The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

๘๘ พรรษา สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง "เรียงร้อยรักจากใจไทยทั้งชาติ"

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kmdivision.2564, 2021-06-08 07:45:14

เรียงร้อยรักจากใจไทยทั้งชาติ

๘๘ พรรษา สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง "เรียงร้อยรักจากใจไทยทั้งชาติ"

ทรงส่งเสริมศิลปาชพี เพ่ือสร้างอาชพี แกป่ ระชาชน

ส่วนในเรื่องการทำมาหากิน
สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ
ทรงริเริ่มและสนับสนุนให้ทำอาชีพ
เสริม คือ “ศิลปาชีพ” โดยทรงรับ
ผู้ที่มีความสนใจเข้ามาเป็นสมาชิก
ศิลปาชีพ ส่วนการสอนให้ทำอะไรน้ัน
จะทรงถามสภาพความเป็นอยู่ของ
เขาก่อน เช่น ถ้าอยู่แถวภาคอีสาน
มีความรู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมได้ก็ให้
ทอผ้า ในพื้นท่ีปลูกไผ่ก็ให้ทำจักสาน
หากชอบเย็บปักถักร้อยก็ให้ปักผ้า
ส่วนลูกที่ยังไม่มีอาชีพก็ให้ทำเครื่องเงิน ถมทอง ป้ัน หรือเขียนลาย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและ
ความชอบของแต่ละคน
จุดเริ่มทส่ี มเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนี าถ ทรงทำศิลปาชีพ ทรงทำตามแนวพระราชดำริ
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีพระราชประสงค์จะช่วยให้ราษฎรสามารถเลี้ยงปากเล้ียงท้อง
และสามารถยืนหยัดอยู่บนขาของตัวเองได้ ดังพระราชดำรัสท่ีพระราชทานในพิธีเปิดการประชุมและ
นิทรรศการเรื่อง “มรดกสิ่งทอของเอเชีย : หัตถกรรมและอุตสาหกรรม” ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เม่อื วันท่ ี ๓๐ มกราคม ๒๕๓๕ ความตอนหนง่ึ วา่

“...การทขี่ า้ พเจา้ เรม่ิ งานศลิ ปาชพี ขนึ้ นนั้ ขา้ พเจา้ ตงั้ ใจจะสรรหาอาชพี ใหช้ าวนา
ทย่ี ากจนเลยี้ งตวั เองไดเ้ ปน็ เบอื้ งตน้ ทงั้ นเ้ี นอ่ื งจากขา้ พเจา้ ไดม้ โี อกาสตามเสดจ็ ฯ พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ไปเยย่ี มราษฎรตามชนบทมาหลายสบิ ป ี ไดพ้ บวา่ ราษฎรสว่ นใหญ่
เป็นชาวนาชาวไร่ท่ีต้องทำงานหนัก และต้องเผชิญอุปสรรคจากภัยธรรมชาติ
มากมาย... ทำให้ชาวนาชาวไร่มักยากจน การนำสิ่งของไปแจกราษฎรผู้ประสบ
ภัยธรรมชาติ เป็นเพียงบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ซ่ึงพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชปรารภว่าเป็นการช่วยเหลือท่ีไม่ยั่งยืนควรจะหาวิธีอื่น
ทช่ี ่วยให้ราษฎรพงึ่ ตนเองได้...

55-07-003_001-095_W.indd 49 7/20/12 6:33:21 PM

197

ข้าพเจ้าสังเกตว่าชาวบ้านเหล่านี้ล้วนแต่เป็นศิลปินสืบทอดกันมาโดยสายเลือด
เช่นเขาสามารถทอผ้าไหมมัดหมี่เป็นลวดลายโบราณงามแปลกตา หรือทอลายใหม่ๆ
ที่เขาคิดขึ้นเองด้วยสีสันท่ีมีเสน่ห์สวยงาม ข้าพเจ้าเพียงแต่ให้กำลังใจส่งเสริม และ
หาแนวทางเผยแพร่ความงามจากฝีมือของชาวนาชาวไร่ออกไปให้โลกรู้จัก ส่ิงนี้เป็น
ทม่ี าแหง่ การอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาศิลปหัตถกรรมของข้าพเจา้ ...”
ทรงเห็นวา่ ชาวบ้านส่วนใหญเ่ ปน็ ชาวนา ชาวไร่ ต้องอาศัยน้ำฝนในการประกอบอาชีพ แต่สภาพ
อากาศไมค่ งท่ ี เดอื นทฝี่ นเคยตกเขาก็ปักดำตน้ กลา้ ไว้ ตอ่ มาสภาพแวดล้อมของโลกเกิดการเปลีย่ นแปลง
ถึงเวลาฤดูฝน ฝนก็ไม่ตก ข้าวกล้าปักไว้ก็เสียหาย บางปีก็น้ำท่วม อย่างภาคอีสานไม่เคยน้ำท่วม
ก็ท่วมใหญ่เลย เมื่อเป็นอย่างน้ี พระองค์จึงมีพระราชประสงค์ช่วยเหลือเขา โดยทรงหาวิธีช่วยเหลือ
เช่น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นชาวบ้านแต่งตัวกันสวยๆ เวลามารับเสด็จฯ พระองค์ก็รับส่ังถามถึงผ้า
ท่ีแต่งมา ถามทีไรเขาก็บอกทำเองทุกท ี ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเอง โดยท่รี ับส่ังว่าไม่ต้องไปยุ่งกับเขาเลย
เพราะว่าเขาเก่งอยู่แล้ว ผ้าทุกช้ินของเขาสวยหมด ไม่ต้องไปปรับปรุงแก้ไขอะไรเขา ให้ทำอย่างที่เขา
เคยทำ ชาวบา้ นอสี านเวลาเขาทอผ้าซ่นิ เขาจะทอผ้าหนา้ แคบ และตอ่ หวั ซ่ินกับเชงิ ซ่นิ ซ่งึ เปน็ เอกลกั ษณ์
ของเขา รบั สั่งว่าใหเ้ ขาทำอยา่ งนนั้ กอ่ น แตไ่ ม่ต้องเยบ็ ตอ่ หัวตอ่ เชงิ มา
ส่วนด้านการปลูกหม่อน
เลี้ยงไหม ชาวบ้านเขาจะเก็บ
ไ ห ม จ า ก ที่ เ ลี้ ย ง เ ป็ น ก ร ะ ด้ ง
น ำ ม า ส า ว จ ะ ไ ด้ นิ ด เ ดี ย ว เ อ ง
พ ร ะ อ ง ค์ ต รั ส กั บ เ ข า ว่ า เ ล้ี ย ง
ไ ห ม เ พ่ิ ม ข้ึ น อี ก ห น่ อ ย ไ ด้ ไ ห ม
แทนทเ่ี ขาจะทำปลี ะผนื กข็ อใหท้ ำ
ปีละ ๒ ผืน ขายให้พระองค์
ผืนหนึ่ง ก็เริ่มจากตรงน้ันและ
ทำมาเรอ่ื ยๆ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ
พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ
ให้ค่อยๆ ทำมาเรื่อยๆ จาก
ผืนสองผืน จนกระทง่ั ปจั จบุ ันมเี ปน็ ๒๐−๓๐ เมตรแลว้
จากน้ัน เมื่อทรงเร่ิมส่งเสริมแล้ว จึงได้ทรงเห็นว่ามีงานศิลปะหลายอย่างซ่ึงเป็นของไทยเรา
ถา้ ไม่มผี ูส้ านตอ่ ก็จะสูญหายไป พระองคจ์ งึ ทรงเริม่ งานอนุรกั ษ์ขนึ้ ในศลิ ปาชีพ เรอ่ื งการอนุรักษม์ าทีหลงั
ทเ่ี หน็ ไดช้ ัดเจนคือ “ผา้ ไหมไทย” ไมเ่ ช่นน้ันก็อาจจะสญู หายไป คอื ตอนนนั้ บรษิ ทั เอกชนทำผา้ ไหมไทย

55-07-003_001-095_W.indd 50 7/20/12 6:33:24 PM

198

โดยทอเป็นสีพ้ืนแล้วจึงนำมาพิมพ์ลาย
ข อ ง พ ร ะ อ ง ค์ ค น ล ะ แ บ บ กั น ท ร ง
สนับสนุนการทอผ้าแบบพื้นบ้าน โดย
ขึ้นลายในระหว่างการทออย่างเช่น
ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมลายลูกแก้ว
ผ้าไหมแพรวา ก็เกือบจะสูญหายไป
ยังมีอีกหลายประเภทที่ทรงส่งเสริม
เช่น ผ้าเชิงจกและผ้าขิด ท่ีสามารถ
นำมาทำได้หลายอย่างตามต้องการ
ไม่ว่าจะใช้ตกแต่งหน้าหมอน หรือ
นำมาทำเป็นเส้ือ ทำม่าน เป็นต้น
ผ้าไหมเหล่าน้ีเม่ือก่อนมีแต่คนแก่ทำและใช้สวมใส่ สาวๆ นุ่งกางเกงยีนส์แล้วไปทำงานโรงงาน
ไม่สนใจทอผ้าไหม หลังจากพระองค์ทรงส่งเสริม ผ้าไหมจึงเป็นท่ีนิยมอย่างแพร่หลายไปจนถึง
ตา่ งประเทศ ทรงอนรุ ักษไ์ วใ้ หม้ อี ยู่ ไม่เชน่ น้ันกจ็ ะมแี ตค่ นแก่เท่าน้นั ท่ที ำ
เมอ่ื ป ี ๒๕๑๕ พระองค์ทรงสง่ ทา่ นผ้หู ญงิ สุประภาดา เกษมสนั ต์ ท่านราชเลขานุการในพระองค์ฯ
และดิฉันเดินทางไปภาคอีสาน เพื่อช่วยเหลือให้เขามีกินมีใช้ รับส่ังให้ไปเดินตามหมู่บ้านหาซ้ือผ้าท่ี
ชาวบา้ นทอมาถวาย แลว้ กไ็ มใ่ ชน่ ดั ชาวบา้ นมารวมกนั ทอ่ี ำเภอ แตใ่ หไ้ ปทบ่ี า้ นดวู า่ อยกู่ นั อยา่ งไร มกี นั กคี่ น
มรี บั ประทานทุกม้อื ไหม หารบั ประทานอยา่ งไร เก็บข้าวสารไว้อยา่ งไร ทรงละเอยี ดมาก มีรับสัง่ ด้วยว่า
ขอดผู า้ ขรี้ ว้ิ ดว้ ย เพราะคนไทยเวลาผา้ เกา่ จะนำไปถเู รอื น ดงั นน้ั เวลาพวกเราขนึ้ บา้ นไหน กต็ อ้ งดผู า้ ขรี้ วิ้
ดว้ ย แล้วก็เป็นจรงิ อยา่ งทีร่ บั ส่ัง เพราะลวดลายเก่าจะอยู่ท่ีน่ ี ชาวบา้ นกห็ วั เราะกัน ว่าเรามาดูผา้ ถูเรอื น
จำได้ว่าบรรยากาศตอนไปก่ิงอำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม บ้านเขาเป็นใต้ถุนโล่งแบบ
อีสาน ทุกบ้านมีก่ีทอผ้า ส่วนหนึ่งก้ันคอกเลี้ยงควาย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมใกล้ๆ บ้านหรือตามโคก
ในท้องนา เรายังด้ันด้นไปอีกหลายจังหวัด ถือเงินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แล้วเดินเท้าไปตามทาง
เกวยี นบ้าง ถนนดนิ แดงบา้ ง เป็นพ้ืนท่สี แี ดงบ้าง จนกระทัง่ ถงึ ชาวบา้ นได้ในที่สุด
แรกๆ ชาวบ้านมักจะอายไม่ค่อยให้ดู คร้ังแรกท่ีเดินทางไปได้ผ้าประมาณ ๑๐ ผืนเท่านั้น
แตก่ ต็ รงพระทยั สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ วา่ เปน็ ผา้ ทช่ี าวบา้ นทอแบบหนา้ แคบ เปน็ หวั ซน่ิ
ตวั ซน่ิ ตีนซน่ิ เย็บต่อกัน ภายหลังทอดพระเนตรผา้ ทอแล้ว รบั ส่งั ให้กลับไปหาเขาใหม ่ โดยนำผ้าผนื เดมิ
เปน็ ตวั อย่างไปใหค้ นน้ันทอเพ่มิ ข้ึนอกี ๑ ผนื ใหพ้ ระองค์

55-07-003_001-095_W.indd 51 7/20/12 6:33:28 PM

199

ในการเก็บตัวอย่างผ้า
เมื่อไปถึงบ้านใดและได้ผ้าทอ
มาแลว้ กจ็ ะต้องจดชอ่ื อายุ ตำบล
บ้ า น ท่ี อ ยู่ ข อ ง ช่ า ง ท อ ม า ต า ม
พระราชเสาวนีย์ จ่ายสตางค์ให้
ราคาเดียวกับท่ีช่างทอผ้าจะขาย
ไดใ้ นตลาด แลว้ กน็ ดั หมายวา่ ปหี นา้
จะมาใหม ่ ขอใหท้ อผา้ เตรยี มไว้

ส ม เ ด็ จ พ ร ะ น า ง เจ้ า ฯ
พระบรมราชนิ นี าถ โปรดลวดลาย
พนื้ บา้ นดงั้ เดมิ มาก เพราะเปน็ ลายทสี่ บื ทอดจากยายถงึ แม่ แมถ่ งึ ลกู เปน็ ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นซง่ึ ไมม่ ใี น
ตำราเลม่ ไหน ผา้ ขรี้ วิ้ บางผนื เกา่ จนขาด แตล่ วดลายโบราณสวยงามมาก เรากเ็ กบ็ ลายพวกนมี้ าใหเ้ ขาทอใหม ่
นำกลับมาแล้วก็คลี่ถวายทอดพระเนตรทีละผืน ทรงใช้เวลามาก ท้ังที่ทรงแพ้ฝุ่นโดยเฉพาะฝุ่นไหม
แต่ทรงอดทน ภายหลังจึงใช้ถุงพสาติกใสบรรจผุ า้ ทอทลี ะผนื เพอื่ พระองคท์ อดพระเนตร
ตอนแรกชาวบ้านก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่เราสัญญาไว้แล้ว ทรงสอนว่า สัญญาอะไรไว้แล้วต้องทำ
เรากก็ ลบั ไปหาเขา บางทชี าวบา้ นกไ็ มไ่ ดท้ ำหรอก เขานกึ วา่ พดู เลน่ เพราะเคยมคี นมาสงั่ ไวแ้ ลว้ กไ็ มก่ ลบั มา
เอา เมอ่ื เรากลบั ไปหาเขาอกี เขากบ็ อกวา่ “ไมร่ นู้ ว่ี า่ จะมา” เรากบ็ อกวา่ “เอาจรงิ ซิ สมเดจ็ พระราชนิ ใี หม้ า
พระองค์จะใส่” บางทีชาวบ้านก็ถามว่า “พระองค์เป็นถึงพระราชินีจะมาใส่ผ้าของคนบ้านนอกหรือ”
เราก็บอกว่า “จริงๆ ทำมาเถอะ พระองค์จะใส่” เขาจึงทำมาให้ค่ะ เขาบอกให้ไปเดือนไหนเราต้อง
ย้อนกลับไปหาเขาตามสัญญาเลยนะคะ พระองค์รับส่ังย้ำเสมอว่า ถ้านัดแล้วห้ามผิดสัญญาเพราะ
ชาวบ้านจะเฝา้ รอ พอถึงเวลาเราก็ไปซอื้ ผ้ามาถวายพระองค์ พระองคก์ ท็ รงใชผ้ า้ ทช่ี าวบ้านทอเรอื่ ยมา
ครง้ั หนึ่งในช่วงปพี ทุ ธศักราช ๒๕๑๘−๒๕๑๙ ที่กงิ่ อำเภอดงหลวง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
(ปัจจุบันข้ึนกับจังหวัดมุกดาหาร) เป็นพ้ืนท่ีที่มีผู้ก่อการร้าย สมัยน้ันพลเอก เปรม ติณสูลานนท์
เป็นแม่ทัพภาคท่ี ๒ วันน้ันจะมีการเสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์ ข้าราชบริพารต้อง
ล่วงหน้าไปก่อน ดิฉันกับท่านผู้หญิงสุประภาดาจึงน่ังรถโดยสารไป แต่ถ้าไปในลักษณะที่เป็นเรา
ก็จะดูแปลกจึงต้องปลอมตัวโดยไม่แต่งหน้าแต่งตา หาซื้อผ้าซ่ินเก่าของชาวบ้านมานุ่ง ส่วนเสื้อ
เหมือนๆ กับชาวบ้านนั่นแหละ ห้ิวตะกร้าแบบท่ีชาวบ้านห้ิวไปตลาดด้วย แล้วก็ไปขึ้นรถสองแถว
กนั ทต่ี ลาดอำเภอนาแก เดนิ ทางไปกนั จนถงึ หมบู่ า้ น แลว้ กก็ ลับมาอยา่ งปลอดภยั

55-07-003_001-095_W.indd 52 7/20/12 6:33:31 PM

200

พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง ริ เร่ิ ม ใ ห้ มี
โครงการเลี้ยงแกะที่บ้านห้วยห้อม
อำเภอแมล่ านอ้ ย จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน
ซง่ึ เดมิ ชาวบา้ นมอี าชพี ทำการเกษตร
อย่างเดียวจะได้มีอาชีพเสริมใน
การทำ “ผ้าทอขนแกะ” โดยนำ
ขนมาป่ันเป็นเส้นใยทอปนกับไหม
เพ่ือให้ผ้าน้ันมีความอบอุ่นสำหรับ
ให้ชาวเหนือใช้ ขณะนี้ยังไม่ได้
ขายเพราะคุณภาพยังไม่ดีเท่าท่ีควร
ต้องพัฒนาให้นุ่มกว่าน้ี สำหรับ
พันธุแ์ กะนนั้ พระองค์พระราชทานความชว่ ยเหลอื ด้านการปรบั ปรงุ พนั ธุ์ โดยทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ
ให้เจ้าหน้าที่นำพนั ธ์แุ กะจากตา่ งประเทศมาผสมกบั พนั ธ์ุแกะพืน้ เมอื ง เพือ่ ให้ไดแ้ กะลกู พนั ธท์ุ ่เี หมาะสม
กับแมฮ่ อ่ งสอน

ทรงรบั ผู้ที่ยากจนและเดือดรอ้ นเขา้ มาฝกึ ศลิ ปาชพี ในวงั

ทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปภาคไหนจะเปิดโรงฝึกชั่วคราวข้ึนท่ีน่ันในช่วงท่ีพระองค์ประทับอยู่
ซึ่งบางครั้งประทับนานถึงเดือนครึ่ง แล้วก็นำราษฎรเข้ามาฝึกที่โรงฝึกนั้น จากนั้นจะส่งเข้าไปฝึกต่อ
ทสี่ วนจติ รลดาในกรงุ เทพฯ ซง่ึ โรงฝกึ ในวงั มอี ย ู่ ๒ ตกึ ขณะนมี้ อี ยปู่ ระมาณ ๖๐๐ คน เทา่ กบั โรงเรยี นยอ่ มๆ
โรงเรียนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นชาวเขา ชาวใต้อยู่รวมกันหมด มีหอพักให้อยู่ หอพักผู้หญิงก็อยู่ที่วังหลวง
ในพระบรมมหาราชวงั สว่ นท่พี ักผชู้ ายอยู่ตรงข้ามบา้ นราชวิถ ี
โรงฝึกนี้ พระองค์ทรงควบคุมเอง และพระราชทานแนวพระราชดำริ รวมท้ังทรง
ตรวจงานด้วยพระองค์เอง ส่วนท่ีอำเภอบางไทร จังหวัดอยุธยานั้น ทรงมอบให้ ฯพณฯ องคมนตรี
ธานินทร ์ กรยั วิเชยี ร เป็นประธานกรรมการบรหิ าร
ที่โรงฝึกในสวนจิตรลดามีแผนกฝึกด้านต่างๆ เป็นจำนวน ๒๓ แผนก ท้ังเครื่องถมทอง
แผนกเครื่องเงิน แผนกคร่ำ แผนกทอผ้าไหม ฯลฯ มีอยู่ไม่กี่แผนกท่ีพระองค์ให้แบ่งสมาชิกจากท่ีน่ี
ออกไปฝกึ ทบ่ี างไทร เชน่ แผนกยา่ นลิเภา แผนกจกั สานไม้ไผ ่ แผนกผา้ ไหม เป็นต้น

คนทจี่ ะเขา้ มาฝกึ ท่ีโรงฝกึ ในวังส่วนมากจะเปน็ คนจน หรือมปี ัญหาครอบครัว เชน่ เคยมีท่ดี นิ
หลายแปลง แต่ด้วยดินฟ้าอากาศไม่อำนวย ปลูกข้าวไม่ได้ผลอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เขาต้องไป

55-07-003_001-095_W.indd 53 7/20/12 6:33:35 PM

201

กู้ ห นี้ ยื ม สิ น ม า เ ล้ี ย ง ค ร อ บ ค รั ว
ในท่ีสุดท่ีนาหลุดไปเลย ไม่มีท่ีนา
ทำกิน พระองค์ก็ทรงช่วยเหลือ
ให้มาทำงานศิลปาชีพ

พระองค์ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัด
คุณวุฒิ จำกัดอยู่อย่างเดียวคือ
“ความยากจนและความเดอื ดรอ้ น”
พระองค์ทรงรับเขาเข้ามา เพราะ
เขามีปัญหามาให้พระองค์ทรง
ช่วยแก้ไข บางครอบครัวก็ทรง
ขอลูกหลาน ๑ คนบ้าง ๒ คนบ้าง
มาทำงานที่นี่ หรือบางคร้ังถ้าหัวหน้าครอบครัวไม่มีที่ทำมาหากินต้องไปรับจ้าง ก็ทรงให้
หัวหน้าครอบครัวมาบ้าง แม่บ้านมาบ้าง ข้ึนอยู่กับว่าเขามีลูกเล็กไหม หรือถ้าลูกเขาโตและเรียนจบ
การศึกษาขั้นบังคับแล้ว แทนท่ีจะไปวิ่งเล่นหรือไปรับจ้างก็ให้เขามาฝึกท่ีนี่ ซึ่งมีเงินตอบแทนให้
เขากม็ ีเงินสง่ ไปให้ทางบ้านได้ ขณะเดียวกนั กท็ รงดแู ลรกั ษาสมาชิกในครอบครวั ของสมาชิกศิลปาชีพ
ท้ังหมดในยามเจบ็ ป่วยด้วยคะ่
สมาชิกศิลปาชีพที่มาเรียนในวัง เม่ือจบแล้วเราก็จะส่งเขากลับบ้าน เช่น เขามาฝึกทอผ้า
ถ้าเขาทอไดด้ ีแลว้ เขาไดเ้ รยี นรู้แลว้ เราก็จะสง่ เขากลับไปทำงานทีบ่ ้านแล้วรับผลงานของเขากลับมาขาย
ท่ีร้านของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ นอกจากน้ี เราจัดขายให้ประชาชนปีละครั้งในเดือนธันวาคม
ทสี่ วนอมั พร หรอื ทพี่ ระทน่ี ง่ั อนนั ตสมาคม แลว้ แตจ่ ะสะดวก สว่ นทพี่ ระทน่ี งั่ อภเิ ษกดสุ ติ นน้ั เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑ์
ศิลปาชีพด้วย ประชาชนนิยมเข้ามาซื้อที่มูลนิธิฯ ยิ่งในช่วงใกล้เทศกาลมาซื้อกันมาก ชาวต่างประเทศ
เขากเ็ ข้ามาซอ้ื ที่น ่ี บางครั้งกข็ อเขา้ มาเปน็ กลุ่ม เรากอ็ นญุ าตใหเ้ ขาเขา้ มาชมและซ้ือสินคา้ ได้

ครูในโรงฝกึ ศลิ ปาชพี สวนจิตรลดา มาจากชาวบ้านทเี่ ชย่ี วชาญ

ครใู นโรงฝกึ ศลิ ปาชพี สวนจติ รลดา มาจากชาวบา้ นคะ่ โดยเสาะหาผทู้ ชี่ ำนาญการแตล่ ะสาขา
เข้ามาเป็นครู เช่น ประเภทเคร่ืองเงิน ชาวเขาเก่งมาก ก็ไปชวนชาวเขาผู้ใหญ่มา บางคนอยู่กับเรา
มานาน ๓๐ − ๔๐ ปีแล้ว และตอนนี้กแ็ กไ่ ปตามวยั ซึ่งในระยะเวลาท่ผี ่านมาได้มกี ารฝกึ ลูกศิษย์ข้ึนมา
และลกู ศษิ ยก์ เ็ กง่ ขน้ึ มาเปน็ ครไู ด ้ จงึ เกดิ มกี ารถา่ ยทอดวชิ ากนั อยา่ งทอผา้ กเ็ หมอื นกนั ไปหาจากชาวบา้ น
คนไหนเก่งก็นำมาเป็นครูค่ะ ครูที่มาสอนไม่จำเป็นต้องเล่าเรียนจบสูง เพราะว่างานพวกนี้เป็นงาน

55-07-003_001-095_W.indd 54 7/20/12 6:33:38 PM

202

พื้นบ้าน หรือภูมิปัญญาชาวบ้านที่เรียน
มาจากการถ่ายทอดจากปู่ ย่า ตา ยาย
มาสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน หลายคนอยู่กับเรา
มานานมากจนจากเราไปแล้วก็มี

อย่างการทำคร่ำ ตอนนั้นมี
ลุงสมานเหลืออยู่คนเดียวจริงๆ ก็ได้เชิญ
มาเป็นครูสอน ตอนนี้ลุงสมานก็จาก
เราไปแลว้ ไมเ่ ชน่ นนั้ งานครำ่ กจ็ ะสญู หายไป
ทำยากเพราะครำ่ ตอ้ งทำบนเหลก็ ซง่ึ เหงอ่ื คน
จะทำให้เหล็กข้ึนสนิมได้ เพราะฉะน้ัน
หลายคนซึ่งมีเหง่ือไม่เปร้ียวจะทำไม่ได้
เพราะจะทำให้เหล็กข้ึนสนิม คัดไปคัดมาตอนลุงสมานเสียชีวิต ก็มีเด็กอยู่ ๗ คนเท่านั้นท่ีเรียน
แผนกนไี้ ด้ ซึง่ ฝกึ มาเป็นสบิ ๆ ปีได ้ ๗ คนเทา่ นัน้ เอง

งานศิลปาชีพนำสกู่ ารอนุรกั ษ์ภูมิปัญญาไทย

เม่ือทรงทำแล้ว ก็เห็นว่าชาวบ้านมีผ้าหลากหลายแต่ละท้องถิ่นก็ไม่เหมือนกัน ก็เลยทรงเรียกว่า
“อนุรักษ์” ซึ่งเป็นงานที่มาทีหลัง งานช่วยเรื่องปากเรื่องท้องมาก่อน พระองค์ทรงให้เขาทำไร่ทำนา
ตามปกติ ส่วนยามว่างแทนที่จะน่ังอยู่เฉยๆ คอยฟ้า คอยฝน ก็มาทำงานอาชีพเสริมคือ “ศิลปาชีพ”
ไมไ่ ดใ้ ห้ทง้ิ ไรท่ ้งิ นา แตบ่ างคนไมม่ ีทท่ี ำมาหากินก็ไดย้ ดึ เป็นอาชพี หลักเป็นจำนวนมาก

งานศิลปาชีพท่ีทำกันมากๆ น่าจะเป็นผ้าไหมค่ะ ทำกันทั่วภาคอีสาน เขามีฝีมือแต่ก็ยัง
เดือดร้อนและยากจน เพราะแต่ก่อนชาวบ้านมักทำให้ลูกหรือไว้ใช้ในงานบุญ ไม่ได้ทำขาย
มักจะใส่ผ้าไหมในงานบุญ งานกุศล และงานมงคล เช่น ให้ลูกใส่ในพิธีแต่งงาน รับไหว้ลูกสะใภ้
ใส่ไปงานบุญ หรือถวายวัด เพราะฉะนั้น เขาจะใส่ทุกอย่างลงไปในผ้าท้ังความรักและความตั้งใจ
ทำละเอียดยิบเลยทีเดียว แล้วพอพระองค์มาส่งเสริมให้เขาทำขาย บางคนบอกว่าเขาต้องรีบทำเพ่ือ
จะได้เงินมาใช้จ่ายในครอบครัวเรว็ ๆ ซง่ึ เราตง้ั ข้อแมว้ า่ ทำเร็วได้ แตต่ อ้ งมีคุณภาพด ี ทอแนน่ ไม่ย้อมด่าง
และต้องสวยงาม ในครอบครัวหน่ึงจะมีการถ่ายทอดการทอผ้าแบบไม่มีตำรา เรียนรู้โดยการช่วยกันทำ
ยายสอนแม่ แม่สอนลูก ต่อๆ กันมา แต่ละผืนจะมีจุดท่ีแตกต่างโดยท่ีช่างทอผ้าเท่าน้ันจะได้ร ู้ เพราะ
นอกจากจะจำลวดลายท่คี ดิ ขน้ึ ขณะทอแลว้ บางคนกท็ ำสญั ลักษณเ์ ล็กๆ ไว้ที่ตนี ซิ่น

55-07-003_001-095_W.indd 55 7/20/12 6:33:41 PM

203

แต่ว่าขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงมีนโยบายท่ีจะให้เขาทอผ้าไหมอย่างรักษาของเดิม
ใหท้ อละเอียดประณตี โดยการจัดประกวดผา้ ไหมท่ีจงั หวัดสกลนครทกุ ปีทีพ่ ระองคเ์ สด็จฯ ไปประทับ
ณ ภูพานราชนิเวศน์ ทรงเริ่มมานานกว่า ๑๕ ปีแล้วค่ะ ชาวบ้านจะทอผ้าไหมท่ีดีท่ีสุดมาประกวดกัน
ซึ่งความยาวก็ไม่น้อยกว่า ๒ เมตร พระองค์มีพระราชดำริว่าเขาจะขายกี่ผืนก็ช่างเขา แต่จะต้อง
มีอยู่ ๑ ผืนที่ส่งเข้าประกวด ที่เขาต้องตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ แล้วนั่นแหละ คือการอนุรักษ์ไว้
โดยท่ีเขาอาจจะให้ลูกเขาช่วย ลูกเขาก็จะได้เรียนรู้งานไปพร้อมๆ กับที่เขาทำประกวด เม่ือเป็นอย่างน้ี
ก็จะมีการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากผู้อาวุโสสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน ไม่ตายไปกับคนๆ น้ัน ในเม่ือเขารู้แล้วว่า
การประกวดมีเงินรางวัลเดิมพันเป็นจำนวนมาก เป็นเงินและสายสร้อยคอทองคำห้อยพระบรมรูป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั
กับพระองค์ เพราะฉะน้ัน
เขาก็ต้ังอกต้ังใจท่ีจะทำค่ะ
สมาชกิ สว่ นมากทำมาประกวด
กนั ท้งั นนั้

นอกจากนี้ ที่ภาคใต้
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้มีการประกวดผลิตภัณฑ์
ต่างๆ ท่ีพระองค์ทรงส่งเสริม
ใหท้ ำในชว่ งทเ่ี สดจ็ ฯ ไปประทบั
ณ พ ร ะ ต ำ ห นั ก ทั ก ษิ ณ
ราชนเิ วศน ์ ท้ังย่านลิเภา กระจูด ผ้าปัก และเซรามิคท่ีมีการเขียนลวดลายอย่างสวยงาม นอกจากนี้
ชาวไทยมุสลิมทางใต้เขามีเอกลักษณ์คือเรือกอและก็ทรงมีพระราชดำริว่าให้ทำลำเล็กมีการเขียน
ลวดลายลงบนเรือ สามารถขายให้ผู้ที่ชื่นชอบนำไปตกแต่งบ้านเป็นเคร่ืองประดับห้อง หรือใช้ใส่ขนม
วางบนโต๊ะก็ได้ พระองค์ก็ทรงส่งเสริมให้มีการประกวดอีกเช่นกัน เพ่ือท่ีจะได้ต้ังใจใช้ฝีมือในการทำ
อยา่ งเต็มท ี่ ไม่เชน่ น้นั กจ็ ะสญู หายไป สว่ นช้นิ ที่เขาทำมาขายอาจจะไม่ละเอียด กแ็ ลว้ แต่เขาค่ะ

ทรงสง่ เสริมการทำยา่ นลิเภา หนง่ึ ในศิลปาชีพสำคัญ

สำหรบั ยา่ นลเิ ภานนั้ ชาวภาคใตท้ ำกนั มานานแลว้ ตง้ั แตส่ มยั โบราณเลย ทรงพบวา่ ในสมยั รชั กาล
ท่ี ๕ ก็มีการทำย่านลิเภาแล้ว โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพบกล่องท่ีทำจาก
ย่านลิเภาสีน้ำตาลเป็นรูปทรงหนังสือ มีสันหนาและโค้ง และเปิดข้ึนมาได้ ภายในกล่องทำเป็นขอบ
ขึ้นมาสำหรับเก็บของ ซ่ึงเป็นของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สวยงามและทำด้วยฝีมือที่ละเอียด

55-07-003_001-095_W.indd 56 7/20/12 6:33:43 PM

204

มากทีเดียว ตัวมอดไม่กินเลยแสดงว่าเป็นของ
ที่คงทนมาก
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงเห็นว่าเป็นส่ิงท่ีมีค่ามาก ทรงนำเพชรมา
ประดบั และทรงใชเ้ ปน็ กระเปา๋ ทรงถอื และทรงนำ
ไปพระราชทานใหช้ าวบา้ นภาคใตไ้ ดด้ ูซง่ึ กอ่ นหนา้ น้ี
ทางภาคใต้เขาจะใช้ย่านลิเภาทำเปน็ ของใชใ้ น
บา้ นเปน็ สว่ นใหญเ่ พราะเปน็ วสั ดซุ ง่ึ เหนยี ว โดยทำ
เป็นตะกร้าจ่ายตลาดบ้างตะกร้าหมากบ้าง
เปน็ หมวกบา้ ง หรอื เปน็ กรงนกบา้ ง แตภ่ ายหลงั
จากท่ีชาวบ้านได้ดูกระเป๋าท่ีพระราชทานให้
ดูแล้วช่วยให้ชาวบ้านได้เกิดความคิดสร้างสรรค์ผลิตย่านลิเภาออกมาเป็นกล่อง เป็นกระเป๋า
ที่มรี ปู รา่ งตา่ งๆ กนั มากมาย รวมทงั้ มีความละเอียดประณีตมากข้นึ
เคล็ดลับในการทำย่านลิเภานั้นขึ้นอยู่กับการเลือกเส้นท่ีแก่พอดี ถ้าเส้นท่ีแก่เกินไปก็กรอบ
เส้นที่อ่อนเกินไปก็อยู่ไม่ทน เพราะฉะนั้น ต้องรู้ว่าต้องเลือกเส้นแบบไหน แต่ชาวบ้านเขารู้นะคะ
ทรงยกย่องชาวบ้านเสมอ รบั สั่งว่าเราไม่ต้องไปสอนชาวบ้านหรอก เพยี งแต่เราไปช้แี นะเขาเรอื่ งรปู แบบ
วา่ ถา้ ทำอยา่ งน้แี ล้วคนในเมืองเขาจะชอบ กจ็ ะขายได้
ยา่ นลเิ ภา เปน็ เถาไมย้ าว ขนึ้ ตามธรรมชาตใิ นภาคใตท้ เี่ ปน็ ปา่ ชมุ่ ชน้ื ทกุ แหง่ ขนึ้ ในทรี่ กๆ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในสวนยางที่เป็นท่ีชุ่มช้ืน เพราะว่าต้นยางใบปกคลุม แดดส่องลงมาได้น้อย นครนายกก็มี
แต่เป็นคนละพันธุ์กัน เป็นไม้ที่ปลูกขึ้นยาก หรือถ้าข้ึนก็เส้นเล็ก แต่เส้นที่เอามาจักสานจะต้องมีความ
ยาวมากกวา่ ๑ เมตร และไมม่ ขี อ้ เลย
เมื่อทรงส่งเสริมให้ชาวบ้านจักสานย่านลิเภา ก็รับส่ังว่าต้องรักษาย่านลิเภาไว้ และทรงเช่า
สวนยางทม่ี ยี า่ นลเิ ภาขนึ้ เอาไวใ้ หช้ าวบา้ นทท่ี ำอาชพี จกั สานยา่ นลเิ ภาไดเ้ กบ็ มาใช้ โดยชาวบา้ นทเี่ ปน็
สมาชิกของศิลปาชีพทุกคนที่ทำย่านลิเภาสามารถเข้าไปเก็บได้ค่ะ ปัจจุบันน้ีพระองค์ก็ยังทรงเช่าอยู่
หลายร้อยไร่ บ้านใครมีพื้นท่ีเท่าไหร่ก็เช่าเท่าน้ัน การที่สีของย่านลิเภาจะเป็นสีดำ สีน้ำตาลอ่อน
หรือน้ำตาลแก่ ขึ้นอยู่กับพ้ืนท่ีๆ ปลูกค่ะ สีท่ีหายากคือสีน้ำตาล ถ้าอยากได้ย่านลิเภาสีน้ำตาล
เราก็ตอ้ งไปหาเชา่ ตรงทน่ี ั้นๆ เพื่อจะไดส้ ีน้ำตาลมาสานเปน็ ดอกคะ่

55-07-003_001-095_W.indd 57 7/20/12 6:33:46 PM

205

ในชว่ งแรกๆ ทย่ี งั ไมไ่ ดท้ รงสอนวธิ เี กบ็ ยา่ นลเิ ภา
ชาวบา้ นเขาจะถอนยา่ นลเิ ภามาหมดกอเลย แลว้ กม็ า
เลือกเอาเสน้ ท่จี ะใชไ้ ด้ที่บา้ น จึงทรงสอนโดยเสดจ็ ฯ
เข้าไปในป่าเอง และทรงพาครูมาสอนการเก็บ
ย่านลิเภาให้ชาวบา้ นด้วย ครูสอนชาวบา้ นวา่ ให้ตัด
เฉพาะเส้นท่ีใช้ได้แล้วดึงออกมา ไม่ให้ถอนออกมา
ท้ังกอ เพราะถ้าถอนทั้งกอต่อไปก็จะหมด
เช่ือไหมคะเม่ือ ๔๐ ปีท่ีแล้วชาวบ้านหัวเราะ
บอกว่าย่านลิเภามีเยอะแยะไม่ต้องกลัวว่าจะ
หมดหรอก เดินไป ๒ ก้าวก็เจอแล้ว จะเอาเท่าไหร่
ก็มี พระองค์รับสั่งว่ามีมากก็จริง แต่อีกหน่อย
คนจะทำเครื่องใช้ต่างๆ จากย่านลิเภากันมากขึ้น
จะทำให้มีเหลือน้อยลงทุกทีๆ เพราะฉะนั้น
ต้องสงวนและอนุรักษ์เอาไว้ ปรากฏว่าจริง
ของพระองค์ค่ะ เด๋ียวนี้บ่นกันว่าย่านลิเภาหายาก
ตอ้ งเดนิ เขา้ ไปในปา่ ลกึ บางทไี มม่ ตี อ้ งหาลกึ เขา้ ไปอกี
เสยี่ งต่อการถกู งกู ดั

พระองค์ทรงตระหนักว่าถ้าสนับสนุนอะไรแล้วต้องมีวัตถุดิบ แล้วเม่ือคนทำมากขึ้นก็ยิ่งต้อง
อนุรักษ์เอาไว้ สวนยางที่ทรงเช่าเอาไว้เป็นปีๆ เลย ชาวบ้านได้ค่าเช่าสวนยางมากกว่าค่ายางเสียอีกค่ะ
และชาวบ้านบางรายบอกค่ายางไม่คุ้มหรอกที่เขาจะไปกรีดยาง ต้องตื่นต้ังแต่ตี ๓ ตี ๔ บางคร้ัง
ก็ขายไม่ได้ราคาดี เลยปล่อยให้มันรกๆอยู่ เราก็บอกงั้นเราจะเช่า อย่าให้ใครไปถางนะ และช่วย
เก็บย่านลิเภาให้ด้วย แต่วิธีการเก็บต้องทำอย่างถูกวิธีตามท่ีพระองค์ทรงให้ครูมาสอน เดี๋ยวน้ีชาวบ้าน
ก็เชอ่ื เราโดยต้องเก็บบอ่ ยๆ เลอื กเฉพาะเส้นทแี่ ก่พอด ี ซงึ่ อาจจะเก็บไดว้ นั ละไมก่ เี่ สน้ แตจ่ ะช่วยใหเ้ ขามี
ย่านลิเภาไวใ้ ชไ้ ด ้ เดย๋ี วนเี้ ขารูแ้ ล้วว่ากวา่ จะยาวข้นึ มา ๑ เมตร ตอ้ งใช้เวลานาน

ทรงพัฒนาผลติ ภณั ฑศ์ ลิ ปาชีพด้วยความเต็มใจของผู้สร้างสรรค์

พระองค์ทรงมีวิธีการที่จะให้ชาวบ้านปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในส่ิงท่ีทำเพื่อพัฒนาให้ดีย่ิงข้ึน
โดยค่อยๆ ให้เขาเปลี่ยนแปลงอย่างเต็มใจค่ะ เช่นในเร่ืองผ้าของทางอีสาน ที่ทอผ้าแบบต่อหัวต่อเชิง
แล้วนำมาน่งุ เป็นซิ่น ตอ่ มากม็ กี ารพฒั นาตดั เป็นเสือ้ หรอื ผลติ ภณั ฑอ์ นื่ ๆ โปรดให้ทำผ้าหน้ากวา้ งมากขน้ึ
และให้เปลี่ยนเคร่ืองมือท่ีจะทอผ้าให้กว้างข้ึน แต่เราไม่ได้เปลี่ยนทันทีทันใด พระองค์รับสั่งว่าอย่าเอา

55-07-003_001-095_W.indd 58 7/20/12 6:33:48 PM

206

ความยุ่งยากไปให้ชาวบ้าน ชาวบ้าน
เขามีปัญหาและมีทุกข์ในครอบครัว
เขาอยู่แล้ว สารพัดปัญหา อย่าไปสั่ง
แต่ขอให้เขาช่วยทำเพื่อทรงซ้ือ เป็น
รายได้เสรมิ ในยามท่ีทำนาไม่ได้ผล
เพราะฉะนน้ั ถา้ เราไปบอกวา่ ตอ้ งทำ
หน่ึง สอง สาม ส่ี อย่างน้ีนะคะชาวบ้าน
คงบอกโอ๊ยปวดหัว แล้วก็ไม่ทำ โดย
ปฏิเสธตั้งแต่ทีแรกเลย เพราะฉะน้ัน
พระองค์จึงมีพระราชดำริว่า “เขาทำ
อย่างไรก็ให้เขาทำอย่างน้ัน เขาจะได้สบายใจ” พอเขาทำมาแล้วและขายได้เงิน เราช่วยเขา
ระยะหน่งึ แล้วตอ่ มาเราถงึ บอกเขาวา่ “แม่ คนเขาอยากไดผ้ า้ ทหี่ น้ากว้างขึน้ นะ เขาจะไปตดั เสือ้ ตัดชุด
ตัดกระโปรงนะ ถ้าหน้าแคบอย่างนี้เขาตัดไม่พอ ขยายออกไปอีกหน่อยดีไหม” ถ้าชาวบ้านตกลงใจ
ท่ีจะทำผ้าหน้ากว้างขึ้น จากน้ันก็เปลี่ยนเครื่องทอให้โดยที่เราทำไปแจกเขาในนามของมูลนิธิส่งเสริม
ศิลปาชีพฯ เขาก็ทำผ้าหน้ากว้าง เพราะเขารู้แล้วว่าทำแล้วขายได้ เราบอกเขาแค่นี้เอง ส่วนกรรมวิธี
การทำยังเป็นของเขาอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่เปล่ียนเคร่ืองมือให้กว้างข้ึนเท่านั้น เราก็จะได้ผ้าซิ่น
ผืนกว้างท่ีเป็นมาตรฐานของผ้าทั่วไป คือกว้าง ๔๐ น้ิว
อย่างย่านลิเภาก็เหมือนกันนะคะ เขาทำอย่างไรอยู่เราก็ให้เขาทำอย่างน้ัน แต่เม่ือทำได้เงินแล้ว
ก็แนะเขาว่า “ทำให้ละเอียดหน่อยได้ไหม เส้นท่ีทำใหญ่ไป ทำให้ไม่ละเอียด น่าจะผ่าให้เส้นเล็ก
ลงไปอีก ทำเป็นกล่องกลมบ้าง เหล่ียมบ้าง ห้าเหลี่ยม แปดเหล่ียม ส่ีเหล่ียมตัดมุมบ้าง”
จนถึงเดี๋ยวนี้ไม่ต้องบอกเลย ชาวบ้านเขาจะพัฒนาของเขาไปเอง แล้วเขาคิดได้สวยด้วย อย่างถ้า
ออกแบบเป็นสี่เหล่ียมแล้วตรงลงมาเขาจะรู้สึกว่าธรรมดาไปเสียแล้ว เขาจะออกแบบแปลกๆ บางที
ขา้ งบนมองเปน็ สเี่ หลยี่ มแตข่ า้ งลา่ งมน แปลกมากเลยนะคะ แลว้ เขากเ็ อามาถวาย ทรงตนื่ เตน้ วา่ ไมต่ อ้ งไป
บอกเขาเลยเขามคี วามคดิ สรา้ งสรรคใ์ นตวั แลว้ ตอนนเี้ ขาสบายแลว้ ความทกุ ขต์ า่ งๆ ไดร้ บั การบรรเทา
เพราะฉะนัน้ ศลิ ปะต่างๆ จงึ ออกมาจากความคดิ ของเขาเอง

สมาชกิ ศิลปาชีพมคี วามผูกพันกบั พระองค์

ในสมัยเริ่มแรกท่ีทรงส่งเสริมเร่ืองศิลปาชีพ ยังไม่ได้ทรงต้ังเป็นมูลนิธิก็ทรงใช้พระราชทรัพย์
ส่วนพระองค์และจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ต่อมาเมื่อทรงต้ัง “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ

55-07-003_001-095_W.indd 59 7/20/12 6:33:49 PM

207

ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ” ขึ้น จึงมีผู้มีจิตศรัทธามาถวายเงินเข้ามูลนิธิฯ ค่ะ
นอกจากน ี้ กม็ ีรายไดจ้ ากการขายผลิตภณั ฑข์ องมูลนิธิฯ ทเี่ กดิ จากฝีมือของสมาชิกศิลปาชพี
สำหรับการส่งผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพไปขายต่างประเทศนั้น เราไม่ได้ส่งออกเอง แต่มีหลายคน
ท่ีเขามาซื้อสินค้าศิลปาชีพ เช่น ดอกไม้ประดิษฐ์หรือผ้าไหมจากเราไป แล้วเขาก็เอาไปทำเป็นสินค้า
สำเร็จรูปขายท้งั ในประเทศและตา่ งประเทศ เชน่ ทำเปน็ เส้ือ และเครือ่ งใชต้ ่างๆ

สมาชิกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ มีความผูกพันกับพระองค์ ถ้าเขาเดือดร้อน และ
เขาเขียนจดหมายสง่ ขา่ วมา เรากต็ อ้ งตามไปดแู ล เพราะว่าชาวบา้ นจะมีความรูส้ ึกว่าพระองคท์ รงช่วย
เขาได้ เขาจะรสู้ กึ วา่ เขาเหมอื นคนในครอบครวั ของพระองค์ เพราะฉะนน้ั เขามที กุ ขห์ รอื สขุ เขากบ็ อกมา
ถ้าเขาหายแล้ว เขาก็ส่งจดหมายมากราบบังคมทูลฯ บางรายลูกเขาเจ็บหนัก พระองค์ทรงช่วยไว้
เมื่อหายแล้วเขาสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ก็มาถวายพระพร บางรายส่งจดหมายมา เขียนด้วย
ลายมือของเขาเองเพื่อถวายพระพรในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาบ้าง ปีใหม่บ้าง แล้วแต่เทศกาล
เขากจ็ ะตดิ ตอ่ เขา้ มาถงึ พระองค์ตลอด

สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรม
ราชินีนาถ ทรงมีพระเมตตาต่อ
สมาชิกศิลปาชีพเป็นอย่างยิ่ง
ทรงดูแลทุกอย่างเหมือนเป็นลูก
ของพระองค์ อีกท้ังยังทรงดูแล
ญาตพิ น่ี อ้ งของเขาดว้ ย ซง่ึ รวมแลว้
มีราษฎรจำนวนมากหลายแสนคน
ทว่ั ประเทศทพ่ี ระองคท์ รงดแู ลอยา่ งดี
อยา่ งเชน่ เมอ่ื ตอนนำ้ ทว่ มใหญป่ ลายปี
๒๕๕๔ ท่ีผ่านมา ก็พระราชทาน
เงินช่วยเหลือแก่สมาชิกศิลปาชีพ
ทบี่ า้ นถูกน้ำท่วม

ทรงจัดทำฟาร์มตัวอย่างรองรบั ประชาชนท่ีตกงาน

นอกจากงานศิลปาชีพที่เป็นงานศิลปะและงานหัตถกรรมแล้ว พระองค์มีพระราชดำริให้สร้าง
งานข้ึนมาในชนบท โดยทรงจัดทำ “โครงการฟาร์มตัวอย่าง” เพ่ือให้ประชาชนท่ีตกงานจาก

55-07-003_001-095_W.indd 60 7/20/12 6:33:53 PM

208

กรงุ เทพฯ ได้เข้ามาทำงานรบั จา้ ง
ในฟาร์ม เนื่องจากในช่วงภาวะ
วิ ก ฤ ต เ ศ ร ษ ฐ กิ จ โ ร ง ง า น ปิ ด ไ ป
หลายโรง จากเศรษฐกิจอย่างน้ี
ชาวบ้านกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่
และก็ต้องหางานทำ ซ่ึงงานก็มีอยู่
จำกัด ไม่พอรองรับสำหรับคนที่
กลับไปจึงทรงต้ังฟาร์มตัวอย่างข้ึน
มาโดยทรงหาท่ีในท้องถ่ินน้ันและ
ให้ทำการเกษตร มีการเล้ียงเป็ด
เล้ียงไก่ ปลูกผัก มีทุกอย่าง โดยท่ี
รฐั บาลจนี ไดถ้ วายพนั ธเ์ุ ปด็ อเี้ หลยี ง
กับหมูจินหวั มาใหพ้ ระองคเ์ พ่อื เลย้ี งในฟารม์ ตัวอยา่ งตามพระราชดำริ
พระองค์รับส่ังว่า คนตกงานกันมากด้วยภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แม้เทคโนโลยีสมัยใหม่อาจใช้
คนเพียงคนเดียวเล้ียงเป็ด เลี้ยงไก่ ตั้ง ๒,๐๐๐ ตัว แต่พระองค์ไม่โปรดอย่างนั้น มีพระราชประสงค์
ใหค้ นเขา้ มารบั จา้ งทำงานในฟารม์ เพอื่ เขาจะไดม้ าเรยี นรวู้ ธิ กี ารทำงานในฟารม์ แลว้ เขากไ็ ดค้ า่ จา้ งรายวนั
ถ้าสมมุติว่าเขาไม่อยากอยู่ที่ฟาร์มน้ี อยากจะกลับไปทำงานที่บ้าน ก็จะสามารถกลับไปทำได้โดยมี
ความรตู้ ดิ ตวั ไป ซงึ่ ทฟ่ี ารม์ ตวั อยา่ งจะมนี กั วชิ าการสอนวชิ าการสมยั ใหมใ่ หเ้ ขาทราบ เปน็ พระราชประสงค์
วา่ การรบั คนเขา้ มารบั จา้ งทำงานกเ็ สมอื นสอนใหเ้ ขาไดร้ บั รวู้ ชิ าการทจ่ี ะนำไปทำหากนิ ดงั พระราชดำรสั
ทพ่ี ระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ งๆ ทเี่ ข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชยั มงคล ในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา
เม่ือวนั ท ่ี ๑๑ สงิ หาคม ๒๕๔๖ ความตอนหนึง่ ว่า

“...ที่ฉันทำฟาร์มตัวอย่างนี้ เพื่อสอนชาวบ้านให้สะสมอาหารเพ่ิมขึ้น จะได้
ไม่มีปัญหาเร่ืองอาหารการกิน และทำฟาร์มตัวอย่าง อย่างท่ี ๒ คือต้องการให้
ทุกๆ คนท่ีข้าพเจ้าพบปะได้มีอาชีพ มีทางทำมาหากิน คือรับเขาเข้ามา แล้วจ่ายเงิน
ให้เขาเป็นลูกจ้างในฟาร์ม เวลาเดียวกันเขาก็เห็นวิธีเล้ียงเป็ด เล้ียงแกะ เล้ียงอะไร
ทั้งหลายอย่าง ได้เงินและได้ค่าจ้างทุกวัน ข้าพเจ้าก็บอกว่าต้องการคนงานมากๆ
เพือ่ ให้เขาเหลา่ น้ไี ดม้ งี านทำ... ”

55-07-003_001-095_W.indd 61 7/20/12 6:33:54 PM

209

รบั สั่งวา่ คนกบั ป่าอยู่ร่วมกันได้

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม
ราชินีนาถ ทรงสนพระราชหฤทัย
ด้านการเกษตร ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม
มานาน และเสด็จพระราชดำเนินตาม
รอยเบื้องพระยคุ ลบาท พระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัวมาอย่างต่อเน่ือง เดิมน้ัน
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงมอบ
ให้พระองค์ดูแลคนสูงอายุ ผู้หญิงและ
เด็ก ดูแลสุขภาพอนามัย ความเป็นอยู่
การศึกษาเล่าเรียน ต่อมาเม่ือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจำเป็นต้องพักผ่อนพระวรกาย
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจึงทรงรับงานด้านการเกษตร ป่าไม้ แหล่งน้ำ ชลประทาน
จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลทางโทรศัพท์เสมอ เหมือนกับถวายรายงาน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะพระราชทานคำปรึกษา ทั้งสองพระองค์จึงทรงงานเพ่ือช่วยเหลือ
ประชาชนไปในทศิ ทางเดียวกนั
โครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้ และการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมของพระองค์จะเช่ือมกัน
เป็นลูกโซ่ ท่ีทรงให้รักษาป่า ไม่ใช่ว่าจะรักษาไว้ให้สัตว์ป่า หรือจะให้คนได้ไปเท่ียวป่า แต่เป็น
เพราะป่าเป็นต้นน้ำ และที่พระองค์รับสั่งเสมอว่าบ้านเมืองเราไม่ได้มีหิมะละลายจากภูเขาลงมา
เป็นน้ำให้เราได้ใช้เหมือนอย่างบางประเทศที่มีหิมะ ของเราต้องพ่ึงฝนเพียงอย่างเดียว
ถ้าฝนไม่ตกเราก็ไม่มีน้ำใช้ ถ้าเราจะเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืดก็มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ดังน้ัน
จึงทรงมองการณ์ไกล ให้เรารักษาแหล่งต้นน้ำไว้ รวมถึงแม่น้ำลำคลอง บางที่เสด็จฯ ผ่านเข้าไป
ในหน้าแล้งน้ำแห้งเลย เพราะว่าหน่ึงตื้นเขิน และสองป่าต้นน้ำหายไป ตามธรรมชาติรากต้นไม้อุ้ม
น้ำเอาไว้ให้ แล้วพอถึงเวลาก็คายน้ำออกมา เพราะฉะน้ันป่าสำคัญมาก เม่ือมีป่า สัตว์ก็จะมาเอง
แล้วพืชสมุนไพรก็อยู่ในป่า เวลาชาวบ้านถูกงูกัด เขาไม่ว่ิงไปหาหมอเอาเซรุ่มหรอกค่ะ เขาใช้สมุนไพร
ของเขา ชาวบา้ นจะรดู้ มี ากเลย ดงั พระราชดำรสั ทพี่ ระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ งๆ ทเี่ ขา้ เฝา้ ฯ ถวายพระพร
ชัยมงคล ในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันท่ี ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๕ ความตอนหน่งึ ว่า
“...ข้าพเจ้าขอช้ีแจงว่า เพราะเหตุใดเราจึงควรรักษาป่า ไม่ใช่เพียงเพื่อเป็น
ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเท่าน้ัน แต่เหตุผลสำคัญท่ีสุดคือแหล่งน้ำ... ควรท่ีเรา
ท้ังหลายจะบำรุงรักษาแผ่นดินให้คงความอุดมสมบูรณ์ไว้ ถ้าเรามัวแต่ตักตวง

55-07-003_001-095_W.indd 62 7/20/12 6:33:55 PM

210

ผลประโยชน์จากผืนดิน เช่น เอาแต่
ตัดไม้ขายจนป่าสูญสิ้นไป ใช้ยาฆ่า
แมลง และฆ่าวัชพืชจนดินเสียหมด
หากเรากระทำทารุณกรรมต่อแผ่นดิน
โดยไร้ความสำนึกถึงบุญคุณเช่นนี้
สกั วนั หนง่ึ แผน่ ดนิ แมค่ งตายจากเราไป...
ขณะน้ีเรายังมีเวลาและโอกาส
ท่ีจะฟ้ืนฟูรักษาแผ่นดินแม่ ป่าไม้เป็น
เครอ่ื งบำรงุ ทด่ี ขี องแผน่ ดนิ ประเทศไทย
น้ันอยู่ปลายเขตมรสุม เมื่อลมพัดเอา
ไอน้ำจากทะเลข้ึนมาได้กระทบกับ
ความชุ่มชื้นจากป่าไม้ ไอน้ำก็จะกล่ันตัวเป็นหยาดฝนตกลงมาให้เราได้อาศัย
น้ำจืดไว้ด่ืมใช้ รากของต้นไม้ยังช่วยซับน้ำไว้ใต้ดิน แม้กระทั่งซึมซาบลงไปเป็น
น้ำบาดาล ท่านทราบหรือไม่ว่าผิวดินในป่านั้น มีซากใบไม้และกิ่งไม้ทับถมกันเป็น
ชั้นหน้าดินที่หนาถึงครึ่งเมตร มีความสามารถอุ้มน้ำได้มากกว่าผิวดินธรรมดา ๕ ถึง
๗ เทา่ ถ้าฝนตกหนกั ไมเ่ กิน ๒๘๐ มิลลเิ มตรตอ่ ชั่วโมง ดนิ ในปา่ จะดูดซับน้ำไวไ้ ด้หมด
แตถ่ ้าตกลงบนผวิ ดนิ ธรรมดาเพียง ๖๐ ถึง ๘๐ มลิ ลิเมตรเท่าน้ัน นำ้ ก็จะไหลบ่าแล้ว
ซึ่งเปน็ สาเหตุใหเ้ กิดอุทกภยั ข้นึ ครงั้ แล้วคร้งั เลา่ อย่างท่พี วกเรากเ็ คยทราบกนั ดี...”
ตอนเสด็จฯ ไปภาคเหนือ เสด็จฯ เข้าไปในป่า ชาวบ้านโดยเฉพาะชาวเขาเก่งมากเลยนะคะ
รู้เร่ืองพืชผักเป็นอย่างดี ว่าผักอะไรจะเอามาทำแกงส้ม จิ้มน้ำพริก รับประทานกับข้าว เขาจะเก็บตัว
อย่างมาถวายให้พระองค์ทอดพระเนตร โดยใส่กระบะเรียงรายกันไว้ ส่วนใหญ่เป็นพืชท่ีเราไม่รู้จักเลย
เขาก็จะบอกว่าทำอะไรไดบ้ า้ ง รับประทานแลว้ จะดตี ่อสุขภาพอย่างไร สงิ่ เหล่านถี้ า้ ไมม่ ปี ่ากค็ อื ไม่มี
พระองคร์ บั สงั่ เสมอวา่ คนกบั ปา่ อยรู่ ว่ มกนั ได้ ถา้ เราสอนใหเ้ ขาเขา้ ใจวา่ ปา่ มคี วามสำคญั อยา่ งไร
แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไม่ได้
มีพระราชประสงค์ท่ีจะเอาคนออกจากป่า พระองค์รับสั่งว่าคนกับป่าอยู่ร่วมกันมาต้ังแต่ดึกดำบรรพ์
เมืองต่างหากท่ีมาทีหลัง เม่ือมีคนเกิดมามากขึ้นพ้ืนท่ีป่าก็หายไป แต่ในขณะเดียวกันคนไม่จำเป็น
ต้องมีท่ี ๕๐ ไร่ ๑๐๐ ไร่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงชี้แนะหลัก “ทฤษฎีใหม่” และ
“เศรษฐกจิ พอเพยี ง” ใหเ้ หน็ เปน็ แบบอยา่ งวา่ คนมที น่ี ดิ เดยี วกส็ ามารถอยไู่ ด้ ดว้ ยการทำทต่ี รงนนั้ ใหเ้ กดิ
ประโยชนห์ ลายๆ อย่าง มที ีด่ ินแค ่ ๓ ไร ่ ก็พอแลว้ และสามารถทำ ๓ ไร ่ ให้เกิดประโยชน์ได้

55-07-003_001-095_W.indd 63 7/20/12 6:33:58 PM

211

ดังนั้น จึงรับสั่งอยู่เสมอว่าคนกับป่า
อยู่ร่วมกันได้ โดยคนต้องไม่ทำลายป่า
แต่ว่าเราต้องให้ความรู้กับคนว่าเขาจะใช้
ชีวิตอยู่ในป่าอย่างไร คือเก็บพืช ผัก หรือ
แม้แต่รังมดแดงเขาก็เอามารับประทานได้
อย่างน้ำผึ้งก็เหมือนกัน ชาวบ้านก็เก็บมา
จากปา่ โดยทไี่ มต่ อ้ งไปสอนวธิ กี าร เขาไมต่ อ้ ง
เอาไฟไปจี้ผ้ึงให้แตกรัง นักวิชาการและผู้รู้
ท้ังหลายเขาก็มีวิธีการจะเก็บรังผึ้งได้โดย
ไม่ต้องทำร้ายผึ้ง หรือเอาไฟไปจุดเผา
เมอื่ เผาผง้ึ ปา่ ไมห้ มดไปดว้ ย แตก่ ต็ อ้ งใหเ้ ขารู้
วิธีการท่ีทำแล้วผ้ึงก็ยังอยู่และพร้อมที่จะมา
ทำรังได้อีก ส่ิงเหล่าน้ีผู้รู้ทั้งหลายจะสอน
ชาวบ้านด้วย ชาวบ้านก็จะรับมาและทำอย่างที่ทรงสอน แต่ทรงสอนแบบง่ายๆ ให้เขาเข้าใจว่า
ถ้าไม่ทำเช่นนั้นเราก็หาได้เพียงหนเดียว ถ้าป่าหมดก็คือหมดแต่ถ้าเราเก็บอย่างผู้รู้ก็จะเก็บได้
อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะฉะน้ัน เมื่อป่าหมด ส่ิงเหล่าน้ีก็จะหายไปพร้อมๆ กันกับป่าด้วย ความจริงเราจะได้ตัวยา
อีกมาก ถา้ ไม่ทำลายป่า รับส่ังว่ายาก็อยใู่ นปา่ โปรดที่จะรบั สงั่ กบั ชาวบา้ นในเรื่องท่ีเป็นภูมิปัญญาของ
ชาวบา้ นวา่ เวลาทเ่ี ขาปว่ ยเขาทำอยา่ งไร หนทางไกลอยา่ งนเ้ี ขามวี ธิ หี าหยกู ยาอยา่ งไร ชาวบา้ นกจ็ ะเลา่ ถวาย
วา่ เขาใชอ้ ะไรบา้ ง ซงึ่ เปน็ ความรทู้ ง้ั นนั้ จะทรงจดบนั ทกึ ไวแ้ ละรบั สงั่ วา่ “ปา่ ไมน้ ะ่ สำคญั นะ ตอ้ งเกบ็ เอาไว”้
เพราะหนึ่งเป็นน้ำเล้ียงแผ่นดิน สองเป็นแหล่งอาหารของชาวบ้าน สามเป็นแหล่งพืชสำคัญ ส่ีเป็น
แหล่งยาของชาวบ้านและของเราด้วย ยาบางอย่าก็ต้องใช้สมุนไพรเหล่าน้ีมาสกัดทำนะคะ เดี๋ยวนี้
ทั่วโลกเขาตื่นตัวกันมากในเร่ืองของการใช้ยาสมุนไพร แต่เราตัดไม้ทำลายป่ากันมาก ป่าหายไป
ซ่ึงชาวบ้านเองกจ็ ะบอกเสมอว่ามคี นมาลกั ลอบตัดไม้ทำลายปา่ มาก

ทรงตงั้ หนว่ ย “ราษฎรอาสาสมัครพทิ กั ษ์ปา่ ”

พระองค์ทรงให้ต้ังหน่วยของชาวบ้านเอง เรียกว่า “ราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า” ให้มีหน้าที่
ดูแลรักษาป่า ทรงอธิบายให้เขาเข้าใจถึงผลดีของป่า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านจริงๆ เขาจะรักป่า
เพราะว่าเป็นชีวิตของเขา แต่คนท่ีรู้มากคือคนท่ีเป็นนายทุนนั่นแหละ ท่ีเข้าไปตัดไม้ทำลายป่า

55-07-003_001-095_W.indd 64 7/20/12 6:33:59 PM

212

โดยเอาเงินจำนวนมากไปล่อ ก็น่าเห็นใจเพราะว่าชาวบ้านบางคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์เห็นเงินจำนวนมาก
ก็ตกเป็นเครื่องมือของนายทุน เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงให้มีโครงการเรียกว่า “ฟู๊ดแบงค์”
(Food Bank) ซง่ึ กค็ อื แหล่งอาหารทม่ี อี ยู่ในปา่
ราษฎรหมู่บ้านไหนดูแลรักษาป่าได้ดีมีผลงาน โดยมีกรรมการชุดหน่ึงซึ่งมีทั้งพลเรือน ตำรวจ
ทหาร ขา้ ราชการกรมปา่ ไม้ และคนในจงั หวดั ทม่ี คี วามเกยี่ วขอ้ งเขา้ ไปเปน็ กรรมการเพอื่ ตรวจสภาพวา่ ใน
พน้ื ทน่ี เี้ ขาสามารถดแู ลรกั ษาปา่ เอาไวไ้ ด้ ตรวจเปน็ ปๆี เลยนะคะ ถา้ เหน็ วา่ เขาสามารถรกั ษาปา่ ไวไ้ ดจ้ รงิ ๆ
ไมม่ กี ารตดั ไมท้ ำลายปา่ กพ็ ามาเขา้ เฝา้ ฯ พระองคจ์ ะพระราชทาน “ธงพทิ กั ษป์ า่ ” ทมี่ อี กั ษรพระปรมาภไิ ธย
ส.ก. อนั เปน็ สญั ลกั ษณว์ า่ หมบู่ า้ นนช้ี ว่ ยพทิ กั ษป์ า่ เขาจะภาคภมู ใิ จมาก และจะดแู ลรกั ษาผนื ปา่ นนั้ ไว้
รวมทั้งรักษาชื่อเสียงของหมู่บ้านตัวเองไว้ด้วย ถ้ามีคนจะแอบเข้ามาลักลอบตัดไม้ เขาก็จะออกมา
ตอ่ สู้และไล่ออกไปเลย เมอ่ื ชาวบ้านไลก่ ันเองก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาบกุ รุก
พระองค์พระราชทานธงพิทักษ์ป่าไปเป็นจำนวนมากแล้วทั่วประเทศ หลังจากได้พระราชทาน
ไปแล้วก็ต้องไปตรวจสอบอยู่ตลอดนะคะ ไม่ใช่รับธงไปแล้วไม่สนใจ ปล่อยให้ป่าไม้ถูกทำลายลงไป
ก็ต้องเอาธงคืน แต่ตอนน้ียังไม่มีเรียกคืนจากใคร นอกจากนี้ ถ้าบุคคลไหนเป็นผู้นำในการรักษาป่า
ทเี่ กง่ กลา้ สามารถ ก็มเี ข็มพิทักษ์ปา่ พระราชทานให้เฉพาะบุคคลดว้ ย
อีกเรื่องหน่ึง ที่ทรงห่วงใย คือเด๋ียวน้ีชาวบ้านใช้สารเคมีกันมาก จะทำอย่างไรให้ชาวบ้านได้รู้ว่า
สารเคมีนั้นเป็นอันตรายอย่างย่ิง จะทำให้สภาพแวดล้อมเสียไปด้วย ซึ่งเมื่อก่อนชาวบ้านเขาอยู่ของเขา
ไมไ่ ดพ้ งึ่ สารเคมเี ลย เขาใชแ้ ตส่ ่ิงท่ีมอี ยู่ในธรรมชาตไิ มเ่ ปน็ อนั ตราย

55-07-003_001-095_W.indd 65 7/20/12 6:34:03 PM

213

ทรงหยุดไร่เล่ือนลอยไว้โดยการทำ “สถานีเกษตร”

ก า ร ท ำ ไร่ เ ล่ื อ น ล อ ย โ ด ย
รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นอีกสาเหตุ
หน่ึงท่ีทำให้ป่าเสื่อมโทรม ในอดีต
ช า ว ไ ท ย ภู เ ข า อ า ศั ย อ ยู่ ใ น ท่ี สู ง
ปลกู ขา้ วแลว้ อพยพโยกยา้ ยไปเรอ่ื ยๆ
ทำให้ดินในพื้นท่ีนั้นจืด กว่าดิน
จะหายจืด สะสมแร่ธาตุได้มาก
พ อ จ ะ ป ลู ก ข้ า ว ไ ด้ อี ก ค ร้ั ง ก็ ใช้
เวลาถึง ๗ ปี สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ มีพระราช
ประสงค์ไม่อยากให้เขาเคลื่อนย้ายอีก ไม่ต้องทำไร่เลื่อนลอย จึงทรงให้ทำเป็น “สถานีเกษตร”
นำวิชาการสมัยใหม่เข้าไปช่วยให้เขาได้ทดลองปลูกพืชที่สถานีเกษตร เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับไป
ถางป่าอีก ขณะเดียวกันชาวบ้านก็จะมีรายได้จากการปลูกผักขาย จากการทำเกษตรสมัยใหม่
ทรงหยุดการถางป่าด้วยสถานีเกษตร ซ่ึงพระองค์มีรับส่ังว่า เพราะพระบารมีของพระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยู่หัว จงึ สามารถทรงงานอยา่ งนีไ้ ด้
ที่สถานีเกษตรน้ีเอง หน่วยงานราชการหลายแห่งได้เข้ามาร่วมมือกัน กรมชลประทานดูแล
เรื่องแหล่งน้ำ กรมพัฒนาที่ดินรับผิดชอบเรื่องดิน กรมส่งเสริมการเกษตรแนะนำเรื่องการปลูกผัก
ให้เหมาะกับสภาพดินและฤดูกาล ท้ังหมดนี้ทำให้ราษฎรสามารถเลือกปลูกพืชผักเมืองหนาวได้
หลายชนดิ เช่น พชี สตรอวเ์ บอร์ร ี เบบีแครอท มันฝรงั่ กาแฟ ฯลฯ

ทรงรเิ ริม่ การสร้าง “ปะการงั เทียม” ให้เป็นบ้านของปลา

ชาวบ้านจังหวัดปัตตานีมากราบบังคมทูลว่าเด๋ียวนี้หาปลายาก มีจำนวนน้อยลง ต้องออกไป
ไกลในท่ีน้ำลึกจึงจะมีปลา แล้วเรือของชาวบ้านก็เป็นเรือลำเล็กๆ ออกไปน้ำลึกก็อันตราย นอกจากน้ี
การทำทใี่ หป้ ลาอย ู่ ชาวบา้ นกม็ แี คท่ างมะพรา้ วเอามามดั รวมกนั แลว้ กเ็ อาไปปลอ่ ยในทะเล และมที นุ่ ลอยไว ้
พระองคท์ รงปรกึ ษากบั ผเู้ ชย่ี วชาญกรมประมงวา่ จะทำอยา่ งไรดกี บั สงิ่ ทชี่ าวบา้ นมารอ้ งทกุ ข์ ตอ่ มาจงึ ทรง
ใหจ้ ดั ทำเปน็ โครงการฟน้ื ฟสู ภาพทางทะเล และมกี ารตง้ั คณะกรรมการขน้ึ มาดแู ล การทำ “ปะการงั เทยี ม”
เพ่ือให้ปลาใช้เป็นที่อยู่และวางไข่ ทรงสอนว่าเมื่อมีปะการังเทียมแล้วไม่ใช่ว่าจะให้ชาวบ้านออกไป
หาปลาโดยไม่มีการหยุด ชาวบา้ นต้องรู้วา่ ฤดทู ่ีปลาวางไขค่ วรจะหยุดหาปลา

55-07-003_001-095_W.indd 66 7/20/12 6:34:07 PM

214

การทำปะการังเทียม เขาใช้
ท่อซีเมนต์ใหญ่ๆ ของกรมทางหลวง
ที่เอาไว้ทำถนนมาทำ แต่เป็นท่อที่
ชำรุดใช้การไม่ได้แล้ว กรมทางหลวง
ให้ท่อมาเยอะมาก และใช้ตู้รถไฟซึ่ง
ขึ้นสนิมใช้ไม่ได้แล้วเอามาล้างให้สะอาด
โดยเฉพาะน้ำมันต้องล้างออกให้หมด
ไ ม่ เ ช่ น น้ั น จ ะ ท ำ ใ ห้ สั ต ว์ น้ ำ ต า ย
แล้วหย่อนลงไปในทะเล โดยจะต้อง
ค ำ น ว ณ ว่ า ค ว า ม ลึ ก เ ท่ า ไ ห ร่ แ ล้ ว
ปล่อยไว้ให้เป็นแนว ปลาก็จะมาอยู่ในนั้นเอง จะเป็นท่ีอยู่ของปลาที่จะมาหลบพายุ และออกลูก
ออกหลานมาเป็นปลาให้พวกเราไดม้ มี ากขึ้น เป็นการสรา้ งบ้านให้ปลาและสัตว์นำ้ อน่ื ๆ
พระองค์ทรงเป็นประธานเปิดโครงการน้ี เม่ือคราวเสด็จพระราชดำเนินไปภาคใต้เมื่อ
ปี ๒๕๔๔ ปรากฏว่าปะการังเทียมท่ีปล่อยไปได้ผลดีมาก ชาวบ้านมากราบบังคมทูลพระองค์
ว่าได้ช่วยพลิกฟื้นชีวิตของประชาชนในพ้ืนที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชาวประมงพื้นบ้าน
สามารถหาปลามาขายเพอื่ ยังชพี ไดด้ ขี ึน้ โดยไมต่ อ้ งเสยี่ งชวี ิตออกไปหาปลาไกลๆ อีก เพราะออกจาก
ฝั่งไม่ไกลก็สามารถจับปูปลาได้มากมาย ปลาท่ีเคยหายไปจากท้องทะเลแถบน้ี กลับมาอาศัยอยู่ใหม่
มากข้ึน เป็นการช่วยเหลือชาวประมงเรือเล็กในพ้ืนท่ีซ่ึงไม่สามารถที่จะออกเดินเรือในระยะไกล
ได้อย่างแท้จริง จึงมีการวางปะการังเทียมในทะเลหลายจังหวัดเป็นระยะๆ ท้ังปัตตานี นราธิวาส
สงขลา และได้ขา่ วว่าทจี่ ังหวัดภเู ก็ต ก็กำลงั จะสร้างปะการังเทยี มให้ปลาอยูเ่ ชน่ กันคะ่

“ธนาคารสมอง” แหลง่ รวมภูมปิ ัญญาและประสบการณข์ องผ้เู กษียณอายุ

สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ รบั สง่ั เมอ่ื วนั ท ่ี ๑๑ สงิ หาคม ๒๕๔๓ วา่ ในระบบการทำงาน
มีกำหนดกฎเกณฑ์เร่อื งอายุท่จี ะบอกว่าเกษียณอายุแล้ว แต่พระองค์ทรงเห็นว่าหลายคนยังมีสุขภาพ
แขง็ แรงและมีประสบการณ์ที่จะชว่ ยแผ่นดินได้ ก็เลยรบั สั่งว่าเมืองไทยเราน่าจะมี “ธนาคารสมอง”
ทรงเหน็ วา่ ทา่ นผสู้ งู อายเุ หลา่ นผี้ า่ นประสบการณช์ วี ติ มามาก ทงั้ ในสาขาทเี่ รยี นมา หรอื จากประสบการณ์
ที่ทำงานช่วยให้มีความรู้เฉพาะเร่ืองนั้นๆ มาก บางท่านยังแข็งแรง ยังสามารถใช้ความรู้ได้ ก็น่าจะได้
รับการยกย่อง แล้วก็ขอความรู้จากท่านเหล่าน้ันมาช่วยแผ่นดินต่อไป จึงน่าจะมีธนาคารสมอง
ข้นึ มา ซ่ึงเชอ่ื มน่ั ว่าทกุ คนยงั รกั แผน่ ดนิ น ้ี และเตม็ ใจทำงานเพอ่ื สว่ นรวม อาจไมต่ อ้ งใชก้ ำลงั กาย แตใ่ ชก้ ำลงั
สมองทจ่ี ะชแ้ี นะคนรนุ่ ใหม่

55-07-003_001-095_W.indd 67 7/20/12 6:34:11 PM

215

พระองค์ทรงยกย่องเสมอว่า
คนสมัยก่อนนี้เก่งมาก แต่ก็ไม่ใช่
ทรงว่าคนสมัยน้ีไม่เก่ง สมัยนี้
ย่ิงได้เรียนวิทยาการแขนงต่างๆ
ท่ีทันสมัย แต่ในขณะเดียวกัน
พ ร ะ อ ง ค์ มี พ ร ะ ร า ช ด ำ ริ ว่ า
ไม่ใช่ว่าเราจะนิยมแต่เทคโนโลยี
สมัยใหม่จนเกินไป เราต้องใช้
ภูมิปัญญาและประสบการณ์
ที่มีอยู่แล้วในบ้านเมืองแต่ละ
ท้องถ่ินก็มีไม่เหมือนกัน บ้านเมืองเราเป็นเมืองเกษตรกรรมเราก็ต้องรักษาไว้ เพราะฉะนั้น
พระองคจ์ ึงทรงชีแ้ นะตลอดเวลา

ทรงหว่ งใยประชาชนภาคเหนือประสบปัญหาหมอกควนั

ในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงห่วงใยพสกนิกรในภาคเหนอื เป็นอย่างยิ่ง ท่ีประสบทง้ั ปญั หามลพิษหมอกควันที่รุนแรงมาก และ
ปญั หาภยั แลง้ และขาดแคลนอาหาร รับสัง่ กบั กองงานสว่ นพระองค์ฯ ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เพื่อพระราชทานความช่วยเหลือ เพราะหมอกควันได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและ
ส่ิงแวดล้อมจนอยู่ในสภาวะวิกฤติ จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้หน่วยงานทหารเร่งแก้ไขปัญหา ซึ่งกองทัพ
ภาคที่ ๓ ได้สนองพระราชเสาวนีย์โดยดำเนินการในด้านต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นอย่างดี
รวมถงึ การสรา้ งจิตสำนึกแกป่ ระชาชน เพื่อแกไ้ ขปญั หาในระยะยาวด้วยแล้ว
ส่วนปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนอาหารน้ัน มีรับสั่งให้องคมนตรีหารือหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง
ใหค้ วามช่วยเหลืออยา่ งเรง่ ดว่ นด้วยแลว้ ค่ะ

โครงการอื่นๆ ท่สี มเด็จพระบรมราชนิ นี าถทรงมีพระราชดำริแต่ยังไมม่ ีใครทราบ

พระองค์มีพระราชดำริการดำเนินงานหลายๆ อย่าง ซ่ึงบางคร้ังก็ไม่มีใครทราบ อย่างรายการ
โทรทัศน์ที่ออกมาบอกว่าพืชผักที่ปลอดสารพิษน่ะ จะมีการดูแลอย่างไร ทดสอบอย่างไร ก็เป็น
พระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถกับผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องในวงการโทรทัศน์และ
ทางวิทยุ เพราะขณะนี้โทรทัศน์เป็นส่ือท่ีแพร่หลาย คนดูมาก น่าท่ีจะสอนหรือบอกกล่าวให้ประชาชน
ได้ทราบว่าผลร้ายของสารเคมเี ปน็ อย่างไร และจะต้องสอนวา่ เมอ่ื กนิ เขา้ ไปแล้วจะมีผลอย่างไร

55-07-003_001-095_W.indd 68 7/20/12 6:34:13 PM

216

เรื่องเก่ียวกับป่าที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ ก็พระราชทานพระราชดำริเหมือนกัน คือทรง
พบใครท่ีเข้าเฝ้าฯ และสามารถที่จะเผยแพร่บอกกับผู้ท่ีเกี่ยวข้องได้ ก็จะได้รับส่ังเสมอนะคะ
เรอื่ งใหช้ ว่ ยกนั ดแู ลรกั ษาปา่ เพราะวา่ ป่าคอื ที่เกิดของน้ำ และหวั ใจของบ้านเราคือน้ำ

พระมหากรุณาธคิ ณุ แผ่ไพศาลถึงชาวเขมร

พ ร ะ ม ห า ก รุ ณ า ธิ คุ ณ ใ น ส ม เ ด็ จ
พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มิได้
หยุดอยู่เพียงราษฎรไทย เม่ือครั้งที่ประเทศ
กัมพูชามีปัญหาทางการเมืองในปี ๒๕๒๒
ชาวเขมรได้อพยพมาอยู่ท่ีเขาล้าน จังหวัด
ตราด สมัยนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดตราด คือ
คณุ ปญั ญา ฤกษอ์ ไุ ร มจี ดหมายถงึ หมอ่ มหลวง
เกษตร สนิทวงศ์ เลขาธิการสภากาชาดไทย
ว่าเวลานี้ที่จังหวัดตราดตรงริมหาดเขาล้าน
มีเขมรอพยพมาเป็นจำนวนแสนเข้ามายึด
ชายหาด บางคนเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บมาจากการท่ีต้องเดินทางมาไกล แล้วก็หิวโหย บางคนมีอาวุธ
แตง่ ชดุ สดี ำอยเู่ ตม็ ชายหาด เขาออกไปหาผลไมก้ นิ ตามสวนทง้ั เงาะทงั้ มะมว่ ง ชาวบา้ นตรงนนั้ กเ็ ดอื ดรอ้ น
ทา่ นผู้วา่ ฯ ต้องการความชว่ ยเหลือดา้ นคนเจ็บ ทา่ นว่าบางคนซีดมากเพราะขาดอาหาร

หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ นำจดหมายฉบับน้ันข้ึนทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถซ่ึงขณะน้ันประทับอยู่ที่วังไกลกังวล หัวหิน มีรับสั่งทันทีว่าจะเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยม
ให้เตรียมนม ขวดนม กระติกน้ำร้อน เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเพื่อให้เขาใช้ประทังชีวิต ทางสวนจิตรลดา
มีคลงั พัสดุกท็ รงให้เอาของใส่รถบรรทกุ สบิ ลอ้ ไปสมทบดว้ ย
พระองค์เสด็จฯ โดยเครื่องบินลงที่จันทบุรี แล้วต่อเฮลิคอปเตอร์ไปจังหวัดตราด ทางหน่วย
ทหารทเี่ กย่ี วขอ้ งเหน็ วา่ จะเสดจ็ ฯ กจ็ ดั พนื้ ทโ่ี รงเรยี นบา้ นไมร้ ดู และนำชาวเขมรอพยพทพี่ อจะขนึ้ รถไหวไป
เข้าเฝ้าฯ แต่พอเสด็จฯ ไปถึงก็มีรับสั่งว่าในจดหมายกับที่ทอดพระเนตรไม่เห็นเหมือนกันเลย รับสั่ง
ถามจนกระทั่งได้ความว่าเขาจัดให้อีกที่หน่ึง พระองค์ก็รับส่ังว่าจะเสด็จฯ ไปตรงท่ีจุดนั้น แล้ว
เฮลิคอปเตอร์ก็ไปจนถึง ตอนเฮลิคอปเตอร์จะลงก็ต้องแหวกชาวเขมรออก ตรงน้ันเป็นพื้นที่แฉะ
แลว้ ฝนก็ตกด้วย

55-07-003_001-095_new21_W.indd 69 7/21/12 10:25:36 AM

217

ชนิ กอ่ นจึงค่อยใหเ้ ต็มที่ เสดจ็ พระราชดำเนนิ ลงไปไดก้ ท็ อดพระเนตร
เห็นด้วยพระองค์เองว่าชาวเขมรนั้นซีดและ
เจบ็ ปว่ ย ขาดอาหาร แลว้ กม็ บี าดแผลทข่ี าและเทา้
เดก็ ๆ กด็ ไู มเ่ ปน็ ไปตามอายเุ ลย มแี ตห่ นงั หมุ้ กระดกู
เด็กอ่อนยังกับลูกนก สง่ิ ทพ่ี ระองคท์ รงเตรยี มไป
ใชไ้ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี แลว้ ยงั ทรงชงนมใหด้ เู ปน็ ตวั อยา่ ง
รับสั่งว่าคนขาดอาหารถ้าชงนมให้กินเหมือนคน
ทั่วไปจะท้องเสียหรือถึงแก่ชีวิตได้ ให้ชงเจือจาง
ท่ีสุดแลว้ คอ่ ยๆ ปอ้ นทลี ะนอ้ ย ใหส้ ภาพร่างกาย

วันน้ัน ทรงทิ้งท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ และพวกเราไว้ให้อยู่ทำงานถวาย โดยหา
ที่พักเป็นโรงแรมในเมือง แล้วก็ออกมาปฏิบัติงานตรงน้ี พระราชทานตรากาชาดกลมๆ ติดหน้าอก
พวกเราจึงตั้งแคมป์ติดสัญลักษณ์กาชาดช่วยเหลือทุกอย่างตามที่พระองค์ทรงสั่งการไว้ ช่วยให้
ชาวเขมรอยไู่ ดแ้ ละไม่ไปตามไร่สวนของชาวตราด มีรับสง่ั ว่าดว้ ยมนุษยธรรมเราต้องช่วย เมืองไทยเอง
ก็เป็นเมอื งพทุ ธศาสนา และพระองคท์ รงเป็น “องคส์ ภานายิกาสภากาชาดไทย”

แล้วเม่ือเสด็จฯ กลับพระตำหนักท่ีวังไกลกังวลก็ยังทรงส่งของมาอีกเป็นระลอกๆ ทรงให้เย็บ
ธงกาชาดผืนใหญ่ สมเด็จพระเทพรัตราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับส่ังว่าพระองค์ทรงช่วย
เยบ็ ดว้ ย ตอนหลงั สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถยงั รบั สง่ั ใหข้ า้ ราชบรพิ ารผลดั เวรกนั มาทำงาน
ถวายอีกหลายคนเปน็ เวลาหลายป ี

บรรดาข้าราชบริพารที่ผลัดเวรกันมา ได้ช่วยกันเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นจำนวนมาก ถึงเวลา
กินอาหารกจ็ ับเด็กๆ มาน่งั เรยี งแถว มีชามสงั กะสีทซี่ ื้อมากบั ชอ้ น ตกั ป้อนอาหารให้จนอิม่ นมทชี่ งปอ้ น
เด็กเลก็ ก็ทำตามทพี่ ระองค์ทรงทำให้ด ู จนเดก็ ๆ รอดชีวิตในท่สี ดุ

แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมา ๓๐ กว่าปีแล้ว ดิฉันยังจำภาพของชาวเขมรอพยพนับแสน
บนแผ่นดินไทยครั้งน้ันได้อย่างชัดเจน เขารอนแรมข้ามภูเขามาต้ังไม่รู้กี่ลูก กว่าจะมาถึงแผ่นดินไทย
เห็นเลยว่าเป็นสีดำๆ เคลื่อนไหวลงมาจากภูเขาเพราะแต่งชุดสีดำ กางเกงสีดำ เส้ือสีดำ ผ้าถุงสีดำ
มีไถ้สีดำใส่ข้าวสารคาดเอว แล้วก็มีเสื้อคลุมทับ มีกาน้ำอลูมิเนียม ช้อนส้อมอะลูมิเนียมเสียบ
กระเปา๋ แลว้ ก็มดี บางคนกม็ ีปนื ทั้งเนอ้ื ท้งั ตวั มีแค่นี้

55-07-003_001-095_new21_W.indd 70 7/21/12 10:29:04 AM

218

บางคนพอบอกว่านี่เมืองไทยแล้ว ล้มตึงขาดใจตายต่อหน้าต่อตา เราก็ได้แต่อธิษฐานอย่าให้
เมอื งไทยเปน็ อยา่ งน ้ี เพราะเรามอี งคพ์ ระประมขุ คอื พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ
พระบรมราชนิ นี าถ
ในระหว่างปฏิบัติงานที่ศูนย์เขาล้านนี้ มีเหตุการณ์สะเทือนใจท่ีไม่เคยลืมได้เลย คือเร่ืองราว
ของแม่ลูกท่ีพลัดพรากกัน วันหนึ่งมีแม่ลูกอ่อนเอาลูกมาป้อนนม เขามองเข้ามาในพื้นท่ีที่เราเล้ียง
เด็กกำพร้าแล้วก็ร้องว่า น่ันลูกเขา ลูกคนโต แม่เห็นลูก ลูกเห็นแม่ก็เข้ามากอดกัน เราจับมานั่งซักก็ได้
ความว่าเขาเดินเข้ามาเมืองไทย ตอนนั้นอาหารและน้ำมีน้อย เขาเลี้ยงลูกได้แค่คนเดียวต้องท้ิงคนหนึ่ง
จะท้ิงคนไหนดี คนโตมคี วามรู้สึกมชี วี ิตจติ ใจแลว้ คนเล็กคล้ายกบั ยงั ไมร่ ู้เรอ่ื ง จะทงิ้ คนเล็กดีไหม คิดอีก
ทคี นไมร่ เู้ รอ่ื งอาจชว่ ยตวั เองไมไ่ ด ้ กเ็ ลยตดั สนิ ใจเลอื กคนเลก็ ปลอ่ ยคนโตไปตามยถากรรม พอลกู หลบั เขา
ก็อุ้มคนเลก็ เดนิ หนมี าเลย แล้วกผ็ า่ นแดนออกมาได ้ จนมาเจอกันทศ่ี ูนยเ์ ขาลา้ นนี ้ เป็นเร่ืองทเี่ ศรา้ มาก
ภายหลังชาวเขมรอพยพจากศูนย์เขาลา้ น จังหวดั ตราด ได้ย้ายไปที่จังหวัดสระแกว้ เด็กท่กี ำพรา้
มปี ระเทศทสี่ ามรบั ไป ในวนั เดนิ ทางหลายคนแตง่ กายชดุ ทไี่ ดร้ บั พระราชทาน โดยมที า่ นผหู้ ญงิ สปุ ระภาดา
เกษมสันต์ นำคณะข้าราชบริพารท่ีร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากับชาวเขมรไปส่งท่ีดอนเมือง ครั้งนั้นได้เสีย
น้ำตากันมากมาย

ทรงจำราษฎรของพระองค์ได้อยา่ งแม่นยำ

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม
ราชนิ นี าถ ทรงจำราษฎรทเ่ี คยเขา้ เฝา้ ฯ
ได้ เวลาเสด็จฯ กลับไปอีกครั้งจะ
รับสั่งถามถึงค่ะ ตอนที่พระองค์เสด็จฯ
ไปท่ีจังหวัดสกลนคร ได้เสด็จฯ ไปที่
บ้านของชาวบ้าน ซ่ึงเป็นการเสด็จฯ
ไปโดยท่ีไม่มีอยู่ในกำหนดการ รับสั่งกบั
ทา่ นผหู้ ญงิ สปุ ระภาดา วา่ อยากจะเสดจ็ ฯ
ออกไปเย่ียมบ้านราษฎรท่ีไม่ไกลนัก
ท่านผู้หญิงฯ ก็เลยพาประทับรถออก
ไปบ้านป้าทุ้ม ป้าไท้ที่หมู่บ้านหนองแข้
ชาวบ้านรู้ก่อนสักครง่ึ ช่ัวโมงได้ค่ะ เมอื่ เสดจ็ ฯ ไปถงึ ชาวบ้านต่นื เตน้ ดีใจกนั ใหญ่เลยนะคะ ประทบั บน
นอกชานบ้านของชาวบา้ นโดยประทบั ไปกับพน้ื บนบ้านของปา้ ทุม้ ป้าไท้

55-07-003_001-095_new21_W.indd 71 7/21/12 10:30:49 AM

219

จากน้ันเขาก็ยกกระด้งไหมมาถวายทอดพระเนตร ส่วนชาวบ้านมาอยู่กันเต็มลานบ้านเลย
ใครรู้ก็วิ่งมาค่ะ แล้วก็รับสั่งให้ชาวบ้านเขาร้องเพลงและรำวงกัน รวมท้ังทรงให้ข้าราชบริพารลงไปร่วม
รำด้วย สนุกสนานกันมากเลย ชาวบ้านยังถามพระองค์ง่ายๆ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่มา
หรือ รับส่ังว่าไม่ได้มาด้วย ชาวบ้านยังบอกเลยว่าพระองค์แอบหนีมา ต่อมารับส่ังว่าจะให้ป้าทุ้มทอผ้า
ถวายและพระราชทานฉลองพระองคใ์ หไ้ ปเปน็ แบบ ซงึ่ เปน็ ฉลองพระองคท์ ที่ รงเคยใสแ่ ลว้ และตดั มาจาก
ผา้ ทท่ี รงซอ้ื มาจากชาวบา้ น ทุกวันนป้ี า้ ทุ้ม ปา้ ไท้ ยงั เกบ็ ฉลองพระองค์ชุดนั้นไวใ้ นพานบชู าอยู่เลย

ตอ่ มาถา้ เสดจ็ ฯ ไปทบ่ี รเิ วณนน้ั อกี กจ็ ะทรงถามถงึ ปา้ ทมุ้ กบั ปา้ ไทว้ า่ เปน็ อยา่ งไรบา้ งสบายดหี รอื เปลา่
ป้าทงั้ สองคนกจ็ ะมารายงานตัวทกุ ปคี ่ะ และจะบอกวา่ สบายด ี ซง่ึ เราก็จะพยายามจดั ใหน้ ั่งข้างหน้า

ทรงชว่ ยเหลอื ราษฎรผยู้ ากไร้ใหม้ ชี ีวติ ความเปน็ อยู่ทดี่ ี

ทุกคร้ังที่ประชาชนท่ีประสบ
ความสำเรจ็ นำลกู มาเขา้ เฝา้ ฯ หรอื
เวลาพระองค์เสด็จฯ ไปทรงเย่ียม
และทรงเห็นว่าสุขภาพอนามัย
เขาดีข้ึนพระองค์ทรงปลื้มพระทัย
นะคะ พระองคร์ บั สง่ั วา่ ไดท้ รงชว่ ย
ให้เขามีความสุขแล้วสบายใจ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาดิฉันได้พบ
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมาก
ทีเดียว เดี๋ยวน้ีเวลาตามเสด็จ
อ อ ก ไ ป ใ น พ้ื น ท่ี ช น บ ท ต่ า ง ๆ
จะพบว่าประชาชนมีสุขภาพดีข้ึน หน้าตาย้ิมแย้มแจ่มใส เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านข้ึน ท่ีจนมากๆ
เด็กมอมแมม เสื้อผ้าของลูกขาด ไม่มีใส่ หรือเส้ือผ้าสกปรก มีน้อยมาก หรือว่าเป็นโรค
ที่ร้ายแรง ก็ไม่ค่อยมี ไม่เหมือนเมื่อก่อนประเด๋ียวก็พบคนหน่ึง เด๋ียวนี้บ้านช่องเรียบร้อย ส่วนลูก
ก็ได้เล่าเรียนหนังสือสูงข้ึน คนป่วยที่มาตรวจรักษากับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ก็มีไม่มากเหมือน
เมือ่ ก่อน โรคร้ายๆ ทุเลาลงไปมาก
ดิฉันอยากจะพูดว่า พระองค์ทรงช่วยเหลือราษฎรผู้ยากไร้ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีข้ึน
เป็นอย่างมาก สิ่งที่เห็นคือทรงช่วยเหลือพสกนิกรโดยเฉพาะที่อยู่ในถ่ินทุรกันดารในทุกๆ
เร่ือง จนมีความเป็นอยู่ดีข้ึน สุขภาพอนามัยดีขึ้น มีเงินสามารถส่งลูกเรียนได้ หน้ีสินก็ค่อยๆ หมดไป

55-07-003_001-095_new21_W.indd 72 7/21/12 10:32:22 AM

220

ไม่เป็นหนี้เป็นสิน ในขณะเดียวกัน
บ้ า น เ มื อ ง เร า ก็ มี ส วั ส ดิ ก า ร ที่ ดี
ให้กับประชาชนมากข้ึนอย่างเช่น
โรงพยาบาลเมื่อก่อนมีแต่โรงพยาบาล
จงั หวดั จะไปกนั แตล่ ะครง้ั ตอ้ งเดนิ ทาง
๕๐−๖๐ กิโลเมตร หรือบางครั้งเป็น
ร้อยกิโลเมตร เด๋ียวน้ีมีโรงพยาบาล
ขนาดเลก็ ทกุ อำเภอและมหี มออยปู่ ระจำ
ทุกแห่ง กค็ งช่วยกันทง้ั สองทางคะ่

ดิ ฉั น คิ ด ว่ า ก า ร ที่ พ ร ะ อ ง ค์
เสด็จฯ ไปในถิน่ ทรุ กันดารอยูเ่ สมอๆ
ทางรฐั บาลและฝา่ ยทเ่ี กยี่ วขอ้ งทต่ี อ้ ง
รบั ผดิ ชอบในแตล่ ะสว่ น เขาคงเหน็ วา่ แมแ้ ตพ่ ระองคย์ งั เสดจ็ ฯ ไปชว่ ยเหลอื ราษฎร เขาเปน็ หนว่ ยงาน
ทอี่ ยตู่ รงนน้ั และมหี นา้ ทโี่ ดยตรงกค็ วรดแู ลเอาใจใสใ่ หม้ าก กเ็ หมอื นพระองคไ์ ปกระตนุ้ ใหเ้ ขากระตอื รอื รน้
ขึ้นนะคะ

ทางด้านถนนหนทางก็ดีข้ึน หลุมบ่อมีน้อยลง แต่ละพระองค์ ไม่โปรดให้ตัดถนนใหญ่มากมาย
ไม่โปรดเลยในการขยายถนน ๔ เลน ๘ เลนในชนบท แต่คนส่วนใหญ่ก็ชอบจะไปตัดถนนอย่างน้ัน
พระองค์รับส่ังว่าในชนบทไม่มีบ้านเมืองไหนที่เขาทำถนนขนาดใหญ่อย่างน้ันนะ เพราะว่าเม่ือ
ทำไปแล้วต้องตัดต้นไม้หมด น่าจะทำถนนแค่ให้ชาวบ้านเขาสามารถเดินทางออกมาขายพืชผัก
ในหน้าฝนได้ หรือเจ็บไข้ได้ป่วยก็ออกมาหาหมอได้ ชาวบ้านบางคนเขาเอาคนเจ็บลงเรือด้วยซ้ำ
ที่ไหนต้องใช้เรือก็จะพระราชทานเรือมาให้ เช่นท่ีบ้านห้วยต้าซึ่งอยู่ในเขื่อนสิริกิติ์ท่ีอุตรดิตถ์
ชาวบ้านต้องเดินทางทางเรือเท่าน้ัน ไปทางอ่ืนไม่ได้ พระองค์ทรงห่วงว่าเจ็บไข้ได้ป่วยจะทำอย่างไร
ถา้ แคเ่ ล็กนอ้ ยกอ็ าจจะรกั ษากันในหมู่บ้านได้ แต่ถา้ ตอ้ งผ่าตดั ละ่ จะทำอย่างไร พระองค์จึงพระราชทาน
เรอื หางยาวใหช้ าวบา้ น และยงั ทรงใหค้ า่ นำ้ มนั เรอื เขาดว้ ย จา้ งคนมาเปน็ คนขบั เรอื และใหไ้ ปเรยี นชา่ งยนต์
ถ้าหากเรือเสียจะได้แก้ได้ ทรงดูแลในรายละเอียดขนาดน้ันทีเดียวค่ะ ทุกวันน้ีมีใครเจ็บไข้ได้ป่วย
ก็ได้ใช้เรอื ลำนน้ั ทีไ่ ด้พระราชทานไว้

พระองคท์ รงชน่ื ชมอยเู่ สมอวา่ คนไทยเรานเ้ี กง่ ไปเลา่ เรยี นทไ่ี หนกม็ คี วามรกู้ ลบั มาชว่ ยบา้ นเมอื ง
เราตอ้ งชว่ ยกนั คนละไมล้ ะมอื เทคโนโลยใี หมๆ่ เรากร็ บั ไดแ้ ตก่ ต็ อ้ งดวู า่ บา้ นเมอื งเรารบั ไดแ้ คไ่ หน อยา่ งไร
เราทันสมัยได้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาความเป็นไทยเอาไว้ด้วย อย่างอาหารไทยนิยมกันทั่วโลก

55-07-003_001-095_new21_W.indd 73 7/21/12 10:33:58 AM

221

ทง้ั สม้ ตำ ตม้ ยำกงุ้ เพราะมสี มนุ ไพรทเ่ี ปน็ ประโยชนท์ งั้ นนั้ เชน่ ขงิ ขา่ ตะไคร้ และมะกรดู ถา้ เรารบั ประทาน
อาหารประเภทนำ้ พรกิ ปลาทู เปน็ อาหารทร่ี าคาถกู มปี ระโยชนส์ งู และไขมนั นอ้ ย แสดงวา่ คนไทยโบราณ
ของเราคดิ สตู รอาหารเกง่ และมคี วามรทู้ างโภชนาการดมี าก พระองคท์ รงยกยอ่ งชาวบา้ นเสมอ รบั สงั่ วา่
“เราได้ปัญญาไดค้ วามรู้จากชาวบ้าน”

พสกนิกรท่ีได้รบั ความชว่ ยเหลือตา่ งน้อมสำนกึ ในพระมหากรุณาธิคุณ

พระองค์ทรงช่วยเหลือพสกนิกรมาแล้วมากกว่า ๔๐ ปี ตั้งแต่ที่ดิฉันได้มีโอกาสเข้ามาถวาย
การรับใช้ใกล้ชิดเบ้ืองพระยุคลบาทก็ทรงเร่ิมโครงการศิลปาชีพ พระองค์ทรงยกย่องอยู่เสมอ
และทรงเชื่อมั่นมากๆ ว่า ชาวนา ชาวไร่ และคนไทยทุกคนมีความสามารถทางด้านช่างอยู่ใน
สายเลือดของความเป็นไทย แต่เขาไม่มีโอกาสได้บอกให้ใครๆ ได้รู้ นอกจากนี้ ความทุกข์
ท ำ ใ ห้ เ ข า ต้ อ ง ท ำ ม า ห า กิ น เ พ่ื อ ป า ก เ พื่ อ ท้ อ ง
ถ้ า เร า ช้ี แ น ะ ใ ห้ เข า มี ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ ที่ ดี ขึ้ น
ปากท้องเขาอ่ิม เขาจะมีงานดีๆ ออกมาให้เรา
แล้วก็จริงของพระองค์ เม่ือเขาสบายอกสบายใจ
เ พ ร า ะ ลู ก เ ข า ท่ี เ จ็ บ ป่ ว ย ไ ด้ รั บ ก า ร รั ก ษ า ดู แ ล
จนหายป่วย การเป็นหนี้เป็นสินได้รับการชดใช้
โดยพระองค์ไม่ได้ไปใช้หนี้ให้เขานะคะ แต่ทรง
ใ ห้ เ ข า มี ง า น ท ำ แ ล ะ มี ร า ย ไ ด้ อ ย่ า ง ส ม่ ำ เ ส ม อ
เช่น ทอผ้าส่งมาขายให้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ
ซ่ึงทรงรับซื้อเขาตลอดเวลาท่ีทำมา พระองค์ทรงเป็นตลาดให้เขาด้วย เขาก็มีเงินไปผ่อนใช้หน้ีท่ีเขา
เคยสรา้ งไว้

การเป็นสมาชกิ ศลิ ปาชพี ชว่ ยใหเ้ ขามรี ายได้เปน็ กอบเปน็ กำพอสมควรท่เี ขาจะนำไปใชใ้ นการ
ดแู ลตวั เอง ดา้ นขา้ วปลาอาหารเราไมค่ อ่ ยหว่ งเขาหรอกนะคะ เพราะเมอื งไทยเราสามารถออกไปจบั ปลา
เดด็ ผักท่ขี ึน้ อยูข่ า้ งรว้ั ก็จะได้อาหารมอื้ หนงึ่ แล้ว ชาวบา้ นเขาจะหาสงิ่ ทม่ี อี ยู่ตามธรรมชาตมิ ารบั ประทาน
เกง่ มากนะคะ ผกั ชือ่ แปลกๆ ที่เราไมค่ ่อยรู้จัก เขาก็เก็บมารับประทานได้ ดังเช่นสภุ าษติ “ในน้ำมีปลา
ในนามีข้าว” กย็ ังใช้ไดอ้ ย่คู ะ่

ต่อมาเมื่อเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บางคนส่งให้ลูกเรียนถึงระดับปริญญาก็มี และเม่ือลูกเรียน
จบแล้วเขาก็ส่งรูปรับปริญญามาให้ทอดพระเนตร และเขียนจดหมายมากราบบังคมทูลฯ พระองค์ว่า

55-07-003_001-095_new21_W.indd 74 7/21/12 10:34:43 AM

222

“ที่พระองค์ทรงช่วยลูกฉัน ตอนน้ี
จบแล้ว รับปริญญาแล้ว” เขา
ภูมิใจมากเลยที่ลูกเขาได้เล่าเรียน
ถงึ ระดบั ปรญิ ญา นอกจากน ้ี บางราย
ก็มาเข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่ีนี่ เขามี
ความกตัญญูมากค่ะ มีพืชผัก
อะไรในบ้านก็เก็บเอามาถวาย
ที่ในวังนี้ และหากเสด็จฯ ไป
ทรงเยี่ยมราษฎร เขาก็จะเก็บของ
มาถวายเช่นกัน มีทั้งผัก มะนาว
ฝรั่ง เงาะ มังคุด แล้วแต่ว่าเขาปลูกอะไรเขาก็นำของน้ันมาถวาย ส่วนพวกเราท่ีตามเสด็จฯ ไปด้วย
เขาก็เอามาฝาก เราบอกว่า“ไม่ต้องเอามาให้หรอก” เขาก็บอกว่า “ของไม่ได้ซ้ือ เป็นของในบ้านจะมา
ขอบคุณ เจอกันมานานเหมือนคนในบ้านน่ะ มาถามทุกข์สุขกัน” เราเองก็รู้สึกว่าเขาเหมือนญาติค่ะ
บางคนพบกนั ตงั้ แตเ่ ขายงั ไมไ่ ดแ้ ตง่ งาน พอแตง่ งานแลว้ มาเจอกนั เรากถ็ ามวา่ มลี กู กคี่ นแลว้ เปน็ อยา่ งไรบา้ ง
ลูกสบายดีหรือ

ทรงหว่ งใยประชาชนทกุ เวลานาที

เวลาทพี่ ระองคท์ รงงานและ
ทรงพบเด็กเลก็ นา่ เอน็ ด ู จะทรงมี
พระอารมณ์แจ่มใสและเอ็นดูเด็กๆ
เสมอ แต่เวลาทรงพบว่าหมู่บ้าน
ไหนท่ีมีคนยากจนมากๆชาวบ้าน
เขามาเล่าความทุกข์ให้พระองค์
รับฟังก็จะทรงกังวลพระทัยค่ะ
ทรงพบปัญหาเรื่องใดพระองค์ก็
ทรงรบั เอามาและทรงทำทกุ อยา่ ง
ไปพร้อมๆกนั เลย แม้วา่ จะกลับมา
พระตำหนักแล้วก็ยังคงทรงส่ังงานต่อค่ะ อย่างเช่นทรงพบว่ามีชาวบ้านคนหนึ่งเป็นวัณโรค ทรงส่งหมอ
ออกไปอกี รอบทนั ทเี พอ่ื ฉดี วคั ซนี ปอ้ งกนั ใหค้ นทง้ั หมบู่ า้ น บางบา้ น มปี ญั หานำ้ ไมพ่ อ หรอื นำ้ ดม่ื นำ้ บรโิ ภคขนุ่
กท็ รงนำตวั อย่างของนำ้ น้นั มาแลว้ สง่ ใหก้ รมวทิ ยาศาสตร์ฯ ตรวจสอบคุณภาพของนำ้ และหาทางแกไ้ ข

55-07-003_001-095_W.indd 75 7/20/12 6:34:42 PM

223

พอได้มาทำงานถวายแล้วความฟุ่มเฟือย
เราหายไปเยอะเลย เพราะรู้ว่ามีคนท่ีเขาลำบากกว่า
เราอีกมากก็ได้นำไปสอนลูกว่าอย่ากินทิ้งกินขว้าง
อะไรที่ไม่จำเป็นก็อย่าไปซ้ือ ต้องรู้จักทำบุญ
เห็นคนทุกข์คนยากต้องช่วยเหลือทำให้เรามีจิตใจดี
เ พ ร า ะ พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง มี พ ร ะ ร า ช ห ฤ ทั ย ท่ี ง ด ง า ม
และพระองค์ก็ทรงห่วงใยประชาชนตลอดเวลา
แมท้ รงพระประชวรกไ็ มท่ รงพกั ซง่ึ ไมไ่ ดพ้ ดู เกนิ ความจรงิ
นะคะพระองค์หายพระราชหฤทัยเป็นราษฎรของ
พระองค์ เราทำงานอยตู่ รงนเี้ ราร ู้ ทรงจำเหตกุ ารณต์ า่ งๆ
ได้อย่างแม่นยำและทรงถามถึงราษฎรอยู่ตลอดเวลา
เชน่ พระองคเ์ สดจ็ ฯ ไปคราวนน้ั คราวนี ้ หลงั จากทรงให้
ความช่วยเหลือแล้วราษฎรเขาเป็นอย่างไร ถามทุกข์สุข
เขาไปบา้ งหรอื เปลา่ เราคน้ กนั เปน็ ระวงิ เลย เพราะบางที
พระองคไ์ มไ่ ดท้ รงจำชอื่ แตท่ รงจำเหตกุ ารณ ์ มอี ยคู่ รง้ั หนงึ่
พระองคเ์ สดจ็ ฯ ภาคใต ้ มผี หู้ ญงิ คนหนง่ึ อมุ้ ลกู มารอ้ งไหก้ บั
พระองค์ แล้วเขาก็เล่าเรื่องอย่างน้ีๆ นะตอนนี้เขาเป็น
อย่างไรบ้าง แล้วเราติดตามหรือเปล่า เราก็ต้องไปหาว่า
ผหู้ ญงิ คนนน้ั เปน็ ใครและตดิ ตามมากราบบงั คมทลู
เพราะฉะนั้น เวลาเสด็จฯ ที่ไหนเมื่อกลับมาเราจะต้องทำรายงาน ซึ่งการจดรายงานของเรา
จะไม่เหมือนรายงานเอกสารทั่วไป ต้องเขียนบรรยายอย่างละเอียดเฉพาะเร่ืองเลยว่าใครมาเข้าเฝ้าฯ
แต่งตวั อย่างไร กราบบงั คมทูลเรอื่ งอะไร บรรยากาศตอนนนั้ เป็นอยา่ งไร เช่น ตอนเสดจ็ ฯ ไปทรงเย่ียม
ราษฎรที่นี้ มีหญิงชาวเขาช่ือนี้วิ่งออกมาจากแถวมากอดพระบาท กราบบังคมทูลขอให้ทรงช่วยเหลือ
เรื่องใด ใสว่ งเล็บด้วยว่าอ้มุ ลกู มาแลว้ รอ้ งไห้ฟมู ฟายกับพระองค ์ อยา่ งนี ้ จึงจะพบว่าเปน็ ใคร เพราะเวลา
ท่พี ระองคร์ บั สั่งถึงจะทรงจำเหตุการณไ์ ด้อยา่ งแม่นยำมาก
พระองคท์ รงจดบนั ทกึ ดว้ ยพระองคเ์ องดว้ ย เมอ่ื เสดจ็ ฯ กลบั พระตำหนกั และทรงมเี วลากจ็ ะทรง
เปิดสมุดส่วนพระองค์ (สมุดทอดพระเนตร) ท่ที รงบันทึกด้วยพระองค์เองเพ่อื ติดตามผล เจ้าหน้าท่ี
กองราชเลขานุการในพระองค์ฯ กับกองศิลปาชีพ ค่อนข้างจะหนาวๆ ร้อนๆ เมื่อทรงเปิดดูว่าท่ีเรา
จดบนั ทึกมาน้นั ละเอยี ดเพยี งพอที่จะตอบคำถามของพระองค์หรือไม่

55-07-003_001-095_new21_W.indd 76 7/21/12 10:41:16 AM

224

“ประชาชนอย่เู ยน็ เปน็ สขุ ” คอื พระราชประสงค์ของพระองค์

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นเสมือนพระแม่ของแผ่นดินไทย ปีน้ีพระองค์
ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษาแล้ว พระองค์ทรงทำทุกอย่างเพ่ือประชาชน บางคร้ังเสด็จฯ
ไปเยี่ยมราษฎรโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ได้ก็จริง แต่ขากลับก็ต้องเสด็จฯ กลับก่อนมืด แต่พระองค์ทรงเห็น
ว่าประชาชนที่มาขอให้พระองค์ทรงช่วยในเรื่องต่างๆ ยังไม่หมดเลย มีอีกเป็นจำนวนมาก พระองค์จึง
ทรงอยูจ่ นมืดคำ่ และประทับกลับทางรถยนต์ ซึง่ ใช้เวลานานกว่าทางเฮลิคอปเตอรม์ าก
กล่าวไดว้ ่าพระองคท์ รงเหนือ่ ยมามาก ทรงทำให้ประชาชนในทกุ เร่อื ง เพ่ือยกระดับคุณภาพชวี ิต
และความเปน็ อยใู่ หด้ ขี น้ึ และมคี วามสขุ ไมว่ า่ จะเปน็ เรอ่ื งขา้ วปลาอาหาร อาชพี เสรมิ เรอ่ื งสขุ ภาพอนามยั
การศึกษา และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซ่ึงเราทั้งหมดแต่ละคนต่างก็มีหน้าท่ี
มคี วามรบั ผิดชอบ ไมว่ า่ จะอยู่ในหน่วยงานใดก็ตาม ถ้าเราซื่อตรงต่อหนา้ ท่ี ทำงานในความรับผิดชอบ
ของเราให้ดที ี่สดุ เพือ่ ช่วยบ้านเมือง ช่วยส่วนรวม ใครทพ่ี อมีก็ช่วยคนที่เขามีนอ้ ย ไมม่ ีความเหน็ แกต่ วั
ไม่โลภ ถ้าทำได้อย่างน้ีจะช่วยให้เราได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน ลูกหลานของเราก็จะอยู่ต่อไปในอนาคต
ขา้ งหนา้ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ แมว้ า่ ชวี ติ ของเราอาจจะไมม่ แี ลว้ แตว่ า่ ประเทศชาตบิ า้ นเมอื งจะตอ้ งอยตู่ อ่ ไป
สง่ิ เหลา่ นจี้ ะคงอยตู่ อ่ ไปตราบนานเทา่ นาน และนา่ จะเปน็ ของขวญั ทด่ี ที ส่ี ดุ ทจี่ ะถวายสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ
พระบรมราชินนี าถ พระองค์ไมไ่ ดต้ ้องการอะไร พระองคเ์ พียงมพี ระราชประสงค์ใหป้ ระชาชนอยู่เยน็
เป็นสขุ ไม่ทะเลาะกัน ประชาชนอยู่ดกี ินดี มีสขุ ภาพอนามยั ด ี และรกั ษาความเป็นอยู่แบบไทยๆ

55-07-003_001-095_W.indd 77 7/20/12 6:34:48 PM

225



พระมหากรณุ าธคิ ุณตอ่ สภาสมาคมสตรแี ห่งชาติ
ในพระบรมราชินูปถัมภ์

สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง มพี ระมหากรณุ าธคิ ณุ ตอ่ สภาสมาคม
สตรแี หง่ ชาติ ในพระบรมราชนิ ปู ถมั ภ์ อยา่ งหาทส่ี ดุ มไิ ด้ เรม่ิ ตงั้ แตท่ รงรบั สภาสมาคมสตรแี หง่ ชาตไิ วใ้ นพระบรมราชนิ ปู ถมั ภ์
เม่ือวันท่ี ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๐๔ จากนั้นพระองค์ได้เสด็จพระราชดำ�เนินมาทรงเป็นประธานในกิจกรรม
ตา่ ง ๆ ของสภาสมาคมสตรแี ห่งชาตฯิ หลายครัง้ พระราชทานพระราชดำ�รสั แก่สภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ถงึ ๓๗ องค์
ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตใหใ้ ชว้ ันท่ี ๑ สงิ หาคม เปน็ “วันสตรไี ทย” ตั้งแตพ่ ุทธศกั ราช
๒๕๔๖ เป็นตน้ มา และยงั พระราชทานพระราชานญุ าตใหใ้ ชด้ อกกลว้ ยไม้ “คทั ลียาควีนสริ ิกิต”์ิ เป็นสญั ลกั ษณ์ประจำ�
วนั สตรีไทยอีกดว้ ย

พระมหากรุณาธิคุณท้ังหลายท้ังปวงน้ี ล้วนเป็นสิริมงคลเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมที่สภาสมาคมสตรีแห่งชาติ
ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และองค์กรสมาชิกจดจำ�รำ�ลึกด้วยความภาคภูมิใจอยู่เสมอมา ในโอกาสที่ได้จัดพิมพ์หนังสือ
“๘๘ พรรษา สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เรียงร้อยรักจากใจไทยท้ังชาติ ”
สภาสมาคมสตรแี หง่ ชาตฯิ จงึ ขอเชญิ พระราชด�ำ รสั บางองคท์ ม่ี เี นอ้ื หาพระราชทานก�ำ ลงั ใจแกส่ ภาสมาคมสตรแี หง่ ชาตฯิ
ให้ดำ�เนินกิจกรรมอันเป็นประโยชน์แก่การทำ�นุบำ�รุงประเทศชาติ และให้สตรีไทยตระหนักถึงความสำ�คัญของตน
ในการเป็นผู้ปลูกฝังคุณธรรมให้แก่สังคมไทยมาเผยแพร่ เพื่อสตรีไทยและผู้อ่านท้ังหลายจะได้ทราบถึงพระราชดำ�ริ
อนั ทรงคณุ ค่าเหลา่ นีส้ บื ไป

หมายเหต:ุ เดมิ สภาสมาคมสตรีแห่งชาตฯิ ใช้ชอ่ื วา่ สภาสตรแี ห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ตอ่ มา เพอ่ื ปฏิบัติตามความในประมวลกฎหมายแพง่
และพาณิชย์ ท่ีได้ตรวจช�ำระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๘๐ บัญญัติให้ใช้ “สมาคม” ประกอบกับช่ือของสมาคม สภาสตรีแห่งชาติฯ จึงได้
จดทะเบยี นใหม่ ใช้ชอ่ื ว่า “สภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถมั ภ์” ตัง้ แตว่ นั ที่ ๒๐ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๓๗ เปน็ ตน้ มา

228

ทรงเปดิ งาน “เคหศลิ ป”์
วนั ท่ี ๑๗ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๖

เสด็จพระราชดำ�เนินมาทรงเปิดงานเคหศิลป์ของสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรม
ราชนิ ูปถัมภ์ ณ เวทลี ลี าศ สวนลุมพนิ ี สมัยหม่อมงามจติ ต์ บุรฉตั ร เปน็ ประธานคนแรก
ของสภาสตรีแห่งชาติฯ

ท่ีมา: หนังสือ “งามจติ ต์ : A Princess with a Heart of Gold” เนอ่ื งในการจดั งานฉลองครบ
๑๐๐ ปี ชาตกาล หมอ่ มงามจิตต์ บรุ ฉัตร บคุ คลสำ�คญั ของโลก ในปี ๒๕๕๘

229

พระราชดำ� รสั

ในพธิ เี ปดิ การประชุมครั้งที่ ๒๖ ของสภาสตรรี ะหวา่ งประเทศ
ณ ศนู ยว์ ัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
วันอังคารที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๓๔

ข้าพเจ้ามีความยินดีท่ีสภาสตรีระหว่างประเทศได้มาจัดการประชุมใหญ่
คร้ังที่ ๒๖ ในประเทศไทย และทราบวา่ เป็นคร้งั ทส่ี องแลว้ ท่ีองคก์ รระดบั โลก
ของสตรีเลือกประเทศไทยเปน็ สถานท่จี ดั การประชมุ

ข้าพเจ้าชื่นชมท่ีท่านท้ังหลายสนใจเร่ืองส่ิงแวดล้อมและทรัพยากร
ธรรมชาติ รวมท้ังก�ำลังมุ่งพัฒนาบทบาทของสตรีในด้านน้ีด้วย ทุกๆ ท่าน
คงซาบซ้ึงดีอยู่แล้วว่าน�้ำจืดเป็นทรัพยากรธรรมชาติท่ีส�ำคัญที่สุดต่อชีวิต
ท้ังหลายในโลก และเป็นทรัพยากรที่หายากย่ิงข้ึนทุกวันในขณะที่
ประชากรของโลกก�ำลังทวีจ�ำนวนขึ้นโดยไม่หยุดย้ังเช่นน้ี ส�ำหรับประเทศไทย
มีป่าไม้เป็นแหล่งผลิตน้�ำจืดหล่อเล้ียงผู้คนพลเมืองของเรามาแต่โบราณกาล
ป่าไม้ของไทยเป็นป่าฝนท่ีช่วยซึมซับน้�ำไว้ทั้งบนพื้นดินและใต้ดิน เป็น
ต้นน�้ำล�ำธารของแม่น้�ำทุกสายในประเทศ หล่อเล้ียงผืนแผ่นดินไทยให้
อุดมสมบูรณ์จนเป็นแหล่งเกษตรกรรมส�ำคัญของโลก ข้าพเจ้าขอกล่าวด้วย
ความภาคภูมิใจว่า ด้วยแหล่งน�้ำท่ีได้จากป่าไม้น้ี เราไม่เพียงแต่จะผลิต
อาหารเลี้ยงพลเมืองไทยประมาณ ๕๖ ล้านคนเท่านั้น ยังสามารถส่งออก
ไปเลี้ยงประชากรโลกส่วนหนง่ึ ได้อกี ด้วย

คนไทยทุกคนตระหนักในความส�ำคัญของป่าไม้ว่ามีประโยชน์นานา
ประการ นอกเหนือจากจะช่วยขจัดอากาศท่ีเป็นพิษ เป็นที่อยู่อาศัยของ
สรรพสัตว์ และเป็นคลังแห่งยารักษาโรคหลายพันหลายหม่ืนชนิดที่เรา
ได้ใช้กันอยู่ ตลอดจนท่ีก�ำลังรอการค้นคว้าวิจัยอีกเป็นจ�ำนวนมากแล้ว
เรายังทราบดีว่าป่าไม้ทรงคุณค่ามหาศาลในการผลิตน�้ำให้แก่เรา น�้ำซึ่ง
เป็นความจ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีวิตของมนุษย์ รวมไปถึงการเกษตรกรรม
อุตสาหกรรม และการพัฒนาต่าง ๆ ของชาติ เราจึงมีการรณรงค์ให้ปลูกป่า
และปลูกต้นไม้ตามสถานท่ีท่ัวไปอย่างขันแข็ง เพื่อทะนุบ�ำรุงสภาพแวดล้อม
อนั จะส่งผลดไี ปถึงชาวโลกท้ังมวลต่อไปด้วย

กิจการใดๆ ก็ตามจะส�ำเร็จลุล่วงไปด้วยดีก็ต้องอาศัยความร่วมมือ
ของบุคคลทุกระดับสังคม ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนไหนของโลก ดังนั้น การท่ีท่าน
ทั้งหลายได้เสียสละเวลามาชุมนุมกัน ณ ที่ประชุมนี้ เพื่อแสดงความห่วงใย
ต่อเพื่อนมนุษย์และร่วมมือกันสร้างสรรค์ประโยชน์แก่โลกทั้งในปัจจุบัน
และอนาคต จึงเป็นสิ่งทค่ี วรสรรเสริญยงิ่

ขา้ พเจา้ ขอเปดิ การประชมุ ใหญค่ รงั้ ท่ี ๒๖ ของสภาสตรรี ะหวา่ งประเทศ
ณ บัดน้ี และขออวยพรให้การประชุมตลอดจนกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีจัดข้ึน
จงบรรลปุ ระโยชนส์ ูงสดุ ดังความม่งุ หมายทกุ ประการ

230

พระราชดำ� รัส

ในพิธเี ปิดการประชุมใหญ่สามญั ประจ�ำปี ๒๕๓๗ ครงั้ ท่ี ๒๓
ของสภาสตรีแหง่ ชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ณ ห้องคอนเวนช่ัน โรงแรมแอมบาสซาเดอร์
วนั อาทิตยท์ ี่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๓๗

ปีนี้รัฐบาลก�ำหนดให้เป็นปีแห่งการรณรงค์เพ่ือวัฒนธรรมไทย
เพื่อปลูกฝังให้คนไทยตระหนักในคุณค่าของวัฒนธรรมไทย ซ่ึงได้สืบทอด
กันมาแต่บรรพกาล ข้าพเจ้าจึงขอให้สภาสตรีแห่งชาติฯ ซึ่งเป็นศูนย์รวม
ขององค์กรสตรีผู้ท�ำประโยชน์เพ่ือชาติ พยายามส่งเสริมให้สตรีไทย
ซ่งึ โดยปกติเปน็ ผู้มหี นา้ ทอ่ี บรมบ่มนิสัยเยาวชนไทยอยแู่ ลว้ ได้เป็นก�ำลังส�ำคัญ
ของชาติในการถ่ายทอดวัฒนธรรมไทย โน้มน้าวชักจูงลูกหลานไทยให้นิยม
ยกย่องวัฒนธรรมไทย ตลอดจนช่วยกันทะนุบ�ำรุงให้เจริญรุ่งเรืองจนเป็น
ทป่ี ระจักษแ์ ก่ชาวต่างชาตสิ บื ไป

ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับคณะกรรมการอ�ำนวยการชุดใหม่ท่ีจะ
มีการเลือกต้ังกันในวาระนี้ และขออวยพรให้คณะกรรมการรวมทั้งสมาชิก
ทุกท่านมีก�ำลังกายก�ำลังใจที่จะปฏิบัติงานได้อย่างเข้มแข็ง ขอให้งานของ
สภาสตรีแห่งชาติฯ ส�ำเร็จลุล่วงไปด้วยดีทุกประการ กับขอให้ทุกท่าน
มคี วามสขุ ความเจริญทงั้ ในหนา้ ที่การงานและชีวิตครอบครวั โดยท่วั กนั

231

พระราชดำ�รสั

พระราชทานสภาสตรแี หง่ ชาติ ในพระบรมราชนิ ปู ถัมภ์
ในการประชมุ ใหญ่สามัญประจำ�ปี ครงั้ ที่ ๒๗
วันท่ี ๑๖ มิถนุ ายน ๒๕๔๓

หน้าที่สำ�คัญของผู้หญิงคือการเป็นแม่ที่ดี สังคมไทยสมัยก่อนมอบหมาย
ให้พ่อออกไปทำ�งานนอกบ้าน ส่วนแม่เป็นหลักอยู่ในบ้าน เป็นผู้ให้ทุกอย่างแก่ลูก
เป็นครูคนแรกผพู้ ร่าํ สอนและปลูกฝังคณุ งามความดใี ห้แกล่ ูก

สมัยนี้ผู้หญิงต้องออกไปทำ�งานนอกบ้านเพ่ือหาเลี้ยงครอบครัวอีกแรงหนึ่ง
แม้ว่าจะเหนื่อยยากสักเพียงใด แต่ผู้หญิงจะต้องรักษาความเป็นแม่ท่ีดีไว้ให้ได้
คอื ตอ้ งสงวนเวลาสว่ นหนงึ่ ไวใ้ หค้ วามรกั ความรู้ และวางรากฐานแหง่ ศลี ธรรมแกล่ กู
เพราะโลกปจั จบุ นั นเ้ี ปน็ โลกแหง่ วตั ถนุ ยิ ม และหลกั สตู รการศกึ ษาในโรงเรยี นกไ็ มไ่ ด้
เน้นวิชาศลี ธรรมเชน่ แต่ก่อน

ข้าพเจ้าขอฝากทัศนคตินี้ผ่านสภาสตรีแห่งชาติฯ ไปยังสตรีไทยท่ัวประเทศ
เพื่อให้ตระหนักว่าหน้าท่ีที่สำ�คัญท่ีสุดและมีเกียรติที่สุดของผู้หญิง คือการปลูกฝัง
คนดีให้แกช่ าตบิ ้านเมือง

ขออวยพรให้การประชุมใหญ่คร้ังน้ี รวมทั้งการเลือกต้ังคณะกรรมการ
อ�ำ นวยการชดุ ใหม่ จงส�ำ เรจ็ ดงั วตั ถปุ ระสงคท์ ต่ี ง้ั ไว้ กบั ขอใหค้ ณะกรรมการตลอดจน
สมาชิกทุกคน เจริญพร้อมด้วยสติปัญญาและจตุรพิธพรชัย เพ่ือจักได้มุ่งมั่นปฏิบัติ
หน้าที่โดยเต็มก�ำ ลังความสามารถตอ่ ไป

232

พระราชด�ำรสั

ในพธิ เี ปิดการประชมุ ใหญ่สามญั ประจ�ำปี ๒๕๔๖ ครงั้ ท่ี ๒๙
ของสภาสตรแี ห่งชาติ ในพระบรมราชนิ ูปถมั ภ์
ณ โรงแรมปรินซพ์ าเลซ
วนั เสาร์ท่ี ๒๘ มถิ ุนายน ๒๕๔๖

ประเทศชาติท่ีร่มเย็นเป็นสุข จะต้องมีพ้ืนฐานมาจากชนในชาติท่ีมี
ความเมตตาเอ้ืออารีต่อกัน และความมีน้�ำใจไมตรีน้ีควรเร่ิมปลูกฝังต้ังแต่
ยังเยาว์วัย พ่อแม่คือคนส�ำคัญท่ีสุดท่ีจะเป็นตัวอย่างในการท�ำความดี และ
ปลกู ฝงั ศลี ธรรมใหเ้ จรญิ งอกงามขน้ึ ในจิตใจของลูก

นี่คืองานส�ำคัญยิ่งท่ีข้าพเจ้าขอฝากผ่านสภาสตรีแห่งชาติฯ ไปยัง
สตรีไทยทั้งมวล คือการอบรมลูกหลานไทยให้เป็นคนดี มีความเมตตา
ต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะถ้าประชาชนตั้งม่ันอยู่ในศีลธรรม ก็จะบังเกิดความ
สงบสุขและปลอดภัย ประเทศชาติก็จะเจริญมั่นคงอย่างถาวร

ขออวยพรให้การประชุมใหญ่ครั้งน้ีจงส�ำเร็จลุล่วงดังวัตถุประสงค์
และขอให้คณะกรรมการ รวมท้ังผู้แทนจากองค์กรสตรีทุกองค์กรมีสุขภาพ
แข็งแรง ปราศจากอุปัทวันตรายใดๆ มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าท่ีการงาน
และมคี วามสขุ ในชวี ิตครอบครวั โดยทั่วกัน

233

พระราชดำ� รัส

ในพธิ เี ปดิ งานโครงการรวมพลังสตรีไทย เทดิ ไท้องค์ราชินี
และพระราชทาน วันสตรีไทย

ณ อาคารใหม่สวนอัมพร กรงุ เทพมหานคร
วันที่ ๑ สงิ หาคม ๒๕๔๖

สตรีไทยในยุคปัจจุบันมีความคิดที่ก้าวหน้าและทันสมัยมากข้ึน
จึงมีส่วนร่วมอย่างส�ำคัญในการพัฒนาประเทศ การส่ังสมภูมิปัญญาของ
สตรีไทยท่ีสืบเนื่องกันมานับแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบันได้ก่อให้เกิด
เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันเป็นความภาคภูมิใจยิ่งของชาวไทย และการท่ีจะ
ธ�ำรงความภาคภูมิใจนี้ไว้ให้ยั่งยืนย่อมเป็นหน้าท่ีของสตรีไทยทุกคนท่ีจะ
ต้องช่วยกันรักษาและเชิดชูเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ ตลอดจน
ภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ ใหส้ ืบทอดไปยงั อนชุ นร่นุ หลงั ตอ่ ไปโดยไม่ขาดสาย

เนื่องในโอกาสวันนี้เป็นวันสตรีไทย ข้าพเจ้าจึงขอฝากความคิดเห็นว่า
สตรีไทยมีหนา้ ท่ีส�ำคญั เบ้ืองตน้ ๔ ประการ คือ

ประการแรก พึงท�ำหน้าท่ีของ “แม่” ให้สมบูรณ์ โดยท�ำให้ครอบครัว
บังเกิดความรักและความอบอุ่น มีความเข้าใจและไว้วางใจซึ่งกันและกัน
แม่ควรเป็นที่ยึดมั่นของลูก เม่ือลูกเกิดปัญหาก็ช่วยแก้ไขด้วยความเมตตา
และสอนให้รู้จักด�ำเนินชีวิตในทางท่ีถูกต้องท่ีควร ถ้าสตรีไทยท�ำเช่นนี้ได้
เด็กไทยก็จะเติบโตเป็นพลเมืองดีและช่วยป้องกันปัญหาร้ายแรงต่าง ๆ
ในสงั คมได้

ประการท่ีสอง พงึ ท�ำหน้าทีข่ อง “แมบ่ ้าน” ให้ดี โดยท�ำให้บา้ นมีความ
น่าอยู่ เป็นที่พักพิงอันอบอุ่นของสมาชิกในครอบครัว ช่วยเก็บออมและ
เพิ่มพูนทรัพย์สินให้ครอบครัว รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ชุมชนรอบข้าง
ตามสมควร

ประการที่สาม พึงรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นสตรีไทย ผู้มีความ
นมุ่ นวล อ่อนโยน สุภาพ เมตตา และย้ิมแย้มแจ่มใส รวมท้ังธ�ำรงรักษาศิลป-
วฒั นธรรมไทยอันละเอยี ด ประณตี ให้เปน็ ทชี่ ืน่ ชมของนานาชาติตลอดไป

ประการที่ส่ี พึงฝึกฝนตนเอง ให้มีความรู้ความสามารถย่ิงข้ึน
ขยัน และอดทน มีความประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย และรักษาความสามัคคี
ในหมูค่ ณะไวใ้ หม้ น่ั คง

หากสตรีไทยทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ทั้ง ๔ ประการนี้ได้ก็จะส่งผล
ให้ครอบครัวไทย สังคมไทย และประเทศชาติมีความสุขความเจริญ น�ำไปสู่
การพัฒนาด้านอื่น ๆ อย่างต่อเน่ือง และสตรีไทยจักเป็นท่ียกย่องช่ืนชม
ของสังคมโลกตลอดไป

234

พระราชดำ� รสั

ในพิธีเปิดการประชุมใหญ่สามญั ประจ�ำปคี ร้ังท่ี ๓๑
ของสภาสตรีแหง่ ชาติ ในพระบรมราชนิ ูปถัมภ์

ณ โรงแรมเดอะแกรนด์ ถนนรชั ดาภิเษก กรุงเทพมหานคร
วันท่ี ๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๙

นับแต่โบราณกาลมาแล้วที่สตรีไทยด�ำรงไว้ซึ่งคุณสมบัติอันส�ำคัญ คือ
ความนุ่มนวล อ่อนโยน และความเมตตากรุณา แต่บัดนี้ทัศนคติของสตรีไทย
บางกลมุ่ ก�ำลงั เปลยี่ นไปอยา่ งนา่ ตกใจ กลายเปน็ นยิ มใชค้ วามรนุ แรงเขา้ มาตดั สนิ
ปัญหา บางครั้งถึงกับข่มเหงรังแกสตรีด้วยกัน ดังเช่น กรณีที่นักเรียนสตรี
หลายโรงเรียนทุบตีท�ำรา้ ยกันดว้ ยสาเหตุเพยี งเลก็ นอ้ ย เปน็ ต้น

แท้ที่จริงความรุนแรงมิใช่วิธีแก้ปัญหา มีแต่จะยิ่งท�ำให้ปัญหาบานปลาย
จนยากจะแก้ไข อีกทั้งมิใช่การแสดงออกถึงความกล้าหาญของสตรีเหมือนดัง
สตรไี ทยในอดตี ไดเ้ คยแสดงความกลา้ หาญไวใ้ หป้ ระจกั ษม์ าแลว้ ยามทบ่ี า้ นเมอื ง
มีภยันตราย เช่น สมเด็จพระสุริโยทัย ท้าวเทพสตรี* ท้าวศรีสุนทร และ
ท้าวสุรนารี ซ่ึงถ้าผู้ใดได้เรียนประวัติศาสตร์ไทยมา ก็คงซาบซ้ึงถึงวีรกรรม
ของท่านเหล่าน้ีดี

ถา้ สตรไี ทยยคุ ใหมน่ มี้ พี ลงั มากพอ กค็ วรน�ำพลงั นนั้ ไปใชเ้ พอื่ ประเทศชาติ
และบ�ำเพ็ญคุณความดีเยี่ยงวีรสตรีสมัยโบราณ กล่าวคือ ไม่เพิกเฉยในคราวท่ี
ประเทศชาติมีอันตราย หรือเห็นความอยุติธรรมเกิดแก่เพื่อนร่วมชาติ ดังใน
จงั หวดั นราธวิ าส ทค่ี รกู อบกลุ รญั เสวะ ถกู ยงิ ตายขณะเดนิ ทางกลบั ไปปอ้ นขา้ ว
แม่ หรือครูจูหลิง ปงกันมูล** ผู้อุทิศตนมาสอนเด็กในพื้นท่ีเส่ียงภัย แต่กลับ
ถกู รมุ ท�ำรา้ ยจนบาดเจ็บสาหสั แทบเอาชีวติ ไม่รอด

ขา้ พเจา้ หวงั วา่ สภาสตรแี หง่ ชาตฯิ ซง่ึ เปน็ ผนู้ �ำขององคก์ รสตรที ว่ั ประเทศ
จะเปน็ ก�ำลงั ใจใหส้ ตรไี ทยรว่ มกนั แสดงพลงั เพอ่ื ใหค้ วามมนั่ ใจกบั เพอื่ นรว่ มชาติ
วา่ คนไทยจะไม่มวี ันทอดท้ิงกนั เปน็ อันขาด

ขอให้การด�ำเนินงานของสภาสตรีแห่งชาติฯ บรรลุความส�ำเร็จดัง
วตั ถุประสงค์ และขออวยพรให้คณะกรรมการ ตลอดจนสมาชิกทกุ คนประสบ
แต่ความสุขความเจริญจงตลอดไป



หมายเหต:ุ * “ท้าวเทพสตร”ี ปัจจบุ ันเป็นท่รี ู้จักในนาม “ท้าวเทพกระษตั ร”ี
** ครูจูหลิง ปงกันมูล ท่ีถูกท�ำร้ายนั้นไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้
จงึ เสยี ชวี ติ ในเวลาตอ่ มา

235



บทสัมภาษณ์ท่านผูห้ ญงิ จรงุ จิตต์ ทขี ะระ
ราชเลขานกุ ารในพระองค์สมเดจ็ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง
โดย
อธบิ ดกี รมการพฒั นาชุมชน
และ
ประธานสภาสมาคมสตรแี ห่งชาติ ในพระบรมราชนิ ปู ถมั ภ์

238

บทสัมภาษณท์ า่ นผหู้ ญงิ จรงุ จติ ต์ ทีขะระ
ราชเลขานกุ ารในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปีหลวง

วนั ท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓

เมอื่ วนั ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ นายสทุ ธพิ งษ์ จลุ เจรญิ อธบิ ดกี รม
การพัฒนาชุมชน และ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภา
สมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ขออนุญาตเข้าพบ
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ทีขะระ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรม
ราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง ท่สี วนจิตรลดา เพ่อื ขอทราบ
ข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับพระราชกรณียกิจด้านการส่งเสริมอาชีพราษฎร
ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี
พันปีหลวง ส�ำหรับน�ำไปประกอบการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
ในงาน“ศลิ ปาชพี ประทปี ไทย OTOPกา้ วไกลดว้ ยพระบารม”ี ประจำ� ปี
๒๕๖๓ และจัดพิมพห์ นังสือ“๘๘ พรรษา สมเด็จพระบรมราชินนี าถ
พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง เรยี งรอ้ ยรกั จากใจไทยทงั้ ชาติ ”
เพ่ือเฉลิมพระเกียรติเน่ืองในมงคลสมัยทรงเจริญพระชนมพรรษา
๘๘ พรรษา วนั ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๓

ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้กรุณาเล่าถึง
พระราชกรณยี กจิ ตา่ ง ๆ จากความทรงจำ� ของทา่ นตามทอี่ ธบิ ดกี รมการพฒั นาชมุ ชนและประธานสภาสมาคมสตรี
แหง่ ชาติฯ ขอสมั ภาษณอ์ ย่างเปน็ กนั เอง ท่านมคี วามทรงจ�ำท่ีแมน่ ย�ำมาก ขอ้ มูลตา่ ง ๆ หลั่งไหลออกมาเหมอื น
เหตกุ ารณ์เพง่ิ เกิดขึน้ ไม่นาน ทำ� ใหผ้ ู้ฟงั เข้าใจชัดเจนและเห็นภาพตามไปดว้ ย

กรมการพัฒนาชุมชนและสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าบทสัมภาษณ์นี้มีเนื้อหา
ท่ีเป็นประโยชน์ยิ่ง แสดงให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ไพศาลต่อพสกนิกรชาวไทยและราษฎรใน
ประเทศเพอ่ื นบา้ นทห่ี นรี อ้ นมาพง่ึ เยน็ สมควรจะเผยแพรใ่ หพ้ สกนกิ รทกุ หมเู่ หลา่ ไดอ้ า่ นกนั อยา่ งกวา้ งขวาง จงึ ได้
กราบเรยี นราชเลขานกุ ารในพระองคส์ มเดจ็ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง ขออนญุ าตถา่ ยทอด
บทสมั ภาษณ์ของท่านลงพิมพ์ในหนงั สือ “๘๘ พรรษา สมเด็จพระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง

เรียงร้อยรักจากใจไทยท้ังชาติ ” เพื่อให้หนังสือมีข้อมูลเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณโดยสมบูรณ์ยิ่งข้ึน
ซึง่ ทา่ นได้กรุณาอนุญาตเรยี บรอ้ ยแล้ว

กรมการพัฒนาชุมชนและสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ จึงใคร่ขอกราบขอบพระคุณท่านผู้หญิงจรุงจิตต์
ทขี ะระ ราชเลขานุการในพระองคส์ มเดจ็ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนพี ันปหี ลวง ไว้ ณ ทน่ี ดี้ ้วย

239

วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๓๖ เสด็จฯ ไปทรงเยยี่ มราษฎรบ้านเนินธัมมัง ต.แมเ่ จ้าอยูห่ วั อ.เชยี รใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

กวา่ จะเปน็ โขน ท่มี กี ารสง่ เสรมิ อาชีพทำ�ผา้ โขน ท�ำ หวั โขน งานเหลา่ นี้เกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งไรคะ
เมื่อก่อนผ้ายกเมืองนครศรีธรรมราชมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักกัน แต่สูญหายไปไหนก็ไม่รู้ อยู่แต่ในพิพิธภัณฑ์
เมอื่ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง เสดจ็ ฯ ไปทรงเยยี่ มราษฎรทบี่ า้ นเนนิ ธมั มงั
จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งจะโดนนํ้าท่วมมากทุกปี ตอนน้ันพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงทำ�โครงการปากพนัง สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงทำ�เร่ือง
ช่วยอาชีพเหมอื นอยา่ งเคยทท่ี ง้ั สองพระองคท์ รงทำ�คกู่ นั กองบญั ชาการทหารสงู สดุ เปน็ คนจดั สรา้ งอาคารใหญ่ ใตถ้ นุ สงู
ถวายเป็นท่ีประทบั ทรงงาน เวลาพระองคท์ า่ นเสดจ็ ฯ ไป รบั สง่ั วา่ ถา้ ยามนาํ้ ทว่ มกใ็ หป้ ระชาชนมาอาศยั ทีน่ ่ี ทง้ั ช้นั บน
และชน้ั ลา่ ง ไมต่ อ้ งไปอยูต่ รงถนน ใหอ้ ยู่ตรงนี้แหละ และเขาก็ใช้เรือเปน็ พาหนะได้ ยามที่น้ําไมท่ ว่ ม ไม่ใชห่ น้านํ้ากใ็ ห้
หดั ทอผา้ ทรงใหร้ อ้ื ฟนื้ การทอผา้ เอาเสน้ ฝา้ ยไปใหเ้ ขาฝกึ ทอ กท็ อมาเรอ่ื ยจากผา้ ฝา้ ยพน้ื ทอมาหลายปกี วา่ จะมายกดอก
เพ่ือใหค้ นแถวนัน้ คนุ้ เคยกับการใช้เครอ่ื งมอื ทอผ้า เมอ่ื ทอเปน็ ผา้ ยกดอกไดแ้ ลว้ หลงั จากนนั้ กเ็ อาเส้นไหมไปให้ เริ่มจาก
ทอผ้าไหมพื้น หัดคัดเลือกเส้นไหมมาทอผ้าพื้น จนในท่ีสุดก็มาถึงผ้ายกซึ่งเป็นของประจำ�ถ่ินของบรรพบุรุษเมือง
นครศรีธรรมราช ไดเ้ ชิญอาจารย์วีรธรรม ตระกลู เงินไทย จากบา้ นทา่ สว่าง จังหวัดสุรนิ ทร์ เขาได้ศึกษาคน้ ควา้ เรอื่ งการ
ทอผา้ โบราณ เขามกี ลุ่มของเขาซ่งึ เขาก็ทำ�ตามแนวพระราชดำ�ริช่วยให้ชาวบา้ นแถวน้ันทอผา้ โบราณท่สี ุรนิ ทร์ ก็เชญิ เขา
มาสอนยอ้ มสีธรรมชาติ แล้วกส็ อนการเก็บเขา สอนข้นึ ลวดลายทีจ่ ะทอผา้ ยกเมืองนครศรธี รรมราช แลว้ ทางศลิ ปาชีพ
ก็มีเด็กนักเรียนศิลปาชีพจากสถาบันสิริกิต์ิ ตอนนั้นเป็นเพียงโรงฝึกยังไม่เป็นสถาบัน ก็ให้เขาติดตามไปศึกษาด้วยจน
มีความชำ�นาญ ช่ือนายแหลมทอง สีภู ก็ทำ�งานคู่กันไป เป็นลูกศิษย์อาจารย์วีรธรรม เขาย้อมสีธรรมชาติได้ ทำ�อะไร
240

241

ได้หลายอย่าง แล้วก็ไปนั่งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เมืองนครศรีธรรมราช ไปลอกลายจากพิพิธภัณฑ์ เขาไม่ให้ยืมออกมาเพราะ
เขาหวง ก็ไปคดั ลอกลายลงกระดาษ แล้วกม็ าสอนให้ชาวบา้ นทอ แตเ่ รายงั ไม่มกี ารทอลวดลายมากมายเพราะตอ้ งการ
ทำ�ให้ผู้ทอเกิดความชำ�นาญก่อน ยังไม่เคยขาย แต่เอามาแสดงโขน เพราะต้องใช้ผ้าสำ�หรับนักแสดงเป็นร้อย ๆ ผืน
ครูบาอาจารย์ก็บอกเสียดายเพราะว่าสวย แต่เป็นผ้าไหมไทยแท้นะคะ เพราะแสดงไปเครื่องแต่งกายท่ีมีห้อยหน้า
หอ้ ยข้าง ก็เก่ียวผา้ เปน็ ขุยข้ึนมาหมด เรากบ็ อกว่าจะเป็นไรไปเลา่ ก็ของทอเอง ทำ�ไปเถอะ เราเร่มิ เอามาใหน้ กั แสดงใส่
รำ�อวยพร เอามาให้ตวั เอกใส่ เรากบ็ อกจะทำ�ผา้ ไหมใหถ้ ูกกวา่ นี้ก็ไมถ่ กู หรอก เพราะกว่าจะทำ�มาได้ มกี รวยเชงิ มีท้องผ้า
อะไรตามบริบทของผา้ ยก
242

ส่วนเร่ืองการทำ�หวั โขน หวั โขนมมี านานแลว้ ทางศนู ยศ์ ิลปาชพี บางไทรกท็ ำ� พระองคท์ า่ นเคยให้ทำ�โดยย่อส่วน
ใหม้ ขี นาดเลก็ พระราชทานเปน็ ของขวญั แกพ่ ระราชอาคนั ตกุ ะตา่ งประเทศ ทนี พี้ อมาทำ�เรอ่ื งการแสดงโขน ทางอาจารย์
สุดสาคร ชายเสม (ผู้ออกแบบและสร้างฉาก การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ) ก็มาดูวิธีการทำ�หัวโขนว่าต้องใช้
กระดาษขอ่ ย กเ็ ลยทำ�กระดาษขอ่ ยทศี่ นู ยศ์ ลิ ปาชพี สบี วั ทอง จงั หวดั อา่ งทอง ตอ้ งไปหาตน้ ขอ่ ยมาทำ�กระดาษซงึ่ มกี รรมวธิ ี
มากมาย พอเปน็ กระดาษแลว้ ก็มาทำ�หวั โขน แลว้ กท็ ำ�สมุดข่อยดว้ ย มกี ารสาธติ การทำ�หัวโขนทีอ่ าคารเรยี น-รู้ เรือ่ งโขน
ทศี่ ูนย์ศิลปาชพี เกาะเกิด

การทำ�กระดาษขอ่ ยและหัวโขน

เรอ่ื งการจัดการแสดงโขนกว่าสิบปีมาน้ี แต่ก่อนน้นั ไม่คอ่ ยมีคนดู คนดูน้อย ตอนนน้ั สมเดจ็ พระกนิษฐาธริ าชเจา้
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้กราบบังคมทูลว่าคนไม่ค่อยนิยมดูโขน ประกอบกับสมเด็จ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทอดพระเนตรทีวีด้วยพระองค์เอง ก็ไม่ทรงเห็นการแสดงเกี่ยวกับโขนสักเท่าไร ส่วนใหญ่
จะเป็นกระโดดโลดเต้นสมัยใหม่เสยี มากกวา่ มรี บั สง่ั วา่ โขนเปน็ ศลิ ปะชน้ั สงู ของไทย ไมใ่ ชเ่ ปน็ เพยี งแคก่ ารละเลน่ มงี าน
ชา่ งศลิ ปอ์ ะไรตง้ั หลายอยา่ งเยอะแยะเลยในการแสดงโขนสกั โรงหนงึ่ มศี ลิ ปะเยอะมาก เพราะฉะนน้ั กเ็ ลยรบั สงั่ วา่ พระองค์
ทา่ นจะทรงอนรุ กั ษเ์ รอ่ื งโขน ทำ�ขน้ึ มาเถอะแลว้ พระองคท์ า่ นจะเสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรและชกั ชวนใหค้ นไทยดโู ขน เพอื่
รักษาศลิ ปะตรงน้ไี ว้ ตอนแรกพระองค์ท่านพระราชทานเงนิ แกก่ รมศิลปากร ขอใหแ้ ก้ไขเกีย่ วกบั เรื่องการแตง่ หนา้ และ
เสอื้ ผา้ เพราะวา่ การแตง่ หนา้ ในการแสดงโขนผชู้ ายกแ็ ตง่ ได้ แตไ่ มใ่ ชห่ นา้ ขาวปากแดง ควรแตง่ หนา้ ใหเ้ หมาะสม พระองค์
ทา่ นเข้าพระทยั ดวี า่ การแสดงกต็ อ้ งมีการแต่งหน้า แตผ่ ชู้ ายใหด้ เู ปน็ ชาย ถ้าเป็นผูห้ ญงิ กห็ วานสวย

243

สว่ นเรอื่ งเสอื้ ผา้ จากลายละเอยี ดกด็ ลู ายจะขยายใหญข่ นึ้ เรอื่ ย ๆ รบั สง่ั วา่ ศลิ ปาชพี มชี า่ งอยใู่ นมอื เยอะแยะไปหมด
ให้ศิลปาชีพลองทำ�ดู มาปักเส้ือผ้าโขน ทำ�หัวโขน ด้านการแสดงมีรับสั่งว่าต้องมีการสืบทอด ทำ�อย่างไรจะให้เยาวชน
คนรนุ่ ใหมห่ นั มาสนใจแลว้ เหน็ วา่ การแสดงโขนเปน็ ศลิ ปะของชาติวิทยาลัยนาฏศิลป์มีอยู่แล้วทั่วประเทศ เขาสอนเรื่องนี้
อยู่แล้ว แต่จะมีวิธีการกระตุ้นอย่างไรให้เยาวชนสนอกสนใจมากข้นึ มีพระราชเสาวนีย์ให้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ
คดั เลอื กนกั แสดงในทกุ ๆ ปี เรามกี ารกำ�หนดคณุ สมบตั ขิ องผมู้ าสมคั ร ใครทมี่ พี น้ื ฐานความรเู้ รอื่ งโขนกม็ าสมคั รและทำ�การ
คดั เลอื ก ในปีแรก ๆ มีคนมาสมัคร ๒๐ - ๓๐ คนเท่านั้น แตพ่ อปีต่อ ๆ มามเี พ่มิ มากข้ึนตามลำ�ดับ เคยมีผู้สมคั รสงู สดุ
ถงึ ๘๐๐ กวา่ คน พระองคท์ า่ นพระราชทานเงนิ ทนุ ใหเ้ ป็นทนุ การศึกษา เราทำ�จากแรกเริม่ ๒๐ ทุน พอคนคัดเลือกมา
เยอะขน้ึ กเ็ พม่ิ เปน็ ๒๕ ทนุ บางทคี ะแนนเทา่ กนั กเ็ ปน็ ๒๖ - ๒๗ ทนุ กแ็ ลว้ แต่ กค็ ดั เลอื กมาเลน่ คนทไ่ี ดร้ บั ทนุ กไ็ ดบ้ ทบาท
เป็นตัวเอก แล้วคนทีเ่ หลอื ในรอบสดุ ท้ายประมาณสัก ๒๐๐ คนก็ได้แสดงร่วมด้วย การคดั เลอื กนกั แสดงกว่าจะผ่านการ
คดั เลอื กยากมาก มปี รมาจารย์คอมเมนเตเตอรร์ าว ๑๕ คน มีทง้ั ผู้เชี่ยวชาญ ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ ทัง้ ตวั พระ นาง ยักษ์ ลงิ
นง่ั เรยี งกนั ทง้ั หมด แลว้ กจ็ ะใหเ้ ดก็ ขน้ึ มารอบละ ๘ คน หนง่ึ ในนน้ั จบั ฉลากขน้ึ มากจ็ ะบอกวา่ เปน็ เพลงไหน ตอนอะไร ระนาดและ
ปีพ่ าทย์กจ็ ะขึ้นเพลงเลย เด็กท้งั ๘ คนกต็ ้องรำ�ไดห้ มดและตอ้ งแมน่ มาก ครูก็จะมคี ำ�ถามอีกวา่ คำ�นแี้ ปลวา่ อะไร ตรงนี้
ยกมือผิด วิจารณไ์ ปแกไ้ ขท่ารำ�ทีถ่ ูกต้องแล้วครูก็จะให้คะแนน คัดเลอื กยากมาก บคุ ลิกและท่ารำ�สำ�คญั ทสี่ ุด ต้องหล่อ
ต้องสวยไหมไม่จำ�เปน็ ในบางตัว เพราะว่าตอ้ งใส่หัวโขน ยกเว้นพระราม นางสดี า แต่ละตัวแสดงตอ้ งมีลักษณะเหมาะ
กับบท ทศกัณฐ์ตอ้ งมลี กั ษณะผึง่ ผาย หนมุ านตอ้ งคล่องแคลว่ ตีลงั กาคลอ่ ง เร่อื งแรกคือการแสดงเฉลมิ พระเกยี รติ เรอ่ื ง
รามเกยี รต์ิ ตอนพรหมาศ จนถงึ ขณะนก้ี ก็ วา่ ทศวรรษแลว้ ขณะนม้ี ลู นธิ สิ ง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ฯ มอี าคาร เรยี น-ร-ู้ เรอ่ื งโขน ภาษา
อังกฤษก็ All About Khon ตรงนี้ไมใ่ ช่ Museum แตเ่ ปดิ ใหผ้ เู้ ขา้ ชมไดเ้ รยี น-ร-ู้ เรอ่ื งโขน ไดเ้ หน็ การทำ�กระดาษขอ่ ย การทำ�
หวั โขน การปกั ผา้ โขน การทอผา้ ยก แลว้ ฉากทกุ ฉากทเี่ ราใชใ้ นการแสดงทศ่ี นู ยว์ ฒั นธรรมกจ็ ะไปวางเรยี งอยทู่ น่ี น่ั พลบั พลา
พระราม พระลกั ษมณ์ กรงุ ลงกา ฉากหนมุ านอมพลบั พลา ผเี สอ้ื สมทุ ร และอน่ื ๆ มรี ะบบเกบ็ ฉากมว้ นขน้ึ ไปอยบู่ นเพดาน
ชั้นบนก็เกบ็ เครอ่ื งโขน อุปกรณเ์ คร่ืองประดับ เคร่อื งแตง่ กายต่าง ๆ ท้ังหลาย

งานปกั ผา้ โขน เรามสี มาชกิ ศลิ ปาชพี ปกั ผา้ โขนอยหู่ ลายแหง่ ทง้ั ทใ่ี นสวนจติ ลดา ศนู ยศ์ ลิ ปาชพี สีบัวทอง จังหวัด
อา่ งทอง ตอ่ มาขยายไปทสี่ กลนคร สงิ หบ์ รุ ี มกุ ดาหาร จะมแี บบใหป้ กั แลว้ นำ�มาเยบ็ ประกอบกนั สมาชกิ ศลิ ปาชพี จะเรยี นรู้
การปักและการทำ�ความสะอาดผ้าปักเมื่อปักเสร็จ อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย เป็นผู้ให้ความรู้ สมาชิกศิลปาชีพ
จะได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ ปรกติเขาเล่นกลางแจ้งใช่ไหมคะ ทีน้ีเม่ือเราจัดโขนเข้าไปอยู่ในโรงละครก็ต้องเป็นการแสดงโขน
ฉาก มีเครื่องประกอบเยอะแยะไปหมด ให้ตื่นเต้น ให้คนดูโขนแล้วสนุก ไม่ใช่บอกว่าดูโขนแล้วหลับ ถ้าหลับแล้วก็
ไมเ่ กดิ ประโยชน์ อยา่ งเดก็ เลก็ ไปดแู ลว้ ตอ้ งรสู้ กึ สนกุ เมอื่ สนกุ แลว้ จะจำ� จำ�ไดว้ า่ เมอื่ แรกทมี่ กี ารจดั การแสดงมเี ดก็ ๆ ไปดู
แล้วหลายคนมาบอกว่าลูกสนใจมาก ลูกอยากเปน็ หนุมาน ทกุ คนอยากเปน็ หนมุ านเพราะตีลังกาโลดโผนไมอ่ ยู่นง่ิ และ
ทราบจากหอ้ งสมดุ หลายแหง่ วา่ มคี นไปคน้ ควา้ เรอื่ งรามเกยี รตเ์ิ ยอะมาก ผชู้ มไปอา่ นตอ่ เพราะเราไมไ่ ดเ้ ลน่ เรยี งลำ�ดบั เรอื่ ง
เราหยบิ ตอนสนกุ ออกมา โขนกเ็ ลน่ อยเู่ รอ่ื งเดยี วคอื รามเกยี รต์ิ ทนี่ พ้ี อจบตอนแลว้ คนกอ็ ยากจะรทู้ มี่ าทไ่ี ป เขากไ็ ปอา่ นกนั ตอ่
สมเดจ็ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวงปลมื้ พระราชหฤทยั มากทมี่ คี นสนใจ นกั เขยี นหลายคนกจ็ ะมบี ทความชกั ชวนใหค้ นไป
ดโู ขน ถา้ ถามวา่ การจดั การแสดงแตล่ ะครง้ั มกี ำ�ไรไหม พระองคท์ า่ นเคยรบั สงั่ เสมอวา่ “ขาดทนุ ของฉนั คอื กำ�ไรของแผน่ ดนิ ”
ขณะนแ้ี ผน่ ดนิ ไดก้ ำ�ไรแลว้ โขนตดิ ตลาดไปแลว้ งานไหนไมม่ โี ขนงานนนั้ ดกู รอ่ ยไหม ถา้ งานใหญต่ อ้ งมโี ขน กระทรวงการ
ตา่ งประเทศรว่ มมือกบั กระทรวงวฒั นธรรมไดน้ ำ�การแสดงโขนไปตามท่ตี ่าง ๆ เชน่ สถานทอ่ี ยา่ งโอเปรา่ เฮ้าสท์ ่ฝี รัง่ เศส
กรมศิลปากรก็จัดการแสดงไป และขอให้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ไปจัดแสดงการสาธิตการทำ�หัวโขน การปักผ้าโขน
ข้างหนา้ โรงทจี่ ะแสดงโขน เพราะคนจะได้ไปเดนิ ดู ก็จะเห็นความละเอียดของการปกั การทำ�หัวโขน เส้อื ผา้ โขนใส่หนุ่
ครบชุด เรากช็ ว่ ยกนั โฆษณาของดขี องประเทศ

244

วันท่ี ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ทอดพระเนตรการแสดงโขนชดุ “พรหมาศ”
ณ หอประชมุ ใหญ่ศนู ยว์ ฒั นธรรมแหง่ ประเทศไทย

วันที่ ๑๙ สงิ หาคม ๒๕๕๒ ทอดพระเนตรนทิ รรศการ “โขนพรหมาศ”
ณ หอศลิ ปวฒั นธรรมแหง่ กรุงเทพมหานคร

245

ขอความกรุณาท่านเลา่ เรื่องปฐมบทแหง่ ผา้ ไทยทส่ี มเด็จพระบรมราชชนนีพันปหี ลวง ได้ทรงรเิ รมิ่ ใหร้ าษฎร
ทำ�เป็นอาชพี

ผ้า ถ้าคนสังเกตเห็นจากพระฉายาลักษณ์ตอนท่ที รงเป็นพระค่หู ม้นั ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ก็ทรงพระภูษาซิ่นขณะประทับที่วังเทเวศร์ และก็ด้วยแนว
พระราชดำ�ริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ซ่ึงมีรับสั่งว่า ทำ�อย่างไรให้ราษฎรยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตนเอง
ช่วยเหลือตนเองได้ การเอาของไปแจกคือการช่วยกันเฉพาะหน้าไปก่อน ต่อไปต้องช่วยให้เขาอยู่ได้ ช่วยตนเองได้
พระองค์ท่านทรงอยากให้มีอะไรที่ย่ังยืน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ทรงช่วยเกี่ยวกับดิน เก่ียวกับนํ้า
เสด็จฯ ไปพัฒนาดิน ทรงงานด้านพัฒนาแหล่งน้ํา เก็บกักน้ํา ทรงทำ�แก้มลิง ทำ�ฝายน้ําล้นอะไรต่าง ๆ มากมาย
กว่า ๔,๐๐๐ โครงการ และทรงฝากผู้หญิงกับเด็กไว้กับสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตอนสมเด็จพระ
บรมราชชนนพี นั ปหี ลวงเสดจ็ ฯ ไปทรงเยยี่ มราษฎรภาคอสี านทรงเหน็ ชาวบา้ นนงุ่ ผา้ ไหมมารบั เสดจ็ สวยงาม เปน็ ผา้ ไหม
ทเี่ ขาทำ�เอง ตง้ั แตป่ ลกู หมอ่ นเลย้ี งไหมเอง พระองคท์ า่ นทรงสง่ ราชเลขานกุ ารในพระองค์ (ทา่ นผหู้ ญงิ ม.ร.ว. สปุ ระภาดา
เกษมสันต์) ออกไปแทนพระองค์เมื่อปี ๒๕๑๕ (หลังจากปี ๒๕๑๓ ท่ีน้ําท่วมใหญ่ภาคอีสาน) มีรับส่ังให้ท่าน
ราชเลขาฯ กับตัวดิฉันไปเดินตามหมู่บ้านต่าง ๆ ท่ีเป็นหมู่บ้านปลูกหม่อนเล้ียงไหม สมเด็จพระบรมราชชนนี
พันปีหลวงทรงสอนวิธีดูผ้าไหมว่าผ้าไหมไทยแท้จะนุ่มเป็นแพร พระองค์ท่านรับสั่งว่าให้ไปเยี่ยมบ้านชาวบ้าน
ท่ีทอผ้าใช้เอง ก็มีบ้านละไม่มาก ผ้าสวย ๆ ทั้งนั้น ไปดูไปซ้ือมาแล้วก็ไปชวนให้ชาวบ้านปลูกหม่อนเล้ียงไหม

246


Click to View FlipBook Version