The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงาน อบรมพระธรรมทูต 28 กลุ่ม ๕ - ๖ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suphakitth2537, 2022-06-05 12:08:48

รายงาน อบรมพระธรรมทูต 28 กลุ่ม ๕ - ๖ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕

รายงาน อบรมพระธรรมทูต 28 กลุ่ม ๕ - ๖ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕

ภาควชิ าการ 151

6. เทวตานสุ สติ การระลกึ ถึงคณุ ท่ีทำให้คนเปน็ เทวดาเช่นหริ ิ โอตตปั ปะ และ

พระคณุ ของพ่อแมท่ ี่เปน็ เทวดาของบตุ รธดิ า เทวดาหรือบคุ ลทเ่ี คารพนบั ถือ

7. อปุ สมานุสติ การระลึกถงึ พระคณุ ของพระนิพพาน

8. มรณานสุ สติ การระลกึ ถึงความตายทส่ี ัตวโ์ ลกยอ่ มประสบ

9. อานาปานสติ การระลึกถงึ ลมหายใจเขา้ ออก

10. กายคตาสติ การระลกึ ถงึ ความไมง่ ามปฏกิ ลู ของอาการ32มผี ม ขน เล็บ ฟนั

หนัง (ปญั จตจกรรมฐาน)

อสภุ 10

แปลว่า ไมง่ าม ไม่สวย ไมด่ ี คอื ไม่นา่ ช่ืนชม นา่ เกลียด นา่ ระอา ใชว้ ่า อสภุ ะ ก็ได้ อสุภ

ในคำวัดใชห้ มายถงึ ซากศพในสภาพตา่ งๆ ซง่ึ ทา่ นกำหนดเปน็ อารมณก์ รรมฐาน ได้

กลา่ วไว้โดยรวม 10 อยา่ งคือ

1. อทุ ธมุ าตกะ ซากศพทพี องขน้ึ อดื

2. วินลี กะ ซากศพทเี่ ขยี วคลำ้

3. วปิ พุ พกะ ซากศพที่มนี ้ำเหลอื งไหลเยมิ้

4. วิจฉทิ ทกะ ซากศพที่ขาดกลางตัว

5. วกิ ขายิตกะ ซากศพที่ถูกสตั วก์ ัดกนิ

6. วกิ ขติ ตกะ ซากศพที่มมี อื เท้า ศรี ษะขาดหายไป

7. หตวกิ ขิตตกะ ซากศพทถี่ กู บั่นเปน็ ท่อนๆ

8. โลหติ กะ ซากศพท่ถี กู ประหารมเี ลอื ดไหลนอง

9. ปฬุ ุวกะ ซากศพทเ่ี นา่ เฟะคลาคล่ำด้วยตวั หนอน

10. อฏั ฐิกะ ซากศพทเี่ หลือแต่โครงกระดกู

ปฏิจจฺ สมปุ ปฺ าท เปน็ ชื่อพระธรรมหวั ขอ้ หน่งึ ในศาสนาพทุ ธ เรยี กอีกอย่างว่า อิ

ทัปปจั จยตา หรือ ปจั จยาการ เปน็ หลกั ธรรมทอี่ ธิบายถึงการเกดิ ขน้ึ พรอ้ มแห่งธรรม

ทง้ั หลายเพราะอาศัยกัน, การทสี่ ่ิงทงั้ หลายอาศยั กันจงึ เกดิ มีขนึ้ เชน่ ทกุ ข์เกดิ ขึ้น

เพราะมีปจั จัย 12 เร่ืองเกดิ ข้นึ สบื ๆ เนอ่ื งกันมาตามลำดบั ดงั น้ี คอื

เพราะ อวิชชา เป็นปจั จัย สังขารทั้งหลายจงึ มี

เพราะ สังขาร เปน็ ปจั จัย วญิ ญาณจงึ มี

เพราะ วิญญาณ เปน็ ปจั จัย นามรูปจงึ มี

เพราะ นามรูป เปน็ ปจั จัย สฬายตนะจงึ มี

เพราะ สฬายตนะ เปน็ ปจั จยั ผสั สะจึงมี

เพราะ ผสั สะ เปน็ ปจั จัย เวทนาจึงมี

เพราะ เวทนา เปน็ ปจั จยั ตณั หาจงึ มี

เพราะ ตณั หา เป็นปจั จัย อปุ าทานจงึ มี

ภาควชิ าการ 152

เพราะ อุปาทาน เปน็ ปจั จยั ภพจึงมี

เพราะ ภพ เป็นปจั จัย ชาตจิ งึ มี

เพราะ ชาติ เปน็ ปจั จยั ชรามรณะจงึ มี

อรยิ สัจ 4

ทุกข์ คอื ความจริงท่ีวา่ ด้วยความทุกข์

สมทุ ยั คอื ความจรงิ ที่วา่ ด้วยเหตุให้เกิดทุกข์

นิโรธ คือ ความจริงท่วี ่าด้วยความดบั ทกุ ข์

มรรค คือความจริงท่วี า่ ดว้ ยทางแหง่ ความดบั ทุกข์

พรหมวหิ าร ๔

เมตตา คอื ความปรารถนาใหผ้ ้อู ่นื พ้นจากความทุกข์

กรณุ า คอื การช่วยเหลอื ผอู้ น่ื ใหพ้ น้ จากความทกุ ข์

มุทติ า คือ ยนิ ดเี ม่ือผอู้ ่ืนไดด้ ี

อเุ บกขา คอื วางเฉยเมือ่ ทำความดีถงึ ทสี่ ุดแล้ว

สติปฏั ฐาน ๔

กายานปุ ัสสนาสตปิ ฏั ฐานา คือ การต้ังสตกิ ำหนดพจิ ารณากาย

เวทนานปุ สั สนาสิปฏั ฐานา คอื การตั้งสตกิ ำหนดพิจารณาเวทนา

จิตตานปุ ัสสนาสติปัฏฐานาคือ การตงั้ สตกิ ำหนดพจิ ารณาจติ

ธมั มานปุ ัสสนาสตปิ ัฏฐานาคือ การตง้ั สติกำหนดพจิ ารณาธรรม

Cultivating of Loving-kindness (Metta)
To one's own self:

Ahom sukhito homi - May I be happy.
Avero homi - May I be free from enmity.

Abyapajjho homi - May I be free from hurtfulness.
Anijho homi - May I be free from troble of mind

and body.
Sukhi attanam pariharami - May I be able to protect my

To all being: own happiness.

Sabba Satta – Whatever beings there are,
Sukhita hontu - May they be happy.

Avera hontu - May they be free from enmity.
Abyapajjha hontu - May they be free from

hurtfulness.
Anijha hontu - May they be free from trobles of

mind and body.
Sukhi attanam pariharami - May they be able to protect

their own happiness.

ภาควชิ าการ 153

เวลา 13.00 – 15.00 น.
กิจกรรม รบั ฟังการบรรยาย
สถานท่ี หอประชุมพร รัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด
เพชรบูรณ์
ภารกิจทไ่ี ด้รับ เขา้ ร่วมรบั ฟังการบรรยาย
เรื่อง ประสบการณ์พระธรรมทตู สายตา่ งประเทศ
บรรยายโดย พระธรรมวชริ มนุ ี วิ. ผศ,ดร. (บญุ ชิต ญาณสวํ โร ป.ธ.9)
กรรมการมหาเถรสมาคม, เจา้ คณะกรงุ เทพมหานคร
เนื้อหาการบรรยาย
ประโยชนท์ ่ีได้รับ 1. การเป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศภาษาอังกฤษและ
2. ภาษาตา่ งประเทศอ่นื ๆเป็นส่ิงทสี่ ามารถฝึกหัดไดโ้ ดยการสะสบประสบการณผ์ ่าน

การฟงั คอื การการเรยี นโดยธรรมชาตแิ ต่วธิ ีการเรียนรู้นัน้ ตอ้ งออกไปเรยี นรจู้ าก
สถานทจี่ รงิ และกล้าทจ่ี ะพดู และฟงั ภาษาตา่ งประเทศจากชาวต่างชาตผิ ู้เปน็
เจ้าของภาษา จะทำใหเ้ ข้าใจภาษาตา่ งประเทศได้
3. หากเราไมส่ ามารถทำได้ เราตอ้ งเรียนรู้วธิ ีการเอาตัวรอดในขณะทอ่ี ย่ตู า่ งประเทศ
ด้วยการประพฤติตนให้เหมาะสม ใชห้ ลกั การ “พงึ ทำตวั เป็นคนโงแ่ ละนา่ สงสาร”
และจะมคี นมาช่วยเหลือเรา
4. การเป็นพระธรรมทตู นั้นนอกเหนอื จากการทำหน้าทขี่ องพระธรรมทูตเองแล้ว
ตอ้ งไม่ลมื สร้างประโยชน์ในดา้ นอนื่ ๆ ใหก้ ับผอู้ ื่นดว้ ย เพราะเปน็ การอยรู่ ่วมกนั ใน
สงั คม
5. การเปน็ พระธรรมทูตนัน้ ตอ้ งเรยี นร้อู ยเู่ สมอและสามารถปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรม
ท้งั ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศได้ พร้อมทงั้ สามารถแนะนำ สง่ั สอนญาติโยม
ท้ังชาวไทยและชาวตา่ งชาติ สามารถเป็นที่พง่ึ ใหก้ บั ญาติโยมได้ สอนปฏิบัติธรรม
ตามหลกั สตปิ ัฏฐาน ๔
หม่นั ทบทวนบทสวดมนต์ตา่ งๆ สามารถทอ่ งรปู เดียวไดท้ ้ังมนต์ในงานมงคลและงาน
อวมงคล เจ็ดตำนาน สบิ สองตำนาน เปน็ ตน้

เวลา 15.00 – 16.30 น.
ชือ่ กจิ กรรม เข้าฟงั บรรยายวิปัสสนาภาคภาษาองั กฤษ
สถานที่ หอประชุมพร รัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด
เพชรบูรณ์
ภารกิจทไ่ี ดร้ ับ เข้ารับฟังการบรรยาย

ภาควชิ าการ 154

เรือ่ ง วิปัสสนาภาคภาษาอังกฤษ
บรรยายโดย พระมหาไสว ญาณวีโร ดร.
เนอื้ หาการบรรยาย วธิ ีปฏิบตั วิ ิปสั สนากรรมฐาน
อนุสสติ 10
หมายถงึ กรรมฐานเปน็ เคร่ืองระลกึ ถึงประกอบไปดว้ ย

1. พทุ ธานุสสติ การระลกึ ถึงพระคุณของพระพทุ ธเจา้
2. ธมั มานสุ สติ การระลึกถงึ พระคณุ ของพระธรรม
3. สงั ฆานุสสติ การระลึกถงึ พระคณุ ของพระสงฆ์
4. สลี านสุ สติ การระลึกถงึ ศลี ที่ตนรักษา
5. จาคานุสสติ การระลกึ ถงึ ทาน บุญ ความดีท่ีตนสร้างไว้
6. เทวตานสุ สติ การระลึกถึงคณุ ท่ที ำให้คนเป็นเทวดา เชน่ หริ ิ โอตตปั ปะ และ

พระคุณของพอ่ แม่ทเี่ ป็นเทวดาของบตุ รธดิ า เทวดาหรือบคุ ลที่เคารพนบั ถอื
7. อปุ สมานุสติ การระลกึ ถงึ พระคุณของพระนิพพาน
8. มรณานสุ สติ การระลกึ ถึงความตายทส่ี ัตวโ์ ลกยอ่ มประสบ
9. อานาปานสติ การระลกึ ถงึ ลมหายใจเขา้ ออก
10. กายคตาสติ การระลกึ ถงึ ความไมง่ ามปฏิกลู ของอาการ32มผี ม ขน เล็บ ฟัน

หนงั (ปญั จตจกรรมฐาน)
อสภุ 10
แปลวา่ ไม่งาม ไม่สวย ไมด่ ี คอื ไมน่ า่ ชนื่ ชม น่าเกลยี ด นา่ ระอา ใชว้ ่า อสภุ ะ กไ็ ด้ อสภุ
ในคำวดั ใช้หมายถึงซากศพในสภาพตา่ งๆ ซ่ึงทา่ นกำหนดเป็นอารมณก์ รรมฐาน ได้
กล่าวไวโ้ ดยรวม 10 อย่างคอื

1. อทุ ธุมาตกะ ซากศพทพี องขึน้ อืด
2. วนิ ลี กะ ซากศพทเ่ี ขยี วคลำ้
3. วปิ พุ พกะ ซากศพท่ีมีนำ้ เหลอื งไหลเยม้ิ
4. วจิ ฉทิ ทกะ ซากศพที่ขาดกลางตวั
5. วิกขายติ กะ ซากศพท่ีถูกสัตวก์ ดั กิน
6. วิกขิตตกะ ซากศพท่ีมมี อื เทา้ ศรี ษะขาดหายไป
7. หตวิกขิตตกะ ซากศพทถ่ี กู บัน่ เป็นทอ่ นๆ
8. โลหิตกะ ซากศพที่ถกู ประหารมีเลือดไหลนอง
9. ปุฬุวกะ ซากศพท่ีเน่าเฟะคลาคล่ำดว้ ยตัวหนอน
10. อฏั ฐิกะ ซากศพทเ่ี หลอื แต่โครงกระดกู
ปฏิจจฺ สมปุ ปฺ าท เปน็ ช่ือพระธรรมหวั ขอ้ หนึ่งในศาสนาพทุ ธ เรยี กอีกอย่างวา่ อิ
ทัปปจั จยตา หรือ ปัจจยาการ เป็นหลกั ธรรมท่ีอธิบายถึงการเกิดขน้ึ พรอ้ มแหง่ ธรรม

ภาควชิ าการ 155

ทง้ั หลายเพราะอาศยั กัน, การทส่ี ่ิงทง้ั หลายอาศัยกนั จึงเกดิ มีขน้ึ เชน่ ทุกข์เกดิ ข้นึ

เพราะมปี จั จยั 12 เรอ่ื งเกิดข้ึนสืบ ๆ เนอื่ งกนั มาตามลำดบั ดงั นี้ คอื

เพราะ อวิชชา เปน็ ปจั จยั สงั ขารทง้ั หลายจึงมี

เพราะ สงั ขาร เป็นปจั จัย วญิ ญาณจงึ มี

เพราะ วิญญาณ เป็นปจั จัย นามรปู จงึ มี

เพราะ นามรปู เป็นปจั จยั สฬายตนะจงึ มี

เพราะ สฬายตนะ เปน็ ปจั จัย ผสั สะจงึ มี

เพราะ ผัสสะ เป็นปจั จัย เวทนาจงึ มี

เพราะ เวทนา เปน็ ปจั จยั ตณั หาจงึ มี

เพราะ ตณั หา เปน็ ปจั จยั อปุ าทานจงึ มี

เพราะ อปุ าทาน เปน็ ปจั จัย ภพจึงมี

เพราะ ภพ เปน็ ปจั จยั ชาตจิ งึ มี

เพราะ ชาติ เป็นปจั จัย ชรามรณะจงึ มี

อรยิ สัจ 4

ทุกข์ คอื ความจรงิ ทวี่ ่าดว้ ยความทกุ ข์

สมุทยั คือ ความจรงิ ทว่ี ่าดว้ ยเหตใุ ห้เกดิ ทกุ ข์

นโิ รธ คอื ความจริงที่วา่ ด้วยความดบั ทุกข์

มรรค คอื ความจรงิ ที่ว่าดว้ ยทางแหง่ ความดบั ทกุ ข์

พรหมวิหาร ๔

เมตตา คอื ความปรารถนาใหผ้ ูอ้ นื่ พน้ จากความทกุ ข์

กรุณา คอื การช่วยเหลอื ผู้อืน่ ให้พน้ จากความทุกข์

มทุ ิตา คอื ยนิ ดเี มื่อผอู้ ืน่ ได้ดี

อุเบกขา คอื วางเฉยเมอ่ื ทำความดถี ึงทส่ี ดุ แลว้

สตปิ ัฏฐาน ๔

กายานุปัสสนาสตปิ ฏั ฐานา คือ การตง้ั สตกิ ำหนดพจิ ารณากาย

เวทนานุปสั สนาสปิ ฏั ฐานา คือ การต้ังสตกิ ำหนดพิจารณาเวทนา

จติ ตานุปัสสนาสติปัฏฐานาคอื การตงั้ สตกิ ำหนดพจิ ารณาจิต

ธมั มานุปสั สนาสติปัฏฐานาคือ การตงั้ สติกำหนดพจิ ารณาธรรม

เวลา 16.40 น.

พกั ฉนั นำ้ ปานะ / ทำกิจสว่ นตัว

เวลา 17.30 – 18.00 น.

เสียงสัญญาณระฆัง / วดั อุณหภูมิ / ลงทะเบยี น

เวลา 18.00 – 18.30 น.

ภาควิชาการ 156

กจิ กรรม ทำวตั รเย็น

สถานที่ ศนู ยพ์ ฒั นาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาคอ้ จงั หวัดเพชรบรู ณ์

ภารกจิ ทไ่ี ด้รบั เข้าร่วมกจิ กรรมทำวัตรเย็น

นำทำวัตรโดย คณาจารย์

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / o บททำวตั รเย็น

ทบทวนธรรม o อะตีตะปัจจะเวกขะณะ (อชฺช มยา……….)

o นโม……….

o พุทธฺ ํ สรณํ……….

o กรณียเมตตสูตร (กรณี……….)

o ขนั ธะปะรติ ตะคาถา (วิรูปกเฺ ข……….)

o เทวะตาอยุ โยชะนะคาถา (ทกุ ขปฺปตฺตา……….)

o สัพพมงคลคาถา (ภวตุ สพั พ……….)

o กรวดน้ำ (อิมินา……….)

แผ่เมตตา (สพั เพ สัตตา……….)

ประโยชน์ท่ีไดร้ ับ 1. ไดท้ บทวนธรรม

2. การสวดมนต์เป็นการฝึกสมาธิ ให้ใจมีความสงบ ตั้งมั่นอยู่กับคำสวดมนต์อย่าง

ต่อเนอื่ ง ใจจดจ่ออย่กู บั บทสวดมนต์ระมัดระวังไมใ่ หส้ วดผิด ซงึ่ การมสี มาธอิ ยู่กบั

สวดมนต์นี้ จะทำให้เรามีความสงบเยือกเย็นในจิตใจเพิ่มมากขึ้น และมีพลังใน

การคดิ สรา้ งสรรค์ในสงิ่ ตา่ งๆ ได้ดียิง่ ข้ึนอกี ด้วย

3. การสวดมนต์เป็นการสร้างศรทั ธา สร้างความเชื่อม่นั ในคณุ ของพระรัตนตรัย เป็น

การเสริมสร้างพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนา และน้อมนำหลักธรรมทาง

พระพทุ ธศาสนามาใช้ในการดำเนินชวี ติ อย่างมคี ุณคา่

เวลา 18.30 – 21.00 น.
กิจกรรม รับฟังการบรรยาย
สถานท่ี หอประชุมพร รัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด
เพชรบูรณ์
ภารกจิ ทไี่ ดร้ บั เขา้ ร่วมรับฟงั การบรรยาย
เรอื่ ง การเป็นพระธรรมทตู ทด่ี ี
บรรยายโดย พระโสภณวชิราภรณ์ (ไสว โชตโิ ก ป.ธ.๖) ดร. อัคคมหาบัณฑติ
รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ประธานคณะกรรมการดำเนนิ งานโครงการอบรมพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ

ภาควชิ าการ 157

เนอ้ื หาการบรรยาย พระธรรมทดี่ ีตอ้ งมี 5 ฝา่ ย
ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับ 1. ปกครอง
2. สามญั ศึกษา
3. ศกึ ษาสงเคราะห์
4. เผยแผ่
5. สาธารณสงเคราะห์
พระธรรมทตู จะเดนิ ทางไกลต้องเตรียมตัวใหพ้ ร้อมใหด้ ี
ถา้ อยากเป็นธรรมทตู ท่ปี ระสบความสำเรจ็ ต้องมี 2 อยา่ ง คือ

1. หวั ใจ คือ ศรัทธาในความเป็นพระธรรมทูตและการเผยแผท่ ง้ั ในปจั จุบนั และ

อนาคตด้วยความไม่ทอ้ แท้ ขบั เคล่อื นด้วยอดุ มการณ์พระธรรมทูต สามารถ
สร้างวดั ที่ไมใ่ ชส่ ถานท่ีแต่คือศรัทธาความเลือ่ มใสของพุทธศาสนิกชน ณ ที่
น้ัน ให้ตง้ั ม่ันในสถานท่ีน้นั ได้

2. หัวคิด คือ ต้องไม่ทำใหค้ นอื่นหรือส่วนรวม องค์กรต่างๆเกิดความเสียหาย

ตอ้ งมีหัวคิดในการทำให้เกดิ ศรทั ธาแกพ่ ุทธศาสนิกชน

เวลาไปอยู่ตา่ งประเทศ ตอ้ งยดึ หลัก 3 ประการ คือ
1. ตอ้ งยึดหลักกฎหมาย คือ ต้องศกึ ษาและปฏบิ ัติตามกฎหายในประเทศท่ีท่ีไป
ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี
2. ต้องยึดหลักพระธรรมวินัย คือ วิธีปฏิบัติของวงศ์สมณะไม่ให้เกิดความ
เสยี หาย
3. รักษาขนบธรรมเนียมประเพณี คือ รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีใน
พระพุทธศาสนาและประเพณไี ทย

การไปปฏิบตั ิศาสนกจิ ที่ตา่ งประเทศ
1. จะต้องศึกษาเกี่ยวกับประเทศที่จะไปปฏิบัติศาสนกิจให้ครบทุกด้าน และ
อุดมการณข์ องการไปปฏบิ ัติหน้าทีข่ องพระธรรมทตู
2. คำนงึ ถงึ วดั ท่ีจะไปปฏิบัติศาสนกจิ นนั้ มีทรัพยากรเพียงพอและเหมาะสมกับ
พระธรรมทูตหรอื ไม่ ทัง้ ทางดา้ นบคุ ลากร สถานที่ สงิ่ แวดล้อม เป็นต้น
3. ถ้าจะไปปฏิบัติศาสนกิจท่ีตา่ งประเทศ จะต้องเตรียมศกึ ษาประเทศทีจ่ ะไป
เอกสารทตี่ อ้ งเตรยี ม วิธีการ หลกั ปฏิบตั ิ และลงมือปฏิบัตใิ ห้ถูกต้องในฐานะ
พระธรรมทตู สายต่างประเทศโดยคำนงึ ถงึ อุดมการณ์ของพระธรรมทตู

ภาควชิ าการ 158

4. -การทำหนงั สอื เดินทางเลม่ สีแดง จะมีการอนุมตั ทิ ุกวันท่ี 1 และ 15 ของทุก
เดือนโดยสำนกั งาน ศตภ.

5. การทำหนังสือเดินทางราชการ เล่มสีนำ้ เงิน จะมกี ารอนมุ ตั ิทุกวันที่ 10,20,1
และ 30 ของทกุ เดอื นโดยมหาเถรสมาคม

กิจกรรมวันที่ 2

วัน เสาร์ ที่ 7 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เวลา 05.00 – 06.50 น.

กจิ กรรม ทำวตั รเชา้ และเจรญิ จิตภาวนา

สถานที่ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมปส์ น อำเภอเขาค้อ จงั หวดั เพชรบูรณ์

ภารกจิ ทไ่ี ด้รบั เขา้ รว่ มกจิ กรรมทำวตั รเช้า

นำทำวัตรโดย คณาจารย์

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / o บททำวตั รเชา้

ทบทวนธรรม o ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา (พทุ โธ สสุ ุทโธ..........)

o ตงั ขณิกปัจจเวกขณปาฐะคาถา (ปฏสิ งั ขาโย..........)

o ปตั ติทานะคาถา (ยา เทวะตา..........)

o แผเ่ มตตา (สัพเพ สัตตา..........)

ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับ 1. สามารถไล่ความขี้เกียจเพราะขณะสวดมนต์อารมณ์เบื่อเซื่องซึมง่วงนอนเกียจ

ครา้ นจะหมดไป และเกิดความแช่มชืน่ กระฉับกระเฉงขนึ้

2. เป็นการตัดความเห็นแก่ตัว เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวด

มนตอ์ ย่างตง้ั ใจ ไมไ่ ด้คิดถึงตวั เอง ความโลภ โกรธ หลง จงึ มิได้เกิดข้ึนในจติ

3. เปน็ การกระทำทไ่ี ดป้ ัญญา ถ้าการสวดมนตโ์ ดยรูค้ ำแปล รคู้ วามหมาย ก็ยอ่ มทำ

ให้ผู้สวดได้ปญั ญาความรู้ แทนที่จะสวดเหมือนนกแก้วนกขุนทองโดยไม่รู้อะไร

เลย

4. มีจติ เปน็ สมาธิ เพราะขณะน้นั ผูส้ วดตอ้ งสำรวมใจแนว่ แน่ มฉิ ะนนั้ จะสวดผดิ ท่อน

ผิดทำนอง เม่อื จิตเป็นสมาธิ ความสงบเยือกเย็นในจติ จะเกิดข้ึน

5. เปรยี บเสมอื นการไดเ้ ฝ้าพระพุทธเจา้ เพราะขณะนนั้ ผู้สวดมี กาย วาจา ปกติ (มี

ศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มี

ปญั ญา) เท่ากับไดเ้ ฝา้ พระองค์ดว้ ยการปฏบิ ตั ิบูชา ครบไตรสิกขาอย่างแท้จริง

เวลา 08.30 – 10.50 น.
กิจกรรม รบั ฟงั การบรรยาย

ภาควชิ าการ 159

สถานท่ี ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบรู ณ์
ภารกจิ ทีไ่ ดร้ ับ เข้าร่วมรับฟังการบรรยายผ่านโปรแกรม zoom
เรอ่ื ง วปิ สั สนาภาคภาษาองั กฤษ
บรรยายโดย พระมหาไสว ญาณวโี ร ดร.
เนื้อหาการบรรยาย
ประโยชนท์ ไี่ ดร้ ับ Buddhist Meditation
Calming Meditation (Samatha Bhāvanā)
• In Visuddhimagga there are forty objects of Tranquility

meditation (Samatha Bhāvanā).

The forty meditation objects can be divided into seven main
groups as follows:

1. The ten kasina (Contemplation devices)
2. The ten Asubha (Impurities)
3. The ten Anussati (recollections)
4. The Four Brahma - vihāra (Sublime states of mind;

Excellent states)
5. The Four Arūpa (Immaterial states; Formless sphere)
6. Āhāre-Patikula-saññā (Contemplation of the

Loathsomeness of food)
7. Catudhātu-vavatthāna (Determining of the four great

elements)

Insight Meditation (Vipassanā Bhāvanā)

• The objects of Insight meditation have been divided into six
groups as follows:
1. The Five Aggregates (Khandha)
2. The Twelve Bases: Internal (6) & External (6) Sense
Bases (Āyatana)
3. The Eighteen Elements (Dhātu)
4. The Twenty–two Faculties (Indriya)
5. The Four Noble Truths (Ariyasacca)
6. The Twelve Dependent Originations (Paticcasamuppāda)

The Four Foundations of Mindfulness (Satipaṭṭhāna) are:

• The Contemplation of body (Kāyānupassanā
Satipaṭṭhāna)

• The Contemplation of feelings (Vedanānupassanā
Satipaṭṭhāna)

• The Contemplation of mental states or consciousness
(Cittānupassanā Satipaṭṭhāna)

• The contemplation of mental objects
(Dhaammānupassanā Satipaṭṭhāna)

ภาควชิ าการ 160

The Method of Vipassanā Meditation
• The Practice of Vipassanā Meditation or Satipatthāna -

Contemplation of mindfulness has been followed in the
main bodily postures (Iriyā- patha) and the minor (small)
bodily postures (Sampajañña-patha) of Mahāsatipaṭṭhāna
Sutta-Discourse on the Four Foundation of Mindfulness. The
Main Bodily Postures There are four Types of main bodily
postures, these are: Standing, Walking/Going, Sitting and
Lying down.

1. Standing Meditation
• Before walking, put your feet together. Your arms should be

hold in the front or behind the back or across the chest. Your
head must not bend. If you bend your head, you may be felt
tension in your neck or shoulders or may have a headache
or dizziness.
Do not look at your foot. If you look at your foot, you cannot
concentrate well on the movement. Do not look around here
and there. When you look around, your mind goes with the
eyes; then your concentration is broken. Do not close your eyes
but keep them half-closed and looking forward about two
meters in front of your foot. Be mindful of standing posture,
and then you should make a mental note as 'Standing, Standing,
Standing'.

2. Walking Meditation
• According to Visuddhi-Magga (The Path of Purification), in

the stepping of the foot has been divided six stages, these
are.
→ 1 Stages: Right goes thus - Left goes thus
→ 2 Stages: Lifting - Treading
→ 3 Stages: Lifting - Moving - Treading
→ 4 Stages: Heel up - Lifting - Moving - Treading
→ 5 Stages: Heel up - Lifting - Moving - Lowering - Touching
→ 6 Stages: Heel up - Lifting - Moving - Lowering - Touching
- Pressing

3. Sitting Meditation
• When you intend to sit down by making a mental note as

'Intending to sit, Intending to sit, Intending sit', While Sitting

ภาควิชาการ 161

down, you must be observed on every action of movement,
such as 'Bending, Stretching of your arms or feet, and so on.

Should sit with crossed legs.
Put your the right foot on the left foot and put your the right

hand on the left hand. The body must not bend.
Sitting posture should be balanced, relaxed the mind and

the body as much as possible. Close your eyes while doing
sitting meditation. If you do, concentration is not broken. Do
not sit leaning against a wall or other support. This weakens
right effort (Viriya) and you will feel sleepy.

Normal and natural breathing. Do not take quick and deep
breaths, you will get tired. Do not shift your posture.

In the beginning, if the movement of your abdomen is not
clear and gradual, you may place one or both hands on your
abdomen.

When the abdomen moves out (upward) you should be
noted as 'Rising', and when the abdomen moves in (downward)
you should be noted as 'Falling'.

During sitting meditation, if anything arises in your mind,
such as: When any feelings arise you must be noted as 'itching',
'tired', 'painful', 'suffering', 'aching', and so on. This act is
known as mindfulness of feelings – (Vedanānupassanā
Satipatthāna)

When any thoughts arise you must be noted as 'thinking',
'imagining', 'angry or anger', 'anxious'. This act is known as
mindfulness of mind or consciousness (Cittānupassanā
Satipatthāna)./

When any one of the five hindrances arises you must be
aware of it. For example,

When you see, hear, smell, taste, and touch you must be
noted as 'seeing', 'hearing', 'smelling', 'tasting', 'touching'.

When you are sleepy, you must be noted as 'sleepy'. When
the mind wanders, should be noted as 'wandering'. When doubt
arises, you must be noted as 'doubt'. This act is known as
mindfulness of mind-objects (Dhammānupassanā
Satipatthāna). These are the four foundation of mindfulness.

4. Lying down Meditation
When you intend to lie down, making a mental note as

'Intending to lie down', (3 times); you must be noted on every
detail of actions in Lying down, such as 'Lifting, Stretching,
Leaning, and so on.

ภาควิชาการ 162

In the Lying Meditation, it is advisable to note only before
the bedtime, and not in the daytime, because after the Lying
Meditation, you usually fall asleep.

In the lying posture, you may lie with your right side (a lion's
Lying- Sihasaiya) or lie on the back.

While you are in lying posture, you must be noted as 'Rising-
Falling' of the abdomen until fall asleep, practice same as in
doing sitting meditation.

The Minor (small) Bodily Postures. There are many kinds of
the minor bodily postures, such as : ‘bending’, ‘stretching’,
‘looking at’, ‘looking askew’, ‘wearing clothes’, ‘excreting’,
‘eating’, ‘drinking’ and so on.

During the practice of Vipassanā meditation you must be
noted on these the minor bodily postures as much as possible.

เวลา 13.00 – 16.30 น.
กจิ กรรม ฟังบรรยายธรรมภาคปฏบิ ัติ
สถานที่ หอประชุมพร รัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด
เพชรบรู ณ์
ภารกจิ ทไ่ี ดร้ บั ฟงั บรรยายธรรมภาคปฎบิ ตั ิ
เรื่อง วปิ ัสสนาภาคภาษาอังกฤษ
บรรยายโดย พระมหาไสว ญาณวโี ร ดร.
เนื้อหาการบรรยาย
ประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั ความรทู้ ่ัวไปวิปสั สนากรรมฐานภาคภาษาอังกฤษ

The Minor (small) Bodily Postures
There are many kinds of the minor bodily postures, such

as : ‘bending’, ‘stretching’, ‘looking at’, ‘looking askew’, ‘wearing
clothes’, ‘excreting’, ‘eating’, ‘drinking’ and so on.

During the practice of Vipassana meditation you must be
noted on these the minor bodily postures as much as possible.
Appendix: The Exercise of Nothing (Observing:
Contemplating)
1.While seeing or looking say in your mind as “seeing”,
“looking”
2.While hearing say in your mind as “hearing”
3.While smelling say in your mind as “smelling”
4.While tasting say in your mind as “tasting”
5.While touching say in your mind as “touching”
6.While bending say in your mind as “bending”
7.While stretching say in your mind as “stretching”
8.While turning say in your mind as “turning”

ภาควชิ าการ 163

9.While eating say in your mind as “eating”
10. While drinking say in your mind as “drinking”
11. While chewing say in your mind as “chewing”
12. While swallowing say in your mind as “swallowing”
13. While changing say in your mind as “changing”
14. While moving say in your mind as “moving”
15. While lifting say in your mind as “lifting”
16. While getting say in your mind as “getting”
17. While standing say in your mind as “standing”
18. While walking say in your mind as “walking”or “Right Left”
19. While sitting say in your mind as “sitting”or “rising falling”
20. While lying say in your mind as “lying”or “rising falling”
21. While feeling pain/ache say in your mind as “pain”or “ache”
22. While feeling numb say in your mind as “numb”
23. While feeling tired say in your mind as “tired”
24. While feeling cold say in your mind as “cold”
25. While feeling hot say in your mind as “hot”
26. While feeling itch say in your mind as “itch”
27. While thinking/imaging say in your mind as
“thinking/imaging”
28. While wandering say in your mind as “wandering”
29. While dreaming say in your mind as “dreaming”
30. While feeling happy say in your mind as “happy”
31. While feeling unhappy say in your mind as “unhappy”
32. While feeling sad say in your mind as “sad”
33. While feeling glad say in your mind as “glad”
34. While feeling angry/hated say in your mind as “angry”or
“hated”
35. While feeling wanting/desire say in your mind as
“wanting”or “desire”
36. While feeling sleepy/drowsy say in your mind as “sleepy”or
“drowsy”
37. While feeling worry say in your mind as “worry”
38. While feeling hungry say in your mind as “hungry”
39. While feeling annoyed say in your mind as “annoyed”
40. While feeling bored say in your mind as “bored”
41. While feeling good say in your mind as “good”
42. While feeling clam say in your mind as “clam”
Remark: Noting mean saying the word in your mind which you
are experencing in your body and mind within the present
moment.
Rising: upward movement of the abdomen.
Falling: downward of the abdomen.
Sitting Meditation.

ภาควชิ าการ 164

When you intend to sit down by making a mental note as
'Intending to sit, Intending to sit, Intending sit', While Sitting
down, you must be observed on every action of movement,
such as 'Bending, Stretching of your arms or feet, and so on.
Should sit with crossed legs.
Put your the right foot on the left foot and put your the right
hand on the left hand.
The body must not bend.
Sitting posture should be balanced, relaxed the mind and the
body as much as possible.
Close your eyes while doing sitting meditation. If you do,
concentration is not broken.
Do not sit leaning against a wall or other support. This weakens
right effort (Viriya) and you will feel sleepy.
Normal and natural breathing. Do not take quick and deep
breaths, you will get tired.
Do not shift your posture.

In the beginning, if the movement of your abdomen is not
clear and gradual, you may place one or both hands on your
abdomen.

When the abdomen moves out (upward) you should be
noted as 'Rising', and when the abdomen moves in (downward)
you should be noted as 'Falling'.

During sitting meditation, if anything arises in your
mind, such as:

When any feelings arise you must be noted as 'itching',
'tired', 'painful', 'suffering', 'aching', and so on. This act is
known as mindfulness of feelings – (Vedanānupassanā
Satipatthāna)
When any thoughts arise you must be noted as 'thinking',
'imagining', 'angry or anger', 'anxious'. This act is known as
mindfulness of mind or consciousness (Cittānupassanā
Satipatthāna).

When any one of the five hindrances arises you must be
aware of it. For example, When you see, hear, smell, taste, and
touch you must be noted as 'seeing', 'hearing', 'smelling',
'tasting', 'touching'.

When you are sleepy, you must be noted as 'sleepy'.
When the mind wanders, should be noted as 'wandering'. When
doubt arises, you must be noted as 'doubt'. This act is known as
mindfulness of mind-objects (Dhammānupassanā
Satipatthāna). These are the four foundation of mindfulness.
REMARKS: During in Walking and Sitting Meditation, if any
object arises, you must be noted on that object until they passes
away. After their disappearance you have to return back to note

ภาควิชาการ 165

on the original object, that is 'Rising-Falling' in the act of Sitting
Meditation and 'Right goes thus - Left goes thus' in the act of
Walking Meditation.
Lying down Meditation
When you intend to lie down, making a mental note as
'Intending to lie down', (3 times); you must be noted on every
detail of actions in Lying down, such as 'Lifting, Stretching,
Leaning, and so on.

In the Lying Meditation, it is advisable to note only
before the bedtime, and not in the daytime, because after the
Lying Meditation, you usually fall asleep.

In the lying posture, you may lie with your right side (a
lion's Lying- Sihasaiya) or lie on the back.

While you are in lying posture, you must be noted as
'Rising-Falling' of the abdomen until fall asleep, practice same
as in doing sitting meditation.

เวลา 18.00 – 18.30 น.

กิจกรรม ทำวตั รเยน็

สถานที่ ศูนยพ์ ฒั นาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จงั หวัดเพชรบูรณ์

ภารกจิ ที่ไดร้ ับ เขา้ ร่วมกจิ กรรมทำวัตรเยน็

นำทำวัตรโดย คณาจารย์

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / o บททำวตั รเย็น

ทบทวนธรรม o อะตตี ะปจั จะเวกขะณะ (อชชฺ มยา……….)

o นโม……….

o พุทธฺ ํ สรณํ……….

o กรณยี เมตตสูตร (กรณี……….)

o ขนั ธะปะริตตะคาถา (วิรปู กเฺ ข……….)

o เทวะตาอุยโยชะนะคาถา (ทุกขปปฺ ตตฺ า……….)

o สพั พมงคลคาถา (ภวตุ สัพพ……….)

o กรวดน้ำ (อมิ ินา……….)

แผ่เมตตา (สัพเพ สัตตา……….)

ประโยชน์ทีไ่ ดร้ ับ 1. ได้ทบทวนธรรม

2. การสวดมนตเ์ ป็นการฝึกสมาธิ ให้ใจมีความสงบ ตั้งมั่นอยู่กับคำสวดมนต์อย่าง

ตอ่ เน่ือง ใจจดจ่ออยกู่ บั บทสวดมนต์ระมดั ระวังไมใ่ หส้ วดผิด ซึ่งการมีสมาธิอยู่กบั

ภาควิชาการ 166

สวดมนต์นี้ จะทำให้เรามคี วามสงบเยือกเย็นในจิตใจเพิ่มมากขึ้น และมพี ลังใน
การคดิ สรา้ งสรรค์ในส่ิงตา่ งๆ ได้ดยี ่งิ ข้ึนอกี ด้วย
3. การสวดมนต์เปน็ การสรา้ งศรทั ธา สร้างความเชือ่ มน่ั ในคุณของพระรตั นตรยั เป็น
การเสริมสร้างพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนา และน้อมนำหลักธรรมทาง
พระพุทธศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวติ อย่างมีคณุ ค่า

เวลา 18.30 – 21.00 น.
กิจกรรม ฟังบรรยายธรรมภาคปฎบิ ตั ิ
สถานท่ี
หอประชุมพร รัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด
ภารกจิ ทีไ่ ด้รบั เพชรบูรณ์
เรอื่ ง
บรรยายโดย รับฟังบรรยายธรรมภาคปฎิบตั ิ
เนื้อหาการบรรยาย
ประโยชนท์ ่ีได้รับ วปิ ัสสนาภาคภาษาองั กฤษ
พระมหาไสว ญาณวีโร ดร.

ความรู้ทวั่ ไปวิปสั สนากรรมฐานภาคภาษาองั กฤษเก่ยี วกบั วิธกี ารเดินจงกรมและการ
กำหนดอารมณ์อย่างละเอียดตั้งแต่ระยะที่1-6พร้อมวดิ ิโอสอนเกินประกอบและนำ
เดินจงกรมภาคภาษาอังกฤษ

Walking Meditation
• According to Visuddhi-Magga (The Path of Purification), in

the stepping of the foot has been divided six stages, these
are.

→ 1 Stages: Right goes thus - Left goes thus
→ 2 Stages: Lifting - Treading
→ 3 Stages: Lifting - Moving - Treading
→ 4 Stages: Heel up - Lifting - Moving - Treading
→ 5 Stages: Heel up - Lifting - Moving - Lowering -
Touching
→ 6 Stages: Heel up - Lifting - Moving - Lowering - Touching –
Pressing
Walking Meditation
1 Stage : Right goes thus - Left goes thus
Having made a mental note as 'Standing, Standing,
Standing', before lifting of the foot, you should be noted
intention of the mind as ‘Intending to walk', 'Intending to walk',
'Intending to walk’. Lift that foot (right or left foot) above the
floor level a high about the width of your tilting palm.
Then pushing the foot forward until set on the floor
together with making a mental note as 'Right goes thus', the last
word 'Thus' ends while the foot is being laid down on the floor.

ภาควิชาการ 167

When pushing the left foot forward, until set on the floor should
be noted as ' Left goes thus'.

The stepping of the foot and the making a mental note
must go together, not before or after.
When walking to the end of the way or the room, the last step,
should bring your feet together. While standing, you must be
noted as 'Standing, Standing, Standing'.
Turning

Before turning, you must be noted as 'Intending to turn,
Intending to turn, Intending to turn', then slowly turn and must
be noted as ' turning, turning, turning', turning for three pairs
(about 6 0 degrees 6 0 ° ×3 = 1 8 0 ° ) . The turning of the foot can be
turned with your right or left foot.

Having turned, before walking, must be noted as
'Standing, Intending to walk, then walking by making a mental
note as 'Right goes thus, Left goes thus' same as above. While
walking should walk slowly and mindfully.

This method is one stage of walking meditation. Please
do not make a mental note separately 'Right-goes-thus' and
'Left-goes-thus' which will become three stages of walking
meditation.
The time for walking meditation should be used equal with in
sitting meditation. Such as, if walking meditation is used for
thirty minutes, the sitting meditation should be done thirty
minutes.
The Benefits of Walking Meditation
Five benefits of walking meditation that has been taught by the
Lord Buddha in Angguttara Nikāya (nipāta), as follows:-

a. Be able to endure long journeys.
b. Be able to bear making an effort.
c. Will be more resistant to disease or illness

(Healthiness).
d. Food can be easily digested.
e. Concentration developed from the proceeding

Walking Meditation can be prolonged.

กิจกรรมวันที่ 3
วัน อาทิตย์ ท่ี 8 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ภาควิชาการ 168

เวลา 05.00 – 05.30 น.

กจิ กรรม ทำวตั รเช้าและเจริญจติ ภาวนา

สถานที่ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จงั หวดั เพชรบูรณ์

ภารกจิ ท่ไี ด้รบั เข้าร่วมกจิ กรรมทำวัตรเชา้

นำทำวัตรโดย คณาจารย์

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / o บททำวตั รเช้า

ทบทวนธรรม o ระตะนัตตะยปั ปะณามะคาถา (พทุ โธ สสุ ทุ โธ..........)

o ตังขณิกปัจจเวกขณปาฐะคาถา (ปฏสิ ังขาโย..........)

o ปัตติทานะคาถา (ยา เทวะตา..........)

o แผเ่ มตตา (สพั เพ สัตตา..........)

ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับ 1. สามารถไล่ความขี้เกียจเพราะขณะสวดมนต์อารมณ์เบื่อเซือ่ งซึมง่วงนอนเกียจ

คร้านจะหมดไป และเกดิ ความแชม่ ชน่ื กระฉับกระเฉงข้ึน

2. เป็นการตัดความเห็นแก่ตัว เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวด

มนตอ์ ยา่ งตง้ั ใจ ไม่ได้คิดถึงตวั เอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมิไดเ้ กิดขน้ึ ในจิต

3. เป็นการกระทำทไ่ี ดป้ ญั ญา ถ้าการสวดมนต์โดยรคู้ ำแปล รคู้ วามหมาย กย็ อ่ มทำ

ให้ผู้สวดไดป้ ญั ญาความรู้ แทนที่จะสวดเหมือนนกแก้วนกขุนทองโดยไม่รู้อะไร

เลย

4. มจี ติ เป็นสมาธิ เพราะขณะนัน้ ผูส้ วดตอ้ งสำรวมใจแน่วแน่ มฉิ ะนนั้ จะสวดผิดท่อน

ผิดทำนอง เมือ่ จิตเป็นสมาธิ ความสงบเยอื กเย็นในจติ จะเกดิ ขึ้น

5. เปรยี บเสมือนการไดเ้ ฝ้าพระพทุ ธเจา้ เพราะขณะน้นั ผูส้ วดมี กาย วาจา ปกติ (มี

ศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มี

ปัญญา) เทา่ กับไดเ้ ฝ้าพระองคด์ ้วยการปฏิบัตบิ ูชา ครบไตรสิกขาอยา่ งแทจ้ รงิ

เวลา 05.30 – 07.30 น.
กจิ กรรม เดนิ จงกรมบรเิ วณแคมป์สน / มาติกา บังสุกลุ ถวาย พระมนุ วี ิเทศ (เจา้ คุณสุขุม) อดตี
เจ้าอาวาสวัดสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เมืองเบเกอร์ฟิลด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
สถานท่ี สหรัฐอเมรกิ า อดตี กรรมการ อุปถมั ภโ์ ครงการฯ
ภารกิจทไี่ ด้รบั ณ ลานไทร ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมปส์ น อำเภอเขาคอ้ จงั หวัดเพชรบูรณ์
ประโยชน์ที่ได้รบั เดนิ จงกรมบรเิ วณแคมปส์ น / รวมมาติกา บังสกุ ลุ
ทีไ่ ดจ้ ากการเดนิ จงกรม คือ

ภาควชิ าการ 169

1. จงกรม แปลว่า อิริยาบถในการเจรญิ กรรมฐาน จะเดินมากน้อยตามแตต่ อ้ งการ
เมอ่ื จติ สงบบา้ งไมส่ งบบา้ ง ไม่ควรเดินใหเ้ กิน 1 ชัว่ โมง การเดนิ จงกรมเมอ่ื เดนิ ได้
ดี ถูกตอ้ งยอ่ มไดอ้ านิสงส์คือ ผลดถี งึ 5 ประการ (จาก พระไตรปฎิ ก เลม่ 33) คือ

2. เดินไดท้ น ข้อน้ีเปน็ จริง ผปู้ ฏิบตั กิ รรมฐาน จะเหน็ ดว้ ยตนเองวา่ เขาจะไมก่ ลัวตอ่
การเดินทางไกล คงจะเป็นเพราะฝกึ เดินอยเู่ สมอ คือวา่ เปน็ การฝึกเดนิ โดยไมร่ ู้ตวั

3. ทำงานได้มาก มีพระอาจารย์เจ้าสำนกั วิปสั สนากรรมฐานองค์หน่ึงทำงานได้
มากและอยา่ งไมร่ เู้ หนด็ เหนอื่ ย ในวันหน่งึ ๆ มีการสอบอารมณก์ รรมฐานศิษยใ์ น
ตอนเยน็ สอนนักธรรมในเวลากลางวนั และควบคุมงานบรู ณะซอ่ มแซมวดั ไป
ด้วย เมอ่ื มคี นเปน็ หว่ งในสขุ ภาพของท่าน ท่านกลบั ตอบอยา่ งถ่อมตนว่า เม่ือ
กำลงั พอมอี ยูก่ ท็ ำไป เข้าหลกั ทว่ี ่านกั กรรมฐานน้ัน กนิ น้อย นอนน้อย พดู นอ้ ย
ทำงานมาก

4. บำบัดโรคบางอยา่ งได้ บาลใี ชค้ ำว่า อปฺปาพาโธ แปลว่า ไม่ค่อยเจ็บไข้ คอื
ร่างกายแข็งแรง โรคบางอย่างหายไปไดด้ ้วย

5. อาหารย่อยงา่ ย บาลวี า่ ปริณตโภชี การเดินจงกรมเปน็ ยาช่วยยอ่ ยอาหารดว้ ย
จงึ ควรเดนิ จงกรมหลงั รบั ประทานอาหารดว้ ยถ้ามีโอกาส

6. สมาธิท่ีได้จากการเดินจงกรมตง้ั อยูไ่ ดน้ าน การเดินจงกรมเปน็ การปลูกสตแิ ละ
สมาธิ เมอ่ื เดินจงกรมไดด้ ี สตสิ มาธกิ ็เป็นไปด้วยดี ดงั น้นั จงึ ควรเดนิ จงกรมก่อน
นง่ั สมาธิ

ทไ่ี ดจ้ ากการมาตกิ า บังสุกลุ ถวาย พระมนุ วี ิเทศ (เจ้าคุณสุขมุ ) คือ

o ได้แสดงออกถงึ ความกตญั ญูกตเวทตี อ่ พระมนุ ีวิเทศ ตอบแทนทท่ี า่ นเคยใหก้ าร

อุปถัมภ์โครงการอบรมพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศมาโดยตลอด

เวลา 08.30 – 10.50 น.
กจิ กรรม รับฟังการบรรยาย
สถานที่ หอประชุมพร รัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด
เพชรบรู ณ์
ภารกิจทไี่ ด้รับ เขา้ รว่ มรับฟังการบรรยายผ่านโปรแกรม zoom
เรอ่ื ง เทคโนโลยเี พ่ือการเผยแผ่
บรรยายโดย พระมหาชำนาญ มหาชาโน ป.ธ.๙, ดร.
ผู้อำนวยการสำนักงานห้องสมุดและเทคโนโลยสี ารสนเทศ
เนอ้ื หาการบรรยาย
ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ ับ ได้ทราบขอ้ มูล

ภาควิชาการ 170

o การใช้งานการบริการอย่างหนึ่งของ google drive ซึ่งก็คือการใช้งาน google

from ทอ่ี อกแบบมาเพอื่ ใช้ในการสร้างแบบสอบถาม online

o Google from นอกจากการทำแบบสอบถามและรวมรวมข้อมูลอื่นๆแล้ว ยังมี

ประโยชนอ์ ย่างอื่นเชน่
- การวางแผนการจัดงานต่างๆ
- การสำรวจความพงึ พอใจหรือความเห็น
- การเก็บข้อมูลแทนการกรอกแบบฟอรม์ ในกระดาษ
- หัดทำแบบทดสอบ
- การลงคะแนนเสียงซงึ่ เป็นประโยชน์ในการทำแบบสอบถาม เป็นตน้

o ขอ้ ดีของการทำแบบสอบถามออนไลน์ (เม่อื เทยี บกับแบบสอบถามทวั่ ไป)
o กระจายขอ้ มลู ได้ทัว่ ถงึ และสามารถเข้าถึงไดเ้ ร็วกวา่ : การท่เี ราทำแบบสอบถาม

ออนไลนจ์ ะชว่ ยให้มีโอกาสไดผ้ ู้เขา้ รว่ มแบบสอบถามทท่ี ั่วถงึ กว่า ไม่ใชแ่ คเ่ พยี งใน
พื้นทท่ี เ่ี ราสามารถเดินแจกแบบสอบถามเทา่ นั้น อีกทง้ั เรายังสง่ แบบสอบถามให้
ผู้ทอี่ ยูภ่ มู ิภาคอื่นไปจนถงึ ผทู้ อี่ าศยั อยตู่ ่างประเทศสามารถทำแบบสอบถามใหเ้ รา
ไดใ้ นเวลาอนั รวดเรว็ อกี ดว้ ย

o ประหยัดงบประมาณ:การพิมพแ์ บบสอบถามในรปู แบบกระดาษยอ่ มมีค่าใช้จ่าย

และแน่นอนว่า…ยิง่ เยอะย่ิงเห็นความแตกต่าง เพราะฉะนน้ั การทำแบบสอบถาม
ในรูปแบบออนไลน์จะประหยัดงบประมาณได้เป็นจำนวนมากสามารถ
ยกตวั อย่างให้เหน็ รปู ธรรมมากขนึ้ : หากเราต้องการใหผ้ ตู้ อบแบบสอบถามไดเ้ หน็
สิ่งที่เราต้องการจะส่ือมากขึ้น เช่น หากทำแบบประเมินผลงานบางอย่างที่เปน็
สิ่งของ ก็สามารถใส่ภาพหรือวิดีโอของสิ่งของนั้นๆ ลงไปในแบบสอบถาม
ออนไลนไ์ ดเ้ ลย

o ข้อมลู ถกู จัดเก็บอย่างเปน็ ระเบยี บ: หากขอ้ มลู มีความสำคญั การจดั เกบ็ เอกสารก็

ยิ่งมีสำคัญตามไปด้วย การที่เอกสารข้อมูลถูกจัดอย่างเป็นระเบียบในบัญชี
Google จะย่ิงงา่ ยต่อการค้นหาสามารถนำขอ้ มลู ไปใช้ตอ่ ได้สะดวก
ความสำคัญของเทคโนโลยี
1. เป็นพื้นฐานปัจจัยจำเป็นในการดำเนินชีวิตของพระธรรมทูตที่จะเชื่อมต่อ

ส่อื สารเพอ่ื เผยแผ่หลักธรรม
2. .เป็นปัจจัยหลักทม่ี ีส่วนรวมในการพัฒนาเพ่ือการเผยแผ่
3. บ่งบอกวา่ อนิ เทอร์เน็ตมีความสำคญั ค่อนขา้ งมากสำหรับยุคปัจจุบนั
4. มคี วามสะดวกรวดเรว็ ในการดำเนินงาน
5. ลดปรมิ าณคน งบประมาณ และประหยดั พลังงาน

ภาควิชาการ 171

6. ระบบการปฏิบัตงิ านเปน็ ไปอยา่ งมรี ะเบียบมากขึ้น
7. ลดขอ้ ผดิ พลาดของเอกสารในระหว่างการดำเนนิ การ
8. ลดปรมิ าณการใช้ทรพั ยากรวัสดตุ ่างๆเชน่ กระดาษ
9. ลดข้นั ตอนในระหว่างการดำเนนิ การได้มาก
10. ประหยัดเนื้อทใ่ี นการจัดเก็บเอกสาร
ทกั ษะของเทคโนโลยจี ะครอบคลมุ ความสามารถ 4 มิติ
1. การใช้ (Use)
2. เข้าใจ (Understand)
3. การสร้าง (create)
4. เข้าถงึ (Access) เทคโนโลยีได้อย่างมปี ระสิทธิภ์ าพ
ไดค้ วามรูจ้ ากการบรรยายในครงั้ น้ีคอื
1. สามารถนำไปใชง้ านไนการทำงานในชีวิตประจำวัน
2. สามารถนำไปใช้งานไดเ้ ตม็ ประสิทธภิ าพไดม้ ากขนึ้
3. สามารถนำไปใช้งานเช่อื มโยงไดห้ ลากหลายมิติมากขน้ึ กว่าเดมิ
4. สามารถออกแบบงานได้เองโดยใช้โปรแกรมที่หาไดใ้ นอินเตอรเ์ น็ต หรือใน

Google ต่างๆ ได้อยา่ งคล่องตวั มากข้ึนกว่าเดมิ
ไดเ้ สรมิ ทกั ษะการใช้เครือ่ งงานจากโปรแกรม หรือทเ่ี ราออนไลน์ รว่ มกนั กับเพือ่ น
เราสามารถนำผลลัพธ์จากการทำแบบสอบถามออนไลน์ไปใช้ต่อได้อย่างสะดวก
รวดเร็ว เพราะเราสามารถ Export ข้อมูลผลลัพธ์ออกมาเป็นไฟล์เพื่อนำไปใช้ตอ่ ได้
เลยนอกจากเป็นแบบสอบถามยังใช้ทำการสอบย่อยแบบออนไลน์ได้อีกด้วย: เรา
สามารถใช้ Google Form เพื่อสร้างข้อสอบสำหรับการสอบย่อยได้ โดยที่ผู้ทำ
ข้อสอบสามารถตรวจคำตอบไดท้ นั ทอี ีกดว้ ย

เวลา 13.00 – 16.30 น.
กิจกรรม ฟงั การบรรยาย (ต่อภาคเช้า)
สถานที่ หอประชุมพร รัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด
เพชรบูรณ์
ภารกิจทไี่ ดร้ ับ เขา้ รว่ มรับฟังการบรรยายผา่ นโปรแกรม zoom
เรือ่ ง เทคโนโลยีเพอ่ื การเผยแผ่
บรรยายโดย พระมหาชำนาญ มหาชาโน ป.ธ.๙,ดร.
ผอู้ ำนวยการสำนักงานห้องสมุดและเทคโนโลยสี ารสนเทศ
เนอื้ หาการบรรยาย
ประโยชน์ท่ไี ดร้ บั ไดท้ ราบข้อมลู

เวลา ภาควชิ าการ 172
กิจกรรม
สถานท่ี 1. เลอื กตวั เลือกต่อไปนี้
ภารกิจท่ไี ด้รบั • จากforms.google.com ให้คลิกวา่ งหรอื เลือกเทมเพลต
• จาก drive.google.com ใหค้ ลกิ ใหม่
• เลื่อนไปที่ Google ฟอร์ม ชไ้ี ปท่ีลูกศรขวา
• ถัดจาก Google ฟอรม์ แลว้ คลิกแบบฟอรม์ เปล่า แบบทดสอบทไ่ี มม่ ขี อ้ มลู
หรอื จากเทมเพลต

2. ตั้งชื่อแบบฟอร์มของคุณ: ที่มุมซ้ายบน ให้คลิกแบบฟอร์มไม่มีชื่อหรือชื่อเทม
เพลตของฟอรม์ และปอ้ นช่อื ใหม่

3. (ไมบ่ ังคบั ) ดำเนินการอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงตอ่ ไปนี้
• เพ่ิมคำอธบิ าย: ในสว่ นของชอ่ื ฟอร์ม ใหเ้ พมิ่ ขอ้ ความ
• เพิ่มส่วนหัว เปลี่ยนธีมและสีพื้นหลัง หรือแบบอักษร: คลิกปรับแต่ง
ธมี จากน้ันเลือกตวั เลือกทต่ี อ้ งการ

ข้ันตอนการใชโ้ ปรแกรมTada studio
1. เรม่ิ จากไปท่ี Google Data Studio
2. ทำการเขา้ ส่รู ะบบดว้ ยบัญชขี อง Google
3. เมื่อเราเข้ามายังหน้าหลกั ของ Google Data Studio เราสามารถเลือกได้
ว่าจะสร้าง Report เองตัง้ แต่เรม่ิ ต้นหรอื จะใช้ Template ที่ Data Studio
ให้มาก็ได้ ในครั้งนี้เราจะเริ่มตั้งแต่สร้าง รายงานว่างเปล่ากันเลย กดเลือก
“รายงานวา่ งเปลา่ ”
4. เมื่อเปิดเข้ามาจะพบกบั หน้าต่างใหเ้ ราเชื่อมตอ่ ขอ้ มูล
5. ตัวอย่างนี้จะเลือกใช้เป็นข้อมูลตัวอย่างจาก Google Analytics โดยการ
เ ล ื อ ก Google Analytics >> Demo Account >> GA4 – Google
Merchandise Store แล้วกดเพมิ่ และเพม่ิ ในรายงาน
6. สามารถเพ่มิ chart ต่างๆ ได้ที่แทบ็ เพ่ิมแผนภมู ิ

o ได้เรียนร้กู ารใช้ Google Data Studio ในการทำงาน
o เข้าใจการใช้ Google Data Studio มากขน้ึ

18.00 – 18.30 น.
ทำวัตรเย็น
ศนู ยพ์ ัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบรู ณ์
เข้ารว่ มกจิ กรรมทำวตั รเยน็

ภาควชิ าการ 173

นำทำวัตรโดย พระครูสิรปิ ริยตั ยาภรณ์ (สำรวย)

น.ธ.เอก, ป.ธ.๕, พธ.บ. (สังคมศึกษา)

รกั ษาการ รองผู้อำนวยการวทิ ยาลัยพระธรรมทตู

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / o บททำวตั รเย็น

ทบทวนธรรม o อะตีตะปจั จะเวกขะณะ (อชชฺ มยา……….)

o นโม……….

o พทุ ธฺ ํ สรณํ……….

o กรณียเมตตสูตร (กรณี……….)

o ขนั ธะปะรติ ตะคาถา (วริ ปู กฺเข……….)

o เทวะตาอยุ โยชะนะคาถา (ทกุ ขปฺปตฺตา……….)

o สัพพมงคลคาถา (ภวตุ สพั พ……….)

o กรวดนำ้ (อมิ นิ า……….)

แผเ่ มตตา (สพั เพ สัตตา……….)

ประโยชนท์ ไี่ ด้รบั 1. ได้ทบทวนธรรม

2. การสวดมนต์เป็นการฝึกสมาธิ ให้ใจมีความสงบ ตั้งมั่นอยู่กับคำสวดมนต์อย่าง

ตอ่ เน่ือง ใจจดจอ่ อยูก่ ับบทสวดมนตร์ ะมดั ระวังไม่ใหส้ วดผิด ซึง่ การมีสมาธอิ ยู่กบั

สวดมนต์นี้ จะทำให้เรามคี วามสงบเยือกเย็นในจิตใจเพิ่มมากขึ้น และมพี ลังใน

การคิดสรา้ งสรรค์ในส่ิงต่างๆ ไดด้ ีย่ิงขน้ึ อีกด้วย

3. การสวดมนต์เป็นการสร้างศรทั ธา สรา้ งความเช่อื ม่นั ในคุณของพระรตั นตรยั เปน็

การเสริมสร้างพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนา และน้อมนำหลักธรรมทาง

พระพุทธศาสนามาใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ิตอย่างมีคุณค่า

เวลา 19.00 – 21.30 น.
กจิ กรรม ฟงั การบรรยาย
สถานที่ หอประชุมพร รัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด
เพชรบรู ณ์
ภารกิจท่ีไดร้ บั เข้ารว่ มรับฟงั การบรรยายผ่านโปรแกรม zoom
เร่ือง การออกแบบวฒุ บิ ตั รออนไลน์
บรรยายโดย นางสาวศริ นิ ภา กองวสั กุลณี
นักวิชาการคอมพวิ เตอร์ ระดบั ชำนาญการสว่ นหอสมุดกลาง
เนอ้ื หาการบรรยาย สำนักหอสมดุ และเทคโนโลยสี ารสนเทศ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย

ภาควิชาการ 174

ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับ ไดท้ ราบข้อมูล

o ได้ทราบวธิ ีการสร้างวุฒิบตั ร
o เกียรติบัตรเป็นคำเรียกบัตรที่มอบให้แก่บุคคลเพื่อแสดงว่าเป็นผูท้ ี่สมควร

ไดร้ บั เกียรติ ได้รบั การยกยอ่ งอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ เช่น เกียรติบัตรรบั รองการ
เข้าร่วมกิจกรรมที่มีคุณประโยชน์ เกียรติบัตรที่มอบให้แก่บุคคลที่ได้
ประกอบกิจกรรมทีน่ ่าสรรเสริญ เช่น เป็นบุคคลดีเด่นในด้านใดด้านหนึ่งท่ี
น่ายกย่อง เปน็ ตน้ นอกจากนี้ ผูท้ ี่เขา้ รว่ มประกวดหรือแขง่ ขันความสามารถ
ในด้านใดด้านหนึ่ง หรือการปฏิบัติกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งก็อาจได้รับ
เกยี รตบิ ตั รรบั รองการเขา้ ร่วมกิจกรรมนน้ั ๆดว้ ย

o วฒุ ิบัตรเปน็ บตั รทมี่ อบให้แกบ่ ุคคลเพือ่ รับรองว่าเปน็ ผทู้ ่ีมวี ุฒิ คือความเจริญ

ในด้านความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงาน หรือความสามารถอ่ืนๆท่ีได้
จากการอบรม ผู้มอบวุฒิบัตรเป็นผู้รับผิดชอบจดั การอบรม เช่น การอบรม
วิชาการต่างๆให้แก่ครูอาจารย์ผู้สอนวิชานั้นๆ หรือแก่บุคคลทั่วไป การ
อบรมการทำอาหาร การอบรมศิลปะการจัดดอกไม้ เป็นตน้

o ปริญญาบัตรเป็นเอกสารรับรองวิทยฐานะของผู้สำเร็จการศึกษาในระดบั

ปริญญา

o ประกาศนียบัตรเป็นเอกสารที่แสดงวิทยฐานะของผู้สำเร็จการศึกษา ท่ี

จดั เป็นหลักสูตร ใช้สำหรบั การศกึ ษาระดบั ต่ำกวา่ ระดับปริญญา

o วุฒิบัตร เกียรติบัตรมี ขนาดไซส์ A๔ = ๒๙.๗ x ๒๑ cm หรือ ๘.๒๗ x

๑๑.๖ ๙ นวิ้ และ A๕ = ๒๑ x ๔.๘ cm หรือ ๕.๘๓ x ๘.๒๗ น้วิ

o ในการทำวุฒบิ ตั รเกยี รติบัตรนั้น ๑. ต้องมีแบบวุฒิบัตรเกียรติบตั ร ๒.รายช่ือ

๓.ตามช่องทางรับ

กิจกรรมวันท่ี 4

วนั จันทร์ ท่ี 9 เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เวลา 05.00 – 05.30 น.

กิจกรรม ทำวัตรเช้าและเจริญจติ ภาวนา

สถานที่ ศนู ยพ์ ฒั นาศาสนาแคมปส์ น อำเภอเขาคอ้ จงั หวดั เพชรบูรณ์

ภารกจิ ที่ได้รบั เข้าร่วมกิจกรรมทำวตั รเช้า

นำทำวตั รโดย พระครูสริ ิปรยิ ตั ยาภรณ์ (สำรวย)

น.ธ.เอก, ป.ธ.๕, พธ.บ. (สงั คมศึกษา)

รกั ษาการ รองผอู้ ำนวยการวิทยาลัยพระธรรมทูต

ภาควชิ าการ 175

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / ทำวัตรเชา้

ทบทวนธรรม o ระตะนตั ตะยปั ปะณามะคาถา (พทุ โธ สุสทุ โธ..........)

o ตงั ขณิกปัจจเวกขณปาฐะ (ปฏิสงั ขาโย..........)

o นโม..........

o พทุ ธงั สรณัง..........

o ปพั พะโตปะมะคาถา (ยถาปิ เสลา..........)

o ธัมมะนิยามะสตุ ตัง (อปุ ปาทา วา..........)

o ติลกั ขะณาทคิ าถา (สพั เพ สังขารา..........)

o ปะฏิจจะสะมุปปาทะปาฐะ (อะวิชชาปัจจะยา..........)

o พุทธะอุทานะคาถา (ยะทา หะเว..........)

o ภทั เทกะรัตตะคาถา (อะตตี งั ..........)

o ถวายพรพระ (อติ ปิ ิ โส..........)

o พุทธชยั มงคลคาถา (พาหุง..........)

o ชยั ปรติ ร (มหาการณุ ิโก..........)

o ปัตตทิ านะคาถา (ยาเทวตา..........)

o สัพพมงคลคาถา (ภวตุ สพั ..........)

o แผเ่ มตตา (สัพเพ สัตตา..........)

ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับ 1. สามารถไล่ความขี้เกียจเพราะขณะสวดมนต์อารมณ์เบื่อเซื่องซึมง่วงนอนเกียจ

คร้านจะหมดไป และเกิดความแชม่ ช่ืนกระฉับกระเฉงขน้ึ

2. เป็นการตัดความเห็นแก่ตัว เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวด

มนต์อย่างต้งั ใจ ไม่ได้คดิ ถงึ ตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมไิ ดเ้ กดิ ขนึ้ ในจิต

3. เป็นการกระทำทีไ่ ด้ปญั ญา ถ้าการสวดมนต์โดยรคู้ ำแปล รูค้ วามหมาย ก็ยอ่ มทำ

ให้ผู้สวดได้ปญั ญาความรู้ แทนที่จะสวดเหมือนนกแก้วนกขุนทองโดยไมร่ ู้อะไร

เลย

4. มีจติ เป็นสมาธิ เพราะขณะนัน้ ผู้สวดตอ้ งสำรวมใจแน่วแน่ มฉิ ะน้นั จะสวดผดิ ทอ่ น

ผดิ ทำนอง เมอื่ จิตเป็นสมาธิ ความสงบเยือกเยน็ ในจติ จะเกิดขน้ึ

5. เปรยี บเสมอื นการได้เฝ้าพระพทุ ธเจ้า เพราะขณะนน้ั ผูส้ วดมี กาย วาจา ปกติ (มี

ศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มี

ปัญญา) เท่ากับไดเ้ ฝ้าพระองคด์ ้วยการปฏบิ ัติบูชา ครบไตรสิกขาอยา่ งแทจ้ รงิ

เวลา 05.30 – 06.50 น.

ภาควชิ าการ 176

กิจกรรม ฟงั โอวาท
สถานที่ หอประชุมพร รัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด
เพชรบูรณ์
ภารกจิ ทไี่ ดร้ บั รับฟงั โอวาท
เรื่อง การปฏิบัติตวั ใหเ้ หมาะสม
บรรยายโดย พระครสู ริ ปิ ริยตั ยาภรณ์ (สำรวย)
น.ธ.เอก, ป.ธ.๕, พธ.บ. (สังคมศกึ ษา)
เนือ้ หาการบรรยาย รักษาการรองผู้อำนวยการวิทยาลัยพระธรรมทตู
ประโยชน์ท่ีได้รับ
วธิ ปี ฏบิ ัติตนให้ถูกตอ้ งในชว่ งเรยี นภาควิชาการเชน่
- การเขา้ เรยี นในโปรแกรมZoom ใหเ้ ขา้ ก่อนเวลาบรรยาย
- เน้นใหม้ ีการจดบนั ทกึ ทกุ ครง้ั ทบี่ รรยาย
- ทำรายงานกลุ่มรว่ มกนั
- มคี วามสามัคคภี ายในกล่มุ

แนะนำการใชช้ วี ติ ในตา่ งประเทศ เพราะในแต่ละวัดจะมีข้อปฏบิ ัตทิ ่ีตกตา่ งกนั ออกไป
เพราะฉะนั้น พระธรรมทูตทุกท่านต้องทำตัวให้เหมาะสมกับความเปน็ พระธรรมทูตที่
ดเี พอื่ เผยแผ่พระศาสนาอันเปน็ คำสอนขององค์สมเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจา้

ชี้แจงคุณลักษณะอันพึงประสงค์สำหรับว่าทีพ่ ระธรรมทูตสายต่างประเทศ
กอ่ นเข้าสู่หอ้ งบรรยายและกจิ กรรมในแตล่ ะวัน ทำคำสำคญั พยายามรักษาเวลาให้ได้
ในการทำงานกลุ่ม เพื่อให้มีการทำงานร่วมกัน สามารถแจกแจงแบ่งงาน ต้องทำ
หน้าทตี่ ัวเองใหด้ ีทส่ี ดุ ทำหน้าทขี่ องตัวเองแต่อยา่ ทำเกินหนา้ ที่ เคารพและให้เกียรติ
ซึง่ กนั และกัน หัวหนา้ กลมุ่ ต้องใจกว้าง มีขันติ ลูกนอ้ งก็เชน่ กัน อยา่ ตำหนกิ ันเอง การ
ทำงานกลุ่มต้องได้รบั มอบหมายจากเจ้าหน้าที่ ตามหนา้ ทีท่ ่ตี นไดร้ บั มอบหมาย

พยายามศึกษาวดั ท่ีเราจะไปใหด้ ี วา่ เราจะตอ้ งอยรู่ ่วมและทำงานร่วมกันกับ
เขาไดไ้ หม และสามารถนำหลกั ธรรมในบทสวดไปปฏบิ ตั ติ ามได้

เวลา 08.30 – 10.50 น.
กิจกรรม รับฟังการบรรยาย
สถานที่ หอประชุมพร รัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด
เพชรบูรณ์
ภารกจิ ทีไ่ ดร้ บั เขา้ รว่ มรับฟงั การบรรยายผา่ นโปรแกรม zoom
เรือ่ ง งานพระธรรมทูตไทย สายตา่ งประเทศ
บรรยายโดย พระโสภณวชริ าภรณ์ อคั คมหาบณั ฑิต,ดร,

ภาควชิ าการ 177

เนือ้ หาการบรรยาย รองอธิการฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ประโยชน์ทไ่ี ด้รับ ประธานคณะดำเนินงานโครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ

ได้ทราบข้อมูล
ขอ้ ปฏิบัตเิ บื้องต้นในการเขา้ สภู่ าควชิ าการ

- แนะนำ Basic การตัง้ ชื่อใหเ้ ปน็ อันเดียวกัน ชอ่ื ต้องต้ังชอ่ื ใหด้ ี ให้เรียบร้อย
โดยมี เลขทป่ี ระจำตวั เลขกลุ่ม ตามด้วยชือ่ จงึ ถกู ตอ้ ง

- แนะนำ Basic การเตรียมตัว ให้พร้อม เช่น แบตเตอรี่ และปลั๊กไฟ ครบมี
อย่างน้อย2เส้น เพื่อนสลับการใช้งาน สำหรับการฟังบรรยายภาควิชาการ
เพราะการบรรยายแตล่ ะภาคจะใช้เวลานานอย่างน้อยภาคละ 3-4ชวั่ โมง

- แนะนำ Basic การใช้background ให้เป็นอันเดียวกันและเหมาะสมและ
สวยงามเนน้ ให้ความมเี ปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ยสำหรบั พระธรรมทตู ในการเข้า
ฟังบรรยายภาควชิ าการในแตล่ ะภาค

- ไดเ้ ข้ามาชี้แจงการเขา้ ใช้ระบบดูส่งิ ท่ีต้องแกไ้ ข
จดั แสงให้สวา่ งเห็นหน้าชดั เจน

- เสยี ง ต้องปดิ ไมค์ จะใช้หากมีคำถามให้กดปมุ่ ยกมอื
- กอ่ นถามให้แนะนำตัวชือ่ หมายเลขกลุ่ม
- ความสภุ าพเรียบร้อยสำคญั มากในการเข้าซูม ต้องมากอ่ นเวลา
- ใหค้ วามสำคญั ตอ่ พรรษา
- พระธรรมทตู ต้องมีความเคารพ
- มวี ิทยากรมาเขา้ ซมู ให้ทกั ทายก่อน ก่อนไหวพ้ ระและกลา่ วประวตั ิ
- มคี วามสุภาพในการลกุ น่ังใหด้ ูกอ่ นลุก ไมว่ อกแวกหน้าจอ ต้ังใจฟัง

พระธรรมทตู 5G By อาจารย์ทองเก็บ ญาณพโล ดร.
1. G1 Good คดิ ดี พดู ดี ทำดี
2. G2 Give ให้……
3. G3 Guard ปกปอ้ ง…
4. G4 Guide แนะนำ…

G5 Global เครือขา่ ย

เวลา 18.00 – 19.00 น.

ภาควิชาการ 178

กจิ กรรม ทำวตั รเย็น

สถานท่ี ศนู ย์พฒั นาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จงั หวัดเพชรบูรณ์

ภารกิจทไ่ี ดร้ ับ เข้ารว่ มกิจกรรมทำวตั รเยน็

นำทำวตั รโดย พระครสู ริ ปิ รยิ ัตยาภรณ์ (สำรวย)

น.ธ.เอก, ป.ธ.๕, พธ.บ. (สังคมศกึ ษา)

รกั ษาการรองผูอ้ ำนวยการวทิ ยาลยั พระธรรมทตู

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / o บททำวัตรเย็น

ทบทวนธรรม o อะตตี ะปจั จะเวกขะณะ (อชชฺ มยา……….)

o นโม……….

o พทุ ธฺ ํ สรณํ……….

o กรณียเมตตสตู ร (กรณี……….)

o ขนั ธะปะริตตะคาถา (วิรูปกฺเข……….)

o เทวะตาอุยโยชะนะคาถา (ทุกขปฺปตฺตา……….)

o สัพพมงคลคาถา (ภวตุ สัพพ……….)

o กรวดนำ้ (อิมนิ า……….)

แผ่เมตตา (สพั เพ สัตตา……….)

ประโยชนท์ ่ไี ด้รับ 1. ไดท้ บทวนธรรม

2. การสวดมนตเ์ ป็นการฝึกสมาธิ ให้ใจมีความสงบ ตั้งมั่นอยู่กับคำสวดมนต์อย่าง

ต่อเนื่อง ใจจดจอ่ อย่กู ับบทสวดมนตร์ ะมดั ระวงั ไมใ่ หส้ วดผิด ซงึ่ การมีสมาธิอยกู่ บั

สวดมนต์นี้ จะทำให้เรามีความสงบเยือกเย็นในจิตใจเพิ่มมากขึ้น และมีพลังใน

การคดิ สร้างสรรคใ์ นสิง่ ตา่ งๆ ได้ดยี งิ่ ข้นึ อีกด้วย

3. การสวดมนต์เปน็ การสรา้ งศรทั ธา สร้างความเชอื่ ม่นั ในคณุ ของพระรตั นตรัย เป็น

การเสริมสร้างพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนา และน้อมนำหลักธรรมทาง

พระพุทธศาสนามาใช้ในการดำเนนิ ชวี ิตอยา่ งมีคุณคา่

เวลา 18.30 – 21.00 น.
กิจกรรม รับฟงั การบรรยาย
สถานที่ หอประชุมพร รัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด
เพชรบูรณ์
ภารกจิ ที่ได้รับ เขา้ รว่ มรับฟงั การบรรยายผ่านโปรแกรม zoom
เรื่อง บทบาทของเอกอคั รราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ตอ่ งานของพระธรรมทูต
บรรยายโดย นายรชั ฎา จิวาลัย กงสุลใหญ่ ณ เมืองปนี งั มาเลเซยี

ภาควิชาการ 179

เนื้อหาการบรรยาย ไดท้ ราบขอ้ มลู
ประโยชน์ท่ไี ดร้ ับ
- ได้ทราบถงึ บทบาทและหน้าทข่ี องกงสลุ ใหญ่

- ไดท้ ราบยทุ ธศาสตร์ดา้ นการต่างประเทศ

Pubblic Diplomacy

- บทบาทของกระทรงการต่างประเทศกบั งานบรกิ ารประชาชน

เพ่ือการป้องกันปกป้องและเชดิ ชูสถาบันพระมหากษัตริย์

เพอ่ื พทิ ักษ์อธิปไตยและบูรณาการภาพแห่งดินแดนของชาตแิ ละการสรา้ งความม่ันคง

ของรฐั

- ได้ทราบถงึ นโยบายของนกั การทูต

- ได้ทราบถึงเป้าหมายในการให้บริการประชาชนในชว่ งโลกาภิวัตน์

- ในด้านการบรกิ ารทส่ี ะดวก รวดเร็ว และถูกต้อง

- ในดา้ นการแก้ไขข้อบกพรอ่ งท่ีเกดิ ข้นึ โดยทนั ที

- ในการดา้ นพัฒนางานอยา่ งตอ่ เนื่อง

Government in Transition
Serving in the 21st Century
Globalization
Complex Issues , Volatility , Unpredictability
Greater Expectation , Declining Trust
Lesser power to control
Good Governance
Capacity to anticipate unprecedented trend and issues (how to
deal with COVID-19)
Government to serve
Limited Scope of Government Actions
Decentralization
Contracting Out / Privatization of Public Services
GOVERNANCE
Four dimensions of governance

1. Transparency
2. Accountability
3. Participation
4. Predictability
Credibility is the overarching principle constituting effective
governance.
GLOBALIZATION
Globalization : growing integration of the economic, financial,
political, social and cultural lives of nations.
Globalization evokes processes of open communication,
negotiation, persuation and free interactions among nations

ภาควิชาการ 180

that seek to promote their national interests within the rules of
the game.
Globalization creates opportunities and challenges for public
administrators. One challenge is the trend toward allocating a
greater role for private sector in national development.
Responsibility of public administrators has been shifted from
managing to facilitating economic activities.
E-GOVERNMENT
The introduction of e-government is regarded as an
opportunity to better achieve transparency and accountability.

ประเดน็ ร่วมสมัย

Contemporary Issues
1. Mega Trend

- Aging Society สงั คมคนชรา (แกแ่ ล้วแต่ยังไม่รวย)
- ขาดแรงงาน (workforce)
- โรงเรียนไม่มีคนเรียน อันเนือ่ งมาจากพฤตกิ รรมการคุมกำเนิดของคนในยคุ

ใหม่ (birth control)
- นโยบายคนตา่ งด้าว > skilled work
- ธรุ กจิ ประกนั , กบข.
- คำใช้จ่ายดา้ นสขุ ภาพจะสงู ขึ้น
- ชนชัน้ กลางจะมีสัดส่วนที่สูงขึ้น จนกลายเป็นคนสว่ นใหญ่ของสงั คม
- ธรุ กิจความงาม (health & beauty business)

- Internet of things (IoT)

- ธุรกจิ อสงั หาริมทรพั ย์
- Urba niza tion และความต้องการสาธารณูปโภคและโครงสร้างพ้นื ฐาน

ท่ีเพิม่ ขนึ้ (ไฟฟ้า, if. ระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะระบบราง)
- ธุรกจิ ทม่ี ุ่งเนน้ เรือ่ งบรโิ ภคนยิ ม
- Age of Innovation (ยคุ แห่งนวตั กรรม)
- ยุค Internet of Things

- Digital Services of Provider
- Digital Economy

- สถานทแ่ี ละพรมแดน ไมเ่ ป็นอปุ สรรคในการตดิ ต่อ + ทำธรุ กิจ อีกตอ่ ไป

- Climate Change

- Adjustment (ปรับตัว) เพื่อไปสู่ Green and Clean Technology
และ Low Carbon Society

- ASEAN ตอ้ งร่วมมือกัน
- การนำปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาปรบั ใชก้ บั การพฒั นาเศรษฐกิจ

ภาควชิ าการ 181

2. การแขง่ ขนั ของมหาอำนาจ
- การแขง่ ขนั ในมติ ิใหม่ๆ
- Rising of China : ยทุ ธศาสตร์ 2 มหาสมทุ ร
- ASEAN อยู่ตรงกลาง , ไทยอยูต่ รงกลาง
- One Belt One Road → เส้นทางสายไหมทางบก + ทางทะเล
- ทา่ เรอื ทเ่ี วยี ดนาม, มาเลเซยี , ปากสี ถาน (ทวาดา)

- China - Pakistan Economic Corridor : CPEC

- AIB (Asian Infrastructure Investment Bank) 56 ป ร ะ เ ท ศ
สมาชกิ

- RCEP : Rational Comprehensive Economic Partnership
- TPP : Trans Pacific Partnership

3. ภูมสิ ถาปัตยกรรมของโลก (Geo-Politics Architecture)
- เศรษฐกิจจีนกลายเป็นเศรษฐกจิ ทใ่ี หญท่ ่สี ดุ
- GDP Growth 7% = GDP ของอนิ โดนิเซยี

- BOAO Agreement (Asia's Davos)
- modernity prosperous growth

- Voice of Asia : จะตอ้ งสง่ ผลตอ่ การตดั สนิ ใจทางการเงนิ ของโลก
- South China Sea Issue : Code of Conduct (ป ร ะ ม ว ล

จรรยาบรรณ) ข้อเสนอ : Turning Conflict into Cooperation

4. Technological Change

- การเคล่อื นตวั อย่างรวดเร็วจากภาคอุดสาหกรรมไปสูภ่ าคการบรหิ ารยุคใหม่
โดย

- Internet of Things , Smart Electronics , Robots
- Borderless World : Fintec : Financial Technology

(Bitcoins)

- Innovation : ผู้ใช้ Application (Tik-Tok)
- ก า ร ศ ึ ก ษ า เ ป ็ น เ ร ื ่ อง ข อง Training & Retraining แ ล ะ Life-

Ianguage Learning

- การศึกษา : ฐานของความรู้ที่จะนำไปสู่ Innovation โดยการเพิ่มงบ

Research & Development

- การสรา้ งองค์ความร้เู กย่ี วกับ ASEAN

5. Current Issues (ประเด็นปัจจุบัน)
- สถานการณ์ความตึงเครียดอันเนื่องจากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ของ
เกาหลีเหนือ ปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีขยายตัวไปสู่การเผชิญหน้าด้วย
อาวุธนิวเคลียร์

ภาควชิ าการ 182

- การก่อการรา้ ยสากล
- สภาพการณ์ภายในสหภาพยุโรป ความแตกต่างในประเด็น migration

อันอาจนำไปสู่ความท้าทายต่อแนวคิด European Integration

Brexit)

- สถานการณ์ในเมยี นมาร์และประเดน็ Relevancy of ASEAN

- COVID 19

รฐั บาลในการเปลี่ยนผา่ นทใี่ ห้บรกิ ารในศตวรรษที่ 21
• ปัญหาโลกาภิวัตนท์ ซี่ ับซ้อน
• ความผนั ผวน ความคาดเดาไม่ได้
• ความคาดหวังทม่ี ากขน้ึ ความเช่ือถอื ที่ลดลง
• อำนาจควบคุมน้อยลง

ความสามารถในการกำกับดูแลที่ดีเพื่อคาดการณ์แนวโน้มและปัญหาที่ไม่เคยมีมา
กอ่ น (วธิ จี ัดการกับ COVID-19)

กิจกรรมวันที่ 5

วัน อังคาร ที่ 10 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เวลา 05.00 – 06.00 น.

กจิ กรรม ทำวตั รเช้า/ทบทวนธรรม

สถานที่ หอพระธรรมคมั ภีร์ ศูนยพ์ ฒั นาศาสนาแคมป์สน

อำเภอเขาคอ้ จงั หวัดเพชรบรู ณ์

ภารกิจทีไ่ ด้รบั เขา้ รว่ มกจิ กรรมทำวตั รเชา้ /ทบทวนธรรม

นำทำวัตรโดย พระครสู ิรปิ รยิ ตั ยาภรณ์ (สำรวย)

น.ธ.เอก, ป.ธ.๕, พธ.บ. (สังคมศึกษา)

รักษาการรองผอู้ ำนวยการวทิ ยาลยั พระธรรมทูต

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / o บททำวัตรเช้า

ทบทวนธรรม o ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา (พทุ โธ สุสทุ โธ..........)

o ตงั ขณกิ ปจั จเวกขณปาฐะคาถา (ปฏสิ งั ขาโย..........)

o ธาตุปฏกิ ลู ะปัจจะเวกขณะปาฐะคาถา (ยถาปจั จะยัง..........)

o ปัตตทิ านะคาถา (ยา เทวะตา..........)

o นโม..........

o พุทธัง สรณงั ..........

o ปัพพะโตปะมะคาถา (ยถาปิ เสลา..........)

o ธัมมะนิยามะสุตตัง (เอวมั เม สตุ งั ..........)

ภาควิชาการ 183

ประโยชน์ที่ไดร้ ับ o ตลิ กั ขะณาทิคาถา (สัพเพ สงั ขารา..........)
o ปะฏจิ จะสะมุปปาทะปาฐะ (อะวิชชาปจั จะยา..........)
เวลา o พทุ ธะอุทานะคาถา (ยะทา หะเว..........)
กิจกรรม o ภัทเทกะรัตตะคาถา (อะตตี งั ..........)
สถานท่ี o สัพพมงคลคาถา (ภวตุ สัพพ..........)
ภารกิจท่ีได้รบั o แผเ่ มตตา (สพั เพ สัตตา..........)
เร่อื ง o น่งั สมาธเิ จริญภาวนา 15 นาที
บรรยายโดย
ประโยชน์ท่ไี ด้รบั 1. สามารถไล่ความขี้เกียจเพราะขณะสวดมนต์อารมณ์เบื่อเซือ่ งซึมง่วงนอนเกียจ
ครา้ นจะหมดไป และเกิดความแชม่ ชื่นกระฉบั กระเฉงขึ้น
เวลา
กจิ กรรม 2. เป็นการตัดความเห็นแก่ตวั เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวด
สถานที่ มนตอ์ ยา่ งตงั้ ใจ ไมไ่ ดค้ ิดถงึ ตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จงึ มไิ ด้เกิดขึน้ ในจิต
ภารกจิ ที่ได้รับ
เร่อื ง 3. เปน็ การกระทำทไ่ี ด้ปัญญา ถ้าการสวดมนต์โดยรูค้ ำแปล รคู้ วามหมาย ก็ย่อมทำ
ให้ผู้สวดได้ปัญญาความรู้ แทนที่จะสวดเหมือนนกแก้วนกขุนทองโดยไม่รู้อะไร
เลย

4. มีจิตเป็นสมาธิ เพราะขณะน้ันผู้สวดตอ้ งสำรวมใจแนว่ แน่ มิฉะนนั้ จะสวดผิดท่อน
ผดิ ทำนอง เมอ่ื จติ เปน็ สมาธิ ความสงบเยือกเย็นในจิตจะเกดิ ขน้ึ

5. เปรยี บเสมอื นการไดเ้ ฝา้ พระพุทธเจา้ เพราะขณะน้นั ผสู้ วดมี กาย วาจา ปกติ (มี
ศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มี
ปัญญา) เทา่ กบั ไดเ้ ฝ้าพระองค์ด้วยการปฏิบัตบิ ูชา ครบไตรสิกขาอยา่ งแท้จรงิ

06.00 - 06.50 น.
ฟงั โอวาท
หอพระธรรมคัมภีร์ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมปส์ น อำเภอเขาคอ้ จังหวดั เพชรบูรณ์
รับฟังโอวาท
การทบทวนธรรม
พระครูธรรมธรวรเดชา

• ได้ทราบถึงประโยชนข์ องการทบทวนธรรม

• ได้ทบทวนบทสวดตา่ งๆ

08.30 – 10.50 น.
รับฟังการบรรยาย
หอพระธรรมคัมภีร์ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จงั หวดั เพชรบรู ณ์
เข้ารว่ มรับฟงั การบรรยายผ่านโปรแกรม zoom
พระพุทธศาสนาและการวิจยั เพอ่ื การนำสงั คมในยุคใหม่

ภาควิชาการ 184

บรรยายโดย พระสุธีรัตนบณั ฑติ
ผอู้ ำนวยการสถาบันวจิ ัยพุทธศาสตร์
เน้ือหาการบรรยาย มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
ประโยชนท์ ีไ่ ด้รับ
ได้ทราบขอ้ มลู
แนวคิด ความรู้ และภาษาสากลเพื่อการพัฒนาสังคมโลก

- ความสขุ Happiness
- สันติภาพ peace
- ความเมตตา และปัญญา (compassion and wisdom)
- การพัฒนาท่ียั่งยนื (Sustainable development goal)
- สทิ ธิมนุษยชน (Human Right)
- การพฒั นาจติ ใจ Mindfuiness (จติ ใจและปญั ญา)
- ประชาธปิ ไตย democracy
- การมสี ว่ นรว่ ม
- ความหลากหลายทางวัฒนธรรม

ความรกั และความเหน็ ใจเปน็ ปจั จัยหลกั ในการดำรงชีวติ ไม่ใชเ่ ครื่องประดบั หาก
ขาดสองสง่ิ น้ี มนษุ ย์กไ็ มส่ ามารถอยรู่ อด

"Love and compassion are necessities, not luxuries. Without
them, humanity cannot survive. "

ความสขุ ไมใ่ ชส่ ง่ิ สำเรจ็ รปู แตเ่ ป็นสิ่งท่เี กดิ จากการกระทำของเราเอง

"Happiness is not something that comes ready-made. It comes
from your own actions."

หากคณุ คิดวา่ คณุ ตวั เลก็ เกินกวา่ จะสร้างความแตกต่างได้ ลองนอนหลับโดยมียงุ ตอม
อยู่ดว้ ยสิ

"If you think you are too small to make a difference, try
sleeping with a mosquito. "

จงศกึ ษากฎระเบียบใหร้ อบรู้ คณุ จะไดแ้ หกกฎไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ

"Know the rules well, so you can break them effectively."

เมอ่ื เราต้องเผชิญกบั โศกนาฏกรรมในชีวิต เรามที างเลือกสองทาง คอื จะหมดหวัง
และทำให้ตวั เองตกต่ำ หรอื ว่าจะสร้างจติ ใจให้แขง็ แกร่งจากความทกุ ข์น้ัน

ภาควิชาการ 185

"When we meet real tragedy in life, we can react in two ways
either by losing hope and falling into self-destructive habits,

or by using the challenge to find our inner strength. "

มเี พียงความพยายามเหน็ ใจและเขา้ ใจผู้อนื่ เท่านั้น ท่ีจะทำให้เราเกดิ ความสงบสขุ
ภายในท่ีทกุ คนล้วนแสวงหา

"Only the development of compassion and understanding for
others can bring us the tranquility and happiness we all seek. "

วธิ ีเดียวทจี่ ะเปลย่ี นใจผ้อู ่ืนได้คอื การพูดคุยกันดว้ ยความรัก ไมใ่ ชค่ วามโกรธ

"The only way to change other people's minds is with
affection, and not anger. "

ภาษาสากลเชงิ พุทธในระดบั นานาชาติ
1. การพัฒนาความรแู้ ละสติปัญญาของบคุ คล

- Insight
- Intelligence
- Knowledge
- Information
- Data (Meaning Facts)

2. การพฒั นาจติ สาธารณะให้เข้าถงึ ความดีงาม (Ken wilber)
• ความดี ความงาม ความจริง

3. ความรกั ความเมตตา และสนั ตภิ าพ
• ความเมตตา ความรกั สันตสิ ุขของบุคคลและสนั ตภิ าพของสังคม

4. ความยตุ ธิ รรมและความเสมอภาค
• ไมเ่ สมอภาค ไมย่ ตุ ธิ รรม ไมเ่ กื้อกูล ไม่กระจาย ความสบั สนวุ่นวาย ท้ังหมด
นแี้ กไ้ ขไดด้ ว้ ยวิถีแห่งพุทธและกระบวนการแหง่ ปญั ญา กส็ ามารถกอ่ ให้เกิด
สันตสิ ขุ สันติภาพ ทัง้ ภายในและภายนอก
• สร้างความดีงาม สันติภาพของสังคม ความดีงามบุคคล คือมีจริตที่งดงาม
ด้วยหริ ิ โอตตปั ปะ และสจุ ริต 3

5. ความสขุ และความยัง่ ยืน
การศึกษาเรียนรใู้ นกระแสหลกั
• แขง่ ขนั
• ร่ำรวย
• วิทยาศาสตรม์ ากกว่าจติ วิญญาณ
• ทดลองอย่างบ้าคล่ัง

ภาควิชาการ 186

• วดั ผลดว้ ยความสำเร็จ
• ใช้ทรพั ยากรมาก ฟุ่มเฟอื ย
การศึกษาเรียนรใู้ นกระแสทางเลือก
• ความสขุ
• ยั่งยืน
• ให้ความสำคญั กบั จติ ใจ/ปญั ญา
• ใชว้ ธิ ีธรรมชาติ
• วัดผลดว้ ยความเปน็ มนษุ ย์
• เรียบง่าย
6. สิทธมิ นุษยชนและความหลากหลายทางวฒั นธรรม
• สิทธมิ นุษยชนเป็นสทิ ธขิ ั้นพ้นื ฐานที่มนุษยท์ กุ คน พึงมีโดยเสมอภาคกันเพื่อ

การ ดำรงชีวิตอยู่ได้อยา่ งมีศกั ดิ์ศรโี ดยไมค่ ำนงึ ถึงความแตกต่างในเร่ืองเชื้อ
ชาติ สผี วิ เพศ ภาษา ศาสนา ความเชอื่ ทางการเมอื ง หรือความเช่ือในทาง
อน่ื ใด ชาตหิ รอื พ้นื เพทาง สังคม ทรัพยส์ นิ กำเนดิ หรอื สถานะ
• วัฒนธรรมเป็นผลรวมของการสะสมทางดา้ นสัญลกั ษณ์ ความคดิ ความเชื่อ
อดุ มการณแ์ ละผลผลติ ทเี่ ปน็ วัตถุ ซึง่ เกยี่ วข้องกับระบบสังคมหนึ่ง ไม่ว่าจะ
เปน็ สงั คม ทงั้ หมด หรอื หน่วยยอ่ ยทีส่ ดุ ทางสังคมเชน่ ครอบครัว
7. ประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วม
- กระบวนการท่ีเน้นการมสี ่วนร่วมอยา่ งกวา้ งขวางของพลเมอื งในเขตเลอื กต้ัง
(constituent) ในทิศทางและปฏิบัติการของระบบการเมือง รากศัพท์
ประชาธิปไตย สื่อความว่า ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ ฉะนั้น
ประชาธิปไตยทุกชนดิ จงึ เปน็ แบบมสี ่วนร่วม ทว่า ประชาธิปไตยแบบมีส่วน
รว่ มมแี นวโน้มส่งเสรมิ รูปแบบการมสี ่วนร่วมของพลเมืองทเี่ ก่ียวขอ้ งมากกวา่
และการเปน็ ผู้แทนทางการเมืองมากกวา่ ประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนเดมิ
8. การพัฒนาที่ย่งั ยืน เพือ่ ประโยชนแ์ ละความสุขของชีวติ
• ผู้รู้ (พทุ ธะ)
• ความรู้ (ธรรมะ)
• การแลกเปลย่ี นเรียนรู้ (สังฆะ)
9. การเปลีย่ นกระบวนทศั น์ทางนิเวศวิทยา สงิ่ แวดล้อม
กระบวนทศั น์เก่า
• การครอบครองธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ้ มทางธรรมชาติคือทรัพยากรของมนษุ ย์
• เปา้ หมายทางวตั ถแุ ละการขยายตัวทางเศรษฐกจิ
• ทรัพยากรธรรมชาติมเี หลือเฟือและสามารถแทนกนั ได้อยา่ งไม่สิ้นสดุ

ภาควิชาการ 187

• เทคโนโลยสี มัยใหม่
• แนวคิดบริโภคนยิ ม
• องค์กรขนาดใหญ่โตและรวมศนู ย์
• โครงสรา้ งแบบอำนาจนิยม/เผดจ็ การ
กระบวนทศั นใ์ หม่
• ความสอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติ
• ธรรมชาตมิ ีค่าในตวั เอง
• เปา้ หมายที่ไมใ่ ชว่ ัตถุ แต่คอื ความยง่ั ยนื ยาวนานทางนเิ วศ
• ทรพั ยากรมขี ดี จำกัด
• เทคโนโลยที ี่เหมาะสม
• ความตอ้ งการพื้นฐานของมวลชน
• องคก์ รขนาดเลก็ และกระจายอำนาจ
• โครงสรา้ งแบบการมีส่วนรว่ มและหลักการประชาธปิ ไตย

คดิ กวา้ ง-มองไกล-ใฝส่ งู
พาจงู จิตไมไ่ หลหลง
ทฏิ ฐิมเิ บยี่ งเทีย่ งตรง
สูงส่งซง่ึ ธรรมอำไพ

เปรยี บ...อินทรีทองครองฟา้
เหินสงา่ สูงจริงยง่ิ ใหญ่
ทัศนะเห็นอยา่ งกวา้ งไกล

ยากไซร้หาเทยี บเปรียบปาน

ㆍคดิ แคบ-มองใกล้-ใฝ่ต่ำ
ระส่ำจติ ปรงุ ฟงุ้ ซา่ น
วนุ่ วายเวยี นวนคนพาล

อลหม่านอิดหนาระอาใจ

ดจุ นกกระจอกงอกงอ่ ย
มั่วคอยคิดปองมองใกล้

จิกตีกันนวั ทว่ั ไป
เหน็ ได้ทกุ ถิน่ ชนิ ตา

ภาควิชาการ 188

เวลา 13.00 – 16.30 น.
กิจกรรม รบั ฟงั การบรรยาย
สถานท่ี หอพระธรรมคัมภีร์ ศูนยพ์ ัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จงั หวดั เพชรบรู ณ์
ภารกิจทไี่ ด้รับ เขา้ ร่วมรบั ฟงั การบรรยายผา่ นโปรแกรม zoom
เร่ือง พระธรรมทูตท่ีมสี ทิ ธิภาพ
บรรยายโดย พระสุธวี ชิรปฎิภาณ
ผู้ชว่ ยเจา้ อาวาสวดั พระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม
เนือ้ หาการบรรยาย
ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับ ไดท้ ราบขอ้ มูล
1. การบริหารกิจการคณะสงฆ์ 6 ด้าน คือ การปกครอง การศาสนศึกษา การเผย

แผ่ การสาธารณปู การ การศกึ ษาสงเคราะห์ การสาธารณสงเคราะห์
2. การทำงานคอื การพัฒนาขดี ความสามารถ
3. การปฏิบัติงานด้วยธรรมะอารมณ์ดี 2 ประเด็นหลกั คือ

1) งานเผยแผ่
2) งานสาธารณสงเคราะห์

• เลอื กพัฒนาจุดแขง็ ให้ดียิ่งข้ึน
• ความเสียสละตอ่ เน่ืองเปน็ ส่ิงทส่ี ำคัญย่ิง
• ทำงานด้วยความสุขจะไม่มีความทุกข์แม้จะเหนื่อยก็ตาม แต่จะนำความ

เหนื่อยมาพัฒนาตนเอง
• ทำใหัเสรจ็ /ทำให้สำเรจ็ วัดกันทตี่ ัวช้วี ดั
• การทำงานการพฒั นาชวี ติ

4. การวางตัวของพระใหด้ ไู ด้ ผ่านการปฏบิ ัติตามเสขยิ วัตร นอกเหนอื จากการเทศน์
หรอื ผลงานการทำงาน

การเจริญเมตตาปฏบิ ัติงานดว้ ยธรรมอารมณ์ดี
ผ้บู รรยาย พระมหาอดศิ กั ด์ิ อภปิ ญโฺ ญ

ในเมตตาสูตร อานิสงสข์ องเมตตาภาวนามีระบไุ ว้ ๑๑ ประการ เได้แก่ (๑)
หลบั เปน็ สุข (๒) ต่นื เปน็ สุข (๓) ไมฝ่ นั รา้ ย (๔) เป็นทรี่ กั ของมนษุ ย์ทัง้ หลาย (๕) เป็น
ท่รี ักของอมนุษยท์ ้งั หลาย (๖) เทวดารกั ษา (๗) ไฟ ยาพษิ หรือศสั ตราไม่กล้ำกราย (๘)

ภาควิชาการ 189

จิตตั้งมั่นได้เร็ว (๙) สีหน้าสดใส (๑๐) ไม่หลงลืมสติตาย และ (๑๑) ถ้ายังไม่บรรลุ
อรหัตตผล

-การเจรญิ เมตตามี ๒ อย่าง
๑. โอธิโสผรณาเมตตา คือ.การเจรญิ เมตตาแบบเจาะจง
๒. อโนธิโสผรณาเมตตาคือ.การเจริญเมตตาแบบไม่เจาะจง

-วิธีการเจรญิ เมตตา
๑. เจริญใหก้ ับตัวเองก่อน
๒. เจรญิ ให้กับคนทเ่ี ราเคราพนับถือเช่นแม่-พอ่ ครู และอาจารย์ เปน็ ต้น
๓. เจรญิ ให้กบั คนทเี่ กลยี ด
๔. เจริญใหก้ ับเพ่อื นๆ
๕. เจริญให้กับคนทเ่ี ปน็ กลางๆ
๖. เจริญใหก้ บั คน ทท่เี ป็นศตั รู
๗. เจรญิ ให้กับเพศตรงข้าม
๘. แผ่แบบรวมๆ คือไม่เจาะจง เช่นขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมคี วามสุขพนั

จากความ
ได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของธรรมอารมณ์ดีว่าเกิดขึ้นมาด้วยความ

ตั้งใจ มีการวางแผน และสำเร็จเพราะการตัง้ เป้าหมายไม่ใชโ่ ชคช่วย ธรรมอารมณ์ดี
ไม่ใช่อยู่ที่บุคคลเดียวมีการทำงานเป็นทีม พัฒนาปรับปรุงจุดเด่นมากกว่าจุดด้อย
รวมถึงมหี ลกั เป็นของตนเองคอื สนุก สุข ซงึ้ กินใจ มกี ารเผยแพร่ท่ียึดธรรมเป็นหลัก
โดยปรับให้เหมาะกบั สถานการณป์ ัจจุบนั ไดท้ ราบถงึ การเจริญเมตตา ท้ังอานิสงส์ ท้ัง
วิธีการเจริญ สามารถนำไปใชก้ บั งานเผยแผ่ในต่างประเทศได้ เป็นการทำจิตใจให้มี
ความปรารถนาดีต่อกันอันเปน็ จุดเร่มิ ตน้ ของการอยู่รว่ ม

อานิสงศ์ของการเจริญเมตตา ๑๑ ข้อ ก็เข้าใจในส่วนของการสื่อ ช่วยในการ
อบรม อธิบาย เห็นภาพ พูดให้เห็นภาพ การแผ่เมตตา ของพระมหาอดิศักดิ์ การแผ่
เมตตาให้ตนเอง การแผ่เมตตา ให้คนรูจ้ ัก การแผ่เมมตาให้ตนไม่รู้จัก การแผ่เมตตาให้
สัพพสัตว์ และการแผ่เมตตา ให้ ทั่วไปส่วนในช่วงที่สาม ก็ ได้เข้าใจในส่วนของการ
สาธารณะสงเคราะห์ การจัดโครง สงั ฆประชาสามัคคี การเปดิ ธนาคาร แพมเพคิ เป็นต้น

อานิสงส์ของเมตตาภาวนามีระบุไว้ ๑๑ ประการ เได้แก่ (๑) หลับเป็นสุข
(๒) ตื่นเป็นสุข (๓) ไม่ฝันร้าย (๔) เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย (๕) เป็นที่รักของ
อมนุษย์ท้งั หลาย (๖) เทวดารกั ษา (๗) ไฟ ยาพษิ หรือศสั ตราไมก่ ล้ำกราย (๘) จิตตั้ง
มน่ั ไดเ้ รว็ (๙) สหี นา้ สดใส (๑๐) ไม่หลงลมื สตติ าย และ (๑๑) ถา้ ยังไมบ่ รรลุอรหตั ตผล

ภาควชิ าการ 190

เวลา 18.00 – 18.30 น.

กิจกรรม ทำวัตรเยน็

สถานที่ ศนู ยพ์ ัฒนาศาสนาแคมปส์ น อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

ภารกจิ ทไ่ี ด้รบั เข้ารว่ มกิจกรรมทำวัตรเย็น

นำทำวตั รโดย พระปลดั วรี เวทย์ อภปิ ญโฺ ญ ตวั แทนกล่มุ ท่ี 5

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / o บททำวตั รเยน็

ทบทวนธรรม o อะตตี ะปจั จะเวกขะณะ (อชฺช มยา……….)

o กรวดนำ้ (อมิ ินา……….)

แผเ่ มตตา (สพั เพ สัตตา……….)

ประโยชนท์ ไี่ ดร้ ับ 1. ไดท้ บทวนธรรม

2. การสวดมนตเ์ ป็นการฝึกสมาธิ ให้ใจมีความสงบ ตั้งมั่นอยู่กับคำสวดมนต์อย่าง

ต่อเน่ือง ใจจดจอ่ อยกู่ บั บทสวดมนต์ระมัดระวงั ไมใ่ หส้ วดผดิ ซึง่ การมสี มาธิอยู่กบั

สวดมนต์นี้ จะทำให้เรามีความสงบเยือกเย็นในจิตใจเพิ่มมากขึ้น และมพี ลังใน

การคดิ สร้างสรรคใ์ นส่ิงต่างๆ ได้ดยี ง่ิ ขึน้ อกี ด้วย

3. การสวดมนตเ์ ปน็ การสร้างศรทั ธา สร้างความเชอ่ื ม่ันในคณุ ของพระรตั นตรัย เป็น

การเสริมสร้างพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนา และน้อมนำหลักธรรมทาง

พระพทุ ธศาสนามาใช้ในการดำเนินชวี ติ อยา่ งมีคณุ ค่า

เวลา 18.30 – 20.00 น.
กิจกรรม รบั ฟงั การบรรยาย
สถานที่ หอพระธรรมคมั ภรี ์ ศูนยพ์ ัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จงั หวัดเพชรบรู ณ์
ภารกจิ ทไ่ี ดร้ ับ เข้ารว่ มรับฟังการบรรยายผ่านโปรแกรม zoom
เรื่อง เร่ืองที่พระธรรมทตู ควรรู้
บรรยายโดย พระวเิ ทศภาวนาจารย์ วิ.(สมบญุ สมฺมาปญุ โฺ ญ)
เจ้าอาวาสวดั พระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย
เนื้อหาการบรรยาย กรรมการอำนวยการ สมัชชาสงฆ์ในสหรฐั อเมรกิ า
ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั
ไดท้ ราบขอ้ มลู
• ความเปน็ มาของวัดไทยในU.S.A.
• มกี ารเรียนนักธรรม-บาลีและธรรมศกึ ษา
• การใชช้ วี ิตทเ่ี หมาะสมสำหรับพระธรรมทูต

เม่อื ผ่านโครงการได้แล้ว จะได้เปน็ พระธรรมทตู ได้ตลอดชวี ิตและสามารถ
ตอ่ พาสปอตไดต้ ลอด ในแงฝ่ ่ายบรหิ าร ไปประชุมท่วี ัดศรทั ธาธรรม รัฐ เทก็ ซสั สมัชชา

ภาควชิ าการ 191

เวลา สงฆ์ไทยในสหรฐั อเมรกิ ามีการ จดั การการประชุมทกุ ปี วสิ ามญั จดั ประชมุ ในทกุ เดือน
ชอ่ื กิจกรรม ๖ สามญั จัดประชุมในทกุ เดือน ๘
เร่ือง เร่ืองทป่ี ระชมุ
โดย
สถานที่ ๑. การทำพาสปอต
ภารกจิ ทไี่ ดร้ บั ๒. การขอพระมาอยู่
เนอ้ื หาทบ่ี รรยาย ๓. การจดั การพระธรรมทตู ในเครือนายสมชั ชาสงฆ์
ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั ๔. ไทยในอเมรกิ า การประชุมมพี ระมาประชมุ ถงึ ๓๔๐๐รปู
๕. ดา้ นการเผยแผ่
๖. มีทงั้ การเผยแผเ่ ป็นภาคภาษาไทยและภาษา อังกฤษ

การทเี่ ราจะพดู ภาษาตา่ งๆ ใหเ้ ก่ง มันมแี ต่ ฝึกและพดู ใหผ้ ดิ ให้ถกู กพ็ ดู ไป
เมอื่ ผดิ ไปมากๆ เข้า เด๋ยี วจะเรมิ่ จำได้เองว่าอนั ไหนผิดอันไหนถกู ดำรงสตดิ ว้ ยการ
ภาวนา ตามดูจติ ของ ตวั เอง เพื่อจดั การตนเองใหอ้ ยใู่ นทำนองคลอง ธรรมตามคำ
สอนของพระพทุ ธศาสนา

ถา้ พระธรรมทตู ไปถงึ อเมรกิ าแล้วตอ้ งทำไอ ดกี าร์ดประจำรัฐ ยงั ไม่ใช่บัตร
พลเมือง ซง่ึ สามารถใช้เปิดบญั ชี เปิดบัตรเครดติ ได้ โดยจะ ตอ้ งขอวซี า่ ๑ เป็นวีซา่ เผย
แผ่ศาสนา เม่ือก่อน สามารถใช้ได้ ๕ ปี แตท่ กุ วนั นี้ใหเ้ พยี ง ๓ ปี เมือ่ ต่ออกี คร้งั จะ
เหลือ ๒ ปี หลงั จากนน้ั ตอ้ งพกั ๑ ปี เมอ่ื ครบกำหนด ๕ ปี ก็ยนื่ ขอCitizen แล้วกลบั มา
อยู่ต่อได้

20.00 – 21.00 น.
ฟงั การบรรยาย
เรอ่ื งที่พระธรรมทูตควรรู้
พระครปู ญั ญารตั นวิเทศ
หอพระธรรมคมั ภีร์ ศนู ย์พฒั นาศาสนาแคมปส์ น อำเภอเขาค้อ จงั หวดั เพชรบูรณ์
เข้ารับฟังการบรรยายวิชาการผา่ นโปรแกรม zoom

ได้ทราบข้อมูล
• วัดไทยL.A.เปน็ วนั แห่งแรกในU.S.A.
• วธิ ดี ูแลตนเองและปรบั ตัวให้ดเี ม่ือพกั อาศยั ในU.S.A
• กิจ2อย่าง

กจิ วัตร ไมค่ วรบกพรอ่ ง
กิจกรรม ภายในวัดไมใ่ หข้ าด
• งานคอื ชวี ติ ชีวิตคืองานบันดาลสุข

ภาควิชาการ 192

• เราต้องมีหัวใจของธรรมทตู ดงั นี้
1. ต้องขยัน ขยันศึกษา รักษาความสะอาด เหมอื นแมลงผง้ึ
2. ฉลาดหากนิ บินไมส่ งู นกั รกั ษาความสะอาด
3. มัน่ ศกึ ษา ใครใ่ นการศกึ ษา
4. พฒั นาตนเอง วนั นต้ี ้องดกี ว่าวนั ที่ผ่าน พัฒนาใหม้ ันงา่ ย พฒั นาอะไรกไ็ มต่ ิด
ถ้าจติ ไมพ่ ฒั นา
5. รีบเร่งทำความดี อยา่ ประมาทในชวี ติ
6. ทำสง่ิ ดๆี หลกี หนสี งิ่ ชวั่ ควรเวน้ เสยี
7. ทำตัวใหน้ ่ารัก ย้ิมแยม้ แจม่ ใส มนษุ ยส์ มั พนั ธด์ ี
8. ชว่ ยกันพทิ ักษศ์ าสนา
9. ใจกล้ามุง่ ม่นั ในการเสยี สละ ใหไ้ ดใ้ ห้ อย่าคิดเอาอยา่ งเดียว เพราะจิตท่คี ิด
จะใหม้ ันเบา จติ ทีค่ ดิ จะเอามนั หนกั ย่ิงใหย้ ง่ิ ได้
10. ไม่หวัน่ อปุ สรรค ชวี ิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยากำลงั อปุ สรรคคือปัญหาท่ีทำให้
เราผ่านไปได้
11. รกั เพอื่ นมนษุ ย์กอ่ นตาย รกั กนั ไว้เถิด

กิจกรรมวันท่ี 6

วนั พธุ ที่ 11 เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เวลา 05.00 – 05.30 น.

กิจกรรม ทำวัตรเช้าและเจริญจติ ภาวนา

สถานที่ หอพระธรรมคัมภรี ์ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมปส์ น อำเภอเขาค้อ จังหวดั เพชรบรู ณ์

ภารกิจทไ่ี ด้รบั เขา้ ร่วมกิจกรรมทำวัตรเชา้

นำทำวัตรโดย พระมหาณฐั พงศ์ มณิสุโข หวั หน้ากลมุ่ ที่ 6

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / o บททำวตั รเชา้

ทบทวนธรรม o ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา (พทุ โธ สสุ ทุ โธ..........)

o ตงั ขณกิ ปัจจเวกขณปาฐะคาถา (ปฏิสงั ขาโย..........)

o ปัตตทิ านะคาถา (ยา เทวะตา..........)

o แผ่เมตตา (สพั เพ สัตตา..........)

ประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั 1. สามารถไล่ความขี้เกียจเพราะขณะสวดมนต์อารมณ์เบื่อเซือ่ งซึมง่วงนอนเกียจ

คร้านจะหมดไป และเกดิ ความแชม่ ชน่ื กระฉับกระเฉงข้ึน

ภาควิชาการ 193

เวลา 2. เป็นการตัดความเห็นแก่ตัว เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวด
กิจกรรม มนตอ์ ยา่ งตงั้ ใจ ไม่ไดค้ ิดถงึ ตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมไิ ดเ้ กดิ ข้นึ ในจิต
สถานที่
3. เปน็ การกระทำท่ไี ด้ปญั ญา ถา้ การสวดมนต์โดยรคู้ ำแปล รู้ความหมาย ก็ยอ่ มทำ
ภารกิจทไ่ี ดร้ ับ ให้ผู้สวดได้ปัญญาความรู้ แทนที่จะสวดเหมือนนกแก้วนกขุนทองโดยไม่รู้อะไร
เร่ือง เลย
บรรยายโดย
ประโยชน์ทีไ่ ดร้ บั 4. มจี ติ เปน็ สมาธิ เพราะขณะน้นั ผูส้ วดตอ้ งสำรวมใจแน่วแน่ มิฉะนน้ั จะสวดผดิ ท่อน
ผดิ ทำนอง เม่อื จติ เป็นสมาธิ ความสงบเยือกเยน็ ในจติ จะเกดิ ข้ึน

5. เปรียบเสมือนการไดเ้ ฝา้ พระพทุ ธเจ้า เพราะขณะนัน้ ผูส้ วดมี กาย วาจา ปกติ (มี
ศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มี
ปญั ญา) เท่ากบั ไดเ้ ฝ้าพระองค์ดว้ ยการปฏบิ ัติบชู า ครบไตรสกิ ขาอยา่ งแท้จรงิ

05.30 – 06.50 น.
ฟงั โอวาท
หอพระธรรมคัมภีร์ ศนู ย์พฒั นาศาสนาแคมป์สน
อำเภอเขาค้อ จงั หวดั เพชรบรู ณ์
ทบทวนธรรม
การทบทวนธรรม
พระครธู รรมวรเดชา
ผู้เขา้ อบรมพระธรรมทตู สายตา่ งประเทศ รุน่ ๒๘ กลมุ่ ๕-๖-๗-๘ โดยมีพระมหาณัฐ
พงศ์ มณสิ โุ ข ODB๒๘-๐๑๔ กลมุ่ ๖ เปน็ ตน้ เสียงนำทำวัตรเชา้ หลงั จากนนั้ ทบทวน
ธรรมบทสวดมนต์ โดยมคี ณาจารยป์ ระจำกลุม่ ดูแล ณ หอพระธรรมคัมภรี ์ มจร
แคมปส์ น อ.เขาคอ้ จ.เพชรบูรณ์ ผลทไี่ ดม้ ีความสงบของจิตใจ และแสงสวา่ งทาง
ปญั ญา สามารถนำหลักธรรมในบทสวดไปปฏบิ ตั ติ ามได้

ได้รับทราบข้อมูลว่าวัดไทยลอสแองเจอลิสเป็นเจ้าภาพประชุมสมัยสามัญ
สมัยสามัญสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมรกิ า ๙-๑๐-๑๑-๑๒ มถิ ุนายน ๒๕๖๕

- กรรมการอำนวยการองค์กรชาวพุทธนานาชาตแิ หง่ อเมรกิ า ท่านเจา้ คณุ เป็น
ประธาน IBAA สามารถจดั งานวสิ าขบชู าในทำเนยี บขาวได้โดยไอ IBAA ทำ
ให้หลายชาติหนั มามองหันมาสนใจได้

- พระธรรมทตู ตอ้ งพรอ้ มทจี่ ะเข้าไปพดู คยุ ให้ทัศนคตกิ บั ชาวต่างชาตไิ ด้ ต้อง
กา้ วขา้ มกำแพงภาษาไปสู่ศาสนานานาชาตใิ หไ้ ด้

- การประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยตอนนไ้ี มใ่ ช่แค่พระธรรมทูตไทยแล้ว แต่เป็นการ
ประชุมพระธรรมทตู ทว่ั โลก ตอ้ งพฒั นาภาษาองั กฤษเพอ่ื จะไดต้ อบโต้และ
แสดงทศั นะคตใิ นระดบั นานาชาติ

ภาควิชาการ 194

- ปัญหาและอุปสรรคคือบุคลากรผู้นำขององค์กรต้องมีความสามารถให้การ
สร้างงานและพัฒนาคนได้ ถ้าอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีคนไทยต้องอาศัย
ความสามารถของผูน้ ำถงึ จะอยู่ได้

เวลา 07.00 – 08.30 น.
กจิ กรรม รบั ฟังการบรรยาย
สถานท่ี หอพระธรรมคัมภีร์ ศูนย์พฒั นาศาสนาแคมป์สน
อำเภอเขาค้อ จงั หวดั เพชรบรู ณ์
ภารกจิ ทีไ่ ดร้ บั เขา้ ร่วมรับฟงั การบรรยายผ่านโปรแกรม zoom
เรอ่ื ง งานพระธรรมทูตไทยกับพระธรรมทูตโลก กรณีศึกษาสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันและ
อนาคต
บรรยายโดย พระวิเทศรตั นาภรณ์ ดร.
เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในU.S.A. วดั ไทยกรงุ วอชิงตนั ดซี ี
เนื้อหาการบรรยาย
ประโยชน์ท่ไี ดร้ บั - ความเปน็ มาของสมัชชาสงฆไ์ ทยในสหรัฐอเมริกา
- งานพระธรรมทตู ไทยในสากลโลกเพอ่ื งานพระศาสนา
- ปัญหาและอปุ สรรคในการเผยแผ่ในตา่ งประเทศคอื บุคคลากรท่ดี ีและเกง่ เพอื่ งาน

พระพทุ ธศาสนา
- สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรฐั อเมรกิ ากอ่ ตั้งขึ้นมาเมอื่ 20-24 ม.ิ ย. 2519โดยการ

รวมตวั กนั ของคณะสงฆ์ไทยทุกสำนักในสหรฐั อเมริกา 5 แหง่ คอื วัดไทยลอสแอง
เจลิส วดั วชิรธรรมปทปี นครนิวยอรก์ วัดธัมมาราม นครชิคาโก วัดไทยวอชงิ ตนั
ด.ี ซ.ี และวดั พทุ ธวราราม เดนเวอร์
- การรวมตัวกันเป็นสมชั ชาสงฆ์ไทยเพื่อใหเ้ กดิ การยอมรบั ของประเทศ
สหรัฐอเมรกิ า การจัดงานวิสาขบชู าทที่ ำเนียบขาวกเ็ ป็นส่วนหน่ึง ในการ
ดำเนินการนน้ั
- พระธรรมทตู ไทยตอ้ งพฒั นาภาษาอังกฤษเพอ่ื ใชใ้ นการตดิ ตอ่ ส่อื สารและเปน็
ตัวแทนในการประชุมตา่ งๆได้
- 12 มิถนุ ายน 2565 ครบรอบ 50 ปี วดั ไทยกรุงวอชิงตนั ดี.ซ.ี
- ผูท้ ่ขี อวีซ่า R1 หรือ กรีนการ์ด
• ผู้ที่ขอตอ้ งมที ่ีอยเู่ ปน็ หลกั เป็นแหล่ง
• ที่อยตู่ ้องตรงกบั ทีข่ อไป
• เจตนาท่ไี ปอยตู่ อ้ งชดั เจน
• อเมรกิ าเปน็ เบ้าหลอมทกุ ศาสนา

เวลา ภาควิชาการ 195
ชอ่ื กจิ กรรม
เรอื่ ง • 40-50 เปอรเ์ ซ็นต์ ไมม่ ศี าสนา
• ชาวอเมรกิ าไม่ค่อยยดึ มัน่ ในศาสนา นับวนั จะนอ้ ยลง
โดย • ชาวพทุ ธเปน็ ทางเลือกใหมส่ ำหรบั ผู้ทเี่ บอื่ หน่ายศาสนา
เวลา • สมาธิเปน็ ทางเลือก ทางออก และเป็นท่ีนยิ ม ของชาวอเมรกิ า
ชื่อกิจกรรม ชาวอเมริกาชอบเรื่องสมาธิเพื่อความผ่อนคลายจากกาทำงาน แต่ไม่ได้ประกาศตน
เร่ือง เปน็ ชาวพุทธ

โดย 09.50 - 10.50 น.
เวลา ปาฐกถาพเิ ศษภาษาองั กฤษ
ชอ่ื กจิ กรรม How do Buddhists handle COVID-19? (ชาวพทุ ธปฏิบตั ิตนอยา่ งไรตอ่ โควดิ -
เรอ่ื ง 19)
เวลา พระธรรมศากยวงศว์ ิสทุ ธิ์, ดร.
10.50-11.30 น.
เวลา ปาฐกถาพเิ ศษ
ชอ่ื กจิ กรรม Dhamma, Disruption, and Defense : COVID-19 in Buddhist Perspective
ภารกิจทีไ่ ด้รับ and Practice (พระธรรม ดิสรัปชัน และการป้องกัน : มิติและการปฏิบัติทาง
สถานที่ พระพุทธศาสนาต่อโควดิ -19)
ศ.นพ. ประเวศ วะสี
เรอ่ื ง 10.50 – 11.30 น.
รว่ มกิจกรรม 11 พฤษภาคม วนั ปญั ญานันทะ อาจริยบูชา 111 ปี ผา่ น
โดย ทำบุญอุทิศ ถวาย หลวงพอ่ ปัญญานันทะภกิ ขุ
11.30 – 12.30 น.
เสยี งสญั ญาณระฆงั / บิณฑบาต / ฉนั ภัตตาหารเพล / ทำกิจส่วนตัว
13.00 – 15.00 น.
เข้าร่วมกจิ กรรมเสวนาวสิ าขบชู านานาชาตคิ รง้ั ที่17/2565
เข้าร่วมรับฟังกจิ กรรมเสวนาวสิ าขบูชานานาชาตคิ รง้ั ที่17/2565
หอพระธรรมคมั ภรี ์ ศนู ย์พัฒนาศาสนาแคมปส์ น
อำเภอเขาคอ้ จังหวดั เพชรบูรณ์
การเสวนากลมุ่
เรอ่ื ง ยุคหลังโควดิ -19 : พระพทุ ธศาสนาและการพัฒนาตามธรรม (Post-COVID-19
thoughts : Buddhism and Sustainable development)
คณะผูท้ รงคุณวฒุ ดิ า้ นพระพทุ ธศาสนาและด้านทเ่ี ก่ียวข้อง
1. พระมหาฉัตรชยั สุฉตฺตชโย, ผศ.ดร.

ภาควชิ าการ 196

สถานที่ 2. รศ.นพ.สรุ ยิ เดว ทรปี าตี
3. ดร.ดอน นาครทรรพ
เนื้อหาการบรรยาย 4. ดร.อารม์ ตั้งนิรันดร
ประโยชน์ท่ีได้รับ ผู้ดำเนนิ รายการ พระครูปลดั สุวัฒนสจั จคุณ, ดร.
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัด
นครปฐม และระบบออนไลน์ Zoom Cloud Meetings
ถ่ายทอดสดผ่านทาง YouTube MBU MEDIA และ Facebook มหาวิทยาลัยมหาม
กุฏราชวทิ ยาลัย

รศ.นพ.สุรยิ เดว ทรีปาตี
รวมพลงั ขบั เคล่อื นสังคมคณุ ธรรม
- การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมในมนษุ ย์
1. ทำด้วยจติ สำนกึ
2. ลงมือทำ
3. รู้ สนใจ แต่ยังต้งั ทา่
4. รู้ ไมส่ นและไม่ทำ
5. ไม่รู้ ไมส่ น ไม่ทำ
- ระบบนิเวศคุณธรรม ( เปลยี่ นจากปลูกฝงั เป็นวถิ ีชวี ติ )
- การพฒั นาเครอ่ื งมอื และสำรวจสถานการณ์คณุ ธรรมด้วยตัวชีว้ ดั คณุ ธรรม 6
ภมู ภิ าค
- สำรวจสถานการณ์คุณธรรมกลุ่มคนในชว่ งวัย 25-40ปี จาก 6 กลุ่มอาชพี

ดร.ดอน นาครทรรพ
- แสงสว่างท่ีปลายอุโมงค์
โควดิ -19 กำลงั จะกลายเป็นโรคประจำถ่ิน
กิจกรรมทางเศรษฐกจิ ในประเทศทยอยเข้าสูส่ ภาวะปกติ
นักท่องเที่ยวตา่ งชาตกิ ำลงั จะกลบั มา
- แนวโนม้ การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
- อนจิ จังเศรษฐกจิ ไทย โควดิ ไป ความทา้ ทายใหม่มา
วกิ ฤตการเงินโลก ( 2552)
มหาอทุ กภยั ( 2554 )
การเมอื ง ( 2557 )
สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ( 2562 )

เวลา ภาควิชาการ 197
ชื่อกิจกรรม
เรื่อง โควิด-19 ( 2563 )
โดย สงความรสั เซยี -ยเู ครน ( 2565 )
ณ - แนวทางการดำเนินชวี ติ ภายใต้ความผนั ผวนทางเศรษฐกจิ และเศรษฐกิจ 3D
อยู่กบั ปจั จุบัน ฝากความหวงั ไว้กับอนาคต
สถานท่ี ตง้ั อยูบ่ นความไม่ประมาท ภมู ิคมุ้ กนั
เดนิ ทางสายกลาง ไม่สดุ โตง่
ไม่ยึดติดกบั วถิ เี ดมิ ลงมอื ทำ

พระมหาฉตั รชยั สุฉตฺตชโย, ผศ.ดร.
- ยุคหลงั โควดิ -19 พระพทุ ธศาสนาและการพัฒนาตามธรรม
- อรยิ สัจ4 หลกั การทก่ี ล่าวถึงความจริงอันประเสรฐิ ทท่ี ำให้คนเปน็ ผปู้ ระเสรฐิ
เปน็ หลกั ของเหตุและผล4ประการ
- “ทุกข”์ เท่าน้ันท่ีเกิดข้นึ
- “ทุกข์”เท่าน้ันท่ตี ้ังอยู่
- “ทุกข์”เทา่ นั้นทด่ี บั ไป
- นอกจาก “ทกุ ข”์ ไม่มีอะไรเกดิ
- นอกจาก “ทุกข”์ ไมม่ ีอะไรดับ
- สติ ความไม่ประมาทเป็นเครื่องรักษาจิตใจให้คงที่ช่วยให้ความทุกข์ไม่
สามารถทะลุทะลวงเข้าสู่จิตใจได้พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเหมือน “ทหาร
เอก” ทคี่ อยปกป้องเมือง “จิตนคร”นใี้ ห้เปน็ ปกติ
- CHANGE ใดใดในโลกล้วนเปน็ อนจิ จงั
- ใดใดในโลกล้วน "อนิจจัง" ไม่มีอะไร "ยั่งยืน" ยกเว้น "ความไม่เที่ยง" การ
เปลีย่ นแปลงอยา่ งฉบั พลนั และพลิกผนั สวู่ ิถีใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

15.00 – 16.00 น.
ฟงั การบรรยายพิเศษ
บทบาทของพระพุทธศาสนาในยคุ VUCA
นางไขศรี เนอ่ื งสิกขาเพียร
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัด
นครปฐม และระบบออนไลน์ Zoom Cloud Meetings
ถ่ายทอดสดผ่านทาง YouTube MBU MEDIA และ Facebook มหาวิทยาลยั มหาม
กฏุ ราชวทิ ยาลยั
หอพระธรรมคมั ภรี ์ ศนู ยพ์ ัฒนาศาสนาแคมปส์ น

ภาควิชาการ 198

ภารกจิ ที่ได้รับ อำเภอเขาคอ้ จังหวดั เพชรบูรณ์
เข้ารบั ฟงั การบรรยายวชิ าการผา่ นโปรแกรม zoom

เวลา 18.00 – 18.30 น.

กิจกรรม ทำวตั รเย็น

สถานท่ี ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมปส์ น อำเภอเขาคอ้ จงั หวัดเพชรบูรณ์

ภารกิจที่ไดร้ ับ เขา้ รว่ มกจิ กรรมทำวตั รเยน็

นำทำวตั รโดย พระมหาชาครติ ภทฺทภูริ ตัวแทนกลมุ่ 7

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / o บททำวัตรเยน็

ทบทวนธรรม o อะตตี ะปจั จะเวกขะณะ (อชฺช มยา……….)

o กรวดน้ำ (อิมินา……….)

แผ่เมตตา (สัพเพ สัตตา……….)

ประโยชน์ที่ได้รบั 1. ไดท้ บทวนธรรม

2. การสวดมนต์เป็นการฝึกสมาธิ ให้ใจมีความสงบ ตั้งมั่นอยู่กับคำสวดมนต์อย่าง

ตอ่ เนือ่ ง ใจจดจอ่ อยูก่ ับบทสวดมนตร์ ะมัดระวงั ไมใ่ หส้ วดผิด ซ่งึ การมีสมาธอิ ยกู่ บั

สวดมนต์นี้ จะทำให้เรามีความสงบเยือกเย็นในจิตใจเพิ่มมากขึ้น และมีพลังใน

การคดิ สรา้ งสรรค์ในสิง่ ต่างๆ ไดด้ ีย่งิ ขึ้นอกี ดว้ ย

3. การสวดมนตเ์ ป็นการสรา้ งศรทั ธา สร้างความเชอ่ื มัน่ ในคุณของพระรตั นตรัย เป็น

การเสริมสร้างพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนา และน้อมนำหลักธรรมทาง

พระพุทธศาสนามาใช้ในการดำเนนิ ชีวิตอยา่ งมีคุณค่า

เวลา 18.30 – 21.00 น.

กจิ กรรม รับฟังการบรรยาย

สถานที่ หอประชุมพรรัตนสุวรรณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัด

เพชรบรู ณ์

ภารกิจท่ไี ดร้ ับ เข้ารว่ มรบั ฟังการบรรยาย

เรอ่ื ง งานปกครองและศึกษาคณะสงฆ์

บรรยายโดย พระเทพเวที พล อาภากโร ป.ธ.9 รศ.ดร. รองอธกิ ารบดฝี ่ายกจิ การนิสิต มจร. เจ้า

คณะภาค6 เจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยารามวรวิหาร เลขานุการคณะกรรมการศูนย์

ควบคมุ การไปตา่ งประเทศสำหรบั ภกิ ษุ-สามเณร ( ศ.ต.ภ.)

เนอื้ หาการบรรยาย

ประโยชน์ท่ีได้รบั - ไดท้ ราบวิธีการสง่ เรือ่ งใบ ส.ต.ภ. ในการจะทำ Passport เดนิ ทางไปต่างประเทศ

- ได้ฟังแนวทางและวธิ ีการเตรียมเอกสารในการขอทำหนังสอื เดนิ ทาง

ภาควชิ าการ 199

คณะสงฆไ์ ทยบวชตามกฎหมายสงฆ์โดยไม่ขดั หลักพระธรรมวินัย คณะสงฆ์คือผู้บวช
ตามกฎหมายคณะสงฆ์ไทย
- ต่างประเทศเขตสัมปทานของพระอุปัชฌาย์ได้แค่ในวัดนั้นนั้น ผู้ใดไม่ได้เป็นพระ
อปุ ชั ฌาย์ แล้วไปบวชใหค้ นอนื่ จะต้องผิดกฎหมาย
- พันธกิจ ๖ ด้าน มีกฎหมาย ๒ ด้านที่รองรับงาน ๑.ด้านการปกครอง ๒.ด้าน
การศึกษา
- พระอุปชั ฌาย์ เจ้าอาวาส เจ้าคณะปกครอง ขอให้เข้มงวดกวดขันในการสอดส่อง
ดูแลผอู้ ย่ใู ต้การปกครอง ขอ้ กฎหมายสงฆเ์ ขยี นมาดีแลว้ แต่ไมม่ ีผ้ปู ฏิบตั ิตาม
- หนา้ ทเี่ จา้ อาวาสมี ๔ อย่าง อำนาจมี ๓ อยา่ ง
- หนา้ ทีค่ อื

• บำรงุ รกั ษาวัด จดั กิจการและศาสนสมบตั ิของวัดให้เป็นไปดว้ ยดี
• ปกครองและสอดสอ่ งให้บรรพชิตและคฤหัสถท์ ่ีมีที่อยู่ หรอื พำนักอาศยั อยู่
• ในวัดนั้น ปฏิบัติดามพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคบั ระเบียบ
หรอื คำสัง่ ของมหาเถรสมาคม
• เป็นธุระในการศึกษาอบรมและสงั่ สอนพระธรรมวนิ ยั แก่บรรพชิดและ
• ให้ความสะดวกดามสมควรในการบำเพ็ญกุศล
อำนาจคือ
• ห้ามบรรพชติ และคฤหัสถซ์ ง่ึ มิได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสเขา้ ไปอยู่อาศัยใน
วัด
• สั่งให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสออกไปเสียจาก
วดั
• ต้งั ใหบ้ รรพชิตและคฤหสั ถ์ท่มี ีทีอ่ ยู่ หรือพำนักพกั อาศยั ในวดั ทำงานภายใน
วดั หรือให้ทำทัณฑ์บน
• หรือให้ขอขมาโทษ ในเมื่อบรรพชิตหรือคฤหัสถ์นั้นประพฤติผิดคำส่ังเจ้า
อาวาสซงึ่ สงั่ โดยชอบดว้ ยพระธรรมวนิ ัย กฎมหาเถรสมาคม ขอ้ บงั คบั ระเบยี บ หรือ
คำสง่ั ของมหาเถรสมาคม
อำนาจเจา้ คณะปกครอง ครอง คมุ งับ ขบั ชา ตรวจ
• ปกครองผู้อยใู่ นบังคบั บัญชา
• ควบคุมกจิ การพันธกิจงานคณะสงฆด์ า้ นตา่ งๆ
• ระงบั อธิกรณ์ จบไดจ้ บ ตัดตอนไดต้ ัด
• ขบั เคลื่อน
• บังคับบญั ชา
• ตรวจงานอย่างน้อยสามครงั้ ประชมุ อย่างน้อยสามครั้ง ตอ่ ปี

ภาควชิ าการ 200

- อธิกรณ์คือการผิดพระธรรมมาวินัยพระสงฆ์เท่านั้นที่จะวินิจฉัยได้ ผิด
กฏหมายคืออำนาจจากข้างนอกที่จะวนิ ิจฉยั จริยาพระสังฆาธิการไม่อยู่ใน
กฎหมายแม่ แต่อยูใ่ นกฎหมายลกู บุคคลท่จี ะผดิ ไดค้ ือผ้ชู ่วยเจ้าอาวาสขนึ้ ไป

- ผิดอาบัติ ผิดอาญา ผิดจรยิ าคอื คนละอย่างกัน
- ขอ้ ปฏิบัติจริยาพระสงั ฆาธกิ ารคือ

• เออ้ื เฟอื้
• เชอ่ื ฟงั
• ตง้ั ใจชอบ
• สุภาพ
• สามัคคี
• อำนวยความสะดวก
• รกั ษาความลับ
- โทษของการผิดจรยิ าพระสังฆาธกิ ารคือ
• ถอดถอน
• ปลด
• ภาคทณั ฑ์
• ตำหนิ

กิจกรรมวันที่ 7

วัน พฤหสั บดี ที่ 12 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เวลา 05.00 – 05.30 น.

กิจกรรม ทำวัตรเช้าและเจริญจิตภาวนา

สถานที่ ศนู ยพ์ ัฒนาศาสนาแคมปส์ น อำเภอเขาค้อ จังหวดั เพชรบรู ณ์

ภารกจิ ท่ีได้รับ เข้าร่วมกิจกรรมทำวตั รเช้า

นำทำวตั รโดย พระมหาสุรยุทธ อคคฺ ธมฺโม ตัวแทนกล่มุ 8

บ ท ส ว ด ท ำ ว ั ต ร / o บททำวตั รเชา้

ทบทวนธรรม o ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา (พุทโธ สสุ ุทโธ..........)

o ตังขณกิ ปัจจเวกขณปาฐะคาถา (ปฏสิ ังขาโย..........)

o ปตั ติทานะคาถา (ยา เทวะตา..........)

o แผ่เมตตา (สพั เพ สัตตา..........)

ประโยชน์ที่ได้รบั 1. สามารถไล่ความขี้เกียจเพราะขณะสวดมนต์อารมณ์เบื่อเซือ่ งซึมง่วงนอนเกียจ

ครา้ นจะหมดไป และเกดิ ความแช่มชื่นกระฉบั กระเฉงข้ึน


Click to View FlipBook Version