30. โปรแกรม Microsoft Word จัดเป็นโปรแกรมประเภทใด ก. คำนวณ ข. พิมพ์เอกสาร ค. วาดรูป ง. จัดรูปแบบเอกสาร 31. ข้อใดคือคุณสมบัติที่สำคัญของโปรแกรม Microsoft Excel ก. เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการพิมพ์งาน ข. เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการออกแบบรูปภาพต่าง ๆ ค. เป็นโปรแกรมที่จัดการข้อมูลในตารางและการคำนวณ ง. เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการตกแต่งภาพและตัวอักษรได้ดี 32. ส่วนประกอบใดต่อไปนี้ที่แตกต่างกันระหว่างโปรแกรม Microsoft Word และ Microsoft Excel ก. แถบคำสั่ง (Menu Bar) ข. แถบชื่อเรื่อง (Title Bar) ค. แถบเครื่องมือ (Tool Bar) ง. แถบสูตร (Formular Bar) 33. การนำเสนอแบบ Slide Presentation ใช้โปรแกรมแบบใด ก. Microsoft Word ข. Microsoft Power Point ค. Microsoft Excel ง. Microsoft Office


ฑ 34. โปรแกรม Microsoft PowerPoint จัดเป็นโปรแกรมประเภทใด ก. นำเสนอข้อมูล ข. วาดรูป ค. พิมพ์เอกสาร ง. คำนวณ 35. อินเทอร์เน็ตมีลักษณะสำคัญอย่างไร ก. เป็นเครือข่ายสาธารณะซึ่งสามารถใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลและทำงานรูปแบบต่าง ๆ ข. เป็นเครือข่ายที่จัดตั้งขึ้นเพื่อระดมมวลชนในการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ค. เป็นเครือข่ายภายในองค์กรซึ่งสามารถใช้แจ้งข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ได้ ง. เป็นเครือข่ายเฉพาะซึ่งผู้เข้าใช้งานจะต้องมีการลงชื่อเข้าใช้ทุกครั้ง 36. ข้อใดเป็นประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต ก. อ่านข้อความหรือเรียกดูภาพที่ไม่เหมาะสม ข. การเล่นเกมส์คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ค. การแอบดูข้อมูลเพื่อน ง. ค้นหารูปภาพดารามาเป็นภาพประจำตัวในเฟซบุ๊ค 37. การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หมายถึง ก. E – Book ข. E – Mail ค. E – Commerce ง. E - Learning 38. Search Engine คือ ก. การค้นหาข้อมูลโดยแบ่งหมวดหมู่ให้เลือก โดยให้เลือกค้นหาในหมวดหมู่ที่สนใจ ข. การค้นหาข้อมูล โดยอัตโนมัติเกี่ยวกับเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยละเอียด เหมาะกับการค้นหา ข้อมูลแบบเจาะจง ค. การค้นหาข้อมูลโดยให้ระบุสิ่งที่ต้องการว่าเป็น ภาพ, โปรแกรม เป็นต้น ง. ถูกทุกข้อ


ฒ 39. ข้อใดคือเว็บไซต์ สำหรับค้นหาข้อมูล ก. www.google.com ข. www.hotmail.com ค. www.facebok.com ง. www.youtube.com 40. ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีลักษณะเหมือนข้อใด ก. เครือข่ายห้องสมุดอิเล็กทอนิกส์ ข. เครือข่ายการสื่อสาร ค. เครือข่ายใยแมงมุม ง. เครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์


1 บทที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศ สาระสำคัญ เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นที่ยอมรับในยุคปัจจุบันและเป็นยุคที่ หน่วยงานต่าง ๆ เห็นความจำเป็นและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินงาน การ บริหารงานและการตัดสินใจ ซึ่งในหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในวงการธุรกิจ อุตสาหกรรมและการศึกษา ต้องมีข้อมูลสารสนเทศที่ดีโดยมีกระบวนการจัดการผ่าน คอมพิวเตอร์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ นับตั้งแต่การผลิต การจัดเก็บ การประมวลผล การ เรียกใช้และการสื่อสารสารสนเทศ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนและการใช้ทรัพยากรสารสนเทศ ร่วมกันให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศมีนักการ ศึกษาได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศไว้ (พงษ์พรรณ พรรณบัว หลวง, 2564) ดังนี้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. บอกความหมายความสำคัญและประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศได้ 2. บอกประเภทของข้อมูลและองค์ประกอบของระบบสารสนเทศได้ ขอบข่ายเนื้อหา เรื่องที่ 1. ความหมาย ประเภทและความสำคัญ ของสารสนเทศ เรื่องที่ 2. ลักษณะของสารสนเทศที่ดี เรื่องที่ 3. คุณลักษณะของสังคม สารสนเทศ - ผลกระทบของเทคโนโลยี สารสนเทศ เรื่องที่ 4. การก้าวสู่สังคมสารสนเทศ เรื่องที่ 5. บทบาทสังคมสารสนเทศ เรื่องที่ 6. ความสำคัญของเทคโนโลยี เรื่องที่ 7. ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่องที่ 8. ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่องที่ 9. จริยธรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ


2 เวลาที่ใช้ในการศึกษา 25 ชั่วโมง สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือแบบเรียนวิชาการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ รหัสรายวิชา ทร3200018 2. สมุดบันทึกกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบหนังสือแบบเรียนวิชาวิชาการใช้ เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ รหัสรายวิชา ทร3200018


3 เรื่องที่ 1 ความหมาย ประเภทและความสำคัญ ของสารสนเทศ กฤติกา (2564) ได้ให้ความหมาย สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลต่างๆ ที่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงหรือมี การประมวลหรือวิเคราะห์ผลสรุปด้วยวิธีการต่าง ๆ ให้อยู่ ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กันมีความหมาย มีคุณค่าเพิ่มขึ้นและมีวัตถุประสงค์ในการใช้ งาน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เช่น การเก็บข้อมูล การขายรายวันแล้วนำการ ประมวลผล เพื่อหาว่าสินค้าใดมียอดขายสูงที่สุด เพื่อจัดทำแผนการขายในเดือนต่อไป เป็น ต้น ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศสรุปได้ ดังนี้ - ช่วยในการจัดระบบข่าวสารจำนวนมหาศาลของแต่ละวัน - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสารสนเทศ เช่น การคำนวณตัวเลขที่ยุ่งยาก ซับซ้อน การจัดเรียงลำดับสารสนเทศ ฯลฯ - ช่วยให้สามารถเก็บสารสนเทศไว้ในรูปที่สามารถเรียกใช้ได้ทุกครั้งอย่างสะอาด - ช่วยให้สามารถจัดระบบอัตโนมัติ เพื่อการจัดเก็บประมวลผลและเรียกใช้ สารสนเทศ - ช่วยในการเข้าถึงสารสนเทศได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากขึ้น - ช่วยในการสื่อสารระหว่างกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ลดอุปสรรคเกี่ยวกับเวลา และระยะทางโดยการใช้ระบบโทรศัพท์และอื่น ๆ ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ สรุปได้ ดังนี้ 1. สารสนเทศและเทคโนโลยีสารสนเทศถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อความสำเร็จ ของกิจกรรมหลายประเภทจำเป็นต้องมีวิธีการจัดการที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับการ จัดการทรัพยากรอื่น ๆ 2. เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบต่อความสำเร็จของการดำเนินงานขององค์กร เป็นอย่างมาก จึงต้องมีวิธีการที่เหมาะสมสำหรับการจัดทำระบบสารสนเทศและการใช้ เทคโนโลยีเกี่ยวข้อง 3. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน 4. ผู้บริหารควรมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อจะได้มีส่วนร่วม และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้ได้ประโยชน์ 5. ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มี ทางเลือกหลายทาง จำเป็นต้องมีการศึกษานโยบาย วัตถุประสงค์และข้อมูลอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับงานและองค์การเพื่อช่วยในการตัดสินใจ 6. เทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันถือเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งขององค์กร


4 ความเป็นมาของเทคโนโลยีในประเทศไทย การพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วผลักดันให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงภายใต้บริบทที่เชื่อมโยงต่อเนื่องกันในลักษณะเศรษฐศาสตร์เครือข่ายหรือที่ เรียกว่า ( networked economy) มีการเปลี่ยนแปลง เคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว (เพียงแค่ กดเม้าส์ของคอมพิวเตอร์)เสมือนดังไม่มีพรมแดนของประเทศปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการเมืองสังคมระหว่างประเทศ การพัฒนาเทคโนโลยีสื่อสาร และสารสนเทศ ส่งผลให้โลกมีสภาพ เหมือนเป็นหนึ่งเดียว มีการแข่งขันสูงผลกระทบในวง กว้าง ( systemic and dynamism ) ต่อผู้ผลิต ผู้บริโภค อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนที่ทำไห้ทรัพยากรมนุษย์เกิดการปรับตัวพัฒนาให้เป็น ทรัพยากรมนุษย์ที่อยู่ในโลกเศรษฐกิจใหม่ของสังคมอุดมปัญญา (Knowledge Based Economy) กลายเป็นศัพท์ที่ต้องคิด ของคนใน สหัสวรรษที่ 21 ในสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ประเทศไทยได้รับวิทยาการ ตะวันตกเช่นกิจการรถไฟ , ไปรษณีย์โทรเลขโรงสี, โรงเลื่อยจักร โรงพิมพ์,โรงไฟฟ้าเป็นต้น ต่อเกิดสงครามโลกที่2 ประเทศไทยขาดแคลนสินค้ามาก ประทศไทยได้คณะกรรมการ สร้างอุตสาหกรรมแห่งชาติและคณะกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการงาน การผลิตสิ่งของจำเป็นสำหรับการครองชีพของประชาชน ในปีพ.ศ. 2503 รัฐบาลได้ออก พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้สิทธิพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการยกเว้น ภาษีให้แก่ผู้ที่จะลงทุนด้านอุตสาหกรรมในประเทศรูปแบบการใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา ประเทศกับชนิดโครงการที่ต้องการพัฒนาซึ่งประเทศไทยต้องใช้เทคโนโลยี 5 แบบคือ 1. เทคโนโลยีด้านมาตรวิทยา 2. เทคโนโลยีด้านเทคนิคการผลิตและการควบคุมคุณภาพ 3. เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์เพื่อการออกแบบและการผลิต 4. เทคโนโลยีด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์และคุณภาพ 5. เทคโนโลยีด้านการจัดการต้นทุนมาตรฐานสินค้าและสิ่งแวดล้อม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในประทศไทยมีความก้าวหน้าที่นับว่าเป็นความสำเร็จ 3 ประการคือ 1. การสร้างบรรยากาศทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2. การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา


5 3. การเตรียมบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประเภทของเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (ที่มา https://sites.google.com/site/supachok571031243/prapheth-khxngthekhnoloyi) คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถจดจำข้อมูลต่าง ๆ และปฏิบัติตาม คำสั่งที่บอก เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งให้ คอมพิวเตอร์นั้นประกอบด้วย อุปกรณ์ต่าง ๆ ต่อเชื่อมกันเรียกว่า ฮาร์ดแวร์ (Hardware) และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์นี้จะต้อง ทำงานร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกกันว่า ซอฟต์แวร์(Software) ฮาร์ดแวร์ ประกอบด้วย 5 ส่วน คือ อุปกรณ์รับข้อมูล (Input) เช่น แผงแป้นอักขระ (Keyboard), เมาส์, เครื่องตรวจกวาดภาพ (Scanner), จอภาพสัมผัส (Touch Screen), ปากกาแสง (Light Pen), เครื่องอ่านบัตรแถบแม่เหล็ก (Magnetic Strip Reader), และเครื่องอ่าน รหัสแท่ง (Bar Code Reader) อุปกรณ์ส่งข้อมูล (Output) เช่น จอภาพ (Monitor), เครื่องพิมพ์ (Printer), และ เทอร์มินัล หน่วยประมวลผลกลาง จะทำงานร่วมกับหน่วยความจำหลักในขณะคำนวณ หรือประมวลผล โดยปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยการดึงข้อมูล และคำสั่งที่เก็บไว้ไว้ในหน่วยความจำหลักมาประมวลผล หน่วยความจำหลัก มีหน้าที่เก็บข้อมูลที่มาจากอุปกรณ์รับข้อมูลเพื่อใช้ในการ คำนวณ และผลลัพธ์ของการคำนวณก่อนที่จะส่งไปยังอุปกรณ์ส่งข้อมูล รวมทั้งการเก็บ คำสั่งขณะกำลังประมวลผลหน่วยความจำสำรอง ทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลและโปรแกรม ขณะยังไม่ได้ใช้งาน เพื่อการใช้ในอนาคต ซอฟต์แวร์ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญและจำเป็น ในการควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ


6 ซอฟต์แวร์ระบบ มีหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์ และ เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์หรือฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ระบบสามารถแบ่งเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ 1. โปรแกรมระบบปฏิบัติการ ใช้ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ พ่วงต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างโปรแกรมที่นิยมใช้กัน ในปัจจุบัน เช่น UNIX, DOS, Microsoft Windows 2. โปรแกรมอรรถประโยชน์ ใช้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ในระหว่างการประมวลผลข้อมูลหรือในระหว่างที่ใช้ เครื่องคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างโปรแกรม ที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน เช่น โปรแกรมเอดิเตอร์ (Editor) 3. โปรแกรมแปลภาษา ใช้ในการแปลความหมายของคำสั่งที่เป็น ภาษาคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจ และทำงานตามที่ ผู้ใช้ ต้องการ ซอฟต์แวร์ประยุกต์ เป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อทำงานเฉพาะด้านตามความต้องการ ซึ่งซอฟต์แวร์ประยุกต์นี้สามารถแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ 1. ซอฟต์แวร์ประยุกต์เพื่องานทั่วไป เป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้งานทั่วไปไม่ เจาะจงประเภทของธุรกิจ ตัวอย่าง เช่น Word Processing, Spreadsheet, Database Management เป็นต้น 2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์เฉพาะงาน เป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในธุรกิจเฉพาะ ตามแต่วัตถุประสงค์ของการนำไปใช้ 3. ซอฟต์แวร์ประยุกต์อื่น ๆ เป็นซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง และอื่น ๆ นอกเหนือจากซอฟต์แวร์ประยุกต์สองชนิดข้างต้น ตัวอย่าง เช่น Hypertext, Personal Information Management และซอฟต์แวร์เกมต่าง ๆ เป็นต้น เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม ใช้ในการติดต่อสื่อสารรับ/ส่งข้อมูลจากที่ไกล ๆ เป็นการส่งของข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือที่อยู่ห่างไกลกัน ซึ่งจะช่วยให้การ เผยแพร่ข้อมูลหรือสารสนเทศไปยังผู้ใช้ในแหล่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน และทันการณ์ ซึ่งรูปแบบของข้อมูลที่รับ/ส่งอาจเป็นตัวเลข (Numeric Data) ตัวอักษร (Text) ภาพ (Image) และเสียง (Voice) เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม ใช้ในการติดต่อสื่อสารรับ/ส่งข้อมูลจากที่ไกล เป็นการส่ง


7 ของข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือที่อยู่ห่างไกลกัน ซึ่งจะช่วยให้การเผยแพร่ ข้อมูลหรือสารสนเทศไปยังผู้ใช้ในแหล่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน และทันการณ์ ซึ่งรูปแบบของข้อมูลที่รับ/ส่งอาจเป็นตัวเลข (ตัวอักษร (ภาพ (และเสียง ), แฟกซ์, โทรเลข, วิทยุกระจายเสียง, วิทยุโทรทัศน์ เคเบิ้ลใยแก้วนำแสง คลื่น ไมโครเวฟ และดาวเทียม เป็นต้น สำหรับกลไกหลักของการสื่อสารโทรคมนาคมมี องค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน ได้แก่ เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม ใช้ในการติดต่อสื่อสาร รับ/ส่งข้อมูลจากที่ไกล ๆ เป็นการส่งของข้อมูลระหว่าง คอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือที่อยู่ ห่างไกลกัน ซึ่งจะช่วยให้การเผยแพร่ข้อมูลหรือสารสนเทศไปยังผู้ใช้ในแหล่งต่าง ๆ เป็นไป อย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน และทันการณ์ ซึ่งรูปแบบของข้อมูลที่รับ/ส่งอาจ เป็นตัวเลข (Numeric Data) ตัวอักษร (Text) ภาพ (Image) และเสียง (Voice) เทคโนโลยี สื่อสารโทรคมนาคม เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม ใช้ในการติดต่อสื่อสารรับ/ส่งข้อมูล จากที่ไกล เป็นการส่งของข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือที่อยู่ห่างไกลกัน ซึ่งจะ ช่วยให้การเผยแพร่ข้อมูลหรือสารสนเทศไปยังผู้ใช้ในแหล่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน และทันการณ์ ซึ่งรูปแบบของข้อมูลที่รับ/ส่งอาจเป็นตัวเลข (ตัวอักษร (ภาพ (และเสียง )เทคโนโลยีที่ใช้ในการสื่อสารหรือเผยแพร่สารสนเทศ ได้แก่ เทคโนโลยีที่ใช้ในระบบโทรคมนาคมทั้งชนิดมีสายและไร้สาย เช่น ระบบโทรศัพท์, โมเด็ม, แฟกซ์, โทรเลข, วิทยุกระจายเสียง, วิทยุโทรทัศน์ เคเบิ้ลใยแก้วนำแสง คลื่นไมโครเวฟ และดาวเทียม เป็นต้น (ภาณุวิชญ์ ซินมุย, 2564)


8 เรื่องที่ 2 ลักษณะของสารสนเทศที่ดี คุณลักษณะของสารสนเทศที่ดี ในการจัดการเพื่อให้องค์การบรรลุถึงประสิทธิผลและประสิทธิภาพที่องค์การตั้งไว้ นั้น ดังที่กล่าวมาแล้วว่าข้อมูลและสารสนเทศเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากต่อ ทุกองค์การทั้งนี้สารสนเทศที่ดีควรมีลักษณะดังต่อไปนี้ 1. ความเที่ยงตรง (Accuracy) สารสนเทศขององค์การที่ดีจะต้องมีความเที่ยงตรง และ เชื่อถือได้โดยไม่ให้มีความคลาดเคลื่อนหรือมีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด ดังนั้น ประสิทธิผลของการตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับความถูกต้องหรือความเที่ยงตรงย่อมส่งผลกระทบ ทำให้การตัดสินใจมีความผิดพลาดตามไปด้วย 2. ทันต่อความต้องการใช้ (Timeliness)นอกเหนือจากสารสนเทศขององค์การ จะต้องมีความเที่ยงตรงหรือความถูกต้องแล้วยังจะต้องมีคุณสมบัติของการที่สามารถนำ สารสนเทศมาใช้ได้ทันทีเมื่อต้องการใช้ข้อมูลหรือเพื่อการตัดสินใจ ทั้งนี้เนื่องจากเหตุการณ์ ต่าง ๆ ทางการบริหารทั้งภายในและภายนอกองค์การมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็วโดยเฉพาะสารสนเทศด้านการขาย การผลิต ตลอดจนด้านการเงิน ถ้าผู้บริหาร ได้รับมาล่าช้า ก็จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการตัดสินใจหรือการ ดำเนินงานของผู้บริหารที่จะลดลง 3. ความสมบูรณ์(Completeness) สารสนเทศขององค์การที่ดีจะต้องมีความ สมบูรณ์ที่จะช่วยทำให้การตัดสินใจเป็นไปด้วยความถูกต้องการมีสารสนเทศที่มีปริมาณ มาก ไม่ได้หมายถึงการที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิผลของการดำเนินงานสารสนเทศที่มีมาก เกินไปอาจเป็นสารสนเทศที่ไม่มีความสำคัญ เช่นเดียวกับการมีสารสนเทศที่มีปริมาณน้อย เกินไป ก็อาจทำให้ไม่ได้สารสนเทศที่สำคัญครบเพียงพอทุกด้านที่จะนำไปใช้ได้อย่างมี ประสิทธิผล และมีประสิทธิภาพแต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าจะต้องรอให้มีสารสนเทศ ครบถ้วน100เปอร์เซ็นต์ก่อนจึงจะทำการตัดสินใจได้ เช่น จะตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราการใช้ สินค้า ปริมาณสินค้าคงเหลือราคาต่อหน่วยแหล่งผู้ผลิตค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อค่าใช้จ่ายใน การเก็บรักษา ระยะเวลารอคอยของสินค้าแต่ละชนิด ดังนั้นจะตัดสินใจเกี่ยวกับการ บริหารสินค้าคงเหลือให้มีประสิทธิภาพ ก็จำเป็นที่จะต้องได้รับสารสนเทศในทุกเรื่อง การ ขาดไปเพียงบางเรื่องจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจอย่างมากเป็นต้นจากตัวอย่างจะเห็น ได้ว่าไม่ได้หมายความว่ามีสารสนเทศมากเฉพาะในบางด้านขณะที่สารสนเทศในบางด้าน


9 ไม่มีหรือมีไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจแต่จะต้องได้รับสารสนเทศที่สำคัญครบในทุกด้านที่ ทำการตัดสินใจ 4. การสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ (Relevance) สารสนเทศขององค์การ ที่ดีจะต้องมีคุณลักษณะที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ จะต้องตอบสนองต่อความต้องการ ของผู้ใช้ที่จะนำไปใช้ในการตัดสินใจได้ดังนั้นในการที่องค์การจะออกแบบ และพัฒนา ระบบสารสนเทศในองค์การนั้น การสอบถามความต้องการของ สารสนเทศที่ผู้ใช้ต้องการ เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างมาก เช่น สนเทศในการบริหารการผลิต การตลาด และการ บริหารทรัพยากรมนุษย์ 5. ตรวจสอบได้(Verifiability) สารสนเทศที่ดีควรมีคุณลักษณะที่สามารถจะ ตรวจสอบได้โดยเฉพาะแหล่งที่มา การจัดรูปแบบการวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ ทั้งนี้เพื่อให้การ ตัดสินใจได้เกิดความรอบครอบการที่ผู้บริหารมองเห็นสารสนเทศบางเรื่องแล้วพบว่าทำไม จึงมีค่าที่ต่ำเกินไป หรือสูงเกินไป อาจต้องตรวจสอบความถูกต้องของสารสนเทศที่ได้มา ทั้งนี้ก็เพื่อมิให้การติดสินใจเกิดความผิดพลาด คุณลักษณะดังกล่าว มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้บริหารงานบุคคลจะต้องพยายาม จัดระบบให้มีความพร้อมครบถ้วนและพร้อมที่จะใช้งานได้ ปัญหาสำคัญที่องค์การส่วนมาก มักจะต้องเผชิญ คือ การไม่สามารถสนองข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลให้ทันกับความจำเป็นใช้ใน การที่จะต้องดำเนินการหรือตัดสินปัญหาบางประการ ดังเช่น ถ้าหากมีเหตุเฉพาะหน้าที่ ต้องการบุคคลที่มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งในการบรรจุเข้าตำแหน่งหนึ่งอย่างรวดเร็วในเวลาอัน สั้นซึ่งหากผู้จัดเตรียมข้อมูล จะต้องใช้เวลาประมวลขึ้นมานาน เป็นเดือนก็ย่อมถือได้ว่า ข้อมูลที่สนองให้นั้นช้ากว่าเหตุการณ์ หรือในอีกทางหนึ่ง บางครั้งแม้จะเสนอข้อมูลได้อย่าง รวดเร็ว แต่เป็นข้อมูลที่เป็นรายละเอียดมากเกินไปที่ไม่อาจพิจารณาแยกแยะคุณสมบัติที่ สำคัญ นอกจากลักษณะที่ดีของสารสนเทศดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีคุณสมบัติที่แอบแฝง ของสารสนเทศอีกบางลักษณะที่สัมพันธ์กับระบบสารสนเทศและวิธีการดำเนินงานของ ระบบสารสนเทศซึ่งจะมีความสำคัญแตกต่างกันไปตามลักษณะงานเฉพาะอย่างซึ่งได้แก่ 1. ความละเอียดแม่นยำ คือ สารสนเทศจะต้องมีความละเอียดแม่นยำในการวัดข้อมูล ให้ความเชื่อถือได้สูงมีรายละเอียดของข้อมูลและแหล่งที่มาของข้อมูลที่ถูกต้อง 2. คุณสมบัติเชิงปริมาณคือความสามารถที่จะแสดงออกมาในรูปของตัวเลขได้และ สามารถเปรียบเทียบในเชิงปริมาณได้


10 3. ความยอมรับได้ คือ ระดับความยอมรับได้ของกลุ่มผู้ใช้สารสนเทศอย่างเดียวกัน สารสนเทศควรมีลักษณะเดียวกันในกลุ่มผู้ใช้งาน หรือใกล้เคียงกันโดยสามารถใช้ร่วมกันได้ เช่น การใช้เครื่องมือเพื่อวัดคุณภาพการผลิตสินค้าเครื่องมือดังกล่าวจะต้องเป็นที่ยอมรับ ได้ว่าสามารถวัดค่าของคุณภาพได้อย่างถูกต้อง 4. การใช้ได้ง่ายคือความสามารถนำไปใช้งานได้ง่ายสะดวกและรวดเร็ว 5. ความไม่ลำเอียง ซึ่งหมายถึง ไม่เป็นสารสนเทศที่มีจุดประสงค์ที่จะปกปิดข้อเท็จจริง บางอย่างซึ่งทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงหรือแสดงข้อมูลที่ผิดจากความเป็นจริง (วสันต์ผูพงษ์, 2564)


11 เรื่องที่ 3 คุณลักษณะของสังคม สารสนเทศ - ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ คุณลักษณะของสังคมสารสนเทศ 1. เป็นสังคมที่มีการใช้สารสนเทศที่บันทึกอยู่บนสื่อที่เป็นเอกสาร สิ่งพิมพ์และไม่ ตีพิมพ์สื่ออิเล็กทรอนิกส์เสียงภาพฯลฯ 2. เป็นสังคมที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือ IT เพื่อการได้มา จัดเก็บ ประมวลผลสืบค้นและเผยแพร่สารสนเทศให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้อย่างรวดเร็ว ถูกต้องและทันเวลา 3. เป็นสังคมที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์ที่มีไมโครโพรเซสเซอร์เป็นตัวควบคุม การทำงาน เครื่องอำนวยความสะดวกในบ้านและในสำนักงาน ตัวอย่างเช่น หม้อหุงข้าว ไฟฟ้า เตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ ระบบควบคุมไฟฟ้า เป็นต้น 4. เป็นสังคมที่ผู้ใช้สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้ด้วยตนเองทั้งโดยทางตรง และทางอ้อมอันนำมาซึ่งการเพิ่มผลผลิตและการเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบการด้าน ต่างๆ ความสำคัญของสารสนเทศ ในโลกยุคข่าวสาร (Information society) เช่นปัจจุบัน มีคำพูดที่กล่าวถึงความสำคัญของสารสนเทศว่า Information is Power หรือสารสนเทศ คือพลัง หมายถึง ผู้ใดที่มีสารสนเทศหรือ ได้รับสารสนเทศที่มีคุณค่าและทันสมัย ผู้นั้นย่อม มีพลังหรือมีอำนาจ ได้เปรียบผู้อื่นในทุก ๆ ด้านเพราะสารสนเทศเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งอันเกิด จากสติปัญญาของมนุษย์เพื่อประโยชน์ต่อมวลมนุษย์จึงมีความสำคัญต่อบุคคลและสังคม คือความสำคัญของสารสนเทศต่อสังคม สารสนเทศที่มีคุณภาพจะช่วยพัฒนาสังคมโดย ส่วนรวมได้หลายด้าน คือ 1. ด้านการศึกษา การเลือกใช้สารสนเทศที่ดี ทันสมัย มีคุณค่าจะช่วยให้การเรียน การสอนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 2. การศึกษาค้นคว้า วิจัย ที่มีประสิทธิภาพ การเลือกใช้สารสนเทศที่มีคุณค่าจะทำ ให้ผลการศึกษาค้นคว้าวิจัยน่าเชื่อถือและสามรถนำไปใช้ประโยชน์ต่อสังคมได้มาก 3. พัฒนาวิทยาการและเทคโนโลยีให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะสารสนเทศที่ถ่ายทอด ความรู้ เทคนิคใหม่ ๆ สืบต่อกันมานั้น สามารถนำไปพัฒนาวิทยาการและเทคโนโลยีให้ ก้าวหน้ายิ่งขึ้นซึ่งมีผลต่อการพัฒนาสังคมให้เจริญก้าวหน้าต่อไป (Pearploydotcom, 2564)


12 เรื่องที่ 4 การก้าวสู่สังคมสารสนเทศ การดำเนินชีวิตในสังคมสารสนเทศจะมีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีระดับสูงมา สนับสนุนการทำงานและการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยนี้ จะพัฒนารวดเร็วกว่าสมันอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมมาก ข้อมูลและข่าวสารจะมีการ เคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วและอิสระ พรมแดนทางการเมืองจะลดความสำคัญลงเมื่อเทียบกับ ระบบเศรษฐกิจการค้าที่ขยายตัวสู่ระดับโลกในที่สุด ประชาชนจะมีความเป็นอิสระในการ รับรู้ข่าวสารและแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีทางเลือกในการตัดสินใจมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจบริการขยายตังเพิ่มรองรับความต้องการที่แตกต่างของลูกค้า ในขณะที่ องค์การต่าง ๆ จะมีการปรับโครงสร้างและขั้นตอนการทำงาน โดยที่หลายหน่วยงานมีการ ลดขนาดลง บางหน่วยงานศึกษาถึงการปรับตัวให้มีขนาดที่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งการรื้อ ปรับระบบ เพื่อให้สามารถดำเนินงานแข่งขันกับธุรกิจอื่นอย่างคล่องตัว ความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ และการสื่อสารโทรคมนาคม ทำให้ผู้บริหารไม่สามารถมองข้ามหรือปล่อยให้หัวหน้างาน หรือหน่วยงานสารสนเทศดุแลรับผิดชอบต่อการกำหนดนโยบาย และการใช้งานเทคโนโลยี เพียงฝ่ายเดียวประกอบกับการกระจายตัวของการใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วน บุคคลในหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้สมาชิกในองค์การมีความคุ้นเคย และเข้าใจศักยภาพของ เทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้นจึงต้องมีการกำหนดทิศทางการจัดการเทคโนโลยีร่วมกัน ซึ่ง ต้องได้รับการเริ่มต้นและส่งเสริมจากผู้บริหารระดับสูง ดังนั้นผู้บริหารจึงต้องเข้าใจ เทคโนโลยีที่มีต่อองค์การ โดยติดตามข่าวสารข้อมูลของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลก เทคโนโลยี นอกจากนี้การจัดตั้งคณะกรรมการสารสนเทศขององค์การจากบุคคลหลาย กลุ่ม จะช่วยให้การกำหนดนโยบายด้านสารสนเทศขององค์การมีความชัดเจน แน่นอน และถูกต้อง (Blogspot, 2556) เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ไอที หมายถึงเทคโนโลยีสำหรับการประมวลผล สารสนเทศ ซึ่งครอบคลุมถึงการรับ-ส่ง การแปลง การจัดเก็บ การประมวลผล และการค้น คืนสารสนเทศ ในการประยุกต์ การบริการ และพื้นฐานทางเทคโนโลยี เทคโนโลยี สารสนเทศทำให้การกระจายข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีลักษณะการกระจาย แบบทุกทิศทาง และมีระบบตอบสนองอย่างรวดเร็ว และยังสื่อสารแบบสองทิศทาง ด้วย เหตุนี้ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมจึงแตกต่างจาก ในอดีตมาก ดังจะเห็นได้จากวิกฤตการณ์ทางด้านเศรษฐกิจจากประเทศหนึ่งมีผลกระทบ


13 ต่อประเทศอื่น ๆ อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ผลของความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี สารสนเทศทำให้เกิดแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายด้านแนวโน้มที่สำคัญที่เกิด จากเทคโนโลยีที่สำคัญและเป็นที่กล่าวถึงกันมามีหลายประการ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเนื่องจากเทคโนโลยี Jarukit74 (2561) ได้ให้ความสำคัญเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้สังคมเปลี่ยน จากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็นสังคมสารสนเทศสภาพของสังคมโลกได้เปลี่ยนแปลงมาแล้ว สองครั้ง จากสังคมความเป็นอยู่แบบเร่ร่อนมาเป็นสังคมเกษตรที่รู้จักกับการเพาะปลูกและ สร้างผลิตผลทางการเกษตรทำให้มีการสร้างบ้านเรือนเป็นหลักแหล่งต่อมามีความ จำเป็นต้องผลิตสินค้าให้ได้ปริมาณมากและต้นทุนถูก จึงต้องหันมาผลิตแบบอุตสาหกรรม ทำให้สภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์เปลี่ยนแปลงมาเป็นสังคมเมือง มีการรวมกลุ่มอยู่อาศัย เป็นเมือง มีอุตสาหกรรมเป็นฐานการผลิต สังคมอุตสาหกรรมได้ดำเนินการมาจนถึง ปัจจุบัน และกำลังจะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมสารสนเทศ ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และ ระบบสื่อสารมีบทบาทมากขึ้นมีการใช้เครือข่ายเช่นอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงการทำงานต่าง ๆ การดำเนินธุรกิจใช้สารสนเทศอย่างกว้างขวาง เกิดคำใหม่ว่า ไซเบอร์สเปซ มีการดำเนิน กิจกรรมต่าง ๆ ในไซเบอร์สเปซ เช่น การพูดคุย การซื้อสินค้าและบริการ การทำงานผ่าน ทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้เกิดสภาพที่เสมือนจริงมากมายเช่นห้องสมุดเสมือนจริง ห้องเรียนเสมือนจริงที่ทำงานเสมือนจริงฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีแบบสุนทรีย์สัมผัสและตอบสนองตามความ ต้องการ การใช้เทคโนโลยีปัจจุบันเป็นแบบบังคับ เช่น การดูโทรทัศน์ วิทยุ เมื่อเราเปิด เครื่องรับโทรทัศน์ เราไม่สามารถเลือกตามความต้องการได้ ถ้าสถานีส่งสัญญาณใดมา เรา ก็จะต้องชม ดังนั้นเมื่อเปิดวิทยุจะมีเสียงดังขึ้นทันที หากไม่พอใจก็ทำได้เพียงเลือกสถานี ใหม่ แนวโน้มจากนี้ไปจะมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่เรียกว่า on demand เราจะมี TV on demand มีวิทยุแบบตามความต้องการ เช่น เมื่อต้องการชมภาพยนตร์เรื่องใดก็เลือก ชม และดูได้ตั้งแต่ต้นรายการ หากจะศึกษาหรือเรียนรู้ก็มี education on demand คือ สามารถเลือกเรียนตามต้องการได้ การตอบสนองตามความต้องการ เป็นหนทางที่เป็นไป ได้ เพราะเทคโนโลยีมีพัฒนาการที่ก้าวหน้าจนสามารถนำระบบสื่อสารมาตอบสนองตาม ความต้องการของมนุษย์ได้


14 เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพทางการทำงานแบบทุกสถานที่และทุกเวลา เมื่อการสื่อสารแบบสองทางก้าวหน้าและแพร่หลายขึ้นการโต้ตอบผ่านเครือข่ายทำให้ เสมือนมีปฏิสัมพันธ์ได้จริงเรามีระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ระบบประชุมบนเครือข่ายมีระบบ Tele-education มีระบบการค้าบนเครือข่าย ลักษณะของการดำเนินธุรกิจเหล่านี้ทำให้ ขยายขอบเขตการทำงาน หรือดำเนินกิจกรรมไปทุกหนทุกแห่ง และดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เราจะเห็นจากตัวอย่างที่มีมานานแล้ว เช่น ระบบเอทีเอ็ม ทำให้การเบิกจ่าย ได้เกือบตลอดเวลา และกระจายไปใกล้ตัวผู้รับบริการมากขึ้น แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ยิ่งขึ้น การบริการจะกระจายมากยิ่งขึ้นจนถึงที่บ้าน ในอนาคตสังคมการทำงานจะกระจาย จนงานบางงานอาจนั่งทำที่บ้านหรือที่ใดก็ได้และเวลาใดก็ได้เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็นเศรษฐกิจโลก ความเกี่ยวโยงของเครือข่าย สารสนเทศทำให้เกิดสังคมโลกาภิวัฒน์ ระบบเศรษฐกิจซึ่งแต่เดิมมีขอบเขตจำกัด ภายในประเทศ ก็กระจายเป็นเศรษฐกิจโลก ทั่วโลกจะมีกระแสการหมุนเวียนแลกเปลี่ยน สินค้าบริการอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว เทคโนโลยีสารสนเทศมีส่วนเอื้ออำนวยให้การ ดำเนินการมีขอบเขตกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ระบบเศรษฐกิจของโลกจึงผูกพันกับทุกประเทศ และเชื่อมโยงกันแนบแน่นขึ้นเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้องค์กรมีลักษณะผูกพัน หน่วยงานภายในเป็นแบบเครือข่ายมากขึ้น แต่เดิมการจัดองค์กรมีการวางเป็นลำดับขั้น มี สายการบังคับบัญชาจากบนลงล่างแต่เมื่อการสื่อสารแบบสองทางและการกระจาย ข่าวสารดีขึ้น มีการใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ในองค์กรผูกพันกันเป็นกลุ่มงาน มีการเพิ่ม คุณค่าขององค์กรด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดโครงสร้างขององค์กรจึงปรับเปลี่ยน จากเดิม และมีแนวโน้มที่จะสร้างองค์กรเป็นเครือข่ายที่มีลักษณะการบังคับบัญชาแบบ แนวราบมากขึ้น หน่วยธุรกิจจะมีขนาดเล็กลง และเชื่อมโยงกันกับหน่วยธุรกิจอื่นเป็น เครือข่าย สถานะภาพขององค์กรจึงต้องแปรเปลี่ยนไปตามกระแสของเทคโนโลยี เพราะ การดำเนินธุรกิจต้องใช้ระบบสื่อสารที่มีความรวดเร็วเท่ากับแสง ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน ข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว เทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการวางแผนการดำเนินการระยะยาวขึ้น อีกทั้ง ยังทำให้วิถีการตัดสินใจ หรือเลือกทางเลือกได้ละเอียดขึ้น แต่เดิมการตัดสินปัญหาอาจมี หนทางให้เลือกได้น้อย เช่น มีคำตอบเดียว ใช่ และ ไม่ใช่ แต่ด้วยข้อมูลข่าวสารที่สนับสนุน


15 การตัดสินใจ ทำให้วิถีความคิดในการตัดสินปัญหาเปลี่ยนไป ผู้ตัดสินใจมีทางเลือกได้มาก ขึ้นมีความละเอียดอ่อนในการตัดสินปัญหาได้ดีขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศ (พงษ์พรรณ พรรณบัวหลวง, 2564 )เป็นเทคโนโลยีเดียวที่ มีบทบาทที่สำคัญในทุกวงการ ดังนั้นจึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และ การเมืองได้อย่างมาก ลองนึกดูว่าขณะนี้เราสามารถชมข่าว ชมรายการทีวี ที่ส่งกระจาย ผ่านดาวเทียมของประเทศต่าง ๆ ได้ทั่วโลกเราสามารถรับรู้ข่าวสารได้ทันทีเราใช้เครือข่าย อินเทอร์เน็ตในการสื่อสารระหว่างกัน และติดต่อกับคนได้ทั่วโลก จึงเป็นที่แน่ชัดว่า แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองจึงมีลักษณะเป็น สังคมโลกมากขึ้น ปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้การกระจายข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่าง รวดเร็ว และยังสื่อสารแบบสองทิศทาง ด้วยเหตุนี้ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้าน เศรษฐกิจ การเมืองและสังคมจึงแตกต่างจากในอดีตมาก ดังจะเห็นได้จากวิกฤตการณ์ ทางด้านเศรษฐกิจจากประเทศหนึ่งมีผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ อย่างรวดเร็วและ กว้างขวาง ผลของความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดแนวโน้มการ เปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ระบบเศรษฐกิจเชื่อมโยงทั่ว โลก เทคโนโลยีสารสนเทศส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจซึ่งเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็น เศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีสารสนเทศมีส่วนเอื้ออำนวยให้การดำเนินการมีขอบเขต กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ระบบเศรษฐกิจของโลกจึงผูกพันกับทุกประเทศและเชื่อมโยงกันแนบ แน่นขึ้น (ที่มา : https://sites.google.com/site/jarukit74/kar-peliynpaelng-thang-sangkhm-neuxngcakthekhnoloyi)


16 ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อสังคมมนุษย์ 1. การเปลี่ยนแปลงเรื่องความรู้สึกตลอดเวลา มีคนจำนวนไม่น้อยเกิดความรู้สึก ว่าสรรพสิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศทีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าด้านโทรคมนาคม ทำให้ระบบเศรษฐกิจเป็น จริงขึ้นมา พรมแดนของประเทศกลายเป็นสิ่งไร้ความหมายการบริการด้านการเงินได้รับ แรงเสริมทางด้านอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่หยุดยั้งรวมทั้งผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีการ สื่อสารโดยเฉพาะในสำนักงานทำให้วิธีคิดและวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการทำงาน เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การทำงานไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงานตลอดเวลาอีกแล้ว 2. ผลกระทบด้านการเมืองและการตัดสินใจ เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ที่ละเอียดและปราณีตมากขึ้น ทำให้การตัดสินใจไม่เป็นไปตามค่านิยมแต่จะ เป็นการตัดสินใจบนข้อมูลและข้อเท็จจริงพร้อมทั้งความคิดเห็นที่มีการเก็บรวบรวมและมี วิธีการวิเคราะห์ประกอบด้วย ส่วนรูปแบบการเมือง จะได้รับผลกระทบคือ ระบบเผด็จการ จะลดน้อยลง เนื่องจากไม่สามารถควบคุมข่าวสารได้ระบบการสื่อสารที่กระจายอำนาจทำ ให้ประชาชนมีอำนาจมากขึ้นสามารถติดตามการทำงานของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. การเกิดขึ้นของชุมชนอิเล็กทรอนิกส์ ในอนาคตจะเกิดชุมชนใหม่ที่เรียกว่า “ชุมชนอิเล็กทรอนิกส์” ที่ปรากฏขึ้นเมื่อทุกบ้านมีคอมพิวเตอร์ และกลุ่มที่มีความสนใจ เหมือนกันจะติดต่อโดยผ่านบริการของสหกรณ์โทรคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถจัดการให้ทุกคน ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ซึ่งกันและกันได้ 4. ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม แม้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศจะไม่ได้เป็นตัวการทำ ให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยตรงแต่เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิด ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีต่าง ๆ และเทคโนโลยีเหล่านั้นเองที่ทำให้เกิดปัญหา สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นได้โดยการ ใช้คอมพิวเตอร์ในการคำนวณหรือจำลองแบบมวลอากาศเพื่อพยากรณ์ทางด้าน อุตุนิยมวิทยา การใช้คอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อตรวจสอบการบุก รุกทำลายป่า หรือการใช้คอมพิวเตอร์ตรวจสอบการแพร่มลพิษในน้ำหรือในอากาศ 5. ผลกระทบด้านการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบในด้านการศึกษา มากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญ คือ การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction-CAI) หรือ เรียกว่า คอมพิวเตอร์ช่วยการเรียน (Computer Assisted Learning-CAL) ซึ่งหมายถึงการใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อในการสอน และการเรียนรู้ โดยมีผลทำให้นักเรียน นักศึกษา หรือประชาชนที่อยู่ในที่ห่างไกลสามารถ


17 เรียนรู้ได้เช่นเดียวกับคนเมืองนอกจากนี้ยังมีส่วนทำให้อาจารย์มีเวลามากขึ้นที่จะ ทำการศึกษาวิจัยนำเสนอผลงานใหม่อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ 6. ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อปัจเจกบุคคล เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบต่อ ชีวิตประจำวันของมนุษย์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเลือกซื้อของ การพักผ่อน การฝาก - ถอนเงิน เป็นต้น ซึ่งผลกระทบต่อบุคคลที่สำคัญดังนี้ ผลกระทบที่มีผลต่อ สภาวะจิตใจ การที่สภาพแวดล้อมทีการกระตุ้นมากเกินไป ข่าวสารข้อมูลมีมากเกินไป ทางเลือกต่าง ๆ มีมากทำให้เกิดการตัดสินใจของมนุษย์ด้อยประสิทธิภาพลงเมื่ออยู่ใน ภาวะที่ถูกกระตุ้นมากการย้อนกลับไปสู่ศาสตร์ลี้ลับ เนื่องมาจากการสูญเสียอำนาจควบคุม พลังและศาสตร์ต่าง ๆ ก้าวไปไกลเกินกว่าที่มนุษย์จะควบคุม มนุษย์จึงเลิกสนใจ วิทยาศาสตร์แต่หันมาสนใจศาสตร์ลี้ลับต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ 7. ความเป็นส่วนตัวลดลง ทั้งนี้เนื่องจากประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นส่วนตัวทุกอย่างของมนุษย์ได้ผลกระทบต่อวิธีคิดมนุษย์ มนุษย์ จะสามารถเก็บข้อมูลมากที่สุดในเวลาอันสั้นแล้วทิ้งไป แต่จะนำเอาข้อมูลเพียงเล็กน้อยมา สรุปรวมกันเป็นทัศนะใหม่ จะไม่รับแนวคิดที่ส่งผ่านมาทั้งกระบวนอีกต่อไป ข้อดีของเทคโนโลยีสารสนเทศ 1. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Operation Efficiency) 2. เพิ่มผลผลิต (Function Effectiveness) 3. เพิ่มคุณภาพบริการลูกค้า (Quality Customer Service) 4. ผลิตสินค้าใหม่และขยายผลผลิต (Product Creation and Enhancement) 5. สามารถสร้างทางเลือกเพื่อแข่งขันได้ (Altering the basic of competition) 6. สร้างโอกาสทางธุรกิจ (Identifying and Exploiting Business Opportunities) 7. ดึงดูดลูกค้าและป้องกันคู่แข่ง (Client Lock-In/Competitor Lock-Out) จากเป้าหมายทั้ง 7 ประการของเทคโนโลยีสารสนเทศถ้าสามารถดำเนินการได้ ตามเป้าหมายดังกล่าวก็ถือได้ว่าเป็นข้อดีของเทคโนโลยีสารสนเทศระบบนี้ได้ทั้งหมด


18 ข้อเสียของเทคโนโลยีสารสนเทศ 1. วงจรชีวิตของระบบสารสนเทศ เป็นระบบที่มีวงจรชีวิตค่อนข้างจำกัด อาจจะ อธิบายได้ว่า เนื่องจาการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี รวมทั้งสภาพทางเศรษฐกิจและ ธุรกิจ เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบสารสนเทศไป ด้วยหรือ การเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้บริหาร ก็อาจจะต้องเปลี่ยนระบบ สารสนเทศไปด้วย 2. ลงทุนสูง เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือที่มีราคาแพง และส่วนมากไม่ อาจจะนำไปใช้ได้ทันที แต่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเสียก่อนจึงจะใช้ได้อย่างถูกต้อง 3. ก่อให้เกิดช่องว่าง (Gap) เทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้เกิดช่องว่างในการรับ ข่าวสารระหว่างคนจนกับคนรวย (บุญสืบ โพธิ์ศรี, 2547)


19 เรื่องที่ 5 บทบาทสังคมสารสนเทศ การปฏิวัติด้านเทคโนโลยีสารสนเทศได้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมอย่างมาก เทคโนโลยีและการสื่อสารเข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตและวิถีชีวิตของมนุษย์ในสังคม ทั้งด้านความเป็นอยู่ การสื่อสาร การทำงาน การคมนานคมและการขนส่ง ธุรกิจและ อุตสาหกรรม การแพทย์ วัฒนธรรม และการศึกษา ในปัจจุบันนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และการสื่อสาร ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีขนาดเล็กลง หรือที่เรียกว่า “นาโน เทคโนโลยี” (Nanotechnology) ทำให้การสื่อสารข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์เป็นไปอย่าง ฉับพลันผ่านทางด่วนสารสนเทศ ( Information Superhighway) เช่น เครือข่าย อินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้หลายพันล้านคนทั่วโลกและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่ง ช่วยให้การเข้าถึงสารสนเทศและบริการต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วและไร้พรมแดน โดยอาจเรียกได้ว่าเป็น “สังคมอิเล็กทรอนิกส์” หรือ “ชุมชนอิเล็กทรอนิกส์” เทคโนโลยีสารสนเทศกับการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบัน (ที่มา : https://theeraporn14.wordpress.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%E 0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/) เทคโนโลยีสารสนเทศ คือเทคโนโลยีคู่โลกในต้นศตวรรษที่ 21 และเป็นแรงกระตุ้น และเป็นปัจจัยรองรับ ขบวนการโลกาภิวัฒน์ ที่กำลังผนวกสังคมเศรษฐกิจไทยเข้าเป็น อันหนึ่งเดียวกันกับสังคมโลก ซึ่งเทคโนโลยีสารสนเทศมีใช้ในประเทศไทยเป็นเวลาช้านาน มาแล้ว เป็นต้นว่า เรามีการใช้โทรศัพท์ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.2414 เพียงแต่ว่าการใช้เทคโนโลยีนี้ยังไม่แพร่กระจายทั่วประเทศ และยังไม่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอีกหลายๆ ประเทศในโลก นอกจากการเป็น


20 เทคโนโลยีที่ไม่ทำลายธรรมชาติหรือสร้างมลภาวะ (ในตัวของมันเอง) ต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว คุณสมบัติโดดเด่นอื่น ๆ ที่ทำให้มันกลายเป็นเทคโนโลยียุทธศาสตร์สำคัญแห่งยุคปัจจุบัน และในอนาคตก็คือ ความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถภาพในเกือบทุก ๆ กิจกรรม อาทิโดย 1. การลดต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย 2. การเพิ่มคุณภาพของงาน 3. การสร้างกระบวนการหรือกรรมวิธีใหม่ๆ 4. การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาสังคม เทคโนโลยีสารสนเทศ จัดว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศของทุก ประเทศก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะแม้ว่า เทคโนโลยีนี้จะยังไม่มีบทบาทโดดเด่นในการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและการค้าในกลุ่ม ประเทศที่กำลังพัฒนาทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม แต่ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดใน ด้านการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านการจัด ให้บริการสังคมพื้นฐาน (การศึกษา และการสาธารณสุข ฯลฯ) ในการบริหารประเทศ และ ในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศได้กลายเป็นอุตสาหกรรมการผลิตที่ มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีการประมาณการว่าตลาดโลกสำหรับอุปกรณ์ ทั้งฮาร์ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์ โทรคมนาคม และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จะมีขนาด 1,600 พันล้านเหรียญ สหรัฐ ในปี1994 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึงร้อยละ 20 ต่อปี การลงทุนในด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดศักยภาพในการแข่งขัน จึงย่อมส่งผลทั้งทางตรงและ ทางอ้อมต่อเศรษฐกิจของนานาประเทศ จากผลการศึกษาใน 11 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งมีทั้งประเทศที่ถือว่าพัฒนาแล้ว พัฒนาใหม่ และกำลังพัฒนา เทคโนโลยี สารสนเทศจะมีผลกระทบต่อสังคมมากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับว่ามนุษย์จะเลือกใช้มัน อย่างไร ในโลกปัจจุบันแรงผลักดันทางเศรษฐกิจมักจะมีบทบาทสูงในการกำหนดทิศทาง ของเทคโนโลยีเป็นที่ทราบกันดีว่าเทคโนโลยีการสื่อสารทั้งในอดีตและปัจจุบันได้เปลี่ยน โฉมไปอย่างมาก ในอนาคตธุรกิจบันเทิงจะเป็นธุรกิจอีกประเภทหนึ่งที่จะทำเงินให้แก่


21 ผู้ประกอบการทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีอิทธิพลอย่างสูงกับ แนวความคิด ความอ่านของผู้คนในสังคม เพราะเป็นวิถีทางหนึ่งที่ผู้ร่วมบันเทิงได้รับ อิทธิพลทางความคิดจากผู้อื่นที่ร่วมอยู่ในวงบันเทิง และยอมรับสถานภาพว่าตนก็เป็นส่วน หนึ่งของสังคมนั้น ๆ การถ่ายทอดแนวความคิดระหว่างบุคคลในสังคมนั้นก็เป็นสิ่งที่เรา เรียกว่า วัฒนธรรมนั่นเอง สารสนเทศกับบุคคล การพัฒนาของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้เกิดความต้องการและการใช้สารสนเทศ ของบุคคลเพิ่มมากขึ้น สารสนเทศมีการใช้สารสนเทศเพื่อให้เกิดความรู้และความเข้าใจใน เรื่องที่ตนเกี่ยวข้อง และนำความรู้ความเข้าใจมาตัดสินใจแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่าง ถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว ทันเวลากับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม เป็นเรื่องราวที่มีความสำคัญไม่จำกัดเฉพาะนิสิต นักศึกษา นักวิชาการ แต่มีความสำคัญกับ บุคคลในทุกสาขาอาชีพและทุกวัย เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเรื่องที่ใกล้ชิดและเกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันของมนุษย์ เช่น การ ถอนเงินอัตโนมัติ ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ การซื้อขายสินค้าทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การ ประชุมทางไกล การศึกษาทางไกล ระบบห้องสมุดดิจิตอล การเข้าถึงบริการและ สารสนเทศต่างๆ ผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น สารสนเทศกับสังคม (ที่มา : https://theeraporn14.wordpress.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%9A %E0A%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/)


22 สารสนเทศนอกจากมีความสำคัญต่อตัวบุคคลดังที่กล่าวมาแล้ว ยังมีความสำคัญ ต่อสังคมในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านวัฒนธรรม 1. ด้านการศึกษา การจัดการเรียนการสอนในปัจจุบันมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยครูผู้สอนทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำ ช่วยเหลือ และกระตุ้นให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าหา ความรู้ด้วยตนเอง ส่งผลให้สารสนเทศมีความสำคัญต่อการเรียนการสอนในทุกระดับ การศึกษา สารสนเทศที่ดีมีคุณค่าและทันสมัย จะช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล การศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ จำเป็นต้องใช้ สารสนเทศที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์ถูกต้องจากหลายแขนงวิชามาพัฒนาให้เกิดความรู้ใหม่ ขึ้นมาได้ 2. ด้านสังคม สารสนเทศช่วยพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ ส่วนบุคคลให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข อีกทั้งช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เกิด การประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่นำมาซึ่งความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต เราใช้ สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ทั้งการประกอบอาชีพ การป้องกัน และแก้ไข ปัญหาชีวิต สารสนเทศช่วยขยายโลกทัศน์ของผู้ได้รับให้กว้างขวาง สร้างความเข้าใจอันดี ระหว่างมนุษยชาติ ช่วยลดความขัดแย้ง ทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข 3. ด้านเศรษฐกิจ สารสนเทศมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ เรียกว่า เศรษฐกิจบนฐานความรู้ หน่วยงานหรือผู้ประกอบการธุรกิจให้ความสำคัญกับ “การจัดการความรู้” เพื่อรักษาองค์ความรู้ขององค์กรไว้ สารสนเทศด้านธุรกิจการค้าจึงถือ เป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญในการแข่งขัน ทั้งนี้เพราะสารสนเทศช่วยประหยัดเวลาในการ ผลิต ลดขั้นตอน การลองผิดลองถูก อีกทั้งช่วยให้องค์กรได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้ตาม ความต้องการของตลาด 4. ด้านวัฒนธรรม สารสนเทศเป็นรากฐานที่จำเป็นสำหรับความก้าวหน้าของ อารยธรรม สารสนเทศช่วยสืบทอดค่านิยม ทัศนคติ ศิลปะ และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ อันดีงามของชาติ ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจ ความสามัคคี ความมั่นคงในชาติ


23 บทบาทเทคโนโลยีสารสนเทศต่อการศึกษา (ที่มาภาพ : https://theeraporn14.wordpress.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%E 0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/) ในปัจจุบันประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทยได้นำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเพิ่มมากขึ้น เนื่องด้วยคุณลักษณะที่เอื้อต่อการศึกษา ทำให้ เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมการเรียนรู้ของประชาชนคนไทยใน หลายมิติ ดังนี้เทคโนโลยีลดความเหลื่อมล้ำของโอกาสทางการศึกษา ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญ ในการตอบสนองนโยบายการศึกษาที่เป็น “การศึกษาเพื่อประชาชนทุกคน” อันเป็นการ สร้างความเท่าเทียมทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเท่าเทียมทางการศึกษา เช่น การ ติดตั้งจานดาวเทียมในโรงเรียนชนบทห่างไกล เพื่อให้นักเรียนได้รับโอกาสในการศึกษาที่ เท่าเทียมกับรักเรียนในพื้นที่อื่น ๆ การติดตั้งเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทำให้ครูและนักเรียน สามารถเข้าถึงสารสนเทศแหล่งข้อมูลจากทั่วโลก นอกจากนี้เทคโนโลยีสารสนเทศยังช่วย ให้ผู้พิการมีโอกาสได้รับการศึกษาและการประกอบอาชีพในสิ่งแวดล้อมของคนปกติ เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา กล่าวคือนวัตกรรมทาง การศึกษาในปัจจุบันเป็นผลสืบเนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น การผลิต สื่อการศึกษาในรูปแบบซีดีรอม ช่วยให้นักเรียนที่เรียนรู้ช้าได้มีโอกาสเรียนรู้ตามศักยภาพ ของแต่ละคน การนำเสนอสื่อการศึกษาในปัจจุบันยังมีความหลากหลาย โดยมีการนำเสนอ ด้วยเสียง ข้อความ ภาพ และภาพเคลื่อนไหว ซึ่งเอื้อต่อการเรียนรู้และกระตุ้นความสนใจ ในการศึกษาของผู้เรียนทุกวัย นอกจากนี้เทคโนโลยีเสมือนจริง ยังช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ การศึกษาในวิชาชีพที่ภาคปฏิบัติมีความสำคัญ เช่น การฝึกนักบิน การสอนภาคปฏิบัติแก่ นักนิสิตคลินิก เป็นต้นเทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนต่อการฝึกอบรม การประชุมและการ ติดต่อสื่อสาร เช่น การอบรมทางไกล การประชุมทางไกล การประชุมผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่ง ทำให้การฝึกอบรมประหยัดเวลาและงบประมาณ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่ บุคลากร และเวลา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การนำอินเทอร์เน็ตมาสนับสนุนต่อการสื่อสารระหว่าง ผู้เรียนกับผู้สอน (ธีราพร ถนอมสัตย์, 2564)


24 เรื่องที่ 6 ความสำคัญของเทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นที่ยอมรับในยุคปัจจุบันและเป็นยุคที่ หน่วยงานต่าง ๆ เห็นความจำเป็นและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินงาน การ บริหารงานและการตัดสินใจ ซึ่งในหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในวงการธุรกิจ อุตสาหกรรมและการศึกษา ต้องมีข้อมูลสารสนเทศที่ดีโดยมีกระบวนการจัดการผ่าน คอมพิวเตอร์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ นับตั้งแต่การผลิต การจัดเก็บ การประมวลผล การ เรียกใช้และการสื่อสารสารสนเทศ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนและการใช้ทรัพยากรสารสนเทศ ร่วมกันให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศมีนักการ ศึกษาได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศไว้ ดังนี้(สุริยา นทีศิริกุล, 2546 ) ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศสรุปได้ ดังนี้ ที่มา : https://79df1762-a-62cb3a1a-s-sites.googlegroups.com/site/ghotsass4/home/khwamsakhaykhxngthekhnoloyi/6b3dd081f24.jpg? - ช่วยในการจัดระบบข่าวสารจำนวนมหาศาลของแต่ละวัน - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสารสนเทศ เช่น การคำนวณตัวเลขที่ยุ่งยาก ซับซ้อน การจัดเรียงลำดับสารสนเทศ ฯลฯ - ช่วยให้สามารถเก็บสารสนเทศไว้ในรูปที่สามารถเรียกใช้ได้ทุกครั้งอย่างสะอาด - ช่วยให้สามารถจัดระบบอัตโนมัติเพื่อการจัดเก็บประมวลผลและเรียกใช้ สารสนเทศ - ช่วยในการเข้าถึงสารสนเทศได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากขึ้น


25 - ช่วยในการสื่อสารระหว่างกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ลดอุปสรรคเกี่ยวกับเวลา และระยะทางโดยการใช้ระบบโทรศัพท์และอื่น ๆ ( จำนง ภูมิพันธ์, 2533 ) ได้กล่าวถึงความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ สรุปได้ ดังนี้ 1. สารสนเทศและเทคโนโลยีสารสนเทศถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อความสำเร็จของ กิจกรรมหลายประเภทจำเป็นต้องมีวิธีการจัดการที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับการ จัดการทรัพยากรอื่น ๆ 2. เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบต่อความสำเร็จของการดำเนินงานขององค์กร เป็นอย่างมาก จึงต้องมีวิธีการที่เหมาะสมสำหรับการจัดทำระบบสารสนเทศและ การใช้เทคโนโลยีเกี่ยวข้อง 3. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน 4. ผู้บริหารควรมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อจะได้มีส่วนร่วม และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้ได้ประโยชน์ 5. ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีทางเลือก หลายทาง จำเป็นต้องมีการศึกษานโยบาย วัตถุประสงค์และข้อมูลอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับงานและองค์การเพื่อช่วยในการตัดสินใจ 6. เทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันถือเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งขององค์กร ซึ่งมี ผลกระทบต่อการจัดองค์กร


26 เรื่องที่ 7 ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศคำว่า เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอา ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาทำให้เกิด ประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ เทคโนโลยีจึงเป็นวิธีการในการสร้างมูลค่าเพิ่มของสิ่งต่างๆ ให้เกิด ประโยชน์มากยิ่งขึ้น เช่น ทรายหรือซิลิกอน (silikon) เป็นสารแร่ที่พบเห็นทั่วไปตาม ชายหาด หากนำมาสกัดด้วยเทคนิควิธีการสร้างเป็น ชิป (chip) จะทำให้สารแร่ซิลิกอนนั้น มีคุณค่า และมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีกมาก สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับ ความจริงของคน สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ที่ได้รับการจัดเก็บรวบรวม ประมวลผล เรียกค้น และสื่อสารระหว่างกัน นำมาใช้ให้เกิด ประโยชน์ได้ เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT : Information Technology) หมายถึง การนำวิทยาการที่ก้าวหน้าทางด้านคอมพิวเตอร์ และการสื่อสารมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้มีประโยชน์และใช้งานได้ กว้างขวางมากขึ้น รวมถึงการใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ ในการรวบรวม จัดเก็บ ใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้อง โดยตรงกับเครื่องมือเครื่องใช้ใน การจัดการสารสนเทศ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบข้าง ขั้นตอนวิธีการ ดำเนิน การซึ่งเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ เกี่ยวข้องกับตัวข้อมูล บุคลากร และวิธีการ ดำเนินงานเพื่อให้ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยีที่ครอบคลุมเรื่องเกี่ยวกับการประมวลผล ข้อมูล ซึ่งได้แก่การใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ การติดต่อสื่อสารระหว่างกันด้วยความ รวดเร็วการจัดการข้อมูล รวมถึงวิธีการที่จะใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด (ที่มา : https://sites.google.com/site/meejoei8/khwam-hmay-khxng-thekhnoloyi-sarsnthes)


27 เรื่องที่ 8 ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ประโยชน์เทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตของคนเกือบทุกระดับ ซึ่งบทบาทและประโยชน์ ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ 1. ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น จากสิ่งอำนวย ความสะดวก 2. ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคม และเกิดการกระจายโอกาส เช่น การใช้ ระบบการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม ทำให้เด็กที่อยู่ในชนบทหรือเด็กที่อยู่ในถิ่น ทุรกันดารมีโอกาสได้เรียนรู้เหมือนเด็กที่อยู่ในเมือง 3. ทำให้เกิดสื่อการเรียนการสอนต่าง ๆ เช่น การใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 4. ทำให้เกิดการจัดการทรัพยากรธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น เช่น การรวบรวมข้อมูลเรื่อง คุณภาพในแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ เพื่อนำมาตรวจวัดมลภาวะ แล้วดำเนินการแก้ไขปัญหา เป็นต้น 5. ทำให้เกิดระบบป้องกันประเทศที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การใช้ คอมพิวเตอร์มาควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ หรือระบบป้องกันภัยต่าง ๆ เป็นต้น 6.ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา มีความสะดวกสบายในการติดต่อหรือแลกเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสาร 7. สามารถเพิ่มช่องทางเลือกในการรับรู้ข่าวสารของประชาชนให้มากขึ้น 8. ลดแรงงานคนในการทำงานต่าง ๆ เช่น ควบคุมการผลิต และช่วยในการคำนวณ 9. เป็นแหล่งความบันเทิง 10.ลดต้นทุนการผลิต (ที่มา : https://sites.google.com/site/2200405natthawut/e-book/--prayochn-khxng-thekhnoloyisarsnthes


28 แนวโน้มใน ( นายพรชัย สงวนปราง, 2564 ) ด้านบวก - เครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิด การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่นการทำธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่าง ๆ เกม ออนไลน์ - คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษาพูดได้อ่านตัวอักษรหรือ ลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง - การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญ และการจัดการความรู้ - การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการ สอนด้วยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากห้องสมุดเสมือน (virtuallibray) - พัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่าย ดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ - การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ เครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาล อิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ e-citizen (ที่มาภาพ https://sites.google.com/site/2200405natthawut/e-book/--prayochn-khxng-thekhnoloyisarsnthes


29 ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสารสนเทศต่าง ๆ มากมาย การอยู่รวมกัน เป็นสังคมของมนุษย์ทำให้ต้องเสียเวลาในการสื่อสารถึงกัน ต้องติดต่อและทำงานหลายสิ่ง หลายอย่างร่วมกันสมองของเราต้องจดจำสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมายต้องจดจำรายชื่อผู้ที่เรา เกี่ยวข้องด้วย จดจำข้อมูลต่าง ๆ ไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในภายหลัง สังคมจึงต้องการความเป็น ระบบที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น การกำหนดเลขบ้าน ชื่อถนน อำเภอ จังหวัด ทำให้สามารถ ติดต่อส่งจดหมายถึงกันได้ เลขบ้านเป็นสารสนเทศอย่างหนึ่งที่ใช้งานกันอยู่ เพื่อให้ สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นระบบมากขึ้น จึงมีการจัดการสารสนเทศเหล่านั้นใน ลักษณะเชิงระบบ เช่น ระบบทะเบียนราษฎร์ มีการใช้เลขประจำตัวประชาชน ซึ่งมีเลข รหัส 13 ตัว แต่ละตัวจะมีความหมายเพื่อใช้ในการตรวจสอบ เช่น แบ่งตามประเภท ตาม ถิ่นที่อยู่ การเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลก็ต้องมีการลงทะเบียน การสร้างเวช ระเบียน ระบบเสียภาษีก็มีการสร้างรหัสประจำตัวผู้เสียภาษี นอกจากนี้มีการจดทะเบียน รถยนต์ ทะเบียนการค้าทะเบียนโรงงาน ฯลฯ (ที่มาภาพ https://sites.google.com/site/2200405natthawut/e-book/--prayochn-khxng-thekhnoloyisarsnthes การใช้สารสนเทศเกี่ยวข้องกับทุกคน การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี สารสนเทศจึงมีความจำเป็น ปัจจุบันเราใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิต เบิกเงินด้วย บัตรเอทีเอ็มการโอนย้ายข้อมูล ในลักษณะอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวข้องกับเรามากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยีแห่งศตวรรษนี้ ที่ใช้ในการจัดเก็บ รวบรวมข้อมูล ข้อมูลจำนวนมากได้รับการบันทึกไว้ในรูปแบบที่ให้เครื่องจักรอ่านได้ เช่น อยู่ในแถบบันทึกไว้ในรูปแบบที่ให้เครื่องจักรอ่านได้ เช่นอยู่ในแถบบันทึก แผ่นบันทึก แผ่น


30 ซีดีรอม ดังจะเห็นเอกสารหรือหนังสือ หรือสารานุกรมบรรจุในแผ่นซีดีรอม หนังสือทั้งตู้ อาจเก็บในแผ่นซีดีรอมเพียงแผ่นเดียวการสื่อสารข้อมูลที่เห็นเด่นชัดขณะนี้ และกำลังมี บทบาทมากอย่างหนึ่งคือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคือการส่งข้อความถึงกันโดยผ่าน คอมพิวเตอร์ กล่าวคือ ผู้ใช้นั่งอยู่หน้าจอภาพ พิมพ์ข้อความเป็นจดหมายหรือเอกสาร พิมพ์เลขที่อยู่ของไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้รับแล้วส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ผู้รับก็ สามารถเปิดคอมพิวเตอร์ของผู้รับเพื่อค้นหาจดหมายได้และสามารถตอบโต้กลับได้ทันที การจัดการข้อมูลด้วยไมโครคอมพิวเตอร์ทำได้สะดวก ไมโครคอมพิวเตอร์จึง เป็นที่นิยมสำหรับการจัดการข้อมูลในยุคปัจจุบัน ขณะเดียวกันไมโครคอมพิวเตอร์ก็มีราคา ลดลง และมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น จึงเชื่อแน่ว่าบทบาทของการจัดการข้อมูลใน ชีวิตประจำวันจะเพิ่มมากขึ้นต่อไป โครงสร้างและรูปแบบของข้อมูลที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์เป็นโครงสร้าง ที่จะต้องมีรูปแบบชัดเจนและแน่นอน การจัดการข้อมูลจึงต้องมีข้อตกลงเฉพาะ เช่นการ กำหนดรหัสเพื่อใช้แยกแยะข้อมูลรหัสจึงมีความสำคัญเพราะคอมพิวเตอร์สามารถแยกแยะ ข้อมูลด้วยรหัสได้ง่าย ลองนึกว่าหากมีข้อมูลจำนวนมากแล้ว ให้คอมพิวเตอร์ค้นหาโดย ค้นหาตั้งแต่หน้าแรกเป็นต้นไป การดำเนินการด้วยเช่นนี้กว่าจะค้นพบอาจไม่ทันต่อความ ต้องการการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูล จึงต้องมีการกำหนดเลขรหัส เช่น รหัสประจำตัว ประชาชน รหัสเลขคนไข้ รหัสทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนใบขับขี่ เป็นต้น การจัดการใน ลักษณะนี้จึงต้องมีการสร้างระบบเพื่อความเหมาะสมกับการทำงานของคอมพิวเตอร์เป็น สำคัญ ข้อเด่นของการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ นอกจากในเรื่องความเร็ว และความแม่นยำแล้ว ยังเป็นเรื่องของการคัดลอกและแจกจ่ายข้อมูลไปยังผู้ใช้ได้สะดวก ข้อมูลที่เก็บในรูปแบบสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์สามารถเปลี่ยนถ่ายระหว่างตัวกลางได้ง่าย เช่น การสำเนาระหว่างแผ่นบันทึกข้อมูลทำสำเร็จได้ในเวลาไม่นาน ด้วยความก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมในยุคของสารสนเทศ การปรับตัวของสังคมจึงต้องเกิดขึ้นประเทศที่เจริญแล้วประชากรส่วนใหญ่จะอยู่กับ เครื่องจักรเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสารสนเทศ มีเครือข่ายการให้บริการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นหลายอย่าง ขณะที่เราอยู่บ้าน อาจใช้โทรทัศน์ติดต่อเข้าระบบเครือข่ายการ ให้บริการใหม่เพิ่มขึ้นมาหลายอย่างที่เราอยู่บ้านอาจใช้โทรทัศน์ติดต่อเข้าระบบเครือข่า


31 อินเทอร์เน็ต (Internet) เพื่อขอดูราคาสินค้าขอดูข่าวเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ ข่าวความ เคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเมือง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา นอกจากนี้ยังมีระบบการสั่งซื้อของ ผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์แม่บ้านใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่บ้านต่อเชื่อมผ่านเครือข่าย สาย โทรศัพท์ไปยังห้างสรรพสินค้า เพื่อเปิดดูรายการสินค้าและราคา แม่บ้านสามารถ สั่งซื้อได้เมื่อต้องการ ( รัตติกาล คงเอียด, 2564)


32 เรื่องที่ 9 จริยธรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Bacilus Basic, 2564) แบ่งเป็น 4 ประเด็น 1. ความเป็นส่วนตัว ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและสารสนเทศ โดยทั่วไปหมายถึง สิทธิที่จะอยู่ตาม ลำพัง และเป็นสิทธิที่เจ้าของสามารถที่จะควบคุมข้อมูลของตนเองในการเปิดเผยให้กับ ผู้อื่น สิทธินี้ใช้ได้ครอบคลุมทั้งปัจเจกบุคคล กลุ่มบุคคล และองค์กร และหน่วยงานต่าง ๆ 2. ความถูกต้อง ข้อมูลควรได้รับการตรวจสอบความถูกต้องก่อนที่จะบันทึกข้อมูลเก็บไว้รวมถึงการ ปรับปรุงข้อมูลให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ นอกจากนี้ ควรให้สิทธิแก่บุคคลในการเข้าไป ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลตนเองได้ 3. ความเป็นเจ้าของ เป็นกรรมสิทธิ์ในการถือครองทรัพย์สิน ซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินทั่วไปที่จับต้องได้ เช่น คอมพิวเตอร์ รถยนต์ หรืออาจเป็นทรัพย์สินทางปัญญา ที่จับต้องไม่ได้ เช่น บทเพลง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่สามารถถ่ายทอดและบันทึกลงในสื่อต่างๆ ได้ เช่น สิ่งพิมพ์ เทป ซีดีรอม เป็นต้น 4. การเข้าถึงข้อมูล การเข้าใช้งานโปรแกรม หรือระบบคอมพิวเตอร์ มักจะมีการกำหนดสิทธิตามระดับ ของผู้ใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าไปดำเนินการต่างๆ กับข้อมูลของผู้ใช้ที่ไม่มี ส่วนเกี่ยวข้อง และเป็นการรักษาความลับของข้อมูล (ที่มา : http://www.jaturapad.com/archives/679)


33 คุณธรรมจริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ จริยธรรม หมายถึง "หลักศีลธรรมจรรยาที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ หรือควบคุมการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ" ในทางปฏิบัติแล้ว การระบุว่าการกระทำสิ่งใดผิดจริยธรรมนั้น อาจกล่าวได้ไม่ ชัดเจนมากนัก ทั้งนี้ ย่อมขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของสังคมในแต่ละประเทศด้วย อย่างเช่น กรณีที่เจ้าของบริษัทใช้กล้องในการตรวจจับหรือเฝ้าดูการทำงานของพนักงาน เป็นต้น ตัวอย่างของการกระทำที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม เช่นการใช้ คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่นให้เกิดความเสียหายหรือก่อความรำราญ เช่น การนำภาพหรือ ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลไปลงบนอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาตการใช้คอมพิวเตอร์ใน การขโมยข้อมูลการเข้าถึงข้อมูลหรือคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตการ ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยทั่วไป เมื่อพิจารณาถึงจริยธรรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และสารสนเทศแล้ว จะกล่าวถึงใน 4 ประเด็น (Bacilus Basic, 2564) ประกอบด้วย 1. ความเป็นส่วนตัว (Information Privacy) 2. ความถูกต้อง (Information Accuracy) 3 ความเป็นเจ้าของ (Information Property) 4. การเข้าถึงข้อมูล (Data Accessibility) 1. ความเป็นส่วนตัว (Information Privacy) ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและสารสนเทศ โดยทั่วไปหมายถึง สิทธิที่จะอยู่ตาม ลำพัง และเป็นสิทธิที่เจ้าของสามารถที่จะควบคุมข้อมูลของตนเองในการเปิดเผยให้กับ ผู้อื่น สิทธินี้ใช้ได้ครอบคลุมทั้งปัจเจกบุคคล กลุ่มบุคคล และองค์การต่าง ๆ ปัจจุบันมี ประเด็นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่เป็นข้อหน้าสังเกตดังนี้ 1. การเข้าไปดูข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์และการบันทึกข้อมูลใน เครื่องคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการบันทึก-แลกเปลี่ยนข้อมูลที่บุคคลเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์ และกลุ่มข่าวสาร 2. การใช้เทคโนโลยีในการติดตามความเคลื่อนไหวหรือพฤติกรรมของ บุคคล เช่น บริษัทใช้คอมพิวเตอร์ในการตรวจจับหรือเฝ้าดูการปฏิบัติงาน/การใช้บริการ ของพนักงาน ถึงแม้ว่าจะเป็นการติดตามการทำงานเพื่อการพัฒนาคุณภาพการใช้บริการ


Click to View FlipBook Version