198
ใบงาน หน่วยท่ี 3
งานครงั้ ท่ี 10
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นแม่ลายกา้ นตอ่ ดอก
เรื่อง : การเขยี นลายรกั รอ้ ย
6. การมอบหมายงาน
คาสงั่ ที่ 1 ให้นักเรยี นเขียนลายรกั รอ้ ยตามแบบท่ีกาหนดให้ ขนาดความสงู 19 ซ.ม ขนาดความกว้าง 5 ซ.ม
( เส้นกรอบด้านใน 0.1 ซ.ม กรอบด้านนอก 0.4 ซ.ม) พรอ้ มตดั เส้นลายรกั ร้อยให้ครบถ้วนสวยงาม
คะแนนเตม็ 100 คะแนน
199
7. เกณฑก์ ารประเมินผลงาน
แบบประเมินผลงานนักเรยี น
ชื่อนักเรียน……………………………………………………………….เลขท่ี…………………
ระดบั ชนั้ ปวช.2 สาขาวิชา ช่างทองหลวง
วิชา การเขยี นลวดลายไทย เรอ่ื ง การเขยี นลายรกั รอ้ ย
ผลการประเมิน
ระดบั คะแนน
ข้อ จดุ ประเมินคณุ ภาพผลงาน ีดเ ่ียยม
การเขียนลายรกั ร้อย ีดมาก
ีด
พอใ ้ช
ปรับปรุง
คะแนนรวม
่ผาน เกณท์ประเ ิมน
ไม่ ่ผาน
54321
1 การเตรยี มอปุ กรณ์การเขยี นลาย ( X2 )
2 การร่างสดั สว่ นรปู ทรง ( X2 )
3 ความเหมาะสมของรปู ทรง ( X4 )
4 ลายเสน้ มคี วามคมชดั ( X2 )
5 การเขยี นลายรกั รอ้ ย ( X6 )
6 จานวนการเขยี นลายครบตามทม่ี อบหมาย( X2 )
7 ความสะอาด ปราณีตในการเขยี นลาย( X2 )
ผลคะแนนรวม
หมายเหตุ ( X2 ) = จานวนคณู คา่ ระดบั คะแนนกบั ค่าคะแนนเกณฑป์ ระเมนิ เช่น X2 ค่าคะแนน 5 = 10 คะแนน
ลาดบั ที่
200
1. การเตรยี มอปุ กรณ์การเขยี นลาย ( X2 ) 10 คะแนน
แบบสรปุ ผลการประเมินผลงานนักเรยี น2. กการร่างสดั ส่วนรปู ทรง ( X2 ) 10 คะแนน
3. ความเหมาะสมของรปู ทรง ( X4 ) 20 คะแนน
วิชา การเขยี นลวดลายไทย เร่อื งการเรยี นท่ี 10 การเขยี นลายรกั รอ้ ย4. ลายเสน้ มคี วามคมชดั ( X2 ) 10 คะแนน
ระดบั ชนั้ ปวช.2 สาขาวิชา ชา่ งทองหลวง กาญจนาภิเษกวิทยาลยั ช่างทองหลวง5. การเขยี นลายรกั รอ้ ย( X6 ) 30 คะแนน
6. จานวนการเขยี นลายครบตามทม่ี อบหมาย( X2 ) 10 คะแนน
จดุ ประเมินคณุ ภาพชิ้นงาน7. ความสะอาด ปราณตี ในการเขยี นลาย ( X2 ) 10 คะแนน
ช่ือ นามสกลุ
ผรู้ บั การประเมิน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ผลรวมคะแนนค่าเฉล่ียร้อยละของนักเรยี นทงั้ หมด
(…………………………………………)
นานพีระยศ แก้วปัญญา
ผ้ปู ระเมิน
คะแนนรวม 110 คะแนน
คา่ เฉลี่ยร้อยละ
ผา่ น เกณท์ที่ผ่านการประเมินค่าเฉล่ียร้อยละ 65
ไมผ่ ่าน
201
แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี 3
สอนครงั้ ท่ี 11
หลกั สตู ร ประกาศนียบตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2562 หน่วยกิต 1-4-3
รหสั วิชา 20315-2107 วิชา การเขียนลวดลายไทย ปฏบิ ตั ิ 4 ช.ม.
หน่วยการเรียนรู้ การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก
เรอื่ งการเรยี นรู้ การเขียนลายเถา
ทฤษฎี 1 ชม.
1. สาระสาคญั
ความรู้ ความเขา้ ใจ หลกั การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก และปฏบิ ตั งิ านเขยี นลายกา้ นต่อดอก การนาความรู้
ไปปรบั ประยุกต์ใช้ ในการออกแบบลวดลาย การเขยี นลายกา้ นต่อดอก มขี นั้ ตอนวธิ กี ารเขยี นลายทแ่ี ตกต่าง
จากลายประเภทลายกนก การเขยี นกลุ่มแม่ลายกา้ นตอ่ ดอกมกี ารแบ่งพน้ื ท่ี ขนาดทช่ี ดั เจน การเขยี นตวั ลาย
มกี ารแบง่ ขนาด พน้ื ทเ่ี ท่ากนั การนาตวั ลายกา้ นต่อดอก สามารถนาไปใชก้ บั งานช่างทองหลวง การออกแบบ
กลุ่มงานประเภทลายพ้นื ท่ีท่มี ขี นาดแนวตงั้ เช่นขอบ หรอื กรอบรูป ท่มี พี ้นื ท่สี เ่ี หล่ยี ม ล้วนแล้วแต่ต้องนา
ความรู้ประเภทลายก้านต่อดอก ไปทาการออกแบบช้นิ งานทงั้ ส้นิ การเขา้ ใจในหลกั การ วธิ กี ารเขยี น การ
แบ่งตวั ลาย จึงเป็นขนั้ ตอนพ้นื ฐานของการเขียนการออกแบบลวดลาย และการนาองค์ความรู้ไปปรับ
ประยุกตใ์ ช้
2. สมรถนะประจาหน่วย
2.1 สมรรถนะประจาหน่วย
2.1.1 สามารถแสดงความรูเ้ กย่ี วกบั การเขยี นลายเถา
2.1.2 สามารถปฏบิ ตั งิ านเขยี นลายเถา
2.1.3 ความละเอยี ดรอบคอบในการดแู ลรกั ษา เครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ในการเขยี นลาย
2.2 เกณฑก์ ารปฏิบตั ิงานประจาหน่วย
2.2.1 สามารถอธบิ ายความรเู้ กย่ี วกบั การเขยี นลายเถาไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
2.2.2 สามารถปฏบิ ตั ขิ นั้ ตอนการเขยี นลายเถาไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
2.2.3 ความละเอยี ดรอบคอบในการดแู ลรกั ษา เคร่อื งมอื อุปกรณ์ในการเขยี นลาย
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ วั่ ไป
3.1.1 เพอ่ื ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั การเขยี นลายเถา
3.1.2 เพอ่ื ใหม้ ที กั ษะในการปฏบิ ตั งิ านเขยี นลายเถา
3.1.3 มคี วามละเอยี ดรอบคอบในการดแู ลรกั ษา เครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ในการเขยี นลาย
202
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
3.2.1 ระบคุ วามหมายความเป็นมาเกย่ี วกบั ลกั ษณะลายเถาไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
3.2.2 บอกประเภทความหมายลายเถาไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
3.2.3 แสดงขนั้ ตอนการเขยี นลายเถาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
3.2.4 ผเู้ รยี นแสดงพฤตกิ รรมทด่ี ใี นการเขา้ เรยี น ตรงตอ่ เวลา ซกั ถามขอ้ สงสยั ตามความเหมาะสม
และทาความสะอาดหอ้ งเรยี นตามขอ้ ตกลง
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ความหมายลายเถา
4.2 ลกั ษณะลายเถา
4.3 หลกั การเขยี นลายเถา
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
5.1 การนาเข้าสู่บทเรียน
5.1.1 ครผู สู้ อนแจง้ วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี น กจิ กรรมการเรยี นการสอนและวธิ กี ารประเมนิ ผล
5.1.2 ครผู สู้ อนนาเขา้ สบู่ ทเรยี นซกั ถามความรเู้ ดมิ หรอื ปพู น้ื ฐานความรู้ลายเถา
5.1.3 ครเู ปิด Power Point อธบิ ายความหมายของลายเถาและความสมั พนั ธ์ ความเกย่ี วเน่อื งการนา
ลายเถาไปออกแบบลวดลายไทยในรูปแบบลวดลายชนิดอ่นื และสอดแทรกคุณธรรมการมพี ฤตกิ รรมท่ดี ใี น
การเขา้ เรยี น ตรงต่อเวลา ซกั ถามขอ้ สงสยั ตามความเหมาะสม
5.2 การเรยี นรู้
5.2.1 ครเู ปิด Power Point เร่อื งความหมายความเป็นมาของลายเถาครผู สู้ อนบรรยายดาเนินการ
สอนหรอื ประกอบกจิ กรรมการเรยี นโดยทน่ี าเสนอรปู ภาพฉายประกอบ
5.2.2 ครนู ารปู ภาพลายเถาและลายทเ่ี กย่ี วเน่อื งกบั ลายเถามาประกอบการอธบิ าย
1) ครถู าม-ตอบกบั นกั เรยี น โดยครยู กตวั อย่างรปู ภาพลายเถาแลว้ ถาม-ตอบเกย่ี วกบั ความ
หมายความเป็นมาของลายเถากบั การนาไปใช้
2) การออกแบบลวดลายไทยลายเถามสี ว่ นสาคญั ต่อการเขยี นลายไทยดา้ นใดบา้ ง
3) ขอ้ สงั เกตการเขยี นลายเถามหี ลกั การสงั เกตอะไรบา้ ง
5.2.3 ครนู กั เรยี นชว่ ยกนั สรุปความหมายความเป็นมาของลายเถา
5.2.4 ครใู หน้ กั ศกึ ษาทาใบงานท่ี 1 เรอ่ื งความสาคญั ความเป็นมาลายเถามดี า้ นใดบา้ ง โดยให้
นกั เรยี นเขยี นลงในสมดุ บนั ทกึ ความรขู้ องตนเอง
5.2.5 ครใู หน้ กั เรยี นฝึกทกั ษะการเขยี นลายเถาตามใบงาน
5.2.6 ครเู รยี กตรวจการเขยี นลายเถาเป็นรายบคุ คลพรอ้ มชจ้ี ุดแกไ้ ขเป็นรายบุคคล
5.2.7 ครใู หน้ กั เรยี นฝึกเขยี นลายเถาต่อจนครบจานวนการฝึกเขยี นลายรกั รอ้ ย
203
5.3 การสรปุ
5.3.1 ครสู มุ่ นกั เรยี นเล่าความรเู้ กย่ี วกบั ลายเถาความสาคญั ดา้ นใดบา้ ง
5.3.2 ครสู รุปเรอ่ื งความหมายและเป็นมาของลายเถา
5.3.3 ครสู รุปหลกั การสงั เกตการณ์เขยี นลายเถาตามหลกั การความงามดา้ นลวดลายศลิ ปะไทย
5.4 การวดั และประเมินผล
5.4.1 เครอ่ื งมอื ประเมนิ
5.4.2 แบบประเมนิ ผลพฤตกิ รรม
5.4.3 แบบทดสอบความรู้
5.4.4 แบบประเมนิ ผลงาน
6. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
6.1 สื่อโสตทศั น์
6.1.1 คลปิ วดิ โี อ การเขยี นลายเถา
6.2 โสตทศั น์อปุ กรณ์
6.2.1 คอมพวิ เตอร์
6.2.2 โทรศพั ท์มอื ถอื สมารท์ โฟน
6.2.3 แทบ็ เลต็
6.3 สื่อส่ิงพิมพ์
6.3.1 หนงั สอื ลายไทย ภาพไทย. ปฏพิ ทั ธ์ ดาระดาษ. (2539).
6.3.2 หนงั สอื ลายไทย. ภญิ โญ สวุ รรณครี .ี (2546).
6.4 ส่ือบทเรียนอิเลก็ ทรอนิกส์
6.4.1 ใบความรู้ ลายเถา
6.4.2 ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน
6.4.3 Power Point
7. หลกั ฐานการเรียนรู้
7.1 หลกั ฐานความรู้
7.1.1 แผนการจดั การเรยี นรู้
7.1.2 ใบความรู้
7.1.3 ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน
7.1.4 บนั ทกึ หลงั การสอน
7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั ิงาน
7.2.1 ใบงาน
7.2.2 เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงาน
204
8. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
8.1 เครอื่ งมือการประเมิน
8.1.1 ก่อนเรยี นรู้
วธิ กี ารวดั ผล การสมั ภาษณ์ การอภปิ ราย
เคร่อื งมอื วดั คาตอบจากการสมั ภาษณ์ แนวคดิ จากการอภปิ ราย
8.1.2 ระหว่างเรยี นรู้
วธิ กี ารวดั ผล ขนั้ ตอนในการปฏบิ ตั ิ
เครอ่ื งมอื วดั การสงั เกตุการปฏบิ ตั งิ านของนกั เรยี น
8.1.3 หลงั เรยี น
วธิ กี ารวดั ผล ผลงานการเขยี นลายเถา
เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานการเขยี นลายเถา
8.2 เกณฑก์ ารประเมิน
8.2.1 เกณฑป์ ระเมนิ พฤตกิ รรมผเู้ รยี นผ่านเกณฑป์ ระเมนิ ตามขนั้ ตอนปฏบิ ตั งิ านการเขยี นลาย
เถา
8.2.2 แบบทดสอบความรผู้ ลการประเมนิ ผ่านดา้ นรคู้ วามเขา้ ใจต่อหลกั การเขยี นลายเถา
8.2.3 เกณฑก์ ารประเมนิ การเขยี นลายเถาไมต่ ่ากว่ารอ้ ยละ 60
205
9. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
9.1 ขอ้ สรปุ หลงั การจดั การเรียนรู้
ด้านผ้สู อน
การจดั การเรยี นการสอนในรปู แบบ online off line
สอนไดค้ รบตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนดในแผนการจดั การเรยี นรู้
สอนไดไ้ ม่ครบตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนดในแผนการจดั การเรยี นรู้ ยงั ขาดหวั ขอ้ ดงั น้ี
แนวทางการแกป้ ัญหาการสอนไม่ครบหวั ขอ้ ตามแผน
ด้านความพร้อมและผลการเรยี นร้ขู องผ้เู รยี น
จานวนนกั เรยี นทงั้ หมด คน จานวนนกั เรยี นทเ่ี ขา้ เรยี น คน
จานวนนกั เรยี นทข่ี าดเรยี น คน
เกณฑท์ แ่ี นะนา คดิ เป็นรอ้ ยละ ดมี าก(80-100) ดี (70-79) พอใช้ (60-69) ตอ้ งปรบั ปรงุ (ต่ากวา่ 60)
1 การตรงต่อเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
2 การแต่งกาย, การปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บ ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
3 ความพรอ้ ม, ความตงั้ ใจในการเรยี น ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
4 มคี วามรบั ผดิ ชอบงานทม่ี อบหมาย ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
5 มคี วามรู้ ความสามารถ ตรงวตั ถปุ ระสงค์ ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
อ่นื ๆ
9.2 ปัญหา อปุ สรรค
9.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา
ลงชอ่ื ผสู้ อน ลงช่อื หวั หน้าสาขาวชิ า
( นายพรี ะยศ แกว้ ปัญญา ) ( นายพรี ะยศ แกว้ ปัญญา)
ลงช่อื
(นายพรอนนั ต์ ภกั ดบี ญุ )
ผอู้ านวยการกาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลยั ชา่ งทองหลวง
หมายเหตุ ปัญหา อุปสรรคและแนวทางแกป้ ัญหา ผสู้ อนนาไปพฒั นา ในรปู แบบของวจิ ยั ชนั้ เรยี น หรอื พฒั นาการจดั การเรยี นรใู้ นครงั้ ตอ่ ไป
206
ใบความรู้ หน้า
2
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นแม่ลายกา้ นตอ่ ดอก
เร่ือง : การเขยี นลายเถา
1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.1 จดุ ประสงคท์ วั่ ไป
1.1.1 เพอ่ื ใหม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจความหมายลายเถา
1.1.2 เพอ่ื ใหม้ ที กั ษะการเขยี นลายเถา
1.1.3 เพอ่ื ใหก้ จิ นสิ ยั มคี วามรอบคอบและยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ผอู้ ่นื
1.2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม
1.2.1 ระบุความหมายความเป็นมาเกย่ี วกบั ลกั ษณะลายเถาอย่างถูกตอ้ ง
1.2.2 บอกประเภทความหมายลายเถาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
1.2.3 แสดงขนั้ ตอนการเขยี นลายเถาไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
1.2.4 ผเู้ รยี นแสดงพฤตกิ รรมทด่ี ใี นการเขา้ เรยี น ตรงต่อเวลา ซกั ถามขอ้ สงสยั ตามความเหมาะสม และทา
ความสะอาดหอ้ งเรยี นตามขอ้ ตกลง
2. สมรรถนะ
2.1 มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจความหมายลายเถา
2.2 มที กั ษะการเขยี นลายเถา
2.3 แกป้ ัญหาจากการเขยี นลายเถาได้
3. เนื้อหาสาระ (ใบความร)ู้
207
ใบความรู้ หน้า
2
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นแมล่ ายกา้ นตอ่ ดอก
เร่ือง : การเขยี นลายเถา
เรือ่ งการเรียนร้ทู ี่ 11 การเขียนลายเครอื เถา (สปั ดาหท์ ี่ 11 )
ลายเครือเถา
วกิ พิ เี ดยี สารานุกรมเสรี ลายเครอื เถา เป็นลายพน้ื ฐานอกี แบบหน่งึ ทส่ี าคญั ของลายไทย นอกเหนือจาก
ลายกระจงั ลายกระหนก ลายประจายาม ลายประเภทน้ีจะเขยี นในลกั ษณะคดโคง้ หลายแนว แตะหรอื สอด
สลบั กนั คลา้ ยการเกย่ี วพนั ของเถาวลั ย์ โดยมกี ระหนกออกจากกาบหุม้ เถาไวด้ งั ภาพประกอบท่ี 14-1
ประเภทของลายเครอื เถา
ลายเครอื เถาแบง่ เป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 3 ประเภทคอื
• ลายเครอื เถาหางโต
• ลายเครอื เถาใบเทศ
• ลายเครอื เถาเปลว
ตวั อยา่ งทพ่ี บเหน็ ลายเครอื เถา
• บรเิ วณหน้าบนั
• บานประตู หน้าต่าง หรอื ตลู้ ายรดน้า หรอื ประดบั มุก
• ลายดอกผา้ ลายปักไหม
ดงั ภาพประกอบท่ี 11-1ถงึ 11-2
208 หน้า
2
ใบความรู้
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นแมล่ ายกา้ นต่อดอก
เรอื่ ง : การเขยี นลายเถา
ดงั ภาพประกอบท่ี 11-1
ภาพท่ี 11-1 ประเภทลายเครอื เถา
ทม่ี า: พระเทวาภนิ มิ มิ . (2546). สมุดตาราลายไท : 32.
209 หน้า
2
ใบความรู้
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นแม่ลายกา้ นต่อดอก
เร่อื ง : การเขยี นลายเถา
ภาพท่ี 11-2 ลายเครอื เถา
ทม่ี า: พระเทวาภนิ ิมมิ . (2546). สมุดตาราลายไท : 32.
210
ใบความรู้ หน้า
5
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นแม่ลายกา้ นตอ่ ดอก
เรอ่ื ง : การเขยี นลายเถา
ช่ือและหน้าท่ีวสั ดอุ ปุ กรณ์ในงานเขียนลายเถา
ดนิ สอกดหรอื ดนิ สอดา ชนดิ HB
- ใชส้ าหรบั ร่างลายเขยี นเสน้ ทต่ี อ้ งการ
ยางลบ
- ใชส้ าหรบั ลบเสน้ ดนิ สอทไ่ี ม่ตอ้ งการ
ไมบ้ รรทดั
- ใชส้ าหรบั วดั ขนาดรปู ร่าง -รปู ทรงเหลย่ี ม
กระดาษขนาด A4หรอื กระดาษอารต์ ชนิดเน้อื ละเอยี ด
เป็นมนั ขนาด 80-100 แกรม
- ใชส้ าหรบั เขยี นลายไทยดว้ ยดนิ สอ
ทเ่ี หลาดนิ สอ
- ใชส้ าหรบั เหลาดนิ สอใหไ้ สด้ นิ สอมคี วามแหลม
กระดาษชาระ
- ใชส้ าหรบั เชด็ ผงดนิ สอทต่ี ดิ ตามอุปกรณ์
211
ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน หน้า
6
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย แผ่นท่ี : 1
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นแมล่ ายกา้ นต่อดอก
เรอ่ื ง : การเขยี นลายเถา
ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน คาอธิบายขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน
1. 1.1 บอกช่อื และหน้าทอ่ี ุปกรณ์การเขยี นลาย
2. 2.1 กาหนดขนาดรปู ทรงโครงสรา้ งลายเถา
212
ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน หน้า
7
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย แผน่ ท่ี : 2
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นแมล่ ายกา้ นต่อดอก
เรื่อง : การเขยี นลายเถา
ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน คาอธิบายขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน
3. 3.1 กาหนดเสน้ โครงสรา้ งทเ่ี ป็นลายกลบี ซอ้ นลายเถา
4. 4.1 ร่างรายละเอยี ดการเขยี นตลั ลาย การแบง่ จงั หวะ
การแบ่งพน้ื ทก่ี ารเขยี นลายเถา
213
ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน หน้า
8
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย แผน่ ท่ี : 3
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นแม่ลายกา้ นตอ่ ดอก
เรื่อง : การเขยี นลายเถา
ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน คาอธิบายขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน
5. 5.1 เขยี นรายละเอยี ดการเขยี นลวดลายเถา
6. 6.1 ตดั เสน้ รายละเอยี ดการเขยี นลายเถา ใหม้ นี ้าหนัก
เสมอกนั
214
ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน หน้า
9
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย แผ่นท่ี : 4
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นแม่ลายกา้ นต่อดอก
เรอ่ื ง : การเขยี นลายเถา
ข้อควรระวงั การปฏิบตั ิงาน คาอธิบายข้อควรระวงั การปฏิบตั ิงาน
1. 1.1 โครงสรา้ งเสน้ ลายเถา จะมลี กั ษณะลายไขวส้ ลบั กนั
2. 2.1 การแบ่งกลบี ลายในลายเคลอื เถา มจี งั หวะพน้ื ทก่ี าร
แบง่ กลบี ลายตอ้ งมพี น้ื ท่ี และจงั หวะลายเท่ากนั
215
ใบงาน หน่วยท่ี 3
สอนครงั้ ท่ี 11
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นแม่ลายกา้ นต่อดอก
เรอ่ื ง : การเขยี นลายเถา
1. จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1.1 จดั เตรยี มอปุ กรณ์การเขยี นลายเถาได้
1.2 แสดงขนั้ ตอนการเขยี นลายเถาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
2. สมรรถนะ
2.1 มที กั ษะการเขยี นลายเถา
2.2 แกป้ ัญหาจากการเขยี นลายเถาได้
3. เครอื่ งมอื วสั ดุ และอปุ กรณ์
ดนิ สอกดหรอื ดนิ สอดา ยางลบ ไมบ้ รรทดั กระดาษขนาด A4 ทเ่ี หลาดนิ สอ กระดาษชาระ
4. การประเมินผล
ผลงานการเขยี นลายเถาผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ 60
5. เอกสารอ้างอิง/เอกสารค้นคว้าเพิ่มเติม
ปฏพิ ทั ธ์ ดาระดาษ. (2539). ลายไทย ภาพไทย. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2 กรงุ เทพฯ: ม.ป.พ.
ภญิ โญ สุวรรณครี .ี (2546). ลายไทย. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
โพธิ์ ใจอ่อนน้อม. (2522). ค่มู อื ลายไทย. โรงพมิ พธ์ นาคารออมสนิ .
พระเทวาภนิ ิมมติ . (2530). สมุดตาราลายไทย. โรงพมิ พค์ ุรสุ ภา.
สนั ติ เลก็ สขุ มุ . (2539). กระหนกในดนิ แดนไทย. สานกั พมิ พม์ ตชิ น.
216
ใบงาน หน่วยท่ี 3
งานครงั้ ท่ี 11
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นแมล่ ายกา้ นตอ่ ดอก
เรือ่ ง : การเขยี นลายเถา
6. การมอบหมายงาน
คาสงั่ ท่ี 1 ให้นักเรียนเขียนลายเถาตามแบบท่ีกาหนดให้ มีความสงู ขนาด 20 ซ.ม มคี วามกว้างขนาด
5.6 ซ.ม ( เส้นกรอบในแต่ละด้าน 0.3 ซ.ม ) คะแนนเตม็ 100 คะแนน
217
7. เกณฑก์ ารประเมินผลงาน
แบบประเมินผลงานนักเรยี น
ชื่อนักเรยี น……………………………………………………………….เลขท่ี…………………
ระดบั ชนั้ ปวช.2 สาขาวิชา ช่างทองหลวง
วิชา การเขยี นลวดลายไทย เร่ือง การเขยี นลายเถา
ผลการประเมิน
ระดบั คะแนน
ข้อ จดุ ประเมินคณุ ภาพผลงาน ีดเ ่ียยม
การเขียนลายเถา ีดมาก
ีด
พอใ ้ช
ปรับปรุง
คะแนนรวม
่ผาน เกณท์ประเ ิมน
ไม่ ่ผาน
54321
1 การเตรยี มอุปกรณ์การเขยี นลาย ( X2 )
2 การรา่ งสดั สว่ นรปู ทรง ( X2 )
3 ความเหมาะสมของรปู ทรง ( X4 )
4 ลายเสน้ มคี วามคมชดั ( X2 )
5 การเขยี นลายเถา ( X6 )
6 จานวนการเขยี นลายครบตามทม่ี อบหมาย( X2 )
7 ความสะอาด ปราณตี ในการเขยี นลาย( X2 )
ผลคะแนนรวม
หมายเหตุ ( X2 ) = จานวนคณู คา่ ระดบั คะแนนกบั ค่าคะแนนเกณฑป์ ระเมนิ เช่น X2 คา่ คะแนน 5 = 10 คะแนน
ลาดบั ที่
218
1. การเตรยี มอปุ กรณ์การเขยี นลาย ( X2 ) 10 คะแนน
แบบสรปุ ผลการประเมินผลงานนักเรียน2. กการร่างสดั ส่วนรปู ทรง ( X2 ) 10 คะแนน
3. ความเหมาะสมของรปู ทรง ( X4 ) 20 คะแนน
วิชา การเขยี นลวดลายไทย เรอื่ งการเรยี นท่ี 9 การเขยี นลายเถา4. ลายเสน้ มคี วามคมชดั ( X2 ) 10 คะแนน
ระดบั ชนั้ ปวช.2 สาขาวิชา ช่างทองหลวง กาญจนาภิเษกวิทยาลยั ช่างทองหลวง5. การเขยี นลายเถา ( X6 ) 30 คะแนน
6. จานวนการเขยี นลายครบตามทม่ี อบหมาย( X2 ) 10 คะแนน
จดุ ประเมินคณุ ภาพชิ้นงาน7. ความสะอาด ปราณีตในการเขยี นลาย ( X2 ) 10 คะแนน
ชื่อ นามสกลุ
ผรู้ บั การประเมิน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ผลรวมคะแนนค่าเฉลี่ยร้อยละของนักเรยี นทงั้ หมด
(…………………………………………)
นานพีระยศ แก้วปัญญา
ผ้ปู ระเมิน
คะแนนรวม 110 คะแนน
คา่ เฉลี่ยร้อยละ
ผา่ น เกณทท์ ่ีผ่านการประเมินค่าเฉลี่ยรอ้ ยละ 65
ไมผ่ ่าน
219
แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี 4
หลกั สูตร ประกาศนียบตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2562 สอนครงั้ ท่ี 12
รหสั วิชา 20315-2107 วิชา การเขียนลวดลายไทย หน่วยกิต 1-4-2
หน่วยการเรียนรู้ การศกึ ษาดงู านศิปกรรมไทย
เร่ืองการเรยี นรู้ การศึกษาดงู านศิลปกรรมไทยในพิพิธภณั ฑสถานศึกษาแห่งชาติ
ทฤษฎี 5 ชม.
1. สาระสาคญั
ความรู้ ความเขา้ ใจ หลกั การเขยี นลวดลายไทยต้องเรมิ่ ต้นจาการศกึ ษาจากช้นิ งานศลิ ปกรรมท่บี รรพ
บุรุษไดส้ รา้ งไว้ การสรา้ งสรรค์งานศลิ ปกรรมในแต่ละช้นิ งานต้องอาศยั องคค์ วามรูด้ ้านงานศลิ ปกรรมท่สี บื
ทอดต่อๆกนั มาแบ่งเป็นยุคสมยั การสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปกรรมจะมเี อกลกั ษณ์แตกต่างกันในแต่ละช้นิ มคี วาม
แตกต่างกนั ตามเง่อื นใขของวฒั นธรรม สภาพความเป็นอยู่ ความคดิ ความเช่อื อันจะเป็นการสร้างสรรค์
รปู แบบใหเ้ กดิ ขน้ึ มา มวี สั ดแุ ละประโยชน์ใชส้ อยในงานสรา้ งสรรคง์ าน การปรบั ประยุกตว์ สั ดุใหเ้ ขา้ กบั รูปแบบ
คตคิ วามงามจงึ เกดิ เป็นผลงานทเ่ี ป็นเอกลกั ษณ์ของศลิ ปกรรมไทย การศกึ ษาในงานศลิ ปกรรมไทยจงึ มคี วาม
จาเป็นตอ้ งศกึ ษาใหเ้ ขา้ ใจ ผลงานศลิ ปกรรมทจ่ี ดั แสดงอย่ใู นพพิ ธิ ภณั ฑสถานศกึ ษาแห่งชาตลิ ว้ นแลว้ แต่เป็น
ผลงานช้ินเอก ท่ีพบในประเทศไทย แบ่งห้องการจดั แสดงตามยุคสมยั ทางด้านประวตั ิศาสตร์ชาติไทย
การศกึ ษางานลวดลายไทยจงึ มคี วามจาเป็นต่อการเพม่ิ พนู ความรู้ เพมิ่ พนู ประสบการณ์การเรยี นรอู้ นั จะเป็น
การนาองคค์ วามรู้ไปปรบั ประยุกต์ใช้ในการสรา้ งสรรค์ช้นิ งานช่างทองหลวง ช้นิ งานศลิ ปกรรมไทยอกี ด้าน
หน่งึ เพอ่ื เป็นการสบื ทอดวฒั นธรรมไทยใหค้ งอยู่
2. สมรถนะประจาหน่วย
2.1 สมรรถนะประจาหน่วย
2.1.1 สามารถแสดงความรเู้ กย่ี วกบั ลกั ษณะงานศลิ ปกรรมไทย
2.1.2 สามารถแสดงความรศู้ ลิ ปกรรมไทยกบั ความสมั พนั ธง์ านช่างทองหลวง
2.2 เกณฑก์ ารปฏิบตั ิงานประจาหน่วย
2.2.1 สามารถอธบิ ายความรเู้ กย่ี วกบั ลกั ษณะงานศลิ ปกรรมไทยไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
2.2.2 สามารถอธบิ ายความรเู้ กย่ี วกบั ความรศู้ ลิ ปกรรมไทยกบั ความสมั พนั ธง์ านช่างทองหลวงได้
อย่างถกู ตอ้ ง
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ วั่ ไป
3.1.1 เพอ่ื ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั งานศลิ ปกรรมไทยกบั งานชา่ งทองหลวง
3.1.2 เพอ่ื ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั งานลวดลายไทยกบั การนาไปใชใ้ นงานช่างทองหลวง
220
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
3.2.1 อธบิ ายงานลกั ษณะงานศลิ ปกรรมไทยกบั งานช่างทองหลวงไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
3.2.2 บอกประเภทรปู แบบงานลวดลายไทยสกั บั การนาไปใชใ้ นงานช่างทองหลวงไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
3.2.3 ผเู้ รยี นแสดงพฤตกิ รรมทด่ี ใี นศกึ ษาดงู านทพ่ี พิ ธิ ภณั ฑสถานศกึ ษาแห่งชาติ ซกั ถามขอ้ สงสยั
ตามความเหมาะสม
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 งานศลิ ปกรรมไทยยุคกอ่ นประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย
4.2 งานศลิ ปกรรมไทยยุคสมยั สุโขทยั
4.3 งานศลิ ปกรรมไทยยุคสมยั อยธุ ยา
4.3 งานศลิ ปกรรมไทยยุคสมยั รตั นโกสนิ ทร์
5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 การนาเข้าสู่บทเรยี น
5.1.1 ครผู สู้ อนแจง้ วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นการนานกั เรยี นไปศกึ ษาดงู านทพ่ี พิ ธิ ภณั ฑสถานศกึ ษา
แห่งชาติ
5.1.2 ครผู สู้ อนนานกั เรยี นศกึ ษาอธบิ ายการจดั ตงั้ พพิ ธิ ภณั ฑสถานศกึ ษาแหง่ ชาติ
5.2 การเรยี นรู้
5.2.1 ครอู ธบิ ายการจดั แสดงผลงานศลิ ปกรรมไทยในพพิ ธิ ภณั ฑสถานศกึ ษาแหง่ ชาติ นานเั รยี น
ศกึ ษาดงู านจติ รกรรมไทยและงานลวดลายไทยในพระทน่ี งั่ พุทไธสวรรค์
5.2.2 ครูนานักเรยี นเข้าศกึ ษาดูงานหอ้ งจดั แสดงผลงานศลิ ปกรรมไทยยุคก่อนประวตั ศิ าสตร์ชาติ
ไทย งานศลิ ปกรรมไทยยุคสมยั สุโขทยั งานศิลปกรรมไทยยุคสมยั อยุธยาและงานศลิ ปกรรมไทยยุคสมยั
รตั นโกสนิ ทร์ อธบิ ายความแตกต่างการนาลวดลายไทยมาใชใ้ นการสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปกรรมไทยในลกั ษณะ
ต่างๆ อทิ ธพิ ลการรบั เอาวฒั นธรรมต่างชาติมาสร้างสรรค์รูปแบบงานศิลปกรรมไทยท่เี ป็นเอกลกั ษณ์ ใน
ศลิ ปกรรมในแต่ละยุคสมยั การสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปกรรมไทยกบั การนาลวดลายไทยมาใชก้ บั การสร้างงาน
ศิลปกรรมไทย รูปแบบงานศิลปกรรมไทยตามลักษณะการนาไปใช้ เอกลักษณ์สาคญั ทางรูปแบบใน
ศลิ ปกรรมในแต่ละยุคสมยั
1) ครถู าม-ตอบกบั นกั เรยี น โดยครยู กตวั อยา่ งรปู ภาพลายไทยในแตล่ ะยุคสมยั แลว้ ถาม-ตอบ
เกย่ี วกบั ความหมายเอกลกั ษณ์สาคญั ทางรปู แบบในศลิ ปกรรมกบั การนาไปใชก้ บั การสรา้ งสรรคผ์ ลงาน
2) การออกแบบลวดลายไทยมสี ว่ นสาคญั ตอ่ การสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปกรรมไทยดา้ นใดบา้ ง
3) ขอ้ สงั เกตการนาลวดลายไทยไปใช้ เอกลกั ษณ์สาคญั ทางรปู แบบในศลิ ปกรรมในแต่ละยุค
สมยั มอี ะไรบา้ ง
5.2.3 ครนู กั เรยี นช่วยกนั สรุปความหมายความเป็นมาของการนาลวดลายไทยมาใชก้ บั การสรา้ งงาน
ศลิ ปกรรมไทย
5.2.4 ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบแบบประเมนิ ความรลู้ วดลายไทยในงานช่างทองหลวง
221
5.2.5 ครตู รวจแบบทดสอบแบบประเมนิ ความรลู้ วดลายไทยในงานช่างทองหลวง
5.3 การสรปุ
5.3.1 ครสู รุปการนาลวดลายไทยมาใชใ้ นการสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปกรรมไทยในรปู แบบงาน
ศลิ ปกรรมไทย
5.3.2 ครสู รปุ งานศลิ ปกรรมไทยตามลกั ษณะการนาไปใช้ เอกลกั ษณ์สาคญั ทางรูปแบบใน
ศลิ ปกรรมในแตล่ ะยคุ สมยั
5.4 การวดั และประเมินผล
5.4.1 แบบประเมนิ ผลพฤตกิ รรม
5.4.2 แบบทดสอบความรู้
6. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
6.1 แหล่งเรยี นรู้
6.1.1 พพิ ธิ ภณั ฑสถานศกึ ษาแห่งชาติ
6.2 สื่อการเรียนรู้
6.2.1 งานศลิ ปกรรมไทยยุคกอ่ นประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย
6.2.2 งานศลิ ปะกรรมไทยยคุ สมยั สุโขทยั
6.2.3 งานศลิ ปกรรมไทยยุคสมยั อยุธยา
6.2.4 งานศลิ ปกรรมไทยยุคสมยั รตั นโกสนิ ทร์
7. หลกั ฐานการเรียนรู้
7.1 หลกั ฐานความรู้
7.1.1 บนั ทกึ ขอ้ ความขออนุญาตการศกึ ษาทพ่ี พิ ธิ ภณั ฑสถานศกึ ษาแห่งชาติ
7.1.2 ใบความรู้
7.1.3 ใบแบบประเมนิ ความรลู้ วดลายไทยในงานช่างทองหลวง
7.1.4 บนั ทกึ หลงั การสอน
8. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
8.1 เครอื่ งมือการประเมิน
8.1.1 ก่อนเรยี นรู้
วธิ กี ารวดั ผล การสมั ภาษณ์ การอภปิ ราย
เคร่อื งมอื วดั คาตอบจากการสมั ภาษณ์ แนวคดิ จากการอภปิ ราย
8.1.2 ระหว่างเรยี นรู้
วธิ กี ารวดั ผล คาตอบจาการสมั ภาษณ์ความรูค้ วามรลู้ วดลายไทยในงานชา่ งทองหลวง
222
เคร่อื งมอื วดั การสงั เกตุจาการตอบคาถามของนกั เรยี น
8.1.3 หลงั เรยี น
วธิ กี ารวดั ผลความรคู้ วามรลู้ วดลายไทยในงานชา่ งทองหลวง
เคร่อื งมอื วดั แบบทดสอบวดั ความรคู้ วามรลู้ วดลายไทยในงานช่างทองหลวง
8.2 เกณฑก์ ารประเมิน
8.2.1 เกณฑก์ ารประเมนิ ความรกู้ ารนาลวดลายไทยในงานช่างทองหลวง มผี ลการประเมนิ ไมต่ ่า
กวา่ รอ้ ยละ 60
223
9. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
9.1 ขอ้ สรปุ หลงั การจดั การเรยี นรู้
ด้านผสู้ อน
การจดั การเรยี นการสอนในรปู แบบ online off line
สอนไดค้ รบตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนดในแผนการจดั การเรยี นรู้
สอนไดไ้ ม่ครบตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนดในแผนการจดั การเรยี นรู้ ยงั ขาดหวั ขอ้ ดงั น้ี
แนวทางการแกป้ ัญหาการสอนไมค่ รบหวั ขอ้ ตามแผน
ด้านความพร้อมและผลการเรียนร้ขู องผ้เู รียน
จานวนนกั เรยี นทงั้ หมด คน จานวนนกั เรยี นทเ่ี ขา้ เรยี น คน
จานวนนกั เรยี นทข่ี าดเรยี น คน
เกณฑท์ แ่ี นะนา คดิ เป็นรอ้ ยละ ดมี าก(80-100) ดี (70-79) พอใช้ (60-69) ตอ้ งปรบั ปรุง (ต่ากวา่ 60)
1 การตรงต่อเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
2 การแต่งกาย, การปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บ ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
3 ความพรอ้ ม, ความตงั้ ใจในการเรยี น ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
4 มคี วามรบั ผดิ ชอบงานทม่ี อบหมาย ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
5 มคี วามรู้ ความสามารถ ตรงวตั ถปุ ระสงค์ ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
อน่ื ๆ
9.2 ปัญหา อปุ สรรค
9.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา
ลงชอ่ื ผสู้ อน ลงช่อื หวั หน้าสาขาวชิ า
( นายพรี ะยศ แกว้ ปัญญา ) ( นายพรี ะยศ แกว้ ปัญญา)
ลงชอ่ื
(นายพรอนันต์ ภกั ดบี ุญ)
ผอู้ านวยการกาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลยั ช่างทองหลวง
หมายเหตุ ปัญหา อปุ สรรคและแนวทางแกป้ ัญหา ผสู้ อนนาไปพฒั นา ในรปู แบบของวจิ ยั ชนั้ เรยี น หรอื พฒั นาการจดั การเรยี นรใู้ นครงั้ ตอ่ ไป
224
ใบความรู้ หน้า
2
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรยี นรู้ : การศกึ ษาดงู านศปิ กรรมไทย
เรือ่ ง : การศกึ ษาดงู านศลิ ปกรรมไทยในพพิ ธิ ภณั ฑสถานศกึ ษาแห่งชาติ
1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.1 จดุ ประสงคท์ วั่ ไป
1.1.1 เพอ่ื ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั งานศลิ ปกรรมไทยกบั งานช่างทองหลวง
1.1.2 เพอ่ื ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั งานลวดลายไทยกบั การนาไปใชใ้ นงานช่างทองหลวง
1.2 จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม
1.2.1 อธบิ ายงานลกั ษณะงานศลิ ปกรรมไทยกบั งานช่างทองหลวงไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
1.2.2 บอกประเภทรปู แบบงานลวดลายไทยสกั บั การนาไปใชใ้ นงานชา่ งทองหลวงไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
1.2.3 ผเู้ รยี นแสดงพฤตกิ รรมทด่ี ใี นศกึ ษาดงู านทพ่ี พิ ธิ ภณั ฑสถานศกึ ษาแห่งชาติ ซกั ถามขอ้ สงสยั ตาม
ความเหมาะสม
2. สมรรถนะ
2.1 สามารถแสดงความรเู้ ก่ยี วกบั ลกั ษณะงานศลิ ปกรรมไทย
2.1 สามารถแสดงความรศู้ ลิ ปกรรมไทยกบั ความสมั พนั ธง์ านชา่ งทองหลวง
3. เนื้อหาสาระ (ใบความร)ู้
เร่อื งการเรยี นร้ทู ่ี 12 การศึกษาดงู านศิลปกรรมไทยในพิพิธ
ภณั ฑสถานศกึ ษาแห่งชาติ (สปั ดาหท์ ี่ 12)
ข้อมลู พิพิธภณั ฑ์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร (อังกฤษ: Bangkok National Museum) เป็ นพิพิธภัณฑสถาน
แห่งชาตแิ ห่งแรกของประเทศไทย ตงั้ อยใู่ นเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร บรเิ วณพระราชวงั บวรสถานมงคล หรอื
ส่วนหน่ึงของท่ปี ระทบั วงั หน้า ซ่งึ ก็คอื พน้ื ท่พี ระราชวงั ของสมเดจ็ พระบวรราชเจ้าตงั้ แต่รชั กาลท่ี 1 เป็นต้นมา มี
อาณาเขตตงั้ แต่บรเิ วณมหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร วงั ท่าพระ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ มณฑลพธิ ที อ้ งสนามหลวงตอน
ตะวนั ตก อนุสาวรยี ท์ หารอาสา และโรงละครแหง่ ชาตใิ นปัจจบุ นั
225
ภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยหมู่พระท่ีนัง่ ต่าง ๆ ได้แก่ พระท่ีนัง่ ศิวโมกขพิมาน พระท่ีนัง่ พุทไธ
สวรรย์ พระท่นี ัง่ อศิ ราวนิ ิจฉัย หมู่พระวมิ าน พระท่นี ัง่ อศิ เรศราชานุสรณ์ อาคารประพาสพพิ ธิ ภณั ฑ์ และ อาคาร
มหาสรุ สงิ หนาท
เดมิ พพิ ธิ ภณั ฑต์ งั้ อย่ใู นพระบรมมหาราชวงั ทห่ี อคองคอเดยี (ศาลาสหทยั สมาคม ในปัจจุบนั ) เรยี กว่า "มวิ
เซยี ม" หรอื "พพิ ธิ ภณั ฑสถานหอคองคอเดยี " โดยมพี ธิ เี ปิดเม่อื วนั ท่ี 19 กนั ยายน พ.ศ. 2417 จนต่อมาเม่อื กรม
พระราชวงั บวรวไิ ชยชาญ เสด็จทิวงคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั จึงให้ยกเลิกตาแหน่งกรม
พระราชวงั บวรสถานมงคลลง เป็นเหตุให้พระราชวงั บวรสถานมงคลว่าง พระองคจ์ งึ โปรดฯ ใหย้ า้ ยพพิ ธิ ภฑั สถาน
มาจดั แสดงโดยใชพ้ น้ื ทข่ี องพระราชวงั บวรฯ บางสว่ น จนถงึ รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั สว่ นพระ
ราชมณเฑยี รของพระราชวงั บวรฯ ทงั้ หมดไดเ้ ปลย่ี นเป็นพพิ ธิ ภณั ฑสถานสาหรบั พระนครและหอสมุดพระวชริ ญาณ
เพอ่ื จดั ตงั้ เป็น พิพิธภณั ฑสถานสาหรบั พระนคร เมอ่ื พ.ศ. 2469
ภายในพพิ ธิ ภณั ฑ์มีการจดั แสดงเก่ียวกับประวตั ิศาสตร์ชาติไทย ประวตั ิศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีใน
ประเทศไทย งานประณีตศลิ ป์ และชาตพิ นั ธุว์ ทิ ยา รวมไปถงึ นิทรรศการชวั่ คราวต่าง ๆ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ
พระนคร เป็นพพิ ธิ ภณั ฑท์ ม่ี สี ถติ จิ านวนผเู้ ขา้ ชมมากทส่ี ดุ ในประเทศไทย จากข้อมลู ปี พ.ศ. 2555
การจดั ตงั้ พพิ ธิ ภณั ฑใ์ นประเทศไทยนัน้ เรมิ่ ขน้ึ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั โดย
พระองคท์ รงจดั ตงั้ พพิ ธิ ภณั ฑส์ ว่ นพระองคข์ น้ึ ทพ่ี ระทน่ี งั่ ราชฤดซี ่งึ ตงั้ อย่บู รเิ วณดา้ นขา้ งของพระทน่ี งั่ อมรนิ ทรวนิ ิจ
ฉัย ต่อมา เม่อื พระองคท์ รงสร้างพระอภเิ นาวน์ ิเวศน์ขน้ึ ภายในพระบรมมหาราชวงั จงึ โปรดฯ ใหย้ ้ายโบราณวตั ถุ
และของแปลก ๆ มาไวย้ งั พระทน่ี งั่ ประพาสพพิ ธิ ภณั ฑใ์ นหม่พู ระอภเิ นาวน์ ิเวศน์ ซง่ึ นบั เป็นพพิ ธิ ภณั ฑส์ ว่ นพระองค์
หรอื “รอยลั มวิ เซยี ม” (Royal Museum) มไิ ดเ้ ปิดใหป้ ระชาชนทวั่ ไปเขา้ ชม
ต่อมา ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จดั ตงั้
พพิ ธิ ภณั ฑสถานสาหรบั พระนครข้นึ ท่หี อคองคอเดีย (ศาลาสหทยั สมาคม ในปัจจุบนั ) เรยี กว่า "มวิ เซียม" หรอื
"พิพิธภัณฑสถานหอคองคอเดีย" โดยมีพิธีเปิดเม่ือวนั ท่ี 19 กันยายน พ.ศ. 2417 ซ่ึงนับเป็นวันกาเนิดของ
พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาตแิ ห่งแรกของประเทศไทย พพิ ธิ ภณั ฑสถานตงั้ อย่ภู ายในพระบรมมหาราชวงั เป็นเวลา 13
ปี จนกระทงั่ กรมพระราชวงั บวรวไิ ชยชาญเสดจ็ ทวิ งคต พรอ้ มกนั นัน้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั
โปรดฯ ใหย้ กเลกิ ตาแหน่งกรมพระราชวงั บวรสถานมงคล เป็นเหตุให้พระราชวงั บวรสถานมงคล หรอื วงั หน้า ว่าง
ลง พระองคจ์ งึ โปรดฯ ให้ย้ายพพิ ธิ ภฑั สถานมาจดั แสดงโดยใชพ้ ้นื ทข่ี องพระราชวงั บวรฯ บางส่วน ได้แก่ พระท่ี
นัง่ ศวิ โมกขพมิ าน พระท่นี ัง่ พุทไธสวรรย์ และพระท่นี ัง่ อศิ ราวนิ ิจฉัย ตงั้ แต่ปี พ.ศ. 2430 นอกจากน้ี พระองค์ยงั
โปรดฯ ใหม้ กี ารปรบั ปรุงพน้ื ทเ่ี ขตวงั หน้าและใหต้ ดั พน้ื ทบ่ี างสว่ นไปใชใ้ นราชการทหารดว้ ย
ครงั้ ถงึ รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เจา้ นายฝ่ายกรมพระราชวงั บวรฯ เหลอื น้อยพระองค์
พระองค์จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจา้ นายฝ่ายพระราชวงั บวรฯ เขา้ ไปประทบั ในพระบรมมหาราชวงั และ
พระราชทานพระมหามณเฑียร ณ ขณะนั้นให้เป็ นโรงทหาร จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หวั พระองค์โปรดฯ ใหย้ า้ ยโรงทหารไปอยู่ท่ีวงั จนั ทรเกษม (บรเิ วณกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ในปัจจุบนั ) ส่วน
พระราชมณเฑยี รของพระราชวงั บวรฯ ทงั้ หมดจดั เป็นพพิ ธิ ภณั ฑสถานสาหรบั พระนครและหอสมุดพระวชริ ญาณ
เพ่ือจดั ตงั้ เป็น พิพิธภณั ฑสถานสาหรบั พระนคร เม่อื พ.ศ. 2469 ต่อมาได้เปล่ียนช่ือเป็น พิพิธภณั ฑสถาน
แห่งชาติ พระนคร เมอ่ื พ.ศ. 2477
226
ในปี พ.ศ. 2510 ได้สร้างอาคารเพม่ิ ข้นึ อีก 2 หลงั คอื "อาคารมหาสุรสงิ หนาท" ปัจจุบนั จดั แสดงความ
เป็นมา ศลิ ปวตั ถุ โบราณวตั ถุในสมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ และในยุคประวตั ิศาสตร์ตงั้ แต่อาณาจกั รทวารวดี ศรี
วชิ ยั ลพบุรี ตลอดจนอิทธิพลอารยธรรมอินเดียสมยั ก่อนพุทธศกั ราช 1800 และ "อาคารประพาสพพิ ธิ ภณั ฑ์"
ปัจจุบนั จดั แสดงศลิ ปวตั ถุจากอาณาจกั รล้านนา สุโขทยั อยุธยา และรตั นโกสนิ ทร์ ตลอดจนจดั แสดงงานประณีต
ศลิ ป์ ของกรงุ รตั นโกสนิ ทร์
แนวทางการจดั แสดง ปัจจบุ นั พพิ ธิ ภณั สถานแหง่ ชาติ พระนคร แบง่ การจดั แสดง ออกเป็น 3 หวั เร่อื งใหญ่ ๆ คอื
1. ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย จดั แสดงในพระทน่ี งั่ ศวิ โมกขพมิ าน
2. ประวตั ศิ าสตรศ์ ลิ ปะและโบราณคดใี นประเทศไทย จดั แสดงตามยคุ สมยั คอื
3. สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ จดั แสดงในอาคารสว่ นหลงั ของ พระทน่ี งั่ ศวิ โมกขพมิ าน
4. สมยั ประวตั ิศาสตร์ จดั แสดงในอาคารใหม่ 2 หลงั ท่สี ร้างขนาบสองขา้ งของหมู่วมิ านเม่อื พ.ศ.
2510 โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คอื สมยั ก่อนพุทธศกั ราช 1800 ได้แก่ สมยั ทวารวดี สมยั ศรวี ชิ ยั และ สมยั ลพบุรีจดั
แสดงในอาคารมหาสรุ สงิ หนาท และสว่ นท่ี 2 คอื สมยั หลงั พุทธศกั ราช 1800 เป็นตน้ มา จนถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทรจ์ ดั
แสดงในอาคารประพาสพพิ ธิ ภณั ฑ์
5. ประณตี ศลิ ป์ และ ชาตพิ นั ธวุ์ ทิ ยา จดั แสดงในหม่พู ระวมิ าน คอื พระทน่ี งั่ วสนั ตพมิ าน พระทน่ี งั่ วายุ
สถานอมเรศ และ พระท่ีนัง่ พรหมเมศธาดา ศิลปโบราณวตั ถุท่ีจดั แสดง ได้แก่ เคร่อื งทอง เคร่อื งถม เคร่อื ง
มุก เคร่อื งดนตรี เคร่อื งไมจ้ าหลกั ผา้ โบราณ เคร่อื งถ้วย เคร่อื งสงู ราชยานคานหาม อาวุธโบราณ เคร่อื งใชใ้ นพธิ ี
พระพุทธศาสนา และ อฐั บรขิ ารของสงฆ์ และ เคร่อื งการละเล่นต่าง ๆ เช่น หวั โขน หุ่นกระบอก หุ่นเลก็ และหนัง
ใหญ่ เป็นตน้ นอกจากน้ี ยงั มี ราชรถทใ่ี ชใ้ นกระบวนแห่พระบรมศพ คอื พระมหาพชิ ยั ราชรถ เวชยนั ตรราชรถ ราช
รถน้อย และ เคร่อื งประกอบการพระราชพธิ ตี ่าง ๆ ท่ใี ชใ้ น พระราชพธิ ถี วายพระเพลงิ พระบรมศพ จดั แสดงใน
อาคารโรงราชรถ
นอกจากศลิ ปะโบราณวตั ถุแลว้ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร ยงั มโี บราณสถานคอื พระทน่ี งั่ และ พระ
ตาหนักบางองค์ ทเ่ี ป็นตวั อย่างของ งานสถาปัตยกรรมไทยท่งี ดงาม เช่น พระทน่ี งั่ พุทไธสวรรย์ ภายในพระท่นี ัง่
ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ และมีจิตรกรรมฝาผนังท่ีงดงามยิ่ง พระท่ีนัง่ อิศเรศราชานุสรณ์ ท่ีประทับ ของ
พระบาทสมเดจ็ พระป่ินเกลา้ เจา้ อยู่หวั และพระตาหนักแดง ทป่ี ระทับ ของสมเดจ็ พระศรสี ุรเิ ยนทราบรมราชนิ ีใน
รชั กาลท่ี 2 รวมไปถงึ พระทน่ี งั่ ขนาดย่อม และศาลาทรงไทยในรปู แบบตา่ ง ๆ เช่น ศาลาสรง ศาลาสาราญมขุ มาตย์
พระทน่ี งั่ มงั คลาภเิ ษก และ พระทน่ี งั่ ปาฏหิ ารยิ ท์ ศั นัย ดว้ ยเหตุน้ีจงึ ทาใหพ้ พิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร ยงั คง
มเี อกลกั ษณ์ทางสถาปัตยกรรมไทย ทโ่ี ดดเดน่ ทส่ี ุดแห่งหน่งึ ของเกาะรตั นโกสนิ ทรใ์ นปัจจบุ นั
227
แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยที่ 5
สอนครงั้ ท่ี 13
หลกั สตู ร ประกาศนียบตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2562 หน่วยกิต 1-4-2
รหสั วิชา 20315-2107 วิชา การเขียนลวดลายไทย ปฏบิ ตั ิ 4 ช.ม.
หน่วยการเรยี นรู้ การเขียนลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรอ่ื งการเรียนรู้ การเขียนลายก้านต่อดอก
ทฤษฎี 1 ชม.
1. สาระสาคญั
ความรู้ ความเขา้ ใจ หลกั การเขยี นลายก้านต่อดอก และปฏบิ ตั งิ านเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก การนาความรู้
ไปปรบั ประยุกตใ์ ช้ ในการออกแบบลวดลาย การเขยี นลายก้านต่อดอก มขี นั้ ตอนวธิ กี ารเขยี นลายทแ่ี ตกตา่ ง
จากลายประเภทลายกนก การเขยี นกลุ่มแม่ลายกา้ นต่อดอกมกี ารแบ่งพน้ื ท่ี ขนาดทช่ี ดั เจน การเขยี นตวั ลาย
มกี ารแบ่งขนาด พน้ื ทเ่ี ท่ากนั การนาตวั ลายกา้ นต่อดอก สามารถนาไปใชก้ บั งานช่างทองหลวง การออกแบบ
กลุ่มงานประเภทลายพ้นื ท่ีท่มี ขี นาดแนวตงั้ เช่นขอบ หรอื กรอบรูป ท่มี พี ้นื ท่สี ่เี หล่ยี ม ล้วนแล้วแต่ต้องนา
ความรู้ประเภทลายก้านต่อดอก ไปทาการออกแบบช้นิ งานทงั้ ส้นิ การเขา้ ใจในหลกั การ วธิ กี ารเขยี น การ
แบ่งตวั ลาย จึงเป็นขนั้ ตอนพ้นื ฐานของการเขียนการออกแบบลวดลาย และการนาองค์ความรู้ไปปรบั
ประยกุ ตใ์ ช้
2. สมรถนะประจาหน่วย
2.1 สมรรถนะประจาหน่วย
2.1.1 สามารถแสดงความรูเ้ กย่ี วกบั การเขยี นลายก้านต่อดอก
2.1.2 สามารถปฏบิ ตั งิ านเขยี นลายกา้ นต่อดอก
2.1.3 ความละเอยี ดรอบคอบในการดแู ลรกั ษา เครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ในการเขยี นลาย
2.2 เกณฑก์ ารปฏิบตั ิงานประจาหน่วย
2.2.1 สามารถอธบิ ายความรเู้ กย่ี วกบั การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอกไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
2.2.2 สามารถปฏบิ ตั ขิ นั้ ตอนการเขยี นลายก้านตอ่ ดอกไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
2.2.3 ความละเอยี ดรอบคอบในการดแู ลรกั ษา เครอ่ื งมอื อุปกรณ์ในการเขยี นลาย
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ วั่ ไป
3.1.1 เพอ่ื ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั การเขยี นลายกา้ นต่อดอก
3.1.2 เพอ่ื ใหม้ ที กั ษะในการปฏบิ ตั งิ านเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
3.1.3 มคี วามละเอยี ดรอบคอบในการดแู ลรกั ษา เครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ในการเขยี นลาย
228
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
3.2.1 ระบุความหมายความเป็นมาเกย่ี วกบั ลกั ษณะลายกา้ นตอ่ ดอกไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
3.2.2 บอกประเภทความหมายลายกา้ นต่อดอกไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
3.2.3 แสดงขนั้ ตอนการเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอกไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
3.2.4 ผเู้ รยี นแสดงพฤตกิ รรมทด่ี ใี นการเขา้ เรยี น ตรงตอ่ เวลา ซกั ถามขอ้ สงสยั ตามความเหมาะสม
และทาความสะอาดหอ้ งเรยี นตามขอ้ ตกลง
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ความหมายลายกา้ นต่อดอก
4.2 ลกั ษณะลายก้านตอ่ ดอก
4.3 หลกั การเขยี นลายก้านต่อดอก
5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 การนาเข้าสู่บทเรยี น
5.1.1 ครผู สู้ อนแจง้ วตั ถุประสงคก์ ารเรยี น กจิ กรรมการเรยี นการสอนและวธิ กี ารประเมนิ ผล
5.1.2 ครผู สู้ อนนาเขา้ สบู่ ทเรยี นซกั ถามความรเู้ ดมิ หรอื ปพู น้ื ฐานความรู้ลายกา้ นตอ่ ดอก
5.1.3 ครูเปิ ด Power Point อธิบายความหมายของลายก้านต่อดอกและความสัมพันธ์ ความ
เก่ียวเน่ืองการนาลายก้านต่อดอกไปออกแบบลวดลายไทยในรูปแบบลวดลายชนิดอ่ืน และสอดแทรก
คณุ ธรรมการมพี ฤตกิ รรมทด่ี ใี นการเขา้ เรยี น ตรงต่อเวลา ซกั ถามขอ้ สงสยั ตามความเหมาะสม
5.2 การเรยี นรู้
5.2.1 ครเู ปิด Power Point เร่อื งความหมายความเป็นมาของลายกา้ นต่อดอกครผู สู้ อนบรรยาย
ดาเนินการสอนหรอื ประกอบกจิ กรรมการเรยี นโดยทน่ี าเสนอรปู ภาพฉายประกอบ
5.2.2 ครนู ารปู ภาพลายกา้ นต่อดอกและลายทเ่ี กย่ี วเน่อื งกบั ลายกา้ นต่อดอกมาประกอบการอธบิ าย
1) ครถู าม-ตอบกบั นกั เรยี น โดยครยู กตวั อย่างรปู ภาพลายกา้ นต่อดอกแลว้ ถาม-ตอบเกย่ี วกบั
ความหมายความเป็นมาของลายกา้ นตอ่ ดอกกบั การนาไปใช้
2) การออกแบบลวดลายไทยลายกา้ นต่อดอกมสี ว่ นสาคญั ตอ่ การเขยี นลายไทยดา้ นใดบา้ ง
3) ขอ้ สงั เกตการเขยี นลายกา้ นต่อดอกมหี ลกั การสงั เกตอะไรบา้ ง
5.2.3 ครนู กั เรยี นชว่ ยกนั สรุปความหมายความเป็นมาของลายกา้ นตอ่ ดอก
5.2.4 ครใู หน้ กั ศกึ ษาทาใบงานท่ี 1 เรอ่ื งความสาคญั ความเป็นมาลายก้านต่อดอกมดี า้ นใดบา้ ง โดยให้
นกั เรยี นเขยี นลงในสมดุ บนั ทกึ ความรขู้ องตนเอง
5.2.5 ครใู หน้ กั เรยี นฝึกทกั ษะการเขยี นลายก้านตอ่ ดอกตามใบงาน
5.2.6 ครเู รยี กตรวจการเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอกเป็นรายบุคคลพรอ้ มชจ้ี ดุ แกไ้ ขเป็นรายบคุ คล
5.2.7 ครใู หน้ กั เรยี นฝึกเขยี นลายก้านต่อดอกตอ่ จนครบจานวนการฝึกเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
229
5.3 การสรปุ
5.3.1 ครสู ุม่ นกั เรยี นเล่าความรเู้ กย่ี วกบั ลายกา้ นต่อดอกความสาคญั ดา้ นใดบา้ ง
5.3.2 ครสู รุปเรอ่ื งความหมายและเป็นมาของลายกา้ นตอ่ ดอก
5.3.3 ครสู รุปหลกั การสงั เกตการณ์เขยี นลายกา้ นตอ่ ดอกตามหลกั การความงามดา้ นลวดลาย
ศลิ ปะไทย
5.4 การวดั และประเมินผล
5.4.1 เคร่อื งมอื ประเมนิ
5.4.2 แบบประเมนิ ผลพฤตกิ รรม
5.4.3 แบบทดสอบความรู้
5.4.4 แบบประเมนิ ผลงาน
6. ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้
6.1 สื่อโสตทศั น์
6.1.1 คลปิ วดิ โี อ การเขยี นลายกา้ นต่อดอก
6.2 โสตทศั น์อปุ กรณ์
6.2.1 คอมพวิ เตอร์
6.2.2 โทรศพั ท์มอื ถอื สมารท์ โฟน
6.2.3 แทบ็ เลต็
6.3 สื่อสิ่งพิมพ์
6.3.1 หนงั สอื ลายไทย ภาพไทย. ปฏพิ ทั ธ์ ดาระดาษ. (2539).
6.3.2 หนงั สอื ลายไทย. ภญิ โญ สุวรรณครี .ี (2546).
6.4 ส่ือบทเรยี นอิเลก็ ทรอนิกส์
6.4.1 ใบความรู้ ลายกา้ นตอ่ ดอก
6.4.2 ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน
6.4.3 Power Point
7. หลกั ฐานการเรยี นรู้
7.1 หลกั ฐานความรู้
7.1.1 แผนการจดั การเรยี นรู้
7.1.2 ใบความรู้
7.1.3 ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน
7.1.4 บนั ทกึ หลงั การสอน
230
7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั ิงาน
7.2.1 ใบงาน
7.2.2 เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงาน
8. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
8.1 เครอื่ งมือการประเมิน
8.1.1 ก่อนเรยี นรู้
วธิ กี ารวดั ผล การสมั ภาษณ์ การอภปิ ราย
เครอ่ื งมอื วดั คาตอบจากการสมั ภาษณ์ แนวคดิ จากการอภปิ ราย
8.1.2 ระหว่างเรยี นรู้
วธิ กี ารวดั ผล ขนั้ ตอนในการปฏบิ ตั ิ
เครอ่ื งมอื วดั การสงั เกตกุ ารปฏบิ ตั งิ านของนกั เรยี น
8.1.3 หลงั เรยี น
วธิ กี ารวดั ผล ผลงานการเขยี นลายกา้ นต่อดอก
เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานการเขยี นลายกา้ นต่อดอก
8.2 เกณฑก์ ารประเมิน
8.2.1 เกณฑป์ ระเมนิ พฤตกิ รรมผเู้ รยี นผ่านเกณฑป์ ระเมนิ ตามขนั้ ตอนปฏบิ ตั งิ านการเขยี นลาย
กา้ นตอ่ ดอก
8.2.2 แบบทดสอบความรผู้ ลการประเมนิ ผ่านดา้ นรคู้ วามเขา้ ใจตอ่ หลกั การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
8.2.3 เกณฑก์ ารประเมนิ การเขยี นลายก้านต่อดอกไมต่ ่ากว่ารอ้ ยละ 60
231
9. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
9.1 ขอ้ สรปุ หลงั การจดั การเรียนรู้
ด้านผ้สู อน
การจดั การเรยี นการสอนในรปู แบบ online off line
สอนไดค้ รบตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนดในแผนการจดั การเรยี นรู้
สอนไดไ้ ม่ครบตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนดในแผนการจดั การเรยี นรู้ ยงั ขาดหวั ขอ้ ดงั น้ี
แนวทางการแกป้ ัญหาการสอนไม่ครบหวั ขอ้ ตามแผน
ด้านความพร้อมและผลการเรยี นร้ขู องผ้เู รยี น
จานวนนกั เรยี นทงั้ หมด คน จานวนนกั เรยี นทเ่ี ขา้ เรยี น คน
จานวนนกั เรยี นทข่ี าดเรยี น คน
เกณฑท์ แ่ี นะนา คดิ เป็นรอ้ ยละ ดมี าก(80-100) ดี (70-79) พอใช้ (60-69) ตอ้ งปรบั ปรงุ (ต่ากวา่ 60)
1 การตรงต่อเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
2 การแต่งกาย, การปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บ ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
3 ความพรอ้ ม, ความตงั้ ใจในการเรยี น ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
4 มคี วามรบั ผดิ ชอบงานทม่ี อบหมาย ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
5 มคี วามรู้ ความสามารถ ตรงวตั ถปุ ระสงค์ ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
อ่นื ๆ
9.2 ปัญหา อปุ สรรค
9.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา
ลงชอ่ื ผสู้ อน ลงช่อื หวั หน้าสาขาวชิ า
( นายพรี ะยศ แกว้ ปัญญา ) ( นายพรี ะยศ แกว้ ปัญญา)
ลงช่อื
(นายพรอนนั ต์ ภกั ดบี ญุ )
ผอู้ านวยการกาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลยั ชา่ งทองหลวง
หมายเหตุ ปัญหา อุปสรรคและแนวทางแกป้ ัญหา ผสู้ อนนาไปพฒั นา ในรปู แบบของวจิ ยั ชนั้ เรยี น หรอื พฒั นาการจดั การเรยี นรใู้ นครงั้ ตอ่ ไป
232
ใบความรู้ หน้า
2
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรอื่ ง : การเขยี นลายกา้ นต่อดอก
1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1.1 จุดประสงคท์ วั่ ไป
1.1.1 เพอ่ื ใหม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจลายแมล่ ายก้านตอ่ ดอก
1.1.2 เพอ่ื ใหม้ ที กั ษะการเขยี นลายแม่ลายกา้ นต่อดอก
1.1.3 เพอ่ื ใหก้ จิ นิสยั มคี วามรอบคอบและยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ผอู้ ่นื
1.2 จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม
1.2.1 ระบคุ วามหมายความเป็นมาเกย่ี วกบั ลกั ษณะลายแมล่ ายกา้ นต่อดอกอย่างถูกตอ้ ง
1.2.2 บอกประเภทความหมายลายแมล่ ายกา้ นต่อดอกไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
1.2.3 แสดงขนั้ ตอนการเขยี นลายแม่ลายก้านต่อดอกไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
1.2.4 ผเู้ รยี นแสดงพฤตกิ รรมทด่ี ใี นการเขา้ เรยี น ตรงตอ่ เวลา ซกั ถามขอ้ สงสยั ตามความเหมาะสม และทา
ความสะอาดหอ้ งเรยี นตามขอ้ ตกลง
2. สมรรถนะ
2.1 มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจความหมายลายแมล่ ายกา้ นต่อดอก
2.2 มที กั ษะการเขยี นลายแม่ลายกา้ นต่อดอก
2.3 แกป้ ัญหาจากการเขยี นลายแมล่ ายกา้ นตอ่ ดอกได้
3. เนื้อหาสาระ (ใบความร้)ู
233
ใบความรู้ หน้า
1
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรอ่ื ง : การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
เรอื่ งการเรียนร้ทู ี่ 13 การเขียนลายก้านต่อดอก (สปั ดาหท์ ่ี 13 )
ต้นกำเนิดของลำยไทยกำเนิดจำกรูปทรงธรรมชำตไิ ด้แก่ดอกบวั ดอกชยั พฤกษ์ ดอกมะลิ ดอกรกั ดอก
พุดตำน ใบเทศ เปลวไฟ นอกจำกลำยทเ่ี กดิ จำกดอกบวั แลว้ ยงั มลี ำยทเ่ี กดิ ขน้ึ จำกใบไมต้ ำ่ ง ๆ ใบฝ้ำย ใบเทศ
ดอก ใบเทศ กำ้ นขดใบเทศ
1.กำ้ น
เศรษฐมนั ตร์ กำญจนกุล (2535 : 4) กำ้ นเป็นคำเรยี กเถำสนั้ ๆ ใชเ้ ชอ่ื มตอ่ ดอกหรอื ใบในกำรผกู ลำยไทย
เช่น ลำยก้ำนต่อดอก ลำยเกลยี วและลำยก้ำนแย่ง ในกำรผูกลวดลำยชนิดทเ่ี ป็นเถำแบบหน่ึง เรยี กว่ำ กนกกำ้ น
ขด หรอื ลำยกำ้ นขด ลวดลำยแบบน้อี ำศยั เถำเป็นหลกั ในกำรผกู ลำย กำรผกู วำงเถำมลี กั ษณะเฉพำะทต่ี อ้ งขมวด
เป็นก้นหอย แม้ว่ำจะขยำยลำยออกไปเท่ำใดก็ต้องผูกประกอบเข้ำด้วยกนั ลกั ษณะคล้ำยช่อของเถำไม้ตำม
ธรรมชำติ บำงครงั้ ในสว่ นปลำยเถำในใจกลำงวง มกั จะทำเป็นช่อกนกหำงโตบำ้ ง หรอื สตั วห์ มิ พำนตโ์ ผล่มำแตง่
เฉพำะส่วนหวั หรอื ทำเป็นรูปเทวดำ อมนุษยก์ ม็ ี จงึ มชี ่อื เรยี กตำมแบบลำยท่ผี กู ข้นึ เช่น กนกกำ้ นขด หน้ำสงิ ห์
กนกกำ้ นขดใบเทศ ฯลฯ กนกกำ้ นขดน้ี ในกำรแกะสลกั ไมน้ ิยมบนบำนประตูบำนหน้ำต่ำงโบสถ์ วหิ ำร
1.1ลำยกำ้ นแย่ง ลำยไทยแบบหน่งึ มลี กั ษณะกำรผูกเป็นแถวโคง้ บรรจบกนั ตรงทเ่ี ถำบรรจบ
กนั นนั้ ผกู ลำยเป็นดอกหรอื เป็นพุ่มแบบต่ำง ๆ กนั ลงทกุ ๆ รว่ มเถำ ทำใหด้ คู ลำ้ ยกบั ว่ำเถำหรอื กำ้ นแย่งดอกกนั
พบในกำรตกแตง่ บนพน้ื ผนงั หรอื พน้ื ทท่ี ม่ี คี วำมกวำ้ งและพบเป็นลำยรดน้ำในกลมุ่ เรอื รปู สตั วใ์ นกระบวนเรอื พระ
ยหุ ยำตรำ
1.2 กำ้ นตอ่ ดอก ลำยไทยแบบหน่ึงเป็นลวดลำยผูกตดิ ต่อ ซง่ึ ตอ่ เน่อื งไปในพน้ื ทห่ี น้ำกระดำน
ทำงตงั้ ลกั ษณะของลำยแบบน้ี ประกอบ ตวั แม่ลำยผูกเป็นช่อเล็ก ดอกจะต่อเรยี งกนั เป็นช่อข้นึ ไป ถ้ำใช้กนก
เปลวมำต่อเป็นดอกจะมชี ่อื ว่ำ กำ้ นต่อดอกกนกเปลว ถำ้ แม่ลำยประจำยำมมำผูก จะเรยี กว่ำกำ้ นต่อดอกประจำ
ยำม
1.3 ก้ำนขด หมำยถงึ ลำยทม่ี กี ้ำนมว้ นขดเดนิ เป็นเถำรูปวงก้นหอยเรยี งต่อเน่ืองซ้ำ ๆ กนั
กำ้ นขดจดั เป็นลำยไทยชนดิ หน่งึ ทม่ี วี วิ ฒั นำกำรมำหลำยยคุ หลำยสมยั หำกนบั จำกหลกั ฐำนเกำ่ แก่
นา่ จะเรม่ิ มาจากศลิ ปะขอม มีการขดเป็นวงใหญ่ ๆ แทรกลวดลายภายในขดอย่างวิจิตรพิสดาร ลายกา้ นขดใน
ประเทศไทยมีการคน้ พบมาตงั้ แต่สมยั ทวารวดีและสมยั อยุธยาตอนปลาย ซ่ึงมักนิยมทาปลายกา้ นขดดา้ นในให้
สวยงาม การตกแต่งบางทีนารูปสตั วห์ ิมพานต์ เทพ ยกั ษ์ มาประกบั จึงมีช่ือตามท่ีประดิษฐ์ลายกา้ นขดจะนามาใช้
กบั พนื้ ผิวท่เี รียบเป็นหนา้ กระดานท่มี คี วามกวา้ ง การตกแต่งนีพ้ บบนการตกแตง่ ของเรอื พระท่ีน่งั ดงั ภาพประกอบท่ี
11-1 ถงึ 13-5
234 หน้า
2
ใบความรู้
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เร่อื ง : การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
ภาพท่ี 13-1 ลายกา้ นต่อดอก
ทม่ี า : มานะ ทองสอดแสง. (2545). หนงั สอื ตารา ศกึ ษาศลิ ปะลายไทย : 53.
235 หน้า
3
ใบความรู้
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรือ่ ง : การเขยี นลายกา้ นต่อดอก
ลำยกำ้ นต่อดอกพุม่ ขำ้ วบณิ ฑ์ ลำยกำ้ นต่อดอกพุดตำน
วดั รำชบุรณะ วดั รำชบรุ ณะ
ภำพท่ี 13-2 ลำยกำ้ นตอ่ ดอก วดั รำชบุรณะ
236 หน้า
4
ใบความรู้
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรื่อง : การเขยี นลายกา้ นต่อดอก
ลายกา้ นตอ่ ดอกพุดตาน บรเิ วณโดยรอบพระอโุ บสถ วดั บวรนเิ วศวหิ าร
ภาพท่ี 13-3 ลายกา้ นตอ่ ดอก วดั บวรนิเวศวหิ าร
237 หน้า
5
ใบความรู้
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรือ่ ง : การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
ลายกา้ นต่อกระหนกพมุ่ ขา้ วบณิ ฑ์ บานประตพู ระอุโบสถ วดั บวรนิเวศวหิ าร
ภาพท่ี 13-4 ลายกา้ นต่อดอก วดั บวรนเิ วศวหิ าร
238
ใบความรู้ หน้า
5
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรอ่ื ง : การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
ช่ือและหน้าที่วสั ดอุ ปุ กรณ์ในงานเขียนลายก้านต่อดอก
ดนิ สอกดหรอื ดนิ สอดา ชนดิ HB
- ใชส้ าหรบั ร่างลายเขยี นเสน้ ทต่ี อ้ งการ
ยางลบ
- ใชส้ าหรบั ลบเสน้ ดนิ สอทไ่ี ม่ตอ้ งการ
ไมบ้ รรทดั
- ใชส้ าหรบั วดั ขนาดรปู รา่ ง -รปู ทรงเหลย่ี ม
กระดาษขนาด A4หรอื กระดาษอารต์ ชนดิ เน้อื ละเอยี ด
เป็นมนั ขนาด 80-100 แกรม
- ใชส้ าหรบั เขยี นลายไทยดว้ ยดนิ สอ
ทเ่ี หลาดนิ สอ
- ใชส้ าหรบั เหลาดนิ สอใหไ้ สด้ นิ สอมคี วามแหลม
กระดาษชาระ
- ใชส้ าหรบั เชด็ ผงดนิ สอทต่ี ดิ ตามอุปกรณ์
239
ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน หน้า
6
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย แผ่นท่ี : 1
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรือ่ ง : การเขยี นลายกา้ นต่อดอก
ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน คาอธิบายขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน
1. 1.1 บอกช่อื และหน้าทอ่ี ุปกรณ์การเขยี นลาย
2. 2.1 กาหนดขนาดรปู ทรงโครงสรา้ งความสงู ความกวา้ ง
ลายกา้ นต่อดอก
240
ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน หน้า
7
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย แผ่นท่ี : 2
หน่วยการเรียนรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรื่อง : การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน คาอธิบายขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน
3. 3.1 กาหนดขนาดรปู ทรงลายกา้ นต่อดอก
4. 4.1 ร่างลวดลายลงในพน้ื ทก่ี ารเขยี นลวดลายกา้ นตอ่
ดอก
241
ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน หน้า
8
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย แผ่นท่ี : 3
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรื่อง : การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน คาอธิบายขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน
5. 5.1ร่างลายละเอยี ดลวดลายลงในพน้ื ทก่ี ารเขยี นลวดลาย
กา้ นตอ่ ดอก
6. 6.1 ตดั เสน้ ลายละเอยี ดลวดลายลงในพน้ื ทก่ี ารเขยี น
ลวดลายกา้ นต่อดอก
242
ใบลาดบั ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน หน้า
9
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย แผน่ ท่ี : 4
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรอ่ื ง : การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
ข้อควรระวงั การปฏิบตั ิงาน คาอธิบายขอ้ ควรระวงั การปฏิบตั ิงาน
1. 1.1 การแบ่งพน้ื ทล่ี ายกา้ นตอ่ ดอกตอ้ งมจี งั หวะตวั ลาย
และระยะการเขยี นตวั ลายเท่ากนั
2. 2.1 การแบง่ พน้ื ทล่ี ายกา้ นตอ่ ดอกตอ้ งมจี งั หวะตวั ลาย
และระยะการเขยี นตวั ลายเท่ากนั
2.2 ลกั ษณะตวั ลายและกา้ นตอ่ ดอกะจเป็นรูปแบบลาย
สเ่ี หลย่ี มขา้ วหลามตดั สลบั กนั
243
ใบงาน หน่วยท่ี 3
สอนครงั้ ท่ี 8
วิชา : การเขยี นลวดลายไทย
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรื่อง : การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
1. จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1.1 จดั เตรยี มอปุ กรณ์การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอกได้
1.2 แสดงขนั้ ตอนการเขยี นลายกา้ นต่อดอกไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
2. สมรรถนะ
2.1 มที กั ษะการเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก
2.2 แกป้ ัญหาจากการเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอกได้
3. เครือ่ งมอื วสั ดุ และอุปกรณ์
ดนิ สอกดหรอื ดนิ สอดา ยางลบ ไมบ้ รรทดั กระดาษขนาด A4 ทเ่ี หลาดนิ สอ กระดาษชาระ
4. การประเมินผล
ผลงานการเขยี นลายกา้ นต่อดอกผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ 60
5. เอกสารอ้างอิง/เอกสารค้นคว้าเพิ่มเติม
ปฏพิ ทั ธ์ ดาระดาษ. (2539). ลายไทย ภาพไทย. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2 กรุงเทพฯ: ม.ป.พ.
ภญิ โญ สวุ รรณครี .ี (2546). ลายไทย. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
โพธิ์ ใจอ่อนน้อม. (2522). คมู่ อื ลายไทย. โรงพมิ พธ์ นาคารออมสนิ .
พระเทวาภนิ ิมมติ . (2530). สมุดตาราลายไทย. โรงพมิ พค์ รุ ุสภา.
สนั ติ เลก็ สุขมุ . (2539). กระหนกในดนิ แดนไทย. สานกั พมิ พม์ ตชิ น.
244
วิชา ใบงาน หน่วยท่ี 3
หน่วยการเรยี นรู้ งานครงั้ ท่ี 8
เร่อื ง : การเขยี นลวดลายไทย
: การเขยี นลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
: การเขยี นลายกา้ นต่อดอก
6. การมอบหมายงาน
คาสงั่ ท่ี 1 ให้นักเรยี นเขียนลายก้านต่อดอกตามแบบที่กาหนดให้ ขนาดความสงู 18 ซ.ม ขนาดความกว้าง
4.6ซ.ม ( เส้นกรอบด้านใน 0.1 ซ.ม) พรอ้ มตดั เส้นลายก้านต่อดอกให้ครบถ้วนสวยงาม คะแนน
เตม็ 100 คะแนน
245
7. เกณฑก์ ารประเมินผลงาน
แบบประเมินผลงานนักเรยี น
ชื่อนักเรียน……………………………………………………………….เลขท่ี…………………
ระดบั ชนั้ ปวช. 2 สาขาวิชา ช่างทองหลวง
วิชา การเขยี นลวดลายไทย เร่อื ง การเขยี นลายกา้ นต่อดอก
ผลการประเมิน
ระดบั คะแนน
ข้อ จดุ ประเมินคณุ ภาพผลงาน ีดเ ่ียยม
การเขียนลายก้านต่อดอก ีดมาก
ีด
พอใ ้ช
ปรับปรุง
คะแนนรวม
่ผาน เกณท์ประเ ิมน
ไม่ ่ผาน
54321
1 การเตรยี มอุปกรณ์การเขยี นลาย ( X2 )
2 การร่างสดั สว่ นรปู ทรง ( X2 )
3 ความเหมาะสมของรูปทรง ( X4 )
4 ลายเสน้ มคี วามคมชดั ( X2 )
5 การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก ( X6 )
6 จานวนการเขยี นลายครบตามทม่ี อบหมาย( X2 )
7 ความสะอาด ปราณตี ในการเขยี นลาย( X2 )
ผลคะแนนรวม
หมายเหตุ ( X2 ) = จานวนคณู ค่าระดบั คะแนนกบั ค่าคะแนนเกณฑป์ ระเมนิ เช่น X2 ค่าคะแนน 5 = 10 คะแนน
ลาดบั ที่
246
1. การเตรยี มอุปกรณ์การเขยี นลาย ( X2 ) 10 คะแนน
แบบสรปุ ผลการประเมินผลงานนักเรยี น2. กการร่างสดั สว่ นรปู ทรง ( X2 ) 10 คะแนน
3. ความเหมาะสมของรปู ทรง ( X4 ) 20 คะแนน
วิชา การเขยี นลวดลายไทย เรอื่ งการเรยี นท่ี 13 การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก4. ลายเสน้ มคี วามคมชดั ( X2 ) 10 คะแนน
ระดบั ชนั้ ปวช.2 สาขาวิชา ช่างทองหลวง กาญจนาภิเษกวิทยาลยั ช่างทองหลวง5. การเขยี นลายกา้ นตอ่ ดอก ( X6 ) 30 คะแนน
6. จานวนการเขยี นลายครบตามทม่ี อบหมาย( X2 ) 10 คะแนน
จดุ ประเมินคณุ ภาพชิ้นงาน7. ความสะอาด ปราณตี ในการเขยี นลาย ( X2 ) 10 คะแนน
ช่ือ นามสกลุ
ผรู้ บั การประเมิน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ผลรวมคะแนนค่าเฉลี่ยร้อยละของนักเรียนทงั้ หมด
(…………………………………………)
นานพีระยศ แก้วปัญญา
ผปู้ ระเมิน
คะแนนรวม 110 คะแนน
คา่ เฉลี่ยร้อยละ
ผา่ น เกณทท์ ่ีผ่านการประเมินค่าเฉล่ียร้อยละ 65
ไมผ่ ่าน
247
แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5
สอนครงั้ ที่ 14
หลกั สูตร ประกาศนียบตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2562 หน่วยกิต 1-4-2
รหสั วิชา 20315-2107 วิชา การเขียนลวดลายไทย ปฏบิ ตั ิ 4 ช.ม.
หน่วยการเรยี นรู้ : การเขียนลวดลายไทยกบั งานช่างทองหลวง
เรอ่ื งการเรยี นรู้ : การลงแสงเงาลายไทยกบั งานสลกั ดนุ
ทฤษฎี 1 ชม.
1. สาระสาคญั
ความรู้ ความเขา้ ใจ หลกั การเขยี นลงแสงเงาในตวั ลวดลายไทย เป็นส่วนหน่ึงของการเรยี นรู้สร้าง
ความเขา้ ใจต่อการเรยี นรูม้ ติ ติ วั ลาย ระนาบพน้ื ผวิ ตวั ลาย เพ่อื สรา้ งความเขา้ ใจในการนาไปปรบั ประยุกต์ใช้
ทางานสลกั ดุน การวาดเขยี นกาหนดแสงเงาในตวั ลายจงึ จาเป็นต่อการสร้างความเขา้ ใจต่อการกาหนดแสง
เงา เน่อื งจากงานสลกั ดุนในงานช่างทองหลวงเป็นพน้ื ฐานเป็นเทคนิคการสรา้ งสรรคง์ านเบอ้ื งต้น ทจ่ี ะพฒั นา
ความรเู้ ทคนิคการทางานช่างทองหลวงในชน้ิ งานอ่นื ๆ เป็นพน้ื ฐานของการทางานถมเงนิ ถมทอง การสลกั ดุน
สาหรบั การลงยาสี และแขนงงานช่างทองหลวงอ่นื ๆ ดงั นนั้ การเขา้ ใจในหลกั ารลงแสงเงาในลวดลายไทยจงึ มี
ความสาคญั ตอ่ การนาองคค์ วามรไู้ ปปรบั ประยุกตใ์ ช้
2. สมรถนะประจาหน่วย
2.1 สมรรถนะประจาหน่วย
2.1.1 สามารถแสดงความรเู้ กย่ี วกบั การลงแสงเงาลายไทยในงานสลกั ดุน
2.1.2 สามารถปฏบิ ตั งิ านลงแสงเงาลายไทยในงานสลกั ดุน
2.1.3 ความละเอยี ดรอบคอบในการดแู ลรกั ษา เครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ในการเขยี นลาย
2.2 เกณฑก์ ารปฏิบตั ิงานประจาหน่วย
2.2.1 สามารถอธบิ ายความรเู้ กย่ี วกบั การเขยี นลงแสงเงาลายไทยในงานสลกั ดุนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
2.2.2 สามารถปฏบิ ตั ขิ นั้ ตอนการเขยี นลงแสงเงาลายไทยในงานสลกั ดนุ อย่างถูกตอ้ ง
2.2.3 ความละเอยี ดรอบคอบในการดแู ลรกั ษา เคร่อื งมอื อปุ กรณ์ในการลงแสงเงาลายไทยในงานสลกั
ดุน
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ วั่ ไป
3.1.1 เพอ่ื ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั การลงแสงเงาลายไทยในงานสลกั ดุน
3.1.2 เพอ่ื ใหม้ ที กั ษะในการปฏบิ ตั งิ านลงแสงเงาลายไทยในงานสลกั ดุน
3.1.3 มคี วามละเอยี ดรอบคอบในการดแู ลรกั ษา เคร่อื งมอื อปุ กรณ์ในการเขยี นลาย