๒๔๖
ตถิ ิ (ป. ส.) เดมิ แปลวา่ วันทางจนั ทรคติ
ไทยใช้ ดถิ ี หมายถงึ วนั ทางจนั ทรคติ, วนั โอกาสพเิ ศษ
นิทาน (ป. ส.) เดิมแปลว่า การมดั ติด, เชอื ก, โอกาส, พ้ืนฐาน, สาเหตุ, รูปแบบหน่ึงของงาน-
ประพันธ์ทางพุทธศาสนา
เวที (ป. ส.) ไทยใช้ นิทาน หมายถึงเร่ืองเลา่ มักเป็นเรือ่ งแต่งท่เี ล่าเพื่อความบนั เทิงหรือเพื่อ-
สอนใจ
เดิมแปลว่า แทน่ ท่ีวางเคร่อื งสกั การะ ทบ่ี ชู า
ไทยใช้ เวที หมายถึงท่ยี กพน้ื ทว่ั ไปเพื่อการแสดงต่าง ๆ
ปรเิ วณ (ป. ส.) เดมิ แปลว่า บริเวณ กฏุ สิ าหรบั พระภิกษุ จงั หวดั
ไทยใช้ บรเิ วณ หมายถงึ ขอบเขตพน้ื ที่ ไม่จากัดเฉพาะหอ้ งท่อี ยูเ่ ท่านน้ั
๒.๒ ความหมายกวา้ งออกและกลายไปในทางท่ีไมด่ ี
กปาล (ป. ส.) เดมิ แปลว่า ชาม, ฝาปดิ , เปลอื กไข่, หัวกะโหลก
ไทยใช้ กบาล หมายถึง หัว
กุหก (ป. ส.) เดมิ แปลว่า ความหลอกลวง, คนหลอกลวง
ไทยใช้ โกหก หมายถึง พูดไมจ่ ริง, พูดหลอกลวง, หลอกลวง
โกลาหล (ป. ส.) เดิมแปลวา่ การร้องเอะอะ, การร้อง
ไทยใช้ โกลาหล หมายถึง วนุ่ วาย, สับสน, ตะโกน, เสียงร้องดงั เพอื่ บอกสญั ญาณ
นินฺทา (ป. ส.) เดิมแปลว่า การตาหนิ, การทาใหเ้ สื่อมเสีย
ไทยใช้ นินทา หมายถงึ พูดถงึ ในทางที่เสียหาย
๓. ความหมายย้ายท่ี คือ คาในภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตมีการกลายความหมายไปจากเดิม หรือ
บางทใี ช้ความหมายตรงกบั ความหมายเดมิ จนกลายเปน็ ความหมายใหม่ในภาษาไทย
มาลา (ป. ส.) เดมิ แปลว่า พวงหรดี พวงดอกไม้
ไทยใช้ มาลา หมายถงึ หมวก พวงดอกไม้
อภย (ป. ส.) เดมิ แปลวา่ ความไมก่ ลัว ปลอดภยั
ไทยใช้ อภัย หมายถงึ ไม่มีภยั ปราศจากภัย
นยิ ม (ป. ส.) เดมิ แปลว่า การกาหนด การควบคมุ การระงับยับยงั้ จากัด จาศีล
ไทยใช้ นิยม หมายถงึ ชอบ พอใจ นับถือ
๔. ความหมายคงเดิม คือในภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตมีความหมายอย่างไร เมื่อนามาใช้ใน
ภาษาไทยกใ็ ชค้ วามหมายอยา่ งนนั้
อทุ ก (ป.ส.) เดมิ แปลวา่ น้า
ไทยใช้ อทุ ก น้า
อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ ผิวเหลือง
๒๔๗
เมฆ (ป.ส.) เดมิ แปลวา่ ไอน้าที่จับเป็นกอ้ นลอยอยู่ในทอ้ งฟ้า
นานา (ป.ส.) ไทยใช้ เมฆ ไอนา้ ท่ีจบั เปน็ กอ้ นลอยอยใู่ นทอ้ งฟา้
พหุ (ป.ส.) เดมิ แปลว่า ตา่ ง ๆ, หลากหลาย
ไทยใช้ นานา ต่าง ๆ, หลากหลาย
เดมิ แปลว่า มาก
ไทยใช้ พหู มาก
๕. การกลายเสียงเพื่อแยกความหมาย คือ การกลายเสียงของคาในภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตมา
เป็นเสียงในภาษาไทย ทาให้เกดิ ความหมายใหม่ เพ่อื เป็นการเพิม่ ความหมายเขา้ ไปในคาท่ีกลายเสียงนัน้
วร (ป. ส.) เดิมแปลว่า ประเสริฐ เลศิ
วร (วอ-ระ) หมายถึง ประเสรฐิ เช่น วรวิหาร
พร (พอน) หมายถึง คาแสดงความปรารถนาดี
พระ (พระ) หมายถึง คาใชแ้ ทนชอ่ื เรยี กภกิ ษุสงฆ์
ภาว (ป. ส.) เดิมแปลวา่ ความมี ความเปน็
ภาวะ (พา-วะ) หมายถงึ สภาพความเปน็ อยู่
ภาพ (พาบ) หมายถงึ รปู ภาพท่ีปรากฏเห็น สิง่ ทวี่ าดเขยี นข้นึ เปน็ รปู
๖. การใช้คาภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตเพ่ือแยกความหมาย คือคาภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต
บางคาท่ีมีความหมายเหมือนกันหรือมีความหมายคล้ายกัน แต่รูปศัพท์ต่างกัน เมอื่ นามาใช้ในภาษาไทย อาจจะใช้
ในความหมายที่ไม่เหมือนกัน กล่าวคือ ภาษาบาลีใช้ในความหมายหนึ่ง ภาษาสันสกฤตใช้ในความหมายหน่ึง ซ่ึง
เดมิ ทีมคี วามหมายเหมือนกัน เชน่
กริ ิยา,กริยา หมายถึง การกระทา อาการแสดงของนามนาม
เขต,เกษตร กิริยา (ป.) แปลวา่ อาการทแ่ี สดงออกมาดว้ ยกาย มารยาท
กริยา (ส.) แปลว่า คาทีแ่ สดงอาการของนามหรือสรรนาม
หมายถึง นา ทด่ี ิน
ฐาน,สถาน เขต (ป.) แปลว่า บรเิ วณ แดน เขตแดน
เกษตร (ส.) แปลวา่ ทด่ี ิน นา ไร่ การเพาะปลกู
หมายถึง การดารงอยู่ ท่ี ตาแหนง่
สญู ,ศนู ย์ ฐาน (ป.) แปลว่า ลาดับความเปน็ อยู่ในสังคม หลักฐาน ตาแหน่งหนา้ ที่
สถาน (ส.) แปลว่า ท่ีตั้ง ประการ ความเป็นไป
หมายถึง วา่ งเปลา่ หายสิ้น ไม่มอี ะไร
สญู ฺญ (ป.) แปลว่า หายสนิ้ ไม่มอี ะไร
ศูนย (ส.) แปลวา่ เลข ๐, จดุ กลาง
อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ ผิวเหลอื ง
๒๔๘
๑๒.๓ การสรา้ งคาสมาสเทียมภาษาบาลสี ันสกฤตในภาษาไทย
ในการสร้างคาสมาสเทียมภาษาบาลีสันสกฤตกับคาภาษาไทย เป็นการสร้างคาใหม่ข้ึนใช้วิธีหนึ่งใน
ภาษาไทย เม่ือยืมคาภาษาบาลีสันสกฤตมาใช้ในภาษาไทย ซ่ึงมีการยืมคาศัพท์มาใช้โดยตรงและนามาสรา้ งใหม่กับ
คาภาษาไทย ผู้เขียนได้นาแนวคิดของนักวิชาการเก่ียวกับการสร้างคาสมาสเทียมภาษาบาลีสันสกฤตกับคา
ภาษาไทย มี ๒ ลกั ษณะ ดังน้ี
๑. การสร้างคาสมาสเทียมภาษาบาลีสันสกฤตกับคาภาษาไทย วิสันต์ิ กฎแก้ว (๒๕๔๕ : ๑๗๖ – ๑๗๙)
ได้กล่าวไว้ว่า การนาคาภาษาบาลีและสันสกฤตมาประสมกับคาไทยแท้หรือคาไทยท่ีมาจากภาษาอื่นนอกจากคา
ภาษาบาลีสันสกฤต โดยใชค้ าภาษาบาลีสันสกฤตประสมข้างหน้าหรือขา้ งหลังคาไทยแท้หรือคาไทยที่มาจากภาษา
อ่ืนก็ได้ การประสมคาภาษาบาลีสันสกฤตเข้ากับคาไทยเช่นนี้ นับเป็นการสร้างคาใหม่ข้ึนใช้วิธีหน่ึงในภาษาไทย
ลกั ษณะการสร้างคาสมาสเทยี มภาษาบาลสี ันสกฤตเข้ากบั คาไทยมีดังนี้
๑) ใชค้ าภาษาบาลีหรือสนั สกฤตประสมหน้าคาไทยแท้หรอื คาไทยที่มาจากภาษาอื่นนอกจากคาภาษา
บาลีสันสกฤต เชน่
คาบาลสี นั สกฤต คาไทย ไทยใช้ ความหมาย
เทว เจา้ เทพเจา้ เทวดา
นาม แฝง นามแฝง ชื่อทีต่ ง้ั ขึ้นเพ่อื พรางหรอื แทนชอ่ื จรงิ
พล เมอื ง พลเมือง ประชาชน, ชาวประเทศ
ภูมิ ใจ ภมู ใิ จ กระหยม่ิ ใจ, รู้สึกวา่ มีเกยี รติยศ
รถ ไฟ รถไฟ รถท่พี ว่ งกนั เป็นขบวนยาว
ราช วัง ราชวงั ทปี่ ระทบั ของพระเจา้ แผ่นดิน
๒) ใช้คาภาษาบาลหี รอื คาสนั สกฤตประสมหลังคาภาษาไทยแท้หรือคาไทยที่มาจากภาษาอื่นนอกจาก
ภาษาบาลสี นั สกฤต เชน่
คาไทย คาบาลสี นั สกฤต ไทยใช้ ความหมาย
กง จกรฺ กงจักร สง่ิ ท่ีมีรูปเป็นวงกลมมรี มิ เปน็ แฉก ๆ
กอง โจร กองโจร หน่วยกาลงั ท่ที าการรบแบบโจร
ขุม ทฺรวยฺ ขุมทรพั ย์ แหลง่ ทีเ่ กดิ ทีเ่ ก็บทรพั ย์
โครง การ โครงการ แผนหรือเค้าโครงตามทก่ี าหนดไว้
เคร่อื ง ยนตฺ เคร่ืองยนต์ เครอ่ื งจกั รท่ใี ห้กาเนิดพลงั งาน
เชอ้ื โรค เชอื้ โรค สิ่งทม่ี ชี วี ิตเมอื่ เขา้ สู่รา่ งกายมนษุ ย์
ลกู ศิษฺย ลูกศษิ ย์ ผทู้ ี่รับฟังคาสง่ั สอน
นา้ มนตฺ รฺ น้ามนตร์ นา้ ที่เสกเพ่อื อาบกินหรือประพรม
อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ ผิวเหลอื ง
๒๔๙
๓) ใช้คาภาษาบาลีหรือคาสันสกฤตประสมหน้าหรือหลังคาภาษาไทยที่มาจากภาษาอังกฤษ เช่น ใช้
คาภาษาบาลหี รอื สนั สกฤตประสมหน้าคาภาษาไทยที่มาจากภาษาองั กฤษ ตวั อยา่ ง
คาบาลสี ันสกฤต คาอังกฤษ ไทยใช้ ความหมาย
สมการ เคมี สมการเคมี สมการท่เี ขยี นขึ้นโดยอาศัยสัญลกั ษณ์
ของธาตเุ พือ่ แสดงปฏิกริ ิยาเคมีและ
ปริมาณของธาตุต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ ง
สูตฺร เคมี สูตรเคมี หมสู่ ัญลักษณข์ องธาตซุ ึง่ เขียนขน้ึ แทน
สารใดสารหนึง่ เพือ่ แสดงให้ทราบว่า ๑
โมเลกุลของสารนน้ั ๆ ประกอบดว้ ยธาตุ
ใดบ้างและมีอยา่ งละกี่อะตอม
ใชค้ าบาลีหรือคาสันสกฤตประกอบหลังคาไทยที่มาจากภาษาอังกฤษ ตัวอยา่ ง
คาองั กฤษ คาบาลสี ันสกฤต ไทยใช้ ความหมาย
เคมี ภณฺฑ เคมภี ณั ฑ์ สารบริสุทธ์ิท่ีเตรียมได้โดยกรรมวธิ เี คมี
เคมี อนิ ฺทรฺ ยิ เคมีอนิ ทรยี ์ วชิ าเคมีแขนงที่ว่าดว้ ยการศึกษาเกี่ยว
กับสารประกอบทั้งสนิ้ ของธาตุคารบ์ อน
ปรสติ วทิ ยฺ า ปรสติ วทิ ยา วิชาทวี่ ่าด้วยพยาธิ
เลนส์ สมผฺ สสฺ เลนสส์ มั ผัส เลนส์เลก็ ๆ บาง ๆ ใช้ครอบตาดาเพื่อ
ช่วยใหม้ องเหน็ ไดด้ ีอยา่ งคนตาปกติ
๒. การใช้คาสมาสซ้อนภาษาบาลแี ละสนั สกฤตซ้อนกับคาไทย วิสนั ต์ิ กฎแก้ว (๒๕๔๕ : ๑๘๐ – ๑๘๑) ได้
กล่าวว่า การท่ีนาคาภาษาบาลีสันสกฤตมาซ้อนกันเข้ากับคาภาษาไทยหรือนาคาภาษาไทยมาซ้อนเข้ากับคาภาษา
บาลีสันสกฤตเพื่อใหไ้ ด้คาใหม่ขึ้นใชใ้ นภาษาไทย การซ้อนคาเช่นนี้ นบั ว่าเป็นการสร้างคาใหม่ขน้ึ ใช้ในภาษาไทยอีก
วิธีหน่ึง ถ้าคาต้นเป็นคาภาษาไทย คาหลังต้องเป็นคาภาษาบาลีสันสกฤตหรือถ้าคาต้นเป็นคาภาษาบาลีสันสกฤต
คาหลังต้องเป็นคาภาษาไทย ทั้งคาต้นและคาหลังย่อมมีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายกัน แต่เมื่อนามาซ้อนกัน
เข้าแล้ว ความหมายอาจจะเปลีย่ นไปมากบา้ งนอ้ ยบ้าง ถงึ กระน้ันความหมายทเ่ี ปล่ยี นไปกย็ ังคงเนื่องกับความหมาย
เดมิ อยู่ มลี กั ษณะการซ้อนคาบาลสี นั สกฤตกบั คาไทยดังนี้
๑) ใช้คาภาษาบาลีสันสกฤตมาซ้อนกับคาภาษาไทย กล่าวคือ คาต้นเป็นคาภาษาไทย คาหลังเป็นคา
ภาษาบาลีสันสกฤต เช่น
คาไทย คาบาลสี ันสกฤต ไทยใช้ ความหมาย
ซาก ศว ซากศพ รา่ งของคนท่ีตายแลว้
ซอ่ื สตยฺ ซอ่ื สตั ย์ ประพฤติตรงและจริงใจ
อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ ผิวเหลอื ง
๒๕๐
ถนิ่ ฐาน ถ่ินฐาน ท,่ี แดน, ท่อี ยู่อาศยั
ร่าง กาย รา่ งกาย ตัวตน
ทอง กร ทองกร กาไลมอื
ลูก นมิ ติ ตฺ ลูกนมิ ติ ลูกทีท่ ากลม ๆ ประมาณเท่าบาตรใช้
ฝังเป็นเครอื่ งหมายเขตอโุ บสถ
ลา ธารา ลาธาร ทางน้าเล็กทีไ่ หลจากเขา
สรง สฺนาน สรงสนาน อาบน้า
หลัก ฐาน หลกั ฐาน พ้ืนเพมนั่ คง, ความม่ันคงอนั เป็นพื้นที่ตั้ง
๒) ใช้คาภาษาไทยมาซ้อนคาภาษาบาลีสันสกฤต กล่าวคือ คาต้นเป็นคาภาษาบาลีสันสกฤต คาหลัง
เป็นคาภาษาไทย เช่น
คาบาลีสนั สกฤต คาไทย ไทยใช้ ความหมาย
โกรธ เคอื ง โกรธเคือง ข่นุ เคอื งใจ, ไม่พอใจ
เขตตฺ แดน เขตแดน พ้นื ทก่ี าหนดขดี คัน่ ไว้
จิตตฺ ใจ จติ ใจ ใจ, อารมณท์ างใจ
ทกุ ขฺ ยาก ทกุ ขย์ าก ความยากลาบาก
รูป รา่ ง รูปร่าง ลกั ษณะรา่ งกาย
วีถิ ทาง วถิ ีทาง แนวทาง
โศก เศรา้ โศกเศรา้ เดือดรอ้ นใจ, เศร้าใจ
สรุปท้ายบท
สาเหตขุ องการเปลี่ยนแปลงความหมายของคาภาษาบาลีสันสกฤต มีสาเหตุที่ทาให้คากลายความหมายไป
๔ ประเด็น ได้แก่ ๑) เกิดจากความเข้าใจผิดในขั้นรับรู้ ซ่ึงสามารถจาแนกย่อยได้ดังน้ี (๑) ความเข้าใจผิดเรื่อง
อักขรวิธี (๒) เพราะได้เห็นตัวอย่างท่ีใช้ในบางความหมาย คาบางคามีความหมายกว้าง แต่พบใช้ในบางแง่บาง
ความหมาย (๓) ความเข้าใจผิดเกิดจากขาดความรอบคอบและขาดการสังเกต ๒) การกลายความหมายเกิดจาก
เหตุการณเ์ ฉพาะสมยั ๓) การกลายความหมายเกดิ จากการจงใจของผู้ใช้ ๔) ความคิดของคนในยคุ ต่าง ๆ
ลักษณะการกลายความหมายของคาภาษาบาลีสันสกฤตในภาษาไทย สามารถแบ่งกลุ่มได้ ๓ กลุ่ม ดังน้ี
กลุ่มที่ ๑ การกลายความหมายของคาภาษาบาลีมี ๕ ประเภท ได้แก่ ความหมายแคบเข้า ความหมายกว้างออก
ความหมายย้ายที่ ความหมายคงเดิม และการกลายเสียงเพ่ือแยกความหมาย กลุ่มท่ี ๒ การกลายความหมายของ
คาภาษาสันสกฤตมี ๕ ประเภท ได้แก่ ความหมายแคบเขา้ ความหมายกวา้ งออก ความหมายย้ายที่ ความหมายคง
เดิม และการกลายเสียงเพื่อแยกความหมาย และกลุ่มท่ี ๓ การกลายความหมายของคาภาษาบาลีสันสกฤตมี ๖
อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ ผวิ เหลือง
๒๕๑
ประเภท ความหมายแคบเข้า ความหมายกว้างออก ความหมายย้ายท่ี ความหมายคงเดิม การกลายเสียงเพ่ือแยก
ความหมาย และการใช้คาภาษาบาลสี นั สกฤตเพื่อแยกความหมาย
การสร้างคาสมาสเทียมภาษาบาลีสันสกฤตในภาษาไทย มี ๒ ลักษณะ ดังนี้ ๑) การสร้างคาสมาสเทียม
ภาษาบาลีสันสกฤตกับคาภาษาไทย คือ การนาคาภาษาบาลีและสันสกฤตมาประสมกับคาไทยแท้หรือคาไทยที่มา
จากภาษาอ่ืนนอกจากคาภาษาบาลีสันสกฤต โดยใช้คาภาษาบาลีสันสกฤตประสมข้างหน้าหรือข้างหลังคาไทยแท้
หรือคาไทยที่มาจากภาษาอ่ืนก็ได้ ๒) การใช้คาสมาสซ้อนภาษาบาลีและสันสกฤตซ้อนกับคาไทย คือ การที่นาคา
ภาษาบาลีสันสกฤตมาซ้อนกันเข้ากับคาภาษาไทยหรือนาคาภาษาไทยมาซ้อนเข้ากับคาภาษาบาลีสันสกฤตเพ่ือให้
ไดค้ าใหม่ข้นึ ใช้ในภาษาไทย
อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ ผิวเหลอื ง
๒๕๒
กิจกรรมการเรยี น
๑. ทบทวนความรู้
๑.๑ จงอธบิ ายอทิ ธพิ ลด้านไวยากรณ์และด้านการใช้ภาษาไทยของภาษาบาลสี ันสกฤตต่อภาษาไทย
๑.๒ จงอธบิ ายอทิ ธิพลด้านการใช้สานวนภาษาและดา้ นการออกเสียงคาไทย
๑.๓ จงอธิบายอทิ ธพิ ลดา้ นการเปล่ยี นแปลงศพั ท์
๑.๔ จงอธบิ ายผลดแี ละผลเสียในการรบั คาภาษาต่างประเทศเข้ามาในภาษาไทย
๒. จดั กิจกรรม
๒.๑ ให้นกั ศกึ ษาอภปิ รายอิทธิพลด้านไวยากรณ์
๒.๒ ให้นกั ศกึ ษาอภปิ รายอิทธิพลด้านการสรา้ งคา
๒.๓ ให้นักศกึ ษาอภปิ รายอิทธิพลดา้ นการใชส้ านวนภาษา
๒.๔ ใหน้ ักศกึ ษาอภปิ รายอทิ ธิพลด้านการออกเสยี งคาไทย
๒.๕ ใหน้ ักศึกษาวิเคราะห์การเปล่ยี นแปลงศพั ท์
๒.๖ ให้นกั ศึกษาวิเคราะห์ผลดแี ละผลเสียในการรับคาภาษาตา่ งประเทศเข้ามาในภาษาไทย
สื่อการสอน
๑. โปรแกรมนาเสนอภาพนิ่ง (PPT.) เนอื้ หาประกอบการบรรยาย
๒. โปรแกรมส่ือมัตติมเี ดยี และแอปพลิเคชนั YouTube
๓. เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า ED1022 ภาษาบาลีสันสกฤตในภาษาไทย
แนวทางการประเมนิ ผล
๑. ประเมินผลจากการสังเกตความสนใจ ซกั ถาม และตอบคาถาม
๒. ประเมินผลจากการรว่ มกิจกรรม การอภิปรายแสดงความคดิ เหน็
๓. ประเมินผลจากผลงาน ด้านเน้อื หา รปู แบบ ความคดิ สร้างสรรค์ วิธกี ารนาเสนอ
อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ ผิวเหลือง
๒๕๓
เอกสารอ้างองิ
จันจิรา จิตตะวริ ิยะพงษ์. (๒๕๔๖). อิทธพิ ลภาษาต่างประเทศในภาษาไทย. กรุงเทพฯ : พฒั นาศกึ ษา.
จิตร ภูมิศักด์ิ. (๒๕๖๒). ความเป็นมาของคาสยาม ไทย ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของช่ือชนชาติ
ขอ้ เทจ็ จรงิ ว่าด้วยชนชาตขิ อม. พิมพค์ รงั้ ท่ี ๗. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตีบ้ ุค๊ ส์.
ชนิดา สวุ รรณรตั น์. (ม.ป.ป.). ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย เอกสารประกอบการสอนวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จ
เจา้ พระยา.
ชะเอม แกว้ คล้าย. (๒๕๕๕). ลักษณะการใช้ศัพท์บาลีสนั สกฤตในภาษาไทย. กรุงเทพฯ : สหธรรมิก จากัด.
ประหยัด เกษม. (๒๕๒๔). ภาษาบาลีและสันสกฤตในภาษาไทย. พิมพ์คร้ังท่ี ๒. นครศรีธรรมราช : ภาควิชา
ภาษาไทย วิทยาลยั ครนู ครศรีธรรมราช.
ประสิทธ์ิ กาพยก์ ลอน. (๒๕๑๙). การศกึ ษาภาษาไทยตามแนวภาษาศาสตร.์ กรุงเทพฯ : ไทยวฒั นาพานชิ .
ปรชี า ทชิ นิ พงศ์. (๒๕๓๔). บาลี - สนั สกฤตท่ีเกี่ยวกบั ภาษาไทย. กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร.์
พนมพร นิรญั ทว.ี (๒๕๒๗). คาต่างประเทศในภาษาไทย. กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร.์
พฒั น์ เพง็ ผลา. (๒๕๕๑). บาลสี ันสกฤตในภาษาไทย. พมิ พ์ครั้งที่ ๙. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคาแหง.
พงษ์จันทร์ ปิ่นสุวรรณ. (๒๕๑๙). การวิเคราะห์แบบของการเขียนสะกดการันต์พยางค์ในภาษาไทย, ปริญญา
นิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสาน
มติ ร.
วไิ ลศักด์ิ ก่งิ คา. (๒๕๕๖). ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย. พมิ พค์ ร้งั ที่ ๒. กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลัย เกษตรศาสตร.์
วสิ นั ติ์ กฎแกว้ . (๒๕๔๕). ภาษาบาลสี นั สกฤตทเ่ี ก่ียวข้องกบั ภาษาไทย. กรงุ เทพฯ : พฒั นาศกึ ษา.
สถาบนั ภาษาไทย. (๒๕๕๕). บรรทดั ฐานภาษาไทย เล่ม ๒. พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๓. กรุงเทพฯ : องค์การค้าของ สกสค.
สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย.์ (๒๕๔๓). หลกั ภาษาไทย. พิมพ์ครง้ั ที่ ๑๕. กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานชิ จากดั .
สุวิทย์ ภาณุจารี. (๒๕๕๔). ภาษาบาลีเพื่อการศึกษาค้นคว้าพระพุทธศาสนา. พิมพ์คร้ังที่ ๒. กรุงเทพฯ : ธนา
เพรส จากดั .
สุภาพร มากแจ้ง. (๒๕๓๕). ภาษาบาลี – สนั สกฤตในภาษาไทย. พิมพ์ครง้ั ท่ี ๒. กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์.
อนมุ านราชธน, พระยา. (๒๕๑๔). นิรกุ ตศิ าสตร์ ภาค ๑ – ๒. กรุงเทพฯ : ศนู ย์การทหารราบ.
อารีย์ สหชาติโกสีย์. (๒๕๑๓). เทียบลักษณะคาบาลี-สันสกฤตกบั คาไทย ตอนท่ี ๑ อักขรวิธี. กรุงเทพฯ : หน่วย
ศกึ ษานเิ ทศก์ กรมการฝึกหัดคร.ู
อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ ผิวเหลือง
๒๕๔
บรรณานกุ รม
กำชัย ทองหลอ่ . (๒๕๕๒). หลกั ภำษำไทย. พมิ พ์ครงั้ ที่ ๕. กรงุ เทพฯ : อมรกำรพิมพ.์
จันจริ ำ จิตตะวิริยะพงษ.์ (๒๕๔๖). อทิ ธิพลภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย. กรงุ เทพฯ : พัฒนำศึกษำ.
จิตร ภูมิศักดิ์. (๒๕๖๒). ควำมเป็นมำของคำสยำม ไทย ลำว และขอม และลักษณะทำงสังคมของชื่อชนชำติ
ข้อเทจ็ จรงิ ว่ำดว้ ยชนชำติขอม. พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๗. กรงุ เทพฯ : ไทยควอลิตบ้ี คุ๊ ส.์
ชะเอม แกว้ คลำ้ ย. (๒๕๕๕). ลักษณะกำรใช้ศัพท์บำลสี ันสกฤตในภำษำไทย. กรุงเทพฯ : สหธรรมกิ จำกดั .
ชนิดำ สุวรรณรตั น์. (ม.ป.ป.). ภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย เอกสำรประกอบกำรสอนวทิ ยำลัยครบู ำ้ นสมเด็จ
เจ้ำพระยำ.
บรรจบ พันธเุ มธำ. (๒๕๑๕). นิรกุ ติศำสตร.์ พระนคร : ไทยวัฒนำพำนชิ .
ประเทอื ง ทนิ รัตน.์ วำรสำรมนุษยศำสตร์วชิ ำกำร, คณะมนษุ ยศำสตร์ มหำวิทยำลัยเกษตรศำสตร์. ปที ่ี ๓. ฉบับ
ที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๓๘.
ประสิทธิ์ กำพย์กลอน. (๒๕๑๙). กำรศกึ ษำภำษำไทยตำมแนวภำษำศำสตร์. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนำพำนชิ .
ประหยัด เกษม. (๒๕๒๔). ภำษำบำลีและสันสกฤตในภำษำไทย. พิมพ์ครั้งท่ี ๒. นครศรีธรรมรำช : ภำควิชำ
ภำษำไทย วทิ ยำลยั ครูนครศรีธรรมรำช.
ปรีชำ ทชิ ินพงศ์. (๒๕๓๔). บำลี - สนั สกฤตท่ีเกี่ยวกับภำษำไทย. กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์.
พนมพร นิรญั ทว.ี (๒๕๒๗). คำตำ่ งประเทศในภำษำไทย. กรงุ เทพฯ : มหำวิทยำลัยธรรมศำสตร์.
พัฒน์ เพ็งผลำ. (๒๕๕๑). บำลีสนั สกฤตในภำษำไทย. พิมพค์ ร้งั ที่ ๙. กรงุ เทพฯ : มหำวทิ ยำลยั รำมคำแหง.
พงษ์จันทร์ ปิ่นสุวรรณ. (๒๕๑๙). กำรวิเครำะห์แบบของกำรเขียนสะกดกำรันต์พยำงค์ในภำษำไทย, ปริญญำ
นพิ นธศ์ กึ ษำศำสตรมหำบัณฑติ . กรงุ เทพฯ : มหำวิทยำลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒประสำนมติ ร.
มหำวิทยำลัยเชียงใหม่. เอกสำรประกอบกำรสัมมนำเร่ืองอิทธิพลของภำษำบำลีและสันสกฤตที่มีต่อภำษำไทย ณ
มหำวิทยำลัยเชียงใหม่ ๒๔ – ๒๗ ตุลำคม ๒๕๒๒.
รำชบัณฑิตยสถำน. (๒๕๕๖). พจนำนุกรม ฉบับรำชบัณฑิยสถำน พ.ศ. ๒๕๕๔. พิมพ์ครั้งท่ี ๒. กรุงเทพฯ :
รำชบัณฑติ ยสถำน.
วไิ ลวรรณ ขนษิ ฐำนันท.์ (๒๕๒๖). ภำษำศำสตร์เชิงประวัติ: วิวัฒนำกำรภำษำไทยและภำษำอังกฤษ. กรุงเทพฯ
: มหำวิทยำลัยธรรมศำสตร์.
วิไลศักด์ิ กิ่งคำ. (๒๕๕๖). ภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย. พิมพ์คร้ังท่ี ๒. กรุงเทพฯ : มหำวิทยำลัย
เกษตรศำสตร.์
วสิ นั ต์ิ กฎแก้ว. (๒๕๔๕). ภำษำบำลสี นั สกฤตทเี่ กีย่ วขอ้ งกับภำษำไทย. กรงุ เทพฯ : พฒั นำศกึ ษำ.
สถำบนั ภำษำไทย. (๒๕๕๕). บรรทดั ฐำนภำษำไทย เลม่ ๒. พิมพ์ครั้งท่ี ๓. กรุงเทพฯ : องคก์ ำรคำ้ ของ สกสค.
สวำมีสัตยำนันทปุรี. (๒๕๒๓). นิตยสำรไทย – ภำรต. ฉบบั ท่ี ๒๐ ปที ี่ ๘ เล่มที่ ๑ (มกรำคม – มิถุนำยน) พระ
นคร : กิตตวิ รรณ.
สุธิวงศ์ พงศ์ไพบลู ย.์ (๒๕๔๓). หลกั ภำษำไทย. พิมพค์ รงั้ ที่ ๑๕. กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นำพำนชิ จำกดั .
สุวิทย์ ภำณุจำรี. (๒๕๕๔). ภำษำบำลีเพ่ือกำรศึกษำค้นคว้ำพระพุทธศำสนำ. พิมพ์คร้ังท่ี ๒. กรุงเทพฯ : ธนำ
เพรส จำกดั .
สุภำพร มำกแจ้ง. (๒๕๓๕). ภำษำบำลี – สันสกฤตในภำษำไทย. พิมพ์ครง้ั ที่ ๒. กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์.
๒๕๕
อนุมำนรำชธน, พระยำ. (๒๕๑๔). นริ กุ ตศิ ำสตร์ ภำค ๑ – ๒. กรงุ เทพฯ : ศูนยก์ ำรทหำรรำบ.
อำรีย์ สหชำตโิ กสีย์. (๒๕๑๓). เทยี บลักษณะคำบำลี-สันสกฤตกับคำไทย ตอนท่ี ๑ อกั ขรวธิ ี. กรงุ เทพฯ : หนว่ ย
ศึกษำนิเทศก์ กรมกำรฝกึ หดั ครู.
Labov, William. (1966). The Social Stratification of English in New York City. Washington D.C.
Center For Applied Linguistics.
Leonard, Bloomfirld. (1985). Language. 5th Ed. New Delhi: Nerenrea Parkash Jain.
Wilhem Geiger. (1968) . Pali Literature and Language. Delhi;- Oriental Books Reprint
Corporation.
๒๕๖
ช่อื -นำมสกุล ประวัตผิ ู้เขียน
ตดิ ตอ่
อรรถพงษ์ ผิวเหลือง
ที่อยปู่ จั จุบนั เบอรโ์ ทรศัพท์ ๐๖๑-๖๙๔-๖๙๖๖
Facebook: ศษิ ย์นอ้ ย ภูเขำทอง
บำ้ นดอนยำง ตำบลศลิ ำ อำเภอเมอื ง จังหวดั ขอนแก่น ๔๐๐๐๐
กำรศกึ ษำ สอบไดน้ ักธรรมชั้นเอก วัดปำกนำ้ (บุง้ สระพงั ) สำนักเรียนคณะจังหวัดอบุ ลรำชธำนี
พ.ศ. ๒๕๔๘ สอบได้เปรยี ญธรรม ๔ ประโยค วดั สระเกศ สำนักเรียนวดั สระเกศ
พ.ศ. ๒๕๕๐ สำเรจ็ ปรญิ ญำตรี พุทธศำสตรบณั ฑิต (พธ.บ.) รุ่นที่ ๕๘ สำขำวิชำภำษำไทย
พ.ศ. ๒๕๕๕ คณะมนษุ ยศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั มหำจฬุ ำลงกรณรำชวิทยำลัย
สำเรจ็ ปรญิ ญำโท พุทธศำสตรมหำบณั ฑิต (พธ.ม.) รุน่ ที่ ๔ สำขำวชิ ำภำษำศำสตร์
พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะมนุษยศำสตร์ มหำวิทยำลยั มหำจฬุ ำลงกรณรำชวทิ ยำลัย
สำเร็จปริญญำเอก พุทธศำสตรดุษฎีบณั ฑติ (พธ.ด.) รนุ่ ที่ ๑ สำขำวชิ ำภำษำศำสตร์
พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะมนษุ ยศำสตร์ มหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย
ประสบกำรณ์ทำงำน
พ.ศ. ๒๕๕๗ – ๒๕๖๑ เปน็ ครูพระสอนศีลธรรม ทโ่ี รงเรียนสตรศี รสี ุริโยทัย
พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นอำจำรย์พิเศษ สำขำวิชำกำรสอนภำษำไทย คณะศึกษำศำสตร์
มหำวิทยำลัยมหำมกุฏรำชวทิ ยำลยั
พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๔ เปน็ อำจำรย์ประจำหลกั สตู รระดับปรญิ ญำตรี สำขำวชิ ำกำรสอนภำษำไทย
คณะศึกษำศำสตร์ มหำวิทยำลัยมหำมกุฏรำชวทิ ยำลยั วทิ ยำเขตอีสำน
พ.ศ. ๒๕๖๔ – ปัจจบุ ัน เปน็ อำจำรยป์ ระจำหลักสตู รระดับบัณฑิตศึกษำ หลักสตู รศึกษำศำสตรมหำบณั ฑติ
และหลกั สตู รศึกษำศำสตรดษุ ฎีบณั ฑติ สำขำวิชำกำรสอนภำษำไทย
คณะศกึ ษำศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั มหำมกุฏรำชวทิ ยำลัย วิทยำเขตอสี ำน
ผลงำนทำงวชิ ำกำร (๕ ปยี ้อนหลงั )
พระครูชิโนวำทธำรง (ปรีดำ ปีติธมฺโม) และอรรถพงษ์ ผิวเหลือง. (๒๕๖๔). วิเครำะห์กำรใช้คำอุปมำเชิง
ภำษำศำสตร์ในวรรณกรรมของพระพรหมโมลี (วิลำศ ญำณวโร). ตีพิมพ์วำรสำร มจร มนุษยศำสตร์
ปรทิ รรศน.์ ปีท่ี ๗ ฉบับที่ ๑ (มกรำคม – มถิ นุ ำยน). หน้ำ ๒๙๙ – ๓๑๕. TCI 2.
อรรถพงษ์ ผิวเหลือง, บัญชำ เกียรติจรุงพันธุ์ และณัฐกิตติ์ สิริวัฒนำทำกุล. (๒๕๖๓). สภำพกำรจัดกำรเรียนรู้
ของครูภำษำไทย : แนวทำงในกำรแก้ปัญหำ. ตีพิมพ์วำรสำรศึกษำศำสตร์ มมร. ปีที่ ๘ ฉบับท่ี ๒
(กรกฎำคม – ธนั วำคม). หนำ้ ๑๙๕ – ๒๑๑. TCI 2.
บัญชำ เกียรติจรุงพันธ์, ณัฐกิตติ์ สิริวัฒนำทำกุล และอรรถพงษ์ ผิวเหลือง. (๒๕๖๓). กำรพัฒนำผลสัมฤทธ์ิ
ทำงกำรเรียนรำยวิชำ ED1020 ประวัติวรรณคดีและวรรณคดีเอกของไทยโดยกำรจัดกิจกรรมกำร
เรียนรู้ ตำมแนวคิดเชิงรุก (Active Learning) สำหรับนักศึกษำสำขำวิชำกำรสอนภำษำไทย ชั้นปีท่ี 2
๒๕๗
มหำวิทยำลัยมหำมกุฏรำชวิทยำลัย วิทยำเขตอีสำน. ตีพิมพ์วำรสำรศกึ ษำศำสตร์ มมร. ปีท่ี ๘ ฉบับที่
๒ (กรกฎำคม – ธนั วำคม). หน้ำ ๑๐๖ – ๑๑๗. TCI 2.
อรรถพงษ์ ผิวเหลือง. (๒๕๖๓). กำรจัดกำรเรียนรู้ภำพพจน์โดยใช้กรณีตัวอย่ำง. ตีพิมพ์วำรสำรวิชำกำรแสง
อีสำน. ปีที่ ๑๗ ฉบบั ท่ี ๒ (กรกฎำคม – ธันวำคม). หน้ำ ๒๖ – ๓๙. (TCI 3).
อรรถพงษ์ ผิวเหลือง. (๒๕๖๓). กำรแผลงเสียงสระภำษำบำลีและสันสกฤตในภำษำไทย. ตีพิมพ์วำรสำร
มนษุ ยศำสตร์และสงั คมศำสตร์ มมร. วิทยำเขตอีสำน. ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๒ (พฤษภำคม – สิงหำคม). หน้ำ
๖๓ – ๗๔.
พระมหำอรรถพงษ์ อตฺถญำโณ, (ผิวเหลือง). (๒๕๖๒). กำรเรียนกำรสอนภำษำอังกฤษเบ้ืองต้นตำมแนว
ภำษำศำสตร์. ตีพิมพ์วำรสำรศึกษำศำสตร์ มมร. ปที ี่ ๗ ฉบับที่ ๑ (มกรำคม – มิถุนำยน). หน้ำ ๑๐๗
– ๑๑๘. (TCI 2).
พระครูชิโนวำทธำรง (ปรีดำ ปีติธมฺโม) และอรรถพงษ์ ผิวเหลือง. (๒๕๖๒). กลวิธีกำรใช้อุปลักษณ์ในเทศนำ
ธรรมของหลวงตำมหำบัว ญำณสมฺปนฺโน. ตีพิมพ์วำรสำรวิชำกำรแสงอีสำน ปีท่ี ๑๖ ฉบับท่ี ๒
(กรกฎำคม – ธนั วำคม). หน้ำ ๒๕๖ – ๒๗๑. (TCI 2).
พระมหำอรรถพงษ์ อตฺถญำโณ, บัญชำ เกียรตจิ รงุ พันธ์, คชำ ประณีตพลกรัง และบัญชำ ธรรมบุตร. (๒๕๖๒).
กำรพัฒนำกำรจัดกำรเรียนรู้เชิงรุกในวิชำหลักภำษำไทย. นำเสนอและตีพิมพ์ในกำรประชุมวิชำกำร
ผลงำนวจิ ยั ระดับชำติ ครั้งท่ี ๑ ครบรอบ ๕๕ ปี มรสน. กับกำรพฒั นำทอ้ งถิน่ .
บญั ชำ ธรรมบุตร, คชำ ประณีตพลกรัง, พระมหำอรรถพงษ์ อตฺถญำโณ และบัญชำ เกียรติจรุงพันธ์. (๒๕๖๒).
กำรพัฒนำกำรจัดกำรเรียนรู้โดยใช้ปัญหำเป็นฐำน (Problem-based learning) ในวิชำคุณธรรม
จริยธรรมสำหรบั คร.ู นำเสนอและตีพิมพ์ในกำรประชุมวชิ ำกำรนำเสนอผลงำนวจิ ยั ระดับชำติ คร้งั ท่ี ๑
ครบรอบ ๕๕ ปี มรสน. กบั กำรพัฒนำท้องถ่ิน.
พระมหำอรรถพงษ์ อตฺถญำโณ, (ผิวเหลือง). (๒๕๖๒). วำทศิลป์ในปำฐกกถำธรรมของสมเด็จพระพุฒำจำรย์
(เกี่ยว อุปเสโณ). ตีพิมพ์วำรสำร มจร มนุษยศำสตร์ปริทรรศน์. ปีที่ ๕ ฉบับท่ี ๑ (มกรำคม –
มถิ นุ ำยน). หนำ้ ๒๙ – ๓๗.
พระมหำอรรถพงษ์ อตฺถญำโณ, (ผิวเหลอื ง). (๒๕๖๑). ควำมแตกต่ำงของอปุ ลักษณต์ ำมแนวคิดโวหำรภำพพจน์
ภำษำศำสตร์ปริชำน และอรรถศำสตร์ปริชำน. ตีพิมพ์วำรสำรศึกษำศำสตร์ มมร. ปีท่ี ๖ ฉบับที่ ๒
(กรกฎำคม – ธนั วำคม). หนำ้ ๓๒๑ – ๓๓๒. (TCI 2).
พระมหำอรรถพงษ์ อตฺถญำโณ, (ผิวเหลือง) และเรืองเดช ป่ันเขือนขัติย์. (๒๕๖๑). กลวิธีกำรใช้อุปลักษณ์ใน
ปำฐกถำธรรมสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (เก่ียว อุปเสโณ). ตีพิมพ์วำรสำรวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์
(มนุษยศำสตร์และสังคมศำสตร์). ปีท่ี ๘ ฉบับที่ ๓ (กันยำยน – ธันวำคม). หน้ำ ๑๐๑ – ๑๑๓. (TCI
2).