The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิชาระบบจัดการฐานข้อมูล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Witoon Yuengyang, 2021-10-22 12:42:08

แผนวิชาระบบจัดการฐานข้อมูล

แผนวิชาระบบจัดการฐานข้อมูล

96

ข้อเสนอแนะ (ถ้ามี)
นักศึกษาควรมภี าพประกอบการนำเสนองาน และสามารถอธบิ ายเน้ือหาให้สอดคลอ้ งกับภาพให้ถกู ตอ้ ง

การประเมนิ ผล (ต้องระบเุ กณฑ์การประเมนิ ให้ชัดเจน)
1. สงั เกตผ้เู รียนมคี วามสนใจ เกิดความเขา้ ใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตือรือร้น
ในการแสดงความคิดเหน็ และสรปุ สาระการเรยี นร้ปู ระจำหน่วย
2. ทำใบงานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ทันเวลาท่กี ำหนด ใบงานสะอาดและเปน็ ระเบยี บ
3. ผูเ้ รยี นทำแบบฝึกหัดหลังเรยี นไดถ้ ูกต้อง โดยไดค้ ะแนน 50% เปน็ อย่างต่ำ

เอกสารอ้างองิ
หนงั สือเรียนวิชา ระบบจดั การฐานขอ้ มลู ของ สำนักพิมพจ์ ิตรวัฒน์ (JW) กทม., 2563

97

ใบกจิ กรรมที่ 4 หนว่ ยท่ี 4

รหสั วชิ า 30204-2002 ชอ่ื วชิ า ระบบจัดการฐานขอ้ มลู ภาคเรียนท่ี 1

ช่อื หนว่ ย รปู แบบบรรทดั ฐาน เวลารวม 4 ช่ัวโมง

ช่อื งาน รูปแบบบรรทัดฐาน จำนวน 4 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้

จดุ ประสงคท์ ่ัวไป
1. เพื่อมคี วามรู้ความเขา้ ใจรูปแบบบรรทัดฐาน
2. เพ่ือมีความรคู้ วามเข้าใจกระบวนการของรูปแบบบรรทดั ฐาน

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม (ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวชิ าชพี )
1. บอกความหมายของการออกแบบฐานขอ้ มลู ในรูปแบบบรรทัดฐานได้
2. อธิบายกระบวนการนอรม์ อลไลเซชั่นได้
3. อธบิ ายรปู แบบการขึ้นต่อกนั ได้
4. ปฏบิ ัติการเลือกใช้รูปแบบบรรทัดฐานให้เหมาะสมกับงานได้

สมรรถนะรายหน่วย
1. แสดงความร้เู กีย่ วกบั รูปแบบบรรทัดฐาน
2 วางแผนการใชร้ ปู แบบบรรทัดฐาน

เคร่ืองมือ วสั ดุ – อุปกรณ์
1. เคร่ืองคอมพิวเตอร์ PC หรอื Notebook
2. โปรเจค็ เตอร์
3. หนงั สอื

ลำดบั กิจกรรม
1. ผู้เรียนต้องให้ความสนใจในการศึกษา เพื่อหาเทคนิค วิธีการ หรือหลักการงา่ ยเพื่อให้หาคำตอบ

ได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว โดยการ ตั้งใจฟังหลักการ เทคนิควิธีการที่ครูผู้สอนสรุปในขณะที่ทำการ
สอน และนำข้อสงสยั ซกั ถามครูในการเรียนทุกครั้งที่เกดิ ความสบั สน และไม่เข้าใจ

2. ผมู้ กี ารทบทวนบทเรยี น ตลอดเพ่อื เสริมสรา้ งความเขา้ ใจอยา่ งแทจ้ ริง
3. ผูเ้ รยี นหมัน่ ทำใบงาน แบบฝกึ หัด และแกไ้ ขข้อทีผ่ ิดใหถ้ กู ต้องเสมอ
4. ผู้เรียนต้องสร้างมโนภาพให้เกิดความคิดรวบยอดในสาระการเรียนรู้และเทคนิควธิ ีการพร้อมกบั
ความจำเป็นในการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดขึ้นโดยตนเองให้ได้เพ่ือเกิดความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง
ไม่ใชเ่ กดิ จากการท่องจำ
5. ผู้เรียนต้องดำเนินการตามกิจกรรมหรืองานที่ได้รับมอบหมาย ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาท่ี
กำหนด และฝึกฝนตนเองเสมอ เมือ่ ได้รบั มอบหมายงานมา

98

การประเมนิ ผล (ตอ้ งระบเุ กณฑ์การประเมนิ ให้ชัดเจน)
1. สังเกตผเู้ รียนมคี วามสนใจ เกดิ ความเขา้ ใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตือรอื ร้นใน
การแสดงความคิดเห็นและสรุปสาระการเรยี นรปู้ ระจำหนว่ ย
2. ทำใบงานไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ทนั เวลาทีก่ ำหนด ใบงานสะอาดและเปน็ ระเบียบ
3. ผเู้ รยี นทำแบบฝกึ หดั หลงั เรยี นไดถ้ ูกต้อง โดยได้คะแนน 50% เป็นอยา่ งต่ำ

เอกสารอา้ งอิง
หนังสอื เรียนวชิ า ระบบจัดการฐานขอ้ มูล ของ สำนักพมิ พจ์ ติ รวฒั น์ (JW) กทม., 2563

99

ใบปฏบิ ัตงิ านที่ 4 หน่วยท่ี 4

รหสั วิชา 30204-2002ช่ือวิชา ระบบจดั การฐานขอ้ มลู ภาคเรียนท่ี 1

ชอื่ หน่วย รปู แบบบรรทดั ฐาน เวลารวม 4 ชั่วโมง

ชื่องาน รูปแบบบรรทัดฐาน จำนวน 4 ช่วั โมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้

จุดประสงค์ท่ัวไป
1. เพ่ือมีความรู้ความเขา้ ใจรูปแบบบรรทัดฐาน
2. เพอ่ื มีความรคู้ วามเข้าใจกระบวนการของรูปแบบบรรทัดฐาน

จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (ความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวชิ าชีพ)
1. บอกความหมายของการออกแบบฐานข้อมลู ในรปู แบบบรรทดั ฐานได้
2. อธิบายกระบวนการนอรม์ อลไลเซชั่นได้
3. อธิบายรปู แบบการขน้ึ ต่อกนั ได้
4. ปฏบิ ตั ิการเลือกใช้รปู แบบบรรทดั ฐานให้เหมาะสมกับงานได้

สมรรถนะรายหน่วย
1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั รปู แบบบรรทดั ฐาน
2 วางแผนการใช้รูปแบบบรรทดั ฐาน

เคร่ืองมือ วัสดุ – อุปกรณ์
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ PC หรือ Notebook
2. โปรเจ็คเตอร์
3. หนังสอื

ลำดบั ขัน้ ตอนการปฏิบตั งิ าน
1. ผเู้ รยี นค้นหาข้อมลู จากในอนิ เตอรเ์ น็ต ตามเรอ่ื งทไ่ี ดร้ บั มอบหมายมาจาครผู ้สู อน
2. เมื่อผู้เรียนได้รบั ขอ้ มลู เรียบร้อยแลว้ ให้ผเู้ รยี น นำขอ้ มูลนน้ั มาเรยี บเรียงใหเ้ ปน็ ระเบยี บ สวยงาม ให้
สามารถเข้าใจไดง้ า่ ย โดยจัดทำในรปู แบบเล่มรายงาน

ภาพประกอบ
ข้อควรระวัง

ผเู้ รยี นควรตรวจสอบขอ้ มูลกอ่ นให้ถีถ่ ว้ น ละเอียด และรอบคอบก่อน เพ่อื ป้องกนั ความผิดพลาดกอ่ น
การส่งงาน
ข้อเสนอแนะ

นกั ศึกษาควรมีภาพประกอบการนำเสนองาน และสามารถอธบิ ายเนอื้ หาใหส้ อดคลอ้ งกับภาพให้
ถกู ต้อง

100

การประเมินผล
1. สงั เกตผ้เู รยี นมคี วามสนใจ เกดิ ความเขา้ ใจในสาระการเรยี นรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รอื ร้นใน
การแสดงความคิดเห็นและสรุปสาระการเรียนรู้ประจำหน่วย
2. ทำใบงานได้อย่างถกู ตอ้ ง ทันเวลาทก่ี ำหนด ใบงานสะอาดและเป็นระเบียบ
3. ผ้เู รียนทำแบบฝกึ หัดหลงั เรียนไดถ้ ูกตอ้ ง โดยไดค้ ะแนน 50% เป็นอยา่ งต่ำ

เอกสารอ้างอิง
หนงั สือเรียนวชิ า ระบบจดั การฐานข้อมลู ของ สำนักพิมพจ์ ิตรวฒั น์ (JW) กทม., 2563

101

ใบมอมหมายงานท่ี 4 หน่วยท่ี 4

รหัสวชิ า 30204-2002 ชื่อวิชา ระบบจดั การฐานขอ้ มลู ภาคเรียนท่ี 1

ช่ือหน่วย รูปแบบบรรทดั ฐาน เวลารวม 4 ช่ัวโมง

ชื่องาน รปู แบบบรรทัดฐาน จำนวน 4 ช่ัวโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้

จดุ ประสงคท์ ่ัวไป
1. เพ่ือมีความรู้ความเขา้ ใจรูปแบบบรรทัดฐาน
2. เพอ่ื มคี วามรู้ความเข้าใจกระบวนการของรปู แบบบรรทดั ฐาน

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (ความรู้ ทกั ษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณวชิ าชีพ)
1. บอกความหมายของการออกแบบฐานขอ้ มูลในรปู แบบบรรทัดฐานได้
2. อธิบายกระบวนการนอร์มอลไลเซชนั่ ได้
3. อธิบายรปู แบบการข้นึ ต่อกันได้
4. ปฏิบตั กิ ารเลอื กใชร้ ปู แบบบรรทดั ฐานให้เหมาะสมกับงานได้

สมรรถนะรายหนว่ ย
1. แสดงความรู้เก่ียวกบั รูปแบบบรรทัดฐาน
2 วางแผนการใชร้ ปู แบบบรรทัดฐาน

เครอื่ งมอื วสั ดุ – อปุ กรณ์
1. เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ PC หรอื Notebook
2. โปรเจ็คเตอร์
3. หนังสือ

แนวทางการปฏบิ ัตงิ าน
1. ใหผ้ ู้เรียนปฏิบัตงิ านตามใบงาน ใบกิจกรรม ใบปฏบิ ตั งิ าน อย่างเครง่ ครัด ตามหัวขอ้ ท่ีไดร้ ับ
มอบหมาย ให้เสรจ็ สิ้นตามระยะเวลาทก่ี ำหนด พร้อมทงั้ การจัดทำรายงาน และนำเสนองานอย่าง
ถกู ตอ้ ง ครบถ้วน เป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย
2. ใหผ้ ู้เรียนแบง่ หน้าที่กบั เพอื่ นในกลุม่ ใหช้ ัดเจน และสามารถเข้าใจเน้ือหาตามหวั ข้อดงั กล่าว ได้
อย่างถกู ต้อง ครบถว้ น

ภาพประกอบ
ข้อควรระวัง

ผู้เรียนควรตรวจสอบขอ้ มูลก่อนให้ถี่ถว้ น ละเอยี ด และรอบคอบก่อน เพ่อื ป้องกนั ความผิดพลาดกอ่ น
การส่งงาน

102

ข้อเสนอแนะ
นักศึกษาควรมีภาพประกอบการนำเสนองาน และสามารถอธิบายเนื้อหาให้สอดคลอ้ งกับภาพให้

ถกู ตอ้ ง
การประเมินผล

1. สังเกตผูเ้ รยี นมีความสนใจ เกดิ ความเข้าใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รือรน้ ใน
การแสดงความคิดเห็นและสรปุ สาระการเรยี นร้ปู ระจำหน่วย
2. ทำใบงานไดอ้ ย่างถูกต้อง ทนั เวลาทก่ี ำหนด ใบงานสะอาดและเป็นระเบยี บ
3. ผู้เรยี นทำแบบฝกึ หดั หลงั เรียนไดถ้ ูกตอ้ ง โดยไดค้ ะแนน 50% เป็นอย่างต่ำ
เอกสารอา้ งองิ
หนังสอื เรียนวชิ า ระบบจัดการฐานขอ้ มลู ของ สำนกั พมิ พจ์ ิตรวัฒน์ (JW) กทม., 2563

103

แผนการจดั การเรียนรู้
หน่วยท.ี่ .............. 5..................................... จำนวน........4..........ชั่วโมง สัปดาห์ที่.....5......
ช่ือวชิ า ระบบจัดการฐานข้อมลู
ชื่อหน่วย การออกแบบข้อมูลเชงิ สัมพันธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบฐานขอ้ มูล
ชือ่ เร่อื ง การออกแบบข้อมูลเชิงสมั พันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานขอ้ มูล

1. สาระสำคัญ
ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์เป็นฐานข้อมูลที่ใช้โมเดลเชิงสัมพันธ์ โดยใช้หลักพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ โดย

แบบจำลองนี้มีลักษณะที่มีการเก็บข้อมูลเป็นตาราง ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจและการประยุกต์ใช้งาน สำหรับ
โครงสร้างของข้อมูล จะประกอบด้วย ความสัมพันธ์ (Relationship) โดเมน (Domain) และ คีย์ (Key) ส่วน
ภาษาฐานขอ้ มูล จะเปน็ ภาษาท่ีใช้ในการออกแบบสร้างฐานข้อมูล ซึง่ มอี ยู่ด้วยกันหลายภาษา โดยมีภาษา SQL
ที่เป็นที่นิยมมาก แต่การเรียนรู้ควรที่จะต้องผ่านการเรียนรู้โปรแกรมระบบฐานข้อมูลเบื้องต้นก่อน เช่น
Microsoft Access

2. สมรรถนะประจำหน่วย
1. แสดงความร้เู กี่ยวกับการออกแบบขอ้ มูลเชงิ สมั พันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมูล
2. วางแผนการใช้การออกแบบขอ้ มูลเชงิ สมั พันธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบฐานขอ้ มูล

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จุดประสงค์ท่วั ไป
1. เพ่อื มคี วามรู้ความเขา้ ใจการออกแบบขอ้ มูลเชิงสมั พันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมลู
2. เพือ่ มคี วามรู้ความเขา้ ใจกระบวนการการออกแบบข้อมลู เชิงสมั พันธ์และภาษามาตรฐานระบบ

ฐานข้อมูล
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม (ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชพี )
1. บอกความหมายของฐานข้อมูลเชิงสมั พันธไ์ ด้
2. อธบิ ายโครงสร้างของข้อมูลได้
3. อธบิ ายภาษาฐานขอ้ มูลและประเภทของภาษาฐานข้อมูลได้
4. อธิบายตวั อยา่ งรปู แบบการเรยี กใช้คำส่งั SQL ได้
5. ปฏบิ ตั กิ ารเลือกใช้รูปแบบภาษาฐานขอ้ มลู ใหเ้ หมาะสมกับงานได้

4. สาระการเรยี นรู้
1. ความหมายของฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธ์
2. โครงสรา้ งของข้อมูล
3. ภาษาฐานขอ้ มูล

104

4. ประเภทของภาษาฐานขอ้ มูล

5. ตวั อยา่ งรปู แบบการเรียกใช้คำส่งั SQL

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สปั ดาหท์ ี.่ .....5.........)

กระบวนการจัดการเรียนรู้
5.1 ขนั้ นำเข้าสูบ่ ทเรยี น

1. ผู้สอนแนะนำเนือ้ หาการเรียนรู้ และแนวทางการเรียนรูใ้ นหนว่ ยการเรยี น

2. ผู้สอนซักถามผู้เรียนเกี่ยวกับความรู้เรื่องการออกแบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์และภาษามาตรฐาน

ระบบฐานขอ้ มลู เชงิ สัมพนั ธ์

5.2 ข้ันสอน

1. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นไดศ้ ึกษารายละเอียดเรอ่ื งการออกแบบฐานข้อมูลเชงิ สมั พันธแ์ ละภาษามาตรฐาน

ระบบฐานขอ้ มลู เชิงสัมพนั ธ์

2. ผ้สู อนให้ผ้เู รียนแสดงความคิดเห็นและมสี ว่ นร่วมในการวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาทเี่ รยี นรู้ โดยเนน้ ให้ผเู้ รียนได้

มกี ารแลกเปล่ยี นความคิดเห็นและมสี ่วนร่วม

5.3 ขัน้ สรปุ

1. ผูส้ อนและผู้เรียนสรปุ เน้ือหาการเรียนรู้อีกคร้งั ดว้ ยการตงั้ คำถาม และใหเ้ หตุผลในการตอบคำถามใน
แต่ละเนือ้ หาเพอ่ื ทบทวนอีกครง้ั

2. มอบหมายภาระงาน และแบบฝึกหัด
3. ปฏิบตั ติ ามใบงาน ดังน้ี
3.1 ให้ผเู้ รยี นแบ่งออกเปน็ กลมุ่ กล่มุ ละ 2-3 คน โดยเฉลีย่ ให้ครบท้ังช้ันเรยี น ทำการออกแบบขอ้ มูลเชิง
สมั พันธ์ โดยทำเปน็ ตารางอย่างนอ้ ย 2 ตารางข้นึ ไป แลว้ ทำการเชือ่ มโยงข้อมลู ใหถ้ ูกต้อง
3.2 ให้ผเู้ รยี นแบ่งออกเป็นกลุ่ม กล่มุ ละ 2-3 คน อธิบายโครงสรา้ งของขอ้ มูลกลุ่มละ 1 ขอ้
3.3 ให้ผู้เรยี นทำการศกึ ษาภาษาฐานขอ้ มูล SQL เพมิ่ เตมิ โดยยกตวั อย่างคำสัง่ ต่าง ๆ คนละ 1 คำส่ัง
แล้วเขียนบนกระดาน พร้อมทง้ั อธบิ ายความหมายของคำส่ังน้ัน ๆ
6. ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้
6.1 หนังสือเรยี น รหสั 30204-2002 ระบบจัดการฐานขอ้ มลู
6.2 ใบความรู้
6.3 แบบฝกึ หัด
6.4 แบบฝกึ ปฏิบัติ
6.5 แบบทดสอบหลงั เรียน
6.7 คอมพิวเตอร์
6.8 เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์

105

7. หลกั ฐานการเรยี นรู้
7.1 หลกั ฐานความรู้
ใบงาน แบบฝึกหดั การคน้ ควา้ ข้อมลู ทีไ่ ด้รบั การเรียบเรยี ง สวยงาม เป็นระเบียบ ถกู ตอ้ ง

7.2 หลักฐานการปฏบิ ตั งิ าน

ใบงาน แบบฝึกหัด รูปเล่มรายงานการค้นคว้าข้อมูล ที่ได้รับการเรียบเรียง สวยงาม เป็นระเบียบ

ถกู ตอ้ ง พรอ้ มท้งั เอกสารประกอบการนำเสนองานหน้าช้ันเรยี นของผเู้ รยี น และภาพประกอบ

8. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้

8.1 เคร่ืองมือประเมนิ

1. ใบงาน

2. แบบฝึกหัด

3. แบบประเมนิ ผลงาน

4. แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน

8.2 เกณฑก์ ารประเมิน

เคร่ืองมอื การประเมิน วธิ ีวัดและประเมิน เกณฑ์การประเมนิ

แบบฝึกหดั ตรวจแบบฝกึ หัด ไดค้ ะแนน

ขอ้ ละ 1 คะแนน รอ้ ยละ 75 ขน้ึ ไป
ถกู 1 คะแนน

ไม่ถกู 0 คะแนน

แบบฝกึ ปฏิบัติ ตรวจแบบฝกึ ปฏิบตั ิ ไดค้ ะแนน

ขอ้ ละ 1 คะแนน รอ้ ยละ 75 ขึ้นไป
ถูก 1 คะแนน

ไมถ่ ูก 0 คะแนน

แบบทดสอบหลังเรยี น ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน ไดค้ ะแนน

ข้อละ 1 คะแนน ร้อยละ 75 ข้ึนไป
ถูก 1 คะแนน

ไมถ่ ูก 0 คะแนน

แบบสังเกตพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม สังเกตพฤติกรรม ได้คะแนน

จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พึง ดี 2 คะแนน ร้อยละ 80 ขึน้ ไป

ประสงค์ พอใช้ 1 คะแนน

ปรบั ปรุง 0 คะแนน

106

9. กิจกรรมเสนอแนะ/งานท่มี อบหมาย (ถ้าม)ี
1. ผู้เรียนต้องให้ความสนใจในการศกึ ษา เพื่อหาเทคนคิ วิธีการ หรือหลักการงา่ ยเพือ่ ใหห้ าคำตอบได้

อย่างถูกตอ้ ง และรวดเร็ว โดยการ ตั้งใจฟังหลกั การ เทคนิควิธีการท่ีครูผูส้ อนสรปุ ในขณะทีท่ ำการสอน และ
นำขอ้ สงสัยซกั ถามครูในการเรยี นทกุ ครง้ั ที่เกดิ ความสบั สน และไมเ่ ขา้ ใจ

2. ผู้มีการทบทวนบทเรยี น ตลอดเพอ่ื เสรมิ สร้างความเข้าใจอยา่ งแทจ้ รงิ
3. ผเู้ รยี นหมน่ั ทำใบงาน แบบฝึกหัด และแก้ไขข้อที่ผดิ ใหถ้ กู ตอ้ งเสมอ
4. ผ้เู รยี นต้องสร้างมโนภาพใหเ้ กิดความคิดรวบยอดในสาระการเรียนรูแ้ ละเทคนิควธิ กี ารพร้อมกับความ
จำเป็นในการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดขึ้นโดยตนเองให้ไดเ้ พื่อเกิดความรู้ความเข้าใจอยา่ งแท้จรงิ ไม่ใช่เกดิ จาก
การท่องจำ
10. เอกสารอ้างองิ
หนังสอื เรียนวิชา ระบบจัดการฐานขอ้ มลู ของ สำนกั พิมพ์จิตรวฒั น์ (JW) กทม., 2563

107

ใบความรทู้ ี่ 5 หนว่ ยท่ี 5

รหัสวชิ า 30204-2002 ชอ่ื วชิ า ระบบจัดการฐานขอ้ มลู ภาคเรยี นท่ี 1

ช่อื หน่วย การออกแบบข้อมลู เชงิ สัมพันธ์และภาษา เวลารวม 4 ช่ัวโมง
มาตรฐานระบบฐานขอ้ มลู

ชอ่ื เรอ่ื ง การออกแบบข้อมูลเชิงสัมพันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานขอ้ มลู เวลา 4 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

จดุ ประสงค์ทั่วไป
1. เพื่อมคี วามรู้ความเข้าใจการออกแบบข้อมลู เชงิ สมั พนั ธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมลู
2. เพ่อื มีความรู้ความเขา้ ใจกระบวนการการออกแบบขอ้ มูลเชิงสมั พันธ์และภาษามาตรฐานระบบ

ฐานขอ้ มูล
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม (ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชพี )

1. บอกความหมายของฐานขอ้ มูลเชิงสมั พนั ธ์ได้
2. อธิบายโครงสรา้ งของขอ้ มูลได้
3. อธบิ ายภาษาฐานขอ้ มูลและประเภทของภาษาฐานขอ้ มูลได้
4. อธิบายตวั อย่างรูปแบบการเรยี กใช้คำส่งั SQL ได้
5. ปฏบิ ัตกิ ารเลอื กใชร้ ปู แบบภาษาฐานขอ้ มูลให้เหมาะสมกบั งานได้
สมรรถนะรายหนว่ ย
1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับการออกแบบข้อมูลเชิงสมั พันธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมูล
2. วางแผนการใชก้ ารออกแบบข้อมูลเชิงสมั พันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานขอ้ มูล

108

หน่วยท่ี 5 การออกแบบขอ้ มลู เชิงสมั พันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมูล
ความหมายของฐานขอ้ มูลเชงิ สมั พันธ์

ระบบฐานข้อมูลเชิงสมั พันธ์ (Relational Database) เป็นฐานขอ้ มูลท่ีใช้โมเดลเชงิ สัมพันธ์
(Relational Database Model) ซง่ึ ผคู้ ดิ ค้นโมเดลเชิงสมั พนั ธ์นีค้ ือ Dr. E.F. Codd โดยใช้หลกั พ้ืนฐานทาง
คณติ ศาสตร์ เน่อื งด้วยแนวคิดของแบบจำลองแบบน้ีมลี ักษณะทค่ี นใชก้ นั ทัว่ กล่าวคอื มกี ารเก็บเป็นตาราง
ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจและการประยกุ ตใ์ ชง้ าน ด้วยเหตุน้ี ระบบฐานข้อมลู แบบน้จี ึงที่ได้รับความนิยมมาก
ที่สุด ในแงข่ อง entity แบบจำลองแบบน้คี อื แฟ้มข้อมูลในรูปตาราง และ attribute ก็เปรยี บเหมือนเขต
ข้อมูล สว่ นความสมั พันธค์ ือความสมั พันธร์ ะหวา่ ง entity
ฐานข้อมลู เชงิ สมั พันธ์ คอื การเกบ็ ข้อมูลในรปู ของตาราง (Table) หลายๆตารางทมี่ ีความสัมพนั ธก์ ัน ในแต่
ละตารางแบง่ ออกเปน็ แถวๆ และในแตล่ ะแถวจะแบง่ เปน็ คอลมั น์ (Column) ในทางทฤษฎีจะมีคำศัพท์
เฉพาะแตกตา่ งออกไป เนื่องจากแบบจำลองแบบน้เี กิดจากทฤษฎีทางคณิตศาสตร์เรอ่ื งเซท็ (Set) ดังน้ัน เรา
จะมคี ำศพั ท์เฉพาะดงั ตารางท่ี 3.1น้ี
คำศพั ทเ์ ฉพาะท่ใี ช้ในระบบฐานขอ้ มลู เชงิ สัมพนั ธ์
ศัพท์เฉพาะ
รีเลช่ัน (Relation)ทเู ปิล
(Tuple)แอททรบิ ิวท์ (Attribute)
คารด์ นิ ัลลิติ้ (Cardinality)
ดกี รี (Degree)
คีย์หลัก (Primary key)
โดเมน (Domain)
ศพั ทท์ ัว่ ไป
ตาราง (Table)
แถว (Row) หรือ เรคคอร์ด (Record) หรอื ระเบียน
คอลมั น์ (Column) หรือฟลิ ด์ (Field)
จำนวนแถว (Number of rows)
จำนวนแอททริบิวท์ (Number of attribute)
ค่าเอกลกั ษณ์ (Unique identifier)
ขอบข่ายของคา่ ของข้อมูล (Pool of legal values)
โครงสรา้ งของข้อมูล (Data Structure)

Relationโครงสรา้ งของฐานขอ้ มูลเชงิ สมั พันธ์ จะอย่ใู นลกั ษณะของตาราง 2 มิติ ประกอบด้วย
ทางด้านแถว และคอลมั น์ ซ่ึงจะเรยี กว่า รเี ลชนั (Relation) โดยทั่ว ๆ ไป Relation หนึง่ ๆ จะมคี ุณสมบตั ิ
ตา่ ง ๆ ดงั น้ี
1) ไมม่ ี Tuples คู่ใด ๆ เลยท่ซี ำ้ กัน (No duplicate tuples)

109

2) ลำดับทขี่ อง Tuples ไม่มีความสำคญั
3) ลำดับท่ีของ Attributes ไม่มีความสำคญั
4) คา่ ของ Attribute จะเป็นคา่ เด่ยี ว ๆ (Atomic) นัน่ คอื ค่าของขอ้ มลู ทป่ี รากฏอยใู่ นตารางจะเปน็ คา่ ๆ
เดียว เป็นลิสต์ของค่าหลาย ๆ คา่ ไมไ่ ด้ ซง่ึ Relation ทม่ี ีคุณสมบัตขิ ้อนี้จะถกู เรียกวา่ เป็น Relation ท่อี ยูใ่ น
รูปแบบ Normal form
5) ค่าของข้อมูลในแตล่ ะ Attribute จะบรรจคุ ่าของขอ้ มลู ประเภทเดยี วกัน
ชนดิ ของ Relations
ในระบบจดั การฐานข้อมูลทัว่ ๆ ไป Relation อาจจำแนกออกได้เป็น 2 ประเภท ดังน้คี อื
1) Relation หลัก (Base Relation)
เป็น Relation ที่ถูกกำหนดข้ึนเพอ่ื เก็บขอ้ มูลและเพื่อนำข้อมลู ไปใชเ้ ม่ือมีการสร้าง Relation โดยใช้ Data
Definition Language เชน่ ใน SQL คำส่งั CREATE TABLE เปน็ การสร้าง Relation หลัก หลงั จากนนั้ ก็
จะทำการเก็บขอ้ มูลเพอ่ื การเรยี กใช้ข้อมูลในภายหลงั Relation หลักจะเป็นตารางท่จี ัดเก็บขอ้ มูลจริงไว้
2) วิว (View) หรอื อาจเรียกอีกอยา่ งหนง่ึ ว่า Relation สมมุติ (Virtual Relation)
เปน็ Relation ท่ีถกู สรา้ งขน้ึ ตามความตอ้ งการใช้ขอ้ มูลของผใู้ ช้แต่ละคน เนอ่ื งจาก ผใู้ ช้แต่ละคนอาจ
ต้องการใช้ขอ้ มลู ในลกั ษณะทแ่ี ตกต่างกนั จึงทำการกำหนดววิ ของตัวเองข้นึ มาจาก Relation หลกั เพ่ือ
ความสะดวกในการใช้ขอ้ มูล และชว่ ยให้การรักษาความปลอดภัยของฐานขอ้ มูลทำได้งา่ ยขึ้น Relation ทถี่ กู
สมมติขึ้นมานี้จะไม่มีการเก็บข้อมลู จริง ๆ ในระบบฐานข้อมูล
โครงสร้างของฐานข้อมูลเชิงสมั พันธ์

ตารางขอ้ มลู ทั้งหมด จะเรยี กวา่ Relation แตโ่ ดยสว่ นใหญ่นยิ มเรยี กว่า Table หรอื ตาราง
เนื่องจากโครงสรา้ งการจัดเก็บเปน็ แบบตาราง สว่ นข้อมูลในแต่ละแถว จะเรียกว่า ทเู พิล (Tuple)
ส่วนขอ้ มูลในแต่ละคอลมั น์ จะเรียกว่า แอตทริบวิ ส์ (Attribute) ดงั ตัวอยา่ งมี 4 แอตทรบิ วิ ส์ คอื SID,
Sname, GPA, Major เขยี นเป็นสมการไดด้ ังนี้ Student(SID,Sname,GPA,Major)
Domain

โดเมน (Domain) คือการกำหนดขอบเขตและชนดิ ของขอ้ มลู เพือ่ ปอ้ งกันไม่ให้ข้อมูลท่ผี ู้ใชจ้ ัดเกบ็ มี
ความผดิ พลาดไปจากความเปน็ จรงิ ท่คี วรจะเป็น
โดเมนของขอ้ มลู

เปน็ การกำหนดโดเมนใหก้ ับแอตทริบวิ ส์ข้อมูล GPA ซึ่งเป็นคา่ เกรดเฉล่ยี ของนกั ศกึ ษา ซงึ่ ค่าเกรด
เฉล่ียจะตอ้ งมคี า่ อย่รู ะหวา่ ง 0 - 4 ดงั นน้ั จึงต้องกำหนดโดเมนใหก้ ับแอตทริบวิ ส์ GPA เพ่อื ไมใ่ ห้ข้อมลู
ผิดพลาดไปจากน้ี
คีย์ (Key) คีย์ คือ แอตทริบิวส์ หรือ กล่มุ ของแอตทริบิวสท์ ่ีสามารถแยกความแตกต่างของขอ้ มูล ในแตล่ ะทู
เพลิ ได้ หรอื แอตทริบวิ สท์ ข่ี อ้ มูลในแอตทรบิ ิวส์นัน้ ตอ้ งมีขอ้ มลู ทไี่ ม่ซ้ำกัน ซ่ึงคีย์ มอี ยูห่ ลายชนิดดว้ ยกนั ไดแ้ ก่
คยี ์อย่างงา่ ย (Simple key) หมายถึง key ท่ีประกอบด้วย attribute เดยี ว
คียป์ ระกอบ (Combine key หรือ Composite key) หมายถงึ key ท่ี ประกอบด้วย attribute มากกวา่ 1
attribute

110

คีย์คู่แขง่ (Candidate Key) คือคยี ์ทเี่ ล็กท่ีสุด ที่แยกความแตกต่างของขอ้ มลู แต่ละทูเพิลได้ ยกตวั อย่างเช่น
ในรเี ลชนั Student มีข้อมูลท่ีสามารถเปน็ คยี ์คูแ่ ข่ง คือแอตทรบิ วิ ส์ รหสั นกั ศึกษา และการใช้แอตทริบวิ ส์
ช่อื รวมกับนามสกุล ซ่ึงท้ังสองแบบสามารถระบคุ วามแตกต่าง ของขอ้ มูล แต่ละทูเพลิ ได้
คยี ์หลกั (Primary Key) คือคยี ์คู่แข่งซึง่ ไดเ้ ลอื กมาเพื่อใชก้ ำหนดให้เป็นค่าคีย์ หลกั ของ รเี ลชนั ซง่ึ ข้อมูลที่
เปน็ คยี ์หลกั น้ันจะตอ้ งมีข้อมลู ท่ไี ม่ซ้ำกัน และมักจะเลือกคีย์คแู่ ขง่ ทม่ี ีขนาดเลก็ มาเป็นคยี ์หลกั ตัวอยา่ งเช่น
การเลอื กแอตทริบิวสร์ หัสนักศกึ ษา มาเป็นค่าคีย์หลกั เนอ่ื งจาก มีขนาดเล็กกว่าแอตทริบิวส์ ชือ่ รวมกบั
นามสกุล ซึ่งจะทำใหก้ ารทำงานเรว็ กว่า เนื่องจากมีขนาดเลก็ กว่า
คยี ์รอง (Alternate Key หรอื Secondary key) คือคีย์คู่แขง่ อ่ืนๆ ท่ีไม่ได้ ถกู เลือกมาใชง้ าน ยกตัวอยา่ ง
เช่น แอตทริบวิ ส์ ช่อื รวมกับนามสกุล ซง่ึ ไม่ได้ถกู เลอื กให้เป็นคยี ์หลักของรเี ลชัน ก็จะกลายเปน็ Alternate
Key
คียห์ ลกั และคียน์ อก

รเี ลชนั Student มคี ่าคยี ์หลกั คือ SID ซ่ึงเป็นรหัสนกั ศกึ ษา โดยขอ้ มลู ของรหสั นักศกึ ษาจะตอ้ งมี
ข้อมูลท่ไี ม่ซำ้ กนั และมคี ียน์ อกของตารางคือแอตทริบิวส์ Major ซงึ่ เชอื่ มโยงความสมั พนั ธไ์ ปยังแอตทริบิวส์
Major ของรีเลชนั Major ซ่ึงข้อมลู ทกุ ตวั ของแอตทริบิวส์ Major ในรีเลชัน Student จะตอ้ งมีอยูใ่ นแอตทริ
บวิ ส์ Major ของรเี ลชนั Major สว่ นตาราง Major มคี ีย์หลักคอื แอตทรบิ ิวส์ Major ซปุ เปอร์คยี ์ (Super
key) หมายถึง attribute หรอื เซ็ทของ attribute ท่ี สามารถบ่งบอกว่าแต่ละแถว (Tuple) แตกต่างกนั ใน
ทกุ ๆ ความสัมพนั ธ์ จะตอ้ งมอี ย่างนอ้ ย หนงึ่ super key ในเซท็ ของ attributes
กฎทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การรักษาความถูกตอ้ ง

กฎทใี่ ช้สำหรับรกั ษาความถกู ต้องของข้อมลู แบง่ ออกเป็น 2 กฎคือ กฎท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั เอนทติ ้ี และกฎ
ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การเชอื่ มโยงความสัมพันธข์ องเอนทติ ้กี ฎความบูรณภาพของเอนทติ ี้ (Entity Integrity Rule)
กฎความบูรณภาพของเอนทิตี้ เปน็ กฎที่ใช้กำหนดเพ่อื ใหข้ ้อมลู ของเอนทิต้ี มคี วามถกู ตอ้ ง ซึง่ กล่าวไวว้ ่า "แอ
ตทริบิวส์ที่ทำหนา้ ที่เปน็ คียห์ ลกั ของรีเลชัน ไม่สามารถมคี ่าเปน็ ค่าว่างได้ (Null Value)" และจะต้องมี
คณุ สมบัตทิ ี่เปน็ เอกลักษณ์ (Identity) คอื สามารถระบขุ อ้ มลู แอตทริบวิ สอ์ ืน่ ๆ ที่อยู่ในทเู พิลเดียวกนั ได้กฎ
ความบรู ณภาพของการอา้ งอิง (Referential Integrity Rule)กฎความบรู ณภาพของการอา้ งอิง คือกฎทใี่ ช้
รักษาความถูกตอ้ งของขอ้ มลู ท่ีมีความสัมพนั ธ์กนั ของเอนทิตี้ ซงึ่ ไดก้ ล่าวไวว้ า่ "คา่ ของคียน์ อกในรีเลชนั
จะต้องมขี ้อมูลอยใู่ นอีก รเี ลชนั หนง่ึ ทีค่ ีย์นอกของรเี ลชนั นั้นอา้ งอิงถึง"ในบางกรณคี ยี น์ อกอาจเปน็ ค่าว่างได้
ถ้านโยบายขององค์กร อนญุ าตให้ค่าคียน์ อกเปน็ คา่ วา่ งได้ กรณหี ากมีการลบ หรือแกไ้ ขขอ้ มูล ในรเี ลชันที่
ถูกอา้ งอิงถงึ ซึ่งจะทำให้สญู เสยี ความบรู ณภาพของข้อมูล ดงั ตัวอยา่ งรปู ท่ี 3.6 หากมีการแก้ไขหรือลบขอ้ มูล
ของรีเลชัน Major ในแอตทรบิ ิวส์ Major ซงึ่ มคี วามสมั พนั ธ์อย่กู ับรีเลชัน Student จะทำให้ความสัมพนั ธ์
ของข้อมลู เสียหาย ดังนั้นจึงตอ้ งเลอื ก การกระทำเพอ่ื ไม่ให้ความสมั พันธข์ องขอ้ มูลสญู เสยี ไปดงั นี้
กรณกี ารแก้ไขขอ้ มลู
1. หา้ มทำการแกไ้ ขข้อมูลในรเี ลชันทีถ่ กู อ้างถึงนน้ั เน่อื งจากจะทำให้ข้อมูลในรีเลชนั ทอ่ี า้ งองิ มา ไมส่ ามารถ
อ้างองิ ข้อมลู ได้

111

2. อนญุ าตให้ทำการแกไ้ ขข้อมูลในรเี ลชนั ที่ถูกอ้างองิ ถึงได้ แตจ่ ะตอ้ งตามไปแก้ไขข้อมลู ในรีเลชนั ที่อา้ งองิ
มาใหต้ รงกบั ข้อมูลที่แก้ไขใหมท่ ้ังหมด
3. อนญุ าตให้ทำการแกไ้ ขขอ้ มลู ในรเี ลชนั ท่ีถกู อ้างองิ ถึงได้ โดยการแกไ้ ขขอ้ มลู ในรเี ลชัน ที่อ้างอิงมาใหม้ ีค่า
เปน็ ค่าว่าง
รีเลชันทมี่ คี วามสมั พันธก์ ัน
กรณกี ารลบขอ้ มูล
1. ห้ามทำการลบข้อมูลในรเี ลชนั ที่ถกู อ้างถึงนน้ั เน่ืองจากจะทำใหข้ อ้ มลู ใน รีเลชันท่อี ้างองิ มา ไม่สามารถ
อา้ งองิ ขอ้ มลู ได้
2. อนุญาตให้ทำการลบขอ้ มูลในรเี ลชนั ทถ่ี ูกอ้างองิ ถงึ ได้ แต่จะตอ้ ง ตามไปลบข้อมูลในรีเลชนั ท่ีอา้ งองิ มา
ทัง้ หมด
3. อนญุ าตใหท้ ำการลบข้อมูลในรีเลชนั ทถี่ ูกอ้างองิ ถึงได้ โดยการแก้ไขข้อมลู ในรเี ลชัน ทีอ่ ้างอิงมาใหม้ คี ่า
เปน็ คา่ วา่ ง (Null value)ค่าวา่ ง (Null Values)ค่าของ Attribute อาจจะเปน็ ค่าวา่ ง (Null) คือ ไมม่ ีคา่
หรอื ยังไม่ทราบคา่ ได้ ตัวอยา่ งเชน่ จำนวนไข่ของนกกระจอกเทศ จะสามารถบอกไดเ้ ม่อื นกกระจอกเทศออก
ไขแ่ ล้ว แต่ยังไม่ทราบค่า ในขณะที่จำนวนไข่ของช้างน้นั ไม่มีค่า เป็นตน้

แบบฝกึ หดั /เฉลย

ตอนที่ 1 คำสัง่ จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ใี หถ้ กู ต้อง

1. จงอธบิ ายความหมายของฐานข้อมูลเชงิ สมั พนั ธ์

ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ คือ การเก็บข้อมูลในรูปของตาราง (Table) หลายๆตาราง

ที่มีความสัมพันธ์กัน ในแต่ละตารางแบ่งออกเป็นแถวๆ และในแต่ละแถวจะแบ่งเป็นคอลัมน์ (Column)

ในทางทฤษฎีจะมีคำศพั ทเ์ ฉพาะแตกตา่ งออกไป เนือ่ งจากแบบจำลองแบบน้ีเกิด จากทฤษฎี

ทางคณิตศาสตร์เรอื่ งเซท็ (Set)

2. จงบอกสว่ นประกอบของโมเดลเชิงสมั พันธ์ของ Dr. E.F.Codd

Dr.E.F.Codd ได้กำหนดสว่ นประกอบของโมเดลเชิงสมั พนั ธน์ ี้ แบง่ เปน็ 3 ส่วนได้แก่

1. ส่วนท่ีเก่ยี วข้องกับโครงสร้างของขอ้ มูล

2. ส่วนท่ีเกี่ยวกบั การควบคมุ ความถกู ตอ้ งใหก้ บั ข้อมูล

3. สว่ นในการจัดการกบั ขอ้ มูล

3. จงบอกประเภทของความสัมพนั ธใ์ นฐานข้อมลู ท่วั ๆ ไป

1) Relation หลัก (Base Relation)

2) ววิ (View) หรอื อาจเรียกอกี อยา่ งหนงึ่ ว่า Relation สมมติ (Virtual Relation)

4. จงบอกความหมายของโดเมน

โดเมน (Domain) คือการกำหนดขอบเขตและชนิดของข้อมูลเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลที่ผู้ใช้

จดั เก็บ มคี วามผดิ พลาดไปจากความเป็นจริงท่คี วรจะเป็น

112

5. จงบอกชนดิ ของคยี ์ (Key)
3.1 คยี อ์ ยา่ งงา่ ย (Simple Key)
3.2 คียป์ ระกอบ (Combine Key หรือ Composite Key)
3.3 คียค์ แู่ ขง่ (Candidate Key)
3.4 คียห์ ลัก (Primary Key)
3.5 คยี ์รอง (Alternate Key หรอื Secondary Key)
3.6 คีย์นอก (Foreign Key)

จากรูปขา้ งตน้ รเี ลชัน Student มคี ่าคียห์ ลกั คอื ID_student ซ่ึงเปน็ รหสั นักศึกษา โดยข้อมูลของ
รหัสนักศึกษาจะต้องมีข้อมูลที่ไม่ซ้ำกัน และมีคีย์นอกของตารางคือแอททริบิวต์ Sectionซึ่งเชื่อมโยง
ความสัมพนั ธไ์ ปยังแอททริบิวต์ Section ของรเี ลชัน Section ซง่ึ ขอ้ มลู ทกุ ตวั ของแอททริบิวต์ Section ใน
รีเลชัน Student จะต้องมีอยู่ในแอททริบิวต์ Section ของรีเลชัน Section ส่วนตาราง Section มีคีย์หลัก
คอื แอททริบวิ ต์ Section

6. จงอธิบายความหมายของภาษาฐานข้อมูล
ภาษาฐานข้อมูล (Query language) เป็นภาษาทใ่ี ชใ้ นการออกแบบสร้างฐานข้อมลู ซง่ึ มีอย่ดู ว้ ยกนั

หลายภาษา แต่ในปจั จุบันภาษาท่นี ยิ มใช้กนั อยา่ งแพรห่ ลาย คือภาษ SQL (Structured Query Language)
เป็นภาษาท่ีถกู พัฒนาขึน้ จากแนวคิดของ Relational Calculus และ Relational Algeha เป็นหลกั พฒั นา
ครั้งแรกโดย San Jose Research Laboratory (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Almadem Research Center)
ของบริษัท IBM ใช้ชื่อว่า Sequel (Structured English Query Language)” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น SQL
(Structured Query Language)” ใชเ้ ป็นภาษาต้นแบบของผลิตภณั ฑ์ทางด้านฐานข้อมูล

7. จงอธบิ ายลกั ษณะของโปรแกรม SQL
SQL เป็นภาษามาตรฐานภาษาหนึ่ง ทป่ี รากฏใน DBMS ท่มี ีโมเดลเชิงสัมพันธ์หลายตวั

เช่น ในโปรแกรม Oracle และโปรแกรม FoxBASE+ เป็นตน้ ทัง้ น้ี SQL มรี ปู แบบการใช้คำสง่ั เป็น
ภาษาองั กฤษทำให้ง่ายตอ่ การเขา้ ใจและการเรียนรวู้ ิธกี ารใชง้ าน มกี ารใช้งานกันอยา่ งกวา้ งขวางในยุค
ปัจจบุ ัน สามารถใชก้ ับเคร่ืองคอมพวิ เตอรต์ ั้งแต่ระดบั ไมโครคอมพิวเตอร์ไปจนถงึ ระดบั เครอ่ื งเมนเฟรม

8. จงอธบิ ายวตั ถุประสงคข์ องภาษาฐานขอ้ มลู SQL
วตั ถปุ ระสงค์ของภาษาฐานข้อมูล (SQL)
วตั ถุประสงค์ ในการใช้งานภาษาฐานขอ้ มูล คือ

113

1. เพอ่ื สรา้ งฐานข้อมูลและโครงสร้างรเี ลชัน่

2. เพ่อื สนบั สนุนงานด้านการจดั การฐานขอ้ มลู พ้นื ฐาน เชน่ การเพม่ิ การปรบั ปรุง หรอื

การลบจากรเี ลช่ัน

3. เพ่ือสนบั สนุนการคน้ หา สืบถามขอ้ มูล และการแปลงขอ้ มูลใหอ้ ยู่ในรูปของสารสนเทศ

9. จงอธิบายประเภทของภาษาฐานข้อมูล SQL

ประเภทของภาษาฐานขอ้ มูล (SQL)

รูปแบบคำสั่งของภาษา SQL สามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 3 ประเภท คอื

1. ภาษาสำหรับนยิ ามโครงสร้างของฐานขอ้ มูล (Data Definition Language : DDL)

2. ภาษาสำหรับการจัดการขอ้ มูล (Data Manipulation Language : DML)

3. ภาษาสำหรับควบคมุ (Control Language : CL)

10. จงอธิบายประโยชน์ของภาษาฐานขอ้ มลู SQL

ประโยชน์ของ SQL

SQL เป็นภาษาฐานข้อมูล ที่สามารถใช้ในเรื่องของการนิยามข้อมูลการเรียกใช้ หรือการควบคุม

คำสั่งเหล่านี้จะช่วยประหยัดเวลาในการพัฒนาระบบงาน หรือนำไปใช้ในส่วนของการสร้างฟอร์มเชื่อมโยง

(Form) การทำรายงาน (Report) ของระบบงานต่าง ๆ ได้รวดเรว็ ยิง่ ขึน้

ตอนท่ี 2 จงบอกความหมายของคำศพั ท์ต่อไปน้ี

คำศัพท์ ความหมาย คำศัพท์ ความหมาย

Data Structure โครงสร้างขอ้ มูล Simple Key คยี ์อย่างงา่ ย

Duplicate ซ้ำกัน Combine Key คยี ป์ ระกอบ

Atomic ค่าเดี่ยว ๆ Candidate Key คียค์ แู่ ข่ง

Normal Form ฟอร์มปกติ Alternate Key คยี ์รอง

Virtual สมมติ Foreign Key คีย์นอก

ตอนท่ี 3 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องท่ีสดุ เพยี งข้อเดียว

คำส่ัง จงทำเครอ่ื งหมายกากบาท () หนา้ ข้อทถี่ ูกตอ้ งมากท่สี ุดเพียงข้อเดียว
1. ฟลิ ดใ์ ดทคี่ วรจะต้องทำ Primary Key

ก. ชอื่ ลูกค้า
ข. รหัสลูกค้า
ค. ท่อี ยู่
ง. หมายเลขโทรศพั ท์
จ. วันท่ีขาย
2. Dr. E. F. Codd ไดก้ ำหนดสว่ นประกอบของโมเดลเชิงสัมพันธ์ไว้กส่ี ว่ น
ก. 1 สว่ น
ข. 2 ส่วน

ค. 3 ส่วน 114
ง. 4 สว่ น
จ. 5 ส่วน ขอ้ 9
3. No Duplicate tuples หมายถงึ ขอ้ ใด
ก. ไม่มี Tuples ค่ใู ด ๆ เลยทซ่ี ้ำกัน
ข. ลำดบั ทขี่ อง Tuples ไม่มคี วามสำคญั
ค. ลำดับที่ของ Attributes ไมม่ คี วามสำคญั
ง. คา่ ของ Attribute จะเป็นค่าเด่ียว ๆ
จ. ค่าของขอ้ มลู ในแต่ละ Attribute จะบรรจคุ ่าของขอ้ มูลประเภทเดยี วกัน
4. Atomic หมายถงึ ข้อใด
ก. ไมม่ ี Tuples ค่ใู ด ๆ เลยท่ซี ้ำกนั
ข. ลำดับที่ของ Tuples ไม่มีความสำคัญ
ค. ลำดับท่ีของ Attributes ไมม่ คี วามสำคญั
ง. ค่าของ Attribute จะเปน็ ค่าเดยี่ ว ๆ
จ. คา่ ของขอ้ มลู ในแต่ละ Attribute จะบรรจคุ ่าของขอ้ มลู ประเภทเดียวกัน

5. ข้อใดหมายถึงความสัมพนั ธ์สมมติ
ก. Base Relation
ข. Data Relation
ค. Virtual Relation
ง. Group Relation
จ. Work Relation

ตารางตอ่ ไปน้ีใชต้ อบข้อ 6-9
ช่ือตาราง (Table) : TblStudent ขอ้ 6
ข้อ 7

ID_student Stu_name Grade Section

580001 นิภา อุ่นใจ 3.5 1
41
ขอ้ 8 580002 สมศักดิ์ มานะดี

580003 จติ รา น่มิ นวลงาม 22

115

ก. Entity
ข. Attribute
ค. Tuple
ง. Domain
จ. Relation
ข้อ 6 หมายถงึ ขอ้ ใด = ก
ขอ้ 7 หมายถึงขอ้ ใด = ข
ขอ้ 8 หมายถงึ ขอ้ ใด = จ
ขอ้ 9 หมายถงึ ข้อใด = ค
10. Primary Key หมายถงึ ข้อใด
ก. คยี อ์ ย่างงา่ ย
ข. คยี ์ประกอบ
ค. คยี ์ค่แู ข่ง
ง. คยี ห์ ลกั
จ. คียร์ อง
เอกสารอา้ งอิง
หนังสือเรยี นวชิ า ระบบจัดการฐานขอ้ มูล ของ สำนกั พมิ พ์จติ รวฒั น์ (JW) กทม., 2563
ภาคผนวก (ถ้ามี)

116

ใบงานท่ี 5 หน่วยท่ี 5

รหัสวชิ า 30204-2002 ชื่อวิชา ระบบจัดการฐานข้อมลู ภาคเรยี นท่ี 1

ช่อื หน่วย การออกแบบขอ้ มลู เชิงสมั พนั ธแ์ ละภาษา เวลารวม 4 ช่ัวโมง
มาตรฐานระบบฐานขอ้ มลู

ชือ่ งาน การออกแบบขอ้ มลู เชิงสมั พันธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบฐานขอ้ มูล จำนวน 4 ชว่ั โมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงคท์ ั่วไป

1. เพื่อมคี วามรู้ความเขา้ ใจการออกแบบขอ้ มลู เชิงสัมพันธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมลู

2. เพอื่ มีความรู้ความเข้าใจกระบวนการการออกแบบข้อมูลเชิงสมั พนั ธ์และภาษามาตรฐานระบบ

ฐานข้อมลู
จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ)

1. บอกความหมายของฐานขอ้ มลู เชิงสมั พันธไ์ ด้

2. อธบิ ายโครงสร้างของขอ้ มูลได้

3. อธบิ ายภาษาฐานขอ้ มลู และประเภทของภาษาฐานขอ้ มูลได้

4. อธิบายตวั อย่างรปู แบบการเรยี กใช้คำสงั่ SQL ได้

5. ปฏบิ ัตกิ ารเลือกใช้รปู แบบภาษาฐานข้อมูลใหเ้ หมาะสมกบั งานได้

สมรรถนะรายหน่วย

1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับการออกแบบขอ้ มลู เชิงสมั พันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานขอ้ มูล

2. วางแผนการใช้การออกแบบข้อมูลเชิงสมั พันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมลู

เครือ่ งมือ วสั ดุ – อุปกรณ์
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ PC หรือ Notebook
2. โปรเจ็คเตอร์
3. หนงั สอื

ลำดับขนั้ ตอนการปฏิบัติงาน
1. ให้นักศึกษาแบ่งกลมุ่ ตามความเหมาะสม เพ่อื ศึกษาและอภปิ ราย
1.1 อธิบายความรูเ้ กยี่ วกับความเขา้ ใจกับการออกแบบข้อมลู เชิงสัมพันธ์และภาษา
มาตรฐานระบบฐานขอ้ มูล
1.2 เขียนรปู พร้อมอธบิ ายความเขา้ ใจกบั การออกแบบข้อมลู เชิงสัมพันธ์และภาษา
มาตรฐานระบบฐานขอ้ มลู
2. เขียนอภปิ รายและวิเคราะหใ์ ส่กระดาษ
3. นำผลงานสง่ ครูผู้สอนเพื่อประเมนิ ผล

ภาพประกอบ

117

ข้อควรระวัง
ผู้เรียนควรตรวจสอบข้อมูลก่อนให้ถีถ่ ้วน ละเอยี ด และรอบคอบกอ่ น เพื่อป้องกันความผิดพลาดกอ่ น

การส่งงาน
ขอ้ เสนอแนะ (ถ้ามี)

นกั ศึกษาควรมภี าพประกอบการนำเสนองาน และสามารถอธิบายเนื้อหาใหส้ อดคล้องกบั ภาพให้ถูกตอ้ ง
การประเมนิ ผล (ตอ้ งระบเุ กณฑก์ ารประเมนิ ใหช้ ัดเจน)

1. สังเกตผเู้ รยี นมีความสนใจ เกิดความเขา้ ใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รือร้น
ในการแสดงความคิดเห็นและสรุปสาระการเรียนร้ปู ระจำหน่วย
2. ทำใบงานได้อยา่ งถูกตอ้ ง ทันเวลาทกี่ ำหนด ใบงานสะอาดและเปน็ ระเบียบ
3. ผู้เรยี นทำแบบฝกึ หดั หลังเรยี นได้ถกู ตอ้ ง โดยได้คะแนน 50% เป็นอย่างตำ่
เอกสารอา้ งองิ
หนังสอื เรยี นวิชา ระบบจดั การฐานขอ้ มลู ของ สำนกั พิมพจ์ ิตรวัฒน์ (JW) กทม., 2563

118

ใบกิจกรรมที่ 5 หน่วยท่ี 5

รหัสวชิ า 30204-2002 ช่ือวิชา ระบบจัดการฐานขอ้ มูล ภาคเรียนที่ 1

ชื่อหนว่ ย การออกแบบข้อมลู เชิงสมั พันธแ์ ละภาษา เวลารวม 4 ช่ัวโมง
มาตรฐานระบบฐานขอ้ มลู

ช่ืองาน การออกแบบข้อมลู เชงิ สัมพนั ธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมูล จำนวน 4 ชว่ั โมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ท่ัวไป

1. เพอื่ มคี วามรู้ความเขา้ ใจการออกแบบข้อมูลเชิงสมั พนั ธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมูล

2. เพอื่ มคี วามรู้ความเขา้ ใจกระบวนการการออกแบบข้อมลู เชงิ สมั พันธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบ

ฐานขอ้ มลู

จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (ความรู้ ทักษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณวชิ าชีพ)

1. บอกความหมายของฐานข้อมูลเชงิ สัมพนั ธไ์ ด้
2. อธิบายโครงสร้างของขอ้ มูลได้
3. อธิบายภาษาฐานข้อมูลและประเภทของภาษาฐานข้อมลู ได้
4. อธิบายตัวอย่างรปู แบบการเรียกใช้คำส่ัง SQL ได้
5. ปฏบิ ตั กิ ารเลอื กใชร้ ปู แบบภาษาฐานขอ้ มูลให้เหมาะสมกับงานได้
สมรรถนะรายหน่วย
1. แสดงความรู้เกย่ี วกบั การออกแบบขอ้ มูลเชงิ สมั พนั ธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมูล

2. วางแผนการใช้การออกแบบข้อมูลเชงิ สัมพันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมูล

เครื่องมอื วัสดุ – อปุ กรณ์
1. เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ PC หรอื Notebook
2. โปรเจค็ เตอร์
3. หนังสอื

ลำดบั กจิ กรรม
1. ผู้เรียนตอ้ งใหค้ วามสนใจในการศึกษา เพื่อหาเทคนิค วิธีการ หรือหลักการง่ายเพื่อใหห้ าคำตอบ

ได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว โดยการ ตั้งใจฟังหลักการ เทคนิควิธีการที่ครูผู้สอนสรุปในขณะที่ทำการ
สอน และนำขอ้ สงสัยซักถามครูในการเรียนทุกคร้ังท่ีเกดิ ความสบั สน และไมเ่ ข้าใจ

2. ผมู้ ีการทบทวนบทเรียน ตลอดเพื่อเสริมสรา้ งความเขา้ ใจอย่างแท้จริง
3. ผ้เู รียนหมัน่ ทำใบงาน แบบฝกึ หัด และแก้ไขข้อทีผ่ ดิ ใหถ้ กู ตอ้ งเสมอ
4. ผู้เรียนต้องสร้างมโนภาพให้เกิดความคิดรวบยอดในสาระการเรียนรู้และเทคนิควิธีการพร้อมกับ
ความจำเป็นในการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดขึ้นโดยตนเองให้ได้เพื่อเกิดความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง
ไมใ่ ชเ่ กิดจากการทอ่ งจำ
5. ผู้เรียนต้องดำเนินการตามกิจกรรมหรืองานที่ได้รับมอบหมาย ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่
กำหนด และฝกึ ฝนตนเองเสมอ เม่อื ไดร้ ับมอบหมายงานมา

119

การประเมนิ ผล (ต้องระบเุ กณฑก์ ารประเมินใหช้ ัดเจน)
1. สงั เกตผ้เู รียนมีความสนใจ เกิดความเข้าใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รอื ร้นใน
การแสดงความคิดเหน็ และสรุปสาระการเรยี นรปู้ ระจำหน่วย
2. ทำใบงานไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ทันเวลาท่ีกำหนด ใบงานสะอาดและเป็นระเบียบ
3. ผู้เรยี นทำแบบฝึกหดั หลังเรยี นได้ถกู ต้อง โดยไดค้ ะแนน 50% เป็นอย่างต่ำ

เอกสารอา้ งอิง
หนังสือเรียนวชิ า ระบบจัดการฐานข้อมลู ของ สำนกั พิมพจ์ ติ รวฒั น์ (JW) กทม., 2563

120

ใบปฏบิ ัติงานท่ี 5 หนว่ ยที่ 5

รหสั วิชา 30204-2002 ชอ่ื วิชา ระบบจัดการฐานขอ้ มลู ภาคเรยี นท่ี 1

ชื่อหนว่ ย การออกแบบข้อมลู เชิงสัมพันธแ์ ละภาษา เวลารวม 4 ชั่วโมง
มาตรฐานระบบฐานขอ้ มลู

ชอื่ งาน การออกแบบข้อมูลเชงิ สมั พันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมูล จำนวน 4 ชวั่ โมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

จุดประสงค์ท่ัวไป
1. เพอื่ มคี วามรู้ความเขา้ ใจการออกแบบข้อมลู เชิงสมั พันธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมลู
2. เพอื่ มคี วามรู้ความเข้าใจกระบวนการการออกแบบข้อมลู เชงิ สัมพันธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบ

ฐานข้อมูล
จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ)

1. บอกความหมายของฐานขอ้ มูลเชิงสัมพันธไ์ ด้
2. อธิบายโครงสรา้ งของข้อมลู ได้
3. อธิบายภาษาฐานขอ้ มลู และประเภทของภาษาฐานข้อมูลได้
4. อธิบายตวั อยา่ งรูปแบบการเรยี กใชค้ ำสัง่ SQL ได้
5. ปฏบิ ัติการเลอื กใชร้ ปู แบบภาษาฐานขอ้ มลู ให้เหมาะสมกับงานได้
สมรรถนะรายหน่วย
1. แสดงความรู้เกย่ี วกบั การออกแบบขอ้ มูลเชงิ สัมพนั ธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบฐานขอ้ มูล
2. วางแผนการใช้การออกแบบขอ้ มูลเชิงสมั พันธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมลู

เครื่องมือ วัสดุ – อุปกรณ์
1. เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ PC หรือ Notebook
2. โปรเจ็คเตอร์
3. หนงั สือ

ลำดบั ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิงาน
1. ผ้เู รยี นคน้ หาข้อมูลจากในอนิ เตอรเ์ น็ต ตามเรือ่ งทไ่ี ดร้ บั มอบหมายมาจาครูผูส้ อน
2. เมอ่ื ผู้เรียนได้รบั ขอ้ มลู เรียบรอ้ ยแล้ว ให้ผ้เู รียน นำขอ้ มลู นัน้ มาเรียบเรยี งให้เปน็ ระเบยี บ สวยงาม ให้
สามารถเขา้ ใจได้งา่ ย โดยจัดทำในรปู แบบเล่มรายงาน

ภาพประกอบ
ขอ้ ควรระวัง

ผเู้ รียนควรตรวจสอบข้อมูลกอ่ นใหถ้ ่ีถ้วน ละเอยี ด และรอบคอบกอ่ น เพ่ือปอ้ งกนั ความผดิ พลาดก่อน
การสง่ งาน

121

ข้อเสนอแนะ
นักศึกษาควรมีภาพประกอบการนำเสนองาน และสามารถอธิบายเนื้อหาให้สอดคลอ้ งกับภาพให้

ถกู ตอ้ ง
การประเมินผล

1. สังเกตผูเ้ รยี นมีความสนใจ เกดิ ความเข้าใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รือรน้ ใน
การแสดงความคิดเห็นและสรปุ สาระการเรยี นร้ปู ระจำหน่วย
2. ทำใบงานไดอ้ ย่างถูกต้อง ทนั เวลาทก่ี ำหนด ใบงานสะอาดและเป็นระเบยี บ
3. ผู้เรยี นทำแบบฝกึ หดั หลงั เรียนไดถ้ ูกตอ้ ง โดยไดค้ ะแนน 50% เป็นอย่างต่ำ
เอกสารอา้ งองิ
หนังสอื เรียนวชิ า ระบบจัดการฐานขอ้ มลู ของ สำนกั พมิ พจ์ ิตรวัฒน์ (JW) กทม., 2563

122

ใบมอมหมายงานที่ 5 หน่วยที่ 5

รหัสวิชา 30204-2002 ชื่อวชิ า ระบบจดั การฐานข้อมลู ภาคเรยี นที่ 1

ชอื่ หน่วย การออกแบบข้อมูลเชิงสัมพนั ธแ์ ละภาษา เวลารวม 5 ชั่วโมง
มาตรฐานระบบฐานขอ้ มลู

ชอื่ งาน การออกแบบข้อมลู เชงิ สัมพนั ธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมลู จำนวน 4 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

จุดประสงค์ทั่วไป
1. เพอ่ื มีความรู้ความเข้าใจการออกแบบข้อมูลเชิงสมั พันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมลู
2. เพ่อื มีความรู้ความเขา้ ใจกระบวนการการออกแบบข้อมลู เชงิ สัมพนั ธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบ

ฐานข้อมูล
จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (ความรู้ ทกั ษะ คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวชิ าชีพ)

1. บอกความหมายของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ได้
2. อธบิ ายโครงสรา้ งของข้อมูลได้
3. อธิบายภาษาฐานข้อมลู และประเภทของภาษาฐานข้อมลู ได้
4. อธิบายตัวอย่างรูปแบบการเรยี กใช้คำส่งั SQL ได้
5. ปฏบิ ตั กิ ารเลอื กใชร้ ปู แบบภาษาฐานข้อมูลให้เหมาะสมกบั งานได้
สมรรถนะรายหน่วย
1. แสดงความรเู้ ก่ียวกบั การออกแบบข้อมลู เชงิ สัมพันธ์และภาษามาตรฐานระบบฐานข้อมูล
2. วางแผนการใช้การออกแบบข้อมูลเชงิ สัมพันธแ์ ละภาษามาตรฐานระบบฐานขอ้ มลู

เครอ่ื งมือ วสั ดุ – อปุ กรณ์
1. เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ PC หรอื Notebook
2. โปรเจ็คเตอร์
3. หนังสือ

แนวทางการปฏบิ ตั งิ าน
1. ใหผ้ ู้เรยี นปฏบิ ัตงิ านตามใบงาน ใบกิจกรรม ใบปฏบิ ัติงาน อยา่ งเคร่งครดั ตามหัวขอ้ ทีไ่ ด้รับ
มอบหมาย ให้เสร็จสน้ิ ตามระยะเวลาที่กำหนด พรอ้ มท้งั การจดั ทำรายงาน และนำเสนองานอย่าง
ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นระเบียบเรียบรอ้ ย
2. ใหผ้ เู้ รียนแบ่งหน้าทก่ี บั เพ่อื นในกล่มุ ใหช้ ัดเจน และสามารถเขา้ ใจเนื้อหาตามหัวขอ้ ดงั กลา่ ว ได้
อย่างถกู ตอ้ ง ครบถ้วน

ภาพประกอบ

123

ข้อควรระวัง
ผูเ้ รียนควรตรวจสอบข้อมูลก่อนใหถ้ ีถ่ ว้ น ละเอยี ด และรอบคอบก่อน เพื่อป้องกันความผดิ พลาดก่อน

การสง่ งาน
ข้อเสนอแนะ

นกั ศึกษาควรมภี าพประกอบการนำเสนองาน และสามารถอธิบายเนอ้ื หาให้สอดคลอ้ งกับภาพให้
ถูกตอ้ ง
การประเมนิ ผล

1. สังเกตผู้เรยี นมีความสนใจ เกดิ ความเข้าใจในสาระการเรยี นรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รือรน้ ใน
การแสดงความคิดเห็นและสรุปสาระการเรยี นรูป้ ระจำหน่วย
2. ทำใบงานไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ทนั เวลาท่ีกำหนด ใบงานสะอาดและเปน็ ระเบยี บ
3. ผู้เรียนทำแบบฝกึ หัดหลงั เรียนไดถ้ ูกตอ้ ง โดยไดค้ ะแนน 50% เป็นอย่างต่ำ
เอกสารอ้างอิง
หนงั สอื เรยี นวิชา ระบบจดั การฐานข้อมลู ของ สำนักพิมพจ์ ติ รวฒั น์ (JW) กทม., 2563

124

แผนการจัดการเรียนรู้
หน่วยท.ี่ .............. 6..................................... จำนวน........4..........ชั่วโมง สัปดาห์ที่.....6......
ชื่อวิชา ระบบจัดการฐานข้อมลู
ชื่อหนว่ ย การเกิดภาวะพร้อมกนั และการก้คู ืน
ช่อื เร่ือง การเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั และการกูค้ ืน

1. สาระสำคญั
เมื่อมกี ารนำระบบฐานข้อมูลมาใช้ สง่ิ ท่ีควรคำนงึ ถึง คอื ความปลอดภัยและเชอ่ื ถือได้ของข้อมูลท่ีผู้ใช้

ข้อมูลตา่ ง ๆ ในระบบจะไดร้ ับ โดยเฉพาะระบบทีม่ ีผใู้ ช้เรียกใชข้ ้อมลู พรอ้ มกนั ในเวลาเดียวกนั หรือเมอ่ื ระบบเกิด
ปัญหาทำงานไม่ได้ตามปกติ ในที่นี้จะกล่าวถึงเรื่องการเกิดภาวะพร้อมกัน (Concurrency) และเทคนิคที่ใช้
ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะพร้อมกัน การกู้คืน (Recovery) และเทคนิคที่นำมาใช้เพื่อรักษาความปลอดภัย
(Security)
2. สมรรถนะประจำหนว่ ย

1. แสดงความรเู้ กีย่ วกับการเกิดภาวะพรอ้ มกนั และการก้คู ืน
2 วางแผนการใช้การเกิดภาวะพรอ้ มกันและการก้คู ืน
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จุดประสงคท์ ว่ั ไป
1. เพ่อื มีความรู้ความเข้าใจการเกิดภาวะพรอ้ มกนั และการกคู้ ืน
2. เพ่ือมคี วามรู้ความเขา้ ใจกระบวนการการเกิดภาวะพรอ้ มกนั และการก้คู นื
3.2 จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม (ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวชิ าชพี )
1. บอกความหมายของการเกิดภาวะพร้อมกนั ได้
2. อธบิ ายปัญหาการเกดิ ภาวะพรอ้ มกันได้
3. อธบิ ายวิธีการก้คู นื ได้
4. ปฏิบัตกิ ารเลือกใช้การเกิดภาวะพร้อมกนั และการกู้คืนใหเ้ หมาะสมกับงานได้
4. สาระการเรยี นรู้
1. ความหมายของการเกดิ ภาวะพร้อมกนั
2. การเกิดภาวะพร้อมกนั
3. ปัญหาการเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั
4. การกคู้ นื (Recovery)

125

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สัปดาหท์ ่ี......6.........)

กระบวนการจัดการเรียนรู้
5.1 ขั้นนำเข้าสูบ่ ทเรยี น

1. ผสู้ อนแนะนำเน้อื หาการเรียนรู้ และแนวทางการเรยี นรใู้ นหนว่ ยการเรียน

2. ผูส้ อนซักถามความรูเ้ บือ้ งต้นเก่ยี วกับการเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั (Concurrency) และการกู้คนื

5.2 ขนั้ สอน

1. ผสู้ อนให้ผูเ้ รยี นไดศ้ กึ ษารายละเอียดในเรอ่ื งการเกิดภาวะพรอ้ มกัน (Concurrency) และการกู้คนื

2. ผู้สอนให้ผ้เู รยี นแสดงความคิดเหน็ และมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์เนื้อหาทเี่ รยี นรู้ โดยเนน้ ใหผ้ เู้ รียนได้

มกี ารแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ และมีสว่ นร่วม

5.3 ข้ันสรุป

1. ผสู้ อนและผู้เรียนสรุปเนอื้ หาการเรยี นรอู้ ีกคร้ังดว้ ยการตัง้ คำถาม
2. มอบหมายภาระงานและแบบฝึกหดั
3. ปฏิบตั ติ ามใบงาน ดงั นี้
3.1 ให้ผู้เรียนแบ่งออกเปน็ 3 กลุ่ม กล่มุ ละ 2-3 คน อธิบายการเกิดภาวะพร้อมกนั กล่มุ ละ 1 ขอ้
3.2 ให้ผูเ้ รยี นทไ่ี ดจ้ ากการสมุ่ รายช่อื จากอาจารย์ผสู้ อน อธบิ ายหลักเกณฑ์ของการลำดับคนละ 1 ข้อ
3.3 ให้ผู้เรยี นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลมุ่ ละ 2-3 คน อธิบายประเภทของการเกดิ ขัดข้อง กลุ่มละ 1 ขอ้
3.4 ให้ผู้เรยี นแบง่ ออกเป็น 3 กลุ่ม กล่มุ ละ 2-3 คน อธิบายวธิ กี ารแกป้ ญั หาความขัดข้อง กลุ่มละ 1
ขอ้
6. สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้
6.1 หนังสอื เรียน รหสั 30204-2002 ระบบจัดการฐานขอ้ มูล
6.2 ใบความรู้
6.3 แบบฝกึ หดั
6.4 แบบฝึกปฏบิ ตั ิ
6.5 แบบทดสอบหลังเรียน
6.7 คอมพิวเตอร์
6.8 เครื่องฉายโปรเจค็ เตอร์
7. หลักฐานการเรยี นรู้
7.1 หลักฐานความรู้

ใบงาน แบบฝึกหดั การค้นควา้ ข้อมลู ทีไ่ ดร้ บั การเรยี บเรียง สวยงาม เป็นระเบียบ ถูกต้อง
7.2 หลักฐานการปฏบิ ัตงิ าน

ใบงาน แบบฝึกหัด รูปเล่มรายงานการค้นคว้าข้อมูล ที่ได้รับการเรียบเรียง สวยงาม เป็นระเบียบ
ถกู ต้อง พร้อมท้ังเอกสารประกอบการนำเสนองานหน้าช้นั เรยี นของผูเ้ รยี น และภาพประกอบ
8. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

126

8.1 เครอื่ งมอื ประเมิน

1. ใบงาน

2. แบบฝกึ หัด

3. แบบประเมินผลงาน

4. แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน

8.2 เกณฑ์การประเมิน

เครอื่ งมอื การประเมิน วธิ วี ดั และประเมนิ เกณฑ์การประเมิน

แบบฝกึ หัด ตรวจแบบฝึกหัด ได้คะแนน

ข้อละ 1 คะแนน รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป
ถกู 1 คะแนน

ไมถ่ กู 0 คะแนน

แบบฝึกปฏบิ ัติ ตรวจแบบฝึกปฏิบัติ ไดค้ ะแนน

ข้อละ 1 คะแนน ร้อยละ 75 ขึน้ ไป
ถูก 1 คะแนน

ไมถ่ ูก 0 คะแนน

แบบทดสอบหลังเรยี น ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน ได้คะแนน

ขอ้ ละ 1 คะแนน รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป
ถกู 1 คะแนน

ไม่ถูก 0 คะแนน

แบบสังเกตพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม สงั เกตพฤตกิ รรม ไดค้ ะแนน

จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพึง ดี 2 คะแนน รอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป

ประสงค์ พอใช้ 1 คะแนน

ปรับปรุง 0 คะแนน

9. กิจกรรมเสนอแนะ/งานทมี่ อบหมาย (ถ้าม)ี

1. ผู้เรียนต้องให้ความสนใจในการศึกษา เพื่อหาเทคนคิ วิธีการ หรือหลักการงา่ ยเพือ่ ใหห้ าคำตอบได้

อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว โดยการ ตั้งใจฟังหลกั การ เทคนิควิธกี ารที่ครูผูส้ อนสรุปในขณะทีท่ ำการสอน และ

นำขอ้ สงสัยซักถามครูในการเรียนทุกครง้ั ท่เี กดิ ความสับสน และไม่เขา้ ใจ

2. ผู้มีการทบทวนบทเรียน ตลอดเพื่อเสริมสร้างความเขา้ ใจอย่างแทจ้ รงิ

3. ผู้เรยี นหม่นั ทำใบงาน แบบฝกึ หัด และแกไ้ ขข้อท่ีผดิ ให้ถูกต้องเสมอ

4. ผู้เรียนตอ้ งสรา้ งมโนภาพให้เกิดความคดิ รวบยอดในสาระการเรียนรู้และเทคนิควธิ กี ารพรอ้ มกับความ

จำเป็นในการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดขึน้ โดยตนเองให้ไดเ้ พื่อเกิดความรู้ความเข้าใจอยา่ งแท้จริงไม่ใช่เกิดจาก

การทอ่ งจำ

10. เอกสารอา้ งอิง

หนังสอื เรียนวชิ า ระบบจดั การฐานข้อมลู ของ สำนักพมิ พ์จติ รวัฒน์ (JW) กทม., 2563

127

ใบความรู้ท่ี 6 หน่วยท่ี 6

รหัสวิชา 30204-2002 ชอ่ื วชิ า ระบบจัดการฐานข้อมลู ภาคเรียนท่ี 1

ชื่อหนว่ ย การเกิดภาวะพร้อมกันและการกู้คืน เวลารวม 4 ช่ัวโมง

ชื่อเรื่อง การเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั และการก้คู ืน เวลา 4 ชวั่ โมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ทั่วไป
1. เพ่อื มีความรู้ความเขา้ ใจการเกิดภาวะพรอ้ มกันและการกู้คืน
2. เพือ่ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจกระบวนการการเกิดภาวะพรอ้ มกนั และการกคู้ นื

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม (ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ)
1. บอกความหมายของการเกิดภาวะพรอ้ มกันได้

2. อธบิ ายปญั หาการเกิดภาวะพรอ้ มกันได้

3. อธบิ ายวิธกี ารกู้คืนได้

4. ปฏบิ ัตกิ ารเลอื กใชก้ ารเกิดภาวะพรอ้ มกันและการกูค้ ืนให้เหมาะสมกับงานได้

สมรรถนะรายหนว่ ย
1. แสดงความร้เู กี่ยวกับการเกิดภาวะพรอ้ มกันและการกู้คืน
2 วางแผนการใชก้ ารเกิดภาวะพรอ้ มกนั และการกู้คืน

128

หน่วยท่ี 6 การเกดิ ภาวะพร้อมกันและการกคู้ ืน
การก้คู ืนและการเกิดภาวะพร้อมกัน
การกูค้ นื (Recovery)

ดังกล่าวแลว้ ว่า การเกดิ ภาวะขัดขอ้ งนั้นอาจเนอ่ื งมาจากสาเหตุที่ระบบเกิดความขดั ขอ้ งหรอื อาจเกดิ
จากสาเหตุความผิดพลาดของสอ่ื บันทึกข้อมลู ซ่งึ การกู้ขอ้ มลู ทีเ่ กดิ จากสาเหตุภาวะขดั ข้องท่ีต่างกนั กจ็ ะใช้
วิธีการแกป้ ญั หาทีต่ ่างกันด้วย ในหัวข้อนจี้ ะกลา่ วถงึ ชนดิ ของการกู้คนื ไดแ้ ก่
การกู้คืนท่เี กดิ จากการระบบเกิดความผิดพลาด (System Recovery)
เปน็ ความขัดขอ้ งทม่ี ีผลต่อข้อมลู ท่ีอยใู่ นหน่วยความจำขณะทมี่ กี ารประมวล วธิ ที ่ีจะนำมาใช้ในการกู้คนื ก็คอื
การนำระบบการลงบันทกึ ดังกลา่ วข้างต้นมาใช้
การกคู้ นื ทเ่ี กิดจากความผิดพลาดของสือ่ บันทึก (Media Recovery)
เปน็ ความขดั ข้องที่มีผลทำให้ขอ้ มลู บนสอ่ื บันทึกเสียหายหรอื ถูกทำลาย วธิ ที ่ีจะนำมาใช้ในการกู้ ก็คอื การ
ทำการสำรองข้อมลู (Backup) ไวใ้ นระยะๆ เมอ่ื เกิดความขดั ขอ้ งกบั สื่อบันทกึ ขอ้ มูลท่ีใชง้ านอยู่ กจ็ ะนำ
ข้อมูลสำรองทที่ ำไว้ลา่ สุด มาถ่ายลงในสือ่ บนั ทึกชุดใหมแ่ ละใชร้ ะบบการลงบนั ทึกมาชว่ ยเพ่ือพิจารณา
รายการที่ต้องทำใหม่ ซง่ึ เกดิ หลังจากการทำการสำรองขอ้ มูลคร้งั สุดท้าย
การเกิดภาวะพรอ้ มกัน (Concurrency)

ในระบบฐานข้อมูลทใี่ ชก้ นั มักจะเปน็ ระบบทผี่ ู้ใช้หลายๆ คน สามารถใช้ขอ้ มูลพรอ้ มกันได้ในเวลา
เดียวกัน ปญั หาจึงมาจากากรที่ผู้ใชห้ ลายๆ คน มีการเรยี กใชข้ อ้ มลู ชุดเดยี วกันในเวลาพรอ้ มๆ กนั จงึ ทำให้
เกิดภาวะพร้อมกนั และหากไม่มกี ารควบคุมทดี่ ี ก็จะทำใหเ้ กิดปัญหาตามมาได้แก่
ปัญหาข้อมลู ไมไ่ ด้ถูกแก้ไขใหถ้ ูกต้อง
สมมติให้มรี ายการเปลี่ยนแปลง 2 รายการ คอื C1 และ C2 ที่จะไปทำการแกไ้ ขขอ้ มูลชดุ เดยี วกัน คือ ข้อมูล
N
จากข้างต้นรายการ C1 จะเริม่ ทำกอ่ น แต่ยงั แกไ้ ขข้อมูล N ไม่เสร็จ รายการ C2 เรมิ่ ทำแทรกเข้ามา ขอ้ มูล
N จะต้องถูกอ่านเข้ามาก่อนจึงทำการแก้ไขได้ ที่ถูกตอ้ งแล้ว รายการ C1 เกิดขึ้นก่อน รายการ C2 จงึ ควรนำ
ผลหลังจากท่รี ายการ C1 ได้ทำการแก้ไขแล้ว มาทำการแก้ไขต่อ
เพอ่ื ให้เหน็ ชัดเจนข้ึน จะขอสมมติคา่ ให้ N มีค่าเท่ากัน 10 และ C1 มคี ่าเทา่ กับ 2 สว่ น C2 มีค่าเท่ากบั 4
ถา้ ระบบดงั กล่าวทำงานถูกตอ้ ง ก็ควรไดค้ ่า N มีค่าเปน็ 16
แตร่ ปู ที่ 7.3 รายการ C1 จะอ่านค่า N เท่ากับ 10 ไปเก็บทบ่ี ัฟเฟอร์ แล้วรายการ C2 กจ็ ะอา่ นค่า N ซง่ึ
เท่ากบั 10 เช่นเดยี วกัน รายการ C1 จะเปล่ยี นแปลงคา่ N เปน็ 10+2 =12 และรายการ C2 กจ็ ะ
เปลย่ี นแปลงค่า N เปน็ 10+4=14 ทำใหส้ รปุ คา่ เท่ากับ 14 แทนที่ N จะมีคา่ เท่ากับ 16
ปัญหาการแก้ไขขอ้ มลู ยังไมไ่ ดม้ ีการ Commit

ปัญหานเี้ กิดจากการทีม่ ีรายการถูกสง่ เข้าประมวลผลพร้อมๆ กัน โดยการประมวลผลค่าของ
รายการหนง่ึ ยงั ไมไ่ ด้ถกู ปรบั ค่าใหถ้ กู ต้อง ขณะเดียวกนั กม็ ีรายการอ่นื มาเรียกใช้ข้อมูลคา่ นนั้ ระบบกจ็ ะ
นำเอาคา่ ทยี่ ังไมไ่ ด้ถูกปรบั ไปใช้ ทำผลทไ่ี ดจ้ ากการประมวลผลขัดแย้งกบั ความเป็นจริงจึงเป็นหนา้ ที่ของ
ระบบจัดการฐานขอ้ มูล ท่ีจะตอ้ งควบคุมการเกดิ ภาวะพร้อมกัน เพือ่ มใิ หเ้ กิดปัญหาตา่ งๆ

129

ปญั หาในการใช้ระบบฐานข้อมูล
ระบบลงบันทกึ

บนั ทึกองค์ประกอบการออกแบบฐานขอ้ มลู เพือ่ นำมาใช้
เม่ือต้องการนำมาใชใ้ หม่ในฐานข้อมูลหรือวัตถุฐานข้อมลู คณุ ใชก้ ลอ่ งโต้ตอบบันทกึ เป็น:
เปดิ ฐานขอ้ มูลหรอื วัตถุฐานข้อมูล
บนแท็บไฟล์ คลกิ บันทึกเป็น
เลือกทำอยา่ งใดอย่างหนึ่งของขน้ั ตอนตอ่ ไปนี้:
เม่ือตอ้ งการบนั ทึกฐานข้อมูลในรปู แบบอนื่ คลิกบันทกึ ฐานข้อมลู เป็น
เมือ่ ต้องการบนั ทกึ วัตถฐุ านข้อมูลในรปู แบบอนื่ คลิกบนั ทึกวตั ถุเป็น ตน้
หมายเหตุ: ตัวเลอื กบนั ทกึ เปน็ วัตถไุ คลเอน็ ต์ จะพร้อมใชง้ านในแบบฐานข้อมลู เวบ็ เท่านั้น
คลกิ รปู แบบคุณตอ้ งการใช้สำหรบั สำเนาใหม่
สำหรบั ขอ้ มูลเพมิ่ เติมเกี่ยวกับรูปแบบคุณสามารถใช้ และสาเหตทุ ี่คุณอาจเลือก ใหด้ ูบทความบนั ทึก และ
องค์ประกอบการออกแบบฐานขอ้ มลู ท่ีนำมาใช้ใหม่และทีเ่ ขา้ ถงึ รูปแบบไฟลท์ ฉ่ี ันควรใช้ไดอ้ ยา่ งไรได้
สำหรบั ข้อมูลเพ่ิมเตมิ เก่ียวกับการสร้างการสำรองขอ้ มลู ดบู ทความการปกป้องขอ้ มลู ของคณุ ด้วยวิธกี าร
สำรอง และคนื ค่า
บันทกึ สำเนาของฐานขอ้ มูลหรือวัตถุเปน็ วธิ ีหน่งึ ในการแชรข์ อ้ มลู บนเดสกท์ ็อปของคุณ แตม่ ีผอู้ ื่น สำหรับ
ข้อมูลเพม่ิ เตมิ ดูบทความวิธแี ชร์ฐานขอ้ มูล Access บนเดสก์ท็อป
หมายเหตุ: ขอ้ จำกัดความรับผิดชอบของการแปลดว้ ยเคร่อื ง: บทความน้มี ีการแปลดว้ ยระบบคอมพิวเตอร์
โดยไม่มีการดำเนินการโดยบคุ คล Microsoft จดั ให้มกี ารแปลด้วยเคร่ืองนเ้ี พอ่ื ชว่ ยใหผ้ ูใ้ ช้ทีไ่ มไ่ ดพ้ ดู
ภาษาอังกฤษสามารถใช้ประโยชนจ์ ากเนื้อหาเก่ียวกบั ผลติ ภัณฑ์ บริการและเทคโนโลยขี อง Microsoft
เน่อื งจากบทความมีการแปลดว้ ยเครื่อง อาจมขี ้อผิดพลาดดา้ นคำศัพท์ ไวยากรณห์ รอื รปู ประโยค

แบบฝกึ หดั /เฉลย
ตอนที่ 1 คำส่งั จงตอบคำถามต่อไปนใี้ หถ้ กู ต้อง

1. จงบอกความหมายของการเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั
คำว่า “ภาวะพร้อมกัน (concurrency)” หมายความว่า การที่มีทรานแซกชัน (Transaction) หลายๆ
ทรานแซกชันต้องการเรียกใช้ข้อมูลเดียวกันในเวลาเดียวกันจากฐานข้อมูลเพื่อทำงานของแต่
ละทรานแซกชัน ภาวะการทำงานพร้อมกันเกิดจากระบบการทำงานได้ 2 ระบบ

1. การทำงานในระบบหลายโปรแกรม
2. การทำงานในระบบการประมวลผลในเวลาเดยี วกัน
2. จงบอกปัญหาของการเกดิ ภาวะพร้อมกัน
1) ปัญหาข้อมูลไมไ่ ดถ้ ูกปรบั ใหถ้ ูกต้อง
2) ปญั หาขอ้ มูลถูกปรับเปล่ียนคา่ ไมเ่ สร็จสมบูรณ์
3) ปญั หาการวเิ คราะห์ผลลพั ธ์ของข้อมูลไม่ถูกต้อง

130

3. จงอธบิ ายปัญหาข้อมลู ไม่ได้ถกู ปรบั ให้ถูกตอ้ ง
สมมตุ ใิ หร้ ายการ T1 และ T2 ถูกส่งเข้าในเวลาใกลเ้ คียงกัน และการประมวลผลของ

รายการท้ังสองเป็นการประมวลผลแบบสลบั กนั (Interleave) ผลลพั ธ์สดุ ทา้ ยของ A จะไมถ่ ูกต้อง ท้ังน้ี
เพราะ T2 อา่ นคา่ ของ A ก่อนท่ี T1 จะเปลย่ี นคา่ ให้ถกู ต้องในฐานขอ้ มลู

ตวั อยา่ งเช่น ถา้ ค่าเริ่มตน้ ของการของทนี่ ่งั ของ A = 70 และ B = 81 มกี ารยกเลิกท่นี ่ัง
จากสายการบิน A ไปใช้บริการของสายการบนิ B = 5 (N) และมกี ารสำรองท่นี ัง่ ของสายการบนิ A (จาก
รายการ T2) เพ่มิ อกี 4 (M) ดังนัน้ คา่ ทคี่ วรจะเปน็ ของ A คอื 69 แตจ่ ากตารางด้านล่าง A มีค่า
เทา่ กับ 74 ท้ังน้ีเพราะการปรบั ค่า A จากการยกเลกิ 5 ท่ีน่ังไม่ไดถ้ ูกปรบั ปรุงค่าลงในฐานขอ้ มลู ก่อนที่
รายการ T2 จะอา่ นค่า A เม่อื เวลา t2

4. จงอธิบายปญั หาข้อมูลถูกปรบั เปลีย่ นค่าไม่เสรจ็ สมบูรณ์
ปัญหานี้อาจจะเกดิ ขึน้ เมือ่ การปรับค่าของรายการยังทำไมเ่ สร็จสมบรู ณ์ และเกิดปญั หา

บางอยา่ งขึ้น เชน่ ระบบลม้ เหลวก่อนการปรบั ค่าใหม่ให้ถกู ต้อง ทำให้ขอ้ มูลน้ัน ๆ ยงั เปน็ ค่าเดมิ ซง่ึ ในกรณีท่ี
อกี รายการหนึง่ จะตอ้ งใช้ค่าของข้อมูลนนั้ ไดร้ บั ค่าท่ีไม่ถูกต้อง

5. จงอธิบายปัญหาการวิเคราะห์ผลลัพธ์ของข้อมลู ไม่ถูกต้อง
ปญั หาสองขอ้ แรกที่กล่าวมาเปน็ ปัญหาท่ีเกิดจากการปรับปรุงข้อมูล (Update) ส่วนปัญหาในข้อน้ี

เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับรายการที่อ่านข้อมูล แต่ค่าที่อ่านอยู่ในระหว่างการปรับปรุงข้อมูลอยู่ จากตาราง
ด้านลา่ ง สมมตุ ิใหร้ ายการ T2 เป็นการคำนวณหาคา่ การจองท่ีนัง่ รวมทั้งหมด (SUM A+B) ในขณะเดยี วกัน
รายการ T1 ก็ถูกส่งเข้าทำงานในเครื่องเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการปรับปรุงค่า A คือ 65 และค่า B คือ 86
ผลลพั ธ์รวมทถ่ี ูกตอ้ ง คอื 151 แต่รายการ T2 ไดอ้ ่านคา่ ของ A ซ่ึงเปน็ คา่ ก่อนที่จำนวนทน่ี ั่งจะถกู ยกเลิก (N)
ทำใหค้ า่ ท่นี ำไปคำนวณผลลัพธ์รวมของการจองท่ีน่ังไมถ่ กู ต้อง (156) ซ่ึงกรณีนก้ี ารรวมค่า A และ B ควรจะ
ทำเมอ่ื T1 ทำเสร็จก่อน

6. จงอธบิ ายเหตผุ ลของการลำดับ
ปญั หาดังกลา่ วข้างต้นสามารถจดั การได้ดว้ ยการสร้างกฏเกณฑ์ท่ีใช้ในการควบคุมการเกิด

ภาวะพร้อมกัน (Concurrency Control Protocol) เพื่อกำหนดลำดับให้แต่ละรายการสามารถกระทำ
สลบั กนั โดยไมเ่ กิดปัญหาความไมถ่ กู ต้องของข้อมูล

7. จงอธิบายหลักของการแกไ้ ขปัญหาการจัดลำดบั ในการอ่านหรอื เขยี น
1. ถ้ารายการสองรายการเป็นการอ่านข้อมูล จะไม่กระทบกับฐานข้อมูล ดังนั้น จึงไม่มี

ความจำเป็นทต่ี อ้ งจัดลำดบั ของรายการท้ังสอง
2. ถ้ารายการสองรายการเป็นการอ่านหรือเขียนรายละเอียดของข้อมูลที่ไม่เหมือนกันและ

ไม่ก่อให้เกดิ ขอ้ มูลทีข่ ัดแย้งกนั ดงั น้ัน จงึ ไมม่ คี วามจำเป็นท่ตี ้องจัดลำดับของรายการทง้ั หมด
3. ถ้ารายการหนึ่งเป็นการเขียนรายละเอียดของข้อมูล โดยที่อีกรายการหนึ่งอ่านหรือต้อง

เขียนรายละเอียดของข้อมูลเดียวกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดข้อมูลที่ขัดแย้งกัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องลำดับการ
กระทำการของรายการท้งั สองตามลำดับก่อนหลัง

131

8. จงอธบิ ายความหมายของการกู้คนื

ในระหว่างการประมวลผล ระบบจะต้องจัดการประมวลผลรายการนั้น ๆ ให้เสร็จและเก็บค่าที่

ถูกต้องไว้ในฐานข้อมูล หากมีปัญหาระบบขัดข้องเกิดขึน้ กบั รายการทีย่ งั ประมวลผลไม่เสร็จ ซึ่งอาจจะต้อง

ทำใหม่ หรือทำการกู้ (Recovery)

9. จงบอกปจั จัยของการเกดิ การขัดขอ้ ง

1. ปัจจยั ท่ีทำให้เกดิ การภาวะขดั ข้อง

2. วิธีการการแกป้ ญั หาความขัดข้อง

10. จงอธบิ ายวธิ กี ารแก้ไขปญั หาความขดั ข้อง

วิธกี ารแก้ปัญหาความขดั ข้อง

การกคู้ ืนขอ้ มูลท่เี กดิ จากความขัดขอ้ งประเภทต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น มเี ทคนคิ ในการ

แกป้ ัญหา ดงั น้ี

2.1 การกคู้ นื ความขดั ข้องท่ีเกดิ จากระบบ (System Recovery)

2.2 การก้คู ืนความขัดข้องทเ่ี กิดจากรายการ (Transaction Recovery)

2.3 การกูค้ นื ความขดั ขอ้ งทีเ่ กดิ จากส่ือ (Media Recovery)

ตอนท่ี 2 จงบอกความหมายของคำศัพท์ตอ่ ไปนี้

คำศพั ท์ ความหมาย คำศัพท์ ความหมาย

Concurrency การเกดิ ภาวะพร้อมกนั Serializability การลำดบั

Recovery การกูค้ นื Read อ่าน

Security การรักษาความปลอดภัย Write เขยี น

Transaction ข้อมลู ทเ่ี ป็นรายการ Failure การขัดขอ้ ง

เปล่ยี นแปลง

Update ปรับปรงุ ข้อมลู Undo การยกเลกิ

132

ตอนที่ 3 จงเลอื กคาํ ตอบที่ถกู ตอ้ งที่สุดเพียงขอ้ เดียว

คำสงั่ จงทำเครื่องหมายกากบาท () หนา้ ขอ้ ทถ่ี กู ต้องมากทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. ข้อใดหมายถงึ การกู้คนื

ก. Concurrency
ข. Recovery
ค. Serializability
ง. Security
จ. Transaction
2. ขอ้ ใดหมายถงึ การรกั ษาความปลอดภัย
ก. Concurrency
ข. Recovery
ค. Serializability
ง. Security
จ. Transaction
3.การทมี่ ีรายการเกดิ สองรายการแตไ่ ม่มีการประมวลผลแบบสลับกัน จะเกดิ กรณีใด
ก. Concurrency
ข. Recovery
ค. Serializability
ง. Security
จ. Transaction
4. กรณที ่เี กดิ ภาวะพรอ้ มกันหมายถึงการทำงานพรอ้ มกนั ท่เี กิดจากระบบการทำงานไดก้ ี่ระบบ
ก. 1 ระบบ
ข. 2 ระบบ
ค. 3 ระบบ
ง. 4 ระบบ
จ. 5 ระบบ
5. การลำดบั หมายถงึ ข้อใด
ก. Concurrency
ข. Recovery
ค. Serializability
ง. Security
จ. Transaction
6. การลำดบั หมายถึงการจัดลำดับกี่รายการ
ก. 1 รายการ

133

ข. 2 รายการ
ค. 3 รายการ
ง. 4 รายการ
จ. 5 รายการ
7. ในการลำดับขอ้ ใดถกู ตอ้ ง
ก. Read
ข. Write
ค. Read , Write
ง. Read, Write, Listen
จ. Read, Write, Listen, See
8. การก้คู ืนหมายถึงขอ้ ใด
ก. Concurrency
ข. Recovery
ค. Serializability
ง. Security
จ. Transaction
9. Media Error หมายถึงปจั จัยท่ีทำให้เกิดการขดั ข้องขอ้ ใด
ก. เกิดจากระบบคอมพวิ เตอร์
ข. เกดิ จากขอ้ ผิดพลาดของรายการ
ค. เกดิ จากการกรอกขอ้ มลู
ง. เกดิ จากสือ่ เก็บขอ้ มลู
จ. เกิดจากการพมิ พข์ ้อมูล
10. COMMIT POINT หมายถงึ ขอ้ ใด
ก. จุดเสร็จสมบูรณ์
ข. จดุ บันทกึ ข้อมูล
ค. จุดแก้ไขข้อมูล
ง. จดุ ขัดข้องของข้อมลู
จ. จดุ อ่านข้อมูล
เอกสารอ้างอิง
หนงั สอื เรยี นวชิ า ระบบจดั การฐานขอ้ มลู ของ สำนักพมิ พจ์ ติ รวฒั น์ (JW) กทม., 2563
ภาคผนวก (ถา้ ม)ี

134

ใบงานที่ 6 หน่วยที่ 6

รหสั วิชา 30204-2002 ชอื่ วชิ า ระบบจดั การฐานข้อมลู ภาคเรียนที่ 1

ชื่อหนว่ ย การเกิดภาวะพร้อมกนั และการกคู้ นื เวลารวม 4 ช่ัวโมง

ช่ืองาน การเกิดภาวะพร้อมกันและการกคู้ นื จำนวน 4 ชว่ั โมง

จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงคท์ ่ัวไป
1. เพอ่ื มคี วามรู้ความเข้าใจการเกิดภาวะพรอ้ มกนั และการกคู้ ืน
2. เพ่อื มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจกระบวนการการเกิดภาวะพรอ้ มกนั และการกคู้ ืน

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม (ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณวชิ าชพี )
1. บอกความหมายของการเกดิ ภาวะพร้อมกนั ได้

2. อธบิ ายปัญหาการเกดิ ภาวะพรอ้ มกันได้

3. อธบิ ายวิธีการกคู้ ืนได้

4. ปฏบิ ตั ิการเลือกใชก้ ารเกิดภาวะพรอ้ มกันและการก้คู ืนให้เหมาะสมกบั งานได้

สมรรถนะรายหนว่ ย
1. แสดงความรู้เกี่ยวกับการเกิดภาวะพร้อมกันและการกคู้ ืน
2 วางแผนการใช้การเกดิ ภาวะพรอ้ มกันและการกคู้ ืน

เครอ่ื งมอื วสั ดุ – อปุ กรณ์
1. เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ PC หรือ Notebook
2. โปรเจค็ เตอร์
3. หนังสือ

ลำดับขั้นตอนการปฏบิ ัตงิ าน
1. ใหน้ กั ศกึ ษาแบง่ กล่มุ ตามความเหมาะสม เพอื่ ศึกษาและอภปิ ราย
1.1 อธบิ ายความรเู้ กีย่ วกบั ความเข้าใจกบั การเกดิ ภาวะพรอ้ มกันและการกคู้ ืน
1.2 เขียนรปู พร้อมอธิบายความเข้าใจกับการเกิดภาวะพร้อมกนั และการกู้คนื
2. เขยี นอภิปรายและวเิ คราะห์ใสก่ ระดาษ
3. นำผลงานสง่ ครูผู้สอนเพอ่ื ประเมินผล

ภาพประกอบ
ข้อควรระวัง

ผู้เรยี นควรตรวจสอบขอ้ มูลกอ่ นใหถ้ ่ถี ้วน ละเอยี ด และรอบคอบก่อน เพ่อื ปอ้ งกนั ความผดิ พลาดกอ่ น
การสง่ งาน
ขอ้ เสนอแนะ (ถ้าม)ี
นักศึกษาควรมภี าพประกอบการนำเสนองาน และสามารถอธิบายเนื้อหาให้สอดคลอ้ งกบั ภาพให้ถูกตอ้ ง

135

การประเมนิ ผล (ต้องระบเุ กณฑก์ ารประเมนิ ใหช้ ัดเจน)
1. สงั เกตผูเ้ รียนมคี วามสนใจ เกิดความเขา้ ใจในสาระการเรยี นรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รอื รน้
ในการแสดงความคิดเห็นและสรปุ สาระการเรียนรปู้ ระจำหน่วย
2. ทำใบงานไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ทันเวลาทีก่ ำหนด ใบงานสะอาดและเปน็ ระเบียบ
3. ผูเ้ รยี นทำแบบฝกึ หดั หลงั เรียนไดถ้ กู ต้อง โดยไดค้ ะแนน 50% เปน็ อยา่ งต่ำ

เอกสารอ้างอิง
หนงั สือเรียนวชิ า ระบบจดั การฐานข้อมูล ของ สำนักพมิ พ์จติ รวัฒน์ (JW) กทม., 2563

136

ใบกจิ กรรมที่ 6 หนว่ ยท่ี 6

รหสั วชิ า 30204-2002 ชื่อวิชา ระบบจัดการฐานข้อมูล ภาคเรยี นท่ี 1

ชอื่ หนว่ ย การเกดิ ภาวะพร้อมกนั และการกคู้ นื เวลารวม 4 ชั่วโมง

ช่อื งาน การเกดิ ภาวะพรอ้ มกันและการกู้คนื จำนวน 4 ชว่ั โมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

จดุ ประสงคท์ ่ัวไป
1. เพื่อมคี วามรู้ความเขา้ ใจการเกิดภาวะพรอ้ มกันและการก้คู ืน
2. เพอื่ มคี วามร้คู วามเข้าใจกระบวนการการเกิดภาวะพรอ้ มกันและการก้คู นื

จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (ความรู้ ทักษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณวชิ าชีพ)
1. บอกความหมายของการเกิดภาวะพรอ้ มกนั ได้

2. อธบิ ายปัญหาการเกดิ ภาวะพร้อมกันได้

3. อธิบายวิธีการกู้คืนได้

4. ปฏิบัติการเลอื กใช้การเกิดภาวะพร้อมกันและการกคู้ นื ให้เหมาะสมกบั งานได้

สมรรถนะรายหน่วย
1. แสดงความรู้เกีย่ วกบั การเกดิ ภาวะพร้อมกันและการก้คู ืน
2 วางแผนการใชก้ ารเกิดภาวะพร้อมกันและการกู้คืน

เครอื่ งมือ วสั ดุ – อปุ กรณ์
1. เคร่อื งคอมพิวเตอร์ PC หรือ Notebook
2. โปรเจ็คเตอร์
3. หนงั สอื

ลำดบั กจิ กรรม
1. ผู้เรียนตอ้ งใหค้ วามสนใจในการศึกษา เพื่อหาเทคนิค วิธีการ หรือหลักการงา่ ยเพ่ือให้หาคำตอบ

ได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว โดยการ ตั้งใจฟังหลักการ เทคนิควิธีการที่ครูผู้สอนสรุปในขณะที่ทำการ
สอน และนำข้อสงสัยซกั ถามครูในการเรยี นทุกคร้งั ทเี่ กิดความสบั สน และไมเ่ ข้าใจ

2. ผมู้ ีการทบทวนบทเรยี น ตลอดเพอ่ื เสริมสร้างความเข้าใจอย่างแท้จรงิ
3. ผ้เู รียนหมั่นทำใบงาน แบบฝึกหดั และแกไ้ ขขอ้ ทีผ่ ดิ ให้ถูกตอ้ งเสมอ
4. ผู้เรียนต้องสร้างมโนภาพให้เกิดความคิดรวบยอดในสาระการเรียนรู้และเทคนิควธิ ีการพร้อมกบั
ความจำเป็นในการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดขึ้นโดยตนเองให้ได้เพ่ือเกิดความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จรงิ
ไม่ใชเ่ กิดจากการทอ่ งจำ
5. ผู้เรียนต้องดำเนินการตามกิจกรรมหรืองานที่ได้รับมอบหมาย ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่
กำหนด และฝกึ ฝนตนเองเสมอ เม่ือได้รับมอบหมายงานมา

137

การประเมนิ ผล (ต้องระบเุ กณฑก์ ารประเมินใหช้ ัดเจน)
1. สงั เกตผ้เู รียนมีความสนใจ เกิดความเข้าใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รอื ร้นใน
การแสดงความคิดเหน็ และสรุปสาระการเรยี นรปู้ ระจำหนว่ ย
2. ทำใบงานไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ทันเวลาท่ีกำหนด ใบงานสะอาดและเปน็ ระเบียบ
3. ผู้เรยี นทำแบบฝึกหดั หลังเรยี นได้ถกู ต้อง โดยไดค้ ะแนน 50% เป็นอยา่ งต่ำ

เอกสารอา้ งอิง
หนังสือเรียนวชิ า ระบบจัดการฐานข้อมลู ของ สำนกั พิมพจ์ ติ รวัฒน์ (JW) กทม., 2563

138

ใบปฏบิ ตั ิงานท่ี 6 หน่วยท่ี 6

รหัสวชิ า 30204-2002 ช่ือวชิ า ระบบจัดการฐานขอ้ มูล ภาคเรียนที่ 1

ช่อื หน่วย การเกิดภาวะพรอ้ มกนั และการกคู้ ืน เวลารวม 4 ชั่วโมง

ช่ืองาน การเกดิ ภาวะพรอ้ มกันและการกคู้ นื จำนวน 4 ช่วั โมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

จดุ ประสงคท์ ่ัวไป
1. เพื่อมคี วามรู้ความเขา้ ใจการเกิดภาวะพร้อมกันและการกูค้ ืน
2. เพื่อมคี วามรูค้ วามเข้าใจกระบวนการการเกิดภาวะพร้อมกนั และการกคู้ นื

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (ความรู้ ทักษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณวิชาชพี )
1. บอกความหมายของการเกิดภาวะพรอ้ มกันได้

2. อธิบายปญั หาการเกดิ ภาวะพรอ้ มกันได้

3. อธิบายวธิ ีการกู้คนื ได้

4. ปฏิบัตกิ ารเลอื กใช้การเกิดภาวะพร้อมกนั และการกคู้ นื ใหเ้ หมาะสมกับงานได้

สมรรถนะรายหนว่ ย
1. แสดงความรเู้ กยี่ วกบั การเกดิ ภาวะพร้อมกนั และการกู้คืน
2 วางแผนการใช้การเกิดภาวะพร้อมกนั และการกู้คืน

เครื่องมือ วัสดุ – อปุ กรณ์
1. เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ PC หรอื Notebook
2. โปรเจ็คเตอร์
3. หนงั สอื

ลำดับขน้ั ตอนการปฏิบัตงิ าน
1. ผเู้ รยี นค้นหาขอ้ มลู จากในอนิ เตอรเ์ นต็ ตามเรือ่ งทไ่ี ดร้ บั มอบหมายมาจาครผู สู้ อน
2. เมอื่ ผู้เรยี นไดร้ ับข้อมูลเรียบร้อยแลว้ ให้ผเู้ รียน นำขอ้ มูลน้นั มาเรียบเรยี งให้เปน็ ระเบียบ สวยงาม ให้
สามารถเข้าใจไดง้ ่าย โดยจัดทำในรูปแบบเลม่ รายงาน

ภาพประกอบ

ข้อควรระวัง
ผู้เรยี นควรตรวจสอบข้อมูลกอ่ นให้ถถ่ี ้วน ละเอียด และรอบคอบก่อน เพือ่ ป้องกันความผิดพลาดกอ่ น

การสง่ งาน
ขอ้ เสนอแนะ

นักศกึ ษาควรมีภาพประกอบการนำเสนองาน และสามารถอธิบายเนอ้ื หาใหส้ อดคล้องกบั ภาพให้
ถูกต้อง

139

การประเมินผล
1. สงั เกตผ้เู รยี นมคี วามสนใจ เกดิ ความเขา้ ใจในสาระการเรยี นรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รอื ร้นใน
การแสดงความคิดเห็นและสรุปสาระการเรียนรู้ประจำหน่วย
2. ทำใบงานได้อย่างถกู ตอ้ ง ทันเวลาทก่ี ำหนด ใบงานสะอาดและเป็นระเบยี บ
3. ผ้เู รียนทำแบบฝกึ หัดหลงั เรียนไดถ้ ูกตอ้ ง โดยไดค้ ะแนน 50% เปน็ อยา่ งต่ำ

เอกสารอ้างอิง
หนงั สือเรียนวชิ า ระบบจดั การฐานข้อมลู ของ สำนักพิมพจ์ ิตรวฒั น์ (JW) กทม., 2563

140

ใบมอมหมายงานที่ 6 หน่วยที่ 6

รหัสวชิ า 30204-2002 ชอ่ื วิชา ระบบจดั การฐานข้อมลู ภาคเรยี นท่ี 1

ช่อื หน่วย การเกดิ ภาวะพร้อมกนั และการกู้คืน เวลารวม 4 ชั่วโมง

ชื่องาน การเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั และการกู้คนื จำนวน 4 ช่วั โมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ทั่วไป
1. เพอ่ื มีความรู้ความเขา้ ใจการเกิดภาวะพรอ้ มกันและการก้คู ืน
2. เพ่อื มคี วามร้คู วามเข้าใจกระบวนการการเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั และการกู้คนื

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณวชิ าชีพ)
1. บอกความหมายของการเกิดภาวะพร้อมกันได้

2. อธบิ ายปญั หาการเกิดภาวะพรอ้ มกันได้

3. อธิบายวิธีการก้คู นื ได้

4. ปฏบิ ตั กิ ารเลือกใช้การเกิดภาวะพร้อมกนั และการกู้คืนให้เหมาะสมกับงานได้

สมรรถนะรายหน่วย
1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั การเกดิ ภาวะพรอ้ มกันและการกู้คืน
2 วางแผนการใช้การเกดิ ภาวะพรอ้ มกันและการกคู้ นื

เคร่ืองมอื วัสดุ – อปุ กรณ์
1. เครือ่ งคอมพิวเตอร์ PC หรือ Notebook
2. โปรเจ็คเตอร์
3. หนังสอื

แนวทางการปฏบิ ตั งิ าน
1. ใหผ้ เู้ รยี นปฏบิ ัติงานตามใบงาน ใบกิจกรรม ใบปฏบิ ตั งิ าน อย่างเคร่งครดั ตามหวั ข้อทไ่ี ด้รบั
มอบหมาย ให้เสรจ็ ส้นิ ตามระยะเวลาทก่ี ำหนด พรอ้ มท้งั การจดั ทำรายงาน และนำเสนองานอย่าง
ถูกตอ้ ง ครบถ้วน เป็นระเบียบเรียบรอ้ ย
2. ให้ผเู้ รียนแบง่ หน้าทก่ี ับเพ่อื นในกล่มุ ให้ชัดเจน และสามารถเขา้ ใจเนือ้ หาตามหัวข้อดงั กล่าว ได้
อยา่ งถกู ตอ้ ง ครบถว้ น

ภาพประกอบ
ข้อควรระวัง

ผ้เู รยี นควรตรวจสอบขอ้ มูลก่อนให้ถีถ่ ้วน ละเอยี ด และรอบคอบกอ่ น เพ่ือป้องกนั ความผิดพลาดก่อน
การสง่ งาน

141

ข้อเสนอแนะ
นักศึกษาควรมีภาพประกอบการนำเสนองาน และสามารถอธิบายเนื้อหาใหส้ อดคลอ้ งกับภาพให้

ถกู ตอ้ ง
การประเมินผล

1. สังเกตผูเ้ รยี นมีความสนใจ เกดิ ความเข้าใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รอื รน้ ใน
การแสดงความคิดเห็นและสรปุ สาระการเรยี นร้ปู ระจำหน่วย
2. ทำใบงานไดอ้ ย่างถูกต้อง ทนั เวลาทก่ี ำหนด ใบงานสะอาดและเป็นระเบยี บ
3. ผู้เรยี นทำแบบฝกึ หดั หลงั เรียนไดถ้ ูกตอ้ ง โดยไดค้ ะแนน 50% เป็นอย่างต่ำ
เอกสารอา้ งองิ
หนังสอื เรียนวชิ า ระบบจัดการฐานขอ้ มลู ของ สำนกั พมิ พจ์ ิตรวัฒน์ (JW) กทม., 2563

142

แผนการจัดการเรียนรู้
หนว่ ยท.ี่ .............. 7..................................... จำนวน........4..........ชั่วโมง สปั ดาห์ที่.....7.....
ช่อื วิชา ระบบจัดการฐานขอ้ มลู
ชื่อหนว่ ย การประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเร็จรปู จัดการฐานขอ้ มูล
ช่อื เร่อื ง การประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู จดั การฐานข้อมลู

1. สาระสำคัญ
โปรแกรมที่นยิ มใชใ้ นการจัดทำระบบจัดการฐานขอ้ มูลมากที่สดุ คือ โปรแกรม Microsoft Access

เพราะเปน็ โปรแกรมสำเรจ็ รปู ทำให้ง่ายต่อการปฏิบตั ิ แต่ก็ยงั มีอีกหลายโปรแกรมท่ีเก่ียวข้อง แต่ละโปรแกรมมี
ความสามารถและลักษณะพเิ ศษแตกต่างกนั ขนึ้ อยกู่ ับลกั ษณะของงานทีจ่ ะตอ้ งปฏบิ ตั ิ และความสามารถหรือ
ความชำนาญของผอู้ อกแบบระบบฐานข้อมลู ท้ังนี้ โปรแกรมทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การจัดการฐานข้อมูลได้แก่ Oracle,
dBASEII, FoxPro, SQL Server และ Visual Basic เป็นต้น

2. สมรรถนะประจำหนว่ ย
1 แสดงความรูเ้ ก่ยี วกับการประยกุ ต์ใชโ้ ปรแกรมสำเร็จรปู จัดการฐานข้อมลู
2. วางแผนการใช้การประยกุ ต์ใชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู จดั การฐานขอ้ มูล

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 จุดประสงค์ท่ัวไป
1. เพ่อื มคี วามรู้ความเข้าใจการประยุกต์ใช้โปรแกรมสำเร็จรปู จดั การฐานข้อมลู
2. เพอ่ื มีความรูค้ วามเข้าใจกระบวนการประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมสำเร็จรูปจัดการฐานข้อมูล
1.2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม (ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวชิ าชีพ)
1. บอกความหมายและหนา้ ทีข่ องโปรแกรมในการจัดการฐานข้อมูลได้
2. อธบิ ายส่วนประกอบของโปรแกรม Microsoft Access ได้
3. อธิบายการใช้งาน Backstage หรอื แถบ File ของโปรแกรม Microsoft Access ได้
4. อธิบายการเข้าสโู่ ปรแกรมและสร้างฐานขอ้ มูลได้
5. ปฏบิ ตั กิ ารเลือกใช้โปรแกรมในการจดั การฐานขอ้ มลู ใหเ้ หมาะสมกบั งานได้

4. สาระการเรยี นรู้
1. โปรแกรมในการจัดการฐานข้อมลู
2. ความรเู้ บอื้ งตน้ เก่ยี วกบั โปรแกรม Microsoft Access
3. การใช้งาน Backstage หรือแถบ File
4. การใช้งานริบบ้อน (Ribbon)
5. การเขา้ สู่โปรแกรมและสร้างฐานขอ้ มูล

143

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ (สปั ดาห์ที.่ .....7.........)
กระบวนการจัดการเรียนรู้
5.1 ขั้นนำเข้าสูบ่ ทเรยี น
1. ผสู้ อนแนะนำเนอื้ หาการเรียนรู้ และแนวทางการเรยี นรใู้ นหนว่ ยการเรยี น

2. ผู้สอนใหผ้ เู้ รียนตอบคำถาม และซักถามเรือ่ งการประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมสำเรจ็ รูปจดั การฐานข้อมูล
5.2 ขั้นสอน

1. ผสู้ อนให้ผู้เรยี นไดศ้ กึ ษารายละเอยี ดเรือ่ งการประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู จัดการฐานขอ้ มูล
2. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เห็นและมีส่วนรว่ มในการวเิ คราะห์เนอ้ื หาท่ีเรยี นรู้ โดยเนน้ ใหผ้ เู้ รยี นได้
มีการแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ และมสี ่วนร่วม
5.3 ขนั้ สรปุ
1. ผู้สอนและผเู้ รียนสรปุ เน้ือหาการเรียนรอู้ ีกครง้ั ดว้ ยการต้งั คำถาม
2. มอบหมายภาระงานและแบบฝึกหัด

3. ปฏบิ ัติตามใบงาน ดังนี้
3.1 ให้ผูเ้ รยี นแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 2-3 คน อธบิ ายลกั ษณะของโปรแกรมระบบฐานข้อมลู กล่มุ

ละ 1 โปรแกรม
3.2 ให้ผูเ้ รียนแบ่งออกเป็น กลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน จัดทำแผนผังสว่ นประกอบของโปรแกรม Microsoft

Access แลว้ อธิบายแต่ละสว่ นประกอบดว้ ย

3.3 ใหผ้ ู้เรียนแต่ละคนที่ได้จากการส่มุ รายช่ือของผ้สู อน อธิบายแถบเมนูหรอื ริบบอนแตล่ ะสว่ นของ
โปรแกรม Microsoft Access คนละ 1 สว่ น

3.4 ใหผ้ ู้เรยี นแต่ละคนสรา้ งฐานข้อมลู ชอ่ื Dba1_stu ไวใ้ นโฟลเดอรช์ ื่อของผเู้ รียน
3.5 ใหผ้ เู้ รียนแต่ละคนสร้างฐานข้อมูลชอ่ื Dba2_customer ไวใ้ นโฟลเดอร์ช่อื ของผเู้ รียน

6. สื่อและแหลง่ การเรียนรู้
6.1 หนังสอื เรียน รหัส 30204-2002ระบบจดั การฐานขอ้ มูล
6.2 ใบความรู้
6.3 แบบฝึกหดั
6.4 แบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ
6.5 แบบทดสอบหลงั เรียน
6.7 คอมพิวเตอร์
6.8 เครือ่ งฉายโปรเจ็คเตอร์

7. หลกั ฐานการเรียนรู้
7.1 หลกั ฐานความรู้
ใบงาน แบบฝกึ หดั การคน้ ควา้ ข้อมลู ท่ไี ดร้ บั การเรียบเรียง สวยงาม เป็นระเบียบ ถกู ต้อง

144

7.2 หลกั ฐานการปฏิบัตงิ าน

ใบงาน แบบฝึกหัด รูปเล่มรายงานการค้นคว้าข้อมูล ที่ได้รับการเรียบเรียง สวยงาม เป็นระเบียบ

ถูกตอ้ ง พรอ้ มทง้ั เอกสารประกอบการนำเสนองานหน้าชัน้ เรยี นของผู้เรยี น และภาพประกอบ

8. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้

8.1 เครือ่ งมือประเมนิ

1. ใบงาน

2. แบบฝกึ หัด

3. แบบประเมินผลงาน

4. แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

8.2 เกณฑก์ ารประเมนิ

เครื่องมอื การประเมิน วธิ วี ัดและประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ

แบบฝกึ หัด ตรวจแบบฝึกหัด ไดค้ ะแนน

ขอ้ ละ 1 คะแนน ร้อยละ 75 ขึ้นไป
ถกู 1 คะแนน

ไมถ่ กู 0 คะแนน

แบบฝกึ ปฏิบัติ ตรวจแบบฝึกปฏิบตั ิ ไดค้ ะแนน

ขอ้ ละ 1 คะแนน ร้อยละ 75 ขน้ึ ไป
ถูก 1 คะแนน

ไมถ่ กู 0 คะแนน

แบบทดสอบหลงั เรยี น ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น ได้คะแนน

ขอ้ ละ 1 คะแนน รอ้ ยละ 75 ขนึ้ ไป
ถูก 1 คะแนน

ไมถ่ ูก 0 คะแนน

แบบสงั เกตพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม สังเกตพฤตกิ รรม ได้คะแนน

จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ดี 2 คะแนน รอ้ ยละ 80 ข้ึนไป

ประสงค์ พอใช้ 1 คะแนน

ปรับปรุง 0 คะแนน

9. กิจกรรมเสนอแนะ/งานทม่ี อบหมาย (ถ้ามี)
1. ผู้เรียนต้องให้ความสนใจในการศกึ ษา เพื่อหาเทคนิค วิธีการ หรือหลักการง่ายเพือ่ ใหห้ าคำตอบได้

อย่างถูกตอ้ ง และรวดเร็ว โดยการ ตั้งใจฟังหลักการ เทคนิควิธกี ารท่ีครูผู้สอนสรุปในขณะทีท่ ำการสอน และ
นำขอ้ สงสยั ซกั ถามครูในการเรียนทุกครัง้ ที่เกดิ ความสบั สน และไมเ่ ข้าใจ

2. ผมู้ ีการทบทวนบทเรยี น ตลอดเพอื่ เสริมสร้างความเขา้ ใจอย่างแทจ้ รงิ
3. ผเู้ รียนหมน่ั ทำใบงาน แบบฝึกหดั และแกไ้ ขขอ้ ทผ่ี ิดใหถ้ ูกต้องเสมอ

145

4. ผเู้ รียนต้องสรา้ งมโนภาพให้เกดิ ความคดิ รวบยอดในสาระการเรยี นรู้และเทคนิควธิ ีการพรอ้ มกับความ
จำเป็นในการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดขึ้นโดยตนเองให้ได้เพื่อเกิดความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จรงิ ไม่ใชเ่ กิดจาก
การทอ่ งจำ
10. เอกสารอ้างองิ

หนังสือเรียนวิชา ระบบจัดการฐานข้อมูล ของ สำนักพมิ พจ์ ิตรวฒั น์ (JW) กทม., 2563

ใบความรู้ที่ 7 หนว่ ยท่ี 7

รหัสวชิ า 30204-2002 ชือ่ วชิ า ระบบจดั การฐานขอ้ มลู ภาคเรียนที่ 1

ชือ่ หน่วย การประยุกต์ใชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู จัดการ เวลารวม 4 ชั่วโมง
ฐานข้อมูล

ชอื่ เร่อื ง การประยุกตใ์ ช้โปรแกรมสำเรจ็ รปู จัดการฐานข้อมูล เวลา 4 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้

จดุ ประสงค์ทั่วไป
1. เพอื่ มีความรู้ความเข้าใจการประยุกตใ์ ช้โปรแกรมสำเร็จรูปจัดการฐานข้อมูล
2. เพ่อื มีความรู้ความเขา้ ใจกระบวนการประยุกต์ใชโ้ ปรแกรมสำเร็จรปู จัดการฐานข้อมูล

จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชพี )
1. บอกความหมายและหนา้ ทีข่ องโปรแกรมในการจัดการฐานข้อมลู ได้
2. อธิบายสว่ นประกอบของโปรแกรม Microsoft Access ได้
3. อธิบายการใช้งาน Backstage หรอื แถบ File ของโปรแกรม Microsoft Access ได้
4. อธิบายการเข้าสูโ่ ปรแกรมและสรา้ งฐานข้อมูลได้
5. ปฏิบตั ิการเลือกใชโ้ ปรแกรมในการจัดการฐานขอ้ มูลให้เหมาะสมกับงานได้

สมรรถนะรายหนว่ ย
1 แสดงความรู้เก่ียวกับการประยกุ ต์ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปจดั การฐานข้อมลู
2. วางแผนการใชก้ ารประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเร็จรปู จัดการฐานขอ้ มูล


Click to View FlipBook Version