- นับลดทีละ 3 เรม่ิ จากจำนวน 1,105
- นบั ลดทลี ะ 4 เรม่ิ จากจำนวน 1,236
ในแตล่ ะรอบของการนบั ลด กลุม่ ใดทำไดถ้ ูกต้อง ครบทุกจำนวน และรวดเรว็ เป็นฝา่ ยชนะ
ข้นั สอน
ขัน้ สำรวจค้นหา
1. ครยู กตัวอยา่ งการนบั ลดทลี ะ3 และ 4 และ 5 และทีละ 25 โดยครอู ธิบายวิธกี ารพจิ ารณาให้นักเรยี นดูเปน็ ตัวอยา่ ง 1
ข้อ แล้วให้นกั เรียนช่วยกนั ทำในขอ้ ต่อไป โดยให้หาจำนวนถดั ไป 3-5 ตวั อย่าง จากนั้นครเู ขียนเส้นจำนวนบนกระดาน
แลว้ ให้นักเรียนฝึกนับลดทีละ3 และ 4 และ 5 และทีละ 25 บนเสน้ จำนวน
2. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ศึกษาตัวอย่างการนบั ลดทีละ 5 และทลี ะ 25 จากหนงั สือเรียน
3. นักเรียนตอบคำถามกระตุน้ ความคิดนกั เรียนคิดวา่ นบั เพม่ิ กับนับลด การนบั แบบใดนับยากกว่ากนั เพราะอะไร
(พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยูใ่ นดุลยพินจิ ของครผู ้สู อน)
คาบที่ 2
ขั้นอธบิ ายความรู้
นกั เรยี นแต่ละกลุม่ เปรียบเทยี บข้อมูลท่ีได้จากการศกึ ษาว่า การนบั ลดทีละ3 และ 4 และ 5 และทลี ะ 25 เหมือนกัน
อย่างไรและตา่ งกนั อยา่ งไร
ขั้นขยายความเข้าใจ
1. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ
2. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการศึกษามา แล้วรว่ มกันสรุปเก่ยี วกับการนับลดทีละ3 และ 4 และ 5
และทลี ะ 25
3. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนออกนำเสนอบทสรปุ ที่ได้โดยครูคอยตรวจสอบความถูกต้อง
ขน้ั ตรวจสอบผล
1. ครูใหน้ กั เรียนทกุ คนร่วมกนั สรปุ ความรเู้ กีย่ วกบั การนับลดทลี ะ3 และ 4 และ 5 และทีละ 25
2. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจก่อนเรยี นของนักเรียน
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหนา้ ชัน้ เรยี น
4. ครตู รวจสอบผลการทำกิจกรรมหนตู อบได้ในสมุด หรือในแบบฝึกหัด
5. ครูตรวจสอบผลนักเรียนจากการอธบิ ายเกี่ยวกบั ความหมายการนับลดทีละ3 และ 4 และ 5 และทีละ 25
6. การวดั และประเมนิ ผล
การวดั และประเมนิ ผล วิธีการวดั ผล เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ าร
จดุ ประสงค์ ประเมินผล
1.คำถามกระตนุ้ 70% ขึ้นไป ถือว่า
ความรูค้ วาม 1. สังเกตจากการซกั ถาม ตอบ ความคดิ ผา่ นเกณฑ์การ
เขา้ ใจ (K) คำถาม ประเมิน
ทกั ษะ/ 2. อ่านจำนวนจากบตั รคำได้ 1. ใบงานท่ี 1.15 เรอื่ ง 70% ข้นึ ไป ถือวา่
กระบวนการ (P) การนบั ลดทลี ะ3 และ ผา่ นเกณฑ์การ
1) เมื่อกำหนดจำนวนเร่มิ ตน้ ให้ 4 และ 5 และทีละ 25 ประเมนิ
คณุ ลักษณะนสิ ยั (A) สามารถนับลดทีละ 5 ต่อจาก
จำนวนเรมิ่ ตน้ ที่กำหนดให้ได้ 1. แบบสงั เกต 70% ขนึ้ ไป ถือวา่
พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์การ
2) เมอ่ื กำหนดจำนวนเริ่มตน้ ประเมนิ
ให้ สามารถนับลดทลี ะ 25 ต่อจาก
จำนวนเริม่ ตน้ ที่กำหนดใหไ้ ด้
1. สังเกตจากการเรียนมคี วาม
รบั ผิดชอบต่องานทีส่ ง่ั และสง่ งาน
ได้ทันตามทกี่ ำหนด
2. สังเกตจากการเรียนใฝ่เรียนรู้
3. สังเกตจากการมุ่งม่ันในการ
ทำงาน
7. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี น คณติ ศาสตร์ ป.3
2) ตารางตวั เลข
3) ใบงาน เรอ่ื ง การนับลดทลี ะ3 และ 4 และ 5 และทลี ะ 25
7.2 แหล่งการเรียนรู้
ห้องเรยี น
8. กิจกรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ............................................ครผู สู้ อน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอื่ ................................................... ผบู้ รหิ าร
( ...........................................................)
สัปดาห์ท่ี 4
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรยี นท่ี ……1…/……….....……... ชื่อผสู้ อน ………………………………………………………..
กล่มุ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 จำนวน 2 คาบ
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 จำนวนนับไม่เกิน 100,000 เรอื่ ง การนบั ลดทีละ 50
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั
มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจถึงความหลากหลายของการแสดงจำนวนและการใช้จำนวนในชวี ิตจรงิ
ตวั ช้ีวัด ป.3/1 เขยี นและอ่านตวั เลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนงั สือแสดงปริมาณของสิ่งของหรือจำนวนนับทไี่ ม่
เกินหนึ่งแสนและศูนย์
มาตรฐาน ค 6.1 มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา การให้เหตผุ ล การสื่อสาร การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และ
การนำเสนอ การเชอ่ื มโยงความรตู้ ่าง ๆ ทางคณติ ศาสตรแ์ ละเชื่อมโยงคณติ ศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ่นื ๆ และมีความคิดรเิ ร่ิม
สร้างสรรค์
ตวั ชี้วดั ป.3/1-3/4
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
จำนวนนบั สามารถนับลดทลี ะ 50 ตอ่ จากจำนวนเริ่มต้นท่ีกำหนดให้
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
เม่ือกำหนดจำนวนเรมิ่ ต้นให้ สามารถนบั ลดทลี ะ 50 ต่อจากจำนวนเริ่มต้นที่กำหนดให้ได้
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรูท้ อ้ งถ่นิ
สาระการเรียนรู้แกนกลาง พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
การนบั ลดทลี ะ 50
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบท่ี 3
ขนั้ นำ
ข้ันกระต้นุ ความสนใจ
1. นักเรยี นตอบคำถามกระตุน้ ความคิด
2. ครูตดิ บตั รตัวเลขแสดงจำนวนไมเ่ กิน 10,000 จำนวน 3-5 ใบ บนกระดาน แลว้ ให้นักเรียนอ่านจำนวนพร้อมๆ กนั
และบอกว่าเลขโดดแต่ละตัวอยู่ในหลกั ใด
ขั้นสอน
ข้ันสำรวจคน้ หา
1. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ
2. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเก่ยี วกับการนับลดทีละ 50 จนไดว้ า่ การนบั ลดทีละ 50 เปน็ การลบจำนวนเรมิ่ ต้น
ด้วย 50 แลว้ ลบผลลบท่ีได้จากการนับลดในแตล่ ะครง้ั ดว้ ย 50 ต่อไปตามลำดบั
3. ครยู กตวั อยา่ งการนับลดทีละ 50 แล้วใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันหาจำนวนถัดไป 3-5 ตัวอยา่ ง จากนัน้ ครูและนกั เรยี น
รว่ มกนั สรปุ หลักการนบั ลดทลี ะ 50 ว่ามลี กั ษณะอย่างไร
4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ศึกษาตัวอยา่ งการนบั ลดทลี ะ 50 จากหนงั สือเรียน
5. ครใู ห้นักเรยี นร่วมกันสรุปเกย่ี วกับการนบั ลดทลี ะ 50
คาบที่ 4
ขัน้ อธบิ ายความรู้
1. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มจับสลากบัตรตัวเลขกลุ่มละ 2 จำนวนแลว้ ให้สมาชกิ กลุ่มช่วยกันนับลดทีละ 50 ต่อจากจำนวน
ท่จี บั สลากได้อีก 5 จำนวน
2. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนนำเสนอการนบั ลดทลี ะ 50 ตอ่ จากจำนวนที่กลุ่มตนจับสลากได้ ครแู ละนกั เรยี น
กลุม่ อืน่ ร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
3. นักเรยี นทุกคนทำใบงาน เรอื่ ง การนับลดทลี ะ 50 เสรจ็ แลว้ รว่ มกันเฉลยคำตอบของใบงาน
4. นักเรยี นทำกจิ กรรมฝกึ ฝนทกั ษะเรือ่ ง การนบั ลดทีละ 3 ทลี ะ 4 ทีละ 5 ทลี ะ 25 และทลี ะ 50 จากหนังสอื เรียน
และทำกิจกรรมเรื่อง การนบั ลดทลี ะ 3 ทีละ 4 ทีละ 5 ทีละ 25 และทีละ 50 จากแบบฝึกหัด เปน็ การบ้าน แลว้ นำมา
สง่ ครูในการเรยี นครง้ั ตอ่ ไป
ขน้ั ขยายความเข้าใจ
ครสู ุ่มนักเรยี นออกมาเฉลยคำตอบของใบงาน คนละ 1 ขอ้ จนครบทกุ ข้อ ครูและนกั เรยี นท่เี หลอื ช่วยกนั ตรวจสอบ
ความถูกต้องและแก้ไขข้อบกพรอ่ ง ครชู มเชยนกั เรยี น ท่ที ำไดถ้ ูกต้อง และให้คำแนะนำและกำลังใจแก่นักเรียนทยี่ งั มี
ขอ้ บกพร่องอยู่
ข้ันตรวจสอบผล
1. ครใู ห้นักเรยี นทกุ คนรว่ มกันสรุปความรเู้ ก่ยี วกับการนับลดทีละ 50
2. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจก่อนเรยี นของนักเรยี น
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหนา้ ชัน้ เรียน
4. ครตู รวจสอบผลการทำกจิ กรรมหนูตอบไดใ้ นสมดุ หรือในแบบฝกึ หัด
5. ครูตรวจสอบผลนักเรียนจากการอธิบายเกีย่ วกับความหมายการนับลดทีละ 50
6. การวดั และประเมนิ ผล
การวัดและประเมินผล วิธีการวดั ผล เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ าร
จดุ ประสงค์
ประเมินผล
ความรูค้ วาม 1. สงั เกตจากการซกั ถาม ตอบ 1.คำถามกระตุน้ 70% ขึ้นไป ถอื ว่า
เขา้ ใจ (K) คำถาม
2. นบั จำนวนทเี่ พมิ่ ขึ้นได้ ความคดิ ผา่ นเกณฑ์การ
ทักษะ/
กระบวนการ (P) เมอ่ื กำหนดจำนวนเร่ิมต้นให้ ประเมิน
สามารถนบั ลดทีละ 50 ตอ่ จาก
จำนวนเรม่ิ ตน้ ท่ีกำหนดใหไ้ ด้ 1. ใบงาน เรอ่ื ง การนบั 70% ขนึ้ ไป ถือวา่
ลดทีละ 50 ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมนิ
คณุ ลักษณะนิสัย (A) 1. สังเกตจากการเรียนมีความ 1. แบบสงั เกต 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่
รบั ผดิ ชอบตอ่ งานที่สง่ั และส่งงาน พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การ
ได้ทันตามที่กำหนด ประเมนิ
2. สงั เกตจากการเรยี นใฝ่เรยี นรู้
3. สงั เกตจากการม่งุ มัน่ ในการ
ทำงาน
7. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
7.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน คณิตศาสตร์ ป.3
2) แบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ ป.3
3) บัตรตวั เลข
4) บตั รข้อความการนับลด
5) ใบงาน เรอ่ื ง การนบั ลดทีละ 50
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
ห้องเรยี น
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................... .......
...........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ลงช่ือ............................................ครูผ้สู อน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผูบ้ รหิ าร
( ...........................................................)
สัปดาหท์ ่ี 5
โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรียนที่ ……1…/……......……... ชอื่ ผู้สอน ………………………………………………………..
กล่มุ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3 จำนวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 การบวกและการลบจำนวนนับไม่เกนิ 100,000 เรอ่ื ง การบวกจำนวนสองจำนวนทีม่ ี
ผลบวกไม่เกิน 100,00
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ค 1.2 เขา้ ใจถึงผลท่เี กดิ ข้นึ จากการดำเนินการของจำนวนและความสัมพนั ธ์ระหวา่ งการดำเนนิ การต่าง ๆ
และใชก้ ารดำเนินการในการแกป้ ัญหา
ตวั ชี้วัด ป.3/1 บวก ลบ คณู หาร และบวก ลบ คูณ หารระคนของจำนวนนบั ไมเ่ กินหนึ่งแสนและศนู ย์ พรอ้ มทง้ั
ตระหนกั ถึงความสมเหตุสมผลของคำตอบ
ตัวชว้ี ัด ป.3/2 วิเคราะหแ์ ละแสดงวิธหี าคำตอบของโจทยป์ ัญหาและโจทย์ปัญหาระคนของจำนวนนบั ไม่เกนิ หนงึ่ แสน
และศนู ย์ พร้อมทัง้ ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของคำตอบ และสรา้ งโจทยไ์ ด้
มาตรฐาน ค 6.1 มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา การใหเ้ หตผุ ล การสื่อสาร การสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์
และการนำเสนอ การเชื่อมโยงความรตู้ ่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์และเชือ่ มโยงคณิตศาสตรก์ ับศาสตรอ์ ื่น ๆ และมีความคิดริเรม่ิ
สรา้ งสรรค์
ตัวช้วี ดั ป.1-3/1 ใชว้ ธิ กี ารทหี่ ลากหลายแกป้ ญั หา
ตัวชี้วัด ป.1-3/2 ใชค้ วามรู้ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรใ์ นการแก้ปญั หาในสถานการณ์ตา่ งๆ ได้อย่าง
เหมาะสม
ตวั ชว้ี ดั ป.1-3/4 ใชภ้ าษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตรใ์ นการสือ่ สาร การสอ่ื ความหมาย และการนำเสนอได้อย่าง
ถูกต้อง
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การบวกจำนวนสองจำนวนที่มผี ลบวกไมเ่ กนิ 100,000 (มีทด) โดยใชต้ ารางหลกั ให้นำจำนวนทเี่ ป็นตัวตั้งและตวั บวกใน
หลกั เดยี วกนั มาบวกกันในรปู ของตาราง โดยเริม่ บวกจากหลักหนว่ ย หลกั สบิ หลักรอ้ ย หลกั พัน และหลักหม่ืน ตามลำดบั
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
หาผลบวกของโจทยก์ ารบวกจำนวนทมี่ ีผลบวกไมเ่ กนิ 100,000 (มีทด) โดยใชต้ ารางหลกั ได้
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรูท้ ้องถนิ่
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
การบวกจำนวนทีม่ ีผลบวกไม่เกนิ 100,000
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี 1
ขน้ั นำ
ขั้นกระตุน้ ความสนใจ 43,517 + 23,221
1. ครใู ห้นกั เรยี นทุกคนแข่งขันกันคิดเลขเร็วตามโจทย์ท่ีกำหนดให้ตอ่ ไปนี้
1) 31,214 + 11,321 2) 41,321 + 21,452 3) 52,412 + 43,173 4)
นกั เรียนคนใดคดิ หาคำตอบได้รวดเรว็ และถูกต้องทงั้ หมดจะเปน็ ผู้ชนะ
2. นักเรยี นตอบคำถามกระตุน้ ความคดิ จำนวนสองจำนวนใดทบ่ี วกกันแล้วไดเ้ ท่ากับ 35,462
(มหี ลายจำนวน เชน่ 21,351 กับ 14,111)
ขัน้ สอน
ขน้ั สำรวจคน้ หา
1. นกั เรียนกลุ่มเดิม (จากแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1) จับคู่กันแล้วร่วมกนั ศกึ ษาตัวอยา่ งการบวกจำนวนท่ีมีผลบวกไมเ่ กิน
100,000 (มีทด) โดยใช้ตารางหลัก จากหนงั สือเรียน
2. นักเรียนแตล่ ะคผู่ ลัดกันอภิปรายเกยี่ วกับการบวกจำนวนท่มี ีผลบวกไมเ่ กิน 100,000 (มที ด) โดยใช้ตารางหลกั
3. ครูแจกบตั รโจทย์การบวกจำนวนท่มี ผี ลบวกไม่เกนิ 100,000 (มที ด) ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่ม กลุม่ ละ 5 ใบ แลว้ ใหส้ มาชิก
แต่ละคนในกลุ่มชว่ ยกนั คิดหาคำตอบของโจทยโ์ ดยใช้ตารางหลกั
4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนนำเสนอคำตอบของบตั รโจทย์การบวกท่ีกล่มุ ได้รบั หน้าช้นั เรียน
ขนั้ อธบิ ายความรู้
1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปเกี่ยวกับการบวกจำนวนที่มผี ลบวกไม่เกนิ 100,000 (มที ด) โดยใชต้ ารางหลกั
2. นักเรียนทุกคนทำใบงานที่ 2.1 เร่อื ง การบวกจำนวนสองจำนวนที่มีผลบวกไม่เกนิ 100,000 (มีทด) โดยใช้
ตารางหลัก เสรจ็ แล้วใหส้ มาชิกแต่ละคนในกลุ่มผลัดกันอธิบายคำตอบของใบงาน แล้วสรุปคำตอบเปน็ มติของกลุ่ม
ขั้นขยายความเขา้ ใจ
1. ครสู ุ่มตัวแทนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอคำตอบของใบงาน โดยครูตรวจสอบความถูกต้องและชมเชยกลุม่ ทีน่ ำเสนอได้ถูกต้อง
และแนะนำกลุ่มท่ยี ังมีข้อบกพร่องอยู่
2. นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ จากโจทย์ 23,765 + 35,971 ในข้ันตอนการหาผลลพั ธ์ จะมีการทดจากหลักใดไป
หลกั ใดบา้ ง
(ทดจากหลกั สิบไปหลกั ร้อย และทดจากหลักร้อยไปหลกั พนั )
ขั้นตรวจสอบผล
1. ครใู ห้นักเรียนทุกคนรว่ มกันสรุปความรเู้ กี่ยวกับการบวกจำนวนสองจำนวนทีม่ ีผลบวกไมเ่ กนิ 100,000 (มีทด)
2. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจกอ่ นเรยี นของนักเรียน
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ชนั้ เรียน
4. ครตู รวจสอบผลการทำกจิ กรรมหนูตอบไดใ้ นสมุด หรือในแบบฝกึ หัด
5. ครูตรวจสอบผลนักเรียนจากการอธิบายเก่ียวกับความหมายของการบวกจำนวนสองจำนวนท่ีมีผลบวกไม่เกิน
100,000 (มีทด)
6. การวดั และประเมินผล
การวัดและประเมินผล
จุดประสงค์ วธิ ีการวัดผล เคร่ืองมือวัด เกณฑก์ าร
ประเมนิ ผล
ความรคู้ วาม 1. สงั เกตจากการซกั ถาม ตอบ 1.คำถามกระตุน้ 70% ข้ึนไป ถอื ว่า
เขา้ ใจ (K) คำถาม ความคดิ ผา่ นเกณฑ์การ
2. เขา้ ใจการบวก ลบ ประเมิน
ทักษะ/ หาผลบวกของโจทยก์ ารบวก 1. ใบงาน เร่อื ง การ 70% ขนึ้ ไป ถอื วา่
กระบวนการ (P) จำนวนท่มี ีผลบวกไมเ่ กิน 100,000 บวกจำนวนสองจำนวน ผ่านเกณฑ์การ
(มีทด) โดยใชต้ ารางหลกั ได้ ทมี่ ผี ลบวกไมเ่ กิน ประเมนิ
100,000 (มีทด) โดย
ใชต้ ารางหลัก
คุณลกั ษณะนสิ ัย (A) 1. สงั เกตจากการเรยี นมคี วาม 1. แบบสงั เกต 70% ขึน้ ไป ถอื ว่า
รบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่สี ง่ั และสง่ งาน พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์การ
ได้ทันตามทีก่ ำหนด ประเมิน
2. สังเกตจากการเรยี นใฝ่เรียนรู้
3. สังเกตจากการมงุ่ มั่นในการ
ทำงาน
7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี น คณิตศาสตร์ ป.3
2) บตั รโจทย์
3) ใบงาน เร่อื ง การบวกจำนวนสองจำนวนทม่ี ีผลบวกไม่เกิน 100,000 (มีทด) โดยใช้ตารางหลกั
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
หอ้ งเรยี น
8. กิจกรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครูผูส้ อน ลงช่ือ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอ่ื ................................................... ผู้บริหาร
( ...........................................................)
สัปดาหท์ ่ี 5
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรียนท่ี ……1…/…….........…... ช่อื ผูส้ อน ………………………………………………………..
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การบวกและการลบจำนวนนับไม่เกิน100,000 เร่ือง การลบจำนวนทมี่ ีตวั ตงั้ ไม่เกิน
100,000
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั
มาตรฐาน ค 1.2 เข้าใจถึงผลทเ่ี กิดขน้ึ จากการดำเนินการของจำนวนและความสัมพันธ์ระหวา่ งการดำเนินการต่าง ๆ
และใช้การดำเนินการในการแก้ปญั หา
ตัวช้ีวัด ป.3/1 บวก ลบ คูณ หาร และบวก ลบ คณู หารระคนของจำนวนนบั ไมเ่ กินหน่ึงแสนและศนู ย์ พร้อมทง้ั
ตระหนักถึงความสมเหตสุ มผลของคำตอบ
ตวั ช้วี ัด ป.3/2 วเิ คราะห์และแสดงวธิ ีหาคำตอบของโจทยป์ ัญหาและโจทย์ปญั หาระคนของจำนวนนับไม่เกนิ หน่ึงแสน
และศูนย์ พร้อมทงั้ ตระหนักถึงความสมเหตสุ มผลของคำตอบ และสรา้ งโจทย์ได้
มาตรฐาน ค 6.1 มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา การให้เหตุผล การสอื่ สาร การสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์
และการนำเสนอ การเช่ือมโยงความรู้ต่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์และเชอื่ มโยงคณิตศาสตรก์ ับศาสตร์อื่น ๆ และมีความคิดรเิ ริม่
สร้างสรรค์
ตัวชว้ี ัด ป.1-3/1 ใชว้ ิธกี ารที่หลากหลายแกป้ ัญหา
ตวั ชวี้ ดั ป.1-3/2 ใช้ความรู้ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการแกป้ ัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่าง
เหมาะสม
ตวั ชวี้ ัด ป.1-3/4 ใช้ภาษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสอ่ื สาร การสอื่ ความหมาย และการนำเสนอได้อยา่ ง
ถูกต้อง
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การหาผลลบของจำนวนสองจำนวนที่มีตวั ต้งั ไม่เกิน 100,000 โดยใชต้ ารางหลกั (ไมม่ ีการกระจาย)
ให้นำจำนวนทอ่ี ยูใ่ นหลักเดียวกนั มาลบกนั ในรปู ของตาราง โดยเรม่ิ ลบจากหลกั หนว่ ย หลักสบิ หลกั ร้อย หลักพัน และหลักหมื่น
ตามลำดบั
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
หาผลลบของโจทย์การลบจำนวนทม่ี ตี ัวตั้งไมเ่ กนิ 100,000 โดยใชต้ ารางหลัก (ไม่มีการกระจาย) ได้
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน
สาระการเรียนรู้แกนกลาง พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
การลบจำนวนทีม่ ผี ลบวกไมเ่ กิน 100,000
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบท่ี 2
ขัน้ นำ
ข้ันกระตุน้ ความสนใจ
1. นกั เรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด
2. ครูใหน้ ักเรยี นกล่มุ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1) เล่นเกมถอดรหสั มหัศจรรย์พรี ะมิด โดยครูอธิบายวิธีเลน่
กฎ กตกิ า จนนกั เรียนเข้าใจ แลว้ จึงเร่มิ เลน่ เกม (ครูกำหนดระยะเวลาเล่นตามความเหมาะสม)
นักเรียนคดิ วา่ เราสามารถนำการหาผลลบโดยใช้ตารางหลกั และวธิ ีลัดมาใชก้ ับโจทย์การลบจำนวนที่มตี ัวตงั้ ไมเ่ กนิ
100,000 ไดห้ รอื ไม่ จงอธบิ าย
(พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยใู่ นดุลยพินิจของครผู สู้ อน)
ขั้นสอน
ขั้นสำรวจคน้ หา
1. ครใู หส้ มาชกิ แตล่ ะกลมุ่ จับคูร่ ่วมกันศกึ ษาความรู้เร่ือง การลบจำนวนสองจำนวนทมี่ ตี ัวต้งั ไม่เกิน 100,000 โดยใช้
ตารางหลกั (ไมม่ ีการกระจาย) จากหนังสือเรียน
2. นกั เรียน 2 คู่ ในกลุ่มเดยี วกันผลัดกนั อธบิ ายแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกนั
3. ครยู กตวั อยา่ งการลบจำนวนสองจำนวนท่มี ตี วั ตั้งไม่เกิน 100,000 โดยใชต้ ารางหลัก (ไม่มกี ารกระจาย) ให้นักเรียน
ดูบนกระดาน 3-5 ตัวอย่าง โดยการถาม-ตอบ จนนักเรยี นเขา้ ใจ
4. ครแู จกบัตรโจทยใ์ หน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่ม กล่มุ ละ 3 ใบ แล้วให้สมาชกิ แต่ละกลุ่มชว่ ยกันหาคำตอบจากบตั รโจทย์ท่ี
ไดร้ ับโดยใหท้ กุ คนเขียนลงในสมุด
5. ครูขอตวั แทนกลมุ่ กลมุ่ ละ 1 คน นำเสนอคำตอบของบตั รโจทยห์ นา้ ชั้นเรยี น โดยครเู ปน็ ผ้ตู รวจสอบความถูกต้อง
และนกั เรียนที่เหลอื รวบรวมสมดุ ส่งครตู รวจ
ขนั้ อธบิ ายความรู้
1. สมาชิกคู่เดมิ ในแตล่ ะกล่มุ จบั สลากบตั รตวั เลข คู่ละ 1 ใบ แล้วใหแ้ ตล่ ะคู่หาจำนวนสองจำนวนที่ลบกันแล้วไดผ้ ลลพั ธ์
เทา่ กบั จำนวนในบตั รตัวเลขท่ีคู่ตนจับสลากได้ พร้อมท้งั แสดงวิธีหาคำตอบโดยใช้ตารางหลักลงในกระดาษ A4 เสร็จ
แลว้ นำส่งครูตรวจ
2. นักเรยี นทกุ คนทำใบงานท่ี 3.9 เรอ่ื ง การลบจำนวนท่ีมตี ัวตง้ั ไมเ่ กนิ 100,000 โดยใช้ตารางหลกั (ไม่มกี ารกระจาย)
เสรจ็ แล้วให้นักเรียนทกุ คนรวบรวมใบงานส่งครตู รวจ
ขัน้ ขยายความเข้าใจ
1. ครจู ับสลากรายชอ่ื ของนักเรยี นเฉลยคำตอบของใบงานขอ้ ละ 1 คน หน้าช้นั เรียน ครชู มเชยนักเรียนที่ทำได้ถูกตอ้ ง
และให้คำแนะนำและกำลังใจแกน่ กั เรียนทย่ี งั มีข้อบกพร่องอยู่
2. นักเรียนตอบคำถามกระตุน้ ความคิดในการหาผลลบ เม่ือสลับทรี่ ะหวา่ งตวั ต้งั กบั ตัวลบ นักเรยี นจะสามารถหาผลลบ
ไดห้ รอื ไม่ จงอธิบาย
(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อย่ใู นดุลยพินิจของครูผู้สอน)
ขน้ั ตรวจสอบผล
1. ครใู ห้นักเรยี นทุกคนร่วมกนั สรปุ ความร้เู ก่ียวกับการการลบจำนวนท่มี ตี วั ต้งั ไมเ่ กิน 100,000
2. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรยี นของนักเรียน
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าช้นั เรยี น
4. ครตู รวจสอบผลการทำกิจกรรมหนตู อบได้ในสมุด หรอื ในแบบฝกึ หัด
5. ครูตรวจสอบผลนักเรียนจากการอธบิ ายเก่ียวกบั ความหมายของการลบจำนวนที่มตี วั ตั้งไมเ่ กิน 100,000
6. การวดั และประเมนิ ผล
การวัดและประเมนิ ผล
จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมอื วัด เกณฑก์ าร
ประเมินผล
ความรคู้ วาม 1. สังเกตจากการซักถาม ตอบ 1.คำถามกระตนุ้ 70% ขึน้ ไป ถอื ว่า
เข้าใจ (K) คำถาม ความคิด ผา่ นเกณฑ์การ
2. เข้าใจการบวก ลบ ประเมนิ
ทกั ษะ/ หาผลลบของโจทย์การลบจำนวนท่ี 1. ใบงาน เร่อื ง การลบ 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่า
กระบวนการ (P) มีตัวต้งั ไม่เกนิ 100,000 โดยใช้ จำนวนทีม่ ีตวั ตั้งไม่เกนิ ผ่านเกณฑ์การ
ตารางหลกั (ไม่มีการกระจาย) ได้ 100,000 โดยใชต้ าราง ประเมิน
หลัก (ไม่มกี าร
กระจาย)
คุณลกั ษณะนิสัย (A) 1. สังเกตจากการเรียนมคี วาม 1. แบบสังเกต 70% ขึ้นไป ถือวา่
รับผดิ ชอบตอ่ งานทีส่ งั่ และสง่ งาน พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์การ
ไดท้ นั ตามท่ีกำหนด ประเมิน
2. สังเกตจากการเรียนใฝ่เรยี นรู้
3. สังเกตจากการมุ่งม่ันในการ
ทำงาน
7. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน คณิตศาสตร์ ป.3
2) เกมถอดรหัสมหศั จรรย์พีระมิด
3) บัตรโจทย์
4) บตั รตวั เลข
5) ใบงาน เรื่อง การลบจำนวนทม่ี ตี วั ตงั้ ไม่เกนิ 100,000 โดยใชต้ ารางหลัก (ไม่มีการกระจาย)
7.2 แหล่งการเรียนรู้
ห้องเรยี น
8. กิจกรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................
...........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครผู ูส้ อน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
( ...........................................................)
สปั ดาห์ท่ี 5
โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรยี นที่ ……1…/….........…..... ช่ือผู้สอน ………………………………………………………..
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน 2 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การบวกและการลบจำนวนนับไม่เกิน100,000 เรื่อง โจทยป์ ัญหาการบวกจำนวนที่มี
ผลบวกไม่เกิน 100,000
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ค 1.2 เขา้ ใจถึงผลทีเ่ กิดขึ้นจากการดำเนินการของจำนวนและความสัมพนั ธ์ระหว่างการดำเนนิ การต่าง ๆ
และใช้การดำเนินการในการแก้ปญั หา
ตัวชวี้ ดั ป.3/1 บวก ลบ คณู หาร และบวก ลบ คณู หารระคนของจำนวนนบั ไมเ่ กินหน่ึงแสนและศูนย์ พรอ้ มท้ัง
ตระหนกั ถึงความสมเหตุสมผลของคำตอบ
ตวั ชีว้ ัด ป.3/2 วิเคราะห์และแสดงวิธีหาคำตอบของโจทยป์ ญั หาและโจทย์ปัญหาระคนของจำนวนนับไม่เกนิ หนงึ่ แสน
และศูนย์ พร้อมทง้ั ตระหนกั ถึงความสมเหตุสมผลของคำตอบ และสรา้ งโจทย์ได้
มาตรฐาน ค 6.1 มีความสามารถในการแก้ปัญหา การใหเ้ หตผุ ล การสอื่ สาร การสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์
และการนำเสนอ การเช่ือมโยงความร้ตู ่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์และเชื่อมโยงคณิตศาสตรก์ ับศาสตร์อื่น ๆ และมคี วามคิดรเิ รมิ่
สร้างสรรค์
ตวั ชว้ี ัด ป.1-3/1 ใชว้ ธิ ีการทหี่ ลากหลายแกป้ ัญหา
ตวั ช้ีวัด ป.1-3/2 ใชค้ วามรู้ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการแก้ปัญหาในสถานการณต์ า่ งๆ ได้อย่าง
เหมาะสม
ตัวชว้ี ดั ป.1-3/4 ใชภ้ าษาและสญั ลักษณ์ทางคณิตศาสตรใ์ นการสื่อสาร การส่อื ความหมาย และการนำเสนอได้อย่าง
ถูกต้อง
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การแก้โจทย์ปัญหาการบวกจำนวนทม่ี ีผลบวกไมเ่ กิน 100,000 ต้องบอกสิ่งทโี่ จทยก์ ำหนดให้และสง่ิ ท่ีโจทย์ถาม จากน้ันจงึ
วางแผนแกป้ ัญหา แล้วแสดงวิธีทำเพอ่ื หาคำตอบ พร้อมท้ังตรวจสอบความสมเหตุสมผล ของคำตอบ
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
อธบิ ายข้นั ตอนการแกโ้ จทย์ปัญหาการบวกท่ีมผี ลบวกไม่เกิน 100,000 ได้
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
โจทยป์ ญั หาการบวกไมเ่ กนิ 100,000
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบท่ี 3
ข้นั นำ
ขัน้ กระตนุ้ ความสนใจ
1. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด
2. นกั เรียนเล่นเกมบิงโกการบวก โดยครอู ธบิ ายวธิ ีเลน่ กฎ กติกา จนนักเรียนเข้าใจ แล้วจงึ ให้สัญญาณเรม่ิ เล่นเกม
ข้ันสอน
ขนั้ สำรวจคน้ หา
1. ครตู ดิ บัตรโจทย์ปัญหาการบวกจำนวนทีม่ ีผลบวกไมเ่ กนิ 100,000 แลว้ ให้นักเรียนร่วมกนั อ่านโจทย์พรอ้ มๆ กัน จากนัน้
ครูใหน้ กั เรียนสังเกตและตอบคำถามต่อไปนี้
- โจทย์ปัญหากลา่ วถึงเรื่องอะไร
- โจทย์กำหนดอะไรหรือบอกอะไรบ้าง
- โจทยถ์ ามอะไร
2. ครยู กตัวอยา่ งการหาคำตอบโจทย์ปญั หาการบวกจำนวนท่ีมผี ลบวกไม่เกนิ 100,000 โดยครใู หน้ ักเรียนพิจารณาตาม
ข้ันตอนการแก้ปญั หาและใชว้ ิธกี ารถาม-ตอบใหน้ ักเรียนดู 2-3 ตัวอย่าง
3. นกั เรยี นกลมุ่ เดิม (จากแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1) รว่ มกันศึกษาข้ันตอนการแกโ้ จทยป์ ัญหาการบวกจำนวนที่มผี ลบวก
ไม่เกิน 100,000 จากหนงั สือเรยี น
4. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ ข้ันตอนแรกในการแกโ้ จทย์ปญั หาการบวกจำนวนทีม่ ีผลบวกไม่เกิน 100,000 คือ
อะไร
(ต้องอ่านโจทยป์ ัญหาให้เขา้ ใจ และวิเคราะห์ไดว้ า่ โจทย์กำหนดอะไรให้ และโจทย์ถามเก่ยี วกับอะไร)
คาบท่ี 4
ขั้นอธบิ ายความรู้
นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ พิจารณาความคลา้ ยคลงึ กนั ของขน้ั ตอนการแกโ้ จทย์ปัญหาการบวกจำนวนทีม่ ีผลบวกไม่เกนิ
100,000 จากที่ครยู กตวั อยา่ งใหด้ ู แลว้ เตรยี มสรปุ ขนั้ ตอนการแกโ้ จทยป์ ญั หาการบวก
ขน้ั ขยายความเข้าใจ
1. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสรุปขนั้ ตอนการแก้โจทยป์ ัญหาการบวกจำนวนที่มผี ลบวกไม่เกิน 100,000 ตามท่ีครูยกตัวอย่างให้ดู
และที่ได้จากการศึกษาความรู้
2. ครสู ุ่มตวั แทนกลุ่ม 3-5 กลมุ่ ออกนำเสนอขัน้ ตอนการแก้โจทย์ปญั หาการบวกจำนวนทีม่ ีผลบวกไมเ่ กิน 100,000
หนา้ ชัน้ เรียน
3. ครอู ธิบายเพิ่มเติมในสว่ นท่ียงั มีข้อบกพร่องอยู่ และชมเชยนักเรียนกล่มุ ที่สรุปได้ถูกต้อง ชัดเจน
4. นักเรยี นทกุ คนทำใบงาน เร่อื ง โจทย์ปัญหาการบวกท่ีมผี ลบวกไมเ่ กนิ 100,000 โดยครูตกลงกับนกั เรียนเรื่อง
กำหนดเวลา เสรจ็ แล้วรว่ มกันเฉลยคำตอบของใบงาน
ขัน้ ตรวจสอบผล
1. ครูใหน้ กั เรยี นทุกคนรว่ มกันสรปุ ความรู้เกย่ี วกับโจทย์ปัญหาการบวกทมี่ ผี ลบวกไมเ่ กิน 100,000
2. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจกอ่ นเรียนของนักเรียน
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหนา้ ชั้นเรียน
4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมหนูตอบได้ในสมุด หรือในแบบฝกึ หัด
5. ครตู รวจสอบผลนักเรียนจากการอธบิ ายเกีย่ วกับความหมายของโจทยป์ ัญหาการบวกที่มผี ลบวกไมเ่ กนิ 100,000
6. การวัดและประเมนิ ผล
การวดั และประเมนิ ผล วิธีการวดั ผล เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การ
จดุ ประสงค์ ประเมนิ ผล
70% ขนึ้ ไป ถือวา่
ความรู้ความ 1. สังเกตจากการซกั ถาม ตอบ 1.คำถามกระตนุ้ ผา่ นเกณฑ์การ
เข้าใจ (K) คำถาม ความคิด ประเมนิ
2. เข้าใจการบวก ลบ 70% ข้นึ ไป ถือวา่
ทกั ษะ/ 1. ใบงาน เร่อื ง โจทย์ ผ่านเกณฑ์การ
กระบวนการ (P) อธบิ ายข้ันตอนการแก้โจทย์ปัญหา ปัญหาการบวกท่ีมี ประเมนิ
การบวกทีม่ ผี ลบวกไมเ่ กนิ ผลบวกไม่เกิน
100,000 ได้ 100,000
คุณลักษณะนสิ ัย (A) 1. สังเกตจากการเรยี นมคี วาม 1. แบบสงั เกต 70% ขึน้ ไป ถือวา่
รบั ผิดชอบต่องานทีส่ ง่ั และส่งงาน พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การ
ไดท้ ันตามท่ีกำหนด ประเมนิ
2. สังเกตจากการเรียนใฝ่เรียนรู้
3. สงั เกตจากการมงุ่ ม่ันในการ
ทำงาน
7. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรียน คณิตศาสตร์ ป.3
2) เกมบงิ โกการบวก
3) ใบงาน เรื่อง โจทยป์ ัญหาการบวกทมี่ ีผลบวกไมเ่ กนิ 100,000
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
ห้องเรยี น
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................. ...................
...........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครผู สู้ อน ลงช่ือ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงช่อื ................................................... ผูบ้ ริหาร
( ...........................................................)
สัปดาห์ที่ 6
โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรยี นท่ี ……1…/……........……... ชื่อผสู้ อน ………………………………………………………..
กล่มุ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 จำนวน 2 คาบ
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 การบวกและการลบจำนวนนับไม่เกิน100,000 เร่ือง โจทยป์ ัญหาการลบจำนวนทม่ี ีตวั
ตงั้ ไมเ่ กิน 100,000
1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ค 1.2 เขา้ ใจถึงผลทเ่ี กดิ ข้ึนจากการดำเนินการของจำนวนและความสัมพันธ์ระหว่างการดำเนินการตา่ ง ๆ
และใช้การดำเนินการในการแก้ปัญหา
ตวั ช้ีวัด ป.3/1 บวก ลบ คณู หาร และบวก ลบ คณู หารระคนของจำนวนนบั ไมเ่ กินหนึ่งแสนและศูนย์ พรอ้ มทัง้
ตระหนกั ถึงความสมเหตสุ มผลของคำตอบ
ตัวชวี้ ดั ป.3/2 วเิ คราะห์และแสดงวิธหี าคำตอบของโจทยป์ ญั หาและโจทย์ปัญหาระคนของจำนวนนับไม่เกนิ หนึ่งแสน
และศูนย์ พร้อมทง้ั ตระหนกั ถึงความสมเหตสุ มผลของคำตอบ และสรา้ งโจทยไ์ ด้
มาตรฐาน ค 6.1 มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา การให้เหตผุ ล การส่อื สาร การสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์
และการนำเสนอ การเชื่อมโยงความร้ตู ่าง ๆ ทางคณิตศาสตรแ์ ละเชอ่ื มโยงคณติ ศาสตรก์ ับศาสตรอ์ ่นื ๆ และมคี วามคิดริเริ่ม
สร้างสรรค์
ตัวช้วี ัด ป.1-3/1 ใช้วิธีการท่หี ลากหลายแก้ปญั หา
ตวั ชี้วดั ป.1-3/2 ใช้ความรู้ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรใ์ นการแก้ปญั หาในสถานการณต์ ่างๆ ได้อย่าง
เหมาะสม
ตัวชว้ี ัด ป.1-3/4 ใชภ้ าษาและสญั ลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ในการส่ือสาร การสื่อความหมาย และการนำเสนอได้อย่าง
ถกู ต้อง
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การแก้โจทยป์ ญั หาการลบจำนวนทม่ี ตี ัวตั้งไมเ่ กนิ 100,000 ตอ้ งบอกสง่ิ ทโ่ี จทย์กำหนดให้และส่ิงท่โี จทย์ถาม จากน้นั จงึ
วางแผนแก้ปัญหา แลว้ แสดงวิธีทำเพื่อหาคำตอบ พร้อมท้ังตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.บอกสิง่ ทโ่ี จทย์กำหนดใหแ้ ละสิ่งทโ่ี จทย์ถามจากโจทย์ปัญหาได้
2.เขียนประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงความสัมพนั ธ์จากโจทย์ปัญหาได้
3. แสดงวธิ ีทำและคำนวณหาคำตอบโจทย์ปญั หาได้
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
โจทยป์ ัญหาการลบ
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่ 1
ข้นั นำ
ขั้นกระตนุ้ ความสนใจ
1. ครูยกตวั อย่างการวิเคราะห์โจทย์ แสดงวิธที ำ และหาคำตอบโจทย์ปัญหาการลบจำนวนสองจำนวนทีม่ ตี ัวต้ังไมเ่ กนิ
100,000 ให้นักเรียนดแู ละทำความเข้าใจ
2. ครูแจกบตั รโจทยป์ ัญหาการลบจำนวนสองจำนวนที่มตี ัวต้งั ไม่เกนิ 100,000 ให้นกั เรยี นแต่ละกล่มุ (กล่มุ เดิมจาก
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1) กลมุ่ ละ 1 ข้อ แลว้ ให้นักเรียนร่วมกนั อา่ นโจทย์ ทำความเข้าใจ และพจิ ารณาวา่ โจทย์ กำหนด
อะไรมาใหบ้ ้าง และสิ่งที่โจทยถ์ ามคืออะไร แล้วครใู ห้ตวั แทนแตล่ ะกลมุ่ ออกมาวิเคราะหโ์ จทย์ปญั หาหน้าชั้นเรยี น
ขัน้ สอน
ข้นั สำรวจคน้ หา
1. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ วางแผนแกโ้ จทย์ปัญหาการลบจำนวน สองจำนวนทม่ี ตี ัวตั้งไมเ่ กนิ 100,000 โดยดูตวั อย่างจาก
หนังสือเรยี น และครยู กตัวอย่างการวางแผนแก้โจทย์ พร้อมทัง้ อธิบายเพิม่ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจวา่ การวางแผนแกโ้ จทย์
ปญั หานั้น นกั เรยี นจะต้องอ่านโจทย์ปญั หาให้เขา้ ใจ และหาจุดท่สี ังเกตได้ว่า ข้อความใดในโจทย์ทส่ี ามารถนำมาใช้
แกป้ ัญหา
2. นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ การแสดงวิธที ำและหาคำตอบของโจทยป์ ัญหาการลบมีหลักการอย่างไร
(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของครผู ูส้ อน)
คาบที่ 2
ข้ันอธิบายความรู้
1. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มลงมือเขียนประโยคสญั ลักษณ์ แสดงวธิ ที ำ และหาคำตอบตามขน้ั ตอนท่วี างแผนไว้
2. ครูจบั สลากเลือกตวั แทนนกั เรียนแต่ละกลุ่มแสดงวธิ ที ำและหาคำตอบบนกระดาน โดยครูคอยให้คำแนะนำ
ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ
1. ครแู ละนักเรียนทกุ กลุ่มร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบ โดยการพิจารณาจากความสมเหตุสมผลของคำตอบ
2. ครใู หน้ กั เรยี นทุกคนทำใบงาน เร่อื ง โจทย์ปัญหาการลบจำนวนที่มตี ัวต้ังไมเ่ กนิ 100,000 เสร็จแลว้ นำส่ง ครูตรวจ
ขน้ั ตรวจสอบผล
1. ครูให้นกั เรียนทกุ คนร่วมกนั สรปุ ความรู้เกี่ยวกบั โจทยป์ ัญหาการลบจำนวนทม่ี ตี ัวต้งั ไมเ่ กนิ 100,000
2. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรียนของนักเรยี น
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหนา้ ชนั้ เรียน
4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมหนูตอบได้ในสมดุ หรือในแบบฝกึ หดั
5. ครตู รวจสอบผลนักเรยี นจากการอธบิ ายเกยี่ วกับความหมายโจทย์ปัญหาการลบจำนวนที่มตี ัวต้ังไม่เกนิ 100,000
6. การวดั และประเมินผล
การวัดและประเมินผล วิธกี ารวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ ประเมนิ ผล
1.คำถามกระตุน้ 70% ข้ึนไป ถือว่า
ความรคู้ วาม 1. สงั เกตจากการซักถาม ตอบ ความคดิ ผา่ นเกณฑ์การ
เขา้ ใจ (K) คำถาม ประเมิน
ทักษะ/ 2. เขา้ ใจการบวก ลบ 1. ใบงาน เร่อื ง โจทย์ 70% ขึน้ ไป ถอื วา่
กระบวนการ (P) ปัญหาการลบจำนวนท่ี ผา่ นเกณฑ์การ
1.บอกสงิ่ ที่โจทย์กำหนดให้และสิ่ง มตี วั ต้งั ไม่เกิน ประเมิน
คุณลักษณะนสิ ัย (A) ทโี่ จทยถ์ ามจากโจทยป์ ญั หาได้ 100,000
2.เขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์แสดง 70% ข้นึ ไป ถอื วา่
ความสมั พันธจ์ ากโจทย์ปัญหาได้ 1. แบบสงั เกต ผ่านเกณฑ์การ
3. แสดงวิธที ำและคำนวณหา พฤติกรรม ประเมิน
คำตอบโจทยป์ ัญหาได้
1. สังเกตจากการเรยี นมคี วาม
รับผดิ ชอบตอ่ งานท่ีสง่ั และสง่ งาน
ได้ทนั ตามทก่ี ำหนด
2. สังเกตจากการเรียนใฝ่เรยี นรู้
3. สงั เกตจากการม่งุ มัน่ ในการ
ทำงาน
7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน คณิตศาสตร์ ป.3
2) บัตรโจทย์ปัญหา
3) ใบงาน เร่อื ง โจทยป์ ัญหาการลบจำนวนทีม่ ีตวั ต้ังไม่เกนิ 100,000
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
ห้องเรียน
8. กิจกรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................ .........................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
ลงช่ือ............................................ครผู ูส้ อน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผ้บู ริหาร
( ...........................................................)
สปั ดาหท์ ี่ 6
โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรียนที่ ……1…/……..........…... ชอ่ื ผ้สู อน ………………………………………………………..
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 คาบ
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เวลา เรอื่ ง สว่ นประกอบของนาฬกิ า
1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ค 2.1 บอกเวลาเปน็ นาฬกิ าและนาที การเขยี นเวลาโดยใช้จุดและการอ่านเวลา
ตวั ชีว้ ัด ป.3/4 บอกเวลาบนหน้าปดั นาฬิกา (ชว่ ง 5 นาท)ี อา่ นและเขียนบอกเวลาโดยใชจ้ ุด
ตัวช้วี ดั ป.3/5 บอกความสัมพนั ธ์ของหน่วยการวัดความยาว น้ำหนัก และเวลา
มาตรฐาน ค 2.2 แก้ปัญหาเกย่ี วกบั การวดั
ตัวชี้วัด ป.3/1 แกป้ ัญหาเก่ยี วกบั การวดั ความยาว การชั่ง การตวง เงิน และเวลา
ตัวชวี้ ัด ป.3/3 อ่านและเขยี นบนั ทึกกิจกรรมหรือเหตกุ ารณท์ ่รี ะบุเวลา
มาตรฐาน ค 6.1 มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อสาร การสือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และ
การนำเสนอ การเชือ่ มโยงความรู้ตา่ ง ๆ ทางคณิตศาสตรแ์ ละเชอ่ื มโยงคณติ ศาสตร์กบั ศาสตรอ์ นื่ ๆ และมีความคิดริเริ่ม
สรา้ งสรรค์
ตัวชี้วัด ป.1-3/1 ใชว้ ิธีการที่หลากหลายแกป้ ัญหา
ป.1-3/3 ใหเ้ หตุผลประกอบการตดั สนิ ใจและสรปุ ผลได้อยา่ งเหมาะสม
ป.1-3/4ใชภ้ าษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร การส่ือความหมาย และการนำเสนอได้อย่างถกู ต้อง
ป.1-3/5 เชอื่ มโยงความรู้ต่างๆ ในคณติ ศาสตรแ์ ละเช่อื มโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ื่นๆ
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
นาฬกิ า เป็นเคร่อื งมือใชบ้ อกเวลา ซงึ่ นาฬกิ าโดยทว่ั ไปจะมีเข็มสนั้ เข็มยาว และตวั เลข 1 ถงึ 12 เปน็ ส่วนประกอบ
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.บอกส่วนประกอบของนาฬกิ าได้
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ
สาระการเรียนร้แู กนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
บอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาที (ช่วง 5 นาท)ี
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่ 3
ข้ันนำ
ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ
1. นกั เรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ
2. ครูให้นกั เรียนตอบคำถามตามประเด็นต่อไปน้ี
- การบอกเวลามหี น่วยเปน็ อะไร
- สว่ นประกอบของนาฬิกามีอะไรบ้าง
ข้ันสอน
ขั้นสำรวจค้นหา
1. นกั เรยี นตอบคำถามกระต้นุ ความคดิ
2. ครูแบง่ นกั เรียนเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ (เก่ง ปานกลางคอ่ นข้างเก่ง ปานกลางค่อนข้าง
ออ่ น และอ่อน) จากน้ันแจกบัตรภาพนาฬิกาใหน้ ักเรียนกลุ่มละ 1 ใบ ใหน้ ักเรียนช่วยกันสำรวจวา่ บนหน้าปดั นาฬกิ ามี
สว่ นประกอบใดบ้าง แลว้ จดบันทกึ ลงในกระดาษหรือโยงเส้นเพ่อื ชีบ้ อกส่วนประกอบต่างๆ
3. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาความรเู้ รอื่ ง สว่ นประกอบของนาฬกิ า จากหนังสอื เรยี น นาฬิกาเป็นอปุ กรณท์ ่มี ี
ความสำคญั ต่อมนุษย์อยา่ งไร
(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยูใ่ นดลุ ยพินจิ ของครูผสู้ อน)
ขั้นอธิบายความรู้
1. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกมาอธิบายเก่ียวกบั สว่ นประกอบของนาฬกิ าตามที่สำรวจได้หน้าชั้นเรียน
2. ครตู รวจสอบความถูกต้องของแตล่ ะกลุม่ พร้อมทั้งอธบิ ายเพิ่มเตมิ ในส่วนท่ยี ังมีข้อบกพรอ่ งอยู่
3. ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมวา่ นาฬกิ าเปน็ เครื่องมอื ทใี่ ชบ้ อกเวลาซึ่งนาฬิกาแต่ละเรือนจะมีสว่ นประกอบท่ีแตกตา่ งกนั เช่น
บางเรอื นไมม่ ตี วั เลข บางเรอื นบอกเวลาเป็นระบบดจิ ทิ ลั แต่ใช้บอกเวลาไดเ้ หมือนกนั
ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ
1. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด
2. นักเรยี นทกุ คนทำใบงาน เรื่อง สว่ นประกอบของนาฬิกา เสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้ ให้จบั คู่กับเพ่ือนในกล่มุ ผลดั กนั อธิบาย
คำตอบของใบงาน
3. สมาชกิ 2 คูใ่ นกลุ่มเดียวกันผลดั กันอธบิ ายคำตอบของตน ใหเ้ พอ่ื นฟัง แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มสรปุ คำตอบเปน็ มตขิ อง
กลุม่
4. ครสู ่มุ ตัวแทนกลุ่ม 3-5 กลมุ่ นำเสนอคำตอบของใบงาน
5. ครูตรวจสอบความถูกต้องและชมเชยกล่มุ ทน่ี ำเสนอได้ถกู ต้องและแนะนำกลุ่มท่ยี ังมขี ้อบกพร่องอยู่
ข้ันตรวจสอบผล
1. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุน้ ความคดิ
2. นกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้เก่ียวกับส่วนประกอบของนาฬิกา
3. ครตู รวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรยี นจากการสรุป และจากการทำใบงาน
6. การวดั และประเมนิ ผล
การวดั และประเมินผล วิธีการวดั ผล เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ ประเมินผล
70% ขน้ึ ไป ถือว่า
ความรคู้ วาม 1. สังเกตจากการซักถาม ตอบ 1.คำถามกระตุ้น ผ่านเกณฑ์การ
เขา้ ใจ (K) คำถาม ความคดิ ประเมิน
2. เขา้ ใจการบวก ลบ 70% ขนึ้ ไป ถอื ว่า
ทกั ษะ/ บอกส่วนประกอบของนาฬิกาได้ 1. ใบงาน เรือ่ ง ผ่านเกณฑ์การ
กระบวนการ (P) ส่วนประกอบของ ประเมิน
นาฬกิ า
คณุ ลักษณะนิสยั (A) 1. สังเกตจากการเรยี นมีความ 1. แบบสังเกต 70% ขนึ้ ไป ถือวา่
รับผิดชอบตอ่ งานทส่ี ่ังและสง่ งาน พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การ
ได้ทนั ตามที่กำหนด ประเมิน
2. สงั เกตจากการเรียนใฝ่เรียนรู้
3. สังเกตจากการมุ่งม่นั ในการ
ทำงาน
7. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้
7.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียน คณิตศาสตร์ ป.3
2) บตั รภาพ
3) ใบงาน เร่ือง ส่วนประกอบของนาฬกิ า
7.2 แหล่งการเรียนรู้
หอ้ งเรยี น
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครผู สู้ อน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ ริหาร
( ...........................................................)
สปั ดาหท์ ี่ 6
โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรยี นที่ ……1…/……........…... ชือ่ ผู้สอน ………………………………………………………..
กลุม่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 จำนวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เวลา เร่ือง การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วดั
มาตรฐาน ค 2.1 บอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาที การเขยี นเวลาโดยใชจ้ ดุ และการอ่านเวลา
ตัวชี้วัด ป.3/4 บอกเวลาบนหนา้ ปดั นาฬิกา (ชว่ ง 5 นาที) อา่ นและเขียนบอกเวลาโดยใช้จุด
ตัวชีว้ ดั ป.3/5 บอกความสัมพนั ธ์ของหนว่ ยการวัดความยาว นำ้ หนกั และเวลา
มาตรฐาน ค 2.2 แกป้ ัญหาเกีย่ วกับการวดั
ตวั ช้ีวดั ป.3/1 แก้ปญั หาเกย่ี วกับการวดั ความยาว การช่งั การตวง เงิน และเวลา
ตวั ชี้วัด ป.3/3 อา่ นและเขยี นบนั ทึกกจิ กรรมหรือเหตุการณ์ที่ระบเุ วลา
มาตรฐาน ค 6.1 มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา การใหเ้ หตผุ ล การส่อื สาร การส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์ และ
การนำเสนอ การเชอ่ื มโยงความรตู้ ่าง ๆ ทางคณติ ศาสตรแ์ ละเชือ่ มโยงคณิตศาสตร์กับศาสตรอ์ ืน่ ๆ และมีความคิดริเร่ิม
สรา้ งสรรค์
ตัวชีว้ ัด ป.1-3/1 ใช้วธิ กี ารท่หี ลากหลายแก้ปัญหา
ป.1-3/3 ใหเ้ หตุผลประกอบการตัดสินใจและสรปุ ผลไดอ้ ย่างเหมาะสม
ป.1-3/4ใช้ภาษาและสญั ลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ในการส่ือสาร การสอ่ื ความหมาย และการนำเสนอได้อยา่ งถกู ต้อง
ป.1-3/5 เช่ือมโยงความรู้ตา่ งๆ ในคณติ ศาสตร์และเชอื่ มโยงคณิตศาสตรก์ ับศาสตร์อ่ืนๆ
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
นาฬกิ า เปน็ เครื่องมือใชบ้ อกเวลา ซง่ึ นาฬกิ าโดยท่ัวไปจะมีเข็มสั้น เข็มยาวบอกเวลาเปน็ นาที
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อ่านเวลาเปน็ ชวั่ โมงและนาทีบนหน้าปดั นาฬิกาที่กำหนดใหไ้ ด้
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
บอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาที (ชว่ ง 5 นาท)ี
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 4
ขั้นนำ
ข้ันกระตุ้นความสนใจ
1. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด
2. ครใู ห้นกั เรียนรอ้ งเพลงนาฬิกา โดยครรู ้องนำแล้วใหน้ ักเรียนร้องตามพร้อมๆ กนั
3. ครสู ่มุ นกั เรยี นบอกถงึ สว่ นประกอบของนาฬกิ าว่ามีอะไรบา้ ง และใชบ้ อกเวลาอย่างไร
4. ครูอธิบายเช่อื มโยงถึงความสัมพนั ธข์ องการบอกเวลาของ เขม็ สนั้ กบั เข็มยาวคำถามกระตุ้นความคิดเข็มสน้ั กับเข็ม
ยาวบอกเวลาต่างกันอยา่ งไร
(เขม็ สนั้ บอกเวลาเป็นชัว่ โมง สว่ นเขม็ ยาวบอกเวลาเป็นนาท)ี
ขั้นสอน
ขน้ั สำรวจคน้ หา
1. นกั เรยี นกลมุ่ เดิม (จากแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1) ร่วมกันศกึ ษาความรูเ้ รื่อง ทบทวนการบอกเวลา : การอ่าน
เวลาเป็นชว่ั โมงและนาที จากหนงั สือเรยี น
2. สมาชกิ แตล่ ะคนในกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายแลกเปล่ียนความร้คู วามเข้าใจกัน
3. ครอู ธิบายเกี่ยวกับการเดนิ ของเขม็ ยาว พร้อมทั้งใชน้ าฬิกาจำลองประกอบการอธบิ ายวา่ เขม็ ยาวเดินไป 1 ชอ่ ง
ใหญ่ ใช้เวลา 5 นาที เดินไป 2 ชอ่ งใหญ่ ใช้เวลา 10 นาที จนเดนิ ไป 12 ช่องใหญ่ ใชเ้ วลา 60 นาที
4. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรียนเขา้ ใจว่า เม่อื เข็มยาวเดนิ ไป 12 ช่องใหญ่ เขม็ สน้ั จะเดนิ ไป 1 ช่องใหญ่ ซ่ึงใชเ้ วลาเท่ากัน
5. ครูยกตวั อย่างการเดนิ ของเข็มยาวเพิ่มเตมิ อกี 3-5 ตัวอย่าง แลว้ ให้นกั เรียนตอบวา่ เปน็ เวลาเทา่ ไรจนนกั เรยี น
เข้าใจ
ข้ันอธบิ ายความรู้
1. ครูขอตวั แทนนักเรยี น 2-3 คน บอกเวลาเป็นช่วั โมงและนาทจี ากนาฬิกาจำลองท่ีครูกำหนดวา่ เขม็ สัน้ หรือเข็ม
ยาวเดนิ ไปกชี่ อ่ ง บอกเวลาเปน็ เทา่ ไร
2. นกั เรียนทกุ คนทำใบงานเรื่อง การอ่านเวลาเป็นชัว่ โมงและนาที
3. ครูเลือกตัวแทนนักเรยี น 2-3 คน เฉลยคำตอบในใบงานหน้าชนั้ เรียน ครูชมเชยนักเรยี นที่ทำได้ถูกต้อง และ
แนะนำนกั เรียนทยี่ งั มีข้อบกพร่องอยู่
ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ
1. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ
2. นกั เรียนทำกจิ กรรมฝกึ ฝนทักษะเร่อื ง ทบทวนการบอกเวลา : การอา่ นเวลาเปน็ ช่ัวโมงและนาที ขอ้ 2 จาก
หนงั สอื เรียน เป็นการบา้ น แล้วนำมาสง่ ครใู นวนั ถัดไป
3. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ เขม็ สนั้ กบั เข็มยาวมีการเดนิ ของเข็มสัมพันธก์ ันอย่างไร
(เข็มสนั้ จะค่อยๆ เดนิ เมื่อเข็มยาวเดนิ ไปได้ 12 ช่องใหญ่ เข็มส้ันจะเดนิ ไป 1 ชอ่ งใหญ่พอดี )
ขน้ั ตรวจสอบผล
1. ครใู ห้นักเรียนทุกคนรว่ มกนั สรุปความรเู้ กย่ี วกับการอ่านเวลาเป็นช่วั โมงและนาที
2. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรียนของนักเรยี น
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ชน้ั เรยี น
4. ครตู รวจสอบผลการทำกิจกรรมหนูตอบได้ในสมดุ หรือในแบบฝึกหัด
5. ครูตรวจสอบผลนักเรยี นจากการอธบิ ายเกี่ยวกับความหมายของการอ่านเวลาเปน็ ชว่ั โมงและนาที
6. การวดั และประเมินผล
การวัดและประเมนิ ผล วิธีการวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การ
จดุ ประสงค์ ประเมินผล
70% ข้ึนไป ถือว่า
ความรคู้ วาม 1. สงั เกตจากการซักถาม ตอบ 1.คำถามกระตนุ้ ผา่ นเกณฑ์การ
เข้าใจ (K) คำถาม ความคดิ ประเมนิ
2. เขา้ ใจการบวก ลบ 70% ขึ้นไป ถอื วา่
ทกั ษะ/ 1. ใบงานเรื่อง การ ผา่ นเกณฑ์การ
กระบวนการ (P) อา่ นเวลาเปน็ ชั่วโมงและนาทีบน อา่ นเวลาเปน็ ชว่ั โมง ประเมนิ
หน้าปดั นาฬิกาที่กำหนดให้ได้ และนาที
70% ข้ึนไป ถอื ว่า
คณุ ลักษณะนิสยั (A) 1. สังเกตจากการเรียนมคี วาม 1. แบบสังเกต ผ่านเกณฑ์การ
รับผิดชอบตอ่ งานทีส่ ั่งและสง่ งาน พฤติกรรม ประเมิน
ได้ทันตามทกี่ ำหนด
2. สังเกตจากการเรียนใฝ่เรยี นรู้
3. สังเกตจากการมงุ่ ม่นั ในการ
ทำงาน
7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน คณิตศาสตร์ ป.3
2) เพลงนาฬิกา
3) นาฬิกาจำลอง
4) ใบงานเรอ่ื ง การอ่านเวลาเป็นช่ัวโมงและนาที
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
หอ้ งเรียน
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชือ่ ................................................... ผู้บรหิ าร
( ...........................................................)
สัปดาห์ที่ 7
โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรยี นที่ ……1…/…….........…... ช่ือผสู้ อน ………………………………………………………..
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 จำนวน 1 คาบ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เวลา เรอ่ื ง การบอกเวลาเปน็ นาฬกิ าและนาทใี นชว่ งกลางวนั
1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวดั
มาตรฐาน ค 2.1 บอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที การเขยี นเวลาโดยใช้จุดและการอ่านเวลา
ตวั ช้วี ดั ป.3/4 บอกเวลาบนหนา้ ปดั นาฬิกา (ชว่ ง 5 นาที) อ่านและเขยี นบอกเวลาโดยใชจ้ ดุ
ตัวชี้วดั ป.3/5 บอกความสมั พันธ์ของหน่วยการวัดความยาว น้ำหนกั และเวลา
มาตรฐาน ค 2.2 แกป้ ัญหาเก่ยี วกับการวัด
ตวั ชี้วัด ป.3/1 แกป้ ญั หาเกี่ยวกับการวัดความยาว การชงั่ การตวง เงนิ และเวลา
ตวั ชวี้ ัด ป.3/3 อา่ นและเขียนบันทึกกิจกรรมหรอื เหตกุ ารณท์ ่ีระบุเวลา
มาตรฐาน ค 6.1 มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา การใหเ้ หตผุ ล การสอ่ื สาร การส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ และ
การนำเสนอ การเชอ่ื มโยงความรู้ตา่ ง ๆ ทางคณิตศาสตรแ์ ละเช่ือมโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตร์อืน่ ๆ และมีความคดิ ริเร่ิม
สรา้ งสรรค์
ตวั ชวี้ ดั ป.1-3/1 ใชว้ ิธกี ารท่หี ลากหลายแก้ปัญหา
ป.1-3/3 ให้เหตผุ ลประกอบการตดั สินใจและสรุปผลไดอ้ ย่างเหมาะสม
ป.1-3/4ใช้ภาษาและสัญลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ในการส่ือสาร การสื่อความหมาย และการนำเสนอได้อย่างถกู ต้อง
ป.1-3/5 เชอ่ื มโยงความรู้ต่างๆ ในคณิตศาสตร์และเชอ่ื มโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ื่นๆ
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การบอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาทใี นชว่ งกลางวนั ก่อนเท่ียงวันให้อา่ นตามตัวเลขใชห้ น่วยเป็นนาฬกิ า แต่หลงั เท่ยี งวันให้
นับต่อจากสิบสองนาฬิกา
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
บอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาทีในชว่ งเวลากลางวนั ได้
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
บอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที (ช่วง 5 นาท)ี
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี 1
ขั้นนำ
ขน้ั กระตุน้ ความสนใจ
1. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด
2. นกั เรียนกลุม่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1) ร่วมกนั ศึกษาความรเู้ รื่อง การบอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาที :
การอ่านเวลาในชว่ งกลางวัน จากหนังสือเรียน
3. สมาชิกภายในกลุ่มรว่ มกนั อภปิ รายแลกเปล่ยี นความรู้ ความเขา้ ใจกัน แล้วสรปุ ความรู้ทไี่ ด้
4. ครนู ำอภิปรายเก่ียวกบั การบอกเวลาในช่วงบา่ ยว่ามวี ธิ อี ่านอยา่ งไร จนไดว้ า่ ให้นับตอ่ จาก 12 นาฬิกา เป็น 13
นาฬิกา 14 นาฬิกา จนถงึ 18 นาฬกิ า
5. ครตู ดิ บัตรภาพนาฬิกาแสดงเวลาตา่ งๆ กนั บนกระดานทีละใบ แลว้ ให้นกั เรียนบอกวา่ เป็นเวลาเทา่ ไร
ข้นั สอน
ขั้นสำรวจคน้ หา
1. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันอภิปรายว่า การอ่านเวลาในช่วงกอ่ นเท่ียงวนั กบั หลังเทย่ี งวันตา่ งกันอยา่ งไร
แล้วบนั ทึกผล
2. ครูขอตวั แทนกลุ่ม กลุ่มละ 1 คน นำเสนอผลที่ไดจ้ ากการอภิปรายกลุ่มหน้าชัน้ เรยี น โดยมีครูคอยตรวจสอบความ
ถกู ต้อง
ขั้นอธบิ ายความรู้
1. นักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด
2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มเปรียบเทียบขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการศกึ ษา สังเกต และอภปิ รายกล่มุ ว่า การอ่านเวลาในชว่ งกลางวัน
ในช่วงกอ่ นเที่ยงวันกบั หลังเที่ยงวนั มีสงิ่ ใดท่ีเหมือนกนั บ้าง
3. ครูถามคำถามกระต้นุ ความคดิ 15 นาฬกิ า กับ บา่ ย 3 โมง มีความสมั พันธ์กนั อย่างไร
(เป็นเวลาเดียวกนั )
ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ
1. นักเรียนแต่ละกล่มุ ร่วมกันอภิปรายข้อมลู ทีไ่ ด้จากการทำกจิ กรรมท่ีผ่านมาเพื่อสรปุ ความรู้เก่ียวกบั การอ่านเวลาเป็น
นาฬกิ าและนาทีในชว่ งกลางวัน
2. นักเรียนแต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนนำเสนอผลทส่ี รปุ ได้ โดยครคู อยตรวจสอบความถูกต้อง
ขั้นตรวจสอบผล
1. ครูให้นกั เรยี นทกุ คนร่วมกันสรุปความร้เู กย่ี วกบั การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาทีในชว่ งกลางวนั
2. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจก่อนเรยี นของนักเรียน
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าช้นั เรยี น
4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมหนตู อบไดใ้ นสมดุ หรือในแบบฝึกหดั
5. ครตู รวจสอบผลนกั เรยี นจากการอธิบายเก่ยี วกับความหมายของการบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาทใี นช่วงกลางวัน
6. การวัดและประเมนิ ผล
การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การ
จดุ ประสงค์ ประเมินผล
70% ขึ้นไป ถอื วา่
ความรู้ความ 1. สงั เกตจากการซักถาม ตอบ 1.คำถามกระตนุ้ ผ่านเกณฑ์การ
เขา้ ใจ (K) คำถาม ความคิด ประเมนิ
2. เข้าใจการบวก ลบ 70% ขนึ้ ไป ถอื ว่า
ทกั ษะ/ บอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาทีใน 1. ใบงาน เรอ่ื ง การ ผ่านเกณฑ์การ
กระบวนการ (P) ชว่ งเวลากลางวนั ได้ บอกเวลาเป็นนาฬิกา ประเมิน
และนาทีในช่วง
คุณลกั ษณะนิสยั (A) 1. สังเกตจากการเรียนมคี วาม กลางวัน 70% ข้ึนไป ถือวา่
รบั ผิดชอบต่องานทสี่ งั่ และสง่ งาน ผ่านเกณฑ์การ
ได้ทันตามท่ีกำหนด 1. แบบสงั เกต ประเมิน
2. สงั เกตจากการเรยี นใฝ่เรยี นรู้ พฤติกรรม
3. สงั เกตจากการม่งุ มน่ั ในการ
ทำงาน
7. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียน คณิตศาสตร์ ป.3
2) แบบฝึกหัด คณิตศาสตร์ ป.3
3) บัตรภาพ
4) ใบงาน เรอ่ื ง การบอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาทีในชว่ งกลางวัน
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
ห้องเรียน
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครูผ้สู อน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ รหิ าร
( ...........................................................)
สปั ดาห์ท่ี 7
โรงเรียนขจรเกยี รติพฒั นา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรียนท่ี ……1…/……........…... ช่อื ผสู้ อน ………………………………………………………..
กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3 จำนวน 1 คาบ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เวลา เร่อื ง การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาทใี นชว่ ง
กล1า. งมคานืตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ค 2.1 บอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาที การเขียนเวลาโดยใช้จุดและการอ่านเวลา
ตวั ชี้วดั ป.3/4 บอกเวลาบนหนา้ ปัดนาฬิกา (ช่วง 5 นาที) อ่านและเขยี นบอกเวลาโดยใชจ้ ดุ
ตัวชว้ี ัด ป.3/5 บอกความสัมพนั ธข์ องหนว่ ยการวัดความยาว นำ้ หนัก และเวลา
มาตรฐาน ค 2.2 แก้ปัญหาเกีย่ วกบั การวดั
ตวั ช้ีวัด ป.3/1 แกป้ ญั หาเกีย่ วกับการวัดความยาว การชั่ง การตวง เงนิ และเวลา
ตวั ชว้ี ัด ป.3/3 อา่ นและเขยี นบนั ทึกกจิ กรรมหรือเหตุการณ์ทร่ี ะบุเวลา
มาตรฐาน ค 6.1 มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา การใหเ้ หตุผล การสื่อสาร การสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และ
การนำเสนอ การเช่อื มโยงความร้ตู า่ ง ๆ ทางคณติ ศาสตรแ์ ละเชื่อมโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อ่นื ๆ และมีความคิดรเิ ริ่ม
สร้างสรรค์
ตัวชี้วดั ป.1-3/1 ใชว้ ิธีการท่หี ลากหลายแกป้ ัญหา
ป.1-3/3 ใหเ้ หตุผลประกอบการตดั สนิ ใจและสรปุ ผลไดอ้ ย่างเหมาะสม
ป.1-3/4ใช้ภาษาและสัญลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ในการสื่อสาร การส่อื ความหมาย และการนำเสนอได้อยา่ งถกู ต้อง
ป.1-3/5 เชอื่ มโยงความรู้ต่างๆ ในคณิตศาสตรแ์ ละเช่ือมโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ่ืนๆ
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การบอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาทใี นช่วงกลางคนื ก่อนเทย่ี งคนื ให้อ่านมีหนว่ ยเปน็ นาฬิกา โดยนบั ต่อจากสิบแปดนาฬิกา
สว่ นหลังเท่ียงคนื ใหเ้ ริ่มนบั เป็นหน่งึ นาฬกิ า
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
บอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาทีในชว่ งเวลากลางคนื ได้
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถ่ิน
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
บอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาที (ชว่ ง 5 นาท)ี
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี 2
ขัน้ นำ
ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ
1. นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด
2. ครตู ิดบตั รภาพนาฬิกาแสดงเวลาเปน็ นาฬิกาและนาทบี นกระดาน แล้วใหน้ ักเรยี นช่วยกนั บอกเวลาในชว่ งกลางวัน
ตามท่ีไดเ้ รยี นผา่ นมาแลว้
3. ครูถามคำถามกระต้นุ ความคิดนกั เรยี นรู้ได้อย่างไรวา่ ช่วงเวลาใดเป็นเวลากลางคนื หรือกลางวนั
(พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดลุ ยพินิจของครูผู้สอน)
ขนั้ สอน
ข้นั สำรวจคน้ หา
1. ครูมอบหมายให้นักเรยี นกลุ่มเดมิ (จากแผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1) ร่วมกนั ศึกษาความรเู้ รื่อง การบอกเวลาเปน็ นาฬกิ า
และนาที : การอ่านเวลาในช่วงกลางคืน จากหนังสอื เรยี น
2. สมาชกิ ภายในกลุม่ ผลัดกนั อภิปรายความรู้ทไี่ ด้ศึกษามาจนเข้าใจ
3. ครจู ับสลากตวั แทนนักเรยี น กลุ่มละ 1 คน อธบิ ายเกีย่ วกับการอา่ นเวลาในช่วงกลางคืน พรอ้ มท้งั ให้นักเรยี นยกตัวอยา่ ง
ประกอบหน้าช้ันเรยี น ครูตรวจสอบความถูกต้อง และอธิบายเพ่มิ เติม
4. ครูยกตัวอย่างการอ่านเวลาในช่วงกลางคนื 3-5 ตัวอย่าง จนนกั เรยี นมีความเข้าใจ
ขน้ั อธบิ ายความรู้
นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั พจิ ารณาเปรียบเทยี บการอ่าน เวลาตา่ งๆ ในช่วงกลางคนื ตามทไี่ ด้ศึกษามาเพ่ือเตรยี มสรปุ
ขนั้ ขยายความเขา้ ใจ
นักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้เกีย่ วกับการอ่านเวลาในชว่ งกลางคนื จนได้ว่า ก่อนเที่ยงคนื ให้อา่ นมหี นว่ ยเป็นนาฬิกา โดย
นับตอ่ จากสบิ แปดนาฬิกา สว่ นหลงั เทีย่ งคืนให้นับเปน็ หนึ่งนาฬิกา
1. นักเรียนตอบคำถามกระตุน้ ความคิด
2. นกั เรยี นทกุ คนทำใบงานที่ 5.4 เรอื่ ง การบอกเวลาเปน็ นาฬกิ าและนาทีในชว่ งกลางคนื เสร็จแล้วรว่ มกันเฉลยคำตอบ
ของใบงาน
ขั้นตรวจสอบผล
1. ครูใหน้ ักเรยี นทกุ คนรว่ มกันสรปุ ความรู้เก่ียวกับการบอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาทีในชว่ งกลางคืน
2. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรียนของนักเรยี น
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าชั้นเรยี น
4. ครตู รวจสอบผลการทำกจิ กรรมหนูตอบได้ในสมดุ หรือในแบบฝกึ หัด
5. ครตู รวจสอบผลนักเรยี นจากการอธิบายเกี่ยวกบั ความหมายของการบอกเวลาเปน็ นาฬกิ าและนาทีในชว่ งกลางคืน
6. การวดั และประเมินผล
การวดั และประเมินผล วธิ กี ารวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑก์ าร
จดุ ประสงค์ ประเมินผล
1.คำถามกระตนุ้ 70% ขนึ้ ไป ถือวา่
ความรู้ความ 1. สังเกตจากการซักถาม ตอบ ความคิด ผ่านเกณฑ์การ
เข้าใจ (K) คำถาม ประเมนิ
2. เขา้ ใจการบวก ลบ 1. ใบงาน เรือ่ ง การ 70% ขึ้นไป ถอื วา่
ทักษะ/ บอกเวลาเป็นนาฬกิ า ผ่านเกณฑ์การ
กระบวนการ (P) บอกเวลาเปน็ นาฬกิ าและนาทีใน และนาทีในชว่ ง ประเมิน
ช่วงเวลากลางคืนได้ กลางคนื
คุณลกั ษณะนิสัย (A) 1. สงั เกตจากการเรยี นมีความ 1. แบบสังเกต 70% ขึ้นไป ถือวา่
รับผิดชอบตอ่ งานท่ีสง่ั และสง่ งาน พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การ
ได้ทันตามที่กำหนด ประเมนิ
2. สังเกตจากการเรยี นใฝเ่ รียนรู้
3. สังเกตจากการมงุ่ ม่ันในการ
ทำงาน
7. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
7.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรียน คณติ ศาสตร์ ป.3
2) บตั รภาพ
3) ใบงาน เรือ่ ง การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาทีในช่วงกลางคืน
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
ห้องเรยี น
8. กิจกรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................. ...................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครผู ูส้ อน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอื่ ................................................... ผ้บู ริหาร
( ...........................................................)
สปั ดาหท์ ี่ 7
โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจัดการเรียนรู้
ภาคเรยี นที่ ……1…/……..........…... ช่อื ผสู้ อน ………………………………………………………..
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 จำนวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เวลา เรอื่ ง การเขยี นบอกเวลาทีม่ มี หพั ภาค (.) และการอา่ น
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวัด
มาตรฐาน ค 2.1 บอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาที การเขียนเวลาโดยใชจ้ ุดและการอ่านเวลา
ตัวช้ีวัด ป.3/4 บอกเวลาบนหนา้ ปดั นาฬิกา (ชว่ ง 5 นาท)ี อ่านและเขยี นบอกเวลาโดยใชจ้ ุด
ตัวชวี้ ดั ป.3/5 บอกความสมั พันธ์ของหนว่ ยการวดั ความยาว นำ้ หนกั และเวลา
มาตรฐาน ค 2.2 แก้ปัญหาเกีย่ วกบั การวัด
ตวั ชี้วดั ป.3/1 แกป้ ัญหาเกีย่ วกบั การวดั ความยาว การช่งั การตวง เงนิ และเวลา
ตัวช้ีวดั ป.3/3 อา่ นและเขยี นบนั ทกึ กจิ กรรมหรือเหตุการณ์ท่ีระบุเวลา
มาตรฐาน ค 6.1 มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา การให้เหตุผล การส่ือสาร การสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ และ
การนำเสนอ การเชอื่ มโยงความรตู้ า่ ง ๆ ทางคณติ ศาสตร์และเชื่อมโยงคณติ ศาสตร์กบั ศาสตร์อ่นื ๆ และมีความคดิ รเิ ริ่ม
สรา้ งสรรค์
ตัวชี้วดั ป.1-3/1 ใชว้ ิธีการท่หี ลากหลายแก้ปัญหา
ป.1-3/3 ให้เหตผุ ลประกอบการตัดสินใจและสรุปผลได้อย่างเหมาะสม
ป.1-3/4ใช้ภาษาและสญั ลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร การสอ่ื ความหมาย และการนำเสนอได้อยา่ งถกู ต้อง
ป.1-3/5 เช่อื มโยงความรู้ตา่ งๆ ในคณติ ศาสตร์และเชอื่ มโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ื่นๆ
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การเขียนบอกเวลานยิ มใช้จดุ ค่นั ระหวา่ งช่ัวโมงกับนาที และการอ่านเวลาใหอ้ ่านเป็นช่ัวโมงและนาที
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. เขียนบอกเวลาโดยใชจ้ ุดได้
2. อ่านเวลาเป็นชั่วโมงและนาทีได้
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้ทู ้องถิ่น
สาระการเรียนร้แู กนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
การเขียนบอกเวลาโดยใชจ้ ุดและการอา่ น
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี 3
ขั้นนำ
ขน้ั กระตุ้นความสนใจ
1. ครวู าดภาพนาฬิกาบนกระดาน แลว้ เขยี นบอกเวลาโดยใช้จุด (บอกเวลาทั้งกลางวันและกลางคนื ) พร้อมท้ังอา่ นเวลาให้
นักเรยี นฟงั ครูอธิบายว่า การเขยี นบอกเวลานยิ มใช้จดุ คัน่ ระหว่างเวลาทีบ่ อกเปน็ ชั่วโมงกับนาที ซงึ่ น. เป็นอักษรย่อ
ของคำวา่ นาฬิกา
2. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ (กลมุ่ เดิมจากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1) สงั เกตและอภิปรายถงึ การเขยี นบอกเวลากลางวันและ
กลางคืน และการอา่ นเวลา
3. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ศกึ ษาความรูเ้ รอื่ ง การเขยี นบอกเวลาโดยใช้จุดและการอ่าน จากหนังสือเรยี น
4. นักเรียนตอบคำถามกระต้นุ ความคดิ ทำไมการเขยี นบอกเวลาจงึ ตอ้ งมจี ดุ ค่ันตัวเลข
(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพนิ จิ ของครูผู้สอน)
ขัน้ สอน
ขน้ั สำรวจคน้ หา
1. ครใู ห้แต่ละกลมุ่ รว่ มกนั หาขอ้ แตกตา่ งของการเขยี นบอกเวลาโดยใชจ้ ดุ และการอา่ นเวลาในช่วงกลางวนั และในชว่ ง
กลางคืน แลว้ บันทกึ ผล
2. ครูส่มุ ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลการอภิปรายหนา้ ชัน้ เรยี น โดยมีครคู อยตรวจสอบความถูกต้องและอธบิ ายเพ่ิมเติมในสว่ น
ท่ยี ังมขี ้อบกพร่อง
ขน้ั อธบิ ายความรู้
นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ เปรียบเทียบขอ้ มูลทีไ่ ด้จากการศึกษา สงั เกต และอภิปรายกลุม่ ว่า การเขยี นบอกเวลากลางวันและ
กลางคนื เหมือนกนั อย่างไรและมวี ิธอี ่านอย่างไร
ขน้ั ขยายความเข้าใจ
1. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการจำแนกความแตกตา่ ง และการหาลักษณะร่วม จนสามารถสรปุ
เกยี่ วกบั การเขียนบอกเวลาโดยใช้จุด (ทัง้ กลางวันและกลางคนื ) และการอ่านเวลาได้
3. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปเก่ียวกบั การเขยี นบอกเวลาโดยใชจ้ ุดและการอา่ น
4. ครูใหน้ ักเรียนทุกคนทำใบงานท่ี 5.5 เรอ่ื ง การเขยี นบอกเวลาโดยใชจ้ ดุ และการอ่าน
ขัน้ ตรวจสอบผล
1. ครใู หน้ กั เรียนทกุ คนร่วมกนั สรปุ ความรูเ้ กย่ี วกบั การเขยี นบอกเวลาโดยใชจ้ ดุ และการอ่าน
2. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรยี นของนักเรยี น
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหนา้ ชั้นเรียน
4. ครูตรวจสอบผลการทำกจิ กรรมหนตู อบไดใ้ นสมดุ หรอื ในแบบฝึกหดั
5. ครตู รวจสอบผลนกั เรยี นจากการอธิบายเกี่ยวกบั การเขียนบอกเวลาโดยใชจ้ ดุ และการอา่ น
6. การวัดและประเมนิ ผล
การวดั และประเมินผล
จดุ ประสงค์ วิธีการวดั ผล เครอื่ งมอื วัด เกณฑ์การ
ประเมินผล
ความรู้ความ 1. สงั เกตจากการซกั ถาม ตอบ 1.คำถามกระตนุ้ 70% ขึ้นไป ถอื วา่
เขา้ ใจ (K) คำถาม ความคิด ผา่ นเกณฑ์การ
2. เข้าใจการบวก ลบ ประเมนิ
ทกั ษะ/ 1. เขียนบอกเวลาโดยใชจ้ ุดได้ 1. ใบงาน การเขียน 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่า
กระบวนการ (P) 2. อ่านเวลาเป็นชัว่ โมงและนาทีได้ บอกเวลาโดยใชจ้ ุดและ ผา่ นเกณฑ์การ
การอ่าน ประเมนิ
คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) 1. สงั เกตจากการเรยี นมคี วาม 1. แบบสงั เกต 70% ขึ้นไป ถือวา่
รับผิดชอบตอ่ งานทส่ี ั่งและส่งงาน พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์การ
ได้ทนั ตามท่กี ำหนด ประเมิน
2. สงั เกตจากการเรียนใฝ่เรยี นรู้
3. สังเกตจากการมงุ่ มั่นในการ
ทำงาน
7. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน คณติ ศาสตร์ ป.3
2) ใบงาน เรื่อง การเขยี นบอกเวลาโดยใชจ้ ดุ และการอา่ น
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
หอ้ งเรยี น
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................. ....
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครผู สู้ อน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ ริหาร
( ...........................................................)
สัปดาหท์ ่ี 7
โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรียนที่ ……1…/……..........…... ชอ่ื ผ้สู อน ………………………………………………………..
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 จำนวน 1 คาบ
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 เวลา เร่ือง ความสัมพนั ธ์ของหนว่ ยเวลา
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั
มาตรฐาน ค 2.1 บอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที การเขียนเวลาโดยใชจ้ ุดและการอ่านเวลา
ตวั ช้ีวัด ป.3/4 บอกเวลาบนหน้าปดั นาฬิกา (ชว่ ง 5 นาที) อา่ นและเขยี นบอกเวลาโดยใช้จดุ
ตวั ช้วี ัด ป.3/5 บอกความสมั พนั ธ์ของหนว่ ยการวัดความยาว นำ้ หนัก และเวลา
มาตรฐาน ค 2.2 แก้ปัญหาเกี่ยวกับการวดั
ตัวช้ีวัด ป.3/1 แกป้ ญั หาเก่ยี วกับการวัดความยาว การชง่ั การตวง เงิน และเวลา
ตัวชว้ี ัด ป.3/3 อ่านและเขยี นบันทึกกิจกรรมหรือเหตุการณ์ท่รี ะบเุ วลา
มาตรฐาน ค 6.1 มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา การให้เหตุผล การส่อื สาร การสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และ
การนำเสนอ การเชอ่ื มโยงความรตู้ า่ ง ๆ ทางคณิตศาสตร์และเช่ือมโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อน่ื ๆ และมีความคดิ รเิ ร่ิม
สร้างสรรค์
ตวั ชว้ี ัด ป.1-3/1 ใชว้ ธิ ีการทหี่ ลากหลายแก้ปัญหา
ป.1-3/3 ใหเ้ หตผุ ลประกอบการตัดสินใจและสรุปผลได้อยา่ งเหมาะสม
ป.1-3/4ใชภ้ าษาและสญั ลกั ษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร การสือ่ ความหมาย และการนำเสนอได้อยา่ งถกู ต้อง
ป.1-3/5 เชือ่ มโยงความรู้ต่างๆ ในคณิตศาสตร์และเชื่อมโยงคณติ ศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ่ืนๆ
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
เวลามหี น่วยเป็น ปี เดือน สัปดาห์ วัน ช่ัวโมง นาที และวนิ าที ซ่ึงมคี วามสัมพันธก์ นั
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
บอกความสมั พนั ธข์ องหน่วยเวลาได้
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูท้ ้องถ่ิน
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
ความสมั พนั ธข์ องหน่วยเวลา (นาทกี ับช่ัวโมง ชวั่ โมง
กับวัน วนั กับสัปดาห์ วนั กับเดอื น เดือนกบั ปีวนั กบั ปี)
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบท่ี 4
ขั้นนำ
ขน้ั กระต้นุ ความสนใจ
1. ครนู ำบัตรภาพนาฬิกา (จากแผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3) มาแสดงใหน้ ักเรยี นดูทีละภาพ 3-4 ภาพ แลว้ ใหน้ กั เรยี น
ชว่ ยกันบอกเวลาท้ังกลางวันและกลางคนื
2. นกั เรียนชว่ ยกนั บอกวา่ หน่วยเวลามหี นว่ ยใดบ้าง (ถา้ นักเรยี นบอกไม่ครบ ให้ครูชว่ ยกระตุ้นใหน้ กั เรยี นบอกจนครบ
ทุกหน่วย)
3. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคิดหน่วยเวลาแตล่ ะหน่วยมคี วามสมั พันธก์ นั อย่างไร
(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินจิ ของครผู ้สู อน)
ขัน้ สอน
ขั้นสำรวจคน้ หา
1. นกั เรียนจบั ค่รู ว่ มกนั ศึกษาความร้เู ร่ือง ความสัมพันธ์ของหน่วยเวลา จากหนงั สือเรยี น
2. นกั เรยี นแต่ละค่ผู ลัดกันอธบิ ายความรู้ท่ศี ึกษามาจนเขา้ ใจตรงกัน
3. ครขู อตวั แทนนกั เรียน 2-3 คู่ อธบิ ายเก่ยี วกับความสมั พนั ธ์ของหนว่ ยเวลาหน้าชนั้ เรียน โดยครูและเพื่อนๆ ทเี่ หลือ
ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง และครูอธิบายเพ่ิมเตมิ ในส่วนทข่ี าดหายไปหรอื ยังมขี ้อบกพร่องอยู่
4. ครมู อบหมายให้นกั เรยี นแต่ละคู่เขยี นความสัมพนั ธข์ องหน่วยเวลาลงในกระดาษแขง็ แผ่นใหญ่ พร้อมทัง้ ตกแต่งให้
สวยงาม
ขั้นอธบิ ายความรู้
1. ครูจบั สลากตัวแทน 2-3 คู่ นำเสนอผลงานหน้าชัน้ เรียน โดยครูตรวจสอบความถูกต้องและชมเชยค่ทู ี่นำเสนอได้
ถูกต้องและแนะนำค่ทู ่ยี งั มขี ้อบกพร่องอยู่
2. นกั เรียนตอบคำถามกระตุน้ ความคดิ นกั เรยี นนำความรเู้ รอ่ื งความสัมพันธข์ องหนว่ ยเวลาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งไร
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยให้อยใู่ นดุลยพินจิ ของครผู ู้สอน)
ข้ันขยายความเขา้ ใจ
1. นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ
2. นกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั ความสมั พันธ์ของหน่วยเวลา
ขนั้ ตรวจสอบผล
1. ครใู หน้ กั เรยี นทุกคนรว่ มกันสรปุ ความรู้เก่ยี วกับความสัมพันธข์ องหนว่ ยเวลา
2. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจกอ่ นเรียนของนักเรยี น
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ชัน้ เรียน
4. ครูตรวจสอบผลการทำกจิ กรรมหนูตอบได้ในสมุด หรอื ในแบบฝึกหัด
5. ครูตรวจสอบผลนักเรียนจากการอธบิ ายเกยี่ วกับความหมายของความสมั พันธ์ของหนว่ ยเวลา
6. การวดั และประเมินผล
การวดั และประเมินผล วธิ กี ารวดั ผล เครื่องมอื วัด เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ ประเมินผล
70% ข้นึ ไป ถอื วา่
ความรคู้ วาม 1. สงั เกตจากการซกั ถาม ตอบ 1.คำถามกระตุ้น ผา่ นเกณฑ์การ
เข้าใจ (K) คำถาม ความคดิ ประเมิน
2. เขา้ ใจการบวก ลบ 70% ขนึ้ ไป ถอื วา่
ทกั ษะ/ 1. แบบทดสอบ ผ่านเกณฑ์การ
กระบวนการ (P) บอกความสมั พันธ์ของหนว่ ยเวลา ประเมิน
ได้
70% ขน้ึ ไป ถอื ว่า
คณุ ลกั ษณะนสิ ยั (A) 1. สงั เกตจากการเรยี นมคี วาม 1. แบบสงั เกต ผา่ นเกณฑ์การ
รบั ผดิ ชอบต่องานทีส่ ั่งและสง่ งาน พฤติกรรม ประเมนิ
ไดท้ ันตามทีก่ ำหนด
2. สงั เกตจากการเรยี นใฝเ่ รียนรู้
3. สงั เกตจากการมุ่งมั่นในการ
ทำงาน
7. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรยี น คณิตศาสตร์ ป.3
2) บัตรภาพ
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
หอ้ งเรยี น
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................................
........................................................................................ .........................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
( ...........................................................)
สัปดาห์ที่ 8
โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรียนที่ ……1…/……........…... ช่ือผู้สอน ………………………………………………………..
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 จำนวน 1 คาบ
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 เวลา เรื่อง การเปลี่ยนหน่วยเวลา
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ค 2.1 บอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาที การเขยี นเวลาโดยใช้จดุ และการอ่านเวลา
ตวั ชีว้ ัด ป.3/4 บอกเวลาบนหน้าปดั นาฬิกา (ชว่ ง 5 นาที) อ่านและเขยี นบอกเวลาโดยใช้จดุ
ตัวชวี้ ดั ป.3/5 บอกความสัมพันธข์ องหน่วยการวดั ความยาว น้ำหนัก และเวลา
มาตรฐาน ค 2.2 แก้ปัญหาเกย่ี วกบั การวดั
ตวั ช้ีวดั ป.3/1 แกป้ ญั หาเก่ียวกับการวัดความยาว การช่ัง การตวง เงนิ และเวลา
ตวั ชว้ี ดั ป.3/3 อา่ นและเขยี นบันทึกกิจกรรมหรือเหตุการณท์ ่ีระบเุ วลา
มาตรฐาน ค 6.1 มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา การใหเ้ หตุผล การสือ่ สาร การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และ
การนำเสนอ การเชือ่ มโยงความร้ตู า่ ง ๆ ทางคณติ ศาสตรแ์ ละเช่อื มโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ่นื ๆ และมีความคิดรเิ ร่ิม
สร้างสรรค์
ตวั ชวี้ ัด ป.1-3/1 ใช้วิธีการทหี่ ลากหลายแก้ปัญหา
ป.1-3/3 ใหเ้ หตุผลประกอบการตดั สินใจและสรุปผลได้อยา่ งเหมาะสม
ป.1-3/4ใช้ภาษาและสญั ลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ในการสื่อสาร การสอ่ื ความหมาย และการนำเสนอได้อยา่ งถกู ต้อง
ป.1-3/5 เชอ่ื มโยงความรู้ตา่ งๆ ในคณิตศาสตร์และเชือ่ มโยงคณติ ศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การเปล่ียนหน่วยเวลาจากหน่วยหนึง่ ไปอีกหนว่ ยหนึ่ง ทำได้โดยอาศยั ความสัมพันธ์ของหนว่ ยเวลา
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
เปล่ียนหน่วยเวลาจากหน่วยหนึ่งไปอีกหนว่ ยหนง่ึ ได้
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่
สาระการเรียนรู้แกนกลาง พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
ความสมั พันธข์ องหนว่ ยเวลา (นาทีกับชว่ั โมง ชั่วโมง
กบั วนั วันกับสปั ดาห์ วนั กับเดอื น เดือนกับปวี นั กับปี)
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่ 1
ขน้ั นำ
ขนั้ กระต้นุ ความสนใจ
นักเรยี นชว่ ยกนั บอกความสัมพนั ธ์ของหน่วยเวลาตามมาตราเวลาที่ได้ศึกษาผ่านมาแลว้ จากนนั้ ครขู อตวั แทนนักเรียน
เขียนความสมั พันธด์ งั กล่าวบนกระดาน
ขนั้ สอน
ขั้นสำรวจค้นหา
1. นกั เรียนกลุม่ เดิม (จากแผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1) รว่ มกนั ศึกษาความรเู้ รือ่ ง การเปลี่ยนหนว่ ยเวลา จากหนังสอื เรียน
หรือบทเรียนคอมพิวเตอร์ Smart L.O. LMS Lite
2. สมาชกิ แต่ละคนในกลุ่มผลดั กันอธิบายแลกเปลยี่ นความรู้ความเข้าใจกัน
3. ครูขอตัวแทนนกั เรยี นนำเสนอขัน้ ตอนการเปลี่ยนหน่วยเวลาตามทีไ่ ด้ศกึ ษามา ครูตรวจสอบความถูกต้องและอธิบาย
เพ่ิมเติม
4. ครยู กตวั อย่างการเปลยี่ นหน่วยเวลาจากหนว่ ยหน่ึงไปอีกหน่วยหนง่ึ โดยใช้มาตราเวลาให้นักเรยี นดู 3-5 ตวั อยา่ ง
พร้อมท้ังอธิบายโดยการถาม-ตอบกับนักเรยี น
5. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิดการเปลย่ี นหน่วยเวลาได้ถูกตอ้ งเป็นสง่ิ จำเป็นสำหรับนกั เรียนหรือไม่ จงอธิบาย
(พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
ขน้ั อธบิ ายความรู้
1. ครูแจกบัตรโจทยใ์ หน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ กลุ่มละ 3-5 ข้อ แล้วให้นกั เรียนเปลย่ี นหนว่ ยเวลาตามโจทย์ที่ไดร้ บั จากน้ันส่ง
ตัวแทนนำเสนอคำตอบหนา้ ชั้นเรยี น
2. นกั เรียนทกุ คนทำใบงานที่ 5.7 เร่ือง การเปลยี่ นหนว่ ยเวลา เสร็จแลว้ ครูเลอื กตัวแทนนกั เรียน 2-3 คน เปล่ียนหน่วย
เวลาตามทร่ี ะบใุ นใบงานหน้าช้นั เรียน
ขั้นขยายความเข้าใจ
1. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ
2. ครูชมเชยนกั เรยี นทท่ี ำได้ถูกต้อง และใหค้ ำแนะนำและกำลังใจแก่นักเรียนท่ียงั มีข้อบกพร่องอยู่
3. นกั เรยี นทำกิจกรรมฝกึ ฝนทักษะเรื่อง ความสมั พนั ธ์ของ หนว่ ยเวลา จากหนังสอื เรียน เปน็ การบ้าน แลว้ นำมาส่งครู
ในวนั ถัดไป
ขั้นตรวจสอบผล
1. ครใู หน้ กั เรียนทกุ คนร่วมกันสรปุ ความร้เู กี่ยวกับการเปล่ยี นหน่วยเวลาจากหน่วยหนึง่ ไปอกี หน่วยหน่งึ
2. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นเรยี นของนักเรยี น
3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าชนั้ เรียน
4. ครตู รวจสอบผลการทำกจิ กรรมหนูตอบได้ในสมุด หรอื ในแบบฝกึ หัด
5. ครูตรวจสอบผลนักเรียนจากการอธิบายเกี่ยวกับความหมายของการเปล่ียนหน่วยเวลาจากหน่วยหน่ึงไปอีกหน่วย
หน่งึ
6. การวัดและประเมนิ ผล
การวัดและประเมนิ ผล วิธีการวัดผล เครื่องมอื วดั เกณฑ์การ
จุดประสงค์ ประเมนิ ผล
70% ขึน้ ไป ถอื วา่
ความร้คู วาม 1. สังเกตจากการซกั ถาม ตอบ 1.คำถามกระตุ้น ผา่ นเกณฑ์การ
เข้าใจ (K) คำถาม ความคดิ ประเมิน
2. เขา้ ใจการบวก ลบ 70% ขึ้นไป ถอื วา่
ทกั ษะ/ 1. ใบงาน เรอื่ ง การ ผ่านเกณฑ์การ
กระบวนการ (P) เปลี่ยนหนว่ ยเวลาจากหนว่ ยหน่ึง เปลี่ยนหนว่ ยเวลา ประเมนิ
ไปอีกหน่วยหนง่ึ ได้
คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) 1. สังเกตจากการเรียนมีความ 1. แบบสงั เกต 70% ขึ้นไป ถือว่า
รับผดิ ชอบต่องานทสี่ ่งั และส่งงาน พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การ
ได้ทนั ตามทกี่ ำหนด ประเมิน
2. สังเกตจากการเรียนใฝ่เรียนรู้
3. สงั เกตจากการมุ่งม่นั ในการ
ทำงาน
7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
7.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี น คณิตศาสตร์ ป.3
2) บทเรียนคอมพวิ เตอร์ Smart L.O. LMS Lite คณติ ศาสตร์ ป.3 บริษัท เพลย์เอเบิล จำกัด
3) บตั รโจทย์
4) ใบงาน เรอ่ื ง การเปลี่ยนหนว่ ยเวลา