The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
โรงเรียนวัดสุวรรณคีรีวงก์ สพป.ภูเก็ต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by krutasnattapon.kajonkiet, 2020-09-04 10:41:34

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
โรงเรียนวัดสุวรรณคีรีวงก์ สพป.ภูเก็ต

ใบงานที่ 5.1 เฉลย

เร่ือง การนำเสนอและแปลความหมายขอ้ มลู ดว้ ยควอรไ์ ทล์

คำช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นหาค่าของควอร์ไทล์ท่ีหนึ่ง ควอรไ์ ทลท์ ี่สอง และควอรไ์ ทลท์ ่ีสาม จากข้อมูลต่อไปน้ี

คะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรข์ องนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ของโรงเรยี นแหง่ หนงึ่ จำนวน 59 คน เป็นดังนี้

20 22 26 28 22 26 27 18 28 29 25 15 24 20 27

26 22 16 24 28 26 18 27 23 29 24 28 25 28 21

24 27 16 18 15 29 28 27 29 24 19 20 30 26 24

25 20 28 24 23 17 26 26 29 22 25 28 16 21

วธิ ีทำ จากขอ้ มูลท่ีกำหนดให้ จดั เรียงลำดับจากน้อยไปมาก ไดด้ งั นี้

15 15 16 16 16 17 18 18 18 19 20 20 20 20 21

21 22 22 22 22 23 23 24 24 24 24 24 24 24 25

25 25 25 26 26 26 26 26 26 26 27 27 27 27 27

28 28 28 28 28 28 28 28 29 29 29 29 29 30

จากสตู รการหาตำแหนง่ ของ Qk = k (N + 1) และ N = 59 จะได้ว่า

4

ตำแหนง่ ของ Q1 = 1 (59 + 1) = 15

4

ตำแหนง่ ของ Q1 คือ ตำแหน่งที่ 15 มคี ่าเท่ากับ 21 คะแนน

ตำแหน่งของ Q2 = 2 (59 + 1) = 30

4

ตำแหน่งของ Q2 คือ ตำแหนง่ ท่ี 30 มคี ่าเทา่ กับ 25 คะแนน

ตำแหน่งของ Q3 = 3 (59 + 1) = 45

4

ตำแหน่งของ Q3 คือ ตำแหน่งท่ี 45 มคี ่าเทา่ กับ 27 คะแนน

ดังน้นั จากข้อมลู ควอรไ์ ทล์ที่หนง่ึ มีคา่ เทา่ กับ 21 คะแนน ควอรไ์ ทล์ทีส่ องมีค่าเทา่ กับ 25 คะแนน และควอร์

ไทล์ที่สามมีค่าเท่ากับ 27 คะแนน

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค23101
ปีการศกึ ษา 2563
ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1
จำนวน 2 ชว่ั โมง
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 6 สถิติ

เรอื่ ง การนำเสนอและแปลความหมายขอ้ มลู ด้วยแผนภาพกล่อง

ครูผู้สอน นายนัฐพล หสั นี

1. มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐานการเรียนรู้ ค 3.1 เข้าใจพืน้ ฐานเกย่ี วกับการวดั วัดและคาดคะเนขนาดของสง่ิ ทต่ี อ้ งการวดั และนำไปใช้
2. ตวั ชี้วัดชัน้ ปี

ตัวชีว้ ัด ม.3/1 เข้าใจและใชค้ วามรู้ทางสถิติในการนำเสนอและวิเคราะหข์ ้อมูลจากแผนภาพกล่องและแปล
ความหมายผลลัพธร์ วมทง้ั นำสถิตไิ ปใช้ในชีวิตจรงิ โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1) อธบิ ายการนำเสนอและแปลความหมายขอ้ มลู ด้วยแผนภาพกลอ่ งได้ (K)
2) นำเสนอข้อมูล ดว้ ยแผนภาพกล่องได้ (P)
3) แปลความหมายขอ้ มูล ดว้ ยแผนภาพกล่องได้ (P)
4) นำความรเู้ กีย่ วกบั การนำเสนอและแปลความหมายขอ้ มูล ด้วยแผนภาพกล่องไปใชแ้ กป้ ัญหาคณิตศาสตรไ์ ด้ (A)

4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

แผนภาพกลอ่ ง เป็นการนำเสนอข้อมลู โดยนำค่าตำ่ สุด คา่ สูงสุด ควอรไ์ ทลท์ ห่ี น่งึ ควอร์ไทลท์ ่ีสอง และ ควอร์ไทล์
ที่สาม มาสร้างเป็นรูปส่ีเหล่ียมผืนผ้า 2 รูปติดกัน จากการแบ่งข้อมูลทีม่ ีการจัดเรียงลำดับค่าจากน้อยไปมาก แล้ว
แบง่ ข้อมลู ออกเปน็ 4 สว่ นเท่า ๆ กัน ซงึ่ แต่ละสว่ นคิดเปน็ รอ้ ยละ 25 ของจำนวนข้อมูลท้ังหมด

การอา่ นและการแปลความแผนภาพกล่อง เปน็ ดังนี้
1. การกระจายแบบเบ้ขวา คือ ขอ้ มลู ท่ีอยู่ระหวา่ ง Q1 กับ Q2 มีการกระจายน้อยกวา่ ขอ้ มูลทอี่ ยู่ระหวา่ ง Q2 กับ
Q3 (พ้ืนทีข่ องรูปสเ่ี หลี่ยมผืนผา้ ทางด้านซ้ายนอ้ ยกวา่ ด้านขวา)
2. การกระจายแบบเบซ้ า้ ย คือ ข้อมลู ท่อี ยู่ระหวา่ ง Q1 กับ Q2 มกี ารกระจายมากกว่าข้อมูลทอ่ี ยู่ระหว่าง Q2 กับ
Q3 (พื้นทขี่ องรูปสี่เหลย่ี มผืนผ้าทางด้านซ้ายมากกวา่ ดา้ นขวา)
3. การกระจายแบบปกติ คือ ข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q1 กับ Q2 มีการกระจายเท่ากับข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q2 กับ
Q3 (พนื้ ท่ีของรปู ส่เี หลีย่ มผืนผา้ ทางดา้ นซา้ ยเท่ากบั ดา้ นขวา)

5. สาระการเรยี นรู้

1) ขอ้ มลู และการวเิ คราะหข์ ้อมลู

- แผนภาพกลอ่ ง

2) การแปลความหมายผลลพั ธ์

6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์  อยู่อย่างพอเพียง

 รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์

 ซ่อื สตั ย์สุจริต  มงุ่ มั่นในการทำงาน

 มวี นิ ยั  รกั ความเปน็ ไทย

 ใฝ่เรียนรู้  มีจิตสาธารณะ

7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน

ความสามารถในการสอ่ื สาร

ความสามารถในการคิด

ความสามารถในการแกป้ ัญหา

ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน

ใบงานท่ี 6.2 เรื่อง การนำเสนอและแปลความหมายขอ้ มลู ด้วยแผนภาพกล่อง

9. กิจกรรมการเรียนรู้

แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : แบบอุปนยั (Inductive Method)

ช่วั โมงที่ 1

ขัน้ นำ

กำหนดขอบเขตของปญั หา
ครูกล่าวทักทายนกั เรียน จากนั้นครูทบทวนความรูเ้ ก่ียวกบั การนำเสนอและแปลความหมายข้อมลู ด้วยควอรไ์ ทล์
ดงั น้ี “ควอร์ไทล์ (quartile) เปน็ จดุ ทีแ่ บ่งขอ้ มลู ออกเปน็ 4 สว่ น เมอ่ื นำคา่ ของข้อมูลมาเรยี งจากนอ้ ยไปมาก และจุดที่
แบ่งขอ้ มูลมีอยู่ 3 จดุ โดยแตล่ ะจุดเรยี กว่า ควอรไ์ ทล์ท่ีหน่ึง (Q1) ควอร์ไทล์ทีส่ อง (Q2) และควอร์ไทล์ที่สาม (Q3) โดย
การหาตำแหนง่ ของควอร์ไทล์ในรปู ทวั่ ไป เปน็ ดังนี้

Qk = k (N + 1)

4

เมอ่ื Qk แทนควอร์ไทลท์ ่ี k
k แทนตำแหนง่ ของควอรไ์ ทล์ เมื่อ k = 1, 2, 3
N แทนจำนวนข้อมลู ทงั้ หมด

ถ้าตำแหน่งของควอร์ไทล์ไม่เป็นจำนวนเต็ม และไม่ตรงกับค่าใดค่าหนึ่งของข้อมูลที่โจทย์กำหนดให้ สามารถหาค่า
ของควอรไ์ ทล์ไดจ้ ากการเทยี บสัดสว่ น หรือการเทียบบัญญตั ิไตรยางศ”์

ขน้ั สอน

แสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ
1. ครูอธิบายเกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูลด้วยแผนภาพกล่อง และขั้นตอนการสรา้ งแผนภาพกล่อง ในหนังสือเรียน

คณติ ศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 อย่างละเอยี ด พร้อมเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นซกั ถามในประเด็นที่ยังไมเ่ ข้าใจ
2. ครูอธิบายตัวอยา่ งในหนังสอื เรยี นคณติ ศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 อย่างละเอยี ดบนกระดาน พร้อมยกตัวอยา่ งเพิ่มเตมิ

เพือ่ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจยิง่ ข้ึน

ใชท้ ฤษฎี หลกั การ
1. ครูให้นักเรยี นจบั ค่กู ันทำ ในหนงั สอื เรียนคณิตศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 ลงในสมุด
2. ครขู ออาสาสมัครนกั เรยี น 2-3 คู่ ออกมาเฉลยคำตอบ ที่หน้าช้นั เรียน โดยครูและนักเรยี นที่เหลือในห้องร่วมกัน

ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนนั้ ครอู ธิบายเพมิ่ เติมเพอ่ื ให้นักเรยี นเขา้ ใจมากยงิ่ ขน้ึ
3. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้เก่ียวกบั การนำเสนอขอ้ มลู ดว้ ยแผนภาพกลอ่ ง และขัน้ ตอนการสร้างแผนภาพ
กล่อง จากนั้นครูให้นักเรียนทุกคนทำใบงานที่ 5.2 เรื่อง การนำเสนอและแปลความหมายข้อมูล ด้วยแผนภาพกล่อง
เปน็ การบ้าน เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจเป็นรายบุคคล

ชัว่ โมงท่ี 2

6. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันทบทวนข้นั ตอนการสรา้ งแผนภาพกลอ่ งจากชั่วโมงท่แี ล้ว ดงั น้ี
“ข้นั ท่ี 1 เขียนเส้นแกนนอนและกำหนดสเกลใหค้ รอบคลุมค่าต่ำสดุ และค่าสูงสดุ ของข้อมลู
ขั้นที่ 2 คำนวณควอร์ไทล์ท่ีหนึ่ง ควอร์ไทล์ที่สอง และควอร์ไทล์ที่สาม แล้วนำไปกำหนดจุดบนเส้นแกนนอน
ตามสเกล
ขัน้ ท่ี 3 สรา้ งรูปสเี่ หล่ยี มผืนผ้าเหนือเส้นแกนนอนใหม้ ีความยาวเท่ากับระยะจากควอรไ์ ทลท์ ี่หนงึ่ ถึงควอร์ไทล์ที่
สาม สำหรบั ความกว้างให้เลือกใช้ความยาวให้เหมาะสม
ขั้นที่ 4 จากควอร์ไทล์ที่สอง ลากเส้นตั้งฉากไปตัดด้านตรงข้ามของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เส้นตั้งฉากนี้เป็นเส้นที่
แบง่ รปู สี่เหลี่ยมผนื ผ้า (Box) รปู น้ีเป็นสองส่วน

ขั้นที่ 5 จากจุดที่แทนค่าต่ำสุดและแทนค่าสูงสุด ลากเส้นในแนวนอนมายังจุดกึ่งกลางของด้านกว้างของรูป
สเี่ หลย่ี มผนื ผา้ เรียกเสน้ นีว้ า่ เส้นหนวดแมว (whisker)”

7. ครขู ออาสาสมัครนักเรียน 2-3 คน ออกมาเฉลยใบงานท่ี 5.2 ทเ่ี ป็นการบ้านจากชวั่ โมงที่แลว้ ทหี่ น้าช้นั เรยี น โดย
ครแู ละนักเรียนท่ีเหลอื ในหอ้ งร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง จากนัน้ ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ เพ่ือให้นกั เรียนเข้าใจมาก
ย่ิงข้นึ

แสดงและอธิบายทฤษฎี หลกั การ
1. ครูอธบิ ายเก่ียวกบั การอา่ นและการแปลความแผนภาพกลอ่ ง ในหนังสือเรียนคณติ ศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 พร้อมเปิด

โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามในประเด็นท่ยี งั ไมเ่ ข้าใจ
2. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายเก่ยี วกบั การอา่ นและการแปลความแผนภาพกล่อง จนไดข้ ้อสรุปตรงกนั ดงั น้ี

“1) การกระจายแบบเบ้ขวา คือ ข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q1 กับ Q2 มีการกระจายน้อยกว่าขอ้ มลู ที่อยูร่ ะหว่าง Q2
กบั Q3 (พ้ืนทข่ี องรูปส่เี หล่ยี มผืนผ้าทางด้านซ้ายน้อยกวา่ ด้านขวา)

2) การกระจายแบบเบซ้ า้ ย คือ ข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q1 กับ Q2 มีการกระจายมากกว่าข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q2
กบั Q3 (พ้ืนที่ของรูปสเ่ี หลี่ยมผนื ผ้าทางดา้ นซ้ายมากกวา่ ด้านขวา)

3) การกระจายแบบปกติ คือ ข้อมูลที่อยูร่ ะหว่าง Q1 กับ Q2 มีการกระจายเทา่ กับข้อมูลท่ีอยู่ระหว่าง Q2 กับ
Q3 (พ้นื ท่ีของรูปสเี่ หลยี่ มผนื ผา้ ทางด้านซ้ายเทา่ กบั ด้านขวา)”

3. ครอู ธิบายตวั อยา่ ง ในหนังสือเรยี นคณิตศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 อย่างละเอียดบนกระดาน พรอ้ มยกตวั อย่างเพิ่มเติม
เพื่อให้นกั เรียนเขา้ ใจยิ่งขึ้น

ใชท้ ฤษฎี หลักการ
1. ครูให้นักเรยี นคู่เดิมจากชวั่ โมงท่แี ลว้ ชว่ ยกันทำในหนังสือเรียนคณิตศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 ลงในสมุด
2. ครขู ออาสาสมัครนกั เรยี น 2-3 คู่ ออกมาเฉลยคำตอบ “ลองทำด”ู ท่หี น้าช้ันเรียน โดยครแู ละนักเรยี นที่เหลือใน

ห้องร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง จากนัน้ ครูอธบิ ายเพ่มิ เตมิ เพือ่ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมากย่ิงขนึ้

ตรวจสอบและสรปุ
1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปขั้นตอนการสรา้ งแผนภาพกลอ่ ง ดงั นี้

“ข้ันท่ี 1 เขียนเส้นแกนนอนและกำหนดสเกลใหค้ รอบคลมุ ค่าต่ำสดุ และค่าสงู สดุ ของข้อมูล
ขั้นที่ 2 คำนวณควอร์ไทล์ท่ีหนึ่ง ควอร์ไทล์ที่สอง และควอร์ไทล์ที่สาม แล้วนำไปกำหนดจุดบนเส้นแกนนอน

ตามสเกล
ขัน้ ท่ี 3 สร้างรูปสีเ่ หล่ียมผนื ผ้าเหนือเสน้ แกนนอนใหม้ ีความยาวเท่ากบั ระยะจากควอร์ไทลท์ ่ีหนึง่ ถงึ ควอร์ไทล์ท่ี

สาม สำหรบั ความกวา้ งให้เลอื กใชค้ วามยาวให้เหมาะสม
ขั้นที่ 4 จากควอร์ไทล์ที่สอง ลากเส้นตั้งฉากไปตัดด้านตรงข้ามของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เส้นตั้งฉากนี้เป็นเส้นที่

แบง่ รปู สี่เหล่ียมผนื ผา้ (Box) รปู นีเ้ ป็นสองสว่ น

ขั้นที่ 5 จากจุดที่แทนค่าต่ำสุดและแทนค่าสูงสุด ลากเส้นในแนวนอนมายังจุดกึ่งกลางของด้านกว้างของรปู
ส่ีเหล่ยี มผืนผ้า เรียกเส้นนวี้ า่ เส้นหนวดแมว (whisker)”

2. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรปุ หลักการอา่ นและการแปลความแผนภาพกลอ่ ง ดังนี้
“1) การกระจายแบบเบ้ขวา คือ ข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q1 กับ Q2 มีการกระจายน้อยกว่าขอ้ มูลที่อยูร่ ะหว่าง Q2

กบั Q3 (พน้ื ที่ของรูปสี่เหลยี่ มผนื ผา้ ทางด้านซา้ ยนอ้ ยกวา่ ดา้ นขวา)
2) การกระจายแบบเบ้ซา้ ย คือ ข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q1 กับ Q2 มีการกระจายมากกว่าข้อมูลทีอ่ ยู่ระหว่าง Q2

กบั Q3 (พื้นท่ีของรูปสเ่ี หลี่ยมผืนผา้ ทางดา้ นซา้ ยมากกว่าด้านขวา)
3) การกระจายแบบปกติ คือ ข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q1 กับ Q2 มีการกระจายเท่ากับข้อมูลท่ีอยู่ระหว่าง Q2 กับ

Q3 (พ้นื ที่ของรูปส่ีเหลีย่ มผนื ผา้ ทางดา้ นซ้ายเทา่ กบั ดา้ นขวา)”

ฝึกปฏบิ ตั ิ
1. ครูใหน้ กั เรยี นคเู่ ดิมทำแบบฝกึ ทักษะในหนงั สือเรียนคณติ ศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 ลงในสมุด
2. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะ จากนนั้ ครูอธิบายเพ่มิ เติมเพอื่ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมากยิง่ ขน้ึ

ขนั้ สรปุ
1. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรปุ เก่ยี วกับแผนภาพกลอ่ ง และการอ่านและการแปลความแผนภาพกลอ่ ง ดังนี้ “แผนภาพ

กลอ่ ง เปน็ การนำเสนอขอ้ มูลโดยนำคา่ ต่ำสุด ค่าสูงสุด ควอร์ไทลท์ ี่หนงึ่ ควอรไ์ ทลท์ สี่ อง และควอร์ไทลท์ สี่ าม มา
สร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 รูปติดกัน จากการแบ่งข้อมูลที่มีการจัดเรียงลำดับค่าจากน้อยไปมาก แล้วแบ่ง
ขอ้ มูลออกเปน็ 4 สว่ นเทา่ ๆ กัน ซึ่งแตล่ ะสว่ นคิดเปน็ ร้อยละ 25 ของจำนวนข้อมูลทงั้ หมด
การอ่านและการแปลความแผนภาพกล่อง เป็นดงั น้ี
1) การกระจายแบบเบ้ขวา คือ ข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q1 กับ Q2 มีการกระจายน้อยกว่าข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q2

กบั Q3 (พน้ื ที่ของรปู สเ่ี หลีย่ มผืนผ้าทางด้านซา้ ยน้อยกว่าด้านขวา)
2) การกระจายแบบเบซ้ ้าย คอื ข้อมูลทอ่ี ยูร่ ะหว่าง Q1 กับ Q2 มกี ารกระจายมากกวา่ ข้อมลู ที่อยรู่ ะหว่าง Q2 กับ

Q3 (พืน้ ท่ีของรปู สี่เหล่ียมผืนผ้าทางด้านซ้ายมากกว่าดา้ นขวา)
3) การกระจายแบบปกติ คือ ข้อมลู ทอ่ี ย่รู ะหว่าง Q1 กับ Q2 มกี ารกระจายเทา่ กับขอ้ มูลท่อี ยู่ระหว่าง Q2 กบั Q3

(พ้ืนทข่ี องรูปสเี่ หลีย่ มผืนผ้าทางด้านซ้ายเทา่ กับดา้ นขวา)”

10. ส่อื การสอน

1) หนังสอื เรียนคณิตศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 6 สถิติ
2) ใบงานท่ี 6.2 เรือ่ ง การนำเสนอและแปลความหมายขอ้ มลู ดว้ ยแผนภาพกลอ่ ง

11. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผล วิธีการวัดผล เครือ่ งมือวัด เกณฑก์ าร
จดุ ประสงค์ ประเมนิ ผล

ความร้คู วามเขา้ ใจ (K) - ตรวจกจิ กรรมฝึกทกั ษะ - กิจกรรมฝึกทักษะ 80% ขึน้ ไป ถอื วา่

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) - ตรวจใบงาน - ใบงาน ผ่านเกณฑก์ าร

คุณลักษณะนิสยั (A) ประเมนิ

- สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ ทกั ษะและ 80% ข้ึนไป ถอื วา่

การทำงานรายบุคคล/กลุ่ม กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

1. สังเกตจากการมีวนิ ัยใน - แบบประเมนิ 80% ขน้ึ ไป ถือวา่

การเรยี นและทำกจิ กรรม คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์การ

2. สงั เกตจากการเรยี นใฝ่ ประเมนิ

เรียนรู้

3. สังเกตจากการมุง่ มนั่ ในการ

ทำงาน

12. กจิ กรรมบูรณาการแนวคิดการจัดการเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 ( 3 R , 8 C )
Reading (อา่ นออก)  (W)Riting (เขียนได้)  (A)Rithmetics (คดิ เลขเปน็ )
Critical thinking&problem solving (ทักษะดา้ นการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ และทกั ษะในการแก้ปญั หา)
Creativity&innovation (ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม)
Cross-cultural understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์)
Collaboration, teamwork&leadership(ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผูน้ ำ
Communications,information&media literacy (ทกั ษะด้านการสื่อสาร,สารสนเทศและรเู้ ท่าทนั สอ่ื )
Computing&ICT literacy (ทักษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร)
Career&learning skills (ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรียนรู้)
 Compassion ( มคี ุณธรรม มีเมตตา กรุณา มรี ะเบียบวินยั )

สอดคลอ้ งกบั ท้องถ่ินป่าตองเร่อื ง -

13. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้

แผนการเรยี นร้ทู ่.ี ...........เรอ่ื ง...................................................................รายวิชาคณิตศาสตร์

วนั ท.่ี .......................................................................

13.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้

1. นกั เรียนจำนวน..................คน

ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้......................คน คดิ เป็นร้อยละ..................

ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู.้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ..................

นักเรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดังนี้

1............................................................ 2............................................................

3............................................................ 4............................................................

5............................................................ 6............................................................

แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทไ่ี มผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้

..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

2. นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K)

..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

3. นักเรียนมคี วามรู้เกดิ ทกั ษะ (P)

..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A)

..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

13.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข

..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

13.3 ข้อเสนอแนะ

..............................................................................................................................................................

ลงช่ือ..........................................

(นายนัฐพล หัสนี)

ตำแหน่ง ครู

ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ นายนฐั พล หัสนี แล้วมีความเห็นดงั นี้
1. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรงุ
2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สำคญั ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่
 นำไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืน ๆ

...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ...........................................................
(นายธีระชยั รตั นรงั ษ)ี

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นวัดสุวรรณคีรวี งก์

ใบงานท่ี 5.2
เรอื่ ง การนำเสนอและแปลความหมายข้อมูล ดว้ ยแผนภาพกลอ่ ง

คำช้แี จง : ใหน้ กั เรียนสร้างแผนภาพกลอ่ งโดยใช้เสน้ แกนนอนเสน้ เดยี วกันจากขอ้ มูลต่อไปน้ี

คะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรข์ องนักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3/1 ของโรงเรียนแห่งหนง่ึ จำนวน 25 คน เปน็ ดังนี้
23 24 9 25 10 24 19 26 15 26 27 28 26 23 20
30 23 25 10 27 16 24 8 28 29

คะแนนสอบวิชาวทิ ยาศาสตรข์ องนกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3/1 ของโรงเรยี นแห่งหนง่ึ จำนวน 25 คน เปน็ ดังน้ี
16 23 15 28 27 26 13 25 19 12 20 25 11 26 16
20 19 10 27 23 10 24 25 26 17

____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________

____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________

ใบงานที่ 5.2 เฉลย

เรื่อง การนำเสนอและแปลความหมายข้อมูล ดว้ ยแผนภาพกลอ่ ง

คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นสรา้ งแผนภาพกลอ่ งโดยใช้เสน้ แกนนอนเสน้ เดยี วกันจากขอ้ มลู ต่อไปนี้

คะแนนสอบวชิ าคณิตศาสตรข์ องนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3/1 ของโรงเรียนแหง่ หนง่ึ จำนวน 25 คน เป็นดงั น้ี
23 24 9 25 10 24 19 26 15 26 27 28 26 23 20
30 23 25 10 27 16 24 8 28 29

คะแนนสอบวชิ าวทิ ยาศาสตรข์ องนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3/1 ของโรงเรยี นแห่งหนงึ่ จำนวน 25 คน เปน็ ดังน้ี

16 23 15 28 27 26 13 25 19 12 20 25 11 26 16

20 19 10 27 23 10 24 25 26 17
วธิ ที ำ จากข้อมลู ทก่ี ำหนดให้ จัดเรยี งลำดับจากน้อยไปมากของคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ ไดด้ ังน้ี

8 9 10 10 15 16 19 20 23 23 23 24 24 24 25
25 26 26 26 27 27 28 28 29 30

จากสูตรการหาตำแหน่งของ Qk = k (N + 1) และ N = 25 จะไดว้ ่า

4

ตำแหน่งของ Q1 = 1 (25 + 1) = 6.5

4

ตำแหน่งของ Q1 คอื ตำแหนง่ ที่ 6.5 ซ่ึงอยรู่ ะหว่างตำแหน่งท่ี 6 และ 7

ดงั น้ัน ค่าของ Q1 = 16 + 19 = 17.5 คะแนน
2

ตำแหน่งของ Q2 = 2 (25 + 1) = 13

4

ตำแหน่งของ Q2 คือ ตำแหนง่ ท่ี 13

ดังนน้ั ค่าของ Q2 = 24 คะแนน

ตำแหน่งของ Q3 = 3 (25 + 1) = 19.5

4

ตำแหนง่ ของ Q3 คือ ตำแหน่งท่ี 19.5 ซึง่ อยรู่ ะหวา่ งตำแหน่งท่ี 19 และ 20

ดงั นน้ั ค่าของ Q3 = 26 + 27 = 26.5 คะแนน
2

จากข้อมลู ท่กี ำหนดให้ จดั เรียงลำดบั จากนอ้ ยไปมากของคะแนนสอบวิชาวทิ ยาศาสตร์ ไดด้ งั น้ี

10 10 11 12 13 15 16 16 17 19 19 20 20 23 23

24 25 25 25 26 26 26 27 27 28
เนอ่ื งจากเปน็ นกั เรียนหอ้ งเดียวกนั ตำแหน่งของ Q1, Q2 และ Q3 จงึ เปน็ ตำแหน่งเดยี วกัน จะไดว้ า่

ตำแหน่งของ Q1 คอื ตำแหนง่ ที่ 6.5 ซึง่ อย่รู ะหว่างตำแหนง่ ที่ 6 และ 7

ดงั นนั้ คา่ ของ Q1 = 15 + 16 = 15.5 คะแนน
2

ตำแหนง่ ของ Q2 คือ ตำแหน่งท่ี 13

ดังน้ัน คา่ ของ Q2 = 20 คะแนน

ตำแหน่งของ Q3 คือ ตำแหน่งที่ 19.5 ซ่งึ อยรู่ ะหว่างตำแหนง่ ที่ 19 และ 20

ดังนั้น ค่าของ Q3 = 25 + 26 = 25.5 คะแนน
2

จากขอ้ มลู ข้างต้น จึงสามารถเขียนแผนภาพกลอ่ งของข้อมูล ไดด้ ังน้ี

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์ รหสั วิชา ค23101
ปีการศึกษา 2563
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนท่ี 1
จำนวน 2 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 สถติ ิ

เรือ่ ง การนำแผนภาพกล่องไปใชใ้ นชีวิตจรงิ

ครูผูส้ อน นายนัฐพล หัสนี

1. มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐานการเรียนรู้ ค 3.1 เข้าใจพื้นฐานเก่ียวกบั การวดั วัดและคาดคะเนขนาดของส่งิ ทตี่ ้องการวัด และนำไปใช้
2. ตวั ช้ีวัดชน้ั ปี

ตวั ชวี้ ัด ม.3/1 เข้าใจและใชค้ วามรู้ทางสถิตใิ นการนำเสนอและวิเคราะหข์ ้อมูลจากแผนภาพกล่องและแปล
ความหมายผลลพั ธร์ วมทั้งนำสถิตไิ ปใชใ้ นชีวิตจรงิ โดยใช้เทคโนโลยที เี่ หมาะสม

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1) บอกประโยชน์ของการนำแผนภาพกล่องไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ได้ (K)
2) นำเสนอขอ้ มลู ดว้ ยแผนภาพกลอ่ งในชวี ิตจรงิ ได้ (P)
3) นำความรเู้ ก่ียวกบั แผนภาพกลอ่ งไปใชใ้ นชีวติ จรงิ ได้ (A)

4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

การนำเสนอขอ้ มลู ด้วยแผนภาพกลอ่ งเปน็ การแสดงภาพรวมของข้อมลู และลกั ษณะการกระจายของข้อมูล ซงึ่ จะ

ช่วยให้เขา้ ใจข้อมลู และสามารถนำขอ้ มูลไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ จริงได้อย่างเหมาะสม

5. สาระการเรยี นรู้  อยู่อย่างพอเพียง
 มงุ่ ม่ันในการทำงาน
1) ข้อมูลและการวเิ คราะหข์ ้อมลู  รกั ความเปน็ ไทย
 มีจติ สาธารณะ
- แผนภาพกล่อง

2) การแปลความหมายผลลพั ธ์

3) การนำสถติ ไิ ปใชใ้ นชวี ติ จรงิ

6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

 รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
 ซอ่ื สัตย์สจุ ริต
 มวี ินยั
 ใฝ่เรียนรู้

7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น

ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปญั หา
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน

ใบงานท่ี 6.2 เรือ่ ง การนำแผนภาพกลอ่ งไปใช้ในชีวิตจรงิ

9. กจิ กรรมการเรยี นรู้

แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : Concept Based Teaching

ชัว่ โมงที่ 1

ข้นั นำ

การใชค้ วามรูเ้ ดิมเชอื่ มโยงความรูใ้ หม่ (Prior Knowledge)
ครูกล่าวทกั ทายนกั เรยี น จากนนั้ ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปเกย่ี วกับแผนภาพกล่อง และการอ่านและการแปลความ
แผนภาพกล่อง ดังน้ี “แผนภาพกลอ่ ง เปน็ การนำเสนอข้อมูลโดยนำค่าต่ำสุด คา่ สูงสุด ควอร์ไทลท์ ห่ี นง่ึ ควอร์ไทล์ท่ี
สอง และควอร์ไทล์ที่สาม มาสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 รูปติดกัน จากการแบ่งข้อมูลที่มีการจัดเรียงลำดับค่าจาก
นอ้ ยไปมาก แลว้ แบ่งขอ้ มูลออกเปน็ 4 ส่วนเทา่ ๆ กัน ซ่งึ แตล่ ะส่วนคิดเปน็ รอ้ ยละ 25 ของจำนวนขอ้ มลู ทั้งหมด
การอ่านและการแปลความแผนภาพกลอ่ ง เป็นดังนี้
1) การกระจายแบบเบ้ขวา คือ ข้อมูลที่อยู่ระหวา่ ง Q1 กับ Q2 มีการกระจายน้อยกว่าข้อมูลที่อยู่ระหวา่ ง Q2 กับ

Q3 (พ้นื ท่ีของรูปส่ีเหล่ียมผนื ผา้ ทางด้านซา้ ยน้อยกว่าดา้ นขวา)
2) การกระจายแบบเบ้ซ้าย คือ ข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q1 กับ Q2 มีการกระจายมากกว่าข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q2 กับ

Q3 (พ้นื ทข่ี องรปู ส่ีเหล่ียมผนื ผา้ ทางดา้ นซา้ ยมากกวา่ ด้านขวา)
3) การกระจายแบบปกติ คือ ข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q1 กับ Q2 มีการกระจายเท่ากับข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q2 กับ Q3

(พื้นท่ีของรปู สีเ่ หลี่ยมผืนผ้าทางดา้ นซ้ายเท่ากับด้านขวา)”

ขนั้ สอน

ร้แู ละเข้าใจ (Knowing and Understanding)
1. ครูให้นกั เรยี นรว่ มกนั บอกประโยชน์ของการนำแผนภาพกลอ่ งไปใชใ้ นชีวิตจรงิ

(แนวตอบ คำตอบมหี ลากหลาย ขึน้ อยกู่ ับดลุ ยพนิ ิจของครูผูส้ อน)
2. ครูใหน้ ักเรียนจับคูก่ ันศกึ ษา ตวั อยา่ งที่ 10 ในหนงั สอื เรียนคณิตศาสตร์ ม.3 เล่ม 1
3. ครสู มุ่ นักเรยี น 1-2 คู่ ออกมาอธบิ ายทหี่ น้าช้นั เรยี น โดยครตู รวจสอบความถูกตอ้ ง และอธบิ ายเพม่ิ เติม
4. ครูให้นักเรียนคเู่ ดิม ในหนงั สอื เรยี นคณติ ศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 ลงในสมดุ
5. ครูสุ่มนักเรียน 1-2 คู่ ออกมาเฉลยคำตอบที่หน้าชั้นเรียน โดยครูและนักเรยี นท่ีเหลือในห้องร่วมกันตรวจสอบ

ความถูกตอ้ ง จากนน้ั ครูอธิบายเพิ่มเตมิ เพอื่ ให้นักเรียนเขา้ ใจมากย่ิงขึ้น
6. ครูอธิบาย “เกรด็ นา่ รู้” ในหนังสือเรียนคณิตศาสตร์ ม.3 เลม่ 1
7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรูเ้ กยี่ วกับการนำแผนภาพกลอ่ งไปใช้ในชวี ิตจริง จากนัน้ ครใู หน้ กั เรียนทุกคนทำ

ใบงานท่ี 5.3 เรือ่ ง การนำแผนภาพกลอ่ งไปใช้ในชีวติ จรงิ เป็นการบา้ น เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจเปน็ รายบุคคล

ช่ัวโมงท่ี 2

8. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันทบทวนการอ่านและการแปลความแผนภาพกลอ่ ง เป็นดังน้ี
1) การกระจายแบบเบ้ขวา คือ ข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q1 กับ Q2 มีการกระจายน้อยกว่าข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Q2
กบั Q3 (พ้ืนท่ีของรูปสเี่ หล่ยี มผืนผา้ ทางด้านซ้ายน้อยกวา่ ด้านขวา)
2) การกระจายแบบเบซ้ ้าย คอื ขอ้ มลู ท่อี ยู่ระหวา่ ง Q1 กบั Q2 มีการกระจายมากกวา่ ข้อมลู ทอ่ี ย่รู ะหว่าง Q2 กับ
Q3 (พนื้ ที่ของรปู สเ่ี หล่ียมผืนผ้าทางดา้ นซา้ ยมากกวา่ ด้านขวา)
3) การกระจายแบบปกติ คือ ขอ้ มูลทีอ่ ยูร่ ะหว่าง Q1 กบั Q2 มีการกระจายเท่ากับขอ้ มูลทอี่ ยรู่ ะหวา่ ง Q2 กับ Q3
(พื้นที่ของรปู สเี่ หล่ยี มผืนผ้าทางดา้ นซ้ายเท่ากับด้านขวา)”

9. ครูขออาสาสมัครนักเรยี น 2-3 คน ออกมาเฉลยใบงานที่ 5.3 ทเี่ ปน็ การบา้ นจากชั่วโมงทีแ่ ลว้ ที่หนา้ ชน้ั เรียน โดย
ครูและนกั เรียนที่เหลอื ในหอ้ งรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง จากน้ันครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมเพอื่ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจมาก
ย่ิงขน้ึ

10. ครูและนักเรียนร่วมกันศึกษา “แนวข้อสอบ O-NET” ในหนังสือเรียนคณิตศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 โดยครูอธิบาย
วธิ กี ารหาคำตอบแต่ละข้นั ตอนอยา่ งละเอียด พร้อมเปิดโอกาสให้นักเรยี นซกั ถามในประเดน็ ทย่ี ังไม่เขา้ ใจ

11. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากโจทย์ “แนวข้อสอบ O-NET” ว่า หากคะแนนเต็มหรือจำนวนนักเรียน
เปล่ยี นแปลงไป นกั เรียนจะยงั สามารถนำเสนอขอ้ มูลด้วยแผนภาพกลอ่ งและยังสามารถหาคำตอบได้หรอื ไม่
(แนวตอบ หากคะแนนเต็มหรือจำนวนนักเรียนเปล่ยี นแปลงไป กจ็ ะยงั สามารถนำเสนอข้อมลู ด้วยแผนภาพกล่อง
และยงั สามารถหาคำตอบได้)

12. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปความรู้เกย่ี วกบั การนำแผนภาพกลอ่ งไปใช้ในชีวิตจริง

13. ครูให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน (คละความสามารถทางคณิตศาสตร์) แล้วมอบหมายชิ้นงานให้
นักเรียนแต่ละกลุ่มสำรวจข้อมูลที่กลุม่ ของตนสนใจ เช่น ความสูงทั้งหมดของนกั เรียนในห้อง คะแนนสอบวิชา
คณติ ศาสตร์ของนักเรยี นในห้อง อายุของคุณครูในโรงเรียนจำนวนนักเรียนของโรงเรียน 10 ปีย้อนหลงั จากน้ัน
นำเสนอในรูปของแผนภาพกลอ่ ง โดยใช้โปรแกรม Microsoft Excel 2016 แล้วเตรียมนำเสนอที่หน้าชั้นเรียน
ในช่วั โมงต่อไป

ช่วั โมงที่ 3

14. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันทบทวนความรู้เกีย่ วกบั การนำแผนภาพกลอ่ งไปใช้ในชีวติ จรงิ
19. ครใู ห้นักเรียนแต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอช้นิ งานการนำเสนอขอ้ มูลจากการสำรวจ ในรูปของแผนภาพกล่อง โดย

ใชโ้ ปรแกรม Microsoft Excel 2016 ทีห่ น้าชั้นเรียน โดยครแู ละนกั เรียนกลุม่ ท่ีเหลือรว่ มกันตรวจสอบความ
ถกู ต้อง
20. ครูให้นกั เรียนทุกคนทำแบบฝกึ ทกั ษะ ในหนังสอื เรียนคณติ ศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 ลงในสมดุ
21. ครขู ออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมานำเสนอ พร้อมตอบคำถามทห่ี น้าช้นั เรียน โดยครูและนักเรียนที่เหลือในห้อง
รว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง

ขน้ั สรุป
1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการนำแผนภาพกล่องไปใช้ในชีวิตจริง ดังนี้ “การนำเสนอข้อมูลด้วย

แผนภาพกล่องเป็นการแสดงภาพรวมของข้อมูลและลักษณะการกระจายของข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจข้อมูล
และสามารถนำขอ้ มูลไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จรงิ ได้อย่างเหมาะสม”
2. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปแนวคิดหลกั เก่ยี วกบั ควอร์ไทล์ และแผนภาพกลอ่ ง ในหนังสอื เรียนคณิตศาสตร์ ม.3
เลม่ 1
3. ครูให้นักเรียนจบั คู่กนั ทำ “แบบฝึกทกั ษะประจำหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5” ในหนังสือเรยี นคณิตศาสตร์ ม.3
4. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคำตอบ จากนัน้ ครูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เพ่ือให้นักเรยี นเขา้ ใจมากยิ่งขนึ้
6. ครูให้นกั เรียนทกุ คนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 เรือ่ ง สถิติ

10. ส่อื การสอน

1) หนงั สือเรียนคณิตศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 สถิติ
2) ใบงานท่ี 6.3 เร่ือง การนำแผนภาพกล่องไปใชใ้ นชีวติ จรงิ

11. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผล วิธีการวัดผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์การ
จดุ ประสงค์ ประเมนิ ผล

ความร้คู วามเขา้ ใจ (K) - ตรวจกจิ กรรมฝึกทกั ษะ - กิจกรรมฝึกทกั ษะ 80% ขนึ้ ไป ถือวา่

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) - ตรวจใบงาน - ใบงาน ผา่ นเกณฑก์ าร

คุณลักษณะนิสยั (A) ประเมิน

- สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ ทักษะและ 80% ข้นึ ไป ถือว่า

การทำงานรายบุคคล/กลุ่ม กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

1. สังเกตจากการมีวนิ ัยใน - แบบประเมิน 80% ขึน้ ไป ถอื วา่

การเรยี นและทำกจิ กรรม คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์การ

2. สงั เกตจากการเรยี นใฝ่ ประเมิน

เรียนรู้

3. สังเกตจากการมุง่ มนั่ ในการ

ทำงาน

12. กจิ กรรมบูรณาการแนวคิดการจัดการเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 ( 3 R , 8 C )
Reading (อา่ นออก)  (W)Riting (เขียนได้)  (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น)
Critical thinking&problem solving (ทักษะดา้ นการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ และทักษะในการแกป้ ญั หา)
Creativity&innovation (ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม)
Cross-cultural understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทศั น)์
Collaboration, teamwork&leadership(ทกั ษะด้านความรว่ มมอื การทำงานเป็นทมี และภาวะผู้นำ
Communications,information&media literacy (ทกั ษะดา้ นการส่ือสาร,สารสนเทศและรเู้ ท่าทันส่อื )
Computing&ICT literacy (ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร)
Career&learning skills (ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรียนร)ู้
 Compassion ( มคี ุณธรรม มีเมตตา กรุณา มรี ะเบียบวินยั )

สอดคลอ้ งกบั ท้องถ่ินป่าตองเร่อื ง -

13. บันทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้

แผนการเรยี นร้ทู ่.ี ...........เรอ่ื ง...................................................................รายวิชาคณิตศาสตร์

วนั ท.่ี .......................................................................

13.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้

1. นกั เรียนจำนวน..................คน

ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ ร้อยละ..................

ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร้.ู .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ..................

นักเรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดงั นี้

1............................................................ 2............................................................

3............................................................ 4............................................................

5............................................................ 6............................................................

แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทไี่ ม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

2. นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ (K)

..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

3. นักเรียนมคี วามรู้เกดิ ทักษะ (P)

..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A)

..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

13.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข

..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

13.3 ข้อเสนอแนะ

..............................................................................................................................................................

ลงช่อื ..........................................

(นายนัฐพล หัสนี)

ตำแหนง่ ครู

ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผ้ทู ไี่ ดร้ บั มอบหมาย
ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ของ นายนฐั พล หัสนี แล้วมีความเหน็ ดงั น้ี
1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรุง
2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
 เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 นำไปใช้ได้จรงิ
 ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอื่น ๆ

...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ...........................................................
(นายธรี ะชัย รัตนรงั ษ)ี

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นวัดสุวรรณครี ีวงก์

ใบงานท่ี 5.3
เร่อื ง การนำแผนภาพกล่องไปใช้ในชวี ติ จรงิ

คำช้ีแจง : ใหพ้ จิ ารณาแผนภาพกล่อง แล้วตอบคำถามตอ่ ไปน้ี
จากการสอบวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง จำนวน
100 คน เขยี นแสดงดว้ ยแผนภาพกล่อง ไดด้ งั น้ี

1. การกระจายของคะแนนสอบท้งั 2 วิชาเปน็ อย่างไร
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________

2. คะแนนทอี่ ย่ใู นกลุม่ ต่ำสุดรอ้ ยละ 75 ของผลการสอบท้ัง 2 วชิ า มีคะแนนต่ำสุดและสงู สุดเท่ากับเท่าใด
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________

3. คะแนนสูงสุดที่อยใู่ นกลมุ่ ต่ำสุดร้อยละ 25 ของผลการสอบวิชาคณติ ศาสตรม์ ากหรือนอ้ ยกวา่ คะแนนสงู สดุ ท่ีอยู่
ในกลมุ่ ต่ำสุดร้อยละ 25 ของวิชาวทิ ยาศาสตร์
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________________

4. จำนวนนักเรยี นทีไ่ ด้คะแนนไมเ่ กิน 65 คะแนน ในวิชาคณิตศาสตร์มากหรือน้อยกว่าจำนวนนกั เรียนท่ีได้คะแนน
ไม่เกิน 65 คะแนน ในวิชาวทิ ยาศาสตร์
____________________________________________________________________________________
__________________________________________________________________________________

ใบงานที่ 5.3 เฉลย
เรื่อง การนำแผนภาพกล่องไปใชใ้ นชีวติ จรงิ

คำชีแ้ จง : ใหพ้ จิ ารณาแผนภาพกลอ่ ง แล้วตอบคำถามต่อไปนี้
จากการสอบวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง จำนวน
100 คน เขยี นแสดงดว้ ยแผนภาพกล่อง ไดด้ ังนี้

1. การกระจายของคะแนนสอบทัง้ 2 วิชาเปน็ อยา่ งไร
(แนวตอบ คะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์มีลักษณะการกระจายเบ้ซ้าย ส่วนคะแนนสอบวิชาวิทยาศาสตร์มี

ลักษณะการกระจายสมมาตร)
2. คะแนนท่ีอยใู่ นกลุ่มตำ่ สุดรอ้ ยละ 75 ของผลการสอบทั้ง 2 วชิ า มีคะแนนตำ่ สุดและสงู สุดเท่ากับเทา่ ใด
(แนวตอบ คะแนนที่อยู่ในกลุ่มต่ำสุดร้อยละ 75 ของผลการสอบวิชาคณิตศาสตร์มีคะแนนต่ำสุดเท่ากับ 33

คะแนน และสูงสุดเท่ากับ 80 คะแนน ส่วนคะแนนที่อยู่ในกลุ่มต่ำสุดร้อยละ 75 ของผลการสอบวิชาวิทยาศาสตร์มี
คะแนนตำ่ สุดเท่ากับ 40 คะแนน และสูงสดุ เทา่ กบั 75 คะแนน)

3. คะแนนสงู สุดที่อยู่ในกลุ่มตำ่ สดุ รอ้ ยละ 25 ของผลการสอบวชิ าคณติ ศาสตรม์ ากหรือน้อยกว่าคะแนนสงู สดุ ทีอ่ ยู่
ในกลุ่มต่ำสุดรอ้ ยละ 25 ของวิชาวิทยาศาสตร์

(แนวตอบ คะแนนสูงสุดที่อยู่ในกลุม่ ต่ำสุดร้อยละ 25 ของผลการสอบวิชาคณิตศาสตรน์ ้อยกว่าคะแนนสูงสดุ ท่ี
อยใู่ นกลมุ่ ตำ่ สุดรอ้ ยละ 25 ของวิชาวิทยาศาสตร์)

4. จำนวนนักเรียนทีไ่ ด้คะแนนไมเ่ กนิ 65 คะแนน ในวิชาคณิตศาสตร์มากหรือนอ้ ยกว่าจำนวนนักเรียนท่ีได้คะแนน
ไมเ่ กนิ 65 คะแนน ในวชิ าวิทยาศาสตร์

(แนวตอบ จำนวนนักเรียนที่ได้คะแนนไม่เกิน 65 คะแนน ในวิชาคณิตศาสตร์มากกว่าจำนวนนักเรียนท่ีได้
คะแนนไม่เกนิ 65 คะแนน ในวชิ าวทิ ยาศาสตร์)


Click to View FlipBook Version