The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ann milaela, 2023-05-29 02:12:37

แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์กายภาพ ม.5

ครูเมธินีย์ สรรเสริญ

มีการให้หรือรับอิเล็กตรอนทำให้เกิดไอออน สัญลักษณ์นิวเคลียร์แสดงชนิดและจำนวนอนุภาคในอะตอมของธาตุ ธาตุชนิดเดียวกันที่มีเลขมวลต่างกันเป็นไอโซโทปกัน ตารางธาตุจัดเรียงธาตุตามเลขอะตอมและสมบัติที่คล้ายคลึง กันของธาตุ แบ่งธาตุออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ และกลุ่มธาตุแทรนซิชัน และยังสามารถแบ่งธาตุ ออกเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดยธาตุที่เป็นองค์ประกอบของแก๊สในอากาศส่วนใหญ่เป็นธาตุอโลหะ แก๊สหลายชนิดในอากาศนำมาใช้ประโยชน์ได้มาก แต่บางชนิดเป็นพิษโดยส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์และ สิ่งแวดล้อม 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 ความรู้ ธาตุเป็นองค์ประกอบของแก๊สในอากาศมีทั้งที่อยู่ในรูปอะตอมและโมเลกุล เช่น อาร์กอน (Ar) ฮีเลียม (He) แก๊สออกซิเจน (O2 ) แก๊สไนโตรเจน (N2 ) ปัจจุบันมีธาตุที่ค้นพบแล้วไม่น้อยกว่า 118 ธาตุ นักวิทยาศาสตร์ได้จัดหมวดหมู่ของธาตุในรูปของตารางที่เรียกว่า ตารางธาตุ (periodic table of elements) โดยจัดเรียงธาตุตามเลขอะตอม และให้ธาตุที่มีคล้ายคลึงกันอยู่ในหมู่ที่ใกล้เคียงกัน ตารางธาตุมีแถวตามแนวตั้ง เรียกว่า หมู่ (group) และมีแถวตามแนวนอน เรียกว่า คาบ (period) การระบุในตารางธาตุที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมี 2 ระบบ คือ ระบบ International Union of Pure and Applied Chemistry (IUPAC) ซึ่งแบ่งออกเป็น 18 หมู่ โดยใช้สัญลักษณ์เลขอารบิก 1-18 แทน หมู่ธาตุ และระบบ Chemical Abstracts Service (CAS) ซึ่งแบ่งธาตุออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม A และ กลุ่ม B โดยกลุ่ม A เรียกว่า ธาตุเรพรีเซนเททีฟ (representative elements) หรือ ธาตุหมู่หลัก (main-group elements) มี 8 หมู่ อยู่ทางด้านซ้ายและขวาของตารางธาตุและใช้สัญลักษณ์เป็นเลขโรมัน IA-VIIIA และกลุ่ม B เรียกว่า ธาตุแทรนซิชัน (transition elements) มี 8 หมู่อยู่ตรงกลางของตารางธาตุ และใช้สัญลักษณ์เป็นเลขโรมัน IB-VIIIB การระบุหมู่ของธาตุในหนังสือเรียนเล่มนี้ใช้ระบบ CAS ธาตุในหมู่ VIIIA ส่วนใหญ่มีสถานะเป็นแก๊ส อยู่ในรูปของอะตอม ไม่ว่องไวต่อปฏิกิริยาเคมี จึงเรียกธาตุในหมู่นี้ว่า แก๊สมีสกุล (noble gas) อะตอมของธาตุหมู่ VIIIA เช่น นีออน (Ne) อาร์กอน (Ar) มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 8 ยกเว้นฮีเลียม (He) มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 2 ส่วนธาตุในหมู่ VIIA เช่น ฟลูออรีน (F) คลอรีน (Cl) มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 7 ธาตุในหมู่นี้อยู่ในรูปโมเลกุล ว่องไวต่อปฏิกิริยา เคมี และเมื่อเกิดปฏิกิริยามีแนวโน้มรับอิเล็กตรอน ทำนองเดียวกันจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนในอะตอมของ ธาตุหมู่ IA-VIA จะเท่ากับเลขหมู่ และธาตุในหมู่เดียวกันมีสมบัติทางเคมีส่วนใหญ่คล้ายกัน นอกจากนี้การจัดธาตุในตารางธาตุแบ่งออกเป็น โลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดยกลุ่มธาตุเรพรีเซน เททีฟมีทั้งเป็นโลหะ กึ่งโลหะ และอโลหะ ส่วนธาตุกลุ่มแทรนซิชันเป็นโลหะทั้งหมด ธาตุที่เป็นโลหะ เช่น อะลูมิเนียม (Al) เหล็ก (Fe) ตะกั่ว (Pb) ทองแดง (Cu) ทองคำ (Au) ส่วนใหญ่มีสถานะเป็นของแข็งที่ อุณหภูมิห้อง มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง นำความร้อน นำไฟฟ้าได้ดีและมีแนวโน้มให้อิเล็กตรอนเมื่อ เกิดปฏิกิริยาเคมีธาตุที่เป็นอโลหะ เช่น ไนโตรเจน (N) ออกซิเจน (O) โบรมีน (Br) ไอโอดีน (I) ธาตุในกลุ่ม นี้พบได้ทั้งสามสถานะที่อุณหภูมิห้อง ส่วนใหญ่ไม่นำไฟฟ้า จุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่ำ และมีแนวโน้มรับ อิเล็กตรอนเมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมีส่วนธาตุที่เป็นกึ่งโลหะ เช่น ซิลิคอน (Si) เจอร์เมเนียม (Ge) สารหนู(As) มีสถานะเป็นของแข็ง นำไฟฟ้าได้ดีกว่าอโลหะ แต่ไม่ดีเท่ากับโลหะ


5.2 กระบวนการ 1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน) 2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรุป) 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้) 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ความรับผิดชอบ) 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์) 5.3 คุณลักษณะและค่านิยม ใฝ่เรียนรู้ 6. บูรณาการ บูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ตัวเลขโรมัน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1.1 ครูทบทวนบทเรียนที่ผ่านมา เรื่อง สัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ 1.2 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยเกริ่นนำว่า ปัจจุบันมีการค้นพบธาตุจำนวนมากจึงมีการจัดหมวดหมู่ ของธาตุในรูปตาราง เรียกว่า ตารางธาตุ ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา 2.1 ให้นักเรียนพิจารณาตารางธาตุในรูป 1.8 แล้วให้อภิปรายเกี่ยวกับลักษณะและข้อมูลที่ปรากฏ ในตารางธาตุ และศึกษาเนื้อหาตามรายละเอียดในหนังสือเรียน หน้า 13-15 (ครูให้ความรู้ระหว่างนักเรียน ศึกษาค้นคว้า) 2.2 ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 3-5 คน โดยคละกลุ่มเก่ง ปานกลาง อ่อน 2.3 ให้นักเรียนทำกิจกรรมกลุ่มเพื่อฝึกการระบุหมู่และคาบของธาตุ การระบุว่าธาตุเป็นธาตุเรพรี เซนเททีฟและธาตุแทรนซิชัน รวมทั้งการระบุว่าธาตุเป็นโลหะ อโลหะ หรือกึ่งโลหะ ให้พิจารณาจากตาราง ธาตุ โดยครูทำการสุ่มหยิบบัตรคำธาตุจำนวน 10 บัตรคำ แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแข่งขันกันตอบว่าธาตุ นี้อยู่ในหมู่คาบใด 2.4 นักเรียนทำแบบฝึกหัด 1.3 ในหนังสือเรียน หน้า 15 -16 ลงในสมุด 2.5 นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 ข้อ 9 ในหนังสือเรียน หน้า 24-25 ลงในสมุด ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับตารางธาตุ โดยใช้คำถามเพื่อนำไปสู่การสรุป ดังนี้ 1) จำนวนแถวตามแนวตั้งและแนวนอนเป็นเท่าใด การจัดเรียงธาตุมีความสัมพันธ์กับเลข อะตอมอย่างไร (แนวการตอบ ตารางธาตุมี 18 แถวตามแนวตั้ง และ 7 แถวตามแนวนอน และการจัดเรียง ธาตุเป็นไปตามลำดับตามเลขอะตอมจากน้อยไปมาก)


2) กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟและกลุ่มธาตุแทรนซิชันมีอย่างละกี่หมู่ อยู่บริเวณใดของตาราง ธาตุ (แนวการตอบ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟมี 8 หมู่ (IA – VIIIA) อยู่ทางด้านซ้ายและขวาในตารางธาตุ และ กลุ่มธาตุแทรนซิชันเป็นธาตุกลุ่ม B มี 8 หมู่ (IB – VIIIB) อยู่ตรงกลางในตารางธาตุ) 3.2 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายจนสรุป เรื่อง ตารางธาตุดังนี้ 1) ตารางธาตุประกอบด้วยแถวตามแนวตั้งและแถวตามแนวนอน โดย แต่ละช่องแสดง สัญลักษณ์ธาตุ ชื่อธาตุ และเลขอะตอม 2) การจัดธาตุในตารางธาตุออกเป็นกลุ่มโลหะ กึ่งโลหะ และอโลหะ โดยพิจารณาจาก ตารางธาตุในรูป 1.8 ซึ่งใช้สีช่วยในการแบ่งกลุ่มธาตุจากนั้นร่วมกันอภิปรายเปรียบเทียบ สมบัติของธาตุ โลหะและอโลหะว่า โลหะมีสมบัตินำไฟฟ้าและมีแนวโน้มให้อิเล็กตรอนเมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมี อโลหะส่วน ใหญ่ไม่นำไฟฟ้า และมีแนวโน้มรับอิเล็กตรอนเมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมี ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ 4.1 ครูให้ความรู้เพิ่มเติม 1) แถวตามแนวตั้งเรียกว่า หมู่ และแถวตามแนวนอนเรียกว่า คาบ โดยใช้ตัวเลขกำกับหมู่ เป็นเลขโรมันตามด้วยตัวอักษร A หรือ B ทั้งนี้ธาตุที่อยู่ 2 แถวล่างของตารางธาตุ บริเวณใต้คาบ 7 เป็นธาตุที่ แทรกอยู่ระหว่างหมู่ IIA และ IVB ในคาบที่ 6 และคาบที่ 7 เรียกว่า ธาตุกลุ่มแลนทานอยด์และกลุ่มแอก ทินอยด์ตามลำดับ 2) การเรียกชื่อกลุ่มธาตุอ้างอิงตาม IUPAC 2017 โดยเรียกธาตุกลุ่มแลนทาไนด์ว่าเป็นธาตุ กลุ่มแลนทานอยด์ และธาตุกลุ่มแอกทิไนด์ว่าเป็นธาตุกลุ่มแอกทินอยด์ตามลำดับ 3) จำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนรอนของธาตุเรพรีเซนเททีฟเท่ากับเลขหมู่ เช่น คลอรีน (Cl) เป็นธาตุหมู่ VIIA มีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 7 4.2 ครูให้นักเรียนแต่ละคนเล่าสู่กันฟังถึงความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม และปัญหาที่เกิดขึ้น ระหว่างการทำกิจกรรม ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล 5.1ครูประเมินจากการทำกิจกรรมกลุ่ม เรื่อง บัตรคำธาตุ 5.2ครูตรวจสมุดการทำแบบฝึกหัดของนักเรียน ประยุกต์และตอบแทนสังคม ครูให้นักเรียนแต่ละคนนำความรู้ที่เรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมที่ห้องสมุด หรือเว็บไซต์แล้วนำเสนอใน ชั้นเรียน 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) 8.2 อินเทอร์เน็ต 8.3 ห้องสมุด


8.4 ตารางธาตุ 8.5 บัตรคำธาตุ 9. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ (K) 1) นักเรียนระบุหมู่และคาบของธาตุใน ตารางธาตุได้ 2) นักเรียนเปรียบเทียบการนำไฟฟ้าและ การให้หรือรับอิเล็กตรอนของธาตุโลหะและ อโลหะได้ 1) ตรวจแบบฝึกหัด ท้ายบทที่ 1 ข้อ 9 2) ตรวจแบบฝึกหัด 1.3 ข้อ 3-4 1) แบบฝึกหัดท้าย บทที่ 1 ข้อ 9 2) แบบฝึกหัด 1.3 ข้อ 3-4 3) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 1) นักเรียนสามารถ ทำแบบฝึกหัดท้าย บทที่ 1 ข้อ 9 ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์ 2) นักเรียนสามารถ ทำแบบฝึกหัด 1.3 ข้อ 3-4 ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์ ด้านกระบวนการ (P) 1) นักเรียนระบุว่าธาตุที่กำหนดให้เป็นโลหะ อโลหะ หรือกึ่งโลหะ หรือเป็นธาตุเรพรีเซน เททีฟ หรือธาตุแทรนซิซันจากตารางธาตุได้ (ทักษะการจำแนกประเภท) 1) ถามคำถาม เรื่อง บัตรคำธาตุ 1) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 2) บัตรคำธาตุ 1) นักเรียนสามารถ ตอบคำถามได้ระดับ ดี ผ่านเกณฑ์ ด้านคุณลักษณะ (A) 1) ใฝ่เรียนรู้ 1) ตรวจแบบฝึกหัด ท้ายบทที่ 1 ข้อ 9 2) ตรวจแบบฝึกหัด 1.3 ข้อ 3-4 3) ถามคำถาม เรื่อง บัตรคำธาตุ 1) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 2) ใบงาน เรื่อง สัญลักษณ์นิวเคลียร์ ของธาตุ 3) แบบฝึกหัด เรื่อง สัญลักษณ์นิวเคลียร์ ของธาตุ 1) นักเรียนทำภาระ งานที่ได้รับมอบหมาย ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์


10. เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรียน เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรื่อง ตารางธาตุ ประเด็นการ ประเมิน ค่าน้ำหนัก คะแนน แนวทางการให้คะแนน ด้านความรู้ (K) 3 ทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 ข้อ 9 ได้ถูกต้องครบถ้วนทุกข้อย่อย 2 ทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 ข้อ 9 ได้ถูกต้องครบถ้วน (ข้อย่อย จำนวน 2 ข้อ) 1 ทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 ข้อ 9 ได้ถูกต้องครบถ้วน (ข้อย่อย จำนวน 1 ข้อ หรือทำไม่ ถูกต้อง) 3 ทำแบบฝึกหัด 1.3 ข้อ 3-4 ได้ถูกต้องครบถ้วน 2 ทำแบบฝึกหัด 1.3 ข้อ 3 หรือ 4 ได้ถูกต้องครบถ้วน (ถูกเพียงข้อเดียว) 1 ทำแบบฝึกหัด 1.3 ข้อ 3-4 แต่ไม่ถูกต้อง ด้าน กระบวนการ (P) 3 นักเรียนแต่ละกลุ่มได้คะแนน 9-10 คะแนน 2 นักเรียนแต่ละกลุ่มได้คะแนน 5-8 คะแนน 1 นักเรียนแต่ละกลุ่มได้คะแนน 0-4 คะแนน ด้าน คุณลักษณะ (A) 3 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และเรียบร้อยถูกต้องครบถ้วน 2 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด แต่งานยังผิดพลาดบางส่วน 1 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางส่วน ระดับคะแนน คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช้ หมายเหตุ หาค่าเฉลี่ยของคะแนนด้านความรู้ (K) คะแนนเต็ม เท่ากับ 3 การประเมินการทำกิจกรรม เรื่อง ตารางธาตุ


ที่ ชื่อ - นามสกุล จุดประสงค์การเรียนรู้ รวม คะแนน ระดับ คุณภาพ ด้านความรู้ (K) ด้าน กระบวนการ (P) ด้าน คุณลักษณะ (A) 3 3 3 9 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 ที่ ชื่อ - นามสกุล จุดประสงค์การเรียนรู้ รวม คะแนน ระดับ ด้านความรู้ ด้าน ด้าน คุณภาพ


(K) กระบวนการ (P) คุณลักษณะ (A) 3 3 3 9 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 ระดับคุณภาพ คะแนน 9 หมายถึง ระดับดีมาก คะแนน 7-8 หมายถึง ระดับดี คะแนน 5-6 หมายถึง ระดับปานกลาง คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรับปรุง บันทึกหลังการสอน


หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง อากาศ ใ แผนการสอนที่ 4 เรื่อง ตารางธาตุ . ใ วันที่ เดือน พ.ศ. ใ ผลการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ปัญหา / อุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หัวหน้ากลุ่มสาระ (นางสาวเมธินีย์ สรรเสริญ) (…………………………………………………..)


ตัวอย่างบัตรคำธาตุ 1.008 H 1 ไฮโรเจน 4.0026 He 2 ฮีเลียม 6.94 Li 3 ลิเทียม 9.0122 Be 4 เบริลเลียม 10.81 B 5 โบรอน 12.011 C 6 คาร์บอน 14.007 N 7 ไนโตรเจน 15.999 O 8 อ อกซิเจน 18.998 F 9 ฟลูออรีน 20.180 Ne 10 นีออน 22.990 Na 11 โซเดียม 24.305 Mg 12 แมกนีเซียม 26.982 Al 13 อะลูมิเนียม 28.085 Si 14 ซิลิคอน 30.974 P 15 ฟอสฟอรัส 32.06 S 16 กำมะถัน 35.45 Cl 17 คลอรีน 39.948 Ar 18 อาร์กอน 39.098 K 19 โพแทสเซียม 40.078 Ca 20 แคลเซียม 44.956 Sc 21 สแกนเดียม 47.867 Ti 22 ไทเทเนียม 50.942 V 23 วาเนเดียม 51.996 Cr 24 โครเมียม 54.938 Mn 25 แมงกานีส 55.845 Fe 26 ไอร์ออน(เหล็ก) 58.933 Co 27 โคบอลต์ 58.693 Ni 28 นิกเกิล 63.546 Cu 29 คอปเปอร์ (ทองแดง) 65.38 Zn 30 ซิงค์ (สังกะสี) 69.723 Ga 31 แกลเลียม 72.630 Ge 32 เจอร์เมเนียม 74.922 As 33 สารหนู 78.971 Se 34 ซีลิเนียม 79.904 Br 35 โบรมีน 83.798 Kr 36 คริปทอน 85.468 Rb 37 รูบิเดียม 87.62 Sr 38 สตรอนเซียม 88.906 Y 39 อิตเทรียม 91.224 Zr 40 เซอร์โคเนียม 92.906 Nb 41 ไนโอเบียม 95.95 Mo 42 โมลิบดีนัม 98 Tc 43 เทคนีเซียม 101.07 Ru 44 รูทีเนียม 102.91 Rh 45 โรเดียม


106.42 Pd 46 แพลเลเดียม 107.87 Ag 47 เงิน 112.41 Cd 48 แคดเมียม 114.82 In 49 อินเดียม 118.71 Sn 50 ทิน (ดีบุก) 121.76 Sb 51 พลวง 127.60 Te 52 เทลลูเรียม 126.90 I 53 ไอโอดีน 131.29 Xe 54 ซีนอน 132.91 Cs 55 ซีเซียม 137.33 Ba 56 แบเรียม 174.97 Lu 71 ลูทิเทียม 178.49 Hf 72 แฮฟเนียม 180.95 Ta 73 แทนทาลัม 183.84 W 74 ทังสเตน 186.21 Re 75 รีเนียม 190.23 Os 76 ออสเมียม 192.22 Ir 77 อิริเดียม 195.08 Pt 78 แพลทินัม 196.97 Au 79 ทองคำ 200.59 Hg 80 ปรอท 204.38 Tl 81 แทลเลียม 207.20 Pb 82 เลท(ตะกั่ว) 208.98 Bi 83 บิสมัท 209 Po 84 พอโลเนียม 210 At 85 แอสทาทิน 222 Rn 86 เรดอน 223 Fr 87 แฟรนเซียม 226 Ra 88 แทลเลียม 230.03 U 92 ยูเรเนียม 232.04 Th 90 ทอเรียม


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ รายวิชา วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 รหัสวิชา ว32101 เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ อากาศ รวม 7 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 บูรณาการ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อาเซียน STEM PLC สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มาตรฐานสากล ข้ามกลุ่มสาระ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 2. ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.5/7 สืบค้นข้อมูลและนำเสนอตัวอย่างประโยชน์และอันตรายที่เกิดจากธาตุเรพรีเซนเททีฟและ ธาตุแทรนซิชัน 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1) นักเรียนบอกประโยชน์ของแก๊สในอากาศได้ 2) ยกตัวอย่างสารมลพิษในอากาศ รวมถึงแหล่งกำเนิดและผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้ 3.2 ด้านกระบวนการ (P) 1) นักเรียนสืบค้นข้อมูลและนำเสนอประโยชน์และอันตรายของธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิชัน ได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะ (A) 1) ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการทำงาน 4. สาระสำคัญ อากาศเป็นสารผสมประกอบด้วยแก๊สหลายชนิดในปริมาณที่แตกต่าง อยู่ในรูปของอะตอมและโมเลกุล โดยสารที่อยู่ในรูปอะตอมจัดเป็นธาตุเสมอ ส่วนสารที่อยู่ในรูปโมเลกุลอาจเป็นธาตุหรือสารประกอบก็ได้ อะตอมเป็น หน่วยย่อยของสารเคมี ภายในอะตอมประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน ซึ่งมีจำนวนที่แตกต่างกันใน ธาตุแต่ละชนิด ส่งผลให้ธาตุแต่ละชนิดมีมวลและสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกัน โดยโปรตอนและนิวตรอนรวมกันอยู่ใน นิวเคลียส ส่วนอิเล็กตรอนเคลื่อนที่รอบนิวเคลียส แบบจำลองอะตอมของโบร์เสนอว่า อิเล็กตรอนเคลื่อนที่รอบ นิวเคลียสเป็นวง ส่วนแบบจำลองอะตอมแบบกลุ่มหมอกเสนอว่า อิเล็กตรอนเคลื่อนที่รอบนิวเคลียสในลักษณะ กลุ่มหมอก อะตอมของธาตุต่างชนิดกันมีจำนวนโปรตอนไม่เท่ากัน อะตอมเป็นกลางทางไฟฟ้าเมื่ออะตอมของธาตุ มีการให้หรือรับอิเล็กตรอนทำให้เกิดไอออน สัญลักษณ์นิวเคลียร์แสดงชนิดและจำนวนอนุภาคในอะตอมของธาตุ


ธาตุชนิดเดียวกันที่มีเลขมวลต่างกันเป็นไอโซโทปกัน ตารางธาตุจัดเรียงธาตุตามเลขอะตอมและสมบัติที่คล้ายคลึง กันของธาตุ แบ่งธาตุออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ และกลุ่มธาตุแทรนซิชัน และยังสามารถแบ่งธาตุ ออกเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดยธาตุที่เป็นองค์ประกอบของแก๊สในอากาศส่วนใหญ่เป็นธาตุอโลหะ แก๊สหลายชนิดในอากาศนำมาใช้ประโยชน์ได้มาก แต่บางชนิดเป็นพิษโดยส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์และ สิ่งแวดล้อม 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 ความรู้ 1) แก๊สออกซิเจน - บรรจุในถังช่วยหาใจสำหรับผู้ป่วย นักประดาน้ำ และนักบินอวกาศ - รักษาโรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน - ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2 ) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและ เชื่อมเหล็ก - เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิงในจรวดและเครื่องบินไอพ่น 2) แก๊สไนโตรเจน - บรรจุในถุงขนม เพื่อป้องกันความชื้นและออกซิเจน คงความกรุบกรอบ และคุณภาพ อาหาร - ป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือชิ้นงานในอุตสาหกรรม กับแก๊สออกซิเจนในอากาศ - เป็นสารตั้งต้นในการผลิตปุ๋ยไนโตรเจน - ทำให้เป็นไนโตรเจนเหลวที่ใช้ในกระบวนการผลิตอาหารแช่แข็ง และการเก็บรักษา น้ำเชื้อหรือตัวอ่อน 3) แก๊สมีสกุล - แก๊สฮีเลียมนำไปบรรจุในลูกโป่งสวรรค์ - แก๊สนีออนและซีนอนใช้บรรจุในหลอดไฟที่ให้แสงสีต่าง ๆ - แก๊สอาร์กอนใช้บรรจุในหลอดไฟแบบมีไส้ เพื่อป้องกันไส้หลอดทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ในอากาศ แล้วเกิดการลุกไหม้ 4) นอกจากมีการใช้ประโยชน์ของธาตุที่อยู่ในอากาศแล้ว ธาตุอื่นๆ ในตารางธาตุยังสามารถ นำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและในอุตสาหกรรมได้อีกมากมาย เช่น เหล็ก (Fe) เป็นโลหะที่มีความ แข็งแรง จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง มีความเป็นพิษต่ำ นิยมนำมาใช้ทำเป็นโครงสร้างพื้นฐานอาคารและ ยานพาหนะ สังกะสี (Zn) นิยมนำมาเคลือบเหล็กเพื่อป้องกันการเกิดสนิม ไอโอดีน (I) ใช้ผสมในน้ำยาฆ่า เชื้อสำหรับใส่แผล


5) มลพิษทางอากาศ อากาศที่มีปริมาณของฝุ่นละออง แก๊สพิษ ควัน เขม่า มากเกินไปจนส่งผลกระทบที่เป็น อันตราต่อสุขภาพจะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ ซึ่งอาจเกิดขึ้นธรรมชาติ เช่น ภูเขาไฟระเบิด ไฟป่า หรือ เกิดจาการกระทำของมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงในรถยนต์ การปล่อยแก๊สจากโรงงานอุตสาหกรรม การเผาขยะ การก่อสร้าง ดังตัวอย่างในตาราง 1.3 ตาราง 1.3 ตัวอย่างสารมลพิษ แหล่งกำเนิด และผลกระทบ สารมลพิษ แหล่งกำเนิด ผลกระทบ แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ • การเผาไหม้เชื้อเพลิงใน เครื่องยนต์ • การเผาขยะ • ไฟป่า ทำให้เกิดอาการมึนงง วิงเวียน ศีรษะ และหากได้รับปริมาณมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิต แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ • การเผาไหม้ถ่านหิน • ภูเขาไฟระเบิด ระคายเคืองตา ผิวหนัง และหาก สูดดมเข้าไปมาก อาจทำให้ระบบ การหายใจผิดปกติ และเป็นสาเหตุ ของการเกิดฝนกรด ออกไซด์ของไนโตรเจน • การเผาไหม้เชื้อเพลิงใน เครื่องยนต์ • การเผาไหม้สารอินทรีย์ในเตาเผา • ไฟป่า ระคายเคืองต่อระบบทางเดิน หายใจ และเป็นสาเหตุของการเกิด ฝนกรด แก๊สโอโซน • การทำปฏิกิริยาเคมีของ สารอินทรีย์ระเหยง่าย กับ ออกไซด์ของไนโตรเจนในอากาศ ทำให้เกิดอาการไอ จาม หายใจ ผิดปกติ เป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็น โรคหอบหืด และโรคระบบทางเดิน หายใจ ปรอท • การเผาไหม้ถ่านหิน • การเผาขยะ • โรงงานผลิตแบตเตอรี่ • การถลุงโลหะ หากสะสมในปริมาณมาก ระบบ ประสาทจะถูกทำลาย ผู้ป่วยจะ อ่อนเพลีย ซึมเศร้า มือเท้าไม่มี เรี่ยวแรง ตาพร่ามัว สูญเสียการได้ ยิน พิการ และรุนแรงถึงขั้น เสียชีวิต ตะกั่ว • การเผาไหม้น้ำมันที่มีส่วนผสม ของสารตะกั่ว • การถลุงแร่โลหะ • โรงงานผลิตแบตเตอรี่ ทำลายระบบประสาท มีผลต่อ พัฒนาการทางสมองของทารก เป็นสาเหตุของโรคโลหิตจาง และ โรคไต ฝุ่นละออง • การเผาไหม้ถ่านหินและเชื้อเพลิง ชีวมวล • การเผาขยะ • การก่อสร้าง ระคายเคืองตา หากสะสมภายใน โพรงจมูกเป็นเวลานาน อาจเกิด การอักเสบเรื้อรัง


5.2 กระบวนการ 1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน) 2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรุป) 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้) 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ความรับผิดชอบ) 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์) 5.3 คุณลักษณะและค่านิยม ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการทำงาน 6. บูรณาการ - 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1.1 ครูทบทวนบทเรียนที่ผ่านมา เรื่อง ตารางธาตุ 1.2 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยตั้งคำถาม เพื่อนำเข้าสู่กิจกรรม 1) นักเรียนคิดว่าธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิซันมีประโยชน์และอันตรายหรือไม่ 2) นักเรียนจงยกตัวอย่างสารพิษในอากาศ หรือแก๊สพิษ ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา 2.1 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยเกริ่นนำว่า ธาตุหลายชนิดในตารางธาตุมีสถานะเป็นแก๊สและเป็นองค์ ประกอบสำคัญของอากาศ เช่น แก๊สออกซิเจน แก๊สไนโตรเจน แก๊สมีสกุล ซึ่งมีการนำมาใช้ประโยชน์ หลากหลาย 2.2 ครูให้นักเรียนทุกคนศึกษาค้นคว้าข้อมูลในหนังสือเรียน หน้า 16 – 20 แล้วนักเรียนทำใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์ของแก๊สในอากาศและมลพิษทางอากาศ 2.3 แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 5-6 กลุ่ม นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาตุ ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 3.1 ครูนำนักเรียนอภิปราย โดยการตั้งคำถาม เพื่อสรุปบทเรียน ดังนี้ 1) แก๊สใดบ้างที่นำมาใช้ประโยชน์ทางอากาศ (แนวการตอบ แก๊สไนโตรเจน (N2 ) แก๊ส ออกซิเจน (O2 ) และแก๊สมีสกุล) 2) แก๊สใดบรรจุในถังช่วยหายใจสำหรับผู้ป่วย (แนวการตอบ แก๊สออกซิเจน (O2 )) 3) แก๊สใดทำปฏิกิริยากับแก๊สอะเซทิลีน เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูง (แนวการตอบ แก๊ส ออกซิเจน (O2 )) 4) แก๊สใดบรรจุในถุงขนม เพื่อป้องกันความชื้นและออกซิเจน คงความกรุบกรอบ (แนวการตอบ แก๊สไนโตรเจน (N2 ))


5) แก๊สใดที่นำไปบรรจุในลูกโป่งสวรรค์(แนวการตอบ แก๊สฮีเลียม (He)) 6) จงบอกผลกระทบของแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์(แนวการตอบ ทำให้เกิดอาการมึนงง วิงเวียนศีรษะ และหากได้รับปริมาณมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิต) 7) จงบอกแหล่งกำเนิดของปรอท (แนวการตอบการเผาไหม้ถ่านหิน การเผาขยะ โรงงานผลิตแบตเตอรี่และการถลุงโลหะ) ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ 4.1 ครูสรุปเนื้อหาในบทเรียนทั้งหมดในหนังสือ หน้า 20 ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล 5.1ครูตรวจใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์ของแก๊สในอากาศและมลพิษทางอากาศ 5.2 ครูตรวจใบกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาตุ ประยุกต์และตอบแทนสังคม ครูให้นักเรียนแต่ละคนนำความรู้ที่เรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมที่ห้องสมุด หรือเว็บไซต์แล้วนำเสนอใน ชั้นเรียน 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) 8.2 ใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์ของแก๊สในอากาศและมลพิษทางอากาศ 8.3 ใบกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาตุ 8.4 อินเทอร์เน็ต หรือ ห้องสมุด


9. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ (K) 1) นักเรียนบอกประโยชน์ของแก๊สในอากาศ ได้ 2) ยกตัวอย่างสารมลพิษในอากาศ รวมถึง แหล่งกำเนิดและผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม 1) ตรวจใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์ของ แก๊สในอากาศและ มลพิษทางอากาศ 1) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 2) ใบงาน เรื่อง การ ใช้ประโยชน์ของแก๊ส ในอากาศและมลพิษ ทางอากาศ 1) นักเรียนสามารถ ตอบคำถามในใบงาน ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์ ด้านกระบวนการ (P) 1) นักเรียนสืบค้นข้อมูลและนำเสนอ ประโยชน์และอันตรายของธาตุเรพรีเซนเท ทีฟและธาตุแทรนซิชันได้ 1) ตรวจใบกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และ อันตรายของธาตุ 1) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 2) ใบกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และ อันตรายของธาตุ 1) นักเรียนสามารถ สรุปเนื้อหาที่ได้จาก การศึกษาค้นคว้า ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์ ด้านคุณลักษณะ (A) 1) ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการ ทำงาน 1) ตรวจใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์ของ แก๊สในอากาศและ มลพิษทางอากาศ 2) ตรวจใบกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และ อันตรายของธาตุ 1) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 1) นักเรียนทำภาระ งานที่ได้รับมอบหมาย ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์


10. เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรียน เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ ประเด็นการ ประเมิน ค่าน้ำหนัก คะแนน แนวทางการให้คะแนน ด้านความรู้ (K) 3 ตอบคำถามถูกต้องครบถ้วน จำนวน 7-10 ข้อ 2 ตอบคำถามถูกต้องครบถ้วน จำนวน 4-6 ข้อ 1 ตอบคำถามถูกต้องครบถ้วน จำนวน 1-3 ข้อ หรือไม่ถูกต้อง ด้าน กระบวนการ (P) 3 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาตุได้ถูกต้องครบถ้วน 2 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาตุได้ค่อนข้างถูกต้องครบถ้วน 1 สืบค้นข้อมูลสมบัติ ประโยชน์ และอันตรายของธาตุ แต่ไม่ครบถ้วน ด้าน คุณลักษณะ (A) 3 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และเรียบร้อยถูกต้องครบถ้วน 2 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด แต่งานยังผิดพลาดบางส่วน 1 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางส่วน ระดับคะแนน คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช้


การประเมินการทำกิจกรรม เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ ที่ ชื่อ - นามสกุล จุดประสงค์การเรียนรู้ รวม คะแนน ระดับ คุณภาพ ด้านความรู้ (K) ด้าน กระบวนการ (P) ด้าน คุณลักษณะ (A) 3 3 3 9 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24


25 26 27 28 ที่ ชื่อ - นามสกุล จุดประสงค์การเรียนรู้ รวม คะแนน ระดับ คุณภาพ ด้านความรู้ (K) ด้าน กระบวนการ (P) ด้าน คุณลักษณะ (A) 3 3 3 9 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 ระดับคุณภาพ คะแนน 9 หมายถึง ระดับดีมาก คะแนน 7-8 หมายถึง ระดับดี คะแนน 5-6 หมายถึง ระดับปานกลาง คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรับปรุง


บันทึกหลังการสอน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง อากาศ ใ แผนการสอนที่ 5 เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ . ใ วันที่ เดือน พ.ศ. ใ ผลการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ปัญหา / อุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………... ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หัวหน้ากลุ่มสาระ


(นางสาวเมธินีย์ สรรเสริญ) (……………………………………….…………………..) 1. ให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากอากาศในหนังสือเรียน พร้อมตอบคำถามให้ถูกต้อง 1.1 แก๊สออกซิเจนสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง - บรรจุในถังช่วยหาใจสำหรับผู้ป่วย นักประดาน้ำ และนักบินอวกาศ อ - รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v - ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v - บรรจุในถังช่วยหาใจสำหรับผู้ป่วย นักประดาน้ำ และนักบินอวกาศ อ - รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v - ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v 1.2 แก๊สไนโตรเจนสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง - บรรจุในถังช่วยหาใจสำหรับผู้ป่วย นักประดาน้ำ และนักบินอวกาศ อ - รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v - ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v - บรรจุในถังช่วยหาใจสำหรับผู้ป่วย นักประดาน้ำ และนักบินอวกาศ อ - รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v - ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v 1.3 แก๊สสกุลสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง - แก๊สฮีเลียมนำไปบรรจุในลูกโป่งสวรรค์ v - บรรจุในถังช่วยหาใจสำหรับผู้ป่วย นักประดาน้ำ และนักบินอวกาศ อ - รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v - ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v - บรรจุในถังช่วยหาใจสำหรับผู้ป่วย นักประดาน้ำ และนักบินอวกาศ อ - รักษา โรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v - ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v ใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ


2. ให้นักเรียนศึกษาตารางสารมลพิษ แหล่งกำเนิด และผลกระทบในหนังสือเรียน พร้อมเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง สารมลพิษ แหล่งกำเนิด ผลกระทบ แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ • การเผาไหม้เชื้อเพลิงใน เครื่องยนต์ • การเผาขยะ • ไฟป่า แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ระคายเคืองตา ผิวหนัง และหาก สูดดมเข้าไปมาก อาจทำให้ระบบ การหายใจผิดปกติ และเป็นสาเหตุ ของการเกิดฝนกรด • การเผาไหม้เชื้อเพลิงใน เครื่องยนต์ • การเผาไหม้สารอินทรีย์ในเตาเผา • ไฟป่า ระคายเคืองต่อระบบทางเดิน หายใจ และเป็นสาเหตุของการเกิด ฝนกรด • การทำปฏิกิริยาเคมีของ สารอินทรีย์ระเหยง่าย กับ ออกไซด์ของไนโตรเจนในอากาศ หากสะสมในปริมาณมาก ระบบ ประสาทจะถูกทำลาย ผู้ป่วยจะ อ่อนเพลีย ซึมเศร้า มือเท้าไม่มี เรี่ยวแรง ตาพร่ามัว สูญเสียการได้ ยิน พิการ และรุนแรงถึงขั้น เสียชีวิต ตะกั่ว ทำลายระบบประสาท มีผลต่อ พัฒนาการทางสมองของทารก เป็นสาเหตุของโรคโลหิตจาง และ โรคไต


ฝุ่นละออง คำชี้แจง เลือกธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิชันที่สนใจมาชนิดละ 2 ธาตุ ระบุชื่อ สัญลักษณ์ธาตุ เลขอะตอม และสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติทางกายภาพ สมบัติทางเคมี ประโยชน์ และอันตรายของธาตุนั้น จากนั้นนำเสนอ หน้าชั้นเรียนและอภิปรายร่วมกัน 1. ธาตุเรพรีเซนเททีฟที่เลือก คือ อะลูมิเนียม และ ซิลิคอน ท 1.1 อะลูมิเนียม (Aluminium) b ➢ สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Al อ ➢ เลขอะตอม เท่ากับ 13 อ ➢ สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเทาเงิน มีความหนาแน่นต่ำ เหนียวและแข็ง ดัดโค้งงอได้ ทุบให้เป็น แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ สมบัติทางเคมีเกิดปฏิกิริยากับอากาศอย่างรวดเร็วได้เป็นสารประกอบออกไซด์ของอะลูมิเนียม b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ ประโยชน์ ใช้ทำาอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน ห่ออาหาร และห่อของใช้ ทำโลหะเจือที่ใช้เป็น ส่วนประกอบของเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต์ v ใบกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติประโยชน์และอันตรายของธาตุ กลุ่มที่ ชั้น เลขที่ ‘


แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ อันตราย อะลูมิเนียมสามารถสะสมอยู่ในร่างกาย และสารประกอบของอะลูมิเนียมบางชนิด เป็นพิษต่อ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม n แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b 1.2 อะลูมิเนียม (Aluminium) b ➢ สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Al อ ➢ เลขอะตอม เท่ากับ 13 อ ➢ สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเทาเงิน มีความหนาแน่นต่ำ เหนียวและแข็ง ดัดโค้งงอได้ ทุบให้เป็น แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ สมบัติทางเคมีเกิดปฏิกิริยากับอากาศอย่างรวดเร็วได้เป็นสารประกอบออกไซด์ของอะลูมิเนียม b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ ประโยชน์ ใช้ทำาอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน ห่ออาหาร และห่อของใช้ ทำโลหะเจือที่ใช้เป็น ส่วนประกอบของเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต์ v แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ อันตราย อะลูมิเนียมสามารถสะสมอยู่ในร่างกาย และสารประกอบของอะลูมิเนียมบางชนิด เป็นพิษต่อ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม n แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b


แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b 2. ธาตุแทรนซิซันที่เลือก คือ โครเนียม และ ทองแดง ท 2.1 อะลูมิเนียม (Aluminium) b ➢ สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Al อ ➢ เลขอะตอม เท่ากับ 13 อ ➢ สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเทาเงิน มีความหนาแน่นต่ำ เหนียวและแข็ง ดัดโค้งงอได้ ทุบให้เป็น แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ สมบัติทางเคมีเกิดปฏิกิริยากับอากาศอย่างรวดเร็วได้เป็นสารประกอบออกไซด์ของอะลูมิเนียม b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ ประโยชน์ ใช้ทำาอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน ห่ออาหาร และห่อของใช้ ทำโลหะเจือที่ใช้เป็น ส่วนประกอบของเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต์ v แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ อันตราย อะลูมิเนียมสามารถสะสมอยู่ในร่างกาย และสารประกอบของอะลูมิเนียมบางชนิด เป็นพิษต่อ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม n แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b


แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b 2.2 อะลูมิเนียม (Aluminium) b ➢ สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Al อ ➢ เลขอะตอม เท่ากับ 13 อ ➢ สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเทาเงิน มีความหนาแน่นต่ำ เหนียวและแข็ง ดัดโค้งงอได้ ทุบให้เป็น แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ สมบัติทางเคมีเกิดปฏิกิริยากับอากาศอย่างรวดเร็วได้เป็นสารประกอบออกไซด์ของอะลูมิเนียม b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ ประโยชน์ ใช้ทำาอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน ห่ออาหาร และห่อของใช้ ทำโลหะเจือที่ใช้เป็น ส่วนประกอบของเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต์ v แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ อันตราย อะลูมิเนียมสามารถสะสมอยู่ในร่างกาย และสารประกอบของอะลูมิเนียมบางชนิด เป็นพิษต่อ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม n แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b


แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b 1. ให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากอากาศในหนังสือเรียน พร้อมตอบคำถามให้ถูกต้อง 1.1 แก๊สออกซิเจนสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง - บรรจุในถังช่วยหาใจสำหรับผู้ป่วย นักประดาน้ำ และนักบินอวกาศ อ - รักษาโรค เช่น ปอดบวม ฝีในสมอง แผลหายยากจากเบาหวาน v - ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v - เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิงในจรวดและเครื่องบินไอพ่น j - ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v - เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิงในจรวดและเครื่องบินไอพ่น j 1.2 แก๊สไนโตรเจนสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง - บรรจุในถุงขนม เพื่อป้องกันความชื้นและออกซิเจน คงความกรุบกรอบ และคุณภาพอาหาร v - ป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือชิ้นงานในอุตสาหกรรมกับแก๊สออกซิเจนใน อากาศ อ - เป็นสารตั้งต้นในการผลิตปุ๋ยไนโตรเจน v - ทำให้เป็นไนโตรเจนเหลวที่ใช้ในกระบวนการผลิตอาหารแช่แข็ง และการเก็บรักษาน้ำเชื้อหรือตัวอ่อน b - ทำให้เป็นไนโตรเจนเหลวที่ใช้ในกระบวนการผลิตอาหารแช่แข็ง และการเก็บรักษาน้ำเชื้อหรือตัวอ่อน b - ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v - เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิงในจรวดและเครื่องบินไอพ่น j 1.3 แก๊สสกุลสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ชื่อ ชั้น เลขที่ ‘ เฉลยใบงาน เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอากาศและมลพิษทางอากาศ


- แก๊สฮีเลียมนำไปบรรจุในลูกโป่งสวรรค์ v - แก๊สนีออนและซีนอนใช้บรรจุในหลอดไฟที่ให้แสงสีต่าง ๆ f - แก๊สอาร์กอนใช้บรรจุในหลอดไฟแบบมีไส้ เพื่อป้องกันไส้หลอดทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ แล้วเกิดการ ลุกไหม้l v - ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (C2H2) เพื่อให้เปลวไฟที่มีความร้อนสูงใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็ก v - เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิงในจรวดและเครื่องบินไอพ่น j 2. ให้นักเรียนศึกษาตารางสารมลพิษ แหล่งกำเนิด และผลกระทบในหนังสือเรียน พร้อมเติมข้อความลงใน ช่องว่างให้ถูกต้อง สารมลพิษ แหล่งกำเนิด ผลกระทบ แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ • การเผาไหม้เชื้อเพลิงใน เครื่องยนต์ • การเผาขยะ • ไฟป่า ทำให้เกิดอาการมึนงง วิงเวียน ศีรษะ และหากได้รับปริมาณมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิต แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ • การเผาไหม้ถ่านหิน • ภูเขาไฟระเบิด ระคายเคืองตา ผิวหนัง และหาก สูดดมเข้าไปมาก อาจทำให้ระบบ การหายใจผิดปกติ และเป็นสาเหตุ ของการเกิดฝนกรด ออกไซด์ของไนโตรเจน • การเผาไหม้เชื้อเพลิงใน เครื่องยนต์ • การเผาไหม้สารอินทรีย์ในเตาเผา • ไฟป่า ระคายเคืองต่อระบบทางเดิน หายใจ และเป็นสาเหตุของการเกิด ฝนกรด แก๊สโอโซน • การทำปฏิกิริยาเคมีของ สารอินทรีย์ระเหยง่าย กับ ออกไซด์ของไนโตรเจนในอากาศ ทำให้เกิดอาการไอ จาม หายใจ ผิดปกติ เป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็น โรคหอบหืด และโรคระบบทางเดิน หายใจ ปรอท • การเผาไหม้ถ่านหิน • การเผาขยะ • โรงงานผลิตแบตเตอรี่ • การถลุงโลหะ หากสะสมในปริมาณมาก ระบบ ประสาทจะถูกทำลาย ผู้ป่วยจะ อ่อนเพลีย ซึมเศร้า มือเท้าไม่มี เรี่ยวแรง ตาพร่ามัว สูญเสียการได้ ยิน พิการ และรุนแรงถึงขั้น


เสียชีวิต ตะกั่ว • การเผาไหม้น้ำมันที่มีส่วนผสม ของสารตะกั่ว • การถลุงแร่โลหะ • โรงงานผลิตแบตเตอรี่ ทำลายระบบประสาท มีผลต่อ พัฒนาการทางสมองของทารก เป็นสาเหตุของโรคโลหิตจาง และ โรคไต ฝุ่นละออง • การเผาไหม้ถ่านหินและเชื้อเพลิง ชีวมวล • การเผาขยะ • การก่อสร้าง ระคายเคืองตา หากสะสมภายใน โพรงจมูกเป็นเวลานาน อาจเกิด การอักเสบเรื้อรัง คำชี้แจง เลือกธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิชันที่สนใจมาชนิดละ 2 ธาตุ ระบุชื่อ สัญลักษณ์ธาตุ เลขอะตอม และสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติทางกายภาพ สมบัติทางเคมี ประโยชน์ และอันตรายของธาตุนั้น จากนั้นนำเสนอ หน้าชั้นเรียนและอภิปรายร่วมกัน ตัวอย่างผลการสืบค้นข้อมูล 1. ธาตุเรพรีเซนเททีฟที่เลือก คือ อะลูมิเนียม และ ซิลิคอน ท 1.1 อะลูมิเนียม (Aluminium) b ➢ สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Al อ ➢ เลขอะตอม เท่ากับ 13 อ ➢ สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเทาเงิน มีความหนาแน่นต่ำ เหนียวและแข็ง ดัดโค้งงอได้ ทุบให้เป็น แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b เฉลย ใบกิจกรรม 1.2 สืบค้นข้อมูลสมบัติประโยชน์และอันตรายของธาตุ กลุ่มที่ ชั้น เลขที่ ‘


➢ สมบัติทางเคมีเกิดปฏิกิริยากับอากาศอย่างรวดเร็วได้เป็นสารประกอบออกไซด์ของอะลูมิเนียม b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ ประโยชน์ ใช้ทำอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน ห่ออาหาร และห่อของใช้ ทำโลหะเจือที่ใช้เป็น ส่วนประกอบของเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต์ v แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ อันตราย อะลูมิเนียมสามารถสะสมอยู่ในร่างกาย และสารประกอบของอะลูมิเนียมบางชนิด เป็นพิษต่อ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม n แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b 1.2 ซิลิคอน (Silicon) b ➢ สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Si อ ➢ เลขอะตอม เท่ากับ 14 อ ➢ สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็งสีเทาเหลือบฟ้า เป็นมันเงา b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ สมบัติทางเคมีเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนได้สารประกอบออกไซด์ที่มีความเสถียร b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ ประโยชน์ ใช้ในอุตสาหกรรมทำแก้ว เส้นใยแก้วและเส้นใยนำแสง เป็นสารกึ่งตัวนำในวงจรไฟฟ้า ขนาด เล็ก และใช้ทำอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ไมโครคอมพิวเตอร์ วิทยุ โทรทัศน์ เซลล์สุริยะ v แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ อันตราย การสูดดมผงซิลิเกตซึ่งเป็นสารประกอบออกไซด์ของซิลิคอนที่อยู่ในแร่ใยหินจะเป็น อันตราย ต่อปอด n แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b


แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b 2. ธาตุแทรนซิซันที่เลือก คือ โครเนียม และ ทองแดง ท 2.1 โครเมียม (Chromium) b ➢ สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Cr อ ➢ เลขอะตอม เท่ากับ 24 อ ➢ สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีเงิน มีความแข็งมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ สมบัติทางเคมีเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนอย่างรวดเร็วได้สารประกอบออกไซด์ที่ต้านทานการ กัดกร่อน และคงความเป็นมันเงาได้นานในอากาศ b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ ประโยชน์ ใช้เคลือบผิวเหล็กหรือโลหะอื่น ๆ โดยการชุบด้วยไฟฟ้า เพื่อป้องกันการกัดกร่อนและ ให้มีผิว เป็นเงางาม เป็นส่วนผสมในเหล็กกล้าไร้สนิม รวมทั้งเป็นส่วนประกอบในเหล็กกล้า ผสมที่ใช้ทำาตู้นิรภัย เครื่องยนต์ เกราะกันกระสุน v แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b


➢ อันตราย มนุษย์ต้องการโครเมียมในปริมาณเพียงเล็กน้อย ถ้าได้รับในปริมาณที่มากเกินไปจะ เป็นพิษต่อ ร่างกาย n แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b 2.2 ทองแดง (Copper) b ➢ สัญลักษณ์ธาตุ เท่ากับ Cu อ ➢ เลขอะตอม เท่ากับ 29 อ ➢ สมบัติทางกายภาพ เป็นของแข็ง สีส้มแดงเป็นมันเงา มีความหนาแน่น จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีรองจากเงิน b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ สมบัติทางเคมีเกิดปฏิกิริยากับความชื้นและออกซิเจนในอากาศได้อย่างช้า ๆ ได้สารประกอบออกไซด์ สีเขียว เรียกว่า สนิมทองแดง ที่มีสมบัติต้านการกัดกร่อนได้ b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ ประโยชน์ เป็นลวดนำไฟฟ้าในสายไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า โลหะผสมระหว่างทองแดงกับสังกะสี เรียกว่า ทองเหลือง ใช้ทำกลอนประตู กุญแจ ใบพัดเรือ ปลอกกระสุนปืน กระดุม โลหะผสม ของทองแดงกับดีบุก เรียกว่า ทองบรอนซ์ ใช้ทำลานนาฬิกา ระฆัง ปืนใหญ่ ทองแดงเป็นธาตุ ที่จำเป็นต่อร่างกายในการช่วย เอนไซม์ถ่ายโอนพลังงานในเซลล์ v แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b


แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b ➢ อันตราย มนุษย์ต้องการธาตุทองแดงเพียงปริมาณเล็กน้อย การได้รับทองแดงมากเกินไปอาจ ทำาให้เกิด โรคทางพันธุกรรมได้ n แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b แผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดีมาก b


แผนการจัดการเรียนรู้ที่6 เรื่อง พันธะโคเวเลนต์ รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ2 รหัสวิชา ว32101 เวลา 2 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่2 ชื่อหน่วยการเรียนรู้น้ำ รวม 15 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่5 ภาคเรียนที่1 บูรณาการ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อาเซียน STEM PLC สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มาตรฐานสากล ข้ามกลุ่มสาระ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 2. ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.5/8 ระบุว่าพันธะโคเวเลนต์เป็นพันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสาม และระบุจำนวนคู่อิเล็กตรอน ระหว่างอะตอมคู่ร่วมพันธะ จากสูตรโครงสร้าง 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้(K) 1) นักเรียนระบุจำนวนอะตอมของธาตุองค์ประกอบในโมเลกุลของสารโคเวเลนต์จากสูตรโมเลกุลหรือ สูตรโครงสร้างได้ 2) นักเรียนระบุว่าพันธะโคเวเลนต์เป็นพันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสาม และระบุจำนวนคู่ อิเล็กตรอนระหว่างอะตอมคู่ร่วมพันธะจากสูตรโครงสร้างได้ 3.2 ด้านกระบวนการ (P) 1) นักเรียนสามารถจัดกระทำและสื่อความหมายของข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้าได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะ (A) 1) ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการทำงาน 4. สาระสำคัญ น้ำเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบพื้นฐานในร่ากายของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม โมเลกุลของน้ำ เกิดจากอะตอมของธาตุไฮโดรเจน 2 อะตอม ยึดเหนี่ยวกับธาตุออกซิเจน 1 อะตอมด้วย พันธะเคมีที่เรียกว่า พันธะ โคเวเลนต์น้ำจัดเป็นสารโคเวเลนต์และยังมีสารอื่นอีกหลายชนิดที่เป็นสารโคเวเลนต์สถานะและจุดเดือดของสาร โคเวเลนต์ขึ้นอยู่กับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ซึ่งมีความสัมพันธ์กับสภาพขั้วของสารและพันธะไฮโดรเจน ในแหล่งน้ำธรรมชาตินอกจากมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักแล้ว ยังมีสารอื่นละลายอยู่ด้วย สารที่ละลายน้ำได้มีทั้งสาร โคเวเลนต์และสารประกอบไอออนิก สารประกอบไอออนิกเกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่างไอออนบวกกับไอออนลบ


ด้วยพันธะไอออนิก ในอัตราส่วนอย่างต่ำที่ทำให้ประจุรวมของสารประกอบเป็นศูนย์ การละลายของสารในน้ำมี2 แบบ คือการละลายแบบแตกตัวและไม่แตกตัว ซึ่งทำให้ได้สารละลายอิเล็กโทรไลต์และนอนอิเล็กโทรไลต์ตามลำดับ 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 ความรู้ น้ำเป็นสารประกอบที่มีสูตรโมเลกุลเป็น H2O ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน 2 อะตอม และ ออกซิเจน 1 อะตอมยึดเหนี่ยวกันด้วย พันธะเคมี(chemical bond) โดยพันธะเคมีระหว่างอะตอม ไฮโดรเจนกับอะตอมออกซิเจนเป็นพันธะโคเวเลนต์และน้ำจัดเป็นสารโคเวเลนต์ รูป 2.1 โมเลกุลน้ำ สารโคเวเลนต์อาจเป็นธาตุหรือสารประกอบ ส่วนใหญ่เกิดจากการรวมตัวกันของธาตุอโลหะ โดยอะตอมจะยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะที่เรียกว่า พันธะโควาเลนต์(covalent bond) ซึ่งเป็นพันธะที่เกิด จากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน และคู่อะตอมที่ใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน เรียกว่า อะตอมคู่ร่วม พันธะ จำนวนและชนิดของธาตุองค์ประกอบภายในโมเลกุลของสารโคเวเลนต์แสดงไว้ด้วยสูตรโครงสร้าง (molecular formula) นอกจากน้ำแล้วในธรรมชาติยังมีสารโคเวเลนต์ชนิดอื่น ตัวอย่างดังตาราง 2.1 ตาราง 2.1 ตัวอย่างสารโคเวเลนซ์ที่พบในธรรมชาติ สาร สูตรโคเวเลนต์ แก๊สออกซิเจน* O2 แก๊สไนโตรเจน* N2 แอมโมเนีย NH3 คาร์บอนไดออกไซด์ CO2 คาร์บอนมอนอกไซด์ CO อะเซทิลีน C2 H2 ยูเรีย CH4 N2O กรดแอซีติกหรือกรดน้ำส้ม C2 H4O2 กลูโคส C6H12O6 วิตามินซีหรือกรดแอสคอร์บิก C6 H8O6 * O2 และ N2 จะเรียกว่าแก๊สออกซิเจน และแก๊สไนโตรเจน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับการ เรียกชื่อธาตุหรืออะตอมออกซิเจน (O) และไนโตรเจน (N) สูตรโมเลกุลบอกชนิดและจำนวนอะตอมของธาตุที่เป็นองค์ประกอบใน 1 โมเลกุล แต่สูตรโมเลกุล ไม่ได้แสดงว่าอะตอมคู่ใดยึดเหนี่ยวกัน ซึ่งการยึดเหนี่ยวกันของคู่อะตอมมีความสำคัญต่อสมบัติทาง กายภาพและเคมีของสาร


สารโคเวเลนต์ การแสดงการยึดเหนี่ยวกันของอะตอมภายในโมเลกุลสารโคเวเลนต์ทำได้โดยสูตรโครงสร้าง (structural formule) ซึ่งแสดงคู่อิเล็กตรอนที่ใช้ร่วมกันในการเกิดพันธะโควาเลนต์ด้วยเส้นพันธะ โดยพันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่ เรียกว่า พันธะเดี่ยว ซึ่งเขียนแทนด้วยเส้น 1 เส้น และพันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 และ 3 คู่ เรียกว่า พันธะคู่และพันธะสาม ซึ่งเขียน แทนด้วยเส้น 2 และ 3 เส้น ตามลำดับ ดังรูป 2.2 รูป 2.2 สูตรโครงสร้างของน้ำ แก๊สออกซิเจน และแก๊สไนโตรเจน โมเลกุลของสารโคเวเลนต์อาจประกอบด้วยหลายพันธะและอาจมีพันธะโคเวเลนต์ที่เป็นพันธะ เดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสามมากว่า 1 ชนิด ดังรูป 2.3 รูป 2.3 สูตรโครงสร้างของสารโคเวเลนต์บางชนิด


5.2 กระบวนการ 1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน) 2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์จัดกลุ่ม สรุป) 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้) 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ความรับผิดชอบ) 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์) 5.3 คุณลักษณะและค่านิยม ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการทำงาน 6. บูรณาการ - 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่1 ขั้นสร้างความสนใจ 1.1 ครูให้นักเรียนทำตรวจสอบความรู้ก่อนเรียนในหนังสือเรียน หน้า 28 1.2 ครูทวนคำถามตรวจสอบความรู้ก่อนเรียนให้นักเรียนตอบร่วมกัน พร้อมเฉลย 1.3 ครูนำเข้าสู่บทเรียน โดยตั้งคำถามเกี่ยวกับประโยชน์ความสำคัญของน้ำในชีวิตประจำวัน สถานะ และสูตรเคมี ขั้นที่2 ขั้นสำรวจและค้นหา 2.1 ครูให้นักเรียนพิจารณารูป 2.1 แล้วระบุชนิดและจำนวนอะตอมของธาตุองค์ประกอบ จากนั้น ให้ศึกษาหาความรู้ว่าน้ำเป็นสารโคเวเลนต์โดยอะตอมไฮโดรเจนยึดเหนี่ยวกับอะตอมของออกซิเจนด้วย พันธะ เคมีที่เรียกว่า พันธะโคเวเลนต์ 2.2 ครูให้นักเรียนพิจารณาตาราง 2.1 แล้วตั้งคำถามว่า สารโคเวเลนต์มีธาตุองค์ประกอบเป็นธาตุ โลหะหรืออโลหะ 2.3 ครูให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับสารโคเวเลนต์ตามหนังสือเรียน หน้า 31-32 2.4 นักเรียนสรุปองค์ความรู้เรื่อง สารโคเวเลนส์ในรูปแบบ Mind mapping 2.5 นักเรียนทำแบบฝึกหัด 2.1 ข้อที่ 1-5 ในหนังสือเรียน หน้า 34-35 ลงในสมุด ขั้นที่3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 3.1 ครูนำนักเรียนอภิปรายเพื่อนำไปสู่การสรุป โดยใช้คำถามต่อไปนี้ 1) น้ำเป็นสารโคเวเลนต์หรือไม่ (แนวการ น้ำเป็นสารโคเวเลนต์) 2) สูตรโมเลกุลของน้ำ คือ (แนวการตอบ H2O) 3) น้ำประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจนกี่อะตอม และออกซิเจนกี่อะตอม (แนวการตอบ น้ำ ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน 2 อะตอม และออกซิเจน 1 อะตอม) 4) โมเลกุลของน้ำประกอบด้วยอะตอมไฮโดรเจนยึดเหนี่ยวกับอะตอมของออกซิเจนด้วย พันธะเคมีที่เรียกว่า (แนวการตอบ พันธะโคเวเลนต์)


5) การแสดงการยึดเหนี่ยวกันของอะตอมภายในโมเลกุลสารโคเวเลนต์ทำได้อย่างไร (แนวการตอบ ทำได้โดยใช้สูตรโครงสร้าง (structural formule)) 6) พันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่ เรียกว่า (แนวการตอบ พันธะ เดี่ยว) 7) พันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 และ 3 คู่ เรียกว่า ตามลำดับ (แนวการตอบ พันธะคู่และพันธะสาม) 3.2 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปการศึกษาค้นคว้า เรื่อง สารโคเวเลนต์ดังนี้ สารโคเวเลนต์ การแสดงการยึดเหนี่ยวกันของอะตอมภายในโมเลกุลสารโคเวเลนต์ทำได้โดยสูตร โครงสร้าง (structural formule) ซึ่งแสดงคู่อิเล็กตรอนที่ใช้ร่วมกันในการเกิดพันธะโควาเลนต์ด้วยเส้น พันธะ โดยพันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่ เรียกว่า พันธะเดี่ยว ซึ่งเขียนแทนด้วยเส้น 1 เส้น และพันธะที่เกิดจากการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 และ 3 คู่ เรียกว่า พันธะคู่และพันธะสาม ซึ่งเขียนแทนด้วยเส้น 2 และ 3 เส้น ตามลำดับ ดังรูป 2.2 โมเลกุลของสารโคเวเลนต์อาจประกอบด้วยหลายพันธะและอาจมีพันธะโคเวเลนต์ที่เป็นพันธะ เดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสามมากว่า 1 ชนิด ดังรูป 2.3 ขั้นที่4 ขั้นขยายความรู้ 4.1 ครูให้ความรู้เพิ่มเติมสารเคมีบางชนิด เช่น สารประกอบอินทรีย์ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน หน้า 33 ขั้นที่5 ขั้นประเมินผล 5.1ครูตรวจ Mind mapping เรื่อง สารโคเวเลนส์ของนักเรียน 5.2 ครูตรวจสมุดการทำแบบฝึกหัด 2.1 ของนักเรียน ประยุกต์และตอบแทนสังคม ครูให้นักเรียนแต่ละคนนำความรู้ที่เรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมที่ห้องสมุด หรือเว็บไซต์แล้วนำเสนอใน ชั้นเรียน 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์(วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) 8.2 อินเทอร์เน็ต 8.3 ห้องสมุด


9. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้(K) 1) นักเรียนระบุจำนวนอะตอมของธาตุ องค์ประกอบในโมเลกุลของสารโคเวเลนต์ จากสูตรโมเลกุลหรือสูตรโครงสร้างได้ 2) นักเรียนระบุว่าพันธะโคเวเลนต์เป็น พันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสาม และ ระบุจำนวนคู่อิเล็กตรอนระหว่างอะตอมคู่ ร่วมพันธะจากสูตรโครงสร้างได้ 1) ตรวจแบบฝึกหัด 2.1 ข้อที่1-5 1) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 1) นักเรียนสามารถ ทำแบบฝึกหัด 2.1 ได้ระดับดีผ่านเกณฑ์ ด้านกระบวนการ (P) 1) นักเรียนสามารถจัดกระทำและสื่อ ความหมายของข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้าได้ 1) ตรวจ Mind mapping เรื่อง สาร โคเวเลนส์ 1) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 1) นักเรียนสามารถ สรุปองค์ความรู้เรื่อง สารโคเวเลนส์ ได้ระดับดีผ่านเกณฑ์ ด้านคุณลักษณะ (A) 1) ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการ ทำงาน 1) ตรวจแบบฝึกหัด 2.1 ข้อที่1-5 2) ตรวจ Mind mapping เรื่อง สาร โคเวเลนส์ 1) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 1) นักเรียนทำภาระ งานที่ได้รับมอบหมาย ได้ระดับดีผ่านเกณฑ์


10. เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรียน เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรื่อง พันธะโคเวเลนต์ ประเด็นการ ประเมิน ค่าน้ำหนัก คะแนน แนวทางการให้คะแนน ด้านความรู้ (K) 3 ทำแบบฝึกหัด 2.1 ได้ถูกต้องครบถ้วน จำนวน 4-5 ข้อ 2 ทำแบบฝึกหัด 2.1 ได้ถูกต้องครบถ้วน จำนวน 2-3 ข้อ 1 ทำแบบฝึกหัด 2.1 ได้ถูกต้องครบถ้วน จำนวน 1 ข้อ หรือไม่ถูกต้อง ด้าน กระบวนการ (P) 3 สรุปเนื้อหา เรื่อง สารโคเวเลนส์ได้ถูกต้องครบถ้วน 2 สรุปเนื้อหา เรื่อง สารโคเวเลนส์ได้ค่อนข้างถูกต้องครบถ้วน 1 สรุปเนื้อหา เรื่อง สารโคเวเลนส์ได้แต่ไม่ครบถ้วน ด้าน คุณลักษณะ (A) 3 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และเรียบร้อยถูกต้องครบถ้วน 2 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด แต่งานยังผิดพลาดบางส่วน 1 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางส่วน ระดับคะแนน คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช้


การประเมินการทำกิจกรรม เรื่อง พันธะโคเวเลนต์ ที่ ชื่อ - นามสกุล จุดประสงค์การเรียนรู้ รวม คะแนน ระดับ คุณภาพ ด้านความรู้ (K) ด้าน กระบวนการ (P) ด้าน คุณลักษณะ (A) 3 3 3 9 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28


ที่ ชื่อ - นามสกุล จุดประสงค์การเรียนรู้ รวม คะแนน ระดับ คุณภาพ ด้านความรู้ (K) ด้าน กระบวนการ (P) ด้าน คุณลักษณะ (A) 3 3 3 9 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 ระดับคุณภาพ คะแนน 9 หมายถึง ระดับดีมาก คะแนน 7-8 หมายถึง ระดับดี คะแนน 5-6 หมายถึง ระดับปานกลาง คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรับปรุง


แผนการจัดการเรียนรู้ที่7 เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ำและความมีขั้ว รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ2 รหัสวิชา ว32101 เวลา 3 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่2 ชื่อหน่วยการเรียนรู้น้ำ รวม 15 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 ภาคเรียนที่1 บูรณาการ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อาเซียน STEM PLC สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มาตรฐานสากล ข้ามกลุ่มสาระ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 2. ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.5/9 ระบุสภาพขั้วของสารที่โมเลกุลประกอบด้วย 2 อะตอม ว 2.1 ม.5/10 ระบุสารที่เกิดพันธะไฮโดรเจนได้จากสูตรโครงสร้าง ว 2.1 ม.5/11 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุดเดือดของสารโควาเลนต์กับแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลตาม สภาพขั้วหรือการเกิดพันธะไฮโดรเจน 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้(K) 1) นักเรียนระบุสภาพขั้วของสารที่โมเลกุลประกอบด้วย 2 อะตอมได้ 2) นักเรียนระบุสารที่เกิดพันธะไฮโดรเจนได้จากสูตรโครงสร้างได้ 3) นักเรียนอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุดเดือดของสารโคเวเลนต์กับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ตามสภาพขั้วหรือการเกิดพันธะไฮโดรเจนได้ 3.2 ด้านกระบวนการ (P) 1) นักเรียนสามารถจัดกระทำและสื่อความหมายของข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้าได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะ (A) 1) ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการทำงาน 4. สาระสำคัญ น้ำเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบพื้นฐานในร่ากายของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม โมเลกุลของน้ำ เกิดจากอะตอมของธาตุไฮโดรเจน 2 อะตอม ยึดเหนี่ยวกับธาตุออกซิเจน 1 อะตอมด้วย พันธะเคมีที่เรียกว่า พันธะ โคเวเลนต์น้ำจัดเป็นสารโคเวเลนต์และยังมีสารอื่นอีกหลายชนิดที่เป็นสารโคเวเลนต์สถานะและจุดเดือดของสาร โคเวเลนต์ขึ้นอยู่กับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ซึ่งมีความสัมพันธ์กับสภาพขั้วของสารและพันธะไฮโดรเจน ในแหล่งน้ำธรรมชาตินอกจากมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักแล้ว ยังมีสารอื่นละลายอยู่ด้วย สารที่ละลายน้ำได้มีทั้งสาร


โคเวเลนต์และสารประกอบไอออนิก สารประกอบไอออนิกเกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่างไอออนบวกกับไอออนลบ ด้วยพันธะไอออนิก ในอัตราส่วนอย่างต่ำที่ทำให้ประจุรวมของสารประกอบเป็นศูนย์ การละลายของสารในน้ำมี2 แบบ คือการละลายแบบแตกตัวและไม่แตกตัว ซึ่งทำให้ได้สารละลายอิเล็กโทรไลต์และนอนอิเล็กโทรไลต์ตามลำดับ 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 ความรู้ ที่อุณหภูมิห้องและความดัน 1 บรรยากาศ น้ำมีสถานะเป็นของเหลว มีจุดเยือกแข็งหรือจุด หลอมเหลวที่ 0 องศาเซลเซียส และจุดเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส เมื่อน้ำได้รับพลังงานจากสิ่งแวดล้อม หรือจากการให้ความร้อนโดยตรง โมเลกุลของน้ำในสถานะของเหลวซึ่งอยู่ชิดกันจะเคลื่อนที่ห่างกันมากขึ้น และอาจเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส โดยความร้อนที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะของน้ำให้เป็นไอน้ำต้องมีค่ามาก พอที่จะทำลายแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของน้ำ แสดงดังรูป 2.4 รูป 2.4 ภาพจำลองการจัดเรียงโมเลกุลของน้ำในสถานะของเหลวและแก๊ส สารโคเวเลนต์แต่ละชนิดมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่างกัน ตัวอย่างดังตาราง 2.2 เมื่อต้องการ เปลี่ยนสถานะของสารเหล่านี้จึงต้องใช้พลังงานความร้อนไม่เท่ากัน แสดงว่าแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ของสารโคเวเลนต์แต่ละชนิดไม่เท่ากัน ตาราง 2.2 จุดหลอมเหลวและจุดเดือดของสารโคเวเลนส์บางชนิด ที่ความดัน 1 บรรยากาศ สารโคเวเลนต์ จุดหลอมเหลว (°C) จุดเดือด (°C) แก๊สไฮโดรเจน (H2 ) -259 -252 แก๊สไนโตรเจน (N2 ) -210 -196 แก๊สออกซิเจน (O2 ) -219 -183 ไนโตรเจนมอนอกไซด์(NO) -164 -152 ไฮโดรเจนคลอไรด์(HCl) -114 -85 ไฮโดรเจนซัลไฟด์(H2S) -86 -60 แอมโมเนีย (NH3 ) -78 -33 น้ำ (H2O) 0 100 สารโคเวเลนต์ที่มีจุดเดือดแตกต่างกันเกิดจากความแตกต่างของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ซึ่งเป็นผลมา จากสภาพขั้วของโมเลกุลที่เกิดจากพันธะโคเวเลนต์ระหว่างอะตอมของธาตุชนิดเดียวกันหรืออะตอมของธาตุต่าง ชนิดกัน เช่น โมเลกุลของน้ำมีพันธะโคเวเลนต์ที่เชื่อมต่อระหว่างอะตอมต่างชนิดกัน และน้ำจัดเป็นสารมีขั้ว ทำให้มี แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลมากจึงมีจุดเดือดสูง เมื่อเปรียบเทียบกับโมเลกุลของแก๊สออกซิเจนซึ่งมีพันธะโคเว


เลนต์ที่เชื่อมต่อระหว่างอะตอมของธาตุเพียงชนิดเดียว และออกซิเจนจะเป็นสารไม่มีขั้ว ทำให้มีแรงยึดเหนี่ยว ระหว่างโมเลกุลน้อยกว่าน้ำ แก๊สออกซิเจนจึงมีจุดเดือดต่ำกว่าน้ำ สารโคเวเลนต์ที่โมเลกุลประกอบด้วย 2 อะตอม หากเป็นธาตุชนิดเดียวกันจัดเป็นสารไม่มีขั้ว (non-polar substance) เช่น แก๊สไฮโดรเจน (H2 ) แก๊สไนโตรเจน (N2 ) หากเป็นธาตุต่างชนิดกันจัดเป็นสารมีขั้ว (polar substance) เช่น ไนโตรเจนมอนอกไซด์(NO) ไฮโดรเจนคลอไรด์(HCl) ส่วนสารโคเวเลนต์ที่ประกอบด้วยอะตอม มากกว่า 2 อะตอมอาจเป็นสารมีขั้วหรือไม่มีขั้วก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปร่างโมเลกุลของสารแต่ละชนิด เช่น น้ำ (H2O) ไข่เน่าหรือแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์(H2S) แอมโมเนีย (NH3 ) เป็นสารมีขั้ว ส่วนคาร์บอนไดออกไซด์(CO2 ) มีเทน CH4 ) เป็นสารไม่มีขั้ว นอกจากสภาพขั้วของโมเลกุลที่ส่งผลแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลแล้ว มวลและรูปร่างของโมเลกุลยังส่งผล ต่อแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลอีกด้วย ถ้าสารมีมวลและรูปร่างของโมเลกุลใกล้เคียงกันจุดเดือดจะขึ้นอยู่กับสภาพ ขั้วของโมเลกุล ที่อุณหภูมิห้อง น้ำ (H2O) มีสถานะเป็นของเหลว ส่วนไฮโดรเจนซัลไฟด์(H2S) เป็นแก๊ส แสดงว่าน้ำมีจุด เดือดสูงกว่าไฮโดรเจนซัลไฟด์ทั้งที่สารทั้งสองชนิดเป็นสารมีขั้วและมีองค์ประกอบแตกต่างกันเพียงอะตอมเดียว ปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจาก พันธะไฮโดรเจน (hydrogen bond) รูป 2.5 พันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลของน้ำ พันธะไฮโดรเจนเป็นแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของสารมีขั้วที่ภายในโมเลกุลมีพันธะ O-H N-H หรือ F-H ทำให้สารมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูงกว่าสารมีขั้วทั่วไปที่มีขนาดโมเลกุลใกล้เคียงกัน นอกจากนี้พันธะไฮโดรเจน ในผลึกน้ำแข็งยังทำให้โมเลกุลของน้ำจัดเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบโดยมีช่องว่างระหว่างโมเลกุลมากกว่าช่องว่าง ระหว่างโมเลกุลของน้ำที่อยู่ในสถานะเป็นของเหลว ทำให้น้ำแข็งมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ น้ำแข็งจึงลอยน้ำ ดัง รูป 2.6 รูป 2.6 ภาพจำลองการจัดเรียงโมเลกุลของน้ำในสถานะของแข็งและของเหลว


5.2 กระบวนการ 1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน) 2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์จัดกลุ่ม สรุป) 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้) 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ความรับผิดชอบ) 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์) 5.3 คุณลักษณะและค่านิยม ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการทำงาน 6. บูรณาการ - 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่1 ขั้นสร้างความสนใจ 1.1 ครูทบทวนบทเรียน เรื่อง สารโคเวเลนต์ 1.2 ครูนำเข้าสู่บทเรียน โดยตั้งคำถาม ดังนี้ 1) น้ำ และไอน้ำ เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร (แนวการตอบ มีสูตรเคมีเหมือนกัน แต่มี สถานะต่างกัน) ขั้นที่2 ขั้นสำรวจและค้นหา 2.1 ครูนำนักเรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หน้า 35-39 2.2 ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมกลุ่มเพื่อนำเสนอแบบจำลองการจัดเรียงโมเลกุลของน้ำในสถานะ ของเหลวและแก๊ส เช่น วาดภาพ แสดงบทบาทสมมติจากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า น้ำจะ จัดเรียงโมเลกุลชิดกันมากกว่าไอน้ำ 2.3 นักเรียนสรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ในชั้นเรียน ในรูปแบบ Mind mapping 2.4 นักเรียนทำแบบฝึกหัด 2.2 ข้อที่ 1-3 ในหนังสือเรียน หน้า 39 ลงในสมุด ขั้นที่3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 3.1 ครูนำนักเรียนอภิปรายเพื่อนำไปสู่การสรุป โดยใช้คำถามต่อไปนี้ 1) สารโคเวเลนต์ที่โมเลกุลประกอบด้วย 2 อะตอม หากเป็นธาตุชนิดเดียวกันจัดเป็นสาร มีขั้วหรือไม่มีขั้ว (แนวการ เป็นสารไม่มีขั้ว) 2) หากเป็นธาตุต่างชนิดกันจัดเป็นสารมีขั้วหรือไม่มีขั้ว (แนวการตอบ เป็นสารมีขั้ว) 3) น้ำ (H2O) ไข่เน่าหรือแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์(H2S) แอมโมเนีย (NH3 ) เป็นสารมีขั้ว หรือไม่มีขั้ว (แนวการตอบ เป็นสารมีขั้ว) 4) คาร์บอนไดออกไซด์(CO2 ) มีเทน CH4 ) เป็นสารมีขั้วหรือไม่มีขั้ว (แนวการตอบ เป็นสารไม่มีขั้ว)


5) ที่อุณหภูมิห้อง น้ำ (H2O) มีสถานะเป็นของเหลว ส่วนไฮโดรเจนซัลไฟด์(H2S) เป็น แก๊ส แสดงว่าน้ำมีจุดเดือดของน้ำเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับไฮโดรเจนซัลไฟด์(แนวการตอบ น้ำมีจุดเดือดสูง กว่าไฮโดรเจนซัลไฟด์) 6) น้ำ (H2O) และไฮโดรเจนซัลไฟด์(H2S) สารทั้งสองชนิดเป็นสารมีขั้วและมี องค์ประกอบแตกต่างกันเพียงอะตอมเดียว ปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจาก (แนวการตอบ พันธะไฮโดรเจน (hydrogen bond)) 3.2 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปการศึกษาเนื้อหา เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ำและความมีขั้ว ดังนี้ 1) สารโคเวเลนต์ที่โมเลกุลประกอบด้วย 2 อะตอม หากเป็นธาตุชนิดเดียวกันจัดเป็นสาร ไม่มีขั้ว (non-polar substance) เช่น แก๊สไฮโดรเจน (H2 ) แก๊สไนโตรเจน (N2 ) หากเป็นธาตุต่างชนิดกัน จัดเป็นสารมีขั้ว (polar substance) เช่น ไนโตรเจนมอนอกไซด์(NO) ไฮโดรเจนคลอไรด์(HCl) ส่วนสาร โคเวเลนต์ที่ประกอบด้วยอะตอมมากกว่า 2 อะตอมอาจเป็นสารมีขั้วหรือไม่มีขั้วก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปร่าง โมเลกุลของสารแต่ละชนิด เช่น น้ำ (H2O) ไข่เน่าหรือแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์(H2S) แอมโมเนีย (NH3 ) เป็น สารมีขั้ว ส่วนคาร์บอนไดออกไซด์(CO2 ) มีเทน CH4 )เป็นสารไม่มีขั้ว 2) นอกจากสภาพขั้วของโมเลกุลที่ส่งผลแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลแล้ว มวลและ รูปร่างของโมเลกุลยังส่งผลต่อแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลอีกด้วย ถ้าสารมีมวลและรูปร่างของโมเลกุล ใกล้เคียงกันจุดเดือดจะขึ้นอยู่กับสภาพขั้วของโมเลกุล 3) ที่อุณหภูมิห้อง น้ำ (H2O) มีสถานะเป็นของเหลว ส่วนไฮโดรเจนซัลไฟด์(H2S) เป็น แก๊ส แสดงว่าน้ำมีจุดเดือดสูงกว่าไฮโดรเจนซัลไฟด์ทั้งที่สารทั้งสองชนิดเป็นสารมีขั้วและมีองค์ประกอบ แตกต่างกันเพียงอะตอมเดียวปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจาก พันธะไฮโดรเจน (hydrogen bond) 4) น้ำในสถานะของเหลวโมเลกุลจะอยู่ชิดกันมากกว่าในสถานะแก๊ส แสดงว่าในสถานะ ของเหลว โมเลกุลมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลมากกว่าในสถานะแก๊ส ดังนั้นความร้อนที่ใช้ในเปลี่ยน สถานะของน้ำให้เป็นไอน้ำจึงเป็นพลังงานที่ใช้ในการทำลายแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของน้ำ ซึ่งความ ร้อนที่โมเลกุลได้รับอาจได้จากการให้ความร้อนโดยตรงหรือจากสิ่งแวดล้อม ขั้นที่4 ขั้นขยายความรู้ 4.1 ครูให้ความรู้เพิ่มเติมสารเคมีบางชนิด เช่น สารประกอบอินทรีย์ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน หน้า 33 ขั้นที่5 ขั้นประเมินผล 5.1ครูตรวจ Mind mapping เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ำและความมีขั้ว 5.2 ครูตรวจสมุดการทำแบบฝึกหัด 2.2 ข้อที่ 1-5 ประยุกต์และตอบแทนสังคม ครูให้นักเรียนแต่ละคนนำความรู้ที่เรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมที่ห้องสมุด หรือเว็บไซต์แล้วนำเสนอใน ชั้นเรียน


8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์(วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) 8.2 อินเทอร์เน็ต 8.3 ห้องสมุด 9. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้(K) 1) นักเรียนระบุสภาพขั้วของสารที่โมเลกุล ประกอบด้วย 2 อะตอมได้ 2) นักเรียนระบุสารที่เกิดพันธะไฮโดรเจนได้ จากสูตรโครงสร้างได้ 3) นักเรียนอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุด เดือดของสารโคเวเลนต์กับแรงยึดเหนี่ยว ระหว่างโมเลกุลตามสภาพขั้วหรือการเกิด พันธะไฮโดรเจนได้ 1) ตรวจแบบฝึกหัด 2.2 ข้อที่1-3 1) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 1) นักเรียนสามารถ ทำแบบฝึกหัด 2.2 ได้ระดับดีผ่านเกณฑ์ ด้านกระบวนการ (P) 1) นักเรียนสามารถจัดกระทำและสื่อ ความหมายของข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้าได้ 1) ตรวจ Mind mapping เรื่อง การ เปลี่ยนสถานะของน้ำ และความมีขั้ว 1) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 1) นักเรียนสรุปองค์ ความรู้ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์ ด้านคุณลักษณะ (A) 1) ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการ ทำงาน 1) ตรวจแบบฝึกหัด 2.2 ข้อที่1-5 2) ตรวจ Mind mapping เรื่อง การ เปลี่ยนสถานะของน้ำ และความมีขั้ว 1) แบบประเมินการ ทำกิจกรรม 1) นักเรียนทำภาระ งานที่ได้รับมอบหมาย ได้ระดับดีผ่านเกณฑ์


10. เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรียน เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ำและความมีขั้ว ประเด็นการ ประเมิน ค่าน้ำหนัก คะแนน แนวทางการให้คะแนน ด้านความรู้ (K) 3 ทำแบบฝึกหัด 2.2 ได้ถูกต้องครบถ้วน จำนวน 3 ข้อ 2 ทำแบบฝึกหัด 2.2 ได้ถูกต้องครบถ้วน จำนวน 2 ข้อ 1 ทำแบบฝึกหัด 2.2 ได้ถูกต้องครบถ้วน จำนวน 1 ข้อ หรือไม่ถูกต้อง ด้าน กระบวนการ (P) 3 สรุปเนื้อหา เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ำและความมีขั้วได้ถูกต้องครบถ้วน 2 สรุปเนื้อหา เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ำและความมีขั้วได้ค่อนข้างถูกต้องครบถ้วน 1 สรุปเนื้อหา เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ำและความมีขั้วได้แต่ไม่ครบถ้วน ด้าน คุณลักษณะ (A) 3 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และเรียบร้อยถูกต้องครบถ้วน 2 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด แต่งานยังผิดพลาดบางส่วน 1 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางส่วน ระดับคะแนน คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช้


การประเมินการทำกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ำและความมีขั้ว ที่ ชื่อ - นามสกุล จุดประสงค์การเรียนรู้ รวม คะแนน ระดับ คุณภาพ ด้านความรู้ (K) ด้าน กระบวนการ (P) ด้าน คุณลักษณะ (A) 3 3 3 9 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28


Click to View FlipBook Version