แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาการออกแบบและเทคโนโลยี รหัสวิชา ว22103 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนพนมศึกษา ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุราษฎร์ธานี ชุมพร ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ นางสาวนวรัตน์ เชื้อพราหมณ์แพ ต าแหน่ง พนักงานราชการ
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี รหัสวิชา ว23103 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จ านวน 20 ชั่วโมง/ภาคเรียน จ านวน 0.5 หน่วยกิต ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 การก าหนดการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ รายการตรวจสอบและกลั่นกรองการใช้แผนการเรียนรู้ ความคิดเห็น ความคิดเห็น ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ลงชื่อ……………………………….. (นางสาวกนกวรรณ ทองเกตุ) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ลงชื่อ……………………………….. (นางสาวณัฐิญา คาโส) หัวหน้ากลุ่มบริหารงานวิชาการ ………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ……………………………….. (นางผกา สามารถ) ผู้อ านวยการโรงเรียนพนมศึกษา
บันทึกข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนพนมศึกษา ที่ พิเศษ/2566 วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 เรื่อง ขออนุมัติใช้แผนการจัดการเรียนรู้ เรียน ผู้อ านวยการโรงเรียนพนมศึกษา สิ่งที่แนบมาด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยีว23103 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 เนื่องด้วยข้าพเจ้านางสาวนวรัตน์ เชื้อพราหมณ์แพ ต าแหน่งพนักงานราชการ โรงเรียนพนมศึกษา ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่การสอนตามค าสั่งที่ 120/2566 เรื่อง มอบหมายงานการเรียนการสอน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ซึ่งทางกลุ่มบริหารงานวิชาการได้มอบหมายให้ครูทุกคน จัดท าแผนการจัดการเรียนรู้อย่างน้อย คนละ 1รายวิชานั้น ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติงานสายการสอนประจ ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ จัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยีว23103 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 บัดนี้ ข้าพเจ้าได้ด าเนินการจัดท าแผนการจัดการเรียนรู้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขออนุมัติใช้แผนการ จัดการเรียนรู้ดังกล่าว เพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาอนุมัติ ลงชื่อ (นางสาวนวรัตน์ เชื้อพราหมณ์แพ) ครูผู้สอน ลงชื่อ ลงชื่อ (นางสาวกนกวรรณ ทองเกตุ) (นางสาวณัฐิญา คาโส) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หัวหน้ากลุ่มบริหารงานวิชาการ ความคิดเห็นผู้อ านวยการ อนุมัติ ไม่อนุมัติ ................................................................................................................................. ลงชื่อ (นางผกา สามารถ) ผู้อ านวยการโรงเรียนพนมศึกษา ........../......../...........
1 ค าน า แผนการจัดการเรียนรู้ เป็นสิ่งจ าเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอน เพราะเป็น เอกสารหลักสูตรที่ใช้ในการบริหารงานของครูผู้สอนให้ตรงตามนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา ก าหนดไว้ใน แผนหลักคุณภาพการศึกษา สนองจุดประสงค์และค าอธิบายรายวิชาของหลักสูตร ในการบริหารงานวิชาการถือ ว่า “แผนการจัดการเรียนรู้” เป็นเอกสารทางวิชาการที่ส าคัญที่สุดของครู เพราะในแผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย 1. ค าอธิบายรายวิชา 2. ก าหนดโครงสร้างรายวิชา 3. การก าหนดเวลาเรียน ก าหนดการสอน ก าหนดการสอบ 4. สาระส าคัญของเนื้อหาวิชาที่เรียน 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ 7. สื่อและอุปกรณ์ 8. การวัดและประเมินผล การจัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ ถือเป็นการสร้างผลงานทางวิชาการ เป็นผลงานที่แสดงถึงความ ช านาญในการสอนของครู เพราะครูใช้ศาสตร์ทุกสาขาอาชีพของครู เช่น การออกแบบการสอน การจัดการ และการประเมินผล ในการจัดท าการจัดการเรียนรู้นั้น จะท าให้เกิดความมั่นใจในการสอนได้ตรงตาม จุดประสงค์การเรียนรู้ เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนในรายวิชาที่รับผิดชอบสูงขึ้น ทั้งยังเป็นข้อมูลในการ นิเทศ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงการเรียนการสอนได้อย่างเป็นระบบและครบวงจร ส่งผลให้คุณภาพ การศึกษาโดยรวมพัฒนาไปอย่างมีทิศทาง บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร นางสาวนวรัตน์ เชื้อพราหมณ์แพ ครูผู้สอน
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระเทคโนโลยีกลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อให้สถานศึกษาน าไปใช้เป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วางแผนการ จัดการเรียนการสอนและจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ตามเป้าหมายของหลักสูตร ตลอดจนให้เกิดผลส าเร็จตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการศึกษา ดังนั้น ขั้นตอนการน าหลักสูตรสถานศึกษาไปปฏิบัติจริงในชั้นเรียนของครูผู้สอน จึงจัดเป็นหัวใจส าคัญในการพัฒนาผู้เรียน บริษัท อักษรเจริญทัศน์อจท. จ ากัดได้จัดท าแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบ และเทคโนโลยี) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ขึ้น เพื่อให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียน โดยจัดท า เป็นหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการออกแบบย้อนกลับ (Backward Design) ตลอดจนเน้นกิจกรรมแบบ Active Learning อันจะช่วยให้ผู้ปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการ ประเมินคุณภาพการศึกษา สามารถมั่นใจในผลการเรียนรู้และคุณภาพของผู้เรียนที่มีหลักฐานตรวจสอบผลการ เรียนรู้อย่างเป็นระบบ ผู้สอนสามารถน าแผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ไปเป็นแนวทางวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการ ใช้หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ทางบริษัทจัดพิมพ์ จ าหน่าย โดยทั้งนี้การออกแบบการเรียนรู้(Instructional Design) ได้ด าเนินการตามกระบวนการ ดังนี้ 1 หลักการจัดการเรียนรู้อิงมาตรฐาน หน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยจะก าหนดผลการเรียนรู้ไว้เป็นเป้าหมายในการจัดการเรียนการสอน ผู้สอน จะต้องศึกษาและวิเคราะห์รายละเอียดของมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดทุกข้อว่า ระบุให้ผู้เรียนต้องมีความรู้ความ เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องอะไร และต้องสามารถลงมือปฏิบัติอะไรได้บ้าง และมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่เกิดขึ้นกับ ผู้เรียนจะน าไปสู่การเสริมสร้างสมรรถนะส าคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านใดแก่ผู้เรียน น าไปสู่ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผู้เรียนรู้อะไร ผู้เรียนท ำอะไรได้
2 หลักการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ เมื่อผู้สอนวิเคราะห์รายละเอียดของมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด และได้ก าหนดเป้าหมายการจัดการเรียน การสอนเรียบร้อยแล้ว จึงก าหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้และแนวทางการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนลงมือ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกิจกรรมการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้จนบรรลุมาตรฐานและตัวชี้วัดทุกข้อ 3 หลักการบูรณาการกระบวนการเรียนรู้สู่ผลการเรียนรู้ เมื่อผู้สอนก าหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้ และแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไว้แล้ว จึงก าหนด รูปแบบการเรียนการสอนและกระบวนการเรียนรู้ ที่จะฝึกฝนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด โดยเลือกใช้กระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่เป็นเป้าหมายในหน่วย นั้น ๆ เช่น กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง กระบวนการ เผชิญสถานการณ์และการแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการทางสังคม ฯลฯ กระบวนการเรียนรู้ที่ มอบหมายให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัตินั้นจะต้องน าไปสู่การเสริมสร้างสมรรถนะส าคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ ผู้เรียนตามสาระการเรียนรู้ที่ก าหนดไว้ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ 4 หลักการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละหน่วย ผู้สอนต้องก าหนดขั้นตอนและ วิธีปฏิบัติให้ชัดเจน โดยเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือฝึกฝนและฝึกปฏิบัติมากที่สุด ตามแนวคิดและวิธีการส าคัญ คือ 1) การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปัญญา ที่ผู้เรียนทุกคนต้องใช้สมองในการคิดและท าความเข้าใจ ในสิ่งต่างๆ ร่วมกับการลงมือปฏิบัติ ทดลองค้นคว้า จนสามารถสรุปเป็นความรู้ได้ด้วยตน เอง และ สามารถน าเสนอผลงาน แสดงองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ได้ เน้นผู้เรียนเป็นส ำคัญ สนองควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล เน้นพัฒนำกำรทำงสมอง กระตุ้นกำรคิด เน้นควำมรู้คู่คุณธรรม เป้าหมาย การเรียนรู้ และการพัฒนา คุณภาพ ของผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของผู้เรียน หลักการจัดการเรียนรู้
2) การสอน เป็นการเลือกวิธีการหรือกิจกรรมที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ในหน่วยนั้น ๆ และที่ส าคัญ คือ ต้อง เป็นวิธีการที่สอดคล้องกับสภาพผู้เรียน ผู้สอนจึงต้องเลือกใช้วิธีการสอน เทคนิคการสอน และรูปแบบการ สอนอย่างหลากหลาย เพื่อช่วยให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างราบรื่นจนบรรลุตัวชี้วัดทุกข้อ 3) รูปแบบการสอน ควรเป็นวิธีการและขั้นตอนฝึกปฏิบัติที่ส่งเสริมหรือกระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถคิดอย่าง เป็นระบบ เช่น รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) รูปแบบการสอนโดยใช้การคิดแบบ โยนิโสมนสิการ รูปแบบการสอนแบบ CIPPA Model รูปแบบการเรียนการสอนตามวัฏจักรการเรียนรู้ แบบ 4MAT รูปแบบการเรียนการสอนแบบร่วมมือ เทคนิค JIGSAW, STAD, TAI, TGT 4) วิธีการสอน ควรเลือกใช้วิธีการสอนที่สอดคล้องกับเนื้อหาของบทเรียน ความถนัด ความสนใจ และสภาพ ปัญหาของผู้เรียน วิธีสอนที่ดีจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถบรรลุผลการเรียนรู้ตามในระดับผลสัมฤทธิ์ที่สูง เช่น วิธีการสอนแบบบรรยาย การสาธิต การทดลอง การอภิปรายกลุ่มย่อย การแสดงบทบาทสมมติการใช้ กรณีตัวอย่าง การใช้สถานการณ์จ าลอง การใช้ศูนย์การเรียน การใช้บทเรียนแบบโปรแกรม เป็นต้น 5) เทคนิคการสอน ควรเลือกใช้เทคนิคการสอนที่สอดคล้องกับวิธีการสอน และช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาใน บทเรียนได้ง่ายขึ้น สามารถกระตุ้นความสนใจและจูงใจให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้อย่างมี ประสิทธิภาพ เช่น เทคนิคการใช้ผังกราฟิก (Graphic Organizers) เทคนิคการเล่านิทาน การเล่นเกม เทคนิคการใช้ค าถาม การใช้ตัวอย่างกระตุ้นความคิด การใช้สื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจ เป็นต้น 6) สื่อการเรียนการสอน ควรเลือกใช้สื่อหลากหลายกระตุ้นความสนใจ และท าความกระจ่างให้เนื้อหา สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ และเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้บรรลุตัวชี้วัดอย่างราบรื่น เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ เอกสารประกอบการสอน แถบวีดิทัศน์ แผ่นสไลด์ คอมพิวเตอร์ VCD LCD Visualizer เป็นต้น ควรเตรียมสื่อให้ครอบคลุมทั้งสื่อการสอนของครูและสื่อการเรียนรู้ของผู้เรียน 5 หลักการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบย้อนกลับตรวจสอบ เมื่อผู้สอนวางแผนออกแบบการจัดการเรียนรู้ รวมถึงก าหนดรูปแบบการเรียนการสอนไว้เรียบร้อยแล้ว จึงน า เทคนิควิธีการสอน วิธีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และสื่อการเรียนรู้ไปลงมือจัดการเรียนการสอน ซึ่งจะน าผู้เรียนไปสู่ การสร้างชิ้นงานหรือภาระงาน เกิดทักษะกระบวนการและสมรรถนะส าคัญตามธรรมชาติวิชา รวมทั้งคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่เป็นเป้าหมายของหน่วยการเรียนรู้ ตามล าดับขั้นตอน การเรียนรู้ที่ก าหนดไว้ ดังนี้
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงแล้ว จะต้อง ฝึกฝนกระบวนการคิดทุกขั้นตอน โดยใช้เทคนิคการตั้งค าถามกระตุ้นความคิด และใช้ระดับค าถามให้สัมพันธ์กับ เนื้อหาการเรียนรู้ ตั้งแต่ระดับความรู้ความจ า ความเข้าใจ การน าไปใช้การวิเคราะห์ การประเมินค่า และ การสร้างสรรค์นอกจากจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจบทเรียนอย่างลึกซึ้งแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อสอบ O-NET ซึ่งเป็นการทดสอบระดับชาติที่เน้นกระบวนการคิดระดับวิเคราะห์ด้วย และในแต่ละแผนการเรียนรู้ จึงมีการระบุค าถามเพื่อกระตุ้นความคิดของผู้เรียนไว้ด้วยทุกกิจกรรม ผู้เรียนจะได้ฝึกฝนวิธีการท าข้อสอบ O-NET ควบคู่ไปกับการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ตามผลการเรียนรู้ที่ส าคัญ ทั้งนี้การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแต่ละหน่วยจะครอบคลุมกิจกรรมการเรียนรู้และการ ประเมินผลด้านความรู้ความเข้าใจ (K) ด้านทักษะกระบวนการ (P) และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) ตาม มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระเทคโนโลยีกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางฯ การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 พร้อมทั้งออกแบบเครื่องมือการวัด และประเมินผล ตลอดจนแบบบันทึกผลการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ไว้ครบถ้วน สอดคล้องกับมาตรฐานด้านคุณภาพ ผู้เรียน เช่น แบบบันทึกผลด้านการคิดวิเคราะห์ ด้านการอ่านและแสวงหาความรู้ด้านสมรรถนะและคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ตามหลักสูตร เป็นต้น ผู้สอนสามารถน าไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ประกอบการ จัดท ารายงานการประเมินตนเอง (Self Assessment Reports) จึงมั่นใจอย่างยิ่งว่า การน าแผนการจัดการเรียนรู้ เล่มนี้ไปเป็นแนวทางจัดการเรียนการสอนจะช่วยพัฒน าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้น ตามมาตรฐานการศึกษาและการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาทุกประการ ผู้จัดท า จากเป้าหมายและ หลักฐาน คิดย้อนกลับ สู่จุดเริ่มต้น ของกิจกรรมการเรียนรู้ จากกิจกรรมการเรียนรู้ ทีละขั้นบันได สู่หลักฐานและ เป้าหมายการเรียนรู้ เป้าหมายการเรียนรู้ของหน่วย หลักฐานชิ้นงาน/ภาระงาน แสดงผลการเรียนรู้ของหน่วย แสดงผลการเรียนรู้ของหน่วย 4 กิจกรรม ค าถามชวนคิด 3 กิจกรรม ค าถามชวนคิด 2 กิจกรรม ค าถามชวนคิด 1 กิจกรรม ค าถามชวนคิด
สรุปหลักสูตรฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี* ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ ได้ก าหนดสาระการเรียนรู้ออกเป็น 4 สาระ ได้แก่ สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ และสาระที่ 4 เทคโนโลยี มีสาระเพิ่มเติม 4 สาระ ได้แก่ สาระชีววิทยา สาระเคมี สาระฟิสิกส์ และสาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ องค์ประกอบของหลักสูตรทั้งในด้านของเนื้อหา การจัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลการ เรียนรู้นั้น มีความส าคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้นให้มีความ ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ส าหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ก าหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางที่ผู้เรียนจ าเป็นต้องเรียนเป็นพื้นฐาน เพื่อให้สามารถน าความรู้นี้ไปใช้ในการด ารงชีวิต หรือศึกษาต่อในวิชาชีพที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ได้ โดยจัดเรียงล าดับ ความยากง่ายของเนื้อหาในแต่ละระดับชั้นให้มีการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่ ส าคัญ ทั้งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วย กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลหลากหลายและ ประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ ได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความสอดคล้องและ เชื่อมโยงกันภายในสาระการเรียนรู้เดียวกัน และระหว่างสาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเนื้อหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความ ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงและความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการต่าง ๆ ให้ทัดเทียมกับนานาชาติ ซึ่งสรุปได้ ดังแผนภาพ *สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ, ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง ประเทศไทย, 2560), หน้า 1-2.
หมายเหตุ: ปีการศึกษา 2563 ชื่อกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี* สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการด ารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือ พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่างเหมาะสมโดยค านึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.3 1. วิเคราะห์สาเหตุ หรือปัจจัยที่ส่งผลต่อ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และ ความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ เพื่อเป็นแนวทางการแก้ปัญหาหรือพัฒนา งาน เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดีตจนถึง ปัจจุบัน ซึ่งมีสาเหตุหรือปัจจัยมาจากหลายด้าน เช่น ปัญหาหรือความต้องการของมนุษย์ ความก้าวหน้า ของศาสตร์ต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะ วิทยาศาสตร์ โดยวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานความรู้ที่ น าไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยี และเทคโนโลยีที่ได้สามารถ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ค้นคว้าเพื่อให้ได้มาซึ่ง องค์ความรู้ใหม่ 2. ระบุปัญหาหรือความต้องการของชุมชน หรือท้องถิ่น เพื่อพัฒนางานอาชีพ สรุปกรอบของปัญหา รวบรวม วิเคราะห์ ข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา โดยค านึงถึงความถูกต้องด้านทรัพย์สิน ทางปัญญา ปัญหาหรือความต้องการอาจพบได้ในงานอาชีพของชุมชน หรือท้องถิ่น ซึ่งอาจมีหลายด้าน เช่น ด้านการเกษตร อาหาร พลังงาน การขนส่ง การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาช่วยให้เข้าใจเงื่อนไข และกรอบของปัญหาได้ชัดเจน จากนั้นด าเนินการสืบค้น รวบรวมข้อมูล ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อน าไปสู่การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา 3. ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูล ที่จ าเป็นภายใต้เงื่อนไขและทรัพยากร ที่มีอยู่ น าเสนอแนวทางการแก้ปัญหา ให้ผู้อื่นเข้าใจด้วยเทคนิคหรือวิธีการ ที่หลากหลาย วางแผนขั้นตอนการท างาน และด าเนินการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูล ที่จ าเป็น โดยค านึงถึงทรัพย์สินทางปัญญา เงื่อนไขและ ทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลา ข้อมูลและสารสนเทศ วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยให้ได้แนวทาง การแก้ปัญหาที่เหมาะสม การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาท าได้หลากหลายวิธี เช่น การร่างภาพ การเขียนแผนภาพ การเขียนผังงาน เทคนิคหรือวิธีการในการน าเสนอแนวทางการแก้ปัญหา มีหลากหลาย เช่น การใช้แผนภูมิ ตาราง ภาพเคลื่อนไหว การก าหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการท างานก่อน ด าเนินการแก้ปัญหาจะช่วยให้การท างานส าเร็จตาม เป้าหมาย และลดข้อผิดพลาดของการท างานที่อาจ เกิดขึ้น
ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง 4. ทดสอบ ประเมินผล วิเคราะห์ และ ให้เหตุผลของปัญหาหรือข้อบกพร่อง เกิดขึ้นภายใต้กรอบเงื่อนไข พร้อมทั้ง หาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข และ น าเสนอผลการแก้ปัญหา การทดสอบและประเมินผลเป็นการตรวจสอบชิ้นงาน หรือวิธีการว่า สามารถแก้ปัญหาได้ตามวัตถุประสงค์ ภายใต้กรอบของปัญหา เพื่อหาข้อบกพร่อง และ ด าเนินการปรับปรุง โดยอาจทดสอบซ้ าเพื่อให้สามารถ แก้ไขปัญหาได้ การน าเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิดเพื่อให้ผู้อื่น เข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการท างานและชิ้นงานหรือวิธีการ ที่ได้ ซึ่งสามารถท าได้หลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน การท าแผ่นน าเสนอผลงาน การจัดนิทรรศการ การน าเสนอผ่านสื่อออนไลน์ 5. ใช้ความรู้ และทักษะเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถูกต้องกับลักษณะของงาน และ ปลอดภัยเพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน วัสดุแต่ละประเภทมีสมบัติแตกต่างกัน เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก เซรามิก จึงต้องมีการวิเคราะห์สมบัติ เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน การสร้างชิ้นงานอาจใช้ความรู้ เรื่องกลไก ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เช่น LED LDR มอเตอร์ เฟือง คาน รอก ล้อ เพลา อุปกรณ์และเครื่องมือในการสร้างชิ้นงานหรือพัฒนา วิธีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย รวมทั้งรู้จักเก็บรักษา
ค าอธิบายรายวิชา รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาสาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และผลกระทบต่อมนุษย์ สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และอาชีพในชุมชน เพื่อส ารวจและระบุปัญหาที่เกิดขึ้นได้ตรงตามความจริง กระบวนการแก้ปัญหาโดย ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ ร่วมกัน ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเภท และสมบัติของวัสดุต่าง ๆ เช่น ไม้ เหล็ก พลาสติก ยางพารา เครื่องมือในการสร้างชิ้นงาน เช่น ค้อน ประแจ สว่าน คีมประเภทต่าง ๆ เพื่อให้ สามารถตัดสินใจเลือกแนวทางในออกแบบการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ( Problem – based Learning) วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบ การสอนแบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-based Learning) วัฏจักรการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Intructional Model) และวิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบอุปนัย (Induction) เพื่อเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การแก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วย ตนเองผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะเกี่ยวกับการใช้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ ในการ ออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ที่สามารถน าไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ ต่อสังคม และการด ารงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและ การจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ตัวชี้วัด ว 4.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 รวม 5 ตัวชี้วัด
โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ชั้น ม.3 ล าดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชี้วัด มโนทัศน์ส าคัญ เวลา (ชม.) 1. เทคโนโลยีกับชีวิต ว 4.1 ม.3/1 ความต้องการของมนุษย์เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และยังท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ คือ การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวัฒนธรรม และด้านสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีการน าเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในทุก ภาคส่วน ดังนั้น เทคโนโลยีจึงเกี่ยวข้องกับ การน าความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ มาประกอบกับ ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และด้านคณิตศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอาชีพต่าง ๆ ในชุมชนอย่างสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองต่อ ตลาดแรงงาน โดยมุ่งส่งเสริมเทคโนโลยีพื้นฐาน ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ นาโน เทคโนโลยี เทคโนโลยีวัสดุศาสตร์พลังงาน และสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัล 5 2. เทคโนโลยีกับ การพัฒนางานอาชีพ ภายในชุมชนหรือ ท้องถิ่น ว 4.1 ม.3/2 ม.3/3 การส ารวจชุมชน เป็นศึกษาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับลักษณะและสภาพของสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ความต้องการ และปัญหาในชุมชน เพื่อให้ทราบลักษณะและขอบเขตของปัญหา ต่างๆ ที่มีอยู่ในชุมชน และเป็นพื้นฐาน ในการศึกษาหาสาเหตุของแต่ละปัญหา และ หาแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งปัญหาหรือ ความต้องการภายในชุมชนหรือท้องถิ่นนั้น สามารถแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้คือ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวัฒนธรรม และด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น มาใช้เพื่อการแก้ปัญหาพื้นฐานที่เกิดขึ้น ในการด ารงชีวิตตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีการ แบ่งระดับของเทคโนโลยีที่ใช้ในการแก้ปัญหา ออกเป็น 3 ระดับ 4
ล าดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชี้วัด มโนทัศน์ส าคัญ เวลา (ชม.) 3. วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และความรู้ ในการแก้ปัญหาหรือ พัฒนางาน ว 4.1 ม.3/5 วัสดุ หมายถึง สิ่งของหรือวัตถุที่น ามาใช้ ประกอบกันเป็นชิ้นงานตามการออกแบบ มีสมบัติเฉพาะตัวทางฟิสิกส์ ทางเคมี ทาง ไฟฟ้า หรือสมบัติเชิงกลแตกต่างกันไป โดย วัสดุแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ โลหะและอโลหะ โดยการเลือกใช้วัสดุควรพิจารณาจากสมบัติ ของวัสดุให้ตรงกับงานที่ออกแบบหรือตาม วัตถุประสงค์ที่ต้องการ รวมถึงการใช้งาน อุปกรณ์และเครื่องมือช่างพื้นฐานถือว่าเป็น ตัวช่วยที่ส าคัญในการออกแบบกระบวนการ ผลิต การแก้ปัญหาโดยการพัฒนางานจ าเป็นต้อง อาศัยกลไกให้ท างานประสานสอดคล้องกันใน การพัฒนาชิ้นงาน ได้แก่ ล้อและเพลา รอก เฟืองตรง คาน และสปริง รวมถึงกระบวนการ ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดพลังงานอื่น ๆ เช่น แสงสว่าง ความร้อน พลังงานกล การควบคุมหรือออกแบบ การไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า 4 4. การแก้ปัญหาชุมชน หรือท้องถิ่นด้วย กระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม ว 4.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเป็น กระบวนการแก้ปัญหาหรือพัฒนาชิ้นงาน อย่างเป็นขั้นตอนภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่ โดยวิเคราะห์สถานการณ์ของปัญหา ผลกระทบ ของการแก้ปัญหา เพื่อน าไปสู่การออกแบบ แนวทางการแก้ปัญหา โดยใช้ความรู้ด้าน วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ ส าหรับกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนนั้น จะมุ่งเน้น พัฒนาชุมชนให้พึ่งพาตัวเองได้ผ่านการสร้าง ผู้น าชุมชนที่เข้มแข็ง ท างานตอบสนองต่อ สภาพแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละ ชุมชน น าวิธีการพัฒนาที่ได้ผลมาใช้แก้ปัญหา ที่ส าคัญของชุมชน และกระตุ้นให้เกิดการลง มือท า ตลอดจนมีการสร้างเศรษฐกิจให้กับ ชุมชนโดยอาศัยกระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรมมาช่วยในการสร้างงาน เพื่อน าไปสู่ การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนอย่างยั่งยืน 7
Pedagogy สื่อการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 ผู้จัดท าได้ออกแบบการสอน (Instructional Design) อันเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและมีความ หลากหลายให้กับผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด รวมถึงสมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนที่หลักสูตรก าหนดไว้โดยครูสามารถน าไปใช้ส าหรับจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในรายวิชานี้ ได้น ารูปแบบการสอนแบบอุปนัย (Induction) รูปแบบการสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) รูปแบบการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based learning) และรูปแบบการสอนแบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) มาใช้ในการออกแบบการสอน ดังนี้ เลือกใช้วิธีการสอนโดยใช้การอุปนัย (Induction) เนื่องจากเป็นกระบวนการสอนที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่ก าหนด โดยการน าตัวอย่าง ข้อมูล ความคิด เหตุการณ์ สถานการณ์ ปรากฏการณ์ ที่มีหลักการหรือแนวคิดที่ต้องการสอนให้แก่ผู้เรียน มาให้ผู้เรียนศึกษาวิเคราะห์จนสามารถดึงหลักการ หรือแนวคิดที่แฝงอยู่ออกมา เพื่อน าไปใช้ในสถานการณ์อื่น ๆ ต่อไป กล่าวอย่างสั้น ๆ ได้ว่า เป็นการสอนที่ให้ผู้เรียน สรุปหลักการจากตัวอย่างต่าง ๆ ด้วยตนเอง วิธีการสอนโดยใช้การอุปนัยเป็นวิธีการที่มุ่งช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ สามารถจับหลักการ หรือประเด็นส าคัญได้ด้วยตนเอง ท าให้เกิดการเรียนรู้หลักการ แนวคิด หรือข้อความรู้ต่าง ๆ อย่างเข้าใจ เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project - Based Learning) เพื่อเน้นให้ผู้เรียนเข้าสู่ กระบวนการสืบสอบ (process of inquiry) และใช้การคิดขั้นสูงที่ซับซ้อนขึ้นโดยใช้การจัดการเรียนการสอนแบบ โครงงานเป็นหลัก ช่วยให้ผู้เรียนได้ผลิตงานที่เป็นรูปธรรมออกมา ผลผลิตที่แสดงออกถึงความรู้ความคิดของผู้เรียน สามารแสดงผลงานต่อสาธารณชน สามารถสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้และการท างานให้แก่ผู้เรียนได้ อีกทั้งยัง สามารถดึงศักยภาพในด้านต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตัวผู้เรียนออกมาใช้ประโยชน์อีกด้วย ซึ่งกระบวนการปฏิบัติมีขั้นตอน ดังนี้ 1. ขั้นให้ความรู้พื้นฐาน ให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการท าโครงงานก่อนการเรียนรู้ 2. ขั้นกระตุ้นความสนใจ กระตุ้นความสนใจของผู้เรียน ดึงดูดให้ผู้เรียนสนใจ ใคร่รู้ ถึงความสนุกสนานในการ ท าโครงงานหรือกิจกรรมร่วมกัน 3. ขั้นจัดกลุ่มร่วมมือ ผู้เรียนแสวงหาความรู้ ใช้กระบวนการกลุ่มในการวางแผนด าเนินกิจกรรม โดยระดม ความคิดและหารือ แบ่งหน้าที่เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกัน 4. ขั้นแสวงหาความรู้ ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมหรือโครงงานตามหัวข้อที่แต่ละกลุ่มสนใจ 5. ขั้นสรุปสิ่งที่เรียนรู้สรุปสิ่งที่เรียนรู้จากการท ากิจกรรม โดยใช้ค าถามที่น าไปสู่การสรุปสิ่งที่เรียนรู้ 6. ขั้นน าเสนอผลงาน ผู้เรียนน าเสนอผลการเรียนรู้ เพื่อให้เพื่อนร่วมชั้นได้ชมผลงานและเรียนรู้กิจกรรมที่ ผู้เรียนได้ปฏิบัติในการท าโครงงาน กระบวนการเรียนรู้
เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based Learning) เพื่อเน้นให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคิด การปฏิบัติอย่างมีระบบ และสร้างองค์ความรู้ใหม่จาก การใช้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจ าวันได้ ซึ่งการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานเป็นการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหา เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจและต้องการศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพื่อน าไปสู่การแก้ปัญหา ซึ่งผู้เรียน จะได้วิเคราะห์และแก้ปัญหาและท าให้เกิดความเข้าใจปัญหาอย่างชัดเจนและสามารถใช้ทักษะกระบวนการที่น าไปสู่ การแก้ปัญหาได้ โดยผ่านกระบวนการจัดกิจกรรมที่ส าคัญ ดังนี้ 1. ก าหนดปัญหา ผู้สอนจัดสถานการณ์ต่าง ๆ กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ มองเห็นปัญหา และเกิดความ สนใจที่จะค้นหาค าตอบ 2. ท าความเข้าใจกับปัญหา ผู้เรียนจะต้องท าความเข้าใจปัญหาที่ต้องการเรียนรู้ ซึ่งผู้เรียนจะต้องอธิบายสิ่ง ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาได้ 3. ด าเนินการศึกษาค้นคว้า ผู้เรียนต้องก าหนดสิ่งที่ต้องเรียน ด าเนินการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองโดยใช้ วิธีการที่หลากหลาย 4. สังเคราะห์ความรู้ผู้เรียนน าความรู้ที่ได้ค้นคว้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน อภิปรายผล และสังเคราะห์ ความรู้ที่ได้มาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ 5. สรุปและประเมินค่าของค าตอบ ผู้เรียนสรุปผลงานของกลุ่ม หรือผลงานของตนเอง และประเมินผลงานว่า ข้อมูลที่ได้ศึกษาค้นคว้ามีความเหมาะสมหรือไม่ โดยต้องตรวจสอบแนวคิดอย่างอิสระ และสรุปเป็นองค์ความรู้ใน ภาพรวมของปัญหาอีกครั้ง 6. น าเสนอและประเมินผลงาน ผู้เรียนน าข้อมูลที่ได้มาจัดระบบองค์ความรู้และน าเสนอเป็นผลงานใน รูปแบบที่หลากหลาย ผู้เรียนทุกกลุ่มรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาร่วมกันประเมินผลงาน เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เนื่องจากเป็นรูปแบบการ สอนแบบที่มุ่งให้ผู้เรียนได้สร้างองค์ความรู้ใหม่ โดยเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้เข้ากับประสบการณ์หรือความเดิมให้เป็นองค์ ความรู้หรือแนวคิดของผู้เรียนเอง ดังนั้น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้จึงสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถในการ แก้ปัญหาโดยเน้นการปฏิบัติจริง มีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน เสริมสร้างความรู้ด้วยตนเองผ่านกระบวนการ ขั้นตอนอย่างเป็นวัฏจักร ซึ่งกระบวนการปฏิบัติมีขั้นตอนดังนี้ 1. กระตุ้นความสนใจ ให้ผู้เรียนสนใจใคร่รู้ในเรื่องที่เรียน มีลักษณะเป็นการน าเข้าสู่บทเรียน 2. ส ารวจและค้นหา เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรง ร่วมกันสร้างและพัฒนาความคิดรวบยอด 3. อธิบายความรู้ น าเอาความรู้จากการส ารวจและค้นหา ที่พัฒนาเป็นความคิดรวบยอดมาอภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน 4. ขยายความเข้าใจ ผู้เรียนได้ขยายความรู้ความเข้าใจในความคิดรวบยอดให้กว้างขวางและลึกซึ้งยิ่งขึ้น 5. ตรวจสอบผลผู้เรียนได้ตรวจสอบแนวความคิดที่ได้เรียนรู้มาแล้วว่าถูกต้องและได้รับการยอมรับเพียงใด
วิธีการสอน (Teaching Method) ผู้จัดท าเลือกใช้วิธีสอนที่หลากหลาย เช่น การอภิปราย การใช้สถานการณ์จ าลอง การใช้เกม เป็นต้น เพื่อส่งเสริม การเรียนรู้แบบอุปนัย (Induction) แบบสืบเสาะหาความรู้(5Es Instructional Model) การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็น ฐาน (Problem - Based Learning) และแบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) ให้เกิดประสิทธิภาพ มากที่สุด และยังมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ โดยการคิดและลงมือปฏิบัติซึ่งจะช่วยให้ ผู้เรียนมีความรู้และเกิดทักษะที่คงทน เทคนิคการสอน (Teaching Technique) ผู้จัดท าเลือกใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายและเหมาะสมกับเรื่องที่เรียน เช่น การตั้งค าถาม การยกตัวอย่าง การใช้สื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจ เพื่อส่งเสริมวิธีการสอนและรูปแบบการสอนให้มีประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้ให้ มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข สามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถฝึกทักษะการเรียนรู้และทักษะการปฏิบัติเกี่ยวกับงานต่าง ๆ ในศตวรรษที่ 21 ได้
โครงสร้างแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานวิทยา หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วิธีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 1. เทคโนโลยีกับชีวิต แผนที่ 1 สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผล ต่อการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยี แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) แผนที่ 2 ความสัมพันธ์ของ เทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) แผนที่ 3 การน าเทคโนโลยี ไปสร้างนวัตกรรม แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
าศาสตร์เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.3 เวลา 20 ชั่วโมง ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา (ชั่วโมง) ) 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการให้เหตุผล 3. ทักษะการแก้ปัญหา 4. ทักษะการสังเกต 5. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 6. ทักษะการท างานร่วมกัน 7. ทักษะการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 1.ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เทคโนโลยีกับชีวิต 2.ตรวจแบบฝึกหัด 3. ประเมินการน าเสนอผลงาน 4.สังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล 5.สังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม 6.สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน 2 ) 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการให้เหตุผล 3. ทักษะการแก้ปัญหา 4. ทักษะการสังเกต 5. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 6. ทักษะการท างานร่วมกัน 7. ทักษะการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 1.ตรวจใบงานที่ 1.2.1เรื่อง เทคโนโลยีกับ ศาสตร์ต่าง ๆ 2.ตรวจแบบฝึกหัด 3. ประเมินการน าเสนอผลงาน 4.สังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล 5.สังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม 6.สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน 2 ) 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการให้เหตุผล 3. ทักษะการแก้ปัญหา 4. ทักษะการสังเกต 5. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 6. ทักษะการท างานร่วมกัน 1.ตรวจแบบฝึกหัด 2. ประเมินการน าเสนอผลงาน 3.สังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล 4.สังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม 5.สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน 1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วิธีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 2. เทคโนโลยีกับการพัฒนา งานอาชีพภายในชุมชน หรือท้องถิ่น แผนที่ 1 ปัญหาหรือความต้องการ ภายในชุมชนหรือท้องถิ่น แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning แผนที่ 2 การใช้เทคโนโลยี ในการแก้ปัญหา แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning
ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา (ชั่วโมง) 7. ทักษะการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 6.ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เทคโนโลยีกับชีวิต 7.ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง เทคโนโลยีและนวัตกรรม g) 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการให้เหตุผล 3. ทักษะการแก้ปัญหา 4. ทักษะการสังเกต 5. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 6. ทักษะการท างานร่วมกัน 7. ทักษะการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 1.ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เทคโนโลยีกับ การพัฒนางานอาชีพภายในชุมชนหรือ ท้องถิ่น 2.ตรวจแบบฝึกหัด 3. ประเมินการน าเสนอผลงาน 4.สังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล 5.สังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม 6.สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน 2 g) 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการให้เหตุผล 3. ทักษะการแก้ปัญหา 4. ทักษะการสังเกต 5. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 6. ทักษะการท างานร่วมกัน 7. ทักษะการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 1. ตรวจแบบฝึกหัด 2. ประเมินการน าเสนอผลงาน 3.สังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล 4.สังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม 5.สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน 6.ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เทคโนโลยีกับ การพัฒนางานอาชีพภายในชุมชนหรือ ท้องถิ่น 7.ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การพัฒนางานอาชีพภายในชุมชน หรือท้องถิ่นโดยใช้เทคโนโลยี 2
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วิธีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 3. วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และความรู้ ในการแก้ปัญหาหรือ พัฒนางาน แผนที่ 1 ความรู้เกี่ยวกับวัสดุ ส าหรับการพัฒนาชิ้นงาน แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) แผนที่ 2 อุปกรณ์และเครื่องมือช่าง พื้นฐานในการแก้ปัญหา และสร้างชิ้นงาน แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) แผนที่ 3 ความรู้ในการแก้ปัญหา หรือพัฒนาชิ้นงาน แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning
ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา (ชั่วโมง) ) 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการให้เหตุผล 3. ทักษะการแก้ปัญหา 4. ทักษะการสังเกต 5. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 6. ทักษะการท างานร่วมกัน 7. ทักษะการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 1.ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และความรู้ในการแก้ปัญหา หรือพัฒนางาน 2. ตรวจใบงานที่ 3.1.1 เรื่อง ส ารวจวัสดุ ภายในบ้าน 3.ตรวจแบบฝึกหัด 4. ประเมินการน าเสนอผลงาน 5.สังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล 6.สังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม 7.สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน 1 ) 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการให้เหตุผล 3. ทักษะการแก้ปัญหา 4. ทักษะการสังเกต 5. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 6. ทักษะการท างานร่วมกัน 7. ทักษะการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 1.ตรวจแบบฝึกหัด 2. ประเมินการน าเสนอผลงาน 3.สังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล 4.สังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม 5.สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน 1 g) 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการให้เหตุผล 3. ทักษะการแก้ปัญหา 4. ทักษะการสังเกต 5. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 6. ทักษะการท างานร่วมกัน 1. ตรวจใบงานที่ 3.3.1 เรื่อง กลไก ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 2.ตรวจแบบฝึกหัด 3. ประเมินการน าเสนอผลงาน 4.สังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล 5.สังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม 2
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วิธีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 4. การแก้ปัญหาชุมชน หรือท้องถิ่นด้วย กระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม แผนที่ 1 กระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรมกับ การแก้ปัญหาชุมชน หรือท้องถิ่น แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning)
ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา (ชั่วโมง) 7. ทักษะการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 6.สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน 7.ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และความรู้ในการแก้ปัญหา หรือพัฒนางาน 8.ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การพัฒนาชิ้นงานเพื่อแก้ปัญหา โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการให้เหตุผล 3. ทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ 4. ทักษะการแก้ปัญหา 5. ทักษะการสังเกต 6. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 7. ทักษะการท างานร่วมกัน 8. ทักษะการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 9. ทักษะการสืบค้นข้อมูล 1.ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การแก้ปัญหาชุมชน หรือท้องถิ่นด้วยกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม 2.ตรวจใบงานที่ 4.1.1 เรื่อง การระบุปัญหา 3.ตรวจใบงานที่ 4.1.2 เรื่อง การรวบรวม ข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง 4.ตรวจใบงานที่ 4.1.3 เรื่อง การออกแบบ วิธีการแก้ปัญหา 5.ตรวจใบงานที่ 4.1.4 เรื่อง การวางแผน และด าเนินการแก้ปัญหา 6. ประเมินการน าเสนอผลงาน 7.สังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล 8.สังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม 9.สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน 4
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วิธีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ แผนที่ 2 กรณีศึกษาการน า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปพัฒนา ชุมชน แบบอุปนัย (Induction)
ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา (ชั่วโมง) 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการให้เหตุผล 3. ทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ 4. ทักษะการแก้ปัญหา 5. ทักษะการสังเกต 6. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 7. ทักษะการท างานร่วมกัน 8. ทักษะการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 9. ทักษะการสืบค้นข้อมูล 1. ตรวจแบบฝึกหัด 2. ประเมินการน าเสนอผลงาน 3.สังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล 4.สังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม 5.สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน 6.ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การแก้ปัญหาชุมชน หรือท้องถิ่นด้วยกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม 7.ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การแก้ปัญหาชุมชนหรือท้องถิ่น ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 3
ตารางวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด/ ความสนใจ รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ล าดับ ชื่อ-สกุล ความถนัด/ความ สนใจ หมายเหตุ 3 2 1 0 1 เด็กชายกมลภพ ต้นสวรรค์ 2 เด็กชายกฤตมุข ภู่เชี่ยวชาญวิทย์ 3 เด็กชายจรัลชัย หลับด้วง 4 เด็กชายจักรพัฒน์ ปิตะมะหะ 5 เด็กชายเจตรินทร์ เรณโร 6 เด็กชายชวิน อรุณเมฆ 7 เด็กชายไชยวัฒน์ ชูไทย 8 เด็กชายณฐพงษ์ พระจ ารงค์ 9 เด็กชายณัฐพร บ ารุงวงค์ 10 เด็กชายณัฐวุฒิ ศรีเทพ 11 เด็กชายธีรเดช เปรมกลั่น 12 เด็กชายนิติธร ทิพย์เดช 13 เด็กชายปฏิภาน ด ารัส 14 เด็กชายปรเมศวร์ แก้วศรี 15 เด็กชายพงศ์ภรณ์ แก้วทิมบุตร 16 เด็กชายพจน์ชระ ปานชู 17 เด็กชายภัสสกร วงค์เดช 18 เด็กชายภูตะวัน แช่มไล่
19 เด็กชายภูมิพัฒน์ ฉิมภักดี 20 เด็กชายเมธาพร ขจร 21 เด็กชายรัตภูมิ ช่วยศรี 22 เด็กชายวิชชากร รามแก้ว 23 เด็กชายอภิรักษ์ ขวัญเทพ 24 เด็กหญิงกรกนก ทิพย์พิมล 25 เด็กหญิงกันตา ศรีนุ้ย 26 เด็กหญิงกัลยารัตน์ ปิตะมะหะ 27 เด็กหญิงฐานิตา คีรีรักษ์ 28 เด็กหญิงณัฐณิชา นวลละออง 29 เด็กหญิงดวงกมล รักนาควน 30 เด็กหญิงธิติมา ชนะ 31 เด็กหญิงนภสร วราชัย 32 เด็กหญิงปุณญาพร เจียงพุทซา 33 เด็กหญิงพัชริดา ณะเสน 34 เด็กหญิงภัทรวดี สายเเก้ว 35 เด็กหญิงเยาวดี วิเชียร 36 เด็กหญิงโศภิตา เพ็งสมมุติ 37 เด็กหญิงสุชานันท์ แสงเดือน 38 เด็กหญิงสุดารัตน์ รักษา 39 เด็กหญิงโสภิดา สังข์คร 40 เด็กหญิงอาภาภัทร รัตนชัย
ระดับ 3 มีความถนัด/ความสนใจ มากที่สุด ระดับ 2 มีความถนัด/ความสนใจ มาก ระดับ 1 มีความถนัด/ความสนใจ น้อย ระดับ 0 มีความถนัด/ความสนใจ ไม่ถนัดเลย
ตารางวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด/ ความสนใจ รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 ล าดับ ชื่อ-สกุล ความถนัด/ความ สนใจ หมายเหตุ 3 2 1 0 1 เด็กชายกมลเทพ เนตรรุ่ง 2 เด็กชายกัณติพันธ์ สุวรรณ์สอาด 3 เด็กชายณรงค์ชัย บุญขวัญ 4 เด็กชายณัฐพล จันทร์ทิพย์ 5 เด็กชายณัฐวุฒิ ลิ่มพิกุล 6 เด็กชายณัฐวุฒิ ศรประสิทธิ์ 7 เด็กชายธนกฤต โทแก้ว 8 เด็กชายธนพงศ์ ศรีสมทรัพย์ 9 เด็กชายธนัชพร แสงตาขุน 10 เด็กชายธีรเกียรติ ศรีรักษา 11 เด็กชายธีรภัทร พรมมาก 12 เด็กชายธีรภัทร ราชอ าไพ 13 เด็กชายนพรัตน์ จันทะวงค์ 14 เด็กชายบรรชา กรุณา 15 เด็กชายปรเมษฐ์ จรูญรักษ์ 16 เด็กชายพิชญะ วิเศษสมบัติ 17 เด็กชายวัชรศักดิ์ สัมพันธ์
18 เด็กชายวีรวัฒน์ โสดา 19 เด็กชายศุภชัย เพชรขุ้ม 20 เด็กชายสมพงศ์ จิตราภิรมย์ 21 เด็กชายสหรัฐ แต่งคูหา 22 เด็กชายอดิเทพ หงษ์จันทร์ 23 เด็กชายอโนชา ศรีใย 24 เด็กชายอภิชาติ สัมพันธ์ 25 เด็กหญิงกัญญาภัค ข าช่วย 26 เด็กหญิงกัญญาวีร์ ถาพร 27 เด็กหญิงจุฑารัตน์ เพชรรัตน์ 28 เด็กหญิงญาณิศา พัฒนะ 30 เด็กหญิงนันทนา ชูมนต์ 31 เด็กหญิงบุญสิตา บัวตุ๋ย 32 เด็กหญิงปณิศา พันธ์สุวรรณ์ 33 เด็กหญิงปริณดา แสงจ านงค์ 34 เด็กหญิงปุณยาพร พิษนาค 35 เด็กหญิงพัทธนันท์ สุขเชื้อ 36 เด็กหญิงภาสินี หิรัญเรือง 37 เด็กหญิงวนัชพร เกิดด้วง 38 เด็กหญิงวัลลภา ภูวะกง 39 เด็กหญิงศิรินาถ ศรีใย 40 เด็กหญิงสิริรัฐ ภูหญ้า
ระดับ 3 มีความถนัด/ความสนใจ มากที่สุด ระดับ 2 มีความถนัด/ความสนใจ มาก ระดับ 1 มีความถนัด/ความสนใจ น้อย ระดับ 0 มีความถนัด/ความสนใจ ไม่ถนัดเลย
ตารางวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด/ ความสนใจ รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/3 ล าดับ ชื่อ-สกุล ความถนัด/ความ สนใจ หมายเหตุ 3 2 1 0 1 เด็กชายกฤษณะ พุทธศิริ 2 เด็กชายกฤษติกร ช านินวล 3 เด็กชายกวินท์ จิโน 4 เด็กชายจักรกฤต ไชยสินธุ์ 5 เด็กชายจิรเมธ แก้วสิงขรณ์ 6 เด็กชายจิรานุวัฒน์ ชูช่วย 7 เด็กชายณัฐชนน ชาญเดช 8 เด็กชายณัฐภูมิ คงวุฒิ 9 เด็กชายณัฐศักดิ์ ศรีรักษา 10 เด็กชายเตชภณ ศรีนิล 11 เด็กชายนภัทดิสร ยืนยง 12 นายนันทพัทธ์ ครุฑมาก 13 เด็กชายปวริศ ฤทธิกุล 14 เด็กชายพงศ์พิพัฒน์ อุดมศรี 15 เด็กชายพลกฤต ทองแป้น 16 เด็กชายพัสกร ทองสัมฤทธิ์ 17 เด็กชายรพีพล ศรีไทย
18 เด็กชายรัฐภูมิ ไกรวงศ์ 19 เด็กชายวุฒิพงษ์ วงศ์แฝด 20 เด็กชายสหรัถ เดชะ 21 เด็กชายสุรจิตร์ พลรบ 22 เด็กชายอดิเทพ ศรีรักษา 23 เด็กชายอนันทวุฒิ พ่วงฟู 24 เด็กหญิงกัญญาวี ทับเมือง 25 เด็กหญิงกัญณิการ์ ปลีสนิท 26 เด็กหญิงกันต์กมล มาทัพ 27 เด็กหญิงเกสรา นพฤทธิ์ 28 เด็กหญิงจันแก้ว แอบมณี 30 เด็กหญิงณัฐฐ์วรีย์ บุญเมือง 31 เด็กหญิงปริยาภัทร ค าสวัสดิ์ 32 เด็กหญิงปาริชาติ เถาว์ราม 33 เด็กหญิงพรพิมล มินทอง 34 เด็กหญิงพัชราภา ทองจันทร์ 35 เด็กหญิงแพรวา รอดโหม้ง 36 เด็กหญิงภัทรวดี อินคง 37 เด็กหญิงวิดามล พิบูลย์ 38 เด็กหญิงศิริประภา สมน้อย 39 เด็กหญิงโศธิดา โอภาสะ
ระดับ 3 มีความถนัด/ความสนใจ มากที่สุด ระดับ 2 มีความถนัด/ความสนใจ มาก ระดับ 1 มีความถนัด/ความสนใจ น้อย ระดับ 0 มีความถนัด/ความสนใจ ไม่ถนัดเลย
ตารางวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด/ ความสนใจ รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4 ล าดับ ชื่อ-สกุล ความถนัด/ความ สนใจ หมายเหตุ 3 2 1 0 1 เด็กชายกฤตภาส สุขอุ่น 2 เด็กชายเกียรติศักดิ์ มงคลนิมิตร 3 เด็กชายค ารณ พรมมาก 4 เด็กชายเจตนิพัทธ์ วิชิต 5 เด็กชายธนพล เจริญคุณ 6 เด็กชายปกรณ์ ช่วยศรี 7 เด็กชายปิติ หลีดลหมาน 8 เด็กชายพีรภาส ชูประเสริฐ 9 เด็กชายรวีโรจน์ รักมาศ 10 เด็กชายรัชชานนท์ พหลภักดี 11 เด็กชายสิรดนัย สอนรัตน์ 12 เด็กหญิงกมลวรรณ พิทักษ์เเทน 13 เด็กหญิงกัญญาพัชร แก้วดี 14 เด็กหญิงเกวลิน แก้วนพคุณ 15 เด็กหญิงจันทิมา บุญกลาง 16 เด็กหญิงจีราพรรณ พลภักดี 17 เด็กหญิงจุฬาลักษณ์ วิเชียร
18 เด็กหญิงชนากานต์ แก้วภูชงค์ 19 เด็กหญิงชนิกานต์ ช่วยชนะ 20 เด็กหญิงชษิตา จิตรอมร 21 เด็กหญิงณัฐณิชา สงเคราะห์ 22 เด็กหญิงธัญพิชชา หวันดีน 23 เด็กหญิงนุชนาถ ศรีรักษา 24 เด็กหญิงเนาวลักษณ์ จันทะวงค์ 25 เด็กหญิงบัณฑิตา ชูขาว 26 เด็กหญิงปุณภา ทองเสน 27 เด็กหญิงพวงเพชร วิจิตร์ 28 เด็กหญิงพัณณ์ชิตา ศรีพิทักษ์ 30 เด็กหญิงรัชฎาภรณ์ วงษ์สินธุ์ 31 เด็กหญิงวรัณญ์ธร วงศ์สวัสดิ์ 32 เด็กหญิงวริศรา แก้วบัวทอง 33 เด็กหญิงศุภกานต์ เย็นใจ 34 เด็กหญิงสวรรยา ค าเกิด 35 เด็กหญิงสุทธิดา พิทักษ์ 36 เด็กหญิงสุวภัทร ครุฑมาก 37 เด็กหญิงอภาวดี สงพัฒน์แก้ว 38 เด็กหญิงอริณษิตา แจ้งอักษร
ระดับ 3 มีความถนัด/ความสนใจ มากที่สุด ระดับ 2 มีความถนัด/ความสนใจ มาก ระดับ 1 มีความถนัด/ความสนใจ น้อย ระดับ 0 มีความถนัด/ความสนใจ ไม่ถนัดเลย ตารางวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล เกี่ยวกับความถนัด/ ความสนใจ รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5
ล าดับ ชื่อ-สกุล ความถนัด/ความ สนใจ หมายเหตุ 3 2 1 0 1 เด็กชายณฐกร แซ่เฮง 2 เด็กชายณัฐภูมินทร์ ศรีรักษา 3 เด็กชายทินภัทร นิลทัพ 4 เด็กชายธันฐกรณ์ ชนะแก้ว 5 เด็กชายนนทพัทธ์ สุลเม็ต 6 เด็กชายนฤสรณ์ ศรีสวัสดิ์ 7 เด็กชายปิยะภูมิ คงประสิทธิ์ 8 เด็กชายพงศกร โสขะ 9 เด็กชายมินคะนาย พม่า 10 เด็กชายวชิรวิทย์ มุขตา 11 เด็กชายอภิมงคล บุญทองแก้ว 12 เด็กชายอภิสิทธิ์ ศรีสวัสดิ์ 13 เด็กหญิงกรกนก เสนทอง 14 เด็กหญิงกัญญ์วรา ชูพนม 15 เด็กหญิงกัญญารัตน์ แก้วนิคม 16 เด็กหญิงกัญญาวีร์ สมเพ็ชร 17 เด็กหญิงขวัญชนก พันธุ์สิน 18 เด็กหญิงเขมิกา ศรีใย
19 เด็กหญิงจิรัชญา กินนะศรี 20 เด็กหญิงณัฐชยา เพิกพิน 21 เด็กหญิงณิชกาญจน์ เอียดเกลี้ยง 22 เด็กหญิงนัดดา บุญกลับ 23 เด็กหญิงนันฑกานต์ เพชรประสิทธิ์ 24 เด็กหญิงนันท์นภัส เลื่อนสกุล 25 เด็กหญิงนันท์นภัส สุระกา 26 เด็กหญิงปาริฉัตร ลิ้มวิชิต 27 เด็กหญิงปิ่นอนงค์ บางคราม 28 เด็กหญิงปุณยาพร ฤทธิกัน 30 เด็กหญิงพิมภิการ์ ศรีรักษา 31 เด็กหญิงลินลินี จ าปี 32 เด็กหญิงสุธิมา แก้วทับทิม 33 เด็กหญิงสุธิมา แสงจง 34 เด็กหญิงสุมิตา ชูเชิด ระดับ 3 มีความถนัด/ความสนใจ มากที่สุด ระดับ 2 มีความถนัด/ความสนใจ มาก ระดับ 1 มีความถนัด/ความสนใจ น้อย ระดับ 0 มีความถนัด/ความสนใจ ไม่ถนัดเลย
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เทคโนโลยีกับชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี รหัสวิชา ว23103 เวลา 5 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการด ารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือ พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่างเหมาะสมโดยค านึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ว 4.1 ม.3/1 วิเคราะห์สาเหตุ หรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และ ความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือ คณิตศาสตร์ เพื่อเป็นแนวทางการแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1) เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีสาเหตุหรือปัจจัย มาจากหลายด้าน เช่น ปัญหาหรือความต้องการของมนุษย์ ความก้าวหน้าของศาสตร์ต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม 2) เทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ โดยวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน ความรู้ที่น าไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยี และเทคโนโลยีที่ได้สามารถเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ค้นคว้า เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ใหม่ 2.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น (พิจารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา) 3. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด ความต้องการของมนุษย์ก็คือ ความอยากได้ ซึ่งเมื่อมนุษย์เกิดความอยากได้ จึงต้องพยายาม ดิ้นรนหาสิ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการนั้น ๆ เมื่อร่างกายได้รับการตอบสนองแล้วก็จะเกิด ความต้องการใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทน ดังนั้น ความต้องการของมนุษย์จึงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้น ความต้องการของมนุษย์ยังท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ คือ การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงด้านสังคม การเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรม และการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีเป็นวิทยาการที่เกิดขึ้นจากการน าความรู้ด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์และ คณิตศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา ปัจจุบันมีการน าเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในทุกภาคส่วน ดังนั้น เทคโนโลยีจึงเกี่ยวข้องกับการน าความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ มาประกอบกับความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และ คณิตศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอาชีพต่าง ๆ ในชุมชนอย่างสร้างสรรค์ และ เทคโนโลยีที่ได้จาก การพัฒนาสามารถเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ใหม่และนวัตกรรมใหม่ อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองต่อตลาดแรงงาน โดยมุ่งส่งเสริมเทคโนโลยีพื้นฐานทั้ง 4 ด้าน
ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีวัสดุศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี สารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัล 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการให้เหตุผล 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทักษะการแก้ปัญหา - ทักษะการสังเกต - ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะการท างานร่วมกัน 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 1. มีวินัย รับผิดชอบ 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท างาน 5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง เทคโนโลยีกับชีวิต 6. การวัดและการประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 6.1 การประเมินก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เทคโนโลยีกับชีวิต - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - แบบทดสอบ ก่อนเรียน ประเมินตามสภาพจริง 6.2 การประเมินระหว่างการจัด กิจกรรม 1) สาเหตุหรือปัจจัย ที่ส่งผลต่อ การเปลี่ยนแปลง ของเทคโนโลยี - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) เทคโนโลยีกับศาสตร์ ต่าง ๆ - ตรวจใบงานที่ 1.2.1 - ใบงานที่ 1.2.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3) ความสัมพันธ์ของ เทคโนโลยีกับ ศาสตร์อื่น ๆ - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 4) การน าเทคโนโลยี ไปสร้างนวัตกรรม - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 5) การน าเสนอผลงาน - ประเมินการน าเสนอ ผลงาน - แบบประเมิน การน าเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 6) พฤติกรรมการท างาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท างาน รายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 7) พฤติกรรมการท างาน กลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การท างาน กลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 8) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการท างาน - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 6.3 การประเมินหลังเรียน 1) แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เทคโนโลยีกับชีวิต - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - แบบทดสอบ หลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง เทคโนโลยีกับชีวิต - ตรวจชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนท าแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เทคโนโลยีกับชีวิต
เรื่องที่ 1: สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เวลา 2 ชั่วโมง วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ขั้นที่1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครูถามค าถามส าคัญประจ าหัวข้อกับนักเรียนว่า “ในชุมชนที่นักเรียนอาศัยอยู่ มีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างไร เพราะเหตุใด” ขั้นที่ 2 ส ารวจค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน หรือตามความเหมาะสม เพื่อสืบค้นความหมายของค าว่า “เทคโนโลยี” และยกตัวอย่างเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ที่นักเรียนพบในชีวิตประจ าวัน จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาน าเสนอพร้อมอภิปรายบริเวณหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 2. นักเรียนศึกษาเนื้อหา เรื่อง ปัญหาหรือความต้องการของมนุษย์ จากหนังสือเรียน 3. นักเรียนสังเกตวัตถุดิบปรุงอาหารในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ที่แตกต่างกันจากหนังสือเรียน 4. นักเรียนสังเกตปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกษตรกร วิธีแก้ปัญหา และผลลัพธ์จากหนังสือเรียน 5. นักเรียนศึกษาเนื้อหา เรื่อง ความก้าวหน้าของศาสตร์ต่าง ๆ และการเปลี่ยนแปลง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวัฒนธรรมจากหนังสือเรียน 6. เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย และครูให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 7. ครูมอบหมายให้นักเรียนท ากิจกรรมฝึกทักษะจากแบบฝึกหัดและสุ่มนักเรียนออกมา น าเสนอบริเวณหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการณ์ตอบค าถามและการน าเสนอผลงานของนักเรียน 2. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับสาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยี ขั้นสรุป ขั้นน า ขั้นสอน
เรื่องที่ 2: ความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น เวลา 2 ชั่วโมง วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ขั้นที่1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครูถามค าถามส าคัญประจ าหัวข้อกับนักเรียนว่า “นักเรียนเคยเห็นตัวอย่างการน าเทคโนโลยี เข้าไปใช้แก้ปัญหาร่วมกับศาสตร์ใดบ้าง จงยกตัวอย่างพร้อมอธิบาย” ขั้นที่ 2 ส ารวจค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน หรือตามความเหมาะสม เพื่อสืบค้นว่ามีเทคโนโลยีใดบ้าง ที่น าเข้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ าวัน และให้นักเรียนส่งตัวแทนออกมาน าเสนอบริเวณ หน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 2. นักเรียนศึกษาเนื้อหา เรื่อง ความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์ ความสัมพันธ์ของ เทคโนโลยีกับคณิตศาสตร์ ความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับมนุษยศาสตร์ และความสัมพันธ์ ของเทคโนโลยีกับสังคมศาสตร์จากหนังสือเรียน 3. เปิดโอกาสให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ 4. จากนั้นครูเขียนค าว่า เทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีกับคณิตศาสตร์ เทคโนโลยีกับ มนุษยศาสตร์ และเทคโนโลยีกับสังคมศาสตร์ลงบนกระดานหน้าชั้นเรียน พร้อมให้นักเรียน ร่วมกันยกตัวอย่างเทคโนโลยีในชีวิตประจ าวันที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ โดยครูคอยบันทึก ค าตอบของนักเรียนลงบนกระดานหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 5. เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย และครูให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น 6. ครูมอบหมายให้นักเรียนท าใบงานที่ 1.2.1 เรื่อง เทคโนโลยีกับศาสตร์ต่าง ๆ 7. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน ออกมาน าเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อมกับอภิปรายร่วมกันในห้องเรียน ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบค าถามและการน าเสนอผลงานของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบผลการท างานที่ 1.2.1 เรื่อง เทคโนโลยีกับศาสตร์ต่าง ๆ 3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น 4. ครูมอบหมายให้นักเรียนท ากิจกรรมฝึกทักษะและท ากิจกรรม High Oder Thinking จาก แบบฝึกหัดเป็นการบ้านและน ามาส่งในชั่วโมงถัดไป ขั้นน า ขั้นสอน ขั้นสรุป
เรื่องที่ 3: การน าเทคโนโลยีไปสร้างนวัตกรรมใหม่ เวลา 1 ชั่วโมง วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ขั้นที่1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครูถามค าถามส าคัญประจ าหัวข้อว่า “นักเรียนคิดว่า เทคโนโลยีใหม่ด้านใด สามารถแก้ปัญหา ในชุมชนหรือท้องถิ่นของนักเรียนได้ เพราะอะไร” ขั้นที่ 2 ส ารวจค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน หรือตามความเหมาะสม เพื่อสืบค้นว่าปัจจุบันมีเทคโนโลยี ใหม่ ๆ ประเภทใดบ้างที่นักเรียนสามารถพบในชีวิตประจ าวัน และเทคโนโลยีเหล่านั้นช่วยให้ เกิดประโยชน์อย่างไร จากนั้นครูสุ่มนักเรียนออกมาตอบค าถามบริเวณหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 2. นักเรียนศึกษาเนื้อหา เรื่อง การน าเทคโนโลยีไปสร้างนวัตกรรมใหม่จากหนังสือเรียน ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 3. เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย และครูให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น 4. ให้นักเรียนท ากิจกรรมฝึกทักษะและท ากิจกรรม High Oder Thinking จากแบบฝึกหัด และ สุ่มนักเรียน 2-3 คนออกมาตอบค าถามบริเวณหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการณ์ตอบค าถามและการน าเสนอผลงานของนักเรียน 2. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับการน าเทคโนโลยีไปสร้างนวัตกรรมใหม่ 3. นักเรียนท ากิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหา โดยให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ (Design Activity) และบันทึกลงในสมุดประจ าตัว 4 นักเรียนแต่ละคนท าแบบฝึกหัด (Unit Activity) จากหนังสือเรียนเพื่อทบทวนความรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาทักษะการคิดของผู้เรียนโดยการตอบค าถามลงในสมุดประจ าตัว 5. ครูให้นักเรียนตรวจสอบระดับความสามารถของตนเองจากหนังสือเรียน โดยพิจารณาข้อความ ว่าถูกหรือผิด หากนักเรียนพิจารณาข้อความไม่ถูกต้องให้นักเรียนกลับไปทบทวนเนื้อหา ตามหัวข้อที่ก าหนดให้ 6. นักเรียนท าแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เทคโนโลยีกับชีวิต หรือท า แบบทดสอบ (Unit Test) จากแบบฝึกหัด เพื่อวัดความรู้ที่นักเรียนได้รับหลังจากผ่าน การเรียนรู้ 7. นักเรียนท าชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง เทคโนโลยีกับชีวิต และน ามาส่งในชั่วโมงถัดไป ขั้นน า ขั้นสอน ขั้นสรุป