The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลากหลายแนวคิด
อุกฤษ มงคลนาวิน
เล่ม 3
กำเนิดคณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by พีระยา นาวิน, 2020-06-30 01:13:44

หลากหลายแนวคิด เล่ม 3

หลากหลายแนวคิด
อุกฤษ มงคลนาวิน
เล่ม 3
กำเนิดคณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

150

ภาพตึก ๑ (ตกึ ๔ ชัน้ ) และ ตกึ ๒ (ตกึ ๕ ชัน้ ) ปัจจบุ ันถกู ร้อื ไปแลว้

151

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

152

การสรา้ งอาจารยป์ ระจำ� ขึน้ ในคณะนติ ิศาสตร์

เร่ืองนี้เป็นความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของผมท่ีเห็นว่าคณะนิติศาสตร์
จะสมบูรณ์แบบ สามารถให้การศึกษาแก่นิสิตได้ รวมทั้งสามารถที่จะเป็น
พเี่ ลยี้ งใหน้ สิ ติ อยา่ งใกลช้ ดิ ตลอดไปจนถงึ การจดั สรา้ งต�ำราเรยี นจะตอ้ งสรา้ ง
อาจารยป์ ระจำ� ขน้ึ มาใหไ้ ด้ เปน็ ท่ีเข้าใจวา่ การจดั สร้างอาจารย์ประจำ� คณะ
นติ ศิ าสตรเ์ ปน็ เรอื่ งทก่ี ระทำ� ไดย้ าก เพราะฉะนน้ั คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั
ธรรมศาสตรใ์ นขณะนนั้ จงึ เกอื บไมม่ อี าจารยป์ ระจำ� เลย มแี ตอ่ าจารยป์ ระจำ�
พิเศษ ที่ว่าอาจารย์ประจ�ำพิเศษก็คือได้จ้างอาจารย์ประจ�ำชั้นผู้ใหญ่
ทเ่ี กษยี ณอายรุ าชการมาแลว้ เชน่ จากศาล หรอื กฤษฎกี า หรอื กระทรวงการ
ตา่ งประเทศ มาทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ อาจารยป์ ระจำ� พเิ ศษคอื เปน็ อาจารยป์ ระจำ� ทมี่ ี
ลักษณะรับเงินค่าจ้างเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยเงินเดือนของข้าราชการ
ช้ันพิเศษเริ่มจากประมาณ ๔,๓๐๐ บาท อาจารย์ประจ�ำพิเศษในคณะ
นิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ทั้งหมด ผมเชื่อว่าท่านไม่ได้หวังจะหารายได้
แตเ่ ปน็ เพราะทา่ นตอ้ งการทจี่ ะชว่ ยเหลอื และเผยแพรว่ ทิ ยาการของทา่ น และ
อาจารยผ์ ทู้ อ่ี ทุ ศิ ตนใหแ้ กค่ ณะนติ ศิ าสตร์ เชน่ ศาสตราจารย์ ดร.จดี๊ เศรษฐบตุ ร
ศาสตราจารย์ ดร.หยดุ แสงอุทยั และศาสตราจารยจ์ ติ ติ ตงิ ศภทั ยิ ์ เปน็ ตน้
แตแ่ นวความคดิ ของผมเปน็ อกี แนวทางหนง่ึ ผมเชอื่ วา่ อาจารยผ์ ใู้ หญ่
ทุกท่านท่ีเกษียณอายุไปแล้ว ถ้าทางคณะนิติศาสตร์ทุกแห่งมีความเคารพ
นับถือและเชื่อถือในคุณวุฒิในคุณสมบัติของท่าน ไปเรียนเชิญท่านมาเป็น
อาจารยพ์ เิ ศษโดยไมต่ อ้ งเปน็ อาจารยป์ ระจำ� แตเ่ รยี นเชญิ ใหส้ อนวชิ าใดวชิ าหนง่ึ
หรือหลายวิชาตามแต่ที่ท่านถนัดหรือตามแต่ที่ทางคณะเห็นสมควร
ทุกท่านคงยินดีและท่านจะได้มีเวลาพักผ่อนเม่ือเกษียณอายุราชการแล้ว
เพราะฉะนนั้ แนวทางของคณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ซงึ่ ผมได้
วางไวจ้ งึ ไมม่ กี ารจา้ งผทู้ เี่ กษยี ณอายรุ าชการแลว้ มาเปน็ อาจารยป์ ระจำ� แตเ่ ชญิ
อาจารย์ชน้ั ผูใ้ หญ่จากหนว่ ยงานตา่ งๆ เช่น ศาล อัยการ และหน่วยงาน

153

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

อนื่ ผเู้ ปน็ ทย่ี อมรบั มาเปน็ อาจารยพ์ เิ ศษใหค้ ณะนติ ศิ าสตร์ ซง่ึ กไ็ ดร้ บั ความ
รว่ มมอื อยา่ งดยี ง่ิ สว่ นอาจารยป์ ระจำ� นนั้ ผมไดว้ างหลกั เกณฑใ์ นการคดั เลอื ก
โดยผมได้พิจารณานิสิตในคณะนิติศาสตร์ท่ีมีหลักเกณฑ์ตามท่ีก�ำหนด
ไว้คือ มีการเรียนดี ได้รับปริญญานิติศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยม และ
ในขณะเปน็ นสิ ิตไดผ้ า่ นการทำ� กิจกรรมทเ่ี ป็นประโยชนแ์ ก่สงั คม แกค่ ณะ
และแกม่ หาวทิ ยาลยั จะไดร้ บั การคดั เลอื กเปน็ อนั ดบั ตน้ และกไ็ ดด้ ำ� เนนิ ตาม
แนวทางนจ้ี นกระทงั่ ไดส้ รา้ งอาจารยป์ ระจำ� ขน้ึ ไดจ้ ำ� นวนหนงึ่ สงิ่ ทเ่ี ปน็ ปญั หา
ก็คือ จะมีอาจารย์ท่ีจบนิติศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมและได้จบเนติบัณฑิต
ด้วยสามารถไปสอบแข่งขันเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาและผู้ช่วยอัยการได้
เมอ่ื เปน็ ผชู้ ว่ ยผพู้ พิ ากษาหรอื เปน็ อยั การผชู้ ว่ ยจะไดร้ บั เงนิ เดอื นสงู ในขณะนนั้
ขา้ ราชการยงั มกี ารแบง่ ชนั้ เปน็ ขา้ ราชการชนั้ ตรี ชน้ั โท ชนั้ เอก และชนั้ พเิ ศษ
ผทู้ ไี่ ดร้ บั ปรญิ ญานติ ศิ าสตรบณั ฑติ เกยี รตนิ ยิ มและเนตบิ ณั ฑติ เมอื่ เขา้ มาเปน็
อาจารย์ในคณะนิติศาสตร์ก็จะได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์ชั้นตรี แล้วจึง
คอ่ ย ๆ เลอื่ นขนึ้ ไปเปน็ ชน้ั โท ชน้ั เอก ตอ้ งใชเ้ วลานานกวา่ จะไดเ้ ปน็ ขา้ ราชการ
ชัน้ เอก แต่ผู้ที่จบนิติศาสตรบัณฑิตโดยท่ไี มไ่ ด้เกยี รตินยิ มและได้เนตบิ ณั ฑิต
ไปสอบแขง่ ขนั เขา้ เปน็ ผชู้ ว่ ยผพู้ พิ ากษาหรอื ผชู้ ว่ ยอยั การไดร้ บั เงนิ เดอื นขน้ั ตน้
เกอื บๆ จะถงึ ชนั้ เอก และเมอื่ ผา่ นการเปน็ ผชู้ ว่ ยผพู้ พิ ากษาหรอื ผชู้ ว่ ยอยั การ
เพียง ๑ ปี ไดร้ บั การโปรดเกล้าฯ ใหเ้ ป็นผพู้ พิ ากษา จะไดร้ ับเงนิ เดือนเท่ากับ
เงินเดือนข้ันต้นของข้าราชการช้ันเอก หลังจากนั้นก็ใช้วิธีโอนไปอยู่ท่ีคณะ
นิติศาสตร์หรือคณะรัฐศาสตร์ โดยได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือน
มหาวทิ ยาลัยชั้นเอก ในขณะทเ่ี พ่ือนร่วมรุ่นยงั เป็นข้าราชการพลเรือนช้นั ตรี
ทั้งท่ีความรู้เท่าเทียมกัน ซ่ึงวิธีการน้ีผมเห็นว่าเป็นการกระท�ำที่ไม่ถูกต้อง
และไมย่ ตุ ธิ รรม กรณีเช่นนี้ไดเ้ กิดข้นึ แล้วกับอาจารย์แผนกวชิ านิติศาสตร์ใน
คณะรัฐศาสตร์ โดยอาจารย์อนุมัติ ใจสมุทร เป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์
รนุ่ เดยี วกบั ผม ตลอดเวลาเปน็ ผู้ที่ขยันขันแขง็ เขา้ ฟงั การบรรยายทกุ ชัว่ โมง
และน�ำค�ำบรรยายมาลอกลงสมุดเป็นค�ำบรรยายท่ีสมบูรณ์ แต่ไม่เคยท�ำ

154

กจิ กรรมทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ กค่ ณะหรอื แกม่ หาวทิ ยาลยั แตอ่ ยา่ งใด ตลอดเวลา
เรยี นในขณะนน้ั มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรย์ งั เปน็ มหาวทิ ยาลยั เปดิ เชน่ เดยี ว
กับมหาวิทยาลัยรามคำ� แหงในปัจจบุ ัน ในปี ๒๔๙๘ มีผู้สมคั รเขา้ เรยี นเปน็
นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๑,๔๐๐ กว่าคนตาม
ทะเบียน ปรากฏว่าในรุ่นเดียวกันนี้ที่จบการศึกษาเป็นนิติศาสตรบัณฑิต
โดยไมม่ ผี ใู้ ดไดเ้ กยี รตนิ ยิ มเลยจำ� นวน ๑๘ คน ใน ๑,๔๐๐ กวา่ คน นอกนนั้ จบ
ภายใน ๕ - ๖ ปี รวมทง้ั เกนิ กวา่ นก้ี ม็ ี และทไี่ ดอ้ อกไปโดยทไ่ี มจ่ บกม็ ี ในจำ� นวน
๑๘ คน ทีจ่ บการศึกษา ๔ ปี มอี าจารยอ์ นุมัตแิ ละมผี ม ซ่ึงเป็น ๒ คนใน ๑๘
คน ในขณะที่เป็นนักศึกษาผมได้รับเลือกจากบรรดาเพื่อนนักศึกษาให้เป็น
หัวหนา้ นกั ศกึ ษาในช้นั ปีท่ี ๑ และ ๒ เมอ่ื อย่ชู ้ันปที ่ี ๔ ได้รับการเลอื กตง้ั ให้
เป็นหวั หนา้ นกั ศึกษาคณะนติ ิศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ และขณะที่
เปน็ หวั หนา้ นกั ศกึ ษา เนอื่ งจากต�ำราเรยี นมีน้อยหรอื เกือบไมม่ ีเลย อาจารย์
ผู้บรรยายก็มาบรรยายไม่สม�่ำเสมอ ผมในฐานะท่ีเป็นหัวหน้าท่ีเป็นผู้แทน
ของนักศึกษาได้จัดต้ังกลุ่มเพ่ือนๆ ขึ้นมากลุ่มหน่ึงจัดท�ำค�ำบรรยายใน
รปู แบบโรเนียว เพื่อเผยแพร่ใหก้ ับบรรดาเพอ่ื นๆ ท่ไี มไ่ ด้มีโอกาสมาเรยี น ก็
ทำ� ใหม้ ผี เู้ รยี นจบไปจำ� นวนมากจากวธิ กี ารเชน่ นี้ เชน่ กรณขี องศาสตราจารย์
ดร.โกเมน ภทั รภริ มย์ อดีตอัยการสูงสดุ
เมอ่ื ผมเปน็ คณบดคี ณะนติ ศิ าสตรไ์ ดม้ ผี ทู้ เ่ี ปน็ ผพู้ พิ ากษาและอยั การ
มีความประสงค์ที่จะขอโอนเข้ามารับราชการอยู่ในคณะนิติศาสตร์เช่นเดียว
กับอาจารย์อนุมัติ ถ้าถามถึงเหตุว่าท�ำไมถึงอยากเป็นอาจารย์ ก็มีเหตุผลท่ี
สำ� คญั คอื วา่ ไมต่ อ้ งโยกยา้ ยไปตา่ งจงั หวดั และมคี วามเปน็ อสิ ระกวา่ แตเ่ งนิ เดอื น
เท่ากับ ผู้พิพากษา อัยการ มีความก้าวหน้าทางราชการสูงกว่าอาจารย์
ท่เี รมิ่ ไต่เตา้ มาจากการเริ่มเปน็ อาจารย์ ผมจึงได้วางหลกั เกณฑ์ว่าส�ำหรบั ผู้ที่
จะขอโอนมาเปน็ อาจารยใ์ นคณะนติ ศิ าสตรน์ นั้ ถา้ มคี ณุ สมบตั คิ รบถว้ นไดร้ บั
ปริญญานิตศิ าสตรเ์ กียรตนิ ยิ ม ไดเ้ นตบิ ณั ฑิต และไดป้ รญิ ญาตา่ งประเทศมา

155

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

ก็ยิง่ ดี โดยให้สำ� นักงาน ก.พ. ตรี าคาคณุ วฒุ ิและอตั ราเงนิ เดือนตามท่ใี ช้กนั
อยู่ทัว่ ไปส�ำหรับขา้ ราชการพลเรือน และใหเ้ พ่ิมเงนิ เดอื นข้นึ ปลี ะ ๑ ขน้ั ตาม
เวลาทรี่ บั ราชการ เมอ่ื ไดข้ อ้ ยตุ วิ า่ เปน็ เงนิ เดอื นเทา่ ใดจงึ ใหโ้ อนมารบั ราชการ
ในชั้นและอตั ราตามทีเ่ ปน็ จรงิ แตไ่ ม่ใช่วิธกี ารท่กี ้าวกระโดดเช่นทเ่ี คยทำ� กัน
อยู่ วิธีเช่นนไี้ ม่ใช่เปน็ วธิ กี ารทผ่ี มคดิ ขนึ้ เอง เพราะผู้พิพากษาทีต่ อ้ งการโอน
ไปรบั ราชการที่กระทรวงการต่างประเทศกไ็ ด้รับการปฏิบตั เิ ชน่ เดยี วกนั คือ
กระทรวงการตา่ งประเทศจะรบั โอนเปน็ ขา้ ราชการชนั้ โทกอ่ น ไมใ่ ชข่ า้ ราชการ
ช้นั เอกเหมือนรายของคณะรัฐศาสตร์ จฬุ าฯ ผมมเี พ่ือนทมี่ ีความตัง้ ใจอยาก
เป็นอาจารย์และเป็นคนดีมีคุณสมบัติเหมาะสม แต่เมื่อได้ทราบกฎเกณฑ์น้ี
ก็ไม่มีใครท่ีจะขอโอนย้ายเข้ามา ซ่ึงก็เป็นเร่ืองที่ดีกับทั้งสองฝ่าย และดีกับ
คนอ่ืน ๆ ด้วยท่ีมีการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด
ในอดตี และผมได้ยดึ ถอื แนวทางนี้ตลอดเวลาทเ่ี ปน็ คณบดี
นอกจากนน้ั ผมตระหนกั ดวี า่ การทผ่ี มไปชกั ชวนบรรดานสิ ติ หวั กะทิ
ท้ังหลายเข้ามาเป็นอาจารย์ท้ัง ๆ ที่บุคคลเหล่านี้มีโอกาสที่จะสอบแข่งขัน
เขา้ เปน็ ผพู้ พิ ากษา อยั การ มคี วามกา้ วหนา้ เบอื้ งตน้ สงู กวา่ การมาเปน็ อาจารย์
แต่ก็เป็นโชคดีที่ในระยะเวลานั้นมีบรรดานิสิตที่เรียนดีได้เกียรตินิยม
และมีกิจกรรมดี เม่ือชักชวนเข้ามาเป็นอาจารย์ประจ�ำส่วนใหญ่ก็ยินดีที่จะ
มาเปน็ อาจารยป์ ระจำ� โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ผมู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งตง้ั แตย่ งั เปน็ นสิ ติ
ในการที่รู้เห็นในการช่วยงานด้านการพิมพ์ ในด้านการติดต่อบางประการ
ในระหว่างที่เป็นนิสิต เม่ือจบการศึกษามีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ก็รับค�ำ
เชญิ ชวนเขา้ มาเปน็ อาจารยป์ ระจำ� ในคณะนติ ศิ าสตร์ เชน่ อาจารยป์ ระสทิ ธฯิ์
อาจารย์จุฑาฯ อาจารย์กาญจนาฯ ซึ่งท่านเหล่าน้ีต่อมาก็ได้ด�ำรงต�ำแหน่ง
คณบดีคณะนิติศาสตร์ หรืออาจารย์ไชยยศฯ ซึ่งผมเคยรับเข้าเป็นนิติกรใน
สำ� นกั งานจดั การผลประโยชนข์ องจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั เมอ่ื ผมไดร้ บั การ
แตง่ ตง้ั ใหเ้ ปน็ ผจู้ ดั การส�ำนกั งานผลประโยชน์ ตอ่ มาอาจารยไ์ ชยยศฯ ไดส้ มคั ร

156

เขา้ เปน็ อาจารย์ ผมจงึ ไดร้ บั โอนเขา้ มาเปน็ อาจารยป์ ระจำ� ในคณะนติ ศิ าสตร์
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั จนกระทงั่ ตอ่ มาไดท้ ำ� ปรญิ ญาโทในคณะนติ ศิ าสตร์
จบเปน็ คนแรก โดยผมเปน็ อาจารยท์ ปี่ รกึ ษา และตอ่ มาไดส้ นบั สนนุ ใหไ้ ปเรยี น
ตอ่ ทป่ี ระเทศสหรฐั อเมรกิ ารว่ มกบั อาจารยอ์ กี หลายๆ ทา่ นตามโครงการสรา้ ง
อาจารยป์ รญิ ญาโทในตา่ งประเทศ และในทส่ี ดุ อาจารยไ์ ชยยศฯ ประสบความ
สำ� เรจ็ ในการเปน็ ราชบณั ฑติ ทางดา้ นนติ ศิ าสตรอ์ ยใู่ นปจั จบุ นั และเปน็ ผทู้ ที่ ำ�
ชอื่ เสยี งใหแ้ กค่ ณะนติ ศิ าสตรอ์ กี คนหนงึ่ และนคี่ อื หลกั เกณฑใ์ นการคดั เลอื ก
ผู้ที่จะเข้าด�ำรงต�ำแหน่งอาจารย์ในคณะนิติศาสตร์  มีนิสิตบางรุ่นและ
บางคนทเ่ี ขา้ หลกั เกณฑด์ งั กลา่ วนแ้ี ตว่ า่ ไมไ่ ดร้ บั เกยี รตนิ ยิ มเพราะขาดไปเพยี ง
หนง่ึ คะแนนหรอื สองคะแนนเท่าน้ันก็จะไดเ้ กียรตนิ ิยม ซ่งึ ถ้าประชมุ ปรกึ ษา
หารือกันและปัดคะแนนข้ึนให้ได้เกียรตินิยมก็สามารถท�ำได้ แต่จะเป็นว่า
ส่ิงน้ีไม่เป็นเกียรติประวัติที่ดีแก่นิสิตผู้นั้น จึงได้หาทางออกว่าถ้าไม่มีโอกาส
เข้ามาเป็นอาจารย์ในคณะนิติศาสตร์ก็สามารถไปท�ำงานเป็นทนายความท่ี
ส�ำนักงานกฎหมายหาความรู้และประสบการณ์ทางการเป็นทนายได้ และ
สามารถมาเปน็ อาจารยพ์ เิ ศษเพอื่ เผยแพรถ่ า่ ยทอดความรกู้ ฎหมายใหแ้ กน่ สิ ติ
ตอ่ ไปได้ ซึง่ ผู้ทอี่ ย่ใู นเกณฑแ์ ละไดร้ ับคำ� แนะน�ำได้ด�ำเนนิ การตามคำ� แนะนำ�
สองราย และรายหน่ึงได้ประสบความส�ำเร็จและหลังจากเป็นทนายความ
อยู่เป็นเวลานานจนมีประสบการณ์สูงก็ได้ขอออกไปท�ำงานยังหน่วยงาน
ภายนอกคือ การทางพิเศษ โดยได้เริ่มงานในต�ำแหน่งระดับสูงทางด้าน
กฎหมายจนกระทง่ั ตำ� แหนง่ สดุ ทา้ ยเปน็ นกั กฎหมายคนแรกทไี่ ดเ้ ปน็ ผวู้ า่ การ
การทางพิเศษแหง่ ประเทศไทย (ปกติตอ้ งเปน็ วศิ วกรเท่านน้ั )
การสร้างอาจารย์ประจ�ำไม่สามารถจะหยุดยั้งไว้ได้เพียงแค่น้ี
เพราะเหตวุ า่ ถา้ อาจารยท์ จี่ บปรญิ ญานติ ศิ าสตรเ์ กยี รตนิ ยิ ม เนตบิ ณั ฑติ และ
เรมิ่ เปน็ อาจารยช์ นั้ ตรี กวา่ จะขนึ้ เปน็ ชน้ั โท ชน้ั เอก กวา่ จะมผี ลงานทางวชิ าการ
ขนึ้ เปน็ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์ ตอ้ งใชเ้ วลานาน

157

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

ชว่ งนอี้ าจจะมจี ติ ใจหกั เหในการทจ่ี ะไปสอบแขง่ ขนั เขา้ เปน็ ผชู้ ว่ ย ผพู้ พิ ากษา
หรอื อยั การ วธิ กี ารทจ่ี ะสรา้ งอาจารยใ์ หม้ คี ณุ ภาพสงู ขนึ้ และเปน็ หลกั ประกนั
ในการที่สมคั รใจเป็นอาจารย์ตอ่ ไป ก็คอื การสง่ เสรมิ ให้ไปเรยี นกฎหมายตอ่
ในต่างประเทศ การไปเรียนกฎหมายในต่างประเทศจะช่วยให้อาจารย์
ซึ่งถึงแม้ว่าจะไปศึกษาในระยะเวลาส้ันๆ แต่ก็จะได้แนวทางแนวคิดและ
หลักกฎหมายของต่างประเทศมาใชป้ ระกอบในการสอน การท�ำค�ำบรรยาย
เพราะการศึกษาจะไม่มีทางสิ้นสุด เน่ืองจากกลับมาแล้วก็น�ำต�ำราของ
ตา่ งประเทศมาศกึ ษาคน้ ควา้ ตอ่ ไปได้ และการศกึ ษาตอ่ ตา่ งประเทศเมอื่ ไดร้ บั
ทุนของมหาวิทยาลัยหรือของทางราชการก็ต้องรับราชการชดใช้ทุนจ�ำนวน
ไม่ต�่ำกว่าจ�ำนวนสองหรือสามเท่าของเวลาท่ีลาไปเรียน เพราะฉะนั้นเม่ือ
ตัดสินใจทจี่ ะเปน็ อาจารย์ และได้รับการสง่ เสรมิ ใหไ้ ปเรียนตา่ งประเทศแลว้
ก็จะเป็นข้อเปรียบเทียบถึงข้อดีข้อด้อยระหว่างการเป็นผู้พิพากษา อัยการ
กับการเป็นอาจารย์ เพราะการเป็นผูพ้ ิพากษา อัยการ การศึกษามักจะยุติ
ลงเพียงเท่าท่ีได้เล่าเรียนในสถาบันในประเทศเท่านั้น แต่โอกาสที่จะลาไป
เรยี นหรอื ไดร้ บั ทนุ ไปเรยี นตอ่ ตา่ งประเทศเปน็ เรอื่ งคอ่ นขา้ งยากหรอื นอ้ ยมาก
นอกจากนั้นยังจะต้องโยกย้ายไปรับราชการตามเกณฑ์ท่ีทางราชการได้วาง
ไว้ เช่นต้องออกไปเปน็ ผูพ้ พิ ากษาในต่างจังหวัด ไปเปน็ อัยการในต่างจงั หวัด
กลับเข้ามากรุงเทพฯ ออกไปเป็นหัวหน้าศาล ออกไปเป็นอัยการจังหวัดใน
ตา่ งจังหวัด กลบั มาในกรงุ เทพฯ แล้วกอ็ อกไปต่างจังหวัดอีก ถ้ามีครอบครวั
ท่ีอีกฝ่ายหนึ่งท�ำงานอยู่ในส่วนกลางก็เป็นเรื่องค่อนข้างล�ำบาก แต่การเป็น
อาจารย์น้ันถึงแม้ว่าเรื่องต�ำแหน่งเร่ืองช้ันจะต่�ำกว่าแต่ไม่ต้องโยกย้ายไป
ตา่ งจงั หวดั มคี วามเปน็ อสิ ระในการทำ� งานมากกวา่ และไดถ้ า่ ยทอดวชิ าการ
ประสบการณ์ รวมท้ังสามารถที่จะช่วยประคับประคองนิสิต ให้ค�ำปรึกษา
ในด้านการเรียนและการรับใช้สังคมต่างๆ และมีโอกาสท่ีไปศึกษาต่อใน
ตา่ งประเทศซงึ่ เปน็ ตน้ ทนุ ทตี่ ดิ ตวั ตอ่ ไปในอนาคต เมอื่ คำ� นวณถงึ ขอ้ ดขี อ้ เสยี

158

แลว้ ผสู้ ำ� เรจ็ การศกึ ษาจำ� นวนหนง่ึ ในคณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
จึงสมัครใจเขา้ เป็นอาจารยใ์ นคณะนิติศาสตรด์ ังที่ไดก้ ล่าวมาแล้ว
แตก่ ารทจี่ ะรกั ษาอาจารยเ์ หลา่ นไี้ วใ้ หไ้ ด้ จำ� เปน็ ตอ้ งใหบ้ คุ คลเหลา่ นี้
ได้ไปศึกษาเล่าเรียนต่อในช้ันปริญญาท่ีสูงขึ้นในต่างประเทศให้ได้ และต้อง
ทำ� โดยรวดเรว็ ในระยะทกี่ ำ� ลงั เรมิ่ กอ่ สรา้ งอาจารยป์ ระจำ� บงั เอญิ ในระยะนนั้
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีโครงการที่จะให้ทุนปริญญาเอกแก่บรรดา
อาจารยใ์ นคณะตา่ ง ๆ ใหไ้ ปทำ� การศกึ ษาในระดบั ปรญิ ญาเอกปลี ะ ๑ ทนุ
เป็นเวลาติดต่อกัน ซึ่งอาจารย์ในคณะต่าง ๆ ค่อนข้างจะไม่มีปัญหาและ
มคี วามเปน็ ไปไดใ้ นการทจี่ ะไปศกึ ษาในชน้ั ปรญิ ญาเอก แตส่ ำ� หรบั อาจารยใ์ น
คณะนติ ศิ าสตรแ์ ลว้ เปน็ เรอื่ งทเ่ี ปน็ ไปไมไ่ ด้ เพราะการศกึ ษาในชน้ั ปรญิ ญาเอก
ไม่สามารถจะกระท�ำได้ในทันที จะต้องสมัครเข้าไปศึกษาในชั้นปริญญาโท
ก่อน นอกจากสมัครเข้าไปรับการศึกษาในชั้นปริญญาโทแล้ว การทดสอบ
ภาษายังเป็นเร่ืองส�ำคัญยิ่ง และเป็นท่ียอมรับว่าอาจารย์คณะนิติศาสตร์มี
ความรภู้ าษาต่างประเทศค่อนขา้ งออ่ น เม่อื มกี ารทดสอบภาษากไ็ มส่ ามารถ
จะผ่านการทดสอบได้ ถึงแม้ว่าผมมีความเชื่อม่ันว่าจากความรู้ความ
สามารถของบรรดาอาจารย์เหล่านี้ถ้ามีโอกาสได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย
ต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมรกิ ากส็ ามารถทีจ่ ะผ่านการศึกษาในชน้ั
ปริญญาโทได้

โครงการ ๕ ปสี รา้ งอาจารย์ปริญญาโทแทนอาจารย์ปรญิ ญาเอก

เพราะฉะนั้น จึงได้ท�ำข้อเสนอไปยังมหาวิทยาลัย โดยจัดท�ำ
โครงการ ๕ ปี ขอรับทุนการศึกษาในชั้นปริญญาเอก ๕ ทุน โดยให้
กระจายทุน ๕ ทนุ น้ีออกมาใหแ้ กอ่ าจารย์คณะนติ ศิ าสตรจ์ ำ� นวน ๒๐ ทุน
เพ่อื ไปศึกษาในชน้ั ปรญิ ญาโทตามโครงการในเวลา ๕ ปีเพ่ือกลบั มาเป็น

159

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

กำ� ลงั สำ� คญั ของคณะ ซึง่ ถ้าพดู ถงึ จำ� นวนทุนและจ�ำนวนเงนิ ที่มหาวทิ ยาลยั
ตอ้ งใชจ้ า่ ยแลว้ เปน็ เรอ่ื งทไ่ี มม่ กี ารไดเ้ ปรยี บเสยี เปรยี บ แตม่ หาวทิ ยาลยั จะได้
ประโยชนม์ ากทจ่ี ะมอี าจารยจ์ บปรญิ ญาโทจากตา่ งประเทศและเปน็ อาจารย์
ประจ�ำ ซึ่งในขณะนั้นทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตรย์ งั ไม่มกี ารต่นื ตัวในการ
สร้างอาจารย์ประจ�ำ แต่ผมเห็นว่าอาจารย์ประจ�ำจะท�ำให้คณะนิติศาสตร์
ของแต่ละมหาวิทยาลัยมีการพัฒนาท่ีสมบูรณ์และเป็นประโยชน์แก่นิสิต
นักศึกษามากข้ึน จึงได้พยายามอธิบายท�ำความเข้าใจกับมหาวิทยาลัย
โดยเสนอโครงการนีเ้ ข้าในที่ประชมุ คณบดแี ละท่ีประชุมสภามหาวิทยาลยั
โครงการ ๕ ปที จี่ ะสรา้ งอาจารยป์ รญิ ญาโทแทนอาจารยป์ รญิ ญาเอก
ตามนโยบายของมหาวทิ ยาลยั ไดร้ บั การคดั คา้ นอยา่ งหนกั จากบรรดาคณบดี
คณะอน่ื ๆ ซงึ่ โดยทวั่ ไปไมเ่ หน็ ดว้ ย และเหน็ วา่ ถา้ ไมส่ ามารถท�ำตามนโยบาย
ของมหาวิทยาลัยคือศึกษาในชั้นปริญญาเอกได้ ก็ไม่ควรจะไป และไม่เห็น
ด้วยในการที่จะแตกทุนปริญญาเอกออกมาเป็นทุนปริญญาโท ซึ่งผมได้ให้
ความเห็นว่าการสร้างอาจารย์ประจ�ำในคณะนิติศาสตร์มีลักษณะพิเศษ
แตกตา่ งจากการสรา้ งอาจารยป์ ระจำ� ในคณะวชิ าทว่ั ไป เชน่ คณะอกั ษรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ รวมท้ังคณะอ่ืนๆ เพราะเหตุว่าไม่มีสถาบันหรือ
หน่วยราชการอ่ืนรับผู้จบปริญญาตรีเช่นกันให้มีความก้าวหน้าในชั้นสูงกว่า
กัน ไม่เหมือนอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ซึ่งอาจารย์เหล่านี้สามารถท่ีจะไป
สอบแข่งขันเป็นผู้พิพากษาหรือเป็นอัยการ โดยรับเงินเดือนในอัตราท่ีสูง
กวา่ มากมาย และถา้ ไมส่ ง่ เสรมิ ในลกั ษณะทผี่ มเสนอนจ้ี ะมใี ครสมคั รเขา้ เปน็
อาจารย์ประจ�ำหรือเป็นอาจารย์ประจ�ำอยู่เพียงพักหน่ึงก็จะไปสอบแข่งขัน
เปน็ ผพู้ พิ ากษาหรอื อัยการหมด หลังจากทีไ่ ด้มีการอธบิ ายเหตุผลและความ
จ�ำเป็นแล้วมหาวิทยาลัยได้อนุมัติโครงการท่ีผมเสนอในการผลิตอาจารย์
ปรญิ ญาโท คณะนติ ิศาสตรจ์ ำ� นวน ๒๐ คน ภายในระยะเวลา ๕ ปี

160

ปัญหายังไม่หมดเพียงแค่น้ี ดังที่กล่าวไว้แล้วว่าอาจารย์คณะ
นิติศาสตร์โดยท่ัวไปมีความรู้ความสามารถทางวิชาการกฎหมายสูง แต่วิชา
ภาษาองั กฤษยงั มคี วามดอ้ ยกวา่ มาตรฐานทว่ั ไป จงึ ตอ้ งดำ� เนนิ การใหม้ โี อกาส
ได้สมัครเข้าศึกษากฎหมายในต่างประเทศ โดยเฉพาะท่ีอเมริกาอย่างเป็น
ทางการ เพราะว่ามีเงื่อนไขว่ายังไม่ผ่านการทดสอบมาตรฐานในวิชาภาษา
อังกฤษ คอื มีทางเดียวต้องยอมเสย่ี งในการทจี่ ะสง่ อาจารย์เหลา่ นไ้ี ปศึกษา
วชิ ากฎหมายเบอ้ื งตน้ ควบคกู่ บั การศกึ ษาวชิ าภาษาองั กฤษเปน็ เวลา ๓ เดอื น
เพื่อเป็นการง่ายข้ึนในการที่จะผ่านการทดสอบวิชาภาษาอังกฤษเพ่ือเข้า
ศึกษาวิชากฎหมายอย่างเต็มตัว ซ่ึงได้รับการคัดค้านอย่างหนักอีกเช่นเคย
วา่ เป็นการเส่ียงเกินไปในการทจี่ ะดำ� เนนิ การในลกั ษณะน้ี ซึ่งผมได้ขอยืนยัน
วา่ ถา้ ไมใ่ ชว้ ธิ กี ารเชน่ นจ้ี ะเปน็ การยากในการทจ่ี ะสง่ อาจารยเ์ หลา่ นไ้ี ปศกึ ษา
ตอ่ ในต่างประเทศได้ ตามท่ีไดด้ ำ� เนินการขอรับปริญญาโทในโครงการ ๕ ปี
นไ้ี ว้ แตใ่ นทส่ี ดุ เมอื่ ไดท้ ราบถงึ ความจำ� เปน็ ตามทผ่ี มไดเ้ พยี รพยายามอธบิ าย
แล้ว มหาวิทยาลัยจึงอนุมัติให้อาจารย์คณะนิติศาสตร์ได้ไปศึกษาต่อใน
สหรฐั อเมรกิ าตามทจี่ ะกลา่ วตอ่ ไปในตอนทา้ ย ซง่ึ ทกุ ทา่ นไดก้ ลบั มาเปน็ กำ� ลงั
ส�ำคัญและมาเป็นประโยชน์แก่การศึกษาวิชานิติศาสตร์ในคณะนิติศาสตร์
เปน็ อยา่ งมาก ซงึ่ ถา้ ผมไมไ่ ดร้ เิ รมิ่ โครงการนไ้ี มม่ ที างทจ่ี ะสรา้ งอาจารยป์ ระจำ�
ข้ึนมาได้อย่างเช่นที่มาเป็นก�ำลังส�ำคัญอยู่ในปัจจุบัน รวมท้ังที่ได้อาจารย์
เหลา่ นีไ้ ปทำ� ประโยชน์ให้กับประเทศชาติทางดา้ นอ่นื ๆ อีกมาก
ในขณะเดียวกันผมมีความเห็นในการท่ีจะสร้างคนรุ่นใหม่ข้ึนมา
เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ เป็นการสืบทอดการบริหารคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ
เพราะฉะน้ันเม่ืออาจารย์อนุมัติฯ อาจารย์สมนึกฯ และอาจารย์ด�ำรงฯ
ซ่ึงเป็นหัวหน้าแผนกวิชาอยู่ก่อน รวมท้ังศาสตราจารย์ ดร.ประยูรฯ
ซงึ่ เกษยี ณอายรุ าชการไปไดพ้ น้ จากตำ� แหนง่ หวั หนา้ แผนกวชิ าทงั้ ๔ แผนกแลว้
ผมจงึ ไดแ้ ตง่ ตง้ั อาจารยร์ นุ่ ใหมข่ น้ึ มาดำ� รงตำ� แหนง่ หวั หนา้ แผนกวชิ าโดยทยี่ งั

161

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

มีอายุน้อยรวมท้ังอายุราชการน้อย และเม่ือผมจ�ำเป็นต้องไปราชการใน
ตา่ งประเทศกไ็ ดว้ างเกณฑใ์ หม้ ผี รู้ กั ษาการคณบดี โดยเวยี นกนั ระหวา่ งหวั หนา้
แผนกวชิ าซ่งึ เปน็ บุคคลรนุ่ ใหมอ่ ีก ๔ คน ผลดั เปลี่ยนกันเป็นผรู้ กั ษาการ
แทนคณบดี เป็นการเรยี นรงู้ าน เพราะเหตวุ ่าไมจ่ �ำเป็นท่ีจะตอ้ งใหค้ ณบดี
คณะอ่ืนซึ่งมีอาวุโสมารักษาการแทนตามข้อเสนอแนะของอธิการบดี
ในขณะน้ัน เพราะเหตวุ ่าผรู้ ักษาการคณบดไี มไ่ ดม้ าวางนโยบายหรือเปลี่ยน
นโยบายใหม่เป็นแต่เพียงรักษาการไปตามกฎหมาย เพื่อให้งานประจ�ำ
ได้ด�ำเนินไปอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ซึ่งการด�ำเนินงานลักษณะเช่นน้ีก็ไม่มี
อุปสรรคแต่อย่างใดและงานของคณะนิติศาสตร์ก็ด�ำเนินไปอย่างราบรื่น
แต่ประโยชน์ที่ได้รับก็คือการสร้างผู้บริหารรุ่นใหม่ขึ้นมา และในท่ีสุด
ผู้บริหารรุ่นใหม่เหล่าน้ีก็คือผู้ท่ีด�ำรงต�ำแหน่งคณบดีในล�ำดับต่อ ๆ มา
นนั้ เอง
อาจมีค�ำถามว่าการเริ่มต้นชีวิตการเป็นอาจารย์ ถ้าพิจารณา
เฉพาะด้านเงินเดือนจะเสียเปรียบผู้ที่เป็นผู้พิพากษาหรืออัยการมาก แต่ถ้า
คดิ ถงึ ความแตกตา่ งดา้ นอนื่ ๆ แลว้ อาจชดเชยกนั ได้ เชน่ ในชวี ติ ไดศ้ กึ ษาตอ่
ในต่างประเทศ ท�ำให้มีความรู้และความรอบรู้ในวิชาการกว้างขวางขึ้น
เป็นประโยชน์แก่ตนเองและบรรดาศษิ ย์
ในดา้ นชวี ติ ครอบครวั มคี วามอบอนุ่ เพราะไมต่ อ้ งโยกยา้ ยไปทำ� งาน
ในจังหวัดต่าง ๆ ลูก ๆ ได้เข้าเรียนในโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ เป็นการ
วางพื้นฐานท่ีดีให้บุตรธิดา ไม่ต้องแยกบ้านเป็น ๒ บ้าน คือบ้านเดิมใน
กรุงเทพฯ และบา้ นในตา่ งจังหวัด
นอกจากน้ัน ชีวิตการเป็นอาจารย์จะมีอิสระมาก ไม่มีใครออก
คำ� สง่ั โยกยา้ ยไปรบั ราชการในจงั หวดั อนื่ ๆ และการเปน็ อาจารยจ์ ะมคี วามสขุ
และความภูมิใจที่มีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง และเมื่ออายุมากๆ ลูกศิษย์
ประสบความสำ� เร็จในชีวิตราชการและการงานอยา่ งสูงจะท�ำใหม้ ีความสุข

162

ความภาคภูมใิ จในฐานะอาจารยผ์ กู้ อ่ ต้งั
และคณบดีคณะนิตศิ าสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

ความภาคภูมิใจในชีวิตการเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยของผม มีหลายประการ ท่ีส�ำคัญคือ นิสิตเก่า
จ�ำนวนมากมีความส�ำเร็จระดับสูง มีต�ำแหน่งหน้าท่ี ซ่ึงต้องรับผิดชอบ
อย่างมากต่อบ้านเมือง นอกจากนั้น ยังได้มีโอกาสชักชวนบรรดาศิษย์
ที่มีชื่อเสียงจ�ำนวน ๓๕ คนมาร่วมกันจัดท�ำ “สารานุกรมกฎหมายแพ่งและ
พาณิชย์” เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยมีศาสตราจารย์ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ
เป็นกรรมการและเลขานุการ
ในงานวิชาการอ่ืนๆ ได้แก่ การที่สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โดยมติของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ได้แต่งตั้งให้ผมเป็น
ประธานกรรมการพิจารณาผลงานของอาจารย์เพ่ือเข้าสู่ต�ำแหน่ง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ ต้ังแต่ พ.ศ.
๒๕๒๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยผมขอลาออก เพราะเป็นมานานแล้ว เป็น
เวลา ๓๕ ปี โดยคณะกรรมการประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา อธิบดี
อัยการหรืออัยการสูงสุด เลขานุการคณะกรรมการกฤษฎีกา และ
ผู้ทรงคุณวุฒิอ่ืนๆ ซ่ึงกรรมการหลาย ๆ ท่านได้ผลัดเปล่ียนเข้ามา
หลายคนแล้วเพราะเหตุถึงแก่กรรมหรือเกษียณอายุราชการ

164

นิสติ เก่าดีเด่น ประจำ� ปี ๒๕๔๖

คณุ จลุ จิตต์ บณุ ยเกตุ คุณไชยวฒั น์ บนุ นาค ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย

นิสิตเก่าดเี ดน่ ประจ�ำปี ๒๕๔๗

ศ.วิชา มหาคุณ ศ.(พิเศษ) ประสิทธ์ิ โฆวิไลกลู

คุณชยั เกษม นิติสริ ิ ศ.(กติ ตคิ ุณ) ดร.บวรศักดิ์ อวุ รรณโณ

165

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ

นสิ ติ เกา่ ดีเด่น ประจำ� ปี ๒๕๔๘

ศ.(พเิ ศษ) จรัญ ภักดธี นากลุ คุณนทั ธี จติ สวา่ ง ศ.เข็มชยั ชตุ วิ งศ์

นิสติ เกา่ ดเี ดน่ ประจำ� ปี ๒๕๔๙

คุณบัณฑรู ชุณหสวัสดิกลุ ผศ.จุฑา กลุ บุศย์ คุณรุง่ โรจน์ ร่ืนเริงวงศ์

พ.ต.อ. ยุทธบลู ดิสสะมาน คุณปรชี า เลาหพงศช์ นะ รศ.ธงทอง จนั ทรางศุ

166

นสิ ติ เก่าดเี ด่น ประจ�ำปี ๒๕๕๐

คณุ บญุ สม บุตรหงษ์ คุณบ�ำรุง ตันจิตติวฒั น์ ผศ.สผุ านติ เกิดสมเกียรติ

คณุ พรเพชร วิชติ ชลชยั คณุ นรชิต สิงหเสนี

นิสิตเก่าดเี ด่น ประจ�ำปี ๒๕๕๑

คุณกลุ พล พลวนั คุณจุลสงิ ห์ วสนั ตสิงห์

คณุ บุญมา เตชะวณิช ดร.กิตติพงษ์ กติ ยารกั ษ์

167

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ

นสิ ติ เก่าดเี ดน่ ประจ�ำปี ๒๕๕๒

ศ.(พิเศษ) สชุ าติ ธรรมาพิทักษ์กลุ นายธานิศ เกศวพิทกั ษ์ รศ.ธิติพันธ์ุ เชื้อบุญชยั

นสิ ติ เก่าดีเด่น ประจำ� ปี ๒๕๕๓

คณุ นพดล อนิ ทรลิบ คณุ ยรรยง พวงราช คุณกญั ญานชุ สอทิพย์

คณุ กอบชยั จิราธิวฒั น์ คณุ ศิริพร ไชยสตุ

168

นสิ ิตเก่าดีเดน่ ประจ�ำปี ๒๕๕๕

คุณถาวร พานิชพนั ธ์ คณุ บูรณ์ ฐาปนดลุ ย์ คณุ เกริก วณกิ กลุ

ศ.(พเิ ศษ) กติ พิ งศ์ อรุ พพี ัฒนพงศ์ ดร.ฤทยั หงสส์ ริ ิ

169

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

นิสติ เก่าดีเดน่ ประจ�ำปี ๒๕๕๖

คุณเนือ้ ทิพย์ โกมลมาลย์ คณุ ชายนิด โงว้ ศริ ิมณี คณุ อนุวัฒน์ เมธีวิบูลวฒุ ิ

คุณศรณั ยา ไชยสุต คณุ วรี ะวงค์ จิตตม์ ิตรภาพ

คณุ สรุ พล สรา้ งสมวงษ์ คุณประดิษฐ์ ทีฆกุล

170

นิสติ เกา่ ดเี ด่น ประจำ� ปี ๒๕๕๗

คุณชาญชัย บญุ ฤทธ์ิไชยศรี คณุ วสนั ต์ เทยี นหอม คุณปิยะพนั ธ์ จมั ปาสุต

คุณอารยี ์ เตชะหรวู ิจิตร พลเอก จริ ะ โกมุทพงศ์

ศ.ดร.ศักดา ธนติ กลุ ศ.(พเิ ศษ)พิภพ วรี ะพงษ์

นสิ ิตเก่าดเี ดน่ ประจ�ำปี ๒๕๕๘

ศ.วรี ะพงศ์ บญุ โญภาส

171

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ

ความภาคภมู ิใจอกี ประการหนง่ึ ไดแ้ ก่ การทคี่ ณบดแี ละคณาจารย์
และเจา้ หนา้ ทขี่ องคณะและผแู้ ทนนสิ ติ มาอวยพรปีใหมท่ กุ ปีไมเ่ คยขาดตอน
ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๒๑ ซึ่งเป็นปีที่ได้ลาออกจากคณบดีและการเป็นข้าราชการ
จนถึงปัจจุบันนับได้ ๓๘ ปีแล้ว แสดงถึงความกตัญญูของคณาจารย์และ
เจ้าหน้าท่ีซึ่งเป็นผู้มีคุณธรรมสูง
ความภาคภูมิใจประการสุดท้ายคือ ได้แก่ การที่คณบดี
และคณาจารย์และนิสิตเก่าคณะนิติศาสตร์ ได้เห็นพ้องต้องกันให้มี
อนุสรณ์สถานในชื่อของอาจารย์ ดร. อุกฤษ มงคลนาวิน ในฐานะผู้ก่อต้ัง
และคณบดีคณะนิติศาสตร์ จึงได้ด�ำเนินการจัดท�ำห้องประชุมช้ัน ๕
และห้องประชุมชั้น ๔ อาคารเทพทวาราวดี ขึ้นเป็นท่ีระลึกเน่ืองในวาระอายุ
ครบ ๘๒ ปี วันท่ี ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙

172

ประมวลภาพคณบดีคณะนิตศิ าสตร์ น�ำคณาจารย์ เจา้ หน้าที่ และนิสติ
เขา้ อวยพรปีใหม่ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๒๑ ถึงปจั จบุ นั

ศาสตราจารย์พิเศษประสิทธิ์ โฆวไิ ลกูล คณบดี พ.ศ. ๒๕๒๑ - ๒๕๒๓,
๒๕๒๗ - ๒๕๓๑, ๒๕๓๑ - ๒๕๓๕

ผชู้ ่วยศาสตราจารยจ์ ุฑา กลุ บศุ ย์ คณบดี พ.ศ. ๒๕๒๓ - ๒๕๒๗

173

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ

ศาสตราจารย์พเิ ศษ ดร.สรุ เกยี รต์ิ เสถยี รไทย คณบดี พ.ศ. ๒๕๓๕ - ๒๕๓๘

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อวุ รรณโณ คณบดี พ.ศ. ๒๕๓๘ - ๒๕๔๒

174

ศาสตราจารยพ์ เิ ศษธงทอง จันทรางศุ คณบดี พ.ศ. ๒๕๔๒ - ๒๕๔๔

ผู้ชว่ ยศาสตราจารยจ์ ฑุ า กุลบุศย์ คณบดี พ.ศ. ๒๕๒๓ - ๒๕๒๗,
รองศาสตราจารยธ์ ติ พิ ันธ์ุ เช้ือบญุ ชยั คณบดี พ.ศ. ๒๕๔๔ - ๒๕๕๒,
ศาสตราจารย์พเิ ศษ ดร.สรุ เกียรติ์ เสถียรไทย คณบดี พ.ศ. ๒๕๓๕ - ๒๕๓๘

175

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

ศาสตราจารย์ ดร.นนั ทวฒั น์ บรมานันท์ คณบดี พ.ศ. ๒๕๕๖ - ปจั จบุ นั

176

ภาคผนวก

การบกุ เบกิ จดั ตงั้ และสรา้ งงานบรหิ าร
คณะนติ ศิ าสตร์ จุฬาฯ

เรยี บเรียงโดย
รองศาสตราจารย์ดำ� รหิ ์ บูรณะนนท์

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

เร่ือง การบกุ เบกิ จดั ต้ังและสรา้ งงานบริหาร
คณะนติ ศิ าสตร์ จุฬาฯ

เรียบเรียงโดย รองศาสตราจารยด์ ำ� ริห์ บรู ณะนนท์

การบุกเบกิ จดั ต้งั คณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าฯ กับวิธีการแกป้ ญั หาต่างๆ

จนกระทงั่ นำ� คณะฯ ไปสคู่ วามเจรญิ กา้ วหนา้ เทยี บเทา่ กบั คณะอนื่ ๆ ทจี่ ดั ตง้ั
มากอ่ นภายใน ๔ ปแี หง่ การดำ� รงตำ� แหนง่ คณบดวี าระแรกของศาสตราจารย์
ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน เป็นเร่ืองเหนือความคาดหมายว่าจะมีผู้ใดสามารถ
ทำ� ได้ ซงึ่ ถา้ หากไมม่ คี วามรคู้ วามสามารถทง้ั สตปิ ญั ญาทเ่ี ฉยี บแหลม สามารถ
มองการณ์ไกลไปข้างหน้าและไม่หยุดอยู่เพียงแค่ต้ังคณะฯ ได้แล้วเท่านั้น
ผมจงึ ขอเขยี นความนำ� นขี้ นึ้ จากความทรงจำ� ทค่ี รง้ั หนงึ่ ไดม้ โี อกาสรว่ มงานกบั
ทา่ นศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ ผเู้ ปน็ บคุ คลสำ� คัญในการวางแผน
จัดต้ังคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ข้ึนด้วยการแยกแผนกวิชานิติศาสตร์ใน
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ออกมาเป็นคณะนติ ิศาสตร์ จุฬาฯ โดยสมบรู ณ์
เมื่อคณะนิติศาสตร์ได้ต้ังขึ้นโดยค�ำสั่งคณะปฏิวัติแล้ว และ
ศาสตราจารย์ ดร.ประยูร กาญจนดุล เป็นคณบดี ท่านได้ขอโอนตัวผม
ซ่ึงเป็นอาจารย์ประจ�ำอยู่แผนกวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์
จุฬาฯ มาเป็นอาจารย์ประจ�ำสังกัดแผนกวิชากฎหมายการปกครองและ
กฎหมายทวั่ ไป พรอ้ มกบั ทา่ นอาจารยช์ ดุ แรกทโ่ี อนจากคณะรฐั ศาสตรม์ าดว้ ย
กันท้ังหมด ๘ คน โดยมีเจตนารมณท์ ่ีจะให้ผมมาบุกเบกิ จดั ตง้ั งานทะเบยี น
ตอ่ มาเมอ่ื ศาสตราจารย์ ดร.ประยรู กาญจนดลุ เกษยี ณอายจุ ากราชการ และ
สภามหาวิทยาลัยได้ตัง้ ใหศ้ าสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวนิ เปน็ คณบดี

178

ท่านคณบดี ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ได้เรียกผม
เข้าปรึกษาหารือในการวางแผนด�ำเนินการจัดสร้างงานและระบบงาน
บริหารคณะนิติศาสตร์ ซ่ึงตอนนั้นยังไม่มีอะไรเลย ส่ิงแรกท่ีศาสตราจารย์
ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ สง่ั ผมโดยตรงใหไ้ ปดำ� เนนิ การกค็ อื ใหไ้ ปขอเอกสาร
ประวัตแิ ละทะเบยี นนิสติ ทัง้ ๔ ช้ันปี พร้อมทัง้ คะแนนสอบไล่นิสิตทั้ง ๔
ชน้ั ปี มาจากคณะรฐั ศาสตร์ ซง่ึ ผมไดร้ วบรวมมาดว้ ยความเรยี บรอ้ ย กเ็ ปน็
อนั วา่ ภารกจิ แรกไดส้ ำ� เรจ็ ลงดว้ ยดี และเมอ่ื ผมเขา้ ไปรายงานทา่ น ทา่ นได้
บอกตอ่ ไปวา่ ทา่ นจะตงั้ ผมใหเ้ ปน็ กรรมการประจำ� คณะ เพราะเปน็ อาจารย์
ผู้ใหญ่จะต้องร่วมกันท�ำงาน งานส�ำคัญ ๆ ยังมีอีกมาก และงานส�ำคัญ
หลักเร่ืองแรกก็คือ เร่ืองงบประมาณท่ีจะน�ำมาใช้จ่าย ซ่ึงผมจะขอเขียน
เรอ่ื งตา่ ง ๆ เปน็ เรอ่ื งๆ ทผี่ มเกยี่ วขอ้ งในฐานะที่ตอ่ มาผมไดร้ บั แตง่ ตงั้ ใหเ้ ปน็
เลขานกุ ารคณะ หรอื ในปจั จบุ ันเรยี กว่า “รองคณบดีฝา่ ยบริหาร” เพราะ
ตอนนั้นคณะแต่ละคณะในมหาวิทยาลัยยังไมม่ ตี ำ� แหนง่ รองคณบดี

เรอื่ งการบรหิ ารงานในคณะ

๑. งบประมาณและอตั รากำ� ลงั องคก์ รต่าง ๆ ทไี่ ด้ต้ังขน้ึ ในทใ่ี ด ๆ
ก็ตามถือว่าการบริหารองค์กรเป็นเรื่องส�ำคัญซึ่งจะต้องมีการวางแผน
การด�ำเนินงานมาอย่างดี แต่เมื่อคณะนิติศาสตร์ตั้งข้ึนน้ัน มหาวิทยาลัยได้
แต่งต้ังให้ศาสตราจารย์ ดร.ประยูร กาญจนดุล เป็นคณบดี แต่เน่ืองจาก
ท่านไม่มีเวลามาดูแลและบริหารงานคณะได้อย่างเต็มที่ เพราะท่านเป็น
อาจารย์พิเศษ มีต�ำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์อยู่ด้วย ท่านจึงได้ไป
ท�ำความตกลงกับคณะรัฐศาสตร์ ยกคณะนิติศาสตร์ให้คณะรัฐศาสตร์
จัดการบริหารงานธุรการ การเงนิ วิชาการ การเรียน การสอน การสอบ
ต่อไปดงั เดิมอีก ๔ ปี โดยใหเ้ หตผุ ลวา่ คณะนิติศาสตรย์ ังไม่มีบคุ ลากรและ

179

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

ยงั ไมพ่ รอ้ มทจี่ ะเปน็ ตวั ของตวั เอง จงึ ตอ้ งใหค้ ณะรฐั ศาสตรเ์ ปน็ พเี่ ลย้ี งจดั
คัดเลือก ฝึกอบรมบุคลากรให้ไปก่อน ซ่ึงเท่ากับว่าคณะนิติศาสตร์เป็น
คณะโดยนิตินัย แต่โดยพฤตินัยยังคงอยู่กับคณะรัฐศาสตร์ตามเดิม จึง
มิได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการขอจัดตั้งเป็นคณะ แต่ศาสตราจารย์
ดร.ประยรู กาญจนดุล อย่ทู ำ� หน้าท่ีคณบดีแค่ ๑ เดอื น ท่านก็อายุครบ ๖๐
ปี สภามหาวิทยาลัยได้พิจารณาตามนโยบายของจอมพล ถนอม กิตติขจร
นายกรฐั มนตรใี นขณะนนั้ ไดใ้ ห้นโยบายไว้ว่า “ผ้ทู ีอ่ ายุ ๖๐ ปีและเกษยี ณ
อายจุ ากราชการแลว้ ไมส่ มควรดำ� รงตำ� แหนง่ คณบดหี รอื หวั หนา้ แผนกวชิ าใน
มหาวทิ ยาลยั ยกเว้นแตต่ �ำแหน่งอธิการบดีเทา่ น้นั ” สภามหาวิทยาลัยจงึ ได้
เลือกตั้งใหผ้ ชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวนิ (ต�ำแหน่งทางวิชาการ
ในขณะนัน้ ) เปน็ คณบดีสืบแทนตอ่ ไป

เพ่ือท่ีจะพัฒนาคณะให้ก้าวหน้าต่อไป ตามนโยบายของ

มหาวิทยาลัยโดยไม่ต้องไปรออีก ๔ ปีข้างหน้า จึงตกเป็นภาระหน้าท่ี
ของศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ ทจี่ ะตอ้ งบุกเบกิ ก่อสรา้ งคณะ
นติ ศิ าสตรใ์ หเ้ ปน็ ปกึ แผน่ มน่ั คง เรมิ่ จากการจดั หาสถานทกี่ อ่ สรา้ งตกึ เรยี น
งบประมาณ บคุ ลากร ซง่ึ เรือ่ งต่าง ๆ เหล่าน้ี ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ
มงคลนาวนิ ไดเ้ ขยี นโครงการไวใ้ นแผนกการจดั ตง้ั คณะไวโ้ ดยละเอยี ดแลว้
อาทิ เรอื่ งงบประมาณ บคุ ลากร ทา่ นไดน้ ำ� เสนอไวใ้ นแผนพฒั นาเศรษฐกจิ
และสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๓ ดังน้นั เม่ือต้ังคณะในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ คณะ
ก็สามารถมีงบประมาณใชไ้ ดเ้ ลย และโดยทศี่ าสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคล-
นาวิน มารับต�ำแหน่งเม่ือเร่ิมใช้งบประมาณแผ่นดินประจ�ำปี พ.ศ. ๒๕๑๖
ซ่ึงเริ่มแต่วันที่ ๑ ตุลาคมของทุกปี คณะนิติศาสตร์ก็สามารถด�ำเนินการ
คัดเลือกเจ้าหน้าที่ด้านบุคลากรได้เลย และโดยท่ีท่านเป็นคนท�ำงานจริงจัง
ทา่ นไดส้ งั่ ใหผ้ มดำ� เนนิ การแยกงานทกุ อยา่ งออกจากคณะรฐั ศาสตร์ โดยทา่ น
ได้ขอยกเลิกข้อตกลงท่ีศาสตราจารย์ ดร.ประยูร กาญจนดุล ท�ำไว้กับ

180

คณะรฐั ศาสตรใ์ หไ้ ดภ้ ายในวนั เปดิ ภาคเรยี นทส่ี อง ซง่ึ เรม่ิ ตน้ เดอื นพฤศจกิ ายน
๒๕๑๕ แตก่ เ็ นอื่ งจากมคี วามขลกุ ขลกั หลายประการ รวมทงั้ เรอ่ื งงบประมาณ
ท่ีท�ำความตกลงกับคณะรัฐศาสตร์ก่อนท่ีท่านเข้าด�ำรงต�ำแหน่งคณบดีนั้นมี
ปัญหามาก อาทิ เรื่องแรก คณะนิติศาสตร์ขอตั้งส�ำนักงานธุรการช่ัวคราว
ณ อาคารวรภักด์ิพิบูลย์ (ตึก ๒) ซ่ึงเป็นอาคารของคณะรัฐศาสตร์ ทาง
คณะนิติศาสตร์ได้ขอให้ใช้งบประมาณของคณะนิติศาสตร์ติดตั้งเคร่ือง
ปรับอากาศ ทางคณะรัฐศาสตร์มีหนังสือตอบมาว่าไม่ให้ติด ให้ใช้พัดลม
เพดานไปก่อน ซึง่ ความจรงิ แล้ว หอ้ งพักอาจารย์แผนกวิชานติ ศิ าสตร์ไม่เคย
ไดร้ บั การเหลยี วแลใหต้ ดิ ตง้ั เครอ่ื งปรบั อากาศตลอดมาจนกระทง่ั ตง้ั เปน็ คณะ
แต่อาจารย์แผนกวิชาอ่ืน ๆ ของคณะรัฐศาสตร์ได้รับการติดต้ังเครื่อง
ปรับอากาศเกือบท้ังหมด จนกระท่ังศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน
ในสมัยเปน็ อาจารย์อยใู่ นแผนกวชิ านิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ ต้องไปขอรับ
ความช่วยเหลือเป็นการส่วนตัวจากส�ำนักงานยูซ่อม (USOM) ขอเครื่อง
ปรับอากาศมาติดที่ห้องท�ำงานของท่านเองโดยจ่ายค่าติดต้ังด้วยเงิน
สว่ นตวั นอกจากนน้ั กม็ ปี ญั หาตา่ ง ๆ อกี หลายเรอ่ื งทน่ี ำ� ไปสกู่ ารตกลงทคี่ ณะ
จะบริหารงานเองและให้ยกเลิกข้อตกลงที่ศาสตราจารย์ ดร.ประยูร
กาญจนดุล ทำ� ไวท้ ้งั หมด
ต่อมาการแยกงานตามที่ท่านคณบดี ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ
มงคลนาวิน ได้สั่งก็ส�ำเร็จลุล่วงลงด้วยดี เพราะว่าเลขานุการประจ�ำคณะ
คนเก่าไดล้ าออกไป ผมไดร้ บั ตำ� แหน่งเลขานกุ ารคณะแทน จงึ สามารถแยก
งานทกุ อย่างออกจากคณะรฐั ศาสตร์ได้ภายใน ๓ เดือนนับแตศ่ าสตราจารย์
ดร.อุกฤษ มงคลนาวนิ เขา้ ดำ� รงต�ำแหน่ง โดยแยกงานไดส้ ำ� เรจ็ เม่ือวนั ท่ี ๒
มกราคม ๒๕๑๖ ก�ำลังส�ำคัญในการช่วยวางแผนแยกงานน้ันคือ อาจารย์
ของคณะอีก ๓ ท่านซึ่งได้โอนตัวมาจากกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ คือ
ผศ.อรพนิ ท์ ขจรอำ� ไพสุข กับ อาจารย์มุกดา จันทรสมบูรณ์ ซึ่งแต่ละท่าน

181

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

ไดช้ ว่ ยในงานทตี่ นถนดั คอื อาจารยม์ กุ ดา จนั ทรสมบรู ณ์ ชว่ ยแยกงานธรุ การ
เก่ยี วกับสารบรรณ อาจารยอ์ รพนิ ท์ ขจรอ�ำไพสุข ชว่ ยแยกงานด้านวชิ าการ
การเรยี นการสอน การสอบ และทะเบียนนสิ ิต กับอีก ๑ ทา่ นซึง่ ขอยมื ตวั
มาจากส�ำนักงานผลประโยชน์ จุฬาฯ คือ อาจารย์ปนัดดา พงศ์สูรย์มาส
ช่วยดแู ลดา้ นการเงินและบัญชี ประจวบกับเมื่อปีงบประมาณ ๒๕๑๖ คณะ
ได้อัตราอาจารย์ใหม่ จึงได้เปิดรับอาจารย์ใหม่รุ่นแรกเข้าปฏิบัติงานรวม
๔ อัตรา กับได้รับอาจารย์ที่ส�ำเร็จปริญญาตรีจากออสเตรเลียและปริญญา
เอกจากฝร่ังเศสอีก ๒ ท่าน กับได้ขอโอนตัวอาจารย์จากมหาวิทยาลัยและ
หน่วยราชการอ่ืนเข้ามาอีก รวมแล้วคณะมีอาจารย์เข้ามาใหม่ไม่น้อยกว่า
๑๒ อัตรา รวมกับอัตราเก่าที่โอนมาจากคณะรัฐศาสตร์อีก ๘ อัตรา
สรุปแลว้ เมอ่ื ปีแรกทศี่ าสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวนิ เข้ามาเป็นคณบดี
มอี ตั ราอาจารยป์ ระจำ� ประมาณ ๒๐ อตั รา ซง่ึ ทกุ อตั ราบรรจเุ ปน็ อาจารยข์ อง
คณะตามที่ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ตงั้ ไว้ในแผนและโครงการ
จัดต้ังคณะและแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี ๓ ตามทไ่ี ด้
กล่าวไวแ้ ล้วข้างต้น
ส่วนเร่ืองเจ้าหน้าท่ีท่ีจะมาด�ำเนินงานธุรการ ทะเบียน และ
ห้องสมุดนัน้ ปีแรกไดอ้ ตั ราเจา้ หน้าท่ีธุรการประจ�ำแผนก ๑ อตั รา พนกั งาน
พมิ พ์ดีด ๑ อัตรา เสมียนพนกั งาน ๓ อัตรา คนงานภารโรง ๑ อัตรา และ
โดยท่ศี าสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน พจิ ารณาเห็นว่า คณะควรจะมี
อตั รากำ� ลงั ใหพ้ ร้อมถึงแมว้ ่าจะไม่มีงบประมาณซง่ึ ตอ้ งรอปีต่อไป ท่านได้ให้
นโยบายว่า “ให้ใชเ้ งินทนุ คณะจา้ งเจา้ หน้าทบ่ี รรจุลงในต�ำแหนง่ ท่ีจำ� เปน็ ให้
หมดทกุ ต�ำแหนง่ และในปีต่อไปเมื่อมีอตั ราท่ไี ดจ้ ากเงินงบประมาณแผน่ ดิน
ก็ให้คนที่ท�ำงานอยู่แล้วเข้าสมัครสอบคัดเลือกหรือสอบแข่งขันตามระเบียบ
วธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการ ถา้ บคุ คลผนู้ นั้ สอบไดก้ ใ็ หไ้ ปรบั อตั ราเงนิ เดอื นงบประมาณ
แผน่ ดนิ ซงึ่ กจ็ ะมอี ตั ราวา่ งทางเงนิ ทนุ คณะกไ็ มใ่ หย้ บุ ใหใ้ ชอ้ ตั รานน้ั บรรจคุ น

182

เข้ามาใหม่เพ่ือเป็นก�ำลังสนับสนุนให้งานก้าวหน้าต่อไป” เพราะคณะยังมี
งานใหม่ที่จะต้องจ้างเจ้าหน้าที่ที่ต้องช่วยงานต่อไปอีกในงานปีต่อ ๆ ไป
ซ่ึงเป็นงานที่จะต้องพัฒนาเพ่ิมข้ึนทุก ๆ ปี ถ้าจะมัวแต่น่ังรอต�ำแหน่งจาก
งบประมาณแผ่นดนิ อย่างเดยี วก็คงจะท�ำใหค้ ณะเตบิ โตไมไ่ ด้อย่างรวดเรว็
๒. เรอื่ งการจดั การสอบ เมอ่ื แยกงานธรุ การออกมาไดเ้ รยี บรอ้ ย ใน
การสอบปลายภาค ปกี ารศกึ ษา ๒๕๑๕ ซง่ึ จะเรม่ิ ขนึ้ ในเดอื นมนี าคม ๒๕๑๖
คณะนิติศาสตร์จึงจัดการสอบไล่กันเองเป็นคร้ังแรก โดยใช้สถานท่ีสอบ
และกองอำ� นวยการสอบเทา่ ทคี่ ณะรฐั ศาสตรอ์ นญุ าตให้ การสอบแบง่ ออกเปน็
๓ คาบคอื เชา้ บา่ ย และเยน็ เจา้ หนา้ ทค่ี มุ สอบและเจา้ หนา้ ทก่ี องอำ� นวยการ
สอบคอื คนชดุ เดยี วกนั เมอ่ื ทำ� ขอ้ สอบเสรจ็ กเ็ ขา้ ไปคมุ สอบ คมุ สอบเสรจ็ กเ็ ขา้
มาเก็บสมุดค�ำตอบพร้อมกับน�ำข้อสอบใหม่ไปแจก วนเวียนกันอยู่ซ่ึงก็เป็น
งานท่ีหนักพอดู แต่ทุกคนก็ไม่มีใครท้อถอย ต่างท�ำงานกันด้วยความสนุก
การสอบก็เป็นทเ่ี รียบรอ้ ย ไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ ท้ังนีก้ เ็ พราะท่านคณบดี
ศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ มานงั่ เปน็ ประธานอยทู่ ก่ี องอำ� นวยการ
สอบเพอ่ื ดแู ลและเปน็ กำ� ลงั ใจกบั พวกเราเกอื บตลอดเวลาระหวา่ งทมี่ กี ารสอบ
๓. เร่ืองอาคารสถานท่ี ขณะท่ีตึกของคณะนิติศาสตร์ยังก่อสร้าง
ไมเ่ สรจ็ ไดข้ อใชส้ ถานทอ่ี าคารตกึ วรภกั ดพิ์ บิ ลู ย์ คอื ตกึ ๒ ของคณะรฐั ศาสตร์
ไปพลางก่อน และต่อมาเม่ือเร่ิมปีการศึกษา ๒๕๑๗ คณะรัฐศาสตร์แจ้งว่า
ตอ้ งการใชป้ ระโยชนจ์ ากหอ้ งพกั อาจารย์ หอ้ งเรยี นทใ่ี หค้ ณะนติ ศิ าสตรใ์ ชอ้ ยู่
ทงั้ หมดตอ้ งใหย้ า้ ยไปโดยเรว็ แตค่ ณะนติ ศิ าสตรข์ ออนญุ าตอยตู่ อ่ เพราะยงั ไม่
พรอ้ มโดยอาศยั อยจู่ นถงึ วนั ท่ี ๑๓ มถิ นุ ายน ๒๕๑๗ เลขานกุ ารคณะรฐั ศาสตร์
ได้น�ำผ้าใบมาคลุมโต๊ะอาจารย์ทั้งหมดพร้อมท้ังให้ช่างทาสีมาท�ำการขูดสี
เพ่ือทาสีทันที คณะนิติศาสตร์จึงจ�ำต้องออกไปเพราะไม่สามารถจะท�ำงาน
ได้ทั้ง ๆ ที่ตึกคณะนิติศาสตร์ก็ยังไม่เสร็จ ทางคณะจึงต้องขอมหาวิทยาลัย
หยุดเรียนต่ออีก ๑ สัปดาห์เพราะตึกใหม่น้�ำประปายังไม่มี ไฟฟ้ายังไม่เข้า

183

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

บรรดาคณาจารย์จึงได้ช่วยกันพานิสิตไปติดต่อการไฟฟ้าให้มาเดินสายไฟ
และติดตั้งหม้อแปลง อีกส่วนหนึ่งไปการประปาเพ่ือขอให้เจ้าหน้าที่มาต่อ
ท่อประปา ผมจ�ำได้ว่า กว่าจะต่อท่อประปาเสร็จก็ล่วงเข้าสองยามแล้ว
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งไปติดต่อองค์การโทรศัพท์ให้มาติดตั้งโทรศัพท์โดยด่วน
เพราะมคี วามสำ� คญั มากในเรอ่ื งการตดิ ตอ่ กบั อาจารยพ์ เิ ศษซง่ึ มเี ปน็ สว่ นใหญ่
เกดิ ความขลกุ ขลกั กบั เราอกี ประมาณ ๑ อาทติ ย์ นสิ ติ ตอ้ งเขา้ ไปในหอ้ งเรยี น
ซ่ึงมีไม้กระบอกที่เป็นน่ังร้านโครงสร้างอาคารคาอยู่ในห้องเรียน บางห้อง
พน้ื ห้องเรียนยังไม่แห้งและขัดพื้นยงั ไม่เสรจ็ นิสติ ตอ้ งค่อย ๆ ย่องเข้าไปและ
ขอให้คนงานหยุดขดั พืน้ ชว่ั คราวตอนนิสิตเรียน ส่วนถนนหนทางที่จะข้ึนไป
บนตึกก็ยังเป็นดินลูกรัง เวลาฝนตกเฉอะแฉะมาก แต่ท้ังนิสิตและอาจารย์
ไม่ได้ย่อท้อพยายามที่จะช่วยกันให้เรามีคณะใหม่ที่สมบูรณ์ ระหว่างท่ี
เจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้า การประปา และองค์การโทรศัพท์มาด�ำเนินงาน
ติดต้ังนอกเวลาราชการ เราก็ได้อาจารย์และนิสิตอยู่ช่วยดูแลเจ้าหน้าท่ี
เหลา่ น้นั อยตู่ ลอดเวลา ศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ ไดส้ ั่งกำ� ชับผม
ตลอดเวลาเช่นกันว่า น�้ำและเสบียงอาหารให้ดูแลให้อาจารย์ นิสิตและ
เจ้าหน้าท่ีท่ีมาปฏิบัติงานให้ได้รับบริการอย่างเต็มที่ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
เรื่องเงิน ถ้าเบิกคณะไม่ได้ให้ใช้เงินส่วนตัวของท่าน บางวันท่านกลับบ้าน
ไปแล้ว กลางคนื ท่านยงั กลับมาดแู ลพวกเราท่ที �ำงานอีกครงั้ หนง่ึ
ปัญหาอีกเร่ืองหน่ึงก็คือ การปรับปรุงภูมิทัศน์ในบริเวณคณะซึ่ง
เดิมเคยเป็นสลัมและกองขยะ เม่ือย้ายเข้ามาอยู่ในน้ันไม่มีต้นไม้ใหญ่เลย
รองศาสตราจารยว์ มิ ลศริ ิชำ� นาญเวชและรองศาสตราจารยโ์ กศลโสภาคยว์ จิ ติ ร
รับเป็นเจ้าของงาน ท้ังไปซ้ือต้นไม้ ซ้ือหญ้ามาปลูกด้วยตนเองในวันหยุด
บางวันก็ใช้เวลาตอนเลิกงานตอนเย็น ผมและรองศาสตราจารย์โกศล
โสภาคยว์ ิจิตร ได้ไปซื้อต้นไม้ดว้ ยกนั ถึงกองสวนสาธารณะของ กทม. ซ่งึ เป็น
สวนเพาะชำ� ตน้ ไมอ้ ยทู่ บ่ี างมด อาจารยห์ ลายทา่ นไดอ้ อกเงนิ ซอ้ื ตน้ ไมก้ นั เอง
มาปลกู แข่งกนั ไวเ้ ปน็ อนุสรณอ์ ย่างสนกุ

184

ส่วนเรื่องครุภัณฑ์ คณะนิติศาสตร์ต้องมาสร้างครุภัณฑ์ใหม่ข้ึนเอง
ทกุ อยา่ ง จะไดม้ าเฉพาะโตะ๊ อาจารยเ์ พยี ง ๑๐ ตัวท่ไี ด้มาจากคณะรัฐศาสตร์
เพราะตามระเบียบวิธีปฏิบัติราชการ อาจารย์ท่ีเป็นอัตราใหม่เข้ามาบรรจุ
ทไี่ หนก็ตามจะต้องไดโ้ ตะ๊ ทำ� งาน ๑ ตัวจากงบประมาณแผ่นดนิ แมแ้ ต่โตะ๊
ของศาสตราจารย์ ดร.ประยูร กาญจนดุล ให้ขอโต๊ะที่น่ังสมัยเป็นหัวหน้า
แผนกวิชามาไว้ท่ีคณะนิติศาสตร์ด้วย แต่ทางคณะรัฐศาสตร์แจ้งว่าไม่
สามารถให้ได้เพราะศาสตราจารย์ ดร.ประยูร กาญจนดุล ไม่ได้มีต�ำแหน่ง
เป็นอาจารยป์ ระจ�ำ จะให้ไดเ้ ฉพาะอาจารย์ทม่ี ีตำ� แหนง่ ประจ�ำเท่านั้น ทาง
คณะรัฐศาสตร์จ�ำเป็นต้องรักษากฎและระเบียบพัสดุโดยเคร่งครัด ดังนั้น
ศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ จงึ ไดม้ อบใหผ้ มไปดำ� เนนิ การจดั ซอื้ โตะ๊
เกา้ อใ้ี หอ้ าจารยใ์ หมท่ งั้ หมดโดยเปน็ เกา้ อน้ี วมหมนุ ไดโ้ ดยใชเ้ งนิ ทนุ คณะ สว่ น
โตะ๊ เกา้ อที้ �ำงานต่าง ๆ ทยี่ ังไม่มีตามงบประมาณก็ให้จัดซอื้ ตามความจำ� เป็น
ผมยังจ�ำไดว้ ่า ผู้ที่ไปจดั ซ้อื ดว้ ยกนั มีผมและอาจารย์ ดร.สพุ จน์ ไขม่ กุ ด์ กับ
ผศ.อรพนิ ท์ ขจรอำ� ไพสขุ ไดไ้ ปเดนิ สอบราคาตามท่ีต่าง ๆ หลังจากทานขา้ ว
กลางวนั เสรจ็ เปน็ งานทสี่ นกุ ในขณะทย่ี งั เพง่ิ เรม่ิ เปน็ อาจารยใ์ หม่ ๆ กนั ทง้ั นนั้
๔. การจดั ตง้ั หอ้ งสมดุ โดยทผ่ี มสำ� เรจ็ อนปุ รญิ ญาบรรณารกั ษศาสตร์
จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ จึงได้รับภาระหน้าท่ีให้วางแผนโดยให้ขอ
หนังสือจากศูนย์แนะน�ำกฎหมาย ซ่ึงได้จัดต้ังขึ้นในสมัยท่ีอาจารย์ประสิทธ์ิ
โฆวไิ ลกลู และผชู้ ว่ ยศาสตราจารยจ์ ฑุ า กลุ บศุ ย์ เปน็ นสิ ติ โดยมกี ารรว่ มกนั จดั
กจิ กรรมหาเงนิ กนั เองของนสิ ติ รนุ่ นนั้ และขอรบั เงนิ บรจิ าคเพอื่ มาจดั ตง้ั ศนู ยฯ์
ดังกล่าวกันเอง เพราะห้องสมุดของคณะรัฐศาสตร์แทบจะไม่มีหนังสือ
ด้านกฎหมายท่ีนิสิตนิติศาสตร์จ�ำเป็นต้องใช้เลย ส่วนการขอหนังสือจาก
ห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ซึ่งเป็นหนังสือท่ีเก่ียวกับกฎหมาย อาทิ รายงาน
การประชุมสภา ราชกิจจานุเบกษา ค�ำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งเป็นหนังสือที่
นิสิตจะต้องใช้ค้นคว้า ทางคณะรัฐศาสตร์ตอบมาว่า ไม่สามารถให้กับคณะ

185

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ

นติ ศิ าสตรไ์ ด้ เพราะถอื วา่ เปน็ หนงั สอื ของคณะรฐั ศาสตรซ์ ง่ึ มกี ารลงทะเบยี น
เป็นของคณะรัฐศาสตร์แล้ว และหนังสือเหล่าน้ีใช้เงินงบประมาณแต่ละปี
ในนามของคณะรฐั ศาสตร์ ซง่ึ ความเปน็ จรงิ นนั้ งบประมาณครงึ่ หนงึ่ ในแตล่ ะ
ปเี ปน็ ของแผนกวชิ านติ ศิ าสตรซ์ ง่ึ มนี สิ ติ ครงึ่ หนงึ่ ของคณะรฐั ศาสตรเ์ มอ่ื ตอนที่
ยงั เปน็ คณะเดยี วกนั ฉะนน้ั คณะนติ ศิ าสตรจ์ งึ ตอ้ งรบี จดั ซอื้ หนงั สอื โดยเงนิ ท่ี
ไดร้ บั จากงบประมาณแผน่ ดนิ จากเงนิ ทนุ คณะ และเงนิ บรจิ าคเพอื่ ซอื้ หนงั สอื
ส�ำคัญท่ีจ�ำเป็นเร่งด่วน และเงินส่วนตัวพร้อมกับหนังสือท่ีศาสตราจารย์
ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน มอบให้ด้วย จึงเป็นอันว่า เมื่อคณะนิติศาสตร์ย้าย
มาอยตู่ ึกของคณะเองท่สี รา้ งเสร็จเรยี บรอ้ ย ก็มีห้องสมุดที่สมบรู ณ์พรอ้ มกบั
บรรณารกั ษแ์ ละเจา้ หนา้ ท่ีเปดิ บรกิ ารได้เตม็ รูปแบบทนั ที

ดงั นน้ั จะเห็นได้วา่ การจดั ตั้งคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ขึน้ นนั้ ไดผ้ ่าน

ปัญหาและอุปสรรคมากมาย ซ่ึงในส่วนที่ผมเขียนนี้เป็นเพียงส่วนหน่ึงท่ีผม
เกี่ยวข้องโดยตรง และก็เป็นโชคดีของคณะนิติศาสตร์ที่ได้ศาสตราจารย์
ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ มาเปน็ ผวู้ างแผนในการกอ่ ตง้ั และเปน็ คณบดผี บู้ กุ เบกิ
สร้างองค์กรคณะนิติศาสตร์ข้ึนเอง ประกอบกับท่านเป็นผู้น�ำองค์กรที่มี
ความรคู้ วามสามารถและมสี ตปิ ญั ญาอนั เฉยี บแหลมมคี วามเปน็ ธรรมมจี รยิ ธรรม
มีเมตตาธรรม มีน�้ำใจโอบอ้อมอารีกับทั้งนิสิตและผู้ใต้บังคับบัญชา
จงึ ทำ� ใหค้ ณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าฯ เจรญิ รงุ่ เรอื งมาจนถงึ ทกุ วนั นี้ ดงั ทผี่ มไดก้ ลา่ ว
ไวแ้ ลว้ แตต่ อนแรก
บทความนเี้ ขยี นขนึ้ เมือ่ ๘ มถิ ุนายน ๒๕๕๘

186

ภาคท่ี ๒

"ศิษย์ระลึกถึงอาจารย์"

ศาสตราจารย์ไชยยศ เหมะรัชตะ
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์จุฑา กุลบุศย์
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักด์ิ อุวรรณโณ

ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ
รองศาสตราจารย์ธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย
ศาสตราจารย์ ดร.ศักดา ธนิตกุล
ศาสตราจารย์ ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

นอ้ มวนั ทา กตญั ญุตา บชู าครู
แด.่ .....ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน

บรู พาจารย์ เนตศิ าสตร์ ปราชญก์ ฎหมาย เชือ่ มขยาย หลักยตุ ธิ รรม น�ำมาสอน
ผู้กอ่ ตง้ั “นติ ิศาสตร์ จุฬาลงกรณ์” ให้รบั ใช้ ราษฎร แต่กอ่ นมา
หลักด�ำริ “นติ ธิ รรม” อนั แพรว้ เพรศิ กอ่ กำ� เนิด “มนษุ ยธรรม” ล้ำ� เลอคา่
หลกั ด�ำรง “มงคลธรรม” กตัญญุตา คอื ปรชั ญา หลกั ธรรม นำ� ชีวี
ปณิธาน เทยี่ งธรรม ยำ�้ แน่วแน่ คือแกน่ แท้ เสาหลกั สมศักดิ์ศรี
นติ ริ ัฐ นติ ิธรรม อันพึงมี คือหนา้ ท่ี เทยี่ งตรง ธ�ำรงไทย
พรหมลิขิต ศิษยอ์ าจารย์ มานานเนิน่ เหตุบงั เอิญ ครูอาสา ให้อาศยั
พาส่งบ้าน ผา่ นวนั คนื ต้นื ตันใจ ดัง่ สายใย ใหพ้ นั ผกู ดว้ ยผูกพัน
ครูผูส้ อน ปอ้ นความรู้ คูค่ วามคิด ครูผชู้ ้ี ถกู ผดิ ใหค้ ิดอ่าน
ครูผู้ให้ ประสิทธิ์ประสาท วชิ าการ ครผู ู้รู้ เช่ยี วชาญ มากฝีมอื
งานกฎหมาย บา้ นเมอื ง ทา่ นเปรื่องปราด ประโยชนช์ าติ สนองรัฐ อยา่ งสัตยซ์ อื่
นติ ิบัญญตั ิ รัฐสภา เกยี รติเลอื่ งลือ ด้วยยดึ ถอื ประโยชนส์ ว่ น มวลประชา
ประธานสรา้ ง “ตึก สก” สภากาชาด เฉลิมฉลอง วโรกาส ๖๐ พรรษา
สมเดจ็ พระนางเจ้า องคส์ ภานายิกา แรงศรัทธา น้อมถวาย คณุ แผน่ ดนิ
บำ� เพ็ญทาน งานสาธารณะ ประโยชนค์ า่ พัฒนา ตอบแทนจฬุ า สรา้ งทรพั ย์สนิ
ห้องประชมุ “ศ.ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวิน” อนสุ รณ์ คูแ่ ผ่นดนิ ถน่ิ ทำ� งาน
จิตถงึ ธรรม น�ำเหน็ ทาง สร้างศรัทธา ท�ำนุบ�ำรงุ ศาสนา พทุ ธสถาน
ปฏิสงั ขรณ์ กุฏิวัด ธรรมทาน พพิ ิธภณั ฑ์ “สักทองโบราณ” เทวราชกุญชร

188

พทุ ธสังขรณ์ ปรยิ ัติ ธรรมทายาท ใหห้ นอ่ เนือ้ พุทธศาสน์ ศกึ ษาสอน
เชื่อมโยงยดึ หลกั ธรรม ล�ำ้ บวร อนุสรณ์ พุทธวจน พระสัมมา
ขออำ� นาจ พระรตั นตรัย ได้ปกปอ้ ง โปรดคมุ้ ครอง ปกปกั คอยรักษา
ดว้ ยอายุ วัณโณ อโรคยา เปน็ เสาหลกั เป่ียมปัญญา บุญบารมี
ยอดนักบุญ หนนุ เก้ือ เพ่อื ศาสนา ยอดครูบา อภิญญาจารย์ ศานต์สขุ ี
สขุ ประสพ ครบรอบ ๘๒ ปี คณุ ความดี สถติ มั่น นริ ันดรก์ าล
ดง่ั โพธิใ์ หญ่ ใหร้ ม่ เงา เหล่าลกู ศษิ ย ์ ด่ังชีวิต ใหพ้ นั ผูก เหล่าลกู หลาน
ดั่งต้นแบบ ประสานผสม อดุ มการณ์ ดง่ั สายธาร ชโลมชุ่ม คมุ้ กายา
ปราชญาจารย์ เอกบุรุษ ยุคสมยั ความภมู ใิ จ สานุศษิ ย์ ทกุ ทศิ า
ขอความสุข สุขสวสั ด์ิ วฒั นา น้อมวนั ทา กตัญญตุ า บชู าครู

(ศาสตราจารย์ไชยยศ เหมะรัชตะ) ราชบัณฑติ
นายกสภามหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร

และนายกสภามหาวทิ ยาลัยราชพฤกษ์

189

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

อาจารยิ านสุ รณ์

โดย ศาสตราจารย์กติ ตคิ ณุ ดร.วิษณุ เครืองาม

สมัยท่ผี มเร่มิ เขา้ เรยี นกฎหมายทธ่ี รรมศาสตร์เม่ือเกือบ ๕๐ ปกี อ่ น
มักมีการพูดถึงศิษย์เก่ารุ่นพ่ีธรรมศาสตร์หลายคนที่ไปมีช่ือเสียงในวงการ
ตลุ าการ อยั การ ทนายความ ทตู านทุ ตู และฝา่ ยปกครองดว้ ยความภาคภมู ใิ จ
และอยากเจริญรอยตาม แต่ผมจ�ำชื่อศิษย์เก่ารุ่นพี่คนหน่ึงได้แม่นย�ำ ชื่อ
ดร. อุกฤษ มงคลนาวิน เพราะท่านไปมีช่ือเสียงโด่งดังทางวิชาการ
เปน็ ครบู าอาจารยส์ อนกฎหมายอยทู่ จ่ี ฬุ าฯ ทง้ั ทจ่ี ะเอาดดี า้ นอน่ื กไ็ ด้ สมยั นนั้
คนจบปริญญาเอกทางกฎหมายจากฝรั่งเศสแล้วเลือกเป็นครูสอนกฎหมาย
แทนทจี่ ะไปทำ� งานไดเ้ งนิ เดอื นสงู ๆ ตำ� แหนง่ โก้ ๆ นบั เปน็ ความเสยี สละอยา่ ง
หนึ่ง ที่จริงความประทับใจมีมาก่อนย้อนไปตั้งแต่สมัยเมื่อผมยังเรียนอยู่ชั้น
มธั ยมปลายดว้ ยซำ้� เพราะครง้ั หนงึ่ มโี อกาสไปเบยี ดเสยี ดฟงั การอภปิ รายครงั้
ประวตั ศิ าสตรท์ ห่ี อประชมุ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั วา่ ดว้ ยอำ� นาจอธปิ ไตยกบั
ความมน่ั คงของชาตดิ ว้ ยความตน่ื ตาตน่ื ใจ ผอู้ ภปิ รายครงั้ นนั้ มนี ายกรฐั มนตรี
ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา ซ่ึงเป็นการเผชิญหนา้ รว่ มวงอภปิ ราย
ของสามบกิ๊ เปน็ ครงั้ แรกของประเทศไทย โดยมอี าจารยห์ นมุ่ ฟอ้ หลอ่ เฟย้ี วจาก
จุฬาฯ ที่ชื่อ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน เป็นผู้ด�ำเนินการอภิปราย ท่านช่วย
เช่ือมโยง ร้อยเรียง และสร้างบรรยากาศให้การอภิปรายคร้ังนั้นมีสีสัน
สนุกสนานอย่างนา่ พิศวง พดู กพ็ ูดเถอะ ผมแอบจำ� สไตล์นน้ั มาใช้จนถงึ บัดนี้
เมื่อผมเรียนจบปรญิ ญาตรีทางกฎหมายจากธรรมศาสตร์ ผมอยาก
เป็นอาจารยเ์ หมือน ดร.อกุ ฤษ มีคนแนะให้ผมไปสมัครเปน็ อาจารย์ที่จุฬาฯ
ขณะนนั้ ดร.อกุ ฤษเพงิ่ เปน็ คณบดคี ณะนติ ศิ าสตรไ์ ดไ้ มน่ าน นน่ั นา่ จะเปน็ การ

190

พบปะและสนทนาวิสาสะกนั แบบ “ตัวเปน็ ๆ” ครัง้ แรก ทา่ นตอ้ นรับขับสู้
อย่างเมตตา ย้ิมแย้มแจม่ ใส แนะน�ำ ให้กำ� ลังใจ แม้จะแจง้ วา่ คณะเพงิ่ จัดตง้ั
ข้ึนใหม่ ยังไม่มีอัตราอาจารย์ประจ�ำวุฒิปริญญาตรี ท่านแนะน�ำให้หาทาง
ไปเรียนต่อให้มีวุฒิสูงขึ้นแล้วค่อยมาสมัคร “ชะตาน้ันต้องกันแล้ว แต่ต้อง
รอให้โอกาสต้องกันอีกด้วย ถึงตอนนั้นเราน่าจะได้ท�ำงานด้วยกัน” ผมจ�ำ
ประโยคนัน้ ไดด้ ี เพราะตอ่ มาผมสอบได้ทุน ก.พ. ไปเรียนตอ่ ท่ีสหรัฐอเมรกิ า
ทุนน้ันมีให้เลือกประเภทที่กลับมาเป็นผู้พิพากษา อัยการ หรืออาจารย์
ประจำ� คณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าฯ ผมเลอื กทนุ ประเภทกลบั มาเปน็ อาจารยจ์ ฬุ าฯ
(คณุ พรเพชร วชิ ติ ชลชยั เลือกประเภทกลับมาเป็นผพู้ พิ ากษา คุณชยั เกษม
นิติศิริ เลือกประเภทกลับมาเป็นอัยการ) มีคนท้วงเหมือนกันว่าจบจาก
ธรรมศาสตรแ์ ลว้ ไปทำ� งานท่ีจฬุ าฯ จะไหวหรอื ผมตอบไปวา่ ที่ไหน ๆ ก็คือ
ประเทศไทย ข้อส�ำคัญคือทโ่ี น่นมี ดร.อกุ ฤษ
ลงท้ายผมก็ได้ไปเรียนจนจบกลับมาชดใช้ทุนที่จุฬาฯ ตอนจบ
ปริญญาโท ดร.อุกฤษเป็นคนสนับสนุนให้ได้เรียนต่อในระดับปริญญาเอก
ระหว่างเรียนอยู่ท่ีสหรัฐอเมริกา อาจารย์อุกฤษและท่านผู้หญิงมณฑินี
เคยแวะไปเยี่ยม เสียดายท่ีท่านมีเวลาไม่ก่ีชั่วโมงและเป็นยามค�่ำคืนอีกด้วย
จึงไม่มีโอกาสต้อนรับขับสู้มากนัก ท่านพาไปเลี้ยงอาหารม้ือหนึ่งและให้
ก�ำลงั ใจอย่างมาก
ผมกลบั มาชดใชท้ นุ ทจี่ ฬุ าฯ เมอื่ ปลายปี ๒๕๑๙ และอยใู่ ตก้ ารบงั คบั
บญั ชาของอาจารยอ์ กุ ฤษในฐานะทท่ี า่ นเปน็ คณบดี จำ� ไดว้ า่ วนั ไปรายงานตวั
ทา่ นยนื่ มอื มา จบั มอื ดว้ ยแลว้ ตบไหลพ่ ดู วา่ “คนทำ� บญุ รว่ มกนั มา สดุ ทา้ ยตอ้ ง
มาอยู่ด้วยกันจนได้” ผมอยู่กับท่านมาด้วยความสุข จนใช้ทุนครบก�ำหนด
แตผ่ มกย็ งั อยคู่ ณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าฯ ใตบ้ งั คบั บญั ชาของทา่ นตอ่ มาอกี หลายปี
ด้วยความสุขสวัสดี เพราะท่านเอาใจใส่ดูแลทุกข์สุขท้ังของอาจารย์ นิสิต
เจ้าหน้าที่ จนถึงนักการภารโรง เวลาพูดกับใครก็ตาม ท่านจะเรียกตัวเอง

191

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ

ว่า “เรา” และออกช่ือคู่สนทนาอย่างเป็นกันเองทุกคร้ัง ใครมีปัญหาไป
ปรึกษา ท่านก็แก้ไขให้ มีช่องทางใดที่จะเปิดตัวผู้ใต้บังคับบัญชาออกไปสู่
โลกภายนอก ทา่ นกส็ นบั สนนุ สง่ เสรมิ เมอ่ื ผมไปเปน็ พธิ กี รสมคั รเลน่ รายการ
โทรทัศนร์ ายการหนึง่ ของทางราชการ ทา่ นโทรไปตชิ มแทบทุกครง้ั หลังการ
ออกอากาศ บางวันก็ติว่า “เวลาพูดมือไม้ร�ำป้อมากไปหน่อย ทีหลังเอา
มอื ขวากมุ มอื ซ้ายกดไวใ้ ห้นิง่ ” บางวนั กช็ มว่า “วันน้ดี ีแล้ว แตเ่ วลาพดู ตอ้ ง
คิดว่าเราก�ำลังพูดกับคู่สนทนา และพูดกับผู้ชมพร้อมกัน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่าย
หนง่ึ แตฝ่ า่ ยเดยี ว”
อาจารย์อุกฤษเป็นคนท�ำอะไรต่อมิอะไรแก่วงการศึกษาวิชา
กฎหมายของประเทศไทยอย่างมาก ในยุคที่การจัดการศึกษากฎหมายยัง
เป็นเร่ืองไม่เคยชินกันเพราะคุ้นกับการท่ีคณะมีอาจารย์ประจ�ำคนสองคน
นอกนนั้ ตอ้ งพง่ึ อาจารยพ์ เิ ศษจากศาล อยั การ แคม่ กี ระดาน ๑ แผน่ ชอลก์ ๑
กลอ่ ง ไมโครโฟน ๑ ตวั กพ็ อสอนกันได้ ท่านเป็นคนริเรม่ิ ตงั้ คณะ สร้างคณะ
สรา้ งตกึ หอประชมุ ห้องสมดุ หาทุนให้นสิ ิต เปิดรับอาจารย์ประจำ� หาทุน
ส่งอาจารย์ไปเรียนต่อต่างประเทศ จนกลับมาเป็นก�ำลังส�ำคัญของคณะ
หลายคน ทา่ นสง่ เสรมิ การเขยี นตำ� รา สรา้ งบรรยากาศการเรยี นการสอนและการ
ใช้ชีวิตแบบชาวมหาวิทยาลัย ริเริ่มออกวารสารกฎหมาย ต้ังศูนย์เผยแพร่
ความรทู้ างกฎหมาย ใหอ้ าจารยร์ บั ตอบปญั หากฎหมายแกช่ าวบา้ น จดั รายการ
วิทยุ รายการโทรทัศน์ จนการเป็นอาจารย์สอนกฎหมายเป็นอาชีพท่ี
สง่างาม มีเกียรติในสังคม ท้ังท่านจัดงานหารายได้น�ำคณะนิสิตเข้าเฝ้า
ทูลละอองธุลีพระบาททูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลในวันรพี
ตอ่ เนอื่ งกันมาหลายปี จนเป็นโอกาสให้วงการกฎหมายได้รับพระราชทาน
พระราชดำ� รสั เก่ยี วกบั กฎหมายหลายองคแ์ ละยังใชอ้ ้างองิ มาจนบดั น้ี
แม้ท่านอาจารย์จะเป็นนักกฎหมายท่ีรอบรู้เช่ียวชาญ แต่ท่านมัก
ออกตัวอยู่เสมอว่า “ความรู้อาจเรียนทันกันหมด” นักกฎหมายเก่งมีมาก

192

แล้ว ท่านจึงขอเป็นนักบริหารจัดการด้านการศึกษากฎหมายและนิติธรรม
เพื่อให้พวกหัวกฎหมายทั้งหลายได้มีโอกาสแสดงฝีมือดีกว่า แล้วท่านก็เป็น
นกั บรหิ ารจดั การอยา่ งยอดเยยี่ มจรงิ ๆ ดว้ ยการโนม้ นา้ วและนำ� เอาศกั ยภาพ
ส่วนที่ดี เด่น เข้มแข็งของแต่ละคนออกมาให้ปรากฏ ที่ใดมีความขัดแย้ง
กินแหนงแคลงใจกัน ท่านก็เข้าไปประสานจนสมานกันได้ ใครมีฝีมือทาง
ขดี เขยี น ทา่ นหาเวทีใหข้ ีดเขยี น ใครมีฝีมือทางการพูด ทา่ นสนับสนุนให้ไป
สอนบรรยายหรอื แสดงปาฐกถาในทต่ี า่ ง ๆ เมอื่ ใดตอ้ งการความเจรญิ ทางวตั ถุ
ท่านหางบประมาณหาอุปกรณ์มาให้ เงินทุนคณะท่ีหลายคณะภูมิใจว่า
เก็บสะสมไว้ได้มากมายไม่ต้องการน�ำมาใช้ ท่านกลับมีทฤษฎีว่าเม่ือจ�ำเป็น
ต้องใช้เพราะงบประมาณแผ่นดินไม่พอก็ต้องเอาออกมาใช้แล้วหาใหม่
หลายเรื่องท่านควักเงินส่วนตัวให้ด้วยซ้�ำ คุณูปการของท่านในด้านน้ี
มากมายนกั
ขยับไปถึงระดับประเทศชาติบ้านเมือง ท่านเคยเป็นท่ีปรึกษา
กฎหมายให้รัฐบาลหลายคณะ สมัยท่ีท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักด์ิ
อาจารยอ์ กุ ฤษเสนอใหม้ กี ารตงั้ คณะกรรมการตรวจสอบการทจุ รติ เปน็ ครง้ั แรก
โดยท่านเองได้เป็นเลขานุการคณะกรรมการน้ัน พลต�ำรวจตรี อรรถสิทธิ์
สทิ ธิสนุ ทร “เปาบนุ้ จ้ิน” ของไทย เปน็ ประธาน ซึง่ คณะกรรมการชุดนั้นเป็น
จดุ กำ� เนดิ ของ ป.ป.ป. และกลายมาเปน็ ป.ป.ช. ในเวลาต่อมา
ทา่ นอาจารย์อกุ ฤษได้เป็นคณบดคี ณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าฯ อย่หู ลายปี
เช่นเดียวกับที่เป็นประธานวุฒิสภาและสภานิติบัญญัติแห่งชาติอยู่หลายปี
หลายสมัย คราวน้ีความสามารถในการเป็นนักบริหารจัดการของท่าน
ขา้ มไปปรากฏใหเ้ หน็ ในวงการนติ บิ ญั ญตั ิ ซงึ่ ทา่ นกบ็ รหิ ารจดั การไดเ้ รยี บรอ้ ย
สง่างาม และมีเกียรติ ในชว่ งหนงึ่ ผมมโี อกาสเป็นสมาชิกวุฒสิ ภาด้วย ไดร้ ับ
ความรู้และเทคนิควิธีท�ำงานทางการเมืองจากท่านซึ่งผมไม่เคยเห็นสมัย
อยู่คณะนิติศาสตร์ เทคนิคดงั กล่าวเป็นประโยชน์แกผ่ มสืบมาจนบดั นี้

193

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ

เรอ่ื งทจี่ ะพดู ถงึ ทา่ นอาจารยอ์ กุ ฤษกบั ผลงานดา้ นอน่ื ยงั มอี กี มาก เชน่
งานด้านศาสนา ดังที่พยานหลักฐานปรากฏอยู่ท่ีวัดเทวราชกุญชร เป็นต้น
และงานด้านสังคมดังท่ีพยานหลักฐานปรากฏอยู่ที่ตึกสิริกิต์ิคู่กับตึกภูมิพล
ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปน็ ตน้
ผมภูมิใจที่เคยเป็นศิษย์และเคยอยู่ใต้การบังคับบัญชาของท่าน
ในโอกาสที่ท่านมีอายุ ๘๒ ปีในวาระน้ี แม้จะไม่ถึงวงรอบหรือครบรอบใด
ตามธรรมเนยี ม แต่ลกู ศิษย์ หลานศษิ ย์ และผูเ้ คยอยู่ใตบ้ งั คับบญั ชา ซึง่ ทา่ น
เรยี กวา่ “เพอ่ื นรว่ มงาน” ตลอดจนผทู้ เี่ คยไดร้ บั ความเมตตาจากทา่ นตา่ งเหน็
พอ้ งตอ้ งกนั วา่ อยากคดิ อยากพดู อยากเขยี น และอยากทำ� อะไรสกั อยา่ งเพอื่
ท่านบา้ ง ๘๒ ก็ ๘๒ เถอะ เอาไว้ครบ ๗ รอบนักษัตร ๘๔ ปแี ลว้ จะทำ� อะไร
ใหก้ ึกก้องกมั ปนาทกว่าน้คี อ่ ยว่ากนั ใหม่ วาระนี้จึงขออ�ำนาจคุณงามความดี
ของทา่ นอาจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ที่ไดก้ ระทำ� บำ� เพ็ญตอ่ ประเทศชาติ
วงการนติ ศิ าสตร์ พระศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ค้มุ ครองรักษา
ให้ท่านเจริญอายุวัฒนาสถาพร มีสุขภาพกายใจเข้มแข็งตลอดไปเทอญ

นายวษิ ณุ เครอื งาม
รองนายกรัฐมนตรี

194

๘๒ ปี ศาสตราจารย์ ดร. อกุ ฤษ มงคลนาวนิ

โดย ผู้ช่วยศาสตราจารยจ์ ฑุ า กลุ บศุ ย์

ท่านอาจารย์อุกฤษ เป็นผู้มีบุญคุณต่อคณะนิติศาสตร์ เมื่อท่าน
ได้เข้ามาเป็นอาจารย์ในภาควิชานิติศาสตร์ ในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ซึ่งผมยังเป็นนิสิตภาควิชานิติศาสตร์
ในชั้นปีที่ ๓ ท่านเป็นผู้มีความคิดริเร่ิม และผลักดันท่ีจะต้องยกฐานะภาค
วชิ านติ ศิ าสตรใ์ หข้ นึ้ เปน็ คณะนติ ศิ าสตรต์ ามแบบอยา่ งของการจดั การศกึ ษา
กฎหมายท่ีเป็นสากล ที่จะต้องจัดการสอนกฎหมายในมหาวิทยาลัยในรูป
ของคณะ หรือโรงเรยี นกฎหมาย อยา่ งเป็นเอกเทศ เนอ่ื งจากวิชานิตศิ าสตร์
เปน็ วิชาทม่ี คี วามส�ำคัญต่อประเทศชาติและสงั คม
คณะนิติศาสตร์ ได้ก่อต้ังขึ้นส�ำเร็จสมตามความต้ังใจและความ
พยายามของท่านอาจารย์อุกฤษ ตามที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว แต่
นอกจากเปน็ ผผู้ ลกั ดนั ใหก้ อ่ ตง้ั คณะนติ ศิ าสตรข์ น้ึ มาแลว้ ทา่ นยงั ไดพ้ ยายาม
สร้างคณาจารย์ประจ�ำ ซึ่งถือเป็นหัวใจส�ำคัญของการสร้างคณะนิติศาสตร์
ท่านไดพ้ ยายามปลกู ฝงั ชักจงู และสนบั สนนุ ใหบ้ รรดานสิ ติ ที่มผี ลการเรียน
ในระดบั ดี ให้มีความสนใจทจี่ ะเขา้ มาเปน็ อาจารย์สอนวชิ ากฎหมาย แทนท่ี
เพยี งแตค่ ดิ จะไปเปน็ ผพู้ พิ ากษาหรอื อยั การ ซง่ึ เปน็ ตำ� แหนง่ ทสี่ งู กวา่ และให้
ผลตอบแทนมากกวา่ การเปน็ อาจารยใ์ นมหาวทิ ยาลยั ทา่ นไดพ้ ยายามจดั หา
ต�ำแหน่งอาจารย์ และจัดหาทุนของมหาวิทยาลัย รวมท้ังทุนส่วนตัวของ
ทา่ นเอง เพอื่ ใหผ้ ทู้ ส่ี นใจจะมาเปน็ อาจารยไ์ ดม้ โี อกาสไปเรยี นตอ่ ในตา่ งประเทศ
ซ่ึงส่งผลให้มีพวกเราหลายคนได้ตัดสินใจเข้ามาเป็นอาจารย์ ได้ไปเรียนต่อ
และกลับมาเป็นกำ� ลงั ส�ำคัญใหก้ ับคณะนติ ิศาสตร์ ตลอดระยะเวลาท่ผี า่ นมา

195

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ

ผมเปน็ อกี คนหนง่ึ ทท่ี า่ นอาจารยไ์ ดช้ กั จงู สำ� เรจ็ เปลยี่ นใจไมไ่ ปเปน็ ผพู้ พิ ากษา
และไดร้ บั การสนบั สนนุ จากทา่ นใหไ้ ปเรยี นตอ่ ในตา่ งประเทศ อาจกลา่ วไดว้ า่
การที่ผมได้เข้ามาเป็นอาจารย์ในคณะนิติศาสตร์ และได้สอนวิชากฎหมาย
มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๒ จนถึงปัจจุบัน ก็เพราะท่านอาจารย์อุกฤษ ดังนั้น
นอกจากท่านอาจารย์อุกฤษจะเป็นผู้มีบุญคุณกับคณะนิติศาสตร์แล้ว
ท่านยังเป็นผู้ท่ีมีบุญคุณกับพวกเราชาวนิติศาสตร์ จุฬาฯ อีกหลาย ๆ คน
โดยยงั ไมน่ บั รวมถงึ การทที่ า่ นไดอ้ ทุ ศิ ตนเขา้ มาเปน็ อาจารยใ์ นคณะนติ ศิ าสตร์
และไดถ้ า่ ยทอดวชิ าความรแู้ ละความคดิ ในดา้ นตา่ ง ๆ ใหก้ บั พวกเรา ในฐานะ
ทเ่ี ปน็ อาจารย์ และในฐานะคณบดีคณะนติ ศิ าสตร์
การทค่ี ณะนติ ศิ าสตรแ์ ละบรรดาศษิ ยเ์ กา่ ไดร้ ว่ มกนั จดั ใหม้ กี ารสรา้ ง
ถาวรวัตถุขึ้นในคณะนิติศาสตร์เพื่อเป็นเกียรติกับท่าน และเพื่อระลึกถึง
คุณความดขี องทา่ นท่ีมีต่อคณะนติ ศิ าสตรแ์ ละพวกเราชาวนติ ิศาสตร์ จุฬาฯ
เนื่องในโอกาสท่ีท่านอาจารย์มีอายุครบ ๘๒ ปี จึงเป็นเร่ืองท่ีเหมาะสม
และสมควรกระทำ� เปน็ อยา่ งย่ิง

ดว้ ยความรักและเคารพ
จุฑา กลุ บศุ ย์

196

นิติศาสตร์ร�ำลึก :
ศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ

โดย ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ ดร.สรุ เกียรต์ิ เสถียรไทย

ผมเข้าเป็นนิสิตปี ๑ ของคณะนิติศาสตร์ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งมี

ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน เป็นคณบดี ในสมัยน้ันนิสิตท่ีสอบ
ขอ้ เขยี นผา่ น ตอ้ งผา่ นการสมั ภาษณข์ องคณบดดี ว้ ย ซงึ่ จำ� ไดว้ า่ ทา่ นซกั ถามถงึ
เหตทุ ี่สนใจเรยี นนติ ิศาสตร์ และข้อคิดถงึ การงานทจี่ ะทำ� ในอนาคต เม่อื เปน็
นิสิตผมได้เรียนวิชาความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกับกฎหมายทั่วไปกับท่านอาจารย์
อุกฤษ และจ�ำได้ว่า ทั้งในและนอกห้องเรียน ท่านเน้นความส�ำคัญของ
หลกั นติ ธิ รรม จรยิ ธรรมของนกั กฎหมายและปรชั ญาของกฎหมาย และความ
สำ� คญั ของ “นิตศิ าสตร์” ซง่ึ มคี วามหมายกว้างขวางกว่ากฎหมาย ทา่ นเนน้
ความส�ำคัญของความเชื่อมโยงของนิติศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ และการให้
ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน จนอาจจะกล่าวได้ว่า การเน้นต่างๆ น้ี
เป็นประเพณีการศึกษาและด�ำรงตนของนิสิต เป็นบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์
ของนิติศาสตร์ จุฬาฯ ก็วา่ ได้
เมอื่ ผมจบการศกึ ษาปริญญาเอกจากคณะนติ ิศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั
ฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา และได้มีประสบการณ์สอนร่วมกับศาสตราจารย์
ดร.เฟรดเดอริค อี สไนเดอร์ ณ คณะนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จึง
ได้ตัดสินใจมาสมัครเป็นอาจารย์ประจ�ำคณะนิติศาสตร์ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๘
สมัยท่ีศาสตราจารย์ประสิทธิ์ โฆวิไลกูล เป็นคณบดี เมื่อเป็นอาจารย์แล้ว
กไ็ ดส้ มั ผสั ถงึ คณุ ปู การทที่ า่ นอาจารยอ์ กุ ฤษไดว้ างรากฐานการเรยี นการสอน

197

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ

นิติศาสตร์ท่ีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ และความทุ่มเทท่ีท่านท�ำงานผลักดัน
จนคณะนิตศิ าสตร์ จุฬาฯ ได้ถือก�ำเนดิ ข้ึนอยา่ งมั่นคง สง่างาม และยงั่ ยนื
เมอ่ื ผมไดร้ บั เลอื กเปน็ คณบดคี ณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าฯ (พ.ศ. ๒๕๓๕ - 
๒๕๓๘) ผมก็ได้ด�ำเนินนโยบายสู่ความเป็นเลิศในทางนิติศาสตร์ตาม
แนวทางท่ีอดีตคณบดีทุก ๆ ท่านได้ริเริ่มและวางไว้ ทั้งในด้านการปลูกฝัง
หลกั นติ ธิ รรม จรยิ ธรรมของนกั กฎหมาย การใหค้ วามสำ� คญั ตอ่ ความสมั พนั ธ์
ระหว่างนิติศาสตร์ และองคค์ วามร้ใู นศาสตรอ์ ่นื ๆ โดยเฉพาะเศรษฐศาสตร์
รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ และกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ของประเทศ การช่วยเหลือประชาชนทางด้านกฎหมาย รวมทั้งการท�ำให้
การศึกษานิติศาสตร์เข้าสู่สากลทั้งการเรียนการสอน การวิจัย และการ
ร่วมมือกบั นานาชาติอีกดว้ ย
คณุ ปู การทศ่ี าสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ มตี อ่ คณะนติ ศิ าสตร์
จุฬาฯ และวงการนิติศาสตร์ของประเทศไทยมีมากมาย ท่านอาจารย์มี
ลูกศิษยล์ กู หาท่ัวประเทศ ทา่ นกอ่ ตงั้ คณะนติ ศิ าสตร์ วางรากฐานการศึกษา
ช่วยเหลือพัฒนาบุคลากรนิติศาสตร์ โดยเฉพาะช่วงต้นๆ ของการต้ังคณะ
และยังคงช่วยเหลือให้ก�ำลังใจแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา ผู้ร่วมงานท่ีอยู่ใน
สาขาอาชีพตา่ ง ๆ ในสถานะต่าง ๆ อยา่ งต่อเน่อื ง
เนอื่ งในโอกาสทไ่ี ดม้ กี ารเปดิ หอ้ งศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ
ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ น้ี ผมจึงขอร่วมแสดงความยินดีและระลึกถึง
คณุ ูปการที่ท่านอาจารยม์ ีต่อคณะนิติศาสตร์ จฬุ าฯ ด้วยความเคารพยิง่

ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ ดร.สุรเกียรต์ิ เสถียรไทย
อดตี คณบดคี ณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
(พ.ศ. ๒๕๓๕ - ๒๕๓๘)

198

อาจารยิ านสุ รณ์

โดย ศาสตราจารยก์ ิตติคุณ ดร.บวรศกั ดิ์ อวุ รรณโณ

ในโอกาสที่ศาสตราจารย์ ดร. อุกฤษ มงคลนาวิน จะมีอายุครบ
๘๔ ปี ในวนั ท่ี ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๑ ทา่ นไดป้ รารภจะบำ� เพ็ญกุศลอนั เปน็
สาธารณประโยชน์ให้แก่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่ง
เป็นสถาบันท่ีท่านได้ผลักดันให้ยกฐานะจากภาควิชาในคณะรัฐศาสตร์ ให้
เป็นคณะนิติศาสตร์ได้ส�ำเร็จในปี ๒๕๑๕ คณะศิษย์ของท่านจึงร่วมกัน
สมทบทุนปรับปรุงห้องอเนกประสงค์ช้ัน ๕ อาคารเทพทวาราวดี ให้เป็น
“ห้องศาสตราจารย์ ดร. อุกฤษ มงคลนาวิน” เพื่อเป็นอาจาริยานุสรณ์
ในผลงานทีท่ า่ นได้บ�ำเพ็ญใหค้ ณะนิติศาสตร์ต้ังแต่ตน้ จวบจนปจั จบุ ัน
ทา่ นศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ ไดบ้ ำ� เพ็ญคุณปู การแก่
สถาบนั แหง่ นมี้ ายาวนาน ตงั้ แตเ่ รมิ่ ตน้ เปน็ อาจารยส์ อนในภาควชิ านติ ศิ าสตร์
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมา ท่านก็เป็นผู้ผลักดันให้
ยกฐานะภาควิชาน้ันข้ึนเป็นคณะในปี ๒๕๑๕ และได้ด�ำรงต�ำแหน่งคณบดี
ในระยะเริ่มแรกหลายสมัย ได้วางรากฐานทางวิชาการให้คณะเกิดใหม่แห่ง
น้ี ดว้ ยการขอทนุ การศกึ ษาจดั สง่ คณาจารยไ์ ปศกึ ษากฎหมายในตา่ งประเทศ
ผมเองก็ได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์พร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นคือศาสตราจารย์
พิเศษเข็มชัย ชุติวงศ์ ในปี ๒๕๒๐ และได้สอบชิงทุน ก.พ. ไปศึกษาต่อที่
ฝร่งั เศสเม่อื ท่านเป็นคณบดี
นอกจากความเป็นนักวิชาการและนักบริหารชั้นเย่ียมแล้ว ท่าน
ยังมีเมตตาธรรมต่อศิษย์เสมอมา ผมจ�ำได้ว่านิสิตเคยประท้วงท่านใน
ปี ๒๕๑๖ จนถึงขั้นที่คณาจารย์ขอลาออกจากการปฏิบัติหน้าท่ีทั้งคณะ

199


Click to View FlipBook Version