The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผลงานการฝึกปฏิบัติและจัดทำโดยนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย ชั้นปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Karantharak Termwitkhajorn, 2020-04-21 09:38:44

ชุดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณ

ผลงานการฝึกปฏิบัติและจัดทำโดยนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย ชั้นปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

Keywords: คุณธรรม,จริยธรรม,จรรยาบรรณวิชาชีพครู

การพัฒนาชุดกิจกรรมส่งเสริมคณุ ธรรมจริยธรรมนักศึกษาครู
ในรายวชิ า 1101203 คณุ ธรรมจรยิ ธรรมและจรรยาบรรณ

เสนอ
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยก์ รณั ฑรกั ข์ วทิ ยอภิบาลกลุ

จัดทาโดย
นักศึกษาสาขาวชิ าการปฐมวัย ชั้นปีท่ี 2

ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562

คานา

รายงานฉบบั สมบูรณเ์ ล่มนี้ ถกู จัดทาข้นึ เพ่ือเป็นส่วนหน่ึงในรายวชิ า 1101203 คุณธรรมจริยธรรม
และจรรยาบรรณ โดยความมุ่งหวังของอาจารย์ผู้สอนในการพัฒนานักศึกษาสายการศึกษาให้เกิดทักษะการ
เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ส่งเสริมและฝึกกระบวนการคิดเชิงระบบผ่านการทางานโครงงาน (Project based
learning ฝึกทักษะการเรียนรู้ผ่านกระบวนการลงมือปฏิบัติจริง และเพื่อการปลูกฝังคุณลักษณะเชิง
พฤติกรรมในรายวิชาคุณธรรมจรยิ ธรรมและจรรยาบรรณ ซ่ึงขั้นตอนในการดาเนินการ ประกอบด้วย การฝึก
ทดลองจัดกระบวนการกลมุ่ ในชน้ั เรียน การสบื คน้ และการวเิ คราะห์และสงั เคราะห์ขอ้ มูลอย่างเป็นระบบ การ
พัฒนาเคร่ืองมือแบบสอบถาม การพัฒนาชุดกิจกรรมเพ่ือส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม การฝกึ ปฏิบตั ิทดลองใช้
เคร่อื งมอื ท่ีกลมุ่ ผ้เู รียนไดช้ ว่ ยกันพฒั นาข้ึน การแปลผลและสรปุ ผล รวมถงึ การจัดทารูปเล่มรายงานที่สมบรู ณ์

จากกระบวนการเรียนรทู้ อ่ี าจารย์ผสู้ อนได้ออกแบบและจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับนักศกึ ษาตลอด
ภาคการศึกษา ส่งผลให้นักศึกษาได้พัฒนาศักยภาพและความสามารถของตนเองอย่างเป็นระบบ และส่งผล
ให้การดาเนินงานที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความราบรื่น ซ่ึงคณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่ารายงานฉบับสมบูรณ์
เล่มนี้อาจเปน็ แรงบันดาลใจที่จุดประกายการพัฒนาตนเอง รวมถึงการพฒั นาคุณธรรมจรยิ ธรรมของบุคคลได้
ไม่มากก็นอ้ ย

ผู้จดั ทา

สารบญั หนา้

คานา
สารบญั
Part 1 หลกั ธรรมาภิบาล

ส่วนที่ 1 การทบทวนเอกสารเกีย่ วกบั หลักธรรมาภิบาล
1. ความหมายของหลักธรรมาภิบาล
2. องค์ประกอบของหลักธรรมาภิบาล
3. การวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบหลกั ธรรมาภิบาล

ส่วนที่ 2 เครอ่ื งมือการพัฒนาหลักธรรมาภบิ าล
1. การออกแบบชุดกิจกรรมพัฒนาหลักธรรมาภิบาล
2. แบบสอบถามการรับรู้หลกั ธรรมาภบิ าล

ส่วนที่ 3 การวิเคราะห์ผลการทดลองใชช้ ุดกิจกรรมพัฒนาหลกั ธรรมาภิบาล
1. การวิเคราะหผ์ ลการตอบแบบสอบถามการรบั รู้หลกั ธรรมาภบิ าล
2. การวิเคราะหผ์ ลความพึงพอใจ
3. ข้อเสนอแนะ

ส่วนที่ 4 การสรุปและอภิปรายผล
1. การสรุปสาระสาคญั ดา้ นองค์ความรู้จากการเขา้ ร่วมกจิ กรรมของผู้เขา้ ร่วมฯ
2. การวเิ คราะหก์ ารดาเนินกิจกรรม

Part 2 ความซือ่ สัตยส์ จุ ริต

สว่ นท่ี 1 การทบทวนเอกสารเกยี่ วกับความซ่ือสัตยส์ จุ รติ
1. ความหมายของความซื่อสัตยส์ จุ ริต
2. องค์ประกอบของความซ่ือสัตยส์ ุจรติ
3. การวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบความซือ่ สัตยส์ ุจรติ

สว่ นที่ 2 เครื่องมือการพัฒนาความซ่อื สตั ย์สุจรติ
1. การออกแบบชุดกจิ กรรมพัฒนาความซือ่ สตั ยส์ จุ รติ
2. แบบสอบถามการรับรู้ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต

ส่วนท่ี 3 การวเิ คราะห์ผลการทดลองใช้ชุดกจิ กรรมพฒั นาความซอื่ สตั ย์สุจรติ
1. การวเิ คราะหผ์ ลการตอบแบบสอบถามการรับรู้ความซือ่ สัตยส์ ุจริต
2. การวเิ คราะห์ผลความพึงพอใจ
3. ขอ้ เสนอแนะ

สว่ นที่ 4 การสรุปและอภปิ รายผล
1. การสรปุ สาระสาคญั ด้านองคค์ วามรจู้ ากการเขา้ รว่ มกจิ กรรมของผู้เข้ารว่ มฯ
2. การวิเคราะห์การดาเนนิ กิจกรรม

สารบัญ (ต่อ) หน้า

Part 3 คณุ ธรรมจริยธรรมของวิชาชีพครู

ส่วนท่ี 1 การทบทวนเอกสารเกยี่ วกับคุณธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชพี ครู
1. ความหมายของคุณธรรมจริยธรรมของวิชาชพี ครู
2. องคป์ ระกอบของคุณธรรมจรยิ ธรรมของวิชาชีพครู
3. การวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชีพครู

ส่วนท่ี 2 เครือ่ งมือการพฒั นาคุณธรรมจรยิ ธรรมของวิชาชพี ครู
1. การออกแบบชดุ กจิ กรรมพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของวชิ าชีพครู
2. แบบสอบถามการรับรู้คุณธรรมจริยธรรมของวชิ าชพี ครู

สว่ นท่ี 3 การวิเคราะหผ์ ลการทดลองใชช้ ุดกิจกรรมพฒั นาคุณธรรมจรยิ ธรรมของวิชาชพี ครู
1. การวิเคราะห์ผลการตอบแบบสอบถามการรบั รู้คุณธรรมจริยธรรมของวิชาชพี ครู
2. การวิเคราะหผ์ ลความพึงพอใจ
3. ขอ้ เสนอแนะ

ส่วนท่ี 4 การสรุปและอภิปรายผล
1. การสรุปสาระสาคัญด้านองค์ความร้จู ากการเขา้ รว่ มกิจกรรมของผเู้ ขา้ ร่วมฯ
2. การวเิ คราะหก์ ารดาเนนิ กิจกรรม (โดยวเิ คราะห์จากจดุ เด่น จดุ ด้อย ปัญหาและ

อุปสรรค และแนวทางในการจัดการปญั หาและอุปสรรค)

Part 4 จรรยาบรรณวชิ าชพี ครูทคี่ ุรสุ ภากาหนด

สว่ นท่ี 1 การทบทวนเอกสารเกย่ี วกบั จรรยาบรรณวิชาชีพครูท่ีครุ สุ ภากาหนด
1. ความหมายของจรรยาบรรณวิชาชพี ครูท่ีครุ สุ ภากาหนด
2. องค์ประกอบของจรรยาบรรณวิชาชพี ครูที่ครุ สุ ภากาหนด
3. การวเิ คราะหอ์ งค์ประกอบจรรยาบรรณวชิ าชพี ครูทค่ี ุรุสภากาหนด

ส่วนที่ 2 เครอื่ งมือการพัฒนาจรรยาบรรณวิชาชพี ครูที่ครุ ุสภากาหนด
1. การออกแบบชดุ กจิ กรรมพัฒนาจรรยาบรรณวชิ าชีพครูที่คุรสุ ภากาหนด
2. แบบสอบถามการรบั รู้จรรยาบรรณวชิ าชีพครทู ีค่ รุ สุ ภากาหนด

ส่วนท่ี 3 การวิเคราะห์ผลการทดลองใช้ชดุ กจิ กรรมพฒั นาจรรยาบรรณวิชาชีพครทู ีค่ รุ สุ ภา
กาหนด

1. การวเิ คราะหผ์ ลการตอบแบบสอบถามการรับรู้จรรยาบรรณวชิ าชีพครูที่ครุ สุ ภา
กาหนด

2. การวเิ คราะห์ผลความพึงพอใจ
3. ขอ้ เสนอแนะ
ส่วนท่ี 4 การสรปุ และอภิปรายผล
1. การสรุปสาระสาคญั ดา้ นองคค์ วามรจู้ ากการเข้าร่วมกิจกรรมของผ้เู ขา้ รว่ มฯ
2. การวเิ คราะหก์ ารดาเนินกิจกรรม

สารบัญ (ตอ่ )

หนา้

Part 5 ทกั ษะสู่การปฏบิ ตั ิคณุ ธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณ

สว่ นที่ 1 ทกั ษะสู่การปฏิบัติคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณ
1. ความหมายและองคป์ ระกอบของคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณ

ส่วนที่ 2 เครื่องมือการพัฒนาคุณธรรมจรยิ ธรรมและจรรยาบรรณ
1. การออกแบบชุดกิจกรรมพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณ
2. แบบสอบถามการรับรู้คณุ ธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณ

สว่ นท่ี 3 การวิเคราะห์ผลการทดลองใชช้ ดุ กจิ กรรมพัฒนาคุณธรรมจรยิ ธรรมและจรรยาบรรณ
1. การวิเคราะหผ์ ลความพึงพอใจ
2. ขอ้ เสนอแนะ

ส่วนที่ 4 การสรปุ และอภิปรายผล
1. การสรุปสาระสาคัญด้านองคค์ วามรูจ้ ากการเขา้ ร่วมกจิ กรรมของผูเ้ ขา้ ร่วมฯ
2. การวิเคราะห์การดาเนนิ กิจกรรม

บรรณานกุ รม

ภาคผนวก
1. ประมวลภาพถ่ายการจัดกิจกรรม
2. ตารางจาแนกองคป์ ระกอบ ตวั บง่ ช้ี และข้อคาถาม
3. ประวัติผู้จัดทา

สารบัญตาราง

หน้า

ตารางท่ี 1 วิเคราะห์องค์ประกอบร่วมของแนวคิด นักทฤษฎี และองค์ประกอบหลักธรรมภิ
บาล
ตารางที่ 2 แสดงองค์ประกอบหลัก องคป์ ระกอบยอ่ ย ตัวบง่ ชีพ้ ฤติกรรม และกิจกรรม
หลักธรรมภิบาล
ตารางท่ี 3 แสดงความเชือ่ มโยงระหว่างกจิ กรรมกับตัวบง่ ช้พี ฤตกิ รรมหลักธรรมภิบาล
ตารางท่ี 4 ค่าเฉลี่ยของการรบั รู้หลกั ธรรมาภิบาล จาแนกตามขอ้ คาถามหลักธรรมภบิ าล
ตารางที่ 5 ร้อยละของคะแนนความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรมหลักธรรมภิบาล
ตารางท่ี 6 วเิ คราะห์องค์ประกอบของความซ่ือสัตยส์ จุ รติ
ตารางท่ี 7 แสดงองคป์ ระกอบหลัก องค์ประกอบย่อย ตัวบง่ ช้ีพฤติกรรม และกิจกรรมความ
ซอื่ สัตยส์ จุ ริต
ตารางท่ี 8 แสดงความเช่ือมโยงระหวา่ งกจิ กรรมกบั ตัวบ่งช้ีพฤติกรรมความซ่อื สตั ย์สจุ รติ
ตารางท่ี 9 ค่าเฉลยี่ ของการรับรู้ความซ่ือสัตยส์ จุ ริตจาแนกตามข้อคาถาม
ตารางที่ 10 ร้อยละของคะแนนความพงึ พอใจในการเข้าร่วมกิจกรรม
ตารางท่ี 11 วิเคราะห์องคป์ ระกอบของคุณธรรมจริยธรรมของวชิ าชีพ
ตารางที่ 12 แสดงองคป์ ระกอบหลัก องค์ประกอบย่อย ตัวบง่ ชี้พฤติกรรม และกจิ กรรม
คุณธรรมจริยธรรมของวิชาชีพ
ตารางที่ 13 แสดงความเช่อื มโยงระหว่างกจิ กรรมกบั ตวั บ่งชพี้ ฤตกิ รรมคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของ
วชิ าชีพ
ตารางท่ี 14 ค่าเฉลยี่ ของการรบั รูค้ ุณธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชีพจาแนกตามข้อคาถาม
ตารางท่ี 15 ร้อยละของคะแนนความพงึ พอใจในการเข้าร่วมกิจกรรม
ตารางท่ี 16 แสดงพฤตกิ รรมทพ่ี ึงประสงค์และไม่พงึ ประสงค์ของจรรยาบรรณต่อตนเอง
ตารางที่ 17 แสดงพฤติกรรมที่พงึ ประสงค์และไม่พึงประสงค์ของจรรยาบรรณต่อวชิ าชีพ
ตารางที่ 18 แสดงพฤตกิ รรมที่พงึ ประสงคแ์ ละไมพ่ งึ ประสงค์ของจรรยาบรรณต่อผรู้ บั บรกิ าร
ตารางท่ี 19 แสดงพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ของจรรยาบรรณต่อผู้ร่วม
ประกอบวชิ าชพี
ตารางที่ 20 แสดงพฤตกิ รรมที่พงึ ประสงคแ์ ละไมพ่ งึ ประสงค์ของจรรยาบรรณต่อสงั คม
ตารางที่ 21 แสดงองค์ประกอบหลัก องค์ประกอบย่อย ตัวบ่งชี้พฤติกรรม และกิจกรรม
จรรยาบรรณ
ตารางท่ี 22 แสดงความเช่ือมโยงระหว่างกจิ กรรมกับตัวบ่งชพ้ี ฤติกรรมจรรยาบรรณ
ตารางท่ี 23 คา่ เฉลีย่ ของการรับรู้จรรยาบรรณของวชิ าชพี ทีค่ ุรุสภากาหนดจาแนกตามข้อ
คาถาม
ตารางที่ 24 รอ้ ยละของคะแนนความพึงพอใจในการเข้าร่วมกจิ กรรม
ตารางท่ี 25 องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบย่อย ตวั บง่ ชี้ทกั ษะสู่การปฏบิ ัติคณุ ธรรมจริยธรรมและ
จรรยาบรรณ

สารบัญตาราง (ตอ่ )

หน้า

ตารางท่ี 26 แสดงองค์ประกอบหลกั องค์ประกอบย่อย ตัวบ่งช้ีพฤติกรรม และกจิ กรรม
คุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณ
ตารางท่ี 27 แสดงความเช่ือมโยงระหว่างกิจกรรมกบั ตัวบ่งช้พี ฤตกิ รรมคุณธรรมจริยธรรมและ
จรรยาบรรณ

Part 1
หลักธรรมาภบิ าล

สว่ นท่ี 1

การทบทวนเอกสารทเ่ี กย่ี วข้องกบั หลักธรรมาภิบาล

ความหมายหลกั ธรรมมาภิบาล
ปัญญา ฉายะจินดาวงศ์ และรัชนี ภู่ตระกูล (2549: 3) ได้เขียนหนังสือเร่ืองธรรมาภิบาล

กบั สงั คมไทย มใี จความตอนหน่ึงวา่ ธรรมาภิบาลหมายถึงการบรหิ ารจัดการทรัพยากรทางเศรษฐกจิ และสงั คม
เพื่อการพัฒนาของประเทศโดยมีการเช่ือมโยงองค์ประกอบท้ัง 3 ส่วนของสังคมคือภาครัฐภาคเอกชนและ
ภาคประชาสังคมและให้มีการสนับสนุนซ่ึงกัน และกันอย่างสร้างสรรค์ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่าง
เศรษฐกิจสังคมการเมืองอย่างสมดุลส่งผลให้สังคมดารงอยู่ร่วมกันอย่างสันติตลอดจนมีการใช้อานาจในการ
พฒั นาประเทศชาตใิ ห้เปน็ ไปอยา่ งม่นั คงย่ังยนื และมีเสถียรภาพ

ธรรมาภิบาล (Good Governance) คือ การบริหารจัดการองค์การท่ีดีมีประสิทธิภาพและ
มีประสิทธิผลและมีองค์ประกอบท่ีสาคัญ คือความโปร่งใสตรวจสอบได้ มีการบริหารงาน ที่มีคุณธรรม
จริยธรรมของการบริหารงาน มีความรับผิดชอบ ต่อสังคมและการมีส่วนร่วมในการบริหารงานทุกภาคส่วน
และมกี ารกาหนดนโยบายในการบริหารงานทแ่ี น่นอน

ถวิลวดี บุรีกุล และคณะ (2546) ได้กล่าวว่า ธรรมาภิบาล จึงเป็นเรื่องของหลักการบริหาร
แนวใหม่ท่ีมุ่งเน้นหลักการ โดยไม่ใช้หลักการที่เป็นรูปแบบทฤษฎีการบริหารงาน แต่เป็นหลักการทางานซ่ึง
หากมีการนาไปใช้เพ่ือการบริหารงานแล้ว จะเกิดความเช่ือม่ันว่าจะนามาซึ่งผลลัพธ์ท่ีดีที่สุดคือ ความเป็น
ธรรม ความสุจริตความมีประสทิ ธิภาพและความมปี ระสทิ ธิผล

มหาธีร์โมฮัมเหม็ด (อ้างถึงใน ไชยวัฒน์ ค้าชู, 2548 : 28) ได้ให้ความหมายของธรรมาภิบาล
หมายถึง การใช้อานาจทางการเมืองเศรษฐกิจและรัฐศาสตร์ ประศาสนศาสตร์เพ่ือการบริหารกิจกรรมต่างๆ
ของชาติบ้านเมือง และรวมถึงกระบวนการความสัมพันธ์และสถาบันต่างๆ ที่เชื่อมโยงกัน อย่างคาซ้อนและ
ประชาชนพลเมืองใช้เป็นเครื่องมือ หรือช่องทางในการบริหารจัดการกิจกรรมต่างๆ อันเกี่ยวข้องกับชีวิต
ประเทศซ่ึงมอี งคป์ ระกอบรวม ซง่ึ เป็นพน้ื ฐานของการสร้างหลักธรรมมาภิบาล

อริย์ธัช แก้วเกาะสะบ้า (ม.ป.ป.) ได้กล่าวว่า แนวคิดเรื่องธรรมาภิบาลมีบทบาทอย่างมากต่อ
หน่วยงานภายในประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชนมีการนาแนวคิดมาปรับใช้ มีการปรับลดขนาดของหน่วยงาน
ปรับปรุงการบริหารให้มีคุณภาพการบริหารสาธารณะต่างๆ เป็นท่ีพึงพอใจของประชาชน หลักธรรมาภิบาล
มีกาหนดไว้ในระเบียบสานักนายกรฐั มนตรีว่าด้วยภาระบ้านเมอื งและสงั คมท่ดี ี พ.ศ 2542 คอื หลักนิติธรรม
หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วมหลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า โดย
กาหนดใหห้ น่วยงานรัฐทุกแห่งกาหนดแผนโครงการเพอื่ ปรับปรุงในความรับผิดชอบให้สอดคล้องกับหลกั ธรร
มาภิบาล

รตั นาภรณ์ ส่งเสริม (2559) หลักธรรมมาภบิ าล หมายถงึ แนวทางในการจัดระเบยี บ เพอื่ ใหส้ งั คม
ของประเทศทัง้ ภาครัฐ ภาคธรุ กิจ เอกชนและภาคประชาชน สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และตง้ั อยู่ใน
ความถกู ตอ้ งเป็นธรรมตามหลักพ้นื ฐานการบรหิ ารกิจการบา้ นเมอื งที่ดี

ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมท่ีดี
พ.ศ. 2542 (2542) ให้ความหมาย “ธรรมาภิบาล” ไว้ว่า หมายถึง การบรหิ ารกิจการบ้านเมืองและสังคม
ท่ีดี เป็นแนวทาง สาคัญในการจัดระเบียบให้สังคมรัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งครอบคลุมถึง

ฝา่ ยวชิ าการ ฝา่ ยปฏิบตั ิการ ฝ่ายราชการ และฝ่ายธุรกจิ สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสขุ มี ความรู้รกั สามัคคี
และร่วมกันเป็นพลัง ก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างย่ังยืน และเป็นส่วนเสริม ความเข้มแข็งหรือสร้างภูมิคุ้มกัน
แก่ประเทศ เพ่ือบรรเทาปอ้ งกนั หรอื แก้ไขเยียวยาภาวะ วกิ ฤติ ภยันตรายทห่ี ากจะมมี าในอนาคต เพราะสงั คม
จะรู้สึกถึงความยุติธรรม ความโปร่งใส และความมีส่วนร่วม อันเป็นคุณลักษณะสาคัญของศักดิ์ศรีความ
เป็นมนุษย์ และการปกครอง แบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข สอดคล้องกับ
ความเปน็ ไทย รฐั ธรรมนญู และกระแสโลกยุคปัจจุบนั

สถาบันราชประชาสมาสัย (2549: 6) กล่าวว่า ธรรมมาภิบาล หมายถึง กระบวนการหรือข้ันตอน
ในการทางานหรือกิจกรรมใดๆท่ีจัดขึ้นในสถาบัน เริ่มจากงานในหน้าท่ีรับผิดชอบแต่ละคน งานท่ีได้รับคาสั่ง
ใหท้ าหรืองานทีร่ ่วมกนั

แสงชัย อภิชาตชนพัฒน์ (2549) หลักธรรมมาภิบาล การบริหารราชการบ้านเมืองที่ดี
เป็นการบรหิ ารราชการ เพือ่ บรรลุเป้าหมายเพ่อื ให้เกิดประโยชน์สุขแกป่ ระชาชนเกดิ ผลสัมฤทธ์ติ ่อภารกจิ ของ
รัฐ มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจาเป็นมีการ
ปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทนั ต่อสถานการณ์ประชาชน ไดร้ ับการอานวยความสะดวกและได้รบั การ
ตอบสนองความตอ้ งการและมีการประเมินผลปฏิบตั ริ าชการอยา่ งสมา่ เสมอ

จากความหมายข้างต้น หลักธรรมมาภิบาล หมายถึง การจัดการทรัพยากรภายในห้องเรียน
เพื่อจัดระเบียบสมาชิกในห้องให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่ขัดแย้งกัน ภายใต้ข้อบังคับหรือกฎ
ข้อตกลงของห้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ และให้มีการสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ ก่อให้เกิด
ความสมั พนั ธอ์ ันดี

องคป์ ระกอบหลกั ธรรมมาภบิ าล
ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี (2542) ได้บอกว่าธรรมาภิบาลมี 6 องค์ประกอบ ดังนี้
1. หลกั นิติธรรม (The Rule of Law) หมายถงึ การปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับตา่ ง

ๆ โดยถือว่าเป็นการปกครองภายใต้กฎหมายมิใช่ตามอาเภอใจ หรืออานาจของ ตัวบุคคล จะต้องคานึงถึง
ความเป็นธรรม และความยตุ ิธรรม รวมทง้ั มีความรัดกุมและ รวดเร็วดว้ ย

2. หลักคุณธรรม (Morality) หมายถึง การยึดม่ันในความถูกต้อง ดีงาม การส่งเสริม ให้บุคลากร
พัฒนาตนเอง ไปพรอ้ มกัน เพือ่ ให้บุคลากรมคี วามซื่อสตั ย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบ วินยั ประกอบอาชีพ
สุจรติ เปน็ นสิ ัย ประจาชาติ

3. หลักความโปร่งใส (Accountability) หมายถึง ความโปร่งใส พอเทียบได้ว่ามีความหมาย ตรง
ขา้ ม หรือเกือบตรงข้าม กบั การทจุ ริต คอร์รัปช่นั โดยท่ีเรอื่ งทจุ ริต คอร์รัปชั่น ใหม้ ี ความหมายในเชงิ ลบ และ
ความน่าสะพรึงกลัวแฝงอยู่ ความโปร่งใสเป็นคาศัพท์ที่ให้แง่มุมในเชิงบวก และให้ความสนใจในเชิงสงบสุข
ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ได้สะดวกและเข้าใจง่าย และมีกระบวนการให้ประชาชนตรวจสอบความ
ถูกต้องอย่างชัดเจนในการนี้ เพ่ือเป็น สิรมิ งคลแกบ่ ุคลากรท่ีปฏิบัติงานให้มีความโปร่งใส ขออัญเชิญพระราช
กระแสรับสั่งในองค์พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ที่ได้ทรงมีพระราชกระแสรับส่ัง
ได้แก่ ผู้ที่มีความสุจริต และบริสุทธ์ิใจ แม้จะมีความรู้น้อยก็ย่อมทาประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้มากกว่าผู้ที่มี
ความรมู้ าก แตไ่ ม่มคี วามสุจริต ไมม่ คี วามบริสทุ ธใ์ิ จ

4. หลกั การมสี ่วนร่วม (Participation) หมายถงึ การใหโ้ อกาสให้บุคลากรหรือผู้มี สว่ นเกย่ี วข้องเข้า
มามีส่วนร่วมทางการ บริหารจัดการเก่ียวกับการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ เช่น เป็นคณะกรรมการ

คณะอนุกรรมการ และหรือ คณะทางานโดยให้ข้อมูล ความคิดเห็น แนะนา ปรึกษา ร่วมวางแผนและร่วม
ปฏบิ ัติ

5. หลกั ความรับผดิ ชอบ (Responsibility ) หมายถงึ การตระหนักในสิทธิและหนา้ ที่ ความสานกึ ใน
ความรับผิดชอบตอ่ สังคม การใส่ใจปัญหาการบริหารจัดการ การกระตือรือร้นในการแก้ปัญหา และเคารพใน
ความคดิ เห็นที่แตกต่าง รวมท้ังความกล้าทีจ่ ะยอมรบั ผลดีและผลเสยี จากกระทาของตนเอง

6. หลักความคุ้มค่า (Cost – effectiveness or Economy) หมายถึง การบริหารจัดการและใช้
ทรัพยากรที่มีจากัด เพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม โดยรณรงค์ให้บุคลากรมีความประหยัด ใช้วัสดุ
อปุ กรณ์อย่างคุ้มคา่ และรักษาทรพั ยากรธรรมชาตใิ ห้สมบูรณ์ยัง่ ยืน

วิภาส ทองสุทธ์ิ (2551) ว่า ธรรมาภบิ าล มีองค์ประกอบ 6 ประกอบ ดงั น้ี
1. หลักนิติธรรม หมายถึง การตรากฎหมายท่ีถูกต้อง เป็นธรรม การบังคับการให้เป็นไปตาม
กฎหมาย การกาหนดกฎ กติกาและการปฏิบัติตามกฎ กติกาท่ีตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด โดยคานึงถึงสิทธิ
เสรีภาพความยตุ ิธรรมของสมาชกิ
2. หลักคุณธรรม หมายถงึ การยดึ มน่ั ในความถกู ต้องดีงาม การสง่ เสริมสนับสนุนให้ประชาชนพัฒนา
ตนเองไปพร้อมกัน เพื่อให้คนไทยมีความซื่อสัตย์ จริงใจ อดทน มีระเบียบวินัย ประกอบอาชีพสุจริตจนเป็น
นสิ ัยประจาชาติ
3. หลกั ความโปรง่ ใส หมายถงึ การสรา้ งความไว้วางใจซ่ึงกนั และกันของคนในชาติ
4. หลักความมีสว่ นร่วม หมายถึง การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้และเสนอความคิดเห็น
ในการตัดสินใจใน ปญั หาสาคญั ของประเทศ เชน่ การประชาพจิ ารณ์ การแสดงประชามติ
5. หลักความรับผิด หมายถึงความตระหนักในสิทธิหน้าท่ีความสานึกในความรับผิดชอบต่อสังคม
การใส่ใจปัญหาสาธารณะของบ้านเมือง การกระตือรือร้นในการแก้ปัญหา ตลอดจนเคารพในความคิดเห็นท่ี
แตกต่าง และมคี วามกลา้ ทีจ่ ะยอมรบั ผลดีและผลเสยี จากการกระทาของตน
6. หลักความคุม้ คา่ หมายถงึ การบรหิ ารจดั การและใชท้ รัพยากรที่มจี ากัดเพ่ือให้เกดิ ประโยชน์สงู สุด
แก่ส่วน รว่ ม เชน่ รณรงคใ์ ห้คนไทยมีความประหยดั ใชข้ องอยา่ งคมุ้ คา่ สร้างสรรค์สินค้าและบรกิ ารทมี่ ี

สจุ ติ รา บุญยรัตพันธ์ (2549) ได้บอกว่า ธรรมาภบิ าลมอี งคป์ ระกอบ 6 ประกอบ ดงั น้ี
1. หลักคุณธรรม ได้แก่ การตรากฎหมายข้อบังคับต่างๆให้ทันสมัย และเป็นธรรมเป็นที่ยอมรับของ
สงั คมไม่เลือกปฏบิ ัติและสังคมนิยมพร้อมใจพร้อมปฏิบัติตามกฎหมายและกฎข้อบังคับเหล่าน้ันโดยถือว่าเป็น
การปกครองภายใตก้ ฎหมายมิใช่ตามอาเภอใจหรอื ตามอานาจของตัวบคุ คล
2. หลักนิติธรรม ได้แก่ สยามการสร้างความไว้วางใจซ่ึงกันโดยมีการให้และการรับข้อมูลท่ีสะดวก
เป็นจริงทนั การตรงไปตรงมามีทม่ี าที่ไปที่ชัดเจนและเทา่ เทียมมีกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องชัดเจนได้
3. หลักความโปร่งใส ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้และร่วมคิดร่วมเสนอความ
คดิ เห็นในการตัดสินใจปัญหาสาคัญของประเทศในด้านต่างๆเชน่ การแจ้งความเห็นการไต่สวนสาธารณะ การ
ประชาพิจารณก์ ารแสดงประชามตนิ อกจากนี้ยังรวมไปถงึ การร่วมตรวจสอบและร่วมรับผิดชอบตอ่ ผลของการ
กระทาน้ัน
4. หลักความมีส่วนร่วม ได้แก่ ความรับผิดชอบท่ีตรวจสอบได้เป็นการสร้างกลไกให้มีผู้รับผิดชอบใน
หนา้ ทีค่ วามสานกึ ในความรับผิดชอบต่อสังคมการใสใ่ จปญั หาสาธารณะของบ้านเมืองและการกระตือรอื ร้นใน

การแก้ปัญหาตลอดจนการเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างและกล้าที่จะยอมรับผลจากของการกระทาของ
ตน

5. หลักความรับผิดชอบ ได้แก่ การบริหารจัดการและการใช้ทรัพยากรที่มีจากัดให้เกิดประโยชน์
คมุ้ คา่ เพ่อื ให้เกิดประโยชน์สูงสดุ แก่สว่ นรวม

6. หลักความคุ้มค่า ได้แก่ การยึดม่นั ในความถูกต้องดีงาม สานึกในหน้าท่ีของตนเองมีความซ่ือสัตย์
สจุ รติ จรงิ ใจขยัน อดทน มรี ะเบียบวินยั และเคารพในสทิ ธหิ นา้ ท่ีของผู้อ่ืน

รัตนาภรณ์ ส่งเสริม และสุวิมล โพธ์ิกล่ิน (2559) ได้บอกว่า ธรรมาภิบาลมีองค์ประกอบ 6
ประกอบ ดงั น้ี

1. หลกั นติ ิธรรม ผู้บริหารควรอบรมให้บุคลากร ได้ทราบในข้อบังคับ ระเบียบ คาส่ังต่างๆเกี่ยวกับ
การบริหารงานของสานักงานเขตเพือ่ ให้การบรหิ ารงานเปน็ ไปในทศิ ทางเดียวกัน

2. หลกั คุณธรรม ผู้บริหารควรสร้างทัศนคติด้านคุณธรรมและจริยธรรมให้เกิดข้ึนแก่ บุคลากร
ส่งเสริมให้บุคลากรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนมีจิตสาธารณะควรจัดอบรมด้าน
คุณธรรมและจรยิ ธรรม

3. หลักความโปร่งใส ผู้บริหารควรเปิดเผยการ ใช้จ่ายงบประมาณให้มีความชัดเจน และนา
งบประมาณไปใช้ให้คุ้มค่ากับประโยชน์ท่ีได้รับและกระบวนการบริหารงานน้ันพร้อมที่จะตรวจสอบได้และ
เปน็ ข้อมูลขา่ วสารทนั สมัยตรงกับความจรงิ

4. หลักความมีส่วนร่วม ผู้บริหารควรเปิดโอกาสให้ทุก ภาคส่วนเข้ามามสี ่วนร่วมในการบริหารงาน
เพื่อให้การบริหารงานมีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึนพร้อมเปิดใจกว้างในการรับฟังปัญหาและ
ข้อเสนอแนะต่างๆจากทกุ ภาคสว่ น

5. หลกั ความรบั ผิดชอบ ผู้บรหิ ารควรสนับสนุนให้บคุ ลากรปฏิบตั งิ านดว้ ยความรับผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี
การให้บริการต่างๆควรให้ด้วยความจริงใจ ควรมีการทางานอย่างรวดเร็วว่องไวเอาใจใส่ในการทางานอย่าง
เตม็ ท่ี

6. หลักความคุ้มค่า จัดสรรงบประมาณในการเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาโรงเรียนให้มากที่สุด
ผ้บู รหิ ารควรรณรงค์ให้บคุ ลากรรู้จกั คณุ คา่ ของทรพั ยากรและใช้ทรัพยากรที่มอี ยู่อย่างจากดั

สานักงาน ก.พ. ได้กาหนดไว้โดยได้เสนอเป็นระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่า หลักธรรมาภิบาลน้ัน
ประกอบด้วย 6 หลักการ ดงั นี้

1. หลกั คุณธรรม
2. หลกั นิตธิ รรม
3. หลกั ความโปรง่ ใส
4. หลกั ความมสี ่วนร่วม
5. หลักความรับผดิ ชอบ
6. หลกั ความคุ้มค่า

สถาบันราชประชาสมาสัย (2549: 6) ได้กล่าวว่า ธรรมาภิบาล ได้บอกว่า องค์ประกอบ
หลกั ธรรมาภบิ าล 6 หลกั คอื

1. หลักนิติธรรม เคารพและปฏิบัติตามกติกา ระเบียบแบบแผน และกฎหมายต่างๆโดยไม่ละเมิด
อย่างตั้งใจหรือจงใจหลีกเลี่ยง หรือไม่ต้ังใจเพราะไม่รู้ ฉะนั้นถ้าไม่แน่ต้องศึกษาก่อนว่าจะผิดหลักนิติธรรม
หรอื ไมก่ ่อนทจ่ี ะลงมือทา

2. หลักคุณธรรม ได้หลายแง่มุม เช่น เมตตาธรรม คือ ความปรารถนาให้ผู้อ่ืนเป็นสุข จริยธรรมทา
อะไรให้ถูกต้องครบถ้วนทุกข้นั ตอน กตัญญูกตเวทติ า การรจู้ กั บญุ คุณเล็กคดิ จะตอบแทน หริ ิโอตปั ปะการรจู้ ัก
ละอายและเกรงกลัวบาปกรรม การมีคุณธรรมจะช่วยยกคุณค่าความเปน็ มนุษย์ให้สูงข้ึนเป็นที่ยกยอ่ งของคน
ท่ัวไป

3. ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกเรื่องราวในการทางานตามภาระหน้าท่ีที่รับผิดชอบอยู่ ตอบข้อ
สงสยั ไดช้ ดั เจนทุกคาถาม

4. การมีส่วนร่วม เพิ่งระลึกไว้ว่าตนเองเป็นสมาชิกของสถาบันฯ จะต้องร่วมมือกัน อะไรที่ไม่ดีต้อง
ทักท้วง

5. ร่วมรับผิดชอบต่อผลงานที่ทาเอง ทาโดยกลุ่ม ทาในนามสถาบันฯ ถ้าดีอยู่แล้วให้ดียิ่งข้ึน
ถา้ ผิดพลาดบกพร่องต้องช่วยกันแกไ้ ขไม่วางเฉย

6. ความคุ้มค่า ส่ังง่ายรูปประธรรมและนามาทาท่ีสัมผัสกับกล้องมองเห็นได้หรือรู้สึกคุ้มค่า หรือไม่
คุ้มค่าถ้าทาตามหลักข้างต้นท้ังห้ามาครบถ้วนแล้วเมื่อพิจารณาถึงหลักความคุ้มค่าแล้วไม่ผ่าน ก็ควรทบทวน
ปรับปรุงแก้ไขเพือ่ ใหเ้ กดิ ความคุ้มคา่ ต่อผลงานให้มากท่ีสดุ

อริยธ์ ัช แก้วเกาะสะบ้า (2546: 107) ได้กลา่ วว่า องคป์ ระกอบ หลักธรรมาภิบาล 6 หลกั คือ
1. หลักความโปร่งใส หมายถึง ต้องสร้างความไว้วางใจซ่ึงกันและกันของคนในชาติโดยปรับปรุง
กลไก การทางานของทุกองค์กรให้เกิดความโปร่งใสในวิธีการและสามารถตรวจสอบได้และมีองค์กรหรือ
หน่วยงานเพื่อตรวจสอบการทางานและพร้อมท่ีจะถูกตรวจสอบไม่ว่าจากองค์กรภายในหรือภายนอกมีการ
เปิดเผยขอ้ มูลข่าวสารที่เป็นประโยชนอ์ ย่างตรงไปตรงมาโดยให้ประชาชนไดเ้ ข้าถึงข้อมูลได้สะดวกมากทสี่ ุด
2. หลักนิติธรรม หมายถึง การตรากฎหมาย ทถ่ี ูกต้องเป็นทาการบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายโดย
คานึงถงึ สทิ ธเิ สรภี าพและความยตุ ธิ รรมของประชาชนสามารถบังคับใช้กฎหมายกับทกุ คนโดยไม่เลือกปฏบิ ตั ิ
3. หลกั ความรับผิดชอบ หมายถงึ การมคี วามรบั ผดิ ชอบในการกระทาของตนในฐานะเปน็ ส่วนหน่ึง
ของการขับเคลื่อนงานหรือองค์กรการมีจิตสานึกในหน้าที่ร่วมรับผิดชอบต่อสังคมสิทธิหน้าท่ีและปัญหา
สาธารณะของบ้านเมอื งของเคารพความคดิ เห็นทแี่ ตกตา่ งตามหลักประชาธิปไตย
4. หลักความเสมอภาค หมายถึง การได้รับ ป้ันสวรรค์ในประโยชน์ต่างๆอย่างเท่าเทียมกันไม่เลือก
ปฏิบตั ิเพอื่ จะไม่ให้เกิดความขดั แยง้ กันแหง่ ผลประโยชน์
5. หลกั คุณธรรม หมายถงึ การยดึ ม่ันในความถกู ต้องดงี าม สนับสนุนใหป้ ระชาชนพัฒนาตนเอง และ
มีความขยันซ่อื สตั ย์ ประหยัด อดทน มีระเบียบวนิ ัย ทางานดว้ ยความถกู ต้องดีงาม

อภชิ าต แสงอัมพร (2561) ไดก้ ลา่ ว องค์ประกอบหลักธรรมาภิบาล 7 หลกั ดังน้ี
1. ดา้ นหลกั นติ ธิ รรม
2. ดา้ นหลักคูณธรรม
3. ดา้ นหลักความโปรง่ ใส

4. ดา้ นหลกั การมสี ่วนรว่ ม
5. ด้านหลกั ความรับผิดชอบ
6. ดา้ นหลักความคุ้มค่า
7. ด้านบรหิ ารจดั การ

วิชติ บญุ สนอง (2556) ไดก้ ล่าว องคป์ ระกอบหลกั ธรรมาภิบาล 10 หลกั ดงั น้ี

1. ดา้ นหลักนิติธรรม ได้เสนอแนวทางไว้ 2 ขอ้ คอื
1.1 แนวทางการเสริมสรา้ งประสิทธิภาพของหน่วยงานท้องถิ่นโดยเน้นการอานวยความสะดวก

รวดเร็ว ถูกต้องและเป็นธรรม
1.2 การเสริมสร้างความเข้มแข็งและประสิทธิภาพของกลไกการตรวจสอบโดยภาคประชาชน

ท้องถน่ิ
2. ด้านหลักคณุ ธรรม ไดเ้ สนอแนวทางไว้ 2 ขอ้ คอื
2.1 การเสริมสร้างความสามัคคีและลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าท่ีกับเจ้าหน้าที่และ

ผ้บู งั คับบัญชากบั ผไู้ ดบ้ ังคบั บญั ชา
2.2 แนวทางการเสริมสร้างจริยธรรมและพัฒนาระบบราชการให้ยึดหลักธรรมาภิบาลในการ

ปฎิบตั ิราชการ
3. ด้านความโปร่งใส่ ไดเ้ สนอแนวทางไว้ 1 ขอ้ คือ
3.1 แนวทางการเสริมสร้างความโปร่งใสด้านการเปิดเผยข้อมูล เพ่ือให้ประชาชนสามารถรับรู้

การทางานของหน่วยงานได้
4. ด้านการมีสว่ นรว่ ม ได้เสนอแนวทางไว้ 1 ข้อ คือ
4.1 แนวทางการเสรมิ สรา้ งกระบวนการตัดสินใจโดยใชเ้ สียงส่วนใหญ่ ในการหาฉันทามตริ ่วมกัน

ระหวา่ งประชาชนและองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ
5. ดา้ นความรบั ผดิ ชอบ ได้เสนอแนวทางไว้ 2 ข้อ คือ
5.1 แนวทางการเสริมสร้างให้บุคลากรในองค์กรได้เคารพในความคิดเห็นท่ีแตกต่างกันและกล้า

ยอมรบั ผลของการกระทา พรอ้ มรับการตรวจสอบ
5.2 แนวทางการให้บุคลากรยอมรบั การพฒั นาการเปลี่ยนแปลง เพอ่ื ปรบั ใชใ้ นการบริหารจดั การ

องคก์ รและชุมชน
6. หลกั ความคมุ้ ค่า ได้เสนอแนวทางไว้ 1 ข้อ คือ
6.1 แนวทางการเสรมิ สร้างใหห้ น่วยงานมีวิธกี ารและข้นั ตอนในการจดั สรรงบประมาณอย่างเป็น

ระบบและเหมาะสมกับการดาเนนิ งาน
7. ดา้ นหลักความเสมอภาค ไดเ้ สนอแนวทางไว้ 2 ขอ้ คอื
7.1 แนวทางการส่งเสริมการใช้กฎ ระเบียบ ข้อบังคับโดยไม่เลือกปฏิบัติ มีความเสมอภาคเท่า

เทียมและเป็นธรรมกบั ทกุ ฝา่ ย
7.2 แนวทางการเสริมสร้างการมีระบบการจัดสรรทรัพยากรและงบประมาณท่ีคานึงถึงความ

ต้องการและผลประโยชนข์ องทกุ คนทุกกลมุ่ โดยไม่เลือกปฏบิ ัติ

8. ด้านหลักความสอดคลอ้ ง ไดเ้ สนอแนวทางไว้ 2 ขอ้ คือ
8.1 แนวทางการส่งเสริมการเรยี นรู้ของบุคลากรด้วยวธิ ีการเรียนรวู้ ัฒนธรรมและส่งิ แวดล้อมของ

สงั คม เพอ่ื ใหท้ ราบถึงความต้องการของชุมชนและสังคมที่แท้จริง
8.2 การมีนโยบาย วัตถุประสงค์ เป้าหมายและแผนยุทธศาสตร์การดาเนินงานที่มีทิศทาง

สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของชมุ ชนตลอดจนการอนุรกั ษภ์ ูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ที่มีอยใู่ นชุมชน
9. ด้านหลักการมวี สิ ัยทัศนเ์ ชงิ ยทุ ศาสตร์ ไดเ้ สนอแนวทางไว้ 2 ข้อ คือ
9.1 แนวทางการส่งเสริมใหม้ ีการนาวิสัยทัศน์เชงิ ยุทศาสตร์เผยแพร่ให้บุคลากรและประชาชนใน

ท้องถิ่นได้ทราบเพอ่ื ให้รับร้ถู ึงแนวคิดวสิ ัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ทีจ่ ะปฏบิ ัตใิ นอนาคตสาหรับองค์กรและท้องถ่ิน
ว่าตรงกับความตอ้ งการทีแ่ ท้จริงของบุคลากรและชุมชนเพยี งใด

9.2 แนวทางการเสริมสร้างกระบวนการกาหนดวิสยั ทัศน์และยทุ ธศาสตร์สาหรบั การบรหิ ารงาน
ในอนาคต เพอื่ จัดว่างตาแหนง่ ขององค์กรให้บรรลุผลสาเรจ็

10. ดา้ นหลักการควบคมุ การคอรปั ชน่ั ได้เสนอแนวทางไว้ 2 ขอ้ คอื
10.1 แนวทางการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและศีลธรรมให้กับท้องถ่ินในการตระหนักภัยของ

การคอรปั ช่ัน
10.2 แนวทางการส่งเสริมภาคประชาสังคมและกลุ่มต่างๆ ในชุมชนให้มีบทบาทมากขึ้นในการ

ตรวจสอบการดาเนินของหน่วยงานและองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น

พระสวสั ดิ์ ชินวโ์ ส (เชือ้ คาฮด) (2555) โดยองคป์ ระกอบรวมท้งั 6 ดา้ น คอื
1. ด้านหลกั นิติธรรม พบว่า โดยรวมอยใู่ นระดับมากเมื่อพจิ ารณาเปน็ รายข้อพบว่าข้อที่ 1 มคี า่ เฉลี่ย
สูงสุดคือ เทศบาลตาบลดงหลวงได้ออกข้อบังคับต่างๆเพ่ือบังคับให้ชุมชนให้เป็นไปตามอานาจหน้าที่
ทกี่ ฎหมายกาหนดไว้
2. ด้านคณุ ธรรม พบว่า อยู่ในระดบั มาก เมื่อพจิ ารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่ 5 มรี ะดบั ค่าเฉลย่ี สูงสุด
คือผ้บู รหิ ารและบคุ ลากรเทศบาลตาบลดงหลวงดูแลทกุ ขส์ ขุ แก้ปัญหาให้ประชาชนอยา่ งเสมอภาค
3. ด้านหลักความโปร่งใส โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อท่ี 5 มีระดับ
คา่ เฉล่ียสงู สุดคอื ความสะอาดของสถานที่ให้บริการโดยรวม
4. ด้านหลักการมีส่วนร่วม พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อท่ี 8 มี
ระดับค่าเฉล่ยี สูงสุดคอื เทศบาลตาบลสง่ เสรมิ และดาเนินกจิ กรรมของกลุ่มตา่ งๆและองค์กรประชาชน
5. ดา้ นหลักความรบั ผิดชอบ พบว่า โดยรวมอยู่ในระดบั มากเมอื่ พิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อท่ี 6 มี
ระดับค่าเฉล่ียสูงสุดกล่าวคือผู้บริหารและบุคลากรเทศบาลตาบลดงหลวงมีการจัดบริการสาธารณะของ
เทศบาลดงหลวงเป็นไปอยา่ งทั่วถงึ ครอบคลุมทกุ พนื้ ท่ี
6. ด้านหลักความคุ้มค่า พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อท่ี 6 มี

ระดับค่าเฉล่ียสูงสุดกล่าวคือเทศบาลตาบลดงหลวงมีการแต่งตั้งสมาชิกสภาเทศบาลหรือบุคคลอื่นติดตาม

ตรวจสอบการใชจ้ า่ ยงบประมาณของเทศบาลตาบลดงหลวง

พระสรรชัยชยธมโม (นิลเจียรนัย) (2558) ไดก้ ล่าวว่าองค์ประกอบหลักธรรมาภิบาลมี 6 ประการ
ดงั นี้

1. หลังนิตธิ รรม (Rule of law)
2. หลกั คณุ ธรรม (Morality)
3. หลักความโปร่งใส (Transparency)
4. หลกั ความมสี ว่ นร่วม (Participation)
5. หลักความรบั ผดิ ชอบ (Accountability)
6. หลักความคุ้มค่า (Utility)

ตารางที่ 1 วิเคราะหอ์ งค์ประกอบรว่ มของแนวคดิ นักทฤษฎี และองค์ประกอบหลักธรรมภบิ าล

ผู้ใหแ้ นวคิด/องคป์ ระกอบ ดร. ิว ิชศ ุบญสนอง 2556 สรุป
ถ ิวลวดี บุ ีร
ัธญญ ัพน ์ธ ปฐม ัวฒนานุรักษ์
นพฤท ิธ์ ิจตรสายธาร
จิรายุ ท ัรพ ์ยสิน
อภิชาต แสง ัอมพร
อริ ์ย ัธช แ ้กวเกาะสะ ้บา (2546 : 107)
สถาบันราชประชาสมาสัย (2549:6)
สิ ิจตรา บุญยรัต ัพน ์ธ 2549

๑. หลกั ความโปรง่ ใส  9
๒. หลกั นติ ธิ รรม 9
๓. หลักคณุ ธรรม  9
๔. หลักความคุ้มค่า 9
๕. หลกั การมสี ่วนร่วม  9
๖. หลักความรบั ผดิ ชอบ 7
๗. หลักความสอดคล้อง  3
๘. หลกั ความเสมอภาค 2
๙. การมวี สิ ัยทัศน์เชงิ ยทุ ธศาสตร์  2
๑๐. การควบคมุ การคอรปั ช่นั 2
 

 







จากตารางที่ 1 แสดงให้เห็นว่ามีองค์ประกอบของหลักธรรมาภิบาลท่ีมีนักวิชาการ ได้กล่าวถึง
องค์ประกอบรว่ มทส่ี าคัญจานวน 6 องค์ประกอบ ดังน้ี

1. หลักความโปร่งใส หมายถึง เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้และร่วมคิดร่วมเสนอความ
คิดเห็นในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาสาคัญของประเทศในด้านต่างๆ เพ่ือให้ประชาชนสามารถรับรู้การทางาน
ของหนว่ ยงานได้

2. หลักนิติธรรม หมายถึง การเคารพกฎระเบียบข้อบังคับและกฎหมายต่างๆ ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
และมีความไว้วางใจซ่ึงกนั และกนั ไมล่ ะเมดิ สิทธสิ ว่ นบคุ คล

3. หลกั คุณธรรม หมายถึง ผู้บริหารควรสร้างทัศนคติด้านคุณธรรมและจริยธรรมใหเ้ กดิ ขึ้นแก่บุคคล
เจ้าหน้าท่ีของรัฐ ให้ยดึ ม่ันในความถูกตอ้ งดีงาม ยดึ ถือหลักน้ีในการปฏิบัตหิ น้าทีใ่ ห้เป็นตัวอย่างแก่สังคมและ
สนบั สนุนให้ประชาชนพฒั นาตนเอง

4. หลักความคุ้มค่า หมายถึง การถือเอาประโยชน์สูงสุดแห่งองค์กรเป็นท่ีต้ังในการบริหารจัดการ
และใชท้ รพั ยากรที่มีอยูอ่ ยา่ งจากัดให้เกิดประโยชนส์ ูงสุดแก่สว่ นรวม เพ่อื ขบั เคล่อื นองคก์ รไปสคู่ วามสาเรจ็

5. หลักการมีส่วนร่วม หมายถึง การเปิดโอกาสให้บุคคลได้มีส่วนร่วมเสนอความคิดเห็นในการ
ตดั สนิ ใจแกป้ ญั หาสาคัญๆ

6. หลักความรับผิดชอบ หมายถึง ความรับผิดชอบท่ีตรวจสอบได้เป็นการสร้างกลไกให้ผู้รับผิดชอบ
ตระหนักในหน้าที่ ความสานึกในความรับผิดชอบต่อสังคม การใส่ใจปัญหาสาธารณะของบ้านเมืองและ
กระตือรือรน้ ในการแก้ปัญหา

ส่วนท่ี 2

เคร่ืองมอื การพัฒนาหลักธรรมาภิบาล

การออกแบบชุดกิจกรรมเพ่ือพฒั นาหลกั ธรรมาภิบาล
จากการท่ีกลุ่มได้ศึกษาเอกสารที่เก่ียวข้องกับหลักธรรมาภิบาล ซ่ึงหมายถึง การจัดการทรัพยากร

ภายในห้องเรียนเพ่ือจัดระเบียบสมาชิกในห้องให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่ขัดแย้งกัน ภายใต้
ข้อบังคับหรือกฎข้อตกลงของห้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ และให้มีการสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่าง
สร้างสรรค์ ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดี และได้ทาการวิเคราะห์องค์ประกอบร่วมที่สาคัญจากนักวิชาการ
ต่างๆ สามารถแบ่งองค์ประกอบหลักของหลักธรรมมาภิบาลออกเป็น 6 องค์ประกอบ และมีตัวบ่งช้ีท้ังหมด
14 ตัวบ่งชี้ จึงนามาพัฒนาเคร่ืองมือที่จะใช้ในการพัฒนาหลักธรรมาภิบาล โดยแบ่งเคร่ืองมือในการพัฒนา
หลกั ธรรมาภบิ าลออกเปน็ 2 สว่ น ได้แก่

1. ชุดกจิ กรรมเพ่ือพฒั นาหลกั ธรรมาภิบาล
2. แบบสอบถามการรับรู้หลักธรรมาภบิ าล
โดยกระบวนการในการออกแบบชุดกจิ กรรมและแบบสอบถามการรบั รู้ มีดงั นี้

ชุดกจิ กรรมเพอื่ พัฒนาหลกั ธรรมาภิบาล
เป็นการออกแบชุดกิจกกรมภายใต้การกากับของตัวบ่งชี้พฤติกรรมท่ีกลุ่มได้ทาการวิเคราะห์แล้ว

สามารถแสดงการวิเคราะห์ ดงั ตารางที่ 2

ตารางที่ 2 แสดงองค์ประกอบหลัก องค์ประกอบย่อย ตัวบง่ ชีพ้ ฤติกรรม และกิจกรรมหลักธรรมภบิ าล

องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบยอ่ ย ตวั บ่งช้พี ฤตกิ รรม กิจกรรม จานวน

หลกั ชัว่ โมง

ห ลั ก ธ ร ร ม า ภิ 1 . ห ลั ก ค ว า ม 1. มีส่วนร่วมในการรับรู้ รับ - กระตา่ ยขนแปง้ 1 ช่ัวโมง

บาล โปร่งใส ฟงั และตัดสนิ ใจแก้ไขปัญหา

2. มีส่วนร่วมเสนอความ

คิดเห็น

2. หลกั นิตธิ รรม 1. เคารพกฎระเบียบและ - พาดๆี ไมแ่ ตก ไม่ 1 ช่วั โมง

กฎหมายต่างๆ แหก พ่อไม่จับนะ

2. มีความไว้วางใจซึ่งกันและ จะ

กัน

3. ไม่ละเมดิ สิทธิส่วนบุคคล

3. หลักคณุ ธรรม 1. สร้างทศั นคติดา้ นคุณธรรม - ชีวิตสดใส่ในใจมี 1 ชั่วโมง

และจรยิ ธรรม แตค่ ุณธรรม

2. ยึดมัน่ ในความถกู ตอ้ งดี

งาม

องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบย่อย ตัวบ่งช้พี ฤติกรรม กิจกรรม จานวน
หลัก
ชว่ั โมง

3 . ป ฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ใ ห้ เ ป็ น

ตวั อย่างทดี่ แี ก่สงั คม

4. หลกั ความคุ้มค่า 1. บริหารจัดการ - ใช้ได้ใช้ดี ต้อง 1 ชั่วโมง

2. ใ ช้ ท รั พ ย า ก ร ใ ห้ เ กิ ด หลักความคมุ้ ค่า

ประโยชนส์ ูงสดุ แก่ส่วนรวม

5. หลักการมีส่วน 1. เปิดโอกาสให้บุคคลได้มี - ผู้หญิงมี ผู้ชายมี 1 ชัว่ โมง

รว่ ม สว่ นรว่ มเสนอความคิดเห็น รักษาให้ดีๆ ไม่งั้น

2. เปิดโอกาสให้บุคคลในการ มีแตก

ตดั สินใจแก้ปญั หา

6. หลักความ 1. การใส่ใจปัญหาสาธารณะ - สมุดเล่มน้อยรอ 1 ชัว่ โมง

รบั ผิดชอบ ของบ้านเมอื ง คอยความ

2. มีความตระหนักในหน้าท่ี รบั ผิดชอบ

รับผิดชอบ

ตารางท่ี 3 แสดงความเช่ือมโยงระหว่างกจิ กรรมกับตัวบ่งช้ีพฤติกรรมหลักธรรมภบิ าล

ตวั บง่ ช้ีพฤติกรรม กระต่ายขนแป้ง
พาดีๆ ไ ่มแตก ไ ่มแหก
พ่อไ ่มจับนะจะ
คุณธรรม ีมความดีเ ิกด
ใ ้ช ไ ด้ ใ ช้ ีด ้ต อ ง ห ลั ก
ความ ุ้คม ่คา
้ผูหญิง ีม ู้ผชาย ีม รักษา
ใ ้ห ีดๆ ไ ่มง้ัน ีมแตก
ส ุมดเล่มน้อย รอคอย
ความรับ ิผดชอบ

1. มีส่วนร่วมในการรับรู้ รับฟังและตัดสินใจแก้ไข ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓
ปัญหา

2. มีส่วนร่วมเสนอความคดิ เห็น ✓✓✓ ✓ ✓

3. เคารพกฎระเบยี บและกฎหมายตา่ งๆ ✓✓ ✓ ✓✓
4. มคี วามไว้วางใจซง่ึ กนั และกนั
✓ ✓✓ ✓ ✓

5. ไมล่ ะเมิดสทิ ธสิ ว่ นบุคคล ✓✓

6. สรา้ งทศั นคติดา้ นคุณธรรมและจรยิ ธรรม ✓✓ ✓ ✓
7. ยึดม่ันในความถูกต้องดีงาม
✓✓ ✓

8. ปฏิบตั หิ นา้ ท่ีใหเ้ ป็นตัวอยา่ งท่ีดแี ก่สงั คม ✓✓✓
9. บรหิ ารจัดการ ✓ ✓✓ ✓ ✓

10. ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ ✓✓

สว่ นรวม

11. เปดิ โอกาสใหบ้ คุ คลในการตัดสินใจแก้ปญั หา ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓

12. การใส่ใจปญั หาสาธารณะของบ้านเมือง ✓

13. มีความตระหนักในหน้าทร่ี บั ผิดชอบ ✓✓ ✓ ✓ ✓ ✓

แผนกิจกรรม
เร่อื ง ผูห้ ญงิ มี ผชู้ ายมี รักษาใหด้ ๆี ไม่งั้นมีแตก

กรอบแนวคดิ
สง่ เสริมใหเ้ ด็กมีสว่ นรว่ มและร่วมมือกัน

สาระสาคัญ
เพือ่ ใหเ้ ดก็ ไดม้ สี ว่ นร่วมในการเสนอความคดิ เห็น และการตัดสินใจแก้ปัญหาตา่ งๆ

วตั ถปุ ระสงคข์ องกิจกรรม
1. เพอ่ื ใหเ้ ด็กมสี ว่ นรว่ มในการสร้างหอคอยทกุ คน
2. เพือ่ ใหเ้ ด็กร้จู ักการทางานรว่ มกัน

ความสอดคลอ้ งกับตวั บ่งชี้
1. เปดิ โอกาสใหบ้ คุ คลได้มสี ว่ นรว่ มเสนอความคดิ เห็น
2. เปิดโอกาสให้บุคคลในการตัดสินใจแก้ปัญหา

เวลาทีใ่ ช้ 1 ช่วั โมง

จานวนผเู้ ข้ารว่ มกิจกรรม 69 คน

สอ่ื /อุปกรณ์
1. กระดาษบรูฟ๊ 1 แผ่น
2. ยางเส้น 5 เสน้
3. เทปใส 1 อนั
4. หลอด 1 แพ็ก

เทคนคิ /วธิ ีการ
1. กจิ กรรมสรา้ งหอคอย

ขนั้ ตอนการดาเนนิ กจิ กรรม
ขนั้ นา
1. กล่าวคาทักทาย พร้อมแนะนากจิ กรรม
2. กลา่ วสโลแกนของฐาน
3. สนั ทนาการเรียกสติ โดยเลน่ เกมส์ ปะโต๊ะ ปะโต๊ะปะโต๋
ขั้นสอน
1. ครูแบ่งกล่มุ เด็กออกเปน็ 3 กลุ่มเทา่ ๆกัน โดยใช้เพลง ลมเพลมพดั
2. ครบู อกวธิ กี ารเลน่ และกตกิ าในการเล่น

3. ครแู จกอปุ กรณก์ ลมุ่ ละ 1 ชุด
4. ให้เด็กสร้างหอคอยรักษาไข่แบบใดก็ได้จากอุปกรณ์ท่ีให้โดยมีข้อจากัดว่าจะต้องทาให้

หอคอยสูงท่ีสดุ และมคี วามแข็งแรงสามารถตั้งไขใ่ หส้ ูงท่ีสดุ ภายใน 20 นาที
5. ให้ตัวแทนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอหอคอยของกลุม่ ตงั เอง
6. วัดระดับความสูงและทดสอบความแขง็ แรงของหอคอย
ข้นั สรุป
1. ครูและเด็กร่วมกันอภิปรายส่ิงที่ได้รับในการเล่นกิจกรรมพร้อมให้ตัวแทนแต่ละกลุ่ม

ออกมาสรุปสง่ิ ท่ีได้รบั จากการเล่นกิจกรรมหอคอย
2. ครสู รุปกิจกรรมท้งั หมดและใหค้ วามรู้เกี่ยวกับเน้อื หาหลักการมีส่วนรว่ ม
3. มอบของรางวลั ให้กับกล่มุ ท่ชี นะและรางวัลปลอบใจผทู้ ี่เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน

การวัดผล/ประเมนิ ผล
1. สงั เกต
2. ซักถาม
3. แบบสอบถาม

แผนกจิ กรรม
เรอ่ื ง หลักความรับผดิ ชอบ

กรอบแนวคิด
สง่ เสรมิ ให้เดก็ มีความรับผดิ ชอบ

สาระสาคัญ
ปลูกฝังให้ผู้รับผิดชอบตระหนักในหน้าท่ี มีความสานึกในความรับผิดชอบต่อตนเอง ชุมชน สังคม

และกระตือรือร้นในการแกป้ ญั หา

วตั ถปุ ระสงคข์ องกิจกรรม
1. เพ่ือให้เด็กร้จู กั การแก้ปญั หาเฉพาะหน้า
2. เพื่อให้เด็กเหน็ ถงึ ความสาคัญของความรบั ผดิ ชอบ

ความสอดคลอ้ งกับตัวบ่งช้ี
1. การใส่ใจปญั หาสาธารณะของบ้านเมือง
2. มคี วามตระหนักในหน้าที่รบั ผิดชอบ

เวลาที่ใช้ 1 ชัว่ โมง

จานวนผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม 69 คน

สื่อ/อุปกรณ์
1. กระดาษสี 1 แผ่น
2. ปากกาสี
3. สีไม้

เทคนิค/วิธกี าร
1. ทาสมดุ เล่มเล็ก
2. เกมพนื้ ทยี่ ังวา่ ง มานัง่ ขา้ งๆ อยา่ ทงิ้ กันนะ

ขัน้ ตอนการดาเนินกจิ กรรม
ขน้ั นา
1. กล่าวคาทกั ทาย
2. สันทนาการ โดยใชเ้ พลง หากวา่ เรากาลงั สบาย
ขั้นสอน
1. ครแู บง่ กลมุ่ เด็กออกเปน็ 3 กลมุ่ เท่าๆกัน

2. ครูให้แต่ละกลุ่มหาความหมายและองค์ประกอบหลักความรับผิดชอบแล้วสรุปลงใน
กระดาษชาร์ต และให้ตัวแทนออกมานาเสนอ ภายในเวลา 10 นาที โดยใช้เทคโนโลยี
ในการหาความรู้

3. ทาสมดุ เล่มเล็ก ซึ่งให้เดก็ ๆ เขยี นความรับผดิ ชอบต่อตนเอง ชุมชน สงั คม เพ่ือนรว่ มชั้น
และครอบครวั อย่างละ 3 ขอ้ แลว้ นาไปหยอดกลอ่ ง

4. เล่นเกม พืน้ ท่ียังวา่ ง มานง่ั ขา้ งๆ อย่าทง้ิ กันนะ
ขนั้ สรุป

1. ครแู ละเดก็ รว่ มกันอภปิ รายความรู้ท่ีไดร้ ับในแต่ละกิจกรรม
2. ครสู รุปกจิ กรรมท้ังหมด

การวดั ผล/ประเมินผล
1. สงั เกต
2. ซักถาม
3. แบบสอบถาม

แผนกจิ กรรม
เรื่อง หลักความคมุ้ ค่า

กรอบแนวคดิ
เพอื่ ปลกู ฝังใหเ้ ดก็ มคี วามประหยัด ใชท้ รพั ยากรอยา่ งคุม้ ค่า

สาระสาคัญ
บรหิ ารจดั การและใชท้ รัพยากรทีม่ อี ยูใ่ หเ้ กิดประโยชน์สูงสดุ แก่สว่ นรวม

วตั ถุประสงค์ของกิจกรรม
1. เพ่อื ใหเ้ ดก็ รู้ถงึ วิธกี ารและข้ันตอนในการจัดสรรทรัพยากรท่ีมีอย่อู ย่างจากดั
2. เพ่อื ใหเ้ ดก็ ใชท้ รัพยากรอยา่ งค้มุ ค่าและสามารถนามาประยุกตใ์ ช้ใหเ้ กิดประโยชนม์ ากทสี่ ดุ

ความสอดคล้องกับตัวบ่งช้ี
1. บรหิ ารจัดการ
2. ใช้ทรัพยากรให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุดแกส่ ว่ นรวม

เวลาทใ่ี ช้ 1 ช่วั โมง

จานวนผูเ้ ข้าร่วมกิจกรรม 69 คน

ส่อื /อุปกรณ์
1. เปลอื กหอย
2. ขวดน้า
3. กะลา
4. กระดาษลัง
5. หลอด
6. กาว
7. เทปใส

เทคนิค/วธิ กี าร
1. ให้ความรหู้ ลักความค้มุ คา่
2. ประดิษฐช์ น้ิ งาน

ข้นั ตอนการดาเนินกจิ กรรม
ขัน้ นา
1. กล่าวคาทกั ทาย พร้อมแนะนากิจกรรม
2. สันทนาการเพ่อื เตรียมความพร้อม

ขัน้ สอน
1. ครใู หค้ วามรู้เก่ียวกบั เรื่องหลกั ความคมุ้ คา่ ในชีวิตประจาวนั
2. ครแู บ่งกลมุ่ เด็กๆ ออกเปน็ 3 กลุม่ เท่าๆกัน
3. ครอู ธิบายเกี่ยวกบั กจิ กรรมการประดิษฐส์ ่ิงของเหลือใช้
4. ครใู ห้เด็กประดษิ ฐ์ชนิ้ งานจากวัสดเุ หลอื ใชก้ ล่มุ ละ 1 ช้นิ งาน ภายในเวลา 30 นาที
5. ครใู หเ้ ด็กออกมานาเสนอช้นิ งานของแต่ละกลุ่ม

ขั้นสรุป
1. ครูและเด็กร่วมกนั อภปิ รายความรู้ทไ่ี ด้รบั ในการทากิจกรรม
2. ครสู รุปกิจกรรมท้ังหมด

การวัดผล/ประเมินผล
1. สังเกต
2. ซกั ถาม
3. แบบสอบถาม

แผนกจิ กรรม
เรอ่ื ง พาดีดี ไม่แหก ไมแ่ ตก พอ่ ไม่จบั นะจ๊ะ (หลักนิติธรรม)

กรอบแนวคิด
ส่งเสริมใหเ้ ด็กคานงึ ถึงความเปน็ ธรรม และความยตุ ิธรรม

สาระสาคญั
ส่งเสริมการเคารพกฎระเบียบข้อบังคับและกฎหมายต่างๆ ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและมีความไว้วางใจ

ซง่ึ กันและกนั ไม่ละเมิดสทิ ธิสว่ นบุคคล

วตั ถปุ ระสงค์ของกจิ กรรม
1.เพ่ือใหเ้ ดก็ ตระหนกั ถงึ กฎระเบยี บขอ้ บงั คับ
2.เพ่อื ให้เด็กเรยี นและรปู้ ฏิบัตติ ามกฎอย่างถูกตอ้ ง

ความสอดคล้องกบั ตวั บ่งช้ี
1. เคารพกฎระเบยี บและกฎหมายตา่ งๆ
2. มีความไว้วางใจซง่ึ กนั และกนั
3. ไม่ละเมดิ สิทธสิ ่วนบุคคล

เวลาที่ใช้ 1 ช่ัวโมง

จานวนผ้เู ขา้ รว่ มกิจกรรม 69 คน

สอ่ื /อุปกรณ์
1. ลูกโปง่
2. ป้ายคาศัพท์

เทคนิค/วิธกี าร
1. เกม

ขนั้ ตอนการดาเนนิ กิจกรรม
ข้นั นา
1. กลา่ วทกั ทายและทาความรู้จักคณุ ครู
2. คุณครแู นะนาฐาน
3. สนั ทนาการโดยใชเ้ พลง รวมเงนิ และเพลง ลมเพลมพัด
ข้นั สอน
1. แบง่ กลมุ่ 3 กลมุ่ เท่าๆกัน
2. ใหต้ ัวแทนกลมุ่ ออกมาหยิบฉลากแตล่ ะหัวข้อ

3 . ให้นอ้ งรว่ มกนั คดิ กฎระเบียบหวั ข้อทไี่ ด้ แล้วออกมานาเสนอ
4. หลังจากนั้นเล่นเกมหนีบลกู โป่ง

- แบง่ เดก็ ๆ ออกเป็นสามกลมุ่ เทา่ ๆกัน
- บอกกตกิ าการเลน่ เกมและเเจกอุปกรณใ์ นการเล่นเกม
- ถ้ากล่มุ ไหนทาลูกโป่งตกหรอื แตก กลุ่มน้ันก็จะฟาวล์
- หากไม่ปฏิบตั ติ ามกฎทว่ี ่างไว้ก็ปรบั แพท้ นั ที
- กลมุ่ ไหนทช่ี นะมขี องรางวัลให้
ขนั้ สรุป
1. สรุปสง่ิ ที่ได้รับจากการเลน่ เกมนี้

การวดั ผล/ประเมนิ ผล
1. สงั เกต
2. สอบถาม
3. สัมภาษณ์

แผนกิจกรรม
เรื่อง กระต่ายขนแป้ง ( หลกั ความโปรง่ ใส )

กรอบแนวคดิ
สง่ เสริมให้เดก็ ได้ใช้ความคดิ ทไี่ มค่ ดโกงและโปรง่ ใสมากทีส่ ุด

สาระสาคญั
เพอ่ื สรา้ งความไว้วางใจอยา่ งตรงไปตรงมา และเปิดเผยข้อมูลขา่ วสารทีเ่ ปน็ ประโยชน์

วัตถปุ ระสงค์ของกิจกรรม
1. เพอื่ ปลูกฝงั ใหเ้ ด็กไดต้ ระหนกั ถึงหนา้ ที่ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
2. เพือ่ ปลกู ฝงั ให้เดก็ เหน็ คุณคา่ ในการรักษาสง่ิ ของ

ความสอดคลอ้ งกบั ตวั บง่ ช้ี
1. การมีสว่ นรว่ มในการรับรู้ รบั ฟังและตัดสนิ ใจแก้ไขปญั หา
2. การมสี ว่ นร่วมเสนอความคิดเห็น

เวลาท่ใี ช้ 1 ชวั่ โมง

จานวนผ้เู ขา้ รว่ มกจิ กรรม 69 คน

สื่อ/อปุ กรณ์
1. แป้ง
2. จานกระดาษ

เทคนิค/วธิ กี าร
1. เกม

ขั้นตอนการดาเนินกิจกรรม
ขั้นนา
1. ครูกลา่ วคาทกั ทายและทาความรจู้ ักเด็กๆ
2. ครแู ละเดก็ ร่วมกันปรบมอื และรอ้ งเพลงตามจงั หวะ โดยใชเ้ พลง ตบมือใหด้ ัง
ขั้นสอน
1. ครูตง้ั คาถามใหเ้ ด็กๆตอบเรือ่ งความโปร่ง
2. ครูแบง่ กลมุ่ ใหเ้ ด็กๆออกเป็น 2 กล่มุ เท่าๆกนั
3. ครใู หเ้ ด็กหาข้อมูลเกี่ยวกบั เรือ่ งความโปรง่ ใส
4. ครูใหต้ ัวแทนออกมานาเสนอเกย่ี วกบั เร่ืองความโปร่งใส
5. ครแู นะนาอุปกรณ์ในการทากจิ กรรมว่ามอี ะไรบ้าง

6. ครูอธบิ ายวธิ ีการเล่นเกม กระต่ายขนแป้งใหเ้ ด็กๆฟัง
7. เลน่ เลน่ กิจกรรม
ข้ันสรปุ
1. ครใู หเ้ ด็กสรุปกจิ กรรมในวนั นี้วา่ ไดอ้ ะไรบ้าง
2. ครสู รุปกจิ กรรมในวันน้วี า่ ไดอ้ ะไรบา้ ง

การวดั ผล/ประเมินผล
1. สงั เกต
2. สอบถาม
3. สมั ภาษณ์

แผนกจิ กรรม
เรือ่ ง ชีวติ สดใสใ่ นใจมีแต่คณุ ธรรม

กรอบแนวคดิ
เพือ่ ปลกู ฝังให้เด็ก มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม ที่ถูกตอ้ งและดีงาม

สาระสาคญั
ยึดมั่นในความถกู ตอ้ งดงี าม ความซอื่ สัตย์ จรงิ ใจ อดทน และมรี ะเบยี บวนิ ยั

วัตถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรม
1. เพ่ือให้เดก็ เข้าใจถึงหลักคุณธรรม จรยิ ธรรม มากยิ่งขน้ึ
2. เพอ่ื ใหเ้ ด็กมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ในการใชช้ ีวิตในสงั คม

ความสอดคล้องกับตัวบง่ ช้ี

เวลาท่ใี ช้ 1 ชั่วโมง

จานวนผู้เข้าร่วมกจิ กรรม 69 คน

ส่ือ/อุปกรณ์
1. กระดาษ
2. ปากกา

เทคนคิ /วธิ ีการ
1. ค้นคว้าหาขอ้ มลู
2. แสดงบทบาทสมมติ

ข้นั ตอนการดาเนินกิจกรรม
ข้นั นา
1. ครูกล่าวคาทกั ทายและแนะนาตวั
2. ครูแนะนาฐานกิจกรรม
3. สันทนาการโดยครแู ละเด็กร่วมกันรอ้ งเพลง ลมเพลมพัด
ขั้นสอน
1. ครใู ห้เด็กแบง่ กล่มุ เปน็ สองกลมุ่ กลุ่มละเท่าๆกนั
2. ครใู ห้เด็กเด็กหาความหมายคุณธรรมจริยธรรมโดยใหเ้ ขียนในกระดาษ
3. ครูให้เดก็ คิดการแสดงบทบาทสมมุติโดยเกย่ี วข้องกบั เร่ืองของคุณธรรมจริยธรรม
4. แต่ละกลมุ่ แสดงบทบาทสมมุติเร่อื งคุณธรรมจริยธรรมโดยใช้เวลา 5 นาที ในการแสดง

ขนั้ สรุป
1. ครูให้เดก็ บอกความร้สู กึ ท่ีไดท้ ากิจกรรมในครงั้ นี้
2. ครูและเดก็ รว่ มกันสรปุ ในการทากจิ กรรมในครง้ั นี้

การวัดผล/ประเมินผล
1. สังเกต
2. สอบถาม
3. สัมภาษณ์

แบบสอบถามการรับรหู้ ลักธรรมาภบิ าล

กลุ่มได้ทาการวิเคราะห์องค์ประกอบหลัก องค์ประกอบย่อย กาหนดตัวบ่งชี้ และสร้างข้อคาถาม
เพื่อตรวจผลประเมินความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาจากอาจารย์ประจารายวิชา จากนั้นได้มีการปรับแก้ข้อคาถาม
ให้สอดคล้องและเหมาะสม ซึ่งประกอบด้วยข้อคาถามเชิงบวกทั้งหมด 42 ข้อ ลักษณะเป็นมาตราส่วน
ประมาณค่าแบบลเิ คิร์ท (Likert Scale) มี 5 ระดบั คือ มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง น้อย และนอ้ ยทสี่ ดุ

เกณฑ์การให้คะแนน ดังน้ี ระดับคะแนน 5 คะแนน
มากที่สุด ระดบั คะแนน 4 คะแนน
มาก ระดับคะแนน 3 คะแนน
ปานกลาง ระดับคะแนน 2 คะแนน
นอ้ ย ระดบั คะแนน 1 คะแนน
น้อยท่ีสุด

เกณฑก์ ารแปลความหมาย ( พสิ มัย หาญมงคลพิพฒั น์, 2547 อ้างถึงใน สุวชิรา ศริ ิเจริญ, 2550 ) ดงั นี้

พสิ ัย = คะแนนรายข้อสูงสุด – คะแนนรายข้อต่าสดุ

จ่านวนระดบั
= (5 – 1)/5
= 0.80

จากเกณฑด์ ังกลา่ วสามารถกาหนดระดับการเหน็ คณุ คา่ ในตนเอง ไดด้ ังนี้
ค่าเฉลย่ี 1.00 – 1.80 หมายถึง มีการรบั รหู้ ลักธรรมาภิบาลระดบั นอ้ ยทส่ี ุด
ค่าเฉล่ีย 1.81 – 2.60 หมายถงึ มกี ารรับร้หู ลักธรรมาภิบาลระดับนอ้ ย
ค่าเฉล่ีย 2.61 – 3.40 หมายถึง มีการรับรู้หลกั ธรรมาภบิ าลระดบั ปานกลาง
ค่าเฉลยี่ 3.41 – 4.20 หมายถึง มีการรบั รู้หลักธรรมาภิบาลระดับมาก
คา่ เฉลี่ย 4.21 – 5.00 หมายถงึ มีการรับรู้หลักธรรมาภบิ าลระดบั มากท่สี ดุ

แบบสอบถามหลักธรรมาภิบาล

คาชแี้ จง
1. แบบสอบถามหลกั ธรรมาภิบาลฉบบั น้ี ประกอบด้วย 2 ตอน ไดแ้ ก่
ตอนท่ี 1 เป็นแบบสอบถามเกยี่ วกับลักษณะส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 เปน็ แบบประเมินตนเองด้านหลกั ธรรมาภิบาล
2. ขอ้ มูลจากการตอบแบบสอบถามของท่าน จะถกู เกบ็ เปน็ ความลับ

ตอนที่ 1 แบบสอบถามเกย่ี วกบั ลกั ษณะสว่ นบคุ คลของผ้ตู อบแบบสอบถาม
คาชี้แจง ขอให้ท่านตอบแบบสอบถามข้อมูลส่วนตัว โดยเม่ือท่านอ่านข้อความแล้วโปรดทาเครื่องหมาย 
ลงใน  หรือเติมข้อความลงในช่องว่างใหต้ รงกับความเป็นจริง
1. เพศ

 ชาย  หญงิ
2. อายุ

 18-20 ปี  21-25 ปี  26-30 ปี  อืน่ ๆ (ระบ)ุ ....................................
3. คณะ

 ครศุ าสตร์ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร  มนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์
 การจัดการ
4. ช้ันปี
 ปที 1ี่  ปที 2่ี ปที 3่ี  อ่ืนๆ (ระบ)ุ ....................................
5. ศาสนา
 พุทธ  อสิ ลาม  ครสิ ต์  อ่ืนๆ (ระบุ)....................................
6. สัญชาติ
 ไทย  อืน่ ๆ (ระบุ)....................................
7. วฒุ กิ ารศึกษา
 มธั ยม  ปวช.  ปวส.  ปริญญาตรขี นึ้ ไป

ตอนที่ 2 หลักธรรมาภบิ าล

คาชี้แจง : ใหท้ า่ นอ่านข้อความทีละข้อ แลว้ ทาเคร่อื งหมาย / ลงใน  ใหต้ รงกบั ความพอใจและความเป็น
จรงิ ของท่านมากทส่ี ุด

ข้อท่ี ขอ้ ความ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย
ท่สี ุด กลาง ท่ีสดุ

หลักความโปรง่ ใส
1 ฉนั มีส่วนรว่ มในการรบั รกู้ ฎกติกาของห้องเรยี นเสมอ
2 ฉันรับฟงั ความคิดเหน็ ของเพ่อื นเสมอ
3 ฉั น ตั ด สิ น ใ จ เ ลื อ ก วิ ธี แ ก้ แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า อ ย่ า ง
สมเหตสุ มผล
4 ฉันเคารพความคดิ เห็นในทป่ี ระชมุ ของห้อง
5 ฉันใช้ภาษาที่สุภาพและให้เกียรติต่อที่ประชุมของ
ห้อง
6 ฉนั เปดิ โอกาสใหเ้ พอ่ื นไดต้ ัดสนิ ใจรว่ มกนั

หลกั นิติธรรม
7 ฉันปฏิบัติหน้าที่ตามกฎระเบียบของห้องเรียนอยู่
เสมอ
8 ฉันปฏบิ ัติตามกฎจราจรของมหาวิทยาลยั อยเู่ สมอ
9 ฉันเคารพกฎระเบียบมหาลยั อยูเ่ สมอ
10 ฉันให้ความไว้วางใจซึ่งกันและกันกับเพ่ือนร่วมช้ัน
เรยี น
11 ฉันได้รบั ความไว้วางใจจากเพื่อนร่วมชนั้ เรยี น
12 ฉันเป็นที่ไว้วางใจต่อเพอ่ื นในชนั้ เรยี น
13 ฉนั ให้เกยี รติต่อเพ่อื นร่วมชัน้ เรยี น
14 ฉนั ไมน่ าผลงานของผอู้ น่ื มาเปน็ ของตนเอง
15 ฉนั ไมก่ า้ วก่ายเรอื่ งสว่ นตวั ของผอู้ ืน่

หลกั คุณธรรม
16 ฉันมีความซ่ือสัตย์ สุจริต ยึดมั่นในศีลธรรม และ

จริยธรรม
17 ฉนั มมี นุษย์สมั พันธท์ ่ดี แี ละมีไมตรีตอ่ เพอ่ื นพ้อง
18 ฉันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์และซ่ือตรงอยู่

เสมอ
19 ฉนั ปฏิบัตหิ น้าทดี่ ้วยความสุจริต
20 ฉันยึดม่ันในกฎระเบียบและความถูกต้องของ

หอ้ งเรียน

21 ฉันตัดสนิ ใจและปฏิบตั ิตนตามความถกู ตอ้ ง
22 ฉันมีจติ สาธารณะช่วยเหลือผอู้ ่นื
23 ฉนั เคารพผใู้ หญเ่ ม่อื พบเจอ
24 ฉนั ปฏบิ ตั ิตนเป็นพลเมอื งทีด่ ี
หลักความค้มุ คา่
25 ฉนั แบ่งหน้าท่ใี หเ้ หมาะสมกบั เพ่ือนรว่ มช้นั เรียน
26 ฉนั สามารถจัดสรรงบประมาณของหอ้ งเรยี น
27 ฉันเป็นส่วนหน่ึงในการบริหารจัดกิจกรรมนอก

ห้องเรยี น
28 ฉนั สามารถใชข้ องเหลือใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุด
29 ฉันสามารถนาวัสดอุ ปุ กรณม์ าใช้ใหม่
30 ฉนั สามารถนาสิง่ ท่มี อี ย่มู าทดแทนสิ่งท่หี ายาก

หลกั การมีสว่ นรว่ ม
31 ฉันเปิดโอกาสให้เพ่ือนได้เสนอความคิดเห็นในด้าน

ตา่ งๆ
32 ฉันเปิดโอกาสให้เพื่อนไดเ้ สนอโครงการตา่ งๆ
33 ฉันรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของเพ่อื นทกุ คน
34 ฉนั เปดิ โอกาสให้เพ่ือนๆรว่ มกนั คิดวิธีแก้ปัญหา
35 ฉนั เปดิ โอกาสให้เพอื่ นเสนอแนวทางการแก้ปัญหา
36 ทา่ นเปิดโอกาสใหเ้ พอ่ื นตดั สนิ ใจด้วยตนเอง
หลักความรับผดิ ชอบ
37 ฉนั ตดิ ตามขา่ วสารบ้านเมือง
38 ฉันรับฟงั ขา่ วสารอย่างมีวจิ ารณญาณ
39 ฉั น น า ข่ า ว ที่ มี ป ร ะ โ ย ช น์ ม า ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ใ น

ชวี ติ ประจาวนั
40 ฉันใสใ่ จต่อหนา้ ทขี่ องตนเอง
41 ฉนั มคี วามกระตอื รอื รน้ ต่อหน้าท่ีทไ่ี ด้รบั มอบหมาย
42 ฉนั มีความรับผดิ ชอบต่อหนา้ ทอ่ี ย่างซื่อตรง

ข้อเสนอแนะ
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

สว่ นที่ 3

การวเิ คราะห์ผลการทดลองใช้ชดุ กิจกรรมพัฒนาหลกั ธรรมาภิบาล

การวิเคราะหผ์ ลการทดลองใชช้ ุดกจิ กรรมพัฒนาหลักธรรมาภบิ าล ประกอบดว้ ย 3 ตอน ดงั นี้
ตอนที่ 1 การวิเคราะห์ผลการตอบแบบสอบถามการรับรูห้ ลกั ธรรมาภบิ าล
ตอนท่ี 2 การวิเคราะหผ์ ลความพงึ พอใจ
ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ

ตอนท่ี 1 การวเิ คราะหผ์ ลการตอบแบบสอบถามการรบั รู้หลกั ธรรมาภิบาล

ตารางท่ี 4 ค่าเฉลีย่ ของการรบั รหู้ ลักธรรมาภิบาล จาแนกตามขอ้ คาถาม

ขอ้ ท่ี รายการ (ข้อคาถาม) x̄ ระดับ

หลกั ความโปร่งใส

1. ฉันมีสว่ นร่วมในการรบั รูก้ ฎกตกิ าของห้องเรยี นเสมอ 4.83 มากทีส่ ุด

2. ฉนั รบั ฟงั ความคิดเห็นของเพือ่ นเสมอ 4.5 มากท่ีสดุ

3. ฉนั ตดั สินใจเลอื กวิธีแก้แกไ้ ขปัญหาอยา่ งสมเหตสุ มผล 4.94 มากที่สดุ

4. ฉันเคารพความคดิ เหน็ ในทีป่ ระชุมของหอ้ ง 4.72 มากท่สี ดุ

5. ฉันใชภ้ าษาทีส่ ภุ าพและให้เกยี รตติ อ่ ท่ีประชุมของห้อง 4.05 มากที่สดุ

6. ฉันเปิดโอกาสให้เพือ่ นได้ตัดสนิ ใจรว่ มกนั 4.11 มากที่สดุ

หลักนิตธิ รรม

1. ฉนั ปฏบิ ตั หิ น้าท่ตี ามกฎระเบยี บของห้องเรียนอยูเ่ สมอ 4.61 มากที่สดุ

2. ฉันปฏบิ ัตติ ามกฎจราจรของมหาวทิ ยาลยั อยูเ่ สมอ 5 มากทส่ี ดุ

3. ฉนั เคารพกฎระเบียบมหาลยั อยู่เสมอ 4.83 มากทส่ี ดุ

4. ฉนั ใหค้ วามไวว้ างใจซึง่ กันและกันกบั เพ่ือนรว่ มชั้นเรยี น 4.5 มากท่ีสดุ

5. ฉนั ได้รบั ความไว้วางใจจากเพ่ือนร่วมช้ันเรียน 4.16 มากท่สี ดุ

6. ฉนั เป็นทไ่ี ว้วางใจต่อเพ่ือนในช้ันเรียน 4.16 มากที่สดุ

7. ฉันให้เกยี รติตอ่ เพือ่ นรว่ มชน้ั เรยี น 4.27 มากที่สดุ

8. ฉันไม่นาผลงานของผูอ้ ื่นมาเปน็ ของตนเอง 5 มากที่สดุ

9. ฉนั ไม่ก้าวก่ายเร่อื งสว่ นตวั ของผ้อู ืน่ 5 มากที่สดุ

หลกั คุณธรรม

1. ฉันมคี วามซื่อสัตย์ สุจรติ ยึดมั่นในศีลธรรม และจรยิ ธรรม 5 มากที่สดุ

2. ฉนั มีมนษุ ยส์ มั พนั ธ์ที่ดีและมไี มตรีตอ่ เพ่ือนพอ้ ง 4.83 มากทส่ี ดุ

3. ฉนั ปฏบิ ัตหิ นา้ ทด่ี ว้ ยความซ่ือสตั ย์และซื่อตรงอยู่เสมอ 5 มากที่สุด

4. ฉนั ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีดว้ ยความสุจริต 5 มากท่สี ุด

5. ฉันยึดมั่นในกฎระเบยี บและความถูกตอ้ งของห้องเรียน 4.83 มากท่ีสุด

6. ฉันตัดสินใจและปฏิบัตติ นตามความถกู ต้อง 5 มากที่สดุ

7. ฉนั มีจติ สาธารณะชว่ ยเหลอื ผอู้ ื่น 5 มากที่สุด

8. ฉันเคารพผูใ้ หญ่เม่ือพบเจอ 4.83 มากทส่ี ดุ

9. ฉันปฏิบตั ติ นเปน็ พลเมืองทดี่ ี 5 มากทส่ี ุด

หลกั ความคุ้มคา่

1. ฉนั แบง่ หนา้ ท่ีใหเ้ หมาะสมกับเพอื่ นรว่ มชัน้ เรียน 3.77 มาก

2. ฉนั สามารถจัดสรรงบประมาณของห้องเรียน 4.05 มากทส่ี ุด

3. ฉันเปน็ ส่วนหน่ึงในการบริหารจดั กิจกรรมนอกห้องเรยี น 4.27 มากทส่ี ุด

4. ฉันสามารถใช้ของเหลอื ใช้ให้เกิดประโยชนส์ งู สุด 5 มากทส่ี ุด

5. ฉนั สามารถนาวัสดุอปุ กรณม์ าใชใ้ หม่ 5 มากทส่ี ุด

6. ฉนั สามารถนาสิ่งท่มี ีอยูม่ าทดแทนสิ่งท่ีหายาก 4.83 มากทส่ี ุด

หลกั การมีส่วนรว่ ม

1. ฉนั เปิดโอกาสใหเ้ พ่ือนได้เสนอความคดิ เหน็ ในดา้ นต่างๆ 4.83 มากที่สุด

2. ฉันเปิดโอกาสให้เพื่อนไดเ้ สนอโครงการตา่ งๆ 5 มากที่สุด

3. ฉันรับฟงั ความคดิ เหน็ ของเพ่ือนทกุ คน 4.83 มากที่สุด

4. ฉันเปิดโอกาสให้เพอ่ื นๆร่วมกนั คิดวธิ แี กป้ ญั หา 4.83 มากทส่ี ดุ

5. ฉันเปิดโอกาสให้เพ่ือนเสนอแนวทางการแก้ปัญหา 4.83 มากทส่ี ดุ

6. ทา่ นเปิดโอกาสใหเ้ พื่อนตดั สนิ ใจดว้ ยตนเอง 5 มากที่สดุ

หลักความรับผดิ ชอบ

1. ฉนั ตดิ ตามข่าวสารบ้านเมือง 4.72 มากท่สี ดุ

2. ฉนั รบั ฟังขา่ วสารอย่างมวี จิ ารณญาณ 4.83 มากที่สดุ

3. ฉันนาขา่ วท่มี ปี ระโยชน์มาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจาวนั 4.83 มากที่สดุ

4. ฉันใส่ใจต่อหนา้ ที่ของตนเอง 5 มากทีส่ ดุ

5. ฉันมีความกระตือรอื รน้ ต่อหน้าท่ีที่ได้รับมอบหมาย 4.72 มากที่สุด

6. ฉันมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ทีอ่ ย่างซอ่ื ตรง 4.83 มากทสี่ ุด

จากตารางที 4 แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีการรับรู้พฤติกรรมด้านหลักคุณธรรม มากที่สุด

มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.97 ด้านหลักการมีส่วนร่วม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.87 และด้านหลักนิติธรรม มีค่าเฉลี่ย

เท่ากบั 4.61 ตามลาดบั

ตอนท่ี 2 การวเิ คราะห์ผลความพงึ พอใจ

ตารางที่ 5 รอ้ ยละของคะแนนความพงึ พอใจในการเข้าร่วมกิจกรรม รอ้ ยละ
ข้อท่ี รายการ (ข้อคาถาม) 77.8
1. รูปแบบกิจกรรมมคี วามนา่ สนใจ 66.7
2. ความสามารถในการดาเนนิ กจิ กรรม มีความลนื่ ไหล / ไม่ติดขัด 72.2
3. ความสามารถในการถา่ ยทอดความรูแ้ ละสรุป 83.3
4. การประยุกต์และการนาไปใช้

จากตารางท่ี 5 แสดงใหเ้ หน็ ว่า ผู้เข้าร่วมกจิ กรรมทีต่ อบแบบประเมินจานวน 18 คน พบว่า มคี วาม
พึงพอใจในเรอ่ื งการประยกุ ต์และการนาไปใช้ และสรปุ มากทีส่ ุดคดิ เป็นรอ้ ยละ 83.3 ตามลาดบั

ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ

จากการจดั กิจกรรมในฐานหลักธรรมาภบิ าล พบว่ามผี ู้ใหข้ ้อเสนอแนะในประเดน็ ดังตอ่ ไปน้ี
1. กจิ กรรมน้ีเปน็ กิจกรรมทีส่ นุก
2. อยากให้ทากิจกรรมวนั ท่ีดีกว่านี้คะ่
3. อยากให้พ่ีมีกิจกรรมแบบน้อี กี ค่ะ
4. มคี วามรหู้ ลกั การอยู่ร่วมกันในสังคม
5. มคี วามสนุกสนานน่าต่ืนเต้น
6. เปน็ กจิ กรรมท่สี นุก ต้องใช้ความสามคั คี และสามารถอยรู่ ว่ มกันในกล่มุ ได้

สว่ นท่ี 4

การสรุปและอภปิ รายผล

การสรปุ สาระสาคัญด้านองค์ความร้จู ากการเข้ารว่ มกจิ กรรม
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมหลักธรรมาภิบาลได้เรียนรู้และเข้าใจเก่ียวกบั ความหมายและองค์ประกอบย่อยท้ัง

6 หลักซ่ึงสามารถนามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้ท้ังกฎระเบียบหรือกฎต่างๆภายใน
ห้องเรียน นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้รับความสนุกสนานมีความคิดสร้างสรรค์และมีการวางแผนเป็น
ขนั้ ตอนในการทากิจกรรมตา่ งๆทผี่ ูส้ อนได้จดั เตรยี มไว้

การวิเคราะห์การดาเนิน
จากการทากิจกรรมในฐานหลักธรรมาภิบาล สามารถสรุปและอภิปรายการดาเนินกิจกรรม

โดยแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 5 ประเด็นสาคัญ ได้แก่ จุดเด่น จุดด้อย ปัญหา อุปสรรค และแนวทางการ
แกป้ ัญหา

จุดเด่น
1. นอ้ งได้ใชค้ วามคิดสร้างสรรค์อยา่ งเต็มที
2. เปิดโอกาสใหน้ อ้ งไดว้ างแผนอยา่ งอสิ ระโดยไม่จากัดขอบเขต
3. นอ้ งให้ความร่วมมืออยา่ งเตม็ ที
4. สรา้ งความสมั พันธอ์ ันดีระหวา่ งผูด้ าเนนิ การและผเู้ ข้าร่วมกจิ กรรม

จุดด้อย
1. ขณะรว่ มกจิ กรรมน้องไม่คอ่ ยได้ขยบั รา่ งกาย

ปัญหา
1. น้องเขารว่ มกิจกรรมนอ้ ยไม่ได้ตามแผนทเ่ี ราวางไว้

อปุ สรรค
1. สายเชอื่ มต่อโปรเจ็กเตอร์มปี ัญหา

แนวทางการแกป้ ัญหา
1. เขียนช่อื ฐานในกระดาษบรูฟ๊ แทน และตกแตง่ เพ่มิ ความสวยงาม
2. จากทน่ี ้องเข้ารว่ มกจิ กรรมจานวนนอ้ ยไดแ้ กป้ ัญหาโดยใหน้ อ้ งทาเปน็ กลุ่มเดียว

Part 2
ความซื่อสตั ย์

ส่วนท่ี 1

การทบทวนเอกสารทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั ความซอื่ สัตย์สจุ รติ

ความซื่อสตั ย์สจุ รติ
ความซ่ือสัตย์ หมายถงึ แง่มมุ หน่ึงของศีลธรรม แสดงถึงคุณลักษณะทางบวกและคุณธรรม อาทิ ความ

ซื่อสัตย์สุจริต ความจริงใจ และความตรงไปตรงมา พร้อมด้วยความประพฤติตรง ตลอดจนการงดเว้นการ
โกหก การคดโกง หรือการลักขโมย เป็นต้น ยิ่งไปกว่าน้ัน ความซื่อสัตย์ยังหมายถึงความน่าไว้วางใจ ความ
ภกั ดี ความเปน็ ธรรมและความบริสุทธใ์ิ จอีกด้วย

หลายเช้ือชาติและวฒั นธรรมของแต่ละศาสนาให้ค่าความซ่ือสตั ย์เป็นอย่างมาก ความซื่อสัตย์ หมายถึง
แงม่ มุ หน่ึงของศีลธรรม แสดงถึงคณุ ลกั ษณะทางบวกและคุณธรรม อาทิ ความซ่อื สตั ย์สจุ รติ ความจรงิ ใจ และ
ความตรงไปตรงมา พร้อมดว้ ยความประพฤติตรง ตลอดจนการงดเว้นการโกหก การคดโกง หรอื การลักขโมย
เป็นต้น ย่ิงไปกว่าน้ัน ความซ่ือสัตย์ยังหมายถึงความน่าไว้วางใจ ความภักดี ความเป็นธรรมและความบริสุทธ์ิ
ใจอีกดว้ ย

ความหมายของความซ่ือสตั ย์สจุ ริต
ธรี ะพร อุวรรณโณ (ธีระพร อุวรรณโณ 2526 อ้างในปวีณา ทิมทอง 2544: 32) ไดใ้ ห้ความหมาย

ของความซื่อสัตยส์ ุจรติ หมายถึงประพฤตติ รงและจริงตอ่ ผอู้ ่ืน การไม่คดโกงและหลอกลวงผอู้ ื่น ประกอบดว้ ย
พฤติกรรมจาเพาะ เช่น การพูดความจริง การไม่พูดปด การตรงต่อเวลา การจริงใจต่อผู้อ่ืน การไม่หยิบฉวย
ลกั ขโมย ไม่หลอกให้ผอู้ ื่นหลงเช่อื ในสง่ิ ท่ไี มจ่ าเป็น

พระครูพุทธศาสน์โศภณ,อภิชัย ชารีรักษ์,และมนูญ จันทร์นวล (2530: 36-45) ได้ให้ความหมาย
ความซ่ือสัตย์เป็นคุณธรรมเบื้องต้นและสุดท้ายแห่งความดีท้ังหลายเป็นสิ่งควรปลูกฝังและการให้อบรมสั่ง
สอนถึง 6 ประการคือ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ซื่อสัตย์ต่อวาจา ซ่ือสัตย์ต่อการงาน ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ซ่ือสัตย์ต่อ
บุคคล ซ่ือสัตย์ต่อคณะและความสุจริต คือคารวมแห่งความดี หมายถึง การทาดี พูดดี คิดดี มีความ
กรณุ า ละอายแกใ่ จ เกรงกลวั ในความผดิ พลาด มีความรูส้ ึกผดิ ชอบเป็นหลกั

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ.2542 (2542: 382) ได้ให้ความหมายความซ่ือสัตย์สุจริต
หมายถึง ความประพฤตปิ ฏิบตั ิทแ่ี สดงถงึ ความจรงิ ใจ ไมค่ ดิ คด ทรยศ ไม่คดโกงและไม่หลอกลวงวนิ ยั

วินัย พัฒนรัฐ,และคณะ (ม.ป.ป.: 8) ได้ให้ความหมายว่า ความซ่ือสัตย์สุจริต หมายถึง ความ
ประพฤตปิ ฏบิ ตั ทิ ่ีแสดงถงึ ความจรงิ ใจ ไมค่ ดโกงหลอกลวง หรอื ไมเ่ อาเปรียบผู้อืน่

พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) (พระธรรมปิฎก 2538 อ้างในพิศมัย เทียนทอง, 2553: 11) ได้ให้
ความหมายคาว่า สุจริต หมายถึง ความประพฤติดีความประพฤติชอบมี 3 ประการ คือ ความประพฤติชอบ
ด้วยกาย ความประพฤติชอบด้วยวาจาและความประพฤติชอบดว้ ยใจ

เจริญศรี บุญสว่าง (2543: 6) ได้ให้ความหมายว่า ความซ่ือสัตย์ คือ การประพฤติกรรมที่แสดง
ความรับผิดชอบ ไม่พูดปด ไม่โลภ ไม่ขโมย ไม่ละเมิดของรักของผู้อ่ืน ทาตามสัจจะที่ต้ังไว้จนเป็นคนท่ีน่า
ไวว้ างใจ

จารุรัตน์ มังกะโรทัย(2544:25) ได้ให้ความหมายว่า ความซื่อสัตย์ คือการประพฤติปฏิบัติอย่าง
เหมาะสมและตรงต่อความเป็นจริง ประพฤติปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมาทั้งกาย วาจา และใจต่อตนเองและ
ผู้อ่ืน

พรรตนฤน เพชรวิวรรธ์ (2545:226)ได้ให้ความหมายว่า ความซื่อสัตย์ หมายถึง ความประพฤติ
ตรงไปตรงมาถูกต้องเหมาะสมตามทานองคลองธรรมและกฎหมายของบ้านเมือง เช่นตรงต่อหน้าที่ตรงต่อ
คาพดู ตรงตอ่ กฎเกณฑ์ ทง้ั ตนเองและผู้อืน่

สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณโรรส 2545 อา้ งในพสิ มยั เทียนทอง, 2553: 11) ได้
ใหค้ วามหมายคาวา่ สจุ ริต ไว้ว่า ความประพฤตดิ ีมี 3 อยา่ งคือความประพฤติชอบด้วยกายเรียกว่า กาย
สุจริต 3 อยา่ งคอื เวน้ จาการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เวน้ จากการประพฤติผดิ ในกาม ความประพฤตชิ อบ
ด้วยวาจาเรยี กว่าวจสี ุจริต 4 คอื เวน้ จาการพดู เทจ็ เวน้ จากการพดู ส่อเสียด เวน้ จากการพูดคาหยาบ เว้นจาก
การพดู เพ้อเจ้อ

เอกรนิ ทร์ ส่ีมหาศาลและคณะ (2547: 46) ไดก้ ลา่ ววา่ พระพุทธสาสนาสอนใหเ้ ราเป็นคนดีความ
ซื่อสัตยส์ ุจรติ กลา่ วคอื ซื่อตรงในทางที่ถกู ต้องดีงาม เราต้องมีความซื่อสตั ยส์ ุจริตต่อตนเอง บุคคลอน่ื สังคม
และประเทศชาติ โดยตง้ั ใจกระทาสงิ่ ดีงาม ประพฤติปฏบิ ัติหน้าทข่ี องตนเองด้วยความซ่ือตรง

กิตติสุข แสงสวี (2549: 27) ได้ให้ความหมายความซื่อสัตย์ หมายถึง คุณลักษณะด้านความรู้สึก
นึกคิดและระดับจิตใจของบุคคลหน่ึงที่มั่นคงต่อบุคคลอื่น มีความภักดี ประพฤติตรงไปตรงมา ไม่คดโกง ไม่
หลอกลวง ไมเ่ อาเปรียบผ้อู นื่ ซ่อื ตรงทัง้ กาย วาจา และใจ

ศุภวรรณ ชลมาก (2551: 6) ได้ใหค้ วามหมายวา่ ความซอื่ สัตย์ หมายถงึ การประพฤติปฏิบตั ดิ ้วย
ความจรงิ ใจ ไม่คดิ คดโกง ไมห่ ลอกลวง ตรงไปตรงมา ท้งั กาย วาจา และใจทง้ั ต่อตนเองและผูอ้ ่นื

กระทรวงศึกษาธิการ (2551: 14) ได้ให้ความหมายว่าความซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง คุณลักษณะที่
แสดงออกด้วยความจรงิ ใจ ไมค่ ิดคดโกง ไม่หลอกลวง ไม่เอาเปรยี บผู้อ่ืน ซอ่ื ตรงทั้งกาย วาจาและใจ

โวล์เคอร์ (Volker, 1928 : 170 อ้างถึงใน วรรณี รักธรรม, 2515 : 13 - 14) ได้ให้คานิยาม

ของความซ่ือสัตย์ไวว้ ่า ความซ่ือสัตย์ หมายถึง ความเต็มใจท่ีจะยอมรับผิดชอบต่อธุรกิจท่ีทากันเป็นกลุ่มและ

ตอ้ งทาให้ดีท่ีสุดในหนา้ ที่ทไี่ ด้รับมอบหมาย

กรมการวฒั นธรรม (2497 : 5 - 6) ได้ให้ความหมายของความซอ่ื สตั ยว์ ่า หมายถงึ ความซอ่ื ตรง ไม่

คดโกง ถ้าแสดงออกทางใจจะเป็นน้าใสใจจริง ไม่มีเง่ือนงาซ่อนไว้ในใจ ทางกายก็เป็นการทาจริง ไม่ใช่ทาดี

เพ่ือลวงให้คนอื่นติดกับทางวาจา คือ พูดจริง พูดคงเส้นคงวา เป็นท่ีเช่ือถือและไว้วางใจได้และยังอธิบายถึง

ความซือ่ สตั ยส์ ุจริตของบคุ ลเป็นขอ้ ๆ ว่า

1. ต้องซื่อตรง ไม่คิดโกงหรือหลอกลวงเขากิน ประกอบอาชีพในทางสุจริต สิ่งใดทุจริตผิดศีลธรรม

จะต้องเลิกอยา่ งเดด็ ขาด

2. ต้องชื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อครอบครัว และต่อมิตรสหาย และต้องมีความจงรกั ภกั ดตี ่อประเทศชาติ

ไม่คิดทรยศ

3. ต้องซือ่ สัตย์ในทถี่ ูกทาง โดยเฉพาะทางทเ่ี ป็นประโยชน์และดงี ามเทา่ น้นั ถ้าจะเป็นการทาลาย

ประโยชนใ์ ห้เกิดความเสียหายแลว้ ไม่ควรทาอย่างย่งิ เชน่ การซ่ือสัตย์ต่อบุคคลท่ีทาลายชาติ

4. ต้องรักษาคาพดู ของตนให้มีคุณคา่ น่าเช่ือถือได้ ใหเ้ ป็นคนมีวาจาสิทธ์ิ พูดว่าจะให้ความช่วยเหลือ

แกใ่ ครแลว้ ตอ้ งเปน็ ไปตามท่ีพดู ไวเ้ สมอ

หนังสือWebster 's New Universal Dictionary of the English Language (กฤตรินทร์ นิ่ม
ทองคา, 2542 : 11) ได้กล่าวถึงความซื่อสตั ย์ไว้ว่าความซื่อสัตยจ์ ะเป็นลกั ษณะของความซ่ือตรง หรือความ
ม่ันคงท่ีแน่นอนของการกระทาต่างๆอันจะนาไปสู่ความคิด คาพูดที่ถูกต้องและจะเป็นความเชื่อถือได้มีความ
จรงิ ใจ ไมม่ กี ารหลอกลวง คดโกง และมเี ล่ห์อบุ ายนนั่ เอง

นอกจากน้ันยังมีความหมายว่า เป็นลักษณะที่ถูกต้องตามหลักสูตร หรือหมายถึง การตัดสินใจ
หรอื เปน็ การค้าขายธุรกจิ ทซี่ ื่อตรงตามสภาพการณ์ท่ีแทจ้ รงิ

เกษม บุญศรี (2504 : 17 -26) ได้กล่าวว่า ความซื่อสัตย์ในทางพุทธศาสนา น้ันแบ่งออกเป็น 3
ดา้ น คือ

1. ความซื่อสัตย์ทางกาย หมายถึง การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกามและให้ความ
ช่วยเหลือผ้อู ่นื ตามกาลงั และโอกาสเท่าท่ีจะทาได้

2. ความซอ่ื สัตย์ทางวาจา หมายถึง การพูดความจริงตรงไปตรงมา พูดในสงิ่ ท่ีควรพูดไม่เพ้อเจ้อและ
เป็นคาพดู ที่อ่อนหวานน่าฟัง

3. ความซ่ือสัตย์ทางใจ หมายถึง กิจกรรมท่ีใช้ใจเป็นสาคัญหรือความคิด เช่น ไม่โลภอยากได้ของ
ผูอ้ น่ื

ประเทิน มหาขันธ์ (2510 : 72) ได้อธิบายลักษณะของบุคลท่ีซ่ือสัตย์สุจริต ว่านอกจากจะไม่หา
ประโยชน์ใส่ตนโดยการโกง การหลอกลองผู้อ่ืน โดยที่แม้ว่าการกระทาเหล่าน้ันจะไม่มีผู้ใดรู้แล้ว ผู้ที่มีความ
ซ่อื สัตย์สุจริตจะต้องเปน็ คนกลา้ รับผิดชอบอีกด้วยไม่ว่าการกระทานั้นจะเป็นการกระทาด้วยความจงใจ หรือ
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็จะยอมรับในการกระทาของตนไม่ซัดทอดไปถึงบุคลอ่ืน เม่ือให้สัญญาอย่างไร เขาจะ
ท่าตามสัญญานัน้ ไม่บิดพล้ิว

ศรีนาถ สุริยะ (2512 : 46) ได้ให้ความหมายของความซ่ือสัตย์ หรือความสัตย์ซ่ือตรงเท่ียงธรรม
ยุติธรรม คือ ความจริง ความตรง ความแท้ ความแน่นอน ไม่เป็นความเทียม ความเท็จและความซ่ือตรงน้ี
หมายเอาความจรงิ ในตวั บคุ คล ซึง่ แสดงออกเปน็ อัธยาศัย และความประพฤติ จาแนกได้

1. ความจริงตอ่ การงาน ตรงต่อเวลาและหน้าท่ี
2. ความจริงต่อบคุ คล คอื มีความซอื่ สัตยต์ ่อมติ ร จริงใจต่อผใู้ หญ่และผ้ปู กครอง
3. ซ่อื สัตย์ตอ่ มิตร
4. สวามภิ กั ดิ์ ไมค่ ิดคดต่อผใู้ หญ่ และผปู้ กครองท่ีตนยกย่อง
5. ความกตญั ญูกตเวที รวู้ า่ ผ้โู ดทาคณุ แกต่ นแล้วไม่คิดลบหลู่ พยายามหาโอกาสตอบแทนบญุ คณุ
ทา่ นอยเู่ สมอ
6. ความจริงต่อความดี ได้แก่ ประพฤติความดีอย่างไรก็ประพฤติจริงอย่างน้ัน ให้เป็นอัธยาศัยอันดี
งามอยเู่ สมอ
พระเจา้ วรวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ (2514 : 248 249) ได้ให้ความหมายของ ความ
ซื่อสัตย์ไว้ว่าช่ือแปลว่า ไม่คดโกง ชื่อ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Honest ความซ่ือสัตย์ภาษาอังกฤษใช่คาว่า
Honesty ความซื่อสัตย์ คือ ไม่คดโกงในความสัมพันธ์กับผู้อ่ืน สัตย์ในที่นี้มีความหมายไปในทางจงรักภักดี
เช่น ถือน้าพิพัฒน์สัตยา หรือให้คาสัตย์ ตรงกับ Faithful ชื่อตรงต่อหน้าท่ี คือ ไม่คดโกงต่อหน้าท่ี คือ ไม่คด
โกงต่อหน้าท่จี งรักภักดีต่อหน้าที่ ส่วนความซอ่ื สัตย์สุจริตน้ัน เน้นความหมายท่จี ิตใจโจรอาจซ่ือสัตย์ต่อโจรได้

แต่โจรไมซ่ ื่อสตั ยส์ ุจริต เพราะการกระทาผิดศีลธรรมไม่เป็นการสจุ ริต ภาษาอังกฤษใช้ Upright ความซ่อื สตั ย์
สจุ รติ ใช้ Integrity

ทวี บญุ เกตุ (2515 : 55 - 29) ความซือ่ สัตย์ หมายถึง ความจงรกั ภักดี ความซอ่ื ตรงการประพฤติ
อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการหลอกลอง เอารดั เอาเปรยี บ ซึ่งบุคคลท่ีมคี วามซ่ือสตั ย์ มักจะเป็นคนจิตใจเขม้ แข็ง
ใจบรสิ ทุ ธิ์ หนักแน่น รกั เกยี รตยิ ศชื่อเสียง ไม่เหน็ แกต่ ัว

อาภา ถนัดช่าง (2524 : 01 - 08) ได้กล่าวว่า เป็นลักษณะที่ตรงไปตรงมาตามข้อตกลงหรือ
หลักการท่ีตนเช่ือถือ โดยยึดหลักแห่งความยุติธรรมไม่เอาเปรียบผู้อื่นและผู้ที่มีความซื่อสัตย์นี้จะเป็นบุคลท่ี
ไดร้ ับการสรรเสรญิ เปน็ ที่ไว้วางใจของบคุ ลอื่น และมคี วามเช่ือมั่นในตนเอง

ประเสริฐศรี เอ้ือนครินทร์ (2524 : 22) ได้ให้ความหมายของความซ่ือสัตย์ไว้สรูปดังน้ี คือความ
ซือ่ สตั ย์ หมายถึงความซ่ือตรง ไมค่ ดโกง ทัง้ กาย วาจา ใจ ท้ังตอ่ ตนเองและหนา้ ทีก่ ารงาน

สงบ ลักษณะ (2524 : 34) ให้ความหมายของความซ่ือสัตย์ หมายถึง การกระทาหรือความรู้สึก
เก่ียวกับ เร่ืองการไม่ทุจริตประพฤติมิชอบการปฏิบัติตรงต่อความจริง เช่น ตรงต่อหน้าที่ ตรงต่อความ
รบั ผิดชอบ ตรงตอ่ คามนั่ สัญญา ตรงตอ่ ระเบยี บกฎเกณฑข์ องสังคม

อนุวัฒน์ ตั้งสมบูรณ์ (2526 : 16) ได้ให้ความหมายของ ความซ่ือสัตย์ หมายถึง การกระทาหรือ
ความรู้สึกเกย่ี วกับเรื่องการไมท่ ุจรติ และประพฤตมิ ิชอบ การปฏิบัติตามกฎที่กาหนดไว้การไม่หลอกลวง การ
พูดแต่ความจริง และการไมห่ าประโยชน์ในทางมิชอบ การมีความยตุ ิธรรม และมคี วามละอายต่อบาป

กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ (2528 : 8) ให้ความหมายของความซื่อสัตย์ หมายถึง การ
ประพฤตติ รง และจรงิ ใจ ไมค่ ดิ ทรยศ ไม่คดโกง และไม่หลอกลวง

พจนานุกรมเฉลิมพระเกียรติ (2531 : 182) ได้ให้ความหมายว่าความซ่ือสัตย์ หมายถึง ประพฤติ
ตรงอย่างจริงใจ ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกง และไม่หลอกลวง

สดุ ใจ ขนั ทองคา (2533 :11) ให้ความหมายของความซื่อสตั ย์ หมายถึง การกระทาหรือพฤตกิ รรม
ตลอดจนการแสดงความรู้สกึ ของบุคคลในเรื่อง การพดู ความจริง การตรงต่อเวลา การยอมรับผิดการไม่ขโมย
ของผู้อ่ืน หรือเอาของผู้อ่ืนมาเป็นของตนเอง และการประพฤติตามข้อตกลง กติกา หรือสัญญาท่ีให้ไว้กับ
ตนเองและผอู้ ่ืน

บุญลักษณ์ องึ้ ชยั พงษ์ (2536 : 44) ใหค้ วามหมายของความซือ่ สัตย์วา่ ความซื่อสัตย์ หมายถงึ การ
ประพฤติอย่างเหมาะสมและตรงต่อความเป็นจริง เช่น ตรงต่อหน้าที่ ตรงต่อคาพูด ตรงต่อกฎเกณฑ์ ทั้งต่อ
ตนเองและผอู้ ืน่

วรรดี มีช้าง (2536 : 20) ให้ความหมายของความซื่อสัตย์ว่าความซื่อสัตย์ หมายถึง ลักษณะ
พฤตกิ รรมของบุคคลที่แสดงออกถึงการปฏิบตั ิทตี่ รงกบั ความเปน็ จรงิ ไม่ทจุ ริต ประพฤตมิ ิชอบ มีความซ่ือตรง
มีสจั จะและความเปน็ จริง ทั้งตอ่ ตนเองและผู้อื่น

วรวรรณินี ราชสงฆ์ (2541 : 36) ให้ความหมายของความซ่ือสัตย์ หมายถึง การประพฤติอย่าง
เหมาะสมและตรงตามความเปน็ จรงิ เชน่ ตรงตอ่ หน้าที่ ตรงต่อคา้ พูด ตรงต่อกฎเกณฑ์ทัง้ ต่อตนเองและผู้อืน่

กฤตรินทร์ น่ิมทองคา (2544 : 15) ได้ให้ความหมายของความซื่อสัตย์ออกเป็น 3 ประเภท
หมายถึง การประพฤติอย่างเหมาะสม มีความซื่อสัตย์ ไม่คดโกง ซ่ือสัตย์ต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อมิตร

สหาย และมีความจงรักภกั ดีต่อประเทศชาติ ไม่คิดทรยศ ประกอบอาชีพในทางสุจรติ ไม่ขโมยของผ้อู ื่น และ
ปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์ที่กาหนด

จากเอกสารดังกล่าวสรุปได้ว่าความซ่ือสัตย์ หมายถึง การประพฤตอิ ย่างเหมาะสม ไม่คดโกงมีความ
จริงใจต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อมิตรสหาย และมีความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ ไม่คิดทรยศประกอบ
อาชีพในทางสุจริต ไม่ขโมยของผู้อ่ืนและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กาหนด เช่น ตรงต่อเวลาพูดแต่ความจริง
ละอายต่อบาป ไม่เอาเปรียบไม่ทุจริต มีความรับผิดชอบ ยุติธรรม ไม่หลอกลวงไม่หาผลประโยชน์ในทางมิ
ชอบ

องค์ประกอบของความซื่อสัตย์
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ (2523:147-148) ได้จาแนกความซ่ือสัตย์สุจริต

ออกเปน็ 4 ลักษณะดงั นี้
1. ความซ่ือสัตย์ต่อตนเอง คือ มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี การมีความละอายเกรงกลัวต่อการการ

กระทาผิด การไม่พูดปด ไม่พูดสับปลับหลอกลวง การไม่คิดโลภในของผู้อื่น ไม่คล้อยตามพวกที่ชักจูงไป
ในทางที่เสื่อมเสีย มั่นคงต่อการทาดีของตน ไม่คดโกง มีความตั้งใจทาจริง ประพฤติตรงตามที่พูดและคิด ใน
กรณขี องนักเรียนจะเหน็ ความซอ่ื สัตยต์ อ่ ตนเองคือเรียนจรงิ มาโรงเรียนตรงตอ่ เวลา ทาการบา้ นไม่คัดลอกคน
อน่ื เวลาสอบก็ต้ังใจสอบ ไม่ทุจริตในห้องสอบ

2. ความซ่ือสัตย์สุจริตต่อบุคคล คือ มีความซ่ือสัตย์ต่อผู้อ่ืนต่อมิตร ต่อหัวหน้างาน ต่อผู้มี
พระคุณ ลักษณะสาคัญ คือ มีความจริงใจต่อผู้อ่ืน ไม่ชักชวนผู้อ่ืนไปในทางเสื่อมเสีย ไม่สอพลอเพื่อหา
ประโยชน์ส่วนตน เตือนสติแนะนาในส่ิงที่เป็นประโยชน์ ยินดีในความสาเร็จของผู้อ่ืนไม่ริษยาก่ันแกล้ง ไม่
ถอื เอาของผู้อื่นมาเป็นของตน โดยการลักขโมย ฉ้อโกง ไม่ละเมิดของรักของผู้อ่ืน ยอมรับผิดหากตนเป็นผู้ทา
ผิดต่อผู้อื่น ไม่ผิดนัด รู้จักเคารพสิทธ์ิของผู้อื่น ไม่หยิบของผู้อ่ืนไปโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความประพฤติดีทั้ง
ต่อหน้าและลบั หลังผอู้ ่นื

3. ความซอื่ สตั ยต์ ่อหน้าที่ คือ มีความรับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ทีท่ ่ีตนทาหรือได้รบั มอบหมายและให้ทาใหด้ ี
ทสี่ ดุ ไม่ทอดทิ้งหน้าที่ ไม่ทจุ ริตคดโกง ไม่ใช้อานาจหน้าท่ที าประโยชน์สว่ นตน รักษาระเบียบกฎเกณฑ์ ตรงต่อ
เวลา ไมเ่ อาเวลาทางานในหน้าทไ่ี ปใช้ประโยชน์สว่ นตน

4. ความซ่ือสัตย์ต่อหมู่คณะสังคมประเทศชาติ คือ การรักษาคาม่ันสัญญา ไม่คิดประทุษร้ายต่อหมู่
คณะ รักษาความสามัคคี ไม่นาความลับของหมู่คณะ สังคม ประเทศชาติไปเปิดเผย ไม่เป็นต้นเหตุให้คน
ภายนอกมาทาลายหมูคณะ ไม่คิดทรยศทาลายสถาบันหลักของชาติ ไม่ร่วมมือกันทางานใดๆท่ีผิดกฎหมาย
หรือระเบียบข้อบังคับ สานึกว่าตนเองเป็นพลเมืองของประเทศจะต้องปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี ช่วยกันรักษา
ความสงบ ส่ิงใดทส่ี รา้ งข้นึ เปน็ สาธารณสมบตั ิจะตอ้ งชว่ ยกนั รกั ษาและร้จู ักใชอ้ ยา่ งทะนถุ นอม

อังคณา กสนิ นั ท์ (2539: 42) ไดแ้ บง่ ประเภทของความซอ่ื สัตย์ของบุคคลได้ 5 ประเภท ดงั น้ี
1. ความซ่ือสัตย์ต่อตนเอง คือ ความละอายและกระดากใจตนเองในการกระทาความผิดให้ได้ชื่อว่า
ไม่สจุ ริต
2. ความซ่ือสัตย์ต่อเพื่อนฝูงหมู่คณะ คือ การไม่คิดทรยศ ไม่คดโกงและเอาเปรียบเพ่ือฝูงและหมู่
คณะ

3. ความซื่อตรงต่อหน้าท่ีการงาน คือ ความซ่ือตรงเท่ียงธรรมไม่หาผลประโยชน์ต่อตนเองจนทาให้
เดอื ดร้อนแก่หน้าที่การงานที่ทาอยู่

4. ความซอ่ื สัตย์ต่อสงั คมและชุมชน คอื ความซ่ือตรงเที่ยงธรรมไมห่ าผลประโยชน์ตอ่ ตนเองจนทาให้
เดือดรอ้ นแกห่ นา้ ที่การงานทีท่ าอยู่

5. ความซ่ือสัตย์ต่อระเบียบกฎเกณฑ์จารีตประเพณีกฎหมายวัฒนธรรม คือ รักษาและปฏิบัติต่อ
ระเบียบ กฎเกณฑ์จารตี ประเพณีวัฒนธรรมด้วยความซื่อตรง จรงิ ใจและเทย่ี งธรรม

ปรียา ตนั วิพัฒน์ (2544:15) ได้แบ่งประเภทของความซ่อื สัตย์ในแนวพทุ ธศาสนาออกเปน็ 3 ด้าน
ไดแ้ ก่

1. ความซ่ือสัตย์ทางกาย หมายถึง การไม่ฆ่าสัตว์ การไม่ลักทรัพย์ การไม่ประพฤติผิดในกามและให้
ความชว่ ยเหลอื ผู้อ่นื ตามกาลงั และโอกาสเท่าทอ่ี านวย

2. ความซ่ือสัตยท์ างวาจา หมายถึง การพูดความจริงตรงไปตรงมา พูดในสงิ่ ที่ควรพดู ไม่เพอ้ เจ้อและ
พดู คาทอ่ี อ่ นหวานนา่ ฟงั เปน็ คณุ ลักษณะดา้ นความรู้สกึ นกึ คดิ

3. ความซื่อสัตย์ทางใจ หมายถึง กิจกรรมที่ใช้ใจเป็นสาคัญหรือความคิด เช่นความไม่โลภอยากได้
ของคนอน่ื

กรมวิชาการ (2548: 129-131) ได้จาแนกความซื่อสตั ย์ออกเปน็ 4 ลักษณะ ดงั นี้
1. ความซ่ือสัตย์ต่อตนเอง คือ ความรู้สึกผิดชอบช่ัวดีมีความละอายและเกรงกลัวต่อการกระทา
ความผดิ พฤตกิ รรมท่ีแสดงออก ได้แก่

1.1 ไมส่ บั ปลบั กลบั กลอก
1.2 ไม่คล้อยตามพวกทีล่ ากหรอื ชักจูงไปในทางทีเ่ สื่อมเสยี
1.3 มนั่ คงต่อการกระทาความดี
1.4 ไมค่ ดโกงมีความตง้ั ใจจรงิ
1.5 ประพฤตติ รงตามท่ีคดิ
2. ความซ่อื สตั ย์ตอ่ หน้าท่ีการงานพฤติกรรมท่ีแสดงออก ไดแ้ ก่
2.1 ไมเ่ อาเวลาทางานในหน้าที่ไปใชป้ ระโยชน์ส่วนตวั
2.2 ไมใ่ ช้อานาจหน้าที่ทาประโยชนส์ ว่ นตัว
3. ความซ่อื สัตย์ตอ่ บุคคล คือ มคี วามซ่ือสัตยต์ ่อบคุ คลอื่นต่อมิตรต่อหัวหนา้ งานต่อผมู้ ีพระคุ
พฤติกรรมทีแ่ สดงออกได้แก่
3.1 ประพฤตติ รงไปตรงมาไม่คิดคดตอ่ ผู้อนื่
3.2 ไมช่ กั ชวนไปในทางเสื่อมเสีย
3.3 ไม่สอพลอเพือ่ หาผลประโยชนส์ ว่ นตน
3.4 ยินดีในความสาเร็จของผู้อ่ืนไม่คดิ ริษยาหรอื กล่นั แกลง้
4. ความซ่ือสตั ย์ต่อคณะสังคมและประเทศชาติพฤติกรรมที่แสดงออก ไดแ้ ก่
4.1 ร่วมมอื รว่ มใจกันทางานดว้ ยความบริสุทธ์ิใจ
4.2 ไม่เห็นแกป่ ระโยชน์ของตนหรือเอาดเี ขา้ ตน
4.3 ไมร่ ่วมมือกันทางานใดๆทผ่ี ดิ กฎหมายหรือผดิ จากท่ีกลา่ วมาข้างต้น

ทวี บุญเกตุ (2515 : 55 - 29) ได้แบ่งความซื่อสัตย์ออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง จะมีลักษณะของหิริโอตับปะ ละอายตัวเอง กระดากตัวเอง ไม่กล้าทาใน
ส่ิงที่ได้ช่ือวา่ ไม่ซ่ือสตั ยส์ จุ ริต แมว้ ่าการกระทานน้ั ๆ ไม่มีใครรเู้ หน็ ก็ตาม เป็นการกระทาเพอื่ ให้เป็นไปตามทตี่ ้ัง
ไว้ หรอื ทาตามคาพูดโดยไมเ่ หลวไหล คน
2. ซ่ือสัตย์ต่องานที่ตนทา ได้แก่ ความซื่อตรง เท่ียงธรรม ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ แสวงหา
ผลประโยชน์ใสต่ นไปในทางที่มชี อบ อันอาจนาความเสียหายมาส่งู านในหน้าที่ หรอื อาชพี ท่ที าอยู่
3. ความซ่ือสัตย์ต่อเพ่ือนฝูง จะเป็นคุณสมบัติที่สาคัญย่ิงของเพ่ือนที่ดี เพราะคนที่ทางานร่วมกัน
ควรจะมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน ไม่มีการทรยศ ไม่คดโกง หรือเอารัดเอาเปรียบเพื่อน จะต้องมีความรัก
ความหวังดี ความสงสาร และความปรารถนาดีตอ่ เพ่ือนด้วย

ศรนี าถ สรุ ยิ ะ (2521 : 46) ไดจ้ าแนกความซื่อสตั ย์ออกเป็น 3 ประเภท พอสรุปได้ดังนี้ คือ
1. ความจรงิ ตอ่ งาน คือ ตรงต่อเวลา และหน้าท่ี
2. ความจริงต่อบคุ ล คือ มีความซอื่ สตั ย์ ต่อมิตร จริงต่อผใู้ หญ่ และผปู้ กครอง ควรมีการอบรมตน
ดังนี้

2.1 ซอ่ื สตั ย์ต่อมิตร
2.2 สวามิภกั ดิ์ ไมค่ ดิ ทรยศ ตอ่ ผ้ใู หญ่ และผูป้ กครองท่ีตนยกย่อง
2.3 ความกตญั ญูกตเวที รวู้ า่ ผใู้ ดทาคณุ ต่อตนแลว้ พยายามท่จี ะหาโอกาสตอบแทนเสมอ
3. ความจรงิ ตอ่ ความดี คือ ประพฤติความจรงิ อย่างไรก็ประพฤติจรงิ อย่างนน้ั เสมอ

ทวี บุญเกตุ (2515 : 55 -61) ไดจ้ าแนกความซ่ือสัตย์ ออกเป็น 3 ประเภท สรุปได้ดังน้ี คอื
1. ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง นับว่ามีคุณค่าสูงกว่าอะไรท้ังหมดเพราะผู้ที่มีความซ่ือสัตย์ต่อตนเอง จะ
เปน็ ผูม้ หี ริ ิโอตบั ปะ มีความละอายตอ่ ตนเอง ในอันทจ่ี ะกระทาความผิด
2. ความซ่ือสตั ยต์ ่อเพ่ือนฝงู ไมเ่ อาเปรียบเพื่อนฝงู มีความรัก ความปรารถนาดตี อ่ เพ่ือนฝงู
3. ความซอื่ สัตยต์ ่อหน้าที่ ไมแ่ สวงหาผลประโยชน์ในทางทม่ี ชิ อบ อนั จะนาความเสียหายแก่งานที่ทา
อยู่

ตารางที่ 6 วิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบของความซ่ือสัตย์สุจริต ธญั ญา สมิ ทิพยร์ ัตน์ องั คณา สรุป
ทวงศ์ ณ. บรรจง กสินนั ท์
บูรชยั พิณพรณ์ อยุธยา เขียน 5
องค์ประกอบของความซ่อื สัตย์ สิรมิ หา เสาพาน 4
4
สาคร 3

1. ความซ่ือสัตยต์ ่อตนเอง    

2. ความซื่อสตั ยต์ ่อหน้าที่   

3. ความซ่ือสตั ย์ต่อผู้อ่ืน   

4. ความซ่ือสตั ยต์ อ่ ประเทศชาติ  

5. ความซ่ือสตั ยต์ อ่ เพ่ือนฝูง 1
6. ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงาน 1
7. ความซ่ือสตั ย์ตอ่ สงั คมและชมุ ชน  2
8. ความซ่ือสัตยต์ อ่ ระเบียบ 1

จากตารางวิเคราะห์องค์ประกอบความซ่ือสัตย์สุจริตสามารถสรุปองค์ประกอบของความซื่อสัตย์
สุจรติ โดยแบง่ ออกได้เปน็ 3 ประเภท ดังน้ี

1. ซื่อสัตยส์ ุจริตต่อตนเอง หมายถงึ ความร้สู กึ ผิดชอบ ชั่วดี มีความละอาย และเกรงกลวั ตอ่ การ
กระทาผดิ

2. ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ ตอ่ ผอู้ น่ื หมายถงึ มคี วามซ่ือสตั ย์ตอ่ บุคคลอ่นื ตอ่ มิตร ตอ่ หัวหนา้ งาน ต่อผ้มู ีพระคุณ
3. ซอ่ื สัตย์สุจรติ ต่อหน้าที่ หมายถึง ไม่ทอดทงิ้ หน้าท่ีทไ่ี ด้รับมอบหมายและไมท่ จุ ริตต่อหน้าที่
4. ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ ต่อประเทศชาติ หมายถึง การไม่ประทุษร้ายและเปดิ เผยข้อมูลความลับ

ส่วนที่ 2

เคร่ืองมอื การพัฒนาความซอ่ื สัตยส์ จุ ริต

จากการศึกษาเอกสารเก่ียวกบั ความซ่ือสัตยส์ จุ ริต และทาการวเิ คราะห์สังเคราะห์จนได้องค์ประกอบ
หลักของความซื่อสัตย์สุจริต จาแนกเป็น 4 องค์ประกอบ 13 ตัวบ่งชี้ ซึ่งผู้จัดทาได้ทาการออกแบบชุด
กิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนาคุณลักษณะพฤติกรรมให้สอดคล้องกับตัวบ่งช้ีท้ัง 9 ตัว ประกอบด้วย 9
กจิ กรรมสาคัญ ดังตารางท่ี 2 และทุกกิจกรรมสอดคล้องกบั ทกุ ตัวบง่ ช้ี ดังตารางท่ี 3

ตารางท่ี 7 แสดงองค์ประกอบหลกั องคป์ ระกอบยอ่ ย ตัวบง่ ชพ้ี ฤตกิ รรม และกิจกรรมความซ่อื สัตย์สุจรติ

องค์ประกอบ องค์ประกอบย่อย ตัวบง่ ชี้พฤติกรรม กิจกรรม จานวน

หลกั ชั่วโมง

ความซอื่ สตั ย์ 1. ความซื่อสตั ย์ตอ่ ตนเอง 1. ไม่พูดปด 1. เด็กเลี้ยงแกะ 50
สุจรติ 2. ไม่คดโกง 2. โปสเตอรห์ าเสยี ง 60

2. ความซื่อสัตยต์ ่อหน้าท่ี 1. ตรงตอ่ เวลา 3. สรา้ งวนิ ยั เพ่ือความสาเรจ็ 50
2. มีความจรงิ ใจ 4. กระซิบส่งสาร 50
3. ความซื่อสัตย์ตอ่ ผู้อนื่ 3. ความรบั ผดิ ชอบ 5. เสือกนิ ววั 50

4. ความซื่อสตั ย์ต่อ 1. ไม่ทรยศ 6. ลกู โปง่ หรรษา 60
ประเทศชาติ 2. ไม่เอารัดเอาเปรยี บ 7. ใครหนอ จอมเอาเปรียบ 60

1. ไมป่ ระทษุ ร้าย 8. แมวจบั หนู 50
2. ไม่เปิดเผยความลบั 9. หนสู ญั ญา 50


Click to View FlipBook Version