The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลากหลายแนวคิด
อุกฤษ มงคลนาวิน
เล่ม 3
กำเนิดคณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by พีระยา นาวิน, 2020-06-30 01:13:44

หลากหลายแนวคิด เล่ม 3

หลากหลายแนวคิด
อุกฤษ มงคลนาวิน
เล่ม 3
กำเนิดคณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๑๕ นำ� นิสติ แผนกวชิ านิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
เขา้ เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงิน จากการจัดงาน “วนั รพี”

ต่อมาเม่ือมกี ารยกฐานะแผนกวิชานิติศาสตรข์ ึ้นเป็นคณะนติ ศิ าสตร์ บรรดานสิ ติ ร่นุ น้ี
และร่นุ ต่อ ๆ มาไดเ้ ปน็ นิสติ คณะนิตศิ าสตรอ์ ย่างเต็มตัว เมอ่ื มีประกาศคณะปฏิวตั ิ

ให้จดั ตั้งคณะนติ ิศาสตร์ขนึ้ ในจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
เมื่อวนั ท่ี ๑๕ มิถุนายน ๒๕๑๕

50

วันท่ี ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๑๖ น�ำนสิ ิตเข้าเฝา้ ฯ ทลู เกลา้ ฯ
ถวายเงินจากการจัดงาน “วันรพ”ี

บรรดานสิ ติ ทไี่ ดม้ โี อกาสเข้าเฝา้ ฯ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๑๑
เวลาผ่านไป ๔๐ กวา่ ปี ปัจจุบนั นสิ ิตเหลา่ นี้ ประสบความส�ำเร็จในหนา้ ทกี่ ารงาน

อยา่ งสูงและทำ� ประโยชนใ์ หแ้ กป่ ระเทศชาตอิ ย่างมาก

51

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

เขา้ เฝา้ ฯ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ณ พระต�ำหนกั จติ รลดารโหฐาน
เม่อื วนั ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๑๓ เปน็ ปที ี่ ๓

52

พระราชด�ำรัส

พระราชทานแกค่ ณะกรรมการจดั งาน “วนั รพ”ี
ณ พระตำ� หนกั จติ รลดารโหฐาน
วนั จนั ทร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๑๓

ขอขอบใจท่ีคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้
จัดกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และได้น�ำเงินส่วนหน่ึงมาให้เพ่ือที่
จะช่วยผทู้ ่ปี ฏิบัติการเพอ่ื บา้ นเมืองและจะต้องได้ประสบเคราะห์ร้าย ซ่งึ จะ
เปน็ กำ� ลงั ใจส�ำหรับผู้ทปี่ ฏบิ ตั ิการปอ้ งกนั บา้ นเมืองต่อไป
การท่ีทางนิติศาสตร์ได้จัดละครข้ึนในคร้ังน้ัน ก็เป็นสิ่งท่ีน่าชมเชย
อยา่ งยง่ิ เพราะวา่ กฎหมายนต้ี อ้ งใหป้ ระชาชนทราบถงึ กลไกและความเปน็ มา
โดยตลอด ทง้ั ใหไ้ ดเ้ หน็ วา่ มปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร โดยเฉพาะทไี่ ดแ้ สดง กไ็ ดแ้ สดง
ถงึ ความเปน็ อยใู่ นบา้ นเมอื งปจั จบุ นั ในสงั คมปจั จบุ นั ซง่ึ ทกุ คนมคี วามหว่ งใย
วา่ มปี ญั หาเกดิ ขน้ึ ทเ่ี รยี กวา่ ปญั หาเยาวชน หมายความวา่ เยาวชนขาดความรู้
และขาดที่เรียน กเ็ กดิ ท�ำตวั เป็นอันธพาลต้งั กนั เปน็ แกง๊ และไดท้ �ำในสงิ่ ทไ่ี ม่
เหมาะสมมามากข้ึนทุกที การท่ีมีปัญหาเยาวชนนี้ไม่ใช่เรื่องของเจ้าหน้าที่
ทางรัฐบาลหรือของการต�ำรวจท่ีจะปราบปรามเท่านั้นเอง เป็นหน้าที่ของ
ทกุ คนที่จะพยายามหาทางป้องกนั และแก้ไข ตามที่เห็นอยู่และตามทสี่ งั เกต
มีปัญหาเยาวชนที่เกิดข้ึนน้ีมีเหตุว่า เพราะเยาวชนเห็นว่าการท�ำมาหากิน
อย่างสุจริตนั้นมีความล�ำบากยากเข็ญต้องเหน็ดเหน่ือย ต้องมีความรู้ และ
ตอ้ งมคี วามอดทน การทำ� มาหากนิ ในทางทุจริตคอื ในทางตงั้ กันเปน็ แก๊งโจร
ง่ายกวา่ แล้วกม็ ีตวั อยา่ งตามขา่ วหนงั สือพิมพ์ ตามโทรทศั น์และภาพยนตร์

53

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ

ซ่ึงแสดงให้เห็นว่าการหากินในทางเป็นผู้ร้ายก็อาจสะดวกเหมือนกัน
แล้วก็มีวิธีการท่ีง่ายๆ แต่ว่าถ้าเยาวชนเหล่าน้ันมีความรู้ และทราบถึง
อนั ตราย ทราบวา่ มีการคมุ้ ครองบ้านเมือง มีเจา้ หนา้ ท่ฝี า่ ยปราบปรามและ
มีการตัดสินในโรงศาล ท่ีจะท�ำให้เข้าใจถึงอันตรายของอาชีพเหล่านั้น ก็จะ
ท�ำให้เยาวชนมีก�ำลังใจมากข้ึนท่ีจะขวนขวายหาความรู้ด้วยตนเอง และมี
ความพยายามในทางดมี ากขน้ึ งานทไ่ี ดจ้ ดั ขน้ึ จงึ เปน็ งานทมี่ ปี ระโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ
อีกอย่างหน่งึ ขอตงั้ ข้อสงั เกตว่า ประชาชนเพมิ่ ข้นึ มากก็หมายความว่า
มีเด็กเกิดขึ้นมาก จะท�ำให้เกิดภาระแก่บ้านเมืองที่จะหาท่ีเรียนหาที่สอน
เยาวชนเหลา่ นน้ั มากขน้ึ ทกุ ที ทางบา้ นเมอื งเราจะสรา้ งโรงเรยี นและผลติ ครใู ห้
มากใหเ้ หมาะกบั จำ� นวนของเยาวชนทเ่ี พม่ิ ขน้ึ นนั้ เปน็ สง่ิ ทยี่ าก ตอ้ งหาวธิ อี น่ื
ทจี่ ะแกป้ ญั หาน้ี คือ แม้ตัวจะไม่ได้เป็นครหู รอื เปน็ ผมู้ ีอาชีพมีหน้าที่โดยตรง
ในการให้การศึกษา ก็สมควรท่ีจะเอาใจใส่ในการให้ความรู้แก่ผู้อื่นผู้ที่เยาว์
กว่า หรือผู้ที่เยาว์กว่าในคุณวุฒิ นักศึกษาซ่ึงบางคนก็นับว่ายังเป็นเยาวชน
อย่เู พราะอายุยงั ไมม่ ากนกั ก็เกดิ มหี นา้ ทข่ี น้ึ แต่เพราะว่ามอี ายุและมีคณุ วฒุ ิ
มากกว่าประชาชนจำ� นวนมาก ก็เกิดเปน็ หน้าที่ขนึ้ มาทีจ่ ะตอ้ งพยายามสอน
ทจี่ ะชแี้ จงใหผ้ ทู้ เ่ี ยาวก์ วา่ ในอายแุ ละวฒุ ใิ หท้ ราบและใหส้ ามารถทจี่ ะประกอบ
การงานอาชพี เพอ่ื ประโยชนส์ ว่ นรวมและสว่ นตวั โดยไมเ่ บยี ดเบยี นบา้ นเมอื ง
และต่อส่วนรวม ก็ขอให้ทุกคนได้นึกว่าเม่ือเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยโดย
เฉพาะเข้ามาเรียนในด้านกฎหมายก็มีหน้าท่ีอันใหญ่ที่จะต้องท�ำต้ังแต่บัดน้ี
มใิ ช่ว่าสำ� เร็จการศึกษาไปแลว้ จงึ จะไปทำ� โดยทีอ่ าชพี การงานของท่านตอ่ ไป
จะเกย่ี วขอ้ งกบั กฎหมาย ซง่ึ ในบดั นไ้ี ดเ้ ลา่ เรยี นมาพอสมควรแลว้ กค็ วรจะได้
เร่ิมทำ� ประโยชน์ต่อสว่ นรวมบา้ ง ถา้ ทำ� ดงั นีก้ น็ ับว่าแตล่ ะคนได้ทำ� ประโยชน์
ตามฐานะของตัว และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างย่ิงท่ีจะได้ป้องกัน

54

บา้ นเมอื งมใิ หเ้ กดิ ความยงุ่ ยากวนุ่ วาย ทมี่ คี วามยงุ่ ยากวนุ่ วายกม็ มี ากพอแลว้
เราตอ้ งพยายามท่จี ะระงับไป อยา่ งท่ีเอาเงนิ มาให้ส�ำหรับช่วยผทู้ ป่ี ฏิบตั ิงาน
ป้องกันบ้านเมืองก็เป็นส่ิงที่ดี แต่ว่าถ้าผู้ท่ีป้องกันบ้านเมืองตามชายแดน
ต้องเสียชีวิตหรือต้องบาดเจ็บ ทุพพลภาพมีความทุกข์ยากอย่างใหญ่หลวง
เหลา่ นน้ั ไดป้ อ้ งกนั ประเทศสำ� เรจ็ แลว้ แตป่ ระเทศขา้ งในมคี วามเนา่ เฟะ กจ็ ะ
ทำ� ใหก้ ารเสยี สละเสยี เปลา่ ไมม่ ปี ระโยชนเ์ ลย นา่ เสยี ดายทงั้ ชวี ติ คน ทง้ั สง่ิ ของ
ทง้ั เงนิ ทอง ทงั้ กำ� ลงั ทไ่ี ดท้ มุ่ เทไว้ เราทกุ คนจงึ มหี นา้ ทท่ี จ่ี ะรกั ษาความเรยี บรอ้ ย
ในบา้ นเมืองตามก�ำลังท่ีมีอยู่

ขอขอบใจอกี ทที ม่ี กี จิ กรรมและไดน้ ำ� เงนิ มาชว่ ยทกุ ปี กลายเปน็ ประเพณี

กข็ อให้เปน็ เชน่ นต้ี ่อไป คือท�ำประโยชนแ์ กบ่ า้ นเมือง ประโยชน์แกบ่ ้านเมอื ง
นี้จะสะท้อนเป็นประโยชน์แก่ตนเองอย่างย่ิง เพราะว่าบ้านก็จะอยู่ดี ท�ำให้
เราอยู่ได้ดีขอให้การที่มีความคิดท่ีเหมาะสมเช่นนี้ ท�ำให้เกิดความส�ำเร็จทุก
ประการ ในขนั้ นก้ี ใ็ หม้ คี วามสำ� เรจ็ ในการศกึ ษาอยา่ งดที ส่ี ดุ และมคี วามสำ� เรจ็
ในชวี ติ หมายถงึ วา่ มคี วามพอใจในงานการมคี วามสำ� เรจ็ ในงานการ เพอ่ื ทจ่ี ะ
เปน็ ประโยชนแ์ กต่ นเองและแกบ่ า้ นเมอื ง ขอใหท้ กุ คนประสบแตค่ วามสำ� เรจ็
และความสุขสวสั ดีทกุ ประการ

หมายเหตุ พระราชดำ� รสั น้ี คดั มาจากหนงั สอื ประมวลพระราชดำ� รสั
และพระบรมราโชวาทท่ีพระราชทานในโอกาสตา่ งๆ พิมพ์ข้ึนในโอกาส
งานพระราชพธิ รี ชั ดาภิเษก วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๑๔

55

การเผยแพร่ชื่อเสยี งเกียรตคิ ณุ ของ

แผนกวชิ านติ ศิ าสตร์ คณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั

นทิ รรศการแผนกนติ ิศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์
งานสถาปนาจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ครบ ๕๐ ปี

๒๖ มีนาคม ๒๕๑๐

57

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ

แสดงหลักศิลาจารกึ ของพอ่ ขุนรามค�ำแหง สมยั สุโขทัย มีเนื้อหาเก่ียวกับความเจรญิ รุง่ เรอื ง
ประชาชนมีสทิ ธเิ สรภี าพ “ใครใครค่ า้ ชา้ ง - คา้ ใครใคร่คา้ มา้ - ค้า ฯลฯ”

เปิดโอกาสให้ประชาชนร้องทุกข์ได้โดยตรง มกี ารพิจารณาพิพากษาคดอี ยา่ งยตุ ธิ รรม

58

การสาธติ การพจิ ารณาคดีในรปู แบบศาลจ�ำลอง ในงานสถาปนาจุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั
ครบ ๕๐ ปี เม่ือ ๒๖ มนี าคม ๒๕๑๐ งานน้ไี ดร้ ับความสนใจอย่างมากจากบรรดาผู้เขา้ ชม

โดยเฉพาะได้รับความสนใจจากบรรดานักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษา
ซ่ึงมาชมการแสดงอย่างคบั ค่งั

59

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ

การสาธิตการพจิ ารณาคดีในรปู แบบ “ศาลจ�ำลอง”
เมอ่ื ๒๖ มีนาคม ๒๕๑๐

60

การสาธิตการพจิ ารณาคดีในรูปแบบ “ศาลจ�ำลอง”
เมอื่ ๒๖ มนี าคม ๒๕๑๐

61

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

การสาธติ การพจิ ารณาคดีในรปู แบบ “ศาลจำ� ลอง” เม่อื ๒๖ มีนาคม ๒๕๑๐
โดยมอี าจารย์และนสิ ติ ชาย - หญงิ เป็นผแู้ สดง นิสิตเหลา่ นี้เม่อื ส�ำเรจ็ การศกึ ษาแลว้
ประสบความสำ� เรจ็ ในหน้าที่การงานอย่างสูง ตัวอยา่ งเชน่ นิสติ หญิงผูแ้ สดงเป็นพยาน

(นางอรพินท์ ฉัตรกุล ณ อยธุ ยา เศรษฐมานติ ) ได้รบั ราชการเปน็ ผพู้ พิ ากษา
และเกษียณอายรุ าชการในต�ำแหนง่ ผู้พพิ ากษาหัวหนา้ คณะในศาลฎกี า

62

งานสมั มนาเรอื่ ง "บทบาทของนกั นติ ิศาสตร์ในการพฒั นาประเทศ"
ณ ศาลาสันติธรรม ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๑๐

63

หนังสอื “ปัญหากฎหมายส�ำหรับประชาชน”
จดั ทำ� ขึ้นเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๑๒

หนังสือ “ปัญหากฎหมายส�ำหรบั ประชาชน” ซ่งึ เขยี นในรปู แบบคำ� ถาม - ค�ำตอบ
ให้ประชาชนทุกระดับเข้าใจกฎหมายง่าย ๆ อาจารย์ผหู้ นง่ึ ทรี่ ่วมงานในคร้งั น้นั ไดแ้ ก่

อาจารยบ์ ญั ญตั ิ สชุ วี ะ ซง่ึ ตอ่ มาดำ� รงตำ� แหน่งประธานศาลฎกี า
ในสมยั ท่ีผมดำ� รงต�ำแหน่งประธานรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๒๗ - ๒๕๒๘

คำ� น�ำในการจดั พิมพห์ นงั สือปัญหากฎหมายส�ำหรบั ประชาชน
ได้แสดงถึงวตั ถุประสงคข์ องการจัดท�ำหนังสอื เล่มน้อี ย่างชัดเจน

65

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ

จดั ท�ำหนังสือปญั หากฎหมายส�ำหรบั ประชาชน

ต่อมาได้มีการจัดท�ำหนังสือ “ปัญหากฎหมายส�ำหรับประชาชน”
ในรปู แบบคำ� ถามค�ำตอบงา่ ย ๆ ข้ึนเปน็ ครง้ั แรกเมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๒ โดยได้
เชญิ ชวนนกั กฎหมายหลายทา่ นเขา้ มารว่ มในการเขยี นหนงั สอื ดงั กลา่ ว รวมทงั้
ผทู้ เ่ี พงิ่ จบการศกึ ษากฎหมาย ดว้ ยหนงั สอื ปญั หากฎหมายสำ� หรบั ประชาชน
ดังกล่าว ได้จัดพิมพ์ข้ึนจ�ำนวน ๕,๐๐๐ เล่ม เผยแพร่ไปสู่ประชาชนทั่วไป
โดยบรจิ าคเงนิ ไมต่ ำ�่ กวา่ ๒๕ บาทจะไดร้ บั หนงั สอื ๑ เลม่ ปรากฏวา่ มผี บู้ รจิ าค
เงินรายละกว่า ๒๕ บาทจ�ำนวนมาก สามารถเผยแพร่หมดภายในเวลา
๒ สัปดาห์ ซึ่งเม่ือ ๔๐ กว่าปีท่ีแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายท่ีจะมีผู้สนใจหนังสือ
ท่เี กีย่ วขอ้ งกบั กฎหมายเช่นนี้ เงนิ ทไ่ี ด้รบั จำ� นวน ๑๒๐,๐๐๐ บาท ได้มอบให้
วดั ไผล่ อ้ ม อำ� เภอผกั ไห่ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ปรบั ปรงุ ศาลาการเปรยี ญ
ซงึ่ ทรดุ โทรมและปรบั ปรงุ อาคารเรยี น และตอ่ มาไดม้ กี ารเรยี กรอ้ งใหจ้ ดั พมิ พ์
ขึ้นอีกหลายครั้ง รวมทั้งบรรดาบุคคลที่สนใจทั่วไปได้ขออนุญาตน�ำปัญหา
กฎหมายบางตอนไปจัดพิมพ์ในหนังสือท่ีระลึกในโอกาสต่าง ๆ กัน ซึ่งก็ได้
อนญุ าตไปไมต่ ำ่� กวา่ ๑๐๐ ครงั้ เพราะถอื วา่ เปน็ การสอดคลอ้ งกบั เจตนารมณ์
ในการท�ำหนังสือปัญหากฎหมายส�ำหรับประชาชนขึ้นเพ่ือเผยแพร่ความรู้
ทางกฎหมายไปสปู่ ระชาชนท่วั ไป

66

ศนู ย์แนะน�ำทางกฎหมาย “Law Advice Center”
ณ อาคาร ๒ คณะรฐั ศาสตร์

แสดงให้เห็นวา่ สถานทีไ่ ม่มีความสำ� คญั เท่ากบั การมีโอกาสใหบ้ รกิ ารทางกฎหมาย
แกป่ ระชาชน โดยเฉพาะประชาชนผ้ยู ากจน โดยไมต่ อ้ งเสียเงิน

67

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ

ตอ่ มาได้จัดต้ัง “ศูนย์แนะนำ� กฎหมาย” ข้นึ ในแผนกวชิ านิติศาสตร์
โดยมีที่ท�ำการต้ังอยู่ท่ีอาคาร ๒ คณะรัฐศาสตร์ โดยจัดให้อาจารย์และ
นิสติ เปน็ ผูใ้ ห้คำ� ปรกึ ษาปญั หากฎหมายแกป่ ระชาชน โดยยดึ แนวทางของ
“หนังสือปัญหากฎหมายส�ำหรับประชาชน” เป็นหลัก ซ่ึงก็มีประชาชนให้
ความสนใจเปน็ จำ� นวนมาก ซงึ่ เมอื่ เกอื บ ๕๐ ปที แี่ ลว้ เปน็ เรอื่ งใหมใ่ นสงั คม
ไทย

ภาพนแ้ี สดงถึงห้องท�ำงานของผมเมือ่ เป็นอาจารยแ์ ผนกนติ ศิ าสตร์ คณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั อยใู่ กล้กับห้อง “ศนู ยแ์ นะน�ำกฎหมาย”

68

“ศนู ย์แนะนำ� กฎหมายเคลอื่ นท่”ี เปน็ โครงการท่ีดำ� เนินการเมอื่ จัดตง้ั คณะนิตศิ าสตร์
เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้ว คณะผ้ทู ำ� งานประกอบดว้ ยอาจารยท์ ี่ปรึกษาและคณะนิสิตปีที่ ๔

ซ่งึ ถอื วา่ เป็นผู้มีความรกู้ ฎหมายพอสมควร เป็นผู้ให้คำ� แนะนำ� และให้คำ� ปรึกษา
โดยยึดถอื “หนังสือปัญหากฎหมายสำ� หรับประชาชน” เปน็ หลัก
ภายใต้การดูแลของอาจารย์ทปี่ รกึ ษา

69

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ

ศูนย์แนะนำ� กฎหมายเคลอ่ื นท่ี

ตอ่ มาไดร้ เิ รม่ิ จดั ตง้ั “ศนู ยแ์ นะนำ� กฎหมายเคลอื่ นท”ี่ เพอื่ ใหอ้ าจารย์
และนิสิตได้มีโอกาสเดินทางไปเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายให้แก่
ประชาชนในภาคตา่ ง ๆ ในขณะปดิ ภาคการศกึ ษา

ภาพข้างบนเปน็ การบรรยายและเผยแพรก่ ฎหมายท่ีสถานโี ทรทัศน์จงั หวัดล�ำปาง
โดยมีผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ล�ำปางไดร้ ว่ มรายการดว้ ย

70

จงั หวัดลำ� ปาง

ศนู ยแ์ นะนำ� กฎหมายเคลือ่ นที่ จังหวัดล�ำปาง มีผสู้ นใจเขา้ รว่ มรบั ฟงั การบรรยาย
และการออกรายการโทรทัศนเ์ ตม็ ห้องประชมุ

71

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ

จังหวดั ขอนแก่น

คณบดถี ่ายภาพร่วมกบั อาจารย์ทีป่ รกึ ษาและบรรดานสิ ติ

72

จงั หวัดขอนแกน่

การออกรายการโทรทศั น์ทจ่ี ังหวัดขอนแก่น โดยคณบดีคณะนติ ศิ าสตร์
และอาจารย์มรุ ธา วัฒนะชีวะกุล เข้ารว่ มรายการ

73

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

จงั หวัดอทุ ัยธานี

คณะผู้ร่วมโครงการ ได้แก่ อาจารยไ์ ชยยศ เหมะรชั ตะ ต่อมาเปน็ ราชบัณฑติ
ทางนิติศาสตร์, อาจารย์ประสทิ ธ์ิ โฆวไิ ลกลุ ต่อมาเป็นคณบดคี ณะนติ ิศาสตร์
ต่อจากศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวิน และในทางการเมอื ง ไดด้ �ำรงตำ� แหน่ง

รัฐมนตรปี ระจ�ำสำ� นักนายกรัฐมนตรี

74

จังหวัดอทุ ยั ธานี

คณะนิสิตชายและหญงิ ผู้รว่ มโครงการ ถ่ายภาพรว่ มกันหน้าศาลาประชาคม
จงั หวัดอทุ ัยธานี

75

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

จังหวดั อุทยั ธานี

บรรดาอาจารย์และนิสิตถา่ ยภาพร่วมกนั ท่หี น้าศาลาประชาคม จังหวัดอทุ ัยธานี
ซง่ึ การดำ� เนนิ การในโครงการนไ้ี ดร้ บั การตอบสนองและสนใจจากประชาชนเปน็ จำ� นวนมาก

นอกจากนั้น ศูนยแ์ นะนำ� กฎหมายเคลอื่ นทท่ี กุ จังหวดั จัดในปี ๒๕๑๕
ยงั จัดให้มีการกรอกแบบสอบถามปัญหาข้อขดั ข้องต่าง ๆ ของประชาชนท่ี
เก่ียวกับกฎหมายและการใชก้ ฎหมาย และเกยี่ วกับเจ้าหนา้ ทีผ่ ูป้ ฏบิ ัติตามกฎหมาย
ซง่ึ ประชาชนเหน็ วา่ ไมไ่ ดร้ บั ความเปน็ ธรรม เพอ่ื เสนอตอ่ ไปยงั รฐั บาล ซงึ่ กม็ ปี ระชาชน
ได้กรอกแบบสอบถามตอบกลับมาเปน็ จำ� นวนมาก ในการน้ี ได้สรุปขอ้ รอ้ งทุกข์
ความเดอื ดร้อนของประชาชนที่เก่ียวกบั กฎหมายและผูใ้ ชก้ ฎหมายเสนอต่อไปยงั รัฐบาล
เพื่อขอให้ด�ำเนนิ การแก้ไขตอ่ ไป ซ่งึ รัฐบาลในขณะนน้ั ไดใ้ หค้ วามสนใจอยา่ งมาก

76

การจดั อภปิ รายครัง้ ประวัติศาสตร์
เรื่องความมัน่ คงของชาติ
๑๐ มกราคม ๒๕๑๒

ต่อมาเพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงของแผนกวิชานิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั จงึ มอบให้นสิ ติ โดยมีอาจารย์ไชยยศ เหมะรชั ตะ
ซึ่งเป็นหัวหน้านิสิตในขณะน้ันด�ำเนินการจัดอภิปรายในหัวข้อ “ความ
ม่ันคงของชาติ” ขึ้นที่หอประชุมใหญ่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซ่ึงมี
ผรู้ ว่ มอภปิ รายในระดบั ประมขุ ของอ�ำนาจบรหิ าร อ�ำนาจนติ บิ ญั ญตั ิ และ
อ�ำนาจตลุ าการ ไดแ้ ก่ จอมพล ถนอม  กติ ตขิ จร นายกรฐั มนตรี, นายวรการ
บัญชา ประธานรัฐสภา  และ ดร.ประกอบ หุตะสิงห์ ประธานศาลฎีกา
โดย ดร.อกุ ฤษ  มงคลนาวนิ เปน็ ผดู้ ำ� เนนิ การอภปิ ราย การอภปิ รายในวนั นนั้
ไดม้ ีการถา่ ยทอดการอภิปรายเปน็ คร้งั แรกเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๒
การอภิปรายในครั้งแรกน้ันได้รับความสนใจจากส่ือมวลชน
ทุกแขนงและจากประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยมีการอภิปราย
ร่วมกันของสามประมุขสูงสุดของสามสถาบันดังกล่าว ซึ่งท�ำให้การ
เผยแพร่ช่อื เสียงของแผนกนิตศิ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ไดเ้ ป็นที่
รู้จกั โดยแพร่หลายและประสบความสำ� เรจ็ อกี ระดับหน่งึ

77

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

การอภปิ รายครั้งสำ� คัญในหวั ข้อ “ความมัน่ คงของชาติ” จัดโดยแผนกวิชานิตศิ าสตร์
คณะรฐั ศาสตร์ ท่หี อประชุมจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๑๒

ในภาพ นสิ ิตต้อนรับ ฯพณฯ จอมพล ถนอม กิตตขิ จร นายกรัฐมนตรี
ผู้เข้ารว่ มอภปิ ราย

78

ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวิน ต้อนรบั ดร.ประกอบ หุตะสิงห์
ประธานศาลฎีกา ผู้เข้าร่วมอภิปราย

79

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

ผเู้ ข้ารว่ มอภปิ รายครง้ั สำ� คญั ในประวัตศิ าสตร์ ในหัวข้อ “ความมัน่ คงของชาติ”
ผรู้ ่วมอภปิ ราย จากซา้ ยไปขวา ฯพณฯ นายวรการ บญั ชา ประธานรฐั สภา,
ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวิน ผ้ดู ำ� เนนิ รายการ, ฯพณฯ จอมพล ถนอม กติ ตขิ จร นายกรัฐมนตรี

และ ฯพณฯ ดร.ประกอบ หตุ ะสิงห์ ประธานศาลฎกี า

80

คณะผู้อภปิ ราย จากซา้ ยไปขวา ฯพณฯ นายวรการ บญั ชา ประธานรฐั สภา,
ดร.อุกฤษ มงคลนาวนิ ผ้ดู �ำเนินรายการ, ฯพณฯ จอมพล ถนอม กติ ติขจร นายกรฐั มนตรี

และ ฯพณฯ ดร.ประกอบ หุตะสงิ ห์ ประธานศาลฎกี า

81

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

การอภิปรายหวั ขอ้ “ความมั่นคงของชาต”ิ มผี ูเ้ ขา้ ฟังในหอ้ งประชมุ อยา่ งคับคั่ง
และมกี ารถา่ ยทอดสดทางโทรทัศนเ์ ปน็ ครั้งแรกในประเทศไทย

โดยสถานีโทรทศั น์ชอ่ ง ๗ (ปจั จบุ นั คอื สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทพั บกช่อง ๕)

82

การเปดิ สอนช้นั ปรญิ ญาโท

เพ่ือให้เป็นเหตุผลส�ำคัญในการด�ำเนินการขอจัดตั้งคณะนิติศาสตร์
ข้ึนในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้ด�ำเนินการเปิดหลักสูตรการสอนช้ัน
ปริญญาโทแผนกวิชานิติศาสตร์ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ส�ำหรับหลักสูตร
การสอนชั้นปริญญาโทแผนกวิชานิติศาสตร์นี้เป็นการสอนในลักษณะ
กฎหมายเปรียบเทียบ ซึ่งผู้สอนจะต้องเป็นผู้ที่จบการศึกษากฎหมายจาก
ต่างประเทศไมต่ ่ำ� กว่าปรญิ ญาโทขึน้ ไป หรอื ปริญญาตรีจากประเทศองั กฤษ
หลักสูตรท่ีได้จัดท�ำข้ึนนี้ นอกจากเป็นลักษณะกฎหมายเปรียบเทียบแล้ว
ได้เน้นทางดา้ นกฎหมายเอกชน กฎหมายมหาชน กฎหมายระหวา่ งประเทศ
และกฎหมายทางดา้ นธรุ กจิ เพอ่ื ใหม้ คี วามกวา้ งขวางและมคี วามหลากหลาย
ทจ่ี ะเปน็ พน้ื ฐานของผสู้ ำ� เรจ็ การศกึ ษา เพอื่ ไปประกอบอาชพี เปน็ ผพู้ พิ ากษา
อัยการ ทนายความ นิติกร และอาชีพอน่ื ๆ ทีใ่ ช้กฎหมายไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง
ย่ิงขน้ึ

การด�ำเนินการเปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทนิติศาสตร์น้ีได้รับ
การอนุมัติและการด�ำเนินการเป็นไปด้วยดี มีผู้สนใจจากมหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยรามค�ำแหง
ได้สมัครเข้าศึกษาเป็นจ�ำนวนท่ีน่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความเห็นว่า
การศึกษาวิชากฎหมายน้ัน ควรจะเป็นการให้การศึกษาที่กว้างขวาง
ในลักษณะท่ีเป็นสากล ไม่เลือกให้การศึกษาเฉพาะมหาวิทยาลัยแห่งใด
แห่งหน่ึง โดยเฉพาะอย่างย่ิง ถ้าผู้ส�ำเร็จปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มาศึกษาในชั้นปริญญาโทในจุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั และในทางกลบั กนั ผทู้ จี่ บการศกึ ษาปรญิ ญาตรที างนติ ศิ าสตร์
จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีโอกาสไปศึกษาต่อในช้ันปริญญาโททาง

83

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ

นิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็น่าจะเป็นการดี เพราะจะท�ำให้
โลกทัศน์ของนิสิตกว้างยิ่งขึ้น และท�ำให้มีความสัมพันธ์กันระหว่างนิสิต
นกั ศกึ ษาตา่ งสถาบนั เพอ่ื ไมใ่ ห้เกิดมีการแบง่ แยกสถาบนั อยา่ งท่เี คยเปน็ อยู่

หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้
วางแนวทางไว้คือ ให้ค�ำนึงถึงคุณภาพความรู้ที่ได้มาตรฐานในระดับท่ีได้
ก�ำหนดไว้ของการศึกษาช้ันปริญญาโท โดยไม่จ�ำกัดจ�ำนวนของผู้ส�ำเร็จการ
ศึกษา แต่ให้พิจารณาวัดผลการศึกษาตามมาตรฐานของหลักสูตรและการ
เรียนการสอน ดังน้ัน จึงมีผู้ส�ำเร็จการศึกษาออกมารับใช้สังคมในจ�ำนวน
ที่พอสมควร มีเหตุมีผล และหลักสูตรน้ีได้รับความนิยมมากขึ้นตามล�ำดับ
จนถึงปัจจุบัน โดยผู้ส�ำเร็จการศึกษาในรุ่นแรก ๆ ได้ใช้ปริญญานิติศาสตร-
มหาบณั ฑติ ในการเขา้ รบั ราชการเปน็ ผพู้ พิ ากษา อยั การ และตำ� รวจ ซงึ่ แตล่ ะคน
ประสบความส�ำเร็จในการประกอบอาชพี ไดอ้ ยา่ งนา่ พอใจ และในข้ันตอ่ ไป
จะไดด้ ำ� เนนิ การเปดิ สอนในชน้ั ปรญิ ญาเอก ซง่ึ ไดใ้ ชเ้ ปน็ เหตผุ ลสำ� คญั โดยที่
ได้กล่าวถึงไว้ในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับท่ี ๑๖๔ เกี่ยวกับเหตุผลใน
การจัดต้ังคณะนิติศาสตร์ โดยมีความตอนหนึ่งว่า “แผนกวิชานิติศาสตร์
ได้ขยายการศึกษาวิชานิติศาสตร์ขึ้นไปจนถึงช้ันปริญญาโท สมควรแยก
แผนกวิชานิติศาสตร์ออกจากคณะรัฐศาสตร์แล้วจัดต้ังเป็นคณะนิติศาสตร์
ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อช่วยพัฒนาการศึกษาในวิชาการสาขานี้ให้
เจริญย่ิงข้ึน และเปิดโอกาสให้มีการศึกษาจนถึงข้ันปริญญาเอกในโอกาส
ต่อไป”

และท้ังหมดน้ีคือการด�ำเนินการตามล�ำดับตามข้ันตอนโดยใช้เวลา
พอสมควร ในการที่จะก้าวเดินในการเตรียมการ เพื่อการจัดตั้งคณะ
นิติศาสตร์ข้ึนในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งต่อไปจะได้กล่าวถึงปัญหา
และอุปสรรคในการจดั ต้ังคณะนติ ิศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย

84

ปญั หาและอุปสรรค

ในการจัดตง้ั คณะนติ ศิ าสตร์

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

ปญั หาและอุปสรรคในการจัดตง้ั คณะนิติศาสตร์

- การจัดหลกั สูตรการเรียนการสอนและการวดั ผลตาม
มาตรฐานใหม ่

ประการแรกเมอื่ จะมกี ารจดั ตง้ั คณะนติ ศิ าสตร์ จำ� เปน็ จะตอ้ งมกี ารจดั รา่ ง
หลกั สตู รแลว้ แบง่ แยกแผนกวชิ าในคณะนติ ิศาสตรข์ ้นึ ในกฎหมายเก่าไม่ได้
เรียกแผนกวชิ าว่าภาควิชาเชน่ ในปัจจบุ นั แตใ่ ห้คณะต่างๆ  จดั แบง่ ออกเป็น
วิชาต่างๆ เช่น คณะรัฐศาสตร์ได้แบ่งแผนกวิชาออกเป็นหลายแผนกวิชา
รวมทงั้ แผนกวชิ านติ ศิ าสตรด์ ว้ ย เพราะฉะนนั้ เมอ่ื จะมกี ารจดั ตง้ั คณะนติ ศิ าสตร์
จึงจ�ำเป็นต้องมีการจัดแบ่งแผนกวิชาต่างๆ ซึ่งได้ด�ำเนินการจัดแบ่งแผนก
ออกเปน็ ๕ แผนกวิชา คือ แผนกวชิ ากฎหมายแพง่ และพาณิชย ์ แผนก
วชิ ากฎหมายอาญา แผนกวชิ ากฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง่ แผนกวชิ า
กฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา  และแผนกวชิ ากฎหมายมหาชน และ
กฎหมายปกครอง ซง่ึ แมว้ ่าจะไม่ใช่เป็นการแบ่งแผนกวชิ าทม่ี ีความสมบรู ณ์
แต่ในระยะเรม่ิ แรกในการจดั ตงั้ คณะนนั้ วชิ าต่าง ๆ ไดม้ กี ารเรยี นการสอน
อยู่แล้วในแผนกวิชานิติศาสตร์ จึงไม่สามารถด�ำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
อย่างถอนรากถอนโคนได้ ส่ิงท่ีทำ� ไดด้ ำ� เนินการจดั ร่างแผนการแบ่งแยกวิชา
ในคณะนติ ศิ าสตร์ดงั ท่ีกล่าวมาแล้ว อยา่ งไรก็ตาม ได้วางแนวทางในการจดั
รา่ งหลกั สตู รการเรยี นการสอนใหม่ ไมเ่ นน้ การเรยี นการสอนเฉพาะกฎหมาย
หลัก ๔ เล่มตามท่เี คยเปน็ มา คอื กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ กฎหมายอาญา
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ให้
หลกั สูตรมีความกวา้ งขวาง มีความครอบคลุมไปถึงกฎหมายอ่ืน โดยเฉพาะ
ทางด้านกฎหมายธุรกิจ ด้านกฎหมายมหาชน และกฎหมายต่างประเทศ
เป็นต้น

86

นอกจากน้ัน ได้ท�ำความเข้าใจกับบรรดาคณาจารย์ผู้สอน
เกยี่ วกบั แนวทางในการสอนและแนวทางในการวดั ผลของนสิ ติ คอื ขอให้
พยายามเปลย่ี นแนวความคดิ ในการวดั ผลแบบเกา่ มาวดั ผลในแนวทางท่ี
มีเหตุผลมากข้ึน ไม่ใช่แนวทางด้ังเดิม ซ่ึงใช้การวัดผลอาศัยธงค�ำตอบท่ี
ก�ำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วเป็นหลัก โดยไม่ให้ความส�ำคัญแก่ความรู้ในเร่ือง
หลกั กฎหมาย ความเข้าใจกฎหมายอย่างดีของบรรดานิสติ ซ่ึงเรอ่ื งนีเ้ ปน็
เร่ืองท่ีริเริ่มและค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาเป็นล�ำดับโดยต้องใช้เวลาในการที่จะ
เปลยี่ นแปลงความเคยชนิ ของบรรดาคณาจารยร์ นุ่ เกา่ ซง่ึ ผลทเ่ี กดิ ขนึ้ หลงั จาก
มกี ารจดั ตงั้ คณะนติ ศิ าสตรแ์ ลว้ จ�ำเปน็ ตอ้ งมกี ารแกไ้ ขการวนิ จิ ฉยั ผลการสอบ
ของนสิ ิตโดยบรรดาอาจารยร์ ุน่ เกา่ บางท่าน ซงึ่ จะได้พดู ถึงในล�ำดบั ตอ่ ไป

- ปญั หาและอปุ สรรค

แผนกวิชานิติศาสตร์ในขณะน้ันมีศาสตราจารย์ ดร.ประยูร
กาญจนดุล ซึ่งผมได้ให้ความเคารพนับถือในฐานะที่เคยสอนวิชากฎหมาย
ปกครองที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และในขณะนั้นได้เป็นผู้บังคับ
บัญชาโดยตรง แต่การท่ีท่านด�ำรงต�ำแหน่งหัวหน้าแผนกวิชานิติศาสตร์
โดยงานหลกั และงานประจำ� ไดแ้ ก่ การเปน็ อธบิ ดกี รมการคา้ ภายใน กระทรวง
พาณิชย์ และตอ่ มาได้ด�ำรงตำ� แหนง่ ปลดั กระทรวงพาณชิ ย์ เพราะฉะนัน้ จงึ
ไม่มีเวลาเพียงพอท่ีจะมาให้ความส�ำคัญหรือสนใจกับการศึกษา แนวทาง
การเรียนการสอนและการพัฒนาแผนกวิชานิติศาสตร์เพื่อยกฐานะข้ึนเป็น
คณะนิตศิ าสตร์ สว่ นคณบดคี ณะรฐั ศาสตร์ในขณะนนั้ ได้แก่ ศาสตราจารย์
เกษม อุทยานิน ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชาสังคมวิทยาในขณะที่ผมเป็น
นักศึกษาอยู่ท่ีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นผู้ชักชวนผมให้เข้ามา
ช่วยพัฒนาการเรียนการสอนในแผนกวิชานิติศาสตร์ ท้ังสองท่านต่างเป็น
ผู้อาวุโสและไม่มีเวลาที่จะมาริเริ่มหรือให้ความสนใจในการพัฒนาแผนก
วิชานิติศาสตร์ นอกจากนั้น ท่านไม่ต้องการให้เกิดมีปัญหาข้อพิพาทหรือ

87

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวนิ

ขัดแย้งขึ้นภายในคณะรัฐศาสตร์ เพราะเหตุว่า แนวความคิดในการจัดตั้ง
คณะนิติศาสตร์โดยการแยกแผนกวิชานิติศาสตร์ออกมาจากคณะรัฐศาสตร์
นน้ั ไดม้ คี ณาจารยบ์ างคนซง่ึ เปน็ สว่ นนอ้ ยและนสิ ติ บางกลมุ่ ซง่ึ เปน็ สว่ นนอ้ ย
เชน่ เดยี วกนั ไมเ่ หน็ ดว้ ยและแสดงความเหน็ ในทำ� นองคดั คา้ น ซง่ึ จะไดก้ ลา่ ว
ถงึ ในตอนตอ่ ไป แตใ่ นสว่ นของทา่ นผใู้ หญส่ องทา่ นนน้ั กลา่ วไดว้ า่ ไมไ่ ดม้ สี ว่ น
รู้เห็นและมีส่วนร่วมในการพิจารณาเรื่องราวและเอกสารเร่ืองการจัดต้ัง
คณะนิติศาสตร์แต่อย่างใด ท้ังเจ้าหน้าท่ีในคณะรัฐศาสตร์เองก็ไม่ได้มีส่วน
รว่ มแตป่ ระการใด โดยการจดั รา่ งเอกสารโครงการการจดั ตง้ั คณะนติ ศิ าสตร์
จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย การจัดท�ำเอกสารตา่ ง ๆ ผทู้ ่มี ีส่วนช่วยเหลือและ
รเู้ หน็ ในการดำ� เนนิ การตงั้ แตเ่ รมิ่ ตน้ โดยจดั พมิ พเ์ อกสารโครงการและเอกสาร
ประกอบตา่ ง ๆ เพอื่ นำ� เสนอตอ่ คณะรฐั ศาสตรแ์ ละตอ่ มหาวทิ ยาลยั นนั้ ไดแ้ ก่
นสิ ติ ในขณะนน้ั ๒ คน ซง่ึ มคี วามรทู้ างดา้ นพมิ พด์ ดี และเปน็ ผอู้ ยใู่ นฐานะผนู้ ำ�
นิสิตในขณะนั้นจัดการพิมพ์เอกสาร ซึ่งผมจัดร่างขึ้นด้วยลายมือ และนิสิต
ทั้งสองคนน้ี ไดแ้ ก่ อาจารยป์ ระสทิ ธ์ิ โฆวไิ ลกลุ และอาจารย์จฑุ า กุลบศุ ย์
ซงึ่ ตอ่ มาไดด้ ำ� รงตำ� แหนง่ เปน็ คณบดคี ณะนติ ศิ าสตรส์ บื ตอ่ จากผมทง้ั สองคน
ภายหลงั ทผ่ี มดำ� รงตำ� แหน่งคณบดอี ยู่ ๖ ปี

88

อาจารย์ประสิทธ์ิ โฆวไิ ลกลุ และ อาจารยจ์ ุฑา กลุ บศุ ย์
เม่อื เร่มิ ดำ� เนนิ การยกฐานะแผนกวชิ านิตศิ าสตรข์ ึ้นเป็นคณะนิติศาสตร์
อาจารย์ประสทิ ธแิ์ ละอาจารยจ์ ฑุ าเปน็ นิสิตปที ี่ ๓ ซง่ึ มคี วามเชย่ี วชาญ
ในการพมิ พ์ดีด ได้เป็นกำ� ลังส�ำคัญ โดยช่วยผมพมิ พเ์ อกสารในการด�ำเนินงานท้ังหมด
เพราะขณะน้นั ไมส่ ามารถใหเ้ จ้าหนา้ ทข่ี องคณะรฐั ศาสตร์จดั พิมพ์เอกสารให้
เนอ่ื งดว้ ยการด�ำเนินการยังถอื เปน็ ความลับ ต่อมาอาจารยป์ ระสิทธิ์

และอาจารยจ์ ฑุ าได้เป็นคณบดคี ณะนิตศิ าสตร์ท้งั สองคน

89

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคดิ ลนาวิน

โดยสรุปหัวหน้าแผนกวิชานิติศาสตร์ในขณะนั้น และคณบดีคณะ
รัฐศาสตร์ ไม่ได้มีส่วนในการจัดท�ำโครงการในการจัดร่างหลักสูตรและใน
การผลักดันให้เกิดมีการจัดต้ังคณะนิติศาสตร์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ขึ้นแต่ประการใด สิ่งทที่ ่านเมตตาและไดส้ นับสนนุ อย่างดที ีส่ ดุ ได้แก่ การไม่
คัดค้านโครงการจัดต้ังคณะนิติศาสตร์ขึ้น โดยท่านลงนามผ่านร่างโครงการ
จดั ตง้ั คณะนติ ศิ าสตรข์ นึ้ ไปถงึ คณะรฐั ศาสตร์ และผา่ นจากคณะรฐั ศาสตรข์ น้ึ
ไปยังอธกิ ารบดีในขณะนัน้ คอื ศาสตราจารย์ ดร.แถบ นลี ะนิธิ เมอ่ื ผ่านพน้
จากคณะรฐั ศาสตรแ์ ละเรอ่ื งเดนิ ไปถงึ สำ� นกั งานอธกิ ารบดนี นั้ ผปู้ ฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี
เลขานกุ ารอธกิ ารบดฝี า่ ยวชิ าการในขณะนน้ั (ศาสตราจารย์ ดร.ประสม สถา-
ปิตานนท)์ ไม่เหน็ ด้วยในการจะต้งั คณะนติ ิศาสตร์และไมเ่ สนอเรือ่ งตอ่ ไปยงั
อธกิ ารบดเี ปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกวา่ ๒ หรอื ๓ เดอื น โดยไมม่ คี ำ� ตอบหรอื คำ� อธบิ าย
แต่ประการใด ดังน้ัน จึงต้องสอบถามและแจ้งแก่เลขานุการอธิการบดี
ทา่ นนนั้ วา่ ถา้ ไมเ่ สนอเรอ่ื งตอ่ ไปยงั อธกิ ารบดตี ามขน้ั ตอนของระบบราชการ
จะถอื วา่ เลขานกุ ารทา่ นนนั้ มคี วามผดิ ในการกระทำ� การหรอื ละเวน้ ไมก่ ระทำ� การ
ตามหน้าท่ี ซึ่งปรากฏว่า เร่ืองโครงการจัดต้ังคณะนิติศาสตร์ได้ผ่านไปถึง
อธิการบดีในทันที ขอตั้งข้อสังเกตเล็กน้อยว่า ในทางส่วนตัวเลขานุการ
อธิการบดีฝ่ายวิชาการในขณะน้ันเป็นอาจารย์รุ่นอาวุโสกว่าผม และในทาง
ส่วนตัวก็ได้มีความเคารพนับถือกันจนท่านถึงแก่อนิจกรรมในเหตุการณ์
“สึนามิ” ไม่ได้มีปัญหาในทางส่วนตัวเกิดขึ้นแต่ประการใด ถึงแม้ว่า
เวลาจะล่วงผา่ นมาถึง ๔๐ กวา่ ปีแลว้ ก็ตาม เมอื่ เรอื่ งมาถงึ อธิการบดแี ลว้
ท่านเห็นสมควรใหน้ ำ� เร่อื งเสนอผ่านไปถงึ ทบวงมหาวิทยาลยั ต่อไป
เรื่องน้ีมีเหตุท่ีมาส�ำคัญประการหน่ึงก็คือ ในขณะที่จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัยมีวิกฤติเร่ืองการจัดการผลประโยชน์และทรัพย์สินท่ีดิน
บริเวณสยามสแควร์ของมหาวิทยาลัยและได้เกิดการเดินขบวนประท้วง
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยท่ีเป็นผู้รับผิดชอบ ได้แก่ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร

90

และเลขาธิการมหาวิทยาลัย จนผู้บริหารท้ังสองต้องลาออกจากต�ำแหน่ง
ในด้านการบริหารทรัพย์สินและผลประโยชน์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อธิการบดีในขณะนั้นคือ ศาสตราจารย์ ดร. แถบ นีละนิธิ ได้เดินมา

ศาสตราจารย์ ดร.แถบ นลี ะนิธิ

จากหนงั สือชมุ นมุ จฬุ า ฉบบั วันปยิ มหาราชานุสรณ์
๒๓ ตลุ าคม ๒๕๑๕

91

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

สำ� นักงานจดั การผลประโยชน์

พบข้าพเจ้าที่ห้องท�ำงานท่ีอาคารสอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย และขอร้องให้เข้ามาช่วยจัดการเร่ืองการบริหารทรัพย์สิน
และผลประโยชน์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดังกล่าว โดยขอให้
ท�ำหน้าท่ีผู้จัดการส�ำนักงานผลประโยชน์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อีกต�ำแหน่งหน่ึง นอกจากการเป็นอาจารย์ท่ีแผนกวิชานิติศาสตร์
โดยท่านพิจารณาเห็นว่าเป็นผู้ท่ีมีความรู้ความสามารถและเป็นที่ไว้วางใจ
ที่จะแก้ไขเรื่องการจัดการผลประโยชน์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้
ซึ่งผมได้พิจารณาแล้วในขณะน้ันเห็นว่าท่านอธิการบดีได้ให้เกียรติอย่างสูง
และใหค้ วามเชือ่ ถอื ไว้วางใจ โดยทผ่ี มเป็นเพียงผู้หนง่ึ ที่จบจากมหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ ไม่ได้จบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ท่านขอร้องให้
รับหน้าท่ีส�ำคัญในขณะท่ีเกิดวิกฤติขึ้นในขณะนั้น ในขณะเดียวกัน ผมได้
ต้ังใจและมีปณิธานว่า เม่ือเข้ามาเป็นอาจารย์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

92

แล้ว ก็จะท�ำหน้าท่ีให้ดีท่ีสุด โดยไม่ค�ำนึงถึงว่าเป็นมหาวิทยาลัยท่ีผมได้
จบการศึกษาหรือไม่ และควรจะเป็นเร่ืองท่ีน่าภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ ที่นกั ศกึ ษาเก่าของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตรผ์ หู้ นง่ึ (นกั ศกึ ษา
ดเี ดน่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๐) ไดร้ บั ความไวว้ างใจจากจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ใหไ้ ด้
ทำ� หนา้ ทสี่ ำ� คญั น้ี และทงั้ ๆ ทคี่ ณาจารยท์ ม่ี อี าวโุ ส มคี วามรคู้ วามสามารถใน
จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย มอี ยู่เป็นจำ� นวนมาก ซ่งึ การเขา้ มาจดั การในฐานะ
ผู้จัดการผลประโยชน์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซ่ึงต่อมาได้พัฒนาเป็น
สำ� นกั งานจดั การทรพั ยส์ นิ และมผี บู้ รหิ ารเปน็ ถงึ รองอธกิ ารบดฝี า่ ยทรพั ยส์ นิ
แสดงถึงความส�ำคัญของงานนี้ และจากเหตุการณ์ส�ำคัญดังกล่าวท�ำให้
อธิการบดีได้รู้จักและไว้วางใจผม เพราะฉะนั้น เม่ือได้เสนอเรื่องการ
จดั ต้งั คณะนติ ศิ าสตร์ไปถึงอธิการบดี เมอื่ ท่านพจิ ารณาและได้เชญิ ผมไป
พูดคุยหลักการแนวทางและซักถามพอสมควร จึงได้ผ่านเรื่องไปยัง
ปลัดทบวงมหาวทิ ยาลัยตอ่ ไป
อุปสรรคในการจัดต้ังคณะนิติศาสตร์เมื่อผ่านพ้นไปถึงทบวง
มหาวิทยาลัยแล้วได้รับการคัดค้านอย่างมากจากปลัดทบวงในขณะน้ัน
โดยไมเ่ หน็ ดว้ ยในการทจี่ ะใหม้ กี ารจดั ตงั้ คณะนติ ศิ าสตรข์ น้ึ ในจฬุ าลงกรณ์
มหาวิทยาลัย   ซึ่งการคัดค้านน้ีมีผลมากและเสียเวลาอีกระยะหน่ึง
แตเ่ รอื่ งกไ็ ดผ้ า่ นไปถงึ สภาการศกึ ษาแหง่ ชาติ ซงึ่ เปน็ องคก์ รสดุ ทา้ ยทพ่ี จิ ารณา
ใหค้ วามเหน็ ชอบวา่ จะใหม้ กี ารจดั ตงั้ คณะหรอื แผนกวชิ าในมหาวทิ ยาลยั หรอื ไม่
ปรากฏว่าเลขานุการสภาการศึกษาแห่งชาติในขณะน้ันคือ ดร.นงเยาว์
กาญจนจารี  ไดม้ คี วามเหน็ คัดค้านอยา่ งแข็งขนั โดยอ้างว่าคณะนติ ศิ าสตร์
ได้มีอยู่แล้วท่ีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากน้ันเพิ่งมีการจัดตั้งคณะ
นิติศาสตร์ข้ึนท่ีมหาวิทยาลัยรามค�ำแหงอีกแห่งหนึ่งในรูปของมหาวิทยาลัย
เปิด แทนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่ีกลายเป็นมหาวิทยาลัยปิดโดยต้อง
มีการสอบเข้าศึกษา ส่วนที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิชา

93

หลากอหกุ ลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

นิติศาสตร์ได้จัดต้ังในรูปแบบของแผนกวิชานิติศาสตร์ ซึ่งน่าจะเป็นการ
ถูกต้องแล้ว เร่ืองน้ีได้ใช้เวลาพอสมควรในการที่จะท�ำความเข้าใจกับผู้
รับผิดชอบระดับสูงซ่ึงในขณะน้ันประธานสภาการศึกษาแห่งชาติ ได้แก่
ศาสตราจารย์ ดร.สุกิจ นิมมานเหมินทร์ ซึ่งถือกันว่าท่านเป็นนักปราชญ์
ทางการศึกษา และเป็นเรื่องประจวบเหมาะที่ก่อนหน้าน้ี ศาสตราจารย์
ดร.สกุ จิ นมิ มานเหมนิ ทร์ ไดร้ วบรวมบรรดาบคุ คลกลมุ่ หนง่ึ ทเี่ ปน็ คณาจารย์
ประจำ� และอาจารยพ์ เิ ศษจากมหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ รว่ มกนั จดั ตงั้ “โครงการ
มหาวิทยาลัยทางอากาศ” ขึ้น และให้มีการบรรยายกฎหมายโดยทาง
สถานวี ทิ ยุกระจายเสยี งในแขนงวชิ าต่าง ๆ ผมเป็นหนึง่ ในคณะผู้ด�ำเนินการ
มหาวทิ ยาลัยทางอากาศ ซึง่ ท่านอาจารย์ ดร.สกุ ิจ ไดก้ ำ� หนดเจาะจงว่าใน
วิชากฎหมายน้ันขอให้ผมได้เข้ามาร่วมด�ำเนินการด้วย จึงท�ำให้มีความ
รจู้ กั เชอื่ ถอื และคนุ้ เคยในการทำ� งานของผม อนง่ึ ในชว่ งนนั้ ผทู้ ช่ี ว่ ยท�ำความ
เข้าใจและช่วยน�ำเอกสารต่าง ๆ เสนอต่อท่านอาจารย์ ดร.สุกิจ นิมมาน-
เหมินทร์ อีกทางหนึ่งได้แก่ นสิ ติ ในคณะในขณะนน้ั ซึ่งมศี กั ดเ์ิ ป็นหลานของ
อาจารย์ ดร.สุกจิ คือ อาจารย์กาญจนา นิมมานเหมินทร์ เปน็ ผมู้ สี ่วนร่วม
ผลักดันในระดับหนึ่งในการประสานงานระหว่างผมกับประธานสภาการ
ศึกษาแหง่ ชาติ ในท่สี ดุ อาจารย์ ดร.สุกจิ นิมมานเหมินทร์ ได้ตดั สินใจอนุมัติ
โครงการจดั ตง้ั คณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั และไดส้ ง่ เรอ่ื งตอ่ ไป
ยงั ผู้มีอ�ำนาจหน้าทขี่ ณะนน้ั ไดแ้ ก่ คณะปฏวิ ตั ิ ซึ่งมจี อมพล ถนอม กิตตขิ จร
เปน็ หวั หน้าคณะปฏิวัต ิ

94

ศาสตราจารย์ ดร.สกุ จิ นิมมานเหมนิ ทร์
ผ้มู ีพระคณุ และสนับสนุนอย่างสำ� คญั ในการตง้ั คณะนติ ศิ าสตร์ พ.ศ. ๒๕๑๕

ในฐานะนายกสภาการศึกษา

95

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวิน

เป็นเร่ืองบังเอิญของคณะนิติศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อกี เชน่ เดยี วกนั เพราะในขณะทด่ี ำ� เนนิ การจดั ตง้ั คณะนติ ศิ าสตรน์ นั้ การตรา
พระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาต่าง ๆ เป็นอ�ำนาจของคณะปฏิวัติที่
จะต้องท�ำเป็นประกาศของคณะปฏิวัติ เพราะว่าในขณะน้ันไม่ได้มีสภาท�ำ
หนา้ ทนี่ ติ บิ ญั ญตั  ิ ตามทก่ี ลา่ วมาแลว้ วา่ เปน็ เรอ่ื งประจวบเหมาะและเปน็ การ
บังเอิญที่ผมเป็นผู้หนึ่งท่ีได้รับการแต่งตั้งจากคณะปฏิวัติที่มีจอมพล ถนอม
กิตติขจร  เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติให้เป็นที่ปรึกษาในฝ่ายรักษาความม่ันคง
ของชาตริ ว่ มกับนกั กฎหมายอกี บางทา่ น ได้แก่ ศาสตราจารยค์ ะนงึ ฦาไชย
และศาสตราจารย์มารตุ บุนนาค เปน็ อาทิ เพราะฉะนน้ั จึงไดร้ บั ความเชอ่ื ถอื
จากบรรดาผมู้ อี ำ� นาจในขณะนนั้ ในระดบั หนงึ่   และมคี วามสมั พนั ธก์ บั บรรดา
เจา้ หนา้ ทผ่ี มู้ คี วามสำ� คญั ในดา้ นธรุ การทจ่ี ะผา่ นรา่ งประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ
ต่าง ๆ เพ่ือให้ประกาศใช้เป็นกฎหมาย
เม่ือเรื่องการอนุมัติจัดตั้งคณะนิติศาสตร์ได้ผ่านจากสภาการศึกษาไป
สู่คณะปฏิวัติแล้ว ในช่วงนั้นเป็นช่วงปลายของคณะปฏิวัติซึ่งมีร่างประกาศ
ของคณะปฏวิ ตั เิ ปน็ จำ� นวนมากคา้ งการพจิ ารณาอย ู่ แตผ่ มไดจ้ ดั รา่ งประกาศ
คณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๖๔ ขึ้นและได้ประสานงานกับบรรดาเจ้าหน้าท่ี
คนส�ำคัญที่เกี่ยวข้องซ่ึงได้รับความร่วมมือด้วยดี จนกระทั่งก่อนที่คณะ
ปฏวิ ตั จิ ะสลายตวั ไปไดม้ กี ารออกประกาศของคณะปฏวิ ตั ฉิ บบั ท่ี ๑๖๔ ใหม้ ี
การจัดต้ังคณะนิติศาสตร์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดังกล่าวแล้ว
ข้างต้น จึงเห็นได้ว่า การจัดตั้งคณะนิติศาสตร์มิได้เป็นแต่เพียงการด�ำเนิน
การทางด้านความคิดหรือการจัดท�ำโครงการข้ึนเท่านั้น แต่ต้องมีการเสนอ
เรื่องผ่านไปตามล�ำดับหลายขั้นตอน แต่เป็นเร่ืองที่มีความประจวบเหมาะ
หรือเป็นเร่ืองท่ีบังเอิญหรืออาจจะเรียกว่าฟ้าลิขิตหลายประการดังท่ีกล่าว
มาแล้ว จึงท�ำให้การเดินเร่ืองของผมในการจัดต้ังคณะนิติศาสตร์ได้ผ่าน
ข้ันตอนท่ียากล�ำบากหรือเป็นเรื่องท่ีเป็นไปไม่ได้กลับผ่านไปด้วยดี

96

เพราะเหตทุ ส่ี ถานการณไ์ ดท้ ำ� ใหท้ า่ นผมู้ อี ำ� นาจไดร้ จู้ กั และเชอื่ ถอื การทำ� งาน
ของผมในระดับหน่ึง และได้เห็นว่า การด�ำเนินงานของผมมีเหตุผล และ
มไิ ดเ้ ปน็ การกระทำ� เพอื่ ประโยชนส์ ว่ นตวั แตเ่ ปน็ ประโยชนเ์ พอื่ การศกึ ษา
วชิ านติ ศิ าสตรข์ องชาตอิ ยา่ งแทจ้ รงิ จงึ ไดผ้ า่ นเรอ่ื งตา่ ง ๆ จนกระทง่ั ออกมา
เปน็ กฎหมายในรปู แบบประกาศของคณะปฏิวัติฉบับท่ี ๑๖๔ ดังกลา่ วแลว้
และเน่ืองจากประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๖๔ ได้ประกาศ
เม่ือวนั ท่ี ๑๕ มิถนุ ายน พุทธศกั ราช ๒๕๑๕ ผมจงึ ถอื วา่ วนั ท่มี ปี ระกาศของ
คณะปฏวิ ตั ฉิ บบั ที่ ๑๖๔ คอื วนั ท่ี ๑๕ มถิ นุ ายน ๒๕๑๕ เปน็ วนั ทกี่ ำ� เนดิ ของ
คณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั อยา่ งแทจ้ รงิ สว่ นวนั ทก่ี ฎหมาย
มีผลใชบ้ ังคับในวนั ท่ี ๑๘ มถิ ุนายนน้ัน เป็นผลทีต่ ามมา แตไ่ มใ่ ช่เปน็ วนั เกิด
ของคณะนิติศาสตร์อย่างที่แท้จริง เพราะฉะน้ัน วันที่จะมีการเฉลิมฉลอง
วนั เกดิ ของคณะนติ ศิ าสตรอ์ ย่างแท้จรงิ ตอ้ งเปน็ วันที่ ๑๕ มถิ นุ ายนของทุกปี
ก่อนท่ีจะจบขั้นตอนการด�ำเนินการจัดต้ังคณะนิติศาสตร์จนถึงข้ันการ
ออกประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวแล้ว มีเหตุการณ์อีกเล็กน้อยซ่ึงควร
แกก่ ารกลา่ วถงึ ไดแ้ ก่ การคดั คา้ นและตอ่ ตา้ นการแยกแผนกวชิ านติ ศิ าสตร์
ออกจากคณะรัฐศาสตร์ โดยอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ส่วนน้อย ซ่ึงน�ำโดย
อาจารย์รุ่นพ่ีท่านหน่ึงซึ่งผมมีความเข้าใจในความรู้สึกและจิตใจของบุคคล
หรือกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพราะถ้าคิดแต่เพียงผิวเผินก็จะมีความรู้สึกว่า
ผมเข้ามาเพ่ือก่อให้เกิดการแบ่งแยกหรือแตกแยกข้ึนในคณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยไม่ได้พิจารณาถึงผลระยะยาวและหลักการ
ที่ถูกต้อง ซึ่งบัดนี้เวลาได้เป็นเคร่ืองพิสูจน์แล้วว่า ความคิดเห็นหรือ
แนวความคิด และการริเริ่มของผมเป็นเร่ืองที่ถูกและได้ด�ำเนินการโดย
สงบเรียบร้อยมาโดยตลอด จนกระท่ังวันหน่ึงอาจารย์รุ่นพี่ท่านนั้นได้น�ำ
โปสเตอรต์ อ่ ตา้ นการแบง่ แยกคณะรฐั ศาสตร์ และกลา่ วหาวา่ ผมเปน็ ผทู้ ำ� การ
แบง่ แยกคณะรฐั ศาสตรม์ าตดิ ไวท้ อ่ี าคาร ๒ ซง่ึ เปน็ อาคารทที่ ำ� การของแผนก

97

หลากอหุกลฤาษยแนมวงคคิดลนาวนิ

วิชานิตศิ าสตร์ ผมไดเ้ หน็ โปสเตอรแ์ ผ่นนีใ้ นเวลาประมาณบา่ ย ๒ โมง กไ็ มไ่ ด้
มคี วามรสู้ กึ โกรธเคอื งแตป่ ระการใด แตเ่ หน็ วา่ ถา้ ปลอ่ ยใหย้ ดื เยอ้ื ตอ่ ไปกอ็ าจ
เกิดกระแสท่ีขัดแย้งกันและอาจจะท�ำให้เกิดความแตกแยกกันอย่างแท้จริง
ระหว่างนิสิตแผนกวิชานิติศาสตร์และนิสิตรัฐศาสตร์ในแผนกอ่ืน ๆ จึงได้
แจ้งคณบดคี ณะรัฐศาสตร์ในขณะน้ันคอื ศาสตราจารย์ ดร.เกษม สุวรรณกลุ
ขอให้อาจารย์ท่านนั้นได้น�ำโปสเตอร์ออกไปจากที่มาติดต้ังไว้ภายในเวลา
๑๖.๐๐ นาฬิกา มฉิ ะนนั้ ผมจะด�ำเนินการทางกฎหมายโดยเดด็ ขาด ปรากฏ
วา่ กอ่ นถงึ เวลาโปสเตอรด์ งั กลา่ วไดถ้ กู ปลดออกไป เรอ่ื งจงึ สงบลงดว้ ยดแี ละ
ไม่มีเหตุการณ์อย่างอ่ืนท่ีต่อเน่ือง และผมขอยืนยันว่า ไม่ได้มีความรู้สึก
โกรธเคอื งแตป่ ระการใดตอ่ การกระทำ� ดงั กลา่ ว เพราะไดค้ ดิ วา่ วนั หนง่ึ ทกุ คน
จะมคี วามเขา้ ใจเจตนาดแี ละความหวงั ดขี องผมทมี่ ตี อ่ คณะรฐั ศาสตร์ และ
ที่มีต่อแผนกวิชานิติศาสตร์และมีต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมท้ัง
ทม่ี ีต่อวงการของนติ ศิ าสตรข์ องประเทศไทยดว้ ย
มเี รอื่ งตอ่ เนอื่ งทสี่ นบั สนนุ ความเหน็ ของผมในการจดั ตง้ั คณะนติ ศิ าสตร์
ได้แก่ การท่ี ดร.นงเยาว์  กาญจนจารี ซึ่งเป็นผู้ที่คัดค้านการจัดต้ังคณะ
นิติศาสตร์อย่างเข้มแข็งในที่สุด ได้ให้ นายพรพรหม กาญจนจารี ซึ่งเป็น
บุตรชายเข้าศึกษาในคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยิ่งกว่านั้น
เมอ่ื จบการศกึ ษาแลว้ ยงั ฝากใหฝ้ กึ งานและทำ� งานทส่ี ำ� นกั กฎหมายของผมอกี
ดว้ ย ซงึ่ ตอ่ มาเปน็ ผปู้ ระสบความสำ� เรจ็ อยา่ งสงู ในวชิ าชพี ทนายความคนหนง่ึ
ณ บัดนีเ้ วลาได้ผา่ นมาเกอื บ ๕๐ ปแี ลว้ ขณะทมี่ ผี ้ไู มร่ ู้ความจริงหรอื รู้
ความจริงบางเร่อื งแต่แกลง้ ทำ� ไม่รู้ และไม่น�ำความจรงิ มาพดู หรอื มาเปดิ เผย
หรือพูดในส่ิงท่ีรับฟังกันมาจากเรื่องที่ไม่เป็นความจริง ผมจึงเห็นว่าบัดนี้ได้
เวลาสมควรแลว้ ทเี่ รอ่ื งการจดั ตง้ั คณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
ควรจะบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของคณะนิติศาสตร์ เพื่อให้ผู้ที่เป็น
นิสิตเก่า  ครูบาอาจารย์  และนิสิตท่ีจะเข้าศึกษาต่อไปได้รู้ถึงสิ่งที่ได้

98

ด�ำเนินการมาตลอดเวลา จนกระท่ังประสบความส�ำเร็จดังที่ได้กล่าวมา
แล้ว และผมก็ได้มีความดีใจและภาคภูมิใจที่เกิดมาไม่เสียชาติเกิดตามท่ี
ได้ตั้งปณิธานไว้ว่าในฐานะที่เป็นนักกฎหมายจะด�ำเนินการทุก ๆ อย่าง
เพอ่ื ใหว้ ชิ ากฎหมายเปน็ ทย่ี อมรบั นบั ถอื และใหน้ กั กฎหมายเปน็ ทย่ี อมรบั
นบั ถอื และสามารถทำ� ประโยชนร์ บั ใชส้ งั คมและบา้ นเมอื งไดอ้ ยา่ งมเี กยี รติ
และมีประสิทธิภาพในทุก ๆ ด้านและในทุกวงการ ซ่ึงได้พิสูจน์แล้วว่า
ผู้ที่ส�ำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไดร้ บั ใชช้ าติบา้ นเมืองในต�ำแหน่งส�ำคัญ ๆ ของบา้ นเมืองในวงการต่าง ๆ
จนเปน็ ท่ียอมรบั กนั ท่ัวไป

99


Click to View FlipBook Version