The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โดย ผศ.ดร.ธิดาวัลย์ อุ่นกอง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khomthit.cha, 2021-05-10 00:21:34

การประเมินโครงการทางการศึกษา

โดย ผศ.ดร.ธิดาวัลย์ อุ่นกอง

230

ชื่อโครงการ Happy Garden สวนแห่งความสุข

ลักษณะโครงการ / กิจกรรม : ( / ) โครงการใหม่ ( ) โครงการต่อเนอ่ื ง
ผู้รับผิดชอบโครงการ / กิจกรรม

นางสาวชนดิ าภา บุญเทพ ประธานโครงการ
นางสาวกนกกร นันตาลิต รองประธานโครงการ
นางสาวมณฑกานต์ แขง่ ขนั กรรมการ
นางสาวศริ ิกาญจน์ ศักดิ์ศรี กรรมการ

ระยะเวลาการดาเนินการ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562

231

คานา

รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนนึ่งของวิชาการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 2 Teaching Internship in
School II เป็นรายงานเกี่ยวกับการจัดทาโครงการรายงานผลการจัดทาสวนไม้ดอก การศึกษาเอกสาร
และงานที่เกี่ยวข้อง การอภิปรายผลการเรียนรูปของกลุ่ม การสรุปผลจากการศึกษา ทางกลุ่มหวังว่า
ราบงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจและศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับพืชสมุนไพร หากผดพลาด
ประการใดทางกลุ่มผู้จัดทาขออภยั มา ณ ทีน่ ้ีดว้ ย

คณะผู้จดั ทา

สารบญั 232

หน้าปก ก
คานา ข
สารบญั ค
บทที1่ บทนา 1
บทที่ 2 เอกสารและงานศกึ ษาที่เก่ยี วข้อง 2
บทที่ 3 วิธกี ารดาเนินการเรยี นรู้ 9
บทที่ 4 ผลการเรียนรู้ 11
บทที่ 5 สรปุ ผล 12
บรรณานุกรม 13
ภาคผนวก 14

233

1

บทนา

ท่มี าและความสาคญั ของรายงาน

ตามที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดาริบางประการ
เกีย่ วกบั การอนรุ กั ษ์พนั ธุกรรมพชื ซึ่งมีใจความดังตอ่ ไปนี้

“การสอนและอบรมให้เด็กมีจิตสานึกในการอนุรักษ์พืชพรรณน้ัน ควรใช้วิธีการปลูกฝังให้เด็ก
เหน็ ความงดงาม ความสนใจ และเกิดความปิติที่จะทาการศึกษาและอนุรักษ์พืชพรรณต่อไป การให้วิธี
สอน การอบรมและให้ความรู้สึกกลัวว่า หากไม่อนุรักษ์แล้วจะเกิดผลเสียเกิดอันตรายแก่ตนเอง จะทา
ให้เด็กเกิดความเครียด ซึง่ จะเปน็ ผลเสียแก่ประเทศในระยะยาว”

โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริฯ ได้ดาเนินงานสนองพระราชดาริ
จดั ตง้ั งาน “สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น” เพื่อเป็นสื่อในการสร้างจิตสานึกด้านอนุรักษ์พันธุกรรมพืชโดย
ให้เยาวชนน้ันได้ใกล้ชิดกับพืชพรรณไม้ เห็นคุณค่าประโยชน์ ความสวยงาม อันจะก่อให้เกิดความคิดที่
จะอนรุ ักษ์พชื พรรณต่อไป

โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมไม้อันเนื่องมาจากพระราชดาริฯได้ดาเนินงานสนองพระราชดาริ
จดั ตง้ั งาน “สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น” เพื่อสร้างจิตสานึกด้านการอนุรักษ์พรรณไม้ โดยให้เยาวชนนั้น
ได้ใกล้ชิดกับพรรณไม้และเห็นคุณค่า ประโยชน์ ความสวยงาม อันจะก่อให้เกิดความคิดที่จะอนุรักษ์
พรรณไม้ต่อไป

ดังนั้น กลุ่มนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู โรงเรียนดอกคาใต้วิทยาคม อาเภอดอกคาใต้
จงั หวดั พะเยา ได้ตระหนกั และเหน็ คณุ ค่าของการศึกษาในปัจจุบันไม่ได้จากัดแค่เพียงการเรียนการสอน
ภายในช้ันเรยี นเท่านั้น จงึ ได้จัดตงั้ โครงการสวนพฤกษศาสตร์ “สวนหย่อมแห่งความสุข” ขึ้น เพื่อพัฒนา
ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สามารถศึกษาได้จริง เชน่ การทาสวนหย่อมระหว่างอาคารเรยี น เป็นต้น

เพือ่ จดั การศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียนให้นักเรียนได้สังเกต ทดลอง สัมผัส กับธรรมชาติ ซึ่ง
พรรณไม้ที่มีอยู่ในท้องถิ่นโดยทั่วไปมีจานวนมากมายหลายชนิด ทางกลุ่มนักศึกษาฝึกประสบการณ์
วิชาชีพครโู รงเรียนดอกคาใต้วิทยาคม จึงได้มองเห็นความสาคัญในข้อนี้ จึงจัดทาสวนหย่อมเล็กๆขึ้นมา
เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้แก่นักเรียนและผู้ที่สนใจ รวมทั้งให้ผู้เรียนทั้งโรงเรียนได้ศึกษาชื่อสานวน
ภาษาองั กฤษต่างๆทีต่ ดิ อยู่ในระหว่างพันธ์ุไม้ และทาความรจู้ ักกับพืชพรรณไม้ที่อยู่ในโรงเรียน

234

2

และนาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการดาเนินการตามโครงการอนุรักษ์พรรณ อัน
เนื่องมาจากพระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารสี ืบไป
จุดประสงค์
1. เพื่อความความสวยงาม
2. เป็นสถานที่พกั ผอ่ นหย่อนใจ
3. เพือ่ ให้สภาพแวดล้อมภายนอกอาคารดูสวยงาม
ขอบเขตพื้นทป่ี ลูก

บริเวณลานพืน้ ที่ว่างระหว่างอาคารเรยี นตึก 2 โรงเรียนดอกคาใต้วิทยาคม
ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะได้รับ

1. เกิดจติ สานึกในการอนรุ กั ษ์พันธกุ รรมพชื และทรพั ยากร
2. เสริมสรา้ งการเรยี นรู้ในหมวดภาษาต่างประเทศ
3. เกิดความร่วมมือระหว่างโรงเรียนกับนกั ศึกษา
4. ผเู้ รียนสามารถนาพรรณไม้มาจัดสวนตกแต่งบริเวณให้ร่มร่นื สวยงาม
3. เปา้ หมาย
เชงิ ปริมาณ

นักเรียนของโรงเรียนดอกคาใต้วิทยาคมจานวนประมาณ 10 คน
เชงิ คณุ ภาพ

เพือ่ ส่งเสริมให้นักเรียนในโรงเรียนดอกคาใต้วิทยาคมได้รู้จัก และเรียนรู้เกี่ยวกับพรรณ
ไม้ชนิดต่างๆ เพื่อให้นักเรียนมีองค์ความรู้ และเกิดจิตสานึกในการอนุรักษ์พืชพรรณไม้ภายใน
โรงเรียน และท้องถิ่นได้

235

3

บทท่ี 2
เอกสารและงานศกึ ษาท่เี กี่ยวข้อง

การจัดทารายงานจาเป็นต้องศึกษาข้อมูลและงานศึกษาที่เกี่ ยวข้องคณะผู้จัดทารายงานได้
ศกึ ษาข้อมลู เกีย่ วกับพันธ์ุไม้ดอก7 ชนิด นอกจากนีไ้ ด้ศึกษาข้อมลู ศึกษาเกี่ยวข้อง ดงั ตอ่ ไปนี้

1. ดอกแววมยรุ า
2. ดอกแพงพวยฝร่ัง
3. ดอกซลั เวีย
4. ดอกผเี สื้อ
5. ดอกหงอนไก่
6. ดอกดาวเรอื ง
1. ผักกาดหอม

ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Lactuca sativa
วงศ์ : Asteraceae
ประเภท : ลาต้นเตีย้
ลาตน้ : ลาต้นเตี้ย
ใบ : บางกรอบและขอบใบหยัก
ผล : ฝักรปู รี มีครบี เมอ่ื แก่แตกออก ภายในมเี มล็ดเล็ก ๆ จานวนมาก

236

4

แสงแดด : จัดถึงราไร
น้า/ความชื้น : น้าปานกลาง อุณหภูมิในการเจริญเติบโตระหว่าง 15.5–21 องศา
เซลเซียส
การเพาะปลูก
ผักกาดหอมเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน แต่ก็สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด ดินที่ใช้
ปลกู ต้องระบายน้าได้ดี มีค่า pH ในดิน 6.5-7 ขุดดินเป็นร่องต้ืนแล้วหว่านเมล็ดลงไป รดน้าวัน
ละ 2 เวลา เช้า-เย็น อย่างสม่าเสมอ เม่ือผักกาดหอมงอกแล้วอาจต้องมีการย้ายกล้าออกเพื่อ
ไม่ให้อยู่ตดิ กันแนน่ เกินไป ผกั กาดหอมเปน็ ผกั ที่ไม่คอ่ ยมีแมลงรบกวน จงึ ไม่จาเป็นต้องฉีดยาฆ่า
แมลง แมลงศัตรูพืชที่พบบ้างก็มีเพลี้ย กับหนอนกระทู้หอม ซึ่งพบมากในฤดูหนาวแถวภาค
กลางและภาคเหนือ อายกุ ารเก็บเกีย่ วผักกาดหอมประมาณ 40-50 วัน
2. ดอกผเี สื้อ

ผเี สื้อ
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Dianthus chinensis
วงศ์ : Caryophyllaceae
ชือ่ สามัญ : Dianthus
ชือ่ อ่นื ๆ : Pink, Indian pink, China pink, Rainbow pink, ผเี สื้อ
ข้อมลู ทวั่ ไปและประวัติ

237

5

ผีเสื้อเป็นไม้ดอกสกุลเดียวกับ คาร์เนชั่น มีดอกสวยงามสะดุดตา โดยมีถิ่น
กาเนิดในยุโรปตอนใต้ สว่ นใหญ่มดี อกสีชมพู จึงได้ชื่อว่า pinkผีเสื้อ กับ คาร์เนชั่น นั้นมี
ข้อแตกต่างทีพ่ อจะใช้สงั เกตได้คือ

1.ดอกผเี สื้อไมม่ ีกลิน่
2.ใบของผีเสอื้ มีแผน่ ใบกว้างกว่า ของคาร์เนชั่น
3.ใบของคาร์เนช่นั มสี ีเขียวอมเทาเงิน
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์

ผีเสื้อ น้ันลักษณะโดยท่ัวไป สูงประมาณ 10-15 นิ้ว ขึ้นเป็นพุ่ม ใบมีสีเขียวแก่ ลักษณะใบยาว
ปลายเรียวแหลม ขอบใบทั้งสองข้างมักจะโค้งเข้าหากลางใบเล็กน้อย ทาให้มีลักษณะคล้ายร่องน้า ใบ
จะออกเป็นคู่แบบสลับ โดยใบจะหุ้มรอบข้อทาให้ส่วนข้อมีลักษณะบวมโต ดอกมีทั้งชนิดดอกซ้อนและ
ดอกช้ันเดียว ปลายกลีบดอกจะมีลักษณะจัก ๆ คล้ายฟันปลาหรือ ฟันเลื่อย กลีบหุ้มดอก มีลักษณะ
รวมติดกันเป็นกรวยหุ้มกลีบดอกไว้ ดอกมีขนาดตั้งแต่ 2.5-3 นิ้ว สีของดอกมีหลายสี คือ ขาว ชมพู
แดง แดงอมมว่ ง และอาจมสี องสีในดอกเดียวกันก็ได้

การขยายพนั ธุ์: เมล็ด เปน็ วิธีที่นิยมที่สดุ การปักชากิ่ง การเพาะเลี้ยงเน้ือเยือ่
พันธุ์ทีใ่ ชป้ ลกู : พนั ธุ์ Bravo ดอกมีสแี ดงเขม้

พนั ธ์ุ China Doll ดอกสีแดงเข้มแต้มขาว กลีบดอกซ้อน
พันธุ์ Snowflake ดอกสีขาว
พันธุ์ Snowfire เป็นลูกผสม ดอกมีสองสี คือ มีสีขาวเป็นพื้น ตรงใจ
กลางดอกมีสีแดง
พันธ์ุ ในชุด Charm siries คือ Coral Charm มีสีชมพู, Crimson Charm
มีสแี ดง, White Charm มีสขี าว, Light Charm มีสชี มพอู ่อน
การปลกู และการดแู ลรกั ษา
ผเี สื้อชอบแสงแดดจดั อุณหภูมิกลางคืนเย็น แต่ก็ไม่จาเป็นต้องเย็นมาก สามารถปลูกใน กรุงเทพฯ
ได้ดินต้องมีความอุดมสมบูรณ์ มีธาตุอาหารครบครัน โปร่ง มีอินทรีย์วัตถุสูงถ้าต้องการดอกที่มีขนาด
สมา่ เสมอ ดอกดกและดอกบานพร้อม ๆ กนั ควรจะเด็ดยอด โดยทาการเด็ดยอดเม่ือ ต้น สูง ประมาณ
6 นิ้ว หรืออาจจะเด็ดหลังจากปลูก 4 สัปดาห์ หลังจากน้ันแต่ละต้นจะแตกกิ่งก้านทาให้พุ่มต้นใหญ่ขึ้น
ระยะเวลาจากเพาะเมลด็ ถึงให้ดอกประมาณ 3 เดือน

238

6

3. ดอกหงอนไก่

ชือ่ วทิ ยาศาสตร์: Celosia argentea L. var. cristata (L.) Kuntze

ชือ่ สามญั : Cockscomb, Chinese Wool Flower

ชื่ออื่น: หงอนไก่ดง หงอนไก่ดอกกลม หงอนไก่ฟ้า (ภาคกลาง), ด้ายสร้อย สร้อยไก่
(เชยี งใหม่), หงอนไก่ฝร่งั (ภาคกลาง)

วงศ:์ AMARANTHACEAE

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์: ไม้ล้มลุก สูงประมาณ 1.0-1.5 ม. ลาต้นเป็นสัน แตก
กิง่ ก้านสาขามาก ผวิ ขรขุ ระ

ใบ ใบเรียงสลับ ใบเดี่ยว รูปหอกหรือรูปแถบแคบ กว้าง 1-6 ซม. ยาว 8-15 ซม. โคน
ใบแหลม ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเป็นคลื่นและมีไขปกคลมุ เส้นใบนูนเด่นด้านท้องใบ

ดอก ดอกช่อออกที่ปลายยอด ช่อดอกกว้าง 1.5-2.0 ซม. ช่อดอกมี 2 แบบคือ รูป
ทรงกระบอกและแบบรูปหงอนไก่ บางครงั้ พบทั้งสองแบบในต้นเดียวกัน กลีบรวมมี 4 กลีบ รูป
ขอบขนานแกมรูปไข่ ยาว 0.6-1.0 ซม. เกสรเพศผู้ปลายแหลมมี 5 อัน ฐานรองดอกเชื่อม
ติดกันเป็นแผ่นย่น เป็นก้อนกลม ใบประดับรองดอกขนาดเล็กเป็นเส้นคล้ายกามะหยี่ ดอก
สมบูรณ์เพศ กลีบดอกมีหลายสี เชน่ แดงสด ขาว และเหลือง

ผล ผลรูปไข่ค่อนข้างกลม สีดาเป็นมัน ขนาดเล็ก ผลแห้งแตกแบบมีฝาเปิด สีน้าตาล
อ่อน เมลด็ สีดา เปน็ มัน

239

7

4. ดอกดาวเรอื ง

ดาวเรอื ง
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Tagetes erecta L.
ชือ่ สามญั : African marigold, Aztec marigold, Big marigold, American marigold
ชือ่ อน่ื : ดอกคาพู่จู้ คาปจู ู้หลวง ดาวเรอื งใหญ่ พอทู ดาวเรืองอเมรกิ นั
วงศ์ : COMPOSITAE

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลาตน้ ไม้ล้มลกุ ไม่มเี นือ้ ไม้ ลาตน้ สีเขียว สงู 25-60 เซนติเมตร
ใบ ใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้ามกัน ใบย่อย 11-17 ใบ รูปรี ปลายแหลม โคนสอบ ขอบ

ใบจกั ฟนั เลื่อย สเี ขียวเข้ม
ดอก เป็นช่อแบบช่อกระจุกเดี่ยวที่ปลายกิ่ง ดอกสีเหลือง เหลืองทอง หรือส้ม ดอกมี 2 ชั้น คือ

กลีบดอกวงนอกและวงใน ดอกวงนอกกลีบดอกเป็นรูปรางน้าซ้อนกันแน่น โคนกลีบดอกเป็นหลอดเล็ก
ปลายแผ่เป็นรปู ไข่กลบั กลีบบางเป็นริ้ว ดอกวงในกลีบดอกเปน็ หลอดสีเหลอื งปลายจกั มีกลิน่ หอมอ่อน

ข้อมูลท่ัวไป: เป็นพันธ์ุไม้ตา่ งประเทศ มีถิน่ กาเนิดในประเทศสหรฐั อเมรกิ า และเมก็ ซิโก

240

8

การปลูกเลีย้ งและการใชป้ ระโยชน์
การปลกู เลี้ยง: ดินรว่ น ต้องการนา้ ปานกลาง แสงแดดจัด
การขยายพันธ์ุ: เพาะเมลด็

การใชป้ ระโยชน์
ใช้ประดับตกแต่ง เสริมในอาหารสัตว์ การสกัดสี ส่วนผสมของเวชภัณฑ์

เครือ่ งสาอาง เครือ่ งด่มื สุขภาพ รวมไปถึงเปน็ สารขบั ไล่แมลงหรอื กาจดั ศัตรูพืช

241

9

บทท่ี 3

วธิ ีการดาเนนิ การเรียนรู้

วัสดแุ ละอุปกรณ์

วสั ดุและอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการทางานได้แก่

1. กระถางดิน
2. ดิน
3. กล้าต้นไม้
4. หญ้า
5. ก้อนอิฐ
6. ถุงพลาสติกดา

วธิ ีการดาเนนิ งาน

1. สารวจพื้นที่และออกแบบสวนเพือ่ ปลูกต้นไม้

2. จัดหาพันธ์ุไม้

3. ทาการขึน้ แปลง

4. การดูแลรกั ษา

242

10

แผนการดาเนินงาน

งานทีด่ าเนินการ รายละเอียด(งานยอ่ ย) หมายเหตุ
ทาป้ายประจาต้นไมท้ ี่มอี ยู่
- สารวจ คอื ชือ่ พ้ืนเมือง และ
งานทีด่ าเนินการ
นาพืชพรรณไม้เข้ามาปลกู หมายเลขประจาต้นเก็บและทา

เพิ่ม ตัวอย่างพรรณไม้

ศกึ ษาหาความรเู้ พิม่ เติมใน - ทาทะเบียบพรรณไม้
พืชพรรณไม้ที่มี
- ค้นคว้าข้อมูลการใช้

ประโยชน์จากเอกสาร ข้อมูล

พืน้ บ้าน ช่ือสามัญ ชื่อ

วิทยาศาสตร์

รายละเอียด(งานยอ่ ย) หมายเหตุ

- ทาป้ายข้อมูลชั่วคราว

- ทาป้ายข้อมูลทีส่ มบรู ณ์

- การเกบ็ รวบรวมพรรณไม้

ท้องถิน่

- รวบรวมข้อมูลและภมู ิ

ปญั ญาท้องถิ่น

- จัดทาแผนผังพันธ์ุไม้ใน

โรงเรียน ทั้งที่มอี ยู่เดิมและปลูก

เข้ามาเพิ่มเติม

- การศกึ ษาทางชีววิทยา (การตดิ ตามการ

- การศกึ ษาด้านนิเวศวิทยา เจริญเติบโต การแตกใบ

- การศกึ ษาการปลกู เลี้ยงและ อกกดอก ติดตามผลที่ได้

การขยายพนั ธ์ุ ศกึ ษาพรรณไม้)

- การใช้ประโยชนใ์ นท้องถิ่น

- การศกึ ษาโครงสร้างภายใน

ของพชื

243

11

บทท่ี 4
ผลการเรียนรู้

จากการศึกษาการสร้างสวนไม้ดอกไม้ประดับ ในการจัดทารายงานครั้งนี้ ผู้จัดทาได้ลงมือ
ปฏิบตั ิการปลูกไม้ดอกในคร้ังนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อความความสวยงาม และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อน
ใจ เพื่อให้สภาพแวดล้อมภายนอกอาคารดูสวยงามและยังสามารถเก็บตัวอย่างไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง
ได้ ไว้เทียบเคียงในการตรวจวิเคราะห์หาชื่อพรรณไม้ในครั้งต่อไป และคณะผู้จัดทายังได้เรียนรู้ขั้นตอน
ในการศกึ ษาข้อมูลตา่ งๆ ก่อนที่จะมาปลกู ไม้ดอกและยังได้ใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์อกี ด้วย รวมไปถึง
การทาให้เกิดความรใู้ นเร่อื งพชื ผักสวนครัวนีอ้ ย่างละเอียดและยัง่ ยืนอกี ด้วย

244

12

บทท่ี 5
สรุปผล

จากการที่คณะผู้จัดทาได้มีความสนใจศึกษาพันธ์ุไม้ดอกไม้ประดับตามวัตถุประสงค์คือ เพื่อ
ความความสวยงาม และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เพื่อให้สภาพแวดล้อมภายนอกอาคารดูสวยงาม
และยังสามารถเกบ็ ตัวอย่างไว้เป็นหลกั ฐานอ้างอิงได้ ไว้เทียบเคียงในการตรวจวิเคราะห์หาชื่อพรรณไม้
ในคร้ังต่อไป และวิธีการปลูกไม้ดอกไม้ประดับโดยศึกษาจากหนังสือพันธุ์ไม้ดอกไม้ประประดับ ซึ่ง
พบว่ามีพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดบั มากมายหลายชนดิ และสามาถนามาใช้ในชีวิตประจาวันได้ ซึ่งปัจจุบันมี
การนาไม้ดอกไม้ประดบั มาใช้ปลูกในสถานที่ต่างๆมากมาย

245

13

บรรณานุกรม

1. https://puechkaset.com
2. https://il.mahidol.ac.th/e
media/plants/webcontent3/interactive_key/key/describ/ngonkai.htm
3. http://www.vichakaset.com

246

14

ภาคผนวก

247

15

248

16

249

รายงาน

โครงการรณรงคก์ ารใส่หมวกนิรภยั
โรงเรียนเชียงคาวิทยาคม ปีการศึกษา 2562
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 36

ผดู้ าเนินโครงการ

1. นายพงษ์สริ ิ พวงมะลิ รหสั นิสิต 58204289
2. นายภูวนัย พวงมะลิ รหัสนิสิต 57201162
3. นายภคั คินยั พวงมะลิ รหัสนิสิต 57201106
4. นายทิวัตถ์ ป้องไคร้ รหัสนิสิต 58205808
5. นายวรกานต์ กราบทลู รหัสนิสิต 58206674
6. นายปรัชญก์ ร พลู เพิ่ม รหสั นิสิต 58202737
7. นางสาวชติ ินันท์ บญุ ปก รหัสนิสิต 58202209
8. นางสาวธญั ญเรศ อังคะลา รหัสนิสิต 58202445
9. นางสาวมณีรัตน์ สาระรตั น์ รหสั นิสิต 58201130
10. นางสาวณฐั มณฑน์ กิจชยั สกุลฤทธิ์ รหัสนิสิต 58205077
11. นางสาวกมลชนก พนั ธ์ุสภุ าพ รหสั นิสิต 58204874
12. นางสาวภัทรวดี ตั้งชยั สรุ ิยา รหสั นิสิต 58206012
13. นางสาวภทั รินทร์ หวั นา รหสั นิสิต 58204414

นิสติ ฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู
วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวทิ ยาลยั พะเยา

250

การขออนมุ ัติโครงการ
โครงการรณรงค์การใสห่ มวกนิรภัย
โรงเรยี นเชียงคาวทิ ยาคม ปีการศึกษา 2562
สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 36

251

โครงการรณรงคก์ ารใส่หมวกนิรภัย
โรงเรียนเชียงคาวิทยาคม ปีการศึกษา 2562
สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36

ชื่อโครงการ “สวมหมวกนริ ภัย ห่างไกลอุบตั ิเหตุ” รหสั นิสิต 58204289
รหัสนิสิต 57201162
ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ รหสั นิสิต 57201106
รหสั นิสิต 58205808
1. นายพงษ์สริ ิ พวงมะลิ รหสั นิสิต 58206674
2. นายภูวนัย พวงมะลิ รหัสนิสิต 58202737
3. นายภคั คินัย พวงมะลิ รหัสนิสิต 58202209
4. นายทิวัตถ์ ป้องไคร้ รหัสนิสิต 58202445
5. นายวรกานต์ กราบทูล รหัสนิสิต 58201130
6. นายปรัชญก์ ร พูลเพิม่ รหสั นิสิต 58205077
7. นางสาวชติ ินันท์ บญุ ปก รหัสนิสิต 58204874
8. นางสาวธญั ญเรศ องั คะลา รหสั นิสิต 58206012
9. นางสาวมณีรตั น์ สาระรตั น์ รหสั นิสิต 58204414
10. นางสาวณฐั มณฑน์ กิจชัยสกุลฤทธิ์
11. นางสาวกมลชนก พันธุ์สุภาพ
12. นางสาวภทั รวดี ต้ังชัยสรุ ิยา
13. นางสาวภทั รินทร์ หัวนา

ที่ปรึกษาโครงการ
1. นายวฒุ ชิ ยั ยาวิไชย

252

หลกั การและเหตผุ ลที่มาโครงการ

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการคมนาคมเสรี มีความหลากหลายของพาหนะ โดยส่วนใหญ่
ประชาชนนิยมใช้จกั รยานยนต์ในการเดนิ ทางเนือ่ งจากเปน็ การเดนิ ทางทีค่ ่อนข้างสะดวก รวดเร็ว และมี
ค่าใช้จา่ ยทีค่ ่อนข้างต่า แตก่ ระน้ันแล้วยังพบอบุ ัตเิ หตุที่เกิดจากรถจักรยานยนต์ค่อนข้างสูงเช่นเดียวกัน
โดยคนไทยใช้จักรยานยนต์มากที่สดุ เป็นอันดบั 8 ของโลก ราว 17 ลา้ นคันศู น ย์ วิ จั ย อุ บั ติ เ ห ตุ แ ห่ ง
ประเทศไทย (Thailand Accident Research Center) ซึง่ เปน็ หน่วยงานวิจัยด้านอุบัติเหตุทางถนน ภายใต้
สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ได้แถลงความคืบหน้าของ “โครงการวิจัยเพื่อเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” หรือ
In-depth Accident Investigation in Thailand ซึง่ เปน็ การวิจยั อบุ ตั เิ หตุทีเ่ กิดกับผู้ใช้รถจกั รยานยนต์ เพื่อ
ค้นหาปัจจัยสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว โดยเก็บข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับ
รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ระหว่าง พ.ศ. 2559-2563 และต้ังเป้าไว้ที่ 1,000 เคสทีเ่ กิดขนึ้ จริง โดย
ได้รับการสนับสนุนจาก ฮอนด้า และ ยามาฮ่าหลังจากมีการเก็บข้อมูลไปท้ังหมด 600 เคส และยัง
ดา่ เนนิ การอย่างต่อเนือ่ งก็พบว่า มากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ เกิด
จากการบาดเจ็บที่ศีรษะ สอดคลอ้ งกับข้อมูลที่มีการเผยว่า การไมส่ วมหมวกนริ ภัยขณะขับขี่เป็นสาเหตุ
ของการเสยี ชีวิตมากกว่าร้อยละ 60

หมวกนริ ภัยเปน็ อุปกรณ์ในการขบั ขีแ่ ละป้องกนั ภัยหรืออุบัติเหตุทางท้องถนน โดยประเทศไทย
มีกฎหมายบงั คับชัดเจนในเรื่องการสวมใส่หมวกนริ ภยั และมีการรณรงค์อยู่อยา่ งต่อเนื่อง แต่ประชาชน
สว่ นใหญย่ ังไมใ่ ห้ความสา่ คญั กับการปกป้องตนเองจากอุบัติเหตุทางจักยานยนต์โดยการสวมใส่หมวก
นิรภัย สอดคล้องกับข้อมูลที่บอกว่า มีผู้ที่ใช้จักรยานยนต์ในประเทศไทย โดยเฉพาะเยาวชน ใส่หมวก
นิรภัยเพียงร้อยละ 8 เท่าน่นั สง่ ผลให้เยาวชนไทยเสยี ชีวิตจากการไม่สวมหมวกนิรภัยถึง 5,000 คนต่อ
ปี โดยสอดคล้องกับนโยบายของส่านักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
(สพฐ.) ทีร่ ่วมกับ บรษิ ัท เอ.พี. ฮอนดา้ จา่ กดั จัดท่าโครงการ “สังคมหัวแข็ง ” และ “โรงเรียนหัวแข็ง”
ที่มุ่งเนน้ ให้ประชาชนและเยาวชนได้สวมใส่หมวกนริ ภยั ขณะขบั ขี่รถจกั รยานยนต์

โรงเรียนเชียงคา่ วิทยาคมเป็นโรงเรียนมธั ยมขนาดใหญท่ ีม่ ีนกั เรยี นมากกว่า 2,500 คน นักเรียน
ในระดบั ช้ันมัธยมศึกษาตอนปลายสว่ นใหญ่เดินทางมาโรงเรียนโดยรถจักรยานยนต์ ซึ่งทางโรงเรียนได้
เลง็ เหน็ ถึงความปลอดภยั ของนกั เรยี นในการใช้รถใช้ถนน จึงมุ่งเน้นให้นักเรียนมีจิตส่านึกในการสวมใส่
หมวกนริ ภัยเปน็ ประจ่าเพื่อสร้างนิสัยและวินัยที่ดีในการใช้หมวกนิรภัยเมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ ดังน้ัน
กลุ่มนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูข้ันเต็มรูปโรงเรียนเชียงค่าวิทยาคม จึงได้จัดท่าโครงการ
“สวมหมวกนริ ภยั ห่างไกลอุบัตเิ หตุ” ขนึ้ เพือ่ ตระหนกั ถงึ ความส่าคัญของการเกิดอบุ ัติเหตุที่ท่าให้เกิด
ความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนเน้นให้นักเรียนได้สวมใส่หมวกนิรภัยด้วยใจรักมากกว่าการ
สวมใสเ่ นือ่ งจากถกู บงั คบั เน้นให้นักเรยี นเหน็ ถึงความปลอดภยั ของชีวิต การปฏิบัติตามกฎจราจร และ
ระมัดระวงั อุบัตเิ หตุทีเ่ กิดจากการใช้รถใช้ถนน

253

วัตถปุ ระสงค์
1. เพื่อลดการสูญเสยี จากการเกิดอบุ ตั เิ หตุในการขบั ขี่
2. เพือ่ สร้างจติ ส่านึกให้กบั นักเรยี นและบุคลากรได้ปฏิบตั ิตามกฎหมายจราจรโดยเครง่ ครดั
3. เพื่อให้มวี ินยั ทางจราจร โดยการสวมหมวกนริ ภัย ไมข่ ับขีย่ ้อนศร และไมข่ ับขี่ด้วยความเร็ว
เกินกว่าทีก่ ฎหมายก่าหนด

ระยะเวลา
ตั้งแต่ธันวาคม 2562 – กมุ ภาพันธ์ 2563

สถานที่
โรงเรียนเชียงคา่ วิทยาคม อ.เชียงค่า จ.พะเยา

ผู้เข้ารว่ มโครงการ
- บุคลากรโรงเรียนเชียงคา่ วิทยาคม
- นกั เรยี นโรงเรียนเชียงค่าวิทยาคม

งบประมาณ
-

254

วิธีดาเนนิ การ

ลาดบั ขน้ั ตอนการดาเนนิ งาน วัน / เวลาดาเนนิ งาน
1 ประชมุ วางแผนการด่าเนนิ โครงการ พฤศจิกายน 2562
2 เสนอโครงการต่ออาจารย์ที่ปรึกษา ธันวาคม 2562
3 เสนออนุมตั ิโครงการ ธนั วาคม 2562
4 ด่าเนนิ กิจกรรมตามโครงการ
4.1) ส่ารวจสถติ ิการสวมหมวกนริ ภัยของนกั เรียนและบคุ ลากรก่อน มกราคม 2563
การประชาสมั พันธ์โครงการ
4.2) ประชาสัมพันธ์ข้อมูลของโครงการให้นกั เรียนและบคุ ลากรทราบ กุมภาพันธ์ 2563
และรณรงค์การสวมใสห่ มวกนริ ภัย
4.3) ประชาสัมพนั ธ์และให้ความรู้เรอ่ื งอุบัตเิ หตุจากรถจักรยานยนต์
และรณรงค์การสวมใสห่ มวกกันนิรภยั ตามระดับชนั้
4.4) ส่ารวจสถติ ิการสวมหมวกนริ ภัยของนักเรียนและบุคลากรหลัง
การประชาสมั พันธ์โครงการ
4.5) เปรยี บเทียบสถติ ิการสวมหมวกนริ ภัยของนักเรยี นและบคุ ลากร
ก่อนและหลงั โครงการ
5 สรุปและประเมินผลการดา่ เนนิ งาน

ผลที่คาดวา่ จะได้รับ

1. การเกิดอุบตั เิ หตุจากการขบั ขีล่ ดน้อยลง
2. นกั เรยี นและบคุ ลากรมีจติ สา่ นึกและปฏิบตั ติ ามกฎของจราจรอย่างเคร่งครัด
3. นักเรยี นและบคุ ลากรมีวินัยทางจราจร โดยการสวมหมวกนริ ภัย ไมข่ บั ขีย่ ้อนศร และไมข่ บั ขี่
ดว้ ยความเรว็ เกินกว่าทีก่ ฎหมายก่าหนด

255

รายงานกิจกรรมตามแผนปฏิบัตงิ าน

ระยะเวลาการดาเนนิ งาน กิจกรรม ผลลัพธ์
ทีเ่ กิดขึ้นจริง

15 พฤศจิกายน 2562 ประชุมการด่าเนินงาน โครงการรณรงค์การใส่หมวกนริ ภัย
18 พฤศจิกายน 2562
17 ธันวาคม 2563 เสนอโครงการต่อผู้บริหาร คณะครู และ อนมุ ตั ิ โครงการรณรงค์การใส่หมวกนิรภัย
นกั เรียน
2-25 มกราคม 2562
ดา่ เนินการส่ารวจการสวมหมวกนิรภยั ก่อนเริ่ม
28-31 มกราคม 2562 กิจกรรมของ โครงการรณรงค์การใส่หมวก สถิตกิ ารสวมใส่หมวกนิรภยั
1-5 กุมภาพันธ์ 2562 นิรภยั

1. ด่าเนินการตาม โครงการรณรงค์การใส่ 1.มีการประชาสัมพนั ธโ์ ครงการรณรงค์การ
ใส่หมวกนิรภยั ใหบ้ คุ ลากรในโรงเรียน
หมวกนิรภัยประชาสัมพันธ์ข้อมูลของโครงการ รบั ทราบ

ให้นักเรียนและบุคลากรทราบและรณรงค์การ

สวมใส่หมวกนิรภัย 2.ประชาสมั พันธแ์ ละใหค้ วามรู้เรื่องอบุ ตั ิเหตุ

จากรถจักรยานยนต์และรณรงค์การสวมใส่
2. ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้เรื่องอุบัติเหตุ หมวกกนั นิรภยั ตามระดบั ชั้น ในคาบ
จากรถจักรยานยนต์และรณรงค์การสวมใส่ กิจกรรมอบรม
หมวกกนั นิรภยั ตามระดบั ช้ัน

3.ส่ารวจสถิตกิ ารสวมหมวกนิรภยั ของ
3. ส่ารวจสถิตกิ ารสวมหมวกนิรภยั ของนกั เรียน นักเรียนและบคุ ลากรหลงั การประชาสัมพันธ์
และบคุ ลากรหลงั การประชาสมั พันธโ์ ครงการ โครงการ

เปรียบเทียบสถิตกิ ารสวมหมวกนิรภยั ของ หลังจากสา่ รวจสถิตกิ ารสวมหมวกนิรภัยของ
นกั เรียนและบุคลากรก่อนและหลงั โครงการ นกั เรียนและบุคลากรหลังโครงการ น่าข้อมูล
ก่อนและหลังมาเปรียบเทียบโดยคิดเปน็ ร้อย
สรปุ ประเมินผลการดา่ เนินงาน โครงการ พบว่าหลังจากประชาสัมพันธ์โครงการสวม
รณรงค์การใส่หมวกนิรภยั หม วก นิ ร ภั ย นัก เ รี ย นแ ล ะบุ คล า ก ร ใ ห้
ความส่าคญั กบั การสวมหมวกนิรภัยเพิ่มมาก
ขึน้

ผลการดาเนนิ งาน

256

ตารางที่ 1 สถิตกิ ารมาโรงเรียนของนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1

ระดบั เดินเขา้ จกั รยาน จักรยานยนต์ ผู้ปกครอง รถรบั ส่ง
มาสง่
ม1/1 1 1 3 32
ม1/2 0 0 6 5 26
ม1/3 2 0 0 12 27
ม1/4 2 0 1 13 32
ม1/5 0 0 4 8 28
ม1/6 1 1 2 11 30
ม1/7 0 0 1 9 30
ม1/8 1 2 0 12 30
ม1/9 2 1 3 6 28
ม1/10 1 0 2 10 18
ม1/11 2 0 0 14 17
ม1/12 5 0 7 16 13
รวม 17 5 29 6 311

122

ตารางที่ 2 สถิติการมาโรงเรียนของนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2

ระดับ เดนิ เขา้ จักรยาน จักรยานยนต์ ผ้ปู กครอง รถรบั ส่ง
มาสง่
ม2/1 1 0 9 25
ม2/2 1 0 8 5 25
ม2/3 4 1 10 5 17
ม2/4 0 0 14 10 20
ม2/5 1 0 19 8 17
ม2/6 2 0 9 6 25
ม2/7 2 0 9 9 21
ม2/8 2 0 6 10 24
ม2/9 0 0 5 13 27
ม2/10 2 0 2 12 14
ม2/11 0 0 3 18 19
รวม 15 1 94 13 234

109

ตารางที่ 3 สถิตกิ ารมาโรงเรียนของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

257

ระดบั เดินเขา้ จักรยาน จกั รยานยนต์ ผปู้ กครอง รถรบั ส่ง
มาส่ง
ม3/1 1 0 26 9
ม3/2 1 0 28 3 10
ม3/3 0 1 24 3 13
ม3/4 0 0 22 2 16
ม3/5 1 0 21 3 14
ม3/6 2 0 30 4 4
ม3/7 1 0 27 6 9
ม3/8 2 0 31 5 8
ม3/9 0 1 25 2 12
ม3/10 1 1 13 1 15
ม3/11 0 0 12 6 12
รวม 9 3 259 4 122

39

ตารางที่ 4 สถิติการมาโรงเรียนของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ระดบั เดินเขา้ จกั รยาน จักรยานยนต์ ผปู้ กครอง รถรบั ส่ง
มาส่ง
ม4/1 1 0 28 9
ม4/2 1 0 31 4 9
ม4/3 3 0 30 4 8
ม4/4 1 0 29 3 7
ม4/5 2 0 27 5 2
ม4/6 3 0 29 2 5
ม4/7 2 0 33 2 3
ม4/8 2 1 32 4 2
ม4/9 5 0 26 2 6
ม4/10 3 1 33 4 3
ม4/11 2 0 20 3 1
รวม 25 2 318 4 55

37

ตารางที่ 5 สถิติการมาโรงเรียนของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

258

ระดับ เดนิ เข้า จกั รยาน จกั รยานยนต์ ผปู้ กครอง รถรับส่ง
มาส่ง
ม5/1 2 0 25 4
ม5/2 4 0 31 4 4
ม5/3 3 0 31 4 2
ม5/4 2 0 27 1 10
ม5/5 1 0 28 2 2
ม5/6 1 0 28 2 6
ม5/7 1 0 34 6 4
ม5/8 5 0 31 4 6
ม5/9 1 0 35 2 6
ม5/10 2 1 26 2 4
ม5/11 1 0 20 6 1
รวม 23 1 316 4 49

37

ตารางที่ 6 สถิตกิ ารมาโรงเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

ระดบั เดนิ เขา้ จกั รยาน จักรยานยนต์ ผู้ปกครอง รถรบั ส่ง
มาสง่
ม6/1 3 0 24 6
ม6/2 5 0 21 5 2
ม6/3 2 0 24 8 0
ม6/4 3 0 20 3 2
ม6/5 2 0 31 2 2
ม6/6 3 0 25 4 6
ม6/7 0 0 33 4 0
ม6/8 1 0 33 0 1
ม6/9 1 0 36 0 0
ม6/10 2 0 22 2 8
ม6/11 2 0 16 4 4
รวม 24 0 285 8 31

40

จากตารางที่ 1 ถึง ตารางที่ 6 พบว่า นักเรียนท้ังหมดที่มาโรงเรียนโดย การเดิน มีจ่านวน
113 คนใช้จกั รยานทั้งหมด มีจา่ นวน 12 คน ใช้จักรยานยนต์ท้ังหมด จ่านวน 1,301 คน ผู้ปกครองมาส่ง
ท้ังหมด มีจา่ นวน 384 และมาโดยรถรบั สง่ ท้ังหมด จา่ นวน 802 คน

259

ตารางที่ 7 แสดงจ่านวนนักเรียนที่ใช้รถจักรยานยนต์มาโรงเรียนแล้วไม่สวมหมวกนิรภัย

ก่อนด่าเนินโครงการ

วัน เดือน ปี จานวนนกั เรียนที่ คดิ เปน็ ร้อยละของนักเรียนทใี่ ช้
ไมส่ วมหมวกนิรภัย (คน) รถจักรยานยนต์มาโรงเรยี นทงั้ หมด
17 ธนั วาคม 2562
18 ธันวาคม 2562 394 30.28
19 ธนั วาคม 2562 350 26.90
24 ธันวาคม 2562 321 24.67
25 ธันวาคม 2562 354 27.21
26 ธันวาคม 2562 328 25.21
27 ธนั วาคม 2562 287 22.06
264 20.29
เฉลีย่ 328.29 25.23

ตารางที่ 8 แสดงจ่านวนนักเรียนที่ใช้รถจักรยานยนต์มาโรงเรียนแล้วไม่สวมหมวกนิรภัย

หลงั ด่าเนนิ โครงการ

วัน เดือน ปี จานวนนักเรียนท่ี คิดเปน็ รอ้ ยละของนกั เรียนทใ่ี ช้
ไม่สวมหมวกนิรภยั (คน) รถจักรยานยนต์มาโรงเรยี นท้ังหมด
7 มกราคม 2563
9 มกราคม 2563 250 19.21
14 มกราคม 2563 201 15.45
16 มกราคม 2563 151 11.61
21 มกราคม 2563 123 9.45
23 มกราคม 2563 132 10.15
28 มกราคม 2563 93 7.15
31 มกราคม 2563 89 6.84
74 5.69
เฉลย่ี 148.43 11.41

จากตารางที่ 7 และ ตารางที่ 8 แสดงให้เห็นว่าจ่านวนนักเรียนที่ใช้รถจักรยานยนต์มาโรงเรียน
แล้วไม่สวมหมวกนิรภัยก่อนด่าเนินโครงการ มีจ่านวนเฉล่ีย 328.29 คน คิดเป็นร้อยละ 25.23 ของ
นักเรียนที่ใช้รถจักรยานยนต์มาโรงเรียนท้ังหมด 1,301 คน และเมื่อด่าเนินการตามก่าหนดการของ
โครงการรณรงค์การใส่หมวกนิรภัย พบว่า นักเรียนที่ใช้รถจักรยานยนต์มาโรงเรียนแล้วไม่สวม
หมวกนิรภัยมีจ่านวนลดลงจากเดิม ซึ่งคิดเป็นมีจ่านวนเฉล่ีย 148.43 คน คิดเป็นร้อยละ 11.41 ของ
นักเรยี นที่ใช้รถจักรยานยนต์มาโรงเรียนท้ังหมด

260

กราฟที่ 1 แสดงผลการเปรียบเทียบจ่านวนนักเรียนที่ใช้รถจักรยานยนต์มาโรงเรียนแล้วไม่สวม
หมวกนริ ภัยก่อนและหลังดา่ เนนิ โครงการ

แสดงผลการเปรยี บเทียบจานวนนกั เรยี นทีใ่ ชร้ ถจกั รยานยนต์มาโรงเรยี น
แลว้ ไม่สวมหมวกนิรภยั กอ่ น และ หลงั ดาเนนิ โครงการ
จานวน ันกเ ีรยนที่ใช้รถจักรยานยน ์ตมาโรงเ ีรยน
แ ้ลวไ ่มสวมหมวก ินรภัย ่กอน (คน)500หลงั ด่าเนนิ โครงการ
400 ก่อนด่าเนินโครงการ
17 ัธนวาคม 2562300
18 ัธนวาคม 2562200
19 ัธนวาคม 2562100
24 ัธนวาคม 2562
25 ัธนวาคม 25620
26 ัธนวาคม 2562
27 ัธนวาคม 2562
7 มกราคม 2563
9 มกราคม 2563
14 มกราคม 2563
16 มกราคม 2563
21 มกราคม 2563
23 มกราคม 2563
28 มกราคม 2563

วัน เดือน ปี

สรปุ และประเมินผลการดาเนนิ งาน
จากผลการด่าเนนิ กิจกรรมตามโครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย ซึ่งได้ส่ารวจสถิติการไม่สวม

หมวกนริ ภัยของนักเรียนที่มาโรงเรียนโดยใช้จักรยานยนต์ การประชาสัมพันธ์โครงการให้นักเรียนและ
บุคลากรทราบและรณรงค์การสวมใส่หมวกนิรภัย ให้ความรู้เรื่องอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์และ
รณรงค์การสวมใสห่ มวกกนั นิรภยั ตามระดับชนั้ พบว่า หลงั ด่าเนนิ โครงการแล้ว จ่าวนของนักเรียนที่ไม่
สวมหมวกนิรภัยขณะขับและซ้อนรถจักรยานยนต์มีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดูได้จาก กราฟที่ 1
ซึ่ ง แ ส ด ง ผ ล ก า ร เ ป รี ย บ เ ที ย บ จ่ า น ว น นั ก เ รี ย น ที่ ใ ช้ ร ถ จั ก ร ย า น ย น ต์ ม า โ ร ง เ รี ย น แ ล้ ว ไ ม่ ส ว ม
หมวกนิรภัยก่อนและหลังด่าเนินโครงการ และเมื่อวิเคราะห์ผลจ่านวนและร้อยละของนักเรียนที่ใช้
รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย จากตารางที่ 7 กับ ตารางที่ 8 จะเห็นได้ว่า หลังด่าเนิน
โครงการ จ่านวนของนักเรียนที่ใช้รถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมหมวกนิรภัยมีค่าลดลง จากก่อนด่าเนิน
โครงการ คือ มีจ่านวนเฉล่ีย 328.29 คน คิดเป็นร้อยละ 25.23 นักเรียนที่ใช้รถจักรยานยนต์มา
โรงเรียนท้ังหมด ลดลงเป็น จ่านวนเฉล่ยี 148.43 คน คิดเป็นร้อยละ 11.41 นักเรยี นที่ใช้รถจักรยานยนต์
มาโรงเรียนท้ังหมด

261

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจต่อโครงการรณรงคก์ ารใส่หมวกนิรภัย
โรงเรียนเชียงคาวิทยาคม ปีการศึกษา 2562

รายการความพึงพอใจ คา่ เฉลี่ย สว่ น ระดบั ความ
เบีย่ งเบน พึงพอใจ
1. การถ่ายทอดความรแู้ ละการอธิบายเนอ้ื หาของวิทยากรมีความ 4.33 มาตรฐาน
ชัดเจน
2. การเชอ่ื มโยงเนอื้ หาในการจดั กิจกรรม 4.17 0.55 มาก
3. การยกตวั อยา่ งประกอบการบรรยาย 4.35
4. ลาดบั ขนั้ ตอนความต่อเนื่องของกิจกรรม 4.25 0.43 มาก
5. ความพงึ พอใจต่อสถานท่ีและสภาพแวดล้อมในการจดั กจิ กรรม 4.21 0.59 มาก
6. ความเหมาะสมของอปุ กรณ์ในการจัดกจิ กรรม 4.23 0.57 มาก
7. ระยะเวลาในการจัดกจิ กรรมมีความเหมาะสม 4.21 0.56 มาก
8. หลงั จากได้รับการเข้ารว่ มกจิ กรรมท่านมีความรู้เพ่มิ มากขน้ึ 0.57 มาก
เพียงใด 4.35 0.64 มาก
9. ประโยชน์ที่ทา่ นไดร้ ับจากการเข้าร่วมกจิ กรรม
10. สามารถนาความรไู้ ปเผยแพร/่ ถา่ ยทอดได้ 4.31 0.58 มาก
11. ทา่ นเกดิ ทกั ษะการสวมหมวกนริ ภัยท่ีถกู ต้อง 4.29
12. ทา่ นเกดิ ทกั ษะการขับข่รี ถจักรยานยนต์ที่ปลอดภัย 4.31 0.62 มาก
13. ทา่ นรู้ข้อปฏิบัตขิ องกฎจราจรมากขนึ้ 4.17 0.59 มาก
4.20 0.53 มาก
โดยเฉลี่ย 4.26 0.62 มาก
0.64 มาก
0.57 มาก

262

ภาคผนวก

263

ภาพประชมุ เตรียมความพรอ้ มก่อนจะนาเสนอ
ภาพเกบ็ สถติ ินักเรียนทีไ่ มส่ วมหมวกนิรภยั มาโรงเรียน

264

ภาพเกบ็ สถติ นิ ักเรยี นทไ่ี ม่สวมหมวกนิรภัยมาโรงเรยี น
ภาพเตรียมสถานท่นี าเสนอโครงการ

265

ภาพเตรยี มความพรอ้ มแสดงการจาลองเหตุการณ์

ภาพนาเสนอโครงการใหก้ บั นักเรยี นโรงเรยี นเชยี งคาวทิ ยาคม
วิทยาคม

266

ภาพแสดงเหตกุ ารณจ์ าลอง
เหตุการณ์

ภาพให้ความรู้จากเหตุการณจ์ าลอง

267

ภาพนักเรยี นมีสว่ นรว่ มและลงมือปฏิบตั ิจริง
ภาพติดโปสเตอรร์ ณรงคส์ วมหมวกนริ ภัย

268

ภาพติดโปสเตอร์รณรงคส์ วมหมวกนริ ภัย
ภาพประชมุ สรปุ โครงการ


Click to View FlipBook Version