The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาคณิตศาสตร์ ป.2 เทอม 1-63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จิรพงศ์ ไมตรีจิตร, 2020-06-13 09:12:18

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาคณิตศาสตร์ ป.2 เทอม 1-63

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาคณิตศาสตร์ ป.2 เทอม 1-63

ขั้นสอ3น.

ข้ันสารวจค้นหา

1. ครูติดบัตรภาพแอปเปิล 6 แพ็ก แพ็กละ 1 ผล แล้วถามนักเรียนว่า มีแอปเปิลกี่แพ็ค แพ็คละกี่ผลมีแอปเปิลท้ังหมดกี่ผล
นักเรียนตอบว่า มีแอปเปิล 6 แพ็ค แพ็คละ 1 ผล มีแอปเปิลท้ังหมด 6 ผล ครูถามว่า เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณได้
อย่างไร นักเรียนตอบ 6 × 1 = 6 ครูถามนักเรียนว่า จากประโยคสัญลักษณ์การคูณ 6 × 1 = 6 น้ัน 6 ตัวหน้าในที่นี้หมายถึง
อะไร 1 ในที่นี้หมายถึงอะไร และ 6 ตัวหลังในที่นี้หมายถึงอะไร นักเรียนตอบ 6 ตัวหน้าเป็นจานวนกลุ่ม และ 1 เป็นจานวน
สมาชิกในแต่ละกลุ่ม และ 6 ตัวหลังเป็นจานวนสมาชิกทั้งหมด ครูติดบัตรภาพแอปเปิล 6 แพ็ก แพ็กละ 2 ผล แล้วถาม
นกั เรียนว่า มีแอปเปิลกี่แพ็ก แพ็กละกี่ผล มีแอปเปิลทั้งหมดกี่ผลนักเรียนตอบว่า มีแอปเปิล 6 แพ็ก แพ็กละ 2 ผล มีแอปเปิล
ท้ังหมด 12 ผล ครูถามว่า เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณได้อย่างไร นักเรียนตอบ 6 × 2 = 12 ครูถามนักเรียนว่า จาก
ประโยคสัญลักษณ์การคูณ 6 × 2 = 12 น้ัน 6 ในที่นี้หมายถึงอะไร 2 ในที่น้ีหมายถึงอะไร และ 12 ในท่ีนี้หมายถึงอะไร
นักเรียนตอบ 6 เป็นจานวนกลุ่ม และ 2 เป็นจานวนสมาชิกในแต่ละกลุ่ม และ 12 เป็นจานวนสมาชิกทั้งหมดครูติดบัตรภาพ
แอปเปิล 6 แพ็ก แพ็กละ 3 ผล แล้วถามนักเรียนว่า มีแอปเปิลกี่แพ็ก แพ็กละก่ีผล มีแอปเปิลท้ังหมดก่ีผล นักเรียนตอบว่า มี
แอปเปิล 6 แพ็ก แพ็กละ 3 ผล มีแอปเปิลทั้งหมด 18 ผล ครูถามว่า เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณได้อย่างไร นักเรียน
ตอบ 6 × 3 = 18ครูถามนักเรียนว่า จากประโยคสัญลักษณ์การคูณ 6 × 3 = 18 นั้น 6 ในท่ีนี้หมายถึงอะไ3 ในที่นี้หมายถึง
อะไร และ 18 ในท่ีนี้หมายถึงอะไร นักเรียนตอบ 6 เป็นจานวนกลุ่ม และ 3 เป็นจานวนสมาชิกในแต่ละกลุ่ม และ 18 เป็น
จานวนสมาชิกทั้งหมด ครูติดบัตรภาพแอปเปิล 6 แพ็ก แพ็กละ 4 ผล แล้วถามนักเรียนว่า มีแอปเปิลก่ีแพ็ก แพ็กละกี่ผล มี
แอปเปลิ ท้ังหมดกผี่ ลนกั เรียนตอบว่า มีแอปเปิล 6 แพก็ แพ็กละ 4 ผล มแี อปเปิลทงั้ หมด 24 ผล ครูถามว่า เขยี นเปน็
ประโยคสญั ลักษณก์ ารคูณได้อย่างไร นักเรยี นตอบ 6 × 4 = 24 ครูติดบตั รภาพแอปเปลิ 6 แพ็ก แพ็กละ 5 ผล แลว้ ถาม
นักเรยี นวา่ มแี อปเปิลก่แี พ็ก แพก็ ละก่ผี ล มีแอปเปลิ ทั้งหมดก่ีผลนักเรียนตอบว่ามีแอปเปลิ 6 แพก็ แพ็กละ 5 ผล มีแอปเปิล
ทั้งหมด 30 ผล ครูถามนักเรียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณได้อย่างไรนักเรียนตอบ 6 × 5 = 30 ครูแนะนาวา่ การจดั ส่ิง
ต่างๆเป็น 6 กลมุ่ กลุ่มละเทา่ ๆ กนั เป็นการนา 6 ไปคูณกับจานวนของสิ่งต่าง ๆ อาจเขียนเป็น 6 × 1 = 6 6 × 2 = 12 6 ×
3 = 18 6 × 4 = 24 6 × 5 = 30 ซง่ึ เรียกวา่ สูตรคณู แม่ 6 ครูใหน้ ักเรียนสงั เกตผลคูณจะเห็นสูตรคณู แม่ 6 มีผลคูณเพมิ่ ทลี ะ
6 จากนั้นครถู ามนกั เรยี นวา่ 6 × 6เท่ากบั เทา่ ไร 6 × 7 เทา่ กับเทา่ ไร 6 × 8 เทา่ กบั เทา่ ไร 6 × 9 เทา่ กบั เทา่ ไร โดยสังเกตจาก
ผลคูณจากน้ันครูเขยี นสูตรคูณแม่ 6 ให้ครบแล้วใหน้ กั เรยี นอา่ นพร้อมกัน

2. ครูติดบัตรภาพขนมกล้วย 7 จาน จานละ 1 ช้ิน แล้วถามนักเรียนว่า มีขนมกล้วยกี่จาน จานละก่ีช้ินมีขนมกล้วย
ท้ังหมดกี่ช้ิน นักเรียนตอบว่า มีขนมกล้วย 7 จาน จานละ 1 ช้ิน มีขนมกล้วยท้ังหมด 7 ช้ิน ครูถามว่า เขียนเป็นประโยค
สญั ลกั ษณก์ ารคูณได้อย่างไร นักเรียนตอบ 7 × 1 = 7ครูถามนักเรียนว่า จากประโยคสัญลักษณ์การคูณ 7 × 1 = 7 นั้น 7 ตัว
หน้าในท่ีน้ีหมายถึงอะไร 1 ในท่ีนี้หมายถึงอะไร และ 7 ตัวหลังในที่น้ีหมายถึงอะไร นักเรียนตอบ 7 ตัวหน้าเป็นจานวนกลุ่ม
และ 1 เป็นจานวนสมาชกิ ในแต่ละกลุม่ และ 7 ตวั หลังเป็นจานวนสมาชิกทั้งหมด ครูติดบัตรภาพขนมกล้วย 7 จาน จานละ 2
ชน้ิ แล้วถามนักเรยี นว่า มขี นมกล้วยก่ีจาน จานละก่ีชิ้น มีขนมกล้วยทั้งหมดกี่ชิ้น นักเรียนตอบว่า มีขนมกล้วย 7 จาน จานละ
2 ชิ้น มีขนมกล้วยท้ังหมด 14 ช้ินครูถามว่า เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณได้อย่างไรนักเรียนตอบ 7 × 2 = 14 ครูถาม
นักเรียนว่า จากประโยคสัญลักษณ์การคูณ 7 × 2 = 14 นั้น 7 ในท่ีนี้หมายถึงอะไร 2 ในที่น้ีหมายถึงอะไร และ 14 ในที่น้ี
หมายถึงอะไร นกั เรยี นตอบ 7 เปน็ จานวนกลุม่ และ 2 เป็นจานวนสมาชกิ ในแต่ละกล่มุ และ 14 เปน็ จานวนสมาชิกทง้ั หมด
ครตู ดิ บตั รภาพขนมกลว้ ย 7 จาน จานละ 3 ชิ้น แล้วถามนักเรยี นว่า มขี นมกลว้ ยกจี่ าน จานละกช่ี ้ิน มีขนมกล้วยทง้ั หมดก่ีช้ิน
นักเรียนตอบวา่ มีขนมกลว้ ย 7 จาน จานละ 3 ช้ิน มขี นมกล้วยท้ังหมด 21 ช้ิน ครูถามว่า เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณ
ได้อย่างไร นักเรียนตอบ 7 × 3 = 21 ครูถามนักเรียนว่า จากประโยคสัญลักษณ์การคูณ 7 × 3 = 21 น้ัน 7 ในท่ีน้ีหมายถึง
อะไร 3 ในทน่ี ้ีหมายถงึ อะไร และ 21 ในที่นี้หมายถึงอะไรนักเรียนตอบ 7 เป็นจานวนกลุ่ม และ 3 เป็นจานวนสมาชิกในแต่ละ

กลุ่ม และ 21 เป็นจานวนสมาชิกทั้งหมด ครูติดบัตรภาพขนมกล้วย 7 จาน จานละ 4 ชิ้น แล้วถามนักเรียนว่า มีขนมกล้วยก่ี
จาน จานละกี่ชิ้นมีขนมกล้วยท้ังหมดก่ีชิ้น นักเรียนตอบว่า มีขนมกล้วย 7 จาน จานละ 4 ช้ิน มีขนมกล้วยทั้งหมด 28 ชิ้นครู
ถามว่า เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณได้อย่างไร นักเรียนตอบ 7 × 4 = 28 ครูติดบัตรภาพขนมกล้วย 7 จาน จานละ 5
ชิน้ แล้วถามนกั เรียนวา่ มขี นมกลว้ ยก่จี าน จานละกี่ช้นิ มขี นมกลว้ ยทั้งหมดกี่ชิ้นนักเรียนตอบว่า มีขนมกล้วย 7 จาน จานละ 5
ชนิ้ มีขนมกล้วยท้ังหมด 35 ชิน้ ครูถามวา่ เขียนเป็นประโยคสญั ลกั ษณก์ ารคณู ไดอ้ ย่างไร นักเรียนตอบ 7 × 5 = 35
ครูแนะนาว่า การจัดสิ่งต่าง ๆ เป็น 7 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน เป็นการนา 7 ไปคูณกับจานวนของส่ิงต่าง ๆ อาจเขียนเป็น
7 × 1 = 7 7 × 2 = 14 7 × 3 = 21 7 × 4 = 28 7 × 5 = 35 ซ่ึงเรียกว่า สูตรคูณแม่ 7 ครูให้นักเรียนสังเกตผลคูณ จะ
เห็นวา่ สูตรคูณแม่ 7 มผี ลคณู เพม่ิ ขึน้ ทีละ 7 จากน้นั ครถู ามนกั เรียนวา่ 7 × 6 เทา่ กบั เทา่ ไร 7 × 7 เท่ากบั เท่าไร 7 × 8 เท่ากับ
เท่าไร 7 × 9 เท่ากบั เทา่ ไร โดยสังเกตจากผลคูณ จากนน้ั ครเู ขยี นสูตรคูณแม่ 7 ให้ครบแล้วให้นกั เรียนอ่านพรอ้ มกนั

3. ครูให้นักเรยี นหาผลคูณของจานวนหนึ่งหลักกบั 6 โดยใช้การถาม-ตอบ เช่น 6 × 3 เท่ากับเท่าไร แล้วถามนักเรียน
ว่า 3 × 6 เท่ากับเทา่ ไร นักเรียนควรจะตอบได้ว่า 3 × 6 = 6 × 3 เพราะนักเรียนทราบมาแล้วว่า การคูณจานวนสองจานวน
เม่ือสลับที่กันผลคูณยังคงเท่าเดิม ครูให้นักเรียนสังเกตว่า สามารถหาคาตอบโดยใช้สูตรคูณแม่ 3 หรือสูตรคูณแม่ 6 ก็ได้
จากนั้นครใู ห้นกั เรียนชว่ ยกนั หาผลคูณของจานวนหน่งึ หลักกับ 6 และ ผลคูณของจานวนหน่ึงหลักกับ 7 ตามหนังสือเรียนหน้า
263 โดยครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง

ข้ันอธบิ ายความรู้

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนในชั่วโมงนี้โดยให้นักเรียนหาผลคูณของ
จานวนหน่งึ หลัก กับ 6 และหาผลคูณของจานวนหน่ึงหลัก กับ 7 ตามหนังสือเรียนหน้า 264 แต่จะพบว่าข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ
5 เป็นการใชก้ ารสลบั ทก่ี ารคณู เพ่อื หาคาตอบ ซงึ่ นักเรียนทามาแลว้ ในหนา้ 263 เพอื่ ให้นกั เรียนได้ฝึกทักษะการคิดให้คล่อง ซ่ึง
เป็นจดุ เร่มิ ต้นของความคดิ สร้างสรรค์ จากนน้ั ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งและสรุปส่ิงท่ีได้เรยี นรู้

ข้ันสรุป

ขั้นขยายความเข้าใจ

ครูและนกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรุปสิง่ ท่ีได้เรยี นรู้

• 6 คูณกับจานวนหน่งึ หลัก หาผลคูณได้โดยใช้สูตรคูณแม่ 6

• 7 คณู กับจานวนหน่ึงหลัก หาผลคณู ได้โดยใช้สตู รคูณแม่ 7

ขั้นตรวจสอบผล

- ให้นกั เรยี นทาแบบฝึกหัดหน้า 167 - 169

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมินผลจุดประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ผล
70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
ความรคู้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด เกณฑ์การประเมนิ
70% ขน้ึ ไป ถือว่าผา่ น
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผา่ น
เกณฑ์การประเมนิ
-การให้เหตุผล

-การสรุปความรกู้ ารปฏบิ ตั ิ

คณุ ลักษณะนสิ ัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม

ทางานร่วมกับกลมุ่ ขณะ ทางานร่วมกับกล่มุ

7. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
7.1 สอ่ื การเรียนรู้

1. บัตรภาพ
2. สื่อของจรงิ เช่น ตวั นับ ปากกา ดินสอ

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

-

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครผู สู้ อน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอื่ ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ที่ 17

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/………... ชอ่ื ผู้สอน …………………………….…….......................
กลุม่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การคูณ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 3 คาบ

เรอ่ื ง การคูณจานวนหนง่ึ หลักกบั จานวนหนึ่งหลกั (4)

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลทีเ่ กิดข้นึ จาก

การดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชว้ี ัดที่ ป.2/5 หาคา่ ของตวั ไมท่ ราบค่าใน ประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการคูณ ของจานวน 1 หลกั ตับจานวนไม่เกิน 2 หลัก

ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา 2 ขน้ั ตอนของจานวนนับไม่เกิน1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

• การหาผลคูณของจานวน 1 หลักกับจานวน2 หลกั โดยการตงั้ คูณ ต้องคูณในหลักหนว่ ยก่อน แลว้ คณู ในหลกั สิบ ถา้

ผลคูณในหลักใดครบสบิ หรือมากกวา่ สิบ ใหท้ ดจานวนทีค่ รบสิบไปหลักถดั ไปทางซา้ ย

• ความร้สู ึกเชงิ จานวนเก่ียวกับการคณู เป็นการบอกว่าผลคูณของจานวนสองจานวนใดมีคา่ มากกว่ากนั นอ้ ยกว่ากนั

หรอื เทา่ กันโดยไม่ต้องหาผลคูณของสองจานวนนนั้

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

หาผลคณู ของจานวนหนงึ่ หลกั กับ 2 และหาผลคณู ของจานวนหนึ่งหลักกบั 3

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ ีการท่เี หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมั่นใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถิน่

การคูณจานวนหนึง่ หลกั กบั จานวนหนงึ่ หลกั พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบที่ 1-3
ขนั้ นา

ขน้ั กระตุน้ ความสนใจ

1. ครูติดบัตรภาพสาล่ี 8 แพก็ แพ็กละ 1 ผล แล้วถามนกั เรียนว่า มีสาล่กี แ่ี พก็ แพ็กละก่ผี ล มสี าล่ีท้ังหมดกผ่ี ล

ขัน้ สอน

ข้นั สารวจค้นหา

1. ครูตดิ บัตรภาพสาลี่ 8 แพก็ แพก็ ละ 1 ผล แล้วถามนักเรียนว่า มีสาล่ีกี่แพ็ก แพ็กละก่ีผล มีสาลี่ท้ังหมดกี่ผลนักเรียนตอบว่า
มีสาลี่ 8 แพ็ก แพ็กละ 1 ผล มีสาลี่ท้ังหมด 8 ผล ครูถามว่า เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณได้อย่างไร นักเรียนตอบ 8 ×
1 = 8 ครถู ามนกั เรยี นวา่ จากประโยคสัญลักษณ์การคูณ 8 × 1 = 8 นั้น 8 ตัวหน้าในท่ีน้ีหมายถึงอะไร 1 ในที่นี้หมายถึงอะไร
และ 8 ตวั หลงั ในท่นี ี้หมายถึงอะไร นักเรียนตอบ 8 ตัวหน้าเป็นจานวนกลุ่ม และ 1 เป็นจานวนสมาชิกในแต่ละกลุ่มและ 8 ตัว
หลงั เปน็ จานวนสมาชกิ ทงั้ หมด ครูติดบัตรภาพสาล่ี 8 แพ็ก แพก็ ละ 2 ผล แล้วถามนักเรียนว่า มีสาลี่กี่แพ็ก แพ็กละกี่ผล มีสาล่ี
ทั้งหมดก่ีผล นักเรียนตอบว่า มีสาลี 8 แพ็ก แพ็กละ 2 ผล มีสาล่ีทั้งหมด 16 ผล ครูถามว่า เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การ
คูณไดอ้ ยา่ งไร นักเรียนตอบ 8 × 2 = 16ครูถามนักเรียนว่า จากประโยคสัญลักษณ์การคูณ 8 × 2 = 16 นั้น 8 ในที่นี้หมายถึง
อะไร 2 ในทน่ี ้หี มายถงึ อะไร และ 16 ในท่ีนี้หมายถึงอะไร นักเรยี นตอบ 8 เป็นจานวนกลุ่ม และ 2 เป็นจานวนสมาชิกในแต่ละ
กลุ่ม และ 16 เปน็ จานวนท้งั หมด ครตู ดิ บตั รภาพสาลี่ 8 แพ็ก แพก็ ละ 3 ผล แล้วถามนกั เรยี นว่า มีสาล่ีกี่แพ็ก แพ็กละกี่ผล มี
สาล่ีทั้งหมดก่ีผล นักเรียนตอบว่า มีสาลี่ 8 แพ็ก แพ็กละ 3 ผล มีสาล่ีท้ังหมด 24 ผล ครูถามว่า เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์
การคูณได้อย่างไร นักเรียนตอบ 8 × 3 = 24ครูถามนักเรียนว่า จากประโยคสัญลักษณ์การคูณ 8 × 3 = 24 น้ัน 8 ในที่น้ี
หมายถงึ อะไร 3 ในท่นี ้ีหมายถงึ อะไร และ 24 ในทนี่ ้ีหมายถงึ อะไร นกั เรียนตอบ 8 เป็นจานวนกลุ่ม และ 3 เป็นจานวนสมาชิก
ในแต่ละกลุม่ และ 24 เป็นจานวนสมาชิกท้ังหมด ครูติดบัตรภาพสาล่ี 8 แพ็ก แพ็กละ 4 ผล แล้วถามนักเรียนว่า มีสาลี่ก่ีแพ็ก
แพ็กละก่ีผล มีสาลี่ทั้งหมดกี่ผล นักเรียนตอบว่า มีสาลี่ 8 แพ็ก แพ็กละ 4 ผล มีสาลี่ทั้งหมด 32 ผล ครูถามว่า เขียนเป็น
ประโยคสญั ลักษณก์ ารคณู ได้อยา่ งไร นกั เรยี นตอบ 8 × 4 = 32ครูติดบัตรภาพสาล่ี 8 แพ็ก แพ็กละ 5 ผล แล้วถามนักเรียนว่า
มีสาลี่กี่แพ็ก แพ็กละกี่ผล มีสาลี่ท้ังหมดกี่ผลนักเรียนตอบว่า มีสาลี่ 8 แพ็ก แพ็กละ 5 ผล มีสาล่ีท้ังหมด 40 ผล ครูถามว่า
เขียนเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การคูณได้อยา่ งไร นักเรียนตอบ 8 × 5 = 40 ครแู นะนาวา่ การจัดส่งิ ต่าง ๆ เป็น 8 กล่มุ
กลุ่มละเท่า ๆ กัน เปน็ การนา 8 ไปคูณกบั จานวนของส่งิ ตา่ ง ๆ อาจเขยี นเป็น 8 × 1 = 8 8 × 2 = 16
8 × 3 = 24 8 × 4 = 32 8 × 5 = 40 ซ่ึงเรียกว่า สูตรคูณแม่ 8 ครูให้นักเรียนสังเกตผลคูณจะเห็นว่า สูตรคูณแม่ 8 มีผลคูณ
เพ่ิมขึ้นทีละ 8 จากน้ันครูถามนักเรียนว่า 8 × 6 เท่ากับเท่าไร 8 × 7 เท่ากับเท่าไร 8 × 8 เท่ากับเท่าไร 8 × 9 เท่ากับเท่าไร
โดยสังเกตจากผลคณู จากนนั้ ครูเขียนสตู รคูณแม่ 8 ใหค้ รบแลว้ ใหน้ กั เรยี นอ่านพร้อมกนั

2. ครูติดบัตรภาพขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 1 ช้ิน แล้วถามนักเรียนว่า มีขนมถ้วยฟูก่ีจาน จานละก่ีชิ้น มีขนมถ้วยฟู
ท้ังหมดกี่ช้ิน นักเรียนตอบว่า มีขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 1 ช้ิน มีขนมถ้วยฟู ท้ังหมด 9 ชิ้น ครูถามว่า เขียนเป็นประโยค
สัญลักษณก์ ารคูณได้อยา่ งไร นักเรยี นตอบ 9 × 1 = 9 ครถู ามนักเรียนว่า จากประโยคสัญลักษณ์การคูณ 9 × 1 = 9 น้ัน 9 ตัว
หน้าในท่ีน้ีหมายถึงอะไร 1 ในท่ีน้ีหมายถึงอะไร และ 9 ตัวหลังในที่นี้หมายถึงอะไร นักเรียนตอบ 9 ตัวหน้าเป็นจานวนกลุ่ม
และ 1 เปน็ จานวนสมาชิกในแตล่ ะกลมุ่ และ 9 ตัวหลังเป็นจานวนสมาชิกท้ังหมด ครูติดบัตรภาพขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 2
ชิ้น แล้วถามนักเรียนว่า มีขนมถว้ ยฟกู จ่ี าน จานละกชี่ ้ิน มขี นมถว้ ยฟทู ั้งหมดก่ีชิ้น นักเรียนตอบว่า มีขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ
2 ชน้ิ มี ขนมถว้ ยฟูทัง้ หมด 18 ชิ้น ครูถามว่า เขยี นเป็นประโยคสัญลักษณก์ ารคณู ไดอ้ ย่างไร นักเรียนตอบ 9 × 2 = 18
ครถู ามนักเรียนวา่ จากประโยคสญั ลกั ษณ์การคูณ 9 × 2 = 18 นั้น 9 ในทน่ี หี้ มายถงึ อะไร 2 ในที่นี้หมายถึงอะไร และ 18 ใน
ทน่ี ้ีหมายถึงอะไร นกั เรยี นตอบ 9 เปน็ จานวนกลมุ่ และ 2 เป็นจานวนสมาชิกในแตล่ ะกลุ่ม และ 18 เปน็ จานวนสมาชกิ ทั้งหมด
ครูตดิ บัตรภาพขนมถว้ ยฟู 9 จาน จานละ 3 ชนิ้ แล้วถามนักเรยี นว่า มีขนมถ้วยฟูกจี่ าน จานละก่ชี ้ิน มขี นมถ้วยฟูทั้งหมดก่ีช้นิ
นักเรียนตอบว่า มีขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 3 ช้ิน มีขนมถ้วยฟูท้ังหมด 27 ชิ้น ครูถามว่า เขียนเป็น ประโยคสัญลักษณ์การ
คณู ไดอ้ ยา่ งไร นักเรียนตอบ 9 × 3 = 27ครูถามนักเรียนว่า จากประโยคสัญลักษณ์การคูณ 9 × 3 = 27 นั้น 9 ในท่ีน้ีหมายถึง
อะไร 3 ในทีน่ ีห้ มายถึงอะไร และ 27 ในท่นี ี้หมายถึงอะไร นักเรยี นตอบ 9 เป็นจานวนกลุ่ม และ 3 เป็นจานวนสมาชิกในแต่ละ

กลุ่ม และ 27 เป็นจานวนสมาชิกทั้งหมด ครูติดบัตรภาพขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 4 ช้ินแล้วถามนักเรียนว่า มีขนมถ้วยฟูกี่
จาน จานละกชี่ นิ้ มขี นมถ้วยฟูท้ังหมดกชี่ ิ้น นกั เรยี นตอบว่า มีขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 4 ช้ิน มขี นมถว้ ยฟทู ั้งหมด 36 ชนิ้
ครูถามว่า เขยี นเปน็ ประโยคสัญลักษณ์การคูณได้อย่างไรนักเรียนตอบ 9 × 4 = 36 ครตู ดิ บตั รภาพขนมถว้ ยฟู 9 จาน จานละ
5 ชน้ิ แล้วถามวา่ มีขนมถว้ ยฟกู ่ีจาน จานละก่ชี ้นิ มขี นมถ้วยฟทู ั้งหมดกีช่ ิน้ นกั เรียนตอบวา่ มขี นมถว้ ยฟู 9 จาน จานละ 5 ชิน้
มขี นมถว้ ยฟทู ั้งหมด 45 ชิน้ ครถู ามวา่ เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การคูณได้อยา่ งไร นักเรยี นตอบ 9 × 5 = 45
ครูแนะนาว่า การจัดสิง่ ตา่ ง ๆ เป็น 9 กลุ่มกล่มุ ละเท่า ๆ กัน เปน็ การนา 9 ไปคูณกบั จานวนของส่ิงตา่ ง ๆ อาจเขียนเป็น 9 × 1
= 9 9 × 2 = 18 9 × 3 = 27 9 × 4 = 36 9 × 5 = 45 ซึ่งเรยี กวา่ สตู รคูณแม่ 9 ครูให้นักเรียนสังเกตผลคูณ จะเห็นว่า สูตร
คูณแม่ 9 มผี ลคูณเพิม่ ขึ้นทลี ะ 9 จากนั้นครูถามนักเรียนว่า 9 × 6 เท่ากับเท่าไร 9 × 7 เท่ากับเท่าไร 9 × 8 เท่ากับเท่าไร 9 ×
9 เท่ากบั เทา่ ไรโดยสังเกตจากผลคณู จากน้ันครูเขยี นสูตรคณู แม่ 9 ใหค้ รบแลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านพร้อมกนั

3. ครูให้นักเรียนหาผลคูณของจานวนหนึ่งหลักกับ 9 โดยใช้การถาม-ตอบ เช่น 9 × 5 เท่ากับเท่าไรนักเรียนตอบว่า
45 แล้วครูถามนักเรียนว่า 5 × 9 เท่ากับเท่าไร นักเรียนตอบว่า 45 ครูให้นักเรียนสังเกตว่า สามารถหาคาตอบโดยใช้สูตรคูณ
แม่ 5 หรอื สตู รคูณแม่ 9 กไ็ ด้ เพราะการคูณจานวนสองจานวนเมื่อสลับท่ีกันผลคูณยังคงเท่าเดิม จากน้ันครูให้นักเรียนช่วยกัน
หาผลคูณของจานวนหน่ึงหลักกับ 8 และผลคูณของจานวนหน่ึงหลักกับ 9 ตามหนังสือเรียนหน้า 267 โดยครูและนักเรียน
รว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง

ขั้นอธบิ ายความรู้

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนหาผลคูณของจานวนหนึ่งหลักกับ 8 และหาผลคูณของจานวน
หนึง่ หลักกับ 9 ตามหนังสอื เรยี นหนา้ 268 นกั เรียนอาจหาผลคณู โดยใชก้ ารสลบั ทก่ี ารคูณเพ่ือหาคาตอบก็ได้ ซ่ึงนักเรียนเรียนรู้
มาแล้วในหน้า 267 เพื่อให้นกั เรยี นไดฝ้ กึ การคิดใหค้ ล่อง ซ่งึ เป็นการ

ขน้ั สรุป

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

ครูและนกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องและสรุปสงิ่ ที่ไดเ้ รยี นรู้

• 8 คูณกับจานวนหนึ่งหลัก หาผลคูณไดโ้ ดยใช้สูตรคูณแม่ 8

• 9 คูณกบั จานวนหน่ึงหลกั หาผลคูณได้โดยใช้สูตรคูณแม่ 9

ขน้ั ตรวจสอบผล

- ให้นักเรียนทาแบบฝึกหัดหน้า 170 - 172

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วิธีการวัดผล เครอื่ งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
70% ขนึ้ ไป ถอื ว่าผ่าน
ความรู้ความเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระต้นุ ความคิด เกณฑ์การประเมนิ
70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ น
-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ข้นึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมิน
-การใหเ้ หตุผล

-การสรปุ ความร้กู ารปฏิบตั ิ

คุณลกั ษณะนิสัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม

ทางานร่วมกับกลุ่ม ขณะ ทางานร่วมกับกลุ่ม

7. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
7.1 ส่ือการเรยี นรู้

1. บัตรภาพ
2. สอื่ ของจรงิ เชน่ ตวั นับ ปากกา ดนิ สอ

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

-

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครผู ู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชือ่ ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ่ี 17

โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/………... ชื่อผสู้ อน …………………………….…….......................
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การคูณ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 2 จานวน 3 คาบ

เร่ือง การคูณจานวนหน่ึงหลักกับกบั 10 20 30 ... 90

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชวี้ ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลท่เี กิดขึ้นจาก

การดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้
ตัวชวี้ ดั ท่ี ป.2/5 หาคา่ ของตวั ไมท่ ราบคา่ ใน ประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการคูณ ของจานวน 1 หลกั ตบั จานวนไมเ่ กิน 2 หลกั

ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา 2 ขัน้ ตอนของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

• การหาผลคณู ของจานวน 1 หลักกับจานวน2 หลักโดยการตง้ั คณู ตอ้ งคูณในหลกั หนว่ ยก่อน แล้วคณู ในหลักสบิ ถ้า

ผลคณู ในหลักใดครบสบิ หรือมากกว่าสิบ ให้ทดจานวนท่ีครบสบิ ไปหลักถัดไปทางซ้าย

• ความรสู้ กึ เชงิ จานวนเก่ยี วกับการคณู เป็นการบอกว่าผลคูณของจานวนสองจานวนใดมีคา่ มากกวา่ กนั น้อยกวา่ กนั

หรอื เท่ากนั โดยไมต่ ้องหาผลคูณของสองจานวนน้นั

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

หาผลคูณของจานวนหนึง่ หลักกับ 10 20 30 ... 90

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธกี ารทเี่ หมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลักษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความม่ันใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่

การคณู จานวนหนึ่งหลกั กบั 10 20 30 ... 90 พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1-3
ข้นั นา

ขน้ั กระตุ้นความสนใจ

1. ครตู ิดบตั รภาพดาวความดี 2 แถว แถวละ 10 ดวงครถู ามนักเรยี นว่า มีดาวความดีก่ีแถว แถวละกี่ดวง มีดาว
ความดีทั้งหมดกดี่ วง

ขนั้ สอน

ขัน้ สารวจค้นหา

1. ครตู ิดบัตรภาพดาวความดี 2 แถว แถวละ 10 ดวงครูถามนักเรียนว่า มีดาวความดีก่ีแถว แถวละก่ีดวง มีดาวความ
ดีทั้งหมดกี่ดวง นักเรียนตอบว่า มีดาวความดี 2 แถวแถวละ 10 ดวง มีดาวความดีท้ังหมด 20 ดวง ครูให้นักเรียนเขียนเป็น
ประโยคสัญลักษณ์การคูณ นักเรียนเขียนได้เป็น 2 × 10 = 20 ครูนาดาวความดีไปติดเพ่ิมอีก 1 แถว แถวละ 10 ดวง ครูถาม
นักเรียนว่า เมื่อติดดาวความดีเพ่ิมมาอีก 1 แถว ตอนน้ีครูมีดาวความดีก่ีแถว แถวละกี่ดวง ครูมีดาวความดีทั้งหมดกี่ดวง
นักเรียนตอบว่า ครูมีดาวความดี 3 แถว แถวละ 10 ดวง ครูมีดาวความดีทั้งหมด 30 ดวง ครูให้นักเรียนเขียนเป็นประโยค
สัญลักษณ์การคูณ นักเรียนเขียนได้เป็น 3 × 10 = 30 ครูนาดาวความดีไปติดเพ่ิมอีก 1 แถว แถวละ 10 ดวง ครูถามนักเรียน
ว่า เมื่อติดดาวความดีเพ่ิมอีก 1 แถว ตอนนี้ครูมีดาวความดีก่ีแถว แถวละกี่ดวง ครูมีดาวความดีทั้งหมดกี่ดวง นักเรียนตอบว่า
ครูมีดาวความดี 4 แถว แถวละ10 ดวง ครูมีดาวความดีทั้งหมด 40 ดวง ครูให้นักเรียนเขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณ
นกั เรียนเขยี นได้เป็น 4 × 10 = 40 ครนู าดาวความดไี ปตดิ เพมิ่ อกี 1 แถว แถวละ 10 ดวง ครูถามนักเรียนว่า เม่ือติดดาวความ
ดีเพิม่ มาอีก 1 แถว ตอนน้ีครูมดี าวความดีกี่แถว แถวละกี่ดวง ครูมีดาวความดีทั้งหมดกี่ดวงนักเรียนตอบว่า ครูมีดาวความดี 5
แถว แถวละ 10 ดวง ครูมีดาวความดีทั้งหมด 50 ดวงครูให้นักเรียนเขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณ นักเรียนเขียนได้เป็น
5 × 10 = 50 ครถู ามนักเรียนวา่ ถา้ ครูติดดาวความดีเพิ่มอีก 1 แถว เป็น 6 แถว นักเรียนเขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณ
ได้อย่างไร นักเรียนตอบ 6 × 10 = 60 ครูถามนักเรียนว่า ถ้าครูติดดาวความดีเพ่ิมทีละ 1 แถว เป็น 7 แถว 8 แถว และ 9
แถวนักเรียนเขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณได้อย่างไรนักเรียนตอบ 7 × 10 = 70 8 × 10 = 80 และ 9 × 10 = 90
ตามลาดับ ครูเขียน 1 × 10 = 10 2 × 10 = 20 3 × 10 = 30 4 × 10 = 40 5 × 10 = 50 6 × 10 = 60 7 × 10 = 70 8
× 10 = 80 และ 9 × 10 = 90 บนกระดานในแนวตั้ง แล้วให้นักเรียนสังเกตผลคูณ โดยครูใช้การถาม-ตอบเพื่อให้นักเรียน
ร่วมกันสรุปว่า จานวนใดคูณกับ 10 จะได้ผลคูณเป็น 1 คูณกับจานวนนั้นแล้วเติม 0 ต่อท้าย 1 ตัว เช่น 9 × 10 หาผลคูณได้
จาก 9 × 1 = 9 แลว้ เตมิ 0 ต่อทา้ ยทีผ่ ลคณู จะได้ 9 × 10 = 90

2. ครูถามนักเรียนว่า ถ้ามีดินสอ 2 กล่อง กล่องละ 30 แท่ง จะมีดินสอท้ังหมด 30 + 30 = 60 แท่ง เขียนเป็น
ประโยคสัญลกั ษณก์ ารคณู ไดอ้ ยา่ งไร นกั เรยี นตอบวา่ 2 × 30 = 60 ครูถามนกั เรียนว่า ถ้านาข้อสรุปข้างต้นมาใช้ในการหาผล
คูณจะทาไดอ้ ยา่ งไร นักเรียนตอบว่าหา 2 × 3 ก่อน ไดเ้ ทา่ กบั 6 แลว้ จึงเติม 0 ต่อทา้ ย ครูยกตัวอยา่ งอ่ืนจากหนังสือเรียนท้าย
หนา้ 269 เช่น 3 × 30 และ 2 × 40 ซ่งึ นกั เรยี นควรจะตอบไดว้ า่ 3 × 30 หาจาก 3 × 3 ก่อนแล้วเติม 0 และ 2 × 40 หาจาก
2 × 4 ก่อนแล้วเติม 0 ซึ่งจะได้คาตอบเป็น 3 × 30 = 90 และ 2 × 40 = 80 ตามลาดับถ้ามีนักเรียนที่ยังไม่เข้าใจครูอาจใช้
ส่ือแผ่นตารางสิบมาใช้ประกอบการสอนตามตัวอย่างในหนังสือเรียนหน้า 270 และครูควรเน้นย้าเร่ืองการหาผลคูณที่ใช้การ
สลับทีก่ ารคณู เพื่อให้นักเรียนเกิดความชานาญในการหาผลคูณมากข้ึนจากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่า จานวนหน่ึงหลัก
คูณกับ 10 20 30 40 50 60 70 80 90 หาผลคูณได้โดยนาจานวนหนึ่งหลักนั้นคูณกับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ตามลาดับ แล้ว
เติม 0 ตอ่ ทา้ ย

3. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มและให้แต่ละกลุ่มช่วยกันหาผลคูณของจานวนหนึ่งหลักกับ 10 20 30 40 50 60 70 80
90 ตามหนังสือเรียนหน้า 271 เช่น ตามตัวอย่าง 60 × 4 เท่ากับเท่าไร ครูให้นักเรียนหา6 × 4 ก่อนว่าได้เท่าไร แล้วก็จะได้
คาตอบโดยเติม 0 ต่อท้าย อาจสุ่มนักเรียนในกลุ่มแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอวิธีหาคาตอบหน้าชั้นเรียน ครูและเพื่อนในห้อง
ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง ถ้ามีกลุ่มใดหาคาตอบผิดครูให้เพ่ือนในกลุ่มนั้นช่วยกันหาคาตอบใหม่จนกว่าจะได้คาตอบที่
ถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่า จานวนหน่ึงหลักคูณกับ 10 20 30 40 50 60 70 80 90 หาผลคูณได้โดยนา
จานวนหน่ึงหลกั นนั้ คณู กบั 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ตามลาดบั แล้วเติม 0 ต่อทา้ ย

ขั้นอธิบายความรู้

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนหาผลคูณของจานวนหน่ึงหลักกับ10 20 30 40 50 60 70 80
90 เปน็ รายบุคคลตามหนงั สือเรยี นหน้า 272 โดยใชข้ ้อสรปุ ทีค่ รแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปก่อนหน้านี้ว่า จานวนหน่ึงหลักคูณกับ
10 20 30 40 50 60 70 80 90 หาผลคูณได้โดยนาจานวนหน่ึงหลักน้ันคูณกับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ตามลาดับแล้วเติม 0
ต่อท้าย จากน้ันครูและนกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องและสรุปส่งิ ท่ีไดเ้ รียนรู้

ข้นั สรุป

ขนั้ ขยายความเข้าใจ

• จานวนหนึง่ หลกั คูณกบั 10 20 30 40 50 60 70 80 90 หาผลคูณโดยนาจานวนหนึ่งหลักน้ันคูณกับ 1 2 3 4 5 6 7

8 9 ตามลาดบั แลว้ เติม 0 ตอ่ ทา้ ย9

ขัน้ ตรวจสอบผล

- ให้นักเรยี นทาแบบฝึกหดั หนา้ 173 - 175

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมินผลจุดประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การประเมินผล

ความรูค้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ขึน้ ไป ถอื วา่ ผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมนิ

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผา่ น

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรปุ ความร้กู ารปฏบิ ัติ

คณุ ลกั ษณะนิสัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่าผา่ น

ทางานรว่ มกบั กลมุ่ ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ เกณฑ์การประเมนิ

7. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สอ่ื การเรยี นรู้

1. บตั รภาพ
2. ส่ือของจริง เชน่ ตัวนบั ปากกา ดนิ สอ

7.2 แหล่งการเรียนรู้

-

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ที่ 18

โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/………... ช่ือผสู้ อน …………………………….…….......................

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 2 จานวน 2 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 5 การคูณ เร่ือง การคูณจานวนหนง่ึ หลักกับจานวนสองหลักโดยการ

ตั้งคณู (1)


1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชว้ี ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลท่เี กิดขึ้นจาก

การดาเนนิ การ สมบตั ขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้
ตัวชวี้ ดั ที่ ป.2/5 หาค่าของตัวไมท่ ราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณ ของจานวน 1 หลักตบั จานวนไม่เกิน 2 หลัก

ป.2/8 แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขนั้ ตอนของจานวนนับไม่เกิน1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

• การหาผลคูณของจานวน 1 หลักกับจานวน2 หลักโดยการตัง้ คูณ ต้องคูณในหลกั หน่วยก่อน แลว้ คูณในหลกั สิบ ถา้

ผลคูณในหลกั ใดครบสิบ หรอื มากกว่าสบิ ให้ทดจานวนท่ีครบสิบไปหลกั ถดั ไปทางซา้ ย

• ความร้สู ึกเชงิ จานวนเกี่ยวกับการคูณเปน็ การบอกว่าผลคูณของจานวนสองจานวนใดมีคา่ มากกวา่ กัน น้อยกวา่ กนั

หรอื เทา่ กันโดยไมต่ ้องหาผลคูณของสองจานวนน้ัน

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลคูณจานวนหนงึ่ หลกั กับจานวนสองหลกั โดยการตง้ั คูณ

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธกี ารท่เี หมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมัน่ ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถ่นิ

การคูณจานวนหนึ่งหลักกับจานวนสองหลักโดยการ พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

ตง้ั คูณ

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1-2
ข้นั นา

ขัน้ กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูให้นักเรียนพิจารณาสถานการณใ์ นหนงั สือเรียนหนา้ 273 แม่บรจิ าคหนงั สือ 2 กอง กองละ 24 เล่ม แมบ่ รจิ าค

หนงั สือทง้ั หมดก่เี ล่ม เขียนประโยคสัญลักษณไ์ ด้ 2 × 24

ข2ัน้ .สอน

ขนั้ สารวจคน้ หา

1. ครูใหน้ กั เรียนพิจารณาสถานการณ์ในหนังสือเรียนหนา้ 273 แมบ่ รจิ าคหนังสือ 2 กอง กองละ 24 เลม่ แม่บริจาคหนังสอื

ทงั้ หมดก่ีเล่ม เขียนประโยคสญั ลกั ษณ์ได้ 2 × 24 = ครูใช้แผ่นตารางสบิ แผ่นตารางหนว่ ยชว่ ยอธบิ ายขน้ั ตอนการคณู โดยใช้

ความหมายการคูณมาชว่ ยอธบิ ายวา่ 2 × 24 หมายถึง จัดแผน่ ตารางสบิ และตารางหนว่ ยเปน็ 2 กลุ่ม กลุ่มละ 24 จะได้ แผ่น

ตารางสิบ กล่มุ ละ 2 แผน่ และแผ่นตารางหน่วยกลุ่มละ 4 แผ่น จะได้ แผน่ ตารางสบิ ท้ังหมด 4 แผ่น เทา่ กับ 4 สบิ และ แผน่

ตารางหนว่ ยทั้งหมด 8 แผน่ เทา่ กบั 8 หน่วย รวมเป็น 48 ดงั นนั้ 2 × 24 = 48 ซง่ึ ในการหาผลคณู โดยใชแ้ ผน่ ตารางสิบและ

แผน่ ตารางหนว่ ย ครอู าจชใ้ี ห้นักเรียนเหน็ ว่า การจัดแผ่นตารางสิบ เป็น 2 กลมุ่ กลุ่มละ 2 แผน่ น้นั คือ 2 × 20 และการจัด

แผ่นตารางหนว่ ยเป็น 2 กลุ่ม กลุม่ ละ 4 แผ่น นัน้ คอื 2 × 4 ดงั น้ัน 2 × 24 = 48 มาจาก 2 × 20 = 40 กับ 2 × 4 = 8 ท้ังนี้

เพอ่ื ให้นักเรยี นเชื่อมโยงไปสู่การคูณโดยการต้ังคูณท่ตี ้องคูณในหลักหนว่ ยและหลักสิบ จากนนั้ ครูแนะนา ขั้นตอนการต้ังคณู

ดังน้ี

ขน้ั ที่ 1 คูณในหลักหนว่ ย 2 คณู 4 หนว่ ย ได้ 8 หนว่ ย เขียน 8 ในหลักหนว่ ย

ขั้นท่ี 2 คณู ในหลกั สบิ 2 คณู 2 สบิ ได้ 4 สบิ เขียน 4 ในหลักสิบ

เขยี นการตง้ั คูณไดต้ ามหนังสือเรียนหน้า 273

หลักสิบ หลกั หน่วย

2 4×

2

48

ดงั น้นั แมบ่ รจิ าคหนงั สือทัง้ หมด 48 เล่ม

2. ครูยกตัวอยา่ งการหาผลคูณของจานวนหน่ึงหลกั กบั จานวนสองหลกั โดยการตง้ั คูณ เชน่

13 × 3 =  ครใู ชก้ ารถาม-ตอบ เพ่อื ใหน้ ักเรียนหาผลคูณตามข้ันตอนการตั้งคูณตามหนงั สือเรยี นหน้า 274 โดยใหค้ ูณใน

หลกั หน่วยกอ่ น แลว้ จึงคูณในหลักสิบ ดังน้ี

ขน้ั ที่ 1 คูณในหลักหน่วย 3 คณู 3 หน่วยได้ 9 หนว่ ย เขียน 9 ในหลกั หนว่ ย

ข้นั ท่ี 2 คูณในหลักสิบ 3 คณู 1 สบิ ได้ 3 สบิ เขียน 3 ในหลกั สบิ

เขยี นการต้งั คณู ได้ตามหนังสือเรยี นหน้า 274

หลกั สบิ หลักหนว่ ย

1 3×

3

39

ดงั น้นั 13 × 3 = 39

ครแู นะนาวา่ ในการหาผลคูณโดยการตัง้ คูณไมจ่ าเป็นต้องเขียนคาวา่ หลักหนว่ ย หลกั สิบ

ครูยกตัวอยา่ ง การหาผลคณู โดยการตงั้ คูณของ 4 × 80 =  ครูเน้นยา้ วา่ ในการตั้งคูณจะเขยี นจานวนใดขึน้ ก่อนก็ได้ เช่น 4

× 80 = เพ่ือความสะดวกจะเขียน 80 ขึ้นกอ่ นตามหนงั สอื เรยี นหน้า 274

ข้นั ที่ 1 คณู ในหลกั หนว่ ย 8 0

ขน้ั ท่ี 2 คณู ในหลักสบิ 4

32 0

ดงั นนั้ 4 × 80 = 320

3. ครแู บง่ นักเรยี นเป็นกลุม่ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั แสดงวธิ ีหาผลคูณโดยการต้งั คูณตามตวั อย่างในหนงั สือเรียน หนา้

275 จากน้นั ครูและนักเรยี นร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้องครูเน้นย้าวา่ การหาผลคณู โดยการต้งั คณู ใหค้ ูณในหลกั หน่วยก่อน

แลว้ จงึ คณู ในหลกั สบิ จากน้ันให้นกั เรยี นช่วยกันหาผลคณู ข้อท่ี 1 − 8 โดยการตัง้ คณู ลงในสมุด

ขนั้ อธิบายความรู้

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยให้นักเรยี นแสดงวธิ หี าผลคูณโดยการตง้ั คณู ตามหนังสือเรยี นหน้า 276 และ

ใช้ขอ้ สรปุ วา่ ใหค้ ูณในหลกั หนว่ ยก่อนแล้วจึงคูณในหลักสิบ จากนนั้ ครแู ละนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรปุ

ส่ิงที่ไดเ้ รยี นรู้ ถ้ามีนกั เรียนเขียนแสดงวิธีหาผลคณู โดยการตัง้ คณู ไม่ถูกต้องครูควรใหน้ ักเรียนมาฝึกเพ่ิมเติมกบั ครูเป็นรายบุคคล

ขนั้ สรุป

ข้ันขยายความเข้าใจ

• การหาผลคณู ของจานวนหน่ึงหลกั กบั จานวนสองหลักโดยการตั้งคูณต้องคูณในหลักหน่วยก่อน แล้วคูณในหลกั สบิ

ข้นั ตรวจสอบผล

- ให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หดั หน้า 176 - 177

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เคร่อื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
- คาถามกระตุ้นความคดิ 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน
ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ เกณฑ์การประเมนิ
แบบฝกึ หดั 70% ข้นึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน
- แบบประเมินพฤติกรรม
ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมิน
-การใหเ้ หตผุ ล

-การสรปุ ความรูก้ ารปฏบิ ัติ

คุณลกั ษณะนสิ ยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ

ทางานร่วมกบั กลมุ่

7. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สอ่ื การเรียนรู้

1. แผ่นตารางสบิ แผ่นตารางหน่วย

7.2 แหล่งการเรียนรู้

-

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ครผู ู้สอน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ท่ี 18

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ชอ่ื ผสู้ อน …………………………….…….......................

กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 2 คาบ

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 การคูณ เรอื่ ง การคณู จานวนหนง่ึ หลักกบั จานวนสองหลักโดยการ

ตั้งคูณ(2)


1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลที่เกิดข้นึ จาก

การดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตัวช้วี ัดที่ ป.2/5 หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการคูณ ของจานวน 1 หลกั ตบั จานวนไม่เกิน 2 หลกั

ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขนั้ ตอนของจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

• การหาผลคูณของจานวน 1 หลกั กบั จานวน2 หลักโดยการตงั้ คณู ต้องคูณในหลกั หน่วยก่อน แลว้ คณู ในหลักสบิ ถา้

ผลคูณในหลักใดครบสิบ หรือมากกว่าสิบ ใหท้ ดจานวนทค่ี รบสบิ ไปหลักถัดไปทางซ้าย

• ความรู้สึกเชิงจานวนเก่ียวกับการคณู เปน็ การบอกว่าผลคูณของจานวนสองจานวนใดมีค่า มากกวา่ กัน น้อยกว่ากัน

หรือเท่ากนั โดยไมต่ ้องหาผลคูณของสองจานวนน้ัน

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลคูณจานวนหนง่ึ หลกั กับจานวนสองหลัก โดยการตัง้ คูณ

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ธิ ีการที่เหมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลักษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมน่ั ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนร้ทู ้องถิ่น

การคูณจานวนหน่ึงหลักกับจานวนสองหลักโดยการ พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา

ต้งั คูณ

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1-2
ขน้ั นา

ขัน้ กระตนุ้ ความสนใจ

3. ครทู บทวนการหาผลคูณโดยการตง้ั คณู ท่ีไม่มีทดโดยใชแ้ บบฝกึ หัดจากช่ัวโมงท่แี ล้วมาเฉลยในหอ้ งเรยี นจากนน้ั ครู

สนทนากับนักเรยี นเกยี่ วกับสถานการณ์ในหนงั สือเรยี นหน้า 277 ตน้ กลา้ ซือ้ ไก่สะเต๊ะ 3 ถุง ถงุ ละ 15 ไม้ ต้นกลา้ ซ้ือ

ไกส่ ะเตะ๊ ทงั้ หมดกไี่ ม้

ข4น้ั .สอน

ข้ันสารวจคน้ หา

1. ครทู บทวนการหาผลคูณโดยการตงั้ คูณที่ไม่มีทดโดยใชแ้ บบฝกึ หัดจากชวั่ โมงทีแ่ ลว้ มาเฉลยในหอ้ งเรียนจากนนั้ ครสู นทนากับ

นกั เรยี นเกย่ี วกบั สถานการณ์ในหนังสอื เรียนหนา้ 277 ต้นกลา้ ซอ้ื ไกส่ ะเต๊ะ 3 ถุง ถงุ ละ 15 ไม้ ต้นกลา้ ซื้อไก่สะเต๊ะทั้งหมดก่ีไม้

ครูถามนักเรยี นว่า จากสถานการณเ์ ขียนประโยคสญั ลักษณ์ได้อย่างไร

นักเรียนตอบวา่ เขียนประโยคสญั ลักษณ์ได้ 3 × 15 = 

ครถู ามนักเรยี นว่า จะหาผลคูณโดยการต้ังคูณได้อย่างไร ครูอธบิ ายการหาผลคณู โดยการตั้งคูณท่ีมีทด ดงั น้ี

ข้ันท่ี 1 คณู ในหลักหนว่ ย 3 คณู 5 หนว่ ยได้ 15 หน่วยหรือ 1 สิบกับ 5 หนว่ ย เขียน 5 ในหลกั หนว่ ย

และทด 1 สบิ ไปหลกั สิบ

ขน้ั ท่ี 2 คูณในหลกั สิบ 3 คณู 1 สิบ ได้ 3 สบิ รวมกบั ท่ีทดมาอกี 1 สบิ เป็น 4 สบิ เขยี น 4 ในหลกั สบิ

เขียนแสดงการคณู ไดด้ ังนี้

หลกั สิบ หลักหน่วย
11 5×

3

45

ดงั น้ัน ตน้ กล้าซื้อไก่สะเต๊ะท้งั หมด 45 ไม้

2. ครยู กตัวอย่างการหาผลคูณโดยการต้ังคูณตามหนังสอื เรียนหนา้ 278 8 × 47 =  ซง่ึ ในตัวอยา่ งนีผ้ ลคูณจะเปน็

จานวนสามหลกั ครูอธบิ ายข้ันตอนการต้ังคูณ ดังนี้

ขน้ั ท่ี 1 คณู ในหลกั หน่วย 8 คณู 7 หนว่ ยได้ 56 หน่วย หรือ 5 สิบกับ 6หนว่ ย เขียน 6 ในหลักหนว่ ย และทด5 สิบ

ไปหลกั สบิ

ขัน้ ท่ี 2 คณู ในหลักสิบ 8 คูณ 4 สบิ ได้ 32 สบิ รวมกบั ท่ที ดมาอีก 5 สบิ เป็น 37 สิบ หรอื 3 ร้อย กับ 7 สิบเขยี น 7

ในหลกั สบิ และ 3 ในหลกั ร้อย เขียนแสดงการคูณไดด้ งั น้ี

หลักรอ้ ย หลกั สบิ หลกั หนว่ ย

4 7×

8

376

ดังน้ัน 8 × 47 = 376

ครแู นะนาว่า ในการหาผลคณู โดยการต้งั คูณไมจ่ าเปน็ ตอ้ งเขียน หลกั หน่วย หลกั สบิ หลกั รอ้ ย จากนนั้ ครูช่วยกันแสดงวธิ ีหา

ผลคณู ของ 39 × 6 =  และ 9 × 27 =  ในกรอบทา้ ยหน้า 278 ครแู ละนักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง

3. ครใู ห้นกั เรียนชว่ ยกนั แสดงวิธหี าผลคณู ของจานวนหนึ่งหลกั กับจานวนสองหลกั โดยการตั้งคูณ

ทม่ี ีทด ตามหนังสือเรยี น หนา้ 279 จากนัน้ ครสู มุ่ นักเรียนออกมาเขียนแสดงวิธีหาผลคณู ของ 34 × 7 =  ครแู ละนักเรยี น

รว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง แลว้ ให้นกั เรยี นช่วยกนั หาผลคณู ข้อท่ี 1 − 8 โดยการต้ังคูณลงในสมุด

ขั้นอธบิ ายความรู้

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยให้นักเรยี นแสดงวธิ หี าผลคูณโดยการตง้ั คณู ตามหนังสอื เรียน หนา้ 280และ
ใช้ข้อสรุปวา่ ใหค้ ูณในหลกั หนว่ ยกอ่ นแล้วจงึ คูณในหลกั สิบ หากผลคูณในหลกั หนว่ ยครบสิบหรือมากกว่าสบิ ใหท้ ดจานวนที่
ครบสิบไปหลักสิบหากผลคณู ในหลักสบิ ครบสิบหรอื มากกวา่ สบิ ใหท้ ดจานวนทค่ี รบสิบไปหลกั ร้อย จากนัน้ ครแู ละนักเรียน
รว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องและสรุปส่งิ ที่ได้เรยี นรู้ ถา้ มนี ักเรียนเขยี นแสดงวธิ หี าผลคูณโดยการตั้งคณู ไม่ถกู ต้อง ครูควรให้
นักเรียนมาฝึกเพ่ิมเติมกับครูเป็นรายบุคคล

ข้นั ขยายความเข้าใจ

• การหาผลคณู ของจานวนหนึ่งหลักกับจานวนสองหลักโดยการตั้งคูณ ต้องคณู ในหลักหนว่ ยก่อนแล้วคูณในหลกั สิบ ถ้า
ผลคูณในหลกั ใดครบสบิ หรือมากกว่าสบิ ใหท้ ดจานวนท่คี รบสบิ ไปหลกั ถดั ไป

ทางซา้ ยข้นั ตรวจสอบผล

- ให้นักเรียนทาแบบฝึกหัดหนา้ 178- 180

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมินผลจุดประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เครือ่ งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมินผล
- คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่าน
ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ เกณฑ์การประเมนิ
แบบฝกึ หัด 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่าน
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน
- แบบประเมนิ พฤติกรรม
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ 70% ขึ้นไป ถือว่าผา่ น
เกณฑ์การประเมนิ
-การใหเ้ หตผุ ล

-การสรุปความรู้การปฏิบตั ิ

คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ

ทางานรว่ มกบั กลุม่

7. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 ส่ือการเรยี นรู้

1. แผ่นตารางสบิ แผ่นตารางหนว่ ย

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

-

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผ้บู ริหาร

(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 18

โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ช่ือผสู้ อน …………………………….…….......................
กลุม่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 การคูณ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 2 จานวน 1 คาบ

เรือ่ ง การพฒั นาความร้สู ึกเชิงจานวนเก่ียวกบั การคูณ

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลทเ่ี กิดขึน้ จาก

การดาเนนิ การ สมบตั ิของการดาเนินการ และนาไปใช้
ตัวช้ีวดั ท่ี ป.2/5 หาค่าของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการคณู ของจานวน 1 หลกั ตับจานวนไม่เกนิ 2 หลกั

ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขนั้ ตอนของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

• การหาผลคณู ของจานวน 1 หลกั กับจานวน2 หลักโดยการต้ังคูณ ต้องคูณในหลกั หน่วยก่อน แลว้ คูณในหลักสิบ ถา้

ผลคณู ในหลกั ใดครบสบิ หรอื มากกว่าสบิ ใหท้ ดจานวนท่ีครบสิบไปหลักถดั ไปทางซา้ ย

• ความรู้สกึ เชงิ จานวนเกี่ยวกับการคณู เปน็ การบอกวา่ ผลคูณของจานวนสองจานวนใดมีค่า มากกวา่ กนั น้อยกวา่ กัน

หรือเท่ากันโดยไม่ต้องหาผลคูณของสองจานวนนน้ั

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

พัฒนาความรสู้ กึ เชงิ จานวนเกี่ยวกบั การคูณ

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธีการท่เี หมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลักษณะ(A)

มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมั่นใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถนิ่

การพฒั นาความรูส้ ึกเชงิ จานวนเก่ยี วกบั การคณู พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1
ข้นั นา

ขัน้ กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครบู ทวนการหาผลคูณของจานวนหนึง่ หลักกบั จานวนหนึง่ หลกั โดยสุ่มนกั เรียนหาผลคูณของ 5 × 8 , 5 × 9 และ
5 × 10 ครเู ขยี น 5 × 8 = 40 5 × 9 = 45 และ 5 × 10 = 50 บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนสังเกตผลคณู ที่ได้ว่าเพม่ิ ขึ้นหรือ
ลดลง (40 45 และ 50 เป็นจานวนทเ่ี พิ่มข้นึ )

ครูให้นักเรียนสังเกตจานวนท่ีมาคณู กบั 5 ว่า เพิ่มขึน้ หรือลดลง (8 9 และ 10 เปน็ จานวนท่ีเพิ่มข้ึน) ครใู ช้คาถามวา่ ถ้าหา
5 × 12 จะไดผ้ ลคูณมากกว่าหรือน้อยกว่า 5 × 10

ข5้นั .สอน

ขน้ั สารวจคน้ หา

1. ครูบทวนการหาผลคณู ของจานวนหนึ่งหลักกับจานวนหน่ึงหลัก โดยสุ่มนักเรียนหาผลคูณของ 5 × 8 , 5 × 9 และ 5 × 10
ครูเขยี น 5 × 8 = 40 5 × 9 = 45 และ 5 × 10 = 50 บนกระดาน แลว้ ให้นักเรียนสังเกตผลคูณที่ได้ว่าเพ่ิมขึ้นหรือลดลง (40
45 และ 50 เป็นจานวนท่ีเพ่มิ ขน้ึ ) ครูใหน้ ักเรยี นสังเกตจานวนที่มาคูณกับ 5 ว่า เพิ่มข้ึนหรือลดลง (8 9 และ 10 เป็นจานวนท่ี
เพิ่มข้ึน) ครูใช้คาถามว่า ถ้าหา 5 × 12 จะได้ผลคูณมากกว่าหรือน้อยกว่า 5 × 10 นักเรียนตอบว่า มากกว่าเพราะ 12
มากกว่า 10 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่า จานวนสองจานวนเมื่อนาแต่ละจานวนมาคูณกับ 5 จานวนใดมากกว่าผลคูณของ
จานวนน้ันกับ 5 จะมากกว่า จากน้ันครูให้นักเรียนหาผลคูณของจานวนในลักษณะเดียวกันนี้ เช่น4 × 6 และ 4 × 13 ครูถาม
ว่า 4 × 6 กับ 4 × 13 ผลคูณของจานวนใดมากกว่า นักเรียนตอบว่า 4 × 13 ครูถามว่า รู้ได้อย่างไร นักเรียนตอบว่า เพราะ
13 มากกว่า 6 ดังน้ัน 4 × 13 มากกว่า 4 × 6ครูติดบัตรโจทย์การคูณ 7 × 6 และ 7 × 9 และถามว่า 7 × 6 กับ 7 × 9 ผล
คณู ใดมากกวา่ ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ วา่ ผลคณู ของ 7 × 9 มากกวา่ 7 × 6 เพราะ 9 มากกว่า 6
ครูติดบัตรโจทย์การคูณ 12 × 5 และ 8 × 12 และถามว่า 12 × 5 กับ 8 × 12 ผลคูณใดน้อยกว่า ครูและนักเรียนร่วมกัน
อภิปรายและสรปุ คาตอบวา่ ผลคณู ของ 12 × 5 น้อยกว่า 8 × 12 เพราะ 5 น้อยกว่า 8 ครูและนักเรียนช่วยกันเรียงลาดับผล
คูณจากมากไปน้อยในกรอบท้ายหน้า 281 โดยให้สังเกตว่า จานวนสองจานวนที่นามาคูณกันน้ันมีจานวนใดที่เหมือนกัน แล้ว
ให้พิจารณาจานวนอีกจานวนหนึ่งว่า น้อยกวา่ กนั หรอื มากกวา่ กัน โดยไม่จาเปน็ ต้องหาผลคูณของสองจานวนน้ัน

2. ครใู หน้ กั เรียนหาผลคูณของ 1 × 3 และ 2 × 4 แล้วถามนกั เรียนว่า ผลคณู ใดมากกวา่ นักเรยี นตอบวา่ 2 × 4 = 8
มผี ลคูณมากกวา่ 1 × 3 = 3 ครูใหน้ กั เรียนหาผลคูณของ 2 × 3 และ 4 × 5 แลว้ ถามนกั เรียนวา่ ผลคณู ใดมากกว่า นักเรียน
ตอบวา่ 4 × 5 = 20 มผี ลคณู มากกวา่ 2 × 3 = 6 จากนน้ั ครูถามนักเรียนว่า 2 × 5 และ 4 × 6 ผลคูณใดมากกวา่ โดยไมต่ ้อง
หาผลคณู นักเรียนอาจจะยังตอบไมไ่ ด้ ครูใหน้ ักเรยี นสงั เกตวา่ 4 มากกว่า 2 และ 6 มากกวา่ 5 ดังนน้ั 4 × 6 มากกวา่ 2 × 5
ครูติดบัตรโจทย์การคณู 11 × 3 และ 12 × 5 ผลคณู ใดมากกวา่ โดยไม่ตอ้ งหาผลคูณนกั เรยี นอาจยงั ตอบไม่ได้ ครอู าจให้
นกั เรยี นหาผลคณู ก่อน ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 282 จากนน้ั ให้นักเรยี นสงั เกต ดงั นี้ 11 × 3 กบั 12 × 5 ผลคณู ใดมากกวา่
สังเกต 11 กับ 12 จานวนใดมากกวา่ (12 มากกว่า 11) 3 กับ 5 จานวนใดมากกวา่ (5 มากกวา่ 3) ดังน้นั 12 × 5 มีผลคณู
มากกว่า 11 × 3 จากนน้ั ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ขอ้ สงั เกตท่ีได้ คอื 12 มากกวา่ 11 และ 5 มากกวา่ 3 จงึ ไดว้ า่ 12 × 5 มี
ผลคณู มากกวา่ 11 × 3 ครตู ิดบัตรโจทย์การคูณ 78 × 9 กับ 56 × 7 และถามวา่ ผลคณู ใดน้อยกวา่ เพราะเหตใุ ด
โดยไมต่ อ้ งหาผลคณู ครใู หน้ กั เรียนสงั เกตจานวนสองจานวนท่นี ามาคูณกันแล้วใชข้ ้อสรปุ ท่ไี ด้จากข้างต้นเพ่ือหาคาตอบวา่ ผล
คณู ของสองจานวนใดนอ้ ยกว่า ดังนี้ 56 นอ้ ยกว่า 78 และ 7 นอ้ ยกวา่ 9 ดงั น้นั 56 × 7 มีผลคณู น้อยกวา่ 78 × 9 ครูให้
นกั เรียนชว่ ยกันตอบคาถามในกรอบท้ายหน้า 282 ครูและนกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง

3. ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั เติมเครอื่ งหมาย > < หรือ = ใน โดยครูอาจใช้คาถามนาเพื่อให้นักเรียนนาข้อสรปุ ขา้ งต้นมา
ใชใ้ นการเปรยี บเทยี บผลคูณ เช่น 6 × 53 กับ 7 × 53 จานวนทีเ่ หมอื นกนั คอื 53 จานวนทน่ี ามาคูณกับ 53 คือ 6 กบั 7
ครถู ามว่า จานวนใดนอ้ ยกวา่ นักเรยี นตอบว่า 6 นอ้ ยกว่า 7 ครถู ามต่อไปว่า 6 × 53 กบั 7 × 53 ผลคณู ใดนอ้ ยกวา่
นกั เรียนควรตอบไดว้ ่า 6 × 53 มีผลคณู น้อยกว่า 7 × 53 ข้ออนื่ ๆ ครใู ห้นกั เรียนช่วยกันทา สาหรับข้อที่ให้เตมิ ตวั เลขแสดง
จานวนนนั้ อาจมีคาตอบหลายคาตอบ ครคู วรใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบมาเติมเพียงจานวนเดยี ว ซง่ึ คาตอบของนกั เรียนแต่ละคน
อาจไม่เหมอื นกัน หากมีนกั เรียนคนใดตอบไม่ถกู ตอ้ ง ครูอาจอธิบายเพิ่มเติม เช่น 19 × 3 < 19 × ครูถามวา่ เติมตัวเลขแสดง
จานวนใดในช่องว่าง ครใู ห้นกั เรียนหาตวั เลขแสดงจานวนท่ีเติมในชอ่ งว่าง โดยใช้คาถาม เชน่

- จานวนที่เติมในช่องว่างมากกวา่ หรือน้อยกวา่ 3 (มากกว่า 3)

- จานวนทเ่ี ตมิ ในช่องวา่ งเปน็ จานวนใดได้บา้ ง (คาตอบมีมากกว่า 1 คาตอบ เชน่ 4 5 6 หรอื 7) สาหรบั คาถาม

ขอ้ 1 − 4 ในกรอบทา้ ยหน้า 283 บางข้อจะมคี าตอบหลายคาตอบ ครคู วรใหน้ กั เรียนตอบมาให้ครบทุกคาตอบจากน้นั ครแู ละ

นกั เรยี นรว่ มกันเฉลยและตรวจสอบความถูกต้อง ถ้ามนี ักเรียนตอบคาถามไม่ถกู ต้องครูอาจถามเพม่ิ เติมวา่ จานวนนับสอง

จานวนท่คี ูณกันได้ 8 มีจานวนใดบา้ ง (1 × 8 และ 4 × 2) ครใู ห้ยกตัวอย่างจานวนนบั สองจานวนใดบา้ งที่คูณกันไดม้ ากกวา่ 8

เชน่ 2 × 9 5 × 3

ขัน้ อธบิ ายความรู้

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยใหน้ กั เรยี นเติมเครื่องหมาย > < และ = ลงในชอ่ งวา่ งเปน็ รายบุคคล จากนน้ั

ครูและนกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้องและสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

• เราสามารถบอกไดว้ า่ ผลคูณของจานวนสองจานวนใดมคี ่ามากกว่ากนั นอ้ ยกว่ากนั หรือเทา่ กัน โดยไม่ตอ้ งหาผลคูณของสอง

จานวนน้ัน

ข้นั ตรวจสอบผล

- ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหดั หน้า 181- 182

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมินผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การประเมินผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระต้นุ ความคดิ 70% ข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ น

-การสังเกต เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น

-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรุปความรู้การปฏิบตั ิ

คุณลกั ษณะนิสยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ข้ึนไป ถอื ว่าผา่ น

ทางานร่วมกับกล่มุ ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ เกณฑ์การประเมนิ

7. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สอ่ื การเรียนรู้

1. บัตรโจทยก์ ารคูณ

7.2 แหล่งการเรียนรู้

-

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู ้สู อน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ที่ 19

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ช่ือผสู้ อน …………………………….…….......................
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 การคูณ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 2 คาบ

เร่ือง การหาค่าของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสัญลักษณ์

การคณู

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลที่เกิดข้นึ จาก

การดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชีว้ ดั ท่ี ป.2/5 หาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการคณู ของจานวน 1 หลกั ตับจานวนไม่เกนิ 2 หลัก

ป.2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา 2 ขน้ั ตอนของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

• การหาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์การคณู อาจใชส้ ูตรคูณ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์การคณู

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธกี ารที่เหมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคุณลักษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่นั ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรูท้ ้องถ่ิน

การหาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์การ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา

คูณ

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1-2
ขั้นนา

ขัน้ กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูสนทนากับนักเรยี นเก่ยี วกับการหาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสัญลกั ษณ์การคูณ เช่น 2 × = 6 ครถู าม
นกั เรียนว่า 2 คูณจานวนใดได้ 6 ครูใหน้ ักเรียนท่องสตู รคูณแม่ 2 พรอ้ มกนั นกั เรยี นควรตอบได้วา่ 2 × 3 = 6 ดังน้ัน จานวน
ท่ีคูณกับ 2 ได้ 6 คอื 3 จากนั้น ครูตดิ บัตรโจทยก์ ารคูณ 6 ×  = 24 แล้วถามนกั เรียนวา่ 6 คูณกับจานวนใดได้ 24 ครูให้

นักเรยี นทอ่ งสูตรคูณแม่ 6 พรอ้ มกัน นักเรยี นควรตอบไดว้ ่า6 × 4 = 24 ดังนั้น จานวนที่คูณกบั 6 ได้ 24คอื 4 ตามหนังสือ
เรียนหนา้ 285

ขั้นสอน

ขน้ั สารวจค้นหา

ครูตดิ บัตรโจทย์การคูณ × 8 = 56 ครถู ามนักเรียนวา่ จานวนใดคณู กบั 8 ได้ 56ครูให้นกั เรยี นทอ่ งสูตรคูณแม่ 8 พรอ้ มกนั
นกั เรียนควรตอบได้วา่ 8 × 7 = 56 ดังน้ัน จานวนท่คี ณู กับ 8 ได้ 56 คือ 7 ครใู หน้ ักเรียนสังเกตวา่ การหาคา่ ของตวั ไม่ทราบ
หาได้จากการท่องสตู รคูณใหไ้ ด้ผลคณู เทา่ กบั ทโ่ี จทย์กาหนด จากนน้ั ครใู หน้ กั เรยี นชว่ ยกนั เติมตัวเลขแสดงจานวนในกรอบท้าย
หน้า 285 โดยการท่องสตู รคูณ ครูและนักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง

2. ครตู ดิ บตั รโจทย์การคูณ 3 × = 36 ครูถามนักเรียนว่า 3 คูณจานวนใดได้ 36 นกั เรียนทอ่ งสูตรคูณแม่ 3 ถึง 3 คูณ
9 ได้ 27 พบว่า ผลคณู เพิ่มขึน้ ทลี ะ 3 ดังนนั้ 3 คูณ 10 ได้จาก 27 บวก 3 เท่ากบั 30 3 คูณ 11 ไดจ้ าก 30 บวก 3 เท่ากับ
33 3 คณู 12 ได้จาก 33 บวก 3 เท่ากับ 36นักเรียนควรตอบไดว้ า่ จานวนทีค่ ณู กับ 3 ได้ 36 คือ 12 ครูติดบตั รโจทยก์ ารคูณ
× 5 = 70 แลว้ ถามนักเรยี นว่า จานวนใดคูณ 5 ได้ 70 ครใู ห้นกั เรยี นท่องสูตรคณู แม่ 5 จนถึง 5 คูณ 9 ได้ 45 พบวา่ ผลคณู
เพิ่มขึ้นทลี ะ 5 ดงั นน้ั

5 คณู 10 ไดจ้ าก 45 บวก 5 เท่ากับ 50
5 คูณ 11 ได้จาก 50 บวก 5 เทา่ กับ 55
5 คณู 12 ได้จาก 55 บวก 5 เทา่ กบั 60
5 คูณ 13 ไดจ้ าก 60 บวก 5 เท่ากบั 65
5 คณู 14 ไดจ้ าก 65 บวก 5 เท่ากบั 70
นักเรยี นควรตอบได้ว่า จานวนท่ีคูณกบั 5 ได้ 70 คอื 14ครูแบง่ กลุม่ นักเรียนออกเป็น 3 กลมุ่ และให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมา
จบั สลากทีค่ รเู ตรียมไวม้ โี จทย์ข้อ 1 2 และ 3 ทีอ่ ยู่ในกรอบท้ายหนา้ 286 กลุม่ ละ 1 ขอ้ จากน้ันใหน้ ักเรยี นออกไปนาเสนอ
วิธีการหาคาตอบของแตล่ ะกลุ่ม โดยครูและนกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง
3. ครูทบทวนเกยี่ วกับการคูณจานวนหนึ่งหลักกับ 10 20 … 90 โดยการยกตวั อย่าง เช่น ครูเขยี น
2 × 3 = (6) และ 2 × 30 = (60)
5 × 9 = (45) และ 5 × 90 = (450)
ครใู ห้นักเรียนช่วยกันหาผลคูณ และสงั เกตคาตอบที่ได้ครยู กตวั อยา่ งเพ่ิมเติม 1 - 2 ตัวอย่าง จากนนั้ ครแู ละนกั เรียนร่วมกัน
สรุปวา่ จานวนหนงึ่ หลักคณู กับ10 20 … 90 หาผลคูณไดโ้ ดยนาจานวนหนง่ึ หลกั นั้นคูณกับ 1 2 … 9 ตามลาดบั แล้วเตมิ 0
ตอ่ ทา้ ยครตู ิดบัตรโจทย์การคูณ 7 × = 140 ครถู ามนักเรยี นวา่ 7 คูณจานวนใดได้ 140 นักเรยี นอาจจะยังหาคาตอบไมไ่ ด้ ครู
อาจใชค้ าถามนา เชน่ 7 คูณจานวนใดได้ 14 (2) 7 คณู จานวนใดได้ 140 (20) ดงั น้นั จานวนทค่ี ณู กบั 7 ได้ 140 คอื 20ครูติด
บัตรโจทย์การคณู × 4 = 320 และถามนักเรียนวา่ จานวนใดคณู 4 ได้ 320 หาจานวนนั้นได้อยา่ งไร นักเรียนควรตอบได้ว่า
หาจานวนทีค่ ูณกับ 4 แลว้ ได้ 32 แล้วเติม 0 ตอ่ ทา้ ยจานวนนั้น ถา้ มีนกั เรยี นไม่เขา้ ใจ ครอู าจอธบิ ายดังนี้
จาก 8 คณู 4 ได้ 32 จะไดว้ ่า 80 คณู 4 ได้ 320
ดงั นั้น จานวนที่คูณกับ 4 แล้วได้ 320 คอื 80
ครอู าจยกตัวอยา่ งเพม่ิ เติมเพื่อให้นักเรียนฝึกการนาขอ้ สรปุ ขา้ งต้นไปใชใ้ นการหาค่าของตัวไม่ทราบคา่ เช่น  × 8 = 160
นักเรียนตอ้ งหาจานวนมาคูณกบั 8 ได้ 16 แล้วเติม 0 ตอ่ ท้ายจานวนนน้ั จะได้ 20 × 8 = 160 ครใู ห้นกั เรยี นช่วยกันเติมตวั เลข
แสดงจานวนในกรอบทา้ ยหน้า 287 ครูและนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง

ข้ันอธิบายความรู้

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยใหน้ ักเรียนแต่ละคนเติมตวั เลขแสดงจานวนในช่องวา่ ตามหนังสอื เรยี นหนา้

288 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรุปส่งิ ท่ไี ดเ้ รียนรู้ ถ้ามนี กั เรียนคนใดเติมตวั เลขแสดงจานวนไม่ถูกต้อง

ครอู าจทบทวนสูตรคณู แม่ 2 ถึงแม่ 9 และให้นักเรยี นฝกึ การหาผลคูณของจานวนหน่ึงหลักกบั 10 20 30 40 50 60 70 80

90 ใหค้ ลอ่ ง แล้วให้ตรวจสอบความเขา้ ใจอกี ครั้ง แต่ถ้ายงั ทาไม่ได้ให้มาฝึกเป็นรายบคุ คลกับครู

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

• การหาคา่ ของตวั ไมท่ ราบค่าในประโยคสัญลักษณก์ ารคณู อาจใชส้ ูตรคูณ

ขั้นตรวจสอบผล

- ให้นกั เรียนทาแบบฝึกหัดหน้า 183- 184

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมนิ ผล

ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุน้ ความคิด 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่าน

-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรู้การปฏิบตั ิ

คณุ ลกั ษณะนสิ ยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผา่ น

ทางานรว่ มกบั กลุ่ม ขณะ ทางานร่วมกับกลุ่ม เกณฑ์การประเมิน

7. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้

7.1 ส่ือการเรยี นรู้

1. บัตรโจทยก์ ารคณู

2. ตารางสูตรคูณแม่ 2 ถึง แม่ 9

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

-

8. กิจกรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ครผู ้สู อน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ที่ 19

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ช่อื ผูส้ อน …………………………….…….......................
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 การคูณ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

เร่ือง โจทย์ปัญหาการคูณ (1)

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลที่เกดิ ขน้ึ จาก

การดาเนินการ สมบตั ิของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชว้ี ัดท่ี ป.2/5 หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการคณู ของจานวน 1 หลักตบั จานวนไมเ่ กนิ 2 หลกั

ป.2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ข้ันตอนของจานวนนบั ไม่เกิน1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การแกโ้ จทยป์ ัญหาทาได้โดยอ่านทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปญั หาหาคาตอบ และตรวจสอบ

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาการคูณ

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธีการทเ่ี หมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่นั ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ

โจทย์ปญั หาการคูณ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1
ขั้นนา

ขัน้ กระตุ้นความสนใจ

1. ครสู นทนากบั นักเรียนเก่ยี วกับโจทยป์ ญั หาการคูณทก่ี าหนดตามหนงั สือเรียนหน้า 289 ครใู ชค้ าถามกระตุ้นให้

นักเรยี นวิเคราะหโ์ จทยป์ ัญหา เชน่ โจทย์ถามอะไร โจทย์บอกอะไร

ข้ันสอน

ขนั้ สารวจค้นหา

1. ครสู นทนากับนักเรียนเก่ยี วกับโจทย์ปญั หาการคณู ท่ีกาหนดตามหนงั สือเรยี นหนา้ 289 ครูใช้คาถามกระตุ้นให้นกั เรียน
วิเคราะหโ์ จทย์ปญั หา เช่น โจทยถ์ ามอะไร โจทย์บอกอะไร นกั เรยี นควรตอบไดว้ ่า

โจทยถ์ าม คอื ยายลซี ื้อกลว้ ยปิ้งทง้ั หมดกี่ผล
โจทยบ์ อก คือ ยายลีซ้อื กลว้ ยป้งิ 4 ไม้แตล่ ะไมม้ ีกล้วย 5 ผล
ครูถามนักเรยี นต่อไปวา่ หาคาตอบได้อยา่ งไร นักเรียนอาจหาคาตอบไดด้ ้วยการบวกทีละ 5 เชน่ 5 + 5 + 5 + 5 = 20 ผล
ดังนนั้ ยายลีซ้ือกล้วยปง้ิ ท้ังหมด 20 ผล หรือนกั เรียนอาจหาคาตอบด้วยการคูณ ซึ่งพิจารณาจากกล้วยปิ้ง 4 ไม้ แตล่ ะไม้มี
กลว้ ย 5 ผล จะได้ 4 × 5 = 20 ผล ดงั น้ัน ยายลีซอ้ื กล้วยปง้ิ ทง้ั หมด 20 ผล ถ้านกั เรยี นไม่สามารถหาคาตอบได้ ครอู าจใชบ้ ัตร
ภาพประกอบการอธบิ ายวา่ กล้วยปง้ิ 4 ไม้ ไม้ละ 5 ผล แลว้ ให้นกั เรยี นนับจานวนกลว้ ยปง้ิ ทั้งหมดหรือบวกทีละ 5 หรอื ให้
เขยี นเป็นประโยคสญั ลักษณ์การคณู ได้ 4 × 5= และใช้สูตรคูณแม่ 4 หรือแม่ 5 หาผลคูณ เม่ือนกั เรียนได้คาตอบแล้วครู
ควรเน้นย้าเรื่องการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคาตอบ เช่น 4 × 5 = 20 อาจตรวจสอบดว้ ยการนับทลี ะ 5 ไป 4 ครงั้ จะ
ได้ 20 ดังน้นั 20เป็นคาตอบท่ีถกู ต้อง ครยู กตัวอย่างโจทยป์ ัญหาถัดไป ใหน้ กั เรยี นวิเคราะหโ์ จทย์วา่ โจทย์ถามอะไรโจทยบ์ อก
อะไร และหาคาตอบได้อย่างไร ครูอาจใชข้ วดมาเรียงเป็นแถว 3 แถว แถวละ 6 ขวด ครูถามนกั เรยี นวา่ การจัดขวดเป็นแถว 3
แถว แถวละ 6 ขวด ไดท้ ้ังหมดกข่ี วด เขยี นเป็นประโยคสัญลกั ษณ์การคูณได้อย่างไร
นกั เรยี นควรตอบได้ว่า 3 × 6 = 
ครูถามวา่ หาคาตอบอย่างไร
นักเรยี นอาจตอบว่าใชก้ ารบวกเพ่มิ ทีละเทา่ ๆ กัน (6 + 6 + 6) หรือใชส้ ูตรคณู แม่ 3 หรอื แม่ 6
เมอ่ื นักเรยี นได้คาตอบ 18 ขวด ครูควรให้นักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคาตอบตามหนังสือเรียนหน้า 289
2. ครูตดิ บตั รโจทยป์ ัญหาตามหนงั สือเรียนหนา้ 290 ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั วิเคราะหโ์ จทยป์ ัญหาว่า โจทย์ถามอะไร โจทย์
บอกอะไร และจะหาคาตอบได้อย่างไร โดยใช้การถาม−ตอบ เชน่ การนาตู้มาวางเรยี งต่อกนั ความยาวท้งั หมดจะเพม่ิ ขึ้นหรอื
ลดลง (เพ่ิมขึ้น) หาคาตอบด้วยวิธใี ด (นาความยาวมาบวกกัน) ครถู ามเพ่ิมเติมว่า ถา้ ความยาวตแู้ ตล่ ะตู้เทา่ กนั ทัง้ 3 ตูอ้ าจหา
คาตอบดว้ ยวธิ ีใดได้อีก (หาคาตอบดว้ ยการคณู ) ครูให้นักเรียนเขียนประโยคสัญลักษณ์การคณู แลว้ หาคาตอบ ตามหนังสือเรียน
หน้า 290 ครอู าจแนะนาการตรวจสอบความสมเหตุสมผลว่า ถ้าตแู้ ตล่ ะต้ยู าว 50 เซนตเิ มตร เรียงตอ่ กัน 3 ตคู้ วามยาวทงั้ หมด
3 × 50 = 150 เซนติเมตรแต่ความยาวตู้ในโจทย์ 45 เซนติเมตรซงึ่ มีค่านอ้ ยกวา่ 50 คาตอบท่ีไดค้ วรนอ้ ยกว่า 150 เซนตเิ มตร
ซึ่งคาตอบที่ไดค้ ือ 135 เซนติเมตรเปน็ คาตอบที่สมเหตสุ มผล
3. ครยู กตัวอยา่ งโจทย์ปัญหาในหนังสอื เรยี นหนา้ 291 แล้วให้นกั เรยี นช่วยกันวเิ คราะหโ์ จทย์ปัญหาและหาคาตอบ
จากนัน้ ครูแบ่งกลุม่ นักเรยี นเป็น 5 กลุ่ม แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มชว่ ยกนั เขยี นประโยคสญั ลักษณ์และหาคาตอบกล่มุ ละ 1 ขอ้ เมอื่
เสร็จแล้วใหแ้ ตล่ ะกลุม่ ออกมานาเสนอวธิ ีหาคาตอบหนา้ ชัน้ เรียน จากนน้ั ครูและนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง และ
ตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของคาตอบ ครูควรเน้นย้านกั เรียนทุกคร้ังว่า เมอ่ื แกโ้ จทยป์ ัญหาจนได้คาตอบแล้วตอ้ งอย่าลืม
ตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของคาตอบทกุ ครงั้

ขั้นอธบิ ายความรู้

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยให้นกั เรียนแต่ละคนเขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์และหาคาตอบตามหนังสือเรียน
หนา้ 292 ครแู ละนักเรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกตอ้ งและสรุปสง่ิ ทไ่ี ด้เรียนรู้ ถา้ มนี กั เรียนคนใดเขียนประโยคสญั ลักษณ์และ
หาคาตอบไม่ถูกต้องครูอาจให้นักเรยี นฝกึ การหาผลคูณของจานวนหน่งึ หลักกับจานวนสองหลกั ให้คล่อง หรือถ้านักเรยี นเขียน

ประโยคสญั ลักษณก์ ารคูณผิด ครอู าจทบทวนเร่ืองความหมายของการคูณทีจ่ ัดส่ิงของเป็นกล่มุ กลุม่ ละเทา่ ๆ กนั หรอื จัดส่งิ ของ

เป็นแถว แถวละเท่า ๆ กันแล้วให้ตรวจสอบความเข้าใจอกี คร้งั แตถ่ า้ ยงั ทาไมไ่ ด้ใหม้ าฝึกเปน็ รายบุคคลกับครู

ขนั้ ขยายความเข้าใจ

- การแก้โจทยป์ ัญหาทาไดโ้ ดยอา่ นทาความเขา้ ใจปญั หา วางแผนแก้ปัญหา หาคาตอบและตรวจสอบความสมเหตุสมผล

ของคาตอบ

ข้ันตรวจสอบผล

- ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัดหน้า 185- 186

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมินผลจดุ ประสงค์ วิธีการวัดผล เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระต้นุ ความคดิ 70% ข้ึนไป ถอื ว่าผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ขึน้ ไป ถือวา่ ผา่ น

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรุปความรูก้ ารปฏิบัติ

คุณลักษณะนสิ ยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขึน้ ไป ถอื วา่ ผา่ น

ทางานรว่ มกับกล่มุ ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ เกณฑ์การประเมิน

7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. บตั รภาพ
2. บตั รโจทย์ปัญหา
3. สือ่ ของจรงิ เช่น ขวด

7.2 แหล่งการเรียนรู้

-

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครผู สู้ อน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอื่ ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

q สัปดาหท์ ่ี 19

โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/………... ช่ือผ้สู อน …………………………….…….......................
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 การคูณ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 1 คาบ

เรื่อง โจทยป์ ญั หาการคูณ (2)

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชีว้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลทีเ่ กิดข้นึ จาก

การดาเนินการ สมบัตขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้
ตวั ชีว้ ัดท่ี ป.2/5 หาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการคูณ ของจานวน 1 หลกั ตบั จานวนไม่เกิน 2 หลกั

ป.2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา 2 ข้ันตอนของจานวนนบั ไมเ่ กิน1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การแกโ้ จทยป์ ัญหาทาไดโ้ ดยอ่านทาความเขา้ ใจปญั หา วางแผนแก้ปัญหาหาคาตอบ และตรวจสอบ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาการคูณ

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธกี ารท่ีเหมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคุณลักษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่ันใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิ่น

โจทย์ปัญหาการคณู พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบที่ 1
ขั้นนา

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ

1. โจทย์ปญั หาการคูณในชว่ั โมงนีเ้ ป็นโจทยป์ ัญหาการคูณในลักษณะการหาคา่ ของตัวไมท่ ราบค่า ครูยกตวั อย่างโจทย์

ปญั หาการคูณตามหนงั สือเรยี นหนา้ 293

ขั้นสอน

ขัน้ สารวจคน้ หา

1. โจทย์ปัญหาการคูณในช่ัวโมงนี้เป็นโจทย์ปัญหาการคูณในลักษณะการหาค่าของตัวไม่ทราบค่า ครูยกตัวอย่างโจทย์ปัญหา
การคณู ตามหนงั สือเรยี นหนา้ 293 โดยติดบตั รโจทยป์ ญั หาบนกระดานแล้วใหน้ ักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ว่าโจทย์ถามอะไรโจทย์
บอกอะไร และนักเรียนจะหาคาตอบได้อย่างไร ครูใช้คาถามกระตุ้นให้นักเรียนคิดว่า ซาลาเปา 3 ลูก ราคาลูกละเท่ากัน
จ่ายเงินไป 15 บาท หมายความว่า 3 คูณจานวนใด ได้ผลคูณเท่ากับ 15 เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ 3 × = 15 ซึ่งนักเรียน
อาจใช้วธิ กี ารทอ่ งสตู รคูณแม่ 3 จะได้ว่า 3 × 5 = 15 ดังนั้น ซาลาเปาราคาลูกละ 5 บาท หลังจากท่ีนักเรียนได้คาตอบแล้วครู
ควรให้นักเรียนตรวจสอบคา ตอบโดยการนาคาตอบท่ีได้คูณกับ 3 แล้วได้ผลคูณเท่ากับ 15 หรือไม่ ถ้าได้เท่ากับ 15 แสดงว่า
เป็นคาตอบที่ถูกต้อง เมอ่ื นักเรียนได้แนวคิดในการวิเคราะห์และหาคาตอบโจทย์ปัญหาการคูณที่มีลักษณะเป็นโจทย์การหาค่า
ของตวั ไม่ทราบคา่ แลว้ ครูยกตัวอย่างโจทยป์ ัญหาการคูณจากตวั อย่างโจทย์ปญั หาในหนา้ ถัดไป

2. ครูยกตัวอย่างโจทย์ปัญหาการคูณที่มีตัวไม่ทราบค่าตามหนังสือเรียนหน้า 294 แล้วให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์
โจทย์ปัญหาวา่ โจทยถ์ ามอะไร โจทย์บอกอะไร และจะหาคาตอบได้อย่างไร

ครูใช้คาถามกระต้นุ ให้นักเรยี นคิดว่า ครูจัดโตะ๊ 5 แถว แถวละเทา่ ๆ กนั ต้องจดั โต๊ะแถวละกี่ตวั ถ้าจัดโต๊ะท้ังหมด
100 ตวั หมายความวา่ 5 คูณจานวนใดได้ผลคณู เท่ากับ 100

เขยี นเปน็ ประโยคสัญลักษณ์ 5 ×  = 100 ซึ่งนักเรียนอาจใช้การคูณกับจานวน 10 20 30 … จะไดว้ า่ 5 × 20 =
100 ดังนั้น จดั โต๊ะแถวละ 20 ตวั

ครูให้นักเรยี นตรวจสอบคาตอบโดยนาคาตอบท่ไี ด้ไปคูณกับ 5 ถา้ ได้ผลคณู เทา่ กับ 100 แสดงวา่ เปน็ คาตอบทีถ่ ูกต้อง
ครูอาจยกตัวอย่างโจทย์ปัญหาการคูณท้ายหน้า 294 เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกการวิเคราะห์และหาคาตอบของโจทย์
ปัญหาในลักษณะหาตัวไมท่ ราบค่าท่ีเปน็ จานวนสมาชิกในกลุ่ม ซึ่งจะได้ประโยคสัญลักษณ์คือ 4 ×  = 48 ในการหาคาตอบ
น้ีนกั เรียนอาจใช้สตู รคณู แม่ 4 ดังนน้ั 4 × 9 = 36 และ 4 × 10 = 40 4 × 11 = 44 4 × 12 = 48 เม่อื ได้คาตอบแล้ว
ครูให้นักเรียนตรวจสอบความถูกต้องของคาตอบ จากนั้นครูยกตัวอย่างโจทย์ปัญหาการคูณท่ีมีตัวไม่ทราบค่าเป็น
จานวนกลุ่ม เช่น ครูจัดดอกบัว 12 ดอกเป็นกา กาละ 6 ดอก ครูจัดดอกบัวได้กี่กา หมายความว่า จานวนใดคูณกับ 6 ได้ผล
คณู เทา่ กบั 12
เขยี นเปน็ ประโยคสัญลักษณ์ × 6 = 12 นักเรยี นอาจหาคา ตอบโดยใช้สูตรคูณแม่ 6 จะได้ 6 × 2 = 12 ดังนัน้ ครู
จดั ดอกบัวได้ 2 กา ครใู หน้ ักเรยี นตรวจสอบความถูกตอ้ งของคาตอบทานองเดยี วกบั ข้างต้น
3. เมื่อนกั เรียนเข้าใจและสามารถวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการคูณในลักษณะการหาค่าของตัวไม่ทราบค่าได้แล้ว ครูแบ่ง
นกั เรยี นเปน็ 4 กลุ่มให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการคูณในหนังสือเรียนหน้า 295 กลุ่มละ 1 ข้อ โดยให้
นักเรียนช่วยกันเขียนประโยคสัญลักษณ์และหาคาตอบ และครูเน้นย้าให้นักเรียนตรวจสอบความถูกต้องของคาตอบ ครูอาจ
แนะนานักเรียนกลุ่มท่ีแก้โจทย์ปัญหาข้อ 1 และ 2 ซ่ึงมีตัวไม่ทราบค่าเป็นจานวนแถวและจานวนกลุ่มตามลาดับ ประโยค
สัญลักษณ์ท่ีเขียนได้ดังนี้ × 4 = 24 และ × 6 = 48 จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอประโยคสัญลักษณ์
และวิธีหาคาตอบของแตล่ ะข้อ
ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง

ขั้นอธบิ ายความรู้

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยนักเรียนแต่ละคนเขียนประโยคสัญลักษณ์และหาคาตอบตามหนังสือเรียน
หน้า 296 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องและสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ถ้ามีนักเรียนคนใดเขียนประโยคสัญลักษณ์และ
หาคาตอบไม่ถูกต้อง ครูอาจให้นักเรียนฝึกการหาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์การคูณให้คล่อง หรือถ้านักเรียน

เขียนประโยคสัญลักษณ์การคูณผิดครูอาจทบทวนเร่ืองความหมายของการคูณที่เน้นจานวนสมาชิกในแต่ละกลุ่มและจานวน

กลุ่มหรือจานวนสมาชิกในแต่ละแถวและจานวนแถว แล้วให้ตรวจสอบความเข้าใจอีกคร้ังแต่ถ้ายังทาไม่ได้ให้มาฝึกเป็น

รายบุคคลกับครู

ขนั้ ขยายความเข้าใจ

การแก้โจทยป์ ัญหาทาได้โดยอา่ นทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปญั หา หาคาตอบและตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของ

คาตอบ

ขัน้ ตรวจสอบผล

- ให้นกั เรียนทาแบบฝึกหัดหน้า 187- 188

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วิธีการวดั ผล เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน

-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรปุ ความรู้การปฏบิ ัติ

คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น

ทางานรว่ มกบั กลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกล่มุ เกณฑ์การประเมนิ

7. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้

1. บัตรภาพ
2. บัตรโจทยป์ ญั หา
3. ส่อื ของจรงิ เชน่ ขวด

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

-

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครูผสู้ อน ลงช่อื ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผ้บู ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 19

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/………... ชอื่ ผสู้ อน …………………………….…….......................
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 การคูณ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 2 จานวน 1 คาบ

เรอ่ื ง การสรา้ งโจทยป์ ญั หาการคูณจากภาพ

1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้ีวัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลทเ่ี กิดขึ้นจาก

การดาเนนิ การ สมบตั ขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป.2/5 หาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณ ของจานวน 1 หลักตับจานวนไม่เกิน 2 หลัก

ป.2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขนั้ ตอนของจานวนนบั ไม่เกิน1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การสรา้ งโจทย์ปญั หาต้องมีทัง้ ส่วนทีโ่ จทยบ์ อกและสว่ นท่ีโจทย์ถาม นอกจากนี้โจทย์ปัญหาทส่ี รา้ งต้องมคี วามเป็นไปได้

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

สรา้ งโจทยป์ ัญหาการคูณ

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ธิ กี ารท่เี หมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลักษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมั่นใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิน่

การสรา้ งโจทยป์ ญั หาการคูณ พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1
ขน้ั นา

ข้นั กระต้นุ ความสนใจ

1. การสร้างโจทย์ปัญหาการคูณจากภาพควรเรม่ิ จากการให้นักเรยี นพจิ ารณาภาพ โดยใช้คาถามนาเช่น จากภาพในหนังสอื
เรียนหนา้ 297 นักเรยี นเห็นอะไรบ้าง (มสี ม้ 3 จาน แตล่ ะจานมสี ม้ 2 ผล) มสี ้มทัง้ หมดกี่ผล ( 6 ผล)

ข้ันสอน

ขน้ั สารวจคน้ หา

1. การสรา้ งโจทยป์ ัญหาการคูณจากภาพควรเร่ิมจากการให้นักเรยี นพิจารณาภาพ โดยใช้คาถามนาเช่น จากภาพในหนังสือ
เรียนหน้า 297 นักเรยี นเห็นอะไรบ้าง (มีส้ม 3 จาน แตล่ ะจานมีส้ม 2 ผล) มีสม้ ท้ังหมดก่ีผล ( 6 ผล)

ถ้าจะสร้างโจทย์ปญั หาการคูณ สว่ นที่โจทย์ถามคืออะไร (มีส้มท้งั หมดกผ่ี ล)
ส่วนท่โี จทยบ์ อกคืออะไร (มีสม้ 3 จานจานละ 2 ผล)
ดงั น้ัน เขียนเปน็ โจทย์ปญั หาการคณู จากภาพน้ีได้ว่า มสี ้ม 3 จาน จานละ 2 ผล มีส้มทั้งหมดกผ่ี ลหรอื มสี ม้ จานละ 2 ผล อยู่ 3
จาน มีสม้ ทงั้ หมด กผ่ี ลเขียนเป็นประโยคสัญลกั ษณไ์ ด้วา่ 3 × 2 =  ครูเนน้ ยา้ ว่า โจทย์ปัญหาที่สร้างต้องมคี วามเป็นไปได้
2. ครูตดิ บัตรภาพตามหนังสอื เรยี นหนา้ 298 จากภาพในหนังสอื เรียนนักเรยี นเห็นอะไรบ้าง (ปลกู กะหลา่ ปลี 3 แถว
แต่ละแถวมีกะหล่าปลี 10 ตน้ )
ปลูกกะหลา่ ปลีทัง้ หมดกีต่ ้น (30 ตน้ )
ถ้าจะสรา้ งโจทยป์ ัญหาการคูณ สว่ นที่โจทย์ถามคืออะไร (ปลูกกะหล่าปลีทง้ั หมดกตี่ น้ )
ส่วนที่โจทยบ์ อกคืออะไร (ปลูกกะหลา่ ปลี 3 แถว แตล่ ะแถวมีกะหล่าปลี 10 ตน้ )
ดังน้นั เขียนเป็นโจทย์ปัญหาการคณู จากภาพนไี้ ดว้ า่ ปลูกกะหลา่ ปลี 3 แถวแต่ละแถวมีกะหลา่ ปลี 10 ตน้ ปลกู กะหล่าปลี
ทัง้ หมดก่ีตน้ หรอื ปลกู กะหล่าปลแี ถวละ 10 ตน้ ปลกู 3 แถว ปลกู กะหล่าปลีทัง้ หมดกี่ต้น เขยี นเปน็ ประโยคสัญลกั ษณ์ได้ว่า 3 ×
10 =  ครเู นน้ ยา้ วา่ โจทย์ปญั หาทีส่ รา้ งต้องมีความเปน็ ไปได้ จากนนั้ ครตู ิดบตั รภาพปลกู ผักกาดตามหนงั สอื เรียนท้ายหนา้
298 แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั สรา้ งโจทย์ปัญหาการคูณ และชว่ ยกันพจิ ารณาความเป็นไปได้ของโจทยป์ ญั หาท่ีสรา้ งขึน้
3. ครแู บง่ นกั เรยี นออกเปน็ กลุ่ม 3 กลุ่มแลว้ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มช่วยกนั สร้างโจทย์ปัญหาการคณู จากภาพพร้อมท้งั
เขียนประโยคสญั ลกั ษณ์กลมุ่ ละ 2 ข้อ ตามหนงั สอื เรียนหน้า 299 เม่อื สร้างโจทย์ปญั หาการคณู เสรจ็ แล้วให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่
ออกมานาเสนอโจทยป์ ญั หาท่ีสร้างไดน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ อาจสร้างโจทย์ปัญหาการคูณได้แตกต่างกัน ครแู ละนักเรียนช่วยกัน
พิจารณาความถูกตอ้ งและความเป็นไปได้ของโจทย์ปญั หา
ท่สี ร้าง

ขัน้ อธบิ ายความรู้

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยให้นักเรยี นแตล่ ะคนสร้างโจทยป์ ญั หาการคณู และเขียนประโยคสญั ลกั ษณ์
จากภาพตามหนังสือเรยี นหน้า 300 ครูและนักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องและความเปน็ ไปได้หลงั จากน้นั ครูและ
นกั เรียนร่วมกนั สรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ ถา้ มีนกั เรียนคนใดสร้างโจทยป์ ัญหาการคูณและเขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์จากภาพไม่ถกู ต้อง
ครอู าจใหน้ ักเรยี นฝกึ พิจารณาโจทย์ปัญหาการคูณว่าประกอบดว้ ยสว่ นท่โี จทย์บอกและส่วนทโ่ี จทยถ์ ามให้คล่องแลว้ ให้
ตรวจสอบความเข้าใจอีกครง้ั แตถ่ า้ ยังทาไม่ได้ให้มาฝึกเป็นรายบุคคลกบั ครู

ขนั้ ขยายความเข้าใจ

- การสรา้ งโจทยป์ ัญหาตอ้ งมีทง้ั ส่วนทีโ่ จทยบ์ อกและสว่ นทโ่ี จทย์ถาม นอกจากน้โี จทย์ปัญหาทสี่ รา้ งต้องมีความเปน็ ไปได้

ขน้ั ตรวจสอบผล

- ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัดหนา้ 189- 190

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมนิ ผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวดั ผล เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ผล
- คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน
ความรูค้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ เกณฑ์การประเมิน
แบบฝกึ หดั 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่าน
-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน
- แบบประเมินพฤติกรรม
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมนิ
-การให้เหตุผล

-การสรปุ ความร้กู ารปฏิบตั ิ

คณุ ลกั ษณะนสิ ัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ

ทางานร่วมกับกลมุ่

7.

7. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สือ่ การเรยี นรู้

1. บตั รภาพ

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

-

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู ้สู อน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 19

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ชอื่ ผู้สอน …………………………….…….......................
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 5 การคูณ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 2 จานวน 1 คาบ

เร่ือง การสร้างโจทยป์ ญั หาการคูณจากประโยคสัญลักษณ์

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลทีเ่ กิดขน้ึ จาก

การดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนินการ และนาไปใช้
ตวั ชีว้ ดั ท่ี ป.2/5 หาค่าของตัวไมท่ ราบคา่ ใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณ ของจานวน 1 หลักตบั จานวนไมเ่ กิน 2 หลัก

ป.2/8 แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหา 2 ขั้นตอนของจานวนนับไมเ่ กิน1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

การสร้างโจทยป์ ัญหาต้องมีทัง้ ส่วนทโี่ จทย์บอกและสว่ นท่ีโจทย์ถาม นอกจากนโี้ จทยป์ ัญหาท่ีสรา้ งต้องมีความเป็นไปได้

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

สร้างโจทย์ปัญหาการคูณจากประโยคสญั ลักษณ์

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธกี ารทีเ่ หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลกั ษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความม่ันใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ

การสรา้ งโจทย์ปญั หาการคณู พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบที่ 1
ข้นั นา

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ครตู ิดบตั รภาพและบตั รประโยคสัญลักษณ์ 3 × 2 =  แลว้ ใชค้ าถามนาเพื่อใหน้ ักเรียนสร้าง
โจทย์ปญั หาการคูณจากประโยคสญั ลกั ษณ์ท่กี าหนดโดยนาข้อมลู จากภาพมาเป็นแนวทางในการสร้างโจทย์ปญั หาการคูณ

ขนั้ สอน

ขนั้ สารวจค้นหา

1. ครูตดิ บตั รภาพและบัตรประโยคสญั ลกั ษณ์ 3 × 2 =  แล้วใชค้ าถามนาเพื่อใหน้ กั เรียนสรา้ งโจทยป์ ญั หาการคูณจาก
ประโยคสญั ลกั ษณ์ท่ีกาหนดโดยนาขอ้ มลู จากภาพมาเปน็ แนวทางในการสรา้ งโจทยป์ ญั หาการคูณ เช่น จากประโยคสัญลกั ษณ์
3 × 2 =  ครูอาจให้นักเรียนบอกความหมายของการคูณวา่ 3 × 2 =  คือ มี 3 กลุ่ม แตล่ ะกลุ่มมีสมาชิก 2 หรือ มี 3
แถวแตล่ ะแถวมีสมาชกิ 2 แลว้ ให้นกั เรยี นใชข้ อ้ มลู จากภาพท่ีกาหนดให้ สร้างเปน็ โจทยป์ ญั หาการคูณได้ว่า เรอื จกั รยานนา้ 3
ลา แตล่ ะลา มคี นนง่ั 2 คน มีคนน่ังเรอื จักรยานน้าทง้ั หมดกี่คน หรือนกั เรียนอาจสรา้ งโจทยป์ ัญหาการคูณแบบอ่นื ไดว้ ่า มีคน
ยนื รอซือ้ ตว๋ั ลงเรือ 3 แถว แถวละ 2 คน มคี นยืนรอซอ้ื ตวั๋ ลงเรือทั้งหมดกี่คน แลว้ ให้นักเรียนระบสุ ่วนท่โี จทยบ์ อก และส่วนท่ี
โจทยถ์ าม จากน้ันครูและนักเรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความเปน็ ไปได้ของโจทยป์ ัญหาทีส่ ร้างขึน้

2. หลังจากทีน่ กั เรียนเข้าใจและสามารถสร้างโจทย์ปัญหาจากประโยคสัญลักษณโ์ ดยมีภาพประกอบได้ครูจึงกาหนด
ประโยคสัญลกั ษณก์ ารคูณ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันสร้างโจทยป์ ัญหา ดงั น้ี

กาหนดประโยคสญั ลักษณ์ 5 × 2 =  แล้วใหน้ กั เรยี นสร้างโจทย์ปัญหาการคณู โดยระบุสว่ นทโ่ี จทย์บอกและสว่ นท่ี
โจทย์ถาม ครูควรเน้นย้าและตรวจสอบวา่ โจทย์ปญั หาทนี่ ักเรยี นแต่ละคนชว่ ยกันสรา้ งขน้ึ มีความเป็นไปไดห้ รือไม่ จากนั้นให้
นกั เรยี นชว่ ยกันหาคาตอบของโจทย์ปญั หานั้น โจทย์ปญั หาทนี่ ักเรยี นสร้างอาจมคี วามแตกตา่ งกนั ครูและนักเรียนชว่ ยกนั
ตรวจสอบความถูกต้องจากน้ันครูกาหนดประโยคสญั ลักษณ์ 4 × 6 =  แลว้ จัดกจิ กรรม ทานองเดียวกบั ข้างต้น

3. ครแู บ่งนกั เรยี นเป็นกลุ่มแล้วใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ สร้างโจทยป์ ญั หาการคณู จากประโยคสญั ลกั ษณ์ตามหนงั สือ
เรียนหน้า 303 โดยให้นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ไดฝ้ ึกการสรา้ งโจทยป์ ัญหาการคูณจากประโยคสญั ลกั ษณท์ ้ัง 2 ข้อ เม่ือแตล่ ะกลุ่ม
สรา้ งโจทยป์ ญั หาเสร็จแลว้ ใหน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ นาเสนอเกี่ยวกับโจทย์ปัญหาที่สรา้ ง ระบุสว่ นทโี่ จทยบ์ อก สว่ นทีโ่ จทยถ์ าม
และหาคาตอบโดยครูและนักเรยี นช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ งและความเป็นไปได้ของโจทย์ปญั หาที่สร้าง

ขัน้ อธิบายความรู้

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนสร้างโจทย์ปญั หาการคณู จากประโยคสัญลักษณ์ ตาม
หนังสอื เรียนหน้า 304 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องและความเป็นไปได้ของโจทยป์ ญั หาท่ีสร้างหลังจากนั้นครู
และนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปส่งิ ท่ีได้เรียนรู้ ถา้ มนี กั เรยี นคนใดสร้างโจทยป์ ัญหาการคณู จากประโยคสัญลกั ษณ์ไม่ถูกต้องครอู าจให้
นกั เรยี นฝึกบอกความหมายการคูณตามประโยคสัญลกั ษณ์และบอกสว่ นประกอบของโจทย์ปัญหาว่าประกอบดว้ ยสว่ นท่โี จทย์
บอกและส่วนที่โจทย์ถามใหค้ ล่อง แล้วใหต้ รวจสอบความเขา้ ใจอีกครง้ั แตถ่ ้ายังทาไม่ได้ใหม้ าฝึกเปน็ รายบุคคลกับครู

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

- การสรา้ งโจทย์ปญั หาต้องมที ั้งส่วนทีโ่ จทย์บอกและส่วนทโ่ี จทย์ถาม นอกจากน้ีโจทย์ปญั หาทส่ี รา้ งต้องมีความเป็นไปได้

ขน้ั ตรวจสอบผล

- ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั หน้า 191- 198

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวัดผล เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
- คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ขึน้ ไป ถือวา่ ผา่ น
ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ เกณฑ์การประเมิน
แบบฝึกหดั 70% ขนึ้ ไป ถอื ว่าผา่ น
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ
- แบบประเมนิ พฤติกรรม
ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก ขณะ ทางานรว่ มกับกลุ่ม 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมิน
-การให้เหตผุ ล

-การสรปุ ความร้กู ารปฏิบัติ

คุณลกั ษณะนสิ ยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ

ทางานรว่ มกับกลุ่ม

7. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สือ่ การเรียนรู้

1. บัตรภาพ
2. บตั รประโยคสัญลกั ษณ์การคณู

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

-

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ครผู ู้สอน ลงชือ่ ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอื่ ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

โครงสรา้ งการสอน วิชา คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563 เวลา 80 ชว่ั โมง

หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วยการ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
1 เรยี นรู้ (ช่วั โมง) คะแนน

จานวนนับไม่เกนิ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความ - การนบั เพม่ิ ครัง้ ละเทา่ ๆ 16 10

1,000และ 0 หลากหลายของการแสดงจานวน กนั คอื การนบั เพิ่มจาก

ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวนทเี่ รม่ิ ต้นครั้งละเท่า

จานวน ผลท่ีเกิดขนึ้ จากการดาเนินการ ๆ กัน
สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้ - บอกจานวนของสง่ิ ตา่ งๆ

ตัวชว้ี ัดท่ี ป. 2/1 บอกจานวนของ ได้จากการนบั

ส่งิ ตา่ ง ๆ แสดงสงิ่ ต่าง ๆ ตาม - การนบั เพมิ่ คร้ังละเท่าๆ

จานวนทีก่ าหนด อา่ นและเขยี น กนั คอื การนับเพิ่มจาก
ตวั เลขฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทย จานวนที่เร่ิมต้นครั้งละเทา่

ตัวหนังสอื แสงจานวนนับไม่เกิน ๆ กนั

1,000 และ 0 -จานวนสามหลัก ถา้ เลข

ตัวช้ีวัดที่ ป. 2/2 เปรยี บเทยี บจานวน โดด 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9

นบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0 โดยใช้ อยใู่ นหลักหน่วย มีคา่ เปน็

เครอ่ื งหมาย = * > < 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ถ้า

ตวั ชว้ี ัดท่ี ป. 2/3 เรียงลาดบั จานวน อยใู่ นหลักสบิ มีค่าเป็น 0
นับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ตง้ั แต่ 3 ถงึ 10 20 30 40 50 60 70

4 จานวนจากสถานการณต์ ่าง ๆ 80 90 และเลขโดด 1 2 3

4 5 6 7 8 9 ถ้าอยใู่ นหลัก

รอ้ ย มคี า่ เปน็ 100 200

300 400 500 600 700

800 900 ตามลาดับ

-1,000 เป็นจานวนสี่หลัก

เลขโดด 1 ในหลักพันมีค่า

1,000

-การเขียนแสดงจานวนใน

รปู กระจายเปน็ การเขียน

ในรูปการบวกค่าของเลข

โดดในหลกั ต่าง ๆ ของ

จานวนนนั้

โครงสรา้ งการสอน วชิ า คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 เวลา 80 ชว่ั โมง

หนว่ ย ช่ือหน่วยการ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั สาระสาคัญ เวลา(ชม.) น้าหนัก
ที่ เรียนรู้/ เรื่อง / สปั ดาห์ คะแนน

1 จานวนนบั ไม่ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความ -การเปรยี บเทยี บจานวน

เกนิ 1,000และ หลากหลายของการแสดงจานวน ระบบ สองจานวนจะใชค้ าว่า

0 จานวน การดาเนินการของจานวน ผลที่ เทา่ กับ มากกวา่ นอ้ ย

เกิดขน้ึ จากการดาเนนิ การ สมบตั ิของการ กว่า ซง่ึ แทนด้วย

ดาเนินการ และนาไปใช้ เคร่อื งหมาย = < >

ตวั ชีว้ ดั ที่ ป. 2/1 บอกจานวนของส่ิง ตามลาดับโดยพิจารณา

ต่าง ๆ แสดงสิง่ ตา่ ง ๆ ตามจานวนที่ ดังน้ี

กาหนด อ่านและเขยี นตวั เลขฮนิ ดู -จานวนทมี่ จี านวนหลัก

อารบกิ ตวั เลขไทย ตวั หนงั สอื แสง มากกว่าจะมากกวา่
จานวนนบั ไม่เกิน 1,000 และ 0 จานวนทีม่ ีจานวนหลัก
ตัวช้ีวดั ที่ ป. 2/2 เปรียบเทยี บจานวนนบั น้อยกว่า

ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ้ ครือ่ งหมาย

=*>< − จานวนที่มจี านวน

ตวั ชวี้ ัดที่ ป. 2/3 เรียงลาดับจานวนนบั ไม่ หลกั เท่ากนั ถ้าเลขโดดใน
เกนิ 1,000 และ 0 ตั้งแต่ 3 ถงึ 4 จานวน หลกั ร้อยมคี ่ามากกวา่

จากสถานการณ์ต่าง ๆ จะมากกวา่ ถา้ เลขโดด

ในหลกั ร้อยมีค่าเทา่ กัน

จานวนทีเ่ ลขโดดในหลัก

สบิ มคี า่ มากกว่าจะ

มากกวา่ ถา้ เลขโดดใน

หลกั ร้อย หลกั สิบมคี า่

เทา่ กนั จานวนที่เลขโดด

ในหลักหน่วยมคี ่า

มากกว่าจะมากกว่า

โครงสรา้ งการสอน วชิ า คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 เวลา 80 ชว่ั โมง

หนว่ ยที่ ชือ่ หน่วยการ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก
1 เรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน

จานวนนับไม่เกนิ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความ -การเรยี งลาดับจานวน
1,000และ 0
หลากหลายของการแสดงจานวน อาจทาไดโ้ ดยหาจานวนที่

ระบบจานวน การดาเนนิ การของ มากที่สดุ และน้อยที่สดุ

จานวน ผลที่เกิดขน้ึ จากการดาเนนิ การ ก่อนจากนัน้ นาจานวนมา

สมบัตขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้ เรียงลาดับจากมากไปน้อย

ตวั ชว้ี ัดท่ี ป. 2/1 บอกจานวนของ หรอื จากน้อยไปมาก

สิง่ ต่าง ๆ แสดงสิ่ง ต่าง ๆ ตาม - จานวนทห่ี ลักหนว่ ยเป็น

จานวนทกี่ าหนด อ่านและเขียน 0 2 4 6 8 เปน็ จานวนคู่

ตวั เลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย - จานวนทห่ี ลกั หนว่ ยเปน็

ตัวหนงั สอื แสงจานวนนับไมเ่ กิน 1 3 5 7 9 เปน็ จานวนคี่

1,000 และ 0 -แบบรปู ของจานวนท่ี

ตัวชว้ี ดั ที่ ป. 2/2 เปรียบเทยี บจานวน เพิม่ ขึน้ ทลี ะ 2ทลี ะ 5 หรือ

นับไม่เกนิ 1,000 และ 0 โดยใช้ ทีละ 100 เป็นชดุ ของ

เคร่อื งหมาย = * > < จานวนทีม่ ีความสมั พนั ธ์

ตวั ชวี้ ดั ที่ ป. 2/3 เรยี งลาดบั จานวน กันอย่างตอ่ เนื่องใน

นับไม่เกนิ 1,000 และ 0 ตั้งแต่ 3 ถงึ ลักษณะของการเพ่ิมขน้ึ ที

4 จานวนจากสถานการณต์ า่ ง ๆ ละ 2 ทลี ะ 5 หรือทีละ

100

- แบบรปู ของจานวนที่

ลดลงทีละ 2 ทีละ 5 หรอื

ทีละ 100 เปน็ ชดุ ของ

จานวนทีม่ ีความสมั พันธ์

กนั อย่างตอ่ เน่ืองใน

ลกั ษณะของการลดลงทีละ

2 ทลี ะ 5 หรอื ทลี ะ 100

โครงสรา้ งการสอน วิชา คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 เวลา 80 ชว่ั โมง

หนว่ ยที่ ชื่อหน่วยการ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
2 เรยี นรู้ (ช่วั โมง) คะแนน

การบวกและการ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความ -การบวกจานวนสอง 20 15
ลบจานวนนบั ไม่ หลากหลายของการแสดงจานวน จานวนอาจหาผลบวกได้
เกนิ 1,000 ระบบจานวน การดาเนินการของ โดยใชเ้ ส้นจานวน หรอื
จานวน ผลทเี่ กดิ ขึ้นจากการดาเนินการ แผ่นตารางรอ้ ย แผน่
สมบตั ิของการดาเนินการ และนาไปใช้ ตารางสบิ และแผ่นตาราง
ตัวชีว้ ดั ที่ ป. 2/4 หาค่าของตัวไม่ หนว่ ย
ทราบค่าใน ประโยคสญั ลักษณแ์ สดง - การหาผลบวกโดยการตั้ง
กาบวก และประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดง บวก ต้องเขยี นเลขโดดใน
การลบของจานวนนับไม่เกนิ 1,000 หลักเดยี วกนั ให้ตรงกนั
และ 0 แลว้ จึงนาจานวนที่อยใู่ น
ตัวชี้วดั ท่ี ป. 2/8 แสดงวิธหี าคาตอบ หลกั เดียวกนั มาบวกกัน
โดยเร่ิมจากหลักหนว่ ย
ของโจทย์ปัญหา 2 ขัน้ ตอนของ
หลักสบิ และหลกั รอ้ ย
จานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0
ตามลาดับ ถ้าผลบวกใน

หลักหน่วยเป็น 1 สิบ หรือ

มากกวา่ 1 สบิ ต้องทด 1

สบิ ไปรวมกับจานวนใน

หลกั สบิ หรือถา้ ผลบวกใน

หลักสบิ เป็น 1 ร้อยหรอื

มากกว่า 1 รอ้ ย ตอ้ งทด 1

ร้อยไปรวมกบั จานวนใน

หลักร้อย

โครงสรา้ งการสอน วชิ า คณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 เวลา 80 ชวั่ โมง

หน่วยที่ ชอื่ หน่วยการ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก
เรยี นรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน

2 การบวกและการ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความ -การบวกจานวนสอง
ลบจานวนนับไม่ หลากหลายของการแสดงจานวน จานวนสามารถสลบั ที่ได้
เกิน 1,000 ระบบจานวน การดาเนนิ การของ ผลบวกยังคงเท่าเดิม การ
จานวน ผลท่ีเกดิ ขนึ้ จากการดาเนนิ การ บวกจานวนสามจานวนจะ
สมบัติของการดาเนินการ และนาไปใช้ บวกสองจานวนใดก่อนก็
ตวั ชว้ี ัดท่ี ป. 2/4 หาคา่ ของตัวไมท่ ราบ ได้ แลว้ บวกจานวนที่เหลือ
ค่าใน ประโยคสญั ลักษณ์แสดงกาบวก ผลบวกเท่ากัน หาผลบวก
และประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบ โดยการตง้ั บวกทาไดโ้ ดย
ของจานวนนบั ไม่เกิน 1,000 และ 0 นาจานวนในหลกั เดยี วกนั
ตัวชี้วดั ท่ี ป. 2/8 แสดงวิธหี าคาตอบ มาบวกกันถา้ ผลบวกใน
ของโจทย์ปัญหา 2 ข้นั ตอนของ หลักใดเป็นจานวนสอง
จานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 หลกั ใหท้ ดจานวนในหลัก

สิบไปรวมกบั จานวนใน

หลักถดั ไปทางซ้าย

-การลบจานวนสองจานวน

อาจหาผลลบไดโ้ ดยใช้เสน้

จานวน หรอื แผ่นตาราง

ร้อยแผ่นตารางสบิ และ

แผ่นตารางหน่วย

-การหาผลลบของจานวน

สองจานวนโดยการต้งั ลบ

ต้องเขียนเลขโดดในหลัก

เดยี วกันใหต้ รงกนั แล้วจึง

นาจานวนท่ีอยู่ในหลกั

เดยี วกนั มาลบกันโดยเรมิ่

จากหลักหน่วยหลกั สิบ

และหลกั ร้อย ตามลาดับ

โครงสร้างการสอน วชิ า คณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 เวลา 80 ชั่วโมง

หน่วยท่ี ชือ่ หน่วยการ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
เรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน

2 การบวกและการ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความ -การหาผลลบของจานวน
ลบจานวนนบั ไม่ หลากหลายของการแสดงจานวน สองจานวนโดยการต้งั ลบ
เกิน 1,000 ระบบจานวน การดาเนนิ การของ ต้องเขยี นเลขโดดในหลกั

จานวน ผลท่ีเกิดขนึ้ จากการดาเนนิ การ เดียวกันใหต้ รงกัน แลว้ จึง
สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้ นาจานวนทีอ่ ยู่ในหลัก
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป. 2/4 หาคา่ ของตัวไมท่ ราบ เดียวกันมาลบกันโดยเริ่ม
ค่าใน ประโยคสญั ลักษณ์แสดงกาบวก จากหลกั หนว่ ยหลกั สิบ
และประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบ และหลักร้อย ตามลาดับ
ของจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0 − ถ้าเลขโดดในหลกั หน่วย
ตัวช้ีวดั ท่ี ป. 2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบ ของตัวต้งั มีคา่ น้อยกว่าเลข
ของโจทย์ปญั หา 2 ข้ันตอนของ
จานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0 โดดในหลกั หน่วยของตัว
ลบ ต้องกระจายจานวน

จากหลักสิบไปหลกั หน่วย

− ถา้ เลขโดดในหลกั สบิ

ของตวั ตั้งมคี า่ น้อยกวา่ เลข

โดดในหลกั สบิ ของตวั ลบ

ต้องกระจายจานวนจาก

หลกั ร้อยไปหลักสบิ การ

หาผลลบของจานวนสาม

จานวนโดยการตงั้ ลบ ให้

นาจานวนสองจานวนมา

ลบกนั กอ่ น แลว้ นาผลลบ

ไปลบกบั จานวนท่เี หลือ

-การหาผลลบของจานวน

สามจานวนโดยการตั้งลบ

ให้นาจานวนสองจานวน

มาลบกนั ก่อน แล้วนาผล

ลบไปลบกับจานวนทีเ่ หลอื

โครงสร้างการสอน วชิ า คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 เวลา 80 ช่ัวโมง

หน่วยท่ี ช่ือหน่วยการ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
เรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน

2 การบวกและการ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความ - -ความสมั พนั ธข์ องการ
ลบจานวนนับไม่ หลากหลายของการแสดงจานวน บวกและการลบเมอื่
เกิน 1,000
ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวนสองจานวนบวกกัน

จานวน ผลทเี่ กดิ ข้นึ จากการดาเนินการ ผลบวกทีไ่ ด้ลบดว้ ยจานวน

สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้ ใดจานวนหนงึ่ ในสอง

ตัวชว้ี ดั ท่ี ป. 2/4 หาคา่ ของตัวไมท่ ราบ จานวนนั้น ผลลบคอื

ค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงกาบวก จานวนอกี จานวนหนง่ึ

และประโยคสัญลักษณ์แสดงการลบ -การหาค่าของตัวไม่ทราบ

ของจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0 ค่าในประโยคสัญลักษณ์

ตวั ชวี้ ดั ท่ี ป. 2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบ การบวกและประโยค

ของโจทย์ปญั หา 2 ขน้ั ตอนของ สัญลกั ษณ์การลบ สามารถ

จานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0 ใช้ความสมั พนั ธ์ของการ

บวกและการลบ

-การแก้โจทย์ปญั หาทาได้

โดย อ่านทาความเข้าใจ

ปญั หา วางแผนแกป้ ัญหา

หาคาตอบและตรวจสอบ

ความสมเหตสุ มผลของ

คาตอบ

-การสร้างโจทยป์ ัญหา

ต้องมีทง้ั สว่ นท่โี จทย์บอก

และส่วนท่ีโจทย์ถาม และ

โจทย์ปัญหาที่สรา้ งตอ้ งมี

ความเปน็ ไปได้

โครงสร้างการสอน วชิ า คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 เวลา 80 ชัว่ โมง

หน่วยที่ ชอื่ หน่วยการ มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก
เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน

3 การวดั ความยาว มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพ้ืนฐาน -การวัดความยาวหรอื 16 10

เกี่ยวกบั การวัด วัดและคาดคะเนขนาด ความสงู ของสงิ่ ต่าง ๆ เป็น

ของสงิ่ ทีต่ อ้ งการวัดและไปใช้ เซนติเมตร อาจวาง

ตัวช้ีวัดที่ ป.2/2 วัดและเปรียบเทียบ เคร่ืองมือวัดเริ่มที่ 0

ความยาวเปน็ เมตร และเซนติเมตร หรอื ไมเ่ ริ่มท่ี 0 กไ็ ด้

ตวั ชี้วัดท่ี ป.2/3 แสดงวิธีหาคาตอบ - การคาดคะเนความยาว

ของโจทยป์ ญั หา การบวก การลบ หรือความสูงเปน็ เมตรเปน็

เก่ียวกบั ความยาวที่มี การบอกความยาวหรือ

ความสูงเป็นเมตรให้

ใกล้เคยี งกับความยาวหรือ

ความสูงจริงอาจเทยี บกบั

ความยาวหรือความสูง 1

เมตร โดยไม่ใช้เคร่ืองมือ

วัด

- การเปรยี บเทียบความ

ยาวเป็นเมตรและ

เซนตเิ มตรของสิง่ ต่าง ๆ

สองส่งิ ส่ิงทม่ี คี วามยาว

เปน็ เมตรมากกวา่ จะยาว

กวา่ ถ้าความยาวเป็นเมตร

เทา่ กนั สงิ่ ทีม่ ีความยาว

เปน็ เซนตเิ มตรมากกวา่ จะ

ยาวกว่า

-การเปรียบเทียบความ

ยาวทีม่ หี นว่ ยตา่ งกนั ต้อง

เปลยี่ นหนว่ ยใหเ้ ปน็ หนว่ ย

เดยี วกนั กอ่ นแลว้ นามา

เปรียบเทยี บกนั

โครงสรา้ งการสอน วชิ า คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 เวลา 80 ชั่วโมง

หน่วยที่ ชือ่ หน่วยการ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก
เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน

3 การวดั ความยาว มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพ้ืนฐาน -การหาผลบวกหรอื ผลลบ

เก่ยี วกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาด เกย่ี วกบั ความยาวเป็น

ของส่ิงท่ตี ้องการวดั และไปใช้ เมตรและเซนติเมตร ทาได้

ตัวชี้วัดท่ี ป.2/2 วัดและเปรียบเทียบ โดยนาความยาวทเ่ี ปน็

ความยาวเป็นเมตร และเซนตเิ มตร หนว่ ยเดยี วกันมาบวกหรอื

ตวั ช้วี ดั ท่ี ป.2/3 แสดงวิธีหาคาตอบ ลบกัน

ของโจทยป์ ญั หา การบวก การลบ -การหาผลบวกหรือผลลบ

เกย่ี วกับความยาวท่ีมี เกยี่ วกับความยาวเป็น

เมตรและเซนตเิ มตร ทาได้

โดยนาความยาวทเ่ี ป็น

หน่วยเดียวกนั มาบวกหรือ

ลบกัน

-การแกโ้ จทยป์ ญั หาทาได้

โดยอา่ นทาความเข้าใจ

ปัญหา วางแผนแกป้ ญั หา

หาคาตอบ และตรวจสอบ

ความสมเหตุสมผลของ

คาตอบ

สอบกลางภาคเรียนที่ 1/2563 สัปดาหท์ ่ี 10 15

4 การวดั นา้ หนกั มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพ้นื ฐาน -การบอกน้าหนักของส่งิ 16 15

เกยี่ วกบั การวัด วัดและคาดคะเนขนาด ตา่ ง ๆ อาจบอกน้าหนัก

ของสิง่ ท่ีต้องการวดั และไปใช้ เปน็ กรัม เป็นกโิ ลกรมั และ

ตวั ชีว้ ัดท่ี ป.2/4 วัดและเปรยี บเทยี บ ขีดเป็นกิโลกรมั และกรัม

นา้ หนกั เป็นกโิ ลกรัม และกรัม กโิ ลกรมั -ความสัมพันธข์ องหน่วย

และขดี น้าหนัก

ตัวช้ีวัดท่ี ป.2/5 แสดงหาคาตอบของ 1 กิโลกรัม เท่ากับ 10 ขีด

โจทย์ปัญหา การบวก การลบเก่ียวกับ 1 ขีด เท่ากับ 100 กรมั

น้าหนักหน่วยเป็นกิโลกรัมและกรัม 1 กโิ ลกรัม เทา่ กับ 1,000

กโิ ลกรัม และขดี กรัม

โครงสรา้ งการสอน วชิ า คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 เวลา 80 ช่ัวโมง

หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วยการ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั สาระสาคญั เวลา น้าหนัก
เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน

4 การวัดน้าหนกั มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพ้นื ฐาน -การเปรียบเทียบน้าหนัก

เก่ยี วกบั การวดั วดั และคาดคะเนขนาด เป็นกิโลกรัมและกรมั หรือ

ของส่ิงทต่ี อ้ งการวัดและไปใช้ กิโลกรมั และขดี สิง่ ท่มี ี

ตัวชว้ี ัดที่ ป.2/4 วัดและเปรยี บเทียบ นา้ หนักกโิ ลกรมั มากกว่า

นา้ หนกั เป็นกโิ ลกรมั และกรัม กิโลกรมั จะหนกั กวา่ ถ้าน้าหนัก

และขดี เป็นกโิ ลกรัมเท่ากัน สง่ิ ที่มี

ตัวช้ีวัดท่ี ป.2/5 แสดงหาคาตอบของ นา้ หนกั เปน็ กรมั หรือเป็น

โจทย์ปัญหา การบวก การลบเก่ียวกับ ขีดมากกวา่ จะมนี ้าหนัก

น้าหนักหน่วยเป็นกิโลกรัมและกรัม มากกวา่ การเปรยี บเทยี บ

กิโลกรมั และขดี นา้ หนกั ทม่ี ีหน่วยต่างกัน

ตอ้ งเปลี่ยนหนว่ ยใหเ้ ป็น

หนว่ ยเดียวกัน

-การหาผลบวกหรือผลลบ

เก่ียวกับน้าหนกั เป็น

กิโลกรัมและขดี หรือ

กโิ ลกรมั และกรัม ทาได้

โดยนาน้าหนักทเ่ี ป็นหน่วย

เดยี วกันมาบวกหรือลบกนั

-การหาผลบวกหรอื ผลลบ

เกย่ี วกับน้าหนกั เปน็

กิโลกรัมและขีด หรือ

กิโลกรัมและกรมั ทาได้

โดยนาน้าหนักที่เป็นหน่วย

เดียวกนั มาบวกหรือลบกัน

-การแก้โจทย์ปัญหาทาได้

โดย อ่านทาความเขา้ ใจ

ปัญหา วางแผนแกป้ ญั หา

หาคาตอบและตรวจสอบ

ความสมเหตุสมผล

โครงสรา้ งการสอน วิชา คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 เวลา 80 ชัว่ โมง

หน่วยที่ ชอ่ื หน่วยการ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก
เรียนรู้ (ช่วั โมง) คะแนน

5 การคูณ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความ -ส่ิงตา่ ง ๆ ท่จี ัดเป็นกลุ่ม 16 20

หลากหลายของการแสดงจานวน หรอื เปน็ แถวท่ีแตล่ ะกลุ่ม

ระบบจานวน การดาเนนิ การของ หรอื แต่ละแถวมีจานวน

จานวน ผลท่เี กดิ ขึน้ จากการดาเนินการ สมาชกิ เท่ากนั สามารถ

สมบตั ิของการดาเนินการ และนาไปใช้ เขียนในรปู การคณู ของ

ตัวช้ีวัดท่ี ป.2/5 หาค่าของตัวไมท่ ราบ จานวนสองจานวน คอื

ค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณ จานวนกลมุ่ หรอื จานวน

ของจานวน 1 หลกั ตับจานวนไม่เกิน 2 แถวคูณกับจานวนสมาชิก

หลัก ในแต่ละกลุม่ หรอื จานวน

ตวั ชว้ี ัดที่ ป.2/8 แสดงวธิ หี าคาตอบ สมาชกิ ในแตล่ ะแถว ผล

ของโจทย์ปัญหา 2 ข้ันตอนของจานวน คูณของจานวนสองจานวน

นับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 นนั้ คอื จานวนสมาชิก

ท้งั หมด

- จานวนใดคณู กบั 1 ผล

คณู เทา่ กบั จานวนนน้ั และ

จานวนใดคูณกับ 0 ผลคณู

เทา่ กบั 0

- การคูณจานวน 1 หลกั

กบั จานวน 1 หลัก หาผล

คณู โดยใชส้ ตู รคณู แม่ 2

แม่ 3 แม่ 4 แม่ 5 แม่ 6

แม่ 7 แม่ 8 หรือแม่ 9

-จานวน 1 หลกั คณู กับ

10 20 30 40 50 60 70

80 90 หาผลคูณโดยนา

จานวน 1 หลักน้นั คณู กับ

123456789

ตามลาดบั แล้วเติม 0

ตอ่ ทา้ ย

โครงสร้างการสอน วชิ า คณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 2 โปรแกรม ESC

ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 เวลา 80 ชว่ั โมง

หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วยการ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด สาระสาคญั เวลา น้าหนัก
เรียนรู้ (ชั่วโมง) คะแนน

5 การคณู มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความ - การหาผลคูณของจานวน

หลากหลายของการแสดงจานวน 1 หลกั กับจานวน2 หลัก

ระบบจานวน การดาเนนิ การของ โดยการตั้งคณู ตอ้ งคูณใน

จานวน ผลทเ่ี กิดขน้ึ จากการดาเนินการ หลกั หน่วยก่อน แลว้ คูณ

สมบตั ขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้ ในหลักสิบ ถา้ ผลคณู ใน

ตวั ชวี้ ดั ท่ี ป.2/5 หาคา่ ของตัวไมท่ ราบ หลกั ใดครบสิบ หรอื

ค่าใน ประโยคสญั ลักษณ์แสดงการคูณ มากกวา่ สิบ ให้ทดจานวน

ของจานวน 1 หลักตบั จานวนไม่เกนิ 2 ที่ครบสิบไปหลักถดั ไป

หลกั ทางซ้าย

ตัวชี้วัดที่ ป.2/8 แสดงวธิ หี าคาตอบ -ความรู้สกึ เชงิ จานวน

ของโจทยป์ ญั หา 2 ขัน้ ตอนของจานวน เกย่ี วกบั การคูณเป็นการ

นับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 บอกว่าผลคูณของจานวน

สองจานวนใดมีคา่

มากกวา่ กัน น้อยกวา่ กนั

หรือเท่ากันโดยไม่ต้องหา

ผลคูณของสองจานวนนนั้

-การหาคา่ ของตวั ไมท่ ราบ

ค่าในประโยคสัญลักษณ์

การคูณ อาจใชส้ ูตรคณู

-การแกโ้ จทยป์ ญั หาทาได้

โดยอา่ นทาความเขา้ ใจ

ปัญหา วางแผนแกป้ ญั หา

หาคาตอบ และตรวจสอบ

-การสร้างโจทย์ปญั หาตอ้ ง

มีทั้งส่วนท่ีโจทย์บอกและ

สว่ นทโี่ จทย์ถาม

นอกจากนีโ้ จทย์ปญั หาท่ี

สร้างตอ้ งมีความเป็นไปได้


Click to View FlipBook Version