48
แบบประเมนิ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ช่อื -นามสกลุ ผู้เรยี น .......................................................................ชัน้ .......................................... เลขที่ .............
ใหค้ รสู ังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องทตี่ รงกับระดบั คะแนน
คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน
อันพึงประสงคด์ ำ้ น ๓ ๒๑๐
๑. ใช้ทรัพย์สินและสิ่งของโรงเรยี นอย่างประหยดั
อยูอ่ ย่ำงพอเพยี ง ๒. ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอย่างประหยดั และรู้คณุ ค่า
๓. ใชจ่ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออมเงิน
๔. ไม่เหน็ แกต่ ัว
คะแนน
สรุปผลคะแนน
ลงช่อื ..................................................ผ้ปู ระเมนิ
(....................................................)
เกณฑก์ ำรให้คะแนน
- พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิชดั เจนและสมา่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติชดั เจนและบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติบางครง้ั ให้ ๑ คะแนน
- พฤตกิ รรมทไ่ี ม่ปฏิบัติ ให้ ๐ คะแนน
สรปุ เกณฑ์กำรประเมนิ
ดีมาก ได้ ๑๐ – ๑๒ คะแนน
ดี ได้ ๗ – ๙ คะแนน
พอใช้ ได้ ๔ – ๖ คะแนน
ปรับปรุง ได้ ๐ – ๓ คะแนน
49
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้
หน่วยที่ ๑ ชื่อหน่วย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๑
แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๖ เร่อื ง ระบบคดิ ฐานสอง : การประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวนั เวลำ ๒ ชัว่ โมง
(ภายในบ้าน,ห้องเรียน)
๑. ผลกำรเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๒. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้
นักเรียนสามารถนาระบบคดิ ฐานสอง ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวัน (ภายในบ้าน,หอ้ งเรียน) ได้
๓. สำระกำรเรียนรู้
๓.๑ ควำมรู้
ระบบการคิดฐานสอง เป็นวิธีคิดท่สี ่งผลถงึ พฤติกรรม มุมมอง และทัศนคติของมนุษย์ ซ่ึงวิธีการนามาปรับ
ใช้ในชวี ิตประจาวันของระบบคิดฐานสอง เช่น ไม่แทรกแถวเพ่ือรบั อาหารหรือนม ไม่ขีดเขียนตามฝาผนังในห้องเรียน
ไมเ่ ลน่ ของเลน่ แลว้ ไมต่ อ้ งเก็บเข้าที่ เปน็ ต้น
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร
๑) ความสามารถในการสอื่ สาร
๑.๑ การสนทนาถาม – ตอบ
๑.๒ การทาใบงาน
๒) ความสามารถในการคดิ
การบอกวิธกี ารนาระบบคดิ ฐาน ๒ ไปใช้ในชวี ิตประจาวัน
๓.๓ คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์
อยู่อย่างพอเพียง
๔. กิจกรรมกำรเรียนรู้
๔.๑ ขั้นตอนกำรเรยี นรู้
ชว่ั โมงท่ี ๑
๑) ครเู ปิดคลปิ วดี ีโอ เร่อื ง ไมแ่ ซงคิวก็เร็วได้ ของสานกั งานผู้ตรวจการแผ่นดนิ ให้นกั เรยี นดูแลว้ สนทนา
ร่วมกันโดยใชค้ าถาม ดังต่อไปน้ี
๑.๑ เร่ืองทน่ี กั เรยี นดเู กิดข้นึ ทีไ่ หน
๑.๒ เกดิ เหตุการณอ์ ะไรขึ้นบา้ ง
๑.๓ นักเรยี นอยากเป็นเหมือนตัวละครน้ันไหม เพราะอะไร
๑.๔ ถา้ นักเรยี นโดนกระทาเหมอื นในคลิปวีดโี อดงั กล่าวจะรู้สึกอยา่ งไร
๒) ครูให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ ๓-๔ คน พร้อมแจกใบความรู้ เรื่องตัวอย่างระบบคิดฐานสอง
ให้ร่วมกันคิด ตัวอย่างพฤติกรรมที่บ่งชี้ของระบบคิดฐาน ๒ จากเร่ืองของตัวเองหรือคนใกล้ตัว ตามความเข้าใจของ
นกั เรียน ๓ เหตกุ ารณ์ และครเู ขยี นตัวอยา่ งดงั กลา่ วบนกระดาน
50
๓) ครูแจกใบงานที่ ๑ เร่ือง สารวจระบบคิดฐานสอง ให้นกั เรียนทา และร่วมกนั สรปุ สิ่งท่เี รยี นไปในวันน้ี
ช่ัวโมงท่ี ๒
๑) ครูยกตัวอย่างสถานการณ์เร่ืองการเรยี นตอนลูกสอบไม่ติดทาอย่างไรดี ให้นกั เรียนฟัง แล้วสนทนา
รว่ มกัน ดงั น้ี
ในวนั น้ีเปน็ การเลือกต้งั หัวหน้าชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ มีผ้ลู งสมัคร ๒ คน คอื เดก็ หญงิ พอเพียง
เกง่ การคดิ และเด็กชายเพ่มิ พนู ทวีสุข สองคนนีม้ ลี กั ษณะนสิ ยั ท่แี ตกตา่ งกัน เดก็ หญงิ พอเพียง เกง่ การคดิ
เปน็ เดก็ ดี ตงั้ ใจเรียน เชอ่ื ฟังคณุ ครู สว่ นเด็กชายเพิม่ พนู ทวสี ุข ไม่ตงั้ ใจเรยี น ชอบแกล้งเพ่ือน ก่อนการ
เลอื กต้ังหน่ึงวนั เดก็ ชายเพิ่มพนู นาของขวญั มาจากเพ่อื นๆ ในหอ้ งคนละ ๑ ชน้ิ แต่เพื่อนๆ ทุกคนไม่ยอมรบั
ของขวญั นน้ั เพราะคิดวา่ เดก็ ชายเพ่ิมพนู นามาแจกเพราะอยากให้เลอื กตนเป็นหวั หน้าจึงปฏิเสธไป เด็กชาย
เพิ่มพูนรู้สกึ ผดิ หวงั กับส่งิ ที่ตนเองทามาก เพราะทาใหไ้ มม่ ีเพ่ือนคนไหนเลอื กตนเองเป็นหวั หนา้ เลย สรปุ ผล
การเลือกตั้งออกมาเดก็ หญิงพอเพยี ง เกง่ การคดิ เป็นผชู้ นะการคัดเลอื กเป็นหัวหน้าชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑
๑.๑ ถา้ นกั เรยี นเปน็ เด็กชายเพ่มิ พนู ทวสี ุข นักเรียนจะทาเช่นนหี้ รือไม่ เพราะอะไร
๑.๒ เพราะอะไรเพื่อนๆ ถึงไมร่ ับของขวญั จากเดก็ ชายเพมิ่ พนู ทวีสุข
๑.๓ นักเรยี นมีวิธีการแกไ้ ขพฤตกิ รรมของเด็กชายเพมิ่ พนู ทวสี ุข อย่างไร
๒) นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภิปราย และสรุปเก่ียวกับสถานการณ์ตัวอยา่ ง
๓) นักเรยี นและครูรว่ มกันสนทนาและหาสถานการณ์ ตัวอยา่ งใกลต้ วั ของอ่ืน ๆ ของระบบคิดฐานสอง
วา่ การกระทาใดทีเ่ ราควรปฏบิ ัติ และการกระทาใดท่ีไม่ควรปฏิบัติ
๔) ใหน้ กั เรยี นเขยี นส่งิ ที่ควรปฏบิ ตั ลิ งในใบงานที่ ๒ เรอ่ื งประยกุ ตใ์ ช้ระบบคดิ ฐานสอง คนละ ๑ ขอ้ แล้ว
ตดิ ท่ปี ้ายนิเทศหนา้ หอ้ งเรยี น
๕) นกั เรียนและครูรว่ มกันสรุปตวั อย่างของระบบคิดฐานสอง จากการนาเสนอ ว่าสิง่ ใดควรหรือไม่ควร
ปฏิบัติ และมีผลกระทบกับคนรอบข้างอย่างไรบา้ ง
๔.๒ ส่ือกำรเรยี นรู้
๑) คลปิ วดี โี อ เร่อื ง ไม่แซงคิวกเ็ ร็วได้ จาก https://www.youtube.com/watch?v=AYbjiII๐๒JE
๒) ใบความรู้ เรอ่ื ง ตัวอย่างระบบคิดฐานสอง
๓) ตวั อย่างสถานการณ์
๔) ป้ายนเิ ทศ
๕) ใบงานท่ี ๑ เรือ่ ง สารวจระบบคดิ ฐานสอง
๖) ใบงานที่ ๒ เร่อื ง ประยุกต์ใช้ระบบคิดฐานสอง
๕. กำรประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้
๕.๑ วิธกี ำรประเมิน
๑) ตรวจใบงาน
๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมนักเรียน
๕.๒ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นกำรประเมิน
๑) แบบตรวจให้คะแนนใบงาน
๒) แบบสังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียน
51
๕.๓ เกณฑก์ ำรประเมิน
นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ถือว่า ผา่ น
52
บันทึกหลงั สอน
หน่วยกำรสอนท่.ี ............... แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่.ี .............
บันทึกหลงั สอน
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ปัญหำและอปุ สรรค
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ข้อเสนอแนะ/แนวทำงแกไ้ ข
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกนั ตนา จติ รบรรจง)
ครูผูส้ อน
ควำมคิดเหน็ ของผู้อำนวยกำรโรงเรียน (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง)
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกนั ตนา จิตรบรรจง)
ผูอ้ านวยการโรงเรยี นวัดคลองห้า
53
๗. ภำคผนวก ใบควำมรู้
เรื่อง ตัวอยำ่ งระบบคิดฐำนสอง
สง่ิ ทเ่ี รำ
พึงปฏิบัตคิ รับ
54
ใบงำนท่ี ๑
เร่อื ง สำรวจพฤติกรรมระบบคิดฐำนสอง
คำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นขีด แบบสารวจดังต่อไปนี้ ในขอ้ ท่ีนกั เรียนเคยปฏิบัติมาแลว้
ข้อท่ี รำยกำรพฤติกรรม กำรปฏิบัติ
เคย ไม่เคย
๑ นาไม้กวาดของโรงเรยี นไปใช้ท่บี ้าน
๒ หยิบของเลน่ ในหอ้ งเรยี นกลับไปเลน่ ที่บา้ นโดยไม่ได้รับอนญุ าตจากครู
๓ นาสง่ิ ของเพ่อื นมาเปน็ ของตนเอง
๔ ชอบทาของใชส้ ่วนรวมพงั เสยี หาย
๕ ชอบขดี เขียนตามฝาผนังในห้องเรยี น
รวมคะแนน
สรุป
(ข้อละ ๒ คะแนน)
ชื่อ.....………………………………….…………………กลุม่ ท่ี………..……ชน้ั …………....เลขท่ี…………..
55
ใบงำนท่ี ๒
เรื่อง ประยุกตใ์ ช้ระบบคิดฐำน ๒
คำช้แี จง ให้นักเรยี นเขยี นพฤตกิ รรมทพี่ ึงปฏิบตั ิในการนาระบบคิดฐานสอง ไปใช้ในชีวิตประจาวนั (๑๐ คะแนน)
ต่อไปน้ี หนจู ะ ต่อไปนี้ หนูจะ
................................................................
................................................................ ................................................................
................................................................ ................................................................
................................................................ ................................................................
......................................................
................................................................
......................................................
ชือ่ .....………………………………….……………………..……………..……ชน้ั …………....เลขท่ี…………..
56
แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงำน
เลขที่ ชอ่ื – สกุล คะแนนทไ่ี ด้ สรุปผล
(๑๐ คะแนน) ผำ่ น ไมผ่ ำ่ น
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
สรุป
ลงชื่อ...................................................ผู้ตรวจ
(.................................................)
เกณฑก์ ำรประเมิน
- นกั เรยี นได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ถอื วา่ ผา่ น (ได้คะแนน ๘ คะแนนขึ้นไป)
57
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียน
ชื่อนกั เรียน................................................................................ ช้นั ..............ภาคเรียนที่...........ปีการศึกษา.............
คำช้แี จง การบันทกึ ให้กาเครื่องหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั พฤตกิ รรมทเ่ี กดิ ขนึ้ จริง
ท่ี พฤตกิ รรม เป็นประจา ระดับการปฏบิ ัติ ไมท่ าเลย/
บางคร้ัง นอ้ ยครง้ั ไม่ชดั เจน
(๓)
(๒) (๑) (๐)
๑ มคี วามรับผิดชอบในหนา้ ที่การงาน
๒ ตง้ั ใจและเอาใจใส่ตอ่ การปฏิบัติหน้าที่ทีไ่ ด้รับมอบหมาย
๓ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายาม
๔ รจู้ กั แกป้ ัญหาในการทางานเม่ือมีอุปสรรค
๕ อดทนเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย
๖ ปรบั ปรุงและพฒั นาการทางานใหด้ ีข้ึนดว้ ยตนเอง
รวมคะแนน/ระดับคณุ ภำพ
เกณฑก์ ำรประเมิน ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
ระดบั คุณภำพ (.................................................)
ดเี ย่ยี ม
เกณฑ์กำรประเมนิ
ดี ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๑๕-๑๘ คะแนน และไม่มีผลการประเมินข้อ
ใดขอ้ หนงึ่ ตา่ กวา่ ๒ คะแนน
ผา่ น ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๑๑-๑๔ คะแนน และไม่มีผลการประเมนิ ขอ้
ใดข้อหน่งึ ตา่ กว่า ๐ คะแนน
ไมผ่ า่ น ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๖-๑๐ คะแนน และไมม่ ีผลการประเมินขอ้
ใดข้อหน่ึงต่ากวา่ ๐ คะแนน
ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๕ คะแนน
58
แบบประเมนิ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ชื่อ-นามสกุลผูเ้ รียน .......................................................................ชัน้ ........................................ เลขที่ .............
ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน
คณุ ลกั ษณะ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงค์ด้ำน ๓ ๒๑๐
อยูอ่ ยำ่ งพอเพียง ๑. ใชท้ รัพย์สินและสง่ิ ของโรงเรยี นอย่างประหยัด
๒. ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คณุ ค่า
๓. ใช่จ่ายอยา่ งประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน
๔. ไม่เหน็ แกต่ ัว
คะแนน
สรปุ ผลคะแนน
ลงช่ือ..................................................ผปู้ ระเมนิ
(....................................................)
เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน
- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัติชัดเจนและสมา่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติชดั เจนและบอ่ ยครง้ั ให้ ๒ คะแนน
- พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติบางคร้งั ให้ ๑ คะแนน
- พฤติกรรมท่ีไม่ปฏบิ ตั ิ ให้ ๐ คะแนน
สรุปเกณฑ์กำรประเมิน
ดมี าก ได้ ๑๐ – ๑๒ คะแนน
ดี ได้ ๗ – ๙ คะแนน
พอใช้ ได้ ๔ – ๖ คะแนน
ปรบั ปรุง ได้ ๐ – ๓ คะแนน
59
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้
หน่วยท่ี ๑ ชือ่ หน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๗ เร่ือง ระบบคดิ ฐานสบิ : ความหมายและพฤตกิ รรมแบบระบบคิดฐานสิบ เวลำ ๒ ช่วั โมง
(ภายในบา้ น,ห้องเรียน)
๑. ผลกำรเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวมได้
๒. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้
๒.๑ นักเรยี นสามารถบอกความหมายระบบคิดฐานสิบ (ภายในบา้ น,ห้องเรียน) ได้
๒.๒ นกั เรยี นสามารถบอกพฤติกรรมแบบระบบคิดฐานสบิ (ภายในบ้าน,หอ้ งเรยี น) ได้
๓. สำระกำรเรียนรู้
๓.๑ ควำมรู้
“ระบบคิดฐานสิบ (Analog)” คือ โอกาสท่ีมีทางเลือกหลายทาง มักเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่า
ประโยชน์สว่ นรวม แยกแยะไม่ออกว่าสิง่ ใดควรปฏิบัติส่ิงใดไม่ควรปฏบิ ัติ พฤติกรรมที่แสดงออกของระบบคิดฐาน ๑๐
เช่น เปดิ พัดลมแลว้ ล็อกไว้คนเดียวไม่ให้ผอู้ ื่น เอาผลงานของเพื่อนมาเปน็ ของตนเอง รับสิง่ ของเพ่ือแลกกับคะแนนเสียง
เลอื กตัง้ ต่างๆ เป็นตน้
๓.๒ ทักษะ/กระบวนกำร
๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร
๑.๑ การสนทนาถาม – ตอบ
๑.๒ การทาใบงาน
๒) ความสามารถในการคดิ
การบอกพฤติกรรมทแ่ี สดงออกของระบบคดิ ฐาน ๑๐
๓.๓ คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์
อยู่อย่างพอเพียง
๔. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้
๔.๑ ขัน้ ตอนกำรเรียนรู้
ชัว่ โมงท่ี ๑
๑) ครูใหน้ กั เรียนดูวดี ีโอเรื่อง “เดก็ ดี Vs เด็กไมด่ ”ี จากน้นั สนทนารว่ มกนั โดยใชค้ าถาม ดังต่อไปน้ี
๑.๑ จากเร่ือง นักเรียนอยากเปน็ เด็กคนไหน เพราะเหตุใด
๑.๒ ทาไมนกั เรยี นจงึ ไมอ่ ยากเป็นเด็กไม่ดี
๑.๓ เดก็ ไม่ดีในเร่ืองทาพฤตกิ รรมอะไรบ้าง
๒) ครูเขียนความหมายของคาว่า ระบบคดิ ฐานสิบ บนกระดาน จากนั้นให้นักเรียนชว่ ยกนั อ่านความหมาย
ของคาวา่ ระบบคิดฐาน ๑๐ พรอ้ มอธิบายความหมายของคาเพิ่มเติม
๓) ครูใหน้ ักเรยี นยกตวั อยา่ งพฤตกิ รรมท่ีแสดงออกของระบบคิดฐานสิบ และเขียนบนกระดาน
60
๔) ครใู ห้นักเรียนแบง่ กลุม่ ๆ ละ ๕ – ๖ คน จากนน้ั ครแู จกใบงานที่ ๑ เร่อื ง ระบบคิดฐานสิบ โดยให้
นกั เรยี นบอกพฤตกิ รรมใกลต้ วั ท่แี สดงออกของระบบคิดฐานสบิ
ช่วั โมงท่ี ๒
๑) ครูและนักเรยี นรว่ มกันทบทวนความรทู้ ี่ได้เรยี นไปในชว่ั โมงทีแ่ ล้วเก่ยี วกับความหมายและพฤตกิ รรม
ระบบคดิ ฐานสิบ
๒) ใหแ้ ต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนนาเสนอผลงานเกี่ยวกบั พฤติกรรมท่แี สดงออกถงึ ระบบคิดฐานสบิ
๓) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความหมายจากการนาเสนอ เร่ืองความหมายของระบบคิดฐานสบิ
๔) ครูยกตัวอย่างสถานการณ์ใกล้ตัวของระบบคิดฐานสิบ แล้วสนทนารว่ มกนั โดยใช้คาถาม ดงั นี้
เด็กชายนาโชค พาสุข เป็นนกั กีฬาของโรงเรียน ทกุ เยน็ เดก็ ชายนาโชคจะนาฟตุ บอลของโรงเรยี น
ไปเลน่ ที่บา้ นเปน็ ประจาทกุ วนั บางวันก็ลืมเอามาสง่ คืน
๔.๑ นกั เรียนคิดวา่ เดก็ ชายนาโชคทาถกู ตอ้ งหรอื ไม่ เพราะอะไร
๔.๒ นกั เรียนจะทาแบบเดก็ ชายนาโชคหรือไม่ เพราะอะไร
๔.๓ พฤตกิ รรมที่เดก็ ชายนาโชคแสดงออกมาน้ันเปน็ ระบบการคดิ แบบใด
๕) ใหน้ กั เรียนแจกกระดาษให้นกั เรียนคนละ ๑ แผ่น เพ่ือให้นกั เรียนรว่ มกันเขียนขอ้ ความพฤตกิ รรมท่ี
แสดงออกของระบบการคดิ ฐานสบิ ท่ีไม่ควรปฏบิ ตั ิ พรอ้ มกับตกแต่งให้สวยงาม
๖) ครูนาปา้ ยรณรงคท์ คี่ รูเตรยี มไว้ ในหวั ข้อ “ระบบคิดฐานสิบ เปน็ อย่างไรใครรบู้ ้าง” จากน้ันใหน้ ักเรียน
ทาป้ายของตนเองมาตดิ ตามที่ป้ายหน้าหอ้ งเรยี น เช่น นาไมก้ วาดของโรงเรียนไปใชท้ ่บี า้ น ชอบลอกการบา้ น นา
ผลงานของเพ่อื นมาเป็นของตนเอง แซงควิ ในการรับอาหาร เป็นต้น
๗) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับความหมายและพฤตกิ รรมท่แี สดงออกของระบบคิดฐาน ๑๐
๔.๒ ส่อื กำรเรยี นรู้
๑) วดี ีโอเรอ่ื ง “เด็กดี Vs เดก็ ไม่ด”ี
๒) ใบงานท่ี ๑ เร่ือง ระบบคิดฐานสบิ
๓) สถานการณ์ใกลต้ ัว
๔) กระดาษ
๕) ป้ายรณรงค์
๕. กำรประเมนิ ผลกำรเรียนรู้
๕.๑ วิธีกำรประเมนิ
๑) ตรวจใบงาน
๒) สังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น
๕.๒ เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในกำรประเมิน
๑) แบบตรวจให้คะแนนใบงาน
๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียน
๕.๓ เกณฑก์ ำรประเมิน
นกั เรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ถอื วา่ ผ่าน
61
บนั ทกึ หลงั สอน
หน่วยกำรสอนท่.ี ............... แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี..............
บันทึกหลงั สอน
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ปญั หำและอุปสรรค
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ข้อเสนอแนะ/แนวทำงแกไ้ ข
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกันตนา จติ รบรรจง)
ครูผสู้ อน
ควำมคิดเหน็ ของผู้อำนวยกำรโรงเรยี น (ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รบั รอง)
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกนั ตนา จติ รบรรจง)
ผู้อานวยการโรงเรียนวัดคลองห้า
62
๗. ภำคผนวก
เพลง เด็กดี Vs เด็กไม่ดี
ทมี่ า : https://www.youtube.com/watch?v=-PJ๘ypPRmbE
63
ใบงำนท่ี ๑
เรือ่ งระบบคิดฐำนสบิ
คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นบอกพฤตกิ รรมใกล้ตัวท่ีแสดงออกของระบบคิดฐานสิบ
พฤตกิ รรมทแี่ สดงออก
ของ
ระบบกำรคดิ ฐำน ๑๐
ชือ่ .....………………………………….…แ…บ…บ…ตร…ว…จ…ให…ค้ ..ะ…แ…น…น…ใบ…ง.ำ.…น…ชั้น…………....เลขท่ี…………..
64
แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงำน
เลขที่ ช่ือ – สกุล คะแนนท่ีได้ สรุปผล
(๑๐ คะแนน) ผ่ำน ไม่ผ่ำน
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
สรุป
เกณฑ์กำรประเมิน
- นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผ่าน (ตอบถูก ๕ ขอ้ ๆ ละ ๒ คะแนน)
65
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี น
ชอื่ นกั เรยี น................................................................................ ชั้น..............ภาคเรียนที่...........ปีการศึกษา.............
คำชี้แจง การบนั ทกึ ใหก้ าเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งท่ตี รงกับพฤตกิ รรมทเี่ กิดขน้ึ จรงิ
ที่ พฤตกิ รรม เปน็ ประจา ระดบั การปฏิบัติ ไมท่ าเลย/
บางครัง้ น้อยครั้ง ไม่ชัดเจน
(๓)
(๒) (๑) (๐)
๑ มคี วามรบั ผดิ ชอบในหนา้ ทกี่ ารงาน
๒ ตัง้ ใจและเอาใจใสต่ อ่ การปฏบิ ัติหน้าท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย
๓ ทางานดว้ ยความเพียรพยายาม
๔ รู้จกั แก้ปัญหาในการทางานเมอ่ื มอี ุปสรรค
๕ อดทนเพ่อื ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย
๖ ปรับปรงุ และพฒั นาการทางานให้ดขี นึ้ ดว้ ยตนเอง
รวมคะแนน/ระดับคุณภำพ
เกณฑก์ ำรประเมิน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
ระดับคณุ ภำพ (......................................................)
ดเี ยี่ยม
เกณฑก์ ำรประเมิน
ดี ได้คะแนนรวมระหว่าง ๑๕-๑๘ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมนิ ข้อ
ใดขอ้ หน่งึ ต่ากว่า ๒ คะแนน
ผา่ น ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๑๑-๑๔ คะแนน และไมม่ ีผลการประเมินขอ้
ใดขอ้ หนงึ่ ตา่ กวา่ ๐ คะแนน
ไมผ่ า่ น ได้คะแนนรวมระหว่าง ๖-๑๐ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมนิ ข้อ
ใดข้อหน่ึงตา่ กว่า ๐ คะแนน
ได้คะแนนรวมระหว่าง ๐-๕ คะแนน
66
แบบประเมนิ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ชื่อ-นามสกลุ ผู้เรียน .......................................................................ชัน้ .......................................... เลขที่ .............
ให้ครสู งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดับคะแนน
คณุ ลักษณะ รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน
อันพึงประสงคด์ ำ้ น ๓ ๒๑๐
๑. ใชท้ รพั ยส์ ินและสิ่งของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด
อยอู่ ย่ำงพอเพยี ง ๒. ใช้อุปกรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และรู้คุณค่า
๓. ใชจ่ ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเก็บออมเงิน
๔. ไมเ่ หน็ แกต่ วั
คะแนน
สรุปผลคะแนน
ลงชือ่ ..................................................ผู้ประเมนิ
(....................................................)
เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและบอ่ ยครั้ง ให้ ๒ คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิบางคร้งั ให้ ๑ คะแนน
- พฤตกิ รรมทไ่ี มป่ ฏิบัติ ให้ ๐ คะแนน
สรุปเกณฑก์ ำรประเมนิ
ดมี าก ได้ ๑๐ – ๑๒ คะแนน
ดี ได้ ๗ – ๙ คะแนน
พอใช้ ได้ ๔ – ๖ คะแนน
ปรบั ปรุง ได้ ๐ – ๓ คะแนน
67
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้
หนว่ ยท่ี ๑ ชือ่ หนว่ ย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑
แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ ๘ เรอ่ื ง ระบบคิดฐานสิบ : สถานการณ์ใกลต้ วั (ภายในบ้าน,ห้องเรยี น) เวลำ ๒ ชั่วโมง
๑. ผลกำรเรยี นรู้
๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๒. จุดประสงค์กำรเรียนรู้
๒.๑ นกั เรียนรู้จกั คดิ แยกแยะพฤติกรรมทีแ่ สดงออกแบบระบบคดิ ฐานสบิ (ภายในบา้ น,ห้องเรยี น) ได้
๒.๒ นกั เรยี นยกตัวอย่างพฤติกรรมท่ีแสดงออกแบบระบบคิดฐานสิบ (ภายในบ้าน,ห้องเรียน) ได้
๓. สำระกำรเรียนรู้
๓.๑ ควำมรู้
การคิดแยกแยะพฤติกรรมที่ไม่ควรปฏิบัติของ “ระบบคิดฐานสิบ (Analog)” นั้น คือ โอกาสที่มีทางเลือก
หลายทาง มักเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม แยกแยะไม่ออกว่าส่ิงใดควรปฏิบัติสิ่งใดไม่ควร
ปฏิบัติ พฤติกรรมท่ีแสดงออกของระบบคิดฐานสิบ ท่ีไม่ควรปฏิบัติ เช่น นาไม้กวาดของโรงเรียนไปใช้ที่บ้าน ไม่ปิด
กอ๊ กนา้ หลังจากเลกิ ใช้ เอาผลงานของเพ่ือนมาเป็นของตนเอง รับสิ่งของเพอ่ื แลกกบั คะแนนเสียงเลอื กตง้ั ตา่ งๆ เป็นต้น
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร
๑) ความสามารถในการสือ่ สาร
๑.๑ การสนทนาถาม – ตอบ
๑.๒ การทาใบงาน
๒) ความสามารถในการคดิ
การคดิ แยกแยะพฤตกิ รรมท่ีไมค่ วรปฏิบตั ิของ “ระบบคิดฐานสิบ (Analog)”
๓.๓ คุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์
มุ่งม่ันในการทางาน
๔. กิจกรรมกำรเรียนรู้
๔.๑ ข้นั ตอนกำรเรยี นรู้
ชั่วโมงที่ ๑
๑) ครูนาเข้ากิจกรรมดว้ ยการบริหารสมองโดยใชก้ จิ กรรม Brain Gyms เพลง จา จา จา
๒) ครูทบทวนเก่ียวกับความหมายและพฤตกิ รรมท่ีแสดงออกของระบบคิดฐานสิบ ทไ่ี ด้เรียนไปเมือ่ ชั่วโมงที่แลว้
๓) ครูนาภาพ ๒ ภาพ (ภาพที่ ๑ ช่วยคุณแม่ล้างจาน , ภาพท่ี ๒ เล่นเกม) มาใหน้ ักเรียนดูแล้วสนทนา
รว่ มกนั โดยใชค้ าถาม ดงั นี้
๓.๑ ภาพท่ีนักเรยี นเหน็ นเี้ ปน็ ภาพอะไร
๓.๒ พฤตกิ รรมที่แสดงออกเป็นอย่างไร
๓.๓ นกั เรียนคดิ วา่ ภาพใดไมค่ วรปฏิบัติ และภาพใดควรปฏบิ ัติ เพราะเหตุใด
๓.๔ ภาพใดสื่อถึงระบบการคดิ ฐานสบิ
๔) ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างพฤติกรรมท่ีแสดงของระบบคิดฐานสิบ ภายในห้องเรียน แล้วเขียนลงบน
กระดาน เชน่
68
๔.๑ ลอกการบา้ นเพอื่ น
๔.๒ นาผลงานเพือ่ นมาเปน็ ของตนเอง
๔.๓ หยิบของเลน่ ในห้องเรียนกลับไปเลน่ ทีบ่ า้ นได้โดยไมไ่ ด้รบั อนุญาตจากครู
๔.๔ แซงแถวสง่ งานครู
๕) ครูแจกใบความรู้ เรื่องระบบการคิดฐานสิบ ให้นักเรียนศึกษา
๖) ครูให้นักเรียนทาใบงานที่ ๑ เรื่อง ระบบคิดฐานสิบ โดยให้บอกพฤติกรรมใดเป็นระบบคิดฐานสิบ
ทไี่ มค่ วรปฏิบัติ
ชั่วโมงที่ ๒
๑) ครูสมุ่ นักเรียนเพอ่ื ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน และร่วมกนั สนทนาเกย่ี วกับการนาเสนอ
๒) ครูแจกรปู สต๊กิ เกอรด์ าวสีแดง และดาวสีเขยี ว ใหก้ บั นักเรยี นคนอยา่ งละ ๑ อัน
๓) ครูจดั ทาภาพทแ่ี สดงพฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสิบ จานวน ๑ ภาพ มาติดบนกระดาน
๔) ให้นกั เรียนนารปู สต๊กิ เกอร์ดาวทีไ่ ด้รบั ไปมาติดบนกระดาน โดยถา้ คดิ วา่ เปน็ ตรงพฤติกรรมระบบคิด
ฐานสิบ ท่ีไมค่ วรปฏบิ ัติ ใหต้ ดิ ดาวสีแดง และถา้ คดิ พฤตกิ รรมระบบคิดฐานสบิ ทเี่ หน็ นัน้ ควรปฏิบตั หิ รือปฏิบัติได้
ใหต้ ิดดาวสีเขยี ว (ให้นักเรยี นตดิ ดาวได้เพียงดวงเดียวเท่าน้นั )
๕) จากนั้นครนู ับจานวนดาวแต่ละสวี ่ามีจานวนเท่าใด พรอ้ มท้งั อธิบายถึงการติดดาวแต่ละดวง ว่าดาวสี
แดงคือพฤติกรรมระบบคิดฐานสิบ ท่นี กั เรยี นไมค่ วรปฏบิ ตั ิ สว่ นดาวสเี ขียวคือพฤตกิ รรมระบบการคิดฐานสิบ ที่
นกั เรยี นคดิ วา่ ปฏิบตั ไิ ด้
๖) ครสู งั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นว่าสามารถแยกแยะภาพไดห้ รอื ไม่ วา่ ภาพทีเ่ หน็ เปน็ ระบบการคดิ ฐาน
สิบ หรอื ไม่ใช่ระบบการคิดฐานสิบ
๗) ครูแจกใบงานท่ี ๒ เร่อื งระบบคิดฐานสอง ให้นักเรยี นทาแลว้ นามาส่ง
๘) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ องค์ความรเู้ ร่ืองพฤติกรรมตัวอยา่ งระบบการคิดฐานสิบ
๔.๒ สอ่ื กำรเรยี นรู้
๑) เพลงจา จา จา จาก https://www.youtube.com/watch?v=๐iT๓๗Xx_RUE
๒) ภาพเดก็ ชว่ ยคุณแม่ล้างจาน และเด็กเลน่ เกม
๓) ใบความรู้ เรอื่ งระบบการคดิ ฐานสิบ
๔) ใบงานที่ ๑ เรื่อง สารวจพฤติกรรมระบบคิดฐานสิบ
๕) ใบงานที่ ๒ เร่อื งระบบคดิ ฐานสบิ
๖) สต๊ิกเกอร์ดาวสแี ดง และดาวสีเขียว
๗) ภาพท่ีแสดงพฤตกิ รรมระบบคิดฐานสิบ
๕. กำรประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้
๕.๑ วธิ กี ำรประเมิน
๑) ตรวจใบงาน
๒) สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี น
๕.๒ เคร่อื งมือทใ่ี ช้ในกำรประเมนิ
๑) แบบตรวจให้คะแนนใบงาน
๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียน
69
๕.๓ เกณฑก์ ำรประเมิน
นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ถือว่า ผา่ น
70
บันทึกหลังสอน
หน่วยกำรสอนท.่ี ............... แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู .่ี .............
บันทกึ หลงั สอน
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ปญั หำและอปุ สรรค
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทำงแกไ้ ข
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกนั ตนา จิตรบรรจง)
ครูผู้สอน
ควำมคิดเหน็ ของผ้อู ำนวยกำรโรงเรยี น (ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รบั รอง)
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกันตนา จิตรบรรจง)
ผู้อานวยการโรงเรียนวัดคลองห้า
๗. ภำคผนวก 71
จา จา จา เพลงจำ จำ จำ
ลืม ลืม ลมื
มันชงั่ นา่ ขา มันชั่งน่าขา Brain Gym for kid Brain Based Learning
บอกใหล้ มื ทาไมถึงจา บอกใหจ้ า ทาไมถึงลมื
บอกใหล้ มื ทาไมถึงจา
บอกให้จา ทาไมถึงลืม
แหลง่ ขอ้ มลู : https://www.youtube.com/watch?v=๐iT๓๗Xx_RUE
72
ภำพเดก็ ชว่ ยคุณแม่ลำ้ งจำน
ภำพเลน่ เกม
73
ใบงำนที่ ๑
เร่อื งระบบคิดฐำนสิบ
คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นระบายสีแดงลงใน ให้ตรงกับขอ้ ความพฤติกรรมการแสดงออกของระบบคดิ ฐานสบิ และ
ระบายสเี ขียวใน ตรงกบั ขอ้ ความพฤติกรรมท่ีไม่ใช่ระบบคดิ ฐานสิบ
ไม่ปิดกอ๊ กนา้ ทุกครงั้ หลงั ใช้งาน หยิบของเลน่ ในหอ้ งไปเลน่ ท่บี ้าน
เข้าแถวรอสง่ การบ้านอยา่ งเปน็ ระเบียบ ไม่ท้งิ ขยะลงในถังขยะ
เปดิ พัดลมแล้วไมป่ ดิ ลอกการบ้านเพ่อื น
ตดิ เกม แกลง้ เพ่ือน
นากบเหลาดินสอของหอ้ งเรยี นไปใชท้ โ่ี ต๊ะ ทาลายโตะ๊ เก้าอ้ี ของโรงเรยี น
ตนเอง
ชือ่ .....………………………………….……………………..……………..……ช้นั …………....เลขท่ี…………..
74
ตวั อย่ำงสตก๊ิ เกอร์ดำว
ดำวสีแดง
ดำวสีเขยี ว
75
ใบควำมรู้
เร่อื งตัวอย่ำงระบบคิดฐำนสิบ
นกั เรียนอยำ่ ทำนะ
ครบั เพรำะไมน่ ่ำรกั
เลย
76
ใบกจิ กรรมท่ี ๑
เรอ่ื งสำรวจพฤติกรรมระบบคดิ ฐำนสิบ
คำชี้แจง ให้นักเรยี นขีด แบบสารวจดังตอ่ ไปน้ี ในขอ้ ท่นี กั เรียนเคยปฏบิ ตั มิ าแลว้
ข้อท่ี รำยกำรพฤตกิ รรม กำรปฏบิ ัติ
เคย ไม่เคย
๑ แทรกแซงแถวเพอ่ื รบั อาหาร
๒ ใชร้ ถโรงเรียนเพื่อไปเทย่ี วในวันหยดุ สุดสัปดาห์
๓ นาของเลน่ กลบั บา้ นโดยไมข่ ออนญุ าตจากครู
๔ ให้เพือ่ นทาการบ้านใหโ้ ดยมีขนมเปน็ การแลกเปล่ียน
๕ มาโรงเรียนสายเพอ่ื หลกี เลีย่ งการทาเวรประจาวัน
รวมคะแนน
สรุป
ชอื่ .....………………………………….…………………กล่มุ ที่………..……ช้ัน…………....เลขที่…………..
77
ใบงำนท่ี ๒
เร่ืองระบบคิดฐำนสิบ
คำชีแ้ จง ให้นักเรียนบอกพฤติกรรมระบบคดิ ฐานสบิ ท่นี ักเรียนไมค่ วรปฏิบัติ (๑๐ คะแนน)
..............................................
..............................................
..............................................
........................................
..............................................
..............................................
..............................................
........................................
แบบกำรให้คะแนนกำรตรวจผลงำน
ชื่อ.....………………………………….……แ…บ…บ…ต…รว…จ…ให..…ค้ …ะแ…น…น…ใบ..…งำ…นชนั้ …………....เลขท่ี…………..
78
แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงำน
เลขที่ ชอ่ื – สกลุ คะแนนท่ีได้ สรุปผล
(๑๐ คะแนน) ผ่ำน ไมผ่ ่ำน
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
สรุป
เกณฑ์กำรประเมิน
- นักเรียนผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไปถอื วา่ ผ่าน (ตอบถูก ๘ ขอ้ )
79
แบบสังเกตพฤติกรรมนกั เรียน
ชือ่ นกั เรียน................................................................................ ชนั้ ..............ภาคเรียนท.่ี ..........ปีการศึกษา.............
คำชี้แจง การบันทึกใหก้ าเครื่องหมาย ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั พฤตกิ รรมที่เกดิ ข้ึนจรงิ
ที่ พฤตกิ รรม เป็นประจา ระดับการปฏบิ ตั ิ ไมท่ าเลย/
ไม่ชดั เจน
(๓) บางครัง้ นอ้ ยครั้ง
(๒) (๑) (๐)
๑ มีความรบั ผิดชอบในหนา้ ทีก่ ารงาน
๒ ตงั้ ใจและเอาใจใสต่ อ่ การปฏบิ ัติหนา้ ที่ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
๓ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายาม
๔ รูจ้ กั แก้ปัญหาในการทางานเม่ือมีอุปสรรค
๕ อดทนเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย
๖ ปรบั ปรงุ และพฒั นาการทางานใหด้ ีขนึ้ ด้วยตนเอง
รวมคะแนน/ระดบั คุณภำพ
เกณฑก์ ำรประเมิน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
ระดับคณุ ภำพ (.................................................)
ดีเยย่ี ม
เกณฑก์ ำรประเมิน
ดี ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๑๕-๑๘ คะแนน และไม่มผี ลการประเมินขอ้
ใดขอ้ หนึ่งตา่ กวา่ ๒ คะแนน
ผา่ น ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๑๑-๑๔ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมนิ ขอ้
ใดข้อหน่งึ ตา่ กว่า ๐ คะแนน
ไม่ผ่าน ได้คะแนนรวมระหว่าง ๖-๑๐ คะแนน และไมม่ ีผลการประเมนิ ข้อ
ใดข้อหน่ึงตา่ กวา่ ๐ คะแนน
ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๕ คะแนน
80
แบบประเมนิ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ชอื่ -นามสกลุ ผู้เรยี น ....................................................................ชน้ั .......................................... เลขที่ .............
ให้ครูสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน
คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน
อันพึงประสงคด์ ้ำน ๓ ๒๑๐
๑. มีความตง้ั ใจและพยายามในการทางานทไ่ี ด้รับ
มุ่งมนั่ ในกำรทำงำน มอบหมาย
๒. มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพ่อื ให้งานสาเรจ็
คะแนน
สรปุ ผลคะแนน
ลงชื่อ..................................................ผปู้ ระเมนิ
(....................................................)
เกณฑก์ ำรให้คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยครง้ั ให้ ๒ คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางครั้ง ให้ ๑ คะแนน
- พฤตกิ รรมทไ่ี มป่ ฏบิ ตั ิ ให้ ๐ คะแนน
สรปุ เกณฑ์กำรประเมิน
ดมี าก ได้ ๕ – ๖ คะแนน
ดี ได้ ๓ – ๔ คะแนน
พอใช้ ได้ ๑ – ๒ คะแนน
ปรับปรุง ได้ ๐ คะแนน
81
หน่วยที่ ๒
ควำมละอำยและควำมไมท่ นต่อกำรทจุ รติ
82
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้
หน่วยที่ ๒ ชอ่ื หนว่ ย ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๑
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๑ เรื่อง ความหมายของความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริต เวลำ ๒ ชวั่ โมง
๑. ผลกำรเรยี นรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต
๑.๒ ปฏบิ ัติตนเปน็ ผู้ละอายและไม่ทนตอ่ การทจุ ริตทกุ รูปแบบ
๒. จุดประสงค์กำรเรียนรู้
๒.๑นักเรยี นบอกความหมายของคาวา่ ทุจริตได้
๒.๒นักเรยี นบอกความหมายของคาว่า “ละอาย”ได้
๒.๓ นกั เรียนบอกความหมายของความไมท่ นตอ่ การทุจรติ ได้
๓. สำระกำรเรยี นรู้
๓.๑ ควำมรู้
- ทุจรติ หมายถึง ความประพฤติช่ัว ถ้าเป็นความประพฤติช่ัวทางกายเรียกว่า กายทุจรติ ถา้ เป็นความ
ประพฤติชั่วทางวาจา เรียกว่า วจีทุจริต ถ้าเป็นความประพฤติช่ัวทางใจ เรียกว่า มโนทุจริต เช่น ทุจริตในการสอบ
คดโกง ฉอ้ โกง
- ความละอาย หมายถึง การร้จู กั อายท่ีจะทาในสิ่งทไ่ี ม่ถูกไมค่ วร
- ความไมท่ นต่อการทุจรติ หมายถงึ การไม่ยอม ไม่เห็นดว้ ย ตอ่ การกระทาทุจิต
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร
ความสามารถในการส่อื สาร
๓.๓ คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์
มีความซอ่ื สตั ย์
๔. กจิ กรรมกำรเรียนรู้
๔.๑ ขั้นตอนกำรเรียนรู้
ชว่ั โมงท่ี ๑
๑) ครใู ห้นกั เรยี นดู วิดโิ อ เรอื่ ง “เด็กดี เดก็ ไม่ดี ๒”
๒) ครูถามคาถามเช่อื มโยงเข้าสู่บทเรียน เช่น
๒.๑ จากเร่อื ง นกั เรยี นอยากเป็นเดก็ คนใด เพราะเหตใุ ดถงึ อยากเป็นเด็กคนนน้ั
๒.๒ เดก็ ท่ีไม่ดมี พี ฤติกรรมอยา่ งไร
๓) นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรุปถึง พฤตกิ รรมของเดก็ ทีไ่ มด่ วี ่า ส่ิงนนั้ คอื ความทจุ รติ
๔) ครูเขียนคานิยามของความทุจรติ นักเรยี นอา่ นพร้อมกนั อกี ครั้งบนกระดาน
๔) ครนู าบตั รภาพเก่ียวกับพฤตกิ รรมในบา้ นและหอ้ งเรยี นทสี่ อ่ื ถึงความทุจริต ใหน้ กั เรียนดู ซึง่ บตั รภาพน้นั
มคี าบรรยายภาพประกอบด้วย นักเรียนดูบตั รภาพและอา่ นขอ้ ความเหล่าน้ัน
๕) นกั เรียนแครูรว่ มกันสรปุ ความพฤตกิ รรมตามบัตรภาพเหล่านัน้ คอื การทุจริต
83
๖) ครยู อ้ นถามถึงพฤตกิ รรม ของเดก็ ดีจากคลิปวีดิโอ ว่าพฤตกิ รรมอะไรบ้าง ครอู ธิบายให้นกั เรียนเขา้ ใจวา่ นั้น
คือการกระทาที่เกดิ จากความละอาย
๗) ครเู ขียนคานยิ ามของความละอาย และใหน้ ักเรียนอ่านความหมายของความละอายบนกระดานอกี คร้ัง
๘) ครูให้นกั เรียนวาดภาพ การทุจรติ ๑ ภาพ และออกมานาเสนอวา่ หากนกั เรยี นเป็นผู้กระทาทจุ ริตตามภาพ
น้นั นักเรียนจะร้สู กึ อยา่ งไร
ชั่วโมงท่ี ๒
๑) ครทู บทวนความหมายของคาว่า ทุจรติ และความละอาย ท่ีไดส้ อนในชั่วโมงทผ่ี ่านมา
๒) ครูนาภาพวาดของนักเรียนมาตดิ ลงบนกระดานดา และถามนักเรียนวา่ หากพบเจอเพ่อื น ๆ ทาการ
ทจุ รติ ตามภาพทพ่ี วกเราได้ชว่ ยกนั วาด นักเรยี นจะทาเชน่ ไร
๓) ครใู หค้ านิยามของคาวา่ ไมท่ น และอธบิ ายว่า เมอ่ื นักเรียนเห็นเพอ่ื นกระทาทจุ รติ นกั เรียนตอ้ งไม่ทน
นกั เรียนอาจจะเตอื นเพื่อน หรอื ไมก่ ต็ อ้ งบอกครู
๔) ครูใหน้ ักเรยี นจับกลุ่ม ๕ คน และใหห้ นังสอื การต์ ูนกลมุ่ ละ ๑ เลม่ ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ อ่านหนงั สือท่ี
กลมุ่ ของตนเองได้รับ และใหส้ รปุ ว่าตัวละครใดมพี ฤตกิ รรมทจุ ริตบา้ ง และหากเปน็ นักเรยี นนกั เรียนจะ
ทาเชน่ นั้นหรอื ไม่ และหากนกั เรยี นพบตวั ละครจะทาการทุจรติ นกั เรยี นจะทาอย่างไร
๕) แต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอ ครูชว่ ยถามคาถามเพ่ือการสรปุ กิจกรรมของแต่ละกลุม่
๔.๒ สื่อกำรเรยี นรู้
๑) วิดโี อ เด็กดี และเดก็ ไม่ดี ๒
๒) บัตรภาพ
๓) หนงั สอื การต์ นู
๕. กำรประเมนิ ผลกำรเรียนรู้
๕.๑ วิธีกำรประเมนิ
สงั เกตจากกจิ กรรม
๕.๒ เครื่องมือทีใ่ ช้ในกำรประเมิน
แบบสังเกต
๕.๓ เกณฑ์กำรประเมิน
นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ถอื วา่ ผ่าน
84
บนั ทึกหลังสอน
หนว่ ยกำรสอนที่................ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท.่ี .............
บนั ทึกหลงั สอน
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ปญั หำและอปุ สรรค
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทำงแกไ้ ข
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกันตนา จิตรบรรจง)
ครูผสู้ อน
ควำมคิดเห็นของผอู้ ำนวยกำรโรงเรียน (ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รับรอง)
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกันตนา จิตรบรรจง)
ผู้อานวยการโรงเรียนวดั คลองห้า
85
๗. ภำคผนวก
วดิ ีโอ เดก็ ดี และเดก็ ไมด่ ี ๒
ท่มี ำจำก : https://www.youtube.com/watch?v=ERXMNe-HTm๐
86
บัตรภำพ
แซงควิ / จองคิวให้เพ่ือน
ลอกกำรบ้ำนเพ่ือน
87
แกลง้ เพื่อน
ขโมยของ
88
ไม่ช่วยเพื่อนทำเวร
เปิดไฟในห้องเรียนทงิ้ ไว้
89
แบบสงั เกตพฤติกรรมนักเรียน
ชอ่ื นัก เรยี น....................................................................... ชั้น..............ภาคเรียนที่...........ปีการศึกษา.............
คำช้ีแจง การบันทกึ ใหก้ าเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งทต่ี รงกับพฤติกรรมทเ่ี กิดขน้ึ จริง
ระดับการปฏบิ ัติ
ที่ พฤติกรรม เปน็ ประจา บางครง้ั น้อยครงั้ ไมท่ าเลย/
ไมช่ ดั เจน
(๓) (๒) (๑)
(๐)
๑ มีความรับผิดชอบในหน้าทีก่ ารงาน
๒ ตง้ั ใจและเอาใจใส่ตอ่ การปฏบิ ัติหน้าที่ทีไ่ ด้รับมอบหมาย
๓ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายาม
๔ รจู้ กั แกป้ ัญหาในการทางานเมอื่ มอี ปุ สรรค
๕ อดทนเพื่อใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย
๖ ปรบั ปรงุ และพัฒนาการทางานให้ดีขึน้ ดว้ ยตนเอง
รวมคะแนน/ระดบั คุณภำพ
เกณฑ์กำรประเมนิ ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน
ระดบั คุณภำพ (.................................................)
ดีเยี่ยม
เกณฑก์ ำรประเมิน
ดี ได้คะแนนรวมระหว่าง ๑๕-๑๘ คะแนน และไม่มีผลการประเมนิ ขอ้
ใดข้อหนง่ึ ตา่ กว่า ๒ คะแนน
ผา่ น ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๑๑-๑๔ คะแนน และไม่มีผลการประเมินขอ้
ใดขอ้ หน่ึงต่ากวา่ ๐ คะแนน
ไม่ผา่ น ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๖-๑๐ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมินขอ้
ใดขอ้ หนึ่งตา่ กว่า ๐ คะแนน
ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๕ คะแนน
90
แบบประเมนิ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ชือ่ -นามสกลุ ผู้เรยี น .......................................................................ช้นั .......................................... เลขท่ี .............
ใหค้ รสู งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องทต่ี รงกับระดับคะแนน
คณุ ลกั ษณะ รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน
อันพึงประสงคด์ ้ำน ๓ ๒๑๐
๑. ให้ขอ้ มูลท่ีถูกตอ้ ง และเป็นจริง
ซอื่ สัตย์ สจุ รติ ๒. ปฏบิ ตั ใิ นสิง่ ท่ีถกู ตอ้ ง คะแนน
สรปุ ผลคะแนน
ลงชอ่ื ..................................................ผ้ปู ระเมนิ
(....................................................)
เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน
- พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิชัดเจนและสมา่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิชัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ ๒ คะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติบางครัง้ ให้ ๑ คะแนน
- พฤติกรรมที่ไม่ปฏบิ ตั ิ ให้ ๐ คะแนน
สรปุ เกณฑก์ ำรประเมิน
ดมี าก ได้ ๕ – ๖ คะแนน
ดี ได้ ๓ – ๔ คะแนน
พอใช้ ได้ ๑ – ๒ คะแนน
ปรบั ปรงุ ได้ ๐ คะแนน
91
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้
หน่วยที่ ๒ ชอื่ หน่วย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๒ เรอื่ ง การประยกุ ต์ ใช้ความรู้เรอ่ื งความละอายและความไมท่ น เวลำ ๑ ช่วั โมง
ต่อการทุจริตกับกจิ กรรมภายในบา้ น ห้องเรยี น การทาการบ้าน
๑. ผลกำรเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจรติ
๑.๒ ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทกุ รูปแบบ
๑.๓ ตระหนักและเหน็ ความสาคญั ของการตอ่ ต้านและป้องกนั การทุจริต
๒. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้
๒.๑นักเรียนบอกความหมายของการบ้านได้
๒.๒นกั เรยี นยกตวั อยา่ งการบา้ นทีค่ ณุ ครใู ห้ทาได้
๒.๓นกั เรียนสามารถวางแนวทางการปฏบิ ตั ติ นเป็นผู้ละอายและไมท่ นต่อการทุจริตในการทาการบา้ น
๒.๔ นักเรียนไม่ทจุ ริตในการทาการบ้าน
๒.๕ นักเรียนไม่ทนเม่ือเห็นเพือ่ นทุจรติ ในการทาการบา้ น
๓. สำระกำรเรียนรู้
๓.๑ ควำมรู้
๑) ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจริต (การทาการบ้าน)
๑.๑) การบา้ น หมายถึง งานท่ีครใู หน้ ักเรียนทาให้สาเร็จนอกเวลาเรียน
๑.๒) ตวั อย่างการบา้ นที่ครใู ห้ เชน่ ใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหัดภาษาไทย การเขยี นสะกดคา ให้นกั เรยี น
ทาคณติ ศาสตรก์ ารบวกเลข จากแบบฝกึ หัดวิชาคณิตศาสตร์ จานวน ๕ ข้อ ฯลฯ
๑.๓) วิธปี ฏิบตั ิตนในการทาการบ้านของตนเอง เชน่ ทาด้วยตนเอง ไม่เขา้ ใจถามครูหรือผปู้ กครอง หรอื
ถามเพอ่ื น ห้ามลอกการบ้านเพื่อน การลอกการบา้ นเพอ่ื นถือเป็นการทจุ ริต
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร
ความสามารถในการสอื่ สาร
๓.๓ คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์
มีความซ่ือสัตย์
๔. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้
๔.๑ ขน้ั ตอนกำรเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี ๑
๑) นักเรยี นอา่ นความหมายของคาวา่ “การบ้าน”จากแผนภูมิ
การบา้ น หมายถึง งานที่ครใู หน้ กั เรยี นทาใหส้ าเร็จนอกเวลาเรยี น
๒) นกั เรยี นยกตวั อยา่ ง “การบา้ น” ท่ีครูสั่งใหน้ กั เรียนทาในแตล่ ะวิชา ( คุณครูใหท้ าการบ้านวิชา
คณิตศาสตร์ จานวน ๒ ขอ้ / คุณครูให้คดั ลายมือตามแบบ ฯลฯ )
๓) ครูถามนกั เรียนวา่ นักเรยี นละอายไหมถา้ ครจู ับได้ว่านกั เรียนแอบลอกการบ้านเพื่อน
๔) นักเรียนชว่ ยกันบอกวา่ “การลอกการบา้ นไม่ดอี ย่างไร”
92
๕) ใหน้ ักเรยี นช่วยกันบอกวธิ กี ารทาการบ้านของตนเอง
๖) ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันวางแนวทางการทาการบา้ น โดยไม่ทุจรติ และไมท่ นเม่อื เหน็ เพอ่ื นทจุ รติ
ในการทาการบ้าน
๗) นกั เรียนทาใบงานที่ ๑ เร่อื ง “สง่ิ ท่ีไม่ควรทาเก่ียวกับการทาการบา้ น”
๘) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เรื่องความละอายตอ่ การทาการบา้ น
๔.๒ ส่อื กำรเรยี นรู้
๑) แผนภมู ิความหมายของการบ้าน
๒) ใบงานที่ ๑ เรอ่ื ง “สิง่ ท่ีไม่ควรทาเกยี่ วกับการทาการบ้าน”
๕. กำรประเมินผลกำรเรยี นรู้
๕.๑ วิธกี ำรประเมนิ
ตรวจใบงาน
สังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น
๕.๒ เคร่อื งมอื ทใี่ ชใ้ นกำรประเมนิ
แบบตรวจให้คะแนนใบงาน
แบบสงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น
๕.๓ เกณฑ์กำรประเมิน
นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
93
บันทึกหลงั สอน
หน่วยกำรสอนที่................ แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี.่ .............
บันทกึ หลงั สอน
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ปัญหำและอุปสรรค
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทำงแกไ้ ข
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกนั ตนา จติ รบรรจง)
ครูผู้สอน
ควำมคดิ เห็นของผอู้ ำนวยกำรโรงเรียน (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รับรอง)
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
(นางสาวกนั ตนา จิตรบรรจง)
ผูอ้ านวยการโรงเรียนวดั คลองหา้
94
๗. ภำคผนวก
ใบงำนท่ี ๑
เรื่อง “สงิ่ ทีไ่ ม่ควรทำเกยี่ วกบั กำรทำกำรบ้ำน”
ชื่อ-สกลุ ............................................................................ช้ัน..............เลขท่ี...........โรงเรียน...........................
คำชแ้ี จง นกั เรยี นทาเคร่อื งหมาย หนา้ ขอ้ ที่ถูก และทาเครือ่ งหมาย หนา้ ขอ้ ทผ่ี ิด
.......... ๑. การบา้ น คอื งานท่ีครูให้นักเรียนทานอกเวลาเรียน
.......... ๒. ความละอาย คอื รู้สึกอายที่ทาให้สงิ่ ทไี่ ม่ถูก
.......... ๓. นักเรยี นรีบมาโรงเรยี นเพื่อมาลอกการบา้ นเพื่อน
.......... ๔. นักเรยี นมาโรงเรยี นและรบี ส่งการบ้านทโี่ ต๊ะครู
.......... ๕. เมื่อนักเรียนเห็นเพ่อื นลอกการบา้ นกนั นักเรียนต้องไปบอกครูใหท้ ราบ
เฉลย
๑✓
๒✓
๓☓
๔✓
๕✓
(ขอ้ ละ 2 คะแนน)
95
แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงำน
เลขที่ ชอ่ื – สกลุ คะแนนทไี่ ด้ สรุปผล
(๑๐ คะแนน) ผำ่ น ไม่ผำ่ น
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
สรุป
เกณฑก์ ำรประเมิน
- นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไปถอื ว่า ผ่าน (ตอบถกู ๘ ขอ้ )
96
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรยี น
ชือ่ นกั เรียน................................................................................ ชนั้ ..............ภาคเรียนที่...........ปกี ารศกึ ษา.............
คำชี้แจง การบันทึกให้กาเครือ่ งหมาย ลงในช่องท่ตี รงกบั พฤตกิ รรมทีเ่ กิดขึ้นจริง
ระดบั การปฏิบัติ
ที่ พฤติกรรม เป็นประจา บางครงั้ นอ้ ยครง้ั ไมท่ าเลย/
ไม่ชดั เจน
(๓) (๒) (๑)
(๐)
๑ มีความรบั ผิดชอบในหน้าทก่ี ารงาน
๒ ตงั้ ใจและเอาใจใสต่ อ่ การปฏบิ ัติหน้าที่ที่ไดร้ ับมอบหมาย
๓ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายาม
๔ ร้จู กั แก้ปัญหาในการทางานเมื่อมอี ุปสรรค
๕ อดทนเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย
๖ ปรบั ปรงุ และพฒั นาการทางานใหด้ ีข้ึนดว้ ยตนเอง
รวมคะแนน/ระดับคุณภำพ
เกณฑ์กำรประเมิน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ
ระดับคณุ ภำพ (.................................................)
ดีเยี่ยม
เกณฑก์ ำรประเมนิ
ดี ได้คะแนนรวมระหว่าง ๑๕-๑๘ คะแนน และไมม่ ีผลการประเมนิ ขอ้
ใดข้อหน่ึงตา่ กวา่ ๒ คะแนน
ผา่ น ได้คะแนนรวมระหว่าง ๑๑-๑๔ คะแนน และไม่มผี ลการประเมนิ ขอ้
ใดข้อหนึ่งตา่ กว่า ๐ คะแนน
ไม่ผ่าน ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มผี ลการประเมินขอ้
ใดขอ้ หนง่ึ ต่ากว่า ๐ คะแนน
ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๕ คะแนน
97
แบบประเมนิ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ชือ่ -นามสกลุ ผู้เรยี น .......................................................................ชนั้ .......................................... เลขท่ี .............
ให้ครสู งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดับคะแนน
คณุ ลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน
อันพึงประสงคด์ ้ำน ๓ ๒๑๐
๑. ให้ขอ้ มูลท่ีถูกตอ้ ง และเปน็ จริง
ซอ่ื สัตย์ สุจรติ ๒. ปฏบิ ตั ใิ นสิง่ ท่ีถกู ตอ้ ง คะแนน
สรปุ ผลคะแนน
ลงชือ่ ..................................................ผ้ปู ระเมนิ
(....................................................)
เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน
- พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิชัดเจนและสมา่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิชัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ ๒ คะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติบางครัง้ ให้ ๑ คะแนน
- พฤติกรรมที่ไม่ปฏบิ ตั ิ ให้ ๐ คะแนน
สรปุ เกณฑก์ ำรประเมนิ
ดีมาก ได้ ๕ – ๖ คะแนน
ดี ได้ ๓ – ๔ คะแนน
พอใช้ ได้ ๑ – ๒ คะแนน
ปรับปรงุ ได้ ๐ คะแนน