The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ การเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แผนการจัดการเรียนรู้ การเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ

แผนการจัดการเรียนรู้ การเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ

1.ก 2.ง 3.ง 4.ก 5.ง 6.ก 7.ข 8.ก 9.ง 10.ก

บนั ทกึ หลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
คร้งั ท…่ี ………..วนั ที่…………..…………………..เดือน………………………..พ.ศ. …………………………………..
สถานท…่ี …………………………………………………………………………………………………………………………..
กิจกรรมการเรียนรู้
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
.......................................................................................................................................................................................... ..
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
...................................................................................................................................... ......................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
...................................................................................................................................................... ......................................
สภาพปญั หาทพ่ี บ
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ..............................................................
...................................................................................................................................................... ......................................
วธิ ีแกป้ ญั หา
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
....................................................................................................................................................... .....................................

ลงช่อื ..................................................ผบู้ ันทกึ หลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
(..................................................)

ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ าร

............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................ ....................................................

ลงช่อื .......................................................
(………………………………….)

ผู้อำนวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอยางชมุ น้อย

แผนการเรียนรู้ที่ 1 รายวชิ าการเรียน
ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 เรื่อง สถานการณ์และแนวทางการปอ้ ง

รายวิชา/ ตัวชีว้ ัด เนอื้ หา
หวั เรอ่ื ง

สถานการณ์ 4. บอกสถานการณห์ มอก 3. สถานการณห์ มอกควัน ขนั้ ท่ี 1

และแนว ควนั ในประเทศไทยและ 3.1 สถานการณ์การเกดิ (O: Or

ทางการ ประเทศต่าง ๆ ในโลก หมอกควนั ในประเทศไทย 1. ครทู

ป้องกันและ 5. บอกวิธกี ารเตรียมความ 3.2 สถานการณก์ ารเกิด ประเท

แกป้ ัญหา พร้อมรับสถานการณ์การเกิด หมอกควนั ในเอเชยี 2. ครูส

ผลกระทบท่ี หมอกควัน 3.3 สถานการณ์การเกิด การใหผ้

เกิดจากหมอก 6. บอกวิธปี ฏบิ ตั ขิ ณะเกิด หมอกควันในโลก ผลกระ

ควัน หมอกควนั 4. แนวทางการป้องกนั และ 3. ครแู

แก้ปญั หาผลกระทบที่เกิดจาก ป้องกัน

หมอกควัน ขน้ั ท่ี 2

4.1 การเตรียมความพรอ้ ม (N: Ne

รบั สถานการณ์การเกิดหมอก 1. ครูอ

ควัน ตา่ งๆใน

4.2 การปฏิบตั ิขณะเกิดหมอก จากหม

ควัน 2. ครูใ

4.3 การปฏิบตั หิ ลงั การเกดิ https:

หมอกควัน ขั้นท่ี 3

(I: Imp

1. ครูใ

สถานก

ผลกระ

นรู้สู้ภัยธรรมชาติ 3 รหสั วิชา สค 32032
ย ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563
งกนั และแก้ปัญหาผลกระทบทเี่ กดิ จากหมอกควนั สปั ดาห์ท…่ี …13……

การจัดกระบวนการเรียนรู้ ส่ือและแหล่ง การวัดและ
เรยี นรู้ ประเมนิ ผล
1 กำหนดสภาพ ปญั หา ความต้องการในการเรียนรู้
rientation) 1. หนงั สือเรยี น 1. บนั ทกึ การ
ทักทายผเู้ รยี นและชวนคยุ เร่อื งสถานการณ์หมอกควันใน การเรียนร้สู ้ภู ัย เรียนรู้
ทศไทยและประเทศตา่ งๆในโลก ธรรมชาติ 3 2. การตอบ
สอบถามผเู้ รยี น และเชือ่ มโยงประสบการณ์ของผเู้ รยี น โดย 2. สมุดบนั ทกึ คำถาม
ผู้เรียนยกตัวอย่างแนวทางการป้องกันและแก้ปัญหา กจิ กรรมการ 3. การมีส่วน
ะทบท่เี กิดจากหมอกควัน มาคนละ 1 อยา่ ง เรยี นรู้สภู้ ัย ร่วมในการ
และผ้เู รยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกบั แนวทางการ ธรรมชาติ แลกเปลี่ยน
นและแกป้ ญั หาผลกระทบทีเ่ กดิ จากหมอกควนั 3. เว็บไซตท์ ่ี เรยี นรขู้ อง
2 แสวงหาขอ้ มลู และจัดการเรยี นรู้ เกยี่ วกบั ภยั ผ้เู รียน ไดแ้ ก่
ew ways of learning) ธรรมชาติ ความตง้ั ใจ
อธิบายสถานการณ์หมอกควันในประเทศไทยและประเทศ 4.แบบทดสอบ ความสนใจ
นโลกแนวทางการป้องกนั และแกป้ ญั หาผลกระทบท่ีเกิด 5. ใบความรู้ การแสดง
มอกควนั ความคิดเห็น
ใหผ้ ู้เรยี นดูคลิปวดิ โี อ จาก
://www.youtube.com/watch?v=JlpYGmXuHxg
3 ปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ต์ใช้
plementation)
ใหผ้ ้เู รยี นศึกษาใบความรหู้ นว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 เรื่อง
การณ์หมอกควนั และแนวทางการป้องกนั และแกป้ ัญหา
ะทบท่เี กดิ จากหมอกควัน

รายวชิ า/ ตวั ช้วี ดั เน้อื หา
หัวเรอ่ื ง
2. ครสู
เพม่ิ เติม

ข้ันท่ี 4
1. ให้ผ
2. ครูเฉ
ผ้เู รียน
3. ใหผ้
4. ครูเฉ
เรียนรู้ร

การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื และแหล่ง การวัดและ
เรียนรู้ ประเมนิ ผล
สมุ่ ผูเ้ รยี นตอบคำถามจากใบความรูด้ ังกล่าว และอธบิ าย
มในส่วนท่ีผเู้ รียนยงั ไมเ่ ขา้ ใจ

4 ประเมินผลการเรยี นรู้ (E: Evaluation)
ผเู้ รียนทำแบบฝกึ หัด
ฉลยแบบฝึกหัด และสรุปสงิ่ ทีไ่ ด้เรียนรรู้ ่วมกับผู้เรียน โดย
นบนั ทกึ สิ่งที่ได้เรียนรู้ลงในบันทกึ การเรยี นรู้ของผ้เู รยี น
ผู้เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น
ฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน ครูและผู้เรียนสรุปสิ่งที่ได้
รว่ มกัน

แบบทดสอบก่อนเรียน

คำชแ้ี จง เลือกคำตอบท่ีถกู ต้องท่ีสดุ เพียงคำตอบเดียว
1. ขอ้ ใดแสดงให้เหน็ ถึงโทษภัยของการอยู่ท่ามกลางสภาพทม่ี หี มอกควันมาก
ก. แอน รูส้ ึกเหนือ่ ยเมื่ออากาศรอ้ น
ข. แดน หายใจไม่ทันเม่ือวิง่ ไปนานๆ
ค. แนน ไม่สบายคัน้ เน้ือค้ันตัว
ง. แจน วงิ เวียนศรษี ะแสบตาและจมกู
2. การกระทำในข้อใดไมถ่ ูกต้อง ขณะเกดิ หมอกควัน
ก. เปดิ ประตหู น้าตา่ งเพ่ือใหล้ มพัดผ่าน
ข. ตดิ ตามข้อมลู ขา่ วสารทางวิทยหุ รือโทรทัศน์
ค. สวมแวน่ และใช้หนา้ กากอนามัยปดิ ปากและจมูก
ง. ดแู ลและรักษาชีวติ ของตนเองและครอบครวั มากกวา่ หว่ งทรัพยส์ นิ
3. ภาคใดของประเทศไทยท่ีเกิดหมอกควันมากท่ีสุด
ก. ภาคใต้
ข. ภาคเหนอื
ค. ภาคกลาง
ง. ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื
4. สาเหตุสำคญั ที่ทำให้เกดิ สภาวะโลกรอ้ นคืออะไร
ก. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ข. การกระทำของมนุษย์
ค. การใชพ้ ลังงานมากเกินไป
ง. การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมอิ ากาศ
5. หมอกควนั ตรงกบั ลกั ษณะในขอ้ ใด
ก. ภาวะของอากาศดี
ข. ภาวะทมี่ ีปริมาณฝนุ่ ควัน
ค. ภาวะทม่ี ปี รมิ าณของออกซิเจนในอากาศ
ง. ภาวะท่ีมีการเจือปนของาสารพษิ ในปริมาณท่ีเปน็ อนั ตรายต่อมนุษย์ พืชและสตั ว์
6. หมอกควันตรงกบั ลกั ษณะในขอ้ ใด
ก. ภาวะของอากาศดี
ข. ภาวะท่ีมปี ริมาณฝุน่ ควัน
ค. ภาวะทมี่ ีปรมิ าณของออกซิเจนในอากาศ
ง. ภาวะทมี่ กี ารเจอื ปนของาสารพษิ ในปริมาณทเ่ี ปน็ อนั ตรายต่อมนุษย์ พชื และสตั ว์
7. ขอใดคือผลกระทบท่ีสง่ ผลถงึ ความเสียหายอยา่ งรุนแรงทีส่ ดุ จากการเกดิ หมอกควันจากไฟที่มปี ริมาณมาก
ก. เศรษฐกจิ
ข. การเมือง
ค. สขุ ภาพ
ง. อาชีพ

8. เหตุการณ์ใดท่ีทำใหเ้ กิดหมอกควนั มากทสี่ ดุ
ก. การหาของป่าของชาวบา้ น
ข. การเผาไรน่ า
ค. การเผาเศษหญ้า
ง. การเผาเพือ่ ไลล่ ้ินยุง

9. ปญั หาควนั และฝนุ่ ละอองทส่ี ่งผลกระทบต่อร่างกายมนุษยท์ ร่ี งุ แรงทส่ี ุด คอื ขอ้ ใด
ก. ทำใหเ้ กิดโรคหอบหืด
ข. ทำใหเ้ กิดโรคมะเรง็ ปอด
ค. ทำให้เกดิ โรคถุงลมโป่งพอง
ง. ทำให้หลอดลมอักเสบ

10. สถานณก์ ารใดเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาเร่ืองหมอกควันมากท่สี ุด
ก. งดเวน้ การเผาปา่
ข. อพยพไปอย่ใู นเมือง
ค. งดการเผาพลาสติก โฟม
ง. สร้างความตระหนักปลูกจิตสำนกึ ใหก้ บั ชาวบา้ น

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
1.ง 2.ง 3. ข 4. 5ง. 6. ง 7. ค 8. ข 9.ก 10.ง

ใบความรู้
เรื่อง สถานการณ์หมอกควันและ
แนวทางการปอ้ งกนั และแก้ปัญหาผลกระทบท่ีเกดิ จากหมอกควนั

สถานการณห์ มอกควนั
3.1 สถานการณ์หมอกควันในประเทศไทย สถานการณ์ปัญหาหมอกควันในประเทศไทย ส่วนใหญ่มักจะอยู่

ในพ้ืนทภี่ าคเหนือ ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างย่งิ ปัญหาหมอกควันมักเกิดในชว่ งฤดูแล้ง (มกราคม-เมษายน) ของทกุ ปี
โดยเฉพาะใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย พะเยา ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่
ลำพูน น่านและแพร่ เนื่องจากในพื้นที่ทางภาคเหนือจะประสบปัญหาไฟป่า และการลักลอบเผาในที่โล่ง เช่น การเผา
เศษวัชพืชและการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร การเผาขยะ มูลฝอยและเศษใบไม้ กิ่งไม้ในพื้นที่ชุมชน ประกอบกับภูมิ
ประเทศที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะและมี ภูเขาล้อมรอบ รวมทั้งผลกระทบจากการเผาในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านใน
กลุ่มภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จึง ทำให้เพิ่มความรุนแรงของปัญหายิ่งขึ้น และยังพบว่าในบางพื้นที่ของประเทศ เช่น ยะลา
นราธวิ าส ปัตตานี สงขลา ฯลฯ ประสบปัญหาหมอกควนั เชน่ เดียวกัน โดยเกดิ จากปญั หาหมอกควันข้ามแดน จากไฟป่า
ในเกาะสมุ าตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซ่ึงนอกจากจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในประเทศ อนิ โดนีเซยี แล้ว ปัญหาหมอก
ควนั ขา้ มแดนยังสง่ ผลกระทบตอ่ ประเทศเพื่อนบ้านในภมู ิภาคอาเซียน ได้แก่ ประเทศไทย สงิ คโปร์ มาเลเซยี บรูไน ฯลฯ

3.1.1 สถานการณ์ปญั หาหมอกควันภาคเหนอื

สภาพอากาศทเี่ ต็มไปดว้ ยหมอกควนั ในเชียงใหม่

จากข้อมูลการเฝ้าระวังค่าเฉลี่ยช่วงเวลา 24 ชั่วโมงของฝุ่นละอองที่มีขนาด เล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10)
ของกรมควบคุมมลพิษกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (http://aqnis.pcd.go.th) ในพื้นที่ 8 จังหวัด
ภาคเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 30 เมษายน พ.ศ. 2559 ข้อมูลจากแยกตามจุดตรวจวัดจำนวน 17 แห่ง
พบว่ามีค่าสูงเกินมาตรฐาน (ค่ามาตรฐานเท่ากับ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) อยู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือน
เมษายน

ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 30 เมษายน 2559 จังหวัดที่มีจำนวนวันของค่าฝุ่น ละออง PM10 เกินค่า
มาตรฐานสูงสุด เรียงตามลำดบั ไดแ้ ก่ จงั หวดั เชยี งราย มคี า่ ฝุน่ ละอองเกนิ ค่า มาตรฐานสูงสุดเทา่ กับ 319 ไมโครกรัมต่อ
ลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 รองลงมา ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานสูงสุด
เท่ากับ 264 ไมโครกรัมตอ่ ลกู บาศก์ เมตร เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2559 และจังหวัดนา่ น มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน
สูงสุดเท่ากับ 238 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 จุดตรวจวัดที่มีจำนวนวันที่มีค่าฝุ่นละออง
PM10 เกินค่ามาตรฐานสูงสุด ในช่วง ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 เมษายน 2559 มากที่สุด คือที่จุดตรวจวัด
ตำบลเวยี งพางคำ อำเภอแมส่ าย จงั หวดั เชยี งราย มจี ำนวนวนั ท่ีมีคา่ ฝนุ่ ละอองเกนิ ค่ามาตรฐาน 38 วัน รองลงมาคอื จุด
ตรวจวัดท่ี ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จงั หวัดแม่ฮ่องสอน มีจำนวนวนั ท่มี ีค่าฝนุ่ ละอองเกนิ คา่ มาตรฐาน 25 วัน และทีจ่ ุด

ตรวจวัด ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนวันที่มีค่า ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน 23 วัน 3.1.2
สถานการณ์หมอกควันภาคใต้ สาเหตุหลักของปัญหาหมอกควันภาคใต้ ได้แก่ มลพิษหมอกควันข้ามแดน และ หมอก
ควันจากการเผาพื้นที่พรุในภาคใต้ของไทย เช่น ในเดือนมิถุนายน 2556 จังหวัดในภาคใต้ ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย ได้รับ
ผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนอันมีสาเหตุจากการเผาป่าและพื้นท่ี เกษตรบริเวณตอนกลางของเกาะสุมาตรา
ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เกิดหมอกควันปกคลมุ หนาแน่น ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พดั ควันที่เกิดขึ้นไปยังช่องแคบมะ
ละกา ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ทะเลจนี ใต้ และภาคใตข้ องประเทศไทย โดยจังหวัดท่ไี ดร้ บั ผลกระทบมาก คอื จังหวัด
สงขลา และนราธวิ าส ปริมาณฝ่นุ ละอองขนาดเล็กในจงั หวดั นราธวิ าส สูงสุด 129 ไมโครกรัมตอ่ ลกู บาศกเ์ มตร เมือ่ วันที่
25 มิถุนายน 2556 ซึ่งสูงเกินมาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อ สุขภาพ หลังจากวันที่ 26 มิถุนายน 2556 มี
ฝนตกทง้ั ในพื้นทไ่ี ฟไหม้บรเิ วณตอนกลางของเกาะสุ มาตรา และหลายจังหวดั ในภาคใต้ตอนลา่ ง รวมทง้ั จงั หวัดนราธวิ าส
ทำให้ปริมาณหมอกควันเริ่ม ลดลงตามลำดับ จนคุณภาพอากาศในทุกสถานีตรวจวัดของภาคใต้กลับเข้าสู่ระดับปกติ
สถานการณ์หมอกควันภาคใต้ของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2558 เกิดจากการเผา พื้นที่พรุในเกาะสุมาตรา ประเทศ
อินโดนีเซีย อีกเช่นกัน ควันที่เกิดขึ้นถูกพัดพาโดยลมส่งผลกระทบ ต่อสิงคโปร์ มาเลเซีย และภาคใต้ตอนล่างของ
ประเทศไทย

สภาพหมอกควนั ในจงั หวัดสงขลา จากหมอกควนั ข้ามแดนจากอนิ โดนีเซียใน

ข้อมูลคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในภาคใต้ของกรม ควบคุมมลพิษ ตั้งแต่ช่วงปลาย
เดือนสิงหาคม 2558 ต่อเนื่องถึงต้นเดือนกันยายน 2558 พบค่าฝุ่น ละออง PM10 เกินค่ามาตรฐานสูงสุด 136
ไมโครกรมั ต่อลูกบาศกเ์ มตร ในวนั ท่ี 3 กนั ยายน 2558 ท่อี ำเภอหาดใหญ่ จังหวดั สงขลา สูงเกนิ เกณฑ์มาตรฐานและอยู่
ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ หลังจากนั้นปริมาณฝุ่นละอองในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยได้ลดลงจนอยู่ใน
เกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ แม้ว่าจะยังพบการเผาและการปกคุลมของหมอกควันเหนือ
เกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2558 ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ของ
ประเทศไทยเริ่มลดลง ส่งผลให้หมอกควันจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียที่ถูกพัดมายังประเทศ มาเลเซีย ลอยขึ้นมาส่งผล
กระทบกับภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยอีกครั้ง หลายจังหวัดใน ภาคใต้เกิดสภาพฟ้าหลัว มีหมอกควันปกคลุมที่
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ประชาชนได้กลิ่น ควันไฟ และเกิดอาการแสบตาแสบจมูก พบการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่น
ละอองอย่างชัดเจนทุกจังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต สงขลา ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และจังหวัดสตูล โดย
ในระหว่าง วันที่ 5-8 ตุลาคม 2558 พบปริมาณฝุ่นสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อ สุขภาพใน
หลายจงั หวัด โดยเฉพาะจงั หวดั สตลู ทีพ่ บปริมาณฝุน่ ละอองสูงสุดถงึ 210 ไมโครกรมั ต่อ ลกู บาศก์เมตร ทำใหป้ ระชาชน
ในพน้ื ท่มี ีเกิดผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ

ปัญหาหมอกควันข้ามแดนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของไทยอาจได้รับผลกระทบ จากหมอกควันข้ามแดนใน
ลักษณะเป็นครั้งคราว จากปรากฏการณ์“เอลนิญโญ” ระดับปานกลาง ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ในปี พ.ศ. 2558 ทำให้
หน้าแล้งของอินโดนีเซียซึ่งปกติอยู่ในช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม ยาวนานไปจนถึงกลางเดอื นตุลาคม หากภาวะแห้ง
แล้งเกิดติดตอ่ กันหลายวนั โดยไม่มีฝนตกจะเป็นปจั จยั ให้เกิดการเผาป่าและพื้นท่ีเกษตรเพ่ิมข้นึ เมอื่ ประกอบกับอิทธิพล

ของ ลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ ซึง่ จะพดั พาหมอกควันเขา้ ส่ปู ระเทศท่ีอยู่ทางตอนบนของเกาะสุมาตรา ซ่งึ รวมถึงภาคใต้
ของประเทศไทย กจ็ ะไดร้ บั ผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนดว้ ยเช่นกัน 3.2 สถานการณ์หมอกควันในเอเชีย ประเทศ
ในแถบทวีปเอเชียหลายประเทศประสบภาวะหมอกควันที่สร้างความรำคาญ และเป็นอันตรายต่อผู้คนจำนวนไม่น้อย
เช่น อนิ โดนเี ซีย มาเลเซีย จีน อนิ เดยี เป็นต้น 3.2.1 สถานการณ์หมอกควันในอนิ โดนีเซยี จากการเกิดไฟป่าคร้ังใหญ่บน
เกาะสุมาตราของอินโดนเี ซียในเดือนมิถนุ ายน 2558 หมอกควนั จากไฟป่าลอยปกคลุมท้องฟา้ ของประเทศเพ่ือนบ้านคือ
มาเลเซียและสิงคโปร์ ก่อให้เกิดมลพิษในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์
พยายามกดดันให้อินโดนีเซียลงโทษผู้ที่เป็นต้นตอของไฟป่า แต่ทางอินโดนีเซียโต้กลับว่าไฟป่า ดังกล่าวเกิดขึ้นจาก
โรงงานเกษตรทีม่ ีเจ้าของเป็นชาวมาเลเซียและชาวสงิ คโปร์เอง โดยเฉพาะ โรงงานผลิตน้ำมันปาลม์ ของมาเลเซยี บนเกาะ
สุมาตราที่ยังคงใช้วิธีเผาตอของต้นปาล์มท่ีตดั แล้ว เพื่อแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนจากไฟป่าในเกาะสุมาตราและกาลิ
มันตันใน ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งกลายเป็นปัญหาหมอกควันที่สร้างมลพิษในประเทศเพื่อนบ้านและมี แนวโน้มรุนแรง
มากขึ้นทุก ๆ ปีจึงได้มีการประชุมหารือของผู้แทนจากประเทศสมาชิกสมาคม อาเซียน 5 ประเทศ คือ มาเลเซีย บรูไน
อินโดนีเซยี สงิ คโปร์และไทย เกี่ยวกบั ปัญหาไฟป่า ซึง่ ใช้ ช่ือวา่ การประชุมระดับรฐั มนตรีว่าดว้ ยปัญหามลพิษจากหมอก
ควนั ข้ามพรมแดน โดยมีการประชุม ต่อเนือ่ งมาตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2549 จนกระท่ังปีพ.ศ. 2559 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพ
การประชุม คณะทำงานอาเซียนเพื่อยกร่างโรดแมปอาเซียนปลอดหมอกควันขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อกำหนด
เป้าหมายตัวชี้วัด มาตรการ แนวทางการดำเนินงาน และยกร่างเป็นโรดแมปอาเซียนปลอดหมอก ควัน เพื่อเปลี่ยนให้
ภูมภิ าคอาเซียนเป็นภูมภิ าคปลอดหมอกควันภายในปี พ.ศ. 2563

3.2.2 สถานการณ์หมอกควนั ในมาเลเซยี
ประเทศมาเลเซีย เปน็ อีกประเทศหนึ่งท่ีได้รับผลกระทบและความเดือดร้อน จากปัญหาหมอกควันเช่นกัน ท่ี
กรุงกัวลาลัมเปอร์เผชิญปัญหาหมอกควันจากไฟป่าเมื่อย่างเข้าฤดู ร้อน ส่งผลให้มลพิษในอากาศเพิ่มสูงจนถึงขั้นเป็น
อันตรายต่อสขุ ภาพ ดชั นีมลพษิ ทางอากาศใน มาเลเซยี บางปีพงุ่ สูงถึง 150 ใน 7 พืน้ ที่ โดยเฉพาะกรุงกวั ลาลัมเปอร์และ
รัฐสลังงอรซ์ ึ่งเป็น ศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ค่ามลพิษในอากาศระหว่าง 100-200 ซึ่งถือว่าอยูใ่ นขั้น “ไม่ดีตอ่
สุขภาพ” บางวนั สถานการณห์ มอกควันหนาทึบ ใจกลางกรุงกวั ลาลมั เปอร์มีทศั น์วิสยั ในการ มองเหน็ ลดลงเหลอื ไม่ถึง 1
กิโลเมตร ขณะทีต่ ึกแฝดปิโตรนาสซ่งึ เป็นสญั ลกั ษณท์ ี่โดดเดน่ ของเมือง กถ็ กู หมอกควนั บดบังจนเหน็ ไม่ชดั เจน

หมอกควนั ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซยี
กระทรวงสิ่งแวดล้อมมาเลเซีย ระบุว่า ปัญหาหมอกควันพิษมักเกิดจากประเทศ เพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซยี
ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์เผชิญวกิ ฤตหมอกควันครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ สิบปี ซึ่งมีสาเหตุมาจากการแผว้ ถางและเผาปา่
เพื่อเตรียมพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันบนเกาะสุมาตรา ของอินโดนีเซีย ประเทศเพื่อนบ้านต่างพยายามกระตุ้นให้รัฐบาล
อนิ โดนีเซียรบั รองและลงนามใน ขอ้ ตกลงของอาเซียนวา่ ดว้ ยปัญหามลพิษจากหมอกควนั ข้ามพรมแดนหรือ AATHP ซึ่ง
คือ การกำหนดให้ทุกประเทศในอาเซียนยอมรับว่าหมอกควันจากไฟป่านั้นเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งต้องอาศัย

ความร่วมมือของประเทศต่าง ๆ ในการจัดการร่วมกัน และประเทศที่ร่วมลงนามต้อง น ามาตรการป้องกัน ตรวจสอบ
และเตือนภยั ไฟป่าท่เี ป็นมาตรฐานเดยี วกันมาปรับใช้ รวมถงึ การ แลกเปล่ยี นขอ้ มูลข่าวสารระหวา่ งประเทศด้วย ถือ
เปน็ ข้อตกลงระหว่างประเทศฉบับแรกในโลกท่ี ผกู มดั ประเทศสมาชิกให้ช่วยกันแก้ไขและจัดการปัญหาหมอกควันท่ีเกิด
จากไฟปา่ ในประเทศใด ประเทศหนึ่งร่วมกัน

3.2.3 สถานการณห์ มอกควนั ในจีน
จีนเป็นประเทศทีป่ ระสบกับปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศ โดยจีนมี ระบบการจัดระดับมลพิษทาง
อากาศอยู่ 4 ระดับ โดยระดับที่ร้ายแรงที่สุดคือ สีแดง รองลงมาเป็น สีส้ม ตามมาด้วย สีเหลือง และสีฟ้าตาม
ลำดับเม่ือเขา้ สู่เดือนตลุ าคม กรงุ ปักกิง่ ของจนี มักจะ ประสบกับปญั หาหมอกควนั พิษ เช่นในเดอื นตุลาคม 2557 รัฐบาล
จีนต้องประกาศยกระดับเตือน ภัยมลพิษทางอากาศเป็นระดับสีส้มซึ่งหมายถึง “มีอันตรายต่อสุขภาพ” ทั้งนี้ดัชนี
คุณภาพอากาศ อย่างเปน็ ทางการของปกั ก่งิ ในช่วงวนั ท่ี 9 ตลุ าคม 2557 และปรากฏวา่ ผลการวดั ระดบั ฝนุ่ ละออง ขนาด
2.5 ไมครอน (PM2.5) ซ่ึงเป็นฝุ่นละอองขนาดละเอยี ด ซง่ึ จะเปน็ อันตรายต่อปอดนั้น สูงถึง 455 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์
เมตร หรือสูงกว่าค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกระบุไวถ้ ึง 18 เท่า ปลายปี พ.ศ.2558 จีนมีการประกาศยกระดับภัย
มลพิษทางอากาศเป็นระดับ สีแดง (สงู สุด) ถงึ สองครั้ง เน่ืองจากมีค่าฝุ่นละอองพิษขนาดเล็กจิ๋ว 2.5 ไมโครเมตร สูงเกิน
400 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มากกว่าค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกถึง 16 เท่า (ค่าสูงสุดที่ วัดได้ 1400
ไมโครกรัมหรือเกินมาตรฐาน 56 เท่าในเดือนพฤศจิกายน 2558) ฝุ่นละอองขนาด ละเอียดนี้สามารถลอดผ่านระบบ
กรองอากาศของร่างกายมนษุ ยเ์ ขา้ ไปสะสมอยู่ในถุงลมปอดได้ เมอื่ สะสมมากก็มคี วามเสีย่ งเป็นมะเร็งปอดมากข้นึ หมอก
ควนั พิษยังทำให้ทัศนว์ สิ ัยเลวลงสามารถ มองเห็นได้แคใ่ นระยะทางเพียง 500 เมตรนานนับเดือนบางวันมองเห็นได้เพียง
ระยะ 100 เมตร เท่านั้น ทางการจึงต้องสั่งปิดการจราจรในถนนสายหลักหลายสาย และเตือนให้ประชาชนสวมใส่
หน้ากากกนั มลพิษกอ่ นออกจากบา้ น

สภาพปญั หาหมอกควนั ในกรงุ ปกั ก่งิ ของจนี
กรมควบคุมมลภาวะและสิ่งแวดล้อมของปักกิ่งชี้แจงว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหา ของหมอกควันพิษเลวร้าย
ลง เนื่องจากสภาพอากาศท่ไี มเ่ อ้ืออำนวย ทำใหอ้ ากาศเสียไมส่ ามารถ ระบายออกไปได้ จงึ ลอยไปปกคลุมมณฑลและหัว
เมอื งรอบ ๆ กรงุ ปักกง่ิ ประกอบกบั การเผาฟาง ข้าวตามชนบทในมณฑลเหอเป่ย เหอหนาน และซานตง ว่ามสี ่วน ทำให้
สถานการณห์ มอกควัน เลวรา้ ยลง หลายปที ผี่ า่ นมารฐั บาลจนี พยายามแก้ไขปัญหานี้ในปักกิง่ และเมืองข้างเคียง โดยการ
ออกมาตรฐานต่าง ๆ อยา่ งจริงจังเเละเขม้ งวดมากขน้ึ แต่ปัญหาก็ยังมแี นวโน้มรนุ แรงขึน้ ทกุ ปี
3.2.4 สถานการณ์หมอกควันในอินเดีย อินเดียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ประสบปัญหาคุณภาพอากาศใน
กรุงนิวเดลี เลวร้ายลงตลอดช่วงหลายปีทีผ่ ่านมา เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองพร้อมกับ การขยายตัวของ
ยวดยานพาหนะเคร่ืองยนตด์ เี ซล มลภาวะจากโรงไฟฟ้าถ่านหินและอุตสาหกรรม นอกจากนใี้ นช่วงหลังเทศกาลดิวาลีหรื

อดิปาวาลี หรอื เทศกาลแหง่ แสงไฟ ซึ่งถอื เปน็ วันขึ้นปีใหม่ ของชาวฮนิ ดู มีการเฉลมิ ฉลองทั่วประเทศนานติดต่อกันถึง 5
วัน ด้วยแสงไฟจากตะเกียงดินเผา เทียน ดอกไม้ไฟ พลุ และประทัด ปรากฏว่าหลังผ่านพ้นเทศกาลนี้เพียงแค่วันเดียว
คา่ มลพิษทาง อากาศในกรุงนิวเดลีพุ่งขน้ึ จนอยใู่ นระดบั “ร้ายแรง” โดยมีคา่ PM2.5 หรือความหนาแน่นของ อนภุ าคใน
อากาศ สูงกวา่ 250 เกินเกณฑ์ปลอดภยั ทอี่ งคก์ ารอนามัยโลกแนะนำ 10 เทา่

สภาพหมอกควนั ในกรุงนวิ เดลีของอินเดยี
รายงานของธนาคารโลกระบุว่าชาวอินเดียในเมืองใหญ่มีอายุขัยส้ันลงเนื่องจาก มลพิษทางอากาศ ซึ่งสร้าง
ความสูญเสียทางเศรษฐกิจให้แก่อินเดียราว 18,000 ล้านดอลล่าร์ต่อปี ขณะที่เด็กอินเดียในกรุงนิวเดลีราว 1 ใน 3 มี
ปัญหาเกยี่ วกบั ปอด ส่วนอัตราการเสยี ชีวิตกอ่ นวัยอัน ควรของเด็กทารกกเ็ พิ่มขน้ึ อยา่ งน่าตกใจ คอื ประมาณ 1 คนต่อ 1
ชวั่ โมง อันเป็นผลมาจากโรคท่ี เกย่ี วกับมลพษิ ทางอากาศ
3.3 สถานการณ์หมอกควันของโลก
สถานการณ์การเกิดหมอกควัน นับเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับสิ่งมีชีวิต ทั้งคน สัตว์พืชและ
สิ่งแวดล้อมอย่างมากมาย ทุกทวีปทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบและความ เดือดร้อนจากหมอกควันเป็นประจำทุกปี โดย
สว่ นใหญ่แล้ว ปญั หามลพษิ จากหมอกควันท่สี ร้าง ความเดอื ดร้อนให้เรามากทีส่ ุด เป็นหมอกควันจากการเผาป่า ทั้งที่ป่า
ถูกเผาโดยธรรมชาติและการ กระทำของมนุษย์ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงมลพิษของหมอกควันจากการเผาผลาญของ
ยวดยาน พาหนะ การเผาขยะมูลฝอย ใบไมใ้ บหญา้ และเศษวสั ดทุ างการเกษตรด้วย ความเสียหายและความ รนุ แรงของ
หมอกควันแตล่ ะทวีปมมี ากน้อยแตกต่างกันไป ตอ่ ไปน้เี ป็นเพยี งตัวอย่างของหมอกควัน จากทวีปตา่ ง ๆ ทั่วโลกท่ีเกิดขึ้น
และสร้างความเดอื ดรอ้ นให้กบั สง่ิ มชี ีวิตและส่งิ แวดลอ้ มในพ้นื ท่ี และบรเิ วณใกลเ้ คียง
3.3.1 สถานการณ์หมอกควันในอเมริกา
ในประเทศสหรัฐอเมริกา มักเกิดไฟป่าขึ้นบ่อยคร้ัง เนื่องจากสภาพแวดล้อม และสภาพอากาศที่แห้งแล้ง
มลี มแรง และอากาศร้อน โดยเฉพาะในชว่ งปลายฤดูใบไมผ้ ลิไปจนถงึ ฤดูใบไมร้ ว่ ง จงึ มักทำใหเ้ กดิ ไฟปา่ ท่ีมีความรุนแรง
ในระดับปานกลางไปจนถงึ ระดบั รา้ ยแรงได้

ภาพถ่ายดาวเทียมทแ่ี สดงใหเ้ ห็นควันทเ่ี กิดจากไฟไหมป้ ่าในรฐั แคลฟิ อร์เนยี สหรัฐอเมริกา

จากเหตุการณ์การเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกาหลายรัฐ ทั้งพื้นที่ทาง ตะวันตกเฉียงใต้ของเขตภูเขา

เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด และหลายรัฐในฝั่งตะวันตกของสหรัฐ เช่น ในปี พ.ศ. 2558 กรมป่าไม้และการป้องกัน

อัคคภี ยั ของรฐั แคลิฟอร์เนียมีบันทึกไว้ว่า เกดิ ไฟ ไหมป้ ่าทว่ั ทง้ั รัฐแคลิฟอร์เนยี ถึง 6,337 ครงั้ หนึ่งในเหตุการณ์ไฟป่าที่มี

ความรุนแรงมาก คือ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 ได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าครัง้ ใหญส่ ดุ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และในปี

พ.ศ. 2559 ในช่วงระยะเพียงครึ่งปี (ถึงเดือนมิถุนายน 2559) ได้เกิดไฟไหม้ป่าทั่วทั้งรัฐ แคลิฟอร์เนียถึง 2,017 ครั้ง ไฟ

ป่าได้เผาพลาญพื้นที่ไปแล้วถึง 68.07 ตารางกิโลเมตร (42,543 ไร่) จากสภาวะปรากฏการณ์เอลนีโญที่เกิดขึน้ ในช่วงปี

พ.ศ. 2558-2559 สภาพอากาศที่แห้งแล้งเป็น ปัจจัยเอื้ออำนวยให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว อีกทั้งการเกิดฟ้าผ่ายังเป็น

สาเหตุทีท่ ำให้เกิดไฟปา่ ใน หลายพื้นทีพ่ รอ้ ม ๆ กันไฟป่าเหล่านีท้ ำให้เกิดหมอกควันและมลพิษซึ่งแผ่ขยายไปในวงกว้าง

แม้ ทางการสหรัฐจะใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ช่วยในการดับไฟ แต่ด้วยสภาวะที่แห้งแล้งประกอบกับมีลม กรรโชกแรงขณะ

เกิดไฟป่า ทำหมอกควันถกู พดั ไปในระยะทางไกล ส่งผลตอ่ การดำเนนิ ชวี ิตของ ผู้คนจำนวนไมน่ อ้ ยในแต่ละปี

3.3.2 สถานการณ์หมอกควันในออสเตรเลีย

ออสเตรเลยี เปน็ ประเทศท่ีเกิดไฟปา่ บ่อยคร้งั ในชว่ งฤดูร้อนของทกุ ปี ซึ่งเปน็ ชว่ งทีม่ ีอากาศร้อน และแห้งแล้ง

มาก และในแต่ละปีไฟป่าจะส่งผลกระทบต่อการเกิดเพลิงไหม้ ครอบคลุมพื้นที่กว้างนับแสนไร่ และก่อให้เกิดความ

เสียหายต่อทรัพย์สินและการสูญเสียชีวิตมนุษย์ ไปไม่น้อย ซึ่งทำให้เกิดปัญหาหมอกควัน โดยเฉพาะที่นคร

ซิดนีย์ของออสเตรเลีย ถูกปกคลุมด้วย หมอกควันไฟจากไฟป่าที่ยังลุกไหม้อยู่ในเขตบลูเมาท์เท่น รัฐนิวเซาธ์เวลส์

บางครั้งทำให้แทบมอง ไม่เห็นสะพานซิดนีย์ฮาเบอร์บริดจ์ และโอเปราเฮาส์ สัญลักษณ์ของเมือง ขณะที่บางพื้นที่ค่า

มลภาวะในอากาศพุ่งสูงจากระดับปกติถงึ 15 เท่า หน่วยงานด้านสาธารณสุขของเมืองเตือน ประชาชนให้หลีกเล่ียงการ

อยกู่ ลางแจ้ง โดยเฉพาะผู้ท่ีเป็นโรคหอบหดื โรคหัวใจ และแพ้ควนั

3.3.3 สถานการณห์ มอกควันในยุโรป

ทวีปยโุ รป เปน็ ทวปี ท่ีมีอาณาเขตกว้างขวาง ประกอบด้วยประเทศต่าง ๆ จำนวนมาก และเปน็ อีกทวีปหน่ึงท่ี

ประสบปัญหาหมอกควนั ปกคลุมหลายพ้นื ท่ี ทั้งนสี้ าเหตุส่วน ใหญ่เกดิ จากไฟป่า นอกจากหมอกควนั ทีเ่ กดิ จากไฟป่าแล้ว

การปะทุของภูเขาไฟ นับเป็นสาเหตุ สำคัญอีกประการหนึ่งของการเกิดหมอกควัน เห็นได้จากในเดือนเมษายน 2553

ภเู ขาไฟใน ประเทศไอซ์แลนดเ์ กิดการปะทุขึ้นมา ทำใหเ้ กิดลาวาและขเ้ี ถา้ ภูเขาไฟเปน็ เหมือนหมอกควนั ลอยฟุ้งกระจาย

บริเวณกว้างปกคลุมน่านฟ้าในทวีปยุโรป ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินของสายการบิน หลายประเทศในทวีปยุโรป เช่น

ประเทศสวิตเซอรแ์ ลนด์ เนเธอรแ์ ลนดอ์ ิตาลฟี ินแลนดฮ์ งั การี โรมาเนีย และสหรฐั อาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น

ภูเขาไฟในไอซ์แลนดป์ ะทุพ่นเถ้าถา่ นและกลุม่ ควันปกคลุมพื้นทสี่ ่วนใหญข่ องทวปี ยุโรปเม่ือปี พ.ศ. 2553
ทำใหห้ ลายประเทศต้องปดิ การจราจรทางอากาศ

แนวทางการปอ้ งกนั และการแกไ้ ขปัญหาผลกระทบทีเ่ กิดจากหมอกควัน

4.1 การเตรยี มความพรอ้ มรบั สถานการณก์ ารเกิดหมอกควัน

หมอกควัน เป็นปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีและทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน

ภาคเหนือของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน แพร่ น่านหรือจังหวัดเชียงราย

สาเหตุหลักเกิดจากไฟป่า ฝุ่นละอองจากท้องถนน ควันจาก ภาคอุตสาหกรรม และเขม่าจากน้ำมันดีเซล ทำให้คุณภาพ

อากาศแย่ลง ประกอบกับสภาพภูมิ ประเทศซง่ึ มภี ูเขาล้อมรอบทำให้มลพิษต่าง ๆ ถกู กักไวแ้ ละแผ่ปกคลุมทั่วเมือง จาก

ผลวิจัยพบ ปรมิ าณผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดนิ หายใจในจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชยี งใหมแ่ ละ เชยี งราย

เพมิ่ ข้นึ ทกุ ปใี นการเตรยี มตวั ให้พร้อมเพื่อรบั มอื กบั สถานการณห์ มอกควันท่อี าจจะเกดิ ขนึ้ นัน้ สามารถปฏิบัติ

ได้ดงั นี้

4.1.1 ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกัน ลด ละ เลิก หรือหลีกเลี่ยงการเผาหรือการทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิด

ฝ่นุ ควนั เพิ่มข้นึ

4.1.2 หากเรามีความรู้เรื่องปัญหาหมอกควัน ก็ควรให้ความรู้แก่ผู้อื่นว่าการก่อ มลพิษทางอากาศทุก

ชนดิ โดยเฉพาะการเผา นอกจากจะบ่ันทอนสุขภาพตัวเองแลว้ ยงั บ่ันทอน สขุ ภาพของผู้อ่ืนอีกด้วย นอกจากนีก้ ารเผายัง

ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 220 อาจถูกปรบั ถึง 14,000 บาท จำคกุ ถงึ 7 ปี หรือทง้ั จำทง้ั ปรับได้

4.1.3 ทุกคนมสี ว่ นรว่ มในการเกบ็ ใบไม้ก่ิงไมเ้ พ่ือทำปยุ๋ หมกั แทนการเผา

4.1.4 พยายามลดการสร้างหรือเพิ่มจำนวนขยะ เมื่อมีขยะในครัวเรือนอาจใช้วิธี แยกขยะอย่างถูกวิธี

เพ่อื ลดปริมาณขยะทมี่ กั เปน็ สาเหตขุ องการเผา

4.1.5 หากเราเป็นเจ้าของที่ดินควรดูแลที่ดินของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เช่น มีการ แผ้วถางและปลูก

ตน้ ไม้ เพอ่ื ป้องกนั มใิ ห้มกี ารเผาเกิดขึ้น

4.1.6 ถา้ สามารถทำไดค้ วรปลกู ต้นไมใ้ หญ่และไม้พุ่มรวมท้งั ไม้ในรม่ เพ่ิมมากขนึ้

4.2 การปฏบิ ตั ิตนขณะเกิดหมอกควัน

4.2.1 การดูแลตนเอง

1) ติดตามสถานการณ์มลพษิ และหมอกควันอยู่เสมอ ดูสขุ ภาพและหลีกเลยี่ ง สถานท่ีมคี วนั ไฟ

หรือหมอกควัน

2) รกั ษาความสะอาดโดยใชน้ ำ้ สะอาดกลั้วคอ แล้วบ้วนทิ้งวันละ 3-4 ครงั้

3) งดเว้นการสบู บหุ ร่ีและงดกจิ กรรมการเผาท่จี ะเพิ่มปัญหาควันมากขึน้

4) หลีกเลี่ยงการออกก าลังกายและการทำงานหลักที่ต้องออกแรงมากใน บริเวณหมอกควัน

5) กรณีทีจ่ ำเปน็ ตอ้ งอยู่ในบริเวณทม่ี หี มอกควัน ควรสวมแว่นตา เพอื่ ป้องกัน การระคายเคืองตา

และควรใช้หน้ากากอนามัยปิดปากและจมกู หรือใช้ผ้าที่ทำจากฝา้ ยหรือลินิน มาทบกันหลายชั้นคาดปากและจมูกแทน

หน้ากาก และควรใช้น้ำพรมที่ผ้าดังกล่าวให้เปียกหมาด ๆ เพื่อช่วยซับกรองและป้องกันฝุ่นละอองได้ดีขึ้น และ

ควรเปลย่ี นใหมห่ ากหน้ากากสกปรกหรอื เร่มิ รู้สกึ อึดอัดหายใจไมส่ ะดวก

6) สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง ไม่ขับรถเร็ว เปิดไฟหน้ารถหรือ

ไฟตัดหมอก จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น เว้นระยะห่างจากรถคันหน้า ให้มากกว่าปกติ ไม่แซงหรือเปลี่ยน

ช่องทางกะทันหนั หากทัศนว์ ิสัยแยม่ ากจนมองไมเ่ หน็ เส้นทาง ให้จอดรถในบริเวณทป่ี ลอดภยั

4.2.2 การดแู ลผู้ทเี่ ปน็ กลุ่มเสี่ยง

1) ให้การดูแลอย่างใกล้ชิดและหมั่นสังเกตอาการของผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก คนชรา ผู้ป่วย

ด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ และโรคเกี่ยวกับหัวใจและ หลอดเลือด หากพบอาการผิดปกติเช่น

หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ควรรีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านเพื่อรับการ

รักษาพยาบาลอย่างทันทว่ งที

2) ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยโรคปอด หอบหืด โรคหัวใจ เด็ก หญิงตั้งครรภ์และ คนชรา ให้พักผ่อนอยู่ในบ้าน

รวมทง้ั ควรเตรียมยาและอปุ กรณ์ทจี่ ำเป็นใหพ้ รอ้ ม

4.2.3 การดแู ลบ้านเรอื น
1) หากจำเป็นตอ้ งอยู่ในสถานที่ท่ีมฝี นุ่ ละอองติดต่อกันยาวนาน เกินกวา่ สปั ดาห์ หรือเป็นเดือน ควร

เตรียมความพร้อมดา้ นการกรองอากาศในที่อยู่อาศัย เชน่ ติดระบบ กรองอากาศในบา้ น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบของฝุ่น
ต่อร่างกายได้ โดยเลือกใช้ระบบกรองอากาศที่ เหมาะสม และสามารถถอดออกมาล้างได้และควรเปลี่ยนหรือหมั่นล้าง
ระบบกรองอากาศเปน็ ประจำในระยะยาว

2) หากท่พี ักอาศัยไม่มีระบบระบายอากาศหรือระบบปรับอากาศ ต้องปิด ประตูหนา้ ต่างไม่ให้ควันไฟ
หรอื หมอกควนั เข้ามาในอาคาร

3) บริเวณพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณบ้านควรปลูกพืชคลมุ หน้าดนิ ไว้ เพื่อลด โอกาสที่ฝุ่นละอองจะลอยฟุ้ง
ขนึ้ มาในอากาศได้

4) การเปิดพัดลมในอาคารบ้านพัก ควรเป่าลงกระทบผิวน้ำก่อน จะช่วยลด ปริมาณฝุ่นละอองใน
อากาศได้

5) งดการรองรับน้ำฝนไว้ใช้อุปโภคชั่วคราว แต่ถ้าหากจำเป็นต้องรองน้ำ ควร รองน้ำไว้ในช่วงเวลาท่ี
มั่นใจว่านำ้ ฝนชะลา้ งสารมลพิษทางอากาศ ในบรรยากาศหมดไปแล้ว

4.2.4 การดแู ลชมุ ชน
1) ช่วยกันดูแล ไม่ให้มีการเผาวัสดุทุกชนิดและการประกอบกิจกรรมใด ๆ ที่ ก่อให้เกิดหมอกควันใน

พ้ืนท่ี เช่น เผาขยะมูลฝอย เผาหญ้า เผาตอซงั ข้าว เปน็ ต้น รวมทง้ั งดการเผา วัสดุ และหญา้ แหง้ ในเขตชมุ ชน ริมขา้ งทาง
ใกลแ้ นวชายป่าและในป่า เพราะจะส่งผลให้ สถานการณห์ มอกควันรุนแรงมากข้นึ

2) ดับเครื่องยนต์ของยานพาหนะทุกชนิด ทุกครง้ั เม่ือจอด
4.3 การปฏิบตั ติ นหลังเกิดหมอกควนั

4.3.1 ตดิ ตามรบั ฟังข่าวสารและข้อมลู จากทางราชการอยา่ งใกลช้ ดิ เพอื่ ใหเ้ กิดความ เขา้ ใจและมีการ
ปฏบิ ตั ติ วั ได้อย่างถกู ต้อง

4.3.2 เมื่อมีอาการผดิ ปกติหลังจากสดู ดมหมอกควัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ใบงาน
เรอื่ ง สถานการณห์ มอกควนั และ
แนวทางการป้องกันและแก้ปญั หาผลกระทบท่ีเกิดจากหมอกควนั

1 ใหผ้ ู้เรยี นอธบิ ายถึงสถานการณ์หมอกควนั ในประเทศไทย
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................................................................................
.............................................. ......................................................................................... .....................................................
.................................................................................................................. ..........................................................................
........................................................................................................................................... .................................................
.................................................................................. ..........................................................................................................
............................................................. ......................................................................................... ......................................
............................................................................................................................. ...............................................................

2 ให้ผเู้ รียนอธบิ ายวธิ เี ตรียมความพร้อมรบั สถานการณ์การเกดิ หมอกควันและวิธปี ฏิบัตติ นขณะเกดิ หมอกควัน
................................................................................................. ......................................................................................... ..
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................ ......................................................................................... .......................................................
............................................................................................................... .............................................................................
......................................................................................................................................... ...................................................
............................................................................................................................................................................................
.......................................................... ......................................................................................... .........................................
............................................................................................................................. ...............................................................
....................................................................................................................................................... .....................................

แบบทดสอบหลังเรยี น

คำชี้แจง เลือกคำตอบท่ีถูกต้องทส่ี ดุ เพยี งคำตอบเดียว
1. ข้อใดแสดงใหเ้ หน็ ถึงโทษภัยของการอยทู่ ่ามกลางสภาพท่มี หี มอกควนั มาก
ก. แอน รสู้ ึกเหนอ่ื ยเมื่ออากาศรอ้ น
ข. แดน หายใจไม่ทนั เม่ือวง่ิ ไปนานๆ
ค. แนน ไม่สบายคน้ั เนื้อค้นั ตัว
ง. แจน วงิ เวียนศรีษะแสบตาและจมูก
2. การกระทำในข้อใดไม่ถูกต้อง ขณะเกิดหมอกควัน
ก. เปิดประตูหนา้ ต่างเพื่อใหล้ มพดั ผ่าน
ข. ตดิ ตามข้อมูลข่าวสารทางวทิ ยุหรอื โทรทศั น์
ค. สวมแว่น และใช้หน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก
ง. ดแู ลและรกั ษาชวี ิตของตนเองและครอบครวั มากกวา่ ห่วงทรพั ยส์ นิ
3. ภาคใดของประเทศไทยทเ่ี กิดหมอกควันมากทสี่ ดุ
ก. ภาคใต้
ข. ภาคเหนือ
ค. ภาคกลาง
ง. ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
4. สาเหตุสำคัญทท่ี ำให้เกิดสภาวะโลกรอ้ นคืออะไร
ก. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ข. การกระทำของมนุษย์
ค. การใชพ้ ลงั งานมากเกนิ ไป
ง. การเปล่ียนแปลงของสภาพภูมอิ ากาศ
5. หมอกควนั ตรงกับลกั ษณะในขอ้ ใด
ก. ภาวะของอากาศดี
ข. ภาวะที่มีปรมิ าณฝุ่นควนั
ค. ภาวะท่มี ีปริมาณของออกซิเจนในอากาศ
ง. ภาวะทม่ี กี ารเจอื ปนของาสารพิษในปริมาณที่เปน็ อนั ตรายตอ่ มนษุ ย์ พชื และสัตว์
6. หมอกควนั ตรงกับลักษณะในข้อใด
ก. ภาวะของอากาศดี
ข. ภาวะท่มี ีปริมาณฝนุ่ ควัน
ค. ภาวะท่ีมปี รมิ าณของออกซิเจนในอากาศ
ง. ภาวะทมี่ ีการเจอื ปนของาสารพษิ ในปริมาณที่เป็นอนั ตรายตอ่ มนุษย์ พชื และสตั ว์
7. ขอใดคือผลกระทบทีส่ ่งผลถึงความเสยี หายอยา่ งรนุ แรงที่สุดจากการเกิดหมอกควนั จากไฟทีม่ ีปริมาณมาก
ก. เศรษฐกิจ
ข. การเมอื ง
ค. สขุ ภาพ
ง. อาชีพ

8. เหตุการณ์ใดท่ีทำใหเ้ กิดหมอกควนั มากทสี่ ดุ
ก. การหาของป่าของชาวบา้ น
ข. การเผาไรน่ า
ค. การเผาเศษหญ้า
ง. การเผาเพือ่ ไลล่ ้ินยุง

9. ปญั หาควนั และฝนุ่ ละอองทส่ี ่งผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ท่รี ุงแรงทส่ี ุด คอื ขอ้ ใด
ก. ทำใหเ้ กิดโรคหอบหืด
ข. ทำใหเ้ กิดโรคมะเรง็ ปอด
ค. ทำให้เกดิ โรคถุงลมโป่งพอง
ง. ทำให้หลอดลมอักเสบ

10. สถานณก์ ารใดเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาเร่ืองหมอกควนั มากท่สี ุด
ก. งดเวน้ การเผาป่า
ข. อพยพไปอยูใ่ นเมือง
ค. งดการเผาพลาสติก โฟม
ง. สร้างความตระหนักปลูกจิตสำนกึ ใหก้ บั ชาวบา้ น

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
1.ง 2.ง 3. ข 4. 5ง. 6. ง 7. ค 8. ข 9.ก 10.ง

บันทกึ หลังการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ครง้ั ท…่ี ………..วันที่…………..…………………..เดอื น………………………..พ.ศ. …………………………………..
สถานท…่ี …………………………………………………………………………………………………………………………..
กจิ กรรมการเรียนรู้
............................................................................................................................. ...............................................................
........................................................................................................................................................................ ....................
............................................................................................................... .............................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
........................................................... ............................................................................................................................. ....
............................................................................................................................................................................................
................................................................................................................ ...........................................................................
.................................................................................................................................... ........................................................
............................................................................................................................................................................................
สภาพปัญหาที่พบ
........................................................................................................................ ....................................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................................................................................... .......................................................
............................................................................................................................................................................................
วิธแี ก้ปัญหา
.......................................................................................................................... ..................................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
...................................................................................................................................... ......................................................
............................................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ..................................................ผบู้ ันทึกหลงั การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
(..................................................)

ข้อเสนอแนะของผู้บริหาร
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................................................................................
.................................................................................... .................................................... ....................................................

ลงชื่อ.......................................................
(………………………………….)

ผอู้ ำนวยการศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอยางชุมน้อย

แผนการเรยี นร้รู ายวิชาการเรียนร
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

ชอื่ หน่วยการเรียนรูท้ ี่…7…… เร่ือง…ความหม

รายวชิ า/ ตวั ช้ีวัด เน้อื หา
หวั เรอ่ื ง
1. บอกความหมายสาเหตุปัจจัย เร่ืองที่ 1 ความหมายของ
-ความหมาย และผลกระทบท่ีเกิดจาก แผน่ ดนิ ไหว
และลักษณะ แผ่นดนิ ไหว เรือ่ งที่ 2 ลกั ษณะการเกิด
การเกดิ 2. บอกพื้นที่เส่ยี งภัยตอ่ การเกดิ แผ่นดินไหว
แผน่ ดนิ ไหว แผ่นดนิ ไหวในประเทศไทยและ
ประเทศต่าง ๆ ในโลก
3. บอกสถานการณ์แผน่ ดนิ ไหว
ในประเทศไทยและประเทศต่าง
ๆ ในโลก

รสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 3 รหัสวชิ า สค 32032
ย ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563
มายและลักษณะการเกดิ แผน่ ดนิ ไหว สัปดาหท์ ี่ 14

การจดั กระบวนการเรียนรู้ สอื่ และ การวดั และ
แหล่งเรยี นรู้ ประเมินผล

ข้ันท่ี 1 กำหนดสภาพ ปญั หา ความต้องการในการ 1.หนังสือ 1. บันทึก

เรียนรู้ (O: Orientation) เรียน การเรยี นรู้

1.ครูทกั ทายผู้เรยี นและชวนคุยเร่ืองแผน่ ดนิ ไหวใน 2.ใบงาน 2. การตอบ

ประเทศไทย 3.ส่ือ คำถาม

2.ให้ผูเ้ รียนแลกเปล่ยี นความรู้ประสบการณ์ ยังสถานท่ี อนิ เตอรเ์ น็ต 3. การมี

ต่างๆท่เี กดิ แผ่นดนิ ไหว 4. แบบทด สว่ นรว่ มใน

3.ครูและผเู้ รยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกบั สอบ การ

ลกั ษณะการเกดิ แผน่ ดนิ ไหว และทำแบบทดสอบก่อนเรยี น 5.ใบความรู้ แลกเปล่ียน

เรียนรู้ของ

ขัน้ ท่ี 2 แสวงหาขอ้ มูลและจดั การเรยี นรู้ ผ้เู รยี น ไดแ้ ก่

(N: New ways of learning) ความตั้งใจ

1 ครูอธบิ ายความหมายของแผ่นดนิ ไหวและ ลกั ษณะการ ความสนใจ

เกดิ แผน่ ดินไหว การแสดง
2. ครใู หผ้ ูเ้ รยี นดูคลปิ วดิ ีโอ จาก Youtube ความคิดเห็น

https://www.youtube.com/watch?v=r2_1R2euDY0

และศึกษาจากใบความรู้

ขนั้ ท่ี 3 ปฏิบตั ิและนำไปประยุกตใ์ ช้

(I: Implementation)

1.ครใู หผ้ ู้เรียนอธิบายการเกดิ แผ่นดนิ ไหวและใหว้ ิธีการเอา

ตวั รอดหากเกิดแผ่นดินไหว

รายวิชา/ ตวั ช้วี ัด เน้อื หา
หวั เรอ่ื ง

การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ส่อื และ การวัดและ
แหลง่ เรยี นรู้ ประเมินผล
2. ให้นักศกึ ษาแตล่ ะคนนำเสนอสาเหตุของการเกดิ
แผ่นดนิ ไหว และบรเิ วรใดมักจะเกดิ แผ่นดินไหว
3. ครแู ละผ้เู รยี นสรปุ ส่ิงทไี่ ด้เรียนรู้เรอ่ื ง แล้วบนั ทกึ ลงใน
แบบบนั ทึกของผเู้ รยี น
ขน้ั ท่ี 4 ประเมินผลการเรียนรู้ (E: Evaluation)
1. ครูให้ผ้เู รียนศึกษาใบความรู้ สรปุ องคค์ วามรรู้ ่วมกัน
2. ใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น
3. ครูเฉลยแบบทดสอบ และสรปุ ส่งิ ท่ไี ดเ้ รยี นรรู้ ่วมกับ
ผเู้ รยี น โดยผเู้ รียนบันทึกสงิ่ ทีไ่ ดเ้ รียนรลู้ งในบันทกึ การ
เรียนรู้ของผเู้ รยี น
4. ให้ผู้เรยี นตอบคำถามในประเดน็ แผน่ ดนิ ไหวหมายถงึ
สาเหตขุ องการเกดิ แผน่ ดนิ ไหว เปน็ อยา่ งไร และให้
ยกตัวอย่าง
5. ครูและผเู้ รยี นสรปุ สง่ิ ท่ีไดเ้ รียนรรู้ ว่ มกนั

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

คำชีแ้ จง เลอื กคำตอบที่ถกู ต้องทส่ี ุดเพียงคำตอบเดยี ว
1. นักวิทยาศาสตร์ศึกษาโครงสรา้ งภายในพ้ืนโลกโดยวธิ ใี ด

ก. สญั ญาณภาพผ่านดาวเทยี ม
ข. คลน่ื ความส่ันสะเทือนขณะเกิดแผ่นดินไหว
ค. ซากดึกดำบรรพ์ (Fossil)
ง. คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า
2. ขอ้ ใด ไม่ ถกู ตอ้ งเกย่ี วกบั การเคล่อื นท่ีของแผ่นธรณีภาค
ก. แผน่ ธรณภี าคแผ่นเล็ก ๆ จะมีพ้ืนท่ีหายไป
ข. แผน่ ธรณภี าคแตล่ ะแผน่ เคล่ือนทใ่ี นทิศทางเดียวกนั
ค. แผ่นธรณภี าคแต่ละแผ่นอาจเกิดการกระแทกซึ่งกนั และกัน
ง. แผน่ เปลอื กโลกแผ่นใหญจ่ ะเคลอ่ื นที่ไปพร้อมกบั ทวีปเคลือ่ นอย่างชา้ ๆ
3. การชนกนั ระหว่างแผน่ ธรณีภาคใดทำให้เกิดร่องลึกญป่ี ุ่น
ก. แอฟริกา – อเมริกา
ข. แปซิฟิก – ออสเตรเลยี
ค. ยูเรเซีย – ออสเตรเลยี
ง. ยเู รซยี – แปซฟิ ิก
4. แผน่ เปลอื กโลกใดทีร่ องรบั ประเทศไทย
ก. แผ่นออสเตรเลีย
ข. แผ่นยเู รเซีย
ค. แผ่นแอนตาร์กตกิ า
ง. แผน่ แปซิฟิก
5. ภเู ขาหนิ แกรนติ เกดิ จากกระบวนการตามข้อใด
ก. การเย็นตวั ของหินหนืดใตเ้ ปลือกโลกก่อนที่จะออกมาส่เู ปลอื กโลก
ข. แผน่ เปลอื กโลกเคลื่อนทช่ี นกนั
ค. การทีเ่ ปลือกโลกถูกบีบอดั จนโคง้ งอ
ง. แผน่ ดนิ ยกตัวขึ้นเนอื่ งจากแรงดันของหินหนดื
6. บรเิ วณบนผวิ โลกท่เี กดิ แผ่นดินไหวบอ่ ยมากท่ีสุดไดแ้ ก่บริเวณใด
ก. บริเวณวงแหวนแหง่ ไฟ
ข. แนวรอยตอ่ ภเู ขาแอลป์กบั ภเู ขาหิมาลัย
ค. บริเวณใจกลางแผน่ ยรู าเซียน (Eurasian plate)
ง. บริเวณเทอื กเขากลางมหาสมทุ รแอตแลนตกิ
7. คาบอุบัติซำ้ มีความหมายตรงกบั ข้อใด
ก. รอบเวลาของการเกิดแผ่นดินไหว ณ บรเิ วณหนง่ึ ๆ
ข. ระยะเวลาของการเกดิ แผ่นดนิ ไหวในแตล่ ะคร้งั
ค. การเกิดแผ่นดินไหวหลังภูเขาไฟระเบดิ
ง. บรเิ วณท่ีเกดิ แผ่นดนิ ไหวเป็นประจำ

8. กอ่ นและหลงั เกดิ ภเู ขาไฟระเบิดมักจะเกิดปรากฏการณ์ตามธรรมชาติตามข้อใด
ก. พายฟุ ้าคะนอง
ข. คลนื่ ยกั ษใ์ นมหาสมุทร
ค. แผ่นดินไหว
ง. พายภุ ูเขาไฟ

9. ซากดกึ ดำบรรพ์ดชั นเี ป็นซากดึกดำบรรพท์ บ่ี อกอายุได้แน่นอนเพราะเหตผุ ลต่อไปนี้ ยกเวน้ ขอ้ ใด
ก. ความแตกต่างในแตล่ ะช่วงอายุเห็นได้ชดั
ข. ปรากฏให้เห็นทุกชว่ งการเปลยี่ นแปลงของโลก
ค. ซากดกึ ดำบรรพ์มีววิ ฒั นาการทางโครงสร้างอย่างรวดเร็ว
ง. ซากดึกดำบรรพ์มวี ิวัฒนาการทางรปู รา่ งอย่างรวดเรว็

10. ภเู ขาไฟฟูจใิ นญป่ี นุ่ เป็นภูเขาไฟแบบใด
ก. ภเู ขาไฟมาร์
ข. กรวยภูเขาไฟสลบั ชน้ั
ค. ภูเขาไฟรปู โล่
ง. จกุ ลาวา

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
1.ข 2.ข 3.ง 4.ข 5.ก 6.ก 7.ก 8.ค 9.ก 10.ข

ใบความรู้
เรอ่ื ง ความหมายและลกั ษณะการเกดิ แผน่ ดนิ ไหว

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 ได้ให้ความหมายของ แผ่นดินไหวหมายถึง การ
สั่นสะเทือนของแผ่นดินทีร่ ้สู ึกได้ ณ บริเวณใดบรเิ วณหนึ่งบนผิวโลก ส่วนใหญเ่ กดิ จากการเคลื่อนตวั ของเปลือกโลก
ที่รองรับผิวโลกอยู่ บางครั้งเกิดจากภูเขาไฟระเบิดแผ่นดินไหว (Earthquakes) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งเกดิ
จากการเคลื่อนตัวโดยฉับพลันของเปลือกโลก การเกิดแผ่นดินไหวส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นตรงบริเวณขอบของแผ่น
เปลือกโลกอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากชั้นหินหลอมละลายที่อยู่ภายใต้เปลือกโลกได้รับพลังงานความร้อนจากแกน
โลก และลอยตัวผลักดันให้เปลือกโลกซ่ึงอยู่ด้านบนเคลื่อนที่ในทิศทางต่าง ๆ กันพร้อมกับสะสมพลังงานไว้ภายใน
บริเวณขอบของแผ่นเปลือกโลก ทำให้แผ่นเปลือกโลกชนและเสียดสีกันหรือแยกออกจากกัน นอกจากนั้นพลังที่
สะสมในเปลอื กโลกจะถูกสง่ ผ่านไปยังบรเิ วณรอยร้าวของหนิ ใต้พ้ืนโลกหรือท่ีเรียกว่า “รอยเลอ่ื น” เม่ือระนาบของ
รอยเลื่อนที่ประกบกันอยู่ได้รับแรงอัดมาก ๆ ก็จะทำให้รอยเลื่อนมีการเคลื่อนตัวอย่างฉับพลันก็สามารถเกิด
แผ่นดินไหวได้

ภาพจำลองจุดศนู ยเ์ กิดแผน่ ดินไหว ที่มา ศนู ย์การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และดาราศาสตร์
เขา้ ถงึ ได้ที่ http://www.lesa.biz/earth/lithosphere/geological-phenomenon/earthquake/seismic-

waves
จดุ ศูนย์เกดิ แผ่นดนิ ไหว (focus) มักเกดิ ตามรอยเล่ือนอยู่ในระดบั ความลึกตา่ ง ๆ ของผวิ โลก ส่วนจุดที่อยู่
ในระดับสูงขึ้นมาท่ีตำแหน่งของผวิ โลก เรียกว่า “จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว”(Epicenter) การสั่นสะเทือนหรอื
แผ่นดินไหวนี้จะถูกบันทึกด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า “ไซสโมมิเตอร์” (Seismometer) และการศึกษาแผ่นดินไหว
และคลื่นสน่ั สะเทือนท่ีถูกสง่ ออกมาจะเรยี กว่า “วิทยาแผ่นดินไหว” (Seismology)
ลกั ษณะการเกดิ แผ่นดินไหว
2.1 สาเหตุการเกิดแผ่นดินไหว เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีสาเหตุของการเกดิ แบ่งไดเ้ ป็น 2
ลกั ษณะ ดังนี้
2.1.1 กระบวนการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติเช่น
1) การเคลื่อนท่ีของแผ่นเปลอื กโลก (Tectonic Earthquake)
2) ภูเขาไฟระเบิด (Volcano Eruption)
3) การยุบตวั หรอื พังทะลายของโพรงใต้ดิน (Implosion)
4) การสั่นสะเทือนจากคล่ืนมหาสมุทร (Oceanic Microseism)

2.1.2 การกระทำของมนษุ ย์ ทำใหเ้ กิดแผ่นดินไหวได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่นการทำเหมือง การสร้าง
อา่ งเก็บนำ้ หรือการสรา้ งเข่ือนใกลร้ อยเลื่อน การท างานของเครอ่ื งจักรกลการจราจร และการเก็บขยะนิวเคลียร์ไว้
ใต้ดนิ การทดลองระเบดิ ปรมาณู การระเบิดพนื้ ทเ่ี พ่อื สำรวจวางแผนกอ่ นสร้างเขื่อน เป็นตน้

สาเหตุของการเกดิ แผ่นดนิ ไหวท่สี บื เน่ืองจากการเคล่ือนตัวของแผ่นเปลือกโลกแผน่ ดนิ ไหวเกิดขึ้นจากการ
เคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก ที่เหมือนลอยอยู่เหนือของเหลวเพราะในชั้นใต้เปลือกโลกยังคงร้อนขนาดหลอม
ละลายเป็นเเมก็ มา และเคลอื่ นไหว (หรือไหล)ไปในทศิ ทางแตกต่างกัน การเคลื่อนไหวของแม็กมานี่เองท่ีทำให้แผ่น
เปลือกโลกซึ่งไม่ได้ต่อสนิทเป็นแผ่นเดียวกันแต่มีรอยแยก แบ่งเป็นแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่มากมายเคลื่อนไหว
ตามไปด้วยในทิศทางที่แตกต่างกันการเคลื่อนตัวในทิศทางที่แตกต่างกันของแผ่นเปลือกโลกนี่เอง ที่ทำให้แผ่น
เปลือกโลกแต่ละแผ่นเกิดชนกัน หรือแยกออกจากกัน กลายเป็น “รอยเลื่อน” ขึ้นมาหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบ
สามารถกอ่ ใหเ้ กิดแผน่ ดินไหวข้นึ ได้

การเคลอื่ นตวั ของแผน่ เปลือกโลกหากมีอุปสรรคขัดขวางดา้ นใดด้านหน่ึง หรือทงั้ 2 ด้านของรอยเล่ือนก็จะทำ
ใหเ้ กิดแผ่นดินไหว ซ่งึ ระดบั ความรุนแรงจะขึน้ อยู่กบั การสะสมพลงั งานในจดุ ท่เี ป็นอปุ สรรคของการเคลอื่ นตัวของ

แผ่นเปลือกโลกมากน้อยเพียงใดการจำแนกรอยเลื่อนตามรูปแบบของการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก สามารถ
จำแนกดังนี้

1) รอยเลื่อนทั่วไป (นอร์มอลสลิป หรือ ดิป-สลิปฟอลท์) เป็นส่วนรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่ส่วนแรกอยู่คงท่ี
ในขณะทีอ่ กี ด้านหน่งึ ทรดุ ตัวลงในแนวดิ่งหรือเกือบจะเปน็ แนวดิง่

2) รอยเลื่อนแบบสวนทางในแนวราบ (สไตรค์-สลิปฟอลท์) เป็นรอยเลื่อนที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่น
เปลือกโลก 2 แผ่น เคลื่อนที่สวนทางกันในแนวราบ หรือเกือบจะเป็นแนวราบหรือแผ่นเปลือกโลกด้านหนึ่งของ
รอยเลื่อนเคลื่อนตัวออกไปในแนวราบ ถ้าเป็นด้านซ้ายเรียกว่า“เลฟท์เลเทอรัลฟอลท์” ถ้าเป็นด้านขวาก็เรียกว่า
“ไรท์เลเทอรลั ฟอลท์” แผน่ ดนิ ไหวท่ีนอกชายฝ่ังสุมาตราเกิดขึ้นจากรอยเล่ือนในลักษณะน้ีเชน่ เดยี วกับแผ่นดินไหว
ทป่ี ระเทศเฮติ ในปีพ.ศ. 2553

3) รอยเลือ่ นท่ีชนเข้าดว้ ยกนั (คอนเวอรเ์ จนท์ฟอลท์) เกิดจากแผน่ เปลือกโลก 2 แผ่นเคลื่อนท่ีเข้าหาและชน
กนั ขนึ้ เม่ือเกิดการกระแทกจะเกดิ แผ่นดนิ ไหวและผิวนอกของเปลือกโลกถูกดันใหส้ ูงขนึ้ ภเู ขา หรือเกาะแก่งใน
มหาสมุทรหลายแหง่ เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากการเคล่อื นทข่ี องแผน่ เปลือกโลกในลักษณะนี้

4) รอยเลือ่ นแบบแยกออกจากกนั (ไดเวอร์เจนท์ฟอลท)์ เกดิ ขนึ้ เม่ือแผน่ เปลือกโลก 2แผน่ เคล่อื นที่ออกจาก
กนั ในทิศทางตรงกันข้าม อาจเกดิ แผน่ ดินไหวข้ึนไดแ้ ต่ไมร่ นุ แรงมากนัก แต่จะปรากฏรอยแยกชัดเจน ในบางกรณี
อาจมีแมก็ มาปะทขุ ้ึนมาเปน็ ลาวาไดอ้ ีกดว้ ย

5) รอยเลอื่ นยอ้ นมมุ ต่ า (ธรสั ทฟ์ อลท์) เกดิ จากการท่ีแผ่นเปลือกโลก 2 แผน่ เคล่ือนทีเ่ ขา้ หากนั ในทิศทาง
ตรงกันข้ามแตแ่ ผ่นเปลือกโลกดา้ นหน่ึงเคล่อื นตวั เอยี งท ามุมนอ้ ยกวา่ หรือเท่ากับ45 องศาแลว้ มุดลงไปใต้แผ่น
เปลอื กโลกอีกแผน่ หนงึ่ แผน่ ดินไหวที่เกดิ จากรอยเล่ือนลกั ษณะนมี้ ักจะรุนแรงและหากเกิดบริเวณใตท้ ะเลมกั
กอ่ ให้เกดิ สนึ ามิขนาดใหญ่ เช่นกรณีแผ่นดินไหวทเ่ี กาะสมุ าตราในปีพ.ศ. 2547 และแผ่นดนิ ไหวทเ่ี มืองเซนได
ประเทศญ่ปี นุ่ ในปพี .ศ. 2554

2.2 ปจั จยั ท่เี ก่ียวข้องกับระดับความเสยี หายจากแผ่นดินไหวเหตกุ ารณ์แผ่นดนิ ไหว ทส่ี ่งผลกระทบและสร้าง
ความเสยี หายตอ่ ชวี ิตและทรัพย์สนิ น้ันลว้ นแต่มีปจั จยั ท่ีเก่ียวขอ้ งของการเกดิ ซ่ึงประกอบดว้ ย ขนาด ความรนุ แรง
จุดศนู ย์เกิดของแผ่นดินไหว ดังนัน้ ผลกระทบท่ีเกดิ ข้นึ ในแต่ละพนื้ ท่ีทีไ่ ดร้ บั จึงมรี ะดับความเสยี หายท่แี ตกตา่ งกนั

2.2.1 แหลง่ กำเนดิ แผ่นดินไหว ทีเ่ กดิ ในแนวของแผน่ ดินไหวโลก โดยเฉพาะบรเิ วณท่ีมีการชนกันของแผ่น
เปลอื กโลก หรือแนวรอยเลือ่ นที่มคี วามยาวมาก ๆ จะมีศักยภาพทำให้เกิดแผ่นดนิ ไหวขนาดใหญ่

2.2.2 ความลกึ ของจุดศูนย์เกิดแผน่ ดินไหว ซ่งึ มจี ดุ ศนู ย์เกิดแผ่นดินไหวไม่ลึกมากหรือผิวดนิ จะก่อให้เกิด
ความรนุ แรงในระดับที่มากกว่าการเกิดแผน่ ดนิ ไหวทมี่ จี ุดศูนยเ์ กดิ แผน่ ดนิ ไหวทล่ี ึกมากกวา่

2.2.3 ขนาด (Magnitude) หมายถึง จำนวนหรือปริมาณของพลงั งานทถ่ี ูกปล่อยออกมาจากศนู ยก์ ลาง
แผน่ ดินไหวแตล่ ะครั้งในรปู แบบของการสั่นสะเทือน คดิ ค้นโดย ชาลสฟ์ รานซสิ รกิ เตอร์ และในประเทศไทยนิยมใช้
หน่วยวัดขนาดแผน่ ดนิ ไหว คือ “รกิ เตอร์” ซึง่ มีขนาดตามมาตรารกิ เตอร์ ดงั น้ี

1.0 - 2.9 เล็กนอ้ ย ผคู้ นเร่ิมรู้สกึ ถงึ การมาของคลื่น มีอาการวงิ เวยี นเพยี งเลก็ นอ้ ย
3.0 – 3.9 เลก็ น้อย ผูค้ นท่ีอยู่ในอาคารรสู้ กึ เหมือนมีอะไรมาเขยา่ อาคารให้สนั่ สะเทือน
4.0 – 4.9 ปานกลาง ผู้ที่อาศัยอยู่ทั้งภายในอาคารและนอกอาคารรู้สึกถงึ การสนั่ สะเทือนวตั ถุห้อยแขวนแกวง่ ไกว
5.0 – 5.9 รุนแรง เครอื่ งเรือนและวตั ถุมีการเคล่ือนท่ี
6.0 – 6.9 รุนแรงมาก อาคารเริ่มเสยี หาย พังทลาย
7.0 ขึ้นไป รุนแรงมากมาก เกิดการสั่นสะเทือนอย่างมากมาย ส่งผลทำใหอ้ าคารและสงิ่ ก่อสรา้ ง
ต่าง ๆ เสยี หายอยา่ งรุนแรง แผ่นดินแยก วตั ถบุ นพื้นถูกเหว่ียงกระเด็น

ใบงาน
เรือ่ ง ความหมายและลกั ษณะการเกิดแผน่ ดินไหว

1.แผ่นดนิ ไหว หมายถงึ

............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................ ............................................................
............................................................................................................................. .......................................................
..................................................................................................................................................... ..............................

2. ให้อธิบายสาเหตขุ องการเกิดแผ่นดนิ ไหว
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ..............................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
........................................................................................................................................................... .........................
....................................................................................................................................................................................

3. ให้อธิบายผลกระทบจากแผ่นดนิ ไหวกอ่ ให้เกดิ ความเสยี หายอยา่ งไร
....................................................................................... .............................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................................ ........................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
........................................................................................................... .........................................................................

4. ให้บอกหรือยกตวั อย่างพื้นที่เส่ยี งในการเกดิ แผ่นดนิ ไหวในประเทศไทยและในประเทศตา่ ง ๆ ในโลก
.......................................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. ......................................................
............................................................................................................................................... .....................................
...................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. ......................................................
....................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................. .....................................................................

แบบทดสอบหลังเรยี น

คำชแี้ จง เลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสดุ เพียงคำตอบเดยี ว
1. นักวิทยาศาสตรศ์ ึกษาโครงสรา้ งภายในพืน้ โลกโดยวธิ ใี ด

ก. สญั ญาณภาพผา่ นดาวเทียม
ข. คลน่ื ความส่นั สะเทือนขณะเกดิ แผ่นดนิ ไหว
ค. ซากดกึ ดำบรรพ์ (Fossil)
ง. คลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า
2. ขอ้ ใด ไม่ ถูกตอ้ งเก่ียวกบั การเคลื่อนที่ของแผน่ ธรณภี าค
ก. แผ่นธรณภี าคแผ่นเล็ก ๆ จะมีพ้นื ที่หายไป
ข. แผน่ ธรณภี าคแตล่ ะแผ่นเคลอ่ื นทีใ่ นทิศทางเดียวกนั
ค. แผน่ ธรณภี าคแตล่ ะแผ่นอาจเกดิ การกระแทกซ่ึงกันและกัน
ง. แผน่ เปลือกโลกแผ่นใหญ่จะเคลือ่ นท่ีไปพร้อมกับทวปี เคลอ่ื นอยา่ งชา้ ๆ
3. การชนกันระหวา่ งแผ่นธรณภี าคใดทำใหเ้ กิดร่องลกึ ญีป่ ุ่น
ก. แอฟริกา – อเมริกา
ข. แปซิฟกิ – ออสเตรเลยี
ค. ยูเรเซยี – ออสเตรเลีย
ง. ยูเรซยี – แปซิฟกิ
4. แผน่ เปลอื กโลกใดท่ีรองรบั ประเทศไทย
ก. แผ่นออสเตรเลยี
ข. แผน่ ยูเรเซีย
ค. แผน่ แอนตาร์กตกิ า
ง. แผ่นแปซิฟิก
5. ภเู ขาหนิ แกรนติ เกดิ จากกระบวนการตามขอ้ ใด
ก. การเย็นตัวของหินหนืดใตเ้ ปลือกโลกก่อนทจ่ี ะออกมาสูเ่ ปลือกโลก
ข. แผ่นเปลือกโลกเคล่ือนทช่ี นกนั
ค. การทเ่ี ปลือกโลกถกู บีบอัดจนโคง้ งอ
ง. แผ่นดินยกตวั ข้นึ เน่อื งจากแรงดนั ของหนิ หนดื
6. บรเิ วณบนผิวโลกทเ่ี กดิ แผ่นดนิ ไหวบ่อยมากทสี่ ดุ ได้แกบ่ รเิ วณใด
ก. บรเิ วณวงแหวนแหง่ ไฟ
ข. แนวรอยต่อภเู ขาแอลป์กับภูเขาหิมาลัย
ค. บริเวณใจกลางแผ่นยรู าเซียน (Eurasian plate)
ง. บริเวณเทอื กเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก
7. คาบอุบตั ิซ้ำมีความหมายตรงกับข้อใด
ก. รอบเวลาของการเกิดแผ่นดนิ ไหว ณ บริเวณหนึง่ ๆ
ข. ระยะเวลาของการเกิดแผ่นดนิ ไหวในแตล่ ะครงั้
ค. การเกดิ แผ่นดนิ ไหวหลังภเู ขาไฟระเบดิ
ง. บริเวณทีเ่ กิดแผ่นดินไหวเป็นประจำ

8. กอ่ นและหลงั เกดิ ภเู ขาไฟระเบิดมักจะเกิดปรากฏการณ์ตามธรรมชาตติ ามข้อใด
ก. พายฟุ ้าคะนอง
ข. คลนื่ ยกั ษใ์ นมหาสมุทร
ค. แผ่นดินไหว
ง. พายภุ ูเขาไฟ

9. ซากดกึ ดำบรรพ์ดชั นเี ป็นซากดึกดำบรรพท์ บ่ี อกอายุได้แน่นอนเพราะเหตุผลต่อไปนี้ ยกเวน้ ขอ้ ใด
ก. ความแตกต่างในแตล่ ะช่วงอายุเห็นได้ชัด
ข. ปรากฏให้เห็นทุกชว่ งการเปลยี่ นแปลงของโลก
ค. ซากดกึ ดำบรรพ์มีววิ ฒั นาการทางโครงสร้างอยา่ งรวดเร็ว
ง. ซากดึกดำบรรพ์มวี ิวัฒนาการทางรปู รา่ งอย่างรวดเรว็

10. ภเู ขาไฟฟูจใิ นญป่ี นุ่ เป็นภูเขาไฟแบบใด
ก. ภเู ขาไฟมาร์
ข. กรวยภูเขาไฟสลบั ชน้ั
ค. ภูเขาไฟรปู โล่
ง. จกุ ลาวา

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
1.ข 2.ข 3.ง 4.ข 5.ก 6.ก 7.ก 8.ค 9.ก 10.ข

บันทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

คร้งั ท…ี่ ………..วนั ที่…………..…………………..เดือน………………………..พ.ศ. …………………………………..
สถานท…่ี …………………………………………………………………………………………………………………………..
กิจกรรมการเรียนรู้
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................ ............................
........................................................................................ ............................................................................................
............................................................................................................................................................................. .......
............................................................................................................................ ........................................................
....................................................................................... .............................................................................................
................................................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .....................................................................................
........................................................................................................................................................................... .........
สภาพปญั หาท่ีพบ
...................................................................................................................... ..............................................................
................................................................................................................................................................................ ....
............................................................................................................................... .....................................................
......................................................................................... ...........................................................................................
วธิ ีแก้ปัญหา
..................................................................................................................................... ...............................................
.................................................................................... ................................................................................................
................................................................................................................................................................ ....................
.......................................................................................................................... ..........................................................

ลงชอื่ ..................................................ผู้บันทกึ หลงั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
(...........................................................)

ข้อเสนอแนะของผูบ้ รหิ าร
.............................................................................................................. ......................................................................
....................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................... .................................................

ลงช่อื .......................................................
(…………………………………………….)

ผ้อู ำนวยการศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอยางชมุ นอ้ ย

แผนการเรียนรู้รายวชิ าการเรยี นร
ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย

ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ที่…7…เรื่อง…สถานการณแ์ ผน่ ดนิ ไหว แนวทางกา

รายวชิ า/ ตัวชีว้ ัด เนอื้ หา
หัวเร่ือง

สถานการณ์ 1. บอกวิธกี ารเตรยี มความ เรื่องที่ 3 สถานการณ์แผ่นดนิ ไหว ขนั้ ท

แผน่ ดนิ ไหว พร้อมรับสถานการณ์ ในประเทศไทยและประเทศต่าง (O:

แนวทางการ แผน่ ดินไหว การปฏิบตั ิขณะ ๆ ในโลก 1.ค

ป้องกนั และ เกดิ เร่ืองที่ 4 แนวทางการป้องกันและ ไทย

การแก้ไข แผน่ ดนิ ไหว และการปฏิบตั ิ การแก้ไขปัญหาผลกระทบทีเ่ กิด 2.ใ

ปญั หา หลงั เกิดแผน่ ดนิ ไหว จากแผน่ ดนิ ไหว แกไ้

ผลกระทบท่ี 2. ตระหนกั ถงึ ภยั และ 3.คร

เกิดจาก ผลกระทบทเ่ี กิดจาก ป้อง

แผน่ ดินไหว แผ่นดินไหว และ

3. เสนอแนวทางการป้องกนั ขน้ั ท

และการแก้ไขปญั หาผลกระทบ (N:

ที่เกิดจากแผ่นดินไหว 1 คร

ประ

ปญั ห

2. ค

1.ht

3.ht

และ

ร้สู ภู้ ยั ธรรมชาติ 3 รหัสวิชา สค 32032
ย ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563
ารป้องกนั และการแก้ไขปัญหาผลกระทบทเ่ี กิดจากแผน่ ดนิ ไหว สัปดาหท์ ่ี 15

การจัดกระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื และ การวดั และ
แหลง่ เรยี นรู้ ประเมนิ ผล

ท่ี 1 กำหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรยี นรู้ 1.หนงั สือ 1. บนั ทกึ

Orientation) เรยี น การเรยี นรู้

ครทู ักทายผเู้ รียนและชวนคยุ เรื่องแผน่ ดินไหวในประเทศ 2.ใบงาน 2. การตอบ

ยและประเทศต่าง ๆ ในโลก 3.สื่อ คำถาม

ให้ผู้เรยี นแลกเปล่ยี นความรู้แนวทางการป้องกันและการ อนิ เตอรเ์ น็ต 3. การมี

ไขปัญหาผลกระทบท่ีเกิดจากแผน่ ดนิ ไหว 4 ส่วนรว่ มใน

รแู ละผเู้ รียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกับแนวทางการ แบบทดสอบ การ

งกันและการแก้ไขปัญหาผลกระทบทีเ่ กดิ จากแผน่ ดนิ ไหว 5.ใบความรู้ แลกเปลย่ี น

ะทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เรียนรู้ของ

ท่ี 2 แสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ ผเู้ รียน ได้แก่

New ways of learning) ความต้งั ใจ

รอู ธิบายสถานการณ์แผน่ ดินไหวในประเทศไทยและ ความสนใจ

ะเทศต่าง ๆ ในโลกและแนวทางการป้องกนั และการแก้ไข การแสดง
หาผลกระทบทเ่ี กดิ จากแผ่นดินไหว ความคิดเห็น
ครใู ห้ผเู้ รยี นดูคลิปวดิ ีโอ จาก Youtube 4.
ttps://www.youtube.com/watch?v=izcVSkef7k0 แบบทดสอบ

ttps://www.youtube.com/watch?v=wKaPOWYg8Xs

ะศึกษาจากใบความรู้

รายวิชา/ ตวั ช้วี ัด เน้อื หา
หวั เรอ่ื ง
ข้ันท
(I: Im
1.คร

ปฏิบ

2. ให

ประ
อธิบ

ตัวอ
3. ค
บันท
ขนั้ ท
1. ค
2. ให
3. ค
โดย
ผู้เรีย
4. ค

การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื และ การวดั และ
แหลง่ เรียนรู้ ประเมนิ ผล
ที่ 3 ปฏิบตั ิและนำไปประยุกตใ์ ช้
mplementation)
รใู ห้ผเู้ รียนจำลองสถานการณ์ขณะเกิดแผน่ ดินไหวควร

บัติตวั อยา่ งไร

ห้นักศึกษาแตล่ ะคนนำเสนอสถานการณ์แผน่ ดนิ ไหวใน

ะเทศต่าง ๆ ในโลก จากสื่อตา่ ง ๆ เชน่ อินเตอรเ์ นต็ แล้ว
บายพร้อมยกตัวอยา่ งสถานการณ์การเกิดแผน่ ดินไหว มา 1

อยา่ ง
ครูและผเู้ รยี นสรปุ ส่งิ ทไี่ ดเ้ รียนรเู้ ร่ือง แลว้ บันทกึ ลงในแบบ
ทกึ ของผูเ้ รยี น
ท่ี 4 ประเมินผลการเรียนรู้ (E: Evaluation)
ครูให้ผเู้ รียนศึกษาใบความรู้ สรปุ องค์ความรรู้ ่วมกนั
ห้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบหลังเรียน
ครูเฉลยแบบทดสอบ และสรปุ สิ่งท่ไี ดเ้ รยี นรู้ร่วมกบั ผูเ้ รยี น
ยผู้เรียนบนั ทึกส่งิ ท่ีได้เรยี นร้ลู งในบันทกึ การเรียนรู้ของ
ยน
ครแู ละผูเ้ รยี นสรุปส่งิ ท่ีได้เรียนรู้รว่ มกนั

แบบทดสอบก่อนเรยี น

คำชแี้ จง เลอื กคำตอบท่ีถกู ต้องท่สี ุดเพยี งคำตอบเดยี ว
1. บรเิ วณบนผิวโลกท่เี กิดแผน่ ดินไหวบอ่ ยมากที่สดุ ได้แก่

ก. แนวรอยต่อภูเขาแอลป์กบั ภูเขาหมิ าลยั
ข. บรเิ วณวงแหวนแห่งไฟ
ค. บรเิ วณเทอื กเขากลางมหาสมทุ รแอตแลนตกิ
ง. บรเิ วณใจกลางแผ่นยูราเซียน (Eurasian plate)
2. ถา้ หากเกิดแผ่นดนิ ไหวในขณะท่ีนักเรยี นอยู่บนอาคารสูง ควรปฏบิ ัตติ นอย่างไร
ก. รีบวง่ิ ลงบนั ได
ข. รีบลงชน้ั ล่างโดยใช้ลฟิ ต์
ค. มดุ เขา้ ใต้โต๊ะภายในอาคาร
ง. ไปที่หนา้ ต่าง เพื่อขอความช่วยเหลอื
3. ประเทศไทยจะไดร้ ับผลจากแผ่นดนิ ไหวอนั เนอื่ งมาจากการกระทบกนั ของแผน่ ธรณีภาคคใู่ ดมากท่สี ุดก. แผน่
ยเู รเซียกับแผน่ แปซิฟิก
ข. แผ่นยเู รเซยี กับแผ่นออสเตรเลีย-อินเดีย
ค. แผ่นแปซฟิ ิกกบั แผ่นนาสกา
ง. แผ่นแอนตารก์ ติกกับแผ่นออสเตรเลีย- อนิ เดยี
4. มาตราทใ่ี ชว้ ัดความรนุ แรงของการเกิดแผ่นดนิ ไหว คือข้อใดก. รกิ เตอร์
ข. เมอร์แคลลี
ค. โมลด์
ง. เวอรน์ เวิร์ด
5. แนวการเกดิ แผ่นดินไหวของโลกในข้อใดมโี อกาสเกิดแผ่นดินไหวมากท่สี ุด
ก. แนวภูเขาแอลป์-หมิ าลยั
ข. แนวแถบหมู่เกาะอันดามัน
ค. แนวลอ้ มรอบมหาสมุทรแปซฟิ กิ
ง. แนวสันกลางมหาสมทุ รแอตแลนตกิ
6. แผน่ ดนิ ไหวความรนุ แรง 7 หรือ 5.5 – 6.1 ขนาดมาตรารเิ ตอร์จะตรงกบั ข้อใด
ก. ค่อนขา้ งแรง กระจกแตก ลูกตุม้ นาฬิกาหยดุ
ข. แรง รูปหลน่ จากผนงั ของบนหงิ้ ล่วง
ค.แรงมาก ฝาผนังหอ้ งเกิดรอยรา้ ว
ง. ทำลายเฟอรน์ เิ จอรใ์ หญๆ่ พลกิ คว่ำ
7. บริเวณท่ีอย่เู หนือชั้นหินหนืด หมายถงึ ข้อใด
ก. ธรณีภาค
ข. ฐานธรณภี าค
ค. แผ่นเปลือกโลก
ง. ธรณภี าคชน้ั นอก

8. แผ่นเปลอื กโลกใดมีขนาดใหญม่ ากที่สดุ
ก. แผน่ เปลอื กโลกยเู รเชยี น
ข .แผน่ เปลอื กโลกแปซิฟกิ
ค. แผ่นเปลอื กโลกแอฟริกา
ง. แผ่นเปลือกโลกอเมรกิ าเหนือ

9. สนึ ามิ เป็นภยั ธรรมชาติที่มักเกดิ เมื่อใด ?
ก. พายุหมุนอย่างฉับพลนั บรเิ วณกลางมหาสมุทร
ข. แผ่นเปลอื กโลกเลอ่ื นออกจากกัน
ค. แผน่ ดนิ ไหวพร้อมกบั ภูเขาไฟระเบดิ
ง. แผน่ ดินไหวรุนแรง้ ใตท้ ้องทะเล

10. ใครตอ่ ไปนที้ ่ีปฏบิ ตั ิไม่ถูกตอ้ งเม่ือเกิดเหตกุ ารณ์สนึ ามิ
ก. แทยอนรีบวิ่งไปอยู่ท่ีภูเขาสูง
ข. โซรรี บี ออกไปจากชายหาด
ค. จองเบรบี ว่งิ ไปที่ชายหาดเพอ่ื ถ่ายรูป
ง. ฮานึลรีบนำเรอื ออกไปยังน้ำลึก

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
1.ข 2.ค 3.ข 4.ก 5.ค 6.ค 7.ก 8. ข. 9. ง 10.ค.

ใบความรู้
เรื่อง สถานการณ์แผน่ ดนิ ไหว
แนวทางการปอ้ งกนั และการแก้ไขปญั หาผลกระทบทเ่ี กดิ จากแผ่นดนิ ไหว

สถานการณ์การเกิดแผน่ ดินไหวในประเทศไทย
ประเทศไทย มรี อยเล่อื นที่มีพลงั อย่ทู างภาคตะวนั ตก ภาคเหนอื และภาคใตข้ องประเทศ จำนวน 14 รอย

เลือ่ น การเกดิ แผน่ ดนิ ไหวในแต่ละครงั้ มรี ะดับความรุนแรงต่างกนั ออกไปหากมรี ะดับความรุนแรงน้อยกจ็ ะไม่ทำให้
เรารบั รู้แรงสน่ั สะเทือน การเกิดแผ่นดินไหวจะทำให้แผน่ เปลือกโลกบรเิ วณจุดเหนือศูนย์เกิดแผน่ ดินไหวและ
บริเวณทเ่ี ก่ียวข้องมีการเปล่ยี นแปลง เช่นแผ่นดินแตกแยก แผ่นดินยุบ แผ่นดนิ หรือภูเขาถลม่ ไฟไหม้ เปน็ ตน้

สถติ ิการเกิดแผ่นดนิ ไหวในประเทศไทยในช่วงระยะเวลา 15 ปที ม่ี จี ุดศนู ย์กลางอย่ใู นประเทศไทย และ
เปน็ แผ่นดนิ ไหวท่ีระดับความรุนแรง 5.0 รกิ เตอร์ข้นึ ไป ซึ่งเป็นระดบั ทรี่ ับร้แู รงสนั่ สะเทือนอยา่ งรุนแรงเป็นบรเิ วณ
กว้าง และทำให้วัตถุสิ่งของเคล่ือนท่ี
สถานการณก์ ารเกิดแผน่ ดินไหวในทวีปเอเซีย

ทวีปเอเชีย เป็นบริเวณที่มีเปลือกโลกใกล้เคียง จำนวน 4 แผ่น ได้แก่ แผ่นยูเรเชียแผ่นแปซิฟิก แผ่น
อินเดีย-ออสเตรเลีย และแผ่นฟิลิปปินส์ อีกทั้งเป็นบริเวณที่บรรจบกันของแนวแผ่นดินไหว 2 แนวคือ แนวล้อม
มหาสมุทรแปซฟิ ิกและแนวเทือกเขาแอลป์-หิมาลัย จึงทำให้เกิดแผน่ ดินไหวอยูเ่ สมอ สำหรับประเทศญี่ปุน่ นับเปน็
ประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และคลื่นสึนามอิ ยูเ่ สมอ เนื่องจาก
ทำเลทต่ี ้งั ของประเทศญีป่ ุ่น นอกจากจะเป็นเกาะแลว้ ยงั ตง้ั อยูบ่ นพนื้ ผิวโลกในบรเิ วณ “วงแหวงแหง่ ไฟ” ซง่ึ
เป็นบริเวณในมหาสมทุ รแปซิฟกิ ท่ีเกิดแผน่ ดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยครงั้

กรณกี ารเกดิ สถานการณแ์ ผน่ ดินไหวในทวีปเอเชยี ทกี่ ่อให้เกดิ ความเสยี หาย
3.2.1 แผ่นดินไหวที่เกาะคิวชูประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2559ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นหมู่เกาะ ประกอบไป
ด้วยเกาะสำคัญ จำนวน 5เกาะ ได้แก่ เกาะฮอกไกโด เกาะฮอนชู เกาะชิโกกุ เกาะคิวชู เกาะโอกินาว่า และมีเกาะ
ขนาดเลก็ อีกประมาณ 4,000 เกาะ เมืองหลวงคอื กรุงโตเกียว ในประเทศญ่ีปนุ่ มภี ูเขาไฟท้ังหมด 186 ลูก
ซึ่งเป็นภเู ขาไฟทีย่ งั ไม่สงบประมาณ 60 ลูก ประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในแนวของวงแหวนไฟ (Ring ofFire) ซึ่งมีลักษณะ
เป็นเสน้ เกอื กมา้ ความยาวประมาณ 40,000 กโิ ลเมตร ทอดตัวตามแนวร่องสมุทร แนวภูเขาไฟ และขอบของแผ่น
เปลือกโลกเป็นบริเวณในมหาสมุทรแปซฟิ ิกทเี่ กิดแผ่นดนิ ไหวขนาดใหญต่ ั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และจัดว่าเป็นบริเวณที่
มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นมากถึงร้อยละ 80-90 ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลกเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลให้
บา้ นเรือนพังทลาย 5,200 หลงั คาเรือน สถานทส่ี ำคญั เช่น ปราสาทคมุ าโมโตะ ซง่ึ หลงั คา ตวั ปราสาท และกำแพง
ได้รับความเสียหายหลายส่วน และศาลเจ้าอะโสะ จงั หวัดคมุ าโมโตะ พงั ทลายหลายส่วน รวมทัง้ ประตูทางเขา้
ซึ่งเป็นสมบัติแห่งชาติญี่ปุ่นมีรายงานภูเขาไฟอะโสะ จังหวัดคุมาโมโตะเกิดปะทุมีควันพุ่งออกมาประมาณ 100
เมตร เกิดดินสไลด์หลายจุด สามารถสรุปถึงสาเหตุของการเกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากเหตุก ารณ์
แผ่นดนิ ไหวดังกล่าว รายละเอียดดงั นี้
1) ชว่ งเวลาของการเกิดแผ่นดินไหวเป็นเวลาท่ีคนส่วนใหญน่ อนหลับพกั ผ่อนอยู่ในอาคารทำให้มีผู้เสียชีวิต
จากการโดนตึกถล่มทับและติดอยู่ในซากตึก สำหรับอาคารที่สร้างตามมาตรฐานต้านแผ่นดินไหวไม่ได้รับความ
เสยี หาย
2) จุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในเมืองคุมาโมโตะซึ่งทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงมาก
เนื่องจากใกล้บริเวณจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว พื้นดินจะสั่นสะเทือนมากเนื่องจากมีพลังงานจากแผ่นดินไหวมาก

และในบริเวณใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวคลื่นจะปลดปล่อยคลื่นออกมาทุกความถี่ ไม่ว่าอาคารสูงหรือต่างก็จะ
รับรถู้ ึงความส่นั สะเทือนได้ทงั้ หมด
แต่เมอื่ คลื่นแผ่นดนิ ไหวเดินทางไปในระยะทางไกล ๆ ความถี่สงู จะถกู กรองออกจนเหลือแต่ความถตี่ ่างๆเท่าน้นั ทำ
ใหส้ ามารถรับรู้ถึงแรงสะเทอื นได้ เฉพาะอาคารท่ีมคี วามสงู ต้ังแต่ 7 ช้นั ขึน้ ไป

3) ความลึกของจุดศูนยก์ ลางแผ่นดินไหวครัง้ น้ีจดั ว่าเปน็ แผ่นดนิ ไหวระดบั ต้นื ทำให้พนื้ ดนิ สั่นสะเทือนมาก
ขน้ึ กรณีท่ีเกดิ แผน่ ดนิ ไหวขนาดเทา่ กนั แตค่ วามลึกแตกต่างกนั แผน่ ดนิ ไหวตนื้ ย่อมเสียหายรนุ แรงมากกวา่
แผ่นดนิ ไหวท่มี จี ุดศูนย์กลางอยู่ระดบั ลกึ แผ่นดนิ ไหวท่ีเกิดในระดบั ลึกพืน้ ดนิ จะสน่ั สะเทือนนอ้ ยลงเนือ่ งจาก
พลงั งานจากแผ่นดนิ ไหวมีการสญู เสียระหวา่ งการเดินทาง

ประเทศญีป่ นุ่ จัดว่าเปน็ ประเทศที่มีมาตรการเตรียมพรอ้ มเพอื่ รบั มือกบั ภัยแผน่ ดินไหวได้เป็นอยา่ งดี จะ
เหน็ ไดว้ า่ ประชาชนส่วนใหญ่มีระเบียบวินัย ทราบถึงวิธีการปฏบิ ตั ติ วั เม่ือเกดิ แผน่ ดินไหว มีความรคู้ วามเข้าใจ
เกย่ี วกับภยั แผน่ ดนิ ไหวและทราบวา่ หากเกดิ แผน่ ดินไหวขนาดใหญแ่ ล้วจะเกิดแผ่นดนิ ไหวตามอกี เป็นจำนวนมาก
ในเหตกุ ารณ์ครง้ั น้ีเกิดแผ่นดินไหวตามประมาณ 800 ครัง้ เฉล่ยี การเกดิ แผ่นดินไหวตามวันละ 100 ครง้ั ทำให้
บ้านเรอื นท่ียังไม่พงั ทลายทัง้ หลงั ไมม่ คี วามปลอดภัยสำหรบั การอยู่อาศยั อาจพังทลายจากเหตกุ ารณ์
แผน่ ดินไหวตามได้ตลอดเวลา ดงั นั้นประชาชนส่วนใหญจ่ ึงอพยพออกจากบ้านหลังจากเกิดแผ่นดินไหวไปพักยัง
ศนู ย์อพยพทถี่ ูกสร้างอย่างแข็งแรง ปลอดภัย มีของใช้จำเป็นเตรยี มไวใ้ นแต่ละพื้นที่ และในศูนย์อพยพกจ็ ะมีการ
เตรยี มอาหารส าเร็จรูป น้ำด่ืม และสงิ่ ของจำเปน็ พืน้ ฐานสำหรบั ผอู้ พยพ พร้อมกนั น้นั หลังจากเกิดแผน่ ดินไหวกจ็ ะ
มหี นว่ ยกู้ภยั ที่ได้รบั การฝกึ ฝนเขา้ ไปค้นหาผูร้ อดชวี ิตท่ีตดิ อย่ใู นซากอาคารทพี่ ังทลาย

3.2.2 กรุงกาฐมาณฑแุ ละโปขรา ประเทศเนปาล พ.ศ. 2558

วันที่ 25 เมษายน 2558 เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ถึง 7.8 ตามมาตรา ริกเตอร์โดยมีจุดศูนย์กลางห่าง
ออกไป 34 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองลัมจุง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างกรุงกาฐมาณฑุและโปขรา ในประเทศ
เนปาล สรา้ งความสูญเสยี อย่างใหญห่ ลวงทัง้ ต่อชีวิตและทรพั ย์สิน โดยมีโบราณสถานตา่ ง ๆ พงั เสียหายมากมาย

สาเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนี้ มาจากการสะสมพลังของจุดแนวหิน (Locking line) ราว 80 ปี นับจาก
แผน่ ดินไหวคร้ังใหญ่ขนาด 8.0 ตามมาตราริกเตอร์ในเนปาล เมือ่ ปี พ.ศ.2477 ท้งั นี้แผ่นเปลอื กโลกอินเดียนั้นปกติ
จะเคลื่อนตัวข้ึนไปทางทิศเหนือตลอดเวลาอยู่แล้ว มีอัตราความเร็วในการเคล่ือนตวั ประมาณ 2.0 เซนติเมตรต่อปี
ขอบบนของแผ่นเปลือกโลกอนิ เดียจะเบียดเขา้ กับแผ่นเปลือกโลกยูเรเซยี ซึ่งเป็นท่ีตงั้ ของทวีปเอเชยี และยุโรป การ
เบียดกนั ไดด้ นั แผน่ ดินให้สูงข้ึนเป็นเทือกเขาหมิ าลัยตั้งแตห่ ลายลา้ นปีท่ีแลว้ (ปจั จบุ ันเทอื กเขาหมิ าลัยก็จะมีความ
สงู เพิม่ ขึ้นเร่อื ย ๆ) โดยในการเบียดตัวขนึ้ ทางเหนอื นี้แผน่ ปลอื กโลกอินเดียซงึ่ มคี วามหนาแนน่ สงู กว่าเปลือกโลก

ยูเรเซียจะมุดตัวลงด้านล่าง ท าให้เกิดจุดล็อกเนื่องจากความไม่เรียบของเปลือกโลกทำให้แผ่นเปลือกโลกอินเดีย
เคลื่อนตัวต่อไปทางเหนอื ไม่สะดวกเกิดการสะสมแรงกดดนั จนเกิดแผ่นดินไหวขึ้นเพือ่ ปลดปล่อยพลังงานทีส่ ะสม
ไว้ออกมา ในลักษณะแบบ Reverse thrustก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก เนื่องจากประเทศเนปาลตั้งอยู่
บริเวณขอบรอยเล่ือนพอดี
แนวทางการปอ้ งกนั และแกไ้ ขผลกระทบทีเ่ กิดจากแผ่นดินไหว

4.1 การเตรยี มความพร้อมรบั สถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหว
4.1.1 สร้างอาคารบา้ นเรือนให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ท่ีกำหนด สำหรับพน้ื ท่เี สย่ี งภัยแผ่นดินไหว
4.1.2 ตรวจสอบสภาพของอาคารที่อยู่อาศยั และเครอื่ งใช้ภายในบา้ นท าการยึดเคร่ืองเรือนที่อาจ
กอ่ ให้เกดิ อนั ตราย เชน่ ตูแ้ ละชั้นหนงั สอื กับฝาบา้ นหรอื เสา
4.1.3 ให้สมาชกิ ในครอบครัวมคี วามรู้ในเร่ืองการปฐมพยาบาลเบือ้ งต้นและวธิ กี ารรักษาความปลอดภัย
เช่น การปดิ วาล์วก๊าซหุงตม้ สะพานไฟ การใช้เครื่องมือดับเพลิง
4.1.4 จดั เตรียมสิ่งตอ่ ไปน้ีไวใ้ กล้ตวั เชน่ วทิ ยุ ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย อปุ กรณ์ดับเพลิงนำ้ ดื่ม อาหารแห้ง ยา
รกั ษาโรคและอุปกรณ์การปฐมพยาบาล
4.1.5 ให้ความรู้แก่สมาชิกในครอบครวั ทุกคนเกย่ี วกบั ข้อควรปฏิบัติเพื่อความ
ปลอดภัย เมื่ออยู่ในสถานทต่ี า่ ง ๆ ระหว่างเกิดแผน่ ดนิ ไหว
4.1.6 วางแผนนดั แนะล่วงหน้าวา่ ถ้าต้องพลดั หลงแยกจากกัน ทกุ คนในครอบครัวจะกลบั มาพบกนั ท่ีใด
4.1.7 ไม่ควรวางสง่ิ ของที่มีน้ำหนักมากไวใ้ นท่ีสงู และควรผูกยึดเครื่องใช้ เคร่ืองเรือน ครุภัณฑส์ ำนกั งาน
กับพืน้ หรือฝาผนังให้แนน่ หนา
4.1.8 ใหส้ มาชิกทุกคนในบา้ นทราบหมายเลขโทรศัพท์ของสถานทท่ี ่ีควรจะตดิ ต่อในกรณีฉุกเฉนิ เช่น
หนว่ ยดบั เพลงิ สถานีตำรวจ ที่วา่ การอำเภอ สำนกั งานเทศบาล หรือโรงพยาบาลท่ีอยใู่ กลบ้ ้าน เปน็ ตน้
4.1.9 ควรติดตง้ั โทรศัพทพ์ นื้ ฐานไวใ้ นบ้านอย่างน้อยหน่ึงหมายเลข เพราะเม่ือใดแผน่ ดินไหวสัญญาณ
โทรศพั ท์มอื ถือมักจะใช้งานไม่ได้เนอื่ งจากมีผใู้ ชง้ านพร้อมกันเป็นจำนวนมาก

“เปฉ้ กุ เฉิน” สิ่งของจำเปน็ ที่ควรมเี พ่ือเตรียมความพรอ้ มก่อนเกดิ แผ่นดนิ ไหว
การเตรยี มตัวสำหรับรบั มือเหตุแผน่ ดนิ ไหว ควรมกี ารจัดเตรยี มสง่ิ ของจำเป็นเอาไวล้ ว่ งหนา้ กอ่ นเกิดเหตุ
แผน่ ดนิ ไหวขึน้ ใหส้ ามารถใชอ้ ุปกรณใ์ นเป้ฉกุ เฉินเพ่ือการเอาตวั รอดในสถานการณเ์ ฉพาะหนา้ และยงั ชพี ระหวา่ ง
ประสบภัยได้ในเบื้องต้น ซ่ึงอุปกรณ์ท่ีควรจดั เตรียมไวส้ ำหรับอุปโภคบริโภคในชว่ งเวลาอย่างนอ้ ย 3 - 5 วันส่ิงของ
ทีค่ วรบรรจใุ นเป้ฉกุ เฉนิ ประกอบด้วย
- อาหารแห้ง และอปุ กรณ์ทำอาหารฉกุ เฉนิ
- นำ้ ดืม่ และกระตกิ น้ำแบบพกพา
- เสือ้ ผ้า เครื่องนงุ่ ห่มสำหรับกันอากาศหนาว ลม และฝน
- รองเท้าห้มุ สน้ ป้องกนั เศษแก้วหรอื วัตถุแหลมคมอื่น ๆ ท่ีอาจทำให้ได้รบั บาดเจ็บ
- ชุดปฐมพยาบาลและยาเช่น ยารกั ษาโรคประจำตวั รกั ษาบาดแผล เปน็ ต้น
- เอกสารสำคัญประจำตวั เพื่อใช้เปน็ หลักฐานยนื ยนั สถานะบุคคล
- วิทยุแบบพกพาพร้อมแบตเตอรส่ี ำรองใช้ฟงั ข่าวสารและประกาศเตอื นภัย
- นกหวีด ใช้สำหรบั เป่าเรียกความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉนิ
- ไฟฉายพร้อมแบตเตอรสี่ ำรอง ใช้สำหรับสอ่ งสวา่ ง
4.2 การปฏิบตั ิขณะเกิดแผ่นดินไหว

เมอ่ื เกิดแผ่นดนิ ไหว ใหต้ ้งั สติอยู่อย่างสงบ คดิ หาหนทางท่ีปลอดภัย หมอบอยู่บริเวณทีส่ ามารถป้องกนั
ส่งิ ของหลน่ ใส่ เช่น บริเวณใต้โต๊ะ ใต้เตยี ง หลีกเล่ยี งให้ห่างจากหน้าตา่ ง หากอยู่นอกอาคารให้อยู่ในท่ีโลง่ อยู่ให้
ห่างจากสิง่ หอ้ ยแขวนตา่ ง ๆ ปฏบิ ตั ิตามมาตรการป้องกันตนเองจากภัยแผ่นดินไหว เปน็ ต้น

4.2.1 กรณอี ย่ใู นอาคาร
1) กรณเี กิดการสั่นสะเทือนมาก ให้ปดิ สวิทช์ไฟหลัก และปิดถังแกส๊
2) มดุ ใตโ้ ต๊ะ เกา้ อี้ พงิ ผนงั ด้านใน แลว้ อยู่นง่ิ ๆ ถา้ ไม่มีโต๊ะ ใชแ้ ขนปิดหน้าปิดศีรษะ หมอบตรงมุมห้อง อยู่
ให้หา่ งกระจก หนา้ ตา่ ง และเลี่ยงบรเิ วณที่สิ่งของหล่นใส่หรือลม้ ทับเชน่ โคมไฟ ตู้
3) ถา้ ยังนอนอยู่ ให้อยบู่ นเตยี ง ใชห้ มอนปดิ บังศรี ษะ หลกี เล่ียงบริเวณท่ีส่ิงของหล่นใส่ อยู่บริเวณที่
ปลอดภัย
4) ใชช้ อ่ งประตเู ป็นท่หี ลบภยั ถา้ อยู่ใกลใ้ ห้อยู่ในอาคารจนกว่าการสัน่ สะเทือนหยุดจึงออกไปภายนอก
บรเิ วณที่ปลอดภัยอันตรายสว่ นใหญ่เกดิ จากสงิ่ ของหล่นใส่
5) คาดวา่ หรอื ตระหนกั เสมอว่าไฟฟา้ อาจดบั หรอื สปรงิ เกอรอ์ าจทำงานหรือมีเสยี งเตอื นไฟไหม้
6) อย่าใช้ลิฟตข์ ณะมีการส่ันไหวถา้ อยใู่ นลิฟตค์ วรรีบออกจากลิฟตท์ ันทบี รเิ วณใกลล้ ฟิ ต์จะเป็นสว่ นท่ี
แขง็ แรงของอาคารเหมาะแก่การหลบและหมอบ
7) อยา่ จุดเทียน ไม้ขดี ไฟ หรือสงิ่ ที่ทำให้เกดิ เปลวหรอื ประกายไฟ เพราะอาจมแี ก๊สรว่ั อยู่บรเิ วณน้ัน
8) อย่ากรกู นั วิ่งออกนอกอาคาร เม่ือการสัน่ ไหวหยุดแล้วจงึ ทยอยออกด้านนอกบรเิ วณที่คดิ ว่าปลอดภยั
9) ชัน้ บนสุดของอาคารเปน็ ท่ีปลอดภยั ที่หนึง่ แต่ความส่นั สะเทือนและการโยกจะมากกว่าชัน้ ทีต่ า่ งลงมา
10) ถ้าเกดิ ไฟไหม้ชว่ งแรกให้รีบดบั ไฟ ให้เจ้าหน้าทีต่ รวจสอบความเสยี หายของอาคาร หากปลอดภยั
สามารถกลบั เขา้ ในอาคารได้
11) หากเป็นแผ่นดนิ ไหวใหญ่ใหร้ ะลึกเสมอวา่ อาจเกิดแผน่ ดินไหวตาม(aftershock) เกดิ ขึน้ แตจ่ ะมีขนาด
เลก็ กว่า
4.2.2 กรณีอยู่นอกอาคาร ให้อยู่ด้านนอก ในที่โล่งแจ้งปลอดภัยที่สุด อยู่ให้ห่างจากอาคาร เสาไฟ
สายไฟฟ้า ต้นไม้ ปา้ ยโฆษณา หรือส่งิ ของทอ่ี าจหล่นใส่ ใหห้ าท่กี ำบงั จากเศษวัสดทุ ี่อาจจะร่วงหลน่ ลงมาได้
4.2.3 กรณีอยูใ่ นรถ ใหจ้ อดรถเมอื่ สามารถจอดได้โดยปลอดภัย และในที่ไมม่ ีของหลน่ ใส่ อยู่ให้ห่างอาคาร
ตน้ ไม้ ทางดว่ น สะพานลอย เชิงเขา เป็นต้น
4.2.4 กรณีอยู่บนเรือ ความสั่นสะเทือนเนื่องจากแผ่นดินไหวไม่ท าอันตรายผู้อาศัยอยู่บนเรือกลางทะเล
ยกเว้นในกรณีเกิดสนึ ามิเรือทอ่ี ยใู่ กล้ชายฝัง่ จะได้รับความเสียหาย ใหน้ าเรือออกทะเลลึก
4.2.5 กรณีอยู่ในโรงงาน เมื่อรู้สึกสั่นสะเทือน ตั้งสติ อย่าตกใจวิ่งหนีออกนอกอาคาร ให้หมอบอยู่ใกล้เสา
หรือเครื่องจักรที่แข็งแรง อยู่ให้ห่างสายไฟฟ้า โคมไฟ สิ่งห้อยแขวนสิ่งของที่อาจล้มคว่ำ หรือหลีกเลี่ยงการอยูใ่ กล้
ภาชนะที่เป็นสารเคมีอันตราย วัตถุระเบิด หรืออยู่ใกล้เครื่องจักรที่กำลังทำงาน เมื่อความสั่นสะเทือนหยุด จึง
ออกไปทโี่ ล่งแจ้ง
4.2.6 กรณีติดอยู่ใต้ซากอาคาร ตั้งสติให้ดี ให้อยู่อย่างสงบ ใช้ผ้าปิดหน้า อย่าจุดไฟเคาะท่อ ฝ าผนัง เพ่ือ
เปน็ สญั ญาณใหก้ บั หน่วยชว่ ยชวี ิต ใช้นกหวีดแทนการตะโกนซึ่งการตะโกนอาจทำให้สูดสิ่งอันตรายเข้าสู่ร่างกายให้
ความช่วยเหลอื ซึง่ กันและกนั และใหก้ ำลังใจกัน

4.3 การปฏิบตั หิ ลังเกิดแผ่นดินไหวข้อควรปฏิบัติหลังเกิดแผ่นดนิ ไหว สำหรับผปู้ ระสบเหตุไดแ้ ก่
4.3.1 ปดิ สวิตซไ์ ฟฟา้ ยกสะพานไฟ ตรวจการชำรุดของสายไฟฟา้ ให้ออกจากบริเวณท่ีสายไฟขาด และ
วัสดสุ ายไฟพาดถึง
4.3.2 อย่าจุดไม้ขีดไฟหรือก่อไฟจนกว่าจะแน่ใจวา่ ไม่มีแกส๊ รวั่ ตรวจสอบว่าแกส๊ ร่ัวดว้ ยการดมกลิ่นเท่านัน้
ถ้าได้กล่ินให้เปิดประตูหนา้ ตา่ งทกุ บาน
4.3.3 อพยพออกจากอาคารท่ีไดร้ ับความเสยี หาย และเตรยี มพร้อมรับการเกิดแผ่นดนิ ไหวระลอกต่อไป
4.4.4 หลกี เลย่ี งการเข้าไปในเขตท่ีมีความเสียหายสูง หรืออาคารพัง
4.4.5 หลีกเล่ียงการใช้โทรศัพท์ เว้นแตก่ รณจี ำเปน็ จริง ๆ เช่น มีผูบ้ าดเจ็บหรือเกิดไฟไหม้ ฯลฯ เพราะ
ผอู้ นื่ อาจมีความจำเป็นต้องส่งข่าวสารทส่ี ำคญั กวา่
4.4.6 สำรวจความเสียหายของบ้าน/อาคารเพ่ือความปลอดภัย กอ่ นจะเขา้ ไปภายในบ้าน/อาคาร
4.4.7 สำรวจดคู วามเสียหายของท่อส้วม และท่อน้ำทิ้งก่อนใช้
4.4.8 เตรียมนำ้ สำหรบั ใช้อปุ โภคบรโิ ภคในกรณีฉุกเฉนิ
4.4.9 ตดิ ตามข่าว สถานการณ์ การเตือนภัย และคำแนะนำต่าง ๆ เพ่ือความปลอดภยั
4.4.10 หลีกเลี่ยงการขับขยี่ วดยานพาหนะบนถนนและไม่เขา้ ใกล้อาคารทไี่ ด้รับความเสียหาย ยกเวน้ กรณี
ฉุกเฉินเพอ่ื ไม่ให้กีดขวางการปฏิบตั งิ านของเจ้าหนา้ ท่ี
4.4.11 อย่าต่ืนตระหนกและใหค้ วามช่วยเหลือผอู้ น่ื เทา่ ทจ่ี ะทำได้
4.4.12 เตรียมรบั มืออาฟเตอร์ชอ็ ก ซึ่งทวั่ ไปมคี วามรนุ แรงน้อยกว่าแต่กอ็ าจสร้างความเสียหายเพ่ิมขึ้น จึง
ควรเปดิ วิทยุหรอื โทรทศั น์ฟังขา่ วเพิม่ เติม
4.4.13 เปิดตู้ด้วยความระมัดระวังระวังสารเคมีที่ตกหล่น
4.4.14 ใสร่ องเท้าหุ้มสน้ และหลกี เล่ียงบริเวณส่ิงก่อสรา้ งท่เี สยี หายหรือพงั ทลายยกเว้นได้รบั การร้องขอ
จากเจา้ หน้าที่
4.4.15 แจ้งเจ้าหนา้ ทถี่ ึงจำนวนและตำแหน่งทมี่ ีผ้ตู ิดอยู่ในอาคารหากทราบ
4.4.16 หากอยูช่ ายฝ่งั หรือใกลบ้ ริเวณปากแม่น้ำใหร้ บี ขนึ้ ท่ีสูงบริเวณทปี่ ลอดภัยโดยเฉพาะบริเวณทีเ่ คยมี
ประวัตกิ ารเกิดอนั ตรายจากสึนามิ
4.4.17 อย่าเชื่อข่าวลอื และอย่าแพร่ขา่ วลือ

ใบงาน
สถานการณแ์ ผ่นดนิ ไหว
แนวทางการปอ้ งกันและการแก้ไขปัญหาผลกระทบท่ีเกดิ จากแผน่ ดินไหว

1. ท่านคิดว่าทา่ นมีการเตรียมความพร้อมเพ่ือรบั มือกับภยั แผน่ ดนิ ไหวอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ขณะเกิดแผ่นดนิ ไหวควรปฏิบตั ิตัวอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. หลังจากเกิดแผน่ ดนิ ไหว ท่านมแี นวทางแก้ไขปญั หาผลกระทบที่เกิดจากแผน่ ดินไหว อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แบบทดสอบก่อนเรยี น

คำชแี้ จง เลอื กคำตอบท่ีถกู ต้องท่สี ุดเพียงคำตอบเดยี ว
1. บรเิ วณบนผิวโลกท่เี กิดแผน่ ดินไหวบอ่ ยมากที่สดุ ได้แก่

ก. แนวรอยต่อภูเขาแอลป์กบั ภเู ขาหมิ าลยั
ข. บรเิ วณวงแหวนแห่งไฟ
ค. บรเิ วณเทอื กเขากลางมหาสมทุ รแอตแลนตกิ
ง. บรเิ วณใจกลางแผ่นยูราเซียน (Eurasian plate)
2. ถา้ หากเกิดแผ่นดินไหวในขณะท่ีนักเรยี นอยู่บนอาคารสูง ควรปฏิบัตติ นอย่างไร
ก. รีบวง่ิ ลงบนั ได
ข. รีบลงชน้ั ล่างโดยใช้ลฟิ ต์
ค. มดุ เขา้ ใต้โต๊ะภายในอาคาร
ง. ไปที่หนา้ ต่าง เพ่อื ขอความช่วยเหลอื
3. ประเทศไทยจะไดร้ ับผลจากแผ่นดินไหวอนั เนอื่ งมาจากการกระทบกนั ของแผน่ ธรณีภาคคใู่ ดมากท่สี ุดก. แผน่
ยเู รเซยี กับแผน่ แปซิฟิก
ข. แผ่นยูเรเซยี กับแผ่นออสเตรเลีย-อินเดีย
ค. แผ่นแปซฟิ ิกกบั แผ่นนาสกา
ง. แผ่นแอนตารก์ ติกกับแผ่นออสเตรเลีย- อนิ เดยี
4. มาตราทใ่ี ชว้ ัดความรนุ แรงของการเกิดแผ่นดนิ ไหว คือข้อใดก. รกิ เตอร์
ข. เมอร์แคลลี
ค. โมลด์
ง. เวอรน์ เวิร์ด
5. แนวการเกดิ แผ่นดินไหวของโลกในข้อใดมโี อกาสเกิดแผ่นดินไหวมากทส่ี ุด
ก. แนวภูเขาแอลป์-หมิ าลยั
ข. แนวแถบหมู่เกาะอนั ดามัน
ค. แนวลอ้ มรอบมหาสมุทรแปซิฟิก
ง. แนวสันกลางมหาสมุทรแอตแลนตกิ
6. แผ่นดนิ ไหวความรนุ แรง 7 หรือ 5.5 – 6.1 ขนาดมาตรารเิ ตอร์จะตรงกับข้อใด
ก. ค่อนข้างแรง กระจกแตก ลูกตมุ้ นาฬิกาหยดุ
ข. แรง รูปหลน่ จากผนงั ของบนหงิ้ ล่วง
ค.แรงมาก ฝาผนังหอ้ งเกิดรอยรา้ ว
ง. ทำลายเฟอรน์ เิ จอรใ์ หญๆ่ พลกิ คว่ำ
7. บริเวณท่ีอย่เู หนือช้ันหินหนืด หมายถงึ ข้อใด
ก. ธรณีภาค
ข. ฐานธรณีภาค
ค. แผ่นเปลือกโลก
ง. ธรณภี าคชน้ั นอก

8. แผน่ เปลอื กโลกใดมีขนาดใหญ่มากทส่ี ดุ
ก. แผน่ เปลือกโลกยเู รเชยี น
ข .แผ่นเปลือกโลกแปซิฟิก
ค. แผน่ เปลือกโลกแอฟริกา
ง. แผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือ

9. สนึ ามิ เป็นภัยธรรมชาตทิ ี่มักเกดิ เมื่อใด ?
ก. พายุหมนุ อย่างฉับพลนั บริเวณกลางมหาสมุทร
ข. แผ่นเปลอื กโลกเลอ่ื นออกจากกัน
ค. แผน่ ดนิ ไหวพร้อมกบั ภเู ขาไฟระเบดิ
ง. แผ่นดินไหวรุนแรง้ ใตท้ ้องทะเล

10. ใครต่อไปนี้ทป่ี ฏบิ ตั ิไม่ถูกตอ้ งเมื่อเกิดเหตกุ ารณ์สนึ ามิ
ก. แทยอนรบี วิ่งไปอยู่ที่ภเู ขาสูง
ข. โซรีรบี ออกไปจากชายหาด
ค. จองเบรบี ว่ิงไปที่ชายหาดเพือ่ ถา่ ยรูป
ง. ฮานลึ รีบนำเรอื ออกไปยังน้ำลึก

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
1.ข 2.ค 3.ข 4.ก 5.ค 6.ค 7.ก 8. ข. 9. ง 10.ค.

บันทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

คร้งั ท…ี่ ………..วนั ท่ี…………..…………………..เดอื น………………………..พ.ศ. …………………………………..
สถานท…่ี …………………………………………………………………………………………………………………………..
กจิ กรรมการเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................................................. .......................
............................................................................................................ ........................................................................
................................................................................................... .................................................................................
................................................................................................................................ ....................................................
....................................................................................................................................................................................
สภาพปญั หาทีพ่ บ
...................................................... ..................................................................................... .........................................
............................................................................................................................. .......................................................
................................................................................................................................................................ ....................
...................................................................................................................................................... ..............................
วธิ แี กป้ ญั หา
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................

ลงช่อื ..................................................ผูบ้ นั ทึกหลงั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
(...........................................................)

ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ าร
............................................................................................................ ........................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .......................................................
(……………………………………………….)

ผอู้ ำนวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอยางชุมน้อย

แผนการเรียนรรู้ ายวชิ าการเรียนร
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

ช่ือหน่วยการเรียนรู้ท่ี…8……… เรอ่ื ง……สนึ าม

รายวชิ า/ ตวั ชี้วัด เนอื้ หา
หัวเรือ่ ง
ลกั ษณะการเกิดสึนามิ
สึนามิ 1. สาเหตุและปัจจัยการเกดิ สนึ าม
2. สัญญาณบอกเหตุก่อนเกิดสึนา
ภัยธรรมชาติ 2. บอกสาเหตุ และปจั จยั การเกิด 3. ผลกระทบที่เกิดจากสึนามิ
4. พนื้ ทเี่ สี่ยงภยั ตอ่ การเกดิ สึนามิใ
ที่ต้องระวงั สนึ ามิ ประเทศไทยและประเทศตา่ ง ๆ ใน

3. บอกสัญญาณบอกเหตุก่อนเกดิ

สึนามิ

4. บอกผลกระทบทีเ่ กดิ จากสึนามิ

5. ตระหนักถงึ ภยั และผลกระทบ

ทเ่ี กดิ จากสึนามิ

6. บอกพืน้ ทเ่ี ส่ยี งภัยต่อการเกิด

สึนามใิ นประเทศไทยและประเทศ

ตา่ ง ๆ ในทวีปเอเชยี

ร้สู ้ภู ยั ธรรมชาติ 3 รหัสวิชา สค 32032
ย ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563
มิ ภยั ธรรมชาติท่ตี ้องระวัง……….สัปดาห์ท…่ี …16……

การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สอื่ และ การวดั และ
แหล่งเรยี นรู้ ประเมินผล

ข้ันท่ี 1 กำหนดสภาพ ปญั หา ความต้องการใน - การเรียน - แบบ

มิ การเรียนรู้ (O: Orientation) การสอน ทดสอบก่อน-

ามิ 1.1 ผู้เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น ออนไลน์ หลังเรียน

เกีย่ วกบั รปู ภาพภัยธรรมชาติ ทเ่ี กดิ ขึน้ ในปจั จุบนั LMS - ใบงาน

ใน และครูวดั ความรู้พน้ื ฐานและกระตุน้ ใหผ้ ู้เรยี นเกิด - ชดุ วิชา

นโล การเรียนรู้โดยใช้คำถาม เช่น การเรยี นรู้สู้

- จากวีดทิ ศั น์ https://www.youtube.com ภัยธรรมชาติ

/watch? v=POk6JUM4FR0 ท่ีผูเ้ รียนเห็นน้ี คือ ภัย - วดี ิทศั น์

ธรรมชาติเกย่ี วกบั อะไร สาเหตแุ ละปัจจัยการเกดิ คือ

อะไร

- ผเู้ รยี นยกตัวอย่างบอกพื้นที่เสยี่ งภัยต่อการเกิด

สึนามขิ องประเทศต่าง

1.3 ผูเ้ รยี นเข้าสู่ห้องเรยี นออนไลน์

Log in เข้าระบบจัดการเรียนการสอน ( LMS )

แลว้ ใหท้ ำแบบทดสอบก่อนเรียน เรอ่ื ง สึนามิ

ภยั ธรรมชาติทตี่ ้องระวงั


Click to View FlipBook Version