The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ป 5 6 ภาคเรียนที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ป 5 6 ภาคเรียนที่ 1

แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ป 5 6 ภาคเรียนที่ 1

15101 5

1 34

32

14 29 2563 2

14 30 2563 2

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5/5 2
2
(K)
(P)

(A)

59-

2 2
2
1 3
4
()
2

2
3
5
3
4

5 59
-
2
3

2
2
2

)

,
/

9

………………………………
)

15101 5

1 34

33

14 30 2563 4

14 2563 2

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5/5 2
2
(K)
(P)

(A)

62-63

2
( 1-

)

2

2 2
3
60

( )
)
( 2 )
3 )
(

(

2
3

(

60
2
3
2
3 = 40

– 40 = 20

)

(

)

3- -3

3

73 3
84 5

1 1
2 2

30 1 60
4

5 62
3 63

2
2
2

)

/
2

………………………………
)

15101 5

1 34

34

14 1 2563 3

14 2 2563 3

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5/5 2
2
(K)
(P)

(A)

62-63

2 2
1 2
4 3
()
2

2
3
5
3
4

5 65
3

2
2
2

)

8
,

/

………………………………
)

15101 5

2 34

1

15 5 2563 4

15 6 2563 4

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

(K)
2 (P)

(A)

66-67

2 65
66-67
-2
-3
- 25
-2

2
3

2
2
2

)

/

………………………………
)

15101 5

2 34

2

15 6 2563 2

15 2563 2

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

P)
A)



4

2
3

2
2
2

)

-
****************************

…………………………………………………………… ……………………………………………………………
…………………………………………………………… ……………………………………………………………
…………………………………………………………… ……………………………………………………………
…………………………………………………………… ……………………………………………………………
…………………………………………………………… ……………………………………………………………

…………………………………………………………… ……………………………………………………………
…………………………………………………………… ……………………………………………………………
…………………………………………………………… ……………………………………………………………
…………………………………………………………… ……………………………………………………………
…………………………………………………………… ……………………………………………………………

…………………………………………………………… ,
…………………………………………………………… ,
……………………………………………………………
…………………………………………………………… ……………………………………………………………
…………………………………………………………… ……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………

7

3
/

4
3

………………………………
)



15101 5

2 34

3

15 7 2563 4

15 8 2563 2

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

(

(P)
A)

2

2
3

2
2
2

)

-
****************************

……………………………………

4
……

5
3
/

………………………………
)

แผนการจัดการเรียนรู้

โรงเรยี นวัดใหมล่ ํานกแขวก สาํ นักงานเขตมีนบรุ ี กรงุ เทพมหานคร

กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิชาคณิตศาสตร์ (รายวิชา ค 15101) ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 เรอ่ื ง ทศนิยม เวลา 34 ชว่ั โมง

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 เรื่อง การเขยี นเศษสว่ นท่มี ีตวั สว่ นเป็น 10

หรอื 100 หรอื 1,000 ในรูปทศนิยม เวลา 1 ชั่วโมง

สปั ดาหท์ ่ี 16 วันจันทร์ ท่ี 12 เดือน ตลุ าคม พ.ศ. 2563 ช่ัวโมงท่ี 4 ป.5/1

สัปดาหท์ ่ี 16 วันพธุ ท่ี 14 เดือน ตลุ าคม พ.ศ. 2563 ช่วั โมงที่ 2 ป.5/2

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้ีวดั

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ

จานวน ผลท่ีเกิดข้ึนจากการดาเนินการสมบัตขิ องการดาเนินการและนาไปใช้

1.2 ตัวชวี้ ัด

ค. 1.1 ป.5/1 เขียนเศษสว่ นท่มี ตี ัวส่วนเปน็ ตวั ประกอบของ 10 หรือ 100 หรอื 1,000 ในรปู ทศนิยม

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. เขา้ ใจหลักการเขยี นเศษสว่ นทีม่ ีตวั สว่ นเปน็ ตวั ประกอบของ 10 100 และ 1,000 ในรปู ทศนยิ ม (K)

2. เขียนเศษส่วนทีม่ ตี วั สว่ นเป็นตวั ประกอบของ 10 100 และ 1,000 ในรูปทศนิยมได้ (P)

3. นาความรู้เก่ียวกับการเขียนเศษส่วนท่ีมีตัวส่วนเป็นตัวประกอบของ 10 100 และ 1,000 ในรูป

ทศนิยมไปใชแ้ กป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ได้ (A)

3. สาระสําคัญ
การเขียนเศษส่วนทีต่ วั เศษเปน็ จานวนนบั ตวั สว่ นเปน็ ตวั ประกอบของ 10 100 หรอื 1,000 ในรูป

ทศนิยม อาจหาตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 มาคณู ทงั้ ตัวเศษและตัวส่วนของเศษส่วนนั้น จะได้
เศษสว่ นจานวนใหมท่ ีเ่ ท่ากับเศษสว่ นจานวนเดมิ แต่มตี ัวสว่ นเปน็ 10 100 หรอื 1,000 แล้วจึงเขยี นเปน็
ทศนยิ ม 1 ตาแหนง่ 2 ตาแหนง่ 3 ตาแหนง่ ตามลาดับ
4. สาระการเรยี นรู้

การเขียนเศษส่วนท่ตี ัวสว่ นเป็นตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 ในรปู ทศนิยม

5. สมรรถนะสําคญั ของผู้เรียน
ความสามารถในการคิดและการแก้ปัญหา

6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มงุ่ ม่ันในการทางาน

7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
1. ใบงาน เรือ่ ง การเขียนเศษสว่ นทตี่ ัวสว่ นเป็นตวั ประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 ในรูปทศนยิ ม

8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนําเข้าส่บู ทเรียน

1. ครูสนทนากบั นักเรยี นเก่ียวกบั ตวั ประกอบของจานวนนบั ทีเ่ รียนมาแลว้ โดยการถามว่า

- ตวั ประกอบทง้ั หมดของ 4 ไดแ้ กจ่ านวนใดบา้ ง (1, 2, 4)

- 9 เปน็ ตวั ประกอบของ 27 หรือไม่ เพราะเหตุใด (เป็น เพราะ 27 หารดว้ ย 9 ไดล้ งตวั )

- 1 เปน็ ตวั ประกอบของจานวนนับใดบ้าง (ทุกจานวน)

ข้ันสอน

2. ครถู ามนกั เรียนโดยเลือกนกั เรยี นตอบเป็นรายบคุ คล พรอ้ มเขียนบนกระดาน

- ตวั ประกอบของ 8 มีจานวนนบั ใดบ้าง และมกี ่ีจานวน

- นักเรียนช่วยกันบอกจานวนนับท่ีเป็นตัวประกอบของ 8 คนละ 1 จานวน แล้วนับว่ามี

ทัง้ หมดก่ีจานวน (จานวนนบั ที่เปน็ ตัวประกอบของ 8 มี 4 จานวน ไดแ้ ก่ 1, 2, 4 และ 8)

3. ครใู ชก้ ารถาม – ตอบ พร้อมเขยี นบนกระดาน ดังนี้

- ตัวประกอบท้ังหมดของ 10 ได้แก่จานวนนับใดบ้าง (1, 2, 5, 10)

- ตวั ประกอบท้ังหมดของ 100 ไดแ้ ก่จานวนนับใดบ้าง และมีทงั้ หมดก่ีจานวน (1, 2, 4, 5,

10, 20, 25, 50 และ 100 มที ง้ั หมด 9 จานวน)

- ตัวประกอบทั้งหมดของ 1,000 ได้แก่จานวนนับใดบ้าง และมีก่ีจานวน (1, 2, 4, 5, 8,

10, 20, 25, 40, 50, 100, 125, 200, 250, 500 และ 1,000 มที ัง้ หมด 16 จานวน)

4. ครูเขยี น 3 บนกระดาน แลว้ ถามวา่ เขียน 3 ในรปู ทศนยิ มได้อยา่ งไร (0.3)
10 10
- เขียน 9 บนกระดาน แลว้ ถามว่า เขียน 9 ในรปู ทศนยิ มไดอ้ ยา่ งไร (0.09)
100 100
- เขยี น 17 บนกระดาน แล้วถามว่า เขยี น 17 ในรูปทศนิยมได้อยา่ งไร (0.017)
1000 1000
- ครูให้นักเรียนสังเกตว่า เศษส่วนท่ีตัวเศษเป็นจานวนนับและตัวส่วนเป็น 10 100 หรือ

1,000 เมอ่ื เขยี นในรปู ทศนิยม จะได้ทศนยิ มกี่ตาแหน่ง (1 ตาแหน่ง 2 ตาแหน่ง และ 3 ตาแหน่ง ตามลาดบั )

- ครูเขียน 15 บนกระดาน แล้วถามว่า เขียน 15 ในรูปทศนิยมไดอ้ ย่างไร (นักเรียนอาจ

25 25

ตอบได้หรอื ไมไ่ ด้)

- ครูให้นักเรียนสังเกตว่า 15 ทาให้เป็นเศษส่วนที่ตัวส่วนเป็น 10 100 หรือ 1,000 ได้

25

หรอื ไม่ (ทาเปน็ 100 หรอื 1,000 ได)้

- ครูถามว่า ทาอย่างไร (ทาตัวส่วนเป็น 100 หรือ 1000 ก่อน โดยคูณทั้งตัวเศษและตัว

ส่วนดว้ ย 4 หรือคูณทัง้ ตวั เศษและตวั สว่ นด้วย 40)

ครใู ห้นกั เรียนชว่ ยกนั เขียนตามทน่ี ักเรยี นบอก ซึ่งจะไดด้ ังน้ี

15 = 15×4 หรือ 15 = 15×40
25 25×4 25 25×40
= 60 = 600
100 1000
- ครถู ามว่า 60 และ 600 เขยี นในรูปทศนิยมได้อยา่ งไร (0.60 และ 0.600
100 1000
ตามลาดบั )

- ครถู ามวา่ 15 ทาใหเ้ ปน็ เศษส่วนท่ีตัวส่วนเปน็ 10 ไดห้ รอื ไมอ่ ยา่ งไร (ทาไดโ้ ดยทาให้เป็น

25

เศษสว่ นอยา่ งตา่ กอ่ น โดยนา 5 ไปหารทั้งตัวเศษและตัวส่วน จะได้ 15 = 15÷5 = 3)

25 25÷5 5

- ครถู ามว่า ทา 3 ให้เป็นเศษสว่ นที่ตวั สว่ นเปน็ 10 ได้อยา่ งไร (นา 2 คูณท้ังตัวเศษและตัว

5

ส่วนซ่งึ จะได้ 3 = 3×2 = 6 )

5 5×2 10

- 6 เขียนในรูปทศนิยมไดอ้ ยา่ งไร (0.6)

10

ครเู ขียนบนกระดานดังน้ี ให้นักเรยี นสังเกต

15 = 15÷5 (เขยี นในรูปเศษสว่ นอย่างตา่ )
25 25÷5
3 15 53)
= 5 (เศษสว่ นอย่างตา่ ของ 25 =

= 3×2 (เขียน 3 ให้เป็นเศษสว่ นท่ีตวั เศษเป็นจานวนนับและตัวส่วนเป็น 10)
5×2 5
= 6 (เศษสว่ นทีเ่ ทา่ กบั 3 แตม่ สี ว่ นเปน็ 10)
10 5
= 0.6 (เขยี น 6 ในรูปทศนยิ ม)
10
15
5. ครูแนะนาว่า การเขียน 25 ในรูปทศนิยม อาจทาไดด้ งั ข้างตน้ น้ี ซง่ึ จะได้

15 = 0.6

25

ดังนนั้ 15 = 0.6 = 0.60 = 0.600

25

6. ครูเขียน 110 บนกระดาน ครูถามว่า เขียน 110 ให้เป็นเศษส่วนที่มีตัวส่วนเป็น 1,000 ได้

125 125

อย่างไร โดยให้นักเรยี นใช้เครื่องคิดเลข ดังน้ี
- 1,000 ÷ 125 ไดเ้ ท่าไร (8)
- 125 × 8 ได้เท่าไร (1000)
- เขยี น 110 ใหเ้ ปน็ เศษส่วนที่ตัวเศษเป็นจานวนนบั และตัวส่วนเปน็ 1000 ได้หรือไม่ (ได้)

125

ให้นักเรียนช่วยกันบอกวิธีเขียน 110 ให้เป็นเศษส่วนท่ีมีตัวเศษเป็นจานวนนับและตัวส่วน

125

เป็น 1,000 ซงึ่ จะไดด้ งั นี้
110 = 110×8

125 125×8

= 880

1000

= 0.880
ดงั นน้ั 110 = 0.880

125

จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันบอกวิธีเขยี น 110 ให้เป็นเศษสว่ นท่ีมีตัวส่วนเป็น 100 แล้วเขียน

125

ในรูปทศนิยม ซ่ึงจะได้
110 = 110÷5

125 125÷5

= 22

25

= 22×4

25×4

= 88

100

= 0.88
- ครูถามว่า เขียน 110 ให้เป็นเศษส่วนที่มีตัวส่วนเป็น 10 ได้หรือไม่ได้ เพราะเหตุใด

125

(ไม่ได้ เพราะ 22 เปน็ เศษสว่ นอยา่ งต่าของ 110 และไม่มจี านวนนับใดทคี่ ูณกับ 25 แล้วได้ 10)

25 125

7. ครูให้นักเรียนทาใบงาน เรอื่ ง การเขียนเศษส่วนท่ีตัวส่วนเป็นตวั ประกอบของ 10 100 หรือ
1,000 ในรปู ทศนิยม เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกัน
เฉลยกิจกรรมในใบงาน

ขั้นสรุป
5. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ สงิ่ ท่ีได้เรยี นรู้ร่วมกัน ดังนี้ การเขียนเศษส่วนทต่ี วั เศษเป็นจานวน

นับ ตัวส่วนเป็นตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 ในรูปทศนิยม อาจหาตัวประกอบของ 10 100 หรือ
1,000 มาคูณทง้ั ตวั เศษและตัวส่วนของเศษส่วนน้ัน จะได้เศษส่วนจานวนใหม่ทเี่ ทา่ กบั เศษส่วนจานวนเดิม แต่
มีตัวสว่ นเป็น 10 100 หรอื 1,000 แล้วจึงเขียนเป็นทศนยิ ม 1 ตาแหนง่ 2 ตาแหน่ง 3 ตาแหน่งตามลาดบั

9. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้

1. ใบงาน เร่อื ง การเขียนเศษสว่ นท่ีตัวส่วนเป็นตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 ในรปู ทศนิยม
2. หนังสอื รายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร์ ป.5
3. แบบฝึกหัดรายวิชาพนื้ ฐาน คณิตศาสตร์ ป.5

10. การวัดและประเมนิ ผล เครื่องมอื เกณฑ์
แบบฝึกหัดคณิตศาสตร์,ใบงาน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วธิ ีการ แบบสังเกตพฤติกรรมการ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกฑณ์
ตรวจแบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์,ใบงาน ทางานรายบุคคล
สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกฑณ์
ทางานกลมุ่
สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ
สังเกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ประสงค์
ในการทางาน

ลงช่ือ................................... ครูผู้สอน
( นางสาวเบญจวรรณ แสนกล้า )

ตาแหนง่ ครู คศ.1

ใบงาน
เรื่อง การเขยี นเศษส่วนท่ีตวั ส่วนเปน็ ตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 ในรปู ทศนยิ ม

ช่อื -นามสกลุ ............................................................................ชน้ั ป.5/........ เลขที่..........
****************************

คําชี้แจง เขยี นในรปู ทศนยิ ม

11 22

5 4

3 29 41

50 4

53 6 175

20 200

7 91 8 121

500 125

บันทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้

1. ผลการจดั การเรยี นรู้
นักเรียนรอ้ ยละ 88.71 สามารถเขยี นเศษสว่ นที่มตี วั สว่ นเป็น 10 หรอื 100 หรือ 1,000 ในรูป

ทศนิยมได้ถกู ตอ้ ง
2. ปัญหาอปุ สรรคทีพ่ บจากการจัดการเรียนรู้
มีนักเรียนจานวน 7 คน ไม่สามารถเขียนเศษส่วนที่มตี ัวสว่ นเปน็ 10 หรอื 100 หรือ 1,000 ในรูป

ทศนิยมไดถ้ ูกตอ้ ง ซงึ่ ได้แก่
นักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5/1 จานวน 4 คน คอื ด.ช.อุดมศักดิ์ ไชยพนั ธ,์ ด.ช.ก้องภพ ชูสงวน,

ด.ช.กฤติกานต์ โคตรรมณี และ ด.ช.จีรศกั ด์ิ นามา
นักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 5/2 จานวน 3 คน คือ ด.ช.ธนาวัฒน์ บรรทดั , ด.ช.ธรี ะภทั ร์ รุณเกตุ,

และ ด.ช.ณฐั วฒุ ิ วงชารี
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางการแกไ้ ข/ผลสําเรจ็
ครูได้ทาการอธิบายเพ่มิ เตมิ ถึงวิธีการเขียนเศษส่วนท่ีมตี วั สว่ นเป็น 10 หรอื 100 หรอื 1,000 ในรปู

ทศนิยมได้ถูกต้อง พรอ้ มทัง้ ยกตวั อยา่ งประกอบคาอธบิ าย ครไู ด้ฝกึ ใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หดั ไปพร้อมกบั ครูที
ละขน้ั ตอน ครซู ักถามเพอื่ ดถู งึ ความเข้าใจของนกั เรียนและเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามเมือ่ ไมเ่ ข้าใจ ครไู ดใ้ ห้
นกั เรยี นฝึกทาแบบฝึกหัดด้วยตนเอง ครคู อยใหค้ าชแ้ี นะและกล่าวคาชมเชยเมอ่ื นกั เรยี นทาไดถ้ กู ตอ้ ง เพอื่ ให้
นักเรียนภมู ใิ จและมคี วามม่ันใจในการทางาน

หลงั จากท่ีครอู ธิบายเพมิ่ เติมและใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หัดดว้ ยตนเอง นักเรียนจานวน 4 คน สามารถ
เขียนเศษส่วนท่ีมตี วั สว่ นเปน็ 10 หรอื 100 หรอื 1,000 ในรปู ทศนิยมไดถ้ ูกต้อง ส่วนนกั เรียนอกี 3 คน
สามารถทาแบบฝกึ หดั ได้ถูกตอ้ งเปน็ บางส่วน ซ่งึ ครตู ้องคอยใหค้ าแนะนา จึงจะสามารถทาแบบฝึกหดั ได้
ถูกต้อง ครูยังคงตอ้ งฝึกใหน้ ักเรียนได้ทาแบบฝึกหัดซ้าบอ่ ยๆเพื่อเปน็ การเพิ่มความเข้าใจและสามารถทา
แบบฝกึ หดั ดว้ ยตนเองไดถ้ กู ตอ้ ง ครใู หน้ ักเรียนฝกึ ทาแบบฝกึ หดั เพม่ิ และนาสง่ ใหต้ รวจสอบความถูกต้องใน
ชั่วโมงต่อไป

4. พฤตกิ รรมหรอื การแสดงออกของผเู้ รยี น
4.1 พฤติกรรมที่ควรสง่ เสรมิ
การกล้าแสดงออก โดยครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นทุกคนไดแ้ สดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั บทเรยี น

มสี ว่ นร่วมในการทากิจกรรมการเรียนการสอน กล้าซักถามเม่ือเกิดขอ้ สงสยั เกีย่ วกบั เน้อื หาท่ีกาลงั เรยี น
4.2 พฤตกิ รรมท่คี วรแก้ไขปรับปรุงพฒั นา
การขาดความเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ยในการทางาน ครูชี้ให้นักเรยี นเหน็ ถึงความสาคัญของการ

ทางานเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย ซง่ึ การทางานเป็นระเบียบเรียบรอ้ ยจะเปน็ ส่ิงทีแ่ สดงออกถึงความต้ังใจและ
มงุ่ มน่ั ในการทางานและจะเป็นทกั ษะทจี่ ะตดิ ตวั เราไปตลอด

5. นวตั กรรมหรือกจิ กรรมที่จะดําเนินการเพ่ือพฒั นาตอ่ ไป
บัตรทศนิยม

ลงช่ือ………………………………ครผู สู้ อน ลงช่ือ………………….………………หัวหน้าสายชั้น
( นางสาวเบญจวรรณ แสนกล้า ) ( นางมิภาวี นพฤทธ์ิ )
ครู คศ.3
ครู คศ.1
ลงชอื่ ................................................
ลงชื่อ........................................... ( นายสมเกียรติ วัลลภธารี )
( นางสมพศิ โคมกระจ่าง )
รองผ้อู านวยการสถานศกึ ษา ผ้อู านวยการสถานศึกษา โรงเรยี นวดั ใหม่ลานกแขวก

แผนการจดั การเรยี นรู้

โรงเรียนวัดใหมล่ าํ นกแขวก สาํ นักงานเขตมีนบุรี กรงุ เทพมหานคร

กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิชาคณิตศาสตร์ (รายวิชา ค 15101) ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรอื่ ง ทศนยิ ม เวลา 34 ชว่ั โมง

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 เรื่อง การเขียนเศษส่วนทม่ี ีตัวส่วนเปน็ 10

หรือ 100 หรือ 1,000 ในรปู ทศนยิ ม เวลา 1 ช่วั โมง

สัปดาห์ท่ี 16 วันพธุ ท่ี 14 เดือน ตลุ าคม พ.ศ. 2563 ชั่วโมงที่ 4 ป.5/1

สัปดาห์ท่ี 16 วันพฤหสั บดี ท่ี 15 เดอื น ตุลาคม พ.ศ. 2563 ช่วั โมงที่ 4 ป.5/2

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1. มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชี้วัด

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ

จานวน ผลที่เกิดข้นึ จากการดาเนนิ การสมบัตขิ องการดาเนินการและนาไปใช้

1.2 ตัวชว้ี ัด

ค. 1.1 ป.5/1 เขียนเศษส่วนทม่ี ีตัวสว่ นเป็นตวั ประกอบของ 10 หรอื 100 หรือ 1,000 ในรูปทศนิยม

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. เข้าใจหลักการเขยี นเศษสว่ นที่มีตัวสว่ นเปน็ ตัวประกอบของ 10 100 และ 1,000 ในรูปทศนิยม (K)

2. เขียนเศษสว่ นทีม่ ีตวั สว่ นเป็นตัวประกอบของ 10 100 และ 1,000 ในรูปทศนิยมได้ (P)

3. นาความรู้เกี่ยวกับการเขียนเศษส่วนท่ีมีตัวส่วนเป็นตัวประกอบของ 10 100 และ 1,000 ในรูป

ทศนิยมไปใช้แกป้ ญั หาทางคณิตศาสตรไ์ ด้ (A)

3. สาระสําคัญ
การเขยี นเศษสว่ นที่ตัวเศษเปน็ จานวนนับ ตัวส่วนเปน็ ตัวประกอบของ 10 100 หรอื 1,000 ในรูป

ทศนยิ ม อาจหาตวั ประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 มาคูณทัง้ ตัวเศษและตวั สว่ นของเศษสว่ นนั้น จะได้
เศษส่วนจานวนใหมท่ เี่ ทา่ กับเศษส่วนจานวนเดิม แตม่ ตี ัวสว่ นเปน็ 10 100 หรอื 1,000 แล้วจงึ เขียนเปน็
ทศนิยม 1 ตาแหน่ง 2 ตาแหน่ง 3 ตาแหน่ง ตามลาดับ
4. สาระการเรียนรู้

การเขยี นเศษส่วนท่ีตวั ส่วนเปน็ ตวั ประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 ในรปู ทศนิยม

5. สมรรถนะสําคญั ของผ้เู รียน
ความสามารถในการคดิ และการแก้ปัญหา

6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งมั่นในการทางาน

7. ชิน้ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความร)ู้
1. แบบฝึกหัดรายวชิ าพืน้ ฐาน คณติ ศาสตร์ ป.5 หน้า 69

8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนําเข้าส่บู ทเรียน

1. ครูสนทนากบั นักเรยี นเก่ียวกบั ตวั ประกอบของจานวนนบั ทีเ่ รียนมาแลว้ โดยการถามว่า

- ตวั ประกอบทง้ั หมดของ 4 ไดแ้ กจ่ านวนใดบ้าง (1, 2, 4)

- 9 เปน็ ตวั ประกอบของ 27 หรือไม่ เพราะเหตุใด (เป็น เพราะ 27 หารดว้ ย 9 ไดล้ งตวั )

- 1 เปน็ ตวั ประกอบของจานวนนับใดบ้าง (ทุกจานวน)

ข้ันสอน

2. ครถู ามนกั เรียนโดยเลือกนกั เรยี นตอบเป็นรายบคุ คล พร้อมเขียนบนกระดาน

- ตวั ประกอบของ 8 มีจานวนนบั ใดบ้าง และมกี ่ีจานวน

- นักเรียนช่วยกันบอกจานวนนับท่ีเป็นตัวประกอบของ 8 คนละ 1 จานวน แล้วนับว่ามี

ทัง้ หมดก่ีจานวน (จานวนนบั ที่เปน็ ตัวประกอบของ 8 มี 4 จานวน ไดแ้ ก่ 1, 2, 4 และ 8)

3. ครใู ชก้ ารถาม – ตอบ พร้อมเขยี นบนกระดาน ดงั นี้

- ตัวประกอบท้ังหมดของ 10 ได้แก่จานวนนับใดบ้าง (1, 2, 5, 10)

- ตวั ประกอบท้ังหมดของ 100 ไดแ้ ก่จานวนนับใดบา้ ง และมีทงั้ หมดก่ีจานวน (1, 2, 4, 5,

10, 20, 25, 50 และ 100 มที ง้ั หมด 9 จานวน)

- ตัวประกอบทั้งหมดของ 1,000 ได้แก่จานวนนับใดบ้าง และมีก่ีจานวน (1, 2, 4, 5, 8,

10, 20, 25, 40, 50, 100, 125, 200, 250, 500 และ 1,000 มที ัง้ หมด 16 จานวน)

4. ครูเขยี น 3 บนกระดาน แลว้ ถามวา่ เขียน 3 ในรปู ทศนยิ มได้อยา่ งไร (0.3)
10 10
- เขียน 9 บนกระดาน แลว้ ถามว่า เขียน 9 ในรปู ทศนยิ มไดอ้ ยา่ งไร (0.09)
100 100
- เขยี น 17 บนกระดาน แล้วถามว่า เขยี น 17 ในรูปทศนิยมได้อยา่ งไร (0.017)
1000 1000
- ครูให้นักเรียนสังเกตว่า เศษส่วนท่ีตัวเศษเป็นจานวนนับและตัวส่วนเป็น 10 100 หรือ

1,000 เมอ่ื เขยี นในรปู ทศนิยม จะได้ทศนยิ มกี่ตาแหน่ง (1 ตาแหนง่ 2 ตาแหน่ง และ 3 ตาแหน่ง ตามลาดบั )

- ครูเขียน 15 บนกระดาน แล้วถามว่า เขียน 15 ในรูปทศนิยมไดอ้ ย่างไร (นักเรียนอาจ

25 25

ตอบได้หรอื ไมไ่ ด้)

- ครูให้นักเรียนสังเกตว่า 15 ทาให้เป็นเศษส่วนที่ตัวส่วนเป็น 10 100 หรือ 1,000 ได้

25

หรอื ไม่ (ทาเปน็ 100 หรอื 1,000 ได)้

- ครูถามว่า ทาอย่างไร (ทาตัวส่วนเป็น 100 หรือ 1000 ก่อน โดยคูณทั้งตัวเศษและตัว

ส่วนดว้ ย 4 หรือคูณทัง้ ตวั เศษและตวั สว่ นด้วย 40)

ครใู ห้นกั เรียนชว่ ยกนั เขียนตามทน่ี ักเรยี นบอก ซึง่ จะไดด้ ังน้ี

15 = 15×4 หรือ 15 = 15×40
25 25×4 25 25×40
= 60 = 600
100 1000
- ครถู ามว่า 60 และ 600 เขยี นในรูปทศนิยมไดอ้ ยา่ งไร (0.60 และ 0.600
100 1000
ตามลาดบั )

- ครถู ามวา่ 15 ทาใหเ้ ปน็ เศษส่วนทตี่ ัวส่วนเปน็ 10 ได้หรอื ไมอ่ ย่างไร (ทาไดโ้ ดยทาใหเ้ ปน็

25

เศษสว่ นอยา่ งตา่ กอ่ น โดยนา 5 ไปหารทั้งตัวเศษและตัวส่วน จะได้ 15 = 15÷5 = 3)

25 25÷5 5

- ครถู ามว่า ทา 3 ให้เป็นเศษสว่ นท่ตี วั สว่ นเป็น 10 ได้อย่างไร (นา 2 คณู ทัง้ ตัวเศษและตัว

5

ส่วนซ่งึ จะได้ 3 = 3×2 = 6 )

5 5×2 10

- 6 เขียนในรูปทศนิยมไดอ้ ยา่ งไร (0.6)

10

ครเู ขียนบนกระดานดังน้ี ให้นักเรยี นสังเกต

15 = 15÷5 (เขยี นในรปู เศษส่วนอยา่ งต่า)
25 25÷5
3 15 53)
= 5 (เศษสว่ นอยา่ งต่าของ 25 =

= 3×2 (เขียน 3 ให้เปน็ เศษสว่ นที่ตัวเศษเป็นจานวนนบั และตัวส่วนเปน็ 10)
5×2 5
= 6 (เศษสว่ นท่ีเท่ากับ 3 แต่มีส่วนเป็น 10)
10 5
= 0.6 (เขยี น 6 ในรปู ทศนยิ ม)
10
15
5. ครูแนะนาว่า การเขียน 25 ในรูปทศนิยม อาจทาได้ดงั ข้างต้นนี้ ซง่ึ จะได้

15 = 0.6

25

ดังนนั้ 15 = 0.6 = 0.60 = 0.600

25

6. ครูเขียน 110 บนกระดาน ครูถามว่า เขียน 110 ให้เป็นเศษส่วนทมี่ ีตัวส่วนเป็น 1,000 ได้

125 125

อย่างไร โดยให้นักเรยี นใช้เครื่องคิดเลข ดังน้ี
- 1,000 ÷ 125 ไดเ้ ท่าไร (8)
- 125 × 8 ได้เท่าไร (1000)
- เขยี น 110 ใหเ้ ปน็ เศษส่วนที่ตวั เศษเป็นจานวนนับและตวั ส่วนเป็น 1000 ไดห้ รอื ไม่ (ได้)

125

ให้นักเรียนช่วยกันบอกวิธีเขียน 110 ให้เป็นเศษส่วนที่มีตัวเศษเป็นจานวนนับและตัวส่วน

125

เป็น 1,000 ซงึ่ จะไดด้ งั นี้
110 = 110×8

125 125×8

= 880

1000

= 0.880
ดงั นน้ั 110 = 0.880

125

จากน้ันให้นักเรียนช่วยกันบอกวิธีเขียน 110 ให้เป็นเศษส่วนที่มีตัวส่วนเป็น 100 แล้วเขียน

125

ในรูปทศนิยม ซึ่งจะได้
110 = 110÷5

125 125÷5

= 22

25

= 22×4

25×4

= 88

100

= 0.88
- ครูถามว่า เขียน 110 ให้เป็นเศษส่วนที่มีตัวส่วนเป็น 10 ได้หรือไม่ได้ เพราะเหตุใด

125

(ไมไ่ ด้ เพราะ 22 เป็นเศษสว่ นอยา่ งต่าของ 110 และไม่มีจานวนนบั ใดทคี่ ณู กบั 25 แล้วได้ 10)

25 125

7. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหดั รายวิชาพื้นฐาน คณติ ศาสตร์ ป.5 หน้า 69 เปน็ การบา้ น

ข้ันสรปุ
5. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปสิง่ ที่ได้เรยี นร้รู ่วมกัน ดังนี้ การเขียนเศษส่วนทตี่ วั เศษเป็นจานวน

นับ ตัวส่วนเป็นตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 ในรูปทศนิยม อาจหาตัวประกอบของ 10 100 หรือ
1,000 มาคณู ทั้งตวั เศษและตัวส่วนของเศษส่วนนน้ั จะได้เศษสว่ นจานวนใหม่ทเี่ ท่ากบั เศษสว่ นจานวนเดิม แต่
มตี ัวส่วนเป็น 10 100 หรือ 1,000 แลว้ จงึ เขยี นเปน็ ทศนยิ ม 1 ตาแหน่ง 2 ตาแหน่ง 3 ตาแหนง่ ตามลาดับ

9. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้

1. หนังสือรายวิชาพนื้ ฐานคณติ ศาสตร์ ป.5
2. แบบฝึกหัดรายวชิ าพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร์ ป.5

10. การวัดและประเมนิ ผล เคร่อื งมือ เกณฑ์
แบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วธิ กี าร แบบสังเกตพฤติกรรมการ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกฑณ์
ตรวจแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ ทางานรายบคุ คล
สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกฑณ์
ทางานกลุ่ม
สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึง
สงั เกตความมีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ประสงค์
ในการทางาน

ลงชือ่ ................................... ครูผู้สอน
( นางสาวเบญจวรรณ แสนกล้า )

ตาแหนง่ ครู คศ.1

บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้

1. ผลการจดั การเรยี นรู้
นกั เรยี นรอ้ ยละ 94 สามารถเขียนเศษส่วนท่ีมีตัวส่วนเปน็ 10 หรือ 100 หรือ 1,000 ในรูปทศนยิ ม

ไดถ้ ูกตอ้ ง
2. ปญั หาอปุ สรรคท่พี บจากการจดั การเรยี นรู้
มีนักเรยี นจานวน 4 คน ไม่สามารถเขยี นเศษส่วนท่ีมตี ัวส่วนเป็น 10 หรอื 100 หรอื 1,000 ในรูป

ทศนิยมไดถ้ กู ต้อง ซึง่ ไดแ้ ก่
นกั เรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 5/1 จานวน 2 คน คือ ด.ช.อุดมศักดิ์ ไชยพันธ์ และด.ช.จรี ศักด์ิ นามา
นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5/2 จานวน 2 คน คอื ด.ช.ธนาวัฒน์ บรรทัด และด.ช.ธีระภทั ร์ รุณเกตุ

3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแกไ้ ข/ผลสาํ เรจ็
ครไู ดท้ าการอธบิ ายเพ่มิ เติมถึงวิธีการเขยี นเศษส่วนท่ีมีตัวสว่ นเป็น 10 หรอื 100 หรอื 1,000 ในรปู

ทศนยิ ม พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ งประกอบคาอธบิ าย ครูไดฝ้ กึ ใหน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หดั ไปพรอ้ มกบั ครูทีละข้นั ตอน
ครซู ักถามเพ่ือดถู ึงความเข้าใจของนักเรียนและเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามเม่ือไม่เข้าใจ ครูไดใ้ ห้นักเรยี นฝึก
ทาแบบฝึกหัดด้วยตนเอง ครูคอยให้คาชีแ้ นะและกลา่ วคาชมเชยเม่ือนกั เรยี นทาไดถ้ กู ตอ้ ง

หลังจากที่ครูอธิบายเพิ่มเตมิ และให้นักเรียนทาแบบฝึกหดั ดว้ ยตนเอง นกั เรยี นจานวน 4 คน สามารถ
ทาแบบฝึกหัดการเขียนเศษสว่ นท่ีมีตวั ส่วนเป็น 10 หรอื 100 หรือ 1,000 ในรูปทศนิยมได้ถูกต้องเป็นบางสว่ น
ซ่ึงครูตอ้ งคอยใหค้ าแนะนา จงึ จะสามารถทาแบบฝึกหดั ไดถ้ ูกตอ้ ง ครูยงั คงตอ้ งฝกึ ให้นักเรียนได้ทาแบบฝึกหัด
ซ้าบ่อยๆเพ่ือเป็นการเพ่ิมความเข้าใจและสามารถทาแบบฝึกหัดด้วยตนเองได้ถูกต้อง ครูให้นักเรียนฝึกทา
แบบฝึกหัดเพมิ่ และนาสง่ ให้ตรวจสอบความถูกต้องในชั่วโมงต่อไป

4. พฤติกรรมหรอื การแสดงออกของผเู้ รยี น
4.1 พฤติกรรมท่ีควรส่งเสรมิ
การใฝ่เรยี นรู้ กลา้ คิดกลา้ แสดงออกในสิ่งท่ีเป็นประโยชนต์ ่อเนือ้ หาทกี่ าลังเรยี น นักเรยี นมี

การศึกษาเนือ้ หาการเรียนการสอนมาลว่ งหน้า เกิดการเรียนรู้ได้อยา่ งรวดเร็วและสามารถถา่ ยถอดความร้ทู ี่
ได้รับไปสเู่ พอื่ นๆได้อยา่ งถูกตอ้ ง

4.2 พฤตกิ รรมทีค่ วรแกไ้ ขปรับปรุงพัฒนา
การขาดความรอบคอบในการทางาน ฝกึ ให้นกั เรียนมสี มาธใิ นการทางาน มคี วามละเอียดรอบคอบ
ในการทางานใหม้ ากขึ้นเพื่อลดความผดิ พลาดในการทางาน
5. นวัตกรรมหรือกจิ กรรมท่ีจะดําเนนิ การเพือ่ พฒั นาต่อไป
บัตรทศนยิ ม

ลงช่อื ………………………………ครผู ้สู อน ลงชือ่ ………………….………………หวั หน้าสายชัน้
( นางสาวเบญจวรรณ แสนกล้า ) ( นางมภิ าวี นพฤทธิ์ )
ครู คศ.3
ครู คศ.1
ลงช่ือ................................................
ลงช่ือ........................................... ( นายสมเกยี รติ วัลลภธารี )
( นางสมพิศ โคมกระจ่าง )
รองผู้อานวยการสถานศึกษา ผู้อานวยการสถานศกึ ษา โรงเรยี นวัดใหม่ลานกแขวก

แผนการจดั การเรยี นรู้

โรงเรียนวดั ใหม่ลาํ นกแขวก สาํ นกั งานเขตมนี บรุ ี กรงุ เทพมหานคร

กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิชาคณติ ศาสตร์ (รายวชิ า ค 15101) ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง ทศนิยม เวลา 34 ชั่วโมง

แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 6 เร่อื ง คา่ ประมาณเปน็ จาํ นวนเตม็ หนว่ ย เวลา 1 ชว่ั โมง

สัปดาหท์ ี่ 16 วันพฤหสั บดี ท่ี 15 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2563 ช่วั โมงท่ี 3 ป.5/1

สัปดาหท์ ี่ 16 วนั ศุกร์ ท่ี 16 เดือน ตลุ าคม พ.ศ. 2563 ช่วั โมงท่ี 3 ป.5/2

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชี้วัด

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ

จานวน ผลท่ีเกิดขนึ้ จากการดาเนินการสมบัตขิ องการดาเนินการและนาไปใช้

1.2 ตัวชว้ี ัด

ค 1.1 ป.5/1 เขียนเศษส่วนทมี่ ีตวั ส่วนเปน็ ตัวประกอบของ 10 หรือ 100 หรือ 1,000 ในรปู

ทศนยิ ม

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. เขา้ ใจหลักการประมาณค่าทศนยิ มเป็นจานวนเตม็ หนว่ ย (K)

2. เขยี นค่าประมาณของทศนยิ มเปน็ จานวนเตม็ หน่วยได้ (P)

3. นาความรู้เก่ียวกับการหาค่าประมาณของทศนิยมเป็นจานวนเต็มหน่วยไปใช้แก้ปัญหาทาง

คณิตศาสตร์ได้ (A)

3. สาระสาํ คญั
การหาค่าประมาณเป็นจานวนเต็มหน่วยของทศนิยม อาจทาได้โดยพิจารณาเลขโดดในหลักส่วนสิบของ

ทศนิยมน้ัน ถ้าเป็น 5 ถึง 9 ให้ประมาณเป็นจานวนเต็มหน่วยท่ีใกล้เคียงที่สุด ซ่ึงมากกว่า ถ้าเป็น 0 ถึง 4 ให้
ประมาณเป็นจานวนเตม็ หนว่ ยใกล้เคียงท่ีสุดซง่ึ ท่ีน้อยกว่าทศนิยมนัน้

4. สาระการเรยี นรู้

การหาคา่ ประมาณของทศนิยมเปน็ จานวนเตม็ หน่วย

5. สมรรถนะสาํ คญั ของผ้เู รียน
ความสามารถในการคดิ และการแกป้ ญั หา

6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมัน่ ในการทางาน

7. ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร้)ู
1. ใบงาน เร่ือง การหาค่าประมาณของทศนิยมเป็นจานวนเต็มหน่วย

8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ข้ันนําเขา้ สู่บทเรียน

1. ครูทบทวนการหาค่าประมาณเป็นจานวนเตม็ สบิ จานวนเตม็ รอ้ ย โดยจดั กจิ กรรมดังนี้
- ครูเขียน 102 108 และ 105 มีค่าประมาณเป็นจานวนเต็มสิบใด บนกระดาน แล้วถาม

ว่า 103 อย่รู ะหวา่ งจานวนเตม็ สบิ ใด เพราะเหตุใด (100 กับ 110)

100 101 102 103 104 105 106 107 108 109 110

ครูเขียนเส้นจานวน ดังน้ี
- จานวนเตม็ สิบทอี่ ย่กู ึง่ กลางระหวา่ ง 100 กบั 110 คือจานวนใด (105)
ครเู ขียนตาแหนง่ ของ 105 บนเสน้ จานวน
- ครูถามวา่ ระหว่าง 100 กับ 110 จานวน 102 อย่ใู กล้จานวนใดมากกว่า (100)
- คา่ ประมาณเปน็ จานวนเต็มสบิ ของ 102 คือจานวนใด (100)
- ครูถามว่า ระหวา่ ง 100 กับ 110 จานวน 108 อย่ใู กลจ้ านวนใดมากกว่า (110)
- ค่าประมาณเปน็ จานวนเต็มสบิ ของ 108 คือจานวนใด (110)
- ค่าประมาณเป็นจานวนเต็มสบิ ของ 105 คอื จานวนใด (110)
- เพราะเหตุใด (เป็นข้อตกลงของนักคณิตศาสตร์ว่า ถา้ จานวนที่ต้องการประมาณอยู่ห่าง
ระหว่างสองจานวนเท่ากันให้ค่าประมาณเป็นจานวนที่มากกวา่ และ 105 อยู่กึ่งกลางระหว่าง 100 กับ 110
ดังนัน้ ค่าประมาณเป็นจานวนเต็มหนว่ ยของ 105 คือ 110)

ขั้นสอน
2. ครเู ขียนทศนิยม 2.4 2.7 และ 2.5 บนกระดาน

- ครถู ามว่า 2.4 อยู่ระหวา่ งจานวนเตม็ หนว่ ยใด (2 กบั 3)

ครูเขยี นเส้นจานวนบนกระดาน

2 2.4 2.5 3

- ครถู ามวา่ จานวนที่อย่กู ่ึงกลางระหว่าง 2 กับ 3 คอื จานวนใด (2.5)
- ครถู ามว่า ระยะหา่ งจาก 2.5 ถึง 3 เทา่ กับระยะห่างจาก 2.5 ถงึ 2 หรือไม่ (เท่ากนั ) และ

ครเู ขยี น 2.5 บนเส้นจานวน
- ครูถามว่า 2.4 อยู่ใกล้ 2 หรือ 3 มากกว่า เพราะเหตุใด (2.4 อยู่ใกล้ 2 มากกว่า เพราะ

ระยะหา่ งระหว่าง 2.4 กบั 2 นอ้ ยกวา่ ระยะห่างระหวา่ ง 2.4 กบั 3)
- ค่าประมาณเป็นจานวนเตม็ หน่วยของ 2.4 คอื จานวนใด (2)
- ครูถามว่า 2.7 อยู่ระหวา่ งจานวนเตม็ หน่วยใด (2 และ 3)

- ครูถามว่า 2.7 อยู่ใกล้ 2 หรือ 3 มากกว่า เพราะเหตุใด (2.7 อยู่ใกล้ 3 มากกว่า เพราะ
ระยะห่างระหว่าง 2.7 กบั 3 นอ้ ยกว่าระยะหา่ งระหว่าง 2.7 กับ 2)

- คา่ ประมาณเป็นจานวนเต็มหนว่ ยของ 2.7 คือจานวนใด (3)
- ครูถามว่า 2.5 อย่รู ะหวา่ งจานวนเต็มหน่วยใด (2 กับ 3)
- ครูถามวา่ 2.5 อยู่ใกล้ 2 หรอื 3 มากกวา่ (เท่ากนั )
- ค่าประมาณเป็นจานวนเตม็ หนว่ ยของ 2.5 คือจานวนใด เพราะเหตุใด (3 เพราะ 2.5 อยู่
ก่ึงกลางระหวา่ ง 2 กับ 3 ซง่ึ เปน็ ขอ้ ตกลงของนักคณติ ศาสตร์ใหป้ ระมาณเป็นจานวนท่ีมากกว่า)
3. ครเู ขียน 3.42 3.64 และ 3.50 บนกระดาน เพ่อื ให้นักเรยี นบอกคา่ ประมาณเป็นจานวนเต็มหน่วย
- ครูถามวา่ 3.42 อยรู่ ะหวา่ งจานวนเตม็ หน่วยใด (3 กบั 4)
- ครูเขียนเส้นจานวนบนกระดาน

3 3.5 4

- ครูถามว่า จานวนท่ีอยู่ก่ึงกลางระหว่าง 3 กับ 4 คือจานวนใด (3.5) จากน้ันครูเขียนจุด
แสดงจานวน 3.5 บนเส้นจานวน

- ครถู ามวา่ 3.42 อยใู่ กลจ้ านวนจานวนเตม็ หน่วยใดมากทส่ี ุด (3)
- ค่าประมาณเป็นจานวนเตม็ หน่วยของ 3.42 คอื จานวนใด (3)
- ครถู ามว่า 3.64 อยใู่ กล้จานวนจานวนเตม็ หน่วยใดมากทส่ี ุด (4)
- คา่ ประมาณเปน็ จานวนเตม็ หน่วยของ 3.64 คือจานวนใด (4)
- ครูถามวา่ 3.50 อยู่ใกล้เคียง 3 หรอื 4 มากทีส่ ุด (เทา่ กนั )
- ค่าประมาณเป็นจานวนเตม็ หนว่ ยของ 3.50 คอื จานวนใด (4)
4. ครูเขียน 7.183, 7.504 และ 7.500 บนกระดาน เพ่ือให้นักเรียนบอกค่าประมาณเป็นจานวนเต็ม
หนว่ ย
- ครูถามวา่ 7.183 อยรู่ ะหวา่ งจานวนเตม็ หน่วยใด (7 กบั 8)
- ครเู ขียนเส้นจานวนบนกระดาน

7 7.5 8

- จานวนทอ่ี ยกู่ ึ่งกลางระหวา่ ง 7 กับ 8 คอื จานวนใด (7.5) จากนัน้ ครูเขยี นจดุ แสดงจานวน
7.5 บนเส้นจานวน

- ครถู ามวา่ 7.183 อยใู่ กล้จานวนจานวนเต็มหนว่ ยใดมากที่สดุ (7)
- คา่ ประมาณเป็นจานวนเต็มหน่วยของ 7.183 คือจานวนใด (7)
- ครถู ามว่า 7.504 อยใู่ กล้จานวนจานวนเตม็ หน่วยใดมากทส่ี ดุ (8)
- คา่ ประมาณเป็นจานวนเต็มหนว่ ยของ 7.504 คอื จานวนใด (8)
- ครูถามวา่ 7.500 อยใู่ กล้ 7 หรอื 8 มากกวา่ (เทา่ กัน)
- ค่าประมาณเป็นจานวนเต็มหนว่ ยของ 7.500 คือจานวนใด (8)

5. ครใู ห้นกั เรยี นสังเกตค่าประมาณเป็นจานวนเตม็ หน่วยจากกจิ กรรมข้อ 2, 3 และ 4 ซึง่ จะพบวา่
5.1 ทศนิยม 1 ตาแหนง่ (เชน่ 2.4 2.7 2.5)
ถา้ เลขโดดในหลักส่วนสิบเป็น 0, 1, 2, 3 หรือ 4 ค่าประมาณเป็นจานวนเต็มหน่วย คือ

จานวนเตม็ ทใี่ กล้เคยี งที่สดุ ซึ่งนอ้ ยกวา่ ทศนยิ มนน้ั
3.2 ทศนิยม 2 ตาแหนง่ (เช่น 3.42 3.64 3.50) พบข้อสงั เกตเชน่ เดียวกบั ทศนิยม 1 ตาแหน่ง
3.3 ทศนิยม 3 ตาแหนง่ (เช่น 7.183 7.504 7.500) พบขอ้ สงั เกตเชน่ เดียวกับทศนิยม 1 ตาแหนง่

6. ครูให้นักเรียนทาใบงาน เรื่อง การหาค่าประมาณของทศนิยมเป็นจานวนเต็มหน่วย เม่ือเสร็จแล้วให้
นกั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากน้นั ครูและนักเรียนร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมในใบงานท่ี 3

ขัน้ สรุป
7. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ สงิ่ ท่ไี ดเ้ รยี นรู้เกีย่ วกับการหาค่าประมาณเป็นจานวนเต็มหน่วยของทศนยิ ม
ดังนี้ การหาค่าประมาณเป็นจานวนเต็มหน่วยของทศนิยม อาจทาไดโ้ ดยพิจารณาเลขโดดในหลักส่วนสิบของ
ทศนิยมนั้น ถ้าเป็น 5 ถึง 9 ให้ประมาณเป็นจานวนเตม็ หน่วยท่ใี กล้เคียงที่สุดซึ่งมากกวา่ ทศนิยมนั้น ถ้าเปน็ 0
ถงึ 4 ใหป้ ระมาณเป็นจานวนเตม็ หน่วยท่ใี กลเ้ คยี งท่สี ุดซงึ่ น้อยกวา่ ทศนยิ มนน้ั

9. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้

1. หนังสอื รายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร์ ป.5
2. แบบฝึกหัดรายวชิ าพนื้ ฐาน คณิตศาสตร์ ป.5
3. ใบงาน เรอ่ื ง การหาค่าประมาณของทศนิยมเป็นจานวนเตม็ หนว่ ย

10. การวัดและประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์
แบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์,ใบงาน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วธิ ีการ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกฑณ์
ตรวจแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์.ใบงาน ทางานรายบคุ คล
สังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤติกรรมการ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกฑณ์
ทางานกล่มุ
สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ
สังเกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ประสงค์
ในการทางาน

ลงช่อื ................................... ครูผู้สอน

( นางสาวเบญจวรรณ แสนกลา้ )
ตาแหนง่ ครู คศ.1

ใบงาน
เร่อื ง การหาคา่ ประมาณของทศนิยมเปน็ จํานวนเต็มหนว่ ย

ชอ่ื -นามสกลุ .....................................................................ช้นั ป.5/......... เลขท่ี..........

****************************************

คาํ ชแี้ จง หาค่าประมาณเปน็ จานวนเตม็ หน่วย

1. 4.4 =
2. 15.7 =
3. 3.502 =
4. 5.22 =
5. 17.008 =
6. 20.930 =
7. 9.495 =
8. 6.743 =
9. 30.187 =
10. 33.399 =

บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้

1. ผลการจดั การเรียนรู้
นักเรียนร้อยละ 91.94 สามารถหาค่าประมาณเปน็ จานวนเตม็ หนว่ ยได้ถกู ตอ้ ง

2. ปัญหาอุปสรรคที่พบจากการจัดการเรยี นรู้
มีนกั เรียนจานวน 5 คน ไม่สามารถหาค่าประมาณเป็นจานวนเตม็ หน่วยได้ถกู ตอ้ ง ซ่งึ ไดแ้ ก่
นกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 5/1 จานวน 3 คน คอื ด.ช.อดุ มศักดิ์ ไชยพนั ธ,์ ด.ช.กฤตกิ านต์ โคตรรมณี

และ ด.ช.จีรศักด์ิ นามา
นกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5/2 จานวน 2 คน คอื ด.ช.ธนาวัฒน์ บรรทดั และด.ช.ธีระภัทร์ รณุ เกตุ

3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแกไ้ ข/ผลสาํ เร็จ
ครูไดท้ าการอธิบายเพ่มิ เติมถึงวธิ ีการหาคา่ ประมาณเปน็ จานวนเตม็ หน่วยพร้อมทั้งยกตัวอย่าง

ประกอบคาอธบิ าย ครูได้ฝึกให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัดไปพร้อมกับครูทลี ะขน้ั ตอน ครซู กั ถามเพ่อื ดูถึงความ
เขา้ ใจของนักเรียนและเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนซักถามเมื่อไม่เขา้ ใจ ครไู ด้ให้นักเรียนฝึกทาแบบฝึกหัดด้วยตนเอง
ครูคอยให้คาช้ีแนะและกลา่ วคาชมเชยเมื่อนักเรยี นทาได้ถกู ต้อง

หลังจากท่ีครูอธิบายเพ่ิมเติมและให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัดด้วยตนเอง นักเรยี นจานวน 2 คน สามารถ
หาคา่ ประมาณเป็นจานวนเตม็ หนว่ ยได้ถูกตอ้ ง ส่วนนกั เรียนอีก 3 คน สามารถทาแบบฝึกหัดได้ถูกตอ้ งเป็น
บางส่วน ซ่ึงครูต้องคอยให้คาแนะนา จงึ จะสามารถทาแบบฝึกหัดได้ถูกต้อง ครยู ังคงต้องฝกึ ให้นักเรียนได้ทา
แบบฝึกหดั ซา้ บ่อยๆเพอ่ื เป็นการเพิ่มความเข้าใจและสามารถทาแบบฝึกหัดด้วยตนเองได้ถูกตอ้ ง ครูใหน้ กั เรยี น
ฝึกทาแบบฝึกหัดเพ่มิ และนาสง่ ใหต้ รวจสอบความถกู ต้องในช่ัวโมงต่อไป

4. พฤตกิ รรมหรอื การแสดงออกของผู้เรยี น
4.1 พฤติกรรมทค่ี วรส่งเสริม
การใฝ่เรยี นรู้ กล้าคิดกล้าแสดงออกในสิง่ ที่เปน็ ประโยชน์ตอ่ เน้อื หาทกี่ าลงั เรียน นกั เรียนมกี ารศกึ ษา

เนือ้ หาการเรียนการสอนมาลว่ งหน้า เกิดการเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และสามารถถ่ายถอดความรู้ทไี่ ด้รบั ไปสู่
เพอ่ื นๆได้อย่างถกู ตอ้ ง

4.2 พฤตกิ รรมทคี่ วรแกไ้ ขปรับปรงุ พัฒนา
การขาดความกระตอื รือร้นในการเรยี น ครูสรา้ งแรงจงู ใจในการเรยี นและกระตุ้นใหน้ ักเรยี นมีสว่ น
ร่วมในกิจกรรมการเรยี นการสอนอยตู่ ลอดเวลา
5. นวัตกรรมหรอื กิจกรรมท่ีจะดาํ เนินการเพือ่ พฒั นาต่อไป
บัตรทศนยิ ม

ลงช่อื ………………………………ครูผู้สอน ลงชอื่ ………………….………………หวั หน้าสายชน้ั
( นางสาวเบญจวรรณ แสนกล้า ) ( นางมิภาวี นพฤทธ์ิ )
ครู คศ.3
ครู คศ.1
ลงชื่อ................................................
ลงชือ่ ........................................... ( นายสมเกียรติ วัลลภธารี )
( นางสมพิศ โคมกระจ่าง )
รองผอู้ านวยการสถานศึกษา ผ้อู านวยการสถานศกึ ษา โรงเรยี นวัดใหม่ลานกแขวก

แผนการจัดการเรียนรู้

โรงเรยี นวัดใหมล่ าํ นกแขวก สาํ นกั งานเขตมนี บรุ ี กรงุ เทพมหานคร

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (รายวชิ า ค 15101) ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง ทศนยิ ม เวลา 34 ช่ัวโมง

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 7 เรอ่ื ง ค่าประมาณเป็นทศนยิ ม 1 ตาํ แหน่ง เวลา 1 ช่วั โมง

สปั ดาหท์ ี่ 17 วนั จนั ทร์ ท่ี 19 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2563 ชว่ั โมงท่ี 4 ป.5/1

สปั ดาห์ที่ 17 วันอังคาร ท่ี 20 เดอื น ตลุ าคม พ.ศ. 2563 ช่ัวโมงท่ี 4 ป.5/2

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1. มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวชี้วัด

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ

จานวน ผลท่ีเกิดขึน้ จากการดาเนินการสมบัติของการดาเนินการและนาไปใช้

1.2 ตัวชีว้ ัด

ค 1.1 ป.5/1 เขียนเศษสว่ นที่มีตัวส่วนเป็นตัวประกอบของ 10 หรือ 100 หรอื 1,000 ในรปู

ทศนยิ ม

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1.เข้าใจหลักการหาค่าประมาณเป็นทศนิยม 1 ตาแหน่ง (K)

2. เขียนค่าประมาณเปน็ ทศนยิ ม 1 ตาแหน่งได้ (P)

3. นาความรู้เกย่ี วกบั การหาคา่ ประมาณเป็นทศนยิ ม 1 ตาแหน่งไปใช้แก้ปัญหาทางคณิตศาสตรไ์ ด้ (A)

3. สาระสําคัญ
การหาค่าประมาณเปน็ ทศนยิ มหนึง่ ตาแหน่งของทศนิยมใด อาจทาไดโ้ ดยพจิ ารณาเลขโดดในหลกั สว่ นรอ้ ย

ของทศนิยมนั้น ถ้าเป็น 0 1 2 3 หรือ 4 จะประมาณเป็นทศนิยม 1 ตาแหน่งท่ีใกล้เคียงที่สุดซ่ึงน้อยกว่า
ทศนิยมนน้ั ถา้ เปน็ 5, 6, 7, 8 หรือ 9 จะประมาณเป็นทศนิยมท่ีใกลเ้ คยี งทีส่ ุดซึ่งมากกว่าทศนิยมนน้ั

4. สาระการเรยี นรู้
การหาคา่ ประมาณเปน็ ทศนยิ ม 1 ตาแหน่ง

5. สมรรถนะสาํ คญั ของผู้เรยี น
ความสามารถในการคดิ และการแกป้ ัญหา

6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี ินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้

3. มุ่งมั่นในการทางาน
7. ช้ินงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความรู้)

1. ใบงาน เรอื่ งการหาค่าประมาณเป็นทศนยิ ม 1 ตาแหน่ง

8. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นาํ เขา้ ส่บู ทเรียน

1. ครูทบทวนการหาค่าประมาณเป็นจานวนเต็มหน่วยของทศนิยม โดยเขียนทศนิยมบนกระดาน
แลว้ ใหน้ ักเรียนบอกคาตอบ พรอ้ มเหตผุ ล เชน่

- ค่าประมาณเปน็ จานวนเต็มหน่วยของ 3.8 คือจานวนใด เพราะเหตุใด (4 เพราะเลขโดด
ในหลกั สว่ นสบิ เป็น 8)

- คา่ ประมาณเป็นจานวนเต็มหน่วยของ 4.324 คือจานวนใด เพราะเหตุใด (4 เพราะเลข
โดดในหลักส่วนสิบเป็น 3)

- ค่าประมาณเป็นจานวนเต็มหน่วยของ 8.51 คือจานวนใด เพราะเหตุใด (9 เพราะเลข
โดดในหลกั สว่ นสบิ เป็น 5)

ขั้นสอน
2. ครูเขียน 2.22 , 2.25 และ 2.28 บนกระดาน เพ่ือจัดกิจกรรมการหาค่าประมาณเป็นทศนิยม 1
ตาแหน่ง โดยครูถามวา่

- 2.22 อยรู่ ะหว่างทศนยิ ม 1 ตาแหนง่ ใด (2.2 กบั 2.3 หรืออาจตอบไม่ได)้
- 2.2 เขยี นในรปู ทศนิยม 2 ตาแหน่งไดอ้ ย่างไร (2.20)
- 2.3 เขยี นในรูปทศนยิ ม 2 ตาแหน่งได้อยา่ งไร (2.30)
- ก่ึงกลางระหวา่ ง 2.20 กับ 2.30 คอื ทศนิยมใด (2.25)
ครเู ขยี นเสน้ จานวนดงั น้ี บนกระดาน

2.2 2.25 2.3

- 2.22 มากกว่าหรอื นอ้ ยกวา่ 2.25 (นอ้ ยกว่า)
- 2.22 อยใู่ กล้ทศนิยม 1 ตาแหนง่ ใดมากท่สี ดุ (2.2)
- ค่าประมาณ เป็น ทศนิยม 1 ตาแหน่งของ 2.2 คือทศนิยมใด เพ ราะเหตุใด
(2.2 เพราะ 2.22 < 2.5)
- 2.25 อยใู่ กล้ 2.2 หรือ 2.3 มากกว่า (เทา่ กนั )
- คา่ ประมาณเป็นทศนยิ ม 1 ตาาแหน่งของ 2.25 คือจาานวนใด เพราะเหตุใด (2.3 เพราะ
2.25 อยูก่ ึง่ กลางระหวา่ ง 2.2 กับ 2.3 ซง่ึ เปน็ ขอ้ ตกลงของนักคณติ ศาสตรใ์ ห้ประมาณ เปน็ จาานวนที่มากกว่า)
- ครูถามวา่ 2.28 มากกว่าหรือน้อยกวา่ 2.25 (มากกว่า)
- 2.28 อยูใ่ กล้ทศนยิ ม 1 ตาแหน่งใดมากท่ีสุด (2.3)
- ค่าประมาณเปน็ ทศนิยม 1 ตาาแหน่งของ 2.28 คอื จาานวนใด เพราะเหตใุ ด (2.3 เพราะ
2.28 > 2.25)
3. ครูเขียน 0.421 0.486 และ 0.450 บนกระดาน เพื่อให้นักเรียนบอกค่าประมาณเป็นทศนิยม 1
ตาแหน่ง
- ครถู ามวา่ 4.25 อยูร่ ะหวา่ งทศนยิ ม 1 ตาแหน่งใด (0.4 กับ 0.5)
ครูเขียนเสน้ จานวนบนกระดาน

0.4 0.45 0.5

- ครูถามว่า กง่ึ กลางระหว่าง 0.4 กับ 0.5 คอื จานวนใด (0.45)

- เขยี น 0.45 ในรูปทศนยิ ม 3 ตาแหนง่ ได้ทศนยิ มใด (0.450)

ครเู ขียนจุดแสดง 0.45 บนเส้นจานวน

- ครถู ามว่า 0.421 มากกวา่ หรอื นอ้ ยกวา่ 0.45 (นอ้ ยกว่า)

- 0.421 อยใู่ กลท้ ศนยิ ม 1 ตาแหน่งใดมากทสี่ ุด (0.4)

- ค่าประมาณเปน็ ทศนิยม 1 ตาแหนง่ ของ 0.421 คือจาานวนใด (0.4)

- ครถู ามว่า 0.486 มากกว่าหรือนอ้ ยกว่า 0.45 (มากกวา่ )

- 0.486 อย่ใู กลท้ ศนิยม 1 ตาแหน่งใดมากที่สดุ (0.5)

- คา่ ประมาณเป็นทศนยิ ม 1 ตาาแหนง่ ของ 0.486 คอื จาานวนใด (0.5)

- ครถู ามวา่ 0.450 มากกวา่ หรือนอ้ ยกว่า 0.45 (เทา่ กัน)

- ค่าประมาณเปน็ ทศนยิ ม 1 ตาาแหนง่ ของ 0.450 คอื จาานวนใด (0.5)

4. ครใู ห้นักเรียนสังเกตค่าประมาณเป็นทศนิยม 1 ตาแหน่ง จากกิจกรรมข้อ 2 และข้อ 3 ซึ่งจะได้

ดงั น้ี

2.22 ≈ 2.2 0.421 ≈ 0.4

2.25 ≈ 2.3 0.486 ≈ 0.5

2.28 ≈ 2.3 0.450 ≈ 0.5

ขอ้ สังเกตทพ่ี บ

4.1 ทศนยิ ม 2 ตาแหน่ง

- ถ้าเลขโดดในหลักสว่ นร้อยเปน็ 0 1 2 3 และ 4 ค่าประมาณเป็นทศนิยม 1 ตาแหน่ง

คือ ทศนยิ ม 1 ตาแหน่งทใ่ี กลเ้ คียงที่สุดซงึ่ น้อยกว่าทศนิยมนน้ั

- ถ้าเลขโดดในหลักสว่ นร้อยเปน็ 5 6 7 8 และ 9 คา่ ประมาณเปน็ ทศนิยม 1 ตาแหน่ง

คือ ทศนิยม 1 ตาแหน่งที่ใกลเ้ คียงท่สี ุดซงึ่ มากกว่าทศนิยมนั้น

4.2 ทศนยิ ม 3 ตาแหนง่

- ถ้าเลขโดดในหลักส่วนร้อยเป็น 0 1 2 3 หรอื 4 ค่าประมาณเป็นทศนิยม 1 ตาแหน่ง

คอื ทศนิยม 1 ตาแหน่งทีใ่ กล้เคยี งท่ีสดุ ซ่งึ นอ้ ยกวา่ ทศนิยมนั้น

- ถ้าเลขโดดในหลักส่วนร้อยเป็น 5 6 7 8 หรอื 9 คา่ ประมาณเปน็ ทศนิยม 1 ตาแหน่ง

คือ ทศนิยม 1 ตาแหนง่ ทใี่ กลเ้ คียงทส่ี ดุ ซง่ึ มากกวา่ ทศนยิ มนน้ั

5. ครูเขยี น 5.386 4.625 7.452 บนกระดานให้นกั เรียนช่วยกันบอกคา่ ประมาณเป็นทศนิยม

1 ตาแหนง่ พร้อมเหตุผล ซ่ึงจะได้

- คา่ ประมาณเปน็ ทศนิยม 1 ตาแหนง่ ของ 5.386 คอื 5.4 เพราะเลขโดดในหลักสว่ นร้อย คือ 8

- คา่ ประมาณเปน็ ทศนิยม 1 ตาแหนง่ ของ 4.625 คอื 4.6 เพราะเลขโดดในหลักสว่ นรอ้ ย คือ 1

- ค่าประมาณเป็นทศนยิ ม 1 ตาแหน่งของ 7.45 คือ 7.5 เพราะเลขโดดในหลกั ส่วนร้อย คือ 5

6. ครูให้นักเรียนทาใบงาน เรื่องการหาค่าประมาณเป็นทศนิยม 1 ตาแหน่ง เมื่อเสร็จแล้วให้

นกั เรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนัน้ ครแู ละนักเรียนรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในใบงาน

ขั้นสรปุ

7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังน้ี การหาค่าประมาณเป็นทศนิยมหน่ึง

ตาแหน่ง อาจทาได้โดยพิจารณาเลขโดดในหลักส่วนร้อยของทศนิยมนั้น ถ้าเป็น 5 ถึง 9 ให้ประมาณเป็น


Click to View FlipBook Version