ข
คำนำ
ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ได้กาหนด
ประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 1 สร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต ประกอบด้วย กลยุทธ์ท่ี ๑ ปรับฐานความคิดทุกช่วงวัยตั้งแต่
ปฐมวัยเป็นตน้ ไปใหส้ ามารถแยกระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม กลยุทธท์ ี่ ๒ ส่งเสริมให้มรี ะบบ
และกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพื่อต้านทุจริต กลยุทธ์ท่ี ๓ ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็น
เครื่องมือต้านทุจริต และกลยุทธ์ที่ ๔ เสริมพลังการมีส่วนร่วมของชุมชน และบูรณาการทุกภาคส่วนเพ่ือต่อต้าน
การทุจริต จากกลยุทธท์ ่ี ๑ คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จงึ ไดม้ ีคาส่ัง
แต่งต้ังคณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริตซึ่ง
ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านการใหก้ ารศึกษาและการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ ขนึ้ เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และรวบรวม
ข้อมูล กาหนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทาหลักสูตร ยกร่างและจัดทาเนื้อหาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือ
ประกอบการเรียนรู้ รวมทั้งพิจารณาให้ความเห็นเพ่ิมเติม กาหนดแผนหรอื แนวทางการนาหลักสูตรไปใช้ในหน่วยงานที่
เกีย่ วข้อง และดาเนนิ การอ่ืนๆ ตามทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย
คณะอนกุ รรมการจัดทาหลักสูตรหรอื ชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจรติ ได้
ร่วมกันสร้างชุดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา : Anti-Corruption Education ประกอบด้วย ๕ หลักสูตร ดังนี้
๑. หลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ๒. หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด
“Youngster with Good Heart”) ๓. หลักสูตรตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและตารวจ ๔. หลักสูตรสร้าง
วทิ ยากรผู้นาการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต และ ๕. หลักสูตรโค้ชเพ่ือการรู้คิดต้านทุจริต ชุดหลักสูตร
ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการนาไปทดลองใช้ เพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สาหรับการใช้ใน
กลุ่มเป้าหมายต่อไป นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการจัดทาหลกั สูตรหรอื ชดุ การเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการ
ป้องกันการทุจรติ ยังได้คัดเลือกสื่อการเรียนรู้ จากแหล่งต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวม ๕๐ ช้ิน เพ่ือใช้ใน
การเรียนรู้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ เมื่อวันท่ี 22 พฤษภาคม 2561 โดยให้
หน่วยงานที่เก่ียวข้องนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ และให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดาเนินการ เตรียมความพร้อมใน
ด้านตา่ งๆ เพอื่ นาหลกั สูตรตา้ นทจุ รติ ศึกษาไปปรับใชใ้ นการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา
รายวิชาเพิ่มเตมิ การป้องกันการทจุ ริต สาหรบั หลกั สูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน จดั ทาขนึ้ โดยอนุกรรมการด้านการศึกษา
ในคณะอนกุ รรมการจัดทาหลกั สูตรหรอื ชดุ การเรยี นรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการปอ้ งกันการทจุ ริตและกลุม่ ผทู้ รงคณุ วุฒิ
ด้านการศกึ ษา สาระการเรียนรู้ประกอบด้วย (๑) การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม (๒) ความ
อายและความไม่ทนต่อการทุจริต (๓) STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต (๔) พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อเน่ืองกัน
ต้งั แตร่ ะดับปฐมวยั ระดับประถมศึกษา ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช.หวังเป็นอยา่ งย่งิ ว่า รายวิชาเพมิ่ เติมการป้องกันการทจุ ริตสาหรับหลกั สูตรการศึกษา ข้ันพื้นฐาน
ในชุดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) จะนาเข้าสู่ระบบการศึกษาเพื่อเป็นกลไกระยะยาวในการ
ปลูกฝงั วิธคี ิดปอ้ งกันการทุจริตให้แกผ่ ู้เรยี นอย่างเป็นอัตโนมัติ เพอ่ื รว่ มกนั สรา้ งประเทศไทยใสสะอาด ไทยท้งั ชาติต้านทุจริต
พลตารวจเอก
(วชั รพล ประสารราชกจิ )
ประธานกรรมการ ป.ป.ช.
30 พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ค
สำรบญั
คาอธบิ ายรายวชิ า หนำ้
โครงสรา้ งรายวชิ า 1
หนว่ ยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม 2
หน่วยท่ี ๒ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 4
หน่วยท่ี ๓ STRONG : จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ รติ 81
หน่วยที่ ๔ พลเมอื งกบั ความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ๑๑6
๑53
1
คำอธบิ ำยรำยวิชำเพมิ่ เติม
ส 11201 กำรปอ้ งกนั กำรทจุ ริต กลมุ่ สำระกำรเรยี นรสู้ ังคมศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม
ช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ 1 เวลำ ๔๐ ช่วั โมง
คำอธบิ ำยรำยวิชำ
ศึกษาเกีย่ วกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่
ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทจุ ริต รู้หน้าท่ีของพลเมืองและรับผิดชอบต่อสงั คมในการตอ่ ตา้ น
การทจุ ริต
โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝกึ ปฏิบัตจิ รงิ การทาโครงงานกระบวนการเรยี นรู้ 5
ขั้นตอน (5 STEPs) การอภปิ ราย การสบื สอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอา่ นและการเขยี น เพื่อใหม้ ีความตระหนักและ
เหน็ ความสาคัญของการตอ่ ตา้ นและการป้องกนั การทจุ ริต
ผลกำรเรยี นรู้
1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม
2. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ
3. มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกบั STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจริต
4. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั พลเมอื งและมคี วามรับผิดชอบตอ่ สังคม
5. สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้
6. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้ละอายและไม่ทนตอ่ การทจุ ริตทกุ รูปแบบ
7. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผู้ท่ี STRONG / จติ พอเพียงตอ่ ต้านการทุจริต
8. ปฏิบตั ติ นตามหนา้ ท่ีพลเมืองและมคี วามรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม
9. ตระหนักและเหน็ ความสาคัญของการตอ่ ต้านและป้องกันการทุจริต
รวมทงั้ หมด 9 ผลกำรเรียนรู้
2
โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ ระดบั ประถมศกึ ษำช้ันปีที่ ๑
ลำ หน่วยกำรเรียนรู้ เร่ือง รวม คะแนน
ดับ ช่วั โมง เก็บ
๑. การคดิ แยกแยะระหวา่ ง ๑. ของใชส้ ว่ นตนและสว่ นรวม (ภายในบา้ น,ภายใน ๑๖ 20
ผลประโยชน์ส่วนตนและ ห้องเรียน)
ผลประโยชน์สว่ นรวม ๑.๑ ความหมายของใชส้ ว่ นตนและสว่ นรวม
๑.๒ การจาแนกของใช้ส่วนตนและสว่ นรวม
๒. สถานที่ส่วนตนและสว่ นรวม (ภายในบ้าน,ภายใน
หอ้ งเรียน)
๒.๑ ความหมายของสถานทีส่ ว่ นตนและส่วนรวม
๒.๒ การจาแนกสถานท่ีส่วนตนและสว่ นรวม
๓. ผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
(ภายในบ้าน,ภายในห้องเรียน)
๓.๑ ความหมายของผลประโยชน์ส่วนตนและ
ผลประโยชนส์ ่วนรวม
๓.๒ การจาแนกผลประโยชนส์ ่วนตนและ
ผลประโยชน์ส่วนรวม
๔. ความหมายของระบบคิดฐานสองและพฤติกรรมแบบ
ระบบคดิ ฐานสอง
๕. สถานการณ์ใกลต้ ัว ภายในบา้ นและห้องเรยี น ทส่ี ่ือ
ถึงระบบคิดฐานสอง
๖. ยกตวั อย่างพฤติกรรมแบบระบบคิดฐานสอง
๗. แยกแยะพฤติกรรมท่ีแสดงออกแบบระบบคิดฐาน
สอง
๘. การประยกุ ตใ์ ช้ระบบคิดฐานสองในชวี ติ ประจาวัน
(ภายในบ้านและครอบครวั )
๙. ความหมายของระบบคิดฐานสบิ และพฤติกรรมของ
ระบบคิดฐานสิบ (ครอบครัว, ห้องเรยี น)
๑๐. สถานการณใ์ กลต้ วั ภายในบ้านและครอบครวั ทสี่ ือ่
ถึงระบบคิดฐานสิบ
๑๑. ยกตัวอย่างพฤตกิ รรมแบบระบบคดิ ฐานสิบ
๑๒. แยกแยะพฤติกรรมท่ีแสดงออกแบบระบบคดิ ฐาน
สบิ
๒. ความละอายและความไมท่ นต่อ ๑. ความหมายความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ ๖ 3
20
การทจุ รติ ๒. กจิ กรรมภายในห้องเรียน ๘
๑๐ 20
๒.๑ การเข้าแถว
40 20
๒.๒ การทาเวร -
๔๐ 80
๒.๓ การเลอื กหัวหนา้ หอ้ ง 20
100
๓. กิจกรรมท่สี ่งผลให้เกดิ ความละอายและความ ไม่ทน
ต่อการทุจรติ ผลดี/ผลเสยี
๔. แนวทางการปฏิบตั ติ นเป็นผู้มีความละอายและความไม่
ทนต่อการทุจริต
๓. STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการ ๑. ความหมายของ STRONG : จติ พอเพียงต้านทุจริต
ทุจริต ๒. กิจกรรมในหอ้ งเรียนท่ียดึ หลัก STRONG :
จิตพอเพียงตา้ นทจุ รติ
๒.๑ การเลอื กต้ังหัวหน้าห้อง
๒.๒ การทาความสะอาดห้องเรียน
๒.๓ การวางรองเทา้
๒.๔ การประดษิ ฐ์ส่งิ ของจากเศษวัสดุ
๔. พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบตอ่ ๑. ความหมายของความรับผดิ ชอบ
สังคม ๒. ยกตัวอยา่ งความรับผิดชอบตอ่ ตนเองและผูอ้ ่นื
๓. ความรับผดิ ชอบที่เกี่ยวกบั ชีวิตประจาวนั
๓.๑ ภายในบา้ น
- การทาความสะอาดบ้าน
- การลา้ งจาน
- การรดน้าตน้ ไม้
๓.๒ ภายในห้องเรียน
- การวางรองเท้า
- การทาความสะอาดห้องเรยี น
- การใชข้ องส่วนรวมในหอ้ งเรียน
4. ความเปน็ พลเมือง
4.๑ การอย่รู ่วมกนั ในห้องเรยี น
4.๒ ขอ้ ตกลงในหอ้ งเรียน
รวม
สอบปลำยภำค
รวมตลอดภำคเรยี น
4
หน่วยท่ี ๑
กำรคิดแยกแยะระหว่ำงผลประโยชนส์ ว่ นตน
และผลประโยชนส์ ว่ นรวม
5
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้
หน่วยท่ี ๑ ชอ่ื หนว่ ย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง การคิดแยกแยะ : ของใช้ส่วนตนและส่วนรวม (ภายในบา้ น,ภายในหอ้ งเรียน) เวลำ ๒ ชว่ั โมง
๑. ผลกำรเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมได้
๒. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้
๒.๑ นักเรยี นสามารถบอกความหมายของของใชส้ ่วนตนได้และของใชส้ ว่ นรวมได้
๒.๒ นักเรยี นสามารถจาแนกของใชส้ ่วนตนกบั ของใชส้ ว่ นรวมได้ (ภายในบ้าน,ภายในหอ้ งเรยี น)
๒.๓ นักเรยี นใช้ของใชส้ ว่ นตน และของใชส้ ว่ นรวมอย่างถูกต้อง เหมาะสม
๓. สำระกำรเรยี นรู้
๓.๑ ควำมรู้
ของใช้ส่วนตน หมายถึง ส่ิงของที่ใช้เฉพาะบุคคล เช่น ดินสอ แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดหน้า และของใช้ส่วนรวม
หมายถงึ สิ่งของทใ่ี ชร้ ว่ มกนั เช่น โต๊ะ เกา้ อ้ี กระดานดา เปน็ ตน้
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร
๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร
๑.๑ การสนทนาถาม – ตอบ
๑.๒ การทาใบงาน
๒) ความสามารถในการคิด
๒.๑ การจาแนกของใช้ส่วนตนและของใช้สว่ นรวม
๓.๓ คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์
๑) มีความซื่อสตั ย์
๒) อยู่อย่างพอเพียง
๔. กิจกรรมกำรเรียนรู้
๔.๑ ขน้ั ตอนกำรเรยี นรู้
ชั่วโมงท่ี ๑
๑) ครูนาเข้าสู่กจิ กรรมโดยใช้คาถาม ดังน้ี
๑.๑ นักเรยี นร้จู ักของใชส้ ่วนตนและของใช้สว่ นรวมหรอื ไม่
๑.๒ ของใชส้ ว่ นตนของนักเรยี นมอี ะไรบ้าง
๑.๓ อะไรท่ีเป็นของใชส้ ่วนรวมบ้าง
๑.๔ ในห้องเรียนของเรามีอะไรบา้ งท่เี ป็นของใชส้ ว่ นตนและของใช้สว่ นรวม
๒) ให้นักเรียนแบ่งเปน็ ๒ กลุ่ม กลุ่มท่ี ๑ เป็นกลุ่มท่ีต้องรวบรวมของใชส้ ่วนตัวในห้องเรียนให้ได้มากที่สุด
กลุ่มท่ี ๒ คือกลมุ่ ทีต่ ้องรวบรวมของใชส้ ว่ นรวมในหอ้ งเรยี นให้ไดม้ ากทสี่ ดุ
๓) ครแู ละนกั เรยี นรวมกนั ตรวจสอบสงิ่ ของทแ่ี ต่ละกลมุ่ รวบรวมมา
๔) ครูใหค้ านยิ ามของของใชส้ ว่ นตัว และของใชส้ ว่ นรวม
6
ช่วั โมงท่ี ๒
๑) ครแู จก ใบงานที่ ๑ เรือ่ งการจดั หมวดหม่ภู าพของใชส้ ว่ นตนและของใช้สว่ นรวม
๒) ใหต้ วั แทนนกั เรียนออกมานาเสนอผลงานการทาใบงานหนา้ ชั้นเรียน ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สนทนา
๓) ครูและนกั เรยี นรว่ มกันกาหนดข้อตกลงในการใชข้ องใชส้ ว่ นตนและของใช้ส่วนรวม เชน่
๓.๑ ไม่หยบิ ของผู้อน่ื กอ่ นได้รับอนญุ าต
๓.๒ ไมน่ าของส่วนรวมมาเป็นของส่วนตน
๔) ครูฝากฝังนกั เรียนเรอ่ื งการนาขอ้ ตกลงไปปรบั ใช้กบั การใช้สิ่งของต่างๆ ภายในบ้านของตนเอง
๔.๒ ส่อื กำรเรยี นรู้
๑) สงิ่ ของทม่ี ีในหอ้ งเรยี น เชน่ โตะ๊ เก้าอี้ กระดานดา ดนิ สอ แปรงสีฟัน ผา้ เช็ดหน้า เปน็ ตน้
๒) ใบงานท่ี ๑ เรื่อง การจดั หมวดหมู่ภาพของใช้ส่วนตนและของใช้สว่ นรวม
๕. กำรประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้
๕.๑ วิธีกำรประเมิน
๑) ตรวจผลงานการทาใบงานท่ี ๑ เรื่อง การจดั หมวดหมภู่ าพของใชส้ ว่ นตนและของใช้ส่วนรวม
๒) สงั เกตพฤติกรรมนกั เรียน
๓) การประเมินการทางานกล่มุ
๕.๒ เครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นกำรประเมนิ
๑) แบบให้คะแนนการตรวจใบงาน
๒) แบบสังเกตพฤตกิ รรมนักเรียน
๓) แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม
๕.๓ เกณฑ์กำรประเมิน
๑) นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป ถอื วา่ ผา่ น
๒) นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดบั ดขี ้ันไป ถอื วา่ ผ่าน
7
บันทึกหลังสอน
หน่วยกำรสอนท่.ี ............... แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที.่ .............
บนั ทึกหลังสอน
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ปญั หำและอปุ สรรค
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทำงแก้ไข
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกนั ตนา จติ รบรรจง)
ครูผู้สอน
ควำมคิดเหน็ ของผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี น (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง)
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกนั ตนา จติ รบรรจง)
ผ้อู านวยการโรงเรยี นวัดคลองหา้
8
๗. ภำคผนวก
ภำพของใชส้ ่วนตนและของใช้ส่วนรวม
9
ใบงำนที่ ๑
เรื่อง กำรจัดหมวดหมภู่ ำพของใช้ส่วนตนและของใชส้ ว่ นรวม
คำชี้แจง ให้นักเรียนแยกแยะและจัดหมวดหมู่ภาพของใชส้ ่วนตนและของใช้ส่วนรวม (ภายในบ้าน,ห้องเรยี น) โดยให้
นักเรียนนาภาพมาตดิ ลงในชอ่ งว่าง
ของใช้ส่วนตน ของใช้สว่ นรวม
เกณฑก์ ำรประเมิน
- นักเรยี นได้คะแนนรอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป ถอื ว่า ผ่าน (ตอบถกู ๘ ขอ้ ขึน้ ไป)
10
แบบตรวจให้คะแนนใบงำน
เร่ือง กำรแยกแยะของใช้ส่วนตนและของใชส้ ่วนรวม
รายการประเมนิ รวม สรปุ ผล
ท่ี ช่อื -สกลุ แยกแยะของใช้ แยกแยะของใช้ ๑๐ ผ่าน ไมผ่ า่ น
สว่ นตนได้ (๕) ส่วนรวมได้ (๕) คะแนน
ลงชื่อ...............................................
ผู้ตรวจ
(....................................................)
เกณฑก์ ำรประเมนิ
- นกั เรียนไดค้ ะแนนร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ถือวา่ ผ่าน (ตอบถกู ๘ ขอ้ ขึ้นไป)
11
แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน
ชอื่ -สกุล......................................................................ชน้ั ...................ภาคเรยี นท.่ี ..........ปีการศึกษา...................
คำชีแ้ จง ใหก้ าเคร่อื งหมาย ลงในชอ่ งว่างที่ตรงกับพฤติกรรมท่ีเกิดขึน้ จริง
ระดับการปฏบิ ัติ (คะแนน)
ท่ี ข้อตกลง ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏิบตั ิ
(๕ คะแนน) (๐ คะแนน)
๑ มงุ่ ม่นั ตั้งใจ ทางานจนสาเร็จเสรจ็ ทนั เวลา
๒ ทางานตามคาสั่งได้อย่างถูกต้อง
รวมคะแนน
ลงชอ่ื ..................................................ผู้ตรวจ
(....................................................)
เกณฑ์กำรประเมนิ
- ไดค้ ะแนน ๖-๑๐ คะแนน ถอื ว่า ผ่าน
- ได้คะแนน ๐-๕ คะแนน ถอื วา่ ไมผ่ ่าน
12
แบบประเมนิ กำรทำงำนกล่มุ
เรือ่ ง .................................................................................
รายการประเมิน
ที่ ชอ่ื กล่มุ ความ การแสดง ความตง้ั ใจ การรับฟัง การรว่ ม รวม
รว่ มมือ ความ (๒) ผอู้ ่นื ปรบั ปรงุ ๑๐ คะแนน
คิดเห็น (๒) ผลงาน
(๒)
(๒) (๒)
ลงช่ือ..................................................ผู้ตรวจ
(....................................................)
เกณฑ์กำรประเมิน
- นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน
13
แบบประเมนิ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ช่ือ-นามสกุลผเู้ รียน .......................................................................ชัน้ .......................................... เลขท่ี .............
ใหค้ รสู งั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดบั คะแนน
คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน
อนั พึงประสงค์ดำ้ น ๓ ๒๑๐
๑. ซอ่ื สตั ย์ สุจริต ๑. ใหข้ อ้ มลู ท่ีถกู ต้องและเป็นจริง
๒. ปฏิบตั ใิ นสงิ่ ที่ถูกต้อง
๒. อยอู่ ยำ่ งพอเพยี ง ๑. ใชท้ รัพย์สินและส่ิงของของโรงเรียนอย่างประหยดั
๒. ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและร้คู ณุ ค่า
๓. ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเกบ็ ออม
คะแนน
สรปุ ผลคะแนน
ลงชือ่ ..................................................ผู้ประเมนิ
(....................................................)
เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ ๒ คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชดั เจนและบอ่ ยครง้ั
ให้ ๑ คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติบางครั้ง ให้ ๐ คะแนน
- พฤติกรรมท่ไี ม่ปฏิบตั ิ
สรปุ เกณฑ์กำรประเมนิ
ดีมาก ได้ ๑๔ – ๑๕ คะแนน
ดี ได้ ๙ – ๑๓ คะแนน
พอใช้ ได้ ๔ – ๘ คะแนน
ปรบั ปรงุ ได้ ๐ – ๓ คะแนน
14
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้
หนว่ ยท่ี ๑ ชือ่ หน่วย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑
แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๒ เรอ่ื ง การคดิ แยกแยะ : สถานทส่ี ว่ นตน และส่วนรวม เวลำ ๒ ชัว่ โมง
(ภายในบา้ น,ภายในห้องเรียน)
๑. ผลกำรเรยี นรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๒. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้
๒.๑ นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของสถานท่ีสว่ นตน และส่วนรวมได้
๒.๒ นักเรียนสามารถจาแนกสถานทส่ี ่วนตนและสว่ นรวมได้ (ภายในบา้ น,ภายในห้องเรียน)
๒.๓ นักเรยี นปฏบิ ัตติ นได้อยา่ งถูกต้อง เหมาะสมเมอ่ื อยู่ในสถานทส่ี ว่ นตน และสว่ นรวม
๓. สำระกำรเรยี นรู้
๓.๑ ควำมรู้
- สถานทส่ี ่วนตน หมายถึง สถานทท่ี ีใ่ ชเ้ ฉพาะบคุ คล เช่น บา้ น หอ้ งนอน
- สถานที่ส่วนรวม หมายถึง สถานท่ีทใ่ี ช้ร่วมกนั เชน่ สวนสาธารณะ ศาสนสถาน เป็นตน้
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร
๑) ความสามารถในการส่ือสาร
๑.๑ การสนทนาถาม – ตอบ
๑.๒ การทาใบงาน
๒) ความสามารถในการคิด
๒.๑ การแยกแยะสถานทีส่ ่วนตนและส่วนที่ส่วนรวม
๒.๒ การสรปุ ความหมายของสถานที่ส่วนตนและสถานท่สี ่วนรวม
๓.๓ คุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์
๑) มวี นิ ยั รับผดิ ชอบ
๒) มีความซอ่ื สตั ย์
๔. กิจกรรมกำรเรียนรู้
๔.๑ ขนั้ ตอนกำรเรยี นรู้
ชว่ั โมงที่ ๑
๑) ครูตง้ั คาถามเพือ่ ทบทวนความรู้ของนักเรยี นเก่ียวกับสงิ่ ท่ีเรียนมาแล้ว ดงั นี้
๒.๑ ของใช้ส่วนตนหมายถึงอะไร เราควรใช้ของใชส้ ว่ นตนอย่างไร
๒.๒ ของใชส้ ่วนรวมหมายถึงอะไร เราควรใชข้ องใช้ส่วนรวมอยา่ งไร
๒) ครเู ปิดเพลง “เพลง ๕ ส.” ใหน้ ักเรยี นฟัง แลว้ สนทนาร่วมกันเกยี่ วกบั เน้อื หาของเพลง เชน่
๒.๑ ในบทเพลงพ่ีๆ เขาทาความสะอาดห้องอะไรกนั บา้ ง
๒.๒ ใน ๑ วนั นักเรยี นต้องอยู่ท่ีไหนบ้าง
15
๒.๓ หากเรากนิ ขา้ วท่บี ้านเราต้องไปท่หี ้องไหน
๒.๔ หากเราตอ้ งการนอนทีบ่ า้ นเราตอ้ งไปทีห่ อ้ งไหน
๒.๕ หากต้องการความรู้ อยากเจอครู เราต้องมาทีห่ ้องไหน
๓) ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มๆ ละ ๕-๖ คน จากน้ันครูอธิบายความหมายของสถานท่ีส่วนตนและสถานท่ี
ส่วนรวม พร้อมยกตัวอยา่ งชื่อสถานท่ีต่างๆ รอบตัว เช่น หอ้ งนอนท่ีบ้าน เป็นสถานท่สี ่วนตน หอ้ งเรยี น เป็นสถานที่
สว่ นรวม
๔) ครูทาบตั รภาพสถานทตี่ า่ ง ๆ ภายในบ้าน และห้องเรียน จานวน ๕ ชุด ชดุ ละ ๖ ภาพ ครใู หน้ ักเรยี นแต่
ละกลมุ่ จาแนกสถานท่ีสว่ นรวมและสถานที่ส่วนตนจากบตั รภาพ
๕) นกั เรยี นและครรู ่วมเฉลยกจิ กรรมบตั รภาพ
๖) นักเรียนและครูร่วมกนั สรปุ ความหมายของสถานทส่ี ่วนตนและสถานทสี่ ่วนรวม
ช่ัวโมงท่ี ๒
๑) นักเรยี นทาใบกจิ กรรมท่ี ๑ การแยกแยะสถานที่ส่วนตนและสถานทส่ี ่วนรวม
๒) ใหน้ ักเรยี นส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลงานการทาใบงานท่ี ๑ หนา้ ชัน้ เรียน และสนทนารว่ มกัน
๓) ครูและนักเรียนร่วมกันหาข้อตกลง ในการปฏบิ ัตติ นเม่อื อยู่ในสถานทีส่ ว่ นตนและสถานที่สว่ นรวม
๔) ครทู บทวนความหมายของสถานทีส่ ่วนตน และสถานท่ีสว่ นรวม และฝากฝังเรื่องการปฏิบตั ติ นเมื่ออยใู่ น
สถานท่สี ่วนตนและสถานทสี่ ่วนรวม
๔.๒ สอ่ื กำรเรียนรู้
๑) เพลง “๕. ส ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=Epb-๘๒_nA๔๔
๒) บตั รภาพ
๓) ใบงานที่ ๑ เรื่อง การแยกแยะสถานที่สว่ นตนและสถานท่สี ่วนรวม
๕. กำรประเมินผลกำรเรียนรู้
๕.๑ วิธกี ำรประเมนิ
๑) ตรวจผลงานการทาใบงานท่ี ๑ เรือ่ ง การแยกแยะสถานทสี่ ่วนตนและสถานท่สี ่วนรวม
๒) การสังเกตพฤติกรรมการทางาน
๓) การประเมินการทางานกล่มุ
๕.๒ เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นกำรประเมิน
๑) แบบตรวจผลงานใบงาน
๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น
๓) แบบประเมนิ การทางานกลมุ่
๕.๓ เกณฑ์กำรประเมนิ
นักเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ถือวา่ ผ่าน
16
บนั ทกึ หลงั สอน
หน่วยกำรสอนที่................ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่..............
บนั ทึกหลงั สอน
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ปญั หำและอปุ สรรค
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทำงแกไ้ ข
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกันตนา จติ รบรรจง)
ครูผสู้ อน
ควำมคิดเห็นของผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี น (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง)
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกนั ตนา จิตรบรรจง)
ผอู้ านวยการโรงเรยี นวัดคลองห้า
17
๗. ภำคผนวก
ภำพสถำนทตี่ ่ำงๆ ภำยในบำ้ น
18
ภำพสถำนทตี่ ำ่ งๆ ในโรงเรียน
19
20
เพลง “๕ ส”
แหล่งทมี่ า : https://www.youtube.com/watch?v=Epb-๘๒_nA๔๔
21
ใบงำนที่ ๑
เร่ือง กำรแยกแยะสถำนทสี่ ่วนตนและสถำนที่สว่ นรวม (ภำยในบำ้ น, ห้องเรยี น)
คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนวาดภาพให้ตรงตามหัวขอ้
สถำนที่สว่ นตน หมำยถึง สถำนท่ที ีใ่ ช้เฉพำะบคุ คล สถำนที่ส่วนรวม หมำยถงึ สถำนทีท่ ีใ่ ชร้ ่วมกนั
เช่น ห้องนำ้ ในบ้ำน หอ้ งนอน เชน่ หอ้ งเรียน โรงอำหำร
ชอ่ื สถำนท่.ี ........................ ชอื่ สถำนท.ี่ ........................
22
แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงำน
เร่อื ง กำรแยกแยะสถำนที่ส่วนตนและสถำนที่ส่วนรวม
รายการประเมนิ รวม สรปุ ผล
ที่ ช่อื -สกุล วาดภาพสถานท่ี วาดภาพสถานที่ ๑๐ ผา่ น ไมผ่ า่ น
สว่ นตนได้ (๕) สว่ นรวมได (๕) คะแนน
ลงชอ่ื ................................................ผู้ตรวจ
(..................................................)
เกณฑก์ ำรประเมิน
- นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป ถอื ว่า ผ่าน
23
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำน
ชือ่ -สกุล......................................................................ชน้ั ...................ภาคเรียนท.ี่ ..........ปกี ารศึกษา...................
คำช้แี จง ใหก้ าเครอื่ งหมาย ลงในช่องวา่ งที่ตรงกับพฤติกรรมทีเ่ กิดข้นึ จรงิ
ระดับการปฏบิ ตั ิ (คะแนน)
ท่ี ขอ้ ตกลง ปฏิบัติ ไมป่ ฏบิ ัติ
๑ มุ่งม่ัน ต้งั ใจ ทางานจนสาเร็จเสร็จทันเวลา (๕ คะแนน) (๐ คะแนน)
๒ ทางานตามคาส่งั ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
รวมคะแนน
ลงชือ่ ..................................................ผู้ตรวจ
(....................................................)
เกณฑก์ ำรประเมนิ
- ไดค้ ะแนน ๖-๑๐ คะแนน ถือวา่ ผ่าน
- ไดค้ ะแนน ๐-๕ คะแนน ถอื ว่า ไมผ่ า่ น
24
แบบประเมินกำรทำงำนกลุ่ม
เร่อื ง กำรแยกแยะสถำนท่ีส่วนตนและสถำนท่ีสว่ นรวม
รายการประเมนิ
ความ การแสดง ความต้ังใจ การรับฟงั การร่วม รวม
ท่ี ชอ่ื กล่มุ รว่ มมือ ความ (๒) ผูอ้ ื่น ปรับปรงุ ๑๐
(๒) คิดเหน็ (๒) ผลงาน คะแนน
(๒) (๒)
ลงชอ่ื ..................................................ผู้ตรวจ
(......................................................)
เกณฑ์กำรประเมนิ
- นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน
25
แบบประเมนิ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ช่อื -นามสกุลผู้เรียน .....................................................................ชั้น .......................................... เลขที่ .............
ใหค้ รสู ังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน
คณุ ลักษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน
อนั พึงประสงคด์ ้ำน ๓ ๒๑๐
๑. มวี ินยั รับผดิ ชอบ ๑. ปฏิบตั ิตนตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ในการใช้
สถานทส่ี ว่ นตนและสว่ นรวม
๒. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต ๑. ใหข้ อ้ มูลทถ่ี ูกตอ้ ง และเปน็ จรงิ
๒. ปฏิบตั ใิ นสง่ิ ที่ถูกต้อง
คะแนน
ลงชือ่ ..................................................ผปู้ ระเมนิ
(....................................................)
เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติชดั เจนและบ่อยครง้ั ให้ ๒ คะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิบางครัง้ ให้ ๑ คะแนน
- พฤติกรรมทีไ่ ม่ปฏบิ ัติ ให้ ๐ คะแนน
สรุปเกณฑก์ ำรประเมนิ
ดมี าก ได้ 8 – 9 คะแนน
ดี ได้ 6 – 7 คะแนน
พอใช้ ได้ 3 – 5 คะแนน
ปรับปรุง ได้ ๐ – 2 คะแนน
26
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้
หนว่ ยท่ี ๑ ช่ือหนว่ ย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๑
แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ี่ ๓ เรื่อง การคดิ แยกแยะ : ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม เวลำ ๒ ชัว่ โมง
(ภายในบา้ น,ภายในหอ้ งเรียน)
๑. ผลกำรเรียนรู้
๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๒. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้
๒.๑ นักเรยี นสามารถบอกความหมายของผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้
๒.๒ นักเรียนสามารจาแนกผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์สว่ นรวมได้ (ภายในบ้าน,ภายในห้องเรียน)
๓. สำระกำรเรยี นรู้
๓.๑ ควำมรู้
- ผลประโยชนส์ ่วนตน หมายถึง การคานึงถงึ ตัวเอง ความต้องการส่วนบุคคล
- ผลประโยชนส์ ่วนรวม หมายถงึ การคานึงถึงบุคคลอืน่ มากกว่าตนเอง
๓.๒ ทักษะ/กระบวนกำร
๑) ความสามารถในการสอื่ สาร
๑.๑ การสนทนาถาม – ตอบ
๑.๒ การทาใบงาน
๒) ความสามารถในการคิด
๒.๑ การคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
๓.๓ คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์
๑) มคี วามซ่อื สตั ย์
๔. กจิ กรรมกำรเรียนรู้
๔.๑ ขั้นตอนกำรเรียนรู้
ชัว่ โมงท่ี ๑
๑) ครูนาเขา้ สู่กิจกรรมโดยใช้คาถามเพอื่ ทบทวนเกย่ี วกับเรอ่ื งทเ่ี รยี นมาแลว้ ดังน้ี
๑.๑ ของใช้ส่วนตนหมายถึงอะไร ไดแ้ ก่อะไรบ้าง
๑.๒ ของใชส้ ว่ นรวมหมายถงึ อะไร ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง
๑.๓ สถานที่สว่ นตนหมายถึงอะไร ได้แก่อะไรบา้ ง
๑.๔ สถานที่สว่ นรวมหมายถงึ อะไร ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง
๒) ครูต้ังคาถามเพ่ือเขา้ สู่บทเรยี น เช่น
๒.๑ นักเรยี นเคยถูกแซงควิ เวลาไปสง่ การบา้ นไหม
๒.๒ นักเรยี นรู้สกึ อย่างไรเมือ่ ถูกแซงควิ
๒.๓ นกั เรียนคดิ ว่าเราควรแซงคิวผอู้ ื่นหรือไม่
27
๓) ครใู ห้คานยิ ามของคาวา่ ผลประโยชน์สว่ นตน และผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๔) ครใู หน้ ักเรียนทาใบงานท่ี ๑ เรอ่ื ง การแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
ช่ัวโมงที่ ๒
๑) ให้นักเรยี นออกมานาเสนอผลงานการทาใบงานหน้าชัน้ เรยี น
๒) นาผลงานการแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกบั สว่ นรวมติดบอรด์ ประชาสัมพนั ธ์ช้นั เรียนเพ่ือเผยแพร่ให้
เพือ่ นชน้ั เรียนอนื่ ๆ ได้ศึกษา
๓) ครูให้ความร้เู กี่ยวกับผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมเพ่ือเปน็ การเพ่มิ เตมิ ความรอู้ กี ครง้ั หนึ่ง
๔.๒ สื่อกำรเรยี นรู้
ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม
๕. กำรประเมนิ ผลกำรเรียนรู้
๕.๑ วิธีกำรประเมนิ
ตรวจผลงานการทาใบงาน
๕.๒ เคร่ืองมอื ท่ีใชใ้ นกำรประเมนิ
แบบตรวจให้คะแนนใบงาน
๕.๓ เกณฑก์ ำรประเมนิ
นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ถอื ว่า ผา่ น
28
บันทกึ หลังสอน
หน่วยกำรสอนท่ี................ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท.่ี .............
บันทึกหลงั สอน
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ปัญหำและอุปสรรค
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทำงแกไ้ ข
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกนั ตนา จิตรบรรจง)
ครูผู้สอน
ควำมคดิ เหน็ ของผอู้ ำนวยกำรโรงเรียน (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รับรอง)
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกันตนา จติ รบรรจง)
ผ้อู านวยการโรงเรียนวัดคลองห้า
29
๗. ภำคผนวก
ใบงำนท่ี ๑
เรอื่ ง กำรแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
คำช้ีแจง ให้นักเรียนทาเครื่องหมาย หน้าข้อการกระทาที่เป็นประโยชน์ส่วนตน และทาเคร่ืองหมาย หน้าข้อ
การกระทาทเี่ ปน็ ประโยชน์ส่วนรวม
๑. การแซงคิวเพอื่ น เพอ่ื ส่งการบา้ น
๒. วางของเกะกะโตะ๊ เพื่อน
๓. ไมแ่ บ่งของเล่นใหเ้ พื่อน
๔. ไม่ทาเวรห้อง
๕. เปิดนา้ และไฟที่บ้านท้งิ ไว้
๖. ช่วยครู และเพอื่ นนาถงั ขยะไปทง้ิ
๗. ชว่ ยครู และเพือ่ นจดั วางรองเท้า
๘. ใสเ่ สือ้ ชุดนกั เรยี น และชดุ พละตรงกบั วันทนี่ ดั หมาย
๙. ไม่แกลง้ ไมล่ อ้ เลียนเพื่อน
๑๐.จัดโต๊ะเรียนใหเ้ ปน็ ระเบียบ
เกณฑ์กำรให้คะแนน
- ข้อละ ๑ คะแนน (ตอบถกู ๘ ข้อขึ้นไป ถอื ว่า ผ่าน)
30
แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงำน
เรอื่ ง กำรแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
ท่ี ชือ่ -สกุล บอกผลประโยชน์สว่ น รวม สรุปผล
ตนและผลประโยชน์ ๑๐ ผา่ น ไมผ่ ่าน
ส่วนรวมได้ คะแนน
(๑๐ ขอ้ ๆละ ๑ คะแนน)
ลงชอ่ื ..................................................ผู้ตรวจ
(....................................................)
เกณฑ์กำรประเมิน
- นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน
31
แบบประเมนิ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ช่ือ-นามสกุลผู้เรยี น ....................................................................ชั้น .......................................... เลขที่ .............
ให้ครูสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งทต่ี รงกับระดับคะแนน
คณุ ลกั ษณะ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน
อันพึงประสงคด์ ้ำน ๓ ๒๑๐
๑. ให้ขอ้ มลู ท่ถี ูกตอ้ ง และเปน็ จรงิ
๑. ซือ่ สัตย์ สจุ รติ ๒. ปฏิบตั ิในส่งิ ท่ีถูกตอ้ ง คะแนน
สรุปผลคะแนน
ลงชื่อ..................................................ผปู้ ระเมนิ
(....................................................)
เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและสมา่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติชัดเจนและบอ่ ยครั้ง ให้ ๒ คะแนน
- พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัติบางคร้งั ให้ ๑ คะแนน
- พฤตกิ รรมทีไ่ มป่ ฏิบัติ ให้ ๐ คะแนน
สรุปเกณฑก์ ำรประเมนิ
ดีมาก ได้ 5 – 6 คะแนน
ดี ได้ 3 – 4 คะแนน
พอใช้ ได้ 1 – 2 คะแนน
ปรบั ปรุง ได้ ๐ คะแนน
32
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้
หนว่ ยที่ ๑ ชอื่ หนว่ ย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๑
แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๔ เร่อื ง ระบบคดิ ฐานสอง : ความหมายของระบบคิดฐานสองและ เวลำ ๒ ชว่ั โมง
พฤตกิ รรมแบบระบบคดิ ฐานสอง
๑. ผลกำรเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๒. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้
๒.๑นักเรียนสามารถบอกความหมายระบบคดิ ฐานสองได้
๒.๒นกั เรียนสามารถบอกพฤตกิ รรมทแี่ สดงออกแบบระบบคิดฐานสองได้
๓. สำระกำรเรยี นรู้
๓.๑ ควำมรู้
“ระบบคิดฐานสอง(Digital)” เป็นระบบคิดที่สามารถแยกเร่ืองประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
ออกจากกันได้อย่างชัดเจน ไม่นามารวมกัน สง่ิ ไหนถกู ส่งิ ไหนผิด สิง่ ไหนทาได้สง่ิ ไหนทาไมไ่ ด้ ผลประโยชน์สว่ นรวมย่อม
สาคัญกวา่ ผลประโยชน์ส่วนตน ควรยดึ ผลประโยชน์สว่ นรวมเป็นหลกั
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร
๑) ความสามารถในการส่ือสาร
๑.๑ การสนทนาถาม – ตอบ
๑.๒ การดูวีดีโอ
๒) ความสามารถในการคดิ
การบอกพฤตกิ รรมทแี่ สดงออกแบบระบบคิดฐานสอง
๓.๓ คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์
อยู่อย่างพอเพียง
๔. กจิ กรรมกำรเรียนรู้
๔.๑ ขนั้ ตอนกำรเรียนรู้
ชว่ั โมงที่ ๑
๑) ครนู าเสนอวดี โี อ เร่อื ง หยบิ มาให้นักเรียนดู และรว่ มกนั สนทนา โดยใชค้ าถาม ดังน้ี
๑.๑ จากเรอื่ งทน่ี กั เรยี นดูเกิดข้ึนทไี่ หน และมตี ัวละครใดบา้ ง
๑.๒ นกั เรียนชอบตัวละครตวั ไหน เพราะอะไร
๑.๓ นกั เรยี นอยากเป็นเหมอื นตวั ละคร ( นกั เรียนในคลปิ ) นนั้ ไหม เพราะอะไร
๒) ครูเขยี นความหมายของระบบคดิ ฐานสองบนกระดาน
๓) ครูอา่ นความหมายของระบบคิดฐานสองอยา่ งช้าๆ จากน้ันให้นกั เรยี นร่วมกนั อ่านพรอ้ มกนั
๔) นักเรียนและครูร่วมกันสนทนา พร้อมยกตัวอย่างพฤติกรรมที่แสดงออกของระบบคิดฐานสองและจด
บนั ทึกตัวอย่างพฤติกรรมท่ีนักเรียนได้แสดงความคิดเห็นบนกระดาน เช่น ปดิ น้าทุกครั้งหลังจากใช้งาน, ไม่ท้ิงขยะใน
สนาม เป็นตน้
33
๕) ใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่มๆ ละ ๔ – ๕ คน จากนั้นแจกกระดาษวาดภาพให้นกั เรยี นกลุ่มละ ๑ แผ่น พรอ้ ม
สไี ม้
๖) ให้นักเรียนร่วมกันวาดภาพพฤติกรรมท่ีแสดงออกถึงระบบการคิดฐานสอง กลุ่มละ ๑ ภาพ พร้อมท้ัง
ระบายสีใหส้ วยงาม
ช่ัวโมงที่ ๒
๑) ครูทบทวนความรู้เก่ียวกับความหมายและพฤติกรรมที่แสดงออกของระบบคิดฐานสอง ที่เรียนไปใน
ช่ัวโมงท่ีแล้ว
๒) ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน และสนทนารว่ มกนั
๓) ครูยกตัวอย่างสถานการณ์เก่ียวกับระบบการคิดฐานสอง ให้นักเรียนฟัง พร้อมใช้คาถามและสนทนา
ร่วมกนั ดังน้ี
เด็กหญิงพอเพยี งเดด็ ดอกไมใ้ นสวนหย่อมหน้าโรงเรยี นนาไปใหค้ รูประจาชน้ั ทุกวนั การ
กระทาของเด็กหญิงพอเพยี งถกู หรอื ไม่ เพราะอะไร
(ถูก เพราะดอกไมอ้ ย่ใู นโรงเรยี นใครจะเด็ดกไ็ ด้ , ไมถ่ ูก เพราะดอกไม้เปน็ ของสว่ นรวมไม่ควรเด็ด)
4) ใหน้ กั เรยี นทาใบงานที่ ๑ เรอ่ื ง หนนู ้อย...คดิ ฐานสอง
5) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ องคค์ วามรู้ในสงิ่ ทีเ่ รยี นเพื่อเพม่ิ เติมความรู้
๔.๒ ส่อื กำรเรยี นรู้
๑) วีดโี อ เรอื่ ง หยิบ
๒) กระดาษวาดภาพ
๓) สไี ม้
๔) ใบงานที่ ๑ เรอื่ ง หนูนอ้ ย...คิดฐานสอง
๕. กำรประเมินผลกำรเรยี นรู้
๕.๑ วิธีกำรประเมนิ
๑) ตรวจใบงาน
๒) แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรยี น
๕.๒ เคร่ืองมือที่ใช้ในกำรประเมนิ
๑) แบบตรวจให้คะแนนใบงาน
๒) แบบสังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น
๕.๓ เกณฑ์กำรประเมนิ
นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ถอื วา่ ผ่าน
34
บันทึกหลังสอน
หน่วยกำรสอนท่.ี ............... แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ .ี่ .............
บันทกึ หลังสอน
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ปญั หำและอปุ สรรค
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ข้อเสนอแนะ/แนวทำงแก้ไข
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกันตนา จิตรบรรจง)
ครูผสู้ อน
ควำมคดิ เหน็ ของผู้อำนวยกำรโรงเรียน (ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รับรอง)
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกนั ตนา จติ รบรรจง)
ผอู้ านวยการโรงเรียนวดั คลองห้า
35
๗. ภำคผนวก
ใบงำนท่ี ๑
เรือ่ งหนนู อ้ ย...คิดฐำนสอง
คำชแี้ จง ให้นกั เรียนบอกพฤตกิ รรมที่แสดงออกของระบบคดิ ฐาน ๒ ที่พบเหน็ ภายในหอ้ งเรียน
หนูจะ
................
36
แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงำน
เลขที่ ช่ือ – สกลุ คะแนนที่ได้ สรปุ ผล
(๑๐ คะแนน) ผำ่ น ไมผ่ ่ำน
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
สรุป
ลงชื่อ..................................................ผู้ตรวจ
(....................................................)
เกณฑก์ ำรให้คะแนน
- ได้คะแนนรวม ๘ คะแนนขึ้นไป ถือว่า ผ่าน (ข้อละ ๒ คะแนน)
37
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรยี น
ชื่อนักเรียน........................................................................... ชั้น..............ภาคเรียนที่...........ปีการศึกษา.............
คำชี้แจง การบนั ทกึ ให้กาเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกับพฤตกิ รรมท่เี กดิ ขน้ึ จริง
ระดบั การปฏบิ ตั ิ
ที่ พฤตกิ รรม เปน็ ประจา บางคร้งั นอ้ ยครัง้ ไม่ทาเลย/
ไมช่ ดั เจน
(๓) (๒) (๑)
(๐)
๑ มีความรับผดิ ชอบในหนา้ ท่กี ารงาน
๒ ตง้ั ใจและเอาใจใสต่ ่อการปฏิบัติหนา้ ท่ีท่ไี ด้รับมอบหมาย
๓ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายาม
๔ รจู้ กั แกป้ ัญหาในการทางานเมือ่ มอี ปุ สรรค
๕ อดทนเพือ่ ให้งานสาเร็จตามเป้าหมาย
๖ ปรับปรงุ และพัฒนาการทางานใหด้ ขี น้ึ ด้วยตนเอง
รวมคะแนน/ระดบั คณุ ภำพ
เกณฑ์กำรประเมนิ ลงชือ่ ..................................................ผู้ประเมิน
ระดับคุณภำพ (......................................................)
ดีเยยี่ ม
เกณฑ์กำรประเมิน
ดี ได้คะแนนรวมระหว่าง ๑๕-๑๘ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมินข้อใดขอ้ หนึง่
ต่ากว่า ๒ คะแนน
ผ่าน ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๑๑-๑๔ คะแนน และไม่มผี ลการประเมนิ ข้อใดขอ้ หนึ่ง
ต่ากวา่ ๐ คะแนน
ไม่ผา่ น ได้คะแนนรวมระหว่าง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มีผลการประเมินขอ้ ใดขอ้ หน่งึ
ตา่ กว่า ๐ คะแนน
ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๐-๕ คะแนน
38
แบบประเมนิ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ช่อื -นามสกลุ ผเู้ รยี น .......................................................................ชัน้ .......................................... เลขที่ .............
ให้ครูสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน
คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงคด์ ้ำน ๓ ๒๑๐
๑. ใช้ทรพั ยส์ ินและสง่ิ ของโรงเรียนอยา่ งประหยดั
อยอู่ ยำ่ งพอเพยี ง ๒. ใช้อุปกรณก์ ารเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คณุ คา่
๓. ใช่จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงิน
๔. ไมเ่ หน็ แก่ตวั
คะแนน
สรปุ ผลคะแนน
ลงช่ือ..................................................ผ้ปู ระเมนิ
(....................................................)
เกณฑ์กำรให้คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ิชัดเจนและบอ่ ยครั้ง ให้ ๒ คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติบางครงั้ ให้ ๑ คะแนน
- พฤตกิ รรมทไี่ มป่ ฏิบัติ ให้ ๐ คะแนน
สรุปเกณฑ์กำรประเมนิ
ดีมาก ได้ ๑๐ – ๑๒ คะแนน
ดี ได้ ๗ – ๙ คะแนน
พอใช้ ได้ ๔ – ๖ คะแนน
ปรับปรงุ ได้ ๐ – ๓ คะแนน
39
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้
หนว่ ยที่ ๑ ชอื่ หนว่ ย การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑
แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ ๕ เรื่อง ระบบคดิ ฐานสอง : สถานการณ์ใกล้ตวั (ภายในบา้ น,ห้องเรียน) เวลำ ๒ ชัว่ โมง
ท่สี ่อื ถงึ ระบบคดิ ฐานสอง
๑. ผลกำรเรยี นรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวมได้
๒. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้
๒.๑ นักเรียนสามารถยกตัวอย่างพฤติกรรมแบบระบบคิดฐานสอง จากสถานการณ์ใกล้ตวั (ภายในบ้าน,หอ้ งเรียน) ได้
๒.๒ นกั เรยี นแยกแยะพฤติกรรมทแี่ สดงออกถงึ ระบบคิดฐานสอง จากสถานการณ์ใกล้ตวั (ภายในบ้าน,หอ้ งเรียน) ได้
๓. สำระกำรเรยี นรู้
๓.๑ ควำมรู้
“ระบบคิดฐานสอง (Digital)” เป็นระบบคิดที่สามารถแยกเร่อื งประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
ออกจากกันได้อย่างชัดเจน สามารถแยกแยะพฤติกรรมท่ีแสดงออกของระบบคิดฐาน ๒ เช่น ไม่นาไม้กวาดของ
โรงเรียนไปใช้ทบี่ ้าน, ทิง้ ขยะลงในถังขยะ , ปดิ น้าทุกครั้งหลงั จากเลิกใช้ เป็นตน้
๓.๒ ทักษะ/กระบวนกำร
๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร
๑.๑ การสนทนาถาม – ตอบ
๑.๒ การทาใบงาน
๒) ความสามารถในการคดิ
การแยกแยะพฤตกิ รรมทแ่ี สดงออกของระบบคดิ ฐาน ๒
๓.๓ คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์
อยู่อย่างพอเพียง
๔. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้
๔.๑ ข้นั ตอนกำรเรียนรู้
ชว่ั โมงท่ี ๑
๑) ครูนาเข้ากจิ กรรมด้วยการบรหิ ารสมองโดยใชก้ ิจกรรม Brain Gyms เพลง มอื ตกั ตัก มอื
๒) ครูทบทวนเกี่ยวกับความหมายและพฤตกิ รรมที่แสดงออกของระบบคิดฐานสอง ท่ีได้เรียนไปเมื่อช่ัวโมง
ที่แลว้
๓) ครนู าภาพ ๒ ภาพ (ภาพที่ ๑ การยืนเข้าแถวของอย่างเป็นระเบียบ , ภาพท่ี ๒ การแซงคิว) มาให้
นกั เรียนดูแลว้ สนทนาร่วมกนั โดยใช้คาถาม ดงั นี้
๓.๑ ว่าภาพทน่ี ักเรยี นเหน็ นเี้ ปน็ ภาพอะไร
๓.๒ พฤตกิ รรมท่ีแสดงออกเป็นอย่างไร
๓.๓ นักเรียนคดิ วา่ ภาพใดควรปฏิบตั ิ และภาพใดไมค่ วรปฏบิ ัติ
๓.๔ ภาพใดสอ่ื ถึงระบบการคดิ ฐานสอง
40
๔) ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างพฤติกรรมที่แสดงของระบบคิดฐานสอง ภายในห้องเรียน แล้วเขียนลงบน
กระดาน เชน่
๔.๑ ไม่นาไมก้ วาดของห้องเรียนไปใช้ท่ีบา้ น
๔.๒ ไม่หยบิ ของเล่นในหอ้ งเรยี นกลบั ไปเล่นท่ีบา้ น โดยไมไ่ ด้รบั อนญุ าตจากครู
๔.๓ เข้าแถวสง่ งานครูอย่างเป็นระเบียบ
๔.๔ ไมท่ ิง้ ขยะไว้ใตโ้ ต๊ะเรยี น
๕) ครูให้นกั เรียนทาใบงานที่ ๑ เร่อื ง คดิ ...คิด...คดิ โดยใหบ้ อกพฤตกิ รรมใดเปน็ ระบบคดิ ฐานสอง
ชั่วโมงที่ ๒
๑) ครูสุ่มนักเรยี นเพือ่ ออกมานาเสนอหน้าช้นั เรยี น และรว่ มกันสนทนาเก่ยี วกบั การนาเสนอ
๒) ครูแจกรูปสต๊ิกเกอร์ดาวสีแดง และดาวสีเขยี ว ใหก้ บั นกั เรยี นคนอยา่ งละ ๑ อัน
๓) ครจู ัดทาภาพท่แี สดงพฤตกิ รรมระบบคิดฐานสอง จานวน ๑ ภาพ มาติดบนกระดาน
๔) ให้นักเรยี นนารูปสต๊กิ เกอรด์ าวทีไ่ ดร้ บั ไปมาติดบนกระดาน โดยถ้าคิดว่าเปน็ ตรงพฤติกรรมระบบคิดฐาน
๒ ใหต้ ิดดาวสีเขียว และถ้าคิดว่าไมใ่ ชร่ ะบบคิดฐานสอง ให้ติดดาวสีแดง (ให้นกั เรยี นตดิ ดาวไดเ้ พยี งดวง
เดยี วเทา่ นน้ั )
๕) จากนัน้ ครนู ับจานวนดาวแต่ละสีว่ามีจานวนเท่าใด พร้อมท้งั อธบิ ายถงึ การติดดาวแต่ละดวง ว่าดาวสี
แดงคอื ไม่ใช่พฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสอง สว่ นดาวสีเขียวคอื พฤติกรรมทีแ่ สดงออกของระบบการคดิ ฐานสอง
๖) ครสู งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนวา่ สามารถแยกแยะภาพได้หรอื ไม่ วา่ ภาพที่เห็นเปน็ ระบบการคดิ ฐาน
สอง หรือไม่ใช่ระบบการคิดฐานสอง
๗) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปองคค์ วามรู้เรือ่ งพฤติกรรมตัวอยา่ งระบบการคิดฐานสอง
๔.๒ สอื่ กำรเรียนรู้
๑) เพลงมือ ตกั ตกั มอื จาก https://www.youtube.com/watch?v=YCmjhLOXtzA
๒) ภาพการยืนเข้าแถวซือ้ ของอย่างเป็นระเบียบ และการแซงควิ ซือ้ ของ
๓) ใบงานที่ ๑ เรื่อง คิด...คดิ ...คิด
๔) สต๊ิกเกอรด์ าวสีแดง, สเี ขียว
๕) แผ่นภาพท่แี สดงพฤติกรรมระบบคิดฐานสอง
๕. กำรประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้
๕.๑ วิธกี ำรประเมนิ
๑) ตรวจใบงาน
๒) สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียน
๕.๒ เครอื่ งมอื ที่ใช้ในกำรประเมิน
๑) แบบตรวจให้คะแนนใบงาน
๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี น
๕.๓ เกณฑก์ ำรประเมิน
นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป ถอื วา่ ผ่าน
41
บันทึกหลงั สอน
หน่วยกำรสอนท.่ี ............... แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี..............
บนั ทกึ หลงั สอน
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ปัญหำและอปุ สรรค
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทำงแก้ไข
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกันตนา จิตรบรรจง)
ครูผ้สู อน
ควำมคิดเห็นของผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี น (ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รับรอง)
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกันตนา จิตรบรรจง)
ผู้อานวยการโรงเรียนวดั คลองหา้
๗. ภำคผนวก 42
มือ ตกั ตัก มอื เพลงมือ ตัก ตกั มอื
ตกั ตัก มอื ขวา ซา้ ย ขวา ซา้ ยมือ
ตัก ตัก มือ มือ หมนุ หมนุ มอื Brain Gym for kid Brain Based Learning
ตัก ตกั มือ มอื ศอก ศอก มือ ตัก ตกั มอื ขวา ซ้าย ขวา ซ้ายมอื
ตัก ตกั มือ มอื ไหล่ ไหล่ มอื ตกั ตัก มอื มอื หมนุ หมุน มือ
ตัก ตัก มือ มอื เพื่อน เพอ่ื น มือ ตัก ตกั มอื มือ ศอก ศอก มือ
ตัก ตัก มือ มอื ไหล่ ไหล่ มอื
ตัก ตกั มอื มอื เพอื่ น เพอื่ น มือ
แหลง่ ข้อมูล : https://www.youtube.com/watch?v=YCmjhLOXtzA
43
ภำพกำรยืนเขำ้ แถวอยำ่ งเปน็ ระเบียบ
ภำพกำรแซงคิว
ตัวอยำ่ งสตกิ๊ เกอรด์ ำว
44
ดำวสีแดง
ดำวสีเขยี ว
45
ใบงำนท่ี ๑
เรอ่ื งคดิ ...คิด...คดิ
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นระบายสีเขยี วลงใน ให้ตรงกบั ข้อความพฤติกรรมการแสดงออกของระบบคดิ ฐานสอง และ
ระบายสแี ดงใน ตรงกับข้อความพฤตกิ รรมทไ่ี ม่ใช่ระบบคดิ ฐานสอง
ปดิ ก๊อกนา้ ทกุ ครัง้ หลังใช้งาน ไมห่ ยิบของเลน่ ในหอ้ งไปเล่นที่บ้าน
เขา้ แถวรอสง่ การบ้าน ทง้ิ ขยะลงในถังขยะ
ไม่เก็บทนี่ อน ปิดพดั ลมทุกครงั้ หลงั ออกจากห้องเรยี น
ไมเ่ อาไมก้ วาดของหอ้ งเรยี นไปใชท้ ่บี ้าน เอาแท็บเล็ตของตนเองมาชาร์ทที่โรงเรียน
ไม่นากบเหลาดนิ สอของหอ้ งเรียนไปใช้ท่ี ไมน่ ากระดาษของหอ้ งเรียนไปใช้งานส่วนตวั
โต๊ะตนเอง
ช่ือ.....………………………………….……………………..……………..……ช้นั …………....เลขท่ี…………..
46
แบบกำรให้คะแนนกำรตรวจผลงำน
เลขท่ี ชื่อ – สกุล คะแนนท่ีได้ สรุปผล
(๑๐ คะแนน) ผ่ำน ไมผ่ ำ่ น
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
สรุป
เกณฑก์ ำรประเมนิ
- นักเรยี นผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไปถือวา่ ผา่ น (ตอบถูก ๘ ข้อ)
47
แบบสังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี น
ชือ่ นกั เรียน................................................................................ ชนั้ ..............ภาคเรียนที่...........ปีการศกึ ษา.............
คำชี้แจง การบันทึกใหก้ าเครื่องหมาย ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั พฤตกิ รรมทีเ่ กิดขึ้นจริง
ระดับการปฏิบัติ
ที่ พฤตกิ รรม เป็นประจา บางครงั้ นอ้ ยครง้ั ไมท่ าเลย/
(๓) (๒) (๑) ไม่ชดั เจน
(๐)
๑ มีความรบั ผิดชอบในหนา้ ทีก่ ารงาน
๒ ตงั้ ใจและเอาใจใสต่ อ่ การปฏบิ ัติหนา้ ที่ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
๓ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายาม
๔ ร้จู กั แก้ปัญหาในการทางานเม่ือมีอุปสรรค
๕ อดทนเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย
๖ ปรบั ปรงุ และพฒั นาการทางานใหด้ ีขนึ้ ด้วยตนเอง
รวมคะแนน/ระดบั คุณภำพ
เกณฑ์กำรประเมิน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน
ระดับคณุ ภำพ (.................................................)
ดีเยย่ี ม
เกณฑก์ ำรประเมนิ
ดี ได้คะแนนรวมระหว่าง ๑๕-๑๘ คะแนน และไมม่ ีผลการประเมนิ ขอ้
ใดขอ้ หนึ่งตา่ กวา่ ๒ คะแนน
ผา่ น ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๑๑-๑๔ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมนิ ขอ้
ใดข้อหน่งึ ตา่ กว่า ๐ คะแนน
ไม่ผ่าน ได้คะแนนรวมระหว่าง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มีผลการประเมินขอ้
ใดข้อหน่ึงตา่ กวา่ ๐ คะแนน
ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๕ คะแนน