วนั ที่ ๑ กนั ยายน ๒๕๒๖ เสด็จพระราชด�ำ เนินไปทรงเยีย่ มราษฎรบ้านโต๊ะโมะ
ต�ำ บลภูเขาทอง กงิ่ อำ�เภอสุคริ นิ จังหวดั นราธิวาส ไดท้ อดพระเนตรนกซ่ึงชาวบ้านน�ำ มาทูลเกล้า ฯ ถวาย
ในโอกาสน้ี ทรงอธบิ ายใหช้ าวบ้านฟงั วา่ ควรชว่ ยกนั อนรุ กั ษส์ ตั ว์ทีห่ ายากเหลา่ น้ีไว้
โดยปลอ่ ยใหอ้ ยตู่ ามธรรมชาติ
วนั ที่ ๔ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๒๖ ทรงน�ำ ผูอ้ �ำ นวยการพิพธิ ภัณฑป์ ระวัติศาสตร์ธรรมชาตอิ เมริกัน และคณะ
ไปชมการฝกึ อาชีพใหแ้ ก่ราษฎรยากจนจากภาคต่าง ๆ
ณ ศูนย์ศลิ ปาชพี บางไทร อ�ำ เภอบางไทร จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา
47
วันที่ ๑๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๗ เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ เยย่ี มราษฎร
ณ บ้านถํ้าต้วิ หมู่ ๒ ตำ�บลปทุมวาปี อำ�เภอสอ่ งดาว จังหวดั สกลนคร
ทรงซกั ถามทุกข์สุขของราษฎรและทรงจดบนั ทกึ ดว้ ยพระองค์เอง เพอื่ ทรงหาวธิ พี ระราชทานความช่วยเหลอื
วนั ท่ี ๑๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๓ ทรงพระราชปฏิสนั ถารกับสมาชิกศิลปาชพี
ในโอกาสที่เสด็จพระราชด�ำ เนินไปทรงเยย่ี มราษฎร
ณ ศนู ย์สง่ เสริมศิลปาชีพบา้ นจาร ในสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ ิกติ ิ์ พระบรมราชินนี าถ
ต�ำ บลมว่ ง อำ�เภอบา้ นม่วง จังหวัดสกลนคร
48
วนั ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๓๕ ทรงพระราชปฏิสันถารกับราษฎรที่มาเฝา้ ทูลละอองธุลีพระบาท
ในโอกาสเสด็จพระราชดำ�เนินเยีย่ มสถานีเกษตรหลวงอา่ งขาง
ตำ�บลมอ่ นปิน่ อำ�เภอฝาง จงั หวดั เชยี งใหม่
วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ทรงพระราชปฏสิ นั ถารกับราษฎรในโครงการพัฒนาเพอ่ื ความมั่นคง
พื้นทลี่ มุ่ นํ้าน่าน ต�ำ บลนํ้าพาง อ�ำ เภอแม่จริม จังหวัดนา่ น
49
วนั ท่ี ๑๔ มกราคม ๒๕๔๐ พระราชทานกล้วยแก่ช้าง ในโอกาสเสด็จพระราชดำ�เนินไปทรงปลอ่ ยช้างคืนสู่ป่าธรรมชาติ
ณ เขตรักษาพนั ธุส์ ัตวป์ า่ ดอยผาเมอื ง อำ�เภอหา้ งฉัตร จังหวดั ล�ำ ปาง
วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๔๐ ทรงพระราชปฏิสนั ถารกับราษฎร
ในโอกาสเสดจ็ พระราชดำ�เนินไปทรงเย่ียมราษฎรบา้ นห้วยสะแพท
หม่ทู ี่ ๙ ตำ�บลแม่สอย อ�ำ เภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
50
วนั ท่ี ๑๕ เมษายน ๒๕๔๐ ทรงเปน็ ประธานรว่ มกบั นางแบร์นาแดต ชรี กั ภรยิ าของประธานาธบิ ดฝี รง่ั เศส
ในพิธีเปดิ นทิ รรศการศลิ ปาชพี แสดงหัตถกรรมไทยโบราณ
ซงึ่ ประดษิ ฐ์โดยสมาชกิ ศลิ ปาชพี ลูกหลานของชาวนาชาวไรไ่ ทย
วันท่ี ๒๘ มิถนุ ายน ๒๕๔๐ ทรงปลอ่ ยปูทะเลและปลากระบอก ในโอกาสเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ไปทรงเยีย่ ม
วนอุทยานปราณบรุ ี อำ�เภอปราณบรุ ี จงั หวัดประจวบครี ีขนั ธ์
51
วนั ท่ี ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ เสด็จลง ณ บริเวณลานคำ�หอม ภพู านราชนเิ วศน์
จงั หวดั สกลนคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหร้ าษฎรจดั พิธีบายศรีทูลพระขวัญ
และทอดพระเนตรงานการประกวดผา้ ไหมระดับภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ประจ�ำ ปี ๒๕๔๑
วนั ท่ี ๙ มนี าคม ๒๕๔๒ ทรงพระราชปฏิสนั ถารกับราษฎรชาวไทยภเู ขาเผา่ กะเหรยี่ ง
ในโอกาสเสดจ็ พระราชด�ำ เนินไปทรงเย่ยี มราษฎร
ในพน้ื ท่ีโครงการพฒั นาป่าไม้อันเนือ่ งมาจากพระราชดำ�ริ สวนปา่ สิรกิ ิติ์ บา้ นยางส้าน
ตำ�บลท่าผ่า อำ�เภอแม่แจ่ม จงั หวดั เชียงใหม่
52
วนั ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ มีพระราชกระแสทรงสอบถามเกีย่ วกบั ชวี ติ ความเปน็ อยแู่ ละทุกขส์ ขุ ของราษฎร
เพ่ือประกอบพระราชวนิ จิ ฉัยในการพระราชทานความชว่ ยเหลอื ในโอกาสเสด็จพระราชด�ำ เนนิ ไปทรงเย่ียมราษฎร
ณ บา้ นหนองแคน หมูท่ ่ี ๖ ต�ำ บลหนองแคน อ�ำ เภอดงหลวง จงั หวดั มุกดาหาร
วันที่ ๒๓ กนั ยายน ๒๕๔๓ ทรงติดตามความก้าวหน้าและทอดพระเนตรผลงานของสมาชิกศิลปาชีพ
รวมท้ังทรงรบั ราษฎรผปู้ ระสงคจ์ ะประกอบอาชีพเสริมเข้าเป็นสมาชิกศลิ ปาชพี
ณ บา้ นปาตาตีมอ ต�ำ บลตะลบุ ัน อำ�เภอสายบุรี จังหวดั ปตั ตานี
53
วันท่ี ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ เสดจ็ พระราชด�ำ เนินไปทรงเยยี่ มสมาชกิ ศิลปาชพี
และราษฎรที่มารอเฝา้ ทูลละอองธุลพี ระบาทเป็นจำ�นวนมาก ณ โครงการส่งเสริมศลิ ปาชพี บ้านโสกสม้ กบ
บ้านคลองเจรญิ หมู่ท่ี ๖ ตำ�บลบา้ นใหม่ อ�ำ เภอสีชมพู จงั หวัดขอนแกน่
วันท่ี ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๕ ทอดพระเนตรผลการดำ�เนนิ งานของฟาร์มตวั อย่างบ้านแม่ตงุ ติงตามพระราชดำ�ริ
ซง่ึ เป็นหนงึ่ ในโครงการทสี่ ่งเสริมให้ราษฎรเลยี้ งแกะเพือ่ นำ�ขนแกะมาทอผสมกบั เส้นไหมเปน็ ผืนผ้า
ที่ใหค้ วามอบอ่นุ ไดอ้ ยา่ งดี ณ โครงการฟารม์ ตวั อยา่ งบ้านแม่ตงุ ติงตามพระราชด�ำ ริ
บ้านแม่ตุงติง หมู่ที่ ๕ ตำ�บลแม่สาบ อ�ำ เภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
54
วนั ท่ี ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ทรงเยีย่ มราษฎรและสมาชกิ ศิลปาชีพ
ณ บ้านหนองมว่ ง ต�ำ บลปทมุ วาปี อำ�เภอส่องดาว จังหวดั สกลนคร
วันท่ี ๑๐ ธนั วาคม ๒๕๔๘ ทรงเยีย่ มราษฎรและสมาชิกศลิ ปาชพี
ณ บ้านทา่ แร่ (ชมุ ชนดงปลาปาก) ตำ�บลโพนงาม อ�ำ เภออากาศอำ�นวย จงั หวดั สกลนคร
55
ทรงพระราชด�ำ รริ เิ ริ่มชดุ ไทยพระราชนยิ ม
58
ทรงพระราชด�ำ ริรเิ ริม่ ชดุ ไทยพระราชนิยม
เม่ือพุทธศักราช ๒๕๐๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมี
กำ�หนดการทีจ่ ะตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ไปทรง
เจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ทรงพระราชดำ�ริว่า แม้ไทยเราจะมีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมในการแต่งกาย
ของไทยอยู่แล้ว แต่สตรีไทยก็ยังไม่มีเครื่องแต่งกายประจำ�ชาติท่ีแน่นอน จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้ผู้เชี่ยวชาญในการ
ออกแบบเครอื่ งแตง่ กายปรบั ปรงุ แบบเสอื้ ทส่ี ตรไี ทยแตง่ กนั มาแตโ่ บราณใหเ้ หมาะสม เพอ่ื ทรงใชเ้ ปน็ ชดุ ประจ�ำ ชาตไิ ทย
ระหวา่ งการเสดจ็ ฯ ไปทรงเยอื นตา่ งประเทศในครงั้ นน้ั ผลกค็ อื สตรไี ทยไดม้ ชี ดุ ประจ�ำ ชาตทิ ส่ี งา่ งามไวใ้ ชใ้ นโอกาสตา่ ง ๆ
มาจนทุกวันนี้ เรียกกันว่า “ชุดไทยพระราชนิยม” โดยช่ือชุดไทยต่าง ๆ จะเกี่ยวกับพระท่ีนั่งหรือพระตำ�หนักซ่ึงมี
ความสอดคล้องกนั กับโอกาสและความเหมาะสม ดงั น้ี
๑. ชุดไทยเรือนต้น
๒. ชดุ ไทยจติ รลดา
๓. ชุดไทยอมรนิ ทร์
๔. ชุดไทยบรมพิมาน
๕. ชุดไทยจักรี
๖. ชุดไทยดสุ ติ
๗. ชุดไทยศวิ าลยั
๘. ชุดไทยจกั รพรรดิ
ปัจจุบันชุดไทยพระราชนิยมเป็นที่นิยมในหมู่สตรีไทยและสังคมไทยท่ัวไป ท้ังยังได้เผยแพร่ช่ือเสียงและ
ความงดงามด้วยศิลปะทั้งปวงไปยังนานาประเทศ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่บรรดาสตรีไทยที่พระองค์ได้
พระราชทานแนวพระราชนยิ มเปน็ แบบแผนการแตง่ กายประจ�ำ ชาตสิ �ำ หรบั สตรขี น้ึ เปน็ การสง่ เสรมิ เชดิ ชศู ลิ ปวฒั นธรรมไทย
ที่จะปรากฏตอ่ ไปเปน็ ประวตั ิศาสตร์ของชาตสิ ืบไปชั่วกาลนาน
59
ชุดไทยเรอื นต้น
ต้ังชื่อตามพระตำ�หนักเรือนต้นในพระราชวังดุสิต เป็นชุดไทยแบบลำ�ลอง
ใช้ในโอกาสท่ีไม่เป็นทางการ ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายหรือผ้าไหม ลักษณะเป็นผ้าซ่ินป้ายยาว
จรดข้อเท้า เสื้อคอกลม แขนสามส่วน ผ่าอก กระดุมห้าเม็ด ใช้เครื่องประดับน้อยชิ้น
ใช้ไดห้ ลายโอกาส เช่น ไปทำ�บญุ ไปงานมงคล
60
ชดุ ไทยจิตรลดา
ตั้งช่ือตามพระตำ�หนักจิตรลดารโหฐาน ในพระราชวังดุสิต เป็นชุดที่ใช้ในพิธี
กลางวัน ลักษณะท่ัวไปคล้ายชุดไทยเรือนต้น แต่ต่างกันตรงคอเสื้อท่ีมีขอบต้ัง แขนยาว
จรดขอ้ มือ และผา้ ซิ่นป้าย เป็นผ้าไหมมีเชิงยกดอกท้งั ผนื ใช้เครือ่ งประดบั ตามควร
61
ชุดไทยอมรนิ ทร์
ตง้ั ชอ่ื ตามพระทนี่ ง่ั อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั ฯ ในพระบรมมหาราชวงั ใชใ้ นงานพระราชพธิ ี
และงานกลางคนื มลี กั ษณะเหมือนชุดไทยจิตรลดา แต่ตัดเย็บด้วยผา้ ยกไหมทม่ี ที องแกม
หรอื ยกทองทัง้ ตวั ใช้เครอื่ งประดบั ที่สวยงาม
62
ชดุ ไทยบรมพิมาน
ตงั้ ชอ่ื ตามพระที่นง่ั บรมพมิ าน ในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพระราชพิธีและ
งานพิธีกลางคืน ตัวเส้ือแขนยาว คอกลม มีขอบต้ัง ซิ่นจีบหน้านาง ตัดเย็บด้วยผ้าไหม
ทมี่ ที องแกมหรอื ยกทองทงั้ ตวั ตวั เสอื้ และซนิ่ อาจเยบ็ ตดิ เปน็ ชดุ เดยี วกนั เพอ่ื ความสวยงาม
กไ็ ด้ คาดทับด้วยเข็มขัดแบบไทย
63
ชดุ ไทยจกั รี
ตงั้ ชอื่ ตามพระทน่ี ง่ั จกั รมี หาปราสาท ในพระบรมมหาราชวงั ใชใ้ นงานพธิ กี ลางคนื
ทอ่ นบนเปดิ ไหลข่ า้ งหนงึ่ มสี ไบส�ำ เรจ็ จะเปน็ สไบปกั หรอื ไมป่ กั กไ็ ด้ ตดั เยบ็ ตดิ กบั ทอ่ นลา่ ง
ซึ่งเป็นซ่ินจีบหน้านาง เป็นผ้าไหมยกทองท้ังตัวหรือยกเฉพาะเชิง คาดทับด้วยเข็มขัด
แบบไทย
64
ชุดไทยดุสิต
ตั้งชอื่ ตามพระทน่ี ั่งดสุ ิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ใชใ้ นงานพิธีเต็มยศ
ตอนกลางคืน ตัดเย็บด้วยผ้ายกไหมหรือยกทอง ผ้าซ่ินจีบหน้านาง เส้ือคอกลมกว้าง
ไม่มแี ขน ปกั ดว้ ยดน้ิ เงนิ ดนิ้ ทองหรอื ลกู ปดั คาดทบั ดว้ ยเข็มขัดแบบไทย
65
ชุดไทยศวิ าลยั
ต้ังชื่อตามสวนศิวาลัย ในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพระราชพิธีทั้งกลางวัน
และกลางคนื มลี กั ษณะเหมอื นชดุ ไทยบรมพมิ าน แตห่ ม่ สะพกั ทบั เสอื้ อกี ชนั้ หนงึ่ ปจั จบุ นั
ใชใ้ นงานพระราชพธิ หี รอื งานพิธีเตม็ ยศ
66
ชดุ ไทยจกั รพรรดิ
ตงั้ ชอ่ื ตามพระทนี่ ง่ั จกั รพรรดพิ มิ าน ในพระบรมมหาราชวงั มกั ใชใ้ นงานพระราชพธิ ี
เตม็ ยศตอนกลางคนื ทอ่ นบนเปดิ ไหล่ข้างหนง่ึ หม่ ผา้ สองชัน้ ชัน้ ในมกั เปน็ สไบจีบและห่ม
สะพักทับ ผ้าซิ่นยกทองจีบหน้านาง ลักษณะเหมือนชุดไทยจักรี คาดเข็มขัดและตกแต่ง
ดว้ ยเครอ่ื งประดบั ทีส่ วยงาม
67
ก�ำ เนดิ มลู นธิ สิ ง่ เสริมศิลปาชพี
ในสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ
70
“...ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปพบราษฎรมาทั่วประเทศ เพราะได้
โอกาสตามเสดจ็ พระราชดาํเนนิ ทกุ หนแหง่ จงึ ไดพ้ บความจรงิ ทวี่ า่ คนไทย
เรานั้นแม้อยู่ห่างไกลจากความเจริญของเมืองหลวงก็มีความสามารถ
ทางดา้ นศิลปะเป็นอย่างสงู เช่น ผา้ ไหมไทย ผา้ ไทยตา่ ง ๆ ทเ่ี หน็ มี
สีและลวดลายที่สวยงามนั้น เกิดมาจากความสามารถของชาวบ้านเอง
แท้ ๆ ไมต่ อ้ งใหใ้ ครไปออกแบบลวดลายและสสี นั ให้ คนไทยเหลา่ นเี้ อง
ที่ข้าพเจ้ายกย่องว่าเป็นผู้สืบทอดศิลปะให้แก่ชาติบ้านเมืองของเขาจริง
แมแ้ ตผ่ ทู้ ไี่ มเ่ คยมคี วามรทู้ างหตั ถกรรมใด ๆ เลย กต็ อ้ งนบั วา่ มสี ายเลอื ด
ทางศิลปะอยู่ในตัวแล้ว เพราะเพียงได้มาเรียนไม่นานก็สามารถ
ผลติ ผลงานทส่ี วยงามไดอ้ ย่างนา่ อัศจรรย์
บดั นี้ ข้าพเจ้าไดป้ ระจกั ษด์ ว้ ยตนเองแลว้ วา่ ประชาชนไทยของเรา
เปรยี บเสมอื นคลงั เกบ็ รกั ษาศลิ ปวฒั นธรรมของชาตอิ ยา่ งแทจ้ รงิ เพยี งแต่
ให้เขาไดม้ โี อกาสแสดงออกในคุณคา่ ของเขาเท่าน้นั ...”
พระราชด�ำ รัสในสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี ันปหี ลวง
พระราชทานแก่ผ้เู ข้าเฝ้า ฯ ถวายพระพรชยั มงคล
เมือ่ วนั ท่ี ๑๑ สงิ หาคม พุทธศักราช ๒๕๓๑
ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย สวนจิตรลดา
71
พระราชอธั ยาศยั นิยมไทย
และความสนพระราชหฤทัยในศิลปหัตถกรรมไทย
รอ fli e ภาพ
ความผูกพนั สนพระราชหฤทยั ในการใช้ผ้าไหมมัดหม่ีปรากฏให้ชาวไทยเหน็
นับต้งั แตท่ รงด�ำ รงฐานะเปน็ “พระคู่หมนั้ ” เปน็ ตน้ มา ผู้ท่ีติดตามข่าวทางหน้าหนังสอื พิมพจ์ ะได้เหน็ “พระคูห่ มน้ั ”
นงุ่ ซิ่นมดั หม่ใี นการรบั เสดจ็ อยูเ่ สมอ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชอัธยาศัยนิยมไทย
มาชา้ นานแลว้ โปรดทจี่ ะทรงใชข้ องทผี่ ลติ ในประเทศมาตงั้ แตค่ รงั้ ยงั มไิ ดท้ รงเขา้ พธิ รี าชาภเิ ษกสมรส แมจ้ ะประทบั อยใู่ น
ตา่ งประเทศเป็นเวลาหลายปี แต่เมอื่ เสด็จกลบั มาเมอื งไทยกไ็ ด้ทรงคนื กลับสูช่ ีวติ แบบไทย โปรดทรงพระภษู าไทย เชน่
ผ้าซ่ินยกและผ้าซิ่นไหมอยู่เสมอ ครั้นเม่ือทรงดำ�รงตำ�แหน่งสมเด็จพระบรมราชินีซึ่งนับเป็นประมุขฝ่ายสตรีของไทย
กไ็ ดท้ รงเป็นผู้นำ�ในการใช้ของไทยและสร้างความนยิ มไทยให้เจริญย่ิงขึน้
เดือนพฤศจกิ ายน พุทธศกั ราช ๒๔๙๘ หลังจากทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร และสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง เสด็จฯ เย่ียม
ราษฎรในเขตจังหวดั ภาคกลางแลว้ ท้ังสองพระองคก์ ไ็ ด้เสดจ็ ฯ เย่ยี มราษฎรภาคอสี าน เร่มิ ทีจ่ ังหวัดนครราชสีมา ไปสู่
จังหวัดชัยภูมิ ขอนแกน่ เลย อดุ รธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม กาฬสินธ์ุ มหาสารคาม ร้อยเอด็ อุบลราชธานี
ศรสี ะเกษ สุรนิ ทร์ และบุรรี ัมย์ รวม ๑๕ จงั หวดั ใชเ้ วลาเสดจ็ พระราชด�ำ เนินรวม ๑๙ วนั
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้ทอดพระเนตรเห็นสตรีชาวอีสาน
นุ่งซิ่นไหมมัดหมี่มารับเสด็จเป็นจำ�นวนมากทุกวัน ความงามของผ้าไหมมัดหมี่เป็นที่ประจักษ์แก่สายพระเนตรยิ่งขึ้น
สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเองมิเพียงแต่จะโปรดทรงซิ่นไหมมัดหม่ีเป็นพระภูษาเท่านั้น แต่ยังโปรดให้ตัดเย็บ
ผ้าไหมมัดหม่ีเป็นฉลองพระองค์ด้วย ซึ่งนับเป็นแบบอย่างให้เห็นว่าผ้าไหมมัดหม่ีนำ�มาตัดเย็บเป็นเส้ือผ้าได้หลายแบบ
ไมจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งเปน็ เพยี งผา้ ซน่ิ และสตรวี ยั ใดกแ็ ตง่ กายดว้ ยผา้ ไหมมดั หมไี่ ดง้ ามทง้ั สน้ิ เพราะพระองคเ์ องกเ็ พง่ิ มพี ระชนม
พรรษาเพยี งย่ีสบิ พรรษาเศษเท่านน้ั
72
พระราชด�ำ ริครั้งแรกในการสง่ เสริมอาชพี หัตถกรรม
วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๐๔ เสดจ็ พระราชดำ�เนินเปิดงานสมโภชพระอโุ บสถและพระประธานวดั เขาเตา่
อ.หวั หิน จ.ประจวบครี ขี ันธ์
พระราชนเิ วศนแ์ หง่ แรกทที่ งั้ สองพระองคเ์ สดจ็ แปรพระราชฐานประทบั แรม คอื วงั ไกลกงั วล อ�ำ เภอหวั หนิ จงั หวดั
ประจวบคีรขี นั ธ์ เร่ิมตงั้ แต่ปีท่มี พี ระราชพิธีราชาภิเษกสมรสเปน็ ต้นมา ตอ่ จากน้ัน หากทง้ั สองพระองคไ์ มท่ รงตดิ พระราช
ภารกจิ ในการเสดจ็ ฯ เยอื นมติ รประเทศหรอื พระราชภารกจิ อน่ื ๆ กจ็ ะเสดจ็ ฯ ไปประทบั แรม ณ วังไกลกังวลเป็นประจ�ำ
ทุกฤดรู ้อน และทรงใช้พระราชนเิ วศนแ์ หง่ น้ีเปน็ ศูนยก์ ลางของการเสดจ็ ฯ เยี่ยมราษฎรในภาคกลางตอนลา่ งและภาคใต้
ตอนบนอยเู่ สมอมา
ใกล้ ๆ วงั ไกลกังวลมหี มบู่ ้านราษฎรยากจนแห่งหนึ่งชอ่ื หมบู่ ้านเขาเตา่ ท้งั สองพระองคไ์ ด้เสด็จฯ เยยี่ มราษฎร
ท่ีหมู่บ้านน้ีเสมอเพ่ือทรงนำ�เครื่องอุปโภคบริโภคไปพระราชทาน บางปีหมู่บ้านแห่งน้ีแล้งมาก ขาดนํ้าจืดบริโภคอย่าง
รนุ แรง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั นํา้ จืด
ไปช่วยเหลือชาวบ้าน จนถึงพุทธศักราช ๒๕๐๖ ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานเงินส่วนพระองค์ให้กรมชลประทาน
ช่วยจัดสร้างอ่างเก็บน้ําขึ้นท่ีเขาเต่า เพ่ือให้ชาวบ้านมีน้ําจืดบริโภคอย่างเพียงพอ และทรงพระราชดำ�ริต่อไปถึง
การพฒั นาการใชท้ ีด่ ินบริเวณเขาเต่า รวมท้ังให้เลย้ี งปลาในอ่างเก็บนํา้ ดว้ ย
เดือนมีนาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๘ ระหว่างประทบั ทวี่ ังไกลกงั วล สมเดจ็ พระบรมราชชนนีพนั ปีหลวง ไดเ้ สด็จฯ
เย่ียมราษฎรบริเวณเขาเต่าเช่นเคย ทรงพระกรุณาพระราชทานเงินและข้าวสารแก่ราษฎรท่ียากจน จากการที่มี
พระราชปฏิสันถารกับราษฎรทำ�ให้ทรงทราบว่าราษฎรท่ีนี่ยังคงทำ�การประมงเป็นอาชีพหลัก พวกผู้ชายต้องออกไป
หาปลาในทะเล ส่วนพวกผู้หญิงก็อยู่บ้านเล้ียงลูกและประกอบอาชีพเสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เก็บหอยแล้วแกะเนื้อ
ไปขาย ซ่งึ ทำ�รายไดไ้ มม่ ากนกั แต่ต้องกร�ำ แดดรอ้ นและบางคนกม็ ีลกู เล็ก ๆ ท�ำ ให้ท�ำ งานไมส่ ะดวก
73
มพี ระราชปฏิสนั ถารกับชาวบ้านเขาเต่าท่มี ีอาชพี เกบ็ หอย
74
วนั ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๐๙
ทอดพระเนตรโรงงานทอผา้ ที่หมบู่ า้ นเขาเตา่
คร้ันถึงเดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๘ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงจึงทรงชักชวนให้หญิงชาว
บ้านเขาเต่าหัดทอผ้าฝ้ายขาย ในสมัยน้ันท่ีจังหวัดราชบุรีก็มีโรงงานทอผ้าที่มีช่ือเสียงอยู่แล้ว เช่น โรงงานทอผ้าบ้านไร่
สมเดจ็ พระบรมราชชนนีพันปหี ลวงได้โปรดเกล้าฯ ใหไ้ ปขอครทู อผา้ จากราชบุรีมาสอนการทอผ้าแกร่ าษฎรบ้านเขาเต่า
และให้สร้างกีท่ อผ้าข้นึ ที่ท้ายวงั ไกลกังวล
ทุก ๆ วัน จะโปรดเกล้าฯ ให้ส่งรถไปรับชาวบ้านมาหัดทอผ้า ในสมัยน้ันก็ให้ทอผ้าขาวม้าและผ้าซิ่น
เปน็ ส่วนใหญ่ พระราชทานทงั้ อาหารกลางวันและค่าแรงแกผ่ ้ทู อ ถา้ ใครมีลกู เล็ก ๆ กใ็ หน้ �ำ มาดว้ ย และโปรดเกลา้ ฯ ให้
นางสนองพระโอษฐ์ช่วยกันเลี้ยงดู เย็นลงก็จัดรถส่งชาวบ้านกลับบ้าน กิจการทอผ้าท้ายวังดำ�เนินไปเช่นนี้จนถึงเวลา
เสด็จฯ กลับกรงุ เทพมหานคร จงึ จำ�ต้องย้ายไปอยู่ที่ใตถ้ ุนศาลาวัดเขาเตา่ โดยมีเจา้ อาวาสวดั เขาเต่าชว่ ยดูแลต่อ
วันที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๐๙ ราษฎรบ้านเขาเต่า ชื่อนายประสิทธิ์ และนางเจียมจิต ยอดย้อย
ไดเ้ ข้าเฝ้าฯ น้อมเกล้าฯ ถวายทดี่ ินจ�ำ นวน ๓ ไร่ ๒๐ ตารางวา เพอ่ื เปน็ ทตี่ ้ังถาวรของโครงการทอผ้า และผู้มจี ติ ศรทั ธาได้
รว่ มกนั โดยเสดจ็ พระราชกศุ ลสรา้ งตวั อาคารรวมทง้ั อปุ กรณก์ ารทอถวาย มคี รใู หญโ่ รงเรยี นบา้ นเขาเตา่ ชอ่ื นายแล สงั สขุ
มาช่วยดูแลด้วย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้เสด็จฯ ไป
ทอดพระเนตรการด�ำ เนนิ งานของโรงทอผา้ แหง่ นี้ ทรงรบั ซอ้ื ผา้ ของชาวบา้ นไวแ้ ทบทง้ั สนิ้ และทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ
พระราชทานรางวัลแก่สมาชิกทอผ้าท่ีมีความขยันหมั่นเพียรตลอดจนมีฝีมือ เป็นเหรียญทองคำ�หนัก ๑ บาท จำ�นวน
๑๓ คน เหรยี ญนน้ั มขี ้อความจารึกไวด้ ้านหนา้ ว่า “โปรดเกลา้ ฯ พระราชทานคนขยนั ” ดา้ นหลงั จารึกวา่ “พฤษภาคม
๒๕๐๙” และบางคร้งั กเ็ ป็นสรอ้ ยคอทองคำ�
75
ล่วงมาถึงพุทธศักราช ๒๕๑๑ กรมการพัฒนาชุมชนได้เข้ามารับผิดชอบดำ�เนินกิจการต่อและมอบหมายให้
พัฒนาการอำ�เภอหัวหินดูแลโครงการนี้มาจนถึงปัจจุบัน มีการทอผ้า ย้อมสี ตัดเย็บ และยังเพ่ิมเติมการสอนประดิษฐ์
ผลิตภัณฑ์จากป่านศรนารายณ์ด้วย ขณะนี้โรงทอผ้าที่เขาเต่าได้กลายเป็นสถานที่ท่องเท่ียวแห่งหนึ่งของจังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ มีประชาชนมาเยี่ยมชมและอุดหนุนซื้อผ้าฝ้ายหลากสีหลากลาย ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่ประดิษฐ์จาก
ผ้าฝ้ายหลายชนดิ สร้างรายไดใ้ หแ้ กส่ มาชกิ พอสมควร กจิ การทอผา้ ฝ้ายทีเ่ ขาเต่า แม้จะมไิ ดข้ ยายใหญโ่ ต แต่ก็ถือไดว้ า่
เป็นพระราชกรณียกิจแรกด้านการส่งเสริมอาชีพหัตถกรรมแก่ราษฎรของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนพี นั ปีหลวง
76
เหรียญทองค�ำ พระราชทาน
“คนขยนั ”
 วันท่ี ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๐๙ ทอดพระเนตรโรงทอผา้ ที่หมู่บา้ นเขาเตา่
และพระราชทานเหรยี ญทองคำ�คนขยัน
แกส่ มาชิกกลมุ่ สตรีทอผา้ บ้านเขาเตา่ จ�ำ นวน ๑๓ ราย
77
ส ม เ ด็ จ พ ร ะ บ ร ม ร า ช ช น นี พั น ปี ห ล ว ง โ ป ร ด ที่ จ ะ ท ร ง
ฉ ล อ ง พ ร ะ อ ง ค์ ผ้ า ไ ห ม อ ยู่ เ ส ม อ ไ ม่ ว่ า ใ น ก า ร เ ส ด็ จ พ ร ะ ร า ช ดำ � เ นิ น
ไ ป ท ร ง เ ยี่ ย ม ร า ษ ฎ ร ห รื อ ง า น พ ร ะ ร า ช พิ ธี ต่ า ง ๆ ท้ั ง นี้ เ พ่ื อ ท ร ง
เ ป็ น แ บ บ อ ย่ า ง ใ น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม ใ ห้ ช า ว ไ ท ย ช่ ว ย รั ก ษ า ศิ ล ป ะ
ดง้ั เดมิ ของชาตไิ วใ้ หแ้ พรห่ ลายไปในหมชู่ าวไทยดว้ ยกนั พระฉายาลกั ษณใ์ น ฉลองพระองค์
ผ้าไหมทงี่ ดงามยงั ความปลาบปล้มื มาสู่ช่างทอผา้ ชาวบา้ น สร้างความภาคภูมิ และความ
ตง้ั ใจ ลน้ เหลอื ในการทอผา้ ผนื ต่อไปอยา่ งสุดฝมี ือ
“...ข้าพเจ้าได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนาํ
ของพระราชทานไปช่วยเหลือราษฎร มักจะเป็นเครื่องอุปโภคบริโภค
พระเจ้าอย่หู ัวรับสั่งกับข้าพเจ้าวา่ การชว่ ยเหลือแบบนเี้ ปน็ การชว่ ยเหลือ
เฉพาะหน้า ซ่ึงชว่ ยเขาไม่ไดจ้ รงิ ๆ ไม่เพยี งพอ ทรงคดิ ว่าทาํ อยา่ งไร
จงึ จะชว่ ยเหลอื ชาวบา้ นเปน็ ระยะยาว คอื ทาํ ใหเ้ ขามหี วงั ทจ่ี ะอยดู่ กี นิ ดขี นึ้
ข้าพเจ้าจงึ เริ่มคดิ หาอาชพี เสริมใหแ้ กค่ รอบครวั ชาวนาชาวไร่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหาแหล่งนาํ้ ให้การทาํ ไร่ทาํ นา
ของเขาเป็นผลต่อประเทศชาติ ต่อบ้านเมือง ทรงพระดาํ เนินไปดูตามไร่
78
สบื เนือ่ งมาเปน็ ศลิ ปาชพี
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร และสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่ถือว่าสำ�คัญย่ิงประการหนึ่ง คือ
การเสด็จพระราชดำ�เนินไปทรงเย่ียมราษฎรในชนบทท่ัวทุกภูมิภาค ทำ�ให้ได้ทอดพระเนตรเห็นถึงสภาพความเป็นอยู่
ที่แท้จริงของราษฎร ทรงมีโอกาสศึกษาสภาพท้องถ่ิน วิถีชีวิตของราษฎร ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีและ
วฒั นธรรมของแต่ละทอ้ งถน่ิ ด้วยพระองคเ์ อง
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวพระราชดำ�ริริเร่ิม
โครงการจ�ำ นวนมากเพอ่ื พฒั นาดา้ นการเกษตรและการท�ำ มาหากนิ ของราษฎรในชนบท ในเวลาเดยี วกนั สมเดจ็ พระบรม
ราชชนนพี นั ปหี ลวงกไ็ ดพ้ ระราชทานแนวพระราชด�ำ รเิ ปน็ โครงการอาชพี เสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของชาวบา้ นควบคู่
กันไปเสมอ
พุทธศักราช ๒๕๑๓ เกิดอุทกภัยบริเวณภาคอีสานตอนบน คือจังหวัดนครพนม ท้ังสองพระองค์จึงเสด็จ
พระราชดำ�เนินเยี่ยมราษฎรและพระราชทานเคร่ืองอุปโภคบริโภคที่จำ�เป็น ในวันน้ัน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพล
อดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ รไดม้ พี ระราชปรารภวา่ การพระราชทานสง่ิ ของใหแ้ กร่ าษฎรเปน็ เพยี งการแกไ้ ขปญั หา
เฉพาะหนา้ ควรใหร้ าษฎรสามารถเลยี้ งตนเองไดเ้ พอ่ื เปน็ การแกไ้ ขปญั หาระยะยาว ประกอบกบั สมเดจ็ พระบรมราชชนนี
พันปีหลวง ได้ทอดพระเนตรเห็นว่าหญิงชาวบ้านที่มารับเสด็จนั้น แม้จะยากจนแต่ก็นุ่งซ่ินไหมท่ีมีลวดลายและสีสัน
หลากหลาย งดงามจบั ตา จงึ ทรงสนพระราชหฤทยั และมพี ระราชด�ำ รวิ า่ ภาคอสี านนปี้ ระสบปญั หาเกย่ี วกบั ภยั ธรรมชาติ
มากที่สุด และพระองค์เองก็โปรดที่จะรักษาศิลปะพ้ืนบ้านให้คงอยู่สืบไป การทอผ้าไหมมัดหมี่ของชาวอีสานจึง
เหมาะทจ่ี ะเปน็ อาชพี เสรมิ ของชาวบา้ น เนอื่ งจากทกุ ครวั เรอื นทอใชก้ นั อยใู่ นชวี ติ ประจ�ำ วนั วสั ดอุ ปุ กรณก์ ส็ ามารถหาไดใ้ น
ทอ้ งถ่ิน ไม่ต้องลงทนุ เพ่ิม
เมอื่ เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ กลบั จากการเยยี่ มราษฎร สมเดจ็ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวงกท็ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้
โปรดกระหมอ่ มใหร้ าชเลขานกุ ารในพระองคแ์ ละคณะออกไปตดิ ตอ่ ขอซอื้ ผา้ ไหมของชาวบา้ น โดยเรม่ิ ทจ่ี งั หวดั นครพนม
เป็นแห่งแรก มีพระราชเสาวนีย์ให้ราชเลขานุการในพระองค์รวบรวมผ้าไหมให้ได้มากที่สุดเพื่อเก็บไว้เป็นตัวอย่าง
พระองคจ์ ะทอดพระเนตรทลี ะผนื ดว้ ยความสนพระราชหฤทยั แมก้ ระทงั่ ผา้ เกา่ ขาดทใ่ี ชแ้ ลว้ เปน็ สบิ ๆ ครงั้ ทรงพจิ ารณา
อยา่ งละเอียดถ่ีถ้วนในเรื่องสี ลวดลาย ฝีมือทอ เนอื้ ผ้า และมพี ระราชเสาวนียใ์ ห้เจา้ หนา้ ทบี่ นั ทกึ ช่ือ ท่อี ยู่ ของผทู้ อไว้
และระบุด้วยว่ามีความสามารถโดดเด่นในด้านใด เพ่ือความสะดวกในการค้นหามาสั่งทอใหม่ ทรงยกย่องว่าชาวบ้าน
เปรียบเสมือนครูที่ดี เป็นผู้มีภูมิปัญญา คิดค้นลวดลายและวิธีการจนเป็นผืนผ้าท่ีงดงามและมีคุณภาพ ที่สำ�คัญเป็น
ศลิ ปหัตถกรรมท่ถี า่ ยทอดกนั มาจากรุ่นย่ายายถงึ รุ่นลูกรนุ่ หลาน สมควรอยา่ งย่ิงท่ีจะตอ้ งยกระดับความเปน็ อยู่ เพ่มิ พูน
ศักด์ิศรีและความภาคภูมิใจของผู้ทอ ขณะเดียวกันก็ต้องอนุรักษ์ฝีมือทอผ้าน้ีไว้เป็นสมบัติของชาติไม่ให้สูญหาย
พระองค์ทรงกำ�ชับให้ชาวบ้านใช้ไหมพ้ืนเมืองและให้ผู้ชำ�นาญการย้อมสีไปสอนชาวบ้านเพื่อให้ผ้ามีคุณภาพดีย่ิงข้ึน
ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รักษาลวดลายมัดหมี่เก่า ๆ ของพ้ืนบ้านเป็นตัวอย่างในการอนุรักษ์
และฟ้ืนฟู
79
สมเดจ็ พระนางเจา้ สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปหี ลวง
โปรดการปฏิบัตงิ านแบบครบวงจร เมือ่ ทรงสนับสนนุ ใหช้ าวบ้านทอผ้าไหม
กใ็ ห้ปลกู หม่อนเลี้ยงไหมและสาวไหมไปพร้อมกนั ด้วย
80
วนั ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๖
ณ บา้ นกดุ นาขาม ต�ำ บลเจรญิ ศลิ ป์ ก่งิ อำ�เภอเจรญิ ศลิ ป์ จังหวดั สกลนคร
81
82
83
84
85
การก่อตงั้ มลู นิธสิ ง่ เสรมิ ศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ิติ์
พระบรมราชนิ ีนาถ
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ชาวบ้านในท้องถิ่นห่างไกลจึงเร่ิมมีรายได้
จากอาชีพเสริม ไม่เพียงแต่เฉพาะงานทอผ้าเท่าน้ัน ยังรวมถึงศิลปหัตถกรรมท้องถ่ินอีกหลากหลายแขนงทั่วประเทศ
ความมน่ั คงทางอาชพี และคณุ ภาพชวี ติ ของชาวบา้ นทดี่ ขี น้ึ จงึ ขยายวงกวา้ งขนึ้ จากหมบู่ า้ นหนงึ่ สอู่ กี หมบู่ า้ นหนง่ึ ชมุ ชนหนงึ่
สอู่ กี ชุมชนหนง่ึ อันเปน็ จดุ เร่มิ ต้นของมลู นธิ ิสง่ เสรมิ ศิลปาชพี ในสมเด็จพระนางเจา้ สิริกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ
หลังจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดต้ังมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เม่ือวันที่
๒๑ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๙ และต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหป้ รับปรงุ แกไ้ ขชื่อใหมเ่ ป็น มูลนธิ ิส่งเสรมิ
ศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เม่ือพุทธศักราช ๒๕๓๑ แล้ว งานสนับสนุนและส่งเสริม
ศิลปาชีพแขนงต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นเป็นอันมากในทุกภูมิภาค ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นโครงการศิลปาชีพและศูนย์ศิลปาชีพ
ของแต่ละภาค เพื่อกระจายความชว่ ยเหลือไปสรู่ าษฎรทว่ั ประเทศไทย
86
พระราชด�ำ รขิ องสมเดจ็ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวงในการสนบั สนนุ ใหร้ าษฎรประดษิ ฐง์ านฝมี อื เปน็ อาชพี เสรมิ
นน้ั ประการแรกคอื มพี ระราชประสงคท์ จ่ี ะชว่ ยใหร้ าษฎรมรี ายไดเ้ พมิ่ เพอื่ คณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี นึ้ บตุ รหลานไดร้ บั การศกึ ษา
โดยทว่ั ถึง และราษฎรไดใ้ ชเ้ วลาในยามวา่ งจากฤดูเพาะปลกู ให้เป็นประโยชน์ จากนนั้ พระองค์ได้ทรงพระกรุณาตรวจ
ผลงานของสมาชิกศิลปาชีพและทรงแนะนำ�ให้สมาชิกพัฒนาฝีมือ รวมท้ังคุณภาพของผลิตภัณฑ์เพื่อให้เป็นท่ีนิยมของ
ตลาด ผลงานของสมาชิกศิลปาชีพจึงทวีความงดงามและกลายเป็นศิลปหัตถกรรมต่าง ๆ ท่ีเชิดชูวัฒนธรรมของไทย
สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงภาคภูมิพระราชหฤทัยว่าชาวไทยทุกภูมิภาคน้ันล้วนแต่มีฝีมือทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ
ทรงหยิบยกงานฝีมือชนิดใดมาสนับสนุนให้ชาวบ้านทดลองทำ� ชาวบ้านก็สามารถทำ�ได้ดี พระองค์จึงมีพระราชดำ�ริ
ให้อนุรักษ์งานฝีมือโบราณเพ่ิมข้ึนเป็นประการต่อไป มีพระราชเสาวนีย์ให้สืบเสาะหาผู้มีฝีมือทางหัตถกรรมโบราณ
หลายชนดิ มาถา่ ยทอดวชิ าแกส่ มาชกิ ศลิ ปาชพี ตอ่ ไปเพอื่ มใิ หส้ ญู หาย เชน่ งานท�ำ คราํ่ และงานถมเงนิ ถมทอง เมอื่ ผลงาน
หัตถกรรมศิลปาชีพเป็นที่รู้จักมากขึ้น ราษฎรท่ัวประเทศทราบว่าพระองค์ทรงอนุรักษ์งานฝีมือของไทย จึงมี
บางหนว่ ยงานกราบบงั คมทลู ขอใหท้ รงอนรุ กั ษห์ ตั ถกรรมโบราณเพม่ิ ขนึ้ เชน่ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคามขอใหท้ รงอนรุ กั ษ์
งานจักสานไมไ้ ผ่ลายขดิ เปน็ ตน้
สมเด็จพระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวงจะทรงเลือกงานฝีมอื ตา่ ง ๆ ใหเ้ ป็นอาชีพเสริมส�ำ หรบั ราษฎรแตล่ ะท้องถ่นิ
โดยทรงพิจารณาจากงานฝีมอื ที่ชาวบ้านในท้องถ่นิ น้ัน ๆ ท�ำ ใช้ในชีวิตประจ�ำ วนั รวมทัง้ มีวตั ถดุ ิบทีห่ าได้ง่ายในท้องถ่นิ
เชน่ ทรงสง่ เสรมิ ใหร้ าษฎรในภาคอสี านทอผา้ ไหม เพราะชาวอสี านปลกู หมอ่ นเลยี้ งไหมและทอผา้ เปน็ อยแู่ ลว้ ทรงสง่ เสรมิ
ใหร้ าษฎรในภาคใตจ้ กั สานยา่ นลเิ ภาและกระจดู เพราะเถายา่ นลเิ ภาและตน้ กระจดู นน้ั มมี ากมายในภาคใต้ ทรงสง่ เสรมิ
ให้ชาวไทยภูเขาทอผ้าหรือทำ�เครื่องเงินด้วยลวดลายของแต่ละชนเผ่า เพราะแต่ละชนเผ่ามีพ้ืนฐานของงานฝีมือน้ัน ๆ
อย่แู ตเ่ ดิม
แต่ก็มีงานฝีมือบางชนิดท่ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แนะนำ�ให้ราษฎรท่ียังไม่มีความรู้ความชำ�นาญได้ทดลอง
ฝึกฝน เช่น ให้สตรีในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทดลองปักผ้าด้วยกรรมวิธีปักซอยแบบไทยโบราณ เพราะทรงทราบว่า
ชาวบ้านมักมีเวลาว่างในตอนกลางวันหลังจากกรีดยางแล้ว และบางครั้งยางพาราก็มีราคาตกตํ่ามาก ทำ�ให้รายได้
ไม่แน่นอน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปิดฝึกอบรมการปักซอยแบบไทยข้ึน พร้อมท้ังพระราชทานวัสดุอุปกรณ์
และแบบลายปักไปให้ด้วยเพ่ือช่วยให้ราษฎรภาคใต้มีงานทำ�อยู่กับบ้าน ซ่ึงราษฎรในภาคใต้ก็สามารถผลิตงานปักผ้า
ออกมาไดอ้ ยา่ งสวยงามนา่ ช่ืนชมย่งิ
มลู นธิ สิ ง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ฯ ไดร้ บั ซอ้ื งานฝมี อื จากสมาชกิ ทวั่ ประเทศ แลว้ น�ำ ไปเผยแพรส่ ปู่ ระชาชน เพอ่ื ใหช้ ว่ ยกนั
สนับสนุนงานฝีมือของชาวไทยด้วยกัน มีท้ังท่ีเป็นผลงานโดยตรงของสมาชิกและผลิตภัณฑ์สำ�เร็จรูปท่ีทางมูลนิธิฯ
น�ำ มาออกแบบตกแตง่ เพมิ่ เติม
ทุกวันน้มี ลู นธิ สิ ง่ เสริมศลิ ปาชีพฯ ได้ชว่ ยสรา้ งอาชีพและรายได้ใหแ้ ก่ชาวไทยทั่วประเทศอย่างมหาศาล สมาชกิ
ศลิ ปาชพี มากกวา่ ๑๒๐,๐๐๐ รายทก่ี ระจายอยทู่ กุ ภมู ภิ าคชว่ ยใหเ้ ศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศดขี น้ึ และตา่ งกย็ งั พฒั นา
ฝีมือขนึ้ โดยไมห่ ยุดย้ังเพือ่ สรา้ งสรรคง์ านฝีมอื ใหเ้ ป็นทยี่ กย่องชื่นชมไปท่วั โลก
87
ตวั อยา่ งผลงานหตั ถกรรมของมลู นธิ ิสง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ฯ
88
ผลงานจกั สานย่านลเิ ภา
89
งานผา้ ทอและผา้ ปกั ของชาวไทยภเู ขา
90
งานผา้ ปกั ของชาวไทยภเู ขา
91
งานจกั สานไมไ้ ผ่ลายขดิ
92
ดอกไม้ประดษิ ฐ์
93
เคร่อื งป้นั ดินเผา
94
งานแกะสลกั ไม้
ผา้ ฝ้าย
95
ผา้ ปกั ซอยแบบไทย
96