48 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา - to become short of space: Many gardeners who are short of space will use plant pots. Phrasal verbs 1. ให้นักเรียนศึกษากริยาวลีที่ขึ้นต้นด้วยตัว B ใน Appendix 2 (Phrasal Verbs) ในหนังสือเรียน หน้า 141 จากนั้นครูให้นักเรียนปิดหนังสือเรียน แล้วช่วยกันบอกว่ากริยาวลีที่มาจากคำกริยา break หรือ bring มี อะไรบ้าง ครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดาน แล้วให้นักเรียนบอกความหมายด้วยการยกตัวอย่าง ประโยค ต่อมาครูและนักเรียนศึกษาตัวอย่างคำตอบที่ให้มาในข้อ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 10 Ex.13a ร่วมกับนักเรียน เพื่อเป็นตัวอย่าง แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่ทำแบบฝึกหัดข้อที่เหลือ เสร็จแล้วจึงตรวจคำตอบร่วมกัน ครูแนะนำ ให้นักเรียนจดจำวลีเหล่านี้ 1. stopped working = broken down 2. released = brought out 3. finish = break up 4. raised = brought up 5. entered by force = broke in 6. began suddenly = broke out 7. makes me recall = brings back 8. ended = broke off 2. ครูให้นักเรียนเล่นเกมในหนังสือเรียน หน้า 10 Ex.13b โดยให้นักเรียนแต่ละคนเลือก phrasal verb มาคน ละ 1 วลี แล้ววาดภาพ จากนั้นครูแบ่งนักเรียนเป็น 2 ทีม ครูแสดงภาพดังกล่าวให้นักเรียนดู ทีละภาพ ทีม ที่ทายคำตอบถูกจะได้ 1 คะแนน ครูให้นักเรียนเล่นเกมไปเรื่อยๆ จนแสดงภาพของนักเรียนครบทุกคน ทีมที่ ได้คะแนนมากที่สุดจะเป็นทีมที่ชนะ Team A S1: The computer has broken up. T: No, it hasn’t. Team B S1: The computer has broken down. T: Correct. One point for team B.
49 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Word formation ครูและนักเรียนศึกษาข้อมูลในหนังสือเรียน หน้า 10 หัวข้อ Tip ร่วมกัน อ่านชื่อเรื่องของบทอ่าน เพื่อให้ได้แนวคิดว่าบทอ่านนั้นมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร จากนั้นอ่าน เนื้อเรื่องอย่างรวดเร็ว 1 รอบ และตัดสินใจว่าคำที่ขาดหายไปในแต่ละช่องว่างในเนื้อเรื่อง น่าจะเป็นคำชนิดใด เช่น คำนาม คำกริยา หรือคำกริยาวิเศษณ์ และอยู่ในรูปใด เช่น รูป พหูพจน์ หรือมีความหมายในเชิงลบ โดยให้คิดคำ prefixes และ suffixes ที่จะนำมาเติมราก ศัพท์ที่ให้มา เสร็จแล้วจึงให้นักเรียนเติมคำในช่องว่างที่หายไป และตรวจทานเรื่องการสะกด คำ แล้วจึงอ่านเนื้อเรื่องทั้งหมด อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าคำที่นักเรียนเติมลงไปนั้น มีความหมายเหมาะสมหรือไม่ จากนั้นให้นักเรียนทำกิจกรรมขั้นก่อนอ่าน โดยอ่านชื่อเรื่องและดูรูปภาพประกอบบทอ่านในหนังสือเรียน หน้า 10 Ex.14 แล้วถามนักเรียนว่าถ้าจะบุกรุกเข้าไปในบ้านที่นักเรียนเห็นในรูปภาพ จะเข้าไปทางไหนได้ บ้าง เช่น through the window, climbing onto the balcony, getting in through the door เป็นต้น จากนั้นครูถามนักเรียนว่าจะป้องกันขโมยไม่ให้เข้ามาในบ้านของเราได้อย่างไร T: What can we do to protect our houses from burglars? Ss: put locks on the doors/windows, have an alarm system installed, etc ต่อมาให้นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องอย่างรวดเร็ว โดยใช้เทคนิคการอ่านแบบ skimming เพื่อหาว่าบทอ่านนี้มี เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องอะไร ครูอธิบายว่าคำศัพท์ที่ให้มาด้านขวามือสุด เป็นรากศัพท์ของคำที่ขาดหายไปของแต่ละช่องว่างในเนื้อเรื่อง จากนั้นครูอ่านเนื้อเรื่องจนถึงตัวอย่างคำตอบข้อ 0 ที่ให้มา และให้นักเรียนระบุว่า unfortunately เป็นคำชนิดใด จนได้คำตอบว่าเป็น adverb แล้วจึงทำข้อ 1 ร่วมกัน โดยครูกระตุ้นถามเพื่อให้นักเรียนคิดเกี่ยวกับคำที่ขาดหายไป ดังนี้ T: Is it a verb? Ss: No, the sentence has got a verb – ‘happens’. T: Is it an adjective? Ss: No, there is no noun after it. T: Is it an adverb? Ss: Yes, it is. T: How do we normally form adverbs? Ss: By adding -ly to the adjective. T: What is the missing word, then? Ss: annually ครูเขียนคำตอบของข้อ 1 บนกระดาน และทำวิธีการเช่นเดียวกันนี้กับข้อที่เหลือ เมื่อได้คำตอบครบทุกข้อ ครูสุ่มเรียกนักเรียนให้อ่านบทอ่านที่เติมคำสมบูรณ์แล้ว
50 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 1. annually 2. protection 3. security 4. installation 5. unable 6. preventative 7. neighbourhood 8. effective 9. burglaries 10. valuable ให้นักเรียนทำกิจกรรมขั้นหลังอ่าน โดยให้นักเรียนทำงานคู่ ช่วยกันออกแบบแผ่นพับ/ใบปลิวในหัวข้อ How to burglarproof your home นักเรียนสามารถใส่ภาพประกอบและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในแผ่นพับ/ ใบปลิวของนักเรียนได้ ให้นักเรียนทำตารางในสมุดแบ่งเป็น 5 คอลัมน์ครูเขียนหัวข้อบนกระดาน verb, noun (person), noun (abstract), adjective, adverb และให้นักเรียนลอกใส่ลงในตารางในสมุดของตนเอง แล้วเติมตารางด้วยคำ ที่พิมพ์ตัวหนาจาก Ex.14 จากนั้นนักเรียนหาคำศัพท์ที่มาจากรากศัพท์เดียวกัน เติมลงในตาราง โดยครูให้นักเรียนเพิ่มเติมข้อมูลใน ตารางนี้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ VERB NOUN (person) NOUN (abstract) ADJECTIVE ADVERB - - fortune (un)fortunate (un)fortunately - - annual annual annually protect protector protection protective protectively secure - security secure/securable securely install installer installation installed - - - (in)ability (un)able ably prevent - prevention/preventability preventative/(un)preventable - - neighbour neighbourhood neighbouring neighbourly effect - effect/effectiveness effective effectively burgle burglar burglary burgled - value valuer value (in)valuable/valued valuably กิจกรรมเพิ่มเติม
51 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา แบบฝึกหัด หน้า 5 Exs. 6, 8 และหน้า 38-44 Exs. 1-12 (ดูเฉลยภาคผนวก C) Grammar reference: • Present simple and present continuous เราใช้ present simple ในกรณีต่อไปนี้ - เป็นข้อเท็จจริงและเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นถาวร ตัวอย่างเช่น Frank works for an insurance company. - ข้อเท็จจริงทั่วๆ ไป และกฎตามธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น Oil floats on water. - นิสัยและกิจวัตรประจำวัน (ใช้ร่วมกับ always, usually etc) ตัวอย่างเช่น She usually goes to the supermarket on Thursdays. - ตารางเวลาและโปรแกรม (ในอนาคต) ตัวอย่างเช่น His flight arrives at six o’clock tomorrow morning. - การวิจารณ์การแข่งขันกีฬา การวิจารณ์ และการเล่าเรื่อง ตัวอย่างเช่น Beckham wins the ball, crosses and Owen scores. - ความรู้สึกและอารมณ์ ตัวอย่างเช่น I love Venice, it’s a beautiful city. คำ/วลีบ่งบอกเวลาที่ใช้ร่วมกับ present simple ได้แก่ usually, often, always, every day/ week/month/year etc, in the morning/afternoon/evening, at night/the weekend, on Fridays, etc เราใช้ present continuous (to be + verb -ing) ในกรณีต่อไปนี้ - สำหรับการกระทำที่เกิดขึ้นในขณะที่หรือในช่วงเวลาที่พูด ตัวอย่างเช่น The kids are watching a video in the living room. - สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถาวร ตัวอย่างเช่น We are decorating the kitchen this week. - การจัดการที่แน่นอนแล้วในอนาคตอันใกล้ ตัวอย่างเช่น I’m going to a party at Jack’s house tonight. - สถานการณ์ที่กำลังพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น The sea is becoming more and more polluted. - ใช้ร่วมกับคำกริยาวิเศษณ์ เช่น always เพื่อแสดงความโกรธหรือความขุ่นเคืองใจกับการกระทำที่ เกิดขึ้นซ้ำๆ ตัวอย่างเช่น She is always talking on the phone when I want to use it.
52 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา คำ/วลีบ่งบอกเวลาที่ใช้ร่วมกับ present continuous ได้แก่now, at the moment, at present, these days, nowadays, still, today, tonight เป็นต้น • Stative verbs Stative verbs คือ คำกริยาที่แสดงสภาวะ ไม่ได้แสดงการเคลื่อนไหวหรือการกระทำ ดังนั้นโดยปกติ แล้วจึงไม่อยู่ในรูป continuous tense คำกริยาเหล่านี้ ได้แก่ - คำกริยาที่แสดงประสาทสัมผัส (senses) ได้แก่ see, hear, smell, taste, feel, look, sound, seem, appear เป็นต้น ตัวอย่างเช่น The material feels really soft. - คำกริยาที่แสดงการรับรู้ (perception) ได้แก่ know, believe, understand, realise, remember, forget เป็นต้น ตัวอย่างเช่น I know exactly what she means. - คำกริยาที่แสดงความรู้สึกและอารมณ์(feelings and emotions) ได้แก่ like, love, hate, prefer, detest, desire, want เป็นต้น ตัวอย่างเช่น Helen enjoys going to the theatre. - คำกริยาอื่นๆ ได้แก่ be, contain, include, belong, fit, need, matter, cost, own, want, owe, weigh, wish, have, keep เป็นต้น ตัวอย่างเช่น That jumper she bought me doesn’t fit very well. โดยคำกริยาเหล่านี้บางคำสามารถทำให้อยู่ในรูป continuous tenses ได้ แต่ความหมายจะ เปลี่ยนแปลงไป Present simple Present continuous THINK I think she’s a very good teacher. (= เชื่อ) We are thinking about going on holiday. (= กำลังพิจารณา) HAVE He has hundreds of toys. (= เป็นเจ้าของ) I am having a great time. (= กำลัง ประสบ) She is having a shower. (= taking) We are having dinner. (= eating) SEE I can see our house from up here. (= มองเห็น) I see what you mean. (= understand) I’m seeing the optician at ten o’clock. (= กำลังจะไปพบ)
53 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา TASTE The dessert tastes delicious. (= มีรส) Bill is tasting the curry to see if it is spicy enough. (= กำลังชิม) SMELL The food smells very good. (= มีกลิ่น) She is smelling the flowers. (= กำลังดม) APPEAR He appears to know what he’s doing. (= ดูเหมือน) She is appearing in a play at the Grand. (= กำลังแสดง) FIT The dress fits her perfectly. (= มีขนาดพอดี) Mike is fitting a new lock on the door. (= กำลังติดตั้ง) หมายเหตุ: - คำกริยา enjoy สามารถใช้ในรูป continuous tenses ได้ เพื่อแสดงความชอบที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น Doug really enjoys going to the theatre. (general preference) BUT: She’s enjoying the party very much. (specific preference) - คำกริยา look (เมื่อกล่าวถึงรูปร่างของคน) feel (มีความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่ง) hurt และ ache สามารถใช้ใน simple/continuous tenses โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยน ตัวอย่างเช่น I feel very happy. = I am feeling very happy. • Adverbs of frequency ได้แก่ always, frequently, often, once, twice, sometimes, never, usually, ever, hardly ever, rarely, occasionally เป็นต้น - โดยปกติแล้ว ตำแหน่งของคำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่เหล่านี้จะวางอยู่หน้ากริยาหลักของประโยค ตัวอย่างเช่น I rarely drive to work. I hardly ever go to the theatre. - แต่ถ้าประโยคนั้นมี verb to be หรือกริยาช่วย ให้วางคำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ไว้หลัง verb to be หรือกริยาช่วย ตัวอย่างเช่น Janet is often late for meetings. I have always wanted to go to Cuba. • Present perfect เราใช้ present perfect (have + past participle) ในกรณีต่อไปนี้
54 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา - การกระทำซึ่งเกิดขึ้นในอดีต ไม่ระบุเวลาที่แน่นอน โดยเน้นที่การกระทำ เกิดขึ้นเมื่อไร ไม่สำคัญหรือไม่รู้ ตัวอย่างเช่น I have washed the car. Mary has been to Italy twice. - การกระทำซึ่งเริ่มขึ้นในอดีตและดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะกับคำกริยาแสดง สภาวะ (stative verbs) เช่น be, have, like, know เป็นต้น ตัวอย่างเช่น I have known her for six years. - การกระทำที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อเร็วๆ นี้ ตัวอย่างเช่น I have finished my geography essay. - ประสบการณ์หรือการเปลี่ยนแปลงส่วนบุคคล ตัวอย่างเช่น She has dyed her hair. คำ/วลีบ่งบอกเวลาที่ใช้ร่วมกับ present perfect ได้แก่ for, since, already, always, just, ever, never, so far, today, this week/month etc, how long, lately, recently, still (in negations), etc. • Present perfect continuous เราใช้ present perfect continuous (have + been +verb -ing) ในกรณีต่อไปนี้ - เน้นช่วงเวลาของการกระทำซึ่งเริ่มต้นในอดีตและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น We have been cleaning the house all morning. - สำหรับการกระทำซึ่งเริ่มต้นในอดีตและสิ้นสุดลงในเวลาใดเวลาหนึ่ง การกระทำอาจจะยังดำเนิน อยู่หรือเสร็จสิ้นลงเรียบร้อยแล้ว โดยผลของการกระทำยังคงเห็นได้อยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น He’s tired because he has been working really hard recently. - เพื่อแสดงความโกรธ ขุ่นเคือง หรือรำคาญ ตัวอย่างเช่น She has been using my computer without asking me. - การกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น She has lost weight because she has been going to the gym every night after work. คำ/วลีบ่งบอกเวลาที่ใช้ร่วมกับ present perfect continuous ได้แก่ for, since, How long ...?, all day/morning/month etc, lately, recently หมายเหตุ: คำกริยาต่อไปนี้ live, work, teach และ feel สามารถใช้ร่วมกับ present perfect หรือ present perfect continuous โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น He has lived/has been living in Liverpool for the last five years. • Prepositions of place Prepositions of place คือคำบุพบทซึ่งบอกตำแหน่งของบุคคลหรือสิ่งของ คำบุพบทเหล่านี้ ได้แก่
55 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา on/onto = บน/ไปยัง into = เข้าไปยัง out of = ออกจาก past =เลยผ่าน from = จาก to = ถึง, ไปถึง towards = ไปทาง under = ใต้, ข้างใต้ over = บนเหนือ through = ตลอด, ผ่านเข้าไป near = ใกล้ behind = ข้างหลัง in front of = ข้างหน้า along = ตาม across = ข้าม up = ขึ้นไป down = ลงไปตาม between = ระหว่าง
56 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Unit 1d Listening & Speaking skills 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมี เหตุผล ตัวชี้วัด 2. อ่านออกเสียง ข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้องตามหลักการอ่าน 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่ อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และ ข้อความที่ฟังหรืออ่าน 4. จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก การ ฟังและอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดีพร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม 3. พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ ในสถานการณ์จำลองหรือสถานการณ์จริงอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 1. เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตาม มารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Function: การแสดงความเห็นใจ
57 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Intonation: การแสดงความเห็นใจ • Language skills Listening: ฟังเพื่อจับใจความสำคัญ Speaking: พูดเกี่ยวกับการเลือกบ้านที่จะเช่า, พูดเรียกใช้บริการ, พูดแสดงความเห็นใจ 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการสังเกต 3.2.3 ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Listening 1. ครูบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ของ Unit 1d ว่าจะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการเรียกใช้บริการต่างๆ การ แสดงความเห็นใจ และการเช่าบ้าน 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 11 Ex.1 ว่านักเรียนจะได้ฟังบุคคล 5 คนพูดปัญหาเกี่ยวกับบ้านที่ พวกเขาพบ จากนั้นครูให้นักเรียนช่วยกันระดมสมองคิดว่าปัญหาต่างๆ ที่อาจพบเกี่ยวกับบ้านมีอะไรบ้าง เช่น noisy neighbourhood, broken window, leaking roof, no central heating, not enough room เป็นต้น ต่อมาให้นักเรียนอ่านปัญหา A-F และอธิบายว่านักเรียนจะต้องจับคู่ผู้พูด 1-5 กับปัญหาดังกล่าว โดยจะมี ปัญหาเกินมา 1 ข้อ ครูอธิบายว่านักเรียนควรตั้งใจฟังผู้พูดแต่ละคนอย่างระมัดระวัง และตัดสินใจเลือก คำตอบเมื่อได้ฟังผู้พูดทุกคนพูดจบแล้ว เพราะผู้พูดบางคนอาจให้ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดได้ เสร็จแล้วครูเปิด CD1/track 5 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟังและจับคู่ Speaker 1 – D Speaker 2 – F Speaker 3 – A Speaker 4 – E Speaker 5 – C กิจกรรมเพิ่มเติม
58 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ครูเปิด CD1/track 5 (หรือสแกน QR code) อีกครั้ง โดยหยุด CD หลังผู้พูดแต่ละคนพูดจบ และให้ นักเรียนจดคำที่เกี่ยวข้องกับปัญหาแต่ละปัญหาที่นักเรียนได้ยิน แล้วแต่งประโยคโดยใช้คำเหล่านี้ เช่น badly fitting window: double-glazing, feel the draught, gap, cold air comes in My house hasn’t got double-glazing. When the front door is open I can feel the draught in the lounge. In winter, cold air comes in underneath the back door. ในอีกทางเลือกหนึ่ง ครูให้นักเรียนพูดเกี่ยวกับปัญหาอื่นๆ เกี่ยวกับบ้านที่อาจพบ Deciding on a house 1. ครูอ่านชื่อหัวข้อย่อย (Deciding on a house) ในหนังสือเรียน หน้า 11 Ex.2a และให้นักเรียนช่วยกันบอก สถานที่ที่บทสนทนานี้น่าจะเกิดขึ้น เช่น at an estate agents, over the telephone, on the premises of a house to rent เป็นต้น จากนั้นครูเปิด CD1/track 6 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟังและตอบ คำถามอีกครั้ง In a house for rent. 2. ให้นักเรียนจับคู่กัน แล้วครูเปิด CD1/track 6 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟัง เพื่อเติมคำที่ขาด หายไปในบทสนทนา ในหนังสือเรียน หน้า 11 Ex.2b จากนั้นครูให้นักเรียนอ่านบทสนทนาที่เติมคำสมบูรณ์ แล้วร่วมกัน ต่อมาครูแนะนำข้อมูลที่ให้มาด้านล่างของบทสนทนากับนักเรียน แล้วให้นักเรียนคู่เดิมแต่งบทสนทนาโดยใช้ ข้อมูลเหล่านี้ และใช้บทสนทนาใน Ex.2b เป็นต้นแบบ เมื่อนักเรียนแต่งบทสนทนาเสร็จแล้ว ให้นักเรียนแต่ ละคู่ฝึกซ้อมแสดงบทสนทนาดังกล่าว 1. like 2. small 3. fully 4. attic 5. Interested Suggested answer key: A: How do you like it, then? B: Well, it’s in a nice area and there are four bedrooms, but it’s a long way from the shops. A: That’s true, but there is a bus stop nearby. B: And there is no central heating. A: Mmm, yes. But there is a log fire. B: I think it will suit our needs. And it’s not so expensive, either. A: Okay, then. Let’s tell the estate agent that we are definitely interested. etc.
59 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Requesting services 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกว่ามีบริการใดบ้างที่เราสามารถขอรับบริการได้เช่น plumber (ช่างประปา), electrician (ช่างไฟ), locksmith (ช่างทำกุญแจ) เป็นต้น จากนั้นอธิบายภาระงานใน หนังสือเรียน หน้า 11 Ex.3a ว่านักเรียนจะได้ฟังบทสนทนา 1 บท ให้นักเรียนจับคู่ประโยค 1-5 กับ a-e เพื่อให้เป็นบท สนทนาที่ถูกต้อง และตอบคำถามว่าใครคือผู้ที่วิตกกังวล ครูเปิด CD1/track 7 (หรือสแกน QR code) ให้ นักเรียนฟังและจับคู่บทสนทนาตามที่ได้ยินจาก CD ครูตรวจคำตอบของนักเรียน แล้วให้นักเรียน 2-3 คู่ อ่านบทสนทนาดังกล่าว Ann Smith is worried because her front door does not lock properly. 1. b 2. d 3. a 4. e 5. c 2. ครูอ่านโครงสร้างบทสนทนาที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 11 Ex.3b แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกปัญหาต่างๆ เช่น air conditioning - not working, bathroom window - broken, kitchen tap - leaking เป็นต้น จากนั้นครูให้นักเรียนจับคู่ แต่งบทสนทนาตามโครงสร้างที่ให้มา โดยใช้บทสนทนาใน Ex.3a เป็นต้นแบบ ครู ตรวจคำตอบ แล้วสุ่มเลือกนักเรียน 3-5 คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาที่หน้าชั้น Suggested answer key: A: Brown & Sons. How can I help you? B: Hello. My name is Ann Smith. A: Hello Ms Smith. What can I do for you? B: I’ve got a problem with my air conditioning. A: What’s wrong with it? B: It’s not working. A: I’ll send someone to look at it right away. B: Thank you, that would be great. A: What is your address, please? B: 21 Market Street. Expressing sympathy 1. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 11 Ex.4a โดยครูให้นักเรียนช่วยกันบอกสถานการณ์ที่ เป็นไปได้ที่เราจะสามารถแสดงความเห็นใจผู้อื่น เช่น failing an exam, losing your job, not getting a promotion เป็นต้น จากนั้นครูเปิด CD1/track 8 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟัง เพื่อบอกว่าบท สนทนา 3 บทสั้นๆ ที่นักเรียนได้ยินนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร เสร็จแล้วเฉลยคำตอบร่วมกัน
60 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 1. having a car accident 2. getting locked out 3. somebody being evicted 2. ให้นักเรียนอ่านบทสนทนาสั้นๆ ในหนังสือเรียน หน้า 11 Ex.4b แล้วขีดเส้นใต้วลีที่แสดงความเห็นใจในบท สนทนา จากนั้นตรวจคำตอบร่วมกัน 1. A: I’m afraid that the plumber won’t be able to come today. He’s had a car accident. B: How awful! Will he be all right? 2. A: Oh, no. I locked myself out! B: That’s too bad. 3. A: The Smiths are going to be evicted. B: I’m sorry to hear that. 3. ครูอ่านสำนวนวลีที่ใช้แสดงความเห็นใจ (express sympathy) ในกรอบที่ให้มา และสถานการณ์ 1-4 ใน หนังสือเรียน หน้า 11 Ex.4c เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน จากนั้นครูอธิบายภาระงาน แล้ว สนทนากับนักเรียน 1 คน เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับนักเรียน แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่ฝึกสนทนากัน ครู เดินสังเกตขณะนักเรียนทำกิจกรรม เสร็จแล้วสุ่มเลือกนักเรียน 3-5 คู่ โดยไม่ให้ซ้ำกับนักเรียนที่เคยออกมา แสดงแล้ว ออกมาแสดงบทสนทนาที่หน้าชั้น Suggested answer key: A: There’s a fire in the basement! B: How terrible! A: My aunt is in hospital. She fell down the stairs. B: You must be very worried. A: I didn’t get the flat I wanted. B: That’s a shame! A: My friend’s daughter burnt her hand on the cooker. B: That’s too bad. Intonation
61 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ให้นักเรียนดูบทสนทนาสั้นๆ ในหนังสือเรียน หน้า 11 Ex.5 โดยครูเปิด CD1/track 9 (หรือสแกน QR code) แล้วให้นักเรียนฝึกออกเสียงตาม 2-3 ครั้ง จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ แล้วฝึกอ่านบทสนทนาด้วยกัน Unit 1e Writing 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่ อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และ ข้อความที่ฟังหรืออ่าน มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม 4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3: นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูด และการเขียน ตัวชี้วัด 1. พูดและเขียนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่อง และประเด็น ต่างๆ ตามความสนใจของสังคม มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 1. เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตาม มารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 2. อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และที่มาของขนบธรรมเนียม และประเพณีของ เจ้าของภาษา 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม 2. สาระการเรียนรู้
62 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language skills Listening: ฟังและจดบันทึกย่อ Writing: เขียนอีเมลเพื่อบรรยายลักษณะบ้านให้เช่า 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3.2.3 ทักษะการตีความ 3.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Analysing the rubric 1. ครูบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ของ Unit 1e ว่าจะได้ฝึกทักษะการเขียนอีเมลแบบไม่เป็นทางการเพื่อบรรยาย ลักษณะบ้านให้เช่า 2. ให้นักเรียนอ่านออกเสียงข้อความในหนังสือเรียน หน้า 12 หัวข้อ Tip แล้วครูอธิบายคำศัพท์ยาก เมื่อเขียนอีเมลแบบไม่เป็นทางการถึงเพื่อน เพื่อบรรยายลักษณะของบ้านที่จะเช่า ให้แบ่งออกเป็น 5 ย่อหน้า และเริ่มต้นอีเมลด้วย Dear + (ชื่อแรกของเพื่อน) ในย่อหน้าแรกเราจะเขียนความนำสำหรับขึ้นต้นเนื้อความของอีเมล พร้อมทั้งบอกเหตุผลในการ เขียนอีเมลฉบับนี้ ในย่อหน้าที่ 2 ให้บรรยายสถานที่ตั้งของบ้านและให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเช่า ในย่อหน้าที่ 3 ให้บรรยายลักษณะภายนอกของบ้าน เช่น วัสดุในการสร้าง สวน เป็นต้น ในย่อหน้าที่ 4 ให้บรรยายลักษณะภายในของบ้าน เช่น จำนวนชั้นและห้อง เฟอร์นิเจอร์ ลักษณะ พิเศษ เป็นต้น ในแต่ละย่อหน้าของเนื้อความ (main body) ให้เริ่มต้นด้วยประโยคใจความสำคัญ (topic sentence) ซึ่งก็คือประโยคที่แนะนำหรือสรุปเนื้อหาของย่อหน้านั้นๆ ในย่อหน้าสุดท้าย ให้เขียนประโยคสำหรับลงท้ายเนื้อความของอีเมล และลงชื่อโดยใช้ Yours, Best wishes, etc + (ชื่อแรกของผู้เขียน)
63 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา เราสามารถใช้คำคุณศัพท์ที่หลากหลาย เพื่อทำให้การบรรยายลักษณะนั้นน่าสนใจต่อผู้อ่าน จากนั้นให้นักเรียนอ่านคำสั่งในการทำงาน (rubric) ในหนังสือเรียน หน้า 12 Ex.1 และสนใจคำ/วลีที่ขีดเส้น ใต้เป็นพิเศษ ครูอธิบายว่าคำ/วลีที่ขีดเส้นใต้คือคำสำคัญ (key words) ซึ่งจะช่วยนักเรียนให้เข้าใจว่าจะต้อง เขียนอะไร เสร็จแล้วให้นักเรียนตอบคำถามข้อ 1-3 1. Laura is going to write an email to Peter. They are friends. 2. An informal style is appropriate because they are friends and so they know each other very well. Analysing a model text 1. ให้นักเรียนจับคู่ และให้เวลานักเรียน 2 นาที อ่านอีเมลในหนังสือเรียน หน้า 12 Ex.2a ในใจ จากนั้นให้ นักเรียนแทนที่ประโยคที่ขีดเส้นใต้ในอีเมลด้วยประโยคที่นักเรียนแต่งใหม่ โดยใช้ภาษาของตนเอง แต่ ความหมายของประโยคยังคงเดิม 2 It is located in a great area. 3 From the outside the house is very attractive. 4 The house is lovely and cosy on the inside, too. 2. ให้นักเรียนคู่เดิมทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 12 Ex.2b โดยช่วยกันหาว่า Laura ใช้คำหรือวลีอะไรใน การบรรยายลักษณะภายในและภายนอกของบ้าน พร้อมทั้งระบุด้วยว่าอยู่ในย่อหน้าใดของอีเมล เสร็จแล้ว ตรวจคำตอบร่วมกัน Para 3: exterior: charming; old brick farm building; holiday cottage; patio; beautiful garden Para 4: interior: nice and comfortable; two floors; cosy living room; kitchen with modern equipment; dining room; WC; two small bedrooms; bathroom; fully furnished 3. description of the outside ✓ historical details description of the inside ✓ weather conditions location of the house ✓ rent ✓
64 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Style ครูอ่านข้อความในกรอบในหนังสือเรียน หน้า 12 Ex.2c หัวข้อ Style และให้นักเรียนแต่ละคู่หาตัวอย่าง เพิ่มเติมของการเขียนแบบไม่เป็นทางการตามประเด็นที่กำหนดให้ในอีเมลของ Laura ใน Ex.2a - abbreviations: Hope everything’s OK; I’m writing; I’ve found; It’s in; It’s an; It’s got; I’ll see you; I’ll tell you - simple linking words: but; so; and; as well as; Also - shorter sentences: How are you?; Hope everything’s OK; It has two floors. - personal tone: I’m writing to let you know; I’ve found the perfect summer cottage for you; with all the modern equipment you would expect; you don’t need to worry about that; if you like the sound of it; I hope I’ll see you; I’ll tell you all of my news then. - everyday expressions: Hope everything’s OK; the best thing about it is; you don’t need to worry; Let me know Opening/Closing remarks ครูอธิบายความหมายของคำว่า opening/closing remarks (The sentences which somebody uses to start/end his email) แล้วให้นักเรียนหาประโยคขึ้นต้นและลงท้ายในอีเมลของ Laura ครูอ่านประโยค a-f ในหนังสือเรียน หน้า 13 Ex.2d และให้นักเรียนระบุว่าประโยคใดเป็น opening remarks (ประโยค a, b, c) และประโยคใดเป็น closing remarks (ประโยค d, e, f) จากนั้นให้นักเรียนพิจารณาว่าประโยคใดมีรูปแบบที่เป็นทางการ (b, f: use of formal style, no colloquialisms, contractions etc) และประโยคใดที่ไม่เป็นทางการ (a, c, d, e: use of informal style, contractions, colloquialisms etc) สุดท้ายครูให้นักเรียนพิจารณาว่าประโยคใดที่สามารถใช้แทน opening/closing remarks ในอีเมลของ Laura ได้ - Laura’s opening remarks: How are you? Hope everything’s OK. a and c can be used instead - Laura’s closing remarks: Let me know if you like the sound of it. I can easily talk to the owner, Mr Smith, for you. I hope I’ll see you here soon. I’ll tell you all my news then. d and e can be used instead - b and f cannot be used because the language is too formal.
65 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Descriptive writing ครูนำเสนอข้อมูลในตารางในหนังสือเรียน หน้า 13 Ex.3 และอธิบายคำศัพท์ที่นักเรียนไม่รู้ จากนั้นให้ นักเรียนใช้คำคุณศัพท์กับคำนามที่เจ้าของภาษานิยมใช้ร่วมกัน (collocations) พูดบรรยายเกี่ยวกับลักษณะ บ้านของตนเอง หรือใช้คำศัพท์อื่นที่เคยเรียนมาแล้วในหน่วยการเรียนรู้ด้วยก็ได้ Suggested answer key: I live in a detached house. It’s got a tiled roof and double-glazed windows. It has got a small front garden and a large back garden as well as a garage and a driveway. The front door is a big heavy door that leads into the entrance hall. There are four rooms downstairs; the living room, the dining room, the kitchen and a small bathroom. Upstairs, there are three bedrooms, a large bathroom and an attic. Most of the furniture is antique although the kitchen is very modern. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่าในการสอบมักจะมีข้อสอบให้นักเรียนพูดบรรยายภาพ เช่น ข้อสอบ IELTS (International English Language Testing System) ซึ่งเป็นข้อสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ เพื่อวัดว่าผู้สอบมีความสามารถทางภาษาในระดับที่จำเป็นสำหรับจะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยใน ต่างประเทศได้หรือไม่ เช่น สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์เมื่อครูอธิบายถึงความสำคัญ ของการเรียนแล้ว ครูนำเสนอสำนวนภาษาที่จำเป็นในการพูดบรรยายภาพ หรือครูเปิดคลิปวิดีโอแนะนำ สำนวนภาษาพร้อมภาพประกอบได้จากเว็บไซต์ต่อไปนี้ https://youtu.be/5lzfD2rLpm8 หรือพิมพ์คำว่า Describing a picture. ในช่อง search ใน www.youtube.com What is in the picture? - In the picture I can see ... - There’s / There are ... - There isn’t a ... / There aren’t any ... Say what is happening with the present continuous - The man is ...ing - The people are ...ing - It’s raining. Where in the picture? - At the top/bottom of the picture ...- In the middle of the picture ... - On the left/right of the picture ... - next to - in front of - behind - near - on top of กิจกรรมเพิ่มเติม
66 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา If something isn’t clear - It looks like a ... - It might be a ... - He could be ...ing - Maybe it’s a ... ที่มา: http://learnenglishteens.britishcouncil.org/exams/speaking-exams/describe-photo-or-picture ครูอาจเปิดคลิปวิดีโอให้นักเรียนดูจากเว็บไซต์ต่อไปนี้ http://learnenglishteens.britishcouncil.org/exams/speaking-exams/describe-photo-or-picture จากนั้นครูหาภาพมาให้นักเรียนฝึกพูดบรรยายภาพร่วมกันในชั้นเรียน เสร็จแล้วครูมอบหมายให้นักเรียนไป ฝึกเพิ่มเติมที่บ้านหรือนอกเวลาเรียนในห้องคอมพิวเตอร์จากเว็บไซต์ต่อไปนี้ http://esol.britishcouncil.org/content/learners/skills/speaking/describing-picture-familyscene หรือถ้าครูสามารถใช้อินเทอร์เน็ตในห้องเรียนได้ ครูเปิดเว็บไซต์นี้ และให้นักเรียนฝึกทำกิจกรรมร่วมกัน Discuss & Write 1. ครูเลือกนักเรียน 1 คน อ่านคำสั่งในการทำงาน (rubric) ในหนังสือเรียน หน้า 13 Ex.4a แล้วให้นักเรียน จับคู่ช่วยกันขีดเส้นใต้คำสำคัญ (key words) ครูช่วยนักเรียนในกรณีที่จำเป็น จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถาม ข้อ 1-5 ที่กำหนดให้ Key words to be underline: Your friend, house to rent, email, describing a house, giving further detail 1. An informal email to a friend giving information. 2. I am sending the email to a friend of mine. 3. An informal style is appropriate because the email is to someone I know very well. 4. Location, description of exterior, description of interior, rent. 5. (Suggested answer key) Opening remarks: Hi, how are you? How’s it going? Closing remarks: Let me know what you think. etc. 2. ให้นักเรียนจับคู่ทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 13 Ex.4b โดยครูเปิด CD1/track 10 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟัง แล้วเติมข้อมูลที่ขาดหายไปในตาราง เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน 1. 32 2. garden 3. bathroom 4. fireplace 5. £800
67 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 3. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 13 Ex.4c ว่า ให้นักเรียนแต่ละคู่ฝึกพูดถาม-ตอบเกี่ยวกับ บ้าน โดยใช้ข้อมูลจากตารางใน Ex.4b Suggested answer key: A: Where is the house located? B: It is located at 32, Beech Lane, Deighton. A: What is the exterior of the house like? B: It is a big, attractive wooden house. It has a front garden and a garage. A: What is the interior of the house like? B: It is cosy and fully furnished with a large living/dining room, a fireplace, a modern fitted kitchen, two bedrooms and two bathrooms. A: How much is the rent? B: It is £800 per month. 4. ครูนำเสนอข้อมูลใน Plan ในหนังสือเรียน หน้า 13 Ex.5 และอธิบายภาระงานให้นักเรียนฟัง จากนั้นถาม คำถามและกระตุ้นคำตอบจากนักเรียนเพื่อเติมข้อมูลใน Plan เช่น T: What are you going to write after Dear? S1: My friend’s first name. T: What opening remarks could you write? S2: How are you? T: Very good. Another suggestion? S3: I’ve got great news for you. T: Excellent. Now, where is the house located? S4: In the suburbs and convenient for public transport. T: That’s right. How much is the rent? etc. เสร็จแล้วมอบหมายให้นักเรียนไปเขียนอีเมลถึงเพื่อนเป็นการบ้าน โดยเขียนตามเค้าโครงที่กำหนดให้ใน Plan โดยใช้อีเมลใน Ex.2a เป็นต้นแบบในการเขียนได้ Suggested answer key: Dear Peter, How are you? I think I’ve found the perfect house for you. It’s in a really nice location. It’s in the suburbs and convenient for public transport. Also, the rent is £800 a month, quite reasonable I think. Outside, the house is very attractive. It is a big wooden house with a front garden and a garage. Inside, the house is cosy. It is fully furnished. Upstairs, there are two bedrooms and a bathroom. Downstairs, there is a bathroom, a huge living room with an old fireplace and a dining room. There is also a modern fitted kitchen.
68 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Tell me if it sounds good to you. If you want, you can talk to the owner, Mr Jones, about it. See you soon. Yours, Jim Famous words 1. ครูอ่านประโยคในหนังสือเรียน หน้า 13 Ex.6 ทีละประโยค และช่วยนักเรียนตีความความหมายของประโยค เหล่านี้ Suggested answer key: - You don’t need to travel because you will find everything you need at home. - You will learn beauty at home. ให้นักเรียนหาคำกล่าวที่คล้ายๆ กันนี้ในภาษาไทย และอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ 2. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบ Progress test 1 (ดูเฉลยภาคผนวก C) จากส่วนท้ายของ Unit นี้เพื่อประเมิน ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ กิจกรรมเพิ่มเติม
69 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา บันทึกหลังสอนแผนการสอนที่ ............ 1. ผลการสอนระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก .......................................................................... 2. ผลที่เกิดกับผู้เรียน 1.) การประเมินผลความรู้หลังการเรียน โดยใช้………………แบบทดสอบหลังเรียน............พบว่านักเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ ................……..…. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ............................. ได้แก่ ....................................เลขที่ …………………………........................................................................................... 2.) การประเมินด้านทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้…………………………………………………………...............พบว่านักเรียนผ่านการประเมินคิดเป็น ร้อยละ...........……. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ................ ได้แก่ ....................................................................................................................................................................... 3.) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์เรียน โดยใช้………..…แบบสังเกตพฤติกรรม.................... พบว่านักเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ..…....……. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ.................. ได้แก่ ........................................................................................................................................................................ 3. ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามกำหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ ............................................................................................................................................. 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรนำแผนไปปรับปรุง เรื่อง ...................................................................................................... ....................................................................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน .................................................................................. ....................................................................................................................................................... ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้สอน ( นายพีระ เหมือดนอก ) วันที่……..../................../................ ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระฯ 1.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง เหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4.ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... ( นางอังคณา แก้วเมือง ) ความคิดเห็นของหัวหน้างานวิชาการ 1.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง เหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4.ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………. ลงชื่อ....................................................... ( นางสาวณัฐิญา คาโส )
70 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา แผนการจัดการเรียนรู้ที่2 รายวิชา อ 33101 ภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง While There’s Life, There’ Hope ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก เวลา 7 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระที่1: ภาษาเพื่อการสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล ตัวชี้วัด 1.ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานต่างๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยายที่ฟัง และ อ่าน 2. อ่านออกเสียง ข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้อง ตามหลักการอ่าน 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และข้อความที่ ฟังหรืออ่าน 4. จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก การฟัง และอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดีพร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม 4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม 5. พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.3: นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูด และการเขียน ตัวชี้วัด 1. พูดและเขียนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่อง และประเด็น ต่างๆ ตามความสนใจของสังคม
71 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ/แก่นสาระที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง กิจกรรม ข่าว เหตุการณ์และสถานการณ์ตามความสนใจ 3. พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์ ทั้งในท้องถิ่น สังคม และโลก พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ สาระที่2: ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 1. เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตาม มารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 2. อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และที่มาของขนบธรรมเนียม และประเพณีของ เจ้าของภาษา 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.2: เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ตัวชี้วัด 1. อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. วิเคราะห์/อภิปรายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างวิถีชีวิต ความเชื่อ และ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย และนำไปใช้อย่างมีเหตุผล สาระที่4: ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม มาตรฐาน ต 4.2: ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก ตัวชี้วัด 1.ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่น/ประเทศชาติ เป็นภาษาต่างประเทศ
72 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Vocabulary: คำศัพท์เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต, ช่วงวัย, การบรรยายลักษณะบุคคล, ความรู้สึก, phrasal verbs (carry, come) Grammar: past tenses, used to/would, prepositions Function: introducing people Intonation: contrastive stress • Language skills Listening: ฟังเพื่อจับใจความสำคัญ, ฟังเพื่อหาข้อมูลจำเพาะ, ฟังเพื่อหารายละเอียด Speaking: พูดเกี่ยวกับชีวิตของ Alexander Graham Bell, พูดบรรยายลักษณะบุคคล, พูด เกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองเคยทำเมื่อตอนเป็นเด็ก, พูดเกี่ยวกับญาติของ ตนเอง, พูดให้ข่าวสาร, พูดแนะนำบุคคล Reading: อ่านและเติมประโยคลงในช่องว่าง Writing: เขียนเรื่องเล่า 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการให้คำจำกัดความ 3.2.3 ทักษะการสรุปย่อ 3.2.4 ทักษะการวิเคราะห์ 3.2.5 ทักษะการเปรียบเทียบ 3.2.6 ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3.2.7 ทักษะการตีความ 3.2.8 ทักษะการเรียงลำดับ 3.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 ใฝ่เรียนรู้ 4.2 มุ่งมั่นในการทำงาน 4.3 จิตสาธารณะ
73 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 5. การบูรณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงื่อนไข พอประมาณ ความรู้ มีเหตุผล คุณธรรม มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม 6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Lead-in 1. ครูเตรียมความพร้อมของนักเรียนเข้าสู่ Unit 2 While There’s Life, There’s Hope โดยอ่านชื่อ Unit 2a ในหนังสือเรียน หน้า 14 และอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ชื่อบทนี้เป็นสำนวนสุภาษิต ครูให้นักเรียนช่วยกันบอก ความหมายของสำนวนสุภาษิตดังกล่าว (While something/somebody is still alive, we can have hope or faith about the future.) จากนั้นครูถามนักเรียนว่ามีสำนวนสุภาษิตไทยที่มีความหมายใกล้เคียง กับสำนวนนี้หรือไม่ ครูนำเสนอสำนวนสุภาษิตเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับชีวิต เช่น have nine lives (especially of a cat) (idm) to be very lucky in dangerous situations life’s too short (informal) used to say that it is not worth wasting time doing something that you dislike or that is not important จากนั้นครูให้นักเรียนบอกสำนวนสุภาษิตไทยที่มีความหมายใกล้เคียงกับสำนวนเหล่านี้ 2. ให้นักเรียนจับคู่คำศัพท์เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญในชีวิตกับภาพ 1-4 ในหนังสือเรียน หน้า 14 Ex.1a จากนั้นครูถามนักเรียนว่า What other life events can you think of? เพื่อให้นักเรียนช่วยกันบอกว่าใน ชีวิตของคนเรายังมีเหตุการณ์สำคัญๆ อะไรอีกบ้าง นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว 1. moving house 2. having a baby 3. graduation 4. wedding Other life events: starting/leaving school; getting a job; divorce, etc. กิจกรรมเพิ่มเติม
74 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 3. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 14 Ex.1b โดยช่วยกันบอกคำศัพท์ที่เกี่ยวกับภาพ 1-4 ครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดาน จากนั้นให้เวลานักเรียน 2-3 นาที แต่งประโยคโดยใช้คำศัพท์เหล่านี้ ครูสุ่มเรียกนักเรียนให้อ่านประโยคที่ตนเองแต่งทีละคน Suggested answer key: 2. The couple in picture 2 have just had a baby. They are at home. They both look very pleased. 3. The girl in picture 3 is at her graduation ceremony. She’s wearing a cap and a gown. She is probably with her mother. They both look very excited. 4. The girl in picture 4 is at her wedding. She is wearing a lovely white wedding dress and a veil. She is probably with her husband. He is holding a bouquet of flowers. He is wearing a suit. They both look very happy. 4. ครูอ่านข้อมูลที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 14 Ex.2a แล้วเปิด CD1/track 11 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟัง และจับคู่ชื่อคนกับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต ครูตรวจคำตอบของนักเรียน แล้วถาม นักเรียนว่าบุคคลแต่ละคนรู้สึกอย่างไร 1. b (lonely) 2. a (anxious/worried) 3. d (bored) 4. e (unhappy/miserable) 5. c (happy) 5. ให้นักเรียนช่วยกันบอกเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ในชีวิต เช่น first day at school, sister’s wedding, changing schools, failing your driving test, coming of age, getting your first car เป็นต้น แล้วครู เขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดาน จากนั้นให้นักเรียนจับคู่เหตุการณ์สำคัญดังกล่าวกับคำคุณศัพท์ที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 14 Ex.2b เสร็จ แล้วครูให้นักเรียนจับคู่กัน ฝึกพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในชีวิต Suggested answer key: I’ll never forget changing schools when I was nine years old. I was sad to leave my old friends but I was also excited about starting something new. I couldn’t believe it when I failed my driving test. I was so disappointed. I was thrilled at my coming-of-age party. I was an adult at last.
75 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา When I got my first car I was happy and worried at the same time. Note: สำนวน coming of age หมายถึง วัยที่สังคมยอมรับว่าเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ โดยปกติแล้วมักจะอยู่ที่ อายุ 18 หรือ 21 [the point in a young person’s life, usually the age of 18 or 21, at which their society considers them to be an adult] 6. ครูนำเสนอข้อมูลในแผนภูมิแท่ง (bar chart) ในหนังสือเรียน หน้า 14 Ex.3a ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึง เหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่ชาวอเมริกันในวัยผู้ใหญ่คิดว่าทำให้เกิดความเครียดมากที่สุด 10 อันดับแรก และ กระตุ้นให้นักเรียนช่วยกันอธิบายว่าแผนภูมิแท่งเช่นนี้มีวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างไร (A survey is conducted and people are asked to rank a number of items in order of importance on a scale of 1-10, where 1 is not important at all and 10 is very important. The results are collected and percentages are calculated, which are then represented by the bars in the chart.) จากนั้นอ่านตัวอย่างคำตอบที่ให้มา และให้นักเรียนแต่ละคนแต่งประโยคเหมือนตัวอย่างดังกล่าว โดยใช้ ข้อมูลจากแผนภูมิแท่ง Fifty-three percent of Americans consider personal injury or illness to be the third most stressful event in life. Fifty percent of Americans consider marriage to be the fourth most stressful event in life. Forty-five percent of Americans consider retirement to be the fifth most stressful event in life. Thirty-nine percent of Americans consider bringing up children to be the sixth most stressful event in life. Thirty-six percent of Americans consider changing jobs to be the seventh most stressful event in life. Twenty-six percent of Americans consider starting or leaving school to be the eighth most stressful event in life. Twenty-three percent of Americans consider trouble at work to be the ninth most stressful event in life. Twenty percent of Americans consider moving house to be the tenth most stressful event in life.
76 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ให้นักเรียนเขียนกราฟแสดงเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของนักเรียนในกระดาษ จากนั้นให้นักเรียนเรียงลำดับ เหตุการณ์ตามลำดับความเครียดหรือกดดันจากมากไปหาน้อย ครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียน และวิเคราะห์ ผล แล้ววาดกราฟเพื่อแสดงข้อมูลเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของนักเรียนทั้งชั้นบนกระดาน เสร็จแล้วให้นักเรียน ใช้กราฟนี้เปรียบเทียบเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของตนเองกับของคนอเมริกันใน Ex.3a 7. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 14 Ex.3b โดยระบุว่าเหตุการณ์ใดจากกราฟแท่งใน Ex.3a ที่ นักเรียนคิดว่าเครียด/กดดันมากที่สุดสำหรับตนเอง 3 อันดับแรก จากนั้นให้นักเรียนแต่งประโยคเกี่ยวกับ เหตุการณ์ทั้ง 3 นั้น พร้อมทั้งอธิบายเหตุผลประกอบ Suggested answer key: The most stressful event in life is death in the family. It is a very distressing experience for everyone. The second most stressful event in life is personal injury or illness. It can change your life forever. The third most stressful event in life is bringing up children. It involves a lot of responsibility. Reading 1. ให้นักเรียนดูภาพประกอบบทอ่านเรื่อง A Dream Come True ครูอธิบายว่าชายในภาพ คือ Alexander Graham Bell จากนั้นครูอ่านชื่อเรื่องและอธิบายว่า A Dream Come True นั้นเป็นสำนวน ซึ่งหมายความว่า ความฝันซึ่งในที่สุดได้กลายเป็นความจริง หลังจากที่ใช้ระยะเวลาและความพยายามเป็นอย่างมาก (a dream finally came true after a lot of time and effort) ต่อมาครูให้นักเรียนตอบคำถามใน หนังสือเรียน หน้า 15 Ex.4a ซึ่งถามว่านักเรียนรู้ข้อมูลอะไรบ้างเกี่ยวกับ Alexander Graham Bell เขา ประดิษฐ์อะไร เมื่อไร และมาจากครอบครัวใหญ่หรือไม่ เสร็จแล้วให้นักเรียนอ่านบทอ่านแบบ scanning เพื่อตรวจคำตอบ Alexander Graham Bell invented the telephone in 1876. Alexander Graham Bell came from an average-sized family. กิจกรรมเพิ่มเติม
77 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. ครูและนักเรียนอ่านข้อมูลในกรอบ Tip ในหนังสือเรียน หน้า 15 ร่วมกัน อ่านเนื้อเรื่องอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาชนิดของข้อมูลที่ขาดหายไปใน แต่ละช่องว่าง จากนั้นอ่านประโยคที่ให้มาสำหรับเติมลงในช่องว่าง ให้นักเรียนระลึกไว้เสมอว่ามี1 ประโยคที่เกินมา แล้วจึงเริ่มเลือกข้อความเพื่อเติมลงใน ช่องว่างแต่ละช่อง โดยจับคู่หัวข้อในประโยคที่ขาดหายไป กับหัวข้อของประโยคก่อนและ หลังในแต่ละช่องว่าง และมองหาคำใบ้ เช่น คำที่ใช้อ้างอิง (คำสรรพนาม) หรือคำเชื่อมก่อน หรือหลังช่องว่าง เมื่อเติมเสร็จแล้ว ให้นักเรียนตรวจทานว่าประโยคที่นักเรียนเลือกไปเติมนั้นเหมาะสมทั้ง ทางด้านความหมายและทางด้านไวยากรณ์ แล้วอ่านเนื้อเรื่องทั้งหมด อีกครั้ง เพื่อดูว่าเนื้อเรื่องมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ จากนั้นครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 15 Ex.4b และอธิบายว่าให้นักเรียนทำตามคำแนะนำที่ให้ ไว้ใน Tip ในการทำกิจกรรมนี้ให้สำเร็จ ครูเลือกนักเรียน 1 คน อ่านประโยค A-H ให้เพื่อนฟัง แล้วให้ นักเรียนทั้งหมดอ่านบทอ่านด้วยตนเอง เพื่อเติมประโยค A-H ลงในช่องว่าง 1-7 ในบทอ่านให้ถูกต้อง เมื่อ นักเรียนทำเสร็จแล้ว ครูให้นักเรียนช่วยกันเฉลยคำตอบ พร้อมทั้งบอกเหตุผลในการเลือกคำตอบข้อนั้น 1. C (reference words: ‘whole family’ in the next sentence. It gives information about his family.) 2. E (reference words: ‘the two men’ in the previous sentence. It gives more information about the two men.) 3. F (reference words: ‘both Alexander’s brothers died’ in the previous sentence and ‘Canadian’ in the next sentence. It provides the result of the first event.) 4. D (reference words: ‘continue the work’ in the previous sentence and ‘so busy’ in the next sentence. It continues the theme of work.) 5. B (reference words: ‘she’ and ‘lost her hearing’ in the next sentence. It introduces a new character.) 6. A (reference words: ‘Professor John Henry’ in the previous sentence. It gives more information about this person. 7. G (reference words: ‘mechanical voice transmitter’ in the previous sentence and ‘first words’ in the next sentence. It continues the story.)
78 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 3. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 15 Ex.4c โดยให้เวลานักเรียน 2-3 นาที อ่านบทอ่านเรื่อง A Dream Come True อีกครั้ง และอธิบายความหมายของคำศัพท์ที่พิมพ์ตัวหนา ด้วยการบอกตัวอย่าง ประโยค/คำที่มีความหมายเหมือนกัน (synonyms) หรือให้นักเรียนค้นหาความหมายจากพจนานุกรม ตัวอย่างเช่น transmitted หมายความว่า sent signals from one place to another จากนั้นให้นักเรียน เปิดพจนานุกรมหาคำที่มีความหมายเหมือน (synonyms) กับคำศัพท์ที่อยู่ในพื้นสีเข้ม (the highlighted words) Suggested answer key: transmit (v): to send signals from one place to another, using wires, radio waves or satallite anotomy (n): the study of the structure of bodies of people or animals telegrapht (n): a system of sending messages over long distances, either by means of electricity or by radio signals visible speech (phr): a form of sign language fatal (adj): causing sb’s death white plague (phr): tuberculosis basement (n): the part of a building that is below the level of the ground; cellar resume (v): to continue after a break hearing (n): the ability to hear sounds waste (n): sth not worth doing vibration (n): shaking with repeated small quick movements iron rod (phr): a long, thin bar made of metal electrical wire (phr): a long thin piece of metal or cable, which carries electric current run out of (phr v): to come to the end of (supplies) telegraph (n): a piece of equipment used for communicating by sending messages over long distances, either by means of electricity or by radio signals survive financially (phr): to manage on the money you have mechanical voice transmitter (phr): a piece of equipment/device which broadcasts one’s voice register (v): to have sth recorded officially patent office (phr): the office where sb registers official right to be the only person to make or sell sth
79 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Synonyms absorbed: engrossed give up: abandon creating: inventing was about to: was ready to achieved: attained influenced: changed allowed: let goal: objective 4. ครูอ่านคำศัพท์ในหนังสือเรียน หน้า 15 Ex.4d และอธิบายความหมาย จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ ช่วยกัน ตัดสินใจเลือกคำศัพท์ที่บรรยายลักษณะของ Alexander Graham Bell ได้ดีที่สุด พร้อมทั้งอธิบายเหตุผล ประกอบ Suggested answer key: Alexander Graham Bell was very persistent because he kept on working on his invention. He didn’t give up. I don’t think Alexander Graham Bell was sensitive. I don’t think Alexander Graham Bell was a daydreamer because he worked very hard. I think Alexander Graham Bell was stubborn because he didn’t give up on his dream. I think Alexander Graham Bell was hardworking because he spent all his free time on his inventions. I think Alexander Graham Bell was patient because he spent most of his life working with young deaf mutes. I don’t think that Alexander Graham Bell was indifferent because he cared about children. เสร็จแล้วครูเขียนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ข้อ บนกระดาน เป็นภาษาอังกฤษ 1. Love of nation, religion and king (รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์) 2. Honesty and integrity (ซื่อสัตย์สุจริต) 3. Self-discipline (มีวินัย) 4. Avidity for learning (ใฝ่เรียนรู้) 5. Observance of principles of Sufficiency Economy Philosophy in one’s way of life (อยู่ อย่าง พอเพียง) 6. Dedication and commitment to work (มุ่งมั่นในการทำงาน) 7. Cherishing Thai-ness (รักความเป็นไทย) 8. Public-mindedness (มีจิตสาธารณะ) ให้นักเรียนช่วยกันอธิบายคุณลักษณะฯ เหล่านี้ในภาษาไทย โดยครูช่วยอธิบายเพิ่มเติม จากนั้นครูถาม นักเรียนว่า Alexander Graham Bell มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในข้อใดบ้าง และคุณลักษณะเหล่านี้ช่วย ให้เขาประสบความสำเร็จได้อย่างไร เสร็จแล้วครูชี้ให้นักเรียนเห็นว่า นอกจากจะมีความใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น
80 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ในการทำงานแล้ว การเป็นผู้ให้ช่วยเหลือผู้อื่น หรือมีจิตสาธารณะ ก็จะยิ่งทำให้คนเราประสบความสำเร็จ มากขึ้นไปอีก Follow-up 1. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 15 Ex.5 โดยครูเขียนหัวข้อต่อไปนี้ Early life, Professional life, Telephone บนกระดาน แล้วให้เวลานักเรียน 2 นาที อ่านบทอ่านเรื่อง A Dream Come True อีก ครั้ง จากนั้นครูถามคำถามนักเรียน เช่น T: What did Alexander do at age 16? Ss: Started teaching young deaf mutes. ครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดานในรูปโน้ตย่อ (note form) ใต้หัวข้อที่ถูกต้อง จากนั้นให้นักเรียนจด ลงสมุด และใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการพูดเกี่ยวกับชีวิตของ Alexander Graham Bell Suggested answer key: Early life: at 16 started to teach young deaf mutes, a few years later, both brothers died, family moved to Canada Professional life: teacher, scientist, taught a group of Mohawk Indians in Canada, teacher in Boston, taught Visible Speech, became successful, opened his own school, gave private lessons Telephone: in spare time experimented with telegraphy, worked hard in workshop to create machine for transmitting sounds by electricity, 1875 – heard first sound ever transmitted through a wire, the very first telephone, one year later – human speech transmitted for the first time, 29th birthday – registered invention with patent office. When Alexander Graham Bell was 16 years old, he started to teach young deaf mutes. Then, a few years later, both his brothers died and so his family decided to move to Canada. In his professional life he was a teacher and a scientist. Bell taught a group of Mohawk Indians in Canada. He was also a teacher in Boston and taught visible speech. He became so successful that he opened up his own school and also gave private lessons. In his spare time he experimented with telegraphy. He worked very hard in a small workshop in Boston creating a machine for transmitting sounds by electricity. In 1875, he heard the first sound ever transmitted through a wire. This was the very first telephone. One year later, human speech was transmitted for the very first time. On his 29th birthday, he registered his invention with the patent office.
81 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. ครูอ่านคำถาม How has his invention changed our lived? ในหนังสือเรียน หน้า 15 หัวข้อ Think จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันอภิปรายเกี่ยวกับความสำคัญของสิ่งประดิษฐ์ของ Alexander Graham Bell ที่มี ต่อชีวิตของเรา Suggested answer key: Bell’s invention made it easier for us to communicate with each other. It cut down on the amount of time it took to send messages to each other. ครูถามนักเรียนว่า What is your favourite subject? จากนั้นแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มตามวิชาที่ชอบ ครูถาม นักเรียนว่าถ้านักเรียนจะเรียนต่อในสายวิชาที่นักเรียนชอบ จบไปแล้วสามารถทำอาชีพอะไรได้บ้าง ให้ นักเรียนเลือกบุคคลที่มีชื่อเสียงในอาชีพนั้นๆ มากลุ่มละ 1 คน เช่น ถ้าชอบเรียนดนตรี ก็อาจจะเลือกเขียน เกี่ยวกับนักดนตรีที่มีชื่อเสียง ถ้าชอบเรียนกีฬา ก็เลือกนักกีฬาที่มีชื่อเสียง ถ้าชอบเรียนศิลปะ อาจจะเป็นนัก ออกแบบ ศิลปินหรืออื่นๆ จากนั้นให้นักเรียนเขียนบทความเกี่ยวกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในแต่ละอาชีพที่ตนเอง เลือก ในประเด็นต่อไปนี้childhood, education, work และ achievements เพื่อลงนิตยสารหรือบล็อก ของโรงเรียน แบบฝึกหัด หน้า 8 Ex.3 และหน้า 10 Ex.9 (ดูเฉลยภาคผนวก C) กิจกรรมเพิ่มเติม Active Learning สู่สมรรถนะ Active Learning 1. การเรียนรู้ผ่านการคิดข้นัสูง (Thinking Based Learning) 2. การเรียนรู้ผ่านการลงมือท า (Learning by doing) 3. การเรียนรู้จากการท างานร่วมกัน (Cooperative Learning) 5. การสื่อสาร น าเสนอ (Communication and Presentation) 4. การเรียนรู้จากการส ารวจ และค้นหา (Inquiry-Based Learning)
82 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม: อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์(Alexander Graham Bell - 3 มีนาคม ค.ศ. 1847 - 2 สิงหาคม ค.ศ. 1922) เป็นนักวิทยาศาสตร์นักประดิษฐ์ผู้ก่อตั้งบริษัท เบลล์ เทเลโฟน (Bell Telephone Company) สิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกอย่างมากของเบลล์ได้แก่ โทรศัพท์ซึ่งได้คิดค้นพร้อมๆ กับ เอลิชา เกรย์นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน นอกจากนี้เบลล์ยังเป็นผู้มีความสำคัญอย่างมากในงานวิจัยทางด้าน อากาศยาน และไฮโดรฟอยล์ ครอบครัวของเบลล์ มีความเกี่ยวพันกับทางด้านภาษาศาสตร์ว่าด้วยการออกเสียง (Elocution) โดยปู่ ลุง และพ่อของเบลล์ ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา ภายหลังต่อมาได้มีการเผยแพร่งานวิจัย เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บิดาของเบลล์ (อเล็กซานเดอร์ เมลวิลล์ เบลล์) ได้ผลิต งานวิจัยสำคัญ ได้แก่ การประดิษฐ์ระบบการออกเสียง (Visible speech) โดยเป็นการศึกษาและออกแบบ ระบบแสดงวิธีการออกเสียงพูดของมนุษย์ โดยใช้สัญลักษณ์แทนการเคลื่อนไหวของปาก ลิ้น และลำคอ เป็น งานวิจัยซึ่งมีส่วนอย่างมากในการช่วยบุคคลหูหนวกในการพูด ต่อมาในภายหลัง เบลล์ได้นำมาปรับปรุงเพื่อ ช่วยเหลือ ผู้พิการให้สามารถอ่านริมฝีปากของผู้พูดเพื่อทำความเข้าใจกับคำพูด ในปีค.ศ.1870 เบลล์ได้ติดตามครอบครัวไปยังแคนาดา โดยพำนักที่เมือง Brantford, Ontario โดยก่อนย้ายออกจาก Scotland เบลล์ได้เริ่มให้ความสนใจกับโทรศัพท์ เมื่ออยู่ในแคนาดา เบลล์ได้ให้ความ สนใจกับอุปกรณ์การสื่อสารอย่างต่อเนื่อง โดยได้พัฒนาเปียโน ซึ่งสามารถส่งเสียงดนตรี ผ่านสัญญาณไฟฟ้า ได้สำเร็จ และปีค.ศ. 1882 เขาโอนสัญชาติเป็นอเมริกัน การประกาศสิทธิบัตรโทรศัพท์ เบลล์ได้จดสิทธิบัตรโทรศัพท์เป็นสิทธิของตนในสหรัฐอเมริกา วันที่ 14 กุมภาพันธ์ค.ศ. 1876 และเป็นเหตุอันน่าบังเอิญเหลือเกินที่ได้มีการจดสิทธิบัตร โดยเอลิชา เกรย์ (Elisha Gray) ในวันเดียวกัน โดย เป็นการจดสิทธิบัตรภายหลังจากเบลล์เป็นเวลา 2 ชั่วโมง (ที่มา: th.wikipedia.org/wiki/อเล็กซานเดอร์_เกรแฮม_เบลล์)
83 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Unit 2b Vocabulary practice 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 1.ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานต่างๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยายที่ฟัง และ อ่าน 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และข้อความที่ ฟังหรืออ่าน มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม 5. พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.3: นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูด และการเขียน ตัวชี้วัด 1. พูดและเขียนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่อง และประเด็น ต่างๆ ตามความสนใจของสังคม มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 2.อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และที่มาของขนบธรรมเนียม และประเพณีของ เจ้าของภาษา 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.2: เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ตัวชี้วัด 1. อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. วิเคราะห์/อภิปรายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างวิถีชีวิต ความเชื่อ และ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย และนำไปใช้อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
84 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม มาตรฐาน ต 4.2: ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่น/ประเทศชาติ เป็นภาษาต่างประเทศ 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Vocabulary: คำศัพท์เกี่ยวกับช่วงวัย, การบรรยายลักษณะบุคคล, ความรู้สึก • Language skills Listening: ฟังเพื่อหาข้อมูลจำเพาะ, ฟังเพื่อหารายละเอียด Speaking: พูดบรรยายลักษณะบุคคล 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการเปรียบเทียบ 3.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Describing people 1. ครูบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ของ Unit 2b ว่านักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบรรยายลักษณะของบุคคล การแสดงความรู้สึก และช่วงวัย (stages in life)
85 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. ครูนำเข้าสู่บทเรียนด้วยการให้นักเรียนช่วยกันระดมสมองบอกคำศัพท์ที่ใช้บรรยายลักษณะบุคคลให้ได้มาก ที่สุด ครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดาน เช่น long hair, short hair, thin lips, blue eyes, tall, short, old, young, middle-aged เป็นต้น จากนั้นนักเรียนจัดกลุ่มคำศัพท์ที่อยู่บนกระดานให้อยู่ในหัวข้อ ต่อไปนี้age, build, facial features 3. ครูอ่านคำศัพท์ที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 16 Ex.1a แล้วอธิบายความหมายด้วยการยกตัวอย่างประโยค หรือชี้ไปที่ส่วนต่างๆ บนใบหน้า จากนั้นให้นักเรียนจับคู่และตอบคำถามที่กำหนดให้ Jean: dimples, a centre parting, a wide forehead, a pointed chin Tony: spiky hair, glasses, a wide forehead, crooked teeth Bill: a beard, bushy eyebrows, a moustache, a wide forehead Mr Harris: wrinkles, a wide forehead, bushy eyebrows, a pointed chin Peter: freckles, a wide forehead, straight hair. 4. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 16 Ex.1b แล้วให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันเติมคำคุณศัพท์หรือวลีลงใน ตารางให้ได้มากที่สุด ครูตรวจคำตอบของนักเรียนบนกระดาน แล้วให้นักเรียนลอกตารางคำศัพท์ดังกล่าวลง ในสมุด จากนั้นให้นักเรียนพูดบรรยายลักษณะของตัวเองโดยใช้คำศัพท์ในตาราง Age: in his early/mid/late twenties, newborn, middle-aged, elderly Height/Build: tall, slim, muscular Hair: straight, cropped, long, (going) bald, curly Face: round, square, long, angular Cheeks: round, chubby, high cheekbones Eyebrows: thick, thin, bushy Eyes: brown, blue, grey, big, almond-shaped Eyelashes: long, short Nose: pointed, hook, button, straight, crooked Mouth: small, full lips, crooked teeth Chin: double, square jaw Suggested answer key: I am in my early teens. I am tall and slim and I’ve got blonde curly hair. I’ve got a round face and rosy cheeks. I’ve got thin eyebrows and almondshaped blue eyes with short eyelashes. My nose is pointed and my mouth is small. I’ve also got a pointed chin.
86 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา แบ่งนักเรียนในชั้นเป็น 2 ทีม เลือกผู้นำเกมมา 1 คน ผู้นำเกมนึกถึงเพื่อนในชั้น 1 คน แล้วให้ทั้ง 2 ทีม ผลัด กันถามคำถามเพื่อหาว่าเพื่อนคนนั้นคือใคร ทีมที่ตอบถูก ได้รับ 1 คะแนน จากนั้นเลือกผู้นำเกมคนใหม่ แล้ว เล่นเกมต่อไป e.g. Team A S1: Is it a boy? Leader: Yes, it is. Team B S1: Is he tall? Leader: Yes, he is. Team A S2: Has he got red hair? Leader: No, he hasn’t. etc. ครูนำเสนอสำนวนสุภาษิตที่เกี่ยวกับอวัยวะ จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันอธิบายความหมายและบอกสำนวน สุภาษิตไทยที่ใกล้เคียงกับสำนวนเหล่านี้ make somebody’s hair stand on end (idm) = to shock or frighten somebody (ขนหัว ลุก) ตัวอย่างเช่น The thought of jumping out of a plane makes my hair stand on end. before/in front of somebody’s (very) eyes (idm) = in front of somebody; while you are watching (ต่อหน้าต่อตา) ตัวอย่างเช่น Then, before my very eyes, she disappeared. born with a silver spoon in your mouth (saying) having rich parents (คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด) ตัวอย่างเช่น He was born with a silver spoon in his mouth and probably never had to work a day in his life. by word of mouth (idm) because people tell each other and not because they read about it (ปากต่อปาก) ตัวอย่างเช่น The news spread by word of mouth. lead somebody by the nose (idm) to make somebody do everything you want; to control somebody completely (จูงจมูก) ตัวอย่างเช่น As the two start to get drunk, Robby loses what little willpower he has been able to muster and Shane leads him by the nose into disaster. 5. ครูอธิบายว่ารูปที่นักเรียนเห็นในหนังสือเรียน หน้า 16 Ex.2a คือบุคคลที่มีชื่อเสียง จากนั้นครู กระตุ้นให้นักเรียนช่วยกันบอกอาชีพของแต่ละคน Sandra Bullock - actress Hugh Jackman - actor (เช่น ภาพยนต์ Real Steel) Mark Wahlberg - actor (เช่น ภาพยนตร์ Transformer: The Last Knight) Tom Holland - actor (เช่น ภาพยนตร์ Spiderman) กิจกรรมเพิ่มเติม กิจกรรมเพิ่มเติม
87 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Barack Obama - president of the United States. ครูให้เวลานักเรียนเตรียมข้อมูลเพื่อบรรยายลักษณะบุคคลทั้ง 5 ในภาพ เสร็จแล้วจึงสุ่มเรียก นักเรียนให้รายงานคำตอบ Suggested answer key: Sandra Bullock has got long straight dark hair and an oval face with high cheekbones. Her eyebrows are thin and arched and she has got dark eyes. Her nose is straight, and she has got thin lips. She has got a centre parting, dimples and a pointed chin. Hugh Jackman has got short spiky hair. He has got a long face, bushy eyebrows, and brown eyes. He has also got a long nose, square chin, wrinkles, a moustache, and beard. Mark Wahlberg has got short straight dark hair. He has got small brown eyes and a crooked nose. He has also got a wide forehead and wrinkles. Tom Holland has got short brown hair. He has got small dark eyes and he wears glasses. He has also got a pointed nose, thin lips, a pointed chin and dimples. Barack Obama has got short grey hair and a long face with a wide forehead. He has got large ears and a pointed nose. He also has thin lips, a square chin, bushy eyebrows and wrinkles. 6. ครูอ่านชื่ออาชีพในหนังสือเรียน หน้า 16 Ex.2b และอธิบายคำศัพท์ที่นักเรียนไม่รู้จากนั้นอธิบายว่าอาชีพ เหล่านี้คืออาชีพที่บุคคลในภาพ A-E เคยทำมาก่อนที่จะมีชื่อเสียง ครูอธิบายภาระงาน แล้วเปิด CD1/track 12 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟังและจับคู่บุคคลในภาพ A-E กับอาชีพที่พวกเขาเคยทำ เสร็จแล้วตรวจคำตอบพร้อมกัน PE teacher – Hugh Jackman bartender – Sandra Bullock rapper – Mark Wahlberg ice cream server – Barack Obama musical dancer – Tom Holland ให้นักเรียนหาข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ว่าเคยทำอาชีพอะไรมาก่อน และนำข้อมูลมาบอกเล่า ให้เพื่อนๆ ในห้องฟัง หรือครูอาจให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มทำแบบทดสอบความรู้ (quiz) เกี่ยวกับอาชีพใน อดีตของบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อให้เพื่อนๆ ในห้องที่เหลือทาย กิจกรรมเพิ่มเติม
88 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 7. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 2 คน อ่านตัวอย่างบทสนทนาในหนังสือเรียน หน้า 16 Ex.2c จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ แสดงบทสนทนาคล้ายๆ กับตัวอย่าง ครูตรวจคำตอบของนักเรียน แล้วสุ่มเลือกนักเรียนบางคู่ออกมาสนทนา ที่หน้าชั้น Suggested answer key: A: When was Barack Obama born? B: He was born in 1961. A: What does he look like? B: He has got short gray hair, a pointed chin and large ears. A: What did he do before he became President of the USA? B: He was an ice cream server. A: When was Hugh Jackman born? B: He was born in 1968. A: What does he look like? B: He has got a long face, bushy eyebrows, and brown eyes. A: What did he do before he became an actor? B: He was a PE teacher. A: When was Mark Wahlberg born? B: He was born in 1971. A: What does he look like? B: He has got small brown eyes and a crooked nose. He has also got a wide forehead and wrinkles. A: What did he do before he became an actor? B: He was a rapper. A: When was Tom Holland born? B: He was born in 1996. A: What does he look like? B: He has got small dark eyes and he wears glasses. He has also got a pointed nose, thin lips, a pointed chin and dimples. A: What did he do before he became an actor? B: He was a dancer in a musical.
89 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 8. ให้นักเรียนทำโปสเตอร์เกี่ยวกับบุคคลที่มีชื่อเสียง 4-5 คน ในหนังสือเรียน หน้า 16 หัวข้อ Project โดย เขียนบอกอาชีพ อายุและบรรยายลักษณะสั้นๆ พร้อมทั้งตกแต่งด้วยรูปภาพ Suggested answer key: Name: Justin Bieber Job: Singer, Songwriter Age: March 1, 1994 (age 29) Description: Justin came onto the music scene in 2009 at the age of fifteen. He's had many hit singles and albums since and has become a major pop star. Name: Zendaya Coleman Job: Actress, Singer Age: September 1, 1996 (age 27) Description: Zendaya is most known for her co-starring role in the Disney Channel TV show Shake It Up!. Growing up, she spent a lot of time at a theatre where she learned acting. ครูแนะนำเว็บไซต์เพื่อให้นักเรียนฝึกพูดบรรยายภาพ (describing a picture) ที่เว็บไซต์ต่อไปนี้ http://esol.britishcouncil.org/content/learners/skills/speaking/waiting-queue ครูอาจให้นักเรียนทำร่วมกันในห้อง ถ้ามีอินเทอร์เน็ตหรือทำนอกเวลาเรียนในห้องคอมพิวเตอร์ ครูอธิบายภาระงานให้นักเรียนฟังก่อนว่า นักเรียนจะได้ฝึกพูดบรรยายภาพคนที่กำลังยืนคอยอยู่ในแถว (waiting in a queue) โดยนักเรียนไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้คำศัพท์ เพราะจะมีกิจกรรมให้ฝึกคำศัพท์ ฝึกเติมคำ ในประโยค อ่านประโยคบรรยายภาพที่ให้มาและระบุว่าถูกหรือผิด เรียงคำที่กำหนดให้เป็นประโยคที่ถูกต้อง แล้วนักเรียนถึงจะได้ฝึกบรรยายภาพด้วยตนเอง Stages in life 1. ครูอ่านเหตุการณ์(event) ที่กำหนดให้ในตารางในหนังสือเรียน หน้า 16 Ex.3a และอธิบายภาระงานให้ นักเรียนฟัง จากนั้นเปิด CD1/track 13 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟัง และเติมอายุเฉลี่ยของคน อเมริกันสำหรับแต่ละเหตุการณ์ในตาราง เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน แล้วให้นักเรียนแต่งประโยคเหมือน ดังตัวอย่าง EVENT AGE start elementary school 5 go to college/university 18 กิจกรรมเพิ่มเติม
90 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา leave home 18 get married 26 have first child 27 buy a house 35 retire 65 Suggested answer key: Americans usually go to college/university at the age of eighteen. Americans usually leave home at the (average) age of eighteen. Americans usually get married at the (average) age of twenty-six. Americans usually have their first child at the (average) age of twenty-seven. Americans usually buy a house at the (average) age of thirty-five/in their mid-thirties. Americans usually retire at the age of sixty-five. 2. ให้นักเรียนจับคู่ทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 17 Ex.3b โดยทำตารางอายุเฉลี่ยของคนไทยเกี่ยวกับ เหตุการณ์สำคัญในชีวิตเหมือนอย่างใน Ex.3a ครูช่วยนักเรียนในกรณีที่จำเป็น จากนั้นให้นักเรียน เปรียบเทียบตารางข้อมูลของอเมริกากับของไทย พร้อมทั้งกระตุ้นให้นักเรียนอธิบายเหตุผลทำไมข้อมูลจึง แตกต่างกัน เช่น Americans usually leave home when they are eighteen because they are very independent. However, people in my country usually stay at home until they get married because they feel safe and comfortable there. Suggested answer key: JAPAN EVENT AGE start elementary school 6 go to college/university 18 leave home 27 get married 27 have first child 29 buy a house 40 retire 60
91 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา - In my country, we start elementary school at 6 whereas in the USA they start at 5. - In my country, we typically leave home and get married at 27 whereas in the USA they leave home at 18 and get married at about 26. นักเรียนใช้ตารางข้อมูลที่นักเรียนทำ ฝึกพูดเกี่ยวกับประเทศของตนเอง เสร็จแล้วเขียนข้อมูลเหล่านี้เป็น การบ้าน 3. ครูอ่านข้อมูลใน diagram ในหนังสือเรียน หน้า 17 Ex.3c และอธิบายว่าเป็น diagram เกี่ยวกับอะไร จากนั้นให้นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้ข้อมูลใน diagram นี้ เพื่อตรวจสอบว่านักเรียนเข้าใจคำศัพท์เกี่ยวกับ ช่วงวัยหรือไม่ เช่น A baby is someone who is under one year old. หรือครูอาจใช้วิธีการถามคำถาม แทน เช่น T: What do we call someone who is 25 years old? Ss: An adult. จากนั้นครูอธิบายภาระงานว่าให้นักเรียนทำงานคู่ ช่วยกันคิดเหตุการณ์สำคัญ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละ ช่วงวัยใน diagram แล้วแต่งประโยคเหมือนดังตัวอย่าง โดยครูอ่านประโยคตัวอย่างให้นักเรียนฟัง แล้วจึงให้ เวลานักเรียนทำกิจกรรม เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน Suggested answer key: A baby gets a name. A toddler learns to talk. A child learns to read and write/goes to school. A teenager goes to high school/college/university/gets a driving licence. An adult gets married/has children/buys a house. A middle-aged person gets promoted. A middle-aged person’s children leave home. A senior adult retires/claims a pension/has grandchildren. Feelings 1. ครูอ่านคำคุณศัพท์เกี่ยวกับความรู้สึกที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 17 Ex.4a และให้นักเรียนช่วยกันอธิบาย ความหมาย ด้วยการยกตัวอย่างประโยค จากนั้นให้นักเรียนจับคู่กันนำคำคุณศัพท์ที่กำหนดให้มาใส่ชื่อกลุ่มที่ ถูกต้อง เสร็จแล้วเฉลยคำตอบร่วมกัน ☺ Pleasant …… delighted, cheerful, ecstatic, pleased Neutral …… bored, calm, relaxed Unpleasant … terrified, worried, impatient, sad, annoyed, depressed, กิจกรรมเพิ่มเติม
92 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา furious, miserable, nervous, frustrate 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 17 Ex.4b ว่าให้นักเรียนเลือกคำคุณศัพท์ใน Ex.4a จากทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ pleasant, neutral, unpleasant กลุ่มละ 1 คำ แล้วให้นักเรียนแต่งประโยคจากประสบการณ์ของ ตนเอง เพื่อตอบคำถามต่อไปนี้ What was the last time you felt like this? What had happened to cause this feeling? Suggested answer key: The last time that I was terrified was during a thunderstorm. It was last Monday evening and I was at home. My parents had gone out. Suddenly it started raining heavily … etc. หรือครูอาจแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ให้นักเรียนแต่ละคนเขียนคำคุณศัพท์ใส่ในกระดาษแผ่นเล็กๆ แล้วรวบรวมกระดาษที่เขียนใส่ลงในกล่อง จากนั้นให้นักเรียนในกลุ่มผลัดกันออกมาหยิบกระดาษ เมื่อหยิบได้ คำคุณศัพท์คำใด ให้นักเรียนคนนั้นคิดถึงประสบการณ์ที่เกี่ยวกับคำคุณศัพท์นั้น แล้วพูดให้เพื่อนในกลุ่มฟัง 3. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 17 Ex.5 แล้วเปิด CD1/track 14 (หรือสแกน QR code) ให้ นักเรียนฟังและตอบว่าผู้พูดแต่ละคนรู้สึกอย่างไร ครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียนเพื่อตรวจคำตอบ จากนั้นเปิด CD1/track 14 (หรือสแกน QR code) อีกครั้ง โดยหยุด CD เมื่อผู้พูดแต่ละคนพูดจบ เพื่อให้ นักเรียนอธิบายว่าทำไมผู้พูดแต่ละคนจึงรู้สึกเช่นนั้น Suggested answer key: Speaker 1: furious – poor service Speaker 2: delighted/thrilled – surprise birthday party Speaker 3: annoyed – lecture continuously interrupted Speaker 4: terrified – scary roller coaster ride Speaker 5: bored – repetitive work 4. ครูอ่านคำ/วลีในหนังสือเรียน หน้า 17 Ex.6 และตรวจสอบว่านักเรียนเข้าใจความหมายของคำ/วลีเหล่านี้ หรือไม่ โดยการถามคำถาม เช่น T: When might we hear a siren wailing? Ss: When a police car or an ambulance passes by on the way to an accident. จากนั้นครูเปิด CD1/track 15 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟัง และจับคู่เสียงที่ได้ยินกับความรู้สึก หลังจากได้ยินเสียงแต่ละเสียง เสร็จแล้วให้นักเรียนแต่งประโยคเหมือนดังตัวอย่าง
93 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 1. – b Whenever I hear a siren wailing, I feel nervous. 2. – a Whenever I hear dogs barking, I feel irritated. 3. – e Whenever I hear waves splashing, I feel relaxed. 4. – d Whenever I hear a message notification, I feel eager. 5. – c Whenever I hear thunder crashing, I feel scared. 5. ให้นักเรียนดูรูปสัญลักษณ์ในหนังสือเรียน หน้า 17 Ex.7 ครูและนักเรียนศึกษาสัญลักษณ์ที่ให้มาร่วมกัน จากนั้นครูอ่านข้อความที่ 1 และให้นักเรียนตอบกลับโดยใช้สัญลักษณ์ตัวใดตัวหนึ่ง เสร็จแล้วจึงให้นักเรียน จับคู่และทำแบบฝึกหัดข้อที่เหลือ Suggested answer key: 2. happy / very happy / excited 3. tearful / sad4. excited / happy / very happy 5. hopeful 6. disappointed / sad ครูอาจให้นักเรียนฝึกเพิ่มเติมด้วยการให้นักเรียนจับคู่กัน เขียนข้อความ (messages) ในกระดาษ แล้วให้แต่ ละคู่แลกเปลี่ยนข้อความกัน และเขียนตอบข้อความของกันและกัน โดยใช้สัญลักษณ์ในหนังสือเรียน หน้า 17 Ex.7 ให้นักเรียนค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต เพื่อหาสัญลักษณ์ที่ใช้แสดงความรู้สึก (emoticons) เพิ่มเติม โดยจดใส่ สมุด พร้อมทั้งอธิบายความหมาย แล้วออกมานำเสนอที่หน้าชั้นในคาบเรียนถัดไป 6. ครูอ่านคำคุณศัพท์ข้อ 1-10 ในหนังสือเรียน หน้า 17 Ex.8 แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกความหมาย ครูอธิบายว่า collocations = A combination of words in a language, that happens very often and more frequently than would happen by chance. จากนั้นให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด โดยเติมคำ ว่า be และ/หรือ feel หน้าคำคุณศัพท์ที่กำหนดให้เมื่อนักเรียนทำเสร็จแล้ว ครูเฉลยคำตอบพร้อมกัน และ ให้นักเรียนแต่งประโยคเกี่ยวกับตัวเอง โดยใช้ collocations ใน Ex.8 1. feel/be 2. feel/be 3. be 4. be 5. feel/be 6. be 7. be 8. be 9. be 10. be/feel กิจกรรมเพิ่มเติม
94 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Suggested answer key: I felt exhausted after my long journey. I started to feel worried when the bus didn’t come. I couldn’t help feeling responsible for the accident. แบบฝึกหัด หน้า 8 Exs. 1-2 หน้า 9 Exs. 4-5 และหน้า 11 Exs.10-12 (ดูเฉลยภาคผนวก C) Unit 2c Grammar in use 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 1.ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานต่างๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยายที่ฟัง และ อ่าน 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และข้อความที่ ฟังหรืออ่าน 4. จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก การฟัง และอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดีพร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.3: นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูด และการเขียน ตัวชี้วัด 1. พูดและเขียนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่อง และประเด็น ต่างๆ ตามความสนใจของสังคม มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 4.2: ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ
95 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Vocabulary: phrasal verbs (carry, come) Grammar: past tenses, used to/would, prepositions • Language skills Listening: ฟังเพื่อหารายละเอียด Speaking: พูดเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองเคยทำเมื่อตอนเป็นเด็ก, พูดเกี่ยวกับญาติของตนเอง 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Past tenses 1. ครูบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ของ Unit 2c ว่า นักเรียนจะได้ฝึกใช้ past tenses, used to/would, prepositions, phrasal verbs (carry, come) 2. ครูทบทวนรูปของ past simple tense ด้วยการบอกคำกริยาช่องที่ 1 และให้นักเรียนบอกคำกริยารูปอดีต ของคำกริยาดังกล่าว Suggested verb list: answer, take, swim, read, happen, drive, work, eat, sleep, etc. e.g. T: answer S1: answered T: take S2: took ครูทำกิจกรรมเช่นเดียวกันนี้ แต่คราวนี้เปลี่ยนให้นักเรียนบอกกริยาช่องที่ 3 (past participle form) e.g. T: answer S1: answered T: take S2: taken etc. 3. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 18 Ex.1a โดยช่วยกันบอกว่าคำกริยาที่พิมพ์ตัวหนาในแต่ละ ประโยคนั้นอยู่ใน tense ใด แล้วจับคู่กับวิธีการใช้ (a-d) ครูและนักเรียนศึกษาตัวอย่างคำตอบในข้อ 1 ร่วมกันก่อน จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันทำแบบฝึกหัดข้อที่เหลือ
96 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 1. b (past simple) 2. d (past continuous) 3. c (past perfect simple) 4. a (past perfect continuous) ให้นักเรียนขีดเส้นใต้กริยาที่อยู่ในรูป past tense forms ในบทอ่านในหนังสือเรียน หน้า 15 จากนั้นให้บอก ว่ากริยาดังกล่าวอยู่ในรูป tense ใดและมีวิธีการใช้อย่างไร 4. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 18 Ex.1b โดยขีดเส้นใต้คำที่เป็น time adverbs ในประโยค 1- 4 ใน Ex.1a จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันบอก time adverbs คำอื่นๆ ที่ใช้ร่วมกับ tenses เหล่านี้ครู ช่วยเหลือนักเรียนในจุดที่จำเป็น เสร็จแล้วให้นักเรียนแต่งประโยค 3 ประโยค โดยใช้ time adverbs เหล่านี้ แล้วสุ่มเรียกนักเรียนให้อ่านประโยคที่ตนเองแต่งให้เพื่อนๆ ฟัง 1. She left university six years ago. (past simple) 2. He was waiting for the bus when the accident happened. (past continuous) 3. He had just finished his report when his boss asked to see him. (past perfect simple) 4. She had been working as a clerk for two years before she got promoted. (past perfect continuous) Other time adverbs: since/already/yet (past perfect); while (past continuous) ครูให้นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้ time adverbs เหล่านี้ Suggested answer key: I was watching TV while Tom was having a shower. He had been in New York for three months when he decided to move to LA. etc 5. ให้นักเรียนจับคู่คำ/วลีที่กำหนดให้ในกรอบ A, B และ C ในหนังสือเรียน หน้า 18 Ex.2 เพื่อทำให้เป็น ประโยค โดยให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ เสร็จแล้วครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียนเพื่อตรวจคำตอบ 1. They had been looking for a house for six months before they found what they were looking for. 2. Martin has been living in Thailand for two years now. 3. Janet was working on her computer when the lights went off. 4. I haven’t seen Joanne since she got married. 5. Joe was cooking while Ann was laying the table. กิจกรรมเพิ่มเติม กิจกรรมเพิ่มเติม
97 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 6. Gail has been abroad three times this year. 6. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 18 Ex.3 แล้วให้นักเรียนจับคู่ทำงาน โดยเปลี่ยนคำกริยาในวงเล็บ ให้อยู่ในรูป past tense ที่ถูกต้อง เสร็จแล้วเฉลยคำตอบพร้อมกัน และให้นักเรียนอธิบายเหตุผล ประกอบด้วยว่าทำไมแต่ละข้อจึงใช้ tense ดังกล่าว 1. broke, was painting (past action in progress interrupted by another action) 2. passed, had been studying (happened before another past action with emphasis on continuation) 3. had Mary been working, retired (happened before another past action) 4. was walking, bumped (past action in progress interrupted by another action) 5. was shining, were singing, were driving (actions in progress at a certain time in the past) 6. had finished, were waiting, rang (had finished – happened before another past action) (were waiting – past action interrupted by another past action [rang]) 7. Did you work, didn’t leave (happened at a specific time in the past) 8. had visited, went (had visited – happened before another past action) (went – happened at a specific time in the past) 9. Did you see, got, had already left (Did you see – happened at a specific time in the past) (had already left – happened before a specific action in the past [got]) 10. was walking, heard (past action in progress interrupted by another action) 7. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 18 Ex.4 แล้วให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันขีดเส้นใต้คำตอบที่ถูกต้อง เสร็จแล้วรวบรวมคำตอบจากนักเรียน เพื่อตรวจคำตอบ 1. found, had broken 2. was driving, when 3. arrived, had gone 4. When, just 5. had been living, for 6. didn’t shave, didn’t have 7. After, joined 8. had been watching, when 9. was having, went 10. never, before 8. ให้นักเรียนเล่นเกมในหนังสือเรียน หน้า 19 หัวข้อ Game โดยครูแบ่งนักเรียนเป็นทีม แล้วให้แต่ละทีมใช้ past tenses ในการบอกเล่าว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับบุคคลในภาพ 1-4 ทีมที่พูดประโยคได้ถูกต้องจะได้ 1 คะแนน ทีมที่ได้คะแนนมากที่สุดจะเป็นทีมที่ชนะ 2. He had been playing football for an hour when he cut his finger. 3. He had been working in the library when some books fell and hit his head. 4. While she was making her breakfast she burnt her hand.