ตารางท่ี 8 แสดงความเชื่อมโยงระหว่างกจิ กรรมกับตัวบ่งชี้พฤติกรรมความซื่อสัตยส์ จุ รติ
ตวั บง่ ชี้พฤตกิ รรม
เด็กเ ี้ลยงแกะ
โปสเตอร์หาเ ีสยง
สร้าง ิวนัยเ ่พือความสาเร็จ
กระซิบ ่สงสาร
เ ืสอ ิกนวัว
ูลกโป่งหรรษา
ใครหนอ จอมเอาเปรียบ
แมว ัจบห ูน
ห ูน ัสญญา
1. ไม่พูดปด
2. ไม่คดโกง
3. ตรงตอ่ เวลา
4. มีความจริงใจ
5. ความรับผดิ ชอบ
6. ไมท่ รยศ
7. ไมเ่ อารดั เอาเปรียบ
8. ไม่ประทษุ ร้าย
9. ไมเ่ ปิดเผยความลับ
แผนกจิ กรรม
เร่อื ง เดก็ เลี้ยงแกะ
กรอบแนวคิด
ความประพฤตติ รงและจรงิ ใจ ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกงและไม่หลอกหลวง
สาระสาคญั
ฝกึ ใหเ้ ด็กมีความซ้ือสตั วไ์ ม่พูดปดกับผ้อู ่นื
วตั ถปุ ระสงค์ของกิจกรรม
1. เพ่ือใหน้ ักเรียนตระหนกั และเห็นความสาคัญของการพูดความจรงิ
2. เพ่ือให้นกั เรยี นเกิดความภาคภูมิใจเมื่อตนพูดความจรงิ
ความสอดคล้องกับตัวบ่งชี้
1. การไมพ่ ูดปด
เวลาทใ่ี ช้ 50 นาที
จานวนผูเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรม 30 คน
สอื่ /อปุ กรณ์
1. วิดที ศั น์เร่ืองเด็กเล้ียงแกะ
2. กระดาษ
เทคนคิ /วธิ กี าร
1. ดูวดิ ที ัศน์
2. ระดมความคิด
ข้ันตอนการดาเนินกิจกรรม
1. ครูกลา่ วทกั ทาย บอกรายละเอียดการทากิจกกรม
2. ครูใหน้ กั เรียนดวู ิดที ัศนเ์ ร่ืองเดก็ เลย้ี งแกะ แล้วรว่ มกนั ระดมความคิดวา่ การกระทาของเดก็ เล้ียง
แกะเกิดผลเสียหายอะไรบา้ ง เพราะเหตุใดชาวบา้ นถงึ ไม่ไปชว่ ยไลจ่ ับหมาปา่ ท่มี ากินแกะ
3. ให้นักเรียนแต่ละคนสรุปการกระทาและผลของการกระทาเร่อื งความซ่ือสัตยแ์ ละยกตัวอยา่ ง
ความซ่ือสัตย์ทตี่ นเคยปฏบิ ัติพร้อมทง้ั บอกผลทเ่ี กดิ จากการปฏบิ ตั ิ และออกมานาเสนอหน้าชัน้ เรยี น โดยครู
คอยอธิบายเพิ่มเตมิ เพ่อื ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจมากยิง่ ข้นึ
4. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนเขียนพังความคดิ ผลทีเ่ กิดจากการพูดความจรงิ และผลท่ีเกิดจากการไม่
พดู ความจริง ลงในกระดาษโรตี แลว้ นาเสนอเพื่อเป็นการทบทวนความร้ขู องนกั เรียน
5. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปกจิ กรรมเด็กเลย้ี งแกะ
การวัด/ประเมินผล
1. ประเมนิ จากเรอื่ งเล่าของนักเรียน
2. ประเมินจากพังความคิดที่นกั เรยี นเขียน
แผนกิจกรรม
เรื่อง โปสเตอร์หาเสียง
กรอบแนวคิด
ความซือ่ สตั ยส์ ุจรติ คือ การยึดม่ันในความสตั ย์จริงและส่งิ ท่ีถกู ต้องดงี าม รจู้ กั แยกแยะถกู ผดิ ปฏิบัติ
ตอ่ ตนเองและผู้อ่ืนโดยชอบ ไม่คดโกง
สาระสาคญั
การคดโกง เปน็ พฤติกรรมท่ีน่าละอายเน่ืองจากไมม่ คี วามซื่อสัตย์สจุ รติ ตอ่ ตนเองและผูอ้ ่ืน
วัตถปุ ระสงค์ของกจิ กรรม
1. เพอ่ื เปน็ การทบทวนและตอบย้าสาระคณุ ค่าความดี 5 ประการ
2. เพือ่ สร้างจิตสานกึ คุณธรรมของผเู้ รยี นไม่ให้มีการคดโกง
ความสอดคล้องกับตัวบง่ ช้ี
1. การไมค่ ดโกง
เวลาท่ีใช้ 100 นาที
จานวนผูเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรม 30 คน
สื่อ/อปุ กรณ์
1. เพลงโตไปไมโ่ กง
2. กระดาษ
3. ระบายสี
เทคนิค/วธิ กี าร
1. อธิบาย/บรรยาย
ข้ันตอนการดาเนนิ กจิ กรรม
1. ครกู ลา่ วคาทกั ทายเดก็ ๆ
2. ครเู ปดิ เพลงโตไปไมโ่ กง
3. ครูเกรน่ิ เก่ียวกับเร่ืองความซื่อสัตย์สุจริตเรอ่ื งการไมค่ ดโกง
4. ครูนาเหตุการณ์เลือกตง้ั เช่น การเลือกหัวหน้าห้อง ประธานนกั เรียน หรอื การเลือกต้งั ใน
ระดับชาติ มาพูดคุยกับนกั เรียน โดยเนน้ ยา้ วา่ ผูน้ าทด่ี จี ะตอ้ งมีคณุ สมบัตเิ ป็นผมู้ คี ุณธรรมและในการเลือกผ้นู า
ครอบครวั เลอื กคนทดี่ ี
5. ใหน้ ักเรียนแบง่ กล่มุ เพ่ืออภิปรายว่าคนดีท่ีเราตอ้ งการเลือกควรมลี ักษณะอยา่ งไรและนา
คณุ ลกั ษณะเหล่าน้ันมาทาเป็นโปสเตอรห์ าเสยี ง
การวัดผล/ประเมินผล
1. ประเมนิ จากผลงานโปสเตอรข์ องนกั เรยี น
แผนกจิ กรรม
เร่ือง สรา้ งวินัยเพ่ือความสาเรจ็
กรอบแนวคดิ
การประพฤตปิ ฏิบัติตรงต่อเวลา มีวินยั มีความรับผดิ ชอบต่อหน้าทีท่ ่ีไดร้ ับมอบหมาย
สาระสาคัญ
การตรงต่อเวลาเป็นสิง่ สาคัญในการทาส่ิงตา่ งๆในชวี ิต เพราะเป็นวธิ ีการฝึกระเบียบอย่างดีย่งิ อกี ทั้ง
ยงั จะทาใหเ้ ราประสบความสาเร็จในชวี ิตได้อย่างเรยี บง่ายในทุกๆ ด้าน และหากเราเป็นคนที่ไม่ตรงต่อเวลาก็
อาจจะส่งผลเสยี ต่อตนเอง ผู้อืน่ และหน้าทีก่ ารงานอกี ดว้ ย
วตั ถุประสงคข์ องกิจกรรม
1. เพือ่ ใหเ้ ดก็ เกีย่ วกบั ประโยชน์ของการตรงตอ่ เวลาและโทษของการไมต่ รงตอ่ เวลา
2. เพอ่ื ทจ่ี ะฝึกใหเ้ ด็กมคี วามรับผดิ ชอบต่อส่งิ ที่ได้รบั มอบหมาย
ความสอดคล้องกับตัวบ่งช้ี
1. ตรงตอ่ เวลา
2. ความรับผดิ ชอบ
เวลาที่ใช้ 60 นาที
จานวนผู้เข้ารว่ มกจิ กรรม 30 คน
ส่อื /อปุ กรณ์
1. กระดาษโรตี
2. ปากกาเคมี
3. ผา้ ผกู ขา
เทคนคิ /วิธกี าร
1.ระดมความคิด
ข้ันตอนการดาเนนิ กิจกรรม
-กจิ กรรมที่1
1. ครูกลา่ วคาทักทาย พร้อมบอกช่อื กจิ กรรม
2. ครูให้เด็กๆ แบ่งกลุ่มใหเ้ ท่าๆ กัน
3. ครกู าหนดหัวขอ้ แล้วให้แต่ละกลุ่มรว่ มกนั วิเคราะห์
4. เดก็ ๆ แตล่ ะกล่มุ คดั เลือกตัวแทนกลุม่ 1-2 คน เพื่อนาเสนอตามโจทย์ท่ีครูได้กาหนดไว้
5. ครูและเดก็ รว่ มกนั สรปุ กจิ กรรม
-กจิ กรรมท2ี่
1. บอกช่ือเกม/กจิ กรรม พร้อมบอกรายละเอยี ดวิธกี ารเลน่
2. ใหเ้ ดก็ ๆ ส่งตัวแทนมาแทนมาแขง่ กีฬา
3. แจกรางวลั ให้กบั ผูช้ นะ
4. ครูและเด็กรว่ มกนั สรุปกจิ กรรม
การวัดผล/ประเมินผล
1. การสงั เกต
แผนกิจกรรม
เรอ่ื ง กระซิบสง่ สาร
กรอบแนวคิด
ความประพฤติปฏิบตั ิ ตรงต่อเวลา มีความจริงใจ ไม่คดโกง
สาระสาคญั
ฝกึ ให้ผูเ้ รยี นมีความซ่ือสตั ยค์ วามจรงิ ใจและกระบวนการทางานเปน็ กลมุ่
วตั ถุประสงคข์ องกจิ กรรม
1. เพ่อื ตระหนักและเหน็ ความสาคญั ของการส่งสาร
2. เพอ่ื สามารถจับใจความประโยชนห์ รือขอ้ ความสนั้ ๆ ได้
3. เพ่อื ฝกึ ทักษะความจา
ความสอดคล้องกับตัวบง่ ช้ี
1. ความจรงิ ใจ
2. ตรงต่อเวลา
3. ไม่คดโกง
4. ความรบั ผดิ ชอบ
เวลาทีใ่ ช้ 40 นาที
จานวนผูร้ ่วมกจิ กรรม 30 คน
ส่อื /อปุ กรณ์
1. กระดาษ A4
2. ปากกาเคมี
เทคนิค/วิธกี าร
1. การทางานเปน็ กลุ่ม
ขน้ั ตอนตอนการดาเนนิ กิจกรรม
1. ครกู ล่าวทกั ทายเด็กๆ
2. เตรยี มความพรอ้ มโดยการปรบมือเปน็ จงั หวะพร้อมใชเ้ พลงประกอบทา่ ทาง
3. ครแู บง่ นกั เรยี นออกเป็นกลุ่มพรอ้ มใหเ้ ด็กนั่งเป็นแถว
4. ครูแนะนาอุปกรณแ์ ละวิธีการเลน่
5. ครใู หค้ นแรกของแต่ละแถวมารับกระดาษท่ีเขยี นข้อความท่กี าหนดให้จากครไู ปท่องจาโดย
กาหนดเวลาให้ท่องจา 2 นาทแี ล้วส่งกระดาษข้อความคนื ครู
6. คนแรกของแต่ละแถวกระซิบบอกข้อความคนท่ีสองคนท่ีสองกระซิบบอกต่อคนที่ 3 คนท่ี 3
กระซบิ บอกต่อๆ จนถึงคนสุดท้าย
7. ใหค้ นสดุ ทา้ ยของแต่ละแถวเขียนขอ้ ความลงในกระดาษนาส่งครู
8. ให้คนแรกของแต่ละแถวอ่านกระดาษท่ีเขียนข้อความที่กาหนดให้และข้อความที่เขียนโดยคน
สดุ ท้ายของแต่ละแถวให้เพอื่ นๆฟัง
9. ทาการตรวจสอบว่ากลุ่มไหนเขียนประโยคได้ถูกต้อง หรือใกล้เคียงกับประโยคที่ให้มากที่สุดจะ
เป็นผชู้ นะ
10. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เกยี่ วกบั กจิ กรรมกระซิบสง่ สาร
วดั ผล/ประเมนิ ผล
ประเดน็ การประเมิน
1. พฤติกรรมของผู้เรียน
2. ทักษะส่อื สาร
วธิ ีการประเมนิ
1. การสังเกต
แผนกจิ กรรม
เรื่อง เสือกินวัว
กรอบแนวคิด
การมีความมุ่งม่ันตั้งใจปฏิบัติหน้าท่ีของตนเองให้เกิดผลสาเร็จตามจุดมุ่งหมาย และยอมรับกับผล
กระทาน้นั
สาระสาคญั
ส่งเสริมให้นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าท่ีของตนเองท่ีได้รับมอบหมาย ช่วยเหลือผู้อื่น และนึก
ถึงประโยชนส์ ว่ นรวมมากกวา่ ประโยชน์สว่ นตน
วตั ถปุ ระสงค์ของกิจกรรม
1. นกั เรยี นสนใจใสใ่ จท่จี ะปฏิบตั ิหน้าทท่ี ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
2. นักเรียนมีความรบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ทีจ่ องตนเอง ส่วนรวม และผอู้ นื่
ความสอดคล้องกับตวั บง่ ชี้
1. มคี วามรบั ผิดชอบ
2. ไมท่ รยศ
เวลาท่ใี ช้ 40 นาที
จานวนผ้เู ข้ารว่ มกจิ กรรม 30 คน
สอ่ื /อปุ กรณ์
1. เพลงลูกเปด็ ห้าตวั
เทคนิค/วธิ กี าร
1. เลน่ เกม
2. ตอบคาถาม
ขนั้ ตอนการดาเนนิ กิจกรรม
1. ครทู กั ทายและครูร่วมร้องเพลงลูกเป็ดห้าตัวกับนกั เรยี น
2. ครูเกร่ินนาว่าจะเล่นเกมเสือกินวัวโดยนักเรียนจะมีคนที่เป็นวัวซึ่งเป็นสิ่งที่ล้าค่าท่ีสุด ส่วนเสือที่
เปรียบเสมือนปีศาจร้ายที่มาเอาของล้าค่าไป และต้องมีคนที่ทาหน้าที่ปกป้องโดยเป็นร้ัวป้องกันไม่ให้เสือเข้า
ไปจับววั ได้
3. ให้นักเรยี นจับมือเป็นวงกลมใหญใ่ ห้แน่น ขออาสาสมัคร 2 คนเปน็ เสือ 1 คนเปน็ ววั 1 คน โดยมี
กติกาว่าเสือต้อง อยู่นอกวงกลมวัวอยู่ในวงกลม คนท่ีเหลือจับมือกันให้สมมติตนเองเป็นร้ัวท่ีแข็งแรงคอย
ปกป้องไม่ให้เสอื เข้ามากินวัวไดเ้ ป็นอันขาด
4. เมือ่ ได้ยินสัญญาณในการเลน่ คนทีเ่ ปน็ เสือตอ้ งพยายามกระโดดขา้ มรั้วเขา้ มากินววั ให้ไดค้ นทีเ่ ป็น
วัวตอ้ งว่องไวในการหลบหลีกไมใ่ ห้เสือจบั ได้
5. เปลี่ยนให้คนที่จับมอื กนั เป็นรว้ั อาสาเป็นเสอื กบั ววั บ้างเพื่อความสนกุ สนาน
6. ถามนักเรยี นว่า
- ร้ัวมคี วามสาคัญอย่างไร?
- ถ้ารว้ั ขี้เกียจจะเกดิ อะไรข้นึ ?
- ถ้ารว้ั เปิดทางใหเ้ สอื เขา้ มาจะเกดิ อะไรข้นึ ?
7. ครสู รุปบทเรยี น"การทาหน้าท่ขี องตนเองซึ่งตอ้ งรับผิดชอบตอ่ ผลของการกระทาทมี่ ีตอ่ ตนเองและ
ส่วนรวม หากนิง่ เฉยหรือไมป่ ฏิบตั ิหน้าทอี่ ย่างเตม็ ที่อาจจะเกิดผลเสยี หายกับสว่ นรวมได้การปฏบิ ัติหน้าท่ีของ
รว้ั ที่หาดละเลยหน้าทีข่ องตนเองทาใหส้ ะอาดจะจบั วัวได้อย่างง่ายดายได"้
การวดั ผล/ประเมนิ ผล
1. ประเมนิ จากคาถาม
แผนกิจกรรม
เร่อื ง ลกู โปง่ หรรษา
กรอบแนวคิด
เพอ่ื ให้เด็กมีความจริงใจต่อตนเอง ไมค่ ิดคดทรยศเพ่ือนหรอื ผอู้ นื่ คณะเล่นกจิ กรรม
สาระสาคญั
ฝึกความซื่อสตั ยไ์ ม่คดิ คดทรยศเพ่ือนหรือผู้อนื่
วัตถปุ ระสงคข์ องกิจกรรม
1. เด็กจะไดต้ ระหนกั ถึงความซื่อสัตยต์ ่อตนเองและผู้อน่ื
2. เด็กจะได้การสงั เกตจากการโยนลกู โปง่
3. เด็กจะได้กล้ามเน้ือมดั เล็กจากการโยนลกู โป่ง
ความสอดคล้องกับตวั บง่ ช้ี
1. ไม่ทรยศ
2. ไม่คดโกง
3. มีความจรงิ ใจ
4. ไมเ่ อารดั เอาเปรยี บ
เวลาทีใ่ ช้ 20 นาที
จานวนผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม 30 คน
ส่ือ/อุปกรณ์
1. ลกู โป่ง
2. เพลง
เทคนิค/วิธกี าร
1. เลน่ กจิ กรรม
ข้ันตอนการดาเนินกจิ กรรม
1. ครกู ลา่ วคาทกั ทายพร้อมร้องเพลง “ครับสวสั ดีครบั ”
2. ครูแนะนาอุปกรณใ์ ห้กับเด็กๆ พร้อมบอกวธิ กี ารเลน่ กิจกรรม
3. ครูแจกลูกโปง่ ให้กับเด็กท่ีอย่หู น้าสุด
4. ครใู ห้เด็กลงมอื ทากจิ กรรม
5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปกจิ กรรม
การวดั ผล/ประเมินผล
1. ครูคอยสังเกตและบนั ทึกพฤติกรรมของเด็กเปน็ รายบคุ คล
แผนกิจกรรม
เรื่อง ใครหนอ จอมเอาเปรยี บ
กรอบแนวคิด
ความซอ่ื สัตย์เป็นคณุ ธรรมพนื้ ฐานมีความยดึ มั่นในความสัตยจ์ ริง ความถกู ต้องดีงามประพฤตปิ ฏิบตั ิ
ตนกับผู้อื่นโดยชอบ
สาระสาคญั
ฝกึ ใหน้ กั เรียนปลูกฝังจิตสานึกรู้จักในเร่ืองของการไมเ่ อาเปรยี บตอ่ ผู้อนื่
วัตถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรม
เพอ่ื ให้นกั เรียนเข้าใจการปฏิบัติทีเ่ ป็นธรรม ไม่เอาเปรยี บผู้อื่น และเหน็ โทษของการเอาเปรยี บผ้อู ื่น
ความสอดคล้องกับตัวบง่ ชี้
1. ไม่เอาเปรียบ
2. ความรบั ผดิ ชอบ
เวลาท่ใี ช้ 50 นาที
จานวนผู้เขา้ รว่ มกิจกรรม 30 คน
ส่ือ/อุปกรณ์
1. นทิ านเรอ่ื ง"ใครหนอจอมเอาเปรียบ"
2. กระดาษและสีเทียน
เทคนิค/วธิ ีการ
1. เล่านิทาน
ขนั้ ตอนการดาเนนิ กจิ กรรม
1. ครูเล่านิทานเรื่องใครหนอจอมเอาเปรยี บ
2. นกั เรียนแลกเปลย่ี นความคิดเห็น
- นกั เรยี นได้ข้อคดิ อะไรบ้างจากนทิ านเร่ืองน้ี
- ใครคอื จอมเอาเปรียบของนิทานเรอ่ื งนี้
- ถา้ นักเรียนมีเพอื่ นทมี่ ีนิสยั เหมอื นกับเจ้าโกโก้นกั เรยี นจะทาอยา่ งไร
3. ครแู นะนาวิธีการทาหนังสือร้นู ิสัย
- แจกกระดาษคนละ 3 แผ่นใหน้ ักเรยี นพับคร่ึงกระดาษซ่งึ จะทาให้ได้จานวน 6 แผ่น
- ในหน้าปกหนา้ และปกหลังนักเรยี นสามารถวาดรูปและระบายสไี ด้
- หนา้ 1 วาดรปู อะไรก็ไดท้ ่ีแสดงถึงนิสัยของตนเองรวมทง้ั บอกว่านกั เรยี นมีนิสยั เหมือนใครในนิทาน
เรอ่ื งนี้ (ถ้าไม่มกี ็ใหส้ มมุต)ิ
- หนา้ 2-5 ใหน้ กั เรียนวาดรปู เพอ่ื นๆทนี่ ักเรยี นช่ืนชอบพร้อมใหเ้ หตุผลว่าเพราะอะไร
4. ครูสรปุ บทเรียนการเอาเปรียบผอู้ ่นื ถอื ว่าเปน็ นิสยั ที่ไม่ควรปฏบิ ตั ิ เพราะในทฝ่ี ึกคนที่มีนิสยั เอา
เปรยี บผู้อื่นกจ็ ะไม่มใี ครคบด้วย
การวัด/ประเมนิ ผล
1. การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของนักเรียน
แผนกิจกรรม
เร่ือง แมวจับหนู
กรอบแนวคิด
การประพฤตปิ ฏิบตั ิท่ดี ี ไม่ทาร้ายหรือทาใหูผ้ ้อื่นได้รับบาดเจบ็
สาระสาคัญ
ฝกึ ใหเ้ ด็กเป็นคนดี ไมค่ ดิ รังแกและทาร้ายผ้อู ืน่
วตั ถปุ ระสงคข์ องกิจกรรม
1. เพื่อให้เดก็ มคี วามเข้าใจเก่ียวกับการประทุษร้าย
ความสอดคล้องกับตวั บง่ ช้ี
1. ไม่ประทุษร้าย
เวลาท่ีใช้ 50 นาที
จานวนผรู้ ่วมกจิ กรรม 30 คน
สือ่ /อปุ กรณ์
1. ลกู เทนนสิ (6-7ลูก ดูปริมาณคนเข้าร่วมกิจกรรมประกอบ โดยดูท่คี วามเหมาะสมประกอบ)
2. ลูกฟุตบอล1 ลูก
เทคนคิ /วธิ กี าร
1. การเล่นเกม
ข้นั ตอนการดาเนนิ กจิ กรรม
1.ครกู ล่าวคาทกั ทาย พร้อมบอกชอ่ื กิจกรรม
2. ครูเกร่ินเก่ียวกับการประทุษร้าย ว่าเป็นการทาร้ายรังแกผู้อ่ืน การทาอันตรายใดๆ ให้เกิดขึ้นกับ
ผอู้ ืน่ การเบยี ดเบียนใด ๆ ต่อผู้อ่ืน รวมถึงการทาให้ผอู้ นื่ ไดร้ ับบาดเจบ็ เหล่านน้ี ับเป็นการประทุษรา้ ย
3. ครูให้เดก็ ๆ น่ังเป็นวงกลม
4. ครอู ธบิ ายวธิ ีการเลน่
-วิธีการเลน่
1. ใหเ้ ดก็ ยนื ลอ้ มกันเป็นวงกลม จับมือ กัน
2. เลอื กคนทจ่ี ะเปน็ แมวและหนู 2 คน
3. แมวอยู่ในวงกลม หนอู ยนู่ อกวงกลม
4. ใหแ้ มวทอ่ี ยู่ในวงกลม ไล่จับหนูท่อี ยนู่ อกวงกลม
5. จับได้ ใหแ้ มวเข้ามาเป็นหนูต่อ จากนนั้ เลือกคนท่ียนื จบั มือกันอยู่ มาเป็นแมวแทน
6. สลบั กนั ไปเรอ่ื ยๆ
5.ขอ้ ห้ามในระหว่างทเี่ ล่น
-ข้อห้าม
แมวที่อยใู่ นวงกลม ห้ามทาร้ายคนท่ีอยรู่ อบวง แมวหา้ มทารา้ ยหนู และคนท่ีอยู่รอบๆวงกลมห้ามทา
รา้ ยแมว
5. ครูสรปุ เกี่ยวกบั การไม่ประทุษร้าย ว่า ในเกมอาจจะมีกฎว่าห้ามทาร้ายซ่ึงกันและกนั แต่ในชีวติ
จริงเรากไ็ มค่ วรทารา้ ยผู้อ่นื เชน่ กัน ไม่วา่ ทั้งกายหรือวาจา ถึงจะไมม่ ีกฎเกณฑ์มาบงั คับเรา
การวดั ผล/ประเมินผล
1. การสังเกต
แผนกิจกรรม
เรอื่ ง หนสู ัญญา
กรอบแนวคดิ
การดาเนินชีวติ ในสงั คมความซอ่ื สตั ยส์ จุ ริตเปน็ เร่ืองที่สาคญั และจาเปน็ ไม่ว่าจะซ่ือสัตยต์ ่อตนเองหรือ
ผู้อื่นดังนั้นการที่เราจะมีความซื่อสัตย์สุจริตนั้นเราจะต้องปลูกฝังและสร้างจิตสานึกเก่ียวกับความซ่ือสัตย์
สุจรติ อยา่ งถูกต้องและให้เหน็ โทษของการไม่ซ่ือสตั ย์สุจริตว่าจะสง่ ผลตอ่ ตนเองและสังคมอย่างไรบ้าง
สาระการเรียนรู้
สญั ญา หมายถงึ การท่คี นสองคนหรือมากกว่าทาขอ้ ตกลงวา่ จะทาอะไรหรือไมท่ าอะไรคาสัญญาเป็น
ส่ิงสาคัญท่ตี อ้ งรกั ษามิฉะนนั้ จะไม่มีใครเชื่อเรา
วัตถุประสงคข์ องกิจกรรม
1. เพื่อใหน้ ักเรียนเข้าใจความสาคัญและการรกั ษาคาพูด
ความสอดคล้องกับตวั บ่งช้ี
1. ไม่เปดิ เผยความลบั
เวลาท่ใี ช้ 60 นาที
จานวนผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรม 30 คน
สอ่ื /อุปกรณ์
1. นิทานโฉมงามกับเจา้ ชายอสูร
2. เพลงตบมือแปะๆ
เทคนิค/วธิ ีการ
1. เลน่ นิทาน
ขั้นตอนการดาเนนิ กจิ กรรม
1. เกบ็ เด็กด้วยเพลง ปรบมือแปะๆ
2. ครใู ห้เดก็ น่ังเปน็ วงกลม
3. ครูถามนักเรยี นวา่ เคยไดย้ ินคาวา่ สัญญาหรือไม่
4. อธิบายความหมายของสัญญาและยกตัวอยา่ ง
- สญั ญา หมายถึง การท่ีคนสองคนหรือมากกวา่ ทาขอ้ ตกลงวา่ จะทาอะไรหรอื ไมท่ า อะไรคาสัญญา
เป็นสิง่ สาคญั ทต่ี ้องรกั ษา มิฉะน้ันจะไม่มใี ครเชื่อเรา
- ประโยชน์ของสญั ญาทาให้เกดิ ความนา่ เช่ือถือ
5. ครูอ่านนิทาน เรอื่ งโฉมงามกับเจา้ ชายอสรู
6. เม่อื เล่านิทานจบให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ในประเดน็ ต่อไปน้ี
- สัญญาในเรอ่ื งมีอะไรบ้าง
- ใครสัญญากับใคร
- ถ้าผิดสญั ญาจะเกดิ อะไรขน้ึ
- นกั เรียนเคยสัญญากับใครว่าอะไร
7. ครูและเด็กรว่ มกันสรุปกจิ กรรมในครงั้ นี้
การวดั ผล/ประเมินผล
1. ประเมินจากการแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ ของนักเรียน
แบบสอบถามการรบั รคู้ วามซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
กลุม่ ได้ทาการวเิ คราะห์องค์ประกอบหลัก องคป์ ระกอบย่อย กาหนดตัวบ่งช้ี และสรา้ งขอ้ คาถามเพ่ือ
ตรวจประเมินความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหาจากอาจารย์ประจารายวิชา จากนั้นได้มีการปรับแก้ข้อคาถามให้
สอดคล้องและเหมาะสม ประกอบด้วยข้อคาถามทางบวกทั้งหมด 26 ข้อ ลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณ
คา่ แบบลเิ คริ ์ท (Likert Scale) มี 5 ระดบั คือ มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง น้อย และนอ้ ยที่สุด
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ระดบั คะแนน 5 คะแนน
จะใหค้ ะแนนดังนี้ ระดบั คะแนน 4 คะแนน
ระดบั คะแนน 3 คะแนน
มากทีส่ ุด ระดบั คะแนน 2 คะแนน
มาก ระดับคะแนน 1 คะแนน
ปานกลาง
น้อย
น้อยที่สุด
เกณฑ์การแปลความหมาย (พสิ มัย หาญมงคลพิพัฒน,์ 2547 อ้างถึงใน สวุ ชิรา ศิริเจริญ, 2550)
ดงั นี้
พสิ ัย = (คะแนนรายข้อสูงสุด – คะแนนรายข้อต่าสดุ ) / จานวนระดับ
= (5 – 1) / 5
= 0.80
จากเกณฑด์ ังกลา่ วสามารถกาหนดระดบั การเหน็ คุณคา่ ในตนเอง ได้ดังน้ี
คา่ เฉล่ีย 1.00 – 1.80 หมายถึง มีการรบั รคู้ วามซื่อสัตย์สุจริตระดับน้อยมาก
ค่าเฉลย่ี 1.81 – 2.60 หมายถงึ มีการรบั รู้ความซ่ือสัตย์สุจรติ ระดบั นอ้ ย
ค่าเฉลย่ี 2.61 – 3.40 หมายถงึ มีการรบั รูค้ วามซื่อสัตยส์ จุ รติ ระดบั ปานกลาง
ค่าเฉล่ีย 3.41 – 4.20 หมายถงึ มีการรบั รคู้ วามซ่ือสัตยส์ ุจรติ ระดบั มาก
คา่ เฉลี่ย 4.21 – 5.00 หมายถึง มีการรบั รู้ความซื่อสัตยส์ ุจริตระดับสงู มาก
แบบสอบถามความซื่อสัตย์สุจริต
คาชีแ้ จง
1. แบบสอบถามความซื่อสตั ยส์ ุจริตฉบับน้ี ประกอบดว้ ย 2 ตอน ไดแ้ ก่
ตอนที่ 1 เปน็ แบบสอบถามเกี่ยวกับลกั ษณะสว่ นบคุ คลของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 เป็นแบบประเมนิ ตนเองด้านความซ่ือสตั ย์สุจริต
2. ขอ้ มลู จากการตอบแบบสอบถามของทา่ นจะถูกเกบ็ เป็นความลับ
ตอนที่ 1 แบบสอบถามเกี่ยวกบั ลกั ษณะส่วนบคุ คลของผู้ตอบแบบสอบถาม
คาชี้แจง ขอใหท้ ่านตอบแบบสอบถามขอ้ มลู ส่วนตัว โดยเม่ือท่านอ่านข้อความแลว้ โปรดทาเคร่ืองหมาย
ลงใน หรือเติมข้อความลงในช่องว่างใหต้ รงกบั ความเปน็ จริง
1. เพศ
ชาย หญิง
2. คณะ
ครุศาสตร์ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการเกษตร มนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์
การจดั การ
3. ช้ันปี
ปีท1่ี ปีท2่ี ปีท3่ี อื่นๆ (ระบุ)....................................
4. ศาสนา
พทุ ธ อิสลาม คริสต์ อนื่ ๆ (ระบุ)....................................
5. ลาดบั การเกิด
ลูกคนเดียว ลกู คนโต ลกู คนกลาง ลูกคนเลก็
6. สถานภาพสมรสของพอ่ แม่
อยดู่ ้วยกัน แยกกนั อยู่ อนื่ ๆ (ระบุ)................................................
7. ภมู ลิ าเนาเดมิ ............................................................................
ตอนท่ี 2 ความซ่ือสัตยส์ จุ ริต
คาช้ีแจง ขอให้ท่านอ่านข้อความทลี ะข้อ แล้วทาเคร่ืองหมาย ลงใน ใหต้ รงกบั ความรู้สึกและ
ความเป็นจริงของท่านมากท่ีสุด
ข้อที่ ข้อความ มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ทส่ี ุด กลาง ทสี่ ดุ
ดา้ นความซอื่ สัตย์ตอ่ ตนเอง
1 ฉนั ร้สู กึ ละอายเม่ือพดู โกหก
2 ฉนั ซ่ือสัตย์กับความคดิ ของตนอยูเ่ สมอ
3 ฉันใช้ข้อมูลท่ีถูกต้องและเป็นความจริงอยู่
เสมอ
4 ฉนั ปฏิบตั ิตนดว้ ยความซื่อสตั ย์และซ่อื ตรง
5 ฉันไมล่ กั ทรัพย์หรอื ลกั ขโมยของผอู้ น่ื
6 ฉันไมป่ ฏิบัติใหผ้ อู้ ่ืนเดือดรอ้ น
ดา้ นความซื่อสัตยต์ ่อหน้าที่
7 ฉันส่งงานที่ได้รับมอบหมายตามเวลาท่ี
กาหนด
8 ฉันรู้สึกละอายเม่ือถึงจุดหมายช้ากว่าเวลาที่
กาหนด
9 ฉันเขา้ แถวตามเวลาทก่ี าหนด
10 ฉนั ไม่หักหลงั ตอ่ พอ้ งเพือ่ น
11 ฉันปฏิบตั ติ นตอ่ ผู้อ่นื ด้วยความจรงิ ใจ
12 ฉันต้องไมพ่ ูดจาโกหกต่อผูอ้ น่ื
13 ฉันไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่า
ประโยชน์รวม
14 ฉันรู้จกั หน้าทแ่ี ละทาตามหนา้ ท่ีเปน็ อย่างดี
15 ฉันปฏิบัติตนด้วยความซ่ือตรงและยึดม่ันใน
กฎเกณฑ์
ดา้ นความซอื่ สตั ยต์ ่อผู้อืน่
16 ฉันให้ข้อมูลท่ีถูกต้องและเป็นความจริงกับ
ผอู้ ืน่
17 ฉนั ปฏิบตั ิตนตอ่ ผูอ้ ืน่ ด้วยความจรงิ ใจ
18 ฉนั ใหค้ วามเคารพตอ่ ผูม้ ีพระคณุ
19 ฉันให้ความเทา่ เทยี มกับผูอ้ น่ื
20 ฉันปฏบิ ตั ติ นบนความดงี ามและซือ่ ตรง
21 ฉันรูส้ กึ ละอายเม่ือเอาเปรียบผู้อ่ืน
ข้อ ข้อความ มากทส่ี ดุ มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยที่สดุ
ดา้ นความซ่อื สตั ยต์ อ่ ประเทศชาติ
22 ฉันไม่กระทาตนใหเ้ ป็นที่เดอื ดร้อนแกผ่ อู้ ่ืน
23 ฉันปฏิบัติตนบนความถูกต้องและเป็น
ธรรม
24 ฉันไมท่ าให้ผอู้ นื่ เกิดความเดอื ดรอ้ น
25 ฉนั ร้สู ึกละอายเม่อื เปดิ เผยข้อมูลของผู้อนื่
26 ฉันไม่เป็นต้นเหตุให้คนอ่ืนมาทาลายหมู่
คณะ
ข้อเสนอแนะ
...................................................................................................................... .....................................................
............................................................................................................................. ..............................................
.............................................................................................................................................. .............................
ขอขอบคุณในการตอบข้อคาถามดว้ ยความตัง้ ใจค่ะ
ส่วนที่ 3
การวเิ คราะห์ผลการทดลองใชช้ ุดกจิ กรรมพัฒนาความซื่อสัตยส์ จุ ริต
การวิเคราะห์ผลการทดลองใชช้ ดุ กิจกรรมพฒั นาความซื่อสตั ย์สจุ รติ จะขอนาเสนอใน 3 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 การวเิ คราะหผ์ ลการตอบแบบสอบถามการรบั รคู้ วามซือ่ สตั ย์สุจริต
ตอนที่ 2 การวเิ คราะหผ์ ลความพงึ พอใจ
ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ
ตอนท่ี 1 การวเิ คราะหผ์ ลการตอบแบบสอบถามการรบั รู้ความซือ่ สตั ยส์ จุ รติ
ตารางท่ี 9 ค่าเฉลยี่ ของการรบั รคู้ วามซอื่ สตั ยส์ จุ รติ จาแนกตามข้อคาถาม x ระดับ
ข้อที่ รายการ (ขอ้ คาถาม)
4.63 มากทส่ี ดุ
ดา้ นความซือ่ สัตยต์ ่อตนเอง 4.13 มาก
1 ฉนั ร้สู กึ ละอายเมื่อพดู โกหก 4.13 มาก
2 ฉันซ่ือสัตยก์ บั ความคิดของตนอยูเ่ สมอ 3.75 มาก
3 ฉันใช้ข้อมูลทถี่ กู ต้องและเปน็ ความจรงิ อยู่เสมอ 4.63 มากที่สดุ
4 ฉันปฏบิ ัตติ นดว้ ยความซ่ือสตั ย์และซือ่ ตรง 4.38 มากท่ีสดุ
5 ฉนั ไมล่ ักทรพั ยห์ รือลกั ขโมยของผู้อน่ื
6 ฉนั ไม่ปฏิบตั ใิ หผ้ อู้ นื่ เดอื ดรอ้ น 4.38 มากทส่ี ดุ
4.75 มากที่สดุ
ด้านความซื่อสัตยต์ ่อหน้าท่ี 4.13 มาก
7 ฉนั ส่งงานท่ไี ด้รบั มอบหมายตามเวลาทก่ี าหนด 4.63 มากท่สี ดุ
8 ฉันรู้สึกละอายเมื่อถึงจุดหมายช้ากว่าเวลาทกี่ าหนด 4.50 มากทีส่ ดุ
9 ฉนั เข้าแถวตามเวลาที่กาหนด 4.25 มากทส่ี ุด
10 ฉันไม่หกั หลังตอ่ พอ้ งเพือ่ น 4.63 มากทส่ี ุด
11 ฉนั ปฏบิ ตั ิตนตอ่ ผูอ้ ืน่ ดว้ ยความจรงิ ใจ 4.50 มากทส่ี ดุ
12 ฉันตอ้ งไมพ่ ดู จาโกหกต่อผอู้ ื่น 4.63 มากที่สดุ
13 ฉันไม่เหน็ แก่ประโยชน์สว่ นตนมากกว่าประโยชน์รวม
14 ฉันร้จู กั หน้าท่แี ละทาตามหน้าท่เี ป็นอย่างดี 4.63 มากทส่ี ดุ
15 ฉนั ปฏิบตั ติ นด้วยความซ่อื ตรงและยดึ ม่ันในกฎเกณฑ์ 4.63 มากที่สุด
4.75 มากทส่ี ุด
ดา้ นความซ่ือสตั ย์ต่อผอู้ ื่น
16 ฉันใหข้ อ้ มลู ทีถ่ กู ต้องและเปน็ ความจริงกับผู้อนื่
17 ฉนั ปฏิบัตติ นตอ่ ผอู้ น่ื ดว้ ยความจริงใจ
18 ฉนั ให้ความเคารพต่อผมู้ ีพระคุณ
ขอ้ ท่ี รายการ (ข้อคาถาม) x ระดบั
19 ฉนั ใหค้ วามเทา่ เทียมกบั ผ้อู ่นื 4.63 มากทส่ี ดุ
20 ฉันปฏบิ ัติตนบนความดีงามและซ่ือตรง 4.63 มากท่ีสดุ
21 ฉันรู้สึกละอายเม่อื เอาเปรยี บผ้อู น่ื 4.75 มากทส่ี ุด
ด้านความซ่อื สตั ย์ต่อประเทศชาติ
22 ฉนั ไมก่ ระทาตนใหเ้ ปน็ ท่เี ดอื ดรอ้ นแก่ผอู้ ่ืน 4.63 มากที่สุด
23 ฉันปฏบิ ัตติ นบนความถกู ตอ้ งและเปน็ ธรรม 4.50 มากที่สดุ
24 ฉันไมท่ าให้ผอู้ ืน่ เกิดความเดอื ดรอ้ น 5.00 มากทส่ี ดุ
25 ฉันรู้สึกละอายเมือ่ เปดิ เผยข้อมูลของผ้อู นื่ 4.88 มากท่สี ดุ
26 ฉนั ไม่เปน็ ต้นเหตใุ หค้ นอน่ื มาทาลายหมูค่ ณะ 4.88 มากทส่ี ุด
จากตารางที 4 แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีการรับรู้พฤติกรรมด้านความซ่ือสัตย์ต่อ
ประเทศชาติ มากที่สดุ มคี ่าเฉลี่ยเท่ากับ 5.00 (ฉนั ไมท่ าให้ผู้อื่นเกดิ ความเดอื ดร้อน) 4.88 (ฉันร้สู ึกละอาย
เม่อื เปดิ เผยข้อมลู ของผู้อื่น) 4.88 (ฉนั ไมเ่ ปน็ ต้นเหตุใหค้ นอน่ื มาทาลายหมคู่ ณะ) ตามลาดับ
ตอนท่ี 2 การวเิ คราะห์ผลความพงึ พอใจ
ตารางท่ี 10 ร้อยละของคะแนนความพึงพอใจในการเข้าร่วมกจิ กรรม ร้อยละ
87.5
ขอ้ ท่ี รายการ (ขอ้ คาถาม) 75.0
1 รูปแบบกิจกรรมมีความน่าสนใจ 87.5
2 ความสามารถในการดาเนินกิจกรรม มคี วามล่ืนไหล / ไมต่ ิดขดั 100.00
3 ความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้และสรปุ
4 การประยุกตแ์ ละการนาไปใช้
จากตารางที่ 5 แสดงใหเ้ หน็ วา่ ผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรมที่ตอบแบบประเมนิ จานวน 8 คน พบวา่ มคี วาม
พงึ พอใจในเรื่อง การประยุกต์และการนาไปใช้ มากทีส่ ุดคิดเป็นร้อยละ 100
ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ
จากการจดั กิจกรรมในฐานความซอื่ สัตย์สุจรติ พบว่ามผี ้ใู ห้ข้อเสนอแนะในประเด็นดงั ต่อไปน้ี
1. ใหค้ วามครึกครื้นดีมากคะ่
2. เปน็ กจิ กรรมท่ีสนกุ และได้รบั ความซื่อสตั ย์ของเพ่ือนๆ
ส่วนท่ี 4
การสรุปและอภิปรายผล
การสรปุ สาระสาคญั ดา้ นองค์ความร้จู ากการเข้ารว่ มกิจกรรม
จากการจัดกิจกรรมในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563 ผู้เข้าร่วมได้รับองค์ความรู้ในครั้งน้ัน ประเด็น
ตอ่ ไปนี้
ผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมฯ ได้เรียนรู้และเข้าใจเก่ียวกับความหมายและองค์ประกอบย่อยของความซ่ือสัตย์
สุจรติ จนสามารถนามาประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาวันได้ นอกจากนี้ยงั ไดร้ บั ความสนกุ สนานรวมทั้งไหวพรบิ จาก
กจิ กรรมหรอื เกมตา่ งๆท่ีผ้สู อนได้จัดเตรยี มไว้
การวเิ คราะหก์ ารดาเนนิ กิจกรรม
จากการจัดกิจกรรมในฐานความซ่ือสัตย์สุจริต สามารถสรุปและอภิปรายการดาเนินกิจกรรม โดย
แบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 4 ประเด็นสาคัญ ได้แก่ จุดเด่น จุดด้อย ปัญหาในการดาเนินกิจกรรม และ
อุปสรรค ดงั นี้
จุดเด่นของกลุ่ม
1. กิจกรรมมคี วามสนุกสนานไม่เครง่ เครยี ด
2. เนอ้ื หามีความนา่ สนใจ
3. มขี องท่รี ะลกึ ใหน้ ้องทุกคน
4. สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ ได้
5. สมาชิกมคี วามกระตอื รือร้น
6. สมาชิกทุกคนมีความรบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ที ี่ได้รับมอบหมาย
จดุ ดอ้ ย/ขีดจากดั ภายในกลุ่ม
1. เวลาในการจดั กิจกรรมน้อยเกินไป ทาให้มีความระแวงในระหวา่ งการจดั กจิ กรรม
2. สมาชิกมีความสบั สนในการแทนตัวเองว่าพหี่ รอื น้อง
ปัญหาและอปุ สรรค
1. เดก็ มาไม่ครบ ทาให้กิจกรรมไม่เป็นไปตามท่ีกาหนดไว้
2. เดก็ ๆมีความเหน่ือยล้า
3. สายเชอื่ มโปรเจกเตอรม์ ีไม่เพยี งพอ
4. ระยะเวลาในการจัดกิจกรรมน้อยเกนิ ไป
แนวทางในการจัดการปัญหาและอุปสรรค
1. ยมื สายโปรเจกเตอรจ์ ากเพื่อนหอ้ ง 2
2. กระชบั เวลาในแตล่ ะกจิ กรรมให้น้อยลง และไมน่ ่าเบ่อื จนมากเกนิ ไป
Part 3
คณุ ธรรมจรยิ ธรรม
ส่วนท่ี 1
การทบทวนเอกสารท่ีเกี่ยวข้องกับคุณธรรมจริยธรรมของวิชาชีพ
ความหมายของคุณธรรมจริยธรรมของวิชาชพี
บุญมี แท่นแก้ว (2542: 25) กล่าวว่า จริยธรรม หมายถึง ธรรมชาติหรือหลักธรรมท่ีบุคคลควร
ประพฤติ จัดว่าเปน็ คณุ ธรรมที่แสดงออกทางร่างกายในลกั ษณะท่ีดีงามถูกต้องอันเปน็ ทีป่ ระสงค์ของสังคม
กรมวิชาการ (2539:15) กล่าวว่า คุณธรรมจริยธรรม หมายถึง สิ่งท่ีบุคคลส่วนใหญ่ยอมรับว่าเป็น
สิ่งท่ีดีงาม ซงึ่ เป็นความปรารถนาที่ส่งผลให้เกิดการกระทาที่เปน็ ประโยชน์และความดีท่ีแท้จริงของสังคม อัน
ได้แกก่ ารปฏบิ ตั ติ นตามหลักศาสนา
ณรงค์ โชควัฒนา (2541 : 2) กล่าวว่า คุณธรรมจริยธรรม หมายถึง การท่ีบุคคลมีความเห็นอก
เห็นใจ มีความเมตตากรุณา เอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ่ต่อกัน ช่วยเหลือเก้ือกูล ผู้ตกทุกข์ได้ยาก เห็นแก่ประโยชน์
ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์สว่ นตวั
สุภาพร สุขสวัสด์ิ (2552 : 21) กล่าวว่า คุณธรรมจริยธรรม หมายถึง หลักแห่งความประพฤติท่ีดี
เป็นพฤติกรรมการแสดงออกอันเนื่องมาจากคุณงามความดี ในจิตใจตามหลักศีลธรรม ปรัชญา ค่านิยม
ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และวัฒนธรรม พฤติกรรมท่ีแสดงออกความสานึกในจิตใจ กระทาเพราะเป็นส่งิ ท่ีดี
งาม ถกู ต้อง ไม่ใช่มีกฏระเบียบหรือสภาพบังคับให้ต้องกระทา ถ้าผู้ใดมคี ุณธรรมในจิตใจ แล้วแสดงออกมาให้
เห็นเป็นรูปธรรม ก็จะได้ช่ือว่าเป็นผู้มีจริยธรรมอันงดงาม ดังนั้น คาว่า “คุณธรรม จริยธรรม” เป็นคาท่ีคน
ส่วนใหญจ่ ะกล่าวควบคู่กนั เสมอ
พระเมธีธรรมาภรณ์ (2534:74) กล่าว่า จริยธรรม (ETHICS) คาว่า "จรยิ ธรรม" แยกออกเป็น จริย
+ ธรรม ซึ่งคาวา่ จริย หมายถงึ ความประพฤตหิ รือกิรยิ าท่คี วรประพฤติ สว่ นคาวา่ ธรรม มคี วามหมายหลาย
ประการ เช่น คุณความดี, หลักคาสอนของศาสนา, หลักปฏิบัติ เมื่อนาคาท้ังสองมารวมกันเป็น "จริยธรรม"
จงึ มคี วามหมายตามตวั อักษรวา่ "หลักแหง่ ความประพฤติ" หรือ "แนวทางของการประพฤติ"
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 (2556: 263) ให้ความหมายของคุณธรรมและ
จริยธรรมไว้แตกต่างกัน ดังนี้ คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงามความดี จริยธรรม หมายถึง ธรรมที่เป็นขอ
ประพฤตปิ ฏบิ ัติศีลธรรม กฎศีลธรรม
นอกจากความหมายข้างต้นแล้ว พจนานุกรมลองแมน (Longman, 2003) ได้ใหค้ วามหมายของคา
ว่า คณุ ธรรมและจรยิ ธรรม สรุปไดด้ งั นี้
คุณธรรม (Virtue) คือ สภาพความดีของลักษณะและพฤติกรรม คุณภาพความดีเฉพาะในลักษณะ
ของบุคคล ประโยชน์หรือข้อได้เปรียบท่ีทาให้ของบางอย่างดีกว่าหรือให้ประโยชน์ได้มากกว่า (Longman,
2003: 1841)
จริยธรรม (Ethic) คือ ความคิดหรอความเช่ือที่มีอิทธิพลต่อความประพฤติและเจตคติของบุคคล
หลักการ ของความประพฤตสิ าหรบั การตดั สน้ิ ใจวา่ ส่ิงใดผิดหรือถูก (Longman, 2003: 53,p. 1066)
ประภาศรี สีหอาไพ (2535, หน้า 43 อ้างถึงใน วิไลวรรณ ลายถมยา, ออนไลน์, 2554) กล่าวว่า
คุณธรรม คือ หลักธรรมที่สร้างความรู้สึกผิดชอบช่ัวดีในทางศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม มีหลักปรัชญา
เดียวกัน คือ เป็นหลักปฏิบัติคุณงามความดี คุณธรรมท่ีว่าน้ีมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่อง ความดี ความสุข และ
การกาหนดคณุ ค่าของคณุ ธรรม
กระมล ทองธรรมชาติ (2529: 80) กล่าววา่ จริยธรรม หมายถึง ธรรม หรือ หลกั ความประพฤติที่
ควรแกก่ ารยึดถือและปฏบิ ตั ิตาม
พนัส หันนาคินทร์ (2520: 10) กลา่ วว่า จรยิ ธรรม หมายถงึ ความประพฤติอันพงึ ปฏิบตั ิต่อตนเอง
ตอ่ ผู้อืน่ และต่อสงั คมเพ่อื ใหเ้ กดิ ความดคี วามถูกต้อง และความ เจริญรุง่ เรอื งในสังคม
พุทธทาสภิกขุ (2521: 3) ให้ความหมายของจริยธรรมว่า จริยธรรมตรงกับคาว่า Ethics ใน
ภาษาอังกฤษ จริย แปลวา่ ควรประพฤตหิ รอื พึงปฏบิ ัติ
ดวงเดือน พันธุมนาวิน (2522: 27) มีความเห็นต่างกันออกไป โดยกล่าวว่าจริยธรรม หมายถึง
ลกั ษณะทางจิตใจและสภาพแวดลอ้ มใหบ้ คุ คลทาความดีและ ไม่ทาชว่ั
สาโรช บัวศรี (2522: 18) ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่าจริยธรรมคือแนวทาง ในการ
ประพฤติเพอ่ื อยู่กันได้อย่างรม่ เย็นในสงั คม
อารมณ์ ฉนวนจิตร (2539: 7) ให้ความเห็นว่าจริยธรรมหมายถึง ความประพฤติการปฏิบตั ิ ในส่ิงท่ี
ดีงามเป็นทีย่ อมรับของสงั คมและตนเอง
คาร์เตอร์ วีกดู๊ (Carter V. Good. 1974: 314) ใหค้ วามหมายของจริยธรรมวา่ จริยธรรม คือ การ
ปรบั ตัวให้เขา้ กบั กฎเกณฑ์หรอื มาตรฐานของความประพฤติท่ีถกู ต้อง ดีงาม
พระเทวินทร์ เทวินโท (2544:15,61) กล่าวว่า จริยธรรม หมายถึง ความประพฤติปฏิบัติท่ีมี
ธรรมะเป็นตัวกากับ จริยธรรมก็ คือ ธรรมที่เป็นไป ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ ศลี ธรรม กฎศีลธรรม และ
พุทธจริยศาสตร์ หมายถึง วิชาที่ว่าด้วยความประพฤติและกิริยาท่ีควรปฏิบัติของผู้รู้ ผู้ต่ืน ผู้เบิกบาน
http://ir.swu.ac.th
สุนทรโคตรบรรเทา(2544: 106) กล่าวว่า จริยธรรมเป็นศีลธรรมประการหนึ่งและ เป็นคุณธรรม
อีกประการหนึง่ ประกอบด้วยกัน เป็นการละเว้นการฆ่าการเบียดเบียน เปน็ ศีลธรรม หรอื เรยี กว่าศลี
กล่าวโดยสรปุ คุณธรรมจริยธรรมของวิชาชีพ หมายถึง หลักแห่งความประพฤติดเี ป็นพฤติกรรมการ
แสดงออกอันเน่ืองมาจากคุณงามความดีท่ีถูกปลูกฝังช้ันในจิตใจจนเ กิดจิตสานึกท่ีดีทั้งกายวาจาใจส่งผลให้
เกิดการกระทาทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ ละความดที ่แี ทจ้ ริงต่อสงั คม
องค์ประกอบคุณธรรมจริยธรรมของวิชาชพี
คณะกรรมการโครงการการศึกษาจริยธรรมไทย (อ้างถึงใน ชัยนนท์ นิลพัฒน์. 2555 : 19 -20)
ไดส้ รุปโครงสรา้ งของคุณลกั ษณะของจริยธรรมไวด้ งั น้ี
1. ความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี หมายถึง ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทาการปฏิบัติ หน้าที่ท่ีได้รับมอบหมาย
ด้วยความมานะพยายาม ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหน่ือย ท้ังยังมี ความละเอียดรอบคอบ เพ่ือให้ผลการกระทา
ในการปฏิบัติหน้าท่ีนั้นบรรลุสาเร็จตามความ มุ่งหมาย โดยมีความพยายามท่ีจะปรับปรุง และแก้ปัญหาใน
การปฏบิ ัตหิ น้าทไี่ ห้ดีขึ้น
2. ความซื่อสัตย์ หมายถึง การประพฤติปฏิบัติอย่างเหมาะสม และตรงต่อความ เป็นจริง ประพฤติ
อยา่ งตรงไปตรงมาทั้งกาย วาจา ใจ ต่อตนเองและผู้อ่นื
3. ความมีเหตุผล หมายถึง ความสามารถในการใช้ปัญญาในการประพฤติ ปฏิบัติ รู้จักไตร่ตรอง ไม่
หลงงมงาย
4. ความกตัญญูกตเวที ความกตัญญู หมายถึง ความรู้สึกสานึกในการอุปการ คุณที่ผู้อื่นมีต่อเรา
กตเวที หมายถึง การแสดงออกและการตอบแทนบุญคุณ ดังนั้น ความกตัญญูกดเวที จึงหมายถึง ความรู้
บุญคณุ และการตอบแทนต่อผอู้ ่นื และส่งิ ทีม่ ี บญุ คุณ
5. การรักษาระเบียบวินัย หมายถึง การควบคุมการประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับ
จรรยามารยาท ข้อบังคับ กฎหมาย และศีลธรรม ชว่ ยให้สงั คมเป็น ระเบียบเรียบร้อย และเกิดความสุขความ
เจริญในประเทศชาติ
6. ความเสียสละ หมายถึง การละความเห็นแก่ตัว การให้ปั้นกับคนท่ีควรให้ ด้วยกาลังกาย กาลัง
ทรพั ย์ กาลงั ปญั ญา รวมทัง้ การรู้จักสลัดทง้ิ อารมณ์ร้ายในตัวเอง
7. ความสามัคคี หมายถึง การท่ีทุกคนมีความพร้อมเพรียงกันทั้งกายใจ ความคิด เป็นน้าหนึ่งใจ
เดยี วกัน ร่วมมือกนั กระทา กิจการให้สาเร็จลุลว่ งอย่างดี
8. การประหยัด หมายถึง การใช้ส่ิงทั้งหลายพอเหมาะพอควรให้ได้ประโยชน์ มากที่สุด ไม่ยอมให้มี
ส่วนเกินมากนกั
9. ความยตุ ธิ รรม หมายถงึ การปฏิบัตดิ ้วยความเทย่ี งตรงสอดคล้องกับความ เปน็ จริงและเหตผุ ล ไม่
มคี วามลาเอียง
10. ความอุดสาหะ หมายถงึ ความพยายามอย่างเขม้ แข็งเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสาเร็จ ในการงาน
11.ความเมตตากรณุ า หมายถงึ ความรักใคร่ปรารถนาจะให้ผู้อน่ื เป็นสุข ความ สงสารคือ จะชว่ ยให้
ผู้อ่นื พนั ทุกข์
กระทรวงศึกษาธิการ (2541: 7) ผทู้ รงคณุ วุฒิได้กลั่นกรองเนื้อหาของจริยธรรมทวั่ ไปในการประชุม
ทางวชิ าการเกยี่ วกับจริยธรรมไทย เปน็ จรยิ ธรรม 8 ขอ้
1. การใฝส่ ัจจะ หมายถงึ ความจริงใจ ความช่ือตรง ในการประพฤติดว้ ยกาย คือ การกระทา และการ
ประพฤติด้วยวาจา คอื การพูด และการประพฤติด้วยใจ คือ ความนึกคิด ด้วยความจริง ไม่มีส่ิงแอบแฝงเพื่อ
วตั ถุประสงคอ์ ่ืนแก่ตนเอง
2. การใช้ปญั ญาในการแก้ปญั หา
3. ความเมตตากรุณา หมายถึง การปฏิบัติเพื่อต้องการช่วยให้ผู้อ่ืนมีความสุข ให้พ้นจากทุกข์ มี
ความสุขความเจริญ ด้วยการแสดงความมีน้าใจเอ้ืออาทรต่อผู้อ่ืนด้วยความเต็มใจ แสดงอาการทางวาจาต่อ
ผูอ้ ื่นอย่างนุ่มนวล การไมเ่ อาเปรยี บไม่เบียดเบยี นผู้อื่น การรู้จกั ใหอ้ ภยั ร่วมบริจาคทรัพยส์ ินเพ่ือสว่ นรวม
4. ความมสี ตสิ มั ปชญั ญะ หมายถึง ความระลกึ ได้ และการร้สู กึ ตัวอยูเ่ สมอ ทั้งในขณะคิด ขณะพดู และ
ในขณะกระทาสิ่งใด ๆ ดว้ ยความระลึกในขณะนน้ั วา่ สิง่ ใดควรทา สงิ่ ใดไม่ควรทา
5. ความไม่ประมาท หมายถึง การมีสติกากับตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะคิด จะพูด จะทาสิ่งใดๆ ไม่ยอมถลา
ลงไปในทางท่ีเส่ือม และไมย่ อมพลาดโอกาสในการทาความดี
6. ความซ่ือสัตย์สุจริต หมายถึง แง่มุมหนึ่งของศีลธรรม แสดงถึงคุณลักษณะทางบวกและคุณธรรม
อาทิ ความซือ่ สัตยส์ จุ รติ ความจริงใจ และความตรงไปตรงมา
7. ความขยันหม่ันเพียร หมายถึง การปฏิบัติหน้าท่ีการงานและการประกอบอาชีพที่สุจริตอย่าง
กระตอื รอื ร้น และตั้งใจจริงให้สาเรจ็ ดว้ ยความมานะอดทน
8. ความมีหิริ- โอตัปปะ หมายถึง หิริ คือ ความละอายต่อบาป ถึงไม่มีใครรแู้ ต่นึกกินแหนงแคลงใจ ไม่
สบายใจโอตัปปะ คือ ความเกรงกลัวต่อบาป เป็นความรู้สึกกลัว กลัวว่าเม่ือทาไปแล้วบาปอาจจะส่งผลเป็น
ความทกุ ข์ทรมานแก่เรา จึงไมย่ อมทาบาป
ธีระพร อวุ รรณโณ (2530: 54) ไดส้ รปุ องคป์ ระกอบท่สี าคัญ ของจรยิ ธรรมของบุคคล ดงั น้ี
1. องค์ประกอบด้านความรู้ได้แก่ความเข้าใจในเหตุผล ของความถูกต้องดีงามสามารถตัดสินแยก
ความถกู ผิดไดด้ ว้ ยความคิด
2. องค์ประกอบด้านอารมณ์และความรู้สึกได้แก่ความพึงพอใจศรัทธาเล่ือมใส เกิดความนิยมยินดีท่ี
จะรบั จริยธรรมนนั้ มาเป็นแนวปฏิบัติ
3. องค์ประกอบด้านพฤติกรรมการแสดงออก หรือพฤติกรรมท่ีบุคคลตัดสินใจ ที่กระทาถูกหรือใน
สถานการณ์แวดล้อมต่าง ๆ กัน
ประทปี มากมติ ร (2550 : 26) กล่าวว่า องค์ประกอบของจรยิ ธรรมท่ีสาคญั มี 3 ประการได้แก่
1. องค์ประกอบด้านความรู้ ได้แก่ ความเข้าใจเหตุผล ความถูกต้อง ดีงาม สามารถตัดสินแยกแยะ
ความถูกผิดได้ดว้ ยความคดิ
2. องค์ประกอบด้านอารมณ์ความรู้สึกและความเช่ือ ได้แก่ ความพึงพอใจศรัทธาเล่ือมใสเกิดความ
นิยมยินดที ่ีจะรับจริยธรรมน้นั มาเปน็ แนวปฏิบตั ิ
3. องค์ประกอบดา้ นพฤติกรรมแสดงออก ได้แก่ พฤติกรรมการกระทาทบ่ี ุคคลตัดสินใจจะกระทาถูก
หรือผดิ ในสถานการณ์แวดลอ้ มต่าง ๆ กนั
กรมวชิ าการ (อ้างถึงใน พระสมุหอ์ นันตอ์ านนโฺ ท (ธูปจินดา) 2554 : 37-38) ได้กล่าวถึง คุณธรรม
และจริยธรรมทีน่ กั เรียนควรมที ัง้ ส้ิน 10 ดา้ น คือ
1. ความซื่อสัตย์ หมายถึง ความประพฤติของนักเรียนท่ีแสดงออก ซื่อตรง ท้ังกาย วาจา ใจทั้งต่อ
ตนเอง สังคม และผู้อื่น รวมถึงมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ความซื่อสัตย์นี้อาจรวมทั้งความซ่ือตรงต่อ
หน้าท่ี ความสุจริตต่ออาชพี รวมท้ังซอื่ ตรงตอ่ ผอู้ ื่น จกั เป็นที่เชือ่ ถอื เคารพนับถอื ในสังคม
2. ความยุตธิ รรม หมายถงึ การปฏบิ ตั ิตนด้วยความเทีย่ งตรง การตดั สินเร่อื งราวตา่ ง ๆ โดยใช้เหตุผล
มีหลกั ฐานชัดเจน และปราศจากความลาเอียง การปฏิบตั ิตนด้วยความเทยี่ งตรง ไมต่ กอยใู่ นอคติ
3. ความเมตตากรุณา หมายถึง ความรัก ความสงสาร และปรารถนาที่ช่วยเหลือผู้อื่น อยากให้ผู้อ่ืน
พ้นทุกข์มีความสุข ท้งั แสดงออกทางกาย วาจา ใจ โดยไมห่ วังผลตอบแทน และร่วมท้ังมีความเมตตากรณุ าต่อ
สตั ว์ด้วย
4. ความกตัญญูกตเวที หมายถึง การรู้จักสานึกบุญคุณหรือความดีของผู้ทาประโยชน์ หรือให้ความ
ชว่ ยเหลือแกเ่ รา เช่น บดิ ามารดา ครอู าจารยแ์ ละตอบแทนบญุ คุณตอ่ ผู้มีบุญคุณต่อเรา
5. การรกั ษาระเบียบวินยั หมายถึง การควบคุมความประพฤติให้ถูกต้องเหมาะสมกับจรรยามารยาท
ข้อบังคับ ข้อตกลง กฎหมายและศีลธรรม เพื่อความสงบสุขในชีวิตของตนเอง และความเป็นระเบียบ
เรยี บรอ้ ยของสังคม
6. ความรับผิดชอบ หมายถึง นักเรียนต้องแสดงออกด้วยการเอาใจใส่ในการปฏิบัติหน้าท่ีการงาน
ของตนเอง มีความต้ังใจในการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ท้ังน้ี นักเรียนต้องมีความรับผิดชอบต่อ
ตนเอง สงั คมครอบครัว สถาบนั การศึกษา และเพ่ือน
7. ความเสียสละ หมายถึง การละความเห็นแก่ตัว การให้แก่บุคคลที่ควรให้ด้วยกาลังกายกาลัง
ทรพั ยก์ าลังสตปิ ัญญา และรู้จกั เสยี สละประโยชน์สว่ นตัวเพอื่ ประโยชนแ์ ก่สว่ นรวม
8. ความสามัคคีหมายถึง ความร่วมมือ ร่วมใจของคนในหมู่คณะ ในการประกอบกิจการงานท้ังน้ี
ความสามัคคีจะเกิดได้บุคคลในหมู่คณะจะต้องเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมยอมรับฟัง
ความคิดเหน็ ของผูอ้ ื่น และรูจ้ ักการแบง่ หนา้ ทใี่ นกลมุ่ เพ่อื ให้งานน้นั สาเร็จบรรลุไปดว้ ยดี
9. การประหยัด หมายถึง การยับยั้งระมัดระวัง การใช้ส่ิงของท้ังหลาย ด้วยความพอเหมาะพอควร
เพือ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนม์ ากทสี่ ุด เช่น การประหยัดเวลา การประหยดั ทรัพยก์ ารประหยัดถ้อยคา
10. ความมีเหตุผล หมายถึง การใช้สติปัญญา พิจารณา ไตร่ตรอง และพิสูจน์ ให้ประจักษ์โดยไม่
ต้องหลงงมงาย ไม่เปน็ คนหเู บาเชือ่ คนง่าย
จกั รพงษ์ นลิ พงษ์ (2543: 58) ได้จาแนกองคป์ ระกอบของคณุ ธรรมจรยิ ธรรมไว้ 11 ประการ ดงั นี้
1. ความรับผิดชอบ
2. ความมีเหตุผล
3. ความกตญั ญูกตเวที
4. ความอุตสาหะ
5. ความประหยัด
6. ความสามัคคี
7. ความมรี ะเบียบวินยั
8. ความเสียสละ
9. ความยุตธิ รรม
10. ความซ่อื สตั ย์
11. ความเมตตากรุณา
ดวงเดือน พันธุมนาวิน (2524: 9) ได้แบ่งองค์ประกอบทางจริยธรรมของมนุษย์ออกเป็น 4
ประเภท ดงั นี้
1. ความรู้เชิงจริยธรรม หมายถึง การที่บุคคลมีความรู้ว่าในสังคมของตนน้ัน การกระทาชนิดใดควร
ทาและชนิดใดควรละเว้น พฤติกรรมประเภทใดเหมาะสม และพฤติกรรมประเภทใดไม่เหมาะสมมากน้อย
เพียงใด ปริมาณความรนู้ ขี้ ้ึนอยูก่ บั อายุ การศกึ ษาและพฒั นาการทางสติปญั ญาของบคุ คลดว้ ย
2. ทศั นคติเชงิ จรยิ ธรรม หมายถึง ความรูส้ ึกของบุคคลเกี่ยวกับลักษณะหรือพฤติกรรมเชิงจริยธรรม
ต่าง ๆ ว่าตนชอบหรือไม่ชอบเพียงใด ทัศนคติเชิงจริยธรรมของบคุ คลส่วนมากสอดคล้องกับค่านยิ มของคนใน
สังคมน้ัน แต่บุคคลบางคนในสถานการณ์ปกติอาจมีทัศนคติต่างไปจากค่านิยมของสังคมก็ได้ ทัศนคติทาง
จริยธรรมของบุคคลมีความหมายกว้างกว่าความรู้เชิงจริยธรรมของบุคคล เพราะทัศนคติน้ันรวมทั้งความรู้
และความรู้สึกในเรื่องน้ัน ๆ เข้าด้วยกัน ฉะน้ันทัศนคติเชิงจริยธรรมจึงสามารถใช้ทานายพฤติกรรมเชิง
จรยิ ธรรมได้แม่นยากวา่ ใชค้ วามร้เู ชงิ จรยิ ธรรมเพยี งอย่างเดยี ว
3. เหตุผลเชิงจริยธรรม หมายถึง การที่บุคคลใช้เหตุผลในการเลือกที่จะทาหรือเลือกที่จะไม่กระทา
พฤติกรรมอย่างใดอย่างหน่ึง เหตุผลท่ีกล่าวมาน้ีจะแสดงให้เห็นถึงเหตุจูงใจหรือแรงจูงใจท่ีอยู่เบื้องหลังการ
กระทาตา่ ง ๆ ของบุคคล การศกึ ษาเหตผุ ลเชิงจริยธรรมจะทาใหท้ ราบว่าบุคคลท่ีมกี ารกระทาเหมอื นกันอาจมี
เหตผุ ลเบ้อื งหลังการกระทาอยู่ในระดับทแ่ี ตกต่างกนั ได้
4. พฤติกรรมทางจริยธรรม หมายถงึ การทีบ่ ุคคลแสดงพฤติกรรมท่ีสังคมนิยมชมชอบหรืองดเว้นการ
แสดงพฤตกิ รรมที่ฝา่ ฝืนกฎเกณฑ์หรอื ค่านิยมในสังคมนั้น
กนกวรรณ ววิ ัฒน์ธนศษิ ฐ์ (2545: 15) ไดก้ ล่าวถึงจริยธรรมประกอบด้วยลักษณะ 4 อย่างคอื
1. ความรู้เชิงจริยธรรม หมายถึง การมีความรู้ว่าการกระทาใดดีและเลวควรไม่ควรจะปฏิบัติใน
ทศั นะของสงั คมเป็นความรเู้ กยี่ วกบั กฎเกณฑ์ค่านิยมหลักธรรมคาสอนทีเ่ ปน็ ปทัสถานของสงั คม
2. เจตคติทางจริยธรรม เป็นความรู้สึกของบุคคลเก่ียวกับลักษณะน้ัน ๆ เพียงใด genesis เชิง
จริยธรรมของบุคคลจะสอดคล้องกับค่านิยมของสังคมก็ได้เจตคติเชิงจริยธรรมรวมความรู้และความรู้ถึงใน
เรอ่ื งน้นั เขา้ ดว้ ยกนั
3. เหตุผลเชิงจริยธรรม หมายถึง การที่บุคคลใช้เหตุผลในการเลือกที่จะกระทาหรือเลือกท่ีจะไม่
กระทาพฤติกรรมอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ และจะแสดงให้เห็นถงึ แรงจูงใจในการกระทานั้นน้ัน
4. พฤติกรรมเชงิ จริยธรรม หมายถึง การทีบ่ ุคคลแสดงพฤติกรรมทีส่ ังคมนิยมชมชอบหรอื งดเวน้ การ
แสดงพฤตกิ รรมท่ขี ดั ตอ่ กฎเกณฑ์และค่านิยมของสงั คม
ตารางท่ี 11 วเิ คราะห์องค์ประกอบของคุณธรรมจริยธรรมของวชิ าชพี
องค์ประกอบ กระทรวงศึกษาธิการ สรปุ
ประ ีทป มาก ิมตร
ดวงเดือน ัพนธุมนา ิวน
กนกวรรณ ิว ัวฒนธนศิษฐ์
รศ.รัตนวดี โชติกพ ินช
จักรพง ์ษ นิลพงษ์
สานักงานคุ ุรสภา
1.ความรับผิดชอบ 5
2.ความมเี หตผุ ล 3
3.ความกตัญญูกตเวที 2
4.ความอตุ สาหะ 5
5.ความประหยดั 4
6.ความสามัคคี 4
7.ความมรี ะเบยี บวนิ ัย 6
8.ความเสียสะ 4
9.ความยุตธิ รรม 4
10.ความซ่ือสตั ย์ 5
11.ความเมตตากรุณา 5
จากตารางที่ 1 แสดงให้เห็นว่ามีองค์ประกอบของคุณธรรมจริยธรรมวิชาชีพท่ีนักวิชาการไดก้ ล่าวถึง
และมีองค์ประกอบที่สาคัญจานวน 5 องค์ประกอบ ดังนี้
1. การรักษาระเบียบวินัย หมายถึง การควบคุมการประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับ
จรรยามารยาท ข้อบังคับ กฎหมาย และศีลธรรม ชว่ ยให้สงั คมเป็น ระเบียบเรียบร้อย และเกิดความสุขความ
เจรญิ ในประเทศชาติ
2. ความรับผิดชอบ หมายถึง นักเรียนต้องแสดงออกด้วยการเอาใจใส่ในการปฏิบัติหน้าที่การงาน
ของตนเอง มีความตั้งใจในการปฏิบัติงานเพ่ือให้บรรลุเป้าหมาย ท้ังน้ี นักเรียนต้องมีความรับผิดชอบต่อ
ตนเอง สงั คมครอบครัว สถาบนั การศกึ ษา และเพอ่ื น
3. ความอุดสาหะ หมายถงึ ความพยายามอยา่ งเข้มแขง็ เพอ่ื ให้เกิดความสาเรจ็ ในการงาน
4. ความซื่อสัตย์ หมายถึง การประพฤติปฏิบัติอย่างเหมาะสม และตรงต่อความ เป็นจริง ประพฤติ
อย่างตรงไปตรงมาท้งั กาย วาจา ใจ ตอ่ ตนเองและผ้อู ืน่
5. ความเมตตากรุณา หมายถึง ความรักใครป่ รารถนาจะใหผ้ ู้อ่ืนเป็นสุข ความ สงสารคือ จะช่วยให้
ผู้อ่นื พนั ทกุ ข์
สว่ นที่ 2
เครอ่ื งมือการพฒั นาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวิชาชพี
การออกแบบชุดกจิ กรรมเพ่ือพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวิชาชีพ
จากการท่ีกลุม่ ไดศ้ ึกษาเอกสารทีเ่ ก่ียวข้องกับคุณธรรมจริยธรรมของวิชาชีพ หมายถึง หลักแห่งความ
ประพฤติดเี ป็นพฤติกรรมการแสดงออกอันเน่ืองมาจากคุณงามความดีท่ีถูกปลูกฝงั ชัน้ ในจิตใจจนเกดิ จิตสานึก
ท่ีดีท้ังกายวาจาใจส่งผลให้เกิดการกระทาท่ีเป็นประโยชน์และความดีที่แท้จริงต่อสังคม และได้ทาการ
วิเคราะหอ์ งค์ประกอบรว่ มท่ีสาคัญๆ จากนกั วชิ าการต่าง ๆ สามารถแบง่ องคป์ ระกอบของคุณธรรมจริยธรรม
ของวิชาชพี ออกเป็น 5 องค์ประกอบ และมีตวั บ่งช้ีทั้งหมด 6 ตัวบ่งชี้ จงึ นามาพัฒนาเคร่ืองมือท่ีจะใช้ในการ
พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของวิชาชีพ แบ่งเคร่ืองมือในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของวิชาชีพ ออกเป็น 2
สว่ น ไดแ้ ก่
1. ชุดกจิ กรรมเพ่อื พัฒนาคุณธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชีพ
2. แบบสอบถามการรับร้คู ุณธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชพี
โดยกระบวนการในการออกแบบชุดกจิ กรรมและแบบสอบถามการรบั รู้คุณธรรมจรยิ ธรรมของ
วชิ าชพี มีดงั นี้
ชุดกิจกรรมเพ่ือพฒั นาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชีพ
เปน็ การออกแบบชุดกิจกรรมภายใต้การกากบั ของตัวบ่งชี้พฤตกิ รรมทก่ี ลุม่ ไดท้ าการวเิ คราะหแ์ ล้ว
สามารถแสดงการวิเคราะห์ ดังตารางท่ี 2
ตารางท่ี 12 แสดงองคป์ ระกอบหลกั องคป์ ระกอบยอ่ ย ตัวบง่ ชพ้ี ฤตกิ รรม และกิจกรรม
องค์ประกอบหลัก องคป์ ระกอบย่อย ตัวบง่ ชี้พฤตกิ รรม กจิ กรรม จานวน
ช่ัวโมง
คุณธรรมจริยธรรม 1. การรักษา 1. มีความพฤตดิ ี 1. มัดมือพิชติ
2. ปฏบิ ัติตามข้อบังคบั อปุ สรรค 2
ของวชิ าชพี ระเบยี บวนิ ยั กฎหมาย
2. ฉันใบ้เธอวาด 3
2. ความ 1. มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ 3. จดหมายแห่ง 3
รบั ผดิ ชอบ ตนเอง สังคม ครอบครัว ความสุข
สถาบนั การศึกษา และเพ่อื น
3. ความอุตสาหะ
4. ความซ่ือสตั ย์ 1. มคี วามพยายาม
5. ความเมตตา 1. มีความประพฤติอย่าง
กรณุ า ตรงไปตรงมาทัง้ กาย วาจา
ใจ ต่อตนเองและผู้อน่ื
1. มคี วามรักใคร่ปรารถนา
ให้ผู้อ่ืนมคี วามสุข
ตารางท่ี 13 แสดงความเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมกับตวั บ่งชี้พฤตกิ รรม ัมด ืมอพิ ิชต ุอปสรรค
ตัวบง่ ชี้พฤตกิ รรม ัฉนใบ้เธอวาด
จดหมายแห่งความ ุสข
1. มคี วามพฤติดี
2. ปฏิบัตติ ามขอ้ บงั คบั กฎหมาย
3. มีความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง สงั คม ครอบครัว สถาบันการศกึ ษา และเพื่อน
4. มีความพยายาม
5. มคี วามประพฤติอย่างตรงไปตรงมาท้งั กาย วาจา ใจ ตอ่ ตนเองและผู้อนื่
6. มีความรกั ใครป่ รารถนาให้ผู้อน่ื มีความสขุ
แผนกิจกรรม
เร่ือง มัดมือพิชติ อปุ สรรค
กรอบแนวคดิ
มงุ่ เนน้ ใหเ้ ดก็ รรู้ ักษาระเบยี บวนิ ัยมีความรับผดิ ชอบและความอุตสาหะ
สาระสาคัญ
ฝกึ ใหเ้ ดก็ มรี ะเบียบวนิ ัยมีความรบั ผิดชอบและความอตุ สาหะ
วตั ถุประสงค์ของกิจกรรม
1. เพ่อื ใหเ้ ด็กเกิดความสามัคคีในหมู่คณะ
2. เพอ่ื ให้เดก็ มีทกั ษะทางสงั คมอยู่ร่วมกบั ผ้อู น่ื ได้
3. เพ่ือใหเ้ ดก็ รู้จักการวางแผน
ความสอดคล้องกบั ตวั บ่งช้ี
1. มคี วามพฤตดิ ี
2. ปฏิบตั ติ ามข้อบงั คับกฎหมาย
3. มีความรับผดิ ชอบต่อตนเอง สงั คม ครอบครัว สถาบันการศกึ ษา และเพอ่ื น
4. มีความพยายาม
5. มคี วามประพฤติอยา่ งตรงไปตรงมาทง้ั กาย วาจา ใจ ต่อตนเองและผูอ้ ื่น
6. มีความรกั ใคร่ปรารถนาใหผ้ ู้อ่นื มคี วามสุข
เวลาที่ใช้
2 ช่ัวโมง
จานวนผู้เข้ารว่ มกิจกรรม
69 คน
ส่ือ/อุปกรณ์
1. เชอื กฟาง
2. ปา้ ยช่ือ
3. ปากกาเคมี
เทคนิค/วธิ ีการ
1. เกม
ขั้นตอนการดาเนินกิจกรรม
ข้ันนา
1. กลา่ วคาทักทาย
2. สนั ทนาการโดยการปรบมอื ตามจงั หวะ
ขัน้ สอน
1. ครูและเดก็ รว่ มกันสนทนาเกย่ี วกบั เรือ่ ง การรกั ษาระเบยี บวนิ ยั ความรบั ผิดชอบ ความอตุ สาหะ
2. ครใู หเ้ ดก็ แบง่ กลมุ่ ใหเ้ ท่าๆ กนั โดยใช้เพลงลมเพลมพดั แลว้ ให้น่งั เป็นกลุ่ม
3. ครใู หเ้ ด็กแต่ละกลุ่มคน้ หาข้อมูลเกีย่ วกับเร่อื ง การรักษาระเบียบวนิ ัย ความรบั ผิดชอบ ความ
อุตสาหะ
4. ครใู หอ้ าสาสมคั รออกมาอธิบายเก่ียวกับเน้อื หาท่ีไปคน้ หา มานาเสนอใหเ้ พ่อื น
5. เมอื่ นาเสนอเสรจ็ ใหเ้ ด็กนงั่ ตามกลมุ่ เดิม
6. ครูอธิบายวิธกี ารเล่นกิจกรรม “มดั มือพิชิตอปุ สรรค”
วธิ กี ารเลน่
1. ครูแบง่ กลุ่มเด็กนักเรียนเปน็ 2กลุม่
2. ครนู าเชอื กมดั มอื เดก็ ต่อ ๆ กัน
3. ครูให้เด็กหาป้ายของตัวเองที่ครูไปวางไว้ในบริเวณของห้องโดยกาหนดเวลาในการหา
ป้าย 3 นาที
7. เลน่ กจิ กรรม
ขัน้ สรุป
1. ครตู ง้ั คาถามแลว้ ให้ตวั แทนตอบ
1.1 ได้เรยี นรูอ้ ะไรจากกิจกรรมนบี้ า้ ง?
1.2 จากกิจกรรมน้ี นักเรียนสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้หรือไม่? เพราะเหตใุ ด? ให้
อธบิ าย
2. นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายสรุปความร้ทู ีไ่ ดร้ บั จากกิจกรรม
การวัดผล/ประเมนิ ผล
1. การรว่ มแสดงความคดิ เห็น
2. กลา้ แสดงออก
3. มสี ว่ นรว่ มในการทากิจกรรม
แผนกิจกรรม
เรอ่ื ง ฉันใบ้ ให้เธอวาด
กรอบแนวคิด
ปลกู ฝงั ให้เด็กมคี วามซื่อสัตยต์ อ่ ตนเองและผู้อน่ื
สาระสาคัญ
สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กมีความซอ่ื สตั ย์ ประพฤติดีอยา่ งตรงไปตรงมาท้งั กาย วาจา ใจ
วตั ถุประสงค์ของกิจกรรม
1. เพือ่ ให้เดก็ มคี วามซอื่ สตั ย์
2. เพอ่ื ให้เด็กมคี วามประพฤตอิ ยา่ งตรงไปตรงมา
ความสอดคล้องกับตวั บง่ ชี้
1. มคี วามพฤติดี
2. ปฏิบัตติ ามขอ้ บงั คบั กฎหมาย
3. มคี วามรบั ผิดชอบต่อตนเอง สงั คม ครอบครัว สถาบนั การศกึ ษา และเพื่อน
4. มคี วามพยายาม
5. มีความประพฤติอย่างตรงไปตรงมาทงั้ กาย วาจา ใจ ตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน
6. มีความรักใคร่ปรารถนาให้ผู้อืน่ มีความสขุ
เวลาทใ่ี ช้
3 ชวั่ โมง
จานวนผเู้ ข้ารว่ มกจิ กรรม
69 คน
ส่ือ/อุปกรณ์
1. วีดโี อ
2. กระดาษ
เทคนคิ /วิธกี าร
1. คลิปวีดีโอ
2. เกม
ข้นั ตอนการดาเนินกิจกรรม
ขั้นนา
1. กล่าวคาทักทาย
2. สนั ทนาการโดยใช้เพลง หากว่าเรากาลงั สบาย
ขั้นสอน
1. ครแู ละเดก็ ร่วมกนั สนทนาเก่ยี วกบั เรื่อง ความซ่อื สตั ย์
2. ครใู หเ้ ดก็ แบ่งกล่มุ ใหเ้ ทา่ ๆ กัน แลว้ ใหน้ ่ังเปน็ กลุ่ม
3. ครูให้เด็กแตล่ ะกลุ่มค้นหาขอ้ มูลเกย่ี วกบั เรื่อง ความซื่อสัตย์
4. ครใู ห้อาสาสมคั รออกมาอธิบายเกยี่ วกบั เน้อื หาที่ไปคน้ หา มานาเสนอให้เพอื่ น
5. เม่อื นาเสนอเสรจ็ ใหเ้ ด็กนงั่ ตามกลมุ่ เดมิ
6. ครูเปิดวิดีโอให้เด็กดู “ ต้นกล้า120s ” https://www.youtube.com/watch?v=mR-Yol-
oVtc&t=13s
7. และเดก็ รว่ มกนั วิเคราะห์สงิ่ ท่ไี ด้จากวดิ ีโอ
8. ครอู ธิบายวธิ กี ารเลน่ กิจกรรม “ฉนั ใบ ใหเ้ ธอวาด”
วธิ กี ารเล่น
1. ครูแบง่ กลุ่มเด็กนกั เรยี นเปน็ 2กล่มุ
2. ครูให้เดก็ ทุกคนในกลมุ่ หนั หลงั ใหก้ ับครู
3. ครูให้ตวั แทนออกมารบั คาใบ้จากครู
4. ครใู หเ้ ดก็ ทไี่ ด้รบั คาใบส้ ะกิดเพือ่ นทลี ะคนให้หนั มารับคาใบ้
5. โดยทีค่ รูกาหนดใหเ้ ด็กคนสุดทา้ ยวาดรูปคาใบล้ งในกระดาษ
6. ทาตอ่ ๆ ไปจนหมดเวลา ให้ทกุ กล่มุ ส่งคาใบใ้ ห้กบั ครู
9. เล่นกจิ กรรม
ขนั้ สรุป
1. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายสรปุ ความรูท้ ี่ไดร้ ับ
การวดั ผล/ประเมินผล
1. การรว่ มแสดงความคิดเหน็
2. กลา้ แสดงออก
3. มสี ว่ นรว่ มในการทากิจกรรม
แผนกิจกรรม
เรื่อง จดหมายแห่งความสุข
กรอบแนวคดิ
ส่งเสริมใหเ้ ดก็ มจี ติ ใจทด่ี เี มตตากรณุ า
สาระสาคญั
ฝึกใหเ้ ดก็ มเี มตตากรุณามคี วามรกั ใครป่ รารถนาดีตอ่ ผู้อ่ืน
วัตถปุ ระสงคข์ องกิจกรรม
1. เพื่อใหเ้ ด็กแบ่งปันความสุขให้กบั ผูอ้ ื่น
2. เพอื่ ใหเ้ รยี นรู้การให้แรงเสรมิ ทางบวก
ความสอดคลอ้ งกบั ตัวบ่งช้ี
1. มีความพฤตดิ ี
2. ปฏิบตั ติ ามขอ้ บงั คบั กฎหมาย
3. มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเอง สงั คม ครอบครัว สถาบนั การศึกษา และเพ่อื น
4. มคี วามรกั ใครป่ รารถนาให้ผ้อู ่ืนมีความสขุ
เวลาท่ใี ช้
3 ชั่วโมง
จานวนผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรม
69 คน
สอื่ /อุปกรณ์
1. กระดาษ
2. ปากกา
เทคนิค/วธิ กี าร
1. การใหแ้ รงเสรมิ ทางบวก
2. คลิปวีดีโอ
ขนั้ ตอนการดาเนินกิจกรรม
ข้ันนา
1. กลา่ วคาทักทาย
2. สนั ทนาการโดยเตน้ ตามจงั หวะ
ขนั้ สอน
1. ครูและเด็กรว่ มกันสนทนาเกีย่ วกับเรือ่ ง ความเมตตากรณุ า
2. ครูใหเ้ ดก็ แบ่งกลุ่มใหเ้ ทา่ ๆ กัน แลว้ ใหน้ ่งั เปน็ กลมุ่
3. ครูใหเ้ ดก็ แตล่ ะกลุม่ ค้นหาขอ้ มูลเก่ียวกับเร่อื ง ความเมตตากรุณา
4. ครูใหอ้ าสาสมัครออกมาอธิบายเก่ยี วกับเนอ้ื หาที่ไปคน้ หา มานาเสนอให้เพ่อื น
5. เมอ่ื นาเสนอเสร็จใหเ้ ด็กนง่ั ตามกลมุ่ เดมิ
6. ครเู ปิดวิดีโอให้เด็กดู "Unsung Hero"
https://www.youtube.com/watch?v=uaWA2GbcnJU
7. ครแู ละเดก็ รว่ มกนั วิเคราะหส์ ิง่ ท่ีไดจ้ ากวดิ โี อ
8. ครูให้เด็กน่งั เปน็ แถว และให้เดก็ หลบั ตานั่งสมาธิ
9. ครอู ธิบายวิธีการเลน่ กจิ กรรม “จดหมายแห่งความสขุ ”
10. ครใู ห้เขียนจดหมาย โดยทาสัญลักษณข์ องตัวเองทจี่ ดหมาย
11. ครูรวบรวมจดหมายของเด็กทุกคนใส่ในกลอ่ ง
12. ครใู ห้เด็กหยิบจดหมายในกล่องที่ไม่ใชข่ องตนเอง
13. ให้เด็กตอบกลับจดหมายด้วยข้อความที่เพ่ือนอ่านแล้วมีความสุข จากน้ันนาจดหมายมาใส่ใน
กล่อง
14. ครคู นื จดหมายใหเ้ ดก็ ตามสัญลักษณข์ องตนเอง
ขั้นสรปุ
1. นกั เรยี นและครูร่วมกันอภปิ รายสรุปความร้ทู ีไ่ ด้รบั
2. ครูใหต้ ัวแทนออกมากล่าวความรู้สกึ
การวดั ผล/ประเมนิ ผล
1. การร่วมแสดงความคิดเหน็
2. กล้าแสดงออก
3. มีส่วนร่วมในการทากจิ กรรม
แบบสอบถามการรบั รู้คณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวิชาชีพ
กลุ่มได้ทาการวิเคราะห์องค์ประกอบหลัก องค์ประกอบย่อย กาหนดตัวบ่งชี้ และสร้างข้อคาถามเพื่อ
ตรวจประเมินความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหาจากอาจารย์ประจารายวิชา จากน้ันได้มีการปรับแก้ข้อคาถามให้
สอดคล้องและเหมาะสม ประกอบดว้ ยขอ้ คาถามทางบวกทง้ั หมด 34 ขอ้ ลักษณะเปน็ มาตราสว่ นประมาณค่า
แบบลิเคริ ์ท (Likert Scale) มี 5 ระดบั คอื มากท่ีสุด มาก ปานกลาง น้อย และนอ้ ยท่สี ุด
เกณฑ์การให้คะแนน ระดับคะแนน 5 คะแนน
จะให้คะแนนดงั น้ี ระดับคะแนน 4 คะแนน
ระดับคะแนน 3 คะแนน
มากทีส่ ุด ระดบั คะแนน 2 คะแนน
มาก ระดบั คะแนน 1 คะแนน
ปานกลาง
นอ้ ย
น้อยท่ีสดุ
เกณฑ์การแปลความหมาย (พิสมัย หาญมงคลพิพัฒน์, 2547 อ้างถึงใน สุวชิรา ศิริเจริญ, 2550)
ดงั นี้
พสิ ัย = (คะแนนรายข้อสูงสดุ – คะแนนรายข้อตา่ สดุ ) / จานวนระดับ
= (5 – 1) / 5
= 0.80
จากเกณฑ์ดังกลา่ วสามารถกาหนดระดบั การเห็นคุณคา่ ในตนเอง ไดด้ ังนี้
ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.80 หมายถึง มีการรับรู้คุณธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชพี ระดับนอ้ ยมาก
คา่ เฉลย่ี 1.81 – 2.60 หมายถึง มีการรบั รู้คณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชีพระดับน้อย
คา่ เฉล่ยี 2.61 – 3.40 หมายถึง มีการรบั รู้คุณธรรมจริยธรรมของวิชาชีพระดับปานกลาง
ค่าเฉลี่ย 3.41 – 4.20 หมายถึง มีการรบั รู้คณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชีพระดับมาก
ค่าเฉลี่ย 4.21 – 5.00 หมายถงึ มีการรบั รู้คณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชีพระดับสูงมาก
แบบสอบถามคณุ ธรรมจริยธรรมของวิชาชพี
คาช้ีแจง
1. แบบสอบถามคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวิชาชพี ฉบับน้ี ประกอบด้วย 2 ตอน ได้แก่
ตอนท่ี 1 เป็นแบบสอบถามเก่ยี วกบั ลักษณะสว่ นบคุ คลของผตู้ อบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 เป็นแบบประเมินตนเองด้านคุณธรรมจริยธรรมของวชิ าชีพ
2. ขอ้ มูลจากการตอบแบบสอบถามของท่าน จะถูกเก็บเปน็ ความลบั
ตอนท1่ี แบบสอบถามเกยี่ วกบั ลักษณะสว่ นบุคคลของผ้ตู อบแบบสอบถาม
คาชี้แจง ขอใหท้ า่ นตอบแบบสอบถามขอ้ มูลสว่ นตวั โดยเมอ่ื ทา่ นอา่ นข้อความแล้วโปรดทาเคร่ืองหมาย ✔ ลง
ใน □ หรอื เตมิ ข้อความลงในช่องว่างให้ตรงกบั ความเป็นจรงิ
1. เพศ
□ ชาย □ หญิง
2. คณะ
□ ครศุ าสตร์ □วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี ารเกษตร □ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
□ การจัดการ
3. ชนั้ ปี
□ ปที ี่1 □ ปที 2่ี □ ปที 3ี่ □ อื่นๆ (ระบ)ุ ....................................
4. ศาสนา
□ พุทธ □ อิสลาม □ ครสิ ต์ □ อ่ืนๆ (ระบุ)....................................
5. ลาดับการเกดิ
□ ลกู คนเดียว □ ลูกคนโต □ ลกู คนกลาง □ ลกู คนเล็ก
6. สถานภาพสมรสของพอ่ แม่
□ อย่ดู ว้ ยกนั □ แยกกนั อยู่ □ อน่ื ๆ (ระบ)ุ ................................................
7. ภมู ลิ าเนาเดมิ ............................................................................
ตอนที่ 2 คณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวิชาชพี
คาช้แี จง ขอใหท้ า่ นอา่ นข้อความทีละข้อ แลว้ ทาเครื่องหมาย ✔ ลงใน □ ให้ตรงกับความรูส้ กึ และ
ความเปน็ จริงของทา่ นมากที่สดุ
ขอ้ ข้อความ มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ที่ ทส่ี ดุ กลาง ทีส่ ดุ
ดา้ นการรกั ษาระเบยี บวินยั
1 ฉนั แยกขยะทุกคร้งั กอ่ นลงถัง
2 ฉันแสดงความเคารพเมือ่ อาจารย์เดนิ ผา่ น
3 ฉันต่อแถวขน้ึ ลฟิ ต์ทุกครัง้
4 ฉันปฏบิ ัติตามกฎจราจร
5 ฉันจอดรถเปน็ ระเบียบวินัย
6 ฉันไมห่ ยบิ สง่ิ ของ/ทรพั ย์สนิ ของผู้อื่นโดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาต
7 ฉนั ไม่ทาลายทรพั ย์สินสาธารณะ
8 ฉนั ชว่ ยเหลอื ผู้อ่นื โดยไม่หวงั ผลตอบแทน
9 ฉันชอบบรจิ าคสง่ิ ของเพ่ือชว่ ยเหลือผูอ้ ่ืน
ด้านความรบั ผดิ ชอบ
10 ฉันตรงต่อเวลาในหน้าทก่ี ารงาน
11 ฉันมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ หน้าที่การงาน
12 ฉันปฏบิ ัติตามข้อตกลงในห้องเรียน
13 ฉันเข้าเรยี นทุกครงั้ ด้วยความตั้งใจ
14 ฉันต้งั ใจในการมีสว่ นรว่ มของงานกลุ่ม
15 ฉันมีความพยายามในการอ่านหนงั สอื เพ่ือเตรยี มสอบ
16 ฉนั ตรงตอ่ เวลาในการเข้าเรยี น/สง่ งาน
17 ฉนั ปฏบิ ัติตนตามกฎระเบยี บของสถาบนั การศึกษา
18 ฉันมีความรับชอบตอ่ งานที่ได้รับมอบหมาย
ด้านความอดุ สาหะ
19 ฉันพยายามทางานใหบ้ รรลตุ ามเป้าหมาย
20 ฉันมคี วามพยายามในการแก้ปัญหา
21 ฉันมีความตง้ั ใจในการทาข้อสอบ
22 ฉนั พยายามขา้ มผา่ นทุกอุปสรรคท่ีเขา้ มาทาให้งานทีต่ ้อง
ทาสาเรจ็ ทกุ ครัง้
23 ฉนั มีความอดทนในการทางาน
ดา้ นความซื่อสตั ย์
24 ฉนั มคี วามซ่ือสัตยส์ ุจรติ ท้งั ต่อตนเองและผอู้ ืน่
25 ฉันรู้วา่ เมื่อใดควรจะปฏบิ ัติตนอย่างไรเพื่อให้เหมาะสม
26 ฉันไม่พูดเท็จ วา่ ร้ายผอู้ นื่
ข้อ ขอ้ ความ มาก มาก ปาน นอ้ ย น้อย
ท่ี ที่สุด กลาง ทสี่ ดุ
27 ฉนั พูดและปฏบิ ตั คิ วามจรงิ ทั้งต่อหน้าและลับหลงั
ดา้ นความเมตตากรณุ า
28 ฉันมีความจรงิ ใจตอ่ เพ่อื นร่วมห้อง
29 ฉันเอาใจใสค่ นรอบข้าง
30 ฉนั คอยเป็นกาลงั ใจใหก้ บั เพ่ือน
31 ฉันชว่ ยเหลือผู้อ่ืนโดยไม่หวังผลตอบแทน
32 ฉันใหค้ าปรึกษาเม่ือเพ่อื นเจอปญั หา
33 ฉันมีน้าใจช่วยเหลือผู้อ่ืน
34 ฉันมคี วามเสียสละต่อผู้อนื่
ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................... ..........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
ขอขอบคุณในการตอบข้อคาถามด้วยความต้ังใจค่ะ
ส่วนที่ 3
การวิเคราะหผ์ ลการทดลองใช้ชุดกจิ กรรมพฒั นาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชีพ
การวิเคราะห์ผลการทดลองใช้ชดุ กจิ กรรมพฒั นาคณุ ธรรมจริยธรรมวิชาชีพ จะขอนาเสนอใน 3 ตอน
ดงั น้ี
ตอนท่ี 1 การวเิ คราะหผ์ ลการตอบแบบสอบถามการรบั รู้คุณธรรมจริยธรรมวชิ าชพี
ตอนท่ี 2 การวิเคราะห์ผลความพึงพอใจ
ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ
ตอนที่ 1 การวเิ คราะหผ์ ลการตอบแบบสอบถามการรับรู้คุณธรรมจรยิ ธรรมวชิ าชพี
ตารางที่ 14 คา่ เฉลีย่ ของการรบั รู้คณุ ธรรมจรยิ ธรรมของวชิ าชีพจาแนกตามข้อคาถาม ระดบั
ข้อท่ี รายการ (ขอ้ คาถาม)
มาก
ดา้ นการรักษาระเบียบวนิ ยั 4.07 สงู มาก
1 ฉนั แยกขยะทุกครงั้ ก่อนลงถงั 4.46 สูงมาก
2 ฉันแสดงความเคารพเมือ่ อาจารย์เดนิ ผา่ น 4.53 สูงมาก
3 ฉนั ต่อแถวขึน้ ลิฟต์ทุกครง้ั 4.23 สูงมาก
4 ฉันปฏบิ ัตติ ามกฎจราจร 4.46 สงู มาก
5 ฉันจอดรถเปน็ ระเบียบวนิ ัย 4.30 สูงมาก
6 ฉันไมห่ ยิบสิ่งของ/ทรัพย์สินของผู้อ่ืนโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.53 สงู มาก
7 ฉนั ไมท่ าลายทรัพย์สินสาธารณะ 4.53 สงู มาก
8 ฉันช่วยเหลือผอู้ นื่ โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน
4.53 มาก
9 ฉนั ชอบบริจาคส่งิ ของเพ่ือชว่ ยเหลือผอู้ ื่น สงู มาก
ด้านความรบั ผดิ ชอบ 4.15 สูงมาก
4.30 สูงมาก
10 ฉันตรงต่อเวลาในหนา้ ที่การงาน 4.38 สูงมาก
11 ฉนั มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ที่การงาน 4.46 มาก
12 ฉันปฏิบตั ิตามข้อตกลงในห้องเรียน 4.53 สูงมาก
13 ฉนั เขา้ เรียนทุกครัง้ ดว้ ยความตงั้ ใจ 4.15 สูงมาก
14 ฉันตัง้ ใจในการมสี ่วนรว่ มของงานกลมุ่ 4.84 สงู มาก
15 ฉันมีความพยายามในการอา่ นหนงั สอื เพื่อเตรยี มสอบ 4.38
4.61
16 ฉันตรงต่อเวลาในการเขา้ เรียน/ส่งงาน
17 ฉันปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของสถาบนั การศึกษา
18 ฉันมคี วามรบั ชอบตอ่ งานท่ีได้รับมอบหมาย
ดา้ นความอดุ สาหะ
ขอ้ ท่ี รายการ (ข้อคาถาม) 4.76 ระดบั
4.38
19 ฉันพยายามทางานใหบ้ รรลุตามเป้าหมาย 4.58 สงู มาก
20 ฉนั มีความพยายามในการแก้ปัญหา 4.46 สงู มาก
21 ฉันมคี วามตัง้ ใจในการทาข้อสอบ สูงมาก
22 ฉนั พยายามขา้ มผ่านทกุ อปุ สรรคทีเ่ ข้ามาทาให้งานท่ีต้อง 4.38 สูงมาก
ทาสาเรจ็ ทุกครัง้ 4.46 สงู มาก
23 ฉันมคี วามอดทนในการทางาน 4.84
ด้านความซอื่ สตั ย์ 4.30 สงู มาก
24 ฉันมคี วามซื่อสัตยส์ จุ ริตทง้ั ต่อตนเองและผูอ้ น่ื 4.38 สูงมาก
25 ฉันรวู้ ่าเม่ือใดควรจะปฏบิ ัตติ นอย่างไรเพ่ือให้เหมาะสม สงู มาก
26 ฉันไม่พูดเท็จ ว่าร้ายผูอ้ ่นื 4.53 สูงมาก
27 ฉันพูดและปฏิบตั ิความจรงิ ท้งั ตอ่ หน้าและลับหลัง 4.84
ดา้ นความเมตตากรณุ า 4.23 สงู มาก
28 ฉันมคี วามจริงใจตอ่ เพ่อื นรว่ มหอ้ ง 4.84 สงู มาก
29 ฉนั เอาใจใส่คนรอบข้าง 4.46 สงู มาก
30 ฉันคอยเป็นกาลังใจให้กบั เพ่อื น 4.53 สูงมาก
31 ฉันชว่ ยเหลอื ผ้อู นื่ โดยไม่หวังผลตอบแทน 4.46 สูงมาก
32 ฉันให้คาปรกึ ษาเม่ือเพ่อื นเจอปัญหา สงู มาก
33 ฉนั มนี ้าใจชว่ ยเหลือผอู้ นื่ สงู มาก
34 ฉันมคี วามเสียสละต่อผอู้ นื่
จากตารางที 4 แสดงให้เหน็ ว่า ผ้เู ข้าร่วมกิจกรรมมีการรับรู้พฤติกรรมดา้ นความรับผดิ ชอบมากทีส่ ดุ มี
คา่ เฉล่ียเทา่ กบั 3.06 ดา้ นการรกั ษาระเบยี บวินยั มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.04 และดา้ นความเมตตากรณุ า มี
ค่าเฉลย่ี เทา่ กบั 2.45 ตามลาดับ
ตอนที่ 2 การวิเคราะหค์ วามพึงพอใจ
ตารางท่ี 15 ร้อยละของคะแนนความพงึ พอใจในการเขา้ ร่วมกิจกรรม รอ้ ยละ
61.53
ขอ้ ท่ี รายการ (ขอ้ คาถาม) 46.15
1 รูปแบบกิจกรรมมคี วามน่าสนใจ 61.53
2 ความสามารถในการดาเนนิ กิจกรรม มคี วามล่นื ไหล / ไมต่ ิดขัด 69.23
3 ความสามารถในการถา่ ยทอดความรแู้ ละสรปุ
4 การประยุกต์และการนาไปใช้
จากตารางที่ 5 แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมท่ีตอบแบบประเมินจานวน 13 คน พบว่า มีความ
พงึ พอใจทกุ ขอ้ อยู่ในระดับมาก โดยในเรอ่ื งการประยกุ ตแ์ ละนาไปใช้มากท่ีสุดคิดเป็นร้อยละ 69.23
ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ
จากการจดั กิจกรรมในฐานคุณธรรมจริยธรรมวิชาชีพ พบว่ามผี ูใ้ หข้ ้อเสนอแนะในประเดน็ ดงั ต่อไปนี้
1. เวลาน้อยเกินไป
2. กิจกรรมมีความน่าสนใจ และสนกุ มาก ๆ
3. มคี วามสนุกสนานมากคะ่
4. ร่วมแลว้ มคี วามสขุ
5. กิจกรรมมีความหลากหลาย สนกุ สนาน ไมน่ า่ เบ่อื
6. เปน็ กจิ กรรมทีส่ นุกมาก ๆ
7. กจิ กรรมมีความสนุกและได้รับความร้มู ากมาย
8. ควรจดั หาเวลาท่ีเหมาะสมกว่านีก้ จิ กรรมใช้เวลายดื ยาวมาก
9. ใหจ้ ดั กจิ กรรมท่ีดีและสนุกสนาน
10. อยากให้เพิ่มเวลามากกว่าน้คี ่ะ เพราพฐานนี้สนุกค่ะ
11. กจิ กรรมสนุกและมคี วามน่าสนใจสามารถนาไปตอ่ ยอดใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้