หลากหลายแนวคิด
อุกฤษ มงคลนาวิน
เล่ม ๓
ก�ำเนิดคณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หลากหลายแนวคิด
อุกฤษ มงคลนาวิน
เล่ม ๓
ก�ำเนิดคณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
“กว่าจะเป็นดังที่เห็น”
ในปัจจุบัน ปี ๒๕๕๙
คณะนติ ิศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย
อาคารเทพทวาราวดี ปี ๒๕๕๙
พ.ศ. ๒๕๑๙ เม่ือ ๔๐ ปีท่ีผ่านมา
อาคารหลงั แรกของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั
หลังจากยา้ ยออกมาจากคณะรฐั ศาสตร์
ปี ๒๕๑๙
พ.ศ. ๒๕๐๙ เม่ือ ๕๐ ปีก่อน
เม่อื ยงั เป็นแผนกวชิ านติ ิศาสตร์ ตึก ๒ อาคารวรภกั ด์พิ ิบลู ย์
คณะรฐั ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
ปี ๒๕๐๙
คณะรฐั ศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
ปี ๒๕๐๙
รบั พระราชทานปรญิ ญานติ ิศาสตรบัณฑติ คณะนติ ิศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๐๒ (ปกี ารศกึ ษา ๒๕๐๑)
รบั พระราชทานปรญิ ญานิติศาสตรดษุ ฎีบณั ฑิตกติ ติมศกั ด์ิ
จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั พ.ศ. ๒๕๓๒
อารัมภบท
หนังสือ “หลากหลายแนวคดิ อกุ ฤษ มงคลนาวนิ ” เล่มนี้เป็นเล่มท่ี ๓
เลม่ ท่ี ๑ เปน็ เรอ่ื งของ “สทิ ธแิ ละสถานภาพทางกฎหมายของสตรไี ทย”
เล่มที่ ๒ เปน็ เร่อื ง “บทบาทของนักนิตศิ าสตร์ในการพฒั นาประเทศ”
เล่มนี้เป็นเล่มที่ ๓ ได้พูดถึงก�ำเนิดของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย โดยละเอยี ด
ผมไดเ้ ขยี นเรอ่ื งนไี้ วแ้ ละลงพมิ พใ์ นวารสารกฎหมายฉบบั พเิ ศษเนอ่ื งใน
วาระทีผ่ มมีอายุ ๗๒ ปี เม่อื วนั ท่ี ๑๐ มีนาคม ๒๕๔๙ โดยได้เล่าเรอื่ งการจดั
ตงั้ คณะนิติศาสตร์เปน็ ครัง้ แรก
คร้ังนี้ได้จัดพิมพ์ข้ึนอีกครั้งในโอกาสท่ีผมมีอายุครบ ๘๒ ปีในวันที่
๑๐ มนี าคม ๒๕๕๙ เพื่อเผยแพร่ในงานเปดิ “ห้องศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ
มงคลนาวิน” ช้นั ๔ และช้ัน ๕ คณะนิตศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย
อาคารเทพทวาราวดี
การจดั ทำ� ห้อง “ศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวิน” สำ� เรจ็ ดว้ ยดี
ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะความริเร่ิมและการร่วมมืออย่างพร้อมเพรียงกัน
ของคณบดี คณาจารย์ นิสิตเก่า และผู้ท่ีมีไมตรีจิตทุกท่าน ซึ่งนอกจากให้
ก�ำลังใจแล้ว ยังได้ร่วมสมทบทุนในการด�ำเนินการจัดท�ำห้องประชุมเป็น
จำ� นวนเงินสงู กวา่ ที่ไดค้ าดการณไ์ ว้ ซึ่งนำ� ความปีตยิ ินดแี กผ่ มเปน็ อย่างย่งิ ที่
บรรดาศิษย์ที่มีความกตัญญูและมีเจตนาขอร่วมท�ำบุญกับผมเนื่องในวันเกิด
เหน็ ไดช้ ดั เจนวา่ การสมทบทนุ นี้ จะเปน็ อนสุ รณแ์ ละเปน็ ประโยชนอ์ นั ถาวร
แก่คณะนติ ิศาสตร์ตอ่ ไป
เรอ่ื งกำ� เนดิ ของคณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ในหลากหลาย
แนวคดิ อกุ ฤษ มงคลนาวนิ เลม่ ๓ น้ี ได้จดั ล�ำดับเรื่องราวใหง้ ่ายขึน้ เฉพาะ
อยา่ งยง่ิ มีภาพประกอบซ่งึ เป็นภาพเก่า ๆ หลายสิบปมี าแลว้ โดยทา่ นผู้หญงิ
มณฑินีพยายามค้นหาเอกสารและภาพเก่ียวกับรายละเอียดของการก่อตั้ง
คณะนิตศิ าสตร์ เพอ่ื ไดเ้ ผยแพร่ในคราวเปิดหอ้ งประชุมในชือ่ ของผม
หวังว่า หนังสือ “หลากหลายแนวคิด อุกฤษ มงคลนาวิน” ของผม
เรื่องก�ำเนิดคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแนวคิดในการ
จัดท�ำห้องประชุมท้ังสองห้อง เนื่องในโอกาสวันเกิดครบ ๘๒ ปี ในวันท่ี
๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ น้ี จะน�ำความสุขอันเป็นกุศลบุญมาสู่ท่านท้ังหลายที่
ไดม้ ีโอกาสประกอบกรรมดีร่วมกนั
(ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน)
๑๐ มนี าคม ๒๕๕๙
สารบัญ
อารัมภบท ๑๒
ภาคที่ ๑ ๑๗
● การกอ่ ตง้ั คณะนิติศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ๓๓
● วันรพี กจิ กรรมเพอ่ื ร�ำลึกถงึ พระคณุ ของพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ
พระองคเ์ จา้ รพพี ัฒนศกั ด์ิ กรมหลวงราชบรุ ีดิเรกฤทธิ ์ ๔๕
● นำ� นสิ ติ เข้าเฝ้า ฯ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัว ทูลเกล้าทลู กระหม่อม
ถวายเงนิ จากการจดั งานวนั รพี ๕๖
● การเผยแพร่ชอื่ เสียงเกยี รติคุณของแผนกวชิ านิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ๘๕
● ปญั หาและอุปสรรคในการจัดตงั้ คณะนติ ิศาสตร ์ ๑๐๐
● การเลือกตง้ั คณบดีคณะนิติศาสตร์ ๑๐๙
● ขอ้ ความแสดงความยินดใี นการจดั ตง้ั คณะนติ ิศาสตร์
จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั พ.ศ. ๒๕๑๕ ๑๒๕
● การด�ำเนินงานของคณะนติ ิศาสตร์ภายหลงั การรบั ตำ� แหนง่ คณบดี ๑๖๓
● ความภาคภมู ใิ จในฐานะอาจารย์ผู้ก่อตัง้ และคณบดีคณะนิติศาสตร์
จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ๑๗๗
● ภาคผนวก
การบุกเบิกจดั ต้ังและสร้างงานบริหาร คณะนติ ศิ าสตร์ จุฬาฯ
เรียบเรียงโดย รองศาสตราจารย์ด�ำรหิ ์ บรู ณะนนท์
ภาคที่ ๒ ๑๘๗
"ศษิ ย์ระลึกถึงอาจารย์" ๑๘๘
ศาสตราจารย์ไชยยศ เหมะรัชตะ ๑๙๐
ศาสตราจารยก์ ิตตคิ ณุ ดร.วษิ ณุ เครอื งาม ๑๙๕
ผ้ชู ่วยศาสตราจารยจ์ ฑุ า กุลบศุ ย ์ ๑๙๗
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถยี รไทย ๑๙๙
ศาสตราจารยก์ ิตติคุณ ดร.บวรศกั ด์ิ อุวรรณโณ ๒๐๑
ศาสตราจารยพ์ ิเศษธงทอง จนั ทรางศุ ๒๐๖
รองศาสตราจารย์ธติ พิ ันธุ์ เชอื้ บญุ ชยั ๒๐๘
ศาสตราจารย์ ดร.ศักดา ธนติ กุล ๒๑๑
ศาสตราจารย์ ดร.นนั ทวฒั น์ บรมานันท ์
๒๑๓
ภาคที่ ๓
คณะนติ ศิ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ในสายตาส่ือมวลชน
ภาคท่ี ๑
● การก่อตั้งคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
● วันรพี กิจกรรมเพื่อร�ำลึกถึงพระคุณของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์
● น�ำนิสิตเข้าเฝ้า ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทูลเกล้าทูลกระหม่อม
ถวายเงินจากการจัดงานวันรพี
● การเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของแผนกวิชานิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
● ปัญหาและอุปสรรคในการจัดตั้งคณะนิติศาสตร์
● การเลือกต้ังคณบดีคณะนิติศาสตร์
● ข้อความแสดงความยินดีในการจัดต้ังคณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๑๕
● การด�ำเนินงานของคณะนิติศาสตร์ภายหลังการรับต�ำแหน่งคณบดี
● ความภาคภูมิใจในฐานะอาจารย์ผู้ก่อต้ังและคณบดีคณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
● ภาคผนวก
การบุกเบิกจัดตั้งและสร้างงานบริหาร คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ
เรียบเรียงโดย รองศาสตราจารย์ด�ำริห์ บูรณะนนท์
การกอ่ ตงั้ คณะนติ ิศาสตร์
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ
การก่อตัง้ คณะนิตศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย
ศ.ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวิน
คณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ไดจ้ ดั ตงั้ ขนึ้ โดยประกาศ
ของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ที่ ๑๖๔ ลงวันที่ ๑๕ มถิ ุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๕
และให้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันถัดจากวัน
ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ตอนที่ ๙๓ ฉบบั พเิ ศษ ลงวนั ที่ ๑๗ มถิ นุ ายน
๒๕๑๕ เพราะฉะนั้น วนั ทถ่ี ือวา่ เปน็ วันเกิดของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย ควรจะพิจารณาไดห้ ลายแนวทาง
แนวทางแรกถอื วา่ วนั ทปี่ ระกาศของคณะปฏวิ ตั ฉิ บบั ที่ ๑๖๔ ลงวนั ที่
๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๕ เป็นวันเกิดของคณะ ก็น่าจะเป็นเรื่อง
ท่ีมีเหตุผล เพราะได้พูดถึงคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็น
ครั้งแรก ส่วนวันท่ี ๑๘ มิถุนายน ๒๕๑๕ เป็นวันทีป่ ระกาศของคณะปฏิวตั ิ
ฉบับท่ี ๑๖๔ มีผลใช้บังคับคือ ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับน้ีประกาศใน
ราชกิจจานเุ บกษาลงวนั ท่ี ๑๗ มถิ ุนายน ๒๕๑๕ จงึ ท�ำใหม้ ผี ลบงั คบั ใชต้ ้ังแต่
วนั ที่ ๑๘ มถิ นุ ายน ๒๕๑๕ ก็เป็นเร่อื งท่มี ีเหตุผลท่คี วรจะถอื ไดว้ า่ วันท่ี ๑๘
มถิ ุนายน ๒๕๑๕ เปน็ วันเกิดของคณะนติ ิศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แต่ถ้าพิจารณาในเชิงประวัติศาสตร์อย่างแท้จริงแล้ว คณะนิติศาสตร์
18
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั นา่ จะถอื เอาวนั ที่ ๑๕ มถิ นุ ายน ๒๕๑๕ เปน็ วนั เรม่ิ
กำ� เนดิ ของคณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั โดยอาศยั ประกาศของ
คณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ ๑๖๔ เปน็ ทม่ี าของวนั เกิด
เน้ือหาของประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๖๔ มีว่า โดยท่ี
คณะปฏิวตั พิ ิจารณาเห็นวา่ วิชานิติศาสตร์เปน็ วิชาส�ำคัญและจ�ำเป็นแกก่ าร
ศกึ ษาในมหาวทิ ยาลยั และแกป่ ระเทศโดยสว่ นรวม แผนกวชิ านติ ศิ าสตรซ์ งึ่ ได้
จัดตงั้ ขึ้นในคณะรฐั ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาต้งั แต่ พ.ศ. ๒๔๙๔
นนั้ ไดเ้ จรญิ กา้ วหนา้ ขน้ึ เปน็ ลำ� ดบั มนี สิ ติ เปน็ จำ� นวนมากขนึ้ จนตอ้ งเปดิ สอน
ทงั้ ภาคปกตแิ ละภาคสมทบ และไดข้ ยายการศกึ ษาวชิ านติ ศิ าสตรข์ นึ้ ไปจนถงึ
ขั้นปริญญาโท สมควรแยกแผนกวิชานิติศาสตร์ออกจากคณะรัฐศาสตร์
และจดั ตง้ั ขน้ึ เปน็ คณะนติ ศิ าสตรใ์ นจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั เพอ่ื ชว่ ยพฒั นา
การศึกษาในวิชาการสาขาน้ีให้เจริญยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้มีการศึกษา
จนถึงขัน้ ปรญิ ญาเอกในโอกาสตอ่ ไป
หัวหน้าคณะปฏวิ ตั ิจงึ มีคำ� สั่งดงั ต่อไปน้ี
ขอ้ ๑. ใหจ้ ัดตัง้ คณะนิตศิ าสตร์เพมิ่ ข้นึ ในจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ข้อ ๒. ให้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับน้ีมีผลใช้บังคับเช่นเดียวกับ
พระราชกฤษฎีกาท่ีออกตามความในมาตรา ๖ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๔๘๖ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดย
พระราชบัญญตั จิ ฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๙๗
ข้อ ๓. ใหน้ ายกรฐั มนตรรี กั ษาการตามประกาศของคณะปฏวิ ตั ฉิ บบั นี้
ขอ้ ๔. ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับน้ีให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจาก
วนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๕ มิถุนายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๕
จอมพล ถ. กิตตขิ จร
หัวหนา้ คณะปฏวิ ัติ
19
หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ
ประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ
ลงในราชกจิ จานเุ บกษา เม่ือวันที่ ๑๗ มถิ นุ ายน ๒๕๑๕
20
เหตใุ ดจงึ ตอ้ งมกี ารจดั ต้งั คณะนิตศิ าสตร์
ขึ้นในจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย
ประการแรก - ผมไดพ้ จิ ารณาวา่ ระบบของมหาวทิ ยาลยั ทเี่ ปน็ สากลใน
ประเทศยโุ รป จะประกอบไปดว้ ยคณะวชิ าทมี่ คี วามสำ� คญั และเปน็ หลกั ไดแ้ ก่
คณะอักษรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ เป็นต้น โดยท่ี
คณะหลักนา่ จะได้แก่ ๓ คณะน้ี เช่นท่ีประเทศฝรง่ั เศส ตึกทีท่ ำ� การของคณะ
อกั ษรศาสตรแ์ ละคณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ปารสี เรยี กวา่ “ชอรบ์ อนน”์
(SORBONNES) จนเป็นทีพ่ ูดกนั อยา่ งแพร่หลายว่า ผูท้ จี่ บจากมหาวิทยาลัย
ปารสี จบจากมหาวทิ ยาลยั ทชี่ อื่ วา่ “ชอรบ์ อนน”์ ซงึ่ ไดจ้ ดั ตง้ั ขนึ้ มาหลายรอ้ ย
ปที แ่ี ลว้ สว่ นคณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ปารสี ตง้ั อยใู่ นบรเิ วณมหาวทิ ยาลยั
ซ่งึ เรียกว่า “ชอร์บอนน”์ เชน่ เดยี วกนั แตเ่ รียกว่า ปลาสเดอปองส์เตอองส์
เพราะฉะนั้น จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั จงึ นา่ จะต้องมีคณะนิติศาสตรใ์ ห้
เป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบ ถึงแม้ว่าต้ังแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๙๔ จะ
ได้มีการจัดต้ังแผนกวิชานิติศาสตร์ข้ึนแล้ว แต่เป็นแผนกวิชาท่ีสังกัดกับ
คณะรฐั ศาสตร์ อย่างไรก็ตามแผนกวชิ านิติศาสตร์เปน็ แผนกวชิ าทอ่ี าจจะ
เรียกไดว้ ่าเปน็ แผนกวชิ าอสิ ระมาตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๔๙๔ แลว้ เพราะเหตุวา่
ปรญิ ญาทน่ี สิ ติ ไดร้ บั เปน็ ปรญิ ญานติ ศิ าสตรบณั ฑติ ไมใ่ ชป่ รญิ ญารฐั ศาสตร
บณั ฑติ นอกจากนัน้ จ�ำนวนนสิ ิตของแผนกวชิ านติ ศิ าสตรท์ ั้งภาคปกติและ
ภาคสมทบรวมกนั แลว้ มจี ำ� นวนเทา่ กนั หรอื คอ่ นขา้ งจะมจี ำ� นวนมากกวา่ นสิ ติ
ของคณะรัฐศาสตร์ซึ่งรวมกันทุกแผนกวิชาแล้ว จึงกล่าวได้ว่า แผนกวิชา
นิติศาสตร์ในคณะรัฐศาสตร์นั้น เป็นแผนกวิชาที่มีลักษณะพิเศษควรจะ
ได้มกี ารพฒั นาข้นึ เพ่อื ใหเ้ ป็นคณะนิติศาสตร์อย่างสมบูรณไ์ ดแ้ ล้ว
21
หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ
ประการท่ีสอง - ผมมีความเห็นว่า คณะวิชาที่ประสาทปริญญา
นิติศาสตร์ ซึ่งไม่ใช่ปริญญานิติศาสตรบัณฑิตอย่างเดียวเท่าน้ัน แต่ต่อไป
จะมปี รญิ ญาโทและปรญิ ญาเอก จงึ ควรจะใหค้ ณะนติ ศิ าสตรเ์ ปน็ ผปู้ ระสาท
ปริญญาดังกลา่ ว ไม่ใชค่ ณะรัฐศาสตร์
ประการทส่ี าม - นติ ศิ าสตรบณั ฑติ ทจี่ บจากจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
ต้องไปแข่งขันกับภายนอกในการประกอบอาชีพหรือรับราชการ เช่น การ
สอบแขง่ ขนั เขา้ เปน็ ผพู้ พิ ากษา อยั การ นติ กิ ร พนกั งานสอบสวน ทนายความ
หรอื ผทู้ ใี่ ชว้ ชิ าชพี กฎหมายอยา่ งอนื่ ซง่ึ ในขณะนนั้ ไดม้ คี ณะวชิ าทปี่ ระสาทวชิ า
นติ ศิ าสตรบัณฑติ อยแู่ ลว้ ได้แก่ คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามค�ำแหง (ก่อตั้ง พ.ศ. ๒๕๑๔)
เพราะฉะน้ันควรจะได้มีการพิจารณาถึงศักด์ิและสิทธ์ิแห่งปริญญาของ
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั โดยควรจะมศี กั ดแ์ิ ละสทิ ธแ์ิ หง่ ปรญิ ญาเทา่ เทยี มกบั
นติ ศิ าสตรบณั ฑติ ของมหาวทิ ยาลยั อนื่ ดงั กลา่ วแลว้ และแนน่ อนวา่ ในอนาคต
จะมมี หาวทิ ยาลยั เอกชนจดั ตง้ั คณะนติ ศิ าสตร์ เพอื่ ประสาทปรญิ ญานติ ศิ าสตร์
อีกจ�ำนวนหน่ึง จึงควรให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประสาทปริญญา
นติ ิศาสตร์ โดยคณะนิติศาสตรแ์ ทนคณะรฐั ศาสตร์
22
การด�ำเนินการจัดตั้งคณะนติ ศิ าสตร์
ผมเข้าเป็นอาจารย์ในแผนกวิชานิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามค�ำเชิญชวนของท่านศาสตราจารย์เกษม
อุทยานนิ คณบดคี ณะรฐั ศาสตร์ในขณะน้นั
โดยทา่ นมคี วามประสงคท์ จี่ ะหานกั กฎหมายทจี่ บจากตา่ งประเทศมา
เป็นอาจารย์ เพ่ือพัฒนานักกฎหมายของแผนกวิชานิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัยให้สมบูรณ์มากย่ิงข้ึน เพราะฉะน้ัน จึงได้เข้ามาเป็นอาจารย์
ในแผนกวชิ านติ ศิ าสตรข์ องจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๐๙
โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือต้องการน�ำวิชาความรู้ที่ได้รับมาจากต่างประเทศ
และเป็นประเทศที่เป็นท่ีมาของกฎหมายในประเทศไทย ได้แก่ กฎหมาย
ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้มีอิทธิพลต่อกฎหมายไทยและนักกฎหมายไทย
เปน็ อยา่ งมาก จงึ คดิ วา่ การทไ่ี ปเรยี นกฎหมายในมหาวทิ ยาลยั ปารสี เปน็ เวลา
ถงึ ๕ ปี โดยเรยี นกฎหมายหลกั ไดแ้ ก่ การเรยี นกฎหมายเอกชน (Droit Prive)
ซึง่ นอกจากหลักกฎหมายท่ัวไปแล้ว ได้เรียนกฎหมายหลักคอื กฎหมายแพ่ง
และกฎหมายพาณิชย์ กฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล อย่างน้ี
เป็นต้น จึงมีเจตนาแรงกล้าที่จะมีส่วนในการสร้างนักกฎหมายรุ่นใหม่
เพื่อรองรบั กบั ความเปล่ยี นแปลงของโลกในปจั จุบนั
เนอื่ งจากในขณะนน้ั มนี กั กฎหมายจากตา่ งประเทศเรม่ิ เขา้ มาประกอบ
อาชีพกฎหมายในประเทศไทยในรูปแบบต่างๆ เพื่อสนองการเข้ามา
ลงทุนของชาวต่างประเทศในประเทศไทย และต้องยอมรับว่า นักลงทุน
ชาวต่างประเทศเมื่อจะเข้าไปลงทุนในประเทศใด เรื่องท่ีจะต้องพึ่งพามาก
ทสี่ ดุ เป็นเรอื่ งเกีย่ วกับปญั หากฎหมายต่างๆ เช่น เรอ่ื งการลงทุน การจัดต้งั
บริษัท การจัดการบริษัท กฎหมายภาษีอากร กฎหมายท่ีดิน กฎหมาย
23
หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ
อาจารย์เกษม อทุ ยานนิ
คณบดีคณะรฐั ศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย
(พ.ศ. ๒๔๙๔ - ๒๕๑๓)
ศุลกากร กฎหมายการลงทนุ กฎหมายสงิ่ แวดล้อม กฎหมายก่อสร้าง และ
อ่ืนๆ ซึ่งนักลงทุนชาวต่างประเทศจ�ำเป็นต้องรับฟังความเห็นทางกฎหมาย
ของนักกฎหมาย แต่ในขณะนนั้ นกั กฎหมายไทยและสำ� นกั งานกฎหมายของ
คนไทยโดยทั่วไปยังไม่สามารถจะให้บริการแก่ชาวต่างประเทศได้อย่าง
เหมาะสมและมปี ระสทิ ธภิ าพ จงึ ทำ� ใหน้ กั กฎหมายชาวตา่ งประเทศไดเ้ รมิ่ เขา้
มาประกอบอาชพี กฎหมายในประเทศไทย ในรปู แบบของทปี่ รกึ ษากฎหมาย
ไม่ใช่ทนายความ ในรูปแบบของเจ้าของส�ำนักงานกฎหมาย โดยชาว
ตา่ งประเทศเปน็ ผรู้ บั การตดิ ตอ่ จากบรรดานกั ลงทนุ ชาวตา่ งประเทศแลว้ จา้ ง
24
ภาพถา่ ยเม่อื พ.ศ. ๒๕๐๙ ในชุดครุยปรญิ ญาเอก
ทางนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยปารสี (Docteur en Droit)
นกั กฎหมายไทยทพี่ อจะรภู้ าษาตา่ งประเทศเปน็ ทนายความในสำ� นกั งานของตน
ซึ่งในขณะน้ันได้มีแรงต่อต้านนักกฎหมายจากต่างประเทศในรูปแบบน้ี
เพยี งแตย่ งั ไมใ่ ชเ่ ปน็ การตอ่ ตา้ นทร่ี นุ แรง แตเ่ รมิ่ มคี วามรสู้ กึ ไมพ่ งึ พอใจตอ่ การ
เข้ามาประกอบอาชีพกฎหมายในประเทศไทย ถึงแม้ว่าชาวต่างประเทศ
จะไม่สามารถประกอบอาชีพทนายความในประเทศไทยได้ก็จริง แต่การท่ี
เป็นหัวหน้าของนักกฎหมายคนไทย เป็นเจ้าของกิจการ และเป็นผู้ด�ำเนิน
การตดิ ตอ่ กบั นกั ธรุ กจิ ชาวตา่ งประเทศกเ็ ปน็ การแยง่ การประกอบอาชพี ของ
นักกฎหมายคนไทย ขณะเดียวกันถ้าเราเพียงแต่ต่อต้านนักกฎหมายชาว
25
หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ
ตา่ งประเทศ โดยนกั ลงทนุ ชาวตา่ งประเทศกไ็ มส่ ามารถทจ่ี ะไดร้ บั บรกิ ารทาง
กฎหมายหรอื การลงทนุ จากนกั กฎหมายไทย นกั ลงทนุ เหลา่ นนั้ จะไมส่ ามารถ
เขา้ มาลงทุนในประเทศไทย เป็นการท�ำลายธรุ กิจและบรรยากาศการลงทุน
ของชาวต่างชาติที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะฉะน้ันวิธีการ
ที่จะแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาวได้แก่ การที่จะต้องมีความพยายามที่จะ
สรา้ งนกั กฎหมายไทยขน้ึ มารองรบั และใหบ้ รกิ ารแกผ่ ลู้ งทนุ ชาวตา่ งประเทศ
อย่างมีประสทิ ธิภาพได้ จรงิ อยเู่ ป็นเรอื่ งทีจ่ ะต้องใชเ้ วลาพอสมควรในการท่ี
จะสร้างนักกฎหมายคนไทยเหล่าน้ี แต่ถ้าไม่เริ่มต้ังแต่ขณะนั้นก็จะเป็นการ
สายเกนิ ไป เพราะฉะนั้น การทย่ี อมรบั เขา้ มาเป็นอาจารยก์ ฎหมาย จึงเปน็
เหตผุ ลอกี ประการหนงึ่ ทตี่ อ้ งการพฒั นานกั กฎหมายไทยใหม้ คี วามทนั สมยั
เป็นสากลขนึ้
26
การพฒั นาการเรยี นการสอน
ขณะนั้นเป็นที่ยอมรับกันว่า การเรียนการสอนวิชานิติศาสตร์ของ
คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรไ์ ดย้ ดึ ถอื แนวทางดงั้ เดมิ ทใ่ี ชก้ นั มา
ตง้ั แตม่ กี ารจดั ตง้ั คณะนติ ศิ าสตรข์ นึ้ โดยไดใ้ หค้ วามสำ� คญั แกก่ ฎหมายหลกั ๔
เลม่ ได้แก่ กฎหมายแพ่งและพาณิชย ์ กฎหมายอาญา กฎหมายวิธีพจิ ารณา
ความแพง่ และกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา
นอกนนั้ ก็มีการศกึ ษากฎหมายประกอบอื่นๆ เช่น กฎหมายลกั ษณะ
พยาน ธรรมนูญศาลยุติธรรม กฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายที่ดิน
กฎหมายภาษอี ากร ซงึ่ กฎหมายภาษอี ากรกม็ กี ารเรยี นการสอนกนั นอ้ ยมาก
นอกจากนน้ั การเรยี นการสอนจะยดึ แนวอธบิ ายหลกั กฎหมาย ประกอบดว้ ย
27
หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ
แนวค�ำพิพากษาศาลฎีกาเป็นหลัก โดยผู้สอนได้อธิบายหลักกฎหมายโดย
อาศยั คำ� พพิ ากษาศาลฎกี ามารองรบั ซง่ึ ทำ� ใหก้ ารเรยี นการสอนวชิ ากฎหมาย
มีความคับแคบ การเขียนต�ำราหรือค�ำสอนในวิชากฎหมายเป็นการน�ำเอา
ค�ำพิพากษาศาลฎีกามาวางเป็นแนวทางในการวนิ ิจฉัย ซง่ึ เรียกว่าการวางธง
ซ่ึงมีผลไปถึงการสอบกฎหมาย แทนท่ีการวัดผลจะวัดความรู้ในหลัก
กฎหมาย แตเ่ ปน็ การวดั ผลวา่ คำ� ตอบกฎหมายทไ่ี ดต้ อบมานน้ั ตรงกบั แนวทางท่ี
คณะผอู้ อกสอบหรอื กรรมการสอบไดว้ นิ จิ ฉยั ไวว้ า่ เปน็ ค�ำตอบทถี่ กู ตอ้ งหรอื ไม่
ซึ่งภาษาโดยท่ัวไปเรียกว่าตรงกับธงค�ำตอบท่ีผู้สอนหรือคณะผู้ออกข้อสอบ
ไดว้ างไวห้ รอื ไม่ และการเรยี นการสอนแบบนยี้ งั ขยายผลไปถงึ การเรยี นการสอน
ในส�ำนกั อบรมและศึกษากฎหมายแห่งเนติบณั ฑติ ยสภาด้วย ซึ่งในหลักการ
ของสากลแล้วการเรียนการสอนในคณะนิติศาสตร์เป็นการเรียนการสอน
โดยใหม้ คี วามรใู้ นเรอ่ื งตวั บทกฎหมาย หลกั กฎหมาย ปรชั ญากฎหมาย เพอื่ เปน็
นกั นติ ศิ าสตร์ แตก่ ารเรยี นการสอนในสำ� นกั อบรมนกั ศกึ ษากฎหมายเปน็ การ
เรยี นการสอนในภาคปฏบิ ตั เิ พอื่ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถทจ่ี ะออกไปประกอบอาชพี
กฎหมายได้ เพราะฉะน้ันการเรียนการสอนจึงไมน่ า่ จะเหมอื นกนั แตเ่ หตุผล
ที่การเรียนการสอนใช้แนวทางดังกล่าว เพราะอาจารย์ผู้สอนเกือบท้ังหมด
28
เป็นผู้พิพากษาเป็นส่วนใหญ่ จะมีอัยการบ้างก็เป็นส่วนน้อย นอกจากนั้น
ก็อาจจะมีนักกฎหมายจากหน่วยงานอื่นบ้าง อาจารย์ผู้สอนเกือบท้ังหมด
ไม่เคยได้รับการศึกษาวิชากฎหมายจากต่างประเทศจึงท�ำการสอนตาม
แนวทางด้ังเดิม คือการศึกษาตัวบทประกอบกับค�ำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว
เอาถ้อยค�ำในตัวบทมาตีความหมายหรือแปลความหมายตามความเห็นของ
ตนเอง ประกอบกับอาศัยแนวทางค�ำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งก็คืออาศัยการ
แปลความกฎหมายในบางประโยคบางวรรคหรือบางถ้อยค�ำโดยไม่เข้าใจ
หรือไม่รู้ซ้ึงถึงท่ีมาของหลักกฎหมายของแต่ละมาตรา แต่ละส่วนท่ีบัญญัติ
ไว้ในตัวบทกฎหมาย ท�ำให้การเรียนการสอนวิชากฎหมายไม่มีประสิทธิผล
อย่างสมบรู ณ์
การพัฒนาต�ำรากฎหมาย
ต�ำรากฎหมายมีน้อยมาก เพราะอาจารย์ผู้สอนกฎหมายส่วนใหญ่
หรือเกือบท้ังหมดเป็นอาจารย์พิเศษท่ีมีงานประจ�ำมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะ
อาจารยพ์ ิเศษทมี่ หาวทิ ยาลยั จัดเชิญมาสอน ก็เป็นอาจารย์ท่เี ปน็ ผใู้ หญ่หรือ
อาวโุ สพอสมควร ซ่ึงทา่ นเหลา่ น้ีตา่ งก็มงี านประจ�ำหรืองานพเิ ศษมากยิ่งขน้ึ
ตามต�ำแหน่งหน้าที่ เพราะฉะน้ันจึงหาเวลาท่ีเขียนค�ำสอน หรือเขียนต�ำรา
กฎหมายเพ่ือประกอบค�ำสอนได้น้อยมาก ส่วนผู้ที่มีความขยันในการเขียน
ต�ำราหรือค�ำสอนกฎหมาย ก็เป็นการเขียนในลักษณะที่เขียนค�ำอธิบาย
ตามความเข้าใจของตนเอง โดยไม่ได้ศึกษาถึงท่ีมาหรือหลักกฎหมายที่เป็น
ทยี่ อมรบั นบั ถอื กนั ทวั่ ไป และนำ� เอาคำ� พพิ ากษาศาลฎกี าทตี่ รงหรอื เกยี่ วขอ้ ง
มาใส่ไว้ในค�ำอธิบายนั้น และในการวัดผลหรือในการสอบ ถ้าผู้สอบตอบ
ไม่ตรงกับแนวทางที่ศาลฎีกาวางไว้ก็ถือว่าผิด ถึงแม้ว่าจะมีเหตุผลเพียงใด
ก็ตาม ซึ่งอันน้ีเป็นเรื่องท่ีน่าเสียดายและน่าท่ีจะต้องมีการแก้ไขอย่างย่ิง
โดยทกี่ ารนำ� คำ� พพิ ากษาศาลฎกี ามาเปน็ หลกั ในการวนิ จิ ฉยั ปญั หาขอ้ สอบนนั้
นา่ จะไมถ่ กู ตอ้ ง เพราะความสามารถของผสู้ อบวชิ ากฎหมายควรจะวดั ผลหรอื
29
หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ
วินิจฉัยจากความรู้ความเข้าใจของผู้สอบที่มีความเข้าใจในตัวบทกฎหมาย
อย่างลึกซ้ึงเพียงใด การยกตัวอย่างเพียงไม่กี่บรรทัดมาตั้งเป็นค�ำถามแล้ว
ให้ผู้สอบวินิจฉัยว่าผลที่ออกมาจะเป็นสีขาวหรือสีด�ำ ถ้าธงค�ำตอบต้ังไว้ว่า
จะต้องออกมาเป็นสีขาว ผู้ที่ตอบมาเป็นสีด�ำก็สอบตก ซ่ึงเป็นเรื่องที่น่าจะ
ขดั กับความเปน็ จรงิ อย่างยิ่ง เพราะในการพิจารณาคดีแต่ละคดีจะเห็นไดว้ ่า
แต่ละคดจี ะมคี ณะผู้พพิ ากษาเกินกว่าหนงึ่ คน ทเี่ รยี กวา่ เปน็ องค์คณะ มีการ
ให้ทนายความทั้งสองฝ่ายน�ำพยานเข้าสืบ ถึงกระนั้นก็ตาม ค�ำวินิจฉัยหรือ
ค�ำพิพากษาของผู้พิพากษาทั้ง ๆ ท่ีได้รับฟังค�ำพยานหลักฐานจากคู่ความ
ทง้ั สองฝา่ ยโดยละเอยี ดเปน็ รอ้ ย ๆ หนา้ กย็ งั ไมถ่ งึ ขนาดทมี่ คี วามเหน็ ตรงกนั
หมดทุกเรื่องทกุ ประเด็น แตใ่ นคำ� ตอบของวิชากฎหมายของประเทศไทยยัง
ยึดถือแนวทางดง้ั เดิมดังกล่าวแลว้
พฒั นาการวดั ผลสอบ เพอื่ ต้องการทีจ่ ะพฒั นาแนวทางการเรยี น
การสอนวชิ ากฎหมาย ในคณะนติ ิศาสตรเ์ สียใหม่
ซึ่งเม่ือได้จัดต้ังคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขึ้นแล้ว
ก็ได้วางแนวทางให้กับบรรดาอาจารย์ผู้สอนว่า ขอให้พิจารณาความรู้ความ
สามารถและความเขา้ ใจในตัวบทกฎหมายเป็นหลกั ส�ำหรับตวั อยา่ งทีย่ กข้นึ
ให้วินิจฉัยนั้น ถ้าผู้สอบได้แสดงความรู้ความสามารถและความเข้าใจอย่าง
ถูกต้องในตัวบทกฎหมายที่ใช้เป็นหลักในการวินิจฉัยแล้ว ค�ำตอบที่วินิจฉัย
ตามตัวอย่างที่ยกมาน้ัน อาจจะเป็นค�ำตอบที่เป็นสีขาวก็ได้ เป็นสีด�ำก็ได้
โดยใหพ้ จิ ารณาวา่ การทผ่ี สู้ อบไดต้ อบคำ� ถามโดยไดว้ นิ จิ ฉยั วา่ คำ� ตอบควรจะ
เปน็ สขี าวหรอื สดี ำ� นน้ั มเี หตผุ ลในหลกั กฎหมายใดมารองรบั หรอื ไม่ โดยไมต่ อ้ ง
ค�ำนึงถึงว่าธงค�ำตอบจะเป็นสีขาวหรือสีด�ำ ซ่ึงเป็นท่ีน่ายินดีที่การริเริ่มและ
ความพยายามดังกล่าวแล้วถึงแม้จะต้องใช้เวลามากเพ่ือจะเปล่ียนแปลง
แนวคิดของบรรดาอาจารย์ผู้สอนแบบเก่า ปรากฏว่าได้เริ่มมีการยอมรับ
แนวทางนี้อย่างน้อยท่ีสุดในคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เม่ือ
30
๔๐ ปที แี่ ลว้ แลว้ กไ็ ดพ้ ฒั นามาเปน็ แนวทางของการวนิ จิ ฉยั คำ� ตอบของผสู้ อน
ในปจั จบุ นั ในมหาวทิ ยาลยั หรอื ในสำ� นกั ศกึ ษาทม่ี กี ารสอนวชิ ากฎหมายตา่ งๆ
ประการต่อไปได้พิจารณาถึงการศึกษาวิชากฎหมายในประเทศไทย
การศึกษาวิชากฎหมายได้เปิดสอนในช้ันปริญญาโทและในชั้นปริญญาเอก
ท่ีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเวลานานแล้ว แต่โดยท่ัวไปการศึกษาใน
ระดับปริญญาเอกเกือบจะไม่มีเลย และท่ีเคยมผี ไู้ ด้รับปรญิ ญาเอกของคณะ
นติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ กเ็ ปน็ ผไู้ ดร้ บั ปรญิ ญาหลงั พ.ศ. ๒๕๑๐
แมผ้ ู้ทเ่ี ข้าเรยี นปริญญาโทในคณะนติ ิศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มี
การลงทะเบียนเรียนพอสมควร แต่จ�ำนวนผู้ท่ีส�ำเร็จการศึกษาปริญญาโท
มีนอ้ ยมาก บางปไี ม่มผี ้สู ำ� เรจ็ การศึกษาเลย บางปีมีแค่ ๑ หรือ ๒ คน โดยที่
ไมม่ หี ลกั เกณฑห์ รอื มาตรฐานทเ่ี ปน็ สากลในการวนิ จิ ฉยั คำ� ตอบของนกั ศกึ ษา
และผู้สอนท่ีมีความภาคภูมิใจผิด ๆ ท่ีสามารถคุยได้ว่าหลักสูตรปริญญาโท
ของมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรเ์ ป็นหลกั สตู รที่มีมาตรฐานสงู จนถงึ บางปไี ม่มี
ผสู้ อบได้เลย ถึงแมจ้ ะมผี เู้ รียนพอสมควรก็ตาม ซ่งึ เป็นการเขา้ ใจทผ่ี ิดพลาด
ดว้ ยเหตนุ ้ี จงึ ทำ� ใหก้ ารเรยี นการสอนวชิ านติ ศิ าสตรใ์ นชน้ั ปรญิ ญาโท นอกจาก
ไม่มีต�ำราเรียนหรือเป็นต�ำราท่ีจัดท�ำข้ึนโดยไม่ใช่ต�ำรามาตรฐานและยังเน้น
หลักเฉพาะกฎหมาย ๔ เล่ม ซึ่งเป็นกฎหมายหลักดังกล่าวแล้ว แต่ยัง
ไม่ขยายรวมไปถึงกฎหมายเปรียบเทียบ กฎหมายมหาชน กฎหมายธุรกิจ
และกฎหมายอน่ื ๆ เพอ่ื รองรบั กบั ความเปลยี่ นแปลงกา้ วหนา้ ของโลกในปจั จบุ นั
เผยแพรค่ วามร้ทู างกฎหมายสู่ประชาชน
ในฐานะที่เป็นอาจารย์กฎหมาย เมื่อประเทศมีหลักการว่าบุคคล
ทกุ คนตอ้ งรกู้ ฎหมาย บคุ คลใดจะปฏเิ สธความรบั ผดิ โดยอา้ งวา่ ไมร่ กู้ ฎหมาย
ไม่ได้ แต่ในข้อเท็จจริงการที่จะสมมุติให้ประชาชนท่ัวไปมีความรู้กฎหมาย
นน้ั เป็นเรื่องทเ่ี ปน็ ไปไม่ได้ เพราะถา้ จะให้ประชาชนมคี วามรู้ทางกฎหมาย
31
หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ
จะต้องมีการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายไปสู่ประชาชน ผู้ที่จะเผยแพร่ได้
นา่ จะไดแ้ ก่อาจารย์นกั ศกึ ษาผมู้ อี ดุ มการณ์ในการทจี่ ะทำ� ประโยชนใ์ หก้ บั สงั คม
แตเ่ มอ่ื อาจารยผ์ สู้ อนในคณะนติ ศิ าสตร์ แมแ้ ตก่ ระทงั่ ในแผนกวชิ านติ ศิ าสตร์
ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์พิเศษ เป็นข้าราชการ
ศาล อยั การ หรอื ประกอบอาชพี อน่ื อยแู่ ลว้ จงึ ไมม่ เี วลาทจ่ี ะมสี ว่ นรว่ มในการ
ให้ความรู้หรือการเผยแพร่กฎหมายไปสู่ประชาชนและไม่สามารถท่ีจะ
จัดรวบรวมนิสิตนักศึกษาให้ด�ำเนินการเผยแพร่กฎหมายไปสู่ประชาชนได้
ซง่ึ สาเหตนุ ก้ี เ็ ปน็ อกี สาเหตหุ นงึ่ ซง่ึ เหน็ วา่ นสิ ติ นกั ศกึ ษาควรจะมสี ว่ นรว่ มอยา่ ง
สำ� คัญในการใหค้ วามรู้ทางกฎหมายและเผยแพรก่ ฎหมายไปสู่ประชาชน
จงึ ไดเ้ รม่ิ แนวทางในการทจ่ี ะใหน้ สิ ติ ไดม้ สี ว่ นรว่ มในการเผยแพรก่ ฎหมาย
ไปสปู่ ระชาชนต้งั แตเ่ ม่ือเริ่มเข้ามาเปน็ อาจารยก์ ฎหมาย
ประการต่อไปต้องการให้มีการผลิตต�ำรา ค�ำบรรยาย ข้อเขียน
บทความกฎหมาย ซึ่งในขณะนั้นยังมีน้อยมาก เพราะขาดผู้น�ำและขาดผู้ที่
ด�ำเนนิ การในทางด้านนี้
สร้างจำ� นวนอาจารย์ประจ�ำ
สนับสนุนส่งเสริมนักศึกษาที่มีแวว “ท่ีจะเป็นนักกฎหมายที่ดีให้ได้
รับการศึกษาที่สูงข้ึนเพ่ือรับใช้ประเทศชาติในอนาคต” โดยเฉพาะจะ
ตอ้ งสรา้ งอาจารยป์ ระจำ� ทม่ี แี ววทจ่ี ะเปน็ นกั กฎหมายทจี่ ะเปน็ อาจารยท์ ดี่ ไี ด้
โดยถอื หลกั วา่ เมอื่ ครดู ี ลกู ศษิ ยก์ ็ควรจะดไี ปดว้ ย
และข้างต้นนี้คือปณิธานท่ีจะปฏิรูปแนวทางการเรียนการสอน
วิชานิติศาสตร์ โดยการจัดตั้งคณะนิติศาสตร์เพ่ือพัฒนานักนิติศาสตร์ใน
อนาคตใหเ้ ปน็ ผูท้ ่มี คี วามเข้าใจในหลักกฎหมาย มคี วามรูค้ วามสามารถและ
ใช้กฎหมายให้เป็นประโยชน์ เพื่อรับใช้ประเทศชาติและรับใช้สังคมอย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ
32
วันรพี
กิจกรรมเพอื่ ร�ำลึกถงึ พระคุณของ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพพี ฒั นศกั ด์ิ
กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์
“พระบิดาแห่งกฎหมายไทย”
พระเจา้ บรมวงศ์เธอ พระองคเ์ จา้ รพพี ัฒนศักด์ิ
กรมหลวงราชบุรีดเิ รกฤทธ์ิ
การดำ� เนนิ การตามขน้ั ตอนในการจดั ตั้งคณะนติ ศิ าสตร์
จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
การเผยแพรช่ ่ือเสียงและเกียรตแิ หง่ ปรญิ ญานติ ิศาสตร์
เปน็ ท่ยี อมรับวา่ เม่ือปี ๒๕๐๙ ซึ่งเปน็ ปที เี่ รมิ่ เปน็ อาจารย์ในแผนกวิชา
นิตศิ าสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย นั้น นติ ศิ าสตรบณั ฑิต
จากคณะรัฐศาสตร์ยังไม่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป เพราะเข้าใจว่าผู้ที่จบกฎหมาย
จากคณะรัฐศาสตร์ก็คือผู้ที่ได้รับปริญญารัฐศาสตรบัณฑิต เพราะฉะนั้น
การเผยแพร่ช่ือเสียงแผนกวิชานิติศาสตร์รวมท้ังเผยแพร่เกียรติแห่ง
ปริญญานิติศาสตรบัณฑิตของแผนกวิชานิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย ให้เริ่มเป็นที่รู้จักของสังคมภายนอกจึงเป็นความส�ำคัญ
อย่างยิ่งต่อการเร่ิมต้นดังกล่าว จึงได้เริ่มด�ำเนินการตามแนวทางที่ให้
สังคมภายนอกได้รู้จักนิติศาสตรบัณฑิตหรือนิติศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย ด้วยการให้นิสิตเข้ามามีส่วนร่วมในการท�ำกิจกรรมต่างๆ
ในการเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณ เช่น ได้ให้มีการจัดงานวันรพีข้ึนใน
วนั ที่ ๗ สงิ หาคมของทุกปี เพ่ือระลึกถงึ พระคณุ ของพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ “พระบิดาแห่ง
กฎหมายไทย”
35
หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ
การจดั กิจกรรมในวันรพี
ของแผนกวชิ านิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
วันรพี ๗ สงิ หาคม ๒๕๑๐ มีการจดั งานวันรพี กจิ กรรมในวนั นัน้ ได้แก่ การอภปิ ราย
โดยผูอ้ าวโุ สทม่ี ีช่ือเสยี ง ไดแ้ ก่ ม.ร.ว.คกึ ฤทธ์ิ ปราโมช, คณุ หญิงแร่ม พรหโมบล
บุณยประสพ (เนตบิ ัณฑิตหญิงคนแรก), แพทย์หญงิ คุณเพยี ร เวชบุล,
ศาสตราจารย์จติ ติ ติงศภทั ยิ ์ โดยมี ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ เป็นผดู้ ำ� เนนิ การอภปิ ราย
36
นสิ ติ แผนกวชิ านติ ศิ าสตร์ คณะรฐั ศาสตร์ นำ� โดย ศาสตราจารย์ ดร.ประยรู กาญจนดุล
หวั หน้าแผนกวิชานติ ิศาสตร์, อาจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน, อาจารย์ดำ� รง ธรรมารักษ์
วางพวงมาลาหน้าพระรปู กรมหลวงราชบรุ ีฯ ในวนั รพีท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๑๑
ในภาพ นิสติ แตง่ เคร่อื งแบบนง่ั คุกเข่าเตรียมถวายบังคมอย่างสวยงามเรยี บร้อย
37
หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ
38
39
หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ
40
41
หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน
"งานวันรพ"ี
ทจี่ ัดขึ้นเปน็ ครงั้ แรกโดยคณะนิตศิ าสตร์
จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั พ.ศ. ๒๕๑๕
งาน “วันรพี” เพอื่ จดั หาเงินทุนน�ำขึ้นทูลเกลา้ ฯ ถวายพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว
ท่โี รงแรมเชอราตนั พ.ศ. ๒๕๑๕ ผู้ร่วมงาน อาทิ ศาสตราจารย์ ดร.ประยูร กาญจนดลุ
และภรยิ า, ศาสตราจารย์ ดร.ประกอบ หุตะสงิ ห,์ ศาสตราจารย์ ม.ร.ว.เสนีย์
ปราโมช, อาจารยส์ รรเสรญิ ไกรจติ ติ, อาจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน เปน็ ต้น
42
ศาสตราจารย์ ม.ร.ว.เสนยี ์ ปราโมช ใหเ้ กยี รติข้นึ ขบั รอ้ งเพลงเนอื่ งในงาน “วนั รพี”
43
หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน
การลีลาศในงาน “วนั รพ”ี โดยบรรดาบคุ คลส�ำคัญในวงการกฎหมายทมี่ ารว่ มงาน
อาทิ ดร.ประกอบ หุตะสิงห,์ อาจารย์สรรเสริญ ไกรจติ ติ เปน็ ต้น
44
นำ� นสิ ติ เขา้ เฝา้ ฯ
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั
ทลู เกลา้ ทูลกระหม่อมถวายเงินจากการจัดงานวนั รพี
หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ
๑๓ มนี าคม ๒๕๑๑
นอกจากจะเป็นการเผยแพร่ชอื่ เสียงเกยี รติคณุ ของนิสิตนิตศิ าสตรแ์ ล้ว
ดร.อุกฤษ มงคลนาวนิ ยงั ได้นำ� คณะนสิ ิตเขา้ เฝา้ ฯ ทูลเกลา้ ฯ ถวายเงนิ
แด่พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวทุกปเี ปน็ เวลาหลายปี จนทรงรู้จกั นสิ ิตนติ ิศาสตร์ จุฬาฯ
ในวาระมหามงคลนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวพระราชทานพระราชด�ำรัส
ซึ่งมสี าระสำ� คัญมากมาย โดยเฉพาะพระราชทานแนวทางแกผ่ ูร้ บั ผดิ ชอบ
ในวงการตา่ ง ๆ ให้ค�ำนงึ ถึงความเป็นจริงและความยุตธิ รรม
ในการออกกฎหมายมาใช้บงั คับแกป่ ระชาชน
46
๒๑ มีนาคม ๒๕๑๒
47
หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ
เมือ่ วนั ท่ี ๔ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๑๔ เวลา ๑๐.๐๐ น. ดร.อกุ ฤษ อาจารย์ที่ปรกึ ษานสิ ติ
แผนกวชิ านติ ศิ าสตร์ คณะรฐั ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น�ำคณะกรรมการ
จัดงาน "วนั รพ"ี และนสิ ิตจำ� นวน ๖๕ คนเข้าเฝ้าฯ
ทลู เกล้าฯ ถวายเงนิ รายไดจ้ ากการจำ� หนา่ ยหนงั สือกฎหมาย
โดยเสดจ็ พระราชกุศลสมทบทุนอานนั ทมหิดล
(ภาพพระราชทาน)
*ภาพนจ้ี ากหนังสอื สยามรฐั วันศุกร์ที่ ๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๑๔
48
บุคคลในภาพบางคนส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากอาจารย์วงษ์ วีระพงษ์
อดีตผ้พู พิ ากษาหวั หน้าคณะในศาลฎกี า และเปน็ ผู้หน่งึ ท่ีรว่ มเขียนเรอื่ งลงใน “หนงั สอื
ปญั หากฎหมายสำ� หรบั ประชาชน” (ใสช่ ดุ สากล คนทส่ี จี่ ากซา้ ย - ปจั จบุ นั ถงึ แกก่ รรมแลว้ )
อาจารย์ท่ีใส่ชุดสากลคนแรก (ริมซ้ายสุดในภาพ) ได้แก่ อาจารย์เทียมใจ สุรพัฒน์
อาจารย์รัฐศาสตรผ์ ู้สนับสนุนงานของแผนกนติ ศิ าสตร์อยา่ งดยี ่งิ อาจารย์ทใี่ สช่ ดุ สากล
คนท่ีสองได้แก่ อาจารย์รุ่งฤทธิ์ ศยามานนท์ อาจารย์รัฐศาสตร์ ผู้ได้รับแต่งตั้งจาก
มหาวทิ ยาลยั เปน็ ผชู้ ว่ ยผจู้ ดั การสำ� นกั งานผลประโยชน์ จฬุ าฯ คนตอ่ ไป ไดแ้ ก่ อาจารย์
ด�ำรหิ ์ บรู ณะนนท์ ตอ่ มามีบทบาทสำ� คัญในคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย
โดยมีความก้าวหน้าเป็นถึงรองศาสตราจารย์ และเป็นเลขานุการคณะนิติศาสตร์
รุ่นบกุ เบิก ส่วนนิสติ ในภาพหลายคนประสบความสำ� เร็จในหนา้ ทกี่ ารงานระดบั สงู ใน
หน่วยงานตา่ ง ๆ
49