The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ann milaela, 2023-06-06 05:27:11

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม6

ครูพีระ

148 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา A: How are you getting there? B: By train. A: How long are you staying? B: I’m not sure yet. I think I’ll be there for a week. A: What are you going to do? B: We’re going to visit historical sites and museums. 4. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 28 Ex.3a และให้นักเรียนอ่านประโยค 1-5 แล้วระบุว่าประโยค เหล่านี้ประโยคใดแสดงการขอร้อง (a request), คำสัญญา (a promise), ความหวัง (a hope), ความกลัว (a fear), การเสนอ (an offer) และทั้ง 5 ประโยคอยู่ใน tense ใด โดยครูทำข้อ 1 ร่วมกับนักเรียนเพื่อเป็น ตัวอย่าง แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันทำข้อที่เหลือ เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน 1. a fear 2. a promise 3. a request 4. an offer 5. a hope Future simple is used in all the sentences. 5. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 28 Ex.3b โดยแต่งประโยคที่แสดงถึงการขอร้อง (a request), คำสัญญา (a promise), ความหวัง (a hope), ความกลัว (a fear), การเสนอ (an offer) อย่างละ 1 ประโยค จากนั้นครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียนในชั้น เพื่อตรวจคำตอบ Suggested answer key: I’m afraid we’ll lose the game if we don’t play better in the second half. I promise I’ll tell you as soon as I know what’s happening. Will you pick Heather up from the airport? I’ll help you with that if you like. I hope we’ll be able to afford to go away this summer. 6. ให้นักเรียนอ่านข้อมูลในกรอบในหนังสือเรียน หน้า 28 Ex.4 แล้วดูตัวอย่างประโยคที่ให้มา จากนั้นให้เวลา นักเรียน 2 นาที เปลี่ยนคำกริยาในวงเล็บให้อยู่ในรูป tense ที่ถูกต้อง เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกันบน กระดาน 1. meets 2. will Sam finish 3. gets 4. arrives 5. comes 6. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 28 Ex.5 แล้วให้เวลานักเรียน 3 นาที เปลี่ยนคำกริยา ในวงเล็บในบทสนทนาให้อยู่ในรูป future form ที่ถูกต้อง ครูตรวจคำตอบโดยให้นักเรียนจับคู่กันแสดงบท สนทนาดังกล่าว


149 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 1. A: am going B: am going to be; will meet; finish/have finished 2. A: ’m going B: - A: ’ll get 3. A: ’re going B: ’s going to rain; will get 4. A: Will you help B: ’m picking; will help; get 8. ให้นักเรียนทำกิจกรรมขั้นก่อนการอ่านในหนังสือเรียน หน้า 28 Ex.6 โดยดูชื่อเรื่องและภาพประกอบบท อ่าน แล้วตอบคำถามว่า What do you think the article is about? (Earth, planets, space) จากนั้นให้ นักเรียนช่วยกันบอกชื่อของดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ (Mercury, Venus, Earth, Mars, Jupiter, Saturn, Uranus, and Neptune) ต่อมาให้นักเรียนอ่านประโยคแรกในบทอ่าน และตอบคำถามต่อไปนี้ If you could have a holiday on one of the planets, which would you choose? Why? ครูอธิบายภาระงานแล้วให้นักเรียนเปลี่ยนคำกริยาในวงเล็บในบทอ่านให้อยู่ในรูป tense ที่ถูกต้อง ครูตรวจ คำตอบโดยสุ่มเรียกนักเรียนให้อ่านบทอ่านที่เติมคำสมบูรณ์แล้ว เสร็จแล้วจึงให้นักเรียนตอบคำถามว่า นักเรียนรู้สึกอย่างไรกับการไปเที่ยวในอวกาศ 1. have been 2. will become 3. have also realised 4. are 5. will need 6. has already made 7. will be 8. will pay 9. will suffer 10. are looking for ครูถามคำถามนักเรียนดังต่อไปนี้What kind of writing is it? (an article); Where could it be found? (a blog post or magazine); What do you think of this type of holiday? ขั้นหลังการอ่าน ให้นักเรียนค้นคว้าความรู้เพิ่มเติมจากห้องสมุด หรือ Internet เกี่ยวกับดาวเคราะห์ (planets) แล้วให้นักเรียนทำตารางข้อมูลเกี่ยวกับระยะห่างจากดวงอาทิตย์ (distance from the sun) เส้น ผ่านศูนย์กลาง (diameter) อุณหภูมิ (temperature) หรือในอีกทางเลือกหนึ่งครูให้นักเรียน ทำแบบจำลองของระบบสุริยะ เป็นต้น 9. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.7 และอ่านตัวอย่างคำตอบที่ให้มา จากนั้นให้เวลานักเรียน แต่งประโยคตามเงื่อนไขที่ให้มา ดังนี้ 2. ความทะเยอทะยาน/ความใฝ่ฝัน 3. การทำนายเกี่ยวกับอนาคตของโลก 4. ความหวัง/ความกลัวเกี่ยวกับอนาคต เสร็จแล้วขออาสาสมัครหลายๆ คน อ่านคำตอบของตนเอง กิจกรรมเพิ่มเติม


150 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Suggested answer key: 1. Next year I’m going to buy a car. 2. I’m going to join the police when I finish college. 3. Technology is advancing so quickly that computers are going to control everything soon. 4. I hope I will be able to study computer graphics. Conditionals types 0 and 1 1. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.8 โดยเปลี่ยนคำกริยาในวงเล็บให้อยู่ใน tense ที่ถูกต้อง แล้วระบุว่าประโยคดังกล่าวเป็นประโยคเงื่อนไขแบบ 0 (conditional types 0) หรือแบบที่ 1 (conditional types 2) เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน 1. comes (type 1) 2. get (type 0) 3. will come (type 1) 4. will be (type 1) 5. fails (type 1) 6. pour (type 0) จากนั้นครูกระตุ้นให้นักเรียนบอกกฎ (rules) และหลักการใช้ (use) ประโยคเงื่อนไขทั้ง 2 แบบ (Type 0 is used for laws of nature. Type 1 is used for a real situation in the future.) ครูชี้ให้นักเรียนเห็นว่า เมื่อ If-clause อยู่หน้า main clause ต้องคั่นด้วย , (comma) ส่วนคำว่า unless มีความหมาย เท่ากับ If not ครูอาจให้นักเรียนศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจาก Grammar Referenceในหนังสือเรียน หน้า 125 2. ครูเขียนประโยคต่อไปนี้บนกระดาน We’ll go to the beach if the weather improves. We’ll go to the beach when the weather improves. แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกว่าทั้ง 2 ประโยคมีความหมายแตกต่างกันอย่างไร (If means that the weather may improve, when means that the weather will definitely improve) ครูอธิบาย ว่าบางประโยคสามารถใช้ได้ทั้ง If และ when จากนั้นให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.9a และตรวจคำตอบร่วมกัน 2 – b If the rain stops, we will go out. / When the rain stops, we will go out. 3. – a If I see Tom, I’ll invite him to the party. / When I see Tom, I’ll invite him to the party. 4. – c If you need help, ask Joanne. 5. – e If he works overtime, he will finish the project in time. 6. – g If you lose your passport, report it immediately.


151 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 7. – d If she has some free time, she will call on us. / When she has some free time, she will call on us ครูถามนักเรียนว่าในภาษาไทยมีประโยคเงื่อนไขหรือไม่ จากนั้นครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียน เสร็จแล้วครู อธิบายให้นักเรียนฟังสั้นๆ วิเศษณานุประโยคบอกเงื่อนไข ในภาษาไทย วิเศษณานุประโยค คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่อย่างวิเศษณ์วลี คือขยายกริยาวลี เช่น เขา ทำงานหามรุ่งหามค่ำซึ่งไม่ดีกับสุขภาพเลย วิเศษณานุประโยคอาจอยู่หน้า หรือหลังประโยคหลักก็ได้ เช่น เมื่อเขาทุจริต เราก็คงต้องให้เขาออก เราคงต้องให้เขาออก เมื่อเขาทุจริต เมื่อวิเศษณานุประโยคอยู่หน้าประโยคหลัก มักจะมีคำเชื่อมเสริม “ก็, จึง, เลย, ถึง” อยู่หน้าประโยคหลักด้วย คำเชื่อมวิเศษณานุประโยค มีหลายกลุ่ม ที่พบบ่อยมีดังนี้ คำเชื่อมวิเศษณานุประโยคบอกเวลา เช่น เมื่อ, ขณะที่, ก่อน, หลัง, หลังจากที่, แต่, ตั้งแต่ คำเชื่อมวิเศษณานุประโยคบอกเหตุ เช่น จน, กระทั่ง, จนกระทั่ง, คำเชื่อมวิเศษณานุประโยคบอกความมุ่งหมาย เช่น เพื่อ คำเชื่อมวิเศษณานุประโยคบอกเงื่อนไข เช่น ถ้า, หาก, หากว่า, ถ้าหากว่า คำเชื่อมวิเศษณานุประโยคบอกความขัดแย้ง เช่น ทั้งที่, แม้ว่า ตัวอย่างวิเศษณานุประโยคมีคำเชื่อมวิเศษณานุประโยคบอกเงื่อนไข เช่น เธอจะประสบความสำเร็จ ถ้าเธอตั้งใจทำงานจริง หากเขาไม่มา ฉันจะทำเดินงานเอง ที่มา: วิจินตน์ ภาณะพงศ์ และคณะ (2552) หนังสืออุเทศภาษาไทย ชุด บรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม 3: ชนิดของคำ วลี ประโยคและสัมพันธสาร. กรุงเทพฯ: สถาบันภาษาไทย กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 104-105 ครูแนะนำสำนวนสุภาษิตภาษาอังกฤษที่เป็นประโยคเงื่อนไข If you can’t stand the heat, get out of the kitchen. ( = used as a way to tell someone that they should either stop complaining about a difficult or unpleasant activity, or stop doing it) กิจกรรมเพิ่มเติม


152 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา If you can’t beat them, join them. ( = said when you accept that you cannot be as successful as other people without doing what they do, even though you do not approve of or agree with it) ครูถามนักเรียนว่า สำนวนทั้ง 2 สำนวนนี้เป็นประโยคเงื่อนไขแบบใด เมื่อได้คำตอบว่าแบบ 0 แล้ว ครูให้ นักเรียนช่วยกันอธิบายความหมายของสำนวนทั้ง 2 นี้ If you can’t stand the heat, get out of the kitchen. (ถ้าทนร้อนไม่ไหว ก็ออกไปจากครัวซะ) ใช้กล่าวกับผู้อื่นในกรณีที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีความกดดันหรือความเครียด และคงไม่สามารถทนความ กดดันนั้นได้ว่า ให้หยุดบ่นและก็ออกไปจากสถานการณ์นั้นหรือยอมแพ้ไปซะ If you can’t beat them, join them. (ถ้าสู้เค้าไม่ได้ ก็ร่วมมือกับเค้าซะ) หมายความว่าถ้าไม่สามารถ แข่งขันสู้กับคนอื่นได้ ก็ให้ทำตามเขาซะ ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่เห็นด้วยกับเขาก็ตาม จากนั้นครูถามนักเรียนว่าในภาษาไทยมีสำนวนที่ใกล้เคียงกับสำนวนเหล่านี้หรือไม่ แล้วให้นักเรียนช่วยกัน ค้นหาว่าสำนวนเหล่านี้มีที่มาอย่างไร 3. ให้นักเรียนเล่นเกม Chain story ในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.9b โดยแบ่งนักเรียนเป็นทีม แต่ละทีม ผลัด กันส่งตัวแทนออกมาแต่งเรื่องต่อๆ กัน โดยให้ใช้ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 ทีมที่แต่งประโยค ได้ถูกต้อง จะได้ประโยคละ 1 คะแนน เมื่อเล่นเกมเสร็จแล้ว ทีมใดที่ได้คะแนนมากที่สุด จะเป็นทีมที่ชนะใน การเล่นเกม ครูอาจให้นักเรียนใช้สถานการณ์อื่นๆ เพื่อให้นักเรียนแต่งประโยค เช่น If Ann goes to Spain,…………. If Sally loses her job,……… etc. Suggested answer key: Team A S1: If Tom wins the competition, he’ll win lots of money. Team B S1: If Tom wins lots of money, he’ll buy a sports car. Team A S2: If Tom buys a sports car, he’ll tour Majorca all summer. Team B S2: If Tom tours Majorca all summer, he’ll visit lots of interesting places. 4. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.10a และอ่านตัวอย่างคำตอบที่ให้มา จากนั้น ให้นักเรียนลอก diagram จากหนังสือเรียนลงในสมุด เสร็จแล้วใช้ diagram ดังกล่าวแต่งประโยคเกี่ยวกับ ตัวเอง Suggested answer key: - I’ll definitely go to Spain this spring. - I’ll probably visit El Prado one of the largest and most famous museums of art in Europe. - I could stay in a hostel. - I may visit Retiro Park which is an ideal spot for a picnic. - I might hire a car.


153 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 5. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.10b แล้วให้นักเรียนแต่งประโยคจากข้อมูลที่ให้มา โดยให้ นักเรียนตอบปากเปล่าในชั้นเรียน Suggested answer key: If I get my university degree, I will probably get a good job. If I become famous, I will definitely be on TV. If I get some time off work, I may go to New York. If I get married, I will probably have children. The definite article ให้นักเรียนทำกิจกรรมขั้นก่อนการอ่าน โดยครูแบ่งนักเรียนเป็นทีมเพื่อเล่นเกม Geography Quiz จากนั้นครู ถามคำถามนักเรียน และให้คะแนนทีมที่ตอบถูก ข้อละ 1 คะแนน เมื่อเล่นเกมเสร็จแล้ว ทีมที่ได้คะแนนมาก ที่สุด จะเป็นทีมที่ชนะ • Where is Venezuela? – In South America • What is the capital city? – Caracas • What is the official language? – Spanish • What is the highest mountain? – Pico Bolívar • What is the longest river? – The Orinoco River หรือในอีกทางเลือกหนึ่ง ครูอาจให้นักเรียนไปหาคำตอบของคำถามเหล่านี้เป็นการบ้าน แล้วเฉลยคำตอบใน คาบเรียนถัดไป จากนั้น ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.11 แล้วทบทวนเกี่ยวกับการใช้ the อย่างรวดเร็ว โดยครูบอกชื่อคำนาม แล้วให้นักเรียนแต่ละทีมตอบว่าต้องเติม the หน้าคำนามดังกล่าวหรือไม่ Suggested list: America, Nile, Everest, High Street, Atlantic, Earth, etc. e.g. T: America Team A S1: no the T: Nile Team B S1: the Nile ครูอาจให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมได้จาก Grammar reference ในหนังสือเรียน หน้า 126 ต่อมาครูทำข้อ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.11 ร่วมกับนักเรียน แล้วให้เวลานักเรียนทำข้อที่เหลือด้วยตนเอง เสร็จแล้วตรวจ คำตอบของนักเรียน ด้วยการสุ่มเรียกนักเรียนให้อ่านบทอ่านที่เติมคำสมบูรณ์แล้ว 1. – (country name) 2. – (continent name) 3. the (physical environment) 4. the (sea) 5. the (ocean) 6. the (physical environment) 7. the (physical environment) 8. the (mountain group) 9. the (physical environment) 10. the (physical environment) 11. the (already known) 12. – (expression) 13. the (there is only one) 14. – (capital name)


154 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 15. – (place name) 16. the (there is only one) 17. the (there is only one) 18. – (place name) 19. the (physical environment) 20. the (there is only one) 21. – (place name) 22. the (superlative) 23. the (there is only one) 24. – (place name) 25. the (river) 26. – (name of single mountain) 27. the (already known) 28. the (river) 29. – (place name) 30. the (there is only one) I’d expect to see a text like this in a travel magazine or in a travel agency brochure. ครูถามคำถามต่อไปนี้What type of writing is it? (an article); Where could it be found? (blog, magazine or travel guide) ขั้นหลังการอ่าน ให้นักเรียนรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเทศของตนเองและเขียนบทความคล้ายๆ กับบทอ่าน ใน Ex.11 ครูแนะนำคลิปวิดีโอซึ่งเป็นการ์ตูน animation โดยบทสนทนาจะเน้นการใช้ the definite article เมื่อดูเสร็จแล้วจะมีคำอธิบายไวยากรณ์ และแบบฝึกให้ทำ เสร็จแล้วครูเขียนเว็บไซต์ให้นักเรียนดู บนกระดาน ดังนี้ http://learnenglishteens.britishcouncil.org/grammar-vocabulary/grammar-videos/definitearticle Prepositions 1. ครูให้นักเรียนศึกษาคำศัพท์ช่อง E และ F ใน Appendix 1 (Verbs, Adjectives, Nouns with Propositions) ในหนังสือเรียน หน้า 139 จากนั้นให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 30 Ex.12a โดยเติม prepositions ลงในช่องว่างให้ ถูกต้อง เสร็จแล้วครูตรวจคำตอบ แล้วให้นักเรียนช่วยกันอธิบายความหมายของวลีที่พิมพ์ตัวหนา ครูแนะนำ ให้นักเรียนจดจำวลีเหล่านี้เพื่อเอาไว้ใช้ในอนาคต 1. about 2. into 3. on 4. for 5. with 6. for 7. in 8. On กิจกรรมเพิ่มเติม กิจกรรมเพิ่มเติม


155 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา enthusiastic about = want to expect something interesting or enjoyable put a lot of effort into = work hard and spend time to achieve something put emphasis on = give something extra or special importance eager for = very interested and excited about something familiar with = knowing or understanding something famous for = well known because of something experienced in = to have done a job or activity for some time expert on = know a lot about something 2. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 30 Ex.12b โดยเติม prepositions ลงในช่องว่าง เพื่อให้เป็นวลี ที่ถูกต้อง ครูอธิบายว่าวลีเหล่านี้มาจากบทอ่านในหนังสือเรียน หน้า 25 จากนั้นครูทำข้อ 1 ร่วมกับนักเรียน แล้วให้นักเรียนจับคู่ทำข้อที่เหลือให้เสร็จ ครูตรวจคำตอบของนักเรียน แล้วให้นักเรียนเลือกวลีใน Ex.12b มา 5 วลี เพื่อแต่งประโยค หรือครูอาจมอบหมายให้นักเรียน แต่งประโยคเป็นการบ้าน แล้วตรวจคำตอบพร้อมกันในคาบเรียนถัดไป 1. to 2. in 3. in 4. on 5. to 6. for 7. to 8. with 9. to - to date back to 1350: Some of these artifacts date back to the 1350s. - to dine in style: In that restaurant, you can dine in elegant surroundings. - trip to a place: My whole family took a trip to the mountain last weekend. - ideal for sb: The hotel is ideal for families with young children. - to be furnished with: My grandfather’s room is furnished with antiques. Phrasal verbs ครูให้นักเรียนศึกษาวลีที่ขึ้นต้นด้วย cut และ do ใน Appendix 2 (Phrasal verbs) ในหนังสือเรียน หน้า 141 จากนั้นให้นักเรียนปิดหนังสือเรียน แล้วช่วยกันบอกว่า Phrasal verbs ที่มาจากคำกริยา cut หรือ do + preposition มีอะไรบ้าง ครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดาน แล้วให้นักเรียนบอกความหมายด้วยการ ยกตัวอย่างประโยค ต่อมาครูและนักเรียนศึกษาตัวอย่างคำตอบในข้อ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 30 Ex.13 ร่วมกัน แล้วให้นักเรียน จับคู่กันทำแบบฝึกหัดข้อที่เหลือ ครูตรวจคำตอบและแนะนำให้นักเรียนจดจำวลีเหล่านี้ 1. Cut across = take a shorter way 2. Cut down on = reduce 3. Cut off = disconnect 4. Cut out = omit


156 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 5. Do up = fasten 6. Do with = want 7. Do away with = abolish Key word transformations ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 30 Ex.14 และชี้ให้นักเรียนเห็นว่าประโยคที่ 2 ในแต่ละข้อจะมี ความหมายเหมือนกับประโยคแรก จากนั้นให้นักเรียนเติมคำในช่องว่าง 2-5 คำ โดยรวมคำที่พิมพ์ตัวหนาด้วย และห้ามเปลี่ยนแปลงรูปของคำนี้ ครูทำข้อ 1 ร่วมกับนักเรียน และกระตุ้นให้นักเรียนบอกโครงสร้างประโยคในแต่ละข้อที่ต้องการทดสอบ จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ทำข้อที่เหลือ เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน 1. appreciate all you help in (phrase) 2. last time he will use (threat) 3. in case you need/have/want (in case + present simple) 4. unless you leave (unless = if not) 5. as soon as I get (time word followed by present simple) 6. no point in waiting (-ing form after no point in) 7. looks down on (phrase) 8. give an explanation for (give + abstract noun) แบบฝึกหัด หน้า 13 Ex.5 และหน้า 51-57 Exs.1-17 (ดูเฉลยภาคผนวก C) Grammar reference: • Future tenses - Future simple เราใช้future simple (will + bare infinitive) ในกรณีต่อไปนี้ ▪ การตัดสินใจที่กระทำในขณะที่พูด ตัวอย่างเช่น It’s hot in here, I’ll open a window. ▪ การทำนายเกี่ยวกับอนาคตที่มีพื้นฐานมาจากสิ่งที่เราคิด เชื่อ หรือจินตนาการ โดยใช้คำกริยา think, believe, expect, etc วลีbe sure, be afraid, etc และคำกริยาวิเศษณ์ probably, certainly, perhaps, etc ตัวอย่างเช่น He will probably call you later. ▪ คำสัญญา การคุกคาม การเตือน การขอร้อง ความหวัง และการเสนอ ตัวอย่างเช่น Will you help me clean up this mess? ▪ การกระทำ เหตุการณ์ สถานการณ์ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตและเราไม่สามารถ ควบคุมได้


157 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ตัวอย่างเช่น Sue will be three years old in June. - Be going to เราใช้be going to ในกรณีต่อไปนี้ ▪ สำหรับแผนการ ความตั้งใจ หรือความมุ่งมั่นทะเยอทะยานสำหรับอนาคต ตัวอย่างเช่น I’m going to be a doctor when I finish university. ▪ การกระทำที่เราตัดสินใจไว้แล้วว่าจะทำในอนาคตอันใกล้ ตัวอย่างเช่น Steve is going to work with his dad during the summer holidays. ▪ การทำนายที่มีพื้นฐานมาจากสิ่งที่เราเห็นหรือสิ่งที่เรารู้โดยเฉพาะเมื่อมีหลักฐานว่าบางสิ่งจะ เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น The sky is very clear, it’s going to be cold tonight. คำ/วลีบ่งบอกเวลาที่เราใช้กับ future simple และ be going to ได้แก่ tomorrow, the day after tomorrow, tonight, soon, next week/month/year/summer etc, in a week/month เป็นต้น - Future continuous เราใช้future continuous (will be + verb -ing) ในกรณีต่อไปนี้ ▪ สำหรับการกระทำซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในอนาคต ตามเวลาที่ระบุไว้ ตัวอย่างเช่น I’ve got a new job, this time next month I’ll be working in the bank. ▪ สำหรับการกระทำซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต เพราะเป็นผลมาจากเตรียมการไว้แล้ว หรือเป็นกิจวัตร ตัวอย่างเช่น I will be visiting my grandparents at the weekend. ▪ เมื่อเราถามเกี่ยวกับแผนการในอนาคตอันใกล้ของบุคคลอื่นอย่างสุภาพ ตัวอย่างเช่น Will you be finishing with that book soon? สำหรับ future perfect และ future perfect continuous ให้ดูที่ท้าย Unit 10c คำ/วลีบ่งบอกเวลาที่ใช้ในการพูดถึงอนาคต เมื่อเราใช้ present simple หรือ present perfect ไม่ได้ใช้ future forms เราจะใช้คำและวลี เช่น while, before, after, until/till, as, when, whenever, once, as soon as, as long as, by the time เป็นต้น ในการขึ้นต้น time clauses ตัวอย่างเช่น By the time we get there the film will have started. (NOT: By the time we will get there ...) เราใช้ present simple และ present perfect เช่นเดียวกัน ไม่ใช้ future forms หลังคำและวลี เช่น unless, if, suppose/supposing, in case etc ตัวอย่างเช่น Take an umbrella in case it rains later. (NOT: ... in case it will rain later.) เราใช้future forms กับ - when เมื่อใช้เป็นประโยคคำถาม


158 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ตัวอย่างเช่น When will you be going shopping next? - if/whether ใช้หลังวลีที่แสดงความไม่แน่นอนหรือไม่รู้เช่น I don’t know, I doubt, I wonder, I’m not sure เป็นต้น ตัวอย่างเช่น I don’t know whether he will get the job. • Conditional types 0 and 1 ประโยคเงื่อนไขแบบที่0 ใช้เพื่อแสดงข้อเท็จจริงทั่วๆ ไป (general truth) หรือข้อเท็จจริงทาง วิทยาศาสตร์(scientific fact) ในประโยคเงื่อนไขแบบนี้เราสามารถใช้when แทนที่ if ได้ If-clause Main clause If/When + present simple present simple If/When you mix red and yellow paint, you get orange. ประโยคเงื่อนไขแบบที่1 จะใช้เพื่อกล่าวถึงสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้มากหรือเป็นจริง ในปัจจุบันหรืออนาคต เมื่อ ifclause มาก่อนประโยคหลัก เราจะแยก 2 ส่วนนี้ด้วยเครื่องหมายจุลภาค (comma) แต่เมื่อประโยค หลักมาก่อน if-clause จะไม่ใช้เครื่องหมายจุลภาค หมายเหตุ: ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 เราสามารถใช้unless + กริยารูปบอกเล่า (= if + กริยารูปปฏิเสธ) ตัวอย่างเช่น I will not be able to come unless Jack gives me a lift. (= if Jack does not give me a lift, ...) • Clauses of purpose Clauses of purpose (บอกวัตถุประสงค์) ใช้เพื่ออธิบายว่าทำไมบางคนถึงทำบางสิ่งบางอย่าง จะ ขึ้นต้นด้วยคำหรือวลี ดังต่อไปนี้ - to + infinitive ตัวอย่างเช่น Colin went to the library to borrow a book. - in order to/so as to + infinitive (formal) ตัวอย่างเช่น The boss requested that everyone work overtime in order to finish the project on time. - so that + can/will (present or future reference) ตัวอย่างเช่น I will give you my number so that you can call me if there are any problems. If-clause Main clause If + present simple future simple, imperative, can/must/ may/etc. + bare infinitive. If I finish this essay tonight, I will/might/etc go to the cinema with Julie.


159 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา - so that + could/would (past reference) ตัวอย่างเช่น He left at 5 o’clock, so that he would be at the airport in plenty of time. - in case + present tense (present or future reference) ตัวอย่างเช่น Leave the answer machine on in case anyone calls when we are out. - in case + past tense (past reference) ตัวอย่างเช่น She had made some sandwiches in case we got hungry. หมายเหตุ: In case ไม่สามารถใช้ร่วมกับ will หรือ would - for + noun (แสดงจุดประสงค์ของการกระทำ) ตัวอย่างเช่น We went to Marco’s for a pizza. - for + -ing form (แสดงจุดประสงค์ของบางสิ่ง หรือหน้าที่ของบางสิ่ง) ตัวอย่างเช่น Microwaves are used for heating up food. - with a view to + -ing form (โดยเพ่งเล็งถึง, โดยมุ่งหมาย) ตัวอย่างเช่น The Wilson’s bought the old farmhouse with a view to renovating it. เราสามารถบอกวัตถุประสงค์ในเชิงลบ (negative purpose) ได้ ดังนี้ - in order not to/so as not to + infinitive ตัวอย่างเช่น I wrote a list of the things I had to do so as not to forget anything. - prevent + noun/pronoun + (from) + -ing form ตัวอย่างเช่น The teacher covered up what was written on the board to prevent the students from reading it. • The definite article the เราใช้the ในกรณีต่อไปนี้ - กับคำนาม เมื่อพูดเกี่ยวกับบางสิ่งที่เจาะจง หรือบางสิ่งที่เคยกล่าวถึงมาแล้ว ตัวอย่างเช่น Joe owns a car and a motorbike. The car is blue and the motorbike is red. - กับคำนามที่มีสิ่งเดียวในโลก เช่น the sky, the moon, the sun, the Earth เป็นต้น - กับชื่อของหนังสือพิมพ์(the Times), โรงภาพยนตร์(the Odeon), โรงละคร (the Empire), พิพิธภัณฑ์/หอศิลป์(the Louvre), เรือ (the Titanic), องค์กร (the Red Cross, The United Nations) - กับชื่อของแม่น้ำ (the Danube, the Thames), หมู่เกาะ (the Bahamas, the Seychelles), เทือกเขา (the Rocky mountains, the Pyrenees), ทะเลทราย (the Kalahari), มหาสมุทร


160 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา (the Pacific), คลอง (the Panama canal), ประเทศที่มีคำว่า States, Kingdom, Republic (the UK, the USA), ชื่อหรือคำนามที่มีof (the Houses of Parliament), ศัพท์เฉพาะทางภูมิศาสตร์(the Antarctic/North pole/Arctic/equator, the North of Spain, the North/East/South/West) - กับชื่อของเครื่องดนตรี(the violin/piano) และการเต้นรำ (the tango) - กับชื่อของครอบครัว (the Smiths) และเชื้อชาติที่ลงท้ายด้วย -sh, -ch หรือ -ese เช่น the British (ชาวอังกฤษ) the Spanish (ชาวสเปน) the Chinese (ชาวจีน) the Japanese (ชาวญี่ปุ่น) the French (ชาวฝรั่งเศส) the Dutch (ชาวดัตช์) หมายเหตุ: คำที่แสดงเชื้อชาติที่ลงท้ายด้วย -sh, -ch หรือ -ese เหล่านี้ เมื่อเติม the ข้างหน้าจะมี ความหมายเป็นพหูพจน์(หมายถึง พลเมืองของประเทศนั้น) แต่ถ้าเป็นคำที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย -sh, -ch หรือ -ese จะเติม the หรือไม่เติมก็ได้ แต่เมื่อเติม the จะต้องเติม s ด้วย เช่น the Swedes/Swedes, the Egyptians/Egyptians - กับชื่อตำแหน่งที่มีได้เพียงคนเดียว (the King, the Prime Minister, the ambassador, the President) แต่ถ้าชื่อตำแหน่งนั้นตามด้วยคำนามเฉพาะ จะไม่มี the ข้างหน้า (King George, Prince Charles) - กับคำคุณศัพท์และกริยาวิเศษณ์ขั้นสูงสุด (the best book I have ever read) แต่ถ้า most ตามด้วยคำนาม จะไม่มีthe ข้างหน้า (most people enjoy going to the cinema) - กับคำว่า day, morning, afternoon และ evening ตัวอย่างเช่น It was late in the afternoon and the sun was starting to set. แต่คำต่อไปนี้ไม่ใช้ the เช่น at night, at noon, at midnight, by day/night - กับช่วงเวลา/เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์(the French Revolution, the Iron Age, the last Ice Age, the Vietnam War) ยกเว้น World War I, World War II - กับคำว่า only, last และ first เมื่อใช้เป็นคำคุณศัพท์(adjectives) ตัวอย่างเช่น She was the only one who understood me. - กับคำว่า station, cinema, theatre, library, shop, coast, sea(side), beach, country(side), city, jungle, world, ground, weather ตัวอย่างเช่น How about going to the beach? We went for a drive along the coast. เราจะไม่ใช้the ในกรณีต่อไปนี้ - กับคำนามนับไม่ได้และคำนามพหูพจน์ เมื่อพูดเกี่ยวกับคำนามทั่วไป ไม่เจาะจง ตัวอย่างเช่น Snakes can be dangerous. Cars release harmful gases into the atmosphere.


161 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Coffee is a very popular drink. - กับคำนามเฉพาะ เช่น Susan is a doctor. Harry works in a bookshop. - กับชื่อของกีฬา เกม กิจกรรม วัน เดือน การเฉลิมฉลอง สี เครื่องดื่ม และมื้ออาหาร ตัวอย่างเช่น I want to play golf on Sunday. We are going to have dinner on Monday. - กับชื่อภาษา ถ้าไม่ได้ตามด้วยคำว่า language ตัวอย่างเช่น Veronica speaks Spanish, Italian and German fluently. แต่ The English language is spoken in many parts of the world. The French language is spoken in parts of Canada. - กับชื่อของประเทศ ที่ไม่มีคำว่า State, Kingdom หรือ Republic เช่น England, Greece, France, Germany, India, Australia แต่มีข้อยกเว้นสำหรับชื่อของบางประเทศ เช่น the Netherlands, the Gambia, the Vatican - กับชื่อของถนน เช่น Prince’s Street, Oxford Street, Penny Lane (ยกเว้น the M6, the A42) จัตุรัส เช่น Victoria Square สะพาน เช่น London Bridge ยกเว้น the Golden Gate Bridge สวนสาธารณะ เช่น Central Park สถานีรถไฟ เช่น Victoria, King’s Cross ภูเขา เช่น Mount Everest เกาะเดี่ยวๆ เช่น Cyprus ทะเลสาบ เช่น Lake Bola และทวีป เช่น Europe, Africa - กับคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น That is my car. หรือ possessive case เช่น Those are Shakespeare’s plays. - กับชื่อของร้านอาหาร ร้านค้า ธนาคาร โรงแรม และอื่นๆ ที่ตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้งกิจการ เช่น Marks & Spencer’s, Harrods, Luigi’s Restaurant - กับคำว่า bed, hospital, college, court, prison, school, university เมื่อกล่าวถึงสิ่ง เหล่านี้ตามจุดประสงค์ที่สร้างขึ้นมา ตัวอย่างเช่น I went to bed because I was tired. (เพื่อนอน) The injured girl had to be taken to hospital. (เพื่อการรักษา) แต่ I carried the blankets to the bed. (ไม่ใช่ไปเพื่อ นอน) We went to the hospital to visit Tina. (ไม่ใช่ไปรับการรักษา) - กับคำว่า work ในความหมาย ‘สถานที่ทำงาน’ (= place of work) ตัวอย่างเช่น I got stuck in traffic, I am on my way to work. I need to be at work by 10 o’clock. - กับคำว่า home, mother, father เป็นต้น เมื่อกล่าวถึงบ้าน/พ่อแม่ของเราเอง (our own home/parents) - กับวลี by + means of transport (bus/ferry/train/car etc) ตัวอย่างเช่น I travelled to Rome by car.


162 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา They travelled to Glasgow by train. - กับชื่อของโรคภัยไข้เจ็บ ตัวอย่างเช่น She’s got hay fever. He’s got pneumonia. ยกเว้น flu/the flu, measles/the measles, mumps/the mumps Unit 3d Listening & Speaking skills 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 1.ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานต่างๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยายที่ฟัง และ อ่าน 2. อ่านออกเสียง ข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้อง ตามหลักการอ่าน 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์ กับประโยค และข้อความที่ฟังหรืออ่าน 4. จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก การฟัง และอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสาร อย่างต่อเนื่องและเหมาะสม 3. พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ ในสถานการณ์จำลองหรือสถานการณ์จริงอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ ได้อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 1. เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.2: เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม


163 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ตัวชี้วัด 1. อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Intonation: ออกเสียงสูง-ต่ำในการตอบคำถามแบบสั้น • Language skills Listening: ฟังและจดบันทึกย่อ Speaking: พูดเกี่ยวกับการเชิญ ตอบรับ และปฏิเสธการเชิญ, พูดยกเลิกการจองโรงแรม 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Listening 1. ทบทวนไวยากรณ์และคำศัพท์ที่เรียนมาแล้ว 2. ครูบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ของ Unit 3d ว่านักเรียนจะได้เรียนรู้วิธีการเชิญ การตอบรับ และปฏิเสธการเชิญ การยกเลิกการจองโรงแรม การออกเสียงสูง-ต่ำในประโยคตอบแบบสั้น 3. ให้นักเรียนอ่าน Tip ในหนังสือเรียน หน้า 31 Ex.1 ครูอธิบายว่านักเรียนต้องปฏิบัติตามคำแนะนำนี้เพื่อทำ ภาระงานให้เสร็จ จากนั้นให้นักเรียนทำกิจกรรมขั้นก่อนการฟัง โดยอ่านประโยคที่เว้นช่องไว้ให้เติมคำ แล้ว กระตุ้นให้นักเรียนช่วยกันบอกว่าคำที่ขาดหายไปน่าจะเป็นคำ/ข้อมูลชนิดใด e.g. 1. seems to be a noun missing – weekend breaks 2. number missing – price 3. number missing – century


164 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 4. noun missing – place 5. noun missing – activity 6.-7. noun missing – facilities e.g. pool/gym 8. noun missing – service 9. noun missing – food 10. noun missing – month ครูเปิด CD1/track 26 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟัง 2 ครั้ง แล้วให้นักเรียนเติมข้อมูลที่ขาด หายไป ครูเฉลยคำตอบด้วยการเปิด Audio ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง โดยหยุด CD หลังจากได้ยินคำตอบ ขั้น หลังการฟังให้นักเรียนจับคู่กัน แล้วเขียนโฆษณาโรงแรมในประเทศของตนเอง โดยใช้บทอ่านในหนังสือเรียน หน้า 31 Ex.1 เป็นต้นแบบ 1. weekend breaks 2. £200 3. 18th century 4. attractions 5. walking 6. swimming pool 7. fully-equipped gym 8. service 9. Welsh dishes 10. January Invitations – accepting and refusing 1. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 31 Ex.2a จากนั้นเปิด CD1/track 27 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟังบทสนทนาสั้นๆ แล้วให้นักเรียนตอบว่าบทสนทนาแต่ละบทเป็นตอบรับการเชิญ (A) ปฏิเสธการ เชิญ (R) หรือไม่แน่ใจ (NS) 1. R 2. A 3. R 4. NS 2. ให้นักเรียนอ่านวลีเกี่ยวกับการเชิญ การตอบรับและปฏิเสธการเชิญในหนังสือเรียน หน้า 31 Ex.2b จากนั้น ให้นักเรียนจับคู่พูดสนทนากันตามสถานการณ์ที่กำหนดให้ (prompts) โดยใช้วลีในตาราง และบทสนทนาใน Ex.2a เป็นต้นแบบ ครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน เสร็จแล้วสุ่มเรียกนักเรียนบางคู่ออกมาพูดบท สนทนาที่หน้าชั้น Suggested answer key: 1. A: I heard that there’s a really good play on at the Empire at the moment. Shall we go and see it? B: That would be great. Shall I try and get us some tickets?


165 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. A: I’m having dinner with Kate and Sue tonight. Would you like to come? B: Where are you going? A: That Italian place on Bridge Street, Gianni’s. B: Oh that place’s really expensive. I’m not sure I can afford it at the moment. ครูเขียนประโยคที่ใช้ในการเชิญบนกระดานอีกครั้ง เช่น Would you like to go to the theatre with me? Why don’t we go out for dinner? Let’s go out this weekend. How about going to a concert? ครูถามนักเรียนว่าในภาษาไทย ถ้าเราจะเชิญหรือชักชวนผู้อื่น เราจะพูดอย่างไร ประโยคชักชวนในภาษาไทย ในภาษาไทย สามารถแบ่งชนิดของประโยคตามเจตนาของผู้พูดในการสื่อสารได้ เช่น ประโยคบอก ให้ทราบ, ประโยคเสนอแนะ, ประโยคสั่ง, ประโยคห้าม, ประโยคชักชวน,ประโยคข่มขู่ม ประโยค ขอร้อง, ประโยคคาดคะเน และประโยคคำถาม ประโยคชักชวน คือ ประโยคที่มีเจตนาชวนให้ผู้ฟังทำตามความคิดเห็นของตน อาจมีคำวิเศษณ์ “กัน” คำลงท้าย นะ, เถอะ, เถอะนะ, กันเถอะ ปรากฏอยู่ด้วย เช่น เราไปดูละครกันดีกว่า คุณเชื่อผมเถอะ แล้วจะปลอดภัย เรามาพับนกส่งภาคใต้กันเถอะ วันสิ้นปีมากินข้าวบ้านเรากันนะ พักกันเถอะนะ ประโยคชักชวนอาจเป็นประโยคคำถามก็ได้ เช่น ไปห้องสมุดกันไหม ที่มา: วิจินตน์ ภาณะพงศ์ และคณะ (2552) หนังสืออุเทศภาษาไทย ชุด บรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม 3: ชนิด ของคำ วลี ประโยคและสัมพันธสาร. กรุงเทพฯ: สถาบันภาษาไทย กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 104-105 สำหรับกลุ่มเด็กเก่ง ครูอาจเพิ่มสถานการณ์ให้นักเรียนฝึกฝนเพิ่มเติม เช่น spend the weekend in Cornwall. Suggested answer key: A: Nina and I are going to Cornwall for the weekend at the end of the month. I was wondering if you would like to join us. B: I’d love to. กิจกรรมเพิ่มเติม


166 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Intonation 1. ครูเปิด CD1/track 28 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟังบทสนทนาสั้นๆ ในหนังสือเรียน หน้า 31 Ex.3a และออกเสียงตาม โดยเน้นให้ออกเสียงสูง-ต่ำในประโยคให้ถูกต้อง จากนั้นให้นักเรียนจับคู่เพื่อฝึกออกสียงสูง-ต่ำ ครูทำหน้าที่สังเกตเพื่อประเมินและให้ความช่วยเหลือการทำ กิจกรรมของนักเรียน (Students’ own answers) 2. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 31 Ex.3b โดยครูพูดสนทนากับนักเรียนในชั้น 1 คน เพื่อเป็น ตัวอย่าง จากนั้นให้นักเรียนจับคู่กันแล้วพูดสนทนาคล้ายๆ กับใน Ex.3a โดยครูเตือนให้นักเรียนออกเสียงสูงต่ำให้ถูกต้อง ครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน แล้วสุ่มเลือกนักเรียนบางคู่ออกมาพูดที่หน้าชั้น Suggested answer key: S1: Pat hasn’t called, has she? S2: I don’t think so. S1: Has Ann posted the invitations? S2: I think so. etc. Cancelling a hotel reservation 1. ครูอ่านคำถามในหนังสือเรียน หน้า 31 Ex.4a จากนั้นเปิด CD1/track 29 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟัง และตอบคำถามดังกล่าว They are a customer (Vanessa Bryce) and a hotel receptionist. 2. ให้เวลานักเรียน 2 นาที อ่านและจับคู่ประโยคในคอลัมน์ A กับ B ในหนังสือเรียน หน้า 31 Ex.4b เพื่อให้ เป็นบทสนทนาที่ถูกต้อง จากนั้นครูตรวจคำตอบ โดยสุ่มเรียกนักเรียนให้อ่านบทสนทนา ที่ตนเองเรียงลำดับ 1. c 2. b 3. a 3. ครูอ่านสถานการณ์ที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 31 Ex.4c แล้วสนทนากับนักเรียน 1 คน เพื่อเป็นตัวอย่าง จากนั้นให้นักเรียนจับคู่พูดสนทนากันเหมือนดังตัวอย่าง ครูสังเกตการทำกิจกรรม ของนักเรียน เสร็จแล้วสุ่มเลือกนักเรียนบางคู่ออกมาพูดบทสนทนาหน้าชั้น


167 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Suggested answer key: • A: Good afternoon. Azar Airlines, how can I help you? B: Hello. I made a reservation with you about two months ago. My name is Tina Charles. A: Just a minute, please. Ah, yes. You reserved two seats on the 10 a.m. flight to Madrid on the 22nd August. B: Yes, that’s right. I’m very sorry, but can you cancel it, please? A: Certainly, although you do realise that the deposit you paid is non-refundable? B: I thought so. That’s not a problem. • A: Good afternoon. Monsieur’s Bistro, how can I help you? B: Good afternoon, I made a reservation with you about six weeks ago. My name is Barry White. A: Just a minute, please. Ah, yes. You reserved a table for six for New Year’s Eve. B: Yes, that’s right. I’m very sorry but can you cancel it, please? A: Certainly, although you do realise that the deposit you paid is non-refundable. B: I thought so. That’s not a problem. แบบฝึกหัด หน้า 13 Exs.6-7 (ดูเฉลยภาคผนวก C)


168 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Unit 3e Writing 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 4. จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็น จากการฟังและอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผล และยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 2. อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และที่มาของขนบธรรมเนียม และประเพณีของเจ้าของภาษา 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Grammar: indirect questions • Language skills Listening: ฟังและจดบันทึกย่อ Writing: เขียนอีเมลตอบแบบกึ่งทางการ (a semi-formal transactional email) 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการตีความ 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้


169 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Analysing the rubric 1. ครูอธิบายความหมายของคำว่า transactional (The word transactional simply means that it is a response to a letter or email and some notes.) จากนั้นจึงบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ของ Unit 3e ว่า นักเรียนจะได้ เรียนรู้วิธีการเขียนอีเมลตอบแบบกึ่งทางการ (semi-formal transactional email) 2. ครูอ่าน Tip และคำสั่งในการทำงาน (rubric) ในหนังสือเรียน หน้า 32 Ex.1 เราเขียน transactional email เพื่อตอบข้อเขียนที่เป็นการให้ข้อมูลบางประเภท เช่น จดหมาย อีเมล โฆษณา การเชิญ บันทึก เป็นต้น หรือเป็นการเขียนที่รวมหลายรูปแบบ เมื่อเขียน transactional email เราต้อง - อ่านคำสั่งในการทำงานอย่างระมัดระวัง ขีดเส้นใต้คำ/วลีสำคัญ - เลือกรูปแบบการเขียน (แบบไม่เป็นทางการ กึ่งทางการ หรือเป็นทางการ) ให้เหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่ กับว่าเราเขียนถึงใคร - เขียนให้ครอบคลุมทุกประเด็นที่กำหนดให้ในคำสั่งการทำงานในรูปประโยคเต็ม จากนั้นครูช่วยนักเรียนขีดเส้นใต้คำสำคัญ Words to be underlined: teacher, a group of students, skiing trip, a preliminary booking at the hotel, assistant manager has contacted you for more details, write an email answering his question. เสร็จแล้วครูให้นักเรียนตอบคำถามข้อ 1-4 1. The assistant manager of a hotel. 2. Semi-formal because you have contacted this person before. 3. Date of arrival, time of arrival, duration of stay, flight number, number of boys/girls, students’ special needs 4. Does the special discount price still apply? Can she arrange ski lift passes in advance? Analysing a model text 1. ครูอธิบายว่าภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 32 Ex.2a ว่าเป็นการทดสอบความสามารถของนักเรียนในการ จดจำรูปแบบการเขียน (writing styles) เนื่องจากรูปแบบการเขียนที่เหมาะสมกับ email ใน Ex.2a คือ รูปแบบกึ่งทางการ (semi-formal style) ดังนั้นในการทำแบบฝึกหัดนี้ นักเรียนจึงต้องเลือกคำตอบให้


170 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา เหมาะสมกับรูปแบบงานเขียนนี้ จากนั้นครูให้นักเรียนอ่าน email แล้วกากบาทวลีที่พิมพ์ตัวหนาที่ไม่ใช่ คำตอบ พร้อมทั้งอธิบายเหตุผลว่าทำไมคำตอบดังกล่าวจึงไม่เหมาะสม 1. Here’s what you need to know – informal 2. the dates stay as they are – informal 3. here are our flight details – informal 4. Our party will consist of – formal 5. And the – informal + incorrect 6. could you kindly inform me – formal 7. can you – informal 8. I can’t wait to see you – informal 9. Love from – informal 2. ให้นักเรียนตอบคำถามในหนังสือเรียน หน้า 32 Ex.2b โดยให้นักเรียนดูบันทึกใน Ex.1a อีกครั้ง แล้ว ตอบคำถามที่ถามว่ามีการคัดลอกข้อความในบันทึกมาใช้ในอีเมลใน Ex.2a หรือไม่ ประเด็น ที่กำหนดให้ในบันทึกมีกล่าวถึงไว้ในอีเมลครบหรือไม่ และใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้าในอีเมลคืออะไร The exact words from the notes have not been used in the letter; however all of the points have been included. Topics per paragraph Para 1: opening remarks/reason for writing Para 2: details/answers to questions Para 3: further questions Para 4: closing remarks Style 1. ให้นักเรียนอ่านประโยค 1-6 (ภาษาแบบไม่เป็นทางการ) กับประโยค a-f (ภาษาแบบกึ่งทางการ) ในหนังสือ เรียน หน้า 32 Ex.3 แล้วจับคู่ประโยคดังกล่าวที่มีความหมายเหมือนกัน จากนั้นครูให้นักเรียนดูประโยคที่นักเรียนจับคู่ แล้วพิจารณาว่าประโยคแต่ละคู่มาจากอีเมลประเภทใดตามที่ กำหนดให้ใน Ex.3


171 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 1. c: thank-you email 2. f: asking for information 3. a: accepting an invitation 4. e: apologising 5. b: giving advice 6. d: giving information 2. ให้นักเรียนเปลี่ยนประโยค 1-5 ในหนังสือเรียน หน้า 33 Ex.4 ให้อยู่ในรูปแบบกึ่งทางการ (semi-formal style) ครูทำประโยคแรกร่วมกับนักเรียนก่อน แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่กันทำประโยคที่เหลือ ครูตรวจคำตอบ โดยการให้นักเรียนหลายๆ คน อ่านคำตอบของตนเอง Suggested answer key: 1. I would like to know if there are any flights to Portugal on the 2nd April. 2. I feel I must inform you that we were not satisfied with our cabin. 3. I must apologise for the noisy behaviour of the children during their visit to the museum. 4. I would be grateful if you could let me know what time I need to arrive at the station. 5. Could you please inform me what time people will be arriving? Indirect questions ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 33 Ex.5 แล้วอ่านวลีที่ให้มาในกรอบ และตัวอย่างคำตอบในข้อ 1 จากนั้นให้นักเรียนเปลี่ยนประโยค 2-6 ให้เป็น indirect questions เหมือนดังตัวอย่าง โดยใช้วลีในกรอบช่วย เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน 2. I would like to know how much it will cost altogether. 3. Could you tell me if any school discounts are available? 4. I would be grateful if you could tell me whether the hotel has any facilities for young children. 5. I would appreciate it if you could let me know what time the flight arrives. 6. I would like to know whether anybody will meet us at the airport. Discus & Write 1. ครูเลือกนักเรียน 1 คน อ่านคำสั่งในการทำงานที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 33 Ex.6a จากนั้น ให้นักเรียนจับคู่ทำงาน ช่วยกันขีดเส้นใต้คำสำคัญ เสร็จแล้วให้นักเรียนตอบคำถามว่า บุคคลที่จะเขียนอีเมลฉบับนี้รู้จักผู้รับดีแค่ไหน และนักเรียนคาดว่าจะได้อ่านอะไรในอีเมลฉบับนี้


172 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Words to be underlined: teacher, a group of students, school trip, the activity leader, has sent you an email, confirm the details, write an email in response The sender of the email does not have a close relationship with the recipient of the email. I would expect to read semi-formal language, polite expressions, etc., but not too formal. 2. ให้นักเรียนอ่าน fax ในหนังสือเรียน หน้า 33 Ex.6b จากนั้นครูเปิด CD1/track 30 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียนฟัง บทสนทนาเกี่ยวกับการจัดทัศนศึกษาของโรงเรียน (school trip) แล้วให้นักเรียนเติมข้อมูลที่ขาดหายไปในบันทึก (notes) เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน From: 6th To: 16th September At: 12:45 By: bus 2 teachers 16 students 5 rooms 1. What sports facilities do they have? 2. Can he arrange a visit from a local historian? 3. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 33 Ex.6c แล้วให้นักเรียนจับคู่กันถาม-ตอบข้อมูล ในบันทึกที่เติมคำสมบูรณ์แล้วเหมือนดังตัวอย่างที่ให้มา Suggested answer key: A: When will they arrive at Hawthorn Park? B: On 6th September. A: When will they leave? B: They will leave on the 16th September. A: What time will they arrive? B: They will arrive at 12:45. A: How will they travel there? B: They will travel there by bus. A: How many people will there be in the party? B: There will be 2 teachers and 16 students. A: How many rooms will they need? B: They will need 5 rooms. A: What questions does the teacher want to ask? B: The teacher wants to ask what sports facilities they have and whether she can arrange a visit from a local historian.


173 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 4. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 33 Ex.6d โดยดูคำถามข้อ 1-2 ในกรอบสี่เหลี่ยม จาก email ใน Ex.6b ซึ่งครูผู้เขียน email ต้องการจะถามเพิ่มเติม 1. What sports facilities do they have? 2. Can he arrange a visit from a local historian? จากนั้นให้นักเรียนเขียนคำถามเหล่านี้ใหม่ ให้อยู่ในรูปแบบกึ่งทางการ (semi-formal style) เสร็จแล้วครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียนหลายๆ คนในชั้น Suggested answer key: 1. Could you tell me what sports facilities are available at Hawthorn Park? 2. I would like to know whether it would be possible for you to arrange a visit from a local historian. 5. ครูอ่านประโยค 1-4 ในหนังสือเรียน หน้า 33 Ex.7 แล้วให้นักเรียนระบุว่าประโยคใดเป็นประโยคขึ้นต้น เนื้อความของอีเมล (opening remarks) และประโยคใดเป็นประโยคลงท้ายเนื้อความของอีเมล (closing remarks) จากนั้นให้นักเรียนตัดสินใจว่าประโยคใดเหมาะที่จะใช้ขึ้นต้นและลงท้าย (opening/closing remarks) เนื้อความของอีเมลฉบับนี้ ส่วนประโยคที่ไม่เหมาะสมให้นักเรียนอธิบายเหตุผลด้วยว่าทำไมจึงไม่ เหมาะสม 1. opening, appropriate 2. closing, inappropriate – too informal 3. closing, appropriate 4. opening, inappropriate – too informal 6. ครูอธิบายเค้าโครงการเขียนอีเมล (plan) ในหนังสือเรียน หน้า 33 Ex.8 แล้วอธิบายภาระงานที่นักเรียน จะต้องทำ จากนั้นครูกระตุ้นนักเรียนให้ตอบคำถามในเค้าโครง เพื่อเติมข้อมูลในเค้าโครงให้สมบูรณ์ เสร็จ แล้วครูมอบหมายให้นักเรียนเขียนอีเมล (120-180 คำ) เป็นการบ้าน Suggested answer key: Para 1 – To confirm the arrangements – I am writing to confirm the arrangements for our school visit to Hawthorn Park. Para 2 – dates of the stay (6-16th September) / time of arrival (12:45) / means of travel (bus) / size of party (2 teachers, 16 students) / number of rooms (5) Para 3 – What sports facilities do they have? – Can he arrange a visit from a local historian?


174 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Para 4 – Please do not hesitate to contact me should you require any further information. Dear Mr Benson, I am writing to confirm the arrangements for our school visit to Hawthorn Park. I also have a couple of questions to ask you. Firstly, the dates of our stay have not changed. We shall be staying from the 6th to the 16th September. We will be travelling to and from Hawthorn by bus and will be arriving at about 12:45 on the 6th. There will be two teachers and sixteen students altogether so we were hoping to have one twin room for the teachers and four four-bed rooms for the girls. Also, could you tell me what sports facilities are available at Hawthorn? I would also like to know whether it would be possible for you to arrange a visit from a local historian during our visit. Please do not hesitate to contact me should you require any further information. I am looking forward to seeing you soon. Your truly, Kate Peterson Famous words 1. ครูอ่านประโยคในหนังสือเรียน หน้า 33 Ex.9 ทีละประโยค แล้วช่วยนักเรียนตีความความหมาย ของประโยคเหล่านี้ Suggested answer key: - If you travel from east to west, you are travelling in the same direction as the sun. At the same time, you are travelling in the same direction as the explorers did in America, Canada, etc. The explorers started from the east coast and moved westwards. - If you travel, you learn many things about the world. However, if you don’t travel, you will only learn about the place that you live in. - If you are always on the move, you don’t have a chance to build relationships.


175 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา จากนั้นให้นักเรียนเลือกประโยคมา 1 ประโยค และแต่งประโยคที่เกี่ยวข้องกับประโยคนี้มา 3 ประโยค เสร็จแล้วครูให้นักเรียนอ่านประโยคที่นักเรียนแต่งให้เพื่อนฟัง (Student’s own answers) 2. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบ Progress test 3 (ดูเฉลยภาคผนวก C) จากส่วนท้ายของ Unit นี้ เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการเรียนรู้


176 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา บันทึกหลังสอนแผนการสอนที่ ............ 1. ผลการสอนระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก .......................................................................... 2. ผลที่เกิดกับผู้เรียน 1.) การประเมินผลความรู้หลังการเรียน โดยใช้………………แบบทดสอบหลังเรียน............พบว่านักเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ ................……..…. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ............................. ได้แก่ ....................................เลขที่ …………………………........................................................................................... 2.) การประเมินด้านทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้…………………………………………………………...............พบว่านักเรียนผ่านการประเมินคิดเป็น ร้อยละ...........……. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ................ ได้แก่ ....................................................................................................................................................................... 3.) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์เรียน โดยใช้………..…แบบสังเกตพฤติกรรม.................... พบว่านักเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ..…....……. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ.................. ได้แก่ ........................................................................................................................................................................ 3. ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามกำหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ ............................................................................................................................................. 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรนำแผนไปปรับปรุง เรื่อง ...................................................................................................... ....................................................................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน .................................................................................. ....................................................................................................................................................... ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้สอน ( นายพีระ เหมือดนอก ) วันที่……..../................../................ ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระฯ 1.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง เหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4.ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... ( นางอังคณา แก้วเมือง ) ความคิดเห็นของหัวหน้างานวิชาการ 1.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง เหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4.ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………. ลงชื่อ....................................................... ( นางสาวณัฐิญา คาโส )


177 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 รายวิชา อ 33101 ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่4 เรื่อง Earth Is Dearer Than Gold ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก เวลา 8 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระที่1: ภาษาเพื่อการสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล ตัวชี้วัด 1. ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานต่างๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยายที่ฟัง และ อ่าน 2. อ่านออกเสียง ข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้อง ตามหลักการอ่าน 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และข้อความที่ ฟังหรืออ่าน 4. จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก การฟัง และอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดีพร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม 2. เลือกและใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชี้แจง คำอธิบายอย่างคล่องแคล่ว 3. พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ ในสถานการณ์จำลองหรือสถานการณ์จริงอย่างเหมาะสม 4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม 5. พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.3: นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูด และการเขียน


178 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ตัวชี้วัด 1. พูดและเขียนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่อง และประเด็น ต่างๆ ตามความสนใจของสังคม 2. พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ/แก่นสาระที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง กิจกรรม ข่าว เหตุการณ์และสถานการณ์ตามความสนใจ 3. พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์ ทั้งในท้องถิ่น สังคม และโลก พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ สาระที่ 2: ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 1. เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตาม มารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 2. อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และที่มาของขนบธรรมเนียม และประเพณีของ เจ้าของภาษา 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.2: เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ตัวชี้วัด 1. อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย สาระที่3: ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น มาตรฐาน ต 3.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานใน การพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน ตัวชี้วัด 1. ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ กลุ่มสาระ การเรียนรู้อื่น จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน สาระที่4: ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม มาตรฐาน ต 4.2: ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่น/ประเทศชาติ เป็นภาษาต่างประเทศ


179 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Grammar: comparisons; too/enough; -ing form/infinitive, prepositions Vocabulary: คำศัพท์เกี่ยวกับดาวเคราะห์โลก, ปัญหาสิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์ธรรมชาติ, phrasal verbs (fall, get) Intonation: ออกเสียงเน้นหนักคำในประโยค Functions: making suggestions • Language skills Listening: ฟังเพื่อหารายละเอียด, ฟังเพื่อหาข้อมูลจำเพาะ, ฟังและจดบันทึกย่อ Reading: อ่านและเติมประโยคลงในช่องว่าง, อ่านและเรียงลำดับเนื้อเรื่อง ระบุประโยคใจความสำคัญและสนับสนุน Speaking: พูดแนะนำเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, พูดบรรยายเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม, พูดเปรียบเทียบอดีตกับปัจจุบัน, พูดถาม-ตอบเกี่ยวกับสัตว์, พูดเกี่ยวกับการเสนอ วิธีแก้ปัญหา, พูดตำหนิหรือแสดงความไม่พอใจ, พูดแสดงความลังเลใจ Writing: เขียนบทความสั้นๆ เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน, เขียนกฎเกี่ยวกับการประหยัดน้ำ, เขียน ความเรียงเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหา 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการให้คำจำกัดความ 3.2.3 ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา 3.2.4 ทักษะการรวบรวมข้อมูล 3.2.5 ทักษะการเปรียบเทียบ 3.2.6 ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3.2.7 ทักษะการสังเกต 3.2.8 ทักษะการตีความ 3.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 3.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 4.2 จิตสาธารณะ


180 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 5. การบูรณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงื่อนไข พอประมาณ ความรู้ มีเหตุผล คุณธรรม มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม 6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Unit 4a Earth Is Dearer Than Gold 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่ อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และ ข้อความที่ฟังหรืออ่าน 4. จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก การฟัง และอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.3: นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูด และการเขียน ตัวชี้วัด 2. พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ/แก่นสาระที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง กิจกรรม ข่าว เหตุการณ์และสถานการณ์ตามความสนใจ 3. พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์ ทั้งในท้องถิ่น สังคม และโลก พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.2: เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ตัวชี้วัด 1. อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย


181 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language skills Listening: ฟังเพื่อหารายละเอียด Reading: อ่านและเติมประโยคลงในช่องว่าง 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการให้คำจำกัดความ 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Lead-in 1. ครูอ่านชื่อบทที่ 4 และอธิบายว่าเป็นสุภาษิตของชาวบัลแกเรียน (Bulgarian proverb) แล้วให้นักเรียน ช่วยกันอธิบายความหมาย (that the Earth is the most valuable thing we have) จากนั้นครูให้ นักเรียนช่วยกันบอกว่า นักเรียนคิดว่าจะได้พบอะไรในบทเรียนนี้ (the Earth, the environment, endangered species, etc.) ต่อมาให้นักเรียนดูภาพ 1-5 ในหนังสือเรียน หน้า 34 Ex.1a ทีละภาพ และ บอกว่านักเรียนเห็นอะไรบ้างในภาพ เสร็จแล้วให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันคิดคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับภาพแต่ละ ภาพให้ได้มากที่สุด Suggested answer key: 1. heavy traffic, busy roads, traffic pollution 2. crowded cities, smog, overpopulation, air pollution 3. water shortage, poverty, Third World, developing countries 4. trees, deforestation, rain forest, loggers 5. factories, air pollution, industrial waste, smoke, filters, greenhouse gases


182 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา สุดท้ายครูถามนักเรียนว่าชื่อบทที่ 4 นี้เกี่ยวข้องกับภาพที่ให้มาอย่างไร Suggested answer key: The title suggests that the Earth is very precious and we should take good care of it. We should not destroy it in the ways shown in the pictures. 2. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 34 Ex.1b โดยดูภาพ 1-5 อีกครั้ง แล้วบอกว่าในแต่ละภาพมี ปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งแต่ละภาพอาจมีมากกว่า 1 ปัญหา Suggested answer key: Problems: 1. heavy traffic, air pollution 2. overpopulated cities, smog 3. water shortage, poverty 4. deforestation 5. air pollution, industrial waste จากนั้นให้นักเรียนอ่านคำที่กำหนดให้และตัวอย่างคำตอบที่ให้มา แล้วให้นักเรียนแต่งประโยคเหมือนดัง ตัวอย่าง เพื่อตอบคำถามว่าปัญหาใดในภาพที่มีอยู่ในประเทศของนักเรียน Suggested answer key: There is more and more smog in our cities. There is less and less water available. There are more and more people living in poverty. There are more and more trees being cut down. There are more and more greenhouse gases being produced by factories. There is more and more industrial waste being produced by factories. 3. ครูถามนักเรียนว่า What is energy? (power) แล้วอ่านคำศัพท์เกี่ยวกับแหล่งพลังงานที่ให้มาในหนังสือ เรียน หน้า 34 Ex.2a จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันบอกว่าเราใช้แหล่งพลังงานเหล่านี้ในการผลิตพลังงาน อย่างไร T: How can we use each resource to produce energy? Ss: We can burn wood, coal, gas and oil to produce heat. We can boil water to produce steam. We can collect the heat from the sun and use the wind to turn a rotor.


183 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ต่อมาครูให้นักเรียนตอบคำถามใน Ex.2a ที่ถามว่าแหล่งพลังงานใดที่ประเทศไทยใช้มากที่สุด และแหล่ง พลังงานใดเป็นพลังงานหมุนเวียน (renewable) และแหล่งพลังงานใดเป็นพลังงานสิ้นเปลือง (non-renewable) Suggested answer key: In my country we use wood, coal, gas and oil to get our energy. Renewable energy sources: water, wind, sun Non-renewable energy sources: wood, coal, gas, oil 4. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 34 Ex.2b แล้วเปิด CD2/track 1 (หรือสแกน QR code) ให้ นักเรียนฟัง เพื่อระบุว่าข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานที่ให้มาในแต่ละข้อนั้นเกี่ยวข้องกับแหล่งพลังงานชนิดใด โดยให้เขียนตัวอักษรย่อของแหล่งพลังงาน ดังนี้ S = พลังงานแสงอาทิตย์, W = พลังงานลม, H = พลังงาน น้ำ เสร็จแล้วให้นักเรียนนำคำตอบมาแต่งประโยคเหมือนดังตัวอย่าง run small gadgets S create electricity for whole cities H power grain mills and sawmills H heat water S run homes and communities W heat and cool factories S power batteries S pump water W Suggested answer key: - We can use hydropower to create electricity for whole cities/to power grain and sawmills/to pump water. - We can use solar power to heat water/to heat and cool factories/to power batteries. - We can use wind power to run homes and communities. Reading 1. ให้นักเรียนดูภาพประกอบบทอ่านในหนังสือเรียน หน้า 35 และบอกว่าภาพที่นักเรียนเห็นคือภาพอะไร (wind turbines) จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันระดมสมองคิดคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับภาพและหัวข้อพลังงาน


184 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ลมให้ได้มากที่สุด นักเรียนเขียนคำศัพท์เหล่านี้ลงในสมุด จากนั้นให้นักเรียนอ่านคำศัพท์ที่ให้มาในหนังสือ เรียน หน้า 34 Ex.3a แล้วเปรียบเทียบกับคำศัพท์ที่นักเรียนจดในสมุด ครูช่วยนักเรียนอธิบายคำศัพท์ ยาก ต่อมาครูเดินไปรอบๆ ชั้นเรียน แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกว่ามีคำศัพท์ใน Ex.3a คำใดที่นักเรียนเห็นในภาพ ในหนังสือเรียน หน้า 35 In the picture: wind farm, wind turbines, slim towers, rotor blades 2. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 35 Ex.3b โดยให้เวลานักเรียน 2 นาที อ่านย่อหน้าแรกของบท อ่าน แล้วพิจารณาว่าข้อมูลที่ขาดหายไปในแต่ละช่องว่างน่าจะเป็นข้อมูลประเภทใด จากนั้นอ่านตัวเลือก AH และให้เวลานักเรียน 5 นาที เติมช่องว่างด้วยข้อความเหล่านี้ โดยให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ ครูแนะนำว่า ให้นักเรียนเลือกประโยคที่กล่าวถึงประเด็น/หัวข้อ (topic) เดียวกันกับประโยคที่อยู่ก่อนหรือ หลังช่องว่าง แล้วจึงพิจารณาว่าประโยคที่เลือกมาเติมนั้นมีความหมายเหมาะสมและถูกต้องตามหลัก ไวยากรณ์หรือไม่ เสร็จแล้วครูตรวจคำตอบของนักเรียน พร้อมทั้งให้นักเรียนอธิบายเหตุผลประกอบ ตัวอย่างเช่น ในช่องว่างแรก คำว่า ‘greenhouse gases’, ‘global warming’ และ ‘climate change’ ในประโยคที่อยู่หลังข้อที่ 1 นั้นอ้างถึงคำว่า ‘these methods’ ในประโยค B ดังนั้นข้อ 1 จึงควรเติมประโยค B 1. B reference words: ‘greenhouse gases’, ‘global warming’ and ‘climate change’ in the next sentence which refer to ‘these methods’ 2. E (reference word: ‘They ... drawbacks?’ in the previous sentence is the sentence that is addressed. ‘All around them’ refers to ‘Wind’ in the next sentence. 3. A reference words: ‘slow to take advantage of wind power’, ‘most countries around the world’ in the previous sentence 4. G (reference word: ‘pole’ in the previous sentence) 5. C (reference word: ‘sea’ in the previous sentence and ‘offshore wind farms’ in the next sentence) 6. D (reference words: ‘accounts for about 4%’ in the next sentence) 7. H (reference words: statistics after talking about percentages) ครูถามนักเรียนว่าชื่อเรื่องของบทอ่านเกี่ยวข้องกับบทอ่านอย่างไร แล้วให้นักเรียนแนะนำชื่อเรื่องใหม่ เช่น A new form of energy 3. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 35 Ex.3c โดยครูช่วยนักเรียนอธิบายคำศัพท์ที่พิมพ์ตัวหนาใน บทอ่าน ด้วยการยกตัวอย่างประโยค บอกคำที่มีความหมายเหมือนกัน หรือคำตรงข้าม กิจกรรมเพิ่มเติม


185 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา จากนั้นให้นักเรียนค้นหาคำที่มีความหมายเหมือนกับคำที่อยู่ในพื้นสี (highlighted words) จากพจนานุกรม เสร็จแล้วครูตรวจคำตอบ greenhouse gases (phr): substances like air that burn easily and are responsible for the greenhouse effect global warming (phr): the rise in the earth’s temperature fossil fuel (phr): a substance such as coal or oil which is made from naturally destroyed parts of dead animals or plants and is burned to provide heat or power renewable (adj): sth that can be used over and over again in different ways climate change (phr): a permanent change in the world’s weather so that it is becoming warmer generate (v): to produce power drawback (n): a disadvantage in sth or sb take advantage of sth (phr): to make good use of sth while you can array (n): a collection of objects arranged in a certain way wind turbine (n): a large machine like a windmill used for producing electricity from the wind rotor blade (n): a long, flat, thin piece of metal which turns and lifts sth off the ground unoccupied site (phr): a piece of land not being used for a particular purpose objection (n): when you say that you do not like or agree with sth or someone demand (n): when there’s demand for sth, a lot of people need it, want to have it or buy it Synonyms run out: finished shut down: turn off emit: produce take up: use contribute: add to significant: important entire: whole damaging: harming ครูถามคำถามต่อไปนี้What nationality do you think the author is? (British); How do you know? (He refers to himself as a member of the same society.); What type of writing is it? (an article); Where could it be found? (a blog or magazine) กิจกรรมเพิ่มเติม


186 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 4. ให้นักเรียนทำกิจรรมในหนังสือเรียน หน้า 35 Ex.3d หาคำศัพท์ในบทอ่านที่ใกล้เคียงกับภาษาไทย Suggested answer key นิวเคลียร์(nuclear), แก๊ส (gases), ปั๊ม (pump), สถิติ (statistics), ฟาร์ม (farm) Follow-up 1. ให้นักเรียนจับคู่ทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 35 Ex.4 โดยอ่านบทอ่านอีกครั้ง และขีดเส้นใต้ข้อดีของ พลังงานลม ครูตรวจคำตอบและให้นักเรียนช่วยกันบอกข้อดีของพลังงานลมเพิ่มเติม Advantage to be underlined: alternative source of energy, practical, cheap to set up and maintain, highly productive and above all kind to our planet, reliable form of energy, generate as much power as fossil fuels and nuclear energy, but have none of the drawbacks, wind turbines make hardly any noise and they are not unpleasant to look at, they are often located on unoccupied sites or in areas that can also be used for farming, building wind farms at sea is also possible, a single wind turbine can produce enough electricity to power 460 average homes, wind power offers a solution to all our energy problems by being a renewable, clean and safe source of energy and it is easy to live and work with Other advantages: doesn’t use fossil fuels or deplete our energy resources (Students’ own answers) จากนั้นให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ช่วยกันระดมสมองคิดเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการก่อสร้าง โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศไทย (Brainstorm ideas for and against the construction of a nuclear power station in Thailand.) เสร็จแล้วให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอที่หน้าชั้น


187 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ครูอาจจัดกิจกรรมให้นักเรียนฝึกพูดอภิปรายด้วยการสมมติเหตุการณ์ว่า สภาของเมืองที่นักเรียนอาศัยอยู่ได้ เรียกประชุมเพื่ออภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในพื้นที่ ครูแบ่ง นักเรียนเป็น 2 ฝ่าย (ฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายคัดค้าน) แต่ละฝ่ายส่งตัวแทนมาฝ่ายละ 2 คน เพื่อแสดงเป็น ผู้นำกลุ่มในการระดมความคิดเห็นในการสนับสนุนและคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้า Your town council has called a special meeting to discuss the construction of a nuclear power station in your area to cover its growing electricity needs. Mr Brown, a local councillor, and Mr Black, the president of the construction company are both in favour of the idea, for different reasons. Mrs Green, a noted local ecologist, and Mrs White, a mother of three who lives near the proposed site, are both against the idea, again for different reasons. In groups of four, take roles and discuss the proposal. Try to persuade the other people at the meeting of your point of view. Mr Brown (สมาชิกสภาท้องถิ่น) ฝ่ายสนับสนุน Mr Black (ประธานบริษัทก่อสร้าง) ฝ่ายสนับสนุน Mrs Green (นักนิเวศวิทยาที่มีชื่อเสียง) ฝ่ายคัดค้าน Mrs White (คุณแม่ลูก 3 ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณ ฝ่ายคัดค้าน ที่คาดว่าจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์) จากนั้นครูให้นักเรียนเริ่มการประชุม โดยครูย้ำว่านักเรียนจะต้องโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเห็นด้วยกับตัวเอง เสร็จ แล้วครูให้นักเรียนเปลี่ยนตัวแทนเพื่อผลัดกันออกมาเป็นผู้นำในการแสดงความคิดเห็น แบบฝึกหัด หน้า 16 Ex.3 และหน้า 18-19 Exs.9a-b (ดูเฉลยภาคผนวก C) กิจกรรมเพิ่มเติม Active Learning สู่สมรรถนะ Active Learning 1. การเรียนรู้ผ่านการคิดข้นัสูง (Thinking Based Learning) 2. การเรียนรู้ผ่านการลงมือท า (Learning by doing) 3. การเรียนรู้จากการท างานร่วมกัน (Cooperative Learning) 5. การสื่อสาร น าเสนอ (Communication and Presentation) 4. การเรียนรู้จากการส ารวจและค้นหา (Inquiry-Based Learning)


188 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Unit 4b Vocabulary practice 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 1.ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานต่างๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยายที่ฟัง และ อ่าน 4. จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก การฟัง และอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 3. พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ ในสถานการณ์จำลองหรือสถานการณ์จริงอย่างเหมาะสม 4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม 5. พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.3: นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูด และการเขียน ตัวชี้วัด 1. พูดและเขียนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่อง และประเด็น ต่างๆ ตามความสนใจของสังคม 3. พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์ ทั้งในท้องถิ่น สังคม และโลก พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 3.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการ พัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน ตัวชี้วัด 1. ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ กลุ่มสาระ การเรียนรู้อื่น จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และนำเสนอด้วยการพูดและ การเขียน มาตรฐาน ต 4.2: ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ


189 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่น/ประเทศชาติ เป็นภาษาต่างประเทศ 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Vocabulary: คำศัพท์เกี่ยวกับดาวเคราะห์โลก, ปัญหาสิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม • Language skills Listening: ฟังเพื่อหาข้อมูลจำเพาะ Speaking: พูดแนะนำเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, พูดบรรยายเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม Writing: เขียนบทความสั้น ๆ เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน, เขียนกฎเกี่ยวกับการประหยัดน้ำ 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา 3.2.3 ทักษะการรวบรวมข้อมูล 3.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 3.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 4.2 จิตสาธารณะ 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Planet Earth 1. ครูบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ของ Unit 4b นักเรียนจะได้เรียนรู้เนื้อหาเกี่ยวกับดาวเคราะห์โลก ปัญหา สิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 36 Ex.1 แล้วเปิด CD2/track 2 (หรือสแกน QR code) ให้ นักเรียนฟังและขีดเส้นใต้ข้อมูลที่ถูกต้อง จากนั้นให้นักเรียนจับคู่กัน พูดคุยเกี่ยวกับโลกของเรา (the Earth) Circumference = 40,075 km Diameter = 12,742 km


190 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา The Earth’s circumference is 40,075 km and its diameter is 12,742 km. Seventy-one percent of the Earth’s surface area is covered by oceans. The highest point on the Earth is Mount Everest at 8,848 m and the lowest point is the Dead Sea at 432 m below sea level. Percentage of surface area covered by oceans = 71% Highest point = 8,848 m Lowest point = 432 m below sea level Suggested answer key: นักเรียนอาจรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับโลกจาก Encyclopaedias, Internet, หนังสือภูมิศาสตร์ หรือ จากแหล่งอื่นๆ และออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน กิจกรรมเพิ่มเติม Active Learning สู่สมรรถนะ Active Learning 1. การเรียนรู้ผ่านการคิดข้นัสูง (Thinking Based Learning) 2. การเรียนรู้ผ่านการลงมือท า (Learning by doing) 3. การเรียนรู้จากการท างานร่วมกัน (Cooperative Learning) 5. การสื่อสาร น าเสนอ (Communication and Presentation) 4. การเรียนรู้จากการส ารวจและค้นหา (Inquiry-Based Learning)


191 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Environmental problems 1. ครูอ่านพาดหัวข่าว A-E ในหนังสือเรียน หน้า 36 Ex.2a จากนั้นให้นักเรียนบอกเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ต่างๆ เช่น cutting down trees, hunting animals เป็นต้น ครูอธิบายภาระงานและอ่าน พาดหัวข่าว เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ให้มาให้นักเรียนฟัง ครูอธิบายคำศัพท์ที่นักเรียนไม่รู้ ด้วยการ ยกตัวอย่าง บอกคำที่มีความหมายเหมือนกันหรือตรงข้ามกัน แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่พาดหัวข่าว A-E กับ ปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่ให้มา เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน Overpopulation E Deforestation D Lack of resources C Endangered species A Global warming B 2. ครูอ่านคำถามในหนังสือเรียน หน้า 36 Ex.2b แล้วให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าปัญหา สิ่งแวดล้อมใดที่นักเรียนคิดว่าน่าเป็นห่วงมากที่สุด และใครควรจะเป็นผู้รับผิดชอบปัญหาเหล่านี้ Suggested answer key: I think the most worrying problem is water shortage. I also think that every individual should do as much as they can to help solve these problems together with the governments and ruling bodies of the world. 3. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 36 Ex.2c รวบรวมพาดหัวข่าวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนนำเสนอพาดหัวข่าวของตนเองที่หน้าชั้น และให้ นักเรียนที่เป็นผู้ฟังระบุว่าพาดหัวข่าวของเพื่อนเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมใด (Students’ own answers) ให้นักเรียนเตรียมรายงานข่าวสั้นๆ (short news bulletin) โดยเลือกข่าวจากพาดหัวข่าวที่นักเรียนเตรียมมา 4. ครูอ่านข้อมูลที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 36 Ex.3a และอธิบายคำศัพท์ที่นักเรียนไม่รู้ จากนั้นให้นักเรียน จับคู่ปัญหา (A-D) กับผลกระทบ (1-4) และทางแก้ไขปัญหา (a-d) โดยครูทำข้อ 1 ร่วมกับนักเรียน เพื่อเป็น ตัวอย่าง แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่กันทำข้อที่เหลือ เสร็จแล้วครูตรวจคำตอบ Problems Effects Solutions A Global warming 3 d B Pollution 4 c C Hunting/Overfishing 2 a D Deforestation 1 b กิจกรรมเพิ่มเติม


192 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ต่อมาครูสนทนากับนักเรียน 2 คน (ทีละคน) เพื่อเป็นตัวอย่าง จากนั้นจึงให้นักเรียนจับคู่สนทนากัน โดยใช้ ข้อมูลจาก Ex.3a เสร็จแล้วให้ออกมานำเสนอบทสนทนาหน้าชั้น Suggested answer key: • A: What is the effect of pollution? B: Well, pollution causes very poor air quality in cities. Rivers and lakes are full of industrial waste. We need to do something before it’s too late. A: What can we do? B: We could reduce the amount of gases emitted from factories. We could also use public transport instead of cars. • A: What is the effect of hunting and overfishing? B: Hunting and overfishing cause many animals and fish to be wiped out. We need to do something before it’s too late. A: What can we do? B: We could have stricter laws and hasher punishments for illegal hunting and fishing. • A: What is the effect of deforestation? B: Deforestation causes the destruction of the rainforest. We need to do something about it. A: What can we do? B: We could encourage countries to control the number of trees that are cut down. 5. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 36 Ex.3b โดยให้นักเรียนช่วยกันบอกว่า global warming (ภาวะโลกร้อน) คืออะไร และอะไรคือสาเหตุ จากนั้นอภิปรายร่วมกันว่าจะทำอย่างไรจึงจะแก้ไขปัญหาภาวะ โลกร้อนได้ แล้วจึงมอบหมายให้นักเรียนกลับไปเขียนเป็นการบ้าน โดยนักเรียนสามารถรวบรวมข้อมูล เพิ่มเติมจากห้องสมุด Internet หนังสือภูมิศาสตร์ หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ เมื่อนักเรียนทำเสร็จแล้ว ครูตรวจ คำตอบด้วยการให้นักเรียนอ่านงานเขียนของตนเองที่หน้าชั้น Suggested answer key: Global warming is an increase in the average temperature of the Earth’s surface. The burning of fossil fuels such as oil and gas produce greenhouse gases, which trap the heat from the Sun in the Earth’s atmosphere. This causes global warming. We can solve the problem of global warming by decreasing the amount of greenhouse gases that are emitted. We can do this by reducing gases emitted from factories and encouraging people to use public transport more.


193 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 6. ครูเขียนคำว่า public-mindedness และ public-consciousness บนกระดาน จากนั้นครูอธิบายว่า public-mindedness และ public-consciousnessได้แก่ การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม จิตสำนึก ต่อสังคม จิตสำนึกต่อส่วนรวม จิตสำนึกต่อสาธารณะสมบัติ เป็นต้น ครูถามนักเรียนว่าการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมเกี่ยวข้องกับจิตสาธารณะอย่างไร ครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียน เสร็จแล้วให้นักเรียน ช่วยกันบอกว่าในชีวิตประจำวันของเรา เราสามารถช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร เพื่อแสดงให้เห็น ว่าเราเป็นผู้มีจิตสาธารณะ เสร็จแล้วครูให้นักเรียนจัดกิจกรรมเพื่อช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ของตนเอง โดยครูเขียนขั้นตอนต่อไปนี้บนกระดาน 1. Define the problem: What is the problem? Why is the problem occurring? 2. Brainstorm solutions: What are we going to do? 3. Pick a solution 4. Implement the solution 5. Review the results: Did the plan work? ครูอธิบายว่านี่คือขั้นตอนของกระบวนการแก้ปัญหา (problem solving process) แล้วให้นักเรียนช่วยกัน ทำกิจกรรมทีละขั้นตอน ดังนี้ 1. โรงเรียนของนักเรียนมีปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื่องอะไร สาเหตุของปัญหาคืออะไร 2. ช่วยกันระดมสมองว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร 3. เลือกมา 1 วิธีการ 4. ทดลองปฏิบัติ 5. ประเมินผลว่าวิธีดังกล่าวได้ผลหรือไม่ 7. ครูอธิบายหรือให้นักเรียนบอกว่า compound noun คืออะไร (A compound noun is a single noun that is made up of two or three nouns) จากนั้นอธิบายภาระงาน และให้นักเรียนทำงานคู่ จับคู่คำนาม จาก 2 คอลัมน์ในหนังสือเรียน หน้า 36 Ex.4 ให้เป็นคำนามประสม (compound noun) ครู ตรวจคำตอบโดยให้นักเรียนแต่ละคู่อ่านคำตอบให้เพื่อนฟัง พร้อมทั้งอธิบายความหมายของคำนามประสม เหล่านี้ เสร็จแล้วให้นักเรียนนำคำตอบมาแต่งประโยคเหมือนดังตัวอย่าง 1. – c 2. – f 3. – b 4. – a 5. – d 6. – g 7. – e 1. rubbish dump: a place where rubbish is left 2. gas mask: a mask we wear over our face to protect ourselves from poisonous gases 3. acid rain: rain polluted by acid from factories, car exhaust fumes, etc. 4. greenhouse effect: gradual rise in the Earth’s temperature 5. ozone layer: the part of the atmosphere that protects living creatures from harmful ultra-violet radiation 6. urban sprawl: expansion of a city or town 7. cycle path: special path for cyclists, separate from motor vehicles


194 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Suggested answer key: 1. The rubbish dump on the outskirts of town is an eyesore. 2. The firefighters put on their gas mask and entered the blazing house to save the family. 3. Acid rain is destroying the tropical forests of the Amazon. 4. The greenhouse effect has led to many ice areas melting and sea levels rising. 5. Aerosols, toxic fumes and gases cause the hole in the ozone layer to increase, which makes the sun rays all the more dangerous. 6. The urban sprawl has given rise to mega-cities with scores of problems like pollution and crime. 7. Scandinavian countries have a rich network of cycle paths to protect their cyclists. 4. ครูอ่านชื่อของแบบสอบถามในหนังสือเรียน หน้า 37 Ex.5 แล้วตอบคำถามว่า What problem is implied in the title? (the damage that we cause to the environment) จากนั้นให้เวลานักเรียน 2 นาที ทำแบบสอบถามดังกล่าว เพื่อวัดความตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อมของนักเรียน หรือในอีกทางเลือกหนึ่ง ครูอ่านคำถามทีละข้อ แล้วให้นักเรียนวงกลมคำตอบ เมื่อนักเรียนทำแบบสอบถามเสร็จแล้ว ครูสำรวจอย่าง รวดเร็วว่านักเรียนในชั้นมีกี่คนที่ส่วนใหญ่ตอบข้อ a ข้อ b หรือ ข้อ c แล้วจึงให้นักเรียนอ่านคำอธิบาย ด้านล่างว่าถ้าส่วนใหญ่ตอบ ข้อ a ข้อ b หรือ ข้อ c แล้วจะมีความตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างไร และ นักเรียนเห็นด้วยกับคำอธิบายดังกล่าวหรือไม่ (Students’ own answers) ให้นักเรียนช่วยกันคิดวิธีการอื่นๆ ที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น use natural light as much as possible, use recycled paper rather than buying new paper, use biodegradable washing powder, use old newspapers and water to clean windows, read books instead of watching TV or playing computer games, use cloth instead of paper towels, napkins เป็นต้น กิจกรรมเพิ่มเติม


195 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มย่อย แล้วให้แต่ละกลุ่มทำแบบสอบถาม (questionnaire) เพื่อโพสต์ลงใน blog ของ โรงเรียน หรือแจกจ่ายให้นักเรียนชั้นอื่นทำ Conservation 1. ให้นักเรียนช่วยกันอธิบายความหมายของคำว่า conserve (to save and protect the environment) แล้วครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 37 Ex.6a ว่ามีวิธีการประหยัดทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป (non-renewable resources) อยู่หลายวิธี ให้นักเรียนจับคู่คำแนะนำ (1-6) กับหัวข้อ (a-c) ให้ถูกต้อง ภายในเวลา 2 นาที ครูตรวจคำตอบ เสร็จแล้วให้นักเรียนแต่งประโยคเหมือนดังตัวอย่าง a 3, 6 b 1, 5 c 2, 4 Suggested answer key: 3 To use less petrol for transportation, we can ride a bicycle. 6 To use less petrol for transportation, we can use public transportation. 1 To use less electricity inside our houses, we can switch off the lights when we leave a room. 5 To use less electricity inside our houses, we can use fluorescent light bulbs. 2 To use less coal, gas, petrol and electricity to heat our homes, we can wear warmer clothes in the winter. 4 To use less coal, gas, petrol and electricity to heat our homes, we can insulate our houses. กิจกรรมเพิ่มเติม Active Learning สู่สมรรถนะ Active Learning 1. การเรียนรู้ผ่านการคิดข้นัสูง (Thinking Based Learning) 2. การเรียนรู้ผ่านการลงมือท า (Learning by doing) 3. การเรียนรู้จากการท างานร่วมกัน (Cooperative Learning) 5. การสื่อสาร น าเสนอ (Communication and Presentation) 4. การเรียนรู้จากการส ารวจและค้นหา (Inquiry-Based Learning)


196 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. ให้นักเรียนจับคู่ทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 37 Ex.6b โดยช่วยกันคิดวิธีการอื่นๆ ในการลดการใช้ ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป (non-renewable resources) และนำเสนอที่หน้าชั้นเรียน Suggested answer key: To use less petrol for transportation, we can avoid using a car or motorcycle to cover short distances. To use less petrol for transportation, we can drive more slowly. To use less electricity, we can use a pressure cooker when we cook. To use less electricity, we shouldn’t open the fridge door more than we need to. To use less coal, gas, petrol or electricity to heat our homes, we can close doors and windows tightly to keep the heat inside. To use less coal, gas, petrol or electricity to heat our homes, we can use alternative energy sources such as solar energy. ให้นักเรียนเตรียมแผ่นพับในหัวข้อสิ่งที่ควรทำ/ไม่ควรทำในการอนุรักษ์ทรัพยากร (dos and don’ts of conservation) เพื่อแจกให้นักเรียนห้องอื่นๆ หรือโพสต์ลงใน blog ของโรงเรียน หรือติดบนป้ายประกาศของ ห้องเรียน/โรงเรียน กิจกรรมเพิ่มเติม Active Learning สู่สมรรถนะ Active Learning 1. การเรียนรู้ผ่านการคิดข้นัสูง (Thinking Based Learning) 2. การเรียนรู้ผ่านการลงมือท า (Learning by doing) 3. การเรียนรู้จากการท างานร่วมกัน (Cooperative Learning) 5. การสื่อสาร น าเสนอ (Communication and Presentation) 4. การเรียนรู้จากการส ารวจและค้นหา (Inquiry-Based Learning)


197 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 3. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 37 Ex.7 แล้วให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันคิดวิธีการประหยัดน้ำ ลด ปริมาณขยะ และลดมลพิษทางอากาศ ประเด็นละ 2 ข้อ จากนั้นครูตรวจคำตอบ ด้วยการให้นักเรียนแต่ละคู่ ออกมานำเสนอสิ่งที่คิดให้เพื่อนฟัง เสร็จแล้วให้แต่ละคู่ผลัดกันพูดให้คำแนะนำในการประหยัดทรัพยากรตาม ประเด็นที่ให้มา โดยใช้สำนวนที่กำหนดให้ในกรอบเหมือนดังตัวอย่าง Suggested answer key: • A: What can we do to save on water? B: A good idea would be to take shorter showers. A: That’s true, we could also make sure that we turn off the tap tightly when we finish using it. B: That’s a good idea. • A: What can we do to create less litter? B: It would be a good idea to recycle our rubbish. A: That’s true. We could also buy products that we can reuse. B: That’s a good idea. • A: What can we do to reduce air pollution? B: If we used our cars less, then there would be less pollution. A: That’s true. Another good idea would be to fine factories that produce too much smoke. 4. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 37 Ex.8 ว่าให้นักเรียนนำความคิดจาก Ex.7 และข้อมูลจาก แหล่งอื่นๆ มาเขียนกฎในการประหยัดน้ำ อย่างน้อย 5 ข้อ แล้วติดในป้ายประกาศของห้อง จากนั้นครูให้นักเรียนช่วยกันบอกคำศัพท์ที่นักเรียนจำเป็นต้องใช้ในการทำกิจกรรมนี้ และอธิบายว่าเมื่อต้อง เขียนเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ (rules) เราจะใช้คำว่า always, never แต่หลีกเลี่ยงการใช้ imperative ตามลำพัง เนื่องจากน้ำเสียงเป็นการบังคับเกินไป ทำให้ไม่สุภาพ ต่อมาครูให้นักเรียนอภิปราย ภาระงานร่วมกันในชั้น เรียน แล้วจึงแบ่งกลุ่มหรือให้นักเรียนทำงานคู่ Suggested answer key: Always take short showers. Always turn off the tap tightly after using it. Never let the water run while you are brushing your teeth. Always reuse water where possible to water plants or for cleaning. Never use running water to wash your car. Use a bucket of water instead. แบบฝึกหัด หน้า 16-17 Exs.1-2, 5 (ดูเฉลยภาคผนวก C)


Click to View FlipBook Version