คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
ว14101 เทคโนโลยี (วทิ ยำกำรคำนวณ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์
ชั้นประถมศกึ ษำปที ่ี 4 จำนวน 40 ชัว่ โมง
ศึกษาการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์
จากปัญหาอยา่ งง่ายออกแบบ และเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรอื ส่อื และตรวจหา
ข้อผิดพลาดและแก้ไข การใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ และประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล
การรวบรวม ประเมิน นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศโดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ที่หลากหลาย เพื่อแก้ปัญหา
ในชีวิตประจาวัน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน
การเคารพในสทิ ธิของผ้อู ่นื แจง้ ผเู้ กี่ยวข้องเม่ือพบขอ้ มูลหรือบคุ คลท่ไี มเ่ หมาะสม
โดยใช้การค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือก
ข้อมูลใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการทางาน
ร่วมกันเพื่อให้ผู้เรียนมีความสนใจ มุ่งมั่นในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะ
ศึกษาตามความสนใจของตนเอง แสดงความคดิ เหน็ ของตนเอง ยอมรบั ในขอ้ มูลท่มี ีหลักฐานอา้ งอิง
และรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น แสดงความรับผิดชอบด้วยการทางานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น
รอบคอบ ประหยัดซื่อสัตย์ จนงานลุล่วงเป็นผลสาเร็จ และทางานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์
ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทาโครงงานหรือชิ้นงานตามที่
กาหนดใหห้ รอื ตามความสนใจ
รหสั ตวั ชีว้ ดั
ว 4.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4, ป.4/5
รวมท้งั หมด 5 ตัวชว้ี ัด
โครงสร้ำงรำยวิชำพน้ื ฐำนวทิ ยำศำสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยำกำรคำนวณ)
ชั้นประถมศึกษำปีท่ี 4 เวลำเรยี น 40 ช่ัวโมง
ลำดับท่ี ชือ่ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นรู้ เวลำเรียน
และตัวชี้วัด (ชัว่ โมง)
1 การแกป้ ญั หา ว 4.2 ป.4/1 1. การฝึกลาดับความคิด ทาให้มองเห็นปัญหา แล้ว 9
ตดั สินใจแก้ปญั หา โดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ
ในการแก้ปัญหา
2. การเลือกวิธีการแก้ปัญหาในแต่ละปัญหา ควร
พิจารณาเงือ่ นไขของปญั หาท่ีครอบคลุม
ทุกกรณี โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหาได้
อย่างเหมาะสม
3. ปัญหาบางปัญหามีวิธีการแก้ปัญหาที่หลากหลาย
วิธี ควรให้ความสาคัญของการแก้ปัญหาแต่ละวิธี
เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหา แล้วใช้เหตุผลเชิง
ตรรกะในการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
4. ปัญหาบางปัญหาต้องพิจารณาให้รอบคอบ หรือ
คาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น การแก้ปัญหาด้วยวิธี
ท่ีแตกตา่ งกันจะทาใหผ้ ลลพั ธท์ ่ไี ดแ้ ตกต่างกนั ไปด้วย
5. ขัน้ ตอนการแกป้ ญั หาเปน็ หลักการแก้ปัญหาอย่าง
มีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ที่ดีซึ่งประกอบด้วย ระบุ
ปัญหารวบรวมข้อมูล วางแผนแก้ปัญหาแก้ปัญหา
ทดสอบและประเมินผล
น าไปใช้แก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
6. การออกแบบโปรแกรมการแก้ปัญหา เป็นการ
ออกแบบขั้นตอนการแก้ปัญหาที่ควรออกแบบให้
ครอบคลุมทุกกรณีตามเงื่อนไขที่โจทย์กาหนด และ
อาจนาขัน้ ตอนนไ้ี ปใชไ้ ด้หลาย ๆ ครัง้
ตามตอ้ งการ
7. การเขียนโปรแกรมเป็นการสร้างลาดับของคาสั่ง
ให้คอมพิวเตอร์ทางาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามความ
ลำดับท่ี ช่อื หนว่ ยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรู้ เวลำเรยี น
2 เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ และตัวชีว้ ัด (ชวั่ โมง)
ว 4.2 ป.4/3, ป.4/5 ต้องการ หากมีข้อผิดพลาดให้ตรวจสอบการทางาน
ทีละคาสั่งเมื่อพบจุดที่ทาให้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้องให้ทา
การแกไ้ ขจนกว่าจะไดผ้ ลลพั ธท์ ่ีถกู ตอ้ ง
1. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ การนาคอมพิวเตอร์หลาย 11
ๆ เครื่อง และอุปกรณ์เทคโนโลยีมาเชื่อมต่อกัน
มากกว่า 1 เครื่องเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทาให้
สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล สารองข้อมูล รวมถึงการ
ตดิ ต่อสอื่ สารได้
2. การใช้อินเทอร์เน็ตที่ไดร้ ับความนิยม คือ การเขา้
สู่เว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งแต่ละเว็บไซต์มีองค์ประกอบท่ี
สาคัญหลาย ๆ อย่างในการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ต
เพือ่ คน้ หาข้อมูลทีต่ ้องการ
3. การค้นหาขอ้ มูลท้ังขอ้ มูลท่ีเป็นตัวอักษรและภาพ
สามารถค้นหาได้จากการใช้คาค้นที่ตรงประเด็น
กระชับ เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ทรี่ วดเร็ว
และตรงตามความต้องการ ข้อมูลที่ได้จากเว็บไซต์
ต่าง ๆ จะต้องนาเนื้อหาต่าง ๆ มาพิจารณา
เปรียบเทียบเลือกข้อมูลที่มีความสอดคล้องและ
สัมพันธ์กัน ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล โดย
พจิ ารณาจากประเภท
เว็บไซต์ของหน่วยงานท่นี า่ เชอ่ื ถอื
4. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการเขียนจดหมาย
ทางอินเทอร์เน็ตที่สามารถแนบไฟล์อื่น ๆ ไปกับ
จดหมายได้ เป็นการส่งต่อข้อมูลระหว่างบุคคล
หน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ โดยเลือกเข้าใช้งาน
เทคโนโลยสี ารสนเทศไดอ้ ยา่ ง
ปลอดภยั
5. ยูทูบเป็นบริการสาหรับดูภาพเคลื่อนไหว หรือ
วิดีโอบนอนิ เทอร์เน็ตทไี่ ดร้ บั ความนิยมเปน็ อย่างมาก
ควรเลือกรบั สอ่ื ท่ีเหมาะสมและไม่แสดงความคดิ เห็น
ทที่ าให้ผู้อื่นเกดิ ความเสียหาย
6. บริการเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์
มีการเชอ่ื มโยงกัน เพ่อื สรา้ งเครอื ข่ายในการนาเสนอ
ข้อมูล แลกเปลี่ยนความคิดต่าง ๆ ในการโต้ตอบ
ร ะ ห ว ่ า ง ผ ู ้ ใ ช ้ ง า น เ ค า ร พ ใ น ส ิ ท ธิ
ลำดบั ท่ี ช่ือหน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรยี นรู้ เวลำเรยี น
3 และตวั ช้วี ดั (ช่วั โมง)
การรวบรวมขอ้ มลู ของผู้อื่น ไม่กระทาการใด ๆ ที่ทาให้ผู้อื่นเดือดร้อน
และซอฟต์แวร์ ว 4.2 ป.4/4 เสียหาย และปกป้องข้อมูลส่วนตัว 9
โดยไมน่ าไปเผยแพร่
ประยุกต์ 7. บริการของ Google เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการ
ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งบริการบน
อินเทอร์เน็ตมีประโยชน์มากทั้งในเรื่องการ
ติดตอ่ ส่อื สาร การใชง้ านด้านการศึกษา
แต่ควรใช้งานให้เหมาะสม เพื่อจะได้ไม่เกิดโทษ
ตามมา
8. ข้อปฏิบัติในการใช้อินเทอร์เน็ตและการใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ไม่ควรสร้าง
ข้อความเท็จ และส่งให้ผู้อื่นควรสื่อสารอย่างมี
มารยาทและรู้จักกาลเทศะ และไม่ทาให้ผู้อื่นเกิด
ความเสียหาย ซึ่งบริการบนอินเทอร์เน็ตเป็นของ
ส่วนรวม ทุกคนควรปฏิบัติในการเข้าใช้บริการให้
ถูกตอ้ ง และเหมาะสม
1. การรวบรวมข้อมูล ทาได้โดยกาหนดหัวข้อที่
ตอ้ งการ เมื่อพบขอ้ มูลท่ีเก่ียวข้องกับหัวข้อท่กี าหนด
อาจใช้วิธีการจดบันทึก ถ่ายภาพหรือบันทึกเป็นไฟล์
ในคอมพิวเตอรก์ ารรวบรวมข้อมลู มคี วามสาคญั
ทาใหข้ อ้ มลู ทไี่ ดเ้ ป็นระบบมากข้ึนการรวบรวมข้อมูล
ที่ดีควรปฏิบัติตามขั้นตอน โดยเริ่มจากการ
ประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูลนี้อาจใช้วิธี
เปรียบเทียบ เรียงลาดับ จัดกลุ่ม ถ้ามีข้อมูลหลาย
ประเภทอาจนาข้อมูลประเภทเดียวกันจัดไว้กลุ่ม
เดียวกัน ถ้ามีข้อมูลในลักษณะตัวเลขอาจใช้ตัวเลข
เรียงลาดับของขอ้ มลู เพ่อื ให้พิจารณาขอ้ มลู ต่าง ๆ ได้
ง่าย
2. การนาเสนอข้อมูลสามารถนาเสนอได้หลาย
รูปแบบ หลายลักษณะ เมื่อต้องการนาขอ้ มูลท่ไี ด้มา
จะต้องประมวลผล และเลือกวิธีการนาเสนอให้
เหมาะสม การออกแบบรูปแบบการนาเสนอข้อมูล
อาจใช้วิธีการบอกเล่า ทาเอกสารรายงาน โปสเตอร์
โปรแกรมนาเสนอหรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของงานและเทคโนโลยที ีม่ ี
ลำดับท่ี ชื่อหน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรู้ เวลำเรียน
5 และตวั ชี้วัด (ชั่วโมง)
การเขยี น 3. ซอฟต์แวร์เป็นชุดคาสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงาน
โปรแกรมเบือ้ งตน้ ว 4.2 ป.4/2 ให้คอมพิวเตอร์ทางานตามลาดับขั้นตอนและนา 11
คอมพิวเตอร์มาใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจาวันได้
มากมาย ซอฟต์แวร์ประมวลคาเป็นโปรแกรมที่ใช้
สาหรบั สร้างงานเอกสาร สรา้ งแบบสอบถาม
และเก็บข้อมูล โดยใชโ้ ปรแกรมไมโครซอฟต์ออฟฟิศ
เวิร์ดในการแก้ปัญหา ซอฟต์แวร์ตารางทางานเป็น
โปรแกรมท่ีช่วยในการคดิ คานวณ ใช้สรา้ งตาราง
สร้างกราฟ และแผนภูมิในรูปแบบต่าง ๆ โดยใช้
โปรแกรมไมโครซอฟตอ์ อฟฟิศเอกซเ์ ซล
4. การใช้คอมพิวเตอร์ควรใช้อย่างเหมาะสม เพราะ
หากใช้งานไมเ่ หมาะสมจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีในด้าน
การเรยี น ด้านสุขภาพด้านสงั คม และดา้ นค่าใช้จ่าย
1. การทางานของคอมพิวเตอร์เป็นการทางาน
ร่วมกันที่ประกอบด้วยหน่วยรับเข้า หน่วย
ประมวลผลกลาง และหน่วยส่งออก ซึ่งมีโปรแกรม
เป็นระบบปฏิบัตกิ ารท่ชี ่วยใหค้ อมพิวเตอร์ทางานได้
อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อผู้ใช้ปฏิบัติตามขั้นตอนได้
ถูกต้อง
2. คอมพิวเตอร์มีการทางานตามขั้นตอน โดยการ
สร้างหรือเขียนลาดับคาสั่งให้คอมพิวเตอร์ทางาน
ตามที่ผู้เขียนโปรแกรมออกแบบไว้ เมื่อพบจุดที่ทา
ให้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้องให้ทาการแก้ไขจนกว่าจะได้
ผลลพั ธ์ท่ถี ูกตอ้ ง
3. การเขียนโปรแกรมด้วย Scratchเป็นเครื่องมือ
หน่งึ ทีน่ ามาใช้ฝึกเขยี นโปรแกรม สามารถเรยี นรู้
ได้ง่าย โดยการออกแบบอัลกอริทึมเขียนโปรแกรม
ในการนาบล็อกคาสั่งต่าง ๆ มาวางให้ตัวละคร
เคลื่อนที่ตามคาสั่ง ทาให้มีความเข้าใจการทางาน
ของคอมพวิ เตอร์มากขนึ้
4. อลั กอรทิ มึ คอื ข้นั ตอนหรือลาดบั การประมวลผล
ในการแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง ใช้อธิบายวิธีการ
ทางานอย่างเป็นลาดับขั้นตอนแต่ละขั้นควรสั้น
กระชับและมีความต่อเนื่องกัน ครอบคลุมการ
ทางาน โดยเขยี นการทางาน
ลำดบั ที่ ช่อื หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรู้ เวลำเรยี น
และตัวชว้ี ัด (ชวั่ โมง)
หลัก ๆ ออกมาก่อน การให้คอมพิวเตอร์ทางานได้
อย่างถูกต้องนั้น ต้องออกแบบอัลกอริทึมให้สมบูรณ์
แล้วจึงพฒั นาเปน็ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ หากมี
ส่วนใดที่ไม่สมบูรณ์สามารถที่จะปรับแก้ไข
อัลกอริทึมได้ สามารถออกแบบอัลกอรทิ มึ กิจวตั ร-
ประจาวันของตนเอง แล้วนาไปเขยี นโปรแกรมให้ตัว
ละครเลา่ เรื่องตามทอี่ อกแบบไว้
5. การเขยี นโปรแกรมโต้ตอบกบั ผู้ใชเ้ ป็นโปรแกรมท่ี
มีการตอบสนอง เมื่อผู้ใช้กระทาการใด ๆโดย
โปรแกรมจะนาข้อมูลมาประมวลผล แล้วทาตาม
เงื่อนไขที่ก าหนดจากการเขียนอัลกอริทึมที่
กาหนดการทางาน หากมีข้อผิดพลาดก็สามารถ
ปรับแกไ้ ขอลั กอรทิ มึ เพ่ือให้สามารถทางานต่อได้
โครงสรา้ งการจดั เวลาเรยี น
กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4
ภาคเรียนที่ 1 เวลาเรยี น 20 ชว่ั โมง
หน่วยการเรียนรู้/แผนการจัดการเรยี นรู้ เวลาเรียน
(ชวั่ โมง)
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การแก้ปัญหา
• แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การฝึกลาดับความคิด 1
• แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 2 เร่ือง การเลอื กวิธีการแกป้ ัญหา 1
• แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง แนวทางการแกป้ ัญหา 1
• แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 4 เรื่อง การคาดการณผ์ ลลัพธ์ของปัญหา 1
• แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 5 เรื่อง รู้จักข้ันตอนการแก้ปัญหา 1
• แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 6 เรื่อง การแก้ปญั หาตามขั้นตอนการแกป้ ัญหา 1
• แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 7 เร่ือง การออกแบบข้ันตอนการแกป้ ัญหา 1
• แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 8 เรอ่ื ง การออกแบบโปรแกรมการแกป้ ัญหา 1
• แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 9 เรอื่ ง การเขียนโปรแกรมให้ตัวละครสื่อสาร
ระหว่างกัน 1
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์
• แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื ง เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 1
• แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง การใช้อนิ เทอรเ์ นต็ 1
• แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 3 เรื่อง การใชค้ าค้นหาข้อมูล 1
• แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4 เรอ่ื ง การคน้ หาภาพบนอินเทอร์เน็ต 1
• แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 เรอ่ื ง ฉลาดค้นบนอินเทอร์เนต็ 1
• แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 6 เรื่อง การคน้ หาข้อมลู ท่ีสนใจ 1
• แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 7 เรอ่ื ง บริการบนอนิ เทอรเ์ น็ต :
ไปรษณียอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ 1
• แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง บริการบนอนิ เทอรเ์ น็ต : ยทู ูบ 1
• แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 9 เร่ือง บรกิ ารบนอินเทอร์เน็ต : เครอื ขา่ ยสงั คม 1
ออนไลน์ 1
1
• แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 เรื่อง บริการบนอนิ เทอรเ์ น็ต : บริการของ Google
• แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 11 เรื่อง ข้อปฏิบัติในการใช้อินเทอร์เน็ต 20
รวม
แผนการจัดการเรียนรู้
กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาการคานวณ
รหัสวิชา : ว14101 รายวิชา : วิทยาการคานวณ 4
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 หนว่ ยการจัดการเรียนรู้ที่ 1 : การแกป้ ญั หา
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 1 เร่อื ง : การฝกึ ลาดับความคิด
เวลาสอน : 1 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ ผสู้ อน : นายทศพล ทรายกิ่ง
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้ีวดั
มาตรฐานการเรียนรู้ : ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริง
อย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน
และการแกป้ ญั หาได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทัน และมีจรยิ ธรรม
ตัวชี้วัด : ว 4.2 ป.4/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทางาน การ
คาดการณผ์ ลลพั ธ์ จากปัญหาอยา่ งงา่ ย
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายการทางานอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอน โดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป้ ญั หา (K)
2. เขยี นฝึกลาดบั ความคิดในการแก้ปัญหา (P)
3. เลอื กวธิ ีการแก้ปญั หา ฝกึ ลาดับความคิด และใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา (P)
4. เหน็ ความสาคัญของการใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา (A)
3. สาระสาคญั
เรียงลาดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน เล่าเรื่องเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องใน
รูปแบบของข้อความหรือภาพสัญลักษณ์ แก้ปัญหาอัลกอริทึมอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์หรือ
ข้อความ
4. สาระการเรียนรู้
การฝึกลาดับความคดิ ทาให้มองเหน็ ปญั หาแต่ละปัญหา แล้วตัดสินใจแก้ปญั หาโดยใช้เหตุผล
เชิงตรรกะในการแก้ปัญหา
5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- มีวนิ ยั
- ใฝ่เรยี นรู้
- มุ่งมน่ั ในการทางาน
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั เตรียมความพร้อม ( 5 นาที )
1. คุณครูทักทาย และเช็คชื่อนักเรียน
2. ทากิจกรรม warm – up นักเรียน ด้วยกิจกรรม Check ให้มีสมาธิ โดยให้นักเรียนลองให้
แข่งกันทาเสยี งผงึ้ ใหไ้ ด้ยาว" เป็นการทาใหล้ มหายใจยาวข้ึน สงบลงเป็นอัตโนมตั ิ
ขั้นสอน ( 40 นาที )
1. คุณครูใช้สื่อ PowerPoint นาเสนอเนื้อหาดังนี้ คุณครูให้นักเรียนร่วมกันสังเกตซองบะหมี่ก่ึง
สาเรจ็ รูป แลว้ ตอบคาถาม ดงั นี้
- สง่ิ ที่นกั เรยี นสงั เกตเห็นคอื อะไร (ซองบะหมก่ี ึ่งสำเร็จรูป)
- นกั เรยี นรบั ประทานบะหมก่ี ง่ึ สาเรจ็ รปู บอ่ ยหรอื ไม่ (ไมบ่ อ่ ย/เป็นประจำ)
- บะหม่กี ง่ึ สาเร็จรปู ต้องผ่านขัน้ ตอนใดจึงจะรับประทานได้ (ตัวอย่ำงคำตอบ วิธีกำรต้ม)
2. นกั เรยี นรว่ มกนั ดตู วั อย่างการปรุงบะหมก่ี ่ึงสาเรจ็ รูปเพอื่ รบั ประทาน จากภาพความคิดการ
ปรงุ บะหม่ีกึ่งสาเรจ็ รปู โดยใช้หม้อไฟฟา้ และการใชก้ ระติกน้ารอ้ นไฟฟ้า
3. นกั เรยี นรว่ มกนั สนทนา และตอบคาถามกระตนุ้ ความสนใจ โดยใชค้ าถาม ดังน้ี
- นกั เรยี นมวี ธิ กี ารทางานนีว้ ิธใี ดอกี บา้ ง วิธีการของนกั เรียนดีอยา่ งไร อย่างไร (ตวั อย่ำง
คำตอบ ตม้ โดยใชเ้ ตำไมโครเวฟ เพรำะมีควำมสะดวก ง่ำย และรวดเรว็ )
4. นกั เรยี นรว่ มกนั ฟงั คาอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เก่ียวกบั การใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ญั หาว่าแต่
ละปัญหามวี ธิ ีการแก้ปัญหาท่ีแตกตา่ งกัน ขนึ้ อย่กู บั การใชเ้ หตุผลในการตดั สินใจ หรือเลือก
วิธกี ารแกป้ ญั หาของแต่ละคน
5. นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสม แต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์วิเคราะห์
กิจกรรมที่ 1 การชงนม ฝึกลาดับความคิด โดยบอกวิธีการชงนมเป็นลาดับขั้นตอนมา 2-3
วิธี โดยเขยี นเปน็ ภาพความคดิ บนกระดาน
6. ให้นักเรียนร่วมกันคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับวิธีการชงนม โดยตอบคาถาม ดังนี้วิธีการท่ีนักเรียน
เสนอวิธีใดดีที่สุด เพราะเหตุใด (ตัวอย่ำงคำตอบ วิธีที่ 2 เพรำะส่วนผสม จะละลำยเข้ำกัน
เรว็ กว่ำ)
7. คุณครูให้นักเรียนร่วมกันคิดวิเคราะห์ กิจกรรมที่ 2 การบวกเลข คานวณหาผลบวกของ
ตัวเลข 34 + 79 + 128 + 256 + 1,024 วา่ มีวธิ กี ารคดิ หาคาตอบไดก้ ีว่ ธิ ี แต่ละวิธมี วี ิธีการ
คิดอย่างไร ตวั อย่างวิธีการบวกเลข 2 วธิ ี ดังน้ี
วธิ ีที่ 1 : บวกเลขในแนวตัง้
วิธที ี่ 2 : บวกเลขในแนวนอน
8. นักเรียนร่วมกันคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับวิธกี ารคานวณหาผลบวกของตัวเลขดังกล่าว โดยตอบ
คาถาม ดังนี้ วิธีใดหาคาตอบได้รวดเร็วและมีความถูกต้องแม่นยามากที่สุด เพราะอะไร
(ตัวอย่ำงคำตอบ เลือกวิธีที่ 1 เพรำะเป็นกำรแสดงขั้นตอนวิธีกำรคำนวณในแต่ละหลัก
อยำ่ งชัดเจน มโี อกำสคำนวณผิดพลำดได้น้อย)
9. จากนั้นคุณครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันเล่นเกมรอดชีวิต โดยมีสถานการณ์ที่กาหนดให้
ดังนี้ สมมุติว่าเครื่องบินที่นักเรียนโดยสารไปเกิดประสบอุบัติเหตุ ตกลงในหุบเขาหิมาลัย
เครื่องบินไม่ระเบิดและร่างกายของคุณก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่สิ่งแวดล้อมภายนอกเลวร้าย
ที่สุด คือ อากาศเย็นมาก โดยรอบเต็มไปด้วยหิมะ มองไปไกลสุดสายตาก็มีแต่หิมะขาว
โพลน แต่บางครั้งก็มืดครึ้มสลับกัน การติดต่อสื่อสารโดยเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ทา
ไม่ได้ จากสถานการณ์นักเรียนจะเอาชีวิตรอดได้ยาก แต่ก็พบว่าในซากเครื่องบิน มีสิ่งของ
อยู่ 12 อยา่ ง ดังนี้ 1. กระดาษชาระ 2. พลุ
3. ผา้ ใบ 1 ผืน 4. ขวานเล็ก ๆ
5. ไฟแช็ก 6. แผนที่
7. เสอื้ ผา้ สารอง 8. ฝอยขดั หม้อ
9. เขม็ ทิศ 10. ข้ีผึ้ง 1 กระปอ๋ งใหญ่
11. ชอ็ กโกแลต 12. หนังสือพิมพ์
10. นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกสิ่งของที่มีความจาเป็นมากที่สุดมา 5 อย่าง โดยเขียนเป็นภาพ
ความคิด เรียงลาดับความสาคัญของสิ่งของที่เลือกและการนาไปใช้เพื่อเอาชีวิตรอดจาก
สถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไร โดยเขียนลงในใบกิจกรรมที่ 1 เกมรอดชีวิต
คาตอบดังตวั อย่าง
1.) ไฟแชก็ 2.) ขวำนเล็ก ๆ 3.) เสอ้ื ผ้ำสำรอง 4.) ช็อกโกแลต 5.) พลุ
ขั้นสรุป ( 5 นาที )
11. คุณครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเรื่องการฝึกลาดับความคิด ดังนี้
การฝึกลาดับความคิด ทาให้มองเห็นปัญหาแต่ละปัญหา แล้วตัดสินใจแก้ปัญหาโดยใช้
เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ในชีวิตประจาวันเราพบปัญหาที่แตกต่างกัน ปัญหาบาง
ปัญหาอาจมีวิธีการแกป้ ญั หาที่หลากหลาย ขึน้ อยกู่ ับการใช้เหตผุ ลในการตัดสนิ ใจ หรือการ
เลือกวิธกี ารแกป้ ญั หาของแตล่ ะคน
8. สื่อการเรยี นรู้
- ส่ือโปรแกรม PowerPoint เร่ือง การฝึกลาดับความคิด
- ใบงานกิจกรรม ที่ 1 เกมรอดชีวติ
- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 (พว.)
9. แหลง่ การเรยี นรู้
- เว็บสบื คน้ ขอ้ มลู
- ห้องสมดุ
10. การวดั และประเมินผล
รายการวดั และประเมินผล วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
อธบิ ายการทางานอยา่ งเป็น แบบทดสอบทา้ ย เกณฑ์ 50% ขนึ้ ไป
ข้ันตอน โดยใช้เหตุผลเชงิ ตรวจแบบทดสอบ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 นกั เรยี นทง้ั หอ้ งตอบถกู
ตรรกะในการแกป้ ัญหา (K) การแกป้ ญั หา 5 ขอ้ ผา่ นเกณฑ์
เขียนฝึกลาดบั ความคดิ ใน
การแก้ปัญหา และเลอื ก สังเกตกระบวน แบบประเมิน เกณฑร์ บู รคิ 4 ระดับ
วธิ ีการแก้ปญั หา ฝกึ ลาดบั การทางานกลมุ่ กระบวนการทางานกลมุ่
ความคิด และใช้เหตุผลเชงิ
ตรรกะในการแก้ปญั หา (P)
เห็นความสาคญั ของการใช้ สงั เกต คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑร์ ูบริค 4 ระดับ
เหตผุ ลเชิงตรรกะในการ ดา้ นใฝเ่ รียนรู้ (A)
แก้ปัญหา (A)
บันทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้
1. ผลการจัดการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .................................................
(นายทศพล ทรายกง่ิ )
ครผู ู้สอน
…………./……………………../…………
ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื .................................................
(.................................................)
ผู้บริหารสถานศึกษาหรือผ้ทู ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
…………./……………………../…………
แบบประเมนิ กระบวนการทางานกลุ่ม
รายการการ ระดับคณุ ภาพ
ประเมนิ
กระบวนการ 4321
ทางานกลมุ่
มกี ารกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท มกี ารกาหนดบทบาท ไม่มกี ารกาหนด
สมาชกิ ชัดเจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหัวหนา้ บทบาทสมาชกิ
และมกี ารชี้แจง มกี ารช้ีแจงเปา้ หมาย ไม่มกี ารชแ้ี จง และไมม่ กี ารชแี้ จง
เป้าหมาย อย่างชดั เจนและ เปา้ หมาย เป้าหมาย สมาชิก
การทางาน ปฏิบัติงานรว่ มกัน อย่างชดั เจน ตา่ งคนต่างทางาน
มีการปฏิบัติงาน แต่ไมม่ กี ารประเมนิ ปฏิบตั งิ านรว่ มกนั
รว่ มกนั เป็นระยะ ๆ ไม่ครบทกุ คน
อย่างร่วมมอื รว่ มใจ
พรอ้ มกับการประเมนิ
เป็นระยะ ๆ
แบบประเมินกระบวนการทางานกลมุ่
คำชีแ้ จง ใหท้ ำเครือ่ งหมาย / ลงในชอ่ งรายการกระบวนการทำงานกลุ่ม
เลขที่ ช่อื - สกลุ ดเี ยี่ยม รายการ ไม่ผ่าน สรปุ ผลการ
4 ดี ผา่ น 1 ประเมนิ
32
ลงชื่อ .................................................
(นายทศพล ทรายก่งิ )
ผ้ปู ระเมิน
…………./……………………../…………
เกณฑป์ ระเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ด้านใฝ่เรยี นรู้
ใฝ่เรียนรู้ หมายถงึ คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความต้ังใจ เพยี รพยายามในการเรยี น แสวงหาความรู้
จากแหลง่ เรยี นรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น
ผู้ที่ใฝ่เรียนรู้ คือ ผู้ที่มีลักษณะแสดงออกถึงความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วม
กิจกรรม การเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ ด้วย
การเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอด
เผยแพร่ และนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้
ตวั ช้ีวัดและพฤติกรรมบ่งชี้
ตวั ช้ีวัด พฤตกิ รรมบ่งช้ี
4.1 ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรยี น 4.1.1 ต้ังใจเรียน
และเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1.2 เอาใจใสแ่ ละมีความเพยี รพยายามในการเรยี นรู้
4.1.3 สนใจเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ตา่ งๆ
4.2 แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรู้ 4.2.1 ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรจู้ ากหนงั สือ เอกสาร สงิ่ พมิ พ์ สื่อเทคโนโลยี
ต่างๆ ทัง้ ภายในและภายนอก ต่างๆ แหล่งเรยี นร้ทู ้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น และเลือกใช้สอ่ื ไดอ้ ยา่ ง
โรงเรยี น ดว้ ยการเลือกใชส้ อ่ื อยา่ ง เหมาะสม
เหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ 4.2.2 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบจากสง่ิ ท่เี รียนรู้ สรุปเปน็ องค์ความรู้
สรปุ เป็นองคค์ วามรู้ แลกเปลย่ี น 4.2.3 แลกเปลีย่ นเรยี นรดู้ ว้ ยวธิ ีการต่างๆ และนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั
เรียนรู้ และนำไปใช้ใน
ชีวติ ประจำวันได้
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (ใชข้ ้อมลู จากการสังเกตตามสภาพจริงของครผู ูส้ อน)
พฤติกรรมบ่งชี้ ไมผ่ ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดเี ย่ยี ม (3)
ตามขอ้ 4.1 – 4.2 ไม่ต้งั ใจเรยี น เข้าเรียนตรงเวลา เขา้ เรยี นตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ต้ังใจ
ไม่ศึกษาค้นควา้ หา ตั้งใจเรียน เอาใจ ตง้ั ใจเรียน เอาใจ เรียน เอาใจใสใ่ นการ
ความรู้ ใสใ่ นการเรียน ใส่ในการเรียน เรียน และมสี ่วนรว่ มใน
และมสี ่วนรว่ มใน และมีส่วนรว่ มใน การเรยี นรู้ และเข้าร่วม
การเรยี นรู้ และเขา้ การเรียนรู้ และเขา้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ต่างๆ
ร่วมกจิ กรรมการ รว่ มกจิ กรรมการ ท้งั ภายในและภายนอก
เรยี นรู้ต่างๆ เป็น เรียนรู้ต่างๆ โรงเรียนเปน็ ประจำ
บางครง้ั บ่อยครั้ง
หมายเหตุ ขอ้ มูลน้ไี ดร้ บั จากแผนการจดั การเรยี นรู้,บันทกึ หลงั สอน,แบบสังเกตพฤตกิ รรม
แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นใฝ่เรยี นรู้
คำชี้แจง ใหท้ ำเคร่ืองหมาย / ลงในชอ่ งรายการคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้
เลขที่ ชอื่ - สกลุ ดเี ย่ยี ม รายการ ไม่ผ่าน สรปุ ผลการ
3 ดี ผา่ น 0 ประเมิน
21
ลงช่อื .................................................
(นายทศพล ทรายกงิ่ )
ผ้ปู ระเมนิ
…………./……………………../…………
ใบกจิ กรรมท่ี 1 เกมรอดชวี ติ
แผนการจดั การเรียนรู้
กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาการคานวณ
รหัสวิชา : ว14101 รายวิชา : วิทยาการคานวณ 4
ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 หน่วยการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 : การแก้ปญั หา
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง : การเลือกวธิ ีการแกป้ ัญหา
เวลาสอน : 1 ช่ัวโมง/สัปดาห์ ผ้สู อน : นายทศพล ทรายก่ิง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด
มาตรฐานการเรียนรู้ : ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิต
จรงิ อย่างเปน็ ข้ันตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทางาน
และการแก้ปัญหาไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทัน และมีจริยธรรม
ตัวชี้วัด : ว 4.2 ป.4/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทางาน การ
คาดการณผ์ ลลพั ธ์ จากปญั หาอยา่ งงา่ ย
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายการเลือกวิธกี ารแก้ปญั หาโดยใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป้ ญั หา (K)
2. วเิ คราะหป์ ัญหาและเลือกวิธีการแกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา (P)
3. เหน็ ความสาคญั ของการใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา (A)
3. สาระสาคัญ
การแก้ปัญหา (problem solving) เป็นการค้นหาคาตอบ หาวิธีแก้ปัญหาหรือทางานนั้นให้
สาเร็จโดยเริ่มจากการกาหนดคาถามเกี่ยวกับปัญหานั้นว่าเราจะแก้ปัญหาหรือทางานนั้นให้สาเร็จได้
อย่างไร และการให้เหตุผล (reasoning) เป็นการคิดและอธิบายความคิดออกมาเป็นแผนงาน สาหรับ
การแก้ปัญหานัน้ เราอาจเสนอวิธกี ารแก้ปัญหาโดยการถา่ ยทอดความคิดออกมาเปน็ ข้อความ ซึ่งแสดง
วิธกี ารแกป้ ญั หาออกมาเป็นลาดับขัน้ ทาใหม้ องเห็นวิธีการแก้ปญั หาได้อย่างชดั เจน
4. สาระการเรยี นรู้
การเลือกวิธีการแก้ปัญหาในแต่ละปัญหา ควรพิจารณาเงื่อนไขของปัญหาที่ครอบคลุม
ทกุ กรณี โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหาได้อยา่ งเหมาะสม
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
6. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
- มวี ินยั
- ใฝเ่ รียนรู้
- มุ่งมัน่ ในการทางาน
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันเตรียมความพรอ้ ม ( 5 นาที )
1. คุณครูทักทาย และเช็คชื่อนักเรียน ด้วยกิจกรรม “ห้ามตอบว่า มาครับ/มาค่ะ” โดยให้
นกั เรยี นพดู คาใดกไ็ ดท้ ส่ี รา้ งสรรคเ์ พอ่ื เปน็ การขานรบั เมอ่ื คณุ ครเู รยี กชอ่ื
ข้ันสอน ( 40 นาที )
2. คณุ ครูให้นักเรยี นร่วมกนั สนทนาและบอกปัญหาท่ีพบในชวี ิตประจาวนั โดยเขียนคาตอบ
ของนกั เรียนเป็นแผนภาพความคิดบนกระดาน ดังน้ี
ปญั หาทพ่ี บในชีวติ ประจาวัน
นอนตืน่ สาย, ทาการบ้านไม่เสร็จ, สอบไดค้ ะแนนน้อย, ทะเลาะกบั เพ่ือน,
มาโรงเรียนสาย, คดิ เลขชา้ และอ่ืน ๆ
3. คุณครูทบทวนความรู้เดิมนักเรียนด้วยการสนทนาและตอบคาถามโดยใช้สื่อ Powerpoint
เรอ่ื งการเลอื กวธิ กี ารแกป้ ัญหา นาเสนอเน้ือหาดังนี้
- ปญั หาท่ีนักเรียนพบ มวี ิธกี ารแกป้ ญั หาหรอื ไม่ (มี/ไมม่ ี)
- การแก้ปัญหาคืออะไร (ตัวอย่างคาตอบ การค้นหาคาตอบ หาวิธีแก้ปัญหาหรือ
ทางานนนั้ ใหส้ าเร็จ)
- การให้เหตุผลคืออะไร (ตัวอย่างคาตอบ การคิดและอธิบายความคิด วิธีการ
แก้ปญั หาที่ทาให้มองเห็นการแก้ปัญหา)
4. คุณครูถามคาถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรยี น ดงั นี้
- การเลือกวิธีการแก้ปัญหาควรพิจารณาอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ ควรพิจารณา
เงอ่ื นไขของปญั หาใหค้ รบทกุ กรณี)
- นักเรียนจะมีแนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ เลือก
วิธีการแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับปัญหามากที่สุด อาจนาเครื่องมือต่าง ๆ ที่มีอยู่
มาชว่ ยในการแกป้ ัญหา เพอื่ ใหแ้ กป้ ญั หาน้นั ได้สาเร็จ)
5. คุณครใู ห้นักเรียนวิเคราะห์และแก้ปัญหาจากสถานการณต์ วั อย่าง ดงั น้ี
การวัดความกว้างและความยาวของห้องเรียนโดยใช้เครื่องมือช่วยให้สามารถวัดได้
รวดเรว็ และแม่นยา ไดแ้ ก่
- ไม้บรรทัด
- สายวดั
- ตลบั เมตร
6. นกั เรยี นชว่ ยกนั จาแนกการใชง้ านทเ่ี หมาะสมของเครอ่ื งมอื แตล่ ะชนดิ แลว้ อธบิ ายดงั น้ี
- ไมบ้ รรทดั (ตวั อยา่ งคาตอบ ใช้วัดความกวา้ งและความยาวของสมดุ )
- สายวัด (ตวั อย่างคาตอบ ใช้วัดสัดสว่ นของร่างกาย)
- ตลับเมตร (ตัวอย่างคาตอบ ใช้วัดความกว้างและความยาวของกระดานหน้า
ช้นั เรียนความกว้างของห้องเรียน)
7. นักเรียนร่วมกันคิด และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกเครื่องมือเพื่อวัดห้องเรียน
แล้วตอบคาถาม ดังน้ี
- นักเรียนจะเลือกใช้ไม้บรรทัดวัดความกว้างและความยาวของห้องเรียนหรือไม่
เพราะเหตใุ ด (ตวั อยา่ งคาตอบ ไม่ เพราะไมบ้ รรทดั มีความยาวในการวัดในระยะ
สั้น ๆ ไม่เหมาะกับการวัดในระยะยาว ๆ จะเสียเวลาในการนาค่าในการวัดมา
รวมกนั และอาจเกดิ ข้อผิดพลาดได้)
- นักเรียนจะเลือกใช้สายวัดวัดความกว้างและความยาวของห้องเรียนหรือไม่
เพราะเหตุใด (ตัวอย่างคาตอบ ไม่ เพราะสายวัดไม่เหมาะสมกับการวัดความ
กว้างและความยาวของห้องเรียน ถึงจะมีค่าการวัดที่ระยะยาว ๆ แต่ก็ทาให้เกิด
ความผิดพลาดได้ ถ้าวดั สายวดั หยอ่ น ค่าทไ่ี ด้ก็จะไมม่ ีความแม่นยา)
- นักเรียนจะใช้ตลับเมตรวัดความกว้างและความยาวของห้องเรียนหรือไม่ เพราะ
เหตุใด (ตัวอย่างค าตอบ ใช้ เพราะเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมในการ
วดั ระยะยาว ๆ มคี วามสะดวกและมคี วามแม่นยาในการวัด)
8. คณุ ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เก่ียวกับการเลือกวธิ ีการแกป้ ญั หา กอ่ นทากจิ กรรมดังน้ี
การแก้ปัญหาควรพิจารณาเงื่อนไขของปัญหาให้ครบทุกด้าน โดยเลือกวิธีการแก้ปัญหาได้
อยา่ งเหมาะสม อาจใช้เครือ่ งมือต่าง ๆ มาช่วยในการแกป้ ญั หา
9. คณุ ครูให้นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ แตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ทากจิ กรรมจากสถานการณท์ ก่ี าหนด ดังนี้
มีขวดน้าเปล่า 1 ใบ ต้องการเติมน้าใส่ขวดให้เต็มขวด จะเลือกใช้อุปกรณ์หรือภาชนะชนิด
ใดในการเติมน้าใส่ขวดให้เตม็
10. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการเลือกอุปกรณ์หรือภาชนะแต่ละชนิดที่เลือก
พร้อมบอกเหตุผลหน้าช้ันเรยี น เพื่อแลกเปล่ยี นเรยี นรกู้ นั
11. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ร่วมกัน ดังน้ี การเลือกวิธีการแก้ปัญหาในแต่ละ
ปัญหา ควรพิจารณาเงื่อนไขของปัญหาที่ครอบคลุมทุกกรณี โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะใน
การแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างเหมาะสม
ข้ันสรุป ( 5 นาที )
8. สอ่ื การเรยี นรู้
- สอ่ื โปรแกรม PowerPoint เรือ่ ง การเลือกวธิ กี ารแก้ปัญหา
- ใบกจิ กรรม ท่ี 2 สถานการณต์ วั อย่างขวดน้าเปล่า
- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 (พว.)
9. แหลง่ การเรียนรู้
- เวบ็ สบื คน้ ข้อมลู
- ห้องสมุด
10. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
อธิบายการเลือกวิธีการ แบบทดสอบทา้ ย เกณฑ์ 50% ขนึ้ ไป
แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิง ตรวจแบบทดสอบ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 นกั เรยี นทง้ั หอ้ งตอบถกู
ตรรกะในการแก้ปญั หา (K)) การแกป้ ญั หา 5 ขอ้ ผา่ นเกณฑ์
วิเคราะห์ปัญหาและเลือก
วิธีการแก้ปัญหาโดยใช้ สังเกตกระบวน แบบประเมนิ เกณฑร์ ูบริค 4 ระดบั
เหตุผลเชิงตรรกะในการ การทางานกลุม่ กระบวนการทางานกลุม่
แก้ปัญหา (P)
เห็นความสาคัญของการใช้ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
ด้านใฝ่เรยี นรู้ (A)
เหตุผลเชิงตรรกะในการ สงั เกต เกณฑร์ ูบริค 4 ระดับ
แกป้ ัญหา (A)
บันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้
1. ผลการจัดการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .................................................
(นายทศพล ทรายกิ่ง)
ครผู ู้สอน
…………./……………………../…………
ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื .................................................
(.................................................)
ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
…………./……………………../…………
แบบประเมนิ กระบวนการทางานกลุ่ม
รายการการ ระดับคณุ ภาพ
ประเมนิ
กระบวนการ 4321
ทางานกลมุ่
มกี ารกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท มกี ารกาหนดบทบาท ไม่มกี ารกาหนด
สมาชกิ ชัดเจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหัวหนา้ บทบาทสมาชกิ
และมกี ารชี้แจง มกี ารช้ีแจงเปา้ หมาย ไม่มกี ารชแ้ี จง และไมม่ กี ารชแี้ จง
เป้าหมาย อย่างชดั เจนและ เปา้ หมาย เป้าหมาย สมาชิก
การทางาน ปฏิบัติงานรว่ มกัน อย่างชดั เจน ตา่ งคนต่างทางาน
มีการปฏิบัติงาน แต่ไมม่ กี ารประเมนิ ปฏิบตั งิ านรว่ มกนั
รว่ มกนั เป็นระยะ ๆ ไม่ครบทกุ คน
อย่างร่วมมอื รว่ มใจ
พรอ้ มกับการประเมนิ
เป็นระยะ ๆ
แบบประเมินกระบวนการทางานกลมุ่
คำชีแ้ จง ใหท้ ำเครือ่ งหมาย / ลงในชอ่ งรายการกระบวนการทำงานกลุ่ม
เลขที่ ช่อื - สกลุ ดเี ยี่ยม รายการ ไม่ผ่าน สรปุ ผลการ
4 ดี ผา่ น 1 ประเมนิ
32
ลงชื่อ .................................................
(นายทศพล ทรายก่งิ )
ผ้ปู ระเมิน
…………./……………………../…………
เกณฑป์ ระเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ด้านใฝ่เรยี นรู้
ใฝ่เรียนรู้ หมายถงึ คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความต้ังใจ เพยี รพยายามในการเรยี น แสวงหาความรู้
จากแหลง่ เรยี นรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น
ผู้ที่ใฝ่เรียนรู้ คือ ผู้ที่มีลักษณะแสดงออกถึงความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วม
กิจกรรม การเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ ด้วย
การเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอด
เผยแพร่ และนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้
ตวั ช้ีวัดและพฤติกรรมบ่งชี้
ตวั ช้ีวัด พฤตกิ รรมบ่งช้ี
4.1 ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรยี น 4.1.1 ต้ังใจเรียน
และเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1.2 เอาใจใสแ่ ละมีความเพยี รพยายามในการเรยี นรู้
4.1.3 สนใจเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ตา่ งๆ
4.2 แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรู้ 4.2.1 ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรจู้ ากหนงั สือ เอกสาร สงิ่ พมิ พ์ สื่อเทคโนโลยี
ต่างๆ ทัง้ ภายในและภายนอก ต่างๆ แหล่งเรยี นร้ทู ้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น และเลือกใช้สอ่ื ไดอ้ ยา่ ง
โรงเรยี น ดว้ ยการเลือกใชส้ อ่ื อยา่ ง เหมาะสม
เหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ 4.2.2 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบจากสง่ิ ท่เี รียนรู้ สรุปเปน็ องค์ความรู้
สรปุ เป็นองคค์ วามรู้ แลกเปลย่ี น 4.2.3 แลกเปลีย่ นเรยี นรดู้ ว้ ยวธิ ีการต่างๆ และนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั
เรียนรู้ และนำไปใช้ใน
ชีวติ ประจำวันได้
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (ใชข้ ้อมลู จากการสังเกตตามสภาพจริงของครผู ูส้ อน)
พฤติกรรมบ่งชี้ ไมผ่ ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดเี ย่ยี ม (3)
ตามขอ้ 4.1 – 4.2 ไม่ต้งั ใจเรยี น เข้าเรียนตรงเวลา เขา้ เรยี นตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ต้ังใจ
ไม่ศึกษาค้นควา้ หา ตั้งใจเรียน เอาใจ ตง้ั ใจเรียน เอาใจ เรียน เอาใจใสใ่ นการ
ความรู้ ใสใ่ นการเรียน ใส่ในการเรียน เรียน และมสี ่วนรว่ มใน
และมสี ่วนรว่ มใน และมีส่วนรว่ มใน การเรยี นรู้ และเข้าร่วม
การเรยี นรู้ และเขา้ การเรียนรู้ และเขา้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ต่างๆ
ร่วมกจิ กรรมการ รว่ มกจิ กรรมการ ท้งั ภายในและภายนอก
เรยี นรู้ต่างๆ เป็น เรียนรู้ต่างๆ โรงเรียนเปน็ ประจำ
บางครง้ั บ่อยครั้ง
หมายเหตุ ขอ้ มูลน้ไี ดร้ บั จากแผนการจดั การเรยี นรู้,บันทกึ หลงั สอน,แบบสังเกตพฤตกิ รรม
แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นใฝ่เรยี นรู้
คำชี้แจง ใหท้ ำเคร่ืองหมาย / ลงในชอ่ งรายการคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้
เลขที่ ชอื่ - สกลุ ดเี ย่ยี ม รายการ ไม่ผ่าน สรปุ ผลการ
3 ดี ผา่ น 0 ประเมิน
21
ลงช่อื .................................................
(นายทศพล ทรายกงิ่ )
ผ้ปู ระเมนิ
…………./……………………../…………
แผนการจดั การเรยี นรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาการคานวณ
รหัสวิชา : ว14101 รายวิชา : วิทยาการคานวณ 4
ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 หนว่ ยการจัดการเรียนรูท้ ่ี 1 : การแก้ปญั หา
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง : แนวทางการแกป้ ัญหา
เวลาสอน : 1 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ผสู้ อน : นายทศพล ทรายกงิ่
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ดั
มาตรฐานการเรียนรู้ : ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิต
จริงอย่างเปน็ ข้ันตอน และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน
และการแก้ปญั หาได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ รู้เทา่ ทัน และมจี รยิ ธรรม
ตัวชี้วัด : ว 4.2 ป.4/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทางาน การ
คาดการณ์ผลลพั ธ์ จากปญั หาอยา่ งงา่ ย
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายแนวทางการแกป้ ญั หาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหา (K)
2. เสนอแนวทางการแกป้ ัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา (P)
3. เห็นความสาคญั ของการใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หา (A)
3. สาระสาคญั
แนวทางการแก้ปัญหาให้ประสบความสาเร็จนั้นต้องอาศัยกระบวนการแก้ปัญหา ทาได้โดย
การวิเคราะห์ปัญหา รวบรวมข้อมูล วางแผนการแก้ปัญหา ลงมือแก้ปัญหา และตรวจสอบผลการ
แก้ปัญหาและปัญหาแต่ละปัญหาต้องมีขั้นตอนการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น การลองผิดลองถูก
และการเปรยี บเทยี บ ทาให้การแกป้ ญั หาประสบความสาเร็จและมปี ระสทิ ธิภาพ
4. สาระการเรยี นรู้
ปัญหาบางปัญหามีวิธีการแก้ปัญหาที่หลากหลายวิธี ควรให้ความสาคัญของการแก้ปัญหาแต่
ละวธิ ีเพ่อื หาแนวทางการแก้ปัญหา แล้วใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ญั หาได้อยา่ งเหมาะสม
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
- ใฝเ่ รียนรู้
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นา ( 5 นาที )
1. นกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาและตอบคาถามเกย่ี วกบั การเดนิ ทางไปโรงเรยี น โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี
- นกั เรยี นเดนิ ทางไปโรงเรยี นดว้ ยวธิ ใี ดบา้ ง เขยี นคาตอบของนกั เรยี นเป็นแผนภาพ
ความคดิ บนกระดาน
- ระหวา่ งทางนักเรยี นพบปญั หาใดบา้ ง (ตัวอย่างคาตอบ รถติด รถเสยี ฝนตก)
- นกั เรยี นคิดวา่ ปญั หาตา่ ง ๆ มวี ธิ กี ารแกป้ ญั หาหรอื ไม่ (มี)
ขั้นสอน ( 40 นาที )
2. นกั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหแ์ ละแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั อปุ สรรคทพ่ี บระหวา่ งทางไป
โรงเรียนพร้อมระบผุ ลท่เี กดิ ขนึ้ เขยี นบนั ทึกเปน็ แผนภาพความคิดบนกระดานหน้าชน้ั เรียน
ดังตวั อย่าง
รถติด ฝนตก อปุ สรรคทพ่ี บ ผลทเี กดิ ข้นึ
สาเหตุ ระหวา่ งทาง ไปถึงโรงเรียนสาย เข้าเรียนชา้
ไปโรงเรียน
ต่นื สาย รถเสยี
3. นกั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหแ์ ละแสดงความคดิ เหน็ โดยตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ดงั น้ี
- นกั เรยี นมแี นวทางในการแกป้ ญั หาการมาโรงเรยี นสายของตนเองอยา่ งไร (ตัวอยา่ ง
คาตอบ ตืน่ ใหเ้ รว็ ขึ้น ออกจากบา้ นให้เรว็ ขน้ึ และเลอื กใชเ้ ส้นทางเลย่ี งเสน้ ทางทีม่ ี
การจราจรติดขดั )
4. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ตามความเหมาะสม รว่ มกนั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมที่ 3 ใครจะไปถงึ โรงเรยี นกอ่ น
กันตอนท่ี 1 สถานการณส์ มมุติ โดยสังเกตภาพเส้นทางการไปโรงเรียน 2 เสน้ ทาง แล้ว
ตอบคาถาม
5. นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปสง่ิ ท่ีเขา้ ใจเปน็ ความรรู้ ว่ มกนั ดงั น้ี ปัญหาบางปญั หามวี ธิ ีการแกป้ ัญหา
ทห่ี ลากหลายวธิ ี ควรใหค้ วามสาคัญของการแกป้ ัญหาแตล่ ะวธิ ี เพื่อหาแนวทางการ
แกป้ ญั หา แล้วใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
6. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมาสรปุ ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหนา้ ชน้ั เรยี น เพอ่ื
แลกเปลยี่ นเรยี นรู้กัน
ข้ันสรปุ ( 5 นาที )
7. นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปความคดิ รวบยอดเกย่ี วกบั แนวทางการแกป้ ญั หา ดงั น้ี ปญั หาทพ่ี บใน
ชวี ติ ประจาวนั ปญั หาแตล่ ะปัญหามวี ธิ กี ารแก้ปัญหาที่หลากหลายและแตกตา่ งกนั ควร
เลือกแนวทางการแกป้ ัญหาที่เหมาะสมกับปัญหาน้นั ๆ
8. สือการเรยี นรู้
- สอื่ โปรแกรม Canva เร่ือง การเลอื กวธิ ีการแกป้ ัญหา
- ใบกิจกรรมที่ 3 ใครจะไปถงึ โรงเรยี รนี ก่อนกัน
- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 (พว.)
9. แหล่งการเรียนรู้
- เวบ็ สืบค้นขอ้ มูล
- ห้องสมดุ
10. การวดั และประเมินผล
รายการวดั และประเมินผล วิธกี าร เครอื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
อธิบายแนวทางการแก้ปัญหา แบบทดสอบทา้ ย เกณฑ์ 50% ขนึ้ ไป
โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะใน ตรวจแบบทดสอบ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 นกั เรยี นทง้ั หอ้ งตอบถกู
การแก้ปัญหา (K) การแก้ปัญหา 5 ข้อผา่ นเกณฑ์
เสนอแนวทางการแก้ปัญหา สงั เกตกระบวน แบบประเมนิ เกณฑร์ ูบรคิ 4 ระดับ
โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะใน การทางานกลมุ่ กระบวนการทางานกลมุ่
การแก้ปัญหา (P)
เห็นความสาคัญของการใช้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ด้านใฝเ่ รียนรู้ (A)
เหตุผลเชิงตรรกะในการ สงั เกต เกณฑ์รูบริค 4 ระดบั
แกป้ ัญหา (A)
บันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้
1. ผลการจัดการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .................................................
(นายทศพล ทรายกิ่ง)
ครผู ู้สอน
…………./……………………../…………
ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื .................................................
(.................................................)
ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
…………./……………………../…………
แบบประเมนิ กระบวนการทางานกลุ่ม
รายการการ ระดับคณุ ภาพ
ประเมนิ
กระบวนการ 4321
ทางานกลมุ่
มกี ารกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท มกี ารกาหนดบทบาท ไม่มกี ารกาหนด
สมาชกิ ชัดเจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหัวหนา้ บทบาทสมาชกิ
และมกี ารชี้แจง มกี ารช้ีแจงเปา้ หมาย ไม่มกี ารชแ้ี จง และไมม่ กี ารชแี้ จง
เป้าหมาย อย่างชดั เจนและ เปา้ หมาย เป้าหมาย สมาชิก
การทางาน ปฏิบัติงานรว่ มกัน อย่างชดั เจน ตา่ งคนตา่ งทางาน
มีการปฏิบัติงาน แต่ไมม่ กี ารประเมนิ ปฏิบตั งิ านรว่ มกนั
รว่ มกนั เป็นระยะ ๆ ไม่ครบทกุ คน
อย่างร่วมมอื รว่ มใจ
พรอ้ มกับการประเมนิ
เป็นระยะ ๆ
แบบประเมินกระบวนการทางานกลมุ่
คำชีแ้ จง ใหท้ ำเครือ่ งหมาย / ลงในชอ่ งรายการกระบวนการทำงานกลุ่ม
เลขที่ ช่อื - สกลุ ดเี ยี่ยม รายการ ไม่ผ่าน สรปุ ผลการ
4 ดี ผา่ น 1 ประเมนิ
32
ลงชื่อ .................................................
(นายทศพล ทรายก่งิ )
ผ้ปู ระเมิน
…………./……………………../…………
เกณฑป์ ระเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ด้านใฝ่เรยี นรู้
ใฝ่เรียนรู้ หมายถงึ คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความต้ังใจ เพยี รพยายามในการเรยี น แสวงหาความรู้
จากแหลง่ เรยี นรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น
ผู้ที่ใฝ่เรียนรู้ คือ ผู้ที่มีลักษณะแสดงออกถึงความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วม
กิจกรรม การเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ ด้วย
การเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอด
เผยแพร่ และนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้
ตวั ช้ีวัดและพฤติกรรมบ่งชี้
ตวั ช้ีวัด พฤตกิ รรมบ่งช้ี
4.1 ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรยี น 4.1.1 ต้ังใจเรียน
และเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1.2 เอาใจใสแ่ ละมีความเพยี รพยายามในการเรยี นรู้
4.1.3 สนใจเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ตา่ งๆ
4.2 แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรู้ 4.2.1 ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรจู้ ากหนงั สือ เอกสาร สงิ่ พมิ พ์ สื่อเทคโนโลยี
ต่างๆ ทัง้ ภายในและภายนอก ต่างๆ แหล่งเรยี นร้ทู ้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น และเลือกใช้สอ่ื ไดอ้ ยา่ ง
โรงเรยี น ดว้ ยการเลือกใชส้ อ่ื อยา่ ง เหมาะสม
เหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ 4.2.2 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบจากสง่ิ ท่เี รียนรู้ สรุปเปน็ องค์ความรู้
สรปุ เป็นองคค์ วามรู้ แลกเปลย่ี น 4.2.3 แลกเปลีย่ นเรยี นรดู้ ว้ ยวธิ ีการต่างๆ และนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั
เรียนรู้ และนำไปใช้ใน
ชีวติ ประจำวันได้
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (ใชข้ ้อมลู จากการสังเกตตามสภาพจริงของครผู ูส้ อน)
พฤติกรรมบ่งชี้ ไมผ่ ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดเี ย่ยี ม (3)
ตามขอ้ 4.1 – 4.2 ไม่ต้งั ใจเรยี น เข้าเรียนตรงเวลา เขา้ เรยี นตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ต้ังใจ
ไม่ศึกษาค้นควา้ หา ตั้งใจเรียน เอาใจ ตง้ั ใจเรียน เอาใจ เรียน เอาใจใสใ่ นการ
ความรู้ ใสใ่ นการเรียน ใส่ในการเรียน เรียน และมสี ่วนรว่ มใน
และมสี ่วนรว่ มใน และมีส่วนรว่ มใน การเรยี นรู้ และเข้าร่วม
การเรยี นรู้ และเขา้ การเรียนรู้ และเขา้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ต่างๆ
ร่วมกจิ กรรมการ รว่ มกจิ กรรมการ ท้งั ภายในและภายนอก
เรยี นรู้ต่างๆ เป็น เรียนรู้ต่างๆ โรงเรียนเปน็ ประจำ
บางครง้ั บ่อยครั้ง
หมายเหตุ ขอ้ มูลน้ไี ดร้ บั จากแผนการจดั การเรยี นรู้,บันทกึ หลงั สอน,แบบสังเกตพฤตกิ รรม
แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นใฝ่เรยี นรู้
คำชี้แจง ใหท้ ำเคร่ืองหมาย / ลงในชอ่ งรายการคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้
เลขที่ ชอื่ - สกลุ ดเี ย่ยี ม รายการ ไม่ผ่าน สรปุ ผลการ
3 ดี ผา่ น 0 ประเมิน
21
ลงช่อื .................................................
(นายทศพล ทรายกงิ่ )
ผ้ปู ระเมนิ
…………./……………………../…………
แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาการคานวณ
รหัสวิชา : ว14101 รายวิชา : วิทยาการคานวณ 4
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 หนว่ ยการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 : การแกป้ ัญหา
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง : การคาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหาอยา่ งง่าย
เวลาสอน : 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์ ผู้สอน : นายทศพล ทรายก่งิ
1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชว้ี ัด
มาตรฐานการเรียนรู้ : ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิต
จรงิ อยา่ งเปน็ ขัน้ ตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน
และการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมจี ริยธรรม
ตัวชี้วัด : ว 4.2 ป.4/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทางาน การ
คาดการณผ์ ลลัพธ์ จากปญั หาอย่างง่าย
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การคาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหา
อยา่ งง่าย (K)
2. วิเคราะห์การใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา และคาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหา
อย่างง่ายได้ (P)
3. เห็นความสาคัญของการใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา (A)
3. สาระสาคัญ
การคาดการณ์ผลลัพธ์เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการแก้ปัญหา การคาดการณ์ความคิดออกมา
ในลักษณะเป็นข้อความ หรือเป็นแผนภาพจะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาได้ดี โดยเฉพาะปัญหาที่ยุ่งยาก
ซับซ้อน การวางแผนจะเป็นแนวทางในการดาเนินการแก้ปัญหาต่อไปอีกทั้งเป็นการแสดงแบบเพื่อให้
ผู้ทเี่ กีย่ วขอ้ งได้เข้าใจและสามารถปฏบิ ตั ติ ามในแนวทางเดียวกัน
4. สาระการเรยี นรู้
ปัญหาบางปัญหาต้องพิจารณาให้รอบคอบ หรือคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น การแก้ปัญหา
ด้วยวิธที แี่ ตกต่างกันจะทาให้ผลลพั ธ์ท่ไี ด้แตกต่างกันไปด้วย
5. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
- ใฝเ่ รียนรู้
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ นา ( 5 นาที )
1. นกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาและตอบคาถาม ดงั น้ี
- นกั เรยี นคิดวา่ ในชวี ติ ประจาวันมคี นทไ่ี มเ่ คยพบปญั หาหรอื ไม่ (ม/ี ไม่ม)ี
- เราสามารถพบปัญหาต่าง ๆ ได้จากทใี่ ดบา้ ง (ตัวอย่างคาตอบ รอบ ๆ ตัวเรา และการใช้
ชวี ติ ประจาวันในแตล่ ะวัน)
- นกั เรยี นคิดวา่ ตนเองสามารถคาดการณผ์ ลลพั ธห์ รอื ปญั หาทจ่ี ะเกดิ ข้ึนกบั ตนเองได้
หรอื ไม่ (ได/้ ไม่ได)้
ขั้นสอน ( 40 นาที )
2. นกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกบั เกม XO แลว้ ตอบคาถาม ดงั นี้
- นกั เรยี นเคยเลน่ เกม XO หรอื ไม่ (เคย/ไมเ่ คย)
- เกม XO ใช้ผู้เลน่ ก่ีคน (2 คน)
3. ตวั แทนนกั เรยี นทีเ่ คยมปี ระสบการณ์การเล่นเกม XO 2 คน ออกมาสาธิตการเล่นเกม XO
หนา้ ชน้ั เรยี นให้เพื่อน ๆ ในช้นั เรียนดู
4. นักเรียนร่วมกันฟังความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเกม XO ว่า การเล่นเกม XO หากนักเรียน
ต้องการเล่นใหช้ นะจะตอ้ งเขียน X หรอื O ใหเ้ รียงต่อกนั 3 ตวั ได้ก่อนที่คูแ่ ข่งของนักเรียน
จะทาได้ก่อน การเล่นเกม XO ปัญหาของเกม คือ จะทาอย่างไรให้เป็นฝ่ายชนะ โดยผู้เล่น
จะต้องคิดหาวิธีการแก้ปัญหา คาดการณ์ผลลัพธ์จากการเล่นถึงโอกาสที่จะเป็นฝ่ายชนะ
ตอ้ งคาดเดาสง่ิ ที่คู่แข่งของฝ่ายตรงขา้ มกาลงั คิดด้วย
5. นกั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหแ์ ละแสดงความคดิ เหน็ โดยตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ดงั น้ี
- เมื่อนักเรียนพบปัญหา เพราะเหตุใดจึงต้องมีการแก้ปัญหา (ตัวอย่างคาตอบ เพื่อให้
การทางานตา่ ง ๆ สาเร็จตามเป้าหมาย)
- การใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหามีประโยชน์อย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ ทาให้
แก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกับปัญหาหรอื การทางานนั้น ๆ)
6. นกั เรยี นรว่ มกนั สงั เกตตารางตวั อยา่ งเกม XO บนกระดาน แลว้ ตอบคาถามดงั นี้
- ถ้านักเรียนเป็นผู้เล่นฝ่าย X จะเลือกเขียน X ลงในช่องใด เพราะอะไร (ตัวอย่าง
คาตอบ แถวที่ 2 ช่องที่ 2 เพราะไม่ให้ผู้เล่นฝ่าย O สามารถเขียน O ได้ 3 ตัว
ตดิ กนั ปิดโอกาสไม่ให้ O เปน็ ฝา่ ยชนะก่อน)
- ถ้านักเรียนเป็นผู้เล่นฝ่าย O จะเลือกเขียน O ลงในช่องใด เพราะอะไร (ตัวอย่าง
คาตอบ แถวที่ 1 ช่องที่ 2 เพราะไม่ให้ผู้เล่นฝ่าย X สามารถเขียน X ได้ 3 ตัว
ติดกัน ปิดโอกาสไมใ่ ห้ X เปน็ ฝ่ายชนะกอ่ น)
- ถา้ นกั เรียนเป็นผูเ้ ล่นฝ่าย X จะเลอื กเขียน X ลงในชอ่ งใด เพ่อื ใหม้ ีโอกาสชนะมาก
ที่สุด เพราะอะไร (ตัวอย่างคาตอบ แถวที่ 1 ช่องที่ 2 เพราะเป็นตาแหน่งที่มี
โอกาสชนะไดถ้ งึ 2 แบบ)
- ถา้ นกั เรียนเปน็ ผู้เล่นฝ่าย O จะเลือกเขยี น O ลงในช่องใดเพ่ือให้มีโอกาสชนะมาก
ที่สุด เพราะอะไร (ตัวอย่างคาตอบ แถวที่ 1 ช่องที่ 3 เพราะเป็นตาแหน่งที่มี
โอกาสชนะไดถ้ ึง 2 แบบ)
7. นักเรียนสรุปความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการคาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหา ดังนี้ เมื่อเจอ
ปัญหา เลือกวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา
และคาดการณ์ผลลพั ธข์ องวธิ กี ารแก้ปัญหาที่เลือกได้
8. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ 2 กลมุ่ แล้วส่งตัวแทนกลมุ่ ละ 5 คน ออกมาแข่งขันเลน่ เกม XO หน้าช้ัน
เรียน กลมุ่ ใดชนะ 3 ใน 5 เกม เปน็ ฝ่ายชนะ
9. นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนปฏบิ ัติกิจกรรมที่ 1.3 เล่นเกม XO โดยครั้งแรกให้เพื่อนเริ่มเลน่ ก่อน
และครั้งที่ 2 นักเรียนเป็นฝ่ายเริ่มเล่นก่อน จากนั้นตอบคาถามลงในชิ้นงานที่ 1 เรื่อง การ
ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการเล่นเกม XO
ข้ันสรปุ ( 5 นาที )
10. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ร่วมกัน ดังนี้ปัญหาบางปัญหาต้องพิจารณาให้
รอบคอบ หรือคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น การแก้ปัญหาด้วยวิธีที่แตกต่างกัน จะทาให้
ผลลพั ธ์ท่ีได้แตกต่างกนั ไปดว้ ย
8. สือ่ การเรยี นรู้
- ส่อื โปรแกรม Canva เร่ือง การคาดการณ์ผลลพั ธ์จากปญั หาอย่างงา่ ย
- ช้นิ งานที่ 1 เรอ่ื ง การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการเลน่ เกม XO
- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 (พว.)
9. แหล่งการเรียนรู้
- เว็บสบื ค้นข้อมูล
- หอ้ งสมดุ
10. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวดั และประเมินผล วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมิน
แบบทดสอบทา้ ย เกณฑ์ 50% ขนึ้ ไป
อ ธ ิ บ า ย ก า ร ใ ช ้ เ ห ต ุ ผ ล เ ชิ ง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 นกั เรยี นทง้ั หอ้ งตอบถกู
การแก้ปญั หา 5 ขอ้ ผา่ นเกณฑ์
ตรรกะในการแก้ปัญหา การ ตรวจแบบทดสอบ
คาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหา แบบประเมินตาม เกณฑร์ บู ริค 4 ระดบั
สภาพจริง (Rubrics)
อย่างง่าย (K) เกณฑ์รบู รคิ 4 ระดับ
คณุ ลกั ษณะ
วิเคราะห์การใช้เหตุผลเชิง ประเมินชิ้นงาน อันพึงประสงค์
ตรรกะในการแก้ปัญหา และ เรือ่ ง การใชเ้ หตผุ ลเชิง ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้ (A)
คาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหา ตรรกะในการเลน่ เกม XO
อยา่ งงา่ ยได้ (P)
เห็นความสาคัญของการใช้
เหตุผลเชิงตรรกะในการ สงั เกต
แก้ปญั หา (A)
บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้
1. ผลการจัดการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ .................................................
(นายทศพล ทรายกงิ่ )
ครผู สู้ อน
…………./……………………../…………
ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื .................................................
(.................................................)
ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ไี่ ดร้ บั มอบหมาย
…………./……………………../…………
แบบประเมนิ ช้นิ งาน เรือ่ ง การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการเลน่ เกม XO
รายการการ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
ประเมนิ 32
การพจิ ารณาและ พจิ ารณาและคาดการณ์ พิจารณาและ พจิ ารณาและ พิจารณาและ
คาดการณ์ผลลพั ธ์ ผลลัพธข์ องการเล่นเกม คาดการณผ์ ลลพั ธ์ คาดการณผ์ ลลพั ธ์ของ คาดการณ์ผลลพั ธ์ของ
โดยใช้เหตผุ ล XO โดยใชเ้ หตผุ ล ของการเล่นเกม XO การเลน่ เกม XO โดย การเล่นเกม XO โดย
เชงิ ตรรกะ เชงิ ตรรกะ โดยใช้เหตุผล ใช้เหตุผล ใชเ้ หตุผล
ในการเลน่ เกม XO ในการแก้ปัญหา เชิงตรรกะในการ เชงิ ตรรกะในการ เชิงตรรกะในการ
ไดใ้ นทันที แกป้ ญั หาไดอ้ ย่าง แก้ปัญหา และระบุ แกป้ ญั หาได้ช้า
ระบุวธิ ีการแก้ไข รวดเรว็ และระบุ วิธกี ารแก้ไข และอาจตอ้ งมี
ในสถานการณ์ วิธกี ารแกไ้ ข สถานการณ์ได้ เมอ่ื ให้ ผู้คอยแนะนา
ที่หลากหลายและ สถานการณ์ได้อยา่ ง เวลาคดิ พอสมควร จึงสามารถแก้ไข
สามารถแนะนาผอู้ ่นื ได้ เหมาะสม สถานการณ์ได้
เกณฑป์ ระเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้
ใฝ่เรยี นรู้ หมายถงึ คุณลกั ษณะท่ีแสดงออกถึงความตง้ั ใจ เพียรพยายามในการเรยี น แสวงหาความรู้
จากแหล่งเรยี นรทู้ ัง้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น
ผู้ที่ใฝ่เรียนรู้ คือ ผู้ที่มีลักษณะแสดงออกถึงความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วม
กิจกรรม การเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ ด้วย
การเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอด
เผยแพร่ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ตัวชวี้ ัดและพฤตกิ รรมบ่งชี้
ตัวช้ีวดั พฤติกรรมบง่ ช้ี
4.1 ตัง้ ใจ เพยี รพยายามในการเรียน 4.1.1 ตง้ั ใจเรยี น
และเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1.2 เอาใจใสแ่ ละมคี วามเพยี รพยายามในการเรียนรู้
4.1.3 สนใจเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ตา่ งๆ
4.2 แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรยี นรู้ 4.2.1 ศึกษาคน้ คว้าหาความรู้จากหนงั สือ เอกสาร ส่ิงพิมพ์ ส่อื เทคโนโลยี
ต่างๆ ท้ังภายในและภายนอก ตา่ งๆ แหลง่ เรยี นรู้ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี น และเลือกใช้สือ่ ไดอ้ ย่าง
โรงเรียน ด้วยการเลอื กใชส้ ่อื อยา่ ง เหมาะสม
เหมาะสม บันทกึ ความรู้ วิเคราะห์ 4.2.2 บันทกึ ความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบจากสงิ่ ท่เี รยี นรู้ สรุปเปน็ องค์ความรู้
สรปุ เปน็ องคค์ วามรู้ แลกเปลย่ี น 4.2.3 แลกเปล่ียนเรียนรดู้ ้วยวธิ ีการต่างๆ และนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน
เรียนรู้ และนำไปใชใ้ น
ชวี ิตประจำวนั ได้
เกณฑ์การใหค้ ะแนน (ใชข้ ้อมลู จากการสังเกตตามสภาพจริงของครูผู้สอน)
พฤติกรรมบง่ ช้ี ไมผ่ ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดเี ยย่ี ม (3)
ตามขอ้ 4.1 – 4.2 ไม่ตัง้ ใจเรียน เข้าเรยี นตรงเวลา เข้าเรียนตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ตงั้ ใจ
ไมศ่ กึ ษาคน้ ควา้ หา ตัง้ ใจเรียน เอาใจ ตง้ั ใจเรียน เอาใจ เรียน เอาใจใสใ่ นการ
ความรู้ ใสใ่ นการเรยี น ใสใ่ นการเรยี น เรยี น และมีส่วนร่วมใน
และมีสว่ นรว่ มใน และมีสว่ นรว่ มใน การเรียนรู้ และเข้ารว่ ม
การเรียนรู้ และเข้า การเรียนรู้ และเข้า กิจกรรมการเรยี นรตู้ ่างๆ
รว่ มกจิ กรรมการ ร่วมกจิ กรรมการ ท้งั ภายในและภายนอก
เรยี นรู้ตา่ งๆ เป็น เรียนรู้ต่างๆ โรงเรียนเปน็ ประจำ
บางครั้ง บอ่ ยครงั้
หมายเหตุ ขอ้ มลู นีไ้ ด้รับจากแผนการจดั การเรียนร,ู้ บนั ทกึ หลังสอน,แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นใฝ่เรยี นรู้
คำชี้แจง ใหท้ ำเคร่ืองหมาย / ลงในชอ่ งรายการคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้
เลขที่ ชอื่ - สกลุ ดเี ย่ยี ม รายการ ไม่ผ่าน สรปุ ผลการ
3 ดี ผา่ น 0 ประเมิน
21
ลงช่อื .................................................
(นายทศพล ทรายกงิ่ )
ผ้ปู ระเมนิ
…………./……………………../…………
แผนการจัดการเรยี นรู้
กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาการคานวณ
รหัสวิชา : ว14101 รายวิชา : วิทยาการคานวณ 4
ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 หนว่ ยการจัดการเรียนรู้ที่ 1 : การแก้ปัญหา
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 5 เร่ือง : รู้จักขั้นตอนการแก้ปัญหา
เวลาสอน : 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์ ผสู้ อน : นายทศพล ทรายกง่ิ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐานการเรียนรู้ : ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริง
อย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน
และการแกป้ ญั หาได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ รู้เท่าทนั และมจี ริยธรรม
ตัวชี้วัด : ว 4.2 ป.4/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการท างาน
การคาดการณผ์ ลลพั ธ์ จากปัญหาอย่างงา่ ย
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ระบุขนั้ ตอนการแกป้ ญั หาไดถ้ กู ตอ้ ง (K)
2. วิเคราะหป์ ญั หาของตนเองได้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา (P)
3. เหน็ ความสาคัญของข้นั ตอนการแก้ปัญหาในการนาไปแกไ้ ขปัญหาของตนเอง (A)
3. สาระสาคญั
ปัญหาบางปัญหาสามารถแกป้ ัญหาด้วยวิธีการง่าย ๆ สาหรับปัญหาทีม่ ีความซับซ้อนมากขึ้น การ
วางแผนการแก้ปัญหาเป็นขั้นตอน จะทาให้การแก้ปัญหานั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยขั้นตอนการ
แกป้ ัญหาทาได้ ดงั นี้ ระบุปัญหา รวบรวมขอ้ มลู วางแผนการแก้ปญั หา แกป้ ญั หา ทดสอบและประเมนิ ผล
4. สาระการเรียนรู้
ขั้นตอนการแก้ปัญหาเป็นหลักการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่ดี
ซ่งึ ประกอบดว้ ย ระบุปัญหา รวบรวมข้อมลู วางแผนการแกป้ ญั หา แกป้ ัญหา ทดสอบและประเมินผล
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา