แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม6

198 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Unit 4c Grammar in use 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และข้อความที่ ฟังหรืออ่าน มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม 5. พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 2.อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และที่มาของขนบธรรมเนียม และประเพณีของ เจ้าของภาษา 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.2: เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ตัวชี้วัด 1. อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย มาตรฐาน ต 3.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการ พัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน ตัวชี้วัด 1. ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ กลุ่ม สาระการเรียนรู้อื่น จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน มาตรฐาน ต 4.2: ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Grammar: comparisons, too/enough, -ing form/infinitive, prepositions

199 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Vocabulary: phrasal verbs (fall, get) • Language skills Speaking: พูดเปรียบเทียบอดีตกับปัจจุบัน, พูดถาม-ตอบเกี่ยวกับสัตว์ 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการเปรียบเทียบ 3.2.3 ทักษะการรวบรวมข้อมูล 3.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Comparisons 1. ครูบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ของ Unit 4c ว่านักเรียนจะเรียนรู้เกี่ยวกับการเปรียบเทียบ (comparisons) การใช้ too/enough, -ing form/infinitive, prepositions และ phrasal verbs (fall, get) 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 38 Ex.1 โดยให้นักเรียนขีดเส้นใต้คำที่เป็นการเปรียบเทียบ ขั้นกว่า และขั้นสูงสุด ครูทำข้อ 1 ร่วมกับนักเรียนก่อน จากนั้นให้นักเรียนจับคู่กันทำข้อที่เหลือ เสร็จแล้วครูให้ นักเรียนบอกโครงสร้างประโยคสำหรับการเปรียบเทียบขั้นกว่า (comparative) และขั้นสูงสุด (superlative) และอธิบายวิธีการใช้ more และ most ครูอาจให้นักเรียนศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจาก Grammar reference ในหนังสือเรียน หน้า 127-128 1. taller 2. easier 3. more expensive 4. faster, faster 5. more crowded 6. richer, happier 7. biggest 8. busiest 9. most beautiful 10. more capable Suggested answer key: More is used before some two-syllable adjectives and adverbs and all adjectives and adverbs with more than two syllables to form the comparative degree.

200 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Most is used before some two-syllable adjectives and adverbs and all adjectives and adverbs with more than two syllables to form the superlative degree. 3. ครูอธิบายภาระงานและความหมายของสัญลักษณ์ในตารางในหนังสือเรียน หน้า 38 Ex.2 จากนั้นครูอ่าน ตัวอย่างคำตอบที่ให้มา และให้นักเรียนลุกขึ้นยืนทีละคน แล้วแต่งประโยคเปรียบเทียบยานพาหนะทั้ง 3 ประเภท ตามข้อมูลที่กำหนดให้ในตาราง Suggested answer key: A bicycle is not very noisy. A car is noisier than a bicycle. A train is the noisiest of all. A car is quite noisy. A train is very noisy. A car is not very clean. A train is cleaner than a car. A bicycle is the cleanest of all. A train is quite clean. A bicycle is very clean. A bicycle is not very expensive. A train is more expensive than a bicycle. A car is the most expensive of all. A train is quite expensive. A car is very expensive. 4. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 38 Ex.3 ว่าให้นักเรียนเปลี่ยนคำในวงเล็บให้อยู่ในรูปขั้นกว่าหรือ ขั้นสูงสุด พร้อมบอกเหตุผล จากนั้นครูทำข้อ 1 ร่วมกับนักเรียน แล้วให้นักเรียนจับคู่กันทำแบบฝึกหัดข้อที่ เหลือ ครูตรวจคำตอบของนักเรียนบนกระดาน โดยเน้นการสะกดคำให้ถูกต้อง 1. happier 2. the biggest 3. harder, harder 4. the best 5. the most beautiful6. Healthier 7. more interesting 8. the most difficult 9. earlier, sooner 10. better 1 Comparative – happier compares Ruth’s state today to her state yesterday. 2 Superlative – the biggest compares global warming to other problems facing the world. 3 Comparative – harder and harder compares finding a job today to finding a job in the past. 4 Superlative – the best compares Steve to other players in the team. 5 Superlative – the most beautiful compares Venice to other cities. 6 Comparative – healthier compares his state before and after he started the diet. 7 Comparative – more interesting compares what Tim feels about history and maths.

201 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 8 Superlative – the most difficult compares the thing he did to all other things he has done. 9 Comparative – earlier/sooner compare the time they live to the time they will arrive. 10 Comparative – better compares the current outcome to what outcome is expected. 5. ครูอ่านคำสั่งในหนังสือเรียน หน้า 38 Ex.4 และอธิบายข้อมูลที่กำหนดให้ จากนั้นอ่านตัวอย่าง บทสนทนา แล้วให้เวลานักเรียน 2 นาที จับคู่และสนทนาโต้ตอบกันเพื่อเปรียบเทียบชีวิตในปัจจุบันและใน อดีตตามประเด็นที่กำหนดให้ โดยใช้ภาพและคำที่ให้มา ครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน แล้วสุ่มเลือก นักเรียน 2-3 คู่ ออกมาพูดสนทนาที่หน้าชั้น Suggested answer key: A: People used to work longer hours. B: That’s right. Most people nowadays work quite short hours. A: Dwellings used to be quite inconvenient in the past. B: Yes, but now they are very convenient. A: In the past, transportation was much slower. B: You’re right. These days transportation is very fast. A: Life used to be quite dangerous in the past. B: I agree. Nowadays it’s much safer. etc. 6. ครูอ่านรายชื่อสัตว์และคำศัพท์ที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 38 Ex.5 แล้วอธิบายภาระงาน และอ่านตัวอย่าง บทสนทนาที่ให้มา จากนั้นให้นักเรียนจับคู่กันถาม-ตอบเกี่ยวกับสัตว์ โดยใช้คำศัพท์ที่กำหนดให้ ครูสังเกต ขณะนักเรียนทำกิจกรรม แล้วสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมาสนทนาที่หน้าชั้น Suggested answer key: A: Which animal has got the most legs? B: I think it’s the centipede. Which animal is the largest? A: The elephant. Which animal is the tallest of all? B: I think it’s the elephant. Which animal is the smallest of all? A: The mouse. Which animal is the fastest? B: I suppose it’s the tiger. Which animal is the slowest? A: I think it’s the centipede. Which animal is the loudest of all? B: It’s the elephant. Which animal is the most poisonous of all? A: The cobra, of course!

202 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Too/Enough ครูเขียนประโยคต่อไปนี้บนกระดาน He is too old to drive. He is old enough to drive. แล้วให้นักเรียนบอกโครงสร้างของประโยคทั้ง 2 ประโยคนี้ (too old – old enough) ต่อมาครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 38 Ex.6 แล้วศึกษาตัวอย่างคำตอบที่ให้มาในข้อ 1 ร่วมกัน แล้วให้นักเรียนทำข้อที่ 2 ร่วมกัน เสร็จแล้วจึงให้นักเรียนทำข้อที่เหลือด้วยตนเอง โดยเติม too หรือ enough ลงในช่องว่างในประโยคให้ถูกต้อง 1. enough 2. too 3. enough 4. too 5. too 6. enough 7. too 8. enough -ing form/infinitive 1. ครูอ่านคำสั่งและอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 39 Ex.7 ว่าให้นักเรียนจับคู่วลีจาก 2 คอลัมน์ ให้ เป็นประโยค แล้วขีดเส้นใต้คำที่อยู่ในรูป -ing, to-infinitive หรือ infinitive without to พร้อมทั้งระบุด้วย ว่าคำที่ขีดเส้นใต้เป็นคำที่อยู่ในรูป –ing, to-infinitive หรือ infinitive without to โดยให้นักเรียนทำงาน เป็นคู่ 1 – b I can’t stand people throwing rubbish in the streets. (-ing form) 2 – c We can all help save endangered species. (infinitive without to) 3 – a I’d like to join an environmental group. (to-infinitive) 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 39 Ex.8 แล้วให้นักเรียนระบุว่ากลุ่มคำที่ให้มา (1-6) จะตามด้วย คำชนิดใด ระหว่างคำที่อยู่ในรูป to-infinitive, infinitive without to หรือ –ing โดยครูทำข้อ 1 ร่วมกับนักเรียนก่อน แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันทำข้อที่เหลือ ครูเดินสำรวจรอบๆ ห้อง เพื่อตรวจคำตอบของนักเรียน เสร็จแล้วครูให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างประโยค 2. -ing form 3. to-infinitive form 4. -ing form 5. infinitive without to 6. -ing form Suggested answer key: 2. He apologised for being late. 3. I would love to go to the cinema tonight. 4. She loves going to the zoo. 5. You should try to come to the meeting.

203 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 6. I’m looking forward to going to the beach this weekend. 3. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 39 Ex.9 ว่าให้เปลี่ยนคำกริยาในวงเล็บให้อยู่ในรูปที่ถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนศึกษาตัวอย่างคำตอบที่ให้มาและทำข้อ 2 ร่วมกัน เสร็จแล้วจึงให้นักเรียนจับคู่ช่วยกัน ทำข้อที่เหลือให้เสร็จ ครูตรวจคำตอบของนักเรียน พร้อมทั้งให้นักเรียนอธิบายเหตุผลว่าทำไมแต่ละข้อจึงตอบ เช่นนั้น 1. swimming - go + -ing form (for activities) 2. be - modal verb + infinitive without to 3. to arrive - for + noun/pronoun +to-infinitive 4. to visit - would love + to- infinitive 5. meeting - look forward to + -ing form 6. working - verb + preposition + -ing form 7. to tell - would like + to- infinitive 8. speaking - preposition + -ing form 9. do - modal verb + infinitive without to 10. changing - verb + preposition + -ing form 4. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 39 Ex.10 โดยเปลี่ยนคำกริยาในวงเล็บให้อยู่ในรูป -ing หรือ to-infinitive ครูทำข้อ 1 ร่วมกับนักเรียนเพื่อเป็นตัวอย่าง แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันทำข้อที่เหลือ ครู ตรวจคำตอบและให้นักเรียนอธิบายความหมายของคำศัพท์ที่พิมพ์ตัวหนา 2. visiting (forget = not recall) 3. thinking (stop = finish, give up) 4. to buy (stop = stop briefly in order to do something else) 5. to get (remember = not forget) 6. talking (remember = recall) 7. to catch (want = intend) 8. writing (try = do something as an experiment) 5. ให้นักเรียนเติมประโยค 1-10 ในหนังสือเรียน หน้า 39 Ex.11 ให้สมบูรณ์ โดยใช้ to-infinitive form, infinitive without to form และ –ing form โดยครูทำข้อ 1 ร่วมกับนักเรียนก่อน แล้วจึงให้เวลานักเรียน 3-4 นาที ทำข้อที่เหลือ เสร็จแล้วสุ่มเรียกนักเรียนให้อ่านประโยคของตนเองให้เพื่อนๆ ฟัง Suggested answer key: 1. attending the lecture 2. to clean up his room 3. playing football 4. go for a stroll 5. find information quickly on the Internet 6. waiting in queues

204 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 7. liking her 8. playing computer games 9. improve your handwriting 10. visiting Disneyland next summer 6. ให้นักเรียนเล่นเกม Chain story ในหนังสือเรียน หน้า 39 หัวข้อ Game ด้วยการแต่งประโยคต่อๆ กัน เพื่อให้เป็นเรื่องราว โดยใช้ -ing form หรือ infinitive forms ร่วมกับคำที่กำหนดให้ ครูอธิบายว่านักเรียนไม่ จำเป็นต้องใช้คำที่ให้มาทุกคำ แต่ควรกากบาทคำที่นักเรียนใช้ไปแล้ว เพื่อจะได้ไม่ใช้ซ้ำ Suggested answer key: John likes travelling abroad. One day he was waiting at the airport. He was really looking forward to going to Bora Bora. Just then, there was an announcement, “We regret to inform you that flight S129 to Bora Bora will be delayed.” John didn’t mind waiting. He sat down and tried to finish reading his book. However, after three hours, John started to worry. He had arranged to go on a tour of the island as soon as he arrived and he hated to be late. He wanted to call them and tell them he was going to be late. He decided to find out what was going on. He asked the man at the counter, who said, “I’m sorry Sir, but flight S129 left two hours ago.” ครูให้นักเรียนเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง –ing form/infinitive จากคลิปวิดีโอที่เว็บไซต์ต่อไปนี้ http://learnenglishteens.britishcouncil.org/grammar-vocabulary/grammar-videos/verbing-or-verb-infinitive ซึ่งนักเรียนจะได้เรียนรู้ไวยากรณ์จากบทสนทนาที่ตัวละครพูดคุยกัน นอกจากนี้ ยังมีคำอธิบายไวยากรณ์เพิ่มเติมให้นักเรียนอ่านและแบบฝึกหัดให้นักเรียนฝึกทำด้วย Prepositions 1. ให้นักเรียนศึกษาคำศัพท์ช่อง G และ H ใน Appendix 1 (Verbs, Adjectives, Nouns with Prepositions) ในหนังสือเรียน หน้า 139 จากนั้นให้นักเรียนจับคู่กันเติม prepositions ลงในช่องว่างให้ถูกต้องในหนังสือ เรียน หน้า 40 Ex.12a โดย เสร็จแล้วตรวจคำตอบของนักเรียน และให้นักเรียนช่วยกันอธิบายความหมาย ของวลีที่พิมพ์ตัวหนาในแบบฝึกหัด ด้วยการยกตัวอย่างหรือบอกคำที่มีความหมายเหมือนกัน ครูแนะนำให้ นักเรียนจดจำวลีเหล่านี้ กิจกรรมเพิ่มเติม

205 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 1. to, for (wanting to thank sb for something) 2. of (having committed a crime or offence) 3. about (find out about something) 4. from (receive an email or phone call from somebody) 5. of (know about something but not in a lot of detail) 6. at (very bad at something) 2. ครูอธิบายว่าวลี/สำนวนในหนังสือเรียน หน้า 40 Ex.12b มาจากบทอ่าน หน้า 35 จากนั้นครูและนักเรียน ศึกษาตัวอย่างคำตอบในข้อ 1 ร่วมกัน แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่กันทำแบบฝึกหัดข้อที่เหลือ เสร็จแล้วจึงเฉลย คำตอบ ต่อมาครูให้นักเรียนเลือกวลี/สำนวนจากแบบฝึกหัดนี้มา 5 สำนวน แล้วแต่งประโยค หรือครูอาจ มอบหมายให้นักเรียนไปเขียนเป็นการบ้าน 1. of 2. of 3. in/at 4. to 5. from 6. of 7. with 8. for (Students’ own answers) Phrasal verbs ให้นักเรียนศึกษาวลีที่มาจาก fall และ get + preposition ใน Appendix 2 (Phrasal verbs) ใน หนังสือเรียน หน้า 141-142 จากนั้นให้นักเรียนปิดหนังสือเรียน แล้วช่วยกันบอกวลีที่มาจาก fall และ get ครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดาน และให้นักเรียนช่วยกันบอกความหมายของวลีเหล่านี้ ด้วยการให้ นักเรียนยกตัวอย่างประโยค ต่อมาครูและนักเรียนศึกษาตัวอย่างคำตอบที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 40 Ex.13 และทำข้อ 2 ร่วมกัน จากนั้นจึงให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันทำข้อที่เหลือให้เสร็จ ครูตรวจคำตอบ แล้วแนะนำให้นักเรียนจดจำวลี เหล่านี้ 1. fall back on 2. get away with 3. get on with 4. get over 5. fell for 6. fell through 7. get through Word formation ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 40 Ex.14 ขั้นก่อนอ่าน โดยดูชื่อเรื่องและภาพประกอบ แล้ว อธิบายความหมายของคำว่า Tundra (a cold, dry area in the north of Asia, Europe and America where trees cannot grow) ครูถามนักเรียนว่า What would you expect to see there? (snow, ice,

206 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา wolves, moss, grass, foxes, polar bears, seals, walruses, etc.) จากนั้นครูอธิบายว่าคำที่พิมพ์ตัวหนา ด้านขวามือสุด คือรากศัพท์ของคำที่ขาดหายไปในบทอ่าน ครูอ่านเนื้อเรื่องจนถึงตัวอย่างคำตอบที่ให้และให้นักเรียนบอกว่า treeless เป็นคำชนิดใด เมื่อได้คำตอบว่า adjective แล้ว ครูทำข้อ 1 ร่วมกับนักเรียน โดยใช้วิธีการถามคำถามดังต่อไปนี้ - Is it a verb? (No, the verb is comes after the noun.) - Is it an adverb? (No, it isn’t. It doesn’t describe a verb.) - Is it an adjective? (Yes, it is. It comes before the noun and describes/gives more information about the noun.) - What is the missing word? (distinctive) ครูเขียนคำตอบของข้อ 1 บนกระดาน แล้วใช้วิธีการเดียวกันนี้กับแบบฝึกหัดข้อที่เหลือ เมื่อนักเรียนทำเสร็จแล้ว ครูสุ่มเรียกนักเรียนให้อ่านบทอ่านที่เติมคำสมบูรณ์แล้ว เพื่อเป็นการตรวจคำตอบ 1. distinctive 2. Permanently 3. Surprisingly 4. variety 5. survival 6. colourful 7. protection 8. impossible 9. pollution 10. considerable ครูเตือนให้นักเรียนเติมคำศัพท์ที่เรียนในวันนี้เพิ่มเติมลงในตารางในสมุดของนักเรียนที่ได้ทำไว้เมื่อตอนที่ เรียน Unit 1c VERB NOUN ( person ) NOUN (abstract) ADJECTIVE ADVERB - - tree treeless - - - distinction distinct, distinctive distinctively - - - permanent permanently surprise - surprise surprised, surprising surprisingly consider - consideration considerate, considerable considerably survive survivor survival - - colour - colour colourful, colourless colourfully protect protector protection protective protectively - - possibility possible possibly pollute - pollution - - เสร็จแล้วครูให้นักเรียนทำกิจกรรมขั้นหลังการอ่าน โดยให้นักเรียนค้นคว้ารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเขต Tundra (ที่ราบขนาดใหญ่ที่มีอากาศหนาวทางแถบเหนือของยุโรป อเมริกา และเอเชีย) จากห้องสมุด หรือ Internet

207 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา นักเรียนสามารถหาภาพของเขต Tundra พืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในถิ่นนั้น จากนั้นให้นักเรียนใช้ข้อมูลและ ภาพเหล่านี้มาออกแบบโปสเตอร์ เพื่อนำมาติดในห้องเรียนหรือบริเวณโรงเรียน ครูถามนักเรียนว่า What type of writing is it? (an article); Where could it be found? (geography/environmental studies textbook or magazine feature) Idioms ให้นักเรียนนำคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ในหนังสือเรียน หน้า 40 Ex.15 เติมลงในช่องว่างในประโยค 1-5 จากนั้น ให้นักเรียนอธิบายความหมายของวลีที่พิมพ์ตัวหนา ครูตรวจคำตอบของนักเรียน 1. butterflies (be very nervous or excited) 2. birds (be able to achieve two things you want rather than one) 3. bull (do something that you feel you have to do even though it is difficult or unpleasant) 4. crocodile (not genuine or sincere tears) 5. lion (the largest part of something) เสร็จแล้วครูให้นักเรียนพิจารณาว่าในภาษาไทยมีสำนวนที่คล้ายคลึงกับสำนวนเหล่านี้หรือไม่ เช่น kill two birds with one stone = ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ต่อมาครูให้เวลานักเรียน 2 นาที จับคู่ช่วยกันระดมสมองบอกสำนวนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ให้ได้มากที่สุด ครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียนและเขียนสำนวนที่นักเรียนบอกบนกระดาน เสร็จแล้วให้นักเรียนจดสำนวน เหล่านี้ลงในสมุด Suggested answer key: - bet on the wrong horse: choose unwisely - like a bull in a china shop: person with no tact who upsets other or upsets plans - curiosity killed the cat: being too nosy may lead somebody into trouble - eat like a horse: eat a lot - hold one’s horses: wait; be patient - throw sb to the wolves: send somebody into danger without protection etc. กิจกรรมเพิ่มเติม

208 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา หรือในอีกทางเลือกหนึ่ง ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม และช่วยกันรวบรวมสำนวนสุภาษิตไทยเกี่ยวกับสัตว์ 5-6 สำนวน ที่มีความหมายใกล้เคียงกับสำนวนสุภาษิตในภาษาอังกฤษ เช่น ขี่ช้างจับตั๊กแตน = use a sledgehammer to crack a nut เสร็จแล้วให้นักเรียนวาดภาพประกอบทั้งสำนวนสุภาษิตของไทยและ อังกฤษให้สวยงาม และนำมาจัดแสดงในห้องเรียน แบบฝึกหัด หน้า 16-17 Exs.4, 6-7 และหน้า 58-65 Exs.1-12 (ดูเฉลยภาคผนวก C) Grammar reference • Infinitive ใช้to-infinitive ในกรณีต่อไปนี้ - บอกจุดประสงค์ ตัวอย่างเช่น Carl called to talk about our plans for tomorrow. - หลังคำกริยาบางคำ เช่น agree, appear, decide, expect, hope, plan, promise, refuse เป็นต้น ตัวอย่างเช่น They expect to finish the building work this afternoon. - หลัง would like, would prefer, would love, etc. เพื่อแสดงความชอบที่เฉพาะเจาะจง (a specific preference) ตัวอย่างเช่น I would prefer to go out for dinner tonight. - หลังคำคุณศัพท์บอกความรู้สึก/อารมณ์(happy, sad, glad, etc.); แสดงความเต็มใจ/ไม่เต็มใจ (willing, eager, reluctant, etc.); อ้างถึงบุคลิกลักษณะของบุคคล (clever, kind, etc.) และคำคุณศัพท์lucky และ fortunate ตัวอย่างเช่น I was very sad to hear that Carol had lost her job. หมายเหตุ: เมื่อใช้กับคำคุณศัพท์ที่อ้างถึงบุคลิกลักษณะ เราสามารถใช้โครงสร้างประโยคที่ขึ้นต้น it หรือ there (impersonal construction) ตัวอย่างเช่น It was kind of you to help Andrea with her essay. - หลัง too/enough ตัวอย่างเช่น It isn’t warm enough to go out without a coat. - พูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน โดยปกติแล้วจะใช้กับ only ตัวอย่างเช่น I finally arrived at the airport only to find that my flight had been cancelled. - โครงสร้าง It + be + adjective/noun. ตัวอย่างเช่น It was easy to find the house after all. - หลัง be + first/second/next/last etc. ตัวอย่างเช่น She was the first person to congratulate me after the game was over. - หลังคำกริยาและวลี เช่น ask, learn, explain, decide, find out, want, want to know etc. เมื่อ ตามด้วย a question word ตัวอย่างเช่น The maths teacher explained how to solve the problem. หมายเหตุ: why จะตามด้วย subject + verb ไม่ใช่ infinitive ตัวอย่างเช่น I wonder why she didn’t tell us. - ในวลีto tell you the truth, to be honest, to sum up, to begin with etc. ตัวอย่างเช่น To tell you the truth I didn’t expect that you would come.

209 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา หมายเหตุ: ในประโยคความรวมที่เชื่อมด้วย and หรือor ถ้าประโยคหน้าและหลังเป็น to-infinitives เหมือนกัน ให้ละ to ในประโยคหลัง ตัวอย่างเช่น I would like to go and see what is happening for myself. ใช้infinitive without to ในกรณีต่อไปนี้ - หลัง modal verbs ตัวอย่างเช่น Beth can speak German and Italian. - หลังคำกริยา let, make, see, hear และ feel ตัวอย่างเช่น They made him fill out a lot of forms. ยกเว้น เราใช้to-infinitive หลัง be made, be heard, be seen etc. (passive form) ตัวอย่างเช่น He was made to fill out a lot of forms. หมายเหตุ: เมื่อ see, hear และ watch ตามด้วย –ing form จะไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเป็น passive ตัวอย่างเช่น He saw me talking to Anna. I was seen talking to Anna. - หลัง had better และ would rather ตัวอย่างเช่น We had better take the train because the traffic is very bad at the moment. - help สามารถตามด้วย to-infinitive หรือ infinitive without to ก็ได้ ตัวอย่างเช่น She helped me (to) choose the carpet for the living room. • -ing form ใช้-ing form ในกรณีต่อไปนี้ - เป็นคำนาม ตัวอย่างเช่น Smoking is very bad for your health. - หลังคำกริยาบางคำ ได้แก่ admit, appreciate, avoid, continue, deny, fancy, go (for activities), imagine, mind, miss, quit, save, suggest, practise, consider, prevent ตัวอย่างเช่น Would you consider entering the contest? Can you imagine winning the lottery? - หลังคำกริยา love, like, enjoy, prefer, dislike, hate เพื่อแสดงความชอบทั่วๆ ไป ตัวอย่างเช่น Kate loves cooking. Jamie enjoys talking to his friends on the phone. แต่ถ้าเป็นความชอบที่เฉพาะเจาะจง (would like/would prefer/would love) เราจะใช้to-infinitive - หลังวลี เช่น be busy, it’s no use, it’s (no) good, it’s (not) worth, what’s the use of, can’t help, there’s no point in, can’t stand, have difficulty (in), have trouble etc. ตัวอย่างเช่น What’s the use of taking your car when you can use the bus? There is no point in talking to the boss about it; he never listens to us. - หลัง spend, waste หรือ lose (time, money, etc.) ตัวอย่างเช่น He wasted time talking on the phone when he should have been working. He spent a lot of time and money repairing his car. - หลังคำบุพบท to กับคำกริยาและวลี เช่น look forward to, be used to, in addition to, object to, prefer (doing sth to sth else) ตัวอย่างเช่น He prefers swimming to playing football.

210 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา - หลังคำบุพบทอื่นๆ ตัวอย่างเช่น He was thinking of quitting his job. - หลังคำกริยา hear, listen to, notice, see, watch และ feel เพื่อบรรยายการกระทำที่ยังไม่เสร็จสิ้น สมบูรณ์ (an incomplete action) ตัวอย่างเช่น I heard Nicky talking to Chris. (I only heard part of the conversation.) แต่เราจะใช้infinitive without to กับ hear, listen to, notice, see, watch และ feel เพื่อ บรรยายการกระทำที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว (the complete action) ตัวอย่างเช่น I heard Nicky tell the story. (I heard the whole story.) กริยาบางคำจะตามได้ทั้ง to-infinitive และ -ing form แต่จะมีความหมายแตกต่างไป - forget + to-infinitive = not remember (ลืมที่จะกระทำ [ยังไม่ได้ทำเพราะลืม]) ตัวอย่างเช่น He forgot to lock the door. - forget + -ing form = not recall (ลืมการกระทำนั้น [ได้กระทำ ไปแล้วแต่ลืม]) ตัวอย่างเช่น I’ll never forget travelling around India. - remember + to infinitive = not forget (ไม่ลืมที่จะ) ตัวอย่างเช่น Did you remember to turn off all the lights? - remember + -ing form = recall (จำการกระทำนั้นๆ ได้) ตัวอย่างเช่น I remember talking to Jane at the party. - mean + to-infinitive = intend to (ตั้งใจ, จงใจ) ตัวอย่างเช่น I’m sorry I never meant to upset you. - mean + -ing form = involve (เป็นเหตุให้, ก่อให้เกิด) ตัวอย่างเช่น If I get this job I’m afraid It will mean moving nearer to the city centre. - regret + to-infinitive = be sorry to [normally used in the present simple with verbs such as say, tell, inform] (เสียใจที่จะไปกระทำ) ตัวอย่างเช่น We regret to inform passengers that the British Airways flight to Heathrow has been cancelled. - regret + -ing form = feel sorry about (เสียใจที่ได้กระทำไปแล้ว) ตัวอย่างเช่น I regret losing touch with my old friend Stuart. - try + to-infinitive = do one’s best, attempt (พยายามที่จะทำ) ตัวอย่างเช่น She tried to call you but she couldn’t get through. - try + -ing form = do something as an experiment (ลองทำ) ตัวอย่างเช่น Why don’t you try changing the batteries? - stop + to-infinitive = stop temporarily in order to do something else (หยุดเพื่อที่จะไปกระทำการนั้น) ตัวอย่างเช่น After a couple of hours we stopped to have a rest. - stop + -ing form = finish doing something (หยุดการกระทำนั้นๆ เสีย) ตัวอย่างเช่น At five o’clock everyone stopped working and went home.

211 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา • การเปรียบเทียบ (Comparisons) เราใช้ like ในกรณีต่อไปนี้ - ใช้ร่วมกับ nouns/pronouns/-ing form เพื่อแสดงความคล้ายคลึงกัน (express similarity) ตัวอย่างเช่น She treats him like a servant. (He isn’t a servant.) - ใช้ร่วมกับ feel, look, smell, taste ตัวอย่างเช่น He looks like his brother. เราใช้ as ในกรณีต่อไปนี้ - เพื่อกล่าวถึงสิ่งที่บางคนหรือบางสิ่งเป็นตามความเป็นจริง ตัวอย่างเช่น He works as a personnel manager for that accounting firm. • การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสูงสุด (Comparatives and Superlatives) เราใช้comparative เพื่อเปรียบเทียบคน 1 คน หรือสิ่งของ 1 สิ่ง กับคนอีก 1 คน หรือสิ่งของ อีก 1 สิ่ง ส่วน superlative ใช้เพื่อเปรียบเทียบคน 1 คน หรือสิ่งของ 1 สิ่ง กับคน/สิ่งของมากกว่า 1 คน/สิ่ง ซึ่งอยู่ใน กลุ่มเดียวกัน โดยจะใช้than หลังขั้นกว่า (comparative) และใช้the ก่อนขั้นสูงสุด (superlative) ตัวอย่างเช่น He is older than me. He’s the oldest person in the room. เราสร้างขั้นกว่าและขั้นสูงสุดจากคำคุณศัพท์(adjectives) และคำกริยาวิเศษณ์ (adverbs) ดังนี้ - คำคุณศัพท์ที่มีหนึ่งพยางค์เราสามารถเติม -(e)r เพื่อทำเป็นขั้นกว่า และเติม -(e)st เพื่อทำเป็นขั้นสูงสุด เช่น nice – nicer – nicest, close – closer – closest หมายเหตุ: คำคุณศัพท์ที่มี1 พยางค์ และลงท้ายด้วยสระ 1 ตัว + พยัญชนะ 1 ตัว จะต้องเพิ่มตัวสะกด ที่เป็นพยัญชนะอีก 1 ตัว ก่อนจะเติม –er/est เช่น fit – fitter – fittest, big – bigger – biggest - คำคุณศัพท์ที่มี2 พยางค์และลงท้ายด้วย -ly, -y, -w เราสามารถเติม -er/-est ที่ท้ายคำได้เลยเช่นกัน เช่น shallow – shallower – shallowest หมายเหตุ: คำคุณศัพท์ที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ เราจะเปลี่ยน -y เป็น –i เช่น pretty – prettier – prettiest, tiny – tinier – tiniest - คำคุณศัพท์2 พยางค์คำอื่นๆ หรือคำคุณศัพท์ที่มีมากกว่า 2 พยางค์เมื่อทำเป็นขั้นกว่าหรือ ขั้น สูงสุด จะใช้more/most เช่น interesting – more interesting – most interesting, intelligent – more intelligent – most intelligent - คำกริยาวิเศษณ์ที่มีรูปเดียวกับคำคุณศัพท์เราจะเติม -er/-est ที่ท้ายคำ เช่น fast – faster – fastest, hard – harder – hardest - คำกริยาวิเศษณ์ที่มี2 พยางค์หรือเป็นคำประสม จะใช้more/most เช่น quietly – more quietly – most quietly, slowly – more slowly – most slowly หมายเหตุ: clever, common, cruel, friendly, gentle, pleasant, polite, shallow, simple, stupid, quiet สามารถเปลี่ยนเป็นขั้นกว่าหรือขั้นสูงสุดได้ทั้ง 2 แบบ คือ เติม -er/-est หรือใช้ more/most

212 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา - Irregular forms เช่น good – better – best bad – worse – worst much – more – most little – less – least far – farther/further – farthest/furthest many/lots/ – more – most ชนิดของการเปรียบเทียบ (Types of comparisons): - as + adjective + as (เพื่อแสดงว่าคน/สิ่งของ 2 คน/สิ่ง มีความคล้ายกันบางอย่าง) ในประโยคปฏิเสธ เราจะใช้not as/so ... as ตัวอย่างเช่น This dress is as pretty as that one. The blue skirt is as expensive as the red one. - less + adjective + than (เพื่อแสดงความแตกต่างระหว่างคน/สิ่งของ 2 คน/สิ่ง) โครงสร้างประโยคที่ใช้แสดงความหมายที่ตรงกันข้าม คือ more...than ตัวอย่างเช่น Paul is less successful than his brother. - the least + adjective + of/in (ใช้เพื่อเปรียบเทียบคน/สิ่งของ 1 คน/สิ่ง กับคน/สิ่งของ 2 คน/สิ่ง หรือมากกว่า 2 ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน โครงสร้างประโยคที่ใช้แสดงความหมายที่ตรงกันข้าม คือ the most ... of/in ตัวอย่างเช่น She is the least ambitious person in the company. - much/a lot/far/a little/a bit/slightly + comparative (ใช้แสดงระดับความแตกต่างระหว่างคน/ สิ่งของ 2 คน/สิ่ง) ตัวอย่างเช่น Brian is slightly older than Claire. - comparative and comparative (ใช้เพื่อแสดงว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังเพิ่มขึ้นหรือลดลง) ตัวอย่างเช่น The traffic gets worse and worse every day. - the + comparative ... , the + comparative (ใช้เพื่อแสดงว่ามี2 สิ่ง เปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน หรือ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งหนึ่ง ขึ้นอยู่กับอีกสิ่งหนึ่ง) ตัวอย่างเช่น The more you eat, the fatter you get. The longer the day went on, the more tired she became. - by far + the + superlative (ใช้เพื่อเน้นให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคน/สิ่งของ 1 คน/สิ่ง กับคน/ สิ่งของ 2 คน/สิ่ง หรือมากกว่า 2 ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ตัวอย่างเช่น Jackie is by far the best player in her team. Last year was by far the best the company has ever had.

213 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Unit 4d Listening & Speaking skills 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 2. อ่านออกเสียง ข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้อง ตามหลักการอ่าน 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และข้อความที่ ฟังหรืออ่าน 4. จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก การฟัง และอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม 2. เลือกและใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชี้แจง คำอธิบายอย่างคล่องแคล่ว มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 1. เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตาม มารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Intonation: ออกเสียงเน้นหนักคำในประโยค • Language skills Listening: ฟังและจดบันทึกย่อ Speaking: พูดเกี่ยวกับการเสนอวิธีแก้ปัญหา, พูดตำหนิหรือแสดงความไม่พอใจ,

214 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา พูดแสดงความลังเลใจ 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3.2.3 ทักษะการสังเกต 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Listening 1. ครูบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ของ Unit 4d ว่านักเรียนจะได้เรียนรู้การพูดเสนอวิธีการแก้ปัญหา แสดงความ ไม่พอใจ แสดงความลังเลใจ และการออกเสียงเน้นหนักในประโยค 2. ครูอธิบายสถานการณ์ในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.1 แล้วให้นักเรียนแนะนำวิธีการปกป้องสัตว์ที่กำลังจะสูญ พันธุ์ (protect endangered species) จากนั้นครูอธิบายภาระงาน และอ่านประโยค 1-10 และให้นักเรียนช่วยกันเดาว่าข้อมูลชนิดใดที่ ขาดหายไปในแต่ละช่องว่าง (1 adjective; 2 noun; 3 noun; 4 noun; 5 noun; 6 noun; 7 noun; 8 noun; 9 noun; 10 noun) ครูอธิบายว่าแบบฝึกหัดนี้เป็นการฝึกจดบันทึกย่อ (note-taking) ดังนั้นนักเรียนจำเป็นต้องฟังอย่างระมัดระวังเพื่อจับประเด็นสำคัญ ครูแนะนำว่าในแต่ละช่องว่าง ที่จะให้เติมนั้น ให้เขียนตอบได้ไม่เกิน 3 คำ แล้วจึงเปิด CD2/track 3 (หรือสแกน QR code) ให้นักเรียน ทำแบบฝึกหัด เสร็จแล้วครูเปิด CD อีกครั้ง เพื่อให้นักเรียนตรวจทานคำตอบให้แน่ใจว่าคำตอบที่นักเรียนตอบนั้น มีความ เหมาะสมทั้งในด้านความหมายและโครงสร้างประโยค ครูตรวจคำตอบของนักเรียนด้วยการเปิด CD2/track 3 อีกครั้ง โดยหยุด CD เป็นระยะๆ สุดท้ายครูถามนักเรียนว่าคำแนะนำที่นักเรียนได้ให้ไว้ในกิจกรรมขั้นก่อน ฟังมีกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์นี้หรือไม่ 1. animal rights 2. (people’s) awareness 3. birds and fish 4. air and water 5. natural habitats 6. souvenirs 7. environment 8. authorities 9. station 10. publicity

215 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ในชั้นเรียนเด็กเก่ง ครูถามคำถามต่อไปนี้ 1) What dangers do animals face? 2) What can we do to protect animals? 3) What do you think this quotation implies: “The more I know people, the more I like animals”? จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันตอบคำถามเหล่านี้ ครูสังเกตการทำงานของนักเรียนแล้วตรวจคำตอบด้วยการ สุ่มเรียกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมารายงานคำตอบที่หน้าชั้น Suggested answer key: 1. More and more animals are threatened with extinction. People hunt them for their fur or meat and their natural habitats are disappearing little by little. 2. The first thing we can do to protect these animals is to protect their environment and provide them with a safe place to live. Another thing that we can do is to stop buying products made from the fur, skin, teeth, etc. of endangered species. 3. The quotation implies that animals are more likeable than humans and that they are easier to live with. It also implies that if you don’t hurt them, they won’t hurt you. กิจกรรมเพิ่มเติม Active Learning สู่สมรรถนะ Active Learning 1. การเรียนรู้ผ่านการคิดข้นัสูง (Thinking Based Learning) 2. การเรียนรู้ผ่านการลงมือท า (Learning by doing) 3. การเรียนรู้จากการท างานร่วมกัน (Cooperative Learning) 5. การสื่อสาร น าเสนอ (Communication and Presentation) 4. การเรียนรู้จากการส ารวจและค้นหา (Inquiry-Based Learning)

216 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Offering solutions to problems 1. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.2a แล้วเปิด CD2/track 4 (หรือสแกน QR code) ให้ นักเรียนฟัง จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถามว่าปัญหาคืออะไร เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน There is too much traffic. 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.2b แล้วให้นักเรียนเติมบทสนทนาด้วยวลีที่ให้มา 1. I can’t believe 2. I know 3. Have you thought about 4. That’s a great idea 5. Let’s 3. ครูทบทวนสำนวนวลีสำหรับให้คำแนะนำ จากนั้นให้นักเรียนอ่านข้อความที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.2c แล้วแต่งบทสนทนาเหมือนอย่างใน Ex.2b โดยใช้ข้อความเหล่านี้ ครูสนทนาโต้ตอบกับ นักเรียน 1 คน เพื่อเป็นตัวอย่าง แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่แสดงบทสนทนากัน ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 คู่ ให้ ออกมานำเสนอที่หน้าชั้นเรียน แล้วให้นักเรียนที่เหลือร่วมกันประเมินการนำเสนอของเพื่อน Suggested answer key: • A: I can’t believe how much litter there is everywhere. B: You’re right. Our streets are covered with litter. A: You know, I’ve just had a brilliant idea. Why don’t we start a clean-up campaign? B: That’s a great idea. We could pick up litter and clean up our neighbourhood at the same time A: Let’s start right now. Who’s going to pick up the first piece of litter? • A: I can’t believe how much concrete there is everywhere. B: You’re right. There are more and more buildings being built every day. A: You know, I’ve just had a brilliant idea. I think we should start a treeplanting campaign? B: That’s a great idea. We could make our town a more pleasant place to live in. A: Let’s start right now. Who’s going to plant the first tree?

217 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Complaining 1. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.3a แล้วเปิด CD2/track 5 ให้นักเรียนฟัง และตอบคำถาม ว่าผู้พูดในบทสนทนามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไร They must be neighbours. 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.3b แล้วให้นักเรียนจับคู่ประโยคจากคอลัมน์ A และ B เพื่อให้เป็นบทสนทนาที่ถูกต้อง เสร็จแล้วครูตรวจคำตอบ ด้วยการสุ่มเรียกนักเรียนให้อ่าน บทสนทนาที่นักเรียนเรียงลำดับ 1. b 2. c 3. a 3. ครูอ่านสถานการณ์ที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.3c จากนั้นสนทนากับนักเรียน 1 คน เพื่อเป็น ตัวอย่าง แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่แสดงบทสนทนากันโดยใช้โครงสร้างที่ให้มา ครูสังเกตการทำกิจกรรมของ นักเรียน เสร็จแล้วสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาที่หน้าชั้น Suggested answer key: • A: John, could I have a word with you, please? B: Sure, Pete. What’s up? A: Well, I was wondering if you could do something about your dirty garden pond. B: Oh right. Yes. I’ve been meaning to do something about that, but I’ve been very busy. A: I would appreciate it if you could clean it up as soon as possible. B: Yes, you’re right. I’ll get right on it. • A: Tina, could I have a word with you, please? B: Sure, Tim. What’s up? A: Well, I was wondering if you could do something about the piles of bottles at the back of the house. B: Oh right. Yes. I’ve been meaning to do something about that, but I keep forgetting. A: I would appreciate it if you could clean it up as soon as possible. B: Yes, you’re right. I’ll get right on it.

218 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Showing hesitation 1. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.4a แล้วเปิด CD2/track 6 (หรือสแกน QR code) ให้ นักเรียนฟังบทสนทนาสั้นๆ 3 บท จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถามว่าประโยคใดในบทสนทนาที่แสดงให้เห็นถึง ความลังเล The second sentence in each exchange. 2. ให้นักเรียนขีดเส้นใต้คำ/วลีที่แสดงความลังเลในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.4b 1. Let me see…, I don’t think so. 2. Well… I don’t know. 3. I’m not sure about it. 3. ให้นักเรียนอ่านสถานการณ์ที่ให้มา (prompts) ในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.4c โดยครูสนทนากับนักเรียน 1 คน เพื่อเป็นตัวอย่าง แล้วจึงให้นักเรียนจับคู่แต่งบทสนทนาเหมือนอย่างใน Ex.4b เสร็จแล้วให้ นักเรียนแสดงบทสนทนาดังกล่าว ครูสังเกตการทำงานของนักเรียน แล้วสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมา แสดงบทสนทนาที่หน้าชั้น Suggested answer key: • A: Shall we go to the beach on Saturday, Joe? B: Let me see … erm…I don’t know. • A: How about planting some trees? B: Oh…well…I don’t think so. • A: I think we should clean up the back garden. B: Mmm…I’m not sure about it. Intonation ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.5 แล้วเปิด CD2/track 7 (หรือสแกน QR code) ให้ นักเรียนฟัง และขีดเส้นใต้คำที่ออกเสียงเน้นหนักในประโยค จากนั้นครูตรวจคำตอบของนักเรียน แล้วเปิด CD อีกครั้ง เพื่อให้นักเรียนอ่านออกเสียงประโยคตาม CD 1. The thing that worries me most is global warming. 2. The main problem in this city is air pollution. 3. The cleanest form of energy is wind power. 4. A bicycle is something everyone should use. 5. Many rare species are in danger of extinction. แบบฝึกหัด หน้า 17 Ex.8 (ดูเฉลยภาคผนวก C) Literature Corner 1 (Unit 4) หนังสือเรียน หน้า 112-113

219 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Unit 4e Writing 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 1.ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานต่างๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยายที่ฟัง และ อ่าน 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และข้อความที่ ฟังหรืออ่าน มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 5. พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.3: นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูด และการเขียน ตัวชี้วัด 2. พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ/แก่นสาระที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง กิจกรรม ข่าว เหตุการณ์และสถานการณ์ตามความสนใจ 3. พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์ ทั้งในท้องถิ่น สังคม และโลก พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 2.อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และที่มาของขนบธรรมเนียม และประเพณีของ เจ้าของภาษา มาตรฐาน ต 4.2: ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก ตัวชี้วัด 2. เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่น/ประเทศชาติ เป็นภาษาต่างประเทศ 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Functions: making suggestions • Language skills

220 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Reading: อ่านและเรียงลำดับเนื้อเรื่อง ระบุประโยคใจความสำคัญและสนับสนุน Writing: เขียนความเรียงเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหา 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3.2.3 ทักษะการตีความ 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Analysing the rubric 1. ครูบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ของ Unit 4e ว่านักเรียนจะได้เรียนรู้วิธีการเขียนบทความเสนอแนะวิธีการ แก้ปัญหา 2. ให้นักเรียนอ่านข้อความและสำนวนวลีในหนังสือเรียน หน้า 42 หัวข้อ Tip และ Useful Vocabulary โดยครู ช่วยอธิบายประเด็นที่นักเรียนสงสัย ความเรียงเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหา เป็นชิ้นงานเขียนซึ่งเราจะนำเสนอปัญหา และสาเหตุของปัญหา จากนั้นอภิปรายเกี่ยวกับข้อเสนอแนะที่เรานำเสนอ พร้อมทั้ง ผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น บทนำ ในย่อหน้าแรกเรานำเสนอปัญหาและสาเหตุของปัญหา เนื้อเรื่อง ในย่อหน้าที่ 2, 3 และ 4 เราเขียนข้อเสนอแนะและผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยเขียนแยกเป็น ย่อหน้าละ 1 ข้อ (ข้อเสนอแนะ + ผล) ในการเขียน ควรจะใช้คำเชื่อม (linking words) เชื่อมความคิดที่ นำเสนอให้เหมาะสม บทสรุป ในย่อหน้าสุดท้าย เราจะเขียนสรุปความคิดเห็น ความเรียงเช่นนี้โดยปกติแล้วจะเขียนในรูปแบบกึ่งทางการ หรือแบบเป็นทางการ ขึ้นอยู่กับผู้รับสารเป็นใคร หรือความเรียงนี้จะถูกนำเสนอที่ใด ซึ่งโดยปกติแล้วจะพบได้ในนิตยสาร หนังสือพิมพ์

221 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา การจะทำให้ชิ้นงานเขียนน่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้อ่าน เราสามารถใช้เทคนิคการเขียนสำหรับเริ่มต้นหรือลง ท้ายความเรียง เช่น • กล่าวถึงผู้อ่านโดยตรง ต.ย. If you want to help the environment, there are lots of things that you can do. • ยกคำกล่าว เช่น ประโยคหรือวลีจากในหนังสือ บทละคร แต่อย่าลืมระบุชื่อของบุคคลที่เป็นเจ้าของ ข้อความดังกล่าว ต.ย. ... as American anthropologist Margaret Mead said “We have nowhere else to go ... this is all we have.” • ใช้คำถามเชิงสำนวนโวหาร (ซึ่งเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ) ต.ย. Is it important to protect endangered species? ต่อมาครูอ่านคำสั่งในการทำงานในหนังสือเรียน หน้า 42 Ex.1 แล้วช่วยนักเรียนขีดเส้นใต้คำสำคัญ จากนั้น ศึกษาคำถามที่ให้มาร่วมกัน แล้วให้นักเรียนตอบคำถามดังกล่าว Words to be underlined: animal conservation magazine, readers, write an article, How can we make our planet a safer place for animals? Suggested answer key: 1. The readers of the animal conservation magazine. 2. Habitats: When we destroy the environment, we also destroy the animal’s natural habitats. Who hunts them: Poachers and hunters Why: for their fur, skin, teeth, tusks and bones Effects of environmental problems: Deforestation destroys animals’ natural habitats. As we dump more and more industrial waste into our ocean, we are destroying many species of marine life. 3. First, we should take measures to protect our wildlife, such as making the destruction of animals’ habitats illegal. Also, governments should educate people about the problems faced by our planet. Finally, we should create more parks and conservation areas.

222 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Analysing a model text 1. ให้นักเรียนดูชื่อเรื่องของบทอ่าน “How can we make our planet a safer place for animals?” ใน หนังสือเรียน หน้า 42 Ex.2a และจับคู่ช่วยกันคิดคำที่เกี่ยวข้องกับชื่อเรื่องให้ได้มากที่สุด ครูรวบรวมคำตอบ จากนักเรียนในชั้น เพื่อตรวจคำตอบ Suggested answer key: endangered species, panda, environment, habitat, nature, laws, nature reserves, wildlife parks, park rangers, etc. 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 42 Ex.2b แล้วให้เวลานักเรียนอ่านบทอ่านในใจ จากนั้น เรียงลำดับย่อหน้า A-E ให้ถูกต้อง ต่อมาครูอธิบายหรือให้นักเรียนอธิบายความหมายของคำศัพท์ที่นักเรียนไม่รู้ในบทอ่าน จากนั้นครูตรวจว่า นักเรียนเรียงลำดับย่อหน้าถูกต้องหรือไม่ ด้วยการให้นักเรียนอ่านบทอ่านทีละคน สุดท้ายให้นักเรียนตอบ คำถาม 1-3 เสร็จแล้วเฉลยคำตอบพร้อมกัน A 3, B 5, C 1, D 2, E 4 1. Topic sentences Supporting sentences Firstly, measures need to be taken to protect our environment. The destruction of threatened animals’ habitats should be illegal, with long prison sentences for people who break these laws. This would protect the animals and the environments they live in. Another solution is to promote education about endangered species. If people are aware of the problem, then they will buy fewer products made of materials such as ivory or fur. Finally, we should create more national parks and conservation areas. This would allow animals to live and breed safely in their natural habitats. As a result, their numbers would increase and the species would not die out. 2. The writer’s suggestions Phrases to introduce The results the writer expects Firstly, measures need to be taken to protect our wildlife. The destruction Firstly This would protect animals and the environments they live in.

223 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 3. The writer has started the article with a rhetorical question. The writer has ended the article with a quotation. Alternative beginning: If you think that our planet is a safe place for animals, you are wrong. Alternative ending: The question is, what are you going to do to try to preserve our planet for future generations? ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนข้อความสำหรับเริ่มต้นและลงท้ายบทความใหม่ของตนเองกับเพื่อน แล้วผลัดกันแสดง ความคิดเห็น (Students’ own answers) Beginnings - Endings ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 43 Ex.3 จากนั้นให้นักเรียนพิจารณาข้อความ A-C ซึ่งเป็น ข้อความที่ตัดตอนมา แล้วระบุว่าข้อความใดเป็นข้อความสำหรับเริ่มต้น/ลงท้ายบทความ และใน แต่ละ ข้อความดังกล่าวใช้เทคนิคใดในการเขียน Suggested answer key: A: beginning – address the reader directly B: ending – asks a rhetorical question C: ending/beginning – uses a quotation 2. The writer’s suggestions Phrases to introduce The results the writer expects of threatened animals’ habitats should be illegal. Another solution is to promote education about endangered species. Another solution is to… If people are aware of the problem, then they will buy fewer products made of materials such as ivory or fur. Finally, we should create more national parks and conservation areas. Finally This would allow animals to live and breed safely in their natural habitats. As a result, their numbers would increase and the species would not die out. กิจกรรมเพิ่มเติม

224 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Suggestions & results ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 43 Ex.4 แล้วอ่านคำแนะนำ (suggestions) 1-4 และผลที่จะ เกิดขึ้น (result) a-d จากนั้นอธิบายคำศัพท์ที่นักเรียนไม่รู้ แล้วให้นักเรียนทำงานคู่ จับคู่คำแนะนำกับผลที่จะ เกิดขึ้น แล้วนำมาแต่งประโยคเหมือนดังตัวอย่าง โดยครูแนะนำให้นักเรียนใช้วลีจากกรอบ Useful vocabulary ในหนังสือเรียน หน้า 42 ช่วยในการแต่งประโยค เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน 1. d 2. a 3. b 4. c Suggested answer key: 2 It would be a good idea if we insulated our houses and used energy efficient products. This way, we would use less fuel to heat and cool our houses. 3 The situation could be improved if we created more nature reserves and wildness areas. This way, we would help to protect the habitats of the endangered species. 4 Another useful suggestion would be to stop using aerosols. This way, we would prevent damage to the ozone layer. ให้นักเรียนคิดคำแนะนำอื่นๆ และผลที่จะเกิดขึ้น (Students’ own answers) Topic & supporting sentences ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 43 Ex.5 จากนั้นให้นักเรียนอ่านประโยคใจความหลัก (topic sentences) ที่ให้มา แล้วแต่งประโยคสนับสนุนใจความหลัก (supporting sentences) โดยใช้ คำที่กำหนดให้ (prompts) เสร็จแล้วครูตรวจคำตอบของนักเรียน Suggested answer key: 1. Firstly, fossil fuels are non-renewable resources. Also, burning fossil fuels to generate power causes environmental problems such as acid rain and global warming. 2. In fact, there are said to be less than 5,000 blue whales and 9,000 bowhead whales worldwide. If we don’t act fast, there will soon be none left. กิจกรรมเพิ่มเติม

225 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Discuss & Write 1. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 43 Ex.6 และอ่านคำสั่งในการทำงาน (rubric) จากนั้นให้นักเรียน ขีดเส้นใต้คำสำคัญ เสร็จแล้วครูตรวจคำตอบของนักเรียน Your teacher has asked you to write an article for the school blog entitled: “How can we reduce air pollution levels in our cities?” ต่อมาครูให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันเขียนรายการสาเหตุที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ (air pollution) จากนั้นให้ นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขสำหรับแต่ละสาเหตุ โดยให้คิดอย่างน้อย 1 คำแนะนำ ต่อ 1 สาเหตุ ครูเดินรอบๆ ชั้นเรียน เพื่อตรวจคำตอบของนักเรียน Causes of air pollution Suggestions Traffic Introduce park and ride scheme Aeroplanes Move the airport away from the city Electricity generators Educate people about cutting down on electricity use Factory smoke Build an industrial park Burning rubbish Introduce recycling scheme Heating and cooling homes and offices Use alternative fuel sources 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 43 Ex.7a แล้วอ่านข้อมูลในตาราง จากนั้นให้นักเรียนจับคู่สาเหตุ (cause) แนวทางแก้ไขที่แนะนำ (suggested solution) และผลที่จะเกิดขึ้น (result) ที่สัมพันธ์กัน เสร็จแล้ว ตรวจคำตอบของนักเรียน Cause Suggested solution Result too much traffic in the city centre introduce park and ride scheme fewer cars in the city centre factories polluting the air create industrial park less smoke over the city too much rubbish being burned introduce a recycling scheme less rubbish being burned 3. ครูนำเสนอเค้าโครงในการเขียน (Plan) ในหนังสือเรียน หน้า 43 Ex.7b แล้วอธิบายภาระงานให้นักเรียนฟัง จากนั้นครูถามคำถามใน Plan แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบ เพื่อทำให้เค้าโครงในการเขียนสมบูรณ์ เช่น

226 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา T: What is the problem? S1: There is too much air pollution. T: What has caused it? S2: Air pollution is caused by too much traffic in the city centre, factories polluting the air, and too much rubbish being burned. etc. Suggested answer key: Para 1 - There is too much air pollution - Air pollution is caused by too much traffic in the city, factories polluting the air, and too much rubbish being burned Para 2 - Introduce a park and ride scheme.; Fewer cars in the city centre. Para 3 - Create an industrial park.; Less smoke over the city. Para 4 - Introduce a recycling scheme.; Less rubbish being burned. Para 5 - There are many ways to reduce the level of air pollution in our cities. Adopting some of these measures would certainly result in cleaner skies and a healthier city for us all. Cleaning up the Air in our City How can we clean up the air in our cities? Too much traffic in the city centre, factories polluting the air and too much rubbish being burned have all contributed to the dangerously high level of air pollution in our city. We need to take steps before it is too late. First of all, it would be a good idea if the council introduced a park and ride scheme. The result would be fewer cars in the city centre and less traffic overall. Another solution would be to create an industrial park in the suburbs. This would take the factories out of the city centre and result in less smoke over the city, which will make our air cleaner to breathe. Finally, steps could be taken to introduce a recycling scheme. This would mean that less rubbish would be burned and therefore there would be less black smoke over the city. In conclusion, there are many ways to reduce the level of air pollution in our cities. Adopting some of these measures would certainly result in a cleaner and healthier city for us all. After all, as the Kenyan proverb says, “Treat the Earth well, it was not given to you by your parents, it was loaned to you by your children.”

227 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Famous words 1. ครูอ่านประโยคในหนังสือเรียน หน้า 43 Ex.8 ทีละประโยค แล้วให้นักเรียนช่วยกันตีความความหมายของ ประโยคเหล่านี้ เสร็จแล้วให้นักเรียนเลือก 1 ประโยค เพื่อนำไปใช้เริ่มต้นหรือลงท้ายบทความที่ตนเองเขียน ใน Ex.7b - Of all the creatures on our planet, man is the most dangerous one, as he has done and continues to do harm not only to the planet but to his fellow man as well. - We have to protect our planet as far as possible, since this is the place where our descendants are going to live and continue life on Earth. In conclusion, there are many ways to reduce the level of air pollution in our cities. Adopting some of these measures would certainly result in a cleaner and healthier city for us all. After all, as the Kenyan proverb says, "Treat the earth well, it was not given to you by your parents, it was loaned to you by your children." 2. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบ Progress test 4 (ดูเฉลยภาคผนวก C) เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการ เรียนรู้ Songsheets (Module 2) หนังสือเรียน หน้า 119

228 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา บันทึกหลังสอนแผนการสอนที่ ............ 1. ผลการสอนระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก .......................................................................... 2. ผลที่เกิดกับผู้เรียน 1.) การประเมินผลความรู้หลังการเรียน โดยใช้………………แบบทดสอบหลังเรียน............พบว่านักเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ ................……..…. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ............................. ได้แก่ ....................................เลขที่ …………………………........................................................................................... 2.) การประเมินด้านทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้…………………………………………………………...............พบว่านักเรียนผ่านการประเมินคิดเป็น ร้อยละ...........……. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ................ ได้แก่ ....................................................................................................................................................................... 3.) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์เรียน โดยใช้………..…แบบสังเกตพฤติกรรม.................... พบว่านักเรียนผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ..…....……. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ.................. ได้แก่ ........................................................................................................................................................................ 3. ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามกำหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ ............................................................................................................................................. 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรนำแผนไปปรับปรุง เรื่อง ...................................................................................................... ....................................................................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน .................................................................................. ....................................................................................................................................................... ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้สอน ( นายพีระ เหมือดนอก ) วันที่……..../................../................ ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระฯ 1.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง เหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4.ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... ( นางอังคณา แก้วเมือง ) ความคิดเห็นของหัวหน้างานวิชาการ 1.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง เหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4.ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………. ลงชื่อ....................................................... ( นางสาวณัฐิญา คาโส )

229 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 รายวิชา อ 33101 ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่5 เรื่อง Early to Bed… ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก เวลา 8 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระที่1: ภาษาเพื่อการสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล ตัวชี้วัด 1. ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานต่างๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยายที่ฟัง และ อ่าน 2. อ่านออกเสียง ข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้อง ตามหลักการอ่าน 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และข้อความที่ ฟังหรืออ่าน 4. จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก การฟัง และอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดีพร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม 4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม 5. พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.3: นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูด และการเขียน ตัวชี้วัด 1. พูดและเขียนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่อง และประเด็น ต่างๆ ตามความสนใจของสังคม

230 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ/แก่นสาระที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง กิจกรรม ข่าว เหตุการณ์และสถานการณ์ตามความสนใจ 3. พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์ ทั้งในท้องถิ่น สังคม และโลก พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ สาระที่ 2: ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 1. เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตาม มารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 2. อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และที่มาของขนบธรรมเนียม และประเพณีของ เจ้าของภาษา 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.2: เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ตัวชี้วัด 1. อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย สาระที่3: ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น มาตรฐาน ต 3.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานใน การพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน ตัวชี้วัด 1. ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ กลุ่มสาระ การเรียนรู้อื่น จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน สาระที่4: ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม มาตรฐาน ต 4.2: ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก ตัวชี้วัด 1. ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ

231 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Grammar: obligation, prohibition, suggestion, necessity, permission, request, ability, possibility, past and perfect modals, making deductions, question tags, prepositions, present/past participles Vocabulary: คำศัพท์เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ ความเครียดและการผ่อนคลาย การบรรยายความรู้สึก และการบรรยายลักษณะบุคคล, phrasal verbs (give, go) Pronunciation: คำที่มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกและละติน (words with Greek and Latin roots) • Language skills Listening: อนุมานข้อมูลจากการฟัง Speaking: พูดเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ, อภิปรายเกี่ยวกับวิธีการผ่อนคลาย, พูดบรรยายลักษณะของตนเองและเพื่อน, พูดนัดหมาย, พูดบรรยายอาการเจ็บป่วย Reading: อ่านเพื่อหารายละเอียด Writing: เขียนอีเมลถึงเพื่อนเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ, เขียนกฎเกี่ยวกับสิ่งที่นักเรียนต้องทำ ขณะอยู่ที่โรงเรียน, เขียนบทความเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของอาหารจานด่วน (fast food) 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการให้คำจำกัดความ 3.2.3 ทักษะการวิเคราะห์ 3.2.4 ทักษะการให้เหตุผล 3.2.5 ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3.2.6 ทักษะการตีความ 3.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มีวินัย 4.2 มุ่งมั่นในการทำงาน

232 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 5. การบูรณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงื่อนไข พอประมาณ ความรู้ มีเหตุผล คุณธรรม มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม 6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Unit 5a Early to Bed… 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่ อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์ กับประโยค และข้อความที่ฟังหรืออ่าน มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม 5. พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.3: นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูด และการเขียน ตัวชี้วัด 1. พูดและเขียนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่อง และประเด็นต่างๆ ตามความสนใจของสังคม มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 2. อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และที่มาของขนบธรรมเนียม และประเพณีของเจ้าของภาษา มาตรฐาน ต 2.2: เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

233 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ตัวชี้วัด 1. อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language skills Reading: อ่านเพื่อหารายละเอียด 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการให้คำจำกัดความ 3.2.3 ทักษะการวิเคราะห์ 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Lead-in 1. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 44 Ex.1a โดยครูอ่านชื่อบท Early to Bed… แล้วกระตุ้นให้นักเรียนเติมชื่อบทเพื่อทำให้เป็นสุภาษิต (proverb) ที่สมบูรณ์ (Early to bed and early to rise makes a man healthy, wealthy and wise.) จากนั้นให้นักเรียนอธิบายความหมายของสุภาษิตนี้ และเดาเนื้อหาที่คาดว่าจะได้เรียนรู้ในบทเรียนนี้ เช่น health, lifestyle, routines เป็นต้น กิจกรรมเพิ่มเติม Active Learning สู่สมรรถนะ Active Learning 1. การเรียนรู้ผ่านการคิดข้นัสูง (Thinking Based Learning) 2. การเรียนรู้ผ่านการลงมือท า (Learning by doing)

234 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ครูนำเสนอสำนวนสุภาษิตเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับคำว่า bed เช่น get out of bed (on) the wrong side (idm) = to be in a bad mood and to be easily annoyed all day (ก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้าง) You’ve made your bed, now lie in it. (idm) (saying) = said to someone who must accept the unpleasant results of something they have done (ก้มหน้ารับกรรมที่ก่อไว้) จากนั้นนักเรียนช่วยกันอธิบายความหมายและคิดว่าในภาษาไทยมีสำนวนที่ใกล้เคียงกับสำนวนเหล่านี้หรือไม่ เสร็จแล้วนักเรียนค้นหาที่มาของสำนวนเหล่านี้เป็นการบ้าน เพื่อมาอภิปรายร่วมกัน 2. ให้นักเรียนดูภาพในหนังสือเรียน หน้า 44 ทีละภาพ แล้วบรรยายสิ่งที่นักเรียนเห็น จากนั้นให้นักเรียนตอบ คำถามในหนังสือเรียน หน้า 44 Ex.1b ที่ถามว่านักเรียนคิดว่ากิจวัตรที่ทำเป็นประจำของบุคคลในแต่ละ ภาพคืออะไร Suggested answer key: • In the first picture, I can see a young boy. He is just about to get onto the school bus and go to school. He is wearing a hooded coat, so it is probably quite cold. He is looking back and smiling. He probably doesn’t need to get up so early. He would have lessons in the morning and afternoon. At lunchtime, he and his classmates probably have school dinners in the school dining room. He probably comes home from school at about three thirty. After that I think he does his homework and plays with his friends. He probably has his evening meal and goes to bed quite early. • In the second picture, I can see two young women working in an office. They seem to be discussing some papers, which are on the desk. The desk is covered with papers and everyone looks very busy. In the background there are other desks. The women probably get up early so that they can

235 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา get ready for work. During their lunch break, they could go to the park or to a nearby fast food restaurant. After work, they may go to the gym or go out with friends. When they go home, they probably have dinner and watch TV for a while. They probably don’t go to bed very late because they have to get up early the next morning. • In the next picture, there is a young woman watching TV. It seems to be late at night and fairly cool because she is covered with a blanket. She is smiling, so perhaps she is watching a comedy. She is fairly young, so she may be a university student. Perhaps she goes to lectures during the day and has lunch in the cafeteria at the university. Then, in the evening, she probably goes jogging before she goes out with her friends. When she comes home, she may study or watch TV before she goes to bed. • It the next picture, there is a young woman walking to work. She looks like a business woman, so perhaps she is on her way to a business meeting. She is carrying a briefcase and seems to be in a hurry. She probably gets up early every morning and commutes to work by bus or train. During the day, she probably attends lots of meetings and spends a lot of time in her office working on presentations and reports. She probably works late every day. By the time, she goes home, it is probably quite late, so I think she would go straight to bed. • In the last picture, there is a farmer driving a tractor. He is casually dressed. He probably gets up very early every morning so that he can do all his chores. He probably works outdoors most of the day, caring for the animals or making repairs. At lunchtime, he probably goes back to the farmhouse and has a cooked lunch. In the afternoon, he continues working until sunset, when he goes back to the farmhouse for dinner. At night he probably watches TV for a while. I think he watches the weather forecast every day. I think he also goes to bed very early every day. 3. ครูอ่านคำถามในหนังสือเรียน หน้า 44 Ex.1c และอธิบายคำศัพท์ที่นักเรียนไม่รู้ จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ ช่วยกันถาม-ตอบคำถามดังกล่าว ครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน แล้วให้นักเรียน แต่ละคนออกมานำเสนอคำตอบที่หน้าชั้น

236 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Suggested answer key: I usually wake up at about half past six. However, on the weekends, I like to sleep in until around nine. I need an alarm clock to wake up. During the week I try to go to bed early. However, I stay up late on Friday and Saturday nights. During the week I have a strict schedule. I get up at around half past six and I get ready for school. I ride my bicycle to school every day. I have lessons in the morning and then I have lunch at around twelve thirty. My mother usually makes my lunch and I sit with my friends and eat. Then, we play football until lessons start again. After school, I go straight home. I have to do my homework and also my chores. Then, I can play with my friends for a while. At around eight, my mother calls, and I have to go in and get ready for dinner. The whole family eats together. After dinner, I watch TV with my family for about an hour before I get ready for bed. I usually go to bed quite early. ให้นักเรียนทำตารางกิจวัตรประจำวันที่แสดงกิจกรรมในแต่ละวันของตนเอง 4. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 44 Ex.2a และอธิบายคำศัพท์ที่นักเรียนไม่รู้ แล้วให้นักเรียนขีดถูก () ข้อมูลที่ตรงกับตัวเอง จากนั้นให้นักเรียนบอก adverbs of frequency เช่น always, usually, often, sometimes, rarely/seldom, never แล้วจับคู่กับเพื่อนช่วยกัน แต่งประโยคเกี่ยวกับตัวเอง ครูสังเกตการทำงานของนักเรียน แล้วตรวจคำตอบของนักเรียน ด้วยการให้นักเรียนแต่ละคนอ่านประโยคที่ตนเองแต่ง Suggested answer key: I rarely feel tired. I never get ill. I don’t get ill more often than other people. I sometimes suffer from headaches. I never suffer from indigestion. I rarely have any health problems. I always have a regular sleep pattern. I always have meals at the same times every day. 5. ครูอ่านคำถามในหนังสือเรียน หน้า 44 Ex.2b แล้วให้เวลานักเรียนเตรียมคำตอบ จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ เปรียบเทียบคำตอบกัน กิจกรรมเพิ่มเติม

237 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Suggested answer key: A: I’m quite satisfied with my life. I don’t think I would change anything, really. How about you? B: I’m quite bored with my life at the moment. I think I need to do something new. I think I will learn to play tennis. Reading 1. ครูอ่านคำถามในหนังสือเรียน หน้า 45 Ex.3a แล้วรวบรวมคำตอบจากนักเรียนหลายๆ คนในชั้น จากนั้นให้ นักเรียนอ่านบทอ่านแบบ skimming อย่างรวดเร็ว เพื่อจับใจความสำคัญ แล้วจึงให้นักเรียนตอบคำถามอีกครั้ง ครูให้นักเรียนที่เดาคำตอบถูกในครั้งแรกยกมือขึ้น Suggested answer key: I think a standard daily routine is important because it helps me to be organised and do everything I need to in my busy day. The text says that a standard daily routine is important because it keeps our body working in harmony, and this helps to keep us healthy. 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 45 Ex.3b แล้วให้นักเรียนทบทวน Tip ในหนังสือเรียน หน้า 4 อีก ครั้ง ครูให้นักเรียนทำตามคำแนะนำใน Tip นี้ จากนั้นให้เวลานักเรียน 3-5 นาที อ่านบทอ่านในใจ แล้วครูตอบคำถามข้อ 1 ร่วมกับนักเรียนเพื่อเป็นตัวอย่าง โดยครูอ่านคำถาม แล้วให้นักเรียนหาว่าประโยคที่คำถามข้อ 1 อ้างถึงนั้นอยู่ในบทอ่านบรรทัดใด (บรรทัด 4- 7) ต่อมาครูอ่านตัวเลือก A-D แล้วช่วยนักเรียนตัดสินใจเลือกคำตอบที่ถูกต้อง ด้วยการกำจัดข้อที่เป็นไปได้ น้อยที่สุดออกไปทีละข้อ เมื่อได้คำตอบที่ถูกต้อง คือ ข้อ B แล้ว (The correct answer is B because the text says “do business online at the crack of dawn”.) ครูให้นักเรียนพิจารณาว่าข้อมูลในบทอ่านกับในตัวเลือกข้อ B เป็นการกล่าวซ้ำ (rephrase) อย่างไร เสร็จแล้วให้นักเรียนทำข้อที่เหลือ ครูตรวจคำตอบของนักเรียน พร้อมทั้งให้นักเรียนอธิบายเหตุผล ประกอบการตอบของตนเอง 1. b 2. c 3. d 4. b 5. b 6. d 7. c 8. b

238 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา ครูถามนักเรียนว่า What type of writing is it? (an article); Where could it be found? (In a journal or magazine.) 3. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 45 Ex.3c โดยครูช่วยนักเรียนอธิบายคำศัพท์ที่พิมพ์ตัวหนาใน บทอ่าน ด้วยการยกตัวอย่างประโยค หรือบอกคำที่มีความหมายเหมือนกัน หรือให้นักเรียนค้นหาความหมายจากพจนานุกรม Follow-up 1. ครูอ่านคำถามและอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 45 Ex.4 แล้วให้เวลานักเรียนเตรียมคำตอบ จากนั้นให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนเพื่อเปรียบเทียบคำตอบกัน ครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน แล้วสุ่ม เลือกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมานำเสนอคำตอบที่หน้าชั้น Suggested answer key: A: I think the writer wrote this article to persuade people to have a regular routine. What do you think? B: I agree. In particular, the writer wants to tell people about the health benefits of having a regular routine. Are there any points you disagree with? A: Well, yes. There is something, as a matter of fact. I don’t think that we necessarily function best when our patterns of sleep and wakefulness are in tune with the natural environment. After all, what about all the shift workers? They seem to be able to do their jobs quite well even if they start or finish work in the middle of the night. What do you think? B: You’re right. Is there any information that you didn’t know before reading the article? A: Well, yes, I didn’t know that our body clock was so important. B: Me neither. Also, I didn’t know that we had killer cells circulating in our bodies. I learnt quite a lot about my body clock. ให้นักเรียนเขียนกิจวัตรประจำวันแล้วเปรียบเทียบกับเพื่อน 2. ครูให้นักเรียนนึกคำศัพท์ 10 คำ ที่ได้เรียนในบทเรียนนี้ จากนั้นให้นักเรียนแต่งประโยค โดยใช้คำเหล่านี้ แบบฝึกหัด หน้า 22 Ex. 9 (ดูเฉลยภาคผนวก C) กิจกรรมเพิ่มเติม กิจกรรมเพิ่มเติม

239 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Unit 5b Vocabulary practice 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ตัวชี้วัด 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์ กับประโยคและข้อความที่ฟังหรืออ่าน 4. จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก การฟัง และอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.2: มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม 4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม 5. พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชี้วัด 3. เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 3.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการ พัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน ตัวชี้วัด 1. ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับ กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และนำเสนอด้วยการพูด และการเขียน

240 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 ทักษะเฉพาะวิชา • Language features and functions Grammar: present/past participles Vocabulary: คำศัพท์เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ ความเครียดและการผ่อนคลาย การบรรยายความรู้สึก และการบรรยายลักษณะบุคคล • Language skills Listening: อนุมานข้อมูลจากการฟัง Speaking: พูดเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ, อภิปรายเกี่ยวกับวิธีการผ่อนคลาย, พูดบรรยายลักษณะของตนเองและเพื่อน Writing: เขียนอีเมลถึงเพื่อนเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ 3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3.1 ความสามารถในการสื่อสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.2.1 ทักษะการคิดเพื่อการสื่อสาร 3.2.2 ทักษะการให้เหตุผล 3.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.1 มุ่งมั่นในการทำงาน 5. กิจกรรมการเรียนรู้ Health problems 1. ครูบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ของ Unit 5b ว่านักเรียนจะได้เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ ความเครียดและการผ่อนคลาย การบรรยายความรู้สึก และคำคุณศัพท์บรรยายลักษณะของบุคคล 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 46 Ex.1a และอ่านข้อมูลที่ให้มาในตาราง รวมทั้งอธิบายคำศัพท์ที่ นักเรียนไม่รู้ จากนั้นให้นักเรียนทำงานคู่ โยงเส้นจับคู่อาการ (symptoms) กับปัญหา (problem) และสาเหตุ ของโรค (common cause) เสร็จแล้วตรวจคำตอบร่วมกัน

241 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Symptoms Problem Common cause can’t sleep. a bloated, painful stomach headache, fever, aching muscles high temperature, nausea, dizziness a painful muscle contraction difficulty breathing, wheezing can’t stop yawning. runny nose, sore eyes, sneezing spots and red lumps on the face and neck insomnia indigestion flu heatstroke cramp asthma overtired hay fever acne stress, anxiety eating too much or too quickly a virus spending too much time in the sun doing too much exercise an allergy to dust or animals not getting enough sleep an allergy to pollen bacteria under the skin ให้นักเรียนเพิ่มเติมข้อมูลในตาราง ด้วยการค้นคว้าข้อมูลจากห้องสมุดหรือ Internet เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ ทั่วไปอื่นๆ 3. ให้นักเรียนจับคู่ทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 46 Ex.1b พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพเหมือน ดังตัวอย่าง ที่ให้มา โดยใช้ข้อมูลจากตารางใน Ex.1a ครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน แล้วสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมานำเสนอที่หน้าชั้น หรือครูอาจถามคำถามนักเรียนทีละคนเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพแต่ละปัญหา เช่น Have you ever had this problem?; What are the symptoms?; What causes it? Suggested answer key: • If you have difficulty breathing and you are wheezing, then you probably have asthma. This is usually caused by an allergy to dust or animals. • If you can’t sleep, then you’ve probably got insomnia. This is usually caused by stress or anxiety. • If you can’t stop yawning, then you are probably overtired. This is usually caused by not getting enough sleep. • If you have a headache, fever and aching muscles, then you’ve probably got flu. This is usually caused by a virus. กิจกรรมเพิ่มเติม

242 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา • If you have a painful muscle contraction, then you’ve probably got cramp. This is usually caused by doing too much exercise. • If you have spots and red lumps on the face and neck, then you’ve probably got acne. This is usually caused by bacteria under the skin. • If you have a high temperature, nausea and dizziness, then you’ve probably got heat stroke. This is usually caused by spending too much time in the sun. • If you have a runny nose and sore eyes, and you can’t stop sneezing, then you’ve probably got hay fever. This is usually caused by an allergy to pollen. 4. ครูอ่านข้อมูลที่ให้มาในหนังสือเรียน หน้า 46 Ex.1c และให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันตอบว่าปัญหาสุขภาพใดที่ เป็นได้ในวันที่อากาศร้อนมากๆ หรือถ้าตัวเปียกในวันที่อากาศหนาวเย็น Suggested answer key: You could suffer from heatstroke on a very hot day. You could suffer from a cold if you get wet on a cold day. 5. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 46 Ex.2a แล้วอ่านคำที่ให้มา และอธิบายความหมายของคำศัพท์ ที่นักเรียนไม่รู้ จากนั้นให้นักเรียนทำงานคู่ จับคู่คำศัพท์ในคอลัมน์ A และ B ให้เป็น คำปรากฏร่วม (collocations) หรือคำที่เจ้าของภาษานิยมใช้ร่วมกัน เสร็จแล้วครูตรวจคำตอบและ ให้นักเรียนแต่งประโยค เพื่อบอกว่าอาจจะเจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้เนื่องจากสาเหตุอะไร ให้นักเรียนเพิ่มเติมคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพที่เป็นคำปรากฏร่วม(collocations) black eye sprained wrist travel sickness pulled muscle food poisoning sore throat streaming cold nosebleed Suggested answer key: black eye: You may get a black eye (ตาเขียวช้ำ) if you are in a fight. sprained wrist: You may get a sprained wrist if you play tennis. travel sickness: You may get travel sickness if you sit in the back seat of the car. pulled muscle: You may get a pulled muscle if you play sports without warming up properly beforehand. food poisoning: You may get food poisoning if you eat meat that hasn’t been cooked properly. กิจกรรมเพิ่มเติม

243 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา sore throat: You may get a sore throat if you have a cold. streaming cold: You may get a streaming cold if you get wet on a cold day. nosebleed: You may get a nose bleed if you fall over. ครูเขียนสำนวน under the weather (idiom) บนกระดาน แล้วให้นักเรียนช่วยกันเดาความหมาย จากนั้น ครูอธิบายว่า If you are or feel under the weather, you feel slightly ill/sick and not as well as usual. ครูช่วยยกตัวอย่างประโยค เช่น You look a bit under the weather. 6. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 46 Ex.2b แล้วอ่านคำแนะนำที่ให้มา และอธิบายคำศัพท์ ที่นักเรียนไม่รู้ จากนั้นให้นักเรียนทำงานคู่ จับคู่คำปรากฏร่วม (collocations) กับคำแนะนำ (advice) เสร็จ แล้วให้นักเรียนแต่งประโยคเหมือนดังตัวอย่าง If you have a black eye, you should put some ice on it. If you have a sprained wrist, you should put it in a sling. If you have travel sickness, you should get some fresh air. If you have a pulled muscle, you should rest the injured part. If you have food poisoning, you should drink plenty of fluids. If you have a sore throat, you should suck on a throat lozenge. If you have a streaming cold, you should ask the doctor to prescribe some medicine. If you have a nosebleed, you should pinch your nose. 7. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 46 Ex.2c แล้วให้นักเรียนจับคู่แสดงบทสนทนาเหมือน ดังตัวอย่าง ครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน แล้วสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมาแสดง บทสนทนาที่หน้าชั้น Suggested answer key: A: I’ve got a black eye. B: Really? Why? A: I was in a fight. B: You should put some ice on it. A: I’ve got a sprained wrist. B: Really? Why? A: I was playing tennis. B: You should put it in a sling, etc. กิจกรรมเพิ่มเติม

244 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Stress and relaxation 1. ครูอ่านสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียด (a-i) ในหนังสือเรียน หน้า 47 Ex.3 และอธิบายคำศัพท์ ที่นักเรียนไม่รู้ จากนั้นให้นักเรียนเรียงลำดับสถานการณ์เหล่านี้ จากเครียดน้อยที่สุดไปมากที่สุด (1-9) เสร็จแล้วให้นักเรียนจับคู่เปรียบเทียบคำตอบและพูดสนทนากันเหมือนดังตัวอย่าง ครูสังเกตการทำ กิจกรรมของนักเรียน แล้วสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมานำเสนอที่หน้าชั้นเรียน หรือครูอาจให้นักเรียนทั้งชั้นลงคะแนนเสียง แล้วนำเสนอผลการลงคะแนนเสียงของนักเรียน ในรูปของกราฟเพื่อแสดงสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดมากที่สุดไปน้อยที่สุด Suggested answer key: a-5 b-1 c-6 d-3 e-4 f-2 g-7 h-8 i-9 A: Taking an exam is definitely the second most stressful situation. I get nervous! What about you? B: Well, not being able to sleep at night is the second most stressful situation for me. I hate tossing and turning all night. A: And my third most stressful situation has to be waiting in a queue for a long time. You know, I just hate wasting my time. etc. 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 47 Ex.4a แล้วให้นักเรียนพิจารณาดูโครงสร้าง ของประโยคตัวอย่างที่ให้มา prefer + noun/-ing form + to + noun/-ing form would rather + bare inf. + than+ bare inf. จากนั้นให้นักเรียนดูภาพและจับคู่พูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่ช่วยให้นักเรียนผ่อนคลาย เมื่อเกิดความเครียด ครู สังเกตการทำงานของนักเรียน แล้วสุ่มเรียกนักเรียนออกมานำเสนอคำตอบที่หน้าชั้น Suggested answer key: I prefer getting together with friends to going shopping. I’d rather go cycling than go to the gym. I prefer reading a good book to painting. I’d rather listen to music than play music. 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 47 Ex.4b และอ่านสำนวนวลีที่ให้มาทั้ง 2 กรอบ จากนั้นให้ นักเรียนจับคู่อภิปรายเกี่ยวกับสิ่งที่ชอบทำเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย ครูสังเกตการทำงานของนักเรียน แล้วสุ่ม เลือกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมานำเสนอบทสนทนาที่หน้าชั้น

245 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Suggested answer key: • A: I find visiting an art gallery quite relaxing. B: Really? I’m not very fond of going to art galleries, but I’m quite keen on strolling through the park. • A: I really love going hiking. B: Really? I hate hiking, but I enjoy going to the cinema. ครูแนะนำเว็บไซต์สำหรับให้นักเรียนไปฝึกทักษะการฟังด้วยตนเองที่บ้านหรือนอกเวลาเรียนเกี่ยวกับเรื่อง How to beat stress จากเว็บไซต์ต่อไปนี้ http://esol.britishcouncil.org/content/learners/skills/listening/how-beat-stress Describing feelings 1. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 47 Ex.5a แล้วอ่านข้อมูลในกรอบและคำคุณศัพท์ที่ให้มา จากนั้น ให้นักเรียนทำงานคู่ เลือกคำคุณศัพท์ที่กำหนดให้มาแต่งประโยคเป็นคู่ ๆ (ประโยคหนึ่งให้ใช้ present participle อีกประโยคให้ใช้past participle) เสร็จแล้วครูตรวจคำตอบของนักเรียน Suggested answer key: • I felt disappointed when I failed the test. Failing the test was disappointing. • I felt thrilled when I went on the roller coaster. Going on the roller coaster was thrilling. • I felt tired after I went to the gym. Going to the gym was tiring. • I felt embarrassed when I fell down the stairs. Falling down the stairs was embarrassing. • I felt frightened when I heard the explosion. Hearing the explosion was frightening. • I felt excited when I saw Britney Spears walk out onto the stage. Seeing Britney Spears walk out onto the stage was exciting. • I felt annoyed when I was stuck in a traffic jam. Being stuck in a traffic jam was annoying. • I felt fascinated when I saw the dinosaurs in the museum. กิจกรรมเพิ่มเติม

246 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Seeing the dinosaurs in the museum was fascinating. • I felt confused when I heard the problem. Hearing the problem was confusing. • I felt worried when my son didn’t arrive. My son not arriving was worrying. • I feel relaxed when I listen to music. Listening to music is relaxing. • I feel bored when I have nothing to do. Having nothing to do is boring. • I felt pleased when I heard the news. Hearing the news was pleasing. • I feel relieved to be back home at last. Being back home at last is relieving. 3. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 47 Ex.5b ว่าให้นักเรียนอนุมาน (deduce) ความหมาย จากคำและน้ำเสียงของผู้พูด จากนั้นจึงเปิด CD2/track 8 ให้นักเรียนฟัง และเลือกคำศัพท์จาก Ex.5a มาเติมลงในช่องว่าง เสร็จแล้วครูตรวจคำตอบของนักเรียน ครูเปิด Audio ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง โดยหยุด Audio เมื่อผู้พูดแต่ละคนพูดจบ จากนั้นให้นักเรียนระบุคำ/ วลีที่ช่วยนักเรียนในการตัดสินใจเลือกคำตอบที่ถูกต้อง A. disappointed B. confused C. relaxed 4. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 47 Ex.6 แล้วให้นักเรียนจับคู่กัน พูดถึงสิ่งที่น่ายินดีและ ไม่ น่ายินดีที่เกิดขึ้นกับตัวเอง โดยให้ระบุว่าเกิดอะไรขึ้นและนักเรียนรู้สึกอย่างไรเหมือนดังตัวอย่างที่ให้มา ครู สังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน แล้วตรวจคำตอบด้วยการให้นักเรียนออกมานำเสนอที่หน้าชั้นเรียนทีละ คน Suggested answer key: When I saw my first football match, I felt very excited. When my grandmother was in hospital, I felt very worried, etc. กิจกรรมเพิ่มเติม

247 แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ33101 ครูผู้สอน นายพีระ เหมือดนอก โรงเรียนพนมศึกษา Character adjectives 1. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 47 Ex.7a แล้วอ่านคำคุณศัพท์ (1-10) และนิยาม (a-j) ที่ให้มา จากนั้นอธิบายคำศัพท์ที่นักเรียนไม่รู้ แล้วให้นักเรียนจับคู่คำคุณศัพท์กับนิยามที่สัมพันธ์กัน 1. b 2. c 3. e 4. a 5. j 6. h 7. i 8. d 9. g 10. f 2. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 47 Ex.7b แล้วให้นักเรียนทำงานคู่ เลือกคำคุณศัพท์จาก Ex.7a ที่ บรรยายลักษณะของตนเองและเพื่อนได้ดีที่สุด พร้อมทั้งอธิบายเหตุผลประกอบ ครูสังเกตการทำกิจกรรมของ นักเรียน แล้วตรวจคำตอบโดยให้นักเรียนแต่ละคนนำเสนอที่หน้าชั้น Suggested answer key: • I think Bill is a perfectionist, because he wants everything to be perfect, and won’t accept anything that is not as good as it could possibly be. • I wouldn’t say Sarah is arrogant, because she certainly doesn’t think she is better than other people. • James is very reliable, because he can always be trusted to do exactly what you want him to do. ให้นักเรียนเขียนอีเมลถึงเพื่อนเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่นักเรียนเพิ่งจะประสบเมื่อเร็วๆ นี้ โดยให้นักเรียน เขียนบอกสาเหตุ เป็นเมื่อไร และที่ไหน และนักเรียนทำอย่างไร (Write an email to a friend about a health problem that you have had recently. Write what caused it, when/where it happened and what you did about it.) จากนั้นครูกระตุ้นให้นักเรียนบอกรูปแบบหรือประเภทของอีเมลที่นักเรียนควรใช้ในการเขียน (informal) แล้วจึงมอบหมายให้นักเรียนกลับไปเขียน email เป็นการบ้าน ครูตรวจคำตอบ โดยให้นักเรียนแต่ละคนอ่านอีเมลที่ตนเองเขียนหน้าชั้นเรียนในชั่วโมงถัดไป กิจกรรมเพิ่มเติม