The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาคณิตศาสตร์ ป.2 เทอม 1-63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จิรพงศ์ ไมตรีจิตร, 2020-06-13 09:12:18

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาคณิตศาสตร์ ป.2 เทอม 1-63

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาคณิตศาสตร์ ป.2 เทอม 1-63

โดดในหลกั สิบมากกว่าจะมากกว่า ถา้ เลขโดดในหลกั ร้อยมีค่าเท่ากันและเลขโดดในหลกั สิบมคี า่ เทา่ กัน จานวนที่มีคา่ ของเลข

โดดในหลักหนว่ ยมากกวา่ จะมากกวา่ จากนั้นครูและนกั เรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรปุ สงิ่ ท่ีได้เรยี นรู้

- การเปรยี บเทียบจานวนสามหลกั สองจานวน

- จานวนทม่ี คี า่ ของเลขโดดในหลักรอ้ ยมากกว่าจะมากกว่า

- ถ้าเลขโดดในหลักรอ้ ยมีคา่ เท่ากนั จานวนที่มีคา่ ของเลขโดดในหลักสิบมากกวา่ จะมากกว่า

- ถ้าเลขโดดในหลกั ร้อยมีคา่ เทา่ กนั และเลขโดดหลกั สิบมีค่าเท่ากัน จานวนที่มีคา่ ของเลขโดดในหลกั

หน่วยมากกว่าจะมากกว่า

ข้นั ตรวจสอบผล

1. นักเรียนสามารถการเปรยี บเทียบจานวนสองจานวนท่ีมีจานวนหลักไมเ่ ทา่ กัน จานวนทีม่ ีจานวนหลกั มากกว่า

จะมากกวา่ จานวนที่มีจานวนหลักนอ้ ยกวา่ จากนน้ั ใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหดั หน้า 17 - 19

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรคู้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคดิ 70% ข้ึนไป ถอื ว่าผา่ น

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น

-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรกู้ ารปฏบิ ัติ

คุณลักษณะนิสัย (A) - สังเกตพฤตกิ รรมขณะทางาน - แบบประเมนิ พฤตกิ รรม 70% ขึน้ ไป ถือวา่ ผา่ น

รว่ มกับกลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ เกณฑ์การประเมิน

7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สื่อการเรยี นรู้

1. หนังสือพิมพ์
2. บตั รตวั เลข บัตรภาพจานวนต่าง ๆ
3. บัตรภาพลูกคดิ
4. หนงั สือเรยี นสาระการเรียนรู้พน้ื ฐาน คณิตศาสตร์/ส่อื การเรยี น รูค้ ณิตศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บตั รตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................. ...............
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ่ี 2

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ชอ่ื ผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 จานวนนับไมเ่ กิน1,000และ 0 เร่ือง การเรยี งลาดับจานวน (1)

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลที่เกดิ ขน้ึ

จากการดาเนินการ สมบตั ิของการดาเนินการ และนาไปใช้

ตัวชี้วัดที่ ป. 2/1 บอกจานวนของส่ิงต่าง ๆ แสดงสิ่ง ต่าง ๆ ตามจานวนที่กาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก

ตวั เลขไทยตวั หนังสือแสงจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

ป.2/2 เปรียบเทยี บจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0 โดยใช้เครอื่ งหมาย = * > <

ป.2/3 เรียงลาดบั จานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ตง้ั แต่ 3 ถึง 4 จานวนจากสถานการณต์ ่าง ๆ

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

การเรียงลาดับจานวน อาจทาได้โดยหาจานวนท่มี ากท่ีสดุ และนอ้ ยที่สุดกอ่ นจากนน้ั นาจานวนมาเรียงลาดับจากมาก

ไปนอ้ ย หรือจากน้อยไปมาก

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

เรียงลาดบั จานวนสามจานวนจากน้อยไปมาก หรือจากมากไปน้อย

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ ีการที่เหมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมั่นใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ

การเรยี งลาดบั จานวน พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1
ขน้ั นา

ข้ันกระต้นุ ความสนใจ

1. ครูสนทนากบั นักเรยี นเกย่ี วกบั ภาพในหนงั สือเรียนหนา้ 33 ว่าเปน็ ภาพอะไร
- มีหนงั สืออะไรบา้ ง

- หนงั สือประวตั ิศาสตร์มีกเี่ ล่ม
- หนังสอื สารคดมี กี เี่ ล่ม
- หนังสือภูมิศาสตร์มกี เ่ี ล่ม
จากนั้นครตู ิดบัตรจานวน 132 214 และ 315 บนกระดาน โดยให้แต่ละหลกั ตรงกนั แล้วถามนักเรียนว่ามวี ธิ ี
เรียงลาดบั จานวนจากนอ้ ยไปมากได้อย่างไรใหน้ ักเรยี นพิจารณาเลขโดดในหลกั ร้อยของทั้งสามจานวนวา่ จานวนใดมคี ่าของ
เลขโดดในหลกั ร้อยมากทสี่ ดุ และจานวนใดมีค่าของเลขโดดในหลักร้อยนอ้ ยทีส่ ดุ จะได้ 315 มคี ่าของเลขโดดในหลักร้อยมาก
ทส่ี ุดและ132 มีคา่ ของเลขโดดในหลักร้อยน้อยทส่ี ุด ดังนนั้ 315 มากท่สี ุด และ 132 น้อยท่สี ุดแลว้ นามาเรียงลาดับจานวนจาก
น้อยไปมากได้ดงั น้ี 132 214 315 ดังนัน้ เรียงลา ดบั จานวนหนงั สือจากน้อยไปมากได้ 132 เล่ม 214 เล่ม 315 เล่ม

ขั้นสอน

ขัน้ สารวจคน้ หา

1. ครสู นทนากบั นักเรียนเกยี่ วกบั ภาพในหนังสือเรียนหน้า 33 วา่ เปน็ ภาพอะไร
- มีหนังสอื อะไรบ้าง
- หนงั สือประวัติศาสตรม์ ีกเ่ี ล่ม
- หนังสอื สารคดีมีกเี่ ล่ม
- หนังสอื ภูมศิ าสตร์มกี ่ีเล่ม

จากนัน้ ครตู ดิ บัตรจานวน 132 214 และ 315 บนกระดาน โดยให้แตล่ ะหลกั ตรงกัน แล้วถาม
นกั เรยี นวา่ มวี ธิ เี รียงลาดบั จานวนจากน้อยไปมากได้อย่างไรให้นักเรียนพิจารณาเลขโดดในหลกั ร้อยของทัง้ สามจานวนว่า
จานวนใดมีค่าของเลขโดดในหลักร้อยมากท่สี ดุ และจานวนใดมีคา่ ของเลขโดดในหลกั ร้อยนอ้ ยทส่ี ดุ จะได้ 315 มคี ่าของเลขโดด
ในหลกั รอ้ ยมากท่ีสดุ และ132 มีคา่ ของเลขโดดในหลกั รอ้ ยน้อยที่สดุ ดงั นัน้ 315 มากที่สุด และ 132 น้อยทส่ี ุดแลว้ นามา
เรยี งลาดบั จานวนจากนอ้ ยไปมากไดด้ งั นี้ 132 214 315 ดงั น้นั เรียงลา ดับจานวนหนงั สอื จากน้อยไปมากได้ 132 เลม่ 214
เล่ม 315 เลม่

2. ครอู ธิบายการเรียงลาดับ 632 414 475 จากมากไปน้อย โดยหาจานวนท่มี ากทส่ี ดุ และจานวน
ทน่ี ้อยทีส่ ุดกอ่ น จากการพจิ ารณาคา่ ของเลขโดดในหลักรอ้ ย หลักสบิ ตามหนงั สือเรียนหนา้ 34 จะได้ 632 มากทสี่ ดุ และ
414 น้อยท่ีสดุ ดังน้นั เรียงลาดับจากมากไปน้อยไดด้ ังน้ี 632 475 414 จากนั้นครูให้นักเรียนชว่ ยกนั เรียงลาดับ 763 925
796 จากมากไปนอ้ ย

3. ครตู ิดบตั รตัวเลข 862 539 865 บนกระดาน ให้แต่ละหลกั ตรงกัน แล้วถามนกั เรียนว่ามวี ธิ ีเรียงลาดับจานวน
จากน้อยไปมากอย่างไร ใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาค่าของเลขโดดในหลักร้อย จะได้ 539 นอ้ ยที่สดุ จากนั้นพิจารณาเลขโดดในหลัก
ร้อย และเลขโดดในหลักสบิ ของ 862 และ 865 พบว่าเท่ากนั ดงั นัน้ จงึ พจิ ารณาคา่ ของเลขโดดในหลกั หนว่ ย จะได้ 865
มากกวา่ 862 จึงไดว้ า่ 865 มคี ่ามากทสี่ ุด ครูให้นักเรียนเรียงลาดบั จานวนจากน้อยไปมากดังนี้ 539 862 865 จากนนั้ ครู
ให้นักเรียนชว่ ยกนั เรยี งลาดับ 239 182 233 จากนอ้ ยไปมาก โดยให้หาจานวนทมี่ ากทส่ี ดุ และจานวนที่น้อยทีส่ ุดก่อน แล้วจงึ
นามาเรยี งลาดับ

ขั้นสรุป

ขัน้ ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยให้นกั เรยี นเรียงลาดบั จานวนท่กี าหนดใหจ้ ากมากไปน้อย และจากนอ้ ยไป
มาก ตามหนังสอื เรียนหนา้ 36 โดยให้หาจานวนท่มี ากท่สี ุดและจานวนท่ีน้อยท่ีสุดก่อนแลว้ จงึ นามาเรยี งลาดับครแู ละนักเรียน

ร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องและร่วมกันสรุปสง่ิ ท่ีไดเ้ รยี นรู้ ถ้าพบวา่ มีนักเรียนคนใดเรียงลาดบั จานวนไม่ถูกต้องใหม้ าฝึก

เรียงลาดบั จานวนกับครเู ปน็ รายบุคคล

- การเรยี งลาดบั จานวน 3 จานวน อาจทาไดโ้ ดยหาจานวนท่ีมากท่ีสดุ และน้อยที่สดุ กอ่ นจากน้นั นาจานวนมาเรียงลาดบั จาก

มากไปน้อยหรือจากน้อยไปมาก

ข้ันตรวจสอบผล

1. การเรยี งลาดบั จานวน 3 จานวน อาจทาได้โดยหาจานวนท่มี ากท่ีสุดและน้อยที่สุดก่อนจากน้นั นาจานวนมา

เรยี งลาดับจากมากไปน้อยหรือจากน้อยไปมากครูใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหดั หน้า 20 - 21

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมินผลจดุ ประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เครอื่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมินผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่าน

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรุปความรกู้ ารปฏบิ ตั ิ

คณุ ลักษณะนสิ ัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะทางาน - แบบประเมนิ พฤตกิ รรม 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน

ร่วมกับกลุม่ ขณะ ทางานรว่ มกบั กลุ่ม เกณฑ์การประเมิน

7. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้

7.1 สอ่ื การเรยี นรู้

1. หนงั สอื พมิ พ์

2. บตั รตวั เลข บตั รภาพจานวนตา่ ง ๆ

3. บัตรภาพลกู คิด

4. หนังสอื เรียนสาระการเรียนรูพ้ ้ืนฐาน คณิตศาสตร์/ส่ือการเรยี น รู้คณติ ศาสตร์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บัตรภาพ

2. บตั รตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................... .................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครูผสู้ อน ลงชอื่ ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ที่ 2

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ชือ่ ผู้สอน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 จานวนนบั ไมเ่ กิน1,000และ 0 เร่อื ง การเรียงลาดบั จานวน (2)

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลท่เี กิดข้นึ

จากการดาเนนิ การ สมบตั ิของการดาเนินการ และนาไปใช้

ตัวชี้วัดท่ี ป. 2/1 บอกจานวนของสิ่งต่าง ๆ แสดงสิ่ง ต่าง ๆ ตามจานวนที่กาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก

ตวั เลขไทยตัวหนังสอื แสงจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0

ป.2/2 เปรียบเทียบจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ้ ครอื่ งหมาย = * > <

ป.2/3 เรยี งลาดบั จานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0 ตั้งแต่ 3 ถึง 4 จานวนจากสถานการณ์ต่าง ๆ

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

• จานวนที่หลักหนว่ ยเป็น 0 2 4 6 8 เปน็ จานวนคู่

• จานวนทห่ี ลกั หนว่ ยเปน็ 1 3 5 7 9 เป็นจานวนคี่

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

บอกได้วา่ จานวนทกี่ าหนดให้เป็นจานวนคูห่ รือจานวนคี่

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ กี ารทีเ่ หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลกั ษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมน่ั ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถิ่น

จานวนคู่ จานวนค่ี พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1
ขน้ั นา

ขั้นกระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูชไู มไ้ อศกรีม 2 อนั แลว้ แนะนาว่า ไมไ้ อศกรีม 2 อนั นามาจับคู่ได้พอดี ครชู ูไม้ไอศกรีม 3 อนั แลว้ แนะนาว่า
ไมไ้ อศกรีม 3 อัน นามาจับคู่ไดไ้ ม่พอดี ครูแนะนา ว่า จานวนไม้ไอศกรมี ท่ีจบั ค่ไู ด้พอดีเป็นจานวนคู่และ จานวนไมไ้ อศกรีมท่ี

จับคไู่ ด้ไม่พอดีเปน็ จานวนคีจ่ ากนั้นครูใหน้ ักเรียนออกมาหยบิ ไมไ้ อศกรีม 4 อันแล้วถามว่าจับคไู่ ด้พอดีหรือไม่ และให้บอกวา่ 4
เปน็ จานวนคู่หรือจานวนค่ี ครใู หน้ กั เรียนทากจิ กรรมเช่นนี้โดยใชไ้ ม้ไอศกรมี 5 อนั 6 อนั … 10 อัน จากนนั้ ครูชูไมไ้ อศกรมี 1
อัน แลว้ ถามนกั เรยี นวา่ สามารถจบั คู่ไม้ไอศกรีม 1 อนั ไดห้ รือไม่ นักเรียนตอบว่า จบั คูไ่ ม่ไดเ้ พราะมีอันเดยี ว ครูและนักเรยี น
ชว่ ยกนั สรปุ วา่ 2 4 6 8 10 เป็นจานวนคู่ และ 1 3 5 7 9 เป็นจานวนคี่

ขัน้ สอน

ขั้นสารวจคน้ หา

1. ครชู ไู มไ้ อศกรมี 2 อัน แลว้ แนะนาว่า ไมไ้ อศกรีม 2 อัน นามาจบั คู่ไดพ้ อดี ครชู ูไม้ไอศกรมี 3 อนั แลว้ แนะนาว่า
ไมไ้ อศกรีม 3 อนั นามาจบั คู่ได้ไม่พอดี ครูแนะนา ว่า จานวนไมไ้ อศกรีมทจี่ ับคไู่ ด้พอดเี ป็นจานวนคแู่ ละ จานวนไม้ไอศกรมี ที่
จับคู่ได้ไม่พอดเี ปน็ จานวนค่ีจากนนั้ ครูให้นักเรยี นออกมาหยิบไม้ไอศกรีม 4 อนั แลว้ ถามว่าจบั คไู่ ดพ้ อดหี รือไม่ และให้บอกวา่ 4
เปน็ จานวนค่หู รือจานวนค่ี ครูให้นกั เรยี นทากิจกรรมเช่นนโ้ี ดยใชไ้ ม้ไอศกรมี 5 อนั 6 อนั … 10 อัน จากน้นั ครูชูไมไ้ อศกรีม 1
อัน แลว้ ถามนักเรยี นว่า สามารถจับค่ไู มไ้ อศกรีม 1 อันได้หรือไม่ นักเรยี นตอบวา่ จับค่ไู ม่ได้เพราะมีอนั เดยี ว ครูและนักเรยี น
ชว่ ยกันสรุปว่า 2 4 6 8 10 เป็นจานวนคู่ และ 1 3 5 7 9 เปน็ จานวนค่ี

2. ครแู บง่ นักเรียนเปน็ กลุ่ม ครูแจกอปุ กรณ์กลุม่ ละ 1 ชุด ให้นักเรียนทากิจกรรมจานวนค่หู รอื จานวนคตี่ ามหนงั สอื
เรียนหน้า 42 แลว้ ให้บนั ทกึ ผลการจบั คไู่ ม้ไอศกรีมและบอกวา่ จานวนใดเป็นจานวนคู่และจานวนใดเปน็ จานวนคี่ ซงึ่ จะได้ว่า
11 13 15 17 19 เป็นจานวนคีแ่ ละ 12 14 16 18 20 เปน็ จานวนคู่ ครูอาจใช้ส่งิ ของอืน่ ทีส่ ามารถหาไดง้ า่ ยแทนไม้ไอศกรมี
เชน่ หลอดกาแฟ ฝาน้าด่มื ให้นกั เรียนสังเกตว่า จานวนคเู่ ปน็ จานวนท่มี หี ลกั หน่วยเปน็ 0 2 4 6 8 และจานวนค่ีเป็นจานวนท่ี
มีหลกั หนว่ ยเปน็ 1 3 5 7 9

3. ครสู นทนากบั นักเรยี นว่าจานวน 1 ถึง 20 มีจานวนใดบ้างเป็นจานวนคู่ จานวนใดบา้ งเปน็ จานวนคี่ หรืออาจ
สนทนาถึงจานวนนกั เรียนในหอ้ ง จานวนนกั เรยี นชาย จานวนนักเรยี นหญงิ หรอื จานวนอนื่ ๆ ท่ีครยู กตวั อย่างมาตามความ
เหมาะสม พจิ ารณาจากตวั เลขที่อยู่ในหลกั หนว่ ยของจานวนนนั้ ๆ ถ้าหลกั หนว่ ยเป็น0 2 4 6 8 เปน็ จานวนคู่ ถา้ หลักหน่วย
เป็น 1 3 5 7 9 เปน็ จานวนค่ี ครใู ห้นกั เรยี นชว่ ยกนั บอกว่าจานวนทีก่ าหนดให้ในกรอบท้ายหน้า 43 เปน็ จานวนค่หู รอื จานวน
ค่ี เพราะเหตใุ ด จากน้นั ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง

ข้นั สรุป

ขั้นขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยให้นักเรียนเขยี นบอกวา่ จานวนที่กาหนดให้จานวนใดบ้างเปน็ จานวนคู่
และจานวนใดบา้ งเปน็ จานวนคี่ โดยครูถามเปน็ รายบุคคล และใหเ้ พื่อนในห้องร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องถา้ พบวา่ มี
นกั เรยี นคนใดไมส่ ามารถบอกได้วา่ จานวนใดเปน็ จานวนค่หู รอื จานวนค่ี ให้ครแู ก้ไขให้ถูกตอ้ งทนั ที พร้อมทงั้ อธบิ ายเหตผุ ล
จากนน้ั ครูและนักเรยี นร่วมกันสรปุ ส่ิงทไี่ ด้เรียนรู้ จานวนที่หลักหนว่ ยเปน็ 0 2 4 6 8 เป็นจานวนคู่ และจานวนท่ีหลักหน่วย
เป็น 1 3 5 7 9 เปน็ จานวนค่ี

ขน้ั ตรวจสอบผล

1. จานวนทหี่ ลักหน่วยเป็น 0 2 4 6 8 เป็นจานวนคู่ และจานวนทีห่ ลกั หน่วยเป็น 1 3 5 7 9 เปน็ จานวนคี่จากนั้นให้
นักเรยี นทาแบบฝึกหัด หน้า 24 - 26

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วิธกี ารวัดผล เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ผล
70% ข้นึ ไป ถอื วา่ ผ่าน
ความร้คู วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ เกณฑ์การประเมิน
70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน
-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่าน
เกณฑ์การประเมิน
-การใหเ้ หตผุ ล

-การสรุปความรูก้ ารปฏบิ ัติ

คุณลกั ษณะนสิ ยั (A) - สังเกตพฤตกิ รรมขณะทางาน - แบบประเมนิ พฤตกิ รรม

ร่วมกบั กลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกบั กล่มุ

7. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้

1. หนงั สือพมิ พ์
2. บตั รตวั เลข บัตรภาพจานวนตา่ ง ๆ
3. บตั รภาพลกู คดิ
4. หนงั สือเรียนสาระการเรียนรูพ้ ้นื ฐาน คณติ ศาสตร์/สื่อการเรยี น รคู้ ณิตศาสตร์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู สู้ อน ลงชือ่ ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ที่ 2

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ช่ือผู้สอน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 จานวนนบั ไมเ่ กิน1,000และ 0 เร่อื ง การเรยี งลาดบั จานวน (2)

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชีว้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลทเ่ี กิดข้นึ

จากการดาเนนิ การ สมบตั ิของการดาเนินการ และนาไปใช้

ตัวชี้วัดท่ี ป. 2/1 บอกจานวนของสิ่งต่าง ๆ แสดงสิ่ง ต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก

ตัวเลขไทยตัวหนงั สอื แสงจานวนนบั ไม่เกิน 1,000 และ 0

ป.2/2 เปรยี บเทียบจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ้ ครือ่ งหมาย = * > <

ป.2/3 เรยี งลาดบั จานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0 ตั้งแต่ 3 ถงึ 4 จานวนจากสถานการณ์ต่าง ๆ

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

• จานวนท่ีหลักหนว่ ยเป็น 0 2 4 6 8 เปน็ จานวนคู่

• จานวนทหี่ ลักหน่วยเป็น 1 3 5 7 9 เป็นจานวนค่ี

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

บอกไดว้ ่าจานวนทกี่ าหนดให้เป็นจานวนค่หู รือจานวนค่ี

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ ีการทเ่ี หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลกั ษณะ(A)

มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมน่ั ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนร้ทู อ้ งถิน่

จานวนคู่ จานวนค่ี พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1
ขน้ั นา

ขั้นกระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูชูไมไ้ อศกรมี 2 อนั แลว้ แนะนาว่า ไมไ้ อศกรีม 2 อนั นามาจับคู่ได้พอดี ครชู ูไมไ้ อศกรีม 3 อนั แลว้ แนะนาว่า
ไมไ้ อศกรีม 3 อนั นามาจับคู่ไดไ้ ม่พอดี ครูแนะนา ว่า จานวนไม้ไอศกรมี ท่ีจบั คไู่ ด้พอดเี ป็นจานวนคู่และ จานวนไมไ้ อศกรีมท่ี

จับคไู่ ด้ไม่พอดเี ป็นจานวนคจี่ ากนั้นครูให้นักเรยี นออกมาหยบิ ไมไ้ อศกรมี 4 อันแลว้ ถามวา่ จับคู่ได้พอดหี รือไม่ และให้บอกว่า 4
เปน็ จานวนคหู่ รอื จานวนค่ี ครูให้นกั เรยี นทากจิ กรรมเชน่ น้โี ดยใชไ้ ม้ไอศกรมี 5 อัน 6 อัน … 10 อนั จากนัน้ ครชู ูไมไ้ อศกรีม 1
อัน แลว้ ถามนักเรยี นว่า สามารถจับคูไ่ มไ้ อศกรีม 1 อนั ได้หรือไม่ นกั เรียนตอบว่า จบั คู่ไม่ได้เพราะมีอนั เดียว ครแู ละนักเรียน
ชว่ ยกันสรปุ ว่า 2 4 6 8 10 เปน็ จานวนคู่ และ 1 3 5 7 9 เป็นจานวนคี่

ขัน้ สอน

ขั้นสารวจคน้ หา

1. ครชู ไู ม้ไอศกรีม 2 อัน แลว้ แนะนาว่า ไม้ไอศกรีม 2 อัน นามาจบั คู่ไดพ้ อดี ครูชไู มไ้ อศกรมี 3 อัน แลว้ แนะนาวา่
ไมไ้ อศกรมี 3 อัน นามาจับคู่ได้ไม่พอดี ครูแนะนา ว่า จานวนไมไ้ อศกรีมทจี่ บั คูไ่ ด้พอดีเป็นจานวนคแู่ ละ จานวนไม้ไอศกรมี ท่ี
จับคู่ได้ไม่พอดเี ป็นจานวนคี่จากนั้นครูให้นักเรียนออกมาหยิบไม้ไอศกรมี 4 อนั แลว้ ถามวา่ จับคไู่ ดพ้ อดหี รือไม่ และให้บอกวา่ 4
เปน็ จานวนคหู่ รือจานวนคี่ ครใู หน้ ักเรียนทากจิ กรรมเชน่ น้ีโดยใช้ไม้ไอศกรีม 5 อัน 6 อนั … 10 อัน จากน้ันครชู ูไมไ้ อศกรีม 1
อัน แลว้ ถามนกั เรียนวา่ สามารถจบั คไู่ มไ้ อศกรีม 1 อนั ไดห้ รือไม่ นักเรยี นตอบวา่ จับค่ไู ม่ได้เพราะมอี นั เดียว ครแู ละนักเรยี น
ชว่ ยกันสรุปวา่ 2 4 6 8 10 เปน็ จานวนคู่ และ 1 3 5 7 9 เป็นจานวนค่ี

2. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกล่มุ ครแู จกอปุ กรณ์กลุม่ ละ 1 ชดุ ใหน้ ักเรยี นทากจิ กรรมจานวนคหู่ รอื จานวนคตี่ ามหนังสือ
เรียนหน้า 42 แลว้ ให้บันทึกผลการจับค่ไู มไ้ อศกรีมและบอกว่าจานวนใดเปน็ จานวนคแู่ ละจานวนใดเปน็ จานวนค่ี ซึ่งจะไดว้ ่า
11 13 15 17 19 เปน็ จานวนคี่และ 12 14 16 18 20 เป็นจานวนคู่ ครูอาจใชส้ ิ่งของอืน่ ที่สามารถหาไดง้ ่ายแทนไม้ไอศกรมี
เชน่ หลอดกาแฟ ฝาน้าดืม่ ให้นักเรยี นสงั เกตวา่ จานวนคเู่ ป็นจานวนทมี่ ีหลักหนว่ ยเปน็ 0 2 4 6 8 และจานวนค่ีเปน็ จานวนท่ี
มีหลกั หน่วยเป็น 1 3 5 7 9

3. ครูสนทนากบั นกั เรยี นวา่ จานวน 1 ถงึ 20 มีจานวนใดบ้างเปน็ จานวนคู่ จานวนใดบา้ งเปน็ จานวนคี่ หรืออาจ
สนทนาถงึ จานวนนกั เรยี นในห้อง จานวนนักเรียนชาย จานวนนกั เรยี นหญิง หรอื จานวนอ่ืน ๆ ทค่ี รยู กตัวอยา่ งมาตามความ
เหมาะสม พจิ ารณาจากตวั เลขทีอ่ ยู่ในหลกั หนว่ ยของจานวนนั้น ๆ ถา้ หลักหนว่ ยเปน็ 0 2 4 6 8 เป็นจานวนคู่ ถ้าหลกั หนว่ ย
เป็น 1 3 5 7 9 เป็นจานวนคี่ ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกนั บอกว่าจานวนทก่ี าหนดให้ในกรอบท้ายหน้า 43 เป็นจานวนคูห่ รือจานวน
ค่ี เพราะเหตใุ ด จากน้นั ครแู ละนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง

ข้นั สรุป

ขั้นขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยใหน้ ักเรยี นเขยี นบอกวา่ จานวนที่กาหนดใหจ้ านวนใดบ้างเปน็ จานวนคู่
และจานวนใดบา้ งเปน็ จานวนคี่ โดยครูถามเปน็ รายบุคคล และใหเ้ พื่อนในห้องร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องถ้าพบวา่ มี
นกั เรยี นคนใดไม่สามารถบอกไดว้ ่าจานวนใดเป็นจานวนค่หู รอื จานวนค่ี ใหค้ รูแกไ้ ขใหถ้ ูกต้องทนั ที พร้อมท้ังอธบิ ายเหตผุ ล
จากนน้ั ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ สง่ิ ที่ได้เรียนรู้จานวนทหี่ ลักหน่วยเปน็ 0 2 4 6 8 เปน็ จานวนคู่ และจานวนท่หี ลักหนว่ ย
เป็น 1 3 5 7 9 เปน็ จานวนคี่

ขน้ั ตรวจสอบผล

1. จานวนที่หลกั หนว่ ยเป็น 0 2 4 6 8 เปน็ จานวนคู่ และจานวนที่หลักหน่วยเปน็ 1 3 5 7 9 เปน็ จานวนคจ่ี ากน้ันให้
นักเรยี นทาแบบฝึกหัด หนา้ 24 - 26

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ผล
- คาถามกระตุ้นความคดิ 70% ขนึ้ ไป ถือวา่ ผา่ น
ความร้คู วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ เกณฑ์การประเมนิ
แบบฝึกหดั 70% ขึน้ ไป ถือวา่ ผ่าน
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน
- แบบประเมนิ พฤติกรรม
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก ขณะ ทางานร่วมกับกล่มุ 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมิน
-การใหเ้ หตุผล

-การสรุปความรู้การปฏบิ ตั ิ

คุณลกั ษณะนสิ ัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ

ทางานร่วมกบั กลุ่ม

7. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. หนงั สือพมิ พ์
2. บตั รตวั เลข บัตรภาพจานวนต่าง ๆ
3. บตั รภาพลูกคดิ
4. หนงั สือเรยี นสาระการเรียนรพู้ ืน้ ฐาน คณิตศาสตร์/สือ่ การเรยี น รู้คณิตศาสตร์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
........................................................................................................... .................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงชือ่ ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ที่ 2

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/………... ชอ่ื ผู้สอน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 จานวนนับไม่เกิน1,000และ 0 เรื่อง แบบรูปของจานวนทเ่ี พ่มิ ขน้ึ ทีละ2และแบบรปู

ของจานวนทีล่ ดลงทีละ 2

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลทเ่ี กดิ ขึน้

จากการดาเนินการ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้

ตัวชี้วัดที่ ป. 2/1 บอกจานวนของส่ิงต่าง ๆ แสดงสิ่ง ต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก

ตวั เลขไทยตวั หนงั สือแสงจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

ป.2/2 เปรียบเทียบจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ้ ครอื่ งหมาย = * > <

ป.2/3 เรยี งลาดับจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ต้งั แต่ 3 ถึง 4 จานวนจากสถานการณ์ตา่ ง ๆ

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

• แบบรูปของจานวนทเ่ี พิม่ ข้ึนทีละ 2ทลี ะ 5 หรือทลี ะ 100 เปน็ ชุดของจานวนท่ีมคี วามสมั พนั ธก์ นั อย่างต่อเนื่องใน

ลกั ษณะของการเพ่ิมขนึ้ ทีละ 2 ทีละ 5 หรอื ทลี ะ 100

• แบบรปู ของจานวนท่ลี ดลงทีละ 2 ทีละ 5 หรอื ทลี ะ 100 เปน็ ชดุ ของจานวนท่ีมีความสัมพันธก์ ันอยา่ งต่อเนอื่ งใน

ลกั ษณะของการลดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 หรือทีละ 100

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

บอกจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวนที่เพมิ่ ข้ึนทีละ 2 และแบบรปู ของจานวนทล่ี ดลงทีละ 2 ได้

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธกี ารที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมน่ั ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนร้ทู อ้ งถิ่น

แบบรปู ของจานวนทีเ่ พิ่มข้นึ ทีละ 2 และแบบ พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา

รปู ของจานวนท่ีลดลงทลี ะ 2

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบที่ 1
ขนั้ นา

ขนั้ กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครตู ดิ บตั รตัวเลข 56 บนกระดานครูทบทวนการนบั เพ่มิ ทีละ 2 โดยการถาม-ตอบ ถ้าเร่ิมจาก 56 นับเพิม่ ทลี ะ 2
ได้ 58 60 62 64 ... ครตู ิดบัตรจานวนท่นี ับได้บนกระดานแล้วใหน้ ักเรยี นสงั เกตชุดของจานวน 56 58 60 62 64 ว่าเปน็ การ
เรยี งจานวนในลักษณะอยา่ งไร นกั เรียนตอบว่า 56 58 60 62 64 เปน็ จานวนทีเ่ พ่ิมขนึ้ ทีละ 2 ครเู ขยี นเสน้ โยงดว้ ยลกู ศร + 2
แลว้ สรปุ วา่ 56 58 60 62 และ 64 เป็นจานวนนบั ทีเ่ พม่ิ ข้ึนทลี ะ 2 ครูแนะนาความสัมพันธ์ที่ต่อเน่ืองกันในลักษณะของการ
เพม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 2 นีว้ ่า เปน็ แบบรูปของจานวนที่เพ่ิมขึ้นทีละ 2 ครูให้นักเรยี นหาจานวนที่อยถู่ ดั จาก 64 วา่ เป็นจานวนใด โดยใช้
การนบั เพ่ิมทีละ 2 นกั เรียนตอบว่า 66 จากนั้นครูให้พิจารณาแบบรูปของจานวน 245 247 249 251 แลว้ ใหห้ าว่าจานวน
ถัดไปคอื จานวนใด เพราะเหตุใด นักเรยี นตอบว่า จานวนถดั ไปคือ 253 เพราะ 245 247 249 251 เป็นแบบรปู ของจานวนท่ี
เพิม่ ขน้ึ ทีละ 2 ดงั นั้น เพม่ิ ข้ึน 2 ได้ 253 ครอู าจยกตัวอย่างเพ่มิ เติม เช่น 143 145 147 …… 151 แล้วถามนกั เรยี นวา่ จานวน
ที่หายไปคือจานวนใด พร้อมบอกเหตุผล ครูใหน้ ักเรยี นช่วยกนั หาจานวนทหี่ ายไปในแบบรปู ของจานวนตามหนงั สือเรียนท้าย
หน้า 45

ขัน้ สอน

ขั้นสารวจคน้ หา

1. ครูติดบัตรตวั เลข 56 บนกระดานครทู บทวนการนับเพ่มิ ทลี ะ 2 โดยการถาม-ตอบ ถ้าเรม่ิ จาก 56 นบั เพม่ิ ทลี ะ 2
ได้ 58 60 62 64 ... ครูตดิ บัตรจานวนท่ีนับได้บนกระดานแลว้ ให้นกั เรียนสังเกตชุดของจานวน 56 58 60 62 64 ว่าเป็นการ
เรียงจานวนในลักษณะอยา่ งไร นกั เรยี นตอบว่า 56 58 60 62 64 เป็นจานวนที่เพิ่มข้ึนทลี ะ 2 ครูเขียนเสน้ โยงด้วยลกู ศร + 2
แลว้ สรุปวา่ 56 58 60 62 และ 64 เป็นจานวนนับทเี่ พ่มิ ขึ้นทลี ะ 2 ครูแนะนาความสมั พันธท์ ่ีตอ่ เน่อื งกันในลักษณะของการ
เพ่มิ ขึ้นทีละ 2 นี้ว่า เปน็ แบบรูปของจานวนท่เี พ่มิ ขน้ึ ทลี ะ 2 ครใู หน้ กั เรยี นหาจานวนท่ีอย่ถู ดั จาก 64 วา่ เปน็ จานวนใด โดยใช้
การนับเพิ่มทลี ะ 2 นกั เรยี นตอบวา่ 66 จากนนั้ ครูใหพ้ จิ ารณาแบบรูปของจานวน 245 247 249 251 แล้วให้หาว่าจานวน
ถัดไปคือจานวนใด เพราะเหตุใด นกั เรยี นตอบวา่ จานวนถดั ไปคือ 253 เพราะ 245 247 249 251 เปน็ แบบรูปของจานวนที่
เพิ่มขน้ึ ทลี ะ 2 ดังนั้น เพ่มิ ขน้ึ 2 ได้ 253 ครูอาจยกตวั อยา่ งเพิม่ เติม เช่น 143 145 147 …… 151 แล้วถามนักเรียนวา่ จานวน
ท่หี ายไปคือจานวนใด พร้อมบอกเหตุผล ครใู ห้นักเรยี นช่วยกนั หาจานวนท่ีหายไปในแบบรปู ของจานวนตามหนังสอื เรียนทา้ ย
หนา้ 45

2. ครูตดิ บตั รตวั เลข 30 บนกระดาน ครทู บทวนการนับลดทีละ 2 โดยการถาม-ตอบ ถ้าเรม่ิ จาก 30 นับลดทลี ะ 2 ได้
28 26 24 22 ... ครูติดบตั รตัวเลข 30 28 26 24 22 บนกระดาน แลว้ ถามนกั เรียนว่าเป็นการเรยี งจานวนในลักษณะอยา่ งไร
นักเรียนตอบว่า 30 28 26 24 และ 22 เปน็ จานวนทล่ี ดลงทีละ 2 ครูเขียนเส้นโยงด้วยลูกศร − 2 แลว้ สรุปว่า 30 28 26
24 และ 22 เปน็ จานวนนบั ท่ีลดลงทีละ 2 ครูแนะนาความสัมพันธท์ ่ีตอ่ เน่ืองกนั ในลกั ษณะของการลดลงทีละ 2 นีว้ ่า เป็นแบบ
รูปของจานวนทลี่ ดลงทีละ 2ครูใหน้ ักเรียนหาจานวนท่ีอยู่ถัดจาก 22 ว่าเป็นจานวนใดโดยใชก้ ารนับลดทีละ 2 นักเรียนตอบวา่
20จากนั้นครูใหน้ กั เรียนพจิ ารณาแบบรปู ของจานวน 452 450 448 446 แล้วถามวา่ จานวนถัดไปคือจานวนใดเพราะเหตใุ ด
นกั เรยี นตอบว่าจานวนถดั ไปคือ 444 เพราะ 452 450 448 446 เป็นแบบรูปของจานวนท่ีลดลงทลี ะ 2 ดังนน้ั 446 ลดลง 2
ได้ 444 ครอู าจยกตัวอยา่ งเพ่ิมเติม เชน่ 128 126 124 …… 120แลว้ ถามนักเรียนวา่ จานวนทีห่ ายไปคืออะไร และบอกเหตผุ ล
ครใู หน้ ักเรยี นชว่ ยกันหาจานวนท่ีหายไปในแบบรูปของจานวนตามหนงั สือเรยี นในกรอบท้ายหนา้ 46

3. ครูตดิ บตั รโจทย์ 181 183 186 187 ....... บนกระดานแลว้ ให้นกั เรียนชว่ ยกนั บอกจานวนท่หี ายไปในแบบรูปคอื
จานวนใด เพราะเหตุใด เมอ่ื พิจารณาแบบรูปน้เี ปน็ แบบรปู ของจานวนท่เี พมิ่ ขึ้นทลี ะ 2 ดังนัน้ จานวนท่ีหายไปคือ 189 ครูให้
นักเรยี นตอบคาถามวา่ จานวนทีห่ ายไปในแบบรปู ในแต่ละข้อของหนา้ 47คือจานวนใด โดยครเู นน้ ยา้ ใหน้ กั เรียนพจิ ารณจานวน

ท่อี ยู่ถัดไปทางขวา ถ้ามีค่ามากข้ึนแสดงวา่ เปน็ แบบรปู ของจานวนที่เพมิ่ ข้ึน และพจิ ารณาจานวนทอี่ ย่ถู ัดไปทางขวาถา้ มีคา่
นอ้ ยลงแสดงว่าเปน็ แบบรปู ของจานวนท่ีลดลง

ข้ันสรปุ

ขัน้ ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนหาจานวนทีห่ ายไปในแบบรูปพร้อมบอกว่าเปน็ แบบรูปของ

จานวนทีเ่ พม่ิ ขึน้ ทลี ะ 2 หรอื เป็นแบบรูปของจานวนทล่ี ดลงทีละ 2 ถา้ พบว่ามีนักเรียนคนใดหาจานวนท่ีหายไปในแบบรูปของ

จานวนยงั ไมถ่ ูกตอ้ งใหค้ รฝู ึกเพมิ่ เตมิ เป็นรายบุคคล โดยเริ่มฝกึ จากการนบั เพมิ่ ทีละ 2 และการนบั ลดทีละ 2 ก่อนถ้านักเรยี น

นับเพ่ิมทีละ 2 และนับลดทีละ 2 ไดแ้ ล้วจึงใหฝ้ ึกหาจานวนที่หายไปในแบบรูปจากน้ันครูและนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความ

ถกู ต้องและสรปุ สง่ิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้

- แบบรปู ของจานวนท่ีเพิ่มขึ้นทลี ะ 2 เปน็ ชุดของจานวนที่มีความสมั พนั ธ์กันอย่างต่อเน่ืองในลักษณะของ

การเพิ่มขนึ้ ทลี ะ 2 เชน่ 15 17 19 21 23 25

- แบบรปู ของจานวนทีล่ ดลงทีละ 2 เปน็ ชดุ ของจานวนทีม่ คี วามสมั พันธ์กนั อยา่ งต่อเน่อื งในลกั ษณะของการ

ลดลงทลี ะ 2 เช่น 48 46 44 42 40 38

ข้นั ตรวจสอบผล

1. แบบรปู ของจานวนที่ลดลงทลี ะ 2 เป็นชุดของจานวนท่มี ีความสมั พันธก์ ันอย่างตอ่ เนือ่ ง

ในลักษณะของการลดลงทีละ 2 เชน่ 48 46 44 42 40 38 จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ หัด หนา้ 27 – 28

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เครอ่ื งมอื วัด เกณฑ์การประเมินผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุน้ ความคิด 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ข้ึนไป ถือว่าผา่ น

-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมิน

-การสรุปความรูก้ ารปฏิบัติ

คณุ ลกั ษณะนสิ ัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผา่ น

ทางานร่วมกับกลมุ่ ขณะ ทางานรว่ มกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สอ่ื การเรียนรู้

1. หนงั สือพิมพ์

2. บตั รตวั เลข บัตรภาพจานวนตา่ ง ๆ

3. บัตรภาพลกู คดิ

4. หนังสอื เรยี นสาระการเรียนร้พู ื้นฐาน คณติ ศาสตร์/ส่อื การเรยี น ร้คู ณติ ศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

. 1. บัตรภาพ

2. บตั รตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ี่ 3

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/………... ชือ่ ผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 จานวนนับไมเ่ กิน1,000และ 0 เรื่อง แบบรูปของจานวนท่เี พ่มิ ขน้ึ ทีละ5และแบบรูป

ของจานวนท่ีลดลงทลี ะ 5

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลท่ีเกิดขนึ้

จากการดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้

ตัวชี้วัดท่ี ป. 2/1 บอกจานวนของส่ิงต่าง ๆ แสดงสิ่ง ต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก

ตัวเลขไทยตวั หนงั สอื แสงจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

ป.2/2 เปรียบเทยี บจานวนนับไม่เกิน 1,000 และ 0 โดยใช้เครือ่ งหมาย = * > <

ป.2/3 เรียงลาดับจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0 ต้งั แต่ 3 ถึง 4 จานวนจากสถานการณต์ ่าง ๆ

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

• แบบรูปของจานวนทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ทีละ 2ทลี ะ 5 หรอื ทลี ะ 100 เป็นชดุ ของจานวนท่ีมคี วามสัมพันธ์กนั อยา่ งต่อเนอื่ งใน

ลักษณะของการเพ่ิมขึน้ ทีละ 2 ทีละ 5 หรอื ทลี ะ 100

• แบบรปู ของจานวนท่ลี ดลงทีละ 2 ทีละ 5 หรอื ทลี ะ 100 เปน็ ชุดของจานวนที่มีความสัมพนั ธก์ ันอยา่ งต่อเนื่องใน

ลกั ษณะของการลดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 หรอื ทีละ 100

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

บอกจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวนทเ่ี พิม่ ขึ้นทีละ 5 และแบบรูปของจานวนท่ีลดลงทีละ 5 ได้

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธีการทเี่ หมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมัน่ ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิ่น

แบบรปู ของจานวนทเี่ พิ่มขึน้ ทีละ 5 และแบบ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

รปู ของจานวนทีล่ ดลงทลี ะ 5

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1
ข้ันนา

ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูติดบัตรตวั เลข 40 บนกระดาน ครทู บทวนการนับเพ่ิมทีละ 5 โดยการถาม-ตอบ ถา้ เริ่มจาก 40 นับเพิม่ ทลี ะ 5
ได้ 45 50 55 60 ... ครูติดบัตรจานวนท่นี บั ได้บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรยี นสงั เกตชุดของจานวน40 45 50 55 60 วา่ เป็นการ
เรียงจานวนในลกั ษณะอยา่ งไร นักเรียนตอบวา่ 40 45 50 55 60 เปน็ จานวนนับที่เพิม่ ขึ้นทีละ 5 ครเู ขยี นเสน้ โยงดว้ ยลูกศร +
5 แลว้ สรุปว่า 40 45 50 55 และ 60 เปน็ จานวนนบั ท่ีเพ่มิ ข้นึ ทลี ะ 5 ครูแนะนาความสมั พนั ธท์ ี่ตอ่ เนื่องกันในลักษณะของการ
เพิม่ ขึ้นทลี ะ 5 น้วี า่ เป็นแบบรูปของจานวนทเี่ พิ่มข้นึ ทีละ 5 ครูให้นกั เรยี นหาจานวนที่อยถู่ ดั จาก 60 วา่ เป็นจานวนใด โดยใช้
การนับเพ่ิมทีละ 5 นกั เรยี นตอบวา่ 65 จากนน้ั ครูใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาแบบรูปของจานวน 137 142 147 152 แล้วให้หาวา่
จานวนถัดไปคือจานวนใด เพราะเหตใุ ด นกั เรยี นตอบว่า จานวนถดั ไปคือ 157 เพราะ 137 142 147 152 เป็นแบบรูปของ
จานวนทีเ่ พ่มิ ข้นึ ทลี ะ 5 ดงั น้ัน 152 เพ่ิมขน้ึ 5 ได้ 157 ครอู าจยกตวั อยา่ งเพ่ิมเติม เช่น 80 85 90 …… 100 แลว้ ถามนกั เรียน
ว่าจานวนทหี่ ายไปคืออะไร และบอกเหตุผล ครูให้นกั เรียนช่วยกนั หาจานวนที่หายไปในแบบรปู ของจานวนในกรอบท้ายหนา้
49

ขนั้ สอน

ขั้นสารวจค้นหา

1. ครูติดบัตรตัวเลข 40 บนกระดาน ครทู บทวนการนับเพ่ิมทลี ะ 5 โดยการถาม-ตอบ ถ้าเริม่ จาก 40 นับเพม่ิ ทลี ะ 5
ได้ 45 50 55 60 ... ครตู ิดบตั รจานวนท่ีนับไดบ้ นกระดาน แล้วให้นกั เรยี นสังเกตชดุ ของจานวน40 45 50 55 60 ว่าเป็นการ
เรยี งจานวนในลกั ษณะอย่างไร นักเรียนตอบว่า 40 45 50 55 60 เปน็ จานวนนบั ทเี่ พ่มิ ข้ึนทลี ะ 5 ครูเขียนเส้นโยงด้วยลูกศร +
5 แลว้ สรุปว่า 40 45 50 55 และ 60 เปน็ จานวนนับท่เี พม่ิ ข้นึ ทลี ะ 5 ครูแนะนาความสมั พันธท์ ีต่ อ่ เนื่องกันในลกั ษณะของการ
เพมิ่ ข้ึนทีละ 5 น้ีวา่ เป็นแบบรปู ของจานวนทีเ่ พ่ิมขน้ึ ทลี ะ 5 ครใู ห้นักเรยี นหาจานวนท่ีอยถู่ ัดจาก 60 วา่ เปน็ จานวนใด โดยใช้
การนับเพิ่มทีละ 5 นกั เรียนตอบว่า 65 จากน้ันครใู หน้ ักเรยี นพิจารณาแบบรูปของจานวน 137 142 147 152 แล้วให้หาว่า
จานวนถัดไปคือจานวนใด เพราะเหตุใด นักเรียนตอบวา่ จานวนถดั ไปคือ 157 เพราะ 137 142 147 152 เปน็ แบบรูป
ของจานวนทีเ่ พิ่มขนึ้ ทลี ะ 5 ดังน้นั 152 เพิม่ ขน้ึ 5 ได้ 157 ครูอาจยกตัวอยา่ งเพ่ิมเติม เชน่ 80 85 90 …… 100 แล้วถาม
นกั เรียนว่าจานวนทหี่ ายไปคืออะไร และบอกเหตุผล ครใู ห้นกั เรยี นช่วยกันหาจานวนท่หี ายไปในแบบรปู ของจานวนในกรอบ
ทา้ ยหน้า 49

2. ครูตดิ บัตรตวั เลข 95 บนกระดาน และทบทวนการนบั ลดทีละ 5 โดยการถาม-ตอบ ถ้าเริม่ จาก 95นบั ลดทีละ 5 ได้
90 85 80 75 ... ครูติดบตั รตัวเลข 95 90 85 80 75 บนกระดานแลว้ ถามนักเรยี นวา่ เป็นการเรียงจานวนในลักษณะอย่างไร
นกั เรียนตอบว่า 95 90 85 80 และ 75 เป็นจานวนทีล่ ดลงทีละ 5 ครูเขียนเส้นโยงลูกศร - 5 แล้วสรปุ วา่ 95 90 85 80
และ 75 เปน็ จานวนนบั ท่ลี ดลงทีละ 5 ครูแนะนาความสมั พันธท์ ี่ตอ่ เน่อื งกนั ในลักษณะของการลดลงทลี ะ 5 นีว้ ่าเปน็ แบบรปู
ของจานวนที่ลดลงทีละ 5 ครใู หน้ ักเรียนหาจานวนทอี่ ยู่ถัดจาก 75 ว่าเปน็ จานวนอะไร โดยใชก้ ารนับลดทลี ะ 5 นักเรียนตอบ
ว่า จานวนที่อยถู่ ดั ไปคอื 70 ครูอาจยกตวั อยา่ งเพ่ิมเติมเช่น 120 115 110 …… 100 แลว้ ถามนักเรียนว่าจานวนทห่ี ายไปคือ
จานวนใด และบอกเหตุผล ครูใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั หาจานวนที่หายไปในแบบรูปในกรอบท้ายหน้า 50

3. ครูติดบตั รโจทย์ 90 95 100 105 ....... บนกระดานแล้วใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั บอกจานวนทหี่ ายไปในแบบรปู คือ
จานวนใด เพราะเหตุใดเม่ือพิจารณาแบบรูปน้ีเป็นแบบรูปของจานวนทเ่ี พิม่ ขึ้นทลี ะ 5 ดงั นั้น จานวนท่หี ายไปคือ 110 ครูให้

นกั เรยี นตอบคาถามว่าจานวนท่ีหายไปในแบบรูปในแตล่ ะข้อของหน้า 51 คอื จานวนใดโดยครเู นน้ ยา้ ให้นกั เรยี นพจิ ารณา
จานวนท่อี ยถู่ ัดไปทางขวาถา้ มีค่ามากขึน้ แสดงว่าเปน็ แบบรปู ของจานวนทเ่ี พิ่มขนึ้ และถา้ จานวนที่อยถู่ ดั ไปทางขวามคี ่า
นอ้ ยลงแสดงว่าเป็นแบบรปู ของจานวนท่ลี ดลง จากน้ันครูใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันหาจานวนที่หายไปในแบบรปู ตามหนงั สือเรียน
หน้า 51

ขนั้ สรุป

ขั้นขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยให้นักเรยี นหาจานวนทีห่ ายไปในแบบรปู พร้อมบอกวา่ เปน็ แบบรูปของ

จานวนทเ่ี พม่ิ ขึน้ ทีละ 5 หรือเปน็ แบบรูปของจานวนท่ลี ดลงทลี ะ 5 ถา้ พบวา่ มีนักเรยี นคนใดหาจานวนทีห่ ายไปในแบบรูปของ

จานวนยังไม่ถูกต้อง ให้ครฝู กึ เพ่มิ เติมเป็นรายบคุ คล โดยเร่มิ ฝึกจากการนบั เพ่ิมทลี ะ 5 และการนบั ลดทลี ะ 5 กอ่ น ถา้ นักเรยี น

นบั เพิม่ ทีละ 5 และนับลดทลี ะ 5 ได้แลว้ จึงให้ฝึกหาจานวนทห่ี ายไปในแบบรูปจากนน้ั ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความ

ถกู ต้องและสรปุ ส่งิ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้

- แบบรปู ของจานวนทเี่ พม่ิ ข้ึนทีละ 5 เป็นชุดของจานวนที่มีความสมั พนั ธก์ ันอย่างต่อเน่ืองในลกั ษณะของการ

เพ่มิ ขึ้นทีละ 5 เชน่ 40 45 50 55 60

- แบบรปู ของจานวนทล่ี ดลงทีละ 5 เป็นชุดของจานวนที่มคี วามสัมพนั ธก์ นั อย่างต่อเน่อื งในลกั ษณะของการ

ลดลงทีละ 5 เชน่ 35 30 25 20 15

ข้นั ตรวจสอบผล

1. แบบรูปของจานวนทล่ี ดลงทลี ะ 5 เป็นชดุ ของจานวนทีม่ ีความสัมพันธ์กนั อยา่ งต่อเนื่องในลกั ษณะของการลดลงทลี ะ 5

เช่น 35 30 25 20 15จากนั้นใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หดั หนา้ 29 – 30

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ น

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ขึน้ ไป ถือว่าผา่ น

-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรุปความรกู้ ารปฏิบัติ

คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขึน้ ไป ถือว่าผ่าน

ทางานร่วมกับกลมุ่ ขณะ ทางานรว่ มกับกล่มุ เกณฑ์การประเมิน

7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สื่อการเรยี นรู้

1. หนงั สอื พิมพ์

2. บัตรตัวเลข บตั รภาพจานวนต่าง ๆ

3. บัตรภาพลกู คิด

4. หนงั สอื เรยี นสาระการเรียนรพู้ ้ืนฐาน คณิตศาสตร์/สื่อการเรยี น รคู้ ณติ ศาสตร์

7.2 แหล่งการเรียนรู้

. 1. บตั รภาพ

2. บตั รตัวเลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................... .......................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาหท์ ี่ 3

โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/………... ชือ่ ผู้สอน ….……………………………….…….............

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 จานวนนับไม่เกิน1,000และ 0 เรอื่ ง แบบรูปของจานวนทเี่ พม่ิ ข้นึ ทีละ100และแบบ

รูปของจานวนท่ีลดลงทีละ 100

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลที่เกิดข้ึน

จากการดาเนินการ สมบัตขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้

ตัวชี้วัดที่ ป. 2/1 บอกจานวนของส่ิงต่าง ๆ แสดงสิ่ง ต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก

ตวั เลขไทยตวั หนงั สอื แสงจานวนนบั ไม่เกนิ 1,000 และ 0

ป.2/2 เปรยี บเทยี บจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0 โดยใช้เครื่องหมาย = * > <

ป.2/3 เรยี งลาดบั จานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0 ตง้ั แต่ 3 ถึง 4 จานวนจากสถานการณ์ตา่ ง ๆ

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

• แบบรปู ของจานวนท่ีเพิม่ ข้นึ ทลี ะ 2ทีละ 5 หรอื ทีละ 100 เปน็ ชุดของจานวนที่มีความสัมพนั ธก์ ันอย่างต่อเนอื่ งใน

ลักษณะของการเพิ่มขึ้นทีละ 2 ทลี ะ 5 หรอื ทลี ะ 100

• แบบรปู ของจานวนทลี่ ดลงทีละ 2 ทลี ะ 5 หรอื ทลี ะ 100 เปน็ ชดุ ของจานวนที่มีความสัมพนั ธก์ นั อย่างต่อเนอ่ื งใน

ลักษณะของการลดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 หรือทลี ะ 100

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

บอกจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวนทีเ่ พมิ่ ข้ึนทลี ะ 100 และแบบรปู ของจานวนท่ีลดลงทีละ 100 ได้

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ กี ารทีเ่ หมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลักษณะ(A)

มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่นั ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถน่ิ

แบบรูปของจานวนทีเ่ พิ่มขึน้ ทีละ 100 และ พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา

แบบรูปของจานวนที่ลดลงทีละ 100

5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1
ข้ันนา

ขน้ั กระตุน้ ความสนใจ

1. ครตู ิดบตั รตัวเลข 100 บนกระดานครูทบทวนการนบั เพ่ิมทีละ 100 โดยการถาม-ตอบ ถ้าเร่มิ จาก 100 นบั เพ่มิ ที
ละ 100 ได้ 200 300 400 500 ... ครตู ิดบตั รจานวนท่ีนบั ได้บนกระดานแลว้ ใหน้ ักเรียนสงั เกตชุดของจานวน 100 200 300
400 500 วา่ เปน็ การเรยี งจานวนในลักษณะอยา่ งไร นกั เรียนตอบว่า 100 200 300 400 500 เป็นจานวนนับท่เี พิ่มข้ึนทลี ะ
100 ครเู ขียนเส้นโยงด้วยลูกศร + 100 แลว้ สรปุ วา่ 100 200 300 400 และ 500 เปน็ จานวนนบั ท่ีเพ่มิ ข้ึนทลี ะ 100 ครู
แนะนาความสัมพันธ์ทตี่ ่อเนื่องกนั ในลักษณะของการเพมิ่ ข้ึนทลี ะ 100 นีว้ ่า เปน็ แบบรูปของจานวนที่เพิม่ ขนึ้ ทีละ 100 ครใู ห้
นักเรยี นหาจานวนทีอ่ ยู่ถัดจาก 500 วา่ เปน็ จานวนใด โดยใช้การนับเพิม่ ทีละ 100 นกั เรียนตอบว่า 600 จากน้ันครูใหพ้ ิจารณา
แบบรูปของจานวน 360 460 560 660 แล้วใหห้ าวา่ จานวนถดั ไปคือจานวนใด เพราะเหตใุ ด นกั เรยี นตอบวา่ จานวนถัดไป
คือ 760 เพราะ 360 460 560 660 เปน็ แบบรปู ของจานวนท่ีเพมิ่ ขน้ึ ทีละ 100 ดงั นน้ั 660 เพิม่ ขนึ้ 100 ได้ 760 ครอู าจ
ยกตวั อย่างเพม่ิ เติม เชน่ 180 280 380 …… 580 แลว้ ถามนกั เรียนวา่ จานวนท่ีหายไปคือจานวนใดพรอ้ มบอกเหตผุ ล จากนนั้
ครใู ห้นกั เรยี นช่วยกนั หาจานวนท่หี ายไปในแบบรูปของจานวนในกรอบท้ายหน้า 53

ข้ันสอน

ขัน้ สารวจค้นหา

1. ครูติดบัตรตวั เลข 100 บนกระดานครูทบทวนการนบั เพิ่มทีละ 100 โดยการถาม-ตอบ ถา้ เร่ิมจาก 100 นบั เพิ่มที
ละ 100 ได้ 200 300 400 500 ... ครูติดบตั รจานวนทีน่ ับไดบ้ นกระดานแล้วให้นกั เรียนสงั เกตชดุ ของจานวน 100 200 300
400 500 ว่าเปน็ การเรยี งจานวนในลกั ษณะอยา่ งไร นกั เรยี นตอบวา่ 100 200 300 400 500 เป็นจานวนนบั ท่เี พิ่มขน้ึ ทีละ
100 ครเู ขียนเสน้ โยงด้วยลกู ศร + 100 แล้วสรปุ ว่า 100 200 300 400 และ 500 เป็นจานวนนบั ที่เพิม่ ข้ึนทีละ 100 ครู
แนะนาความสัมพันธท์ ีต่ ่อเนื่องกันในลกั ษณะของการเพิ่มขึ้นทีละ 100 น้วี า่ เป็นแบบรูปของจานวนทเี่ พ่มิ ขึน้ ทีละ 100 ครูให้
นักเรยี นหาจานวนที่อยู่ถัดจาก 500 ว่าเปน็ จานวนใด โดยใช้การนบั เพ่มิ ทลี ะ 100 นักเรียนตอบว่า 600 จากนนั้ ครใู ห้พิจารณา
แบบรปู ของจานวน 360 460 560 660 แล้วใหห้ าว่าจานวนถัดไปคอื จานวนใด เพราะเหตุใด นักเรยี นตอบว่า จานวนถัดไป
คือ 760 เพราะ 360 460 560 660 เปน็ แบบรปู ของจานวนที่เพม่ิ ขึน้ ทีละ 100 ดังนัน้ 660 เพมิ่ ขน้ึ 100 ได้ 760 ครูอาจ
ยกตวั อยา่ งเพ่ิมเติม เชน่ 180 280 380 …… 580 แล้วถามนกั เรียนวา่ จานวนที่หายไปคือจานวนใดพร้อมบอกเหตผุ ล จากนนั้
ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกันหาจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวนในกรอบทา้ ยหน้า 53

2. ครตู ิดบัตรตัวเลข 900 บนกระดาน ครูทบทวนการนับลดทีละ 100 โดยการถาม-ตอบ ถ้าเริ่มจาก 900 นับลดทลี ะ
100 ได้ 800 700 600 500 ... ครูติดบัตรตวั เลข 900 800 700 600 500 บนกระดาน แลว้ ถามนักเรียนว่าเปน็ การเรียง
จานวนในลกั ษณะอย่างไร นักเรยี นตอบวา่ 900 800 700 600 500 เปน็ จานวนท่ลี ดลงทีละ 100 ครูเขยี นเสน้ โยงด้วยลูกศร
- 100 แล้วสรุปว่า 900 800 700 600 และ 500 เปน็ จานวนนบั ที่ลดลงทลี ะ 100 ครแู นะนาความสัมพนั ธ์ทีต่ ่อเนือ่ งกนั ใน
ลักษณะของการลดลงทลี ะ 100 นว้ี ่า เปน็ แบบรูปของจานวนทีล่ ดลงทลี ะ 100 ครใู ห้นกั เรียนหาจานวนทีอ่ ยู่ถดั จาก 500 ว่า
เปน็ จานวนใด โดยใช้การนับลดทลี ะ 100 นักเรียนตอบว่า จานวนทีอ่ ยูถ่ ัดไป คือ 400 ครอู าจยกตวั อยา่ งเพม่ิ เติม เชน่ 820
720 620 …… 420 แล้วถามนักเรียนว่าจานวนทห่ี ายไปคือจานวนใด พรอ้ มบอกเหตผุ ล ครใู หน้ กั เรียนชว่ ยกนั หาจานวนที่
หายไปในแบบรูปของจานวนในกรอบท้ายหน้า 54

3. ครตู ดิ บัตรโจทย์ 700 600 500 400 ....... บนกระดานแลว้ ใหน้ ักเรียนช่วยกันบอกจานวนทีห่ ายไป
ในแบบรปู คือจานวนใด เพราะเหตุใด เมอื่ พจิ ารณาแบบรปู น้ีเป็นแบบรปู ของจานวนทีล่ ดลงทีละ 100 ดังน้นั จานวนทหี่ ายไป
คือ 300 ครูให้นักเรยี นเตมิ จานวนทห่ี ายไปในแบบรูปตามหนงั สอื เรยี นหน้า 55 โดยครเู น้นย้าให้นักเรยี นพิจารณาจานวนที่อยู่
ถดั ไปทางขวาถ้ามคี ่ามากข้นึ แสดงวา่ เปน็ แบบรูปของจานวนทีเ่ พมิ่ ขนึ้ และถ้าจานวนที่อยู่ถัดไปทางขวามคี ่าน้อยลงแสดงวา่ เปน็
แบบรูปของจานวนท่ีลดลง

ข้ันสรุป

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยให้นกั เรยี นหาจานวนที่หายไปในแบบรูปพร้อมบอกว่าเปน็ แบบรูปของ

จานวนท่ีเพ่ิมขน้ึ ทีละ 100 หรือเป็นแบบรูปของจานวนทล่ี ดลงทีละ 100 ถ้าพบวา่ มนี กั เรียนคนใดหาจานวนทีห่ ายไปในแบบรูป

ของจานวนยงั ไม่ถูกต้องให้ครูฝึกเพิ่มเติมเปน็ รายบุคคลโดยเริ่มฝึกจากการนบั เพ่ิมทลี ะ 100 และการนับลดทลี ะ 100 ก่อน ถา้

นักเรยี นนบั เพ่ิมทีละ 100 และนับลดทีละ 100 ได้แลว้ จึงให้
ฝกึ หาจานวนทหี่ ายไปในแบบรปู จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรปุ สิ่งทไ่ี ดเ้ รยี นรู้

- แบบรูปของจานวนท่เี พ่ิมขึ้นทีละ 100 เปน็ ชดุ ของจานวนท่ีมีความสัมพนั ธก์ นั อยา่ งต่อเน่ืองในลกั ษณะของ

การเพ่ิมข้ึนทลี ะ 100 เชน่ 400 500 600 700 800

- แบบรปู ของจานวนทีล่ ดลงทลี ะ 100 เป็นชุดของจานวนทม่ี คี วามสัมพนั ธ์กนั อย่างต่อเนือ่ งในลกั ษณะของ

การลดลงทลี ะ 100 เช่น 821 721 621 521 421

ขั้นตรวจสอบผล

1. แบบรปู ของจานวนท่ลี ดลงทลี ะ 100 เปน็ ชุดของจานวนท่มี ีความสมั พนั ธ์กนั อยา่ งต่อเนื่องในลักษณะของการลดลงที

ละ 100 เช่น 821 721 621 521 421จากน้นั ให้นักเรียนทาแบบฝกึ หดั หน้า 31 – 33

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เคร่ืองมอื วดั เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรคู้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระต้นุ ความคิด 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ขนึ้ ไป ถือว่าผ่าน

-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมิน

-การสรุปความรูก้ ารปฏบิ ัติ

คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผ่าน

ทางานรว่ มกับกล่มุ ขณะ ทางานร่วมกับกลุม่ เกณฑ์การประเมิน

7. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. หนงั สอื พมิ พ์

2. บตั รตวั เลข บตั รภาพจานวนตา่ ง ๆ
3. บัตรภาพลูกคดิ

4. หนังสือเรียนสาระการเรียนร้พู นื้ ฐาน คณิตศาสตร์/สอื่ การเรยี น รู้คณติ ศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตัวเลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................. ...........................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครูผสู้ อน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ที่ 3

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ฒั นา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/………... ชอื่ ผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 จานวนนบั ไม่เกิน1,000และ 0 เรอื่ ง กจิ กรรมร่วมคดิ ร่วมทา (บตั รตัวเลขของฉัน)

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลท่ีเกดิ ขึ้น

จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนินการ และนาไปใช้

ตัวชี้วัดที่ ป. 2/1 บอกจานวนของสิ่งต่าง ๆ แสดงสิ่ง ต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก

ตัวเลขไทยตวั หนังสอื แสงจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0

ป.2/2 เปรยี บเทยี บจานวนนับไม่เกิน 1,000 และ 0 โดยใช้เครอ่ื งหมาย = * > <

ป.2/3 เรียงลาดบั จานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0 ตั้งแต่ 3 ถงึ 4 จานวนจากสถานการณต์ า่ ง ๆ

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

บอกจานวนของสง่ิ ตา่ ง ๆ ได้จากการนบั

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

นบั และเปรยี บเทียบจานวนได้

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธีการท่ีเหมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่ันใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่

การนบั และเปรยี บเทียบจานวน พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1
ขัน้ นา

ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูแบง่ นักเรยี นเป็นกลมุ่ แจกอปุ กรณก์ ล่มุ ละ 1 ชุด แตล่ ะกล่มุ อาจได้ชดุ ของบตั รตวั เลขทไ่ี มเ่ หมือนกนั

ขนั้ สอน

ขนั้ สารวจคน้ หา

2. ครูแบง่ นักเรียนเปน็ กลมุ่ แจกอุปกรณก์ ลมุ่ ละ 1 ชดุ แต่ละกล่มุ อาจไดช้ ดุ ของบตั รตวั เลขที่ไมเ่ หมือนกัน
3. ครูให้นกั เรียนแต่ละคนภายในกลมุ่ นาบัตรตวั เลขทีก่ ลมุ่ ของตนเองได้มาสร้างเปน็ จานวนสามหลกั ทีม่ คี า่ มากทส่ี ดุ
และมคี ่านอ้ ยท่สี ดุ แลว้ บันทกึ ในแบบบันทึกกจิ กรรมใบท่ี 1 และใบท่ี 2 จากนั้นเขียนจานวนน้นั ในรูปกระจายและเขียนแบบรูป
ของจานวนทีเ่ พิม่ ขึน้ ทีละ 100 หรอื ลดลงทลี ะ 100
4. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอ แลว้ ใหเ้ พ่ือนในหอ้ งรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องกลุ่มใดทาถูกต้อง

ขั้นสรปุ

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

1. ครใู ห้ตวั แทนแตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอ แลว้ ใหเ้ พื่อนในห้องรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องกลุ่มใดทาถูกต้อง ครคู วร

กล่าวคาชมเชยหรอื ให้รางวลั

ข้นั ตรวจสอบผล

ครูให้ตวั แทนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอ แล้วให้เพื่อนในหอ้ งร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องกลุม่ ใดทาถกู ต้อง ครูควรกลา่ ว
คาชมเชยหรือให้รางวัลจากนั้นใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกท้าทาย หน้า 34 – 35

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวดั ผล เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคดิ 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่าน
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผา่ น

-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรปุ ความรู้การปฏบิ ัติ

คุณลักษณะนสิ ัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขึน้ ไป ถอื ว่าผ่าน
ทางานรว่ มกับกลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกลุ่ม เกณฑ์การประเมนิ

7. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้

7.1 สอ่ื การเรยี นรู้

1. หนงั สอื พิมพ์

2. บัตรตวั เลข บัตรภาพจานวนต่าง ๆ

3. บัตรภาพลูกคิด

4. หนงั สอื เรยี นสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์/สือ่ การเรยี น รูค้ ณติ ศาสตร์

7.2 แหล่งการเรียนรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครผู ู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ท่ี 3

โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/………... ชอ่ื ผูส้ อน ….……………………………….…….............

กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การบวกและการลบจานวน เรื่อง การหาผลบวกโดยใชเ้ สน้ จานวน

นับไมเ่ กิน 1,000

1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้วี ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลท่ีเกดิ ข้นึ

จากการดาเนินการ สมบตั ิของการดาเนินการ และนาไปใช้
ตัวชีว้ ัดท่ี ป.2/4 หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขั้นตอนของจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

การบวกจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกไดโ้ ดยใชเ้ สน้ จานวน หรือ แผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผน่

ตารางหนว่ ย

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

หาผลบวกทผี่ ลบวกไม่เกนิ 100 โดยใช้เส้นจานวน

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธกี ารทีเ่ หมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลักษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความม่นั ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ

การหาผลบวกโดยใชเ้ ส้นจานวน พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1
ขัน้ นา

ขัน้ กระตุ้นความสนใจ

1. ครูตดิ บตั รโจทย์ 33 + 10 =  ใหน้ กั เรยี นหาคาตอบพรอ้ มวธิ ีคดิ (อาจจะใช้วิธนี ับต่อ นบั เพมิ่

ทีละ 10) ครใู ช้บตั รภาพแสดงเสน้ จานวนท่ีเริ่มจาก 0 และแสดงขน้ั ตอนการหาผลบวกดงั น้ลี ากเส้นโค้งเรม่ิ จาก 0 ไป 33 แล้ว
ตอ่ ไปอีก 10 ได้ 43 ให้นกั เรียนสังเกตวา่ การลากเสน้ โคง้ ต่อไปอีก 10 เปน็ การเพ่ิมหลักสิบไป 1 สิบ จากนน้ั ครูแนะนาว่า
นกั เรียนอาจเร่ิมลากเสน้ โค้งจาก 33 ตอ่ ไปอีก 10 ได้ 43 โดยเส้นจานวนท่ีนามาแสดงน้ันอาจเริม่ จากจานวนท่ไี ม่ใช่ 0 เชน่
เส้นจานวนในภาพทีส่ องเริ่มจาก 30 ซ่งึ เป็นจานวนทใี่ กล้เคียงกบั 33 ครูติดบตั รโจทย์ 33 + 15 =  แลว้ ติดบตั รภาพแสดง
เส้นจานวนที่เร่มิ จาก 30 และใหน้ กั เรียนสังเกตวา่ 15 คอื 10 กบั 5 จากนัน้ ลากเสน้ โคง้ จาก 33 ตอ่ ไปอกี 10 ได้ 43 แลว้
ลากเส้นโคง้ ต่อไปอีก 5 ได้ 48 ครูแนะนาวา่ การลากเสน้ โคง้ จาก 43 ต่อไปอีก 5 อาจลากทลี ะ 1 หรือลากทลี ะ 5 ก็ได้

ขนั้ สอน
ขน้ั สารวจค้นหา

1. ครตู ดิ บตั รโจทย์ 33 + 10 =  ใหน้ ักเรียนหาคาตอบพร้อมวธิ ีคดิ (อาจจะใชว้ ิธีนบั ต่อ นบั เพ่ิมทีละ 10) ครูใช้บัตรภาพ
แสดงเส้นจานวนท่ีเรม่ิ จาก 0 และแสดงข้ันตอนการหาผลบวกดังนล้ี ากเสน้ โคง้ เริม่ จาก 0 ไป 33 แล้วต่อไปอีก 10 ได้ 43 ให้
นักเรียนสังเกตวา่ การลากเส้นโค้งต่อไปอีก 10 เป็นการเพิ่มหลักสบิ ไป 1 สบิ จากนน้ั ครแู นะนาว่า นกั เรียนอาจเร่มิ ลากเส้นโคง้
จาก 33 ตอ่ ไปอีก 10 ได้ 43 โดยเส้นจานวนท่นี ามาแสดงนั้นอาจเร่ิมจากจานวนที่ไมใ่ ช่ 0 เชน่ เส้นจานวนในภาพที่สองเริ่ม
จาก 30 ซงึ่ เปน็ จานวนทใ่ี กล้เคยี งกับ 33 ครูตดิ บตั รโจทย์ 33 + 15 =  แล้วติดบัตรภาพแสดงเส้นจานวนทเ่ี ริม่ จาก 30 และ
ให้นักเรยี นสังเกตว่า 15 คือ 10 กับ 5 จากน้นั ลากเสน้ โคง้ จาก 33 ตอ่ ไปอีก 10 ได้ 43 แลว้ ลากเส้นโคง้ ต่อไปอีก 5 ได้ 48 ครู
แนะนาว่าการลากเส้นโค้งจาก 43 ต่อไปอีก 5 อาจลากทีละ 1 หรอื ลากทีละ 5 ก็ได้

2. ครูตดิ บตั รโจทย์ 14 + 36 =  และแจกบัตรภาพแสดงเส้นจานวนให้นักเรยี นช่วยกนั หาคาตอบ ครูแนะนาให้
นักเรยี นสังเกตวา่ การหาผลบวกโดยใชเ้ ส้นจานวน “ถา้ เริม่ จากจานวนที่มากกว่า จะหาคาตอบได้เร็วกวา่ ” และ 14 คือ 10
กบั 4 ครใู ห้นกั เรียนเขียนแสดงการหาคาตอบบนเสน้ จานวนท่ีไดร้ บั แจกแล้วนา เสนอ ครูอาจสมุ่ นักเรยี นให้ออกมานาเสนอ
หนา้ ชัน้ เรียน ครูและเพ่ือนในหอ้ งรว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง
จากนั้นครูติดบตั รโจทย์ 27 + 22 =  และแจกบตั รภาพแสดงเส้นจานวนใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันหาคาตอบ ครแู นะนาให้
นักเรยี นสังเกตว่า 22 คือ 10 กับ 10 กับ 2 ครใู หน้ กั เรยี นเขียนแสดงการหาคาตอบบนเส้นจานวนทไี่ ดร้ ับแจกแลว้ นาเสนอ ครู
อาจสุ่มนักเรียนให้ออกมานาเสนอหนา้ ช้ันเรยี น ครูและเพอ่ื นในหอ้ งร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง

3. ให้นกั เรยี นช่วยกันแสดงการหาผลบวกโดยใช้เส้นจานวนทีละข้อตามหนังสือเรียนหนา้ 63 ครอู ธบิ ายวธิ ีการเขียน
เส้นจานวนรวมถึงการหาคาตอบ เช่น 49 + 15 =  ครูถามนักเรยี นว่าควรเรม่ิ จากจานวนใดนักเรยี นตอบว่า 49 และย้าให้
นกั เรียนอีกคร้งั ว่า “ถา้ เรมิ่ จากจานวนท่ีมากกวา่ จะหาคาตอบได้เร็วกว่า” จากนั้นครูถามนักเรยี นว่า15 คอื 10 กบั จานวน
ใด นกั เรียนตอบวา่ 5 แล้วใหน้ กั เรยี นเขียนแสดงบนเส้นจานวนโดยเริม่ จาก 49 ลากเส้นโคง้ ตอ่ ไปอกี 10 และลากต่อไปอกี 5
ได้ 64 ส่วนขอ้ อนื่ ๆ ครูแบง่ นักเรยี นเป็นกลุ่มแลว้ ช่วยกนั หาคาตอบ และนาเสนอกลุ่มละ 1 ขอ้

ขนั้ สรปุ

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยใหน้ กั เรยี นแสดงวิธีหาผลบวกโดยใช้เส้นจานวนจากเสน้ จานวนท่ีกาหนดให้
ตามหนงั สอื เรยี นหน้า 64 โดยครอู าจถามนักเรียนกอ่ นว่าแต่ละขอ้ ควรเร่ิมจากจานวนใดเพอื่ ให้นักเรียนได้เน้นย้าความเข้าใจวา่
“ถา้ เริ่มจากจานวนท่ีมากกว่า จะหาคาตอบได้เรว็ กว่า” แล้วให้นกั เรยี นหาผลบวกโดยใช้เสน้ จานวนเป็นรายบุคคลจากนน้ั ครู
และนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งและสรุปสิง่ ท่ีได้เรียนรกู้ ารบวกจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกได้โดยใช้เส้น
จานวน

ขัน้ ตรวจสอบผล

- การบวกจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกได้โดยใช้เส้นจานวนจากนนั้ ให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั หนา้ 36 – 38

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมนิ ผลจุดประสงค์ วิธีการวดั ผล เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคดิ 70% ขนึ้ ไป ถือวา่ ผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรูก้ ารปฏิบตั ิ

คุณลกั ษณะนสิ ัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่าน

ทางานร่วมกบั กลมุ่ ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมนิ

7. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สอ่ื การเรียนรู้

1. หนงั สือพิมพ์
2. บตั รตวั เลข บัตรภาพจานวนตา่ ง ๆ
3. หนงั สอื เรยี นสาระการเรยี นรู้พนื้ ฐาน คณิตศาสตร์/สอ่ื การเรียน รคู้ ณิตศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บัตรตัวเลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครูผูส้ อน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ่ี 3

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/………... ชื่อผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 2 คาบ

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การบวกและการลบจานวน เร่อื ง การหาผลบวกโดยใช้แผน่ ตารางร้อย

นับไม่เกิน 1,000 แผ่นตารางสิบ แผ่นตารางหน่วย

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลทเี่ กดิ ขน้ึ

จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชวี้ ดั ที่ ป.2/4 หาค่าของตวั ไมท่ ราบค่าใน ประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขัน้ ตอนของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การบวกจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกไดโ้ ดยใชเ้ ส้นจานวน หรอื แผน่ ตารางรอ้ ย แผ่นตารางสิบ และแผ่นตาราง

หน่วย

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

หาผลบวกที่ผลบวกไม่เกิน 1,000 โดยใช้แผน่ ตารางรอ้ ย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหน่วย

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธีการท่ีเหมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมนั่ ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิน่

การหาผลบวกโดยใช้แผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

แผน่ ตารางหนว่ ย

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้นั นา คาบท่ี 1

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ครจู ัดกจิ กรรม โดยแบง่ กลุ่มนักเรยี นเปน็ กลุ่มแลว้ แจกแผน่ ตารางรอ้ ย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหน่วยกลุ่มละ
2 ชดุ ชุดละสี ครูสาธิตการหาผลบวกของ 232 กับ 125 โดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย แผ่นตารางสิบ และแผ่นตารางหน่วย ตาม
หนังสือเรียนหนา้ 65 ดังนี้ ใช้แผ่นตารางร้อย แผ่นตารางสบิ และแผน่ ตารางหน่วยสีเหลืองแสดงจานวน 232 และใช้แผ่น
ตารางร้อย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหน่วยสีนา้ เงนิ แสดงจานวน 125 แล้วนาแผน่ ตารางรอ้ ย ทง้ั สเี หลอื งและสีน้าเงินมา
รวมกนั นับรวมกันได้ 300 นาแผ่นตารางสิบ ท้ังสเี หลืองและสีนา้ เงินมารวมกนั นบั รวมกนั ได้ 50 และนาแผ่นตารางหนว่ ยท้งั สี
เหลืองและสนี า้ เงินมารวมกัน นบั รวมกนั ได้ 7 จะได้ ผลรวมเปน็ 300 กับ 50 กับ 7 หรือ 357 ดังนนั้ 232 + 125 = 357
จากนนั้ ครกู าหนดจานวนสองจานวนใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ หาผลบวกแบบไม่มีทดโดยใช้แผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสิบและ
แผ่นตารางหน่วย เช่น 314 กับ 272 แลว้ ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอ ครูและเพื่อนในห้องชว่ ยกนั
ตรวจสอบความถูกต้อง

ข้นั สอน
ขนั้ สารวจค้นหา

1. ครูจดั กจิ กรรม โดยแบง่ กลุ่มนักเรยี นเป็นกลุ่มแลว้ แจกแผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหน่วยกลุ่มละ
2 ชดุ ชุดละสี ครูสาธติ การหาผลบวกของ 232 กับ 125 โดยใชแ้ ผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสิบ และแผน่ ตารางหน่วย ตาม
หนงั สือเรยี นหน้า 65 ดังน้ี ใชแ้ ผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสิบ และแผน่ ตารางหนว่ ยสเี หลอื งแสดงจานวน 232 และใช้แผ่น
ตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผน่ ตารางหนว่ ยสีนา้ เงินแสดงจานวน 125 แล้วนาแผน่ ตารางร้อย ทง้ั สเี หลอื งและสีน้าเงินมา
รวมกัน นบั รวมกนั ได้ 300 นาแผน่ ตารางสิบ ท้งั สเี หลอื งและสนี า้ เงนิ มารวมกัน นับรวมกนั ได้ 50 และนาแผน่ ตารางหนว่ ยทง้ั สี
เหลืองและสีนา้ เงินมารวมกัน นบั รวมกันได้ 7 จะได้ ผลรวมเป็น 300 กบั 50 กบั 7 หรอื 357 ดังน้นั 232 + 125 = 357
จากนั้น ครูกาหนดจานวนสองจานวนใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ หาผลบวกแบบไม่มที ดโดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย แผ่นตารางสิบและ
แผน่ ตารางหนว่ ย เชน่ 314 กับ 272 แล้วใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอ ครูและเพ่ือนในห้องชว่ ยกัน
ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

2. ครอู ธิบายการหาผลบวกของ 127 กบั 218โดยใช้แผ่นตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผน่ ตารางหนว่ ยเมื่อครสู าธติ
การบวกโดยการนาแผน่ ตารางหน่วยมารวมกันครูควรเน้นให้นกั เรยี นเห็นว่า เมือ่ แผ่นตารางหนว่ ยทีน่ ามารวมกันได้ครบ 10
แผ่น จะใช้แผ่นตารางสบิ 1 แผ่นแทนแผ่นตารางหน่วย 10 แผน่ นั้น ตามตัวอย่างในหนังสือเรียนหนา้ 66 จากนนั้ ครูสาธิตการ
หาผลบวกของ 263 กบั 352 ใหใ้ ชว้ ธิ ีเดียวกนั โดยครูเน้นยา้ ว่า เม่ือแผ่นตารางสบิ ที่นามารวมกนั ได้ครบ 10 แผน่ จะใช้แผ่น
ตารางร้อย 1 แผ่น แทนแผน่ ตารางสิบ 10 แผน่ นนั้ ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปว่า “แผน่ ตารางหนว่ ย 10 แผน่ เทา่ กับแผน่
ตารางสิบ 1 แผ่น และแผน่ ตารางสบิ 10 แผน่ เทา่ กับแผน่ ตารางรอ้ ย 1 แผ่น”

3. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั หาผลบวกโดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหนว่ ยแลว้ เตมิ
คาตอบไปทีละข้อตามหนงั สือเรียน หนา้ 67 โดยครใู หน้ ักเรียนออกมาแสดงวธิ คี ดิ ทลี ะขอ้ และให้นักเรียนนาเสนอวธิ ีการนา
แผ่นตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสิบและแผน่ ตารางหนว่ ยมารวมกัน และครูเนน้ ย้าวา่
“แผ่นตารางหน่วย 10 แผน่ เท่ากับแผน่ ตารางสบิ 1 แผน่ และแผน่ ตารางสิบ 10 แผน่ เทา่ กบั แผน่ ตารางรอ้ ย 1 แผ่น”

ขน้ั สรุป

ข้ันขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยใหน้ กั เรียนแสดงการหาผลบวกโดยใชแ้ ผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสบิ และ

แผ่นตารางหนว่ ย ตามหนังสอื เรียนหนา้ 68 จากนั้นครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรปุ ส่งิ ที่ได้เรียนรู้

- การหาผลบวกของจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกโดยใชแ้ ผ่นตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสบิ และแผ่นตารางหนว่ ย

ขน้ั ตรวจสอบผล

- การหาผลบวกของจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกโดยใชแ้ ผ่นตารางรอ้ ย แผ่นตารางสิบ และแผ่นตารางหนว่ ยจากนั้นให้

นักเรียนทาแบบฝึกหดั หนา้ 39 – 41

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วิธีการวัดผล เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ ารประเมินผล

ความร้คู วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ขนึ้ ไป ถือว่าผา่ น

-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมิน

-การสรุปความรูก้ ารปฏบิ ตั ิ

คณุ ลักษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผ่าน

ทางานร่วมกับกลุม่ ขณะ ทางานร่วมกับกลุ่ม เกณฑ์การประเมนิ

7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สื่อการเรยี นรู้

1. หนงั สอื พมิ พ์

2. บตั รตวั เลข บตั รภาพจานวนตา่ ง ๆ

3. หนังสือเรียนสาระการเรยี นรู้พืน้ ฐาน คณติ ศาสตร์/สื่อการเรียน รคู้ ณติ ศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ

2. บัตรตวั เลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

........................................................................... .................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ครูผูส้ อน ลงช่อื ...................................................ฝ่ายวิชาการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงชือ่ ................................................... ผู้บริหาร

(...........................................................)

สัปดาหท์ ่ี 4

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ชื่อผู้สอน ….……………………………….…….............

กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การบวกและการลบจานวน เร่อื ง การหาผลบวกโดยการต้ังบวกไมม่ กี ารทด

นบั ไม่เกนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลท่ีเกิดขึ้น

จากการดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชวี้ ดั ที่ ป.2/4 หาค่าของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลักษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนบั ไม่เกิน 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขั้นตอนของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

การหาผลบวกโดยการตั้งบวก ต้องเขยี นเลขโดดในหลักเดยี วกนั ใหต้ รงกนั แลว้ จงึ นาจานวนทอ่ี ยูใ่ นหลกั เดียวกันมา

บวกกนั โดยเร่ิมจากหลกั หน่วย หลกั สบิ และหลกั รอ้ ย ตามลาดับ ถ้าผลบวกในหลักหน่วยเป็น 1 สบิ หรอื มากกวา่ 1 สิบ ต้อง

ทด 1 สบิ ไปรวมกับจานวนในหลกั สบิ หรือถา้ ผลบวกในหลักสบิ เป็น 1 ร้อยหรอื มากกวา่ 1 รอ้ ย ต้องทด 1 ร้อยไปรวมกับ

จานวนในหลกั รอ้ ย

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลบวกโดยการตง้ั บวกไมม่ ีทดทผี่ ลบวกไม่เกนิ 1,000

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธีการท่เี หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลกั ษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความม่ันใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่

การหาผลบวกโดยการตงั้ บวกไมม่ ีการทด พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1
ขัน้ นา

ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ

. ครูนาเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยการสนทนากบั นักเรียนว่าขุนมีมะนาว 217 ผล เก็บเพม่ิ อีก 62 ผล รวมมีมะนาวท้งั หมดกีผ่ ล
ครูถามวา่ จะหาคาตอบไดอ้ ยา่ งไรนักเรียนตอบวา่ นา 217 บวกกบั 62 ครถู ามว่าจะหาผลบวกไดอ้ ยา่ งไรบ้าง นกั เรยี นอาจตอบ
วา่ หาผลบวกโดยใช้แผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสิบและแผ่นตารางหนว่ ย ครูถามนักเรยี นวา่ จะมวี ธิ อี นื่ ในการหาผลบวกได้อกี
หรอื ไม่ นกั เรียนอาจตอบวา่ หาผลบวกโดยการตัง้ บวก ครูถามนักเรยี นวา่ การหาผลบวกโดยการตัง้ บวกจะมีวิธกี ารต้ังบวก
อย่างไร นกั เรยี นควรตอบไดว้ ่า เขียนตัวเลขในหลักเดียวกนั ให้ตรงกันแล้วนาจานวนในหลักเดียวกันมาบวกกนั ครตู ิดบัตรคา
หลกั ร้อย หลักสบิ หลักหน่วย และบตั รตัวเลข 217 และ 62 บนกระดานโดยใหเ้ ลขโดดที่อยใู่ นหลักเดียวกนั ตรงกัน ครสู าธติ
การบวกโดยการตงั้ บวกทีละขั้นตอน ดงั ตัวอย่างในหนงั สือเรียนหนา้ 69 จะได้ 217 + 62 = 279 ดังน้ัน ขุนมีมะนาวท้งั หมด
279 ผล

ขั้นสอน

ขั้นสารวจคน้ หา

1. ครนู าเขา้ สบู่ ทเรียนโดยการสนทนากบั นกั เรียนวา่ ขุนมีมะนาว 217 ผล เก็บเพิม่ อีก 62 ผล รวมมมี ะนาวทงั้ หมดก่ี
ผล ครูถามว่าจะหาคาตอบได้อยา่ งไรนักเรียนตอบวา่ นา 217 บวกกับ 62 ครูถามวา่ จะหาผลบวกไดอ้ ย่างไรบา้ ง นักเรียนอาจ
ตอบวา่ หาผลบวกโดยใชแ้ ผน่ ตารางรอ้ ย แผ่นตารางสบิ และแผน่ ตารางหนว่ ย ครูถามนักเรยี นวา่ จะมีวิธอี ืน่ ในการหาผลบวกได้
อกี หรือไม่ นกั เรยี นอาจตอบว่า หาผลบวกโดยการตั้งบวก ครูถามนกั เรยี นว่า การหาผลบวกโดยการตงั้ บวกจะมีวธิ กี ารตง้ั บวก
อยา่ งไร นกั เรียนควรตอบไดว้ ่า เขยี นตัวเลขในหลักเดยี วกันให้ตรงกันแลว้ นาจานวนในหลักเดียวกนั มาบวกกันครูติดบัตรคา
หลักรอ้ ย หลักสิบ หลักหน่วย และบตั รตวั เลข 217 และ 62 บนกระดานโดยให้เลขโดดที่อยูใ่ นหลักเดียวกนั ตรงกัน ครสู าธิต
การบวกโดยการต้ังบวกทลี ะข้ันตอน ดงั ตวั อยา่ งในหนงั สือเรยี นหนา้ 69 จะได้ 217 + 62 = 279 ดงั นั้น ขุนมมี ะนาวทงั้ หมด
279 ผล

2. ครยู กตัวอย่างจานวนสามหลักบวกกับจานวนสามหลักท่ไี ม่มที ด เช่น 723 + 205 =  ครูสาธิตการหาผลบวก
โดยการต้งั บวกทลี ะข้นั ตอนตามหนังสอื เรยี นหนา้ 70 โดยเน้นย้าว่า ตอ้ งเขยี นเลขโดดทอ่ี ยูใ่ นหลักเดียวกนั ใหต้ รงกนั แล้วนา
จานวนในหลักเดียวกันมาบวกกัน โดยเร่ิมจากหลักหน่วย หลกั สบิ และหลักรอ้ ยตามลาดับ

3. ครยู กตวั อยา่ ง 236 + 423 = ดังนี้ เขยี นเลขโดดในหลักเดียวกนั ให้ตรงกัน
ขั้นที่ 1 บวกในหลักหน่วย 6 หน่วยบวก 3 หนว่ ย ได้ 9 หนว่ ย
ข้ันที่ 2 บวกในหลักสิบ 3 สบิ บวก 2 สบิ ได้ 5 สบิ
ขัน้ ที่ 3 บวกในหลักร้อย 2 รอ้ ยบวก 4 ร้อยได้ 6 ร้อย ดังน้ัน 236 + 423 = 659
จากนัน้ ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกันแสดงวิธีการหาผลบวกโดยการตง้ั บวกตามหนังสือเรียนหนา้ 71 โดยบอกขนั้ ตอนการหาผลบวกที
ละขน้ั ตอน ใหน้ กั เรียนหาคาตอบในข้อ 1 - 5 ทลี ะขอ้ แลว้ ครูแสดงวิธคี ิดท่ถี ูกต้องทลี ะขอ้ เพ่อื ตรวจสอบความถูกต้อง ครูและ
นักเรยี นร่วมกันสรปุ ขัน้ ตอนการหาผลบวกด้วยวธิ ีต้งั บวก
3. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกันหาผลบวกโดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสิบและแผ่นตารางหน่วยแล้วเติม
คาตอบไปทีละข้อตามหนงั สือเรียน หน้า 67 โดยครใู ห้นกั เรียนออกมาแสดงวิธคี ิดทลี ะขอ้ และใหน้ ักเรยี นนาเสนอวิธกี ารนา
แผ่นตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผน่ ตารางหน่วยมารวมกนั และครูเนน้ ยา้ ว่า

ข้ันสรุป

ข้นั ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยให้นักเรยี นแสดงการหาผลบวกโดยการตั้งบวกเป็นรายบคุ คลตามหนังสอื

เรยี นหน้า 72 ถ้าพบวา่ มนี กั เรียนยังหาผลบวกไมถ่ ูกต้อง ครใู หน้ ักเรียนมาฝึกเพ่ิมเตมิ กับครเู ปน็ รายบุคคล จากน้ันครูและ

นักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรุปสิง่ ที่ได้เรียนรู้

- การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตั้งบวกตอ้ งเขยี นเลขโดดในหลกั เดยี วกันใหต้ รงกนั แล้วจงึ นาจานวนท่ี

อยใู่ นหลกั เดยี วกันมาบวกกัน โดยเร่ิมจากหลกั หน่วย หลกั สิบ และหลกั รอ้ ย ตามลาดับ

ขนั้ ตรวจสอบผล

- การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตง้ั บวกต้องเขยี นเลขโดดในหลักเดียวกนั ให้ตรงกัน แลว้ จึงนาจานวนที่

อยใู่ นหลักเดยี วกันมาบวกกัน โดยเร่ิมจากหลักหนว่ ย หลักสบิ และหลักรอ้ ย ตามลาดับ

จากนัน้ ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด หน้า 42 - 44

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมินผลจดุ ประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมินผล

ความร้คู วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคิด 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรุปความรกู้ ารปฏบิ ัติ

คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผา่ น

ทางานร่วมกับกล่มุ ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สอ่ื การเรยี นรู้

1. หนงั สือพมิ พ์
2. บตั รตัวเลข บตั รภาพจานวนต่าง ๆ
3. หนังสอื เรยี นสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน คณิตศาสตร์/สื่อการเรียน รู้คณิตศาสตร์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บตั รตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาหท์ ่ี 4

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ช่อื ผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลุม่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 การบวกและการลบจานวน เร่อื ง การหาผลบวกโดยการตั้งบวกมกี ารทด(1)

นับไม่เกิน 1,000

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลท่ีเกดิ ขึน้

จากการดาเนินการ สมบตั ขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตัวชวี้ ดั ที่ ป.2/4 หาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนบั ไม่เกนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขน้ั ตอนของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การหาผลบวกโดยการตั้งบวก ต้องเขียนเลขโดดในหลักเดียวกนั ใหต้ รงกนั แล้วจงึ นาจานวนท่ีอย่ใู นหลกั เดียวกันมา

บวกกนั โดยเร่มิ จากหลักหน่วย หลกั สิบ และหลักรอ้ ย ตามลาดับ ถา้ ผลบวกในหลกั หน่วยเปน็ 1 สบิ หรือมากกวา่ 1 สบิ ต้อง

ทด 1 สบิ ไปรวมกับจานวนในหลกั สิบ หรอื ถ้าผลบวกในหลักสบิ เปน็ 1 ร้อยหรือมากกว่า 1 รอ้ ย ต้องทด 1 ร้อยไปรวมกบั

จานวนในหลักรอ้ ย

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

หาผลบวกโดยการตัง้ บวกมีการทดท่ีผลบวกไม่เกิน 1,000

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ธิ กี ารที่เหมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่ันใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น

การหาผลบวกโดยการตงั้ บวกมีการทด พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ 1
ข้ันนา

ขัน้ กระต้นุ ความสนใจ

1. ครสู นทนาเก่ยี วกบั สถานการณใ์ นหนังสอื เรียนหนา้ 73 เขยี นประโยคสัญลักษณ์การบวกได้
215 + 19 =  ใหน้ กั เรยี นหาผลบวกโดยใช้แผน่ ตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสิบ และแผน่ ตารางหน่วยครสู าธติ การหาผลบวกโดย
การตั้งบวกที่มีทด ซึง่ ตวั อย่างน้ีเปน็ การทดจากหลักหน่วยไปหลักสิบ ครูตดิ บตั รคา หลกั รอ้ ย หลกั สิบ หลักหน่วย และบัตร
ตัวเลข 215 และ 19 บนกระดาน โดยใหเ้ ลขโดดท่ีอยใู่ นหลักเดียวกนั ตรงกนั ครูสาธิตการบวกโดยการตั้งบวกทลี ะขน้ั ตอน ข้ัน
ที่ 1 บวกในหลักหนว่ ย 5 + 9 = 14 หนว่ ย ใหเ้ ทยี บกับวิธกี ารหาผลบวกโดยใช้แผ่นตาราง “เมื่อแผน่ ตารางหนว่ ยรวมกนั 10
แผน่ จะเทา่ กบั แผน่ ตารางสบิ 1 แผน่ และจะถูกนาไปนบั รวมกับแผ่นตารางสิบ” ดังน้ันในการบวกหลกั หนว่ ยทีผ่ ลบวกเป็น
จานวนสองหลกั ตอ้ งทดจานวนท่ีครบสบิ ไปหลักสบิ จากนั้นบวกในหลักสบิ ต้องนา 1 สิบท่ีทดไว้ไปรวมกบั ผลบวกในหลกั สิบ
ด้วย ดงั ตวั อย่างในหนงั สือเรยี นหนา้ 73 จะได้ 215 + 19 = 234 ดังนัน้ มีไขไ่ ปขาย 234 ฟอง

ขัน้ สอน

ข้นั สารวจคน้ หา

1. ครูสนทนาเก่ียวกบั สถานการณ์ในหนังสอื เรียนหน้า 73 เขยี นประโยคสญั ลักษณ์การบวกได้ 215 + 19 =  ให้
นักเรียนหาผลบวกโดยใชแ้ ผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผ่นตารางหนว่ ยครสู าธิตการหาผลบวกโดยการตั้งบวกที่มีทด ซง่ึ
ตัวอยา่ งนี้เป็นการทดจากหลักหน่วยไปหลักสิบ ครตู ิดบัตรคา หลักร้อย หลกั สิบ หลกั หน่วย และบตั รตัวเลข 215 และ 19 บน
กระดาน โดยใหเ้ ลขโดดท่อี ยใู่ นหลกั เดียวกันตรงกนั ครสู าธิตการบวกโดยการต้ังบวกทลี ะข้ันตอน ขน้ั ที่ 1 บวกในหลักหน่วย 5
+ 9 = 14 หนว่ ย ให้เทยี บกับวธิ ีการหาผลบวกโดยใชแ้ ผน่ ตาราง “เมือ่ แผน่ ตารางหนว่ ยรวมกนั 10 แผน่ จะเท่ากบั แผ่นตาราง
สิบ 1 แผ่น และจะถูกนาไปนับรวมกับแผน่ ตารางสิบ” ดงั น้ันในการบวกหลกั หนว่ ยทผี่ ลบวกเปน็ จานวนสองหลกั ต้องทด
จานวนทค่ี รบสิบไปหลกั สบิ จากนั้นบวกในหลักสิบ ตอ้ งนา 1 สบิ ที่ทดไว้ไปรวมกับผลบวกในหลักสบิ ดว้ ย ดงั ตวั อย่างใน
หนังสอื เรียนหนา้ 73 จะได้ 215 + 19 = 234 ดงั นนั้ มไี ข่ไปขาย 234 ฟอง

2. ครยู กตัวอย่าง 576 + 153 = ครูสาธติ การหาผลบวกโดยการต้ังบวกท่ีมที ดจากหลกั สิบไปหลกั ร้อย ขนั้ ที่ 1 บวกใน
หลักหนว่ ย 6 หน่วย บวกกับ 3 หน่วย ได้ 9 หนว่ ย
ขั้นท่ี 2 บวกในหลักสิบ 7 สบิ บวก 5 สบิ ได้ 12 สบิ หรอื 1 ร้อย กับ 2 สบิ ทด 1 ร้อยไปรวมกับหลกั ร้อย ขัน้ ท่ี 3 บวกใน
หลักรอ้ ย 5 ร้อย บวก 1 ร้อย รวมกบั ที่ทดอีก 1 ร้อย ได้ 7 รอ้ ย ดงั นั้น 576 + 153 = 729

3. ครูยกตวั อย่าง 107 + 128 = หาผลบวกโดยการตัง้ บวกทีละขน้ั ตอน ดงั น้ี
บวกในหลักหน่วย 7 หนว่ ย บวก 8 หน่วย ได้ 15 หน่วย นา 1 สิบ ไปทดไวใ้ นหลักสิบ
บวกในหลกั สิบ 0 สบิ บวก 2 สิบ บวกกับที่ทดมาอีก 1 สิบ ได้ 3 สบิ
บวกในหลักร้อย 1 รอ้ ยบวก 1 รอ้ ย ได้ 2 รอ้ ย ดงั นน้ั 107 + 128 = 235
จากน้ันครใู ห้นักเรยี นช่วยกันแสดงวธิ ีการหาผลบวกโดยการตงั้ บวกตามหนังสือเรยี นหน้า 75 โดยบอกขัน้ ตอนการหาผลบวกที
ละขนั้ ตอน ใหน้ ักเรียนหาคาตอบในข้อ 1 – 5 ทลี ะขอ้ แล้วครูแสดงวิธีคิดทีถ่ ูกต้องทีละข้อเพื่อตรวจสอบความถกู ต้องครูและ
นักเรยี นร่วมกันสรปุ ขัน้ ตอนการหาผลบวกดว้ ยวิธีต้งั บวก ครูเนน้ ยา้ ว่า ถ้าผลบวกในหลักหนว่ ยเป็น 1 สบิ หรือมากกว่า 1
สบิ ต้องทด 1 สบิ ไปรวมกับจานวนในหลักสิบ หรือถา้
ผลบวกในหลกั สบิ เปน็ 1 ร้อยหรือมากกว่า 1 รอ้ ย ตอ้ งทด 1 ร้อยไปรวมกับจานวนในหลักรอ้ ย

ขั้นสรุป

ข้ันขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยใหน้ ักเรยี นแสดงการหาผลบวกโดยการตัง้ บวกเปน็ รายบุคคลตามหนังสอื

เรยี นหน้า 76 ถา้ พบวา่ มีนกั เรียนยังหาผลบวกไมถ่ ูกต้อง ครูให้นกั เรยี นมาฝกึ เพ่ิมเติมกับครเู ป็นรายบุคคล จากน้ันครแู ละ

นกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรปุ ส่งิ ที่ได้เรยี นรู้

- การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตั้งบวกต้องเขยี นเลขโดดในหลกั เดียวกันใหต้ รงกนั แลว้ จึงนาจานวนที่

อยู่ในหลักเดียวกันมาบวกกนั โดยเริ่มจากหลักหนว่ ย หลกั สิบ และหลกั ร้อย ตามลาดับ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยใหน้ กั เรยี นแสดงการหาผลบวกโดยการต้งั บวกเป็นรายบุคคล

ตามหนังสือเรียนหนา้ 76 ถา้ พบว่ามีนักเรียนยังหาผลบวกไมถ่ ูกต้อง ครูใหน้ กั เรยี นมาฝึกเพิม่ เติมกบั ครู

เป็นรายบคุ คล จากนน้ั ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ ส่ิงที่ไดเ้ รยี นรู้

การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตั้งบวกต้องเขยี นเลขโดดในหลักเดยี วกันใหต้ รงกัน แลว้ จงึ นาจานวนที่

อยู่ในหลักเดียวกันมาบวกกัน โดยเริม่ จากหลักหนว่ ย หลกั สิบ และหลกั ร้อย ตามลาดบั

- ถา้ ผลบวกในหลักสบิ เปน็ 1 หรือมากกว่า 1 สิบ ต้องทดกับ 1 สิบไปรวมกับจานวนในหลักสิบ

- ถ้าผลบวกในหลักรอ้ ยเปน็ 1 หรอื มากกวา่ 1 ร้อย ต้องทดกับ 1 รอ้ ยไปรวมกบั จานวนในหลกั ร้อย

ขน้ั ตรวจสอบผล

การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตง้ั บวกต้องเขยี นเลขโดดในหลักเดยี วกันใหต้ รงกัน แลว้ จึงนาจานวนท่ี

อยู่ในหลักเดียวกันมาบวกกนั โดยเริ่มจากหลักหนว่ ย หลักสบิ และหลักรอ้ ย ตามลาดับ

- ถา้ ผลบวกในหลักสิบเปน็ 1 หรอื มากกวา่ 1 สบิ ต้องทดกับ 1 สบิ ไปรวมกบั จานวนในหลักสิบ

- ถ้าผลบวกในหลกั ร้อยเปน็ 1 หรือมากกวา่ 1 ร้อย ต้องทดกบั 1 รอ้ ยไปรวมกับจานวนในหลกั รอ้ ยจากนนั้ ให้

นักเรียนทาแบบฝึกหัด หน้า 45 - 47

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวัดผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ขึน้ ไป ถือวา่ ผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ข้ึนไป ถือว่าผ่าน

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรูก้ ารปฏบิ ตั ิ

คุณลักษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ข้นึ ไป ถือวา่ ผ่าน

ทางานร่วมกบั กลมุ่ ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้
7.1 ส่ือการเรียนรู้

1. หนงั สอื พมิ พ์
2. บตั รตวั เลข บตั รภาพจานวนต่าง ๆ
3. หนังสอื เรยี นสาระการเรียนรู้พื้นฐาน คณิตศาสตร์/สอื่ การเรยี น รูค้ ณิตศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บัตรตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................ ................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผสู้ อน ลงช่อื ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาหท์ ่ี 4

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ชือ่ ผสู้ อน ….……………………………….…….............

กล่มุ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 2 คาบ

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 การบวกและการลบจานวน เรือ่ ง การหาผลบวกโดยการตั้งบวกมีการทด(2)

นบั ไมเ่ กิน 1,000

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลท่ีเกดิ ขึน้

จากการดาเนินการ สมบตั ขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป.2/4 หาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ข้ันตอนของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การหาผลบวกโดยการต้งั บวก ต้องเขยี นเลขโดดในหลักเดียวกนั ให้ตรงกนั แล้วจงึ นาจานวนทอี่ ยใู่ นหลกั เดียวกันมา

บวกกัน โดยเรม่ิ จากหลักหนว่ ย หลกั สบิ และหลกั รอ้ ย ตามลาดับ ถ้าผลบวกในหลกั หน่วยเปน็ 1 สบิ หรอื มากกวา่ 1 สบิ ต้อง

ทด 1 สบิ ไปรวมกบั จานวนในหลกั สิบ หรอื ถ้าผลบวกในหลกั สบิ เป็น 1 ร้อยหรอื มากกว่า 1 รอ้ ย ต้องทด 1 ร้อยไปรวมกบั

จานวนในหลักรอ้ ย

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลบวกโดยการตง้ั บวกมีการทดทผี่ ลบวกไม่เกิน 1,000

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธกี ารทเ่ี หมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมั่นใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน

การหาผลบวกโดยการตงั้ บวกมีการทด พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1
ขั้นนา

ขัน้ กระตุ้นความสนใจ

1. ครสู นทนาเกยี่ วกับสถานการณ์ในหนงั สอื เรียนหน้า 73 เขียนประโยคสัญลักษณ์การบวกได้ 215 + 19 =  ให้
นกั เรยี นหาผลบวกโดยใชแ้ ผน่ ตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสิบ และแผน่ ตารางหนว่ ยครูสาธิตการหาผลบวกโดยการตง้ั บวกท่ีมีทด ซง่ึ
ตัวอยา่ งน้ีเปน็ การทดจากหลักหนว่ ยไปหลักสบิ ครูติดบตั รคา หลกั ร้อย หลกั สิบ หลกั หนว่ ย และบัตรตัวเลข 215 และ 19 บน
กระดาน โดยให้เลขโดดทอี่ ยู่ในหลักเดยี วกันตรงกัน ครูสาธติ การบวกโดยการตั้งบวกทีละข้ันตอน ขนั้ ท่ี 1 บวกในหลักหน่วย 5
+ 9 = 14 หนว่ ย ให้เทยี บกบั วธิ ีการหาผลบวกโดยใช้แผ่นตาราง “เมื่อแผน่ ตารางหน่วยรวมกนั 10 แผ่น จะเท่ากับแผ่นตาราง
สบิ 1 แผน่ และจะถูกนาไปนับรวมกบั แผน่ ตารางสิบ” ดงั นั้นในการบวกหลกั หน่วยทีผ่ ลบวกเปน็ จานวนสองหลักต้องทด
จานวนท่ีครบสิบไปหลกั สบิ จากนัน้ บวกในหลกั สิบ ต้องนา 1 สบิ ทท่ี ดไวไ้ ปรวมกับผลบวกในหลกั สบิ ด้วย ดังตัวอย่างใน
หนงั สอื เรียนหน้า 73 จะได้ 215 + 19 = 234 ดังนน้ั มีไขไ่ ปขาย 234 ฟอง

ข้ันสอน

ขัน้ สารวจค้นหา

1. ครูสนทนาเก่ียวกบั สถานการณ์ในหนงั สือเรียนหนา้ 73 เขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์การบวกได้
215 + 19 =  ให้นักเรยี นหาผลบวกโดยใชแ้ ผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสิบ และแผ่นตารางหน่วย
ครูสาธติ การหาผลบวกโดยการตง้ั บวกทมี่ ที ด ซงึ่ ตวั อยา่ งนเี้ ป็นการทดจากหลกั หนว่ ยไปหลกั สิบ ครตู ิดบัตรคา หลักร้อย หลกั
สบิ หลักหน่วย และบตั รตัวเลข 215 และ 19 บนกระดาน โดยใหเ้ ลขโดดทอี่ ยู่ในหลักเดยี วกันตรงกัน ครูสาธิตการบวกโดยการ
ตัง้ บวกทีละขน้ั ตอน ขน้ั ที่ 1 บวกในหลักหนว่ ย 5 + 9 = 14 หนว่ ย ให้เทยี บกับวิธีการหาผลบวกโดยใช้แผ่นตาราง “เม่อื แผน่
ตารางหน่วยรวมกัน 10 แผน่ จะเทา่ กบั แผน่ ตารางสิบ 1 แผ่น และจะถูกนาไปนับรวมกบั แผ่นตารางสิบ” ดังนัน้ ในการบวก
หลักหน่วยทผ่ี ลบวกเปน็ จานวนสองหลกั ต้องทดจานวนท่ีครบสิบไปหลักสิบ จากนั้นบวกในหลกั สิบ ต้องนา 1 สบิ ท่ีทดไว้ไป
รวมกับผลบวกในหลกั สบิ ด้วย ดังตัวอยา่ งในหนังสือเรยี นหนา้ 73 จะได้ 215 + 19 = 234 ดังน้ัน มไี ข่ไปขาย 234 ฟอง

2. ครยู กตัวอยา่ ง 576 + 153 = ครสู าธิตการหาผลบวกโดยการตั้งบวกท่ีมีทดจากหลกั สบิ ไปหลักร้อย ขน้ั ท่ี 1 บวกใน
หลกั หน่วย 6 หน่วย บวกกบั 3 หนว่ ย ได้ 9 หนว่ ย ขัน้ ที่ 2 บวกในหลกั สบิ 7 สบิ บวก 5 สบิ ได้ 12 สิบ หรอื 1 ร้อย กบั 2
สิบ ทด 1 รอ้ ยไปรวมกับหลกั รอ้ ย ข้ันที่ 3 บวกในหลักร้อย 5 รอ้ ย บวก 1 รอ้ ย รวมกบั ท่ีทดอีก 1 รอ้ ย ได้ 7 รอ้ ย ดังนัน้ 576
+ 153 = 729

3. ครูยกตัวอยา่ ง 107 + 128 = หาผลบวกโดยการตงั้ บวกทีละขน้ั ตอน ดังน้ี บวกในหลักหน่วย 7 หนว่ ย บวก 8
หน่วย ได้ 15 หน่วย นา 1 สบิ ไปทดไว้ในหลักสบิ บวกในหลักสบิ 0 สบิ บวก 2 สบิ บวกกบั ทีท่ ดมาอีก 1 สบิ ได้ 3 สบิ
บวกในหลักร้อย 1 ร้อยบวก 1 รอ้ ย ได้ 2 ร้อย ดงั น้ัน 107 + 128 = 235 จากนน้ั ครใู ห้นกั เรียนช่วยกันแสดงวธิ กี ารหา
ผลบวกโดยการตัง้ บวกตามหนังสอื เรียนหนา้ 75 โดยบอกขนั้ ตอนการหาผลบวกทลี ะขั้นตอน ใหน้ กั เรยี นหาคาตอบในข้อ 1 –
5 ทลี ะข้อ แล้วครูแสดงวธิ ีคดิ ทถี่ ูกต้องทีละข้อเพ่ือตรวจสอบความถูกตอ้ งครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปขน้ั ตอนการหาผลบวก
ด้วยวิธีต้งั บวก ครเู น้นยา้ วา่ ถ้าผลบวกในหลักหน่วยเปน็ 1 สบิ หรือมากกวา่ 1 สบิ ต้องทด 1 สบิ ไปรวมกับจานวนในหลกั
สบิ หรอื ถ้าผลบวกในหลกั สิบเปน็ 1 รอ้ ยหรือมากกว่า 1 ร้อย ตอ้ งทด 1 ร้อยไปรวมกับจานวนในหลกั รอ้ ย

ขั้นสรปุ

ข้นั ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยใหน้ ักเรยี นแสดงการหาผลบวกโดยการต้งั บวกเปน็ รายบุคคล

ตามหนังสือเรยี นหนา้ 76 ถ้าพบวา่ มนี ักเรยี นยังหาผลบวกไม่ถูกต้อง ครใู หน้ ักเรียนมาฝึกเพิม่ เตมิ กบั ครเู ปน็ รายบุคคล จากนัน้

ครูและนกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ สงิ่ ท่ีไดเ้ รยี นรู้การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการต้งั บวกตอ้ ง

เขียนเลขโดดในหลกั เดียวกนั ให้ตรงกัน แล้วจึงนาจานวนทอี่ ยู่ในหลกั เดยี วกันมาบวกกนั โดยเร่มิ จากหลักหนว่ ย หลักสิบ และ

หลักรอ้ ย ตามลาดับ

- ถา้ ผลบวกในหลกั สิบเปน็ 1 หรอื มากกวา่ 1 สบิ ต้องทดกับ 1 สิบไปรวมกับจานวนในหลกั สิบ

- ถา้ ผลบวกในหลักรอ้ ยเป็น 1 หรือมากกวา่ 1 ร้อย ต้องทดกบั 1 ร้อยไปรวมกบั จานวนในหลักรอ้ ย

ข้นั ตรวจสอบผล

การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตงั้ บวกต้องเขยี นเลขโดดในหลกั เดียวกันใหต้ รงกนั แล้วจึงนาจานวนที่
อย่ใู นหลักเดียวกันมาบวกกัน โดยเร่มิ จากหลกั หนว่ ย หลักสิบ และหลกั ร้อย ตามลาดับ

- ถา้ ผลบวกในหลกั สิบเป็น 1 หรือมากกว่า 1 สบิ ต้องทดกับ 1 สบิ ไปรวมกบั จานวนในหลกั สิบ

- ถา้ ผลบวกในหลักร้อยเปน็ 1 หรือมากกวา่ 1 รอ้ ย ต้องทดกับ 1 ร้อยไปรวมกับจานวนในหลกั ร้อยจากนัน้ ให้

นกั เรียนทาแบบฝึกหัด หน้า 48 - 50

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมินผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวดั ผล เครื่องมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคดิ 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน

-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรปุ ความรูก้ ารปฏบิ ตั ิ

คณุ ลักษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผา่ น

ทางานรว่ มกับกลมุ่ ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้

7.1 ส่อื การเรยี นรู้

1. หนังสอื พมิ พ์

2. บัตรตัวเลข บัตรภาพจานวนตา่ ง ๆ

3. หนังสอื เรยี นสาระการเรียนรู้พืน้ ฐาน คณิตศาสตร์/สือ่ การเรยี น รูค้ ณติ ศาสตร์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บตั รตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ที่ 4

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/………... ชอื่ ผ้สู อน ….……………………………….…….............

กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 การบวกและการลบจานวน เรื่อง การหาผลบวกของจานวนสามจานวน (1)

นบั ไม่เกิน 1,000

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลทีเ่ กดิ ขึ้น

จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชีว้ ดั ที่ ป.2/4 หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขั้นตอนของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การบวกจานวนสองจานวนสามารถสลับที่ได้ผลบวกยังคงเท่าเดมิ การบวกจานวนสามจานวนจะบวกสองจานวนใด

ก่อนก็ได้ แล้วบวกจานวนทเ่ี หลือผลบวกเทา่ กัน หาผลบวกโดยการตงั้ บวกทาได้โดยนาจานวนในหลักเดยี วกันมาบวกกันถา้

ผลบวกในหลักใดเป็นจานวนสองหลกั ใหท้ ดจานวนในหลกั สบิ ไปรวมกับจานวนในหลกั ถัดไปทางซา้ ย

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลบวกของจานวนสามจานวนได้

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ กี ารที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคุณลกั ษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมัน่ ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน

การหาผลบวกของจานวนสามจานวน พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี 1
ข้นั นา

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ครสู นทนาเกย่ี วกับสถานการณต์ ามหนังสือเรยี นหนา้ 81 เขยี นประโยคสัญลกั ษณ์
5 + 4 + 7 =  โดยครถู ามนักเรียนว่า จะหาผลบวกได้อยา่ งไร นักเรยี นตอบ บวกทลี ะสองจานวน ครสู าธิตการบวกจานวน
สามจานวน โดยบวกทีละสองจานวนค่ใู ดก่อนก็ได้ แล้วนาผลบวกท่ีได้ไปบวกกับจานวนท่ีเหลือ ตามหนงั สือเรยี นหน้า 81
ดังนนั้ 5 + 4 + 7 = 16 ครใู ห้นกั เรียนสงั เกตว่า การบวกจานวนสามจานวนไม่วา่ จะบวกจานวนสองจานวนใดก่อน แล้วจงึ บวก
กับจานวนที่เหลือ ผลบวกทไ่ี ดย้ งั คงเท่ากนั

ขั้นสอน

ขั้นสารวจคน้ หา

1. ครสู นทนาเก่ยี วกบั สถานการณต์ ามหนงั สือเรียนหนา้ 81 เขียนประโยคสญั ลักษณ์ 5 + 4 + 7 =  โดยครถู าม
นกั เรยี นวา่ จะหาผลบวกได้อย่างไร นักเรียนตอบ บวกทีละสองจานวน ครสู าธติ การบวกจานวนสามจานวน โดยบวกทลี ะสอง
จานวนคู่ใดก่อนก็ได้ แล้วนาผลบวกท่ีได้ไปบวกกับจานวนท่ีเหลอื ตามหนงั สือเรียนหน้า 81 ดังนัน้ 5 + 4 + 7 = 16 ครใู ห้
นักเรยี นสังเกตวา่ การบวกจานวนสามจานวนไมว่ า่ จะบวกจานวนสองจานวนใดก่อน แล้วจงึ บวกกบั จานวนทเี่ หลือ ผลบวกท่ีได้
ยงั คงเทา่ กัน

2. ครูให้นกั เรียนหาผลบวกของจานวนสามจานวน เชน่ 30 + 40 + 80 =  โดยให้นกั เรยี นเลอื กว่าจะบวกสอง
จานวนใดกอ่ น เมือ่ บวกกบั จานวนท่ีเหลือแล้วนาผลบวกมาตรวจสอบว่าเทา่ กนั หรือไม่ หากพบว่าได้ผลบวกไม่เทา่ กันให้
นกั เรียนตรวจสอบการบวกอีกครงั้ ครูให้นกั เรยี นสงั เกตว่า ในการเลือกจานวนสองจานวนใดมาบวกกนั ก่อน ควรเลอื กจานวนที่
มผี ลบวกครบสิบหรือครบร้อย เพ่ือใหง้ ่ายและรวดเร็วในการหาคาตอบ เช่น 75 + 9 + 45 =  ควรเลือก75 + 45 กอ่ น ซง่ึ
75 + 45 = 120 และ 120 + 9 = 129 จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันหาผลบวกของจานวนสามจานวนในกรอบท้ายหนา้ 82

3. เมื่อนักเรียนหาผลบวกของจานวนสามจานวนในกรอบท้ายหน้า 82 เสรจ็ แลว้ ครูสมุ่ นักเรยี นออกมาแสดงวิธีหา
ผลบวกของจานวนสามจานวนขอ้ ละ 3 คน ครูใหน้ ักเรยี นสงั เกตการหาคาตอบของเพือ่ นแต่ละคน และพิจารณาว่าเพื่อนแต่ละ
คนไดค้ าตอบเทา่ กันหรือไม่ ซึ่งในการหาผลบวกของนักเรยี นแต่ละคนอาจแตกต่างกนั ครูใหน้ กั เรยี นพิจารณาโจทย์ 84 + 62
+ 31 =  แลว้ ถามนกั เรียนวา่ จะเลือกสองจานวนใดมาบวกกันก่อน นักเรยี นแต่ละคนอาจเลือกไม่เหมอื นกนั ครูแนะนาวา่
ควรเลือกสองจานวนทง่ี ่ายในการหาผลบวก เช่น อาจเลอื ก 62 กบั 31 จะง่ายกวา่ เพราะไดผ้ ลบวกเป็นจานวนสองหลักแลว้ จึง
นาผลบวกไปบวกกบั 84 ซึ่งเป็นจานวนสองหลกั ได้ 177 ครูอาจใหน้ ักเรยี นแสดงวธิ ีหาผลบวกพร้อมอธบิ ายเหตุผลในการเลอื ก
จานวนสองจานวนที่นามาบวกกันก่อนแลว้ บวกกับจานวนท่เี หลือ ซ่งึ นกั เรยี นอาจมีเหตุผลทแี่ ตกตา่ งกัน แตค่ าตอบท่ีไดต้ ้อง
เทา่ กนั ครเู ฉลยคาตอบท่ถี ูกต้อง แลว้ ให้นกั เรียนสังเกตอีกคร้ังวา่ คาตอบเท่ากนั หรือไม่ ครูควรใช้คาถามเพ่ือให้นกั เรียนสามารถ
สรปุ ไดว้ ่า การหาผลบวกของจานวนสามจานวน จะบวกสองจานวนใดก่อนกไ็ ด้ แล้วบวกกบั จานวนทีเ่ หลือ ผลบวก
เทา่ กนั

ขั้นสรปุ

ข้ันขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยให้นกั เรยี นแสดงการหาผลบวกของจานวนสามจานวนเป็นรายบคุ คลตาม

หนงั สือเรยี นหนา้ 84 ถา้ พบว่ามนี ักเรียนยงั หาผลบวกไม่ถูกตอ้ ง ครูใหน้ ักเรียนมาฝึกเพิ่มเตมิ กับครูเป็นรายบุคคล จากนน้ั ครู

และนกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องและสรุปส่งิ ท่ีได้เรียนรู้ การบวกจานวนสามจานวนจะบวกสองจานวนใดก่อนก็ได้

แลว้ บวกกบั จานวนท่ีเหลอื ผลบวกเท่ากัน

ขน้ั ตรวจสอบผล

- การบวกจานวนสามจานวนจะบวกสองจานวนใดก่อนก็ได้ แลว้ บวกกบั จานวนที่เหลือผลบวกเทา่ กนั จากน้นั ให้นักเรียนทา

แบบฝกึ หดั หนา้ 51 – 52

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เคร่อื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมินผล

ความร้คู วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคิด 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมนิ

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ น

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรปุ ความร้กู ารปฏิบัติ

คณุ ลักษณะนสิ ัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขึน้ ไป ถือวา่ ผ่าน

ทางานรว่ มกับกลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้

7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. หนังสือพมิ พ์

2. บัตรตัวเลข บัตรภาพจานวนต่าง ๆ

3. หนังสือเรยี นสาระการเรียนรู้พ้นื ฐาน คณติ ศาสตร์/ส่ือการเรียน รคู้ ณิตศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บตั รภาพ

2. บัตรตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................. ...............................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครูผ้สู อน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวิชาการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผ้บู ริหาร

(...........................................................)

สัปดาหท์ ่ี 4

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/………... ชอ่ื ผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 การบวกและการลบจานวน เรอื่ ง การหาผลบวกของจานวนสามจานวน (2)

นับไม่เกนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้ีวดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลท่ีเกิดข้นึ

จากการดาเนินการ สมบัตขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตัวช้วี ดั ที่ ป.2/4 หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนับไม่เกิน 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ข้ันตอนของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การบวกจานวนสองจานวนสามารถสลับท่ีไดผ้ ลบวกยังคงเท่าเดมิ การบวกจานวนสามจานวนจะบวกสองจานวนใด

ก่อนก็ได้ แลว้ บวกจานวนทเี่ หลือผลบวกเท่ากนั หาผลบวกโดยการต้ังบวกทาได้โดยนาจานวนในหลักเดียวกันมาบวกกันถ้า

ผลบวกในหลกั ใดเปน็ จานวนสองหลกั ใหท้ ดจานวนในหลักสิบไปรวมกบั จานวนในหลกั ถัดไปทางซ้าย

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

หาผลบวกของจานวนสามจานวนได้

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธกี ารท่เี หมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมั่นใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน

การหาผลบวกของจานวนสามจานวน พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1
ขน้ั นา

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ทบทวนการหาผลบวกของจานวนสามจานวน โดยการใช้คาถาม เช่น นกั เรยี นสามารถหาผลบวกของจานวนสาม
จานวนไดอ้ ยา่ งไร นกั เรยี นตอบว่า การหาผลบวกของจานวนสามจานวน จะบวกสองจานวนใดกอ่ นก็ได้ แล้วบวกกบั จานวนที่
เหลือ ผลบวกเท่ากัน ครสู มุ่ นักเรยี นให้ออกมาแสดงการหาผลบวกของจานวนสามจานวน โดยการต้งั บวก เชน่ 213 + 26 +
54 =  นกั เรียนอาจหาผลบวกของสองจานวนก่อน แลว้ ไปบวกกบั จานวนที่เหลือ ครถู ามนกั เรยี นวา่ นักเรียนเลอื กสอง
จานวนใดมาบวกกันกอ่ นเพราะเหตุใด นกั เรียนตอบวา่ เลอื ก 26 + 54 กอ่ น เพราะจานวนสองหลกั บวกกับจานวนสองหลกั จะ
หาผลบวกไดง้ ่าย จากนั้นให้นักเรยี นแสดงการหาคาตอบ นกั เรยี นอาจแสดงได้ดังนี้

ครถู ามนักเรียนวา่ มีวธิ หี าคาตอบอน่ื อีกหรือไม่ครูสาธิตการบวกจานวนสามจานวน โดยการต้ังบวก ตามหนงั สือเรียนหน้า 85

ขั้นสอน
ขัน้ สารวจคน้ หา

1. ทบทวนการหาผลบวกของจานวนสามจานวน โดยการใช้คาถาม เช่น นักเรยี นสามารถหาผลบวกของจานวนสาม
จานวนได้อย่างไร นกั เรียนตอบว่า การหาผลบวกของจานวนสามจานวน จะบวกสองจานวนใด
กอ่ นกไ็ ด้ แลว้ บวกกับจานวนทเ่ี หลือ ผลบวกเทา่ กัน ครูสุม่ นกั เรยี นใหอ้ อกมาแสดงการหาผลบวกของจานวนสามจานวน โดย
การตัง้ บวก เช่น 213 + 26 + 54 =  นกั เรียนอาจหาผลบวกของสองจานวนก่อน แล้วไปบวกกบั จานวนที่เหลอื ครถู าม
นกั เรยี นว่า นกั เรียนเลือกสองจานวนใดมาบวกกนั ก่อนเพราะเหตใุ ด นักเรียนตอบวา่ เลอื ก 26 + 54 ก่อน เพราะจานวนสอง
หลกั บวกกบั จานวนสองหลักจะหาผลบวกไดง้ า่ ย จากน้ันให้นกั เรียนแสดงการหาคาตอบ นกั เรยี นอาจแสดงไดด้ ังน้ี

ครูถามนักเรียนวา่ มวี ธิ ีหาคาตอบอ่ืนอีกหรือไม่ครูสาธติ การบวกจานวนสามจานวน โดยการต้ังบวก ตามหนงั สือเรยี นหนา้ 85
2. ครสู าธติ การบวกจานวนสามหลักสามจานวนโดยการตัง้ บวก เชน่ 379 + 247 + 355 = 

ตามหนังสือเรียนหน้า 86 ดังน้ี

ข้นั ที่ 1 บวกในหลักหน่วย 9 หนว่ ย บวก 7 หนว่ ย บวก 5 หนว่ ย ได้ 21 หนว่ ย ผลบวกเปน็ จานวนสองหลักตอ้ งทดจานวนท่ี
ครบสบิ ไปหลักสบิ ดงั นนั้ ตอ้ ง ทด 2 สบิ ไปหลกั สบิ และนา 2 สบิ ท่ที ดไวไ้ ปรวมกับผลบวกในหลักสิบ
ขน้ั ที่ 2 บวกในหลักสิบ 7 สิบ บวก 4 สบิ บวก 5 สิบ บวกกบั ท่ีทดมาอีก 2 สบิ ได้ 18 สิบ ผลบวกเป็นจานวนสองหลกั ต้องทด
จานวนท่คี รบสบิ ไปหลักร้อย ดังนั้น ต้องทด 10 สิบ หรอื 1 ร้อยไปหลกั ร้อย และ นา 1 ร้อยท่ีทดไวไ้ ปรวมกับผลบวกในหลกั
ร้อย ข้ันที่ 3 บวกในหลักร้อย 3 ร้อย บวก 2 รอ้ ย บวก 3 ร้อย บวกกบั ท่ีทดมาอีก 1 ร้อย ได้ 9 ร้อย ดงั ตวั อยา่ งในหนังสือ
เรยี นหน้า 86 จะได้ 379 + 247 + 355 = 981 ครเู น้นย้าว่า การหาผลบวกของจานวนสามจานวนอาจทาได้โดยนาจานวนใน
หลักเดยี วกนั มาบวกกัน ถ้าผลบวกในหลกั ใดเป็นจานวนสองหลกั ให้ทดจานวนในหลักสบิ ไปรวมกับจานวนในหลกั ถดั ไป
ทางซา้ ย

3. ครูให้นักเรยี นชว่ ยกันหาผลบวกของจานวนสามจานวนโดยการตัง้ บวกตามตัวอย่าง 416 + 28 + 9 =  ใน
หนงั สือเรียนหนา้ 87 โดยครใู ช้การถาม-ตอบในการหาผลบวก ในแตล่ ะหลกั เช่น

6 หน่วย บวก 8 หน่วย บวก 9 หน่วย ได้ก่หี น่วย แล้วตอ้ งทดไปหลักสิบเทา่ ไร
1 สิบ บวก 2 สบิ รวมกบั ที่ทดไว้อกี 2 สบิ ได้เทา่ ไร มีทดหรอื ไม่
4 ร้อย บวก 0 ร้อย บวก 0 ร้อย ไดเ้ ท่าไร แลว้ คา ตอบเป็นเทา่ ไร
ให้นักเรยี นหาคาตอบในขอ้ 1 – 9 ทลี ะข้อ แล้วครูแสดงวธิ ีคิดทถ่ี ูกต้องทีละข้อเพือ่ ตรวจสอบความถูกต้อง ครูควรเนน้ ยา้ การ
บวกที่ทดไปหลกั พันในข้อ 8 และข้อ 9 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ขนั้ ตอนการหาผลบวกของจานวนสามจานวนโดยการต้ัง
บวกวา่ การหาผลบวกของจานวนสามจานวนอาจทาได้โดยนาจานวนในหลกั เดียวกันมาบวกกนั ถ้าผลบวกในหลกั ใดเป็น
จานวนสองหลักใหท้ ดจานวนในหลกั สิบไปรวมกบั จานวนในหลกั ถัดไปทางซา้ ย

ขนั้ สรุป

ข้นั ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยใหน้ ักเรยี นแสดงการหาผลบวกของจานวนสามจานวนเป็นรายบุคคลตาม

หนังสอื เรยี นหน้า 88 ถ้าพบว่ามนี กั เรียนยงั หาผลบวกไมถ่ ูกต้อง ครูใหน้ กั เรียนมาฝึกเพ่ิมเติมกับครเู ปน็ รายบุคคล จากน้ันครู

และนกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ สง่ิ ที่ไดเ้ รยี นรู้การหาผลบวกของจานวนสามจานวนโดยการตงั้ บวกทาได้

โดยนาจานวนในหลักเดยี วกันมาบวกกนั ถ้าผลบวกในหลกั ใดเปน็ จานวนสองหลกั ใหท้ ดจานวนในหลกั สิบไปรวมกบั จานวนใน

หลักถัดไปทางซ้าย

ขัน้ ตรวจสอบผล

การหาผลบวกของจานวนสามจานวนโดยการตั้งบวกทาได้โดยนาจานวนในหลกั เดยี วกันมาบวกกนั ถ้าผลบวกในหลกั

ใดเป็นจานวนสองหลกั ให้ทดจานวนในหลักสิบไปรวมกับจานวนในหลักถัดไปทางซ้ายจากนนั้ ให้นกั เรียนทาแบบฝึกหัด หนา้

53 – 55

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผลจุดประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การประเมินผล

ความรูค้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคดิ 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผา่ น

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ น

-การใหเ้ หตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรู้การปฏิบัติ


Click to View FlipBook Version