ก
คาํ นาํ
คูมือการดําเนินการทางวินัย การอุทธรณ และการรองทุกขของขาราชครูและบุคลากรทาง
การศึกษา ฉบับนี้ เปนเอกสารท่ีสํานักงานศึกษาธิการภาคตะวันออก จัดทําข้ึนภายใตโครงการขับเคล่ือน
การสรางวัฒ นธรรมตอตานการทุ จริตดวยหลักปรัชญ าเศรษ ฐกิจพ อเพี ยงของห น วยงาน
ทางการศึกษา สังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการในพ้ืนที่สํานักงานศึกษาธิการภาคตะวันออก
โดยมีวัตถุประสงคสองประการ กลาวคือ ประการแรก เพ่ือใหหนวยงานทางการศึกษา และผูปฏิบัติงานใช
เปนแนวทางในการดําเนินการทางวินัย การอุทธรณ และการรองทุกขของขาราชครูและบุคลากรทางการ
ศึกษาใหสอดคลองกับหลักเกณฑ วิธีการ และมาตรฐานที่สํานักงานคณะกรรมการขาราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กําหนด ประการที่สอง เพื่อใหขาราชครูและบุคลากรทางการศึกษา มี
ความรู ความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของการรักษาวินัย ท้ังน้ี เนื่องจากขาราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา เปนผูที่จักตองดํารงตนอยูในคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ สามารถเปน
แบบอยาง (Role Model) ท่ดี ีใหแ กเ ยาวชนและสงั คมในฐานะผปู ระกอบวชิ าชีพช้ันสงู (Professional)
ในการจัดทําคูมือฉบับนี้ สํานักงานศึกษาธิการภาคตะวันออก ขอขอบคุณ สํานักงาน ก.ค.ศ.
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสํานักงานศาลปกครองที่เอ้ือเฟอขอมูลดานกฎหมาย และ
กรณีศึกษา และหวังวาคูมือฉบับน้ีจะเปนประโยชนแกผูปฏิบัติงานดานการบริหารบุคคลในสํานักงาน
ศกึ ษาธิการจังหวัด และสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สํานักงานสงเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษา
ตามอัธยาศยั ตลอดจนขา ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาตามสมควร
สํานักงานศึกษาธิการภาคตะวันออก
สิงหาคม 2565
ข
สารบัญ
คํานาํ หนา
สารบัญ ก
บทที่ 1 บททั่วไป ข
บทท่ี 2 วินัยของขา ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา 1
3
ความหมายของวินยั 3
วินัยขา ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 3
มาตรา 82 3
มาตรา 83 3
มาตรา 84 4
มาตรา 85 7
มาตรา 86 8
มาตรา 87 10
มาตรา 88 14
มาตรา 89 15
มาตรา 90 15
มาตรา 91 17
มาตรา 92 18
มาตรา 93 18
มาตรา 94 19
มาตรา 95 21
มาตรา 96 23
มาตรา 97 23
บทท่ี 3 ขน้ั ตอนการดาํ เนินการทางวินยั 25
การดําเนนิ การทางวินัย 25
ขั้นตอนการดําเนนิ การทางวนิ ยั 25
25
1. การต้งั เรอ่ื งกลาวหา 26
2. การแจง ขอ กลาวหา 27
3. การสบื สวนหรือการสอบสวน 41
4. การพิจารณาความผิดและการกําหนดโทษ 46
5. การลงโทษทางวินยั 54
แผนผังการดาํ เนินการทางวนิ ัยของขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ค
สารบัญ (ตอ )
บทที่ 4 การอุทธรณ และการรอ งทุกข หนา
การอุทธรณคําสั่งลงโทษ 70
แผนผังขนั้ ตอนการอุทธรณคําสั่งลงโทษ 73
การรองทุกข 75
แผนผังขัน้ ตอนการรอ งทุกข 78
บทที่ 5 การดาํ เนินการทางวนิ ยั กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือ สตง. ช้ีมูลความผิด
การดาํ เนนิ การทางวินยั กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชม้ี ลู ความผดิ 79
ระยะเวลาดําเนินการ 82
แผนผังการดําเนินการทางวินัยตามมตชิ มี้ ูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. 83
การดาํ เนนิ การทางวนิ ยั แกอดีตขาราชการหรือเจาหนาท่ีของรัฐ 84
การอทุ ธรณคําสั่งลงโทษทางวินัยตามมติช้ีมูลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. 85
แผนผงั การดําเนินการทางวินัยแกอดีตขา ราชการหรือเจาหนาที่ของรัฐ 86
แนวปฏบิ ัติราชการเกย่ี วกบั ความผูกพนั ของมติคณะกรรมการปอ งกนั และปราบปราม 87
การทุจริตแหงชาติ (ป.ป.ช.) กรณีช้มี ลู ความผดิ
การดาํ เนนิ การทางวินัย กรณี สตง. ชมี้ ลู ความผดิ 88
แนวทางการลงโทษตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผดิ 90
มาตรการปองกนั และปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ 91
มติคณะรฐั มนตรี ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2536 เกี่ยวกับการลงโทษวินัยอยา งรา ยแรง 94
แนวความเหน็ คณะกรรมการกฤษฎีกา เรอ่ื ง การดําเนนิ การทางวนิ ัยและสั่งลงโทษแกอ ดตี 96
ขา ราชการตามมตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช.
บทท่ี 6 กรณศี ึกษา แนวทางการลงโทษทางวนิ ัยตามมติคณะรฐั มนตรี มติ ก.ค.ศ.
และบทความเกี่ยวกบั การบริหารงานบคุ คลของสํานกั งานศาลปกครอง
กรณีศกึ ษา 105
กรณที ี่ 1 คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ. 118/2551 การแตงตัง้ คณะกรรมการ 105
สอบสวนทางวินัย
กรณีที่ 2 คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ. 28/2547 (ประชุมใหญ) คุณสมบัติ 105
ของกรรมการ
กรณีท่ี 3 การแตงต้ังคณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั อยา งรายแรงไมชอบ 105
กรณที ี่ 4 ความเปนกลางของคณะกรรมการสอบสวนวินัยอยางรา ยแรง 105
กรณีท่ี 5 คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.3/2555 คําสั่งลงโทษนอกเหนือประเด็น 106
กรณที ่ี 6 คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.197/2548 และที่ อ.21/2550 106
(สั่งลงโทษในขอกลาวหา ทม่ี ิไดมกี ารแจง ขอ กลาวหาน้ันมากอน)
จ
สารบญั (ตอ ) หนา
- เม่ือคดีอาญายกฟอง จะขอใหย กเลิกโทษทางวินัยไดห รือไม 166
- มีพฤตกิ รรมไมเหมาะสมยายไดไมใชกล่ันแกลง 169
- ปวยจริงแตย งั ปฏบิ ัติงานไดถือวา ไมม ีเหตผุ ลอนั สมควร ตองละท้ิงหนาท่ี 171
- วนั ลาไมม ี หนาท่ีกโ็ ดดเดน เหตุไฉนไมไดเล่อื นข้นั เงินเดือนพเิ ศษ 173
- สงั่ ใหอ อกจากราชการโดยอาศัยขอมลู เชงิ สถติ ิ ใชด ุลพินิจมิชอบ 175
- ขา ราชการกับการลา ตามระเบียบของทางราชการ 178
- ใหออกจากราชการไวกอน ถาสอบสวนไมเสรจ็ ตอ งคนื ตาํ แหนงและสิทธปิ ระโยชน 182
- ถูกปลดเพราะละทง้ิ หนาทเ่ี กิน 15 วัน โดยไมมเี หตุอันควร 185
- ไมแจงถอยคําพยานในชน้ั สอบสวนเทา กับไมใหโอกาสคูกรณี 187
- การแจงขอกลาวหาใหผูถูกกลาวหาทราบโดยชอบดว ยกฎหมาย 191
- การใชดลุ พินิจกําหนดโทษ ตองเหมาะสมกบั ความผิด 194
- นาํ พฤติการณอนั เปนความผิดทางวินัยฐานอื่นมาลงโทษ โดยไมแจง ขอกลาวหา 197
- ความเปนกลางของเจาหนา ท่ใี นการดําเนนิ การทางวนิ ัยอยา งไมรา ยแรง 200
- เจา หนา ท่นี ําเงนิ ราชการพักในบัญชสี ว นตวั ผิดวินยั อยางรายแรง 203
- ผลงานทางวิชาการท่ี “อางอิง” ไมถูกตองถือเปน การ “ลอกเลยี น” 205
- ผลกระทบกรณีขา ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไมชาระหน้ีเงนิ กู 208
- งดเลื่อนขั้นเงินเดือนเพราะถูกปลดออกจากราชการ 210
- ลางมลทินไมล บลา งความผิด ทุจริตตอหนา ทีห่ มดสิทธิกลบั เขา รบั ราชการ 211
- ไมเลื่อนเงินเดือนใหโดยอา งความขดั แยงกับผบู ังคบั บัญชา อา งแบบนี้ชอบหรือไม 212
- ไปพบแพทยในเวลาราชการโดยไมย ่นื ใบลา ผดิ วนิ ยั 213
- ทาํ เอกสารเท็จและเบกิ จายงบประมาณผิดวตั ถุประสงค มีโทษปลดออกจากราชการ 214
- ถูกลงโทษไลออกไมว าจะอางเหตุใด ก็ไมมสี ทิ ธิรับเงนิ บาํ นาญ 215
- ขา ราชการเมาสุราขม เขงรังแกประชาชน ผดิ วินัยรายแรง ถูกไลออกยอมชอบแลว 216
- ลา โดยไมบอก ถูกลงโทษลดข้นั เงินเดอื น จึงชอบแลว 217
- เบกิ จายเงนิ สวสั ดกิ ารเขาบัญชีตนเองและเครือญาติ แมน ําเงินมาคืนแลว กไ็ มพนผดิ 218
- ลงโทษนักเรยี นรุนแรงเกินเหตุ ถูกลงโทษตัดเงินเดอื นเปนธรรมหรือไม 219
- ไดรบั คําสั่งไปชวยราชการชว่ั คราว เหตุฉไฉนจงึ ไมอาจขอเพิกถอนเงินคาท่ีพักระหวา งไป 220
ชวยราชการได
- ไมอนุมตั เิ บกิ เงินสวสั ดกิ ารของบุตรพนักงานสวนทองถ่นิ ภายในระยะเวลาอนั สมควร 221
ถือเปนการละเลยตองชดใชพ รอมดอกเบีย้
- คสู มรสถูกปฏิบตั เิ สธเบิกคารักษาพยาบาลตามสิทธปิ ระกันสงั คม จะสามารถเบิกคา 222
รกั ษาพยาบาลตามสิทธขิ า ราชการแทนไดไหม
- ยืน่ เอกสารไมถกู ตอง จะรอง กบข. จา ยเงนิ ไมครบไดอยางไร 223
ง
สารบญั (ตอ ) หนา
กรณที ่ี 7 คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.153/2547 การสั่งลงโทษในขอกลาวหา 106
ทีค่ ณะกรรมการสอบสวนมิไดแจง ขอกลาวหา
กรณีท่ี 8 มติ อ.ก.ค.ศ. วสิ ามัญเก่ียวกับการอุทธรณและการรองทุกข ครั้งที่ 7/2556 106
มไิ ดดําเนินการแจง สว.3 การดาํ เนินการท่ีไมชอบดว ยกฎหมาย
กรณีที่ 9 มติ อ.ก.ค.ศ.วิสามญั เกยี่ วกบั การอุทธรณแ ละการรองทุกขครั้งที่ 14/2557 107
การสอบปากคาํ พยานซึ่งเปนเด็ก
กรณีที่ 10 คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.142/2549 การดาํ เนนิ การทางวินยั 107
ไมตองรอผลคดีอาญา
กรณีที่ 11 คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.67/2547 การลงโทษทางวนิ ัย 108
ท่เี กี่ยวเน่ืองกับคดีอาญา
กรณีท่ี ๑2 คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ. 463/2551 กระทําผิดวนิ ยั 108
อยางรายแรงและการกระทําดังกลาวเปนความผิดทางอาญาดวย
กรณีท่ี ๑3 มติ อ.ก.ค.ศ.วสิ ามัญเก่ยี วกับการอุทธรณและการรองทกุ ขค รัง้ ที่ 2/2556 108
คําส่ังลงโทษที่ไมมขี อพจิ ารณาและขอ สนับสนุนในการใชด ลุ พนิ ิจการออกคําสั่งลงโทษ
กรณที ่ี ๑4 มติ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกีย่ วกับการอุทธรณและการรอ งทุกขครั้งท่ี 3/2557 109
การดําเนินการทางวนิ ยั และการลงโทษทางวนิ ัยจะตองเปนไปตามขน้ั ตอนและวิธีการตามที่กําหนด
กรณที ่ี ๑5 หามมิใหลงโทษบุคคลใดบุคคลหนึ่งมากกวาหนึ่งครั้งสําหรบั ความผิด 109
ท่บี ุคคลนนั้ ไดก ระทาํ เพียงครง้ั เดยี ว
แนวทางการลงโทษทางวินยั ตามมติคณะรัฐมนตรี 110
มติ ก.ค.ศ. ท่ีเก่ียวของการดําเนินการทางวินัย การอุทธรณ และการรองทุกขข องขา ราชครู 112
และบุคลากรทางการศึกษา
- หลกั เกณฑและวธิ กี ารเก่ยี วกับงานบริหารงานบคุ คล ตําแหนง บุคลากร 113
ทางการศกึ ษาอ่ืนตามมาตรา ๓๘ ค. (๒)
- การยา ยและการเลือ่ นระดบั ตาํ แหนงบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา ๓๘ ค. (๒) 115
- การรองทุกขตอ ก.ค.ศ. ใหเพกิ ถอนมติ ก.ค.ศ. 118
- รองทุกขในขณะที่คาํ ส่ังที่เปนเหตุแหง การรองทกุ ขไดถูกเพกิ ถอน 119
- ฟอ งศาลปกครอง ในระหวา งการพิจารณาของ ก.ค.ศ. 121
- รอ งทุกขไดต องมีเหตุแหง ทุกข และรองทุกขแ ทนผูอืน่ ไมไ ด 122
แนวทางการปฏบิ ตั ิราชการจากคําวนิ จิ ฉัยจากศาลปกครองสูงสุด 124
และบทความเกย่ี วกับการบริหารงานบุคคลของสาํ นักงานศาลปกครอง 163
- เปนกรรมการสอบแตกําหนดระยะเวลารายงานตวั ไมถ ูกตอง ตองรับผิดทางวนิ ยั 165
- ถูกสั่งใหมาประจําสํานกั งานเขตพ้ืนที่ ไมมสี ิทธิ์ไดรับเงนิ วทิ ยฐานะ
ฉ
สารบัญ (ตอ) หนา
- องคประกอบกรรมการไมครบ คาํ ส่ังลงโทษจึงไมช อบ 224
- สัง่ จายเช็คไมถ ูกตองเปน เหตุใหร าชการเสยี หาย ตองถูกปลดออกจากราชการ 225
- ทจุ ริตเงินราชการ แตคืนหมดแลว ขอเปน เหตุลดหยอนโทษไดไหม 226
- ละทง้ิ ราชการติดตอกันเกินกวา สิบหาวนั โดยมเี่ หตุอนั ควร เตรยี มตวั ตกงาน 227
- ไมเล่อื นเงนิ เดือนขั้นพิเศษ 1 ขัน้ เพราะโควตาหมด ตองใหโอกาสผรู บั การประเมินฟง 228
คําชแี้ จงกอนออกคาํ สั่งหรือไม
- ผบู ังคบั บัญชานําการลงโทษทางวินัยในรอบการประเมินครั้งกอนมาเปนเหตุไมเล่ือน 229
ขัน้ เงินเดือนในรอบการประเมินครัง้ ถัดไป เปน ธรรมหรอื ไม
- ลังเลใจไปนดิ ถึงกับหมดสิทธิโอนยา ยเลยหรือ 230
- ไมตรวจสอบตําแหนงวางทําใหพลาดโอกาสทํางานชดใชค าเสยี หายใหดว ย 231
- ทจุ ริตเอื้อประโยชนใ หเอกชนทําสญั ญากบั เทศบาล คําสั่งปลดออกจากราชการจงึ ชอบแลว 232
- เบิกอาวุธปน ออกไปจาํ นาํ ถูกไลออกจากราชการกส็ มควรแลวใชไหม 233
ภาคผนวก
รวมกฎหมายทเ่ี ก่ียวขอ ง 235
- พระราชบญั ญัตริ ะเบียบขา ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 235
- กฎ ก.ค.ศ.วาดวยการสอบสวนพจิ ารณา พ.ศ. 2550 235
- กฎ ก.ค.ศ.วา ดว ยกรณคี วามผิดทป่ี รากฏชัดแจง พ.ศ. 2549 235
- กฎ ก.ค.ศ.วา ดว ยอํานาจการลงโทษภาคทัณฑ ตัดเงินเดอื น 235
หรอื ลดเงินเดือน พ.ศ. 2561
- ระเบียบ ก.ค.ศ.วาดวยวิธีการออกคําสงั่ เกย่ี วกับการลงโทษทางวินยั ขาราชการครู 235
และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2548
- ระเบียบ ก.ค.ศ.วาดวยการรายงานเกยี่ วกับการดําเนินการทางวนิ ัยและการออก 236
จากราชการของขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2561
- กฎ ก.ค.ศ.วาดว ยการอุทธรณและการพิจารณาอุทธรณ พ.ศ. 2550 236
- กฎ ก.ค.ศ.วาดว ยการรอ งทุกขแ ละการพจิ ารณารองทุกข พ.ศ. 2551 236
- พระราชบัญญัตวิ ธิ ปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และท่แี กไขเพ่ิมเติม 236
- พระราชบญั ญัตขิ อมูลขาวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 236
รวมแบบฟอรมที่ใชใ นการปฏิบตั งิ านการดาํ เนนิ การทางวินัย การอุทธรณ
และการรองทกุ ขของขาราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา 237
บรรณานกุ รม
คณะผูจัดทาํ
บทท่ี 1
บททั่วไป
หลกั การและเหตผุ ลความจาเปน็
านักงานศกึ ษาธกิ ารภาค เป็นหนว่ ยงานใน ังกัด านักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการจัดต้ังขึ้น
ตามคา ั่งหวั หนา้ คณะรกั ษาความ งบแหง่ ชาติ ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของ
กระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 เพื่อปฏิบัติภารกิจของกระทรวงในระดับพื้นที่
ทาหน้าที่ขับเคลื่อนการศึกษาในระดับภาคและจังหวัด โดยการอานวยการ ่งเ ริม นับ นุน และ
พัฒนาการศึกษาแบบร่วมมือและบูรณาการกับหน่วยงานใน ังกัดกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงาน
อื่นหรือภาค ่วนที่เก่ียวข้องในพื้นที่น้ัน ๆ โดยให้มีอานาจหน้าท่ี นับ นุนการพัฒนาจังหวัดในพื้นที่
รับผิดชอบเก่ียวกับงานด้านวิชาการ การวิจัยและการพัฒนา กากับดูแล ติดตาม และประเมินผล
การดาเนินงานของ านักงานศึกษาธิการจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ ประกอบกับประกาศ านักงาน
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง การแบ่งหน่วยงานภายใน านักงานศึกษาธิการภาคและ านักงาน
ศกึ ษาธิการจังหวัด ังกดั านกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2560 กาหนดให้
กลุ่มบริหารงานบุคคล านักงานศึกษาธิการภาค มีหน้าท่ีรับผิดชอบในการกากับดูแล เร่งรัด ติดตาม
และประเมินผลเก่ียวกับการดาเนินการทางวินัย การออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์
ของข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบ รวมท้ัง ่งเ ริม นับ นุน และ
พัฒนาการเ ริม ร้างและการปกป้องคุ้มครองระบบคุณธรรมของข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึกษาในพ้ืนทร่ี ับผิดชอบ ประกอบกบั ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้มอบอานาจให้ศึกษาธิการภาคปฏิบัติ
ราชการแทนในการดาเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ใน ังกัด านักงาน
ศึกษาธิการจังหวัดซ่ึงอยู่ในความรับผิดชอบของ านักงานศึกษาธิการภาค เกี่ยวกับการ ืบ วนหรือ
พิจารณาในเบ้ืองต้น การดาเนินการทางวินัยทุกขั้นตอน การ ่ังพักราชการ การให้ออกจากราชการ
ไวก้ ่อน การ ง่ั ใหก้ ลับเข้าปฏิบัติราชการ หรือกลับเข้ารับราชการแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึกษา วทิ ยฐานะต้ังแต่ชานาญการพเิ ศษลงมา ตามหมวด 6 และหมวด 7 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบกับตามกฎหมาย
กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และระเบียบแบบแผนของ
ทางราชการท่ีเกี่ยวข้อง ตามคา ั่ง านักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ท่ี 1409/2560 ลงวันท่ี
5 กรกฎาคม 2560
เพ่ือให้เป็นไปตามยุทธศา ตร์ของ านักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในประเด็นยุทธศา ตร์
ที่ ๖ การพัฒนาระบบบริหารจัดการให้มีประ ิทธิภาพ านักงานศึกษาธิการภาค ๘ ได้ตระหนักถึง
ความจาเป็นที่จะต้อง ร้างบรรทัดฐานในการปฏิบัติราชการ ให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการ
บ้านเมืองที่ดี โดยยึดระบบคุณธรรม ยุติธรรม ความเ มอภาคระหว่างบุคคล การได้รับการปฏิบัติและ
การคุ้มครอง ิทธิอย่างเ มอภาคเท่าเทียมกันตามหลักกฎหมายปกครอง โดยใช้หลักการ ร้างความรู้
ความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของบุคลากร ซึ่งเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐในการปฏิบัติราชการให้มี
ประ ิทธิภาพ โดยยึดม่ันในการประพฤติด้านคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณในวิชาชีพ วินัยและ
2
การรักษาวินัย ที่กาหนดไว้ในหมวด 6 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 95 ระบุให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่เ ริม ร้าง
และพัฒนาใหผ้ อู้ ยู่ใตบ้ ังคบั บัญชามีวินัย ป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทาผิดวินัย และดาเนินการ
ทางวินัยแก่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ในการนี้ านักงานศึกษาธิการภาค 8 จึงได้จัดทาคู่มือการดาเนินการ
ทางวินัย การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้แนวทาง
ของ านักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซ่ึงเป็นองค์กรกลางที่มีหน้าท่ี
ในการกาหนดมาตรฐาน พิจารณาและให้คาแนะนาในการดาเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้เป็นการ ร้างการรับรู้ ความเข้าใจองค์ความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับ
การปฏิบัติราชการ รูปแบบและมาตรฐาน ในการดาเนินการทางวินัย การอุทธรณ์และการร้องทุกข์
ของ านักงานศึกษาธิการจังหวัดและ านักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบของ านักงาน
ศึกษาธิการภาค 8 เพื่อให้ดาเนินการไปในทิศทางเดียวกัน และ อดคล้องกับมาตรฐานท่ี านักงาน
คณะกรรมการข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษากาหนด
วตั ถุประ งค์
1. เพื่อใหบ้ คุ ลากรและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าท่ีด้านการดาเนินการทางวินัย การอุทธรณ์ และ
การร้องทุกข์ ใน านักงานศึกษาธิการภาค านักงานศึกษาธิการจังหวัดและ านักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาในพ้ืนท่ีรับผิดชอบของ านักงานศึกษาธิการภาค 8 มีความรู้ความเข้าใจแนวปฏิบัติการ
ดาเนินการทางวินัย การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ในทิศทางเดยี วกัน
2. เพื่อ ร้างความเข้มแข็งในการบริหารงานบุคคล ตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
3. เพ่ือให้ านักงานศึกษาธิการภาค านักงานศึกษาธิการจังหวัด และ านักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษามีความความรู้ความเข้าใจในขั้นตอน รูปแบบ และแนวทางในการดาเนินการทางวินัย
การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นท่ีรับผิดชอบของ
านักงานศกึ ษาธกิ ารภาค 8
ประโยชนท์ ่ไี ด้รบั
บคุ ลากรและเจ้าหน้าท่ผี ปู้ ฏิบตั ิหน้าท่ดี า้ นการดาเนินการทางวินัย การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์
ใน านักงานศึกษาธิการภาค านักงานศึกษาธิการจังหวัดและ านักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาในพื้นท่ี
รับผิดชอบของ านักงานศึกษาธิการภาค 8 มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดาเนินการทางวินัย
การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ ามารถปฏิบัติหน้าที่ตามหลักกฎหมาย ข้ันตอน และรูปแบบได้
อยา่ งถูกต้อง
บทที่ 2
นิ ยั ของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการ กึ า
ค าม มายของ ินยั
ินัย มายถึง ระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับท่ีค บคุมค ามประพฤติของคนในองค์กร
ใ ้เป็นไปตามแบบแผนทพ่ี งึ ประ งค์
ินัยขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการ กึ า
ินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า มายถึง ข้อบัญญัติท่ีกา นดเป็นข้อ ้ามและ
ข้อปฏบิ ตั ิ ตาม ม ด 6 แ ง่ พระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547
และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 82 ถึง มาตรา 97 ไดแ้ ก่
มาตรา 82 ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการ ึก าต้องรัก า ินัยที่บัญญัติเป็นข้อ ้ามและ
ขอ้ ปฏบิ ัตไิ ้ใน ม ดนโี้ ดยเคร่งครดั อยู่เ มอ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าทุกคนมี น้าที่ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติท่ีเป็น
ข้อ ้ามและถือปฏิบัติในเรื่อง ินัยอย่างเคร่งครัดอยู่เ มอ ทั้งในและนอกเ ลา การกระทาผิด ินัย
ตามบทบัญญัติน้ีต้องเป็นค ามผิดท่ีได้ทาขณะท่ีเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า กรณีที่
ไดม้ กี ารกระทาค ามผิดกอ่ นมี ถานภาพเป็นข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการ ึก า ไม่เป็นค ามผิด
ินัยตามมาตราน้ี อย่างไรก็ตาม ากเข้าเ ตุตามที่กฎ มายกา นดในเร่ืองของคุณ มบัติในการ
รับราชการและค ามปรากฏ ลังเข้ารับราชการ ก็อาจถือ ่าขาดคุณ มบัติในการรับราชการ
เปน็ ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการ ึก าได้
มาตรา 83 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้อง นับ นุนการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระม าก ัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแ ่งราชอาณาจักรไทยด้ ย
ค ามบริ ุทธใ์ิ จและมี นา้ ท่ี างรากฐานใ เ้ กดิ ระบอบการปกครองเช่น า่ นนั้
การ นับ นุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระม าก ัตริย์ทรงเป็นประมุข
ตามรัฐธรรมนูญแ ่งราชอาณาจักรไทยด้ ยค ามบริ ุทธิ์ใจอาจแ ดงออกมาได้ทั้งกายและ าจา
การกระทาที่ไม่ นับ นุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้น ถือเป็นค ามผิด ินัยไม่ร้ายแรง
เ ้นแต่ การกระทาดังกล่า จะเป็นค ามผิดทางอาญา และผู้นั้นได้รับโท ท่ี นักก ่าจาคุก รือจาคุก
โดยคาพิพาก าถึงที่ ุดเป็นค ามผิด ินัยอย่างร้ายแรง รืออาจตกเป็นผู้ขาดคุณ มบัติทั่ ไปในการ
เข้ารับราชการเป็นข้าราชการ และบุคลากรทางการ ึก าซ่ึงจะต้องถูก ั่งใ ้ออกจากราชการ ากมี
พฤติการณ์ไม่เล่ือมใ ในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระม าก ัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ
แ ่งราชอาณาจักรไทย รือถูก ่ังใ ้ออกจากราชการฐานประพฤติตนไม่เ มาะ มกับตาแ น่ง น้าท่ี
ราชการ ซ่งึ ต้องปรบั บทใ เ้ มาะ มโดยคาถงึ ข้อเทจ็ จริงเป็นกรณีไป
4
มาตรา 84 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้องปฏิบัติ น้าท่ีราชการด้ ยค ามซ่ือ ัตย์
ุจริต เ มอภาคและเทีย่ งธรรม มคี าม ริ ยิ ะ อตุ า ะ ขยัน มั่นเพยี ร ดแู ลเอาใจใ ่ รัก าประโยชน์
ของทางราชการ และต้องปฏบิ ตั ติ นตามมาตรฐานและจรรยาบรรณ ชิ าชพี อยา่ งเคร่งครดั
้ามมิใ ้อา ัย รือยอมใ ้ผู้อื่นอา ัยอานาจและ น้าที่ราชการของตนไม่ ่าจะโดยทางตรง
รอื ทางอ้อม าประโยชนใ์ ้แก่ตนเอง รอื ผู้อนื่
การปฏิบัติ รือละเ ้นการปฏิบัติ น้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อใ ้ตนเอง รือผู้อื่นได้รับ
ประโยชนท์ ม่ี คิ รไดเ้ ปน็ การทุจริตตอ่ น้าทร่ี าชการเปน็ ค ามผดิ นิ ยั อย่างร้ายแรง
มาตรา 84 รรค นงึ่ เปน็ ค ามผดิ นิ ยั ไมร่ ้ายแรงซง่ึ พจิ ารณาองค์ประกอบค ามผดิ ได้ดงั น้ี
1 .มี นา้ ท่รี าชการ
2 .ปฏบิ ตั ิ นา้ ทร่ี าชการโดยไม่ซ่อื ัตย์ จุ ริต เ มอภาคและเท่ยี งธรรม
3. ไมม่ คี าม ิรยิ ะ อุต า ะ ขยนั ม่นั เพียร
4. ไมด่ แู ลเอาใจใ ่รัก าผลประโยชนข์ องทางราชการ
5. ไมป่ ฏิบัตติ นตามมาตรฐานและจรรยาบรรณ ชิ าชีพอยา่ งเคร่งครัด
น้าท่ีราชการ มายถึง งานท่ีอยู่ในค ามรับผิดชอบโดยตรง น้าท่ีที่เกิดข้ึนตาม
กฎ มาย ได้แก่ กฎ มาย ่าด้ ยการปรับปรุงกระทร ง ทบ ง กรม กฎ มาย ่าด้ ยระเบียบบริ าร
ราชการแผ่นดิน กฎ มาย ่าด้ ยระเบียบบริ ารราชการกระทร ง ึก าธิการ และกฎ มายท่ีกา นด
ใ ้อานาจไ ้เป็นการเฉพาะ และร มถึงการไปปฏิบัติ น้าที่อ่ืนที่ไม่ใช่ราชการโดยตรง โดยใ ้ถือ ่า
การปฏิบัติตามที่ได้รับแต่งต้ัง รือตามท น้าท่ีท่ีได้รับมอบ มายน้ันเป็นการปฏิบัติ น้าที่ด้ ย
ถา้ ขา้ ราชการผู้ใดกระทาการอนั เป็นการฝุาฝนื ย่อมถือเปน็ การกระทาผิด ินยั ใน นา้ ท่ี
การพจิ ารณา า่ ขา้ ราชการมี นา้ ท่ีราชการในเร่ืองใดพิจารณาได้ ดังน้ี
1. กฎ มาย รือระเบียบกา นดใ ้ตาแ น่งใดมี น้าท่ีในเรื่องใดไ ้เป็นลายลัก ณ์
อกั ร เชน่ ระเบียบ า่ ด้ ยการพั ดุ
2. มาตรฐานตาแ น่งได้กา นด น้าที่ค ามรับผิดชอบของข้าราชการครูและ
บคุ ลากรทางการ ึก าตาแ น่งต่างๆตลอดจนลัก ณะงานทต่ี ้องปฏบิ ตั ิไ ้
3. คา ่ัง รือการมอบ มายงานของผู้บังคับบัญชาท่ีใ ้ปฏิบัติงานอื่นนอกเ นือจาก
ตาแ นง่ ถ้าผบู้ ังคับบญั ชา ่งั รือมอบ มายใ ข้ ้าราชการผู้ใดปฏิบัติภายในขอบเขตอานาจ น้าท่ีของ
ผู้บังคับบัญชาก็ย่อมเป็น น้าที่ราชการของผู้ที่ได้รับคา ั่ง รือได้รับมอบ มายเป็นลายลัก ณ์อัก ร
รอื มอบ มายด้ ย าจา รือมอบ มายโดยพฤตินยั อยา่ งอ่นื ก็ได้
4. โดยพฤตินัย ซงึ่ พจิ ารณาจากการที่ข้าราชการ มัครใจเข้าผูกพันตนเองยอมรับ ่า
เป็น น้าท่ีของตน โดยพิจารณาข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ท่ีปรากฏ ่าเพียงพอท่ีจะถือ ่าเป็น น้าท่ี
ของผูน้ ้ัน รอื ไม่
ซ่อื ัตย์ มายถงึ การปฏิบตั อิ ยา่ งตรงไปตรงมา ไมค่ ดโกง รือไม่ ลอกล ง
ุจริต มายถึง การปฏิบัติด้ ยค ามมุ่ง มายด้ ยค ามต้ังใจที่ดี ชอบด้ ยทานอง
คลองธรรม
5
ซื่อ ัตย์ มายถึง การปฏิบัติโดยไม่ลาเอียง (ไม่เลือกปฏิบัติแก่ฝุายใดฝุาย น่ึงเป็น
การเฉพาะ)
การปฏิบัติตามมาตรฐาน ิชาชีพนั้น เนื่องจากกฎ มาย ่าด้ ยการ ึก าแ ่งชาติ
ยกย่องใ ้ครูเป็นผู้ประกอบ ิชาชีพชั้น ูง ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าจึงต้องปฏิบัติตาม
มาตรฐาน ิชาชีพและจรรยาบรรณ ิชาชพี ท่ีคุรุ ภากา นดไ เ้ ปน็ ขอ้ บงั คับอยา่ งเคร่งครดั ด้ ย
มาตรา 84 รรค อง เป็นค ามผดิ ินัยไม่ร้ายแรง มีองค์ประกอบค ามผิด ดงั นี้
1. มอี านาจ น้าทีร่ าชการ
2. อา ยั รอื ยอมใ ้ผ้อู นื่ อา ยั อานาจ น้าท่รี าชการทต่ี นดารงอยู่
3. าประโยชน์ใ ้แก่ตนเอง รือผู้อ่ืน มายถึง ิ่งท่ีเป็นผลดี รือเป็นคุณกับ
ผู้รับทรัพย์ ินเงินทอง รือการอื่นใดที่เป็นผลได้ตามต้องการแม้ประโยชน์จะได้มาจากการปฏิบัติ
นา้ ที่โดยชอบก็ตามกอ็ าจเปน็ ค ามผิดได้ เช่น การใ ้การอาน ยค าม ะด กในการมาติดต่อราชการ
เป็นพิเ แก่ผูท้ ่นี า ่ิงของ รือเงินทองมาใ ้เปน็ ค่าตอบแทน
มาตรา 84 รรค าม เป็นการกา นดลกั ณะค ามผิด ินัยที่ร้ายแรง ในกรณีทุจริต
ต่อ น้าที่ราชการ การท่ีจะพิจารณา ่าการกระทาผิด ินัยเช่นใดจะเป็นการกระทาผิด ินัยอย่าง
ร้ายแรงกรณที จุ ริตต่อ น้าทรี่ าชการ รอื ไม่นน้ั ตอ้ งเข้าองคป์ ระกอบ ดังนี้
1. ต้องมี น้าที่ราชการท่ีจะตอ้ งปฏิบตั ิ
2. ปฏบิ ตั ิ รอื ละเ น้ การปฏบิ ตั ิ น้าทโ่ี ดยมชิ อบ
3. เพือ่ ใ ต้ นเอง รอื ผอู้ ่ืนไดป้ ระโยชนท์ ่ีมิค รได้
4. โดยมีเจตนาทจุ ริต
นา้ ทีร่ าชการมคี าม มายเช่นเดีย กนั กบั ค ามใน มาตรา 84 รรค นึ่ง
ปฏิบัติ รือละเ ้นการปฏิบัติ น้าท่ีราชการโดยมิชอบ การปฏิบัติ น้าท่ีราชการเป็น
ลัก ณะของการกระทาท่ีข้าราชการมี น้าที่ต้องปฏิบัติโดยได้ปฏิบัติ น้าท่ีราชการไปแล้ รือได้มี
การกระทาการตาม น้าท่ีไปแล้ แต่การปฏิบัติ น้าท่ีราชการนั้นไม่ มายร มถึงการปฏิบัติในการใช้
ิทธิเบกิ จา่ ยเงินทีท่ างราชการใ ้ ิทธิเบิกได้ เช่นคา่ เบยี้ เลีย้ งเดินทาง คา่ รัก าพยาบาล เปน็ ตน้
ละเ ้นการปฏิบัติ น้าที่ราชการ มายถึง มี น้าที่ราชการที่จะต้องปฏิบัติ แต่ไม่ปฏิบัติ
รอื งดเ ้นไม่กระทาการตาม นา้ ท่โี ดยจงใจ รอื เจตนาไม่ปฏิบตั ิ ไม่ใช่เป็นการพล้ังเผลอ รอื เขา้ ใจผดิ
การไม่ปฏิบัติ รืองดเ ้นไม่กระทาการตาม น้าท่ีจะเป็นค ามผิดกรณีทุจริตต่อ
น้าท่ีราชการก็ต่อเม่ือได้กระทาโดยเป็นการจงใจท่ีจะไม่ปฏิบัติการตาม น้าท่ี โดยปรา จากอานาจ
ตามกฎ มาย กฎ ระเบียบ รือข้อบังคับ และจะต้องเป็นการปฏิบัติ รือละเ ้นไม่ปฏิบัติ น้าที่
โดยมิชอบด้ ย
มิชอบ มายค าม ่าไม่เป็นไปตามกฎ มาย ระเบียบของทางราชการคา ่ังของ
ผู้บังคับบัญชา มติคณะรัฐมนตรี แบบธรรมเนียมของทางราชการ รือทานองคลองธรรม ซ่ึงแยก
พิจารณาได้ ดังน้ี
6
1. มิชอบด้ ยกฎ มาย ระเบียบของทางราชการ คา ั่งของผู้บังคับบัญชา รือมติ
คณะรัฐมนตรี มายถงึ ปฏิบตั โิ ดยไมเ่ ปน็ ไปตามกฎ มาย รือระเบียบของทางราชการ รือคา ่ังของ
ผู้บังคับบัญชา คณะรัฐมนตรี รือไม่ปฏิบัติใ ้เป็นไปตามท่ีกฎ มาย รือระเบียบของทางราชการ
ผบู้ ังคบั บญั ชา รอื คา ่ังของ รอื มติคณะรฐั มนตรกี า นดไ ้
2. มิชอบด้ ยแบบธรรมเนียมของทางราชการ มายถึง ปฏิบัติโดยไม่เป็นไปตาม
แบบธรรมเนยี มของทางราชการ รอื ไม่ปฏบิ ตั ิใ ้เปน็ ไปตามแบบธรรมเนียมของทางราชการ
3. มิชอบด้ ยทานองคลองธรรม มายถึง กระทาในทางท่ีไม่ถูกไม่ค ร รือไม่กระทา
ในทางทถี่ กู ทค่ี ร
ากได้ปฏิบัติ น้าท่ีราชการโดยถูกต้องตามกฎ มาย และตามทานองคลองธรรม
ทุกประการแล้ ต่อมาภาย ลังได้รับประโยชน์ ่ นตั เน่ืองจากการปฏิบัติ น้าท่ีน้ันในลัก ณะ
“ของข ัญ”กรณีนี้ไมเ่ ข้าลกั ณะเป็นการปฏบิ ตั ิ นา้ ทร่ี าชการโดยมชิ อบ จึงไม่เป็นค ามผิดกรณีทุจริต
ต่อ น้าทรี่ าชการ ตามมาตรา 84 รรค าม แตอ่ าจเป็นค ามผิดกรณอี ืน่ เชน่ ประพฤตชิ ่ั ได้
การปฏบิ ัติ น้าทร่ี าชการ รือการละเ ้นการปฏบิ ตั ิ น้าที่ราชการโดยมิชอบท่ีจะเป็น
การทุจริตต่อ น้าท่ีราชการได้นั้นต้องเป็นการกระทาเพ่ือใ ้ตนเอง รือผู้อื่นได้ประโยชน์อย่าง นึ่ง
อยา่ งใดด้ ย (เปน็ เจตนาพิเ เพอื่ ใ ้ตนเอง รือผูอ้ นื่ ได้ประโยชน์ที่มิค รได้)
ผู้อื่น มายถึง ใครก็ได้ ไม่ ่าจะเป็นประชาชน รือข้าราชการด้ ยกันที่จะได้รับ
ประโยชน์จากการปฏบิ ัติ รอื ละเ น้ การปฏบิ ตั ิ น้าทโี่ ดยมชิ อบของข้าราชการผนู้ ้นั
ประโยชน์ มายถึง ิ่งที่เป็นผลดี รือผลที่เป็นคุณแก่ผู้รับ รือผลที่ได้ตาม
ค ามต้องการ อาจเปน็ ทรพั ย์ ินเงนิ ทอง รอื ประโยชนอ์ ย่างอืน่ ทมี่ ใิ ชท่ รัพย์ ิน เช่น ิทธพิ เิ ต่างๆ
มิค รได้ มายถึง ไม่มี ิทธิโดยชอบธรรมท่ีจะได้รับประโยชน์ใด ๆ ตอบแทนจาก
การปฏบิ ตั ิ น้าที่นั้น
ในกรณีท่ีมีกฎ มายมาตรฐานทั่ ไป กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ รือคา ่ังใดกา นดใ ้
ขา้ ราชการ ได้รบั ประโยชน์ตอบแทนจากการปฏิบัติ น้าที่นั้น กรณีนี้เป็นประโยชน์อันค รได้โดยชอบ
ธรรม รือโดยชอบด้ ยเ ตุผล อย่างไรก็ตามต้องมิใช่ลัก ณะของการเรียกร้องเกินก ่าที่ค รจะได้
ถา้ เปน็ การเรียกรอ้ งเอาเกนิ ก า่ ท่ีค รจะได้แล้ ถอื เปน็ การกระทาทีม่ คิ รได้ในค าม มายน้ีเชน่ กัน
โดยมีเจตนาทุจริต คือ การแ ง าประโยชน์ที่มิค รได้โดยชอบด้ ยกฎ มาย
า รับตนเอง รือผอู้ ืน่
ในการพิจารณาค ามผิดในกรณีนี้ จะต้องพิจารณาใ ้ได้ค าม รือปรากฏ ลักฐาน
โดยชดั แจ้งเพราะค ามผิดกรณีทุจริตต่อ น้าท่ีราชการเป็นค ามผิดท่ีร้ายแรงมาก ซ่ึงไม่พึงประ งค์ที่
จะใ บ้ คุ คลผูป้ ระพฤตเิ ชน่ นี้อยใู่ นราชการ ค ามผดิ ฐานทุจริตต่อ น้าท่ีราชการเป็นค ามผิด ินัยอย่าง
ร้ายแรง ค รลงโท ไล่ออกจากราชการ กรณีท่ีมีการทุจริตแล้ นาเงินมาคืน ไม่เป็นเ ตุลด ย่อนโท
จากไล่ออกเปน็ ปลดออกจากราชการ ตามมตคิ ณะรฐั มนตรี ตาม นัง ือ านักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ที่ นร 0205/ 4 23 ลง นั ท่ี 24 ธัน าคม 2536
7
ค ามผดิ กรณใี ช้ ิทธขิ อเบิกเงินจากทางราชการเปน็ เทจ็ โดยเจตนาทุจริต ฉ้อโกงเงิน
ของทางราชการอย่างแน่ชัด เช่น การเบิกเงินค่าเบี้ยเล้ียง ค่าพา นะเดินทาง และเงินอื่นในทานอง
เดีย กันอันเป็นเท็จ เป็นค ามผิด ินัย อย่างร้ายแรงฐานประพฤติชั่ ตาม นัง ือ านักงาน ก.พ.
ที่ นร 0709.2/ 8 ลง ันที่26 กรกฎาคม 2536 ไม่เป็นค ามผิดตามมาตรานี้ เน่ืองจากไม่มี น้าที่
เก่ยี กับการเบิกจ่ายเงนิ
กรณีทุจริตในการ อบใ ้ลงโท ถาน นัก มติคณะรัฐมนตรี ตาม นัง ือ านัก
เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0401/ 50 ลง ันที่ 12 เม ายน 2511 จะเข้ากรณีทุจริตตาม
มาตราน้ี รือไม่ ต้องดู ่าผู้กระทามี น้าท่ีราชการ รือไม่ ากเป็นผู้เข้า อบกระทาการทุจริตในการ
อบเปน็ ค ามผิดฐานประพฤตชิ ่ั อยา่ งรา้ ยแรง
มาตรา 85 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้องปฏิบัติ น้าท่ีราชการใ ้เป็นไปตาม
กฎ มาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและ น่ ยงานการ ึก า มติคณะรัฐมนตรี รือนโยบาย
ของรัฐบาลโดยถอื ประโยชน์ ูง ดุ ของผเู้ รยี น และไม่ใ เ้ กิดค ามเ ยี ายแกท่ างราชการ
การปฏิบัติ น้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎ มาย ระเบียบแบบแผนของทาง
ราชการและ น่ ยงานการ ึก า มติคณะรัฐมนตรี รือนโยบายของรัฐบาล ประมาทเลินเล่อ
รอื ขาดการเอาใจใ ่ระมัดระ ังรัก าประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นเ ตุใ ้เกิดค ามเ ีย าย
แกร่ าชการอยา่ งร้ายแรงเป็นค ามผิด ินยั อย่างรา้ ยแรง
มาตรา 85 รรค น่ึง เป็นค ามผิด ินยั ไม่รา้ ยแรง มอี งค์ประกอบค ามผดิ ดงั นี้
1. มี นา้ ทีร่ าชการ
2. ไม่ปฏบิ ตั ิ น้าทีร่ าชการใ ้เปน็ ไปตามกฎ มายแบบแผนของทางราชการระเบียบ
และ น่ ยงาน การ กึ า มตคิ ณะรฐั มนตรี รอื นโยบายของรัฐบาล โดยถือประโยชน์ ูง ดุ ของผเู้ รียน
3. เกดิ ค ามเ ีย ายแกร่ าชการ
นา้ ท่รี าชการ นอกจากจะ มายถึง น้าท่ีราชการตามตาแ น่ง และ น้าที่ราชการ
ท่ีได้รับมอบ มายแล้ ยัง มายค ามร มถึง น้าที่ราชการท่ั ไปท่ีกฎ มายกา นดใ ้ทุกคนต้อง
ปฏิบัติด้ ย เช่น การลา ข้าราชการต้องปฏิบัติตามระเบียบการลา ากลาปุ ยแต่ไม่ ่งใบลาตาม
ระเบียบการลา ถือเป็นค ามผดิ ตามมาตรานี้
นโยบายของรฐั บาล ตามค ามของมาตรานี้ มายถงึ
1. นโยบายทรี่ ฐั บาลแถลงต่อรฐั ภา
2. นโยบายทไี่ ดก้ า นด รือ ่งั การเป็นการเฉพาะเร่ือง
3. นโยบายพิเ รอื นโยบายเฉพาะกิจทร่ี ัฐบาลมอบ มายเปน็ กรณีพิเ
นโยบายของรัฐบาลในลกั ณะดงั กล่า ข้าราชการจะต้องทราบและตอบ นองเพื่อใ ้นโยบายบรรลุผล
ตาม ตั ถุประ งค์
มาตรา 85 รรค อง กา นดถึงการปฏิบัติ น้าท่ีราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตาม
กฎ มาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และ น่ ยงานการ ึก า มติคณะรัฐมนตรี รือนโยบายของ
รัฐบาล ประมาทเลินเล่อ ขาดการเอาใจใ ่ระมัดระ ังรัก าประโยชน์ของทางราชการเป็นเ ตุใ ้เ ีย าย
แกร่ าชการอย่างร้ายแรง เปน็ ค ามผิด นิ ยั อยา่ งร้ายแรงซึ่งพจิ ารณาองค์ประกอบค ามผิดได้ ดงั นี้
8
1. มี น้าทรี่ าชการ
2. จงใจไม่ปฏิบัติ น้าที่ราชการตามกฎ มายระเบียบแบบแผนของทางราชการ
และ น่ ยงานการ กึ า มตคิ ณะรฐั มนตรี รอื นโยบายของรัฐบาล
3. ประมาทเลินเลอ่ รือขาดการเอาใจใ ร่ ะมัดระ ังรัก าประโยชน์ของทางราชการ
4. เปน็ เ ตุใ ้เ ีย ายแกร่ าชการอยา่ งรา้ ยแรง
จงใจ มายค าม ่า ตั้งใจ มายใจ เจตนา จงใจ ตามค ามใน รรค องนี้ แม้การ
ไม่ปฏิบัติตามกฎ มาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และนโยบายรัฐบาลน้ันจะไม่ได้
มุ่ง มายที่จะก่อใ ้เกิดค ามเ ีย ายแก่ราชการ รือเล็งเ ็นผลของการกระทาน้ัน ่าจะเ ีย ายแก่
ราชการได้ก็ตาม ถ้าการกระทาโดยรู้ านึกในการกระทานั้น ได้ก่อใ ้เกิดค ามเ ีย ายอย่างร้ายแรง
แล้ ก็เปน็ ค ามผิด ินยั อยา่ งร้ายแรงตามมาตรานี้
ประมาทเลินเล่อ มายค าม ่า ขาดค ามระมัดระ ัง ไม่รอบคอบใน ิ่งที่ค รกระทา
พลั้งเผลอ ลงลมื
ในการปฏิบัติ น้าที่ราชการ รือในเรื่องที่มี น้าที่ราชการจะต้องปฏิบัติโดยไม่เกิด
ค ามเ ีย าย การประมาทเลินเล่อซึ่งเป็นค ามผิดทาง ินัยจะต้องเป็นการประมาทเลินเล่อใน น้าท่ี
ราชการ การประมาทเลินเล่อมไี ดท้ ั้ง“กระทา”และ “ละเ ้นการกระทา”
า รับค ามเ ีย ายที่ทางราชการได้รับอาจเป็นค ามเ ีย ายท่ี ามารถคาน ณ
เป็นราคาเงนิ ได้ รอื เปน็ ค ามเ ีย ายทเ่ี กิดกบั ภาพพจน์ช่อื เ ียงของทางราชการก็ได้
มาตรา 86 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้องปฏิบัติตามคา ่ังของผู้บังคับบัญชา
ซ่งึ ่ังใน นา้ ท่รี าชการโดยชอบด้ ยกฎ มายและระเบียบของทางราชการ โดยไม่ขัดขืน รือ ลีกเลี่ยง
แต่ถ้าเ ็น ่าการปฏิบัติตามคา ่ังนั้นจะทาใ ้เ ีย ายแก่ราชการ รือจะเป็นการไม่รัก าประโยชน์ของ
ทางราชการจะเ นอค ามเ ็นเป็น นัง ือภายในเจ็ด ัน เพ่ือใ ้ผู้บังคับบัญชาทบท นคา ่ังนั้นก็ได้
และเม่ือเ นอค ามเ ็นแล้ ถ้าผู้บังคับบัญชายืนยันเป็น นัง ือใ ้ปฏิบัติตามคา ั่งเดิมผู้อยู่ใต้บังคับ
บญั ชาจะตอ้ งปฏบิ ัตติ าม
การขัดคา ่ัง รือ ลีกเล่ียงไม่ปฏิบัติตามคา ั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่ง ่ังใน น้าที่ราชการ
โดยชอบด้ ยกฎ มายและระเบียบของทางราชการ อันเป็นเ ตุใ ้เ ีย ายแก่ราชการอย่าง
รา้ ยแรง เปน็ ค ามผิด นิ ยั อย่างรา้ ยแรง
มาตรานก้ี า นดใ ข้ า้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการ กึ าต้องปฏิบัติตามคา ั่งของ
ผู้บังคับบัญชาซ่ึง ่ังการใน น้าท่ีโดยชอบ โดยเปิดโอกา ใ ้ผู้ใต้บังคับบัญชา ามารถเ นอใ ้
ผู้บังคับบัญชาทบท นค ามชอบด้ ยกฎ มายของคา ั่งนั้นได้ ถ้าเ ็น ่าการปฏิบัตินั้นจะทาใ ้
เ ีย าย รือไม่รัก าประโยชน์ของทางราชการโดยต้องเ นอค ามเ ็นเป็น นัง ือใ ้ทบท นคา ั่ง
ภายใน 7 ัน ากผู้บังคับบัญชายนื ยันตามคา ั่งเดมิ ก็ตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม
การท่ีข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าผู้ใดกระทาผิด ินัยตามมาตรา 86
รรค นง่ึ เปน็ ค ามผิด นิ ยั ไมร่ ้ายแรง มีองค์ประกอบ ดังนี้
1. มีคา ง่ั ของผู้บังคับบญั ชา
2. ผู้ งั่ เป็นผ้บู งั คับบญั ชาตามกฎ มาย
9
3. ่ังใน นา้ ที่ราชการ
4. เป็นคา ่งั ทช่ี อบด้ ยกฎ มายและระเบยี บของทางราชการ
5. มีเจตนาไมป่ ฏิบัตติ ามคา ั่งน้ัน โดยขัดขืน รอื ลีกเลย่ี ง
า รบั การกระทาที่ขดั คา ั่ง รอื ลกี เล่ยี งไม่ปฏิบัตติ ามคา ง่ั ของผ้บู ังคับบัญชาซ่งึ ่ังใน น้าท่ี
ราชการ โดยชอบด้ ยกฎ มายและระเบยี บของทางราชการ และเปน็ เ ตใุ ้เกิดค ามเ ีย ายแก่
ราชการอย่างร้ายแรง มาตรา 86 รรค อง กา นดใ ้เป็นค ามผดิ นิ ัยอยา่ งร้ายแรง
1. คา ั่ง มายถึง การบอกกล่า ใ ้กระทา รือใ ้ปฏิบัติ ซ่ึงคา ่ังของผู้บังคับบัญชา
ไม่จาต้อง ่ังตามรูปแบบของทางราชการเป็น นัง ือ รือเป็นลายลัก ณ์อัก ร อาจเป็นการ ั่งด้ ย
าจากไ็ ด้
2. ผู้ ่ังเป็นผู้บังคบั บัญชาตามกฎ มาย โดยผู้บังคับบัญชา มายถึง ผู้ดารงตาแ น่ง
ท่ีมีกฎ มายบัญญัติใ ้เป็นผู้บังคับบัญชาตามกฎ มาย ่าด้ ยระเบียบบริ ารราชการแผ่นดิน
กฎ มาย ่าด้ ยระเบียบบริ ารกระทร ง ึก าธิการ กฎ มาย ่าด้ ยระเบียบข้าราชการครูและ
บคุ ลากรทางการ ึก า กฎกระทร ง ่าด้ ยการแบ่ง ่ นราชการเป็นต้น รือผู้ซ่ึงได้รับมอบ มาย รือ
มอบจากผมู้ อี านาจ ตามกฎ มาย ใ เ้ ปน็ ผู้บังคับบญั ชา ข้าราชการใน ่ นราชการ รือ น่ ยงาน รือ
ถาน ึก า ทัง้ นจ้ี ะตอ้ งเปน็ การมอบ มาย รอื มอบอานาจ ตามท่ีกฎ มายบญั ญตั ใิ ม้ อบได้
กฎ มายทีก่ า นดการบงั คับบัญชา มดี งั น้ี
(1) พระราชบัญญัติระเบียบบริ ารราชการแผ่นดิน พ. . 2534 ซึ่งได้กา นด
ตาแ น่งผู้บังคับบัญชาทั้งในราชการบริ าร ่ นกลางและ ่ นภูมิภาค โดยกา นดใ ้นายกรัฐมนตรี
ในฐานะ ั น้ารัฐบาล มีอานาจบังคับบัญชาข้าราชการฝุายบริ ารทุกตาแ น่งซ่ึง ังกัดกระทร ง
ทบ ง กรม และ ่ นราชการ อยา่ งอ่นื ทีม่ ฐี านะเป็นกรม
(2) พระราชบัญญัติระเบียบบริ ารราชการกระทร ง ึก าธิการ พ. . 2546 ซ่ึง
กา นดใ ้ รัฐมนตรี ่าการกระทร ง ึก าธิการเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ (มาตรา 12)
ใ ้ปลัดกระทร ง ึก าธิการ เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการใน านักงานปลัดกระทร ง ใ ้เลขาธิการ
เป็นผู้บังคับบัญชาของ ่ นราชการ และใ ้เลขาธิการคณะกรรมการการ ึก าข้ันพื้นฐานเป็น
ผู้บังคับบัญชาข้าราชการใน านักงานเขตพื้นท่ีการ ึก า รือใน ถาน ึก าที่อยู่ใน ังกัดเขตพ้ืนที่
การ กึ า (มาตรา 30) ใ ผ้ ู้อาน ยการ านกั งานเขตพื้นท่ีการ ึก า เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการใน
เขตพื้นทก่ี าร ึก า (มาตรา 37) ใ ้ผอู้ าน ยการ ถาน ึก าเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ (มาตรา 39))
(3) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547
ซึ่งกา นดใ ้ผู้อาน ยการ านักงานเขตพ้ืนท่ีการ ึก าเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการ ึก าในเขตพื้นที่การ ึก า (มาตรา 24) ใ ้ผู้บริ าร ถาน ึก าเป็นผู้บังคับบัญชา
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ กึ าใน ถาน ึก า (มาตรา 27) ใ ้ผู้บริ าร น่ ยงานการ ึก า
ท่ีเรียกช่ืออย่างอื่นตามที่ ก.ค. . กา นด เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า
ใน น่ ยงานที่ ก.ค. . กา นด (มาตรา 28)
10
(4) คา ั่ง ั น้าคณะรัก าค าม งบแ ่งชาติ ที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูป
การ ึก าในภูมิภาคของกระทร ง ึก าธิการ ลง ันท่ี 3 เม ายน 2560 ใ ้ ึก าธิการจัง ัด
เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการใน านักงาน ึก าธิการจัง ัด (ข้อ12) และใ ้ ึก าธิการจัง ัด
โดยค ามเ ็นชอบของ ก จ. เป็นผู้มีอานาจ ั่งบรรจุ และแต่งต้ังข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ึก าในจัง ัด รือในกรุงเทพม านคร ตามมาตรา 53 (3) และมาตรา (4) แ ่งพระราชบัญญัติ
ระเบยี บข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการ กึ า พ. . 2547 และทีแ่ ก้ไขเพมิ่ เติม (ขอ้ 13)
(5) มาตรฐานตาแ น่ง เช่น มาตรฐานตาแ น่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ึก ากา นดตาแ น่งผู้อาน ยการ ถาน ึก าเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ึก าใน ถาน ึก า ตาแ น่งผู้อาน ยการ านักงานเขตพื้นท่ีการ ึก าเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ
ครูและบุคลากรทางการ ึก าในเขตพ้นื ที่การ ึก า
3. ัง่ ใน นา้ ทร่ี าชการ มีค าม มาย 2 ประการ คอื
3.1. ผู้ ่ังมี น้าท่ีราชการในเร่ืองท่ี ่ังน้ัน มายถึง เร่ืองที่ ่ังใ ้ไปปฏิบัติ น้าที่
ราชการที่มใิ ช่งานใน นา้ ทีข่ องผรู้ บั คา งั่ โดยตรง
3.2. ั่งใ ้ปฏิบัติราชการ มายถึง ถ้าไม่ใช่เร่ือง ่ังใ ้ปฏิบัติราชการก็ไม่มี
ค ามผิดฐานขัดคา ่งั ผบู้ ังคับบัญชา
4. เป็นคา ่ังที่ชอบด้ ยกฎ มายและระเบียบของทางราชการ มายค าม ่า
ผู้บังคับบัญชานั้น ต้องเป็นผู้อยู่ในฐานะท่ีจะ ่ังใ ้ทาได้ตามกฎ มายและระเบียบของทางราชการ
และต้อง ั่งภายในขอบเขตอานาจ น้าท่ีของตน ถ้าผู้บังคับบัญชา ั่งการโดยไม่อยู่ในฐานะท่ีจะ ั่งได้
รือ ่ังการนอกเ นืออานาจ น้าที่ของตน รือฝุาฝืนกฎ มายและระเบียบของทางราชการแล้
คา ั่งของผู้บังคับบัญชาก็ไม่มี น้าท่ีท่ีจะต้องปฏิบัติตาม และถ้าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาไม่ปฏิบัติตาม
กไ็ มผ่ ิดฐานขดั คา ง่ั ผู้บงั คบั บญั ชา
กรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามคา ั่งของผู้บังคับบัญชา โดยรู้อยู่แล้ ่า
เป็นคา ั่งที่ไม่ชอบด้ ยกฎ มายและการกระทาก่อใ ้เกิดค ามเ ีย ายแก่ราชการย่อมเป็น
การกระทาผดิ นิ ัย
5. มีเจตนาทีจ่ ะไม่ปฏิบตั ิตามคา ัง่ น้นั โดยขัดขืน รือ ลีกเล่ียง คือ ต้องมีการขัดขืน
ไม่ทาตามคา ่ัง รือทาไมต่ รงตามที่ ่ัง รือ ลกี เล่ยี งไมป่ ฏบิ ัติตามคา ัง่
มาตรา 87 ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการ ึก าตอ้ งตรงต่อเ ลา อุทิ เ ลาของตนใ ้แก่
ทางราชการและผูเ้ รียน จะละท้งิ รอื ทอดทงิ้ น้าทีร่ าชการโดยไมม่ ีเ ตุผลอัน มค รมิได้
การละท้ิง น้าท่ี รือทอดท้ิง น้าท่ีราชการโดยไม่มีเ ตุผลอัน มค ร เป็นเ ตุใ ้เ ีย าย
แก่ราชการอย่างร้ายแรง รือการละทิ้ง น้าที่ราชการติดต่อในครา เดีย กันเป็นเ ลาเกินก ่า
ิบ ้า ัน โดยไม่มีเ ตุผลอัน มค ร รือโดยมีพฤติการณ์อันแ ดงถึงค ามจงใจไม่ปฏิบัติตาม
ระเบียบของทางราชการเป็นค ามผิด ินัยอยา่ งรา้ ยแรง
11
มาตรา 87 รรค นึ่ง เป็นค ามผิด ินัยไม่ร้ายแรง พิจารณาองค์ประกอบค ามผิด
ไดด้ งั นี้
1. มี นา้ ทีร่ าชการทจ่ี ะต้องปฏบิ ตั ิ
2. ไม่อุทิ เ ลาของตนใ ้แก่ราชการ
3. มีเจตนาละทงิ้ รือทอดท้งิ นา้ ท่ีโดยไมม่ ีเ ตุผลอัน มค ร
อทุ ิ เ ลาของตน มายถึง การอุทิ เ ลา รอื ละเ ลา ่ นตนใ ้แกร่ าชการ ในกรณี
ท่ีทางราชการมีงานเร่งด่ นท่ีจะต้องใ ้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าปฏิบัติงานนอกเ ลา
ราชการปกติ เช่น ในเ ลา ยุดพักรับประทานอา าร รือ ลังจากเลิกเรียน รือใน ัน ยุดราชการ
ผู้บังคับบัญชาย่อมจะ ั่งใ ้มาทางานใน ัน รือเ ลานั้น ๆ ได้ ผู้รับคา ่ังจะต้องปฏิบัติตาม จะอ้าง ่า
เป็นคา ่ังที่ไม่ชอบด้ ยกฎ มายและระเบียบเพราะใ ้ทางานนอกเ ลาราชการ าได้ไม่ าก
ข้าราชการครูผ้ไู ดร้ บั คา ัง่ ใ ป้ ฏบิ ตั ิราชการดงั กล่า ลกี เล่ียง ขัดขนื รอื ไม่ยอมปฏิบัติตามคา ั่งของ
ผู้บังคับบญั ชาที่ ง่ั โดยชอบด้ ยกฎ มายและระเบียบของ ทางราชการ เป็นค ามผิดกรณีขัดคา ั่งของ
ผบู้ ังคบั บัญชาตามมาตรา 86 แล้ ยังเป็นค ามผิดกรณีไม่อุทิ เ ลาของตนใ ้แก่ราชการ ตามมาตรา
87 รรค นง่ึ ด้ ย แตไ่ มเ่ ปน็ การขาดราชการและไม่ต้องลา ยดุ ราชการ นั ดังกลา่
า รับ นั ปดิ ภาคเรยี น ระเบยี บกระทร ง กึ าธิการ ่าด้ ยการกา นดเ ลาทางาน
และ ัน ยุดราชการของ ถาน ึก า พ. . 2547 ข้อ 6 ใ ้ถือ ่าเป็น ันพักผ่อนของนักเรียน ซ่ึง
ถาน ึก าอาจอนุญาตใ ้ ข้าราชการ ยุดพักผ่อนด้ ยก็ได้ แต่ถ้ามีราชการจาเป็นใ ้ข้าราชการมา
ปฏิบัติราชการเ มือนการมาปฏิบัติราชการตามปกติ ดังน้ัน ันปิดภาคเรียนจึงไม่ใช่ ัน ยุดของ
ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการ ึก าใน ถาน ึก า
ละทิ้ง น้าที่ราชการ มายค าม ่า ไม่อยู่ปฏิบัติราชการตาม น้าท่ี ซ่ึงอาจไม่มา
ปฏิบัติ น้าท่ีราชการใน ถานที่ท่ีต้องปฏิบัติ รือไม่มาใ ้ผู้บังคับบัญชามอบ มายงานใน น้าท่ี รือ
มาลงชือ่ ปฏิบตั ิงานแล้ ออกไปนอก ถาน ึก าโดยไม่ขออนุญาต รือไมอ่ ยูใ่ น ถานที่ทีค่ รอยู่
ทอดทิ้ง น้าท่ีราชการ มายค าม ่า มาปฏิบัติ น้าท่ีราชการแต่ไม่ นใจทางานท่ี
ได้รับมอบ มาย ตั อยู่แต่ไม่ทางาน ไม่เอาใจใ ่ ไม่เอาเป็นธุระ ไม่นาพา เช่น มาลงชื่อปฏิบัติงาน
แล้ แต่ไม่ นใจทางานใน น้าที่ของตนใ ้เรียบร้อย รือแล้ เ รจ็ ตามเ ลา ปล่อยใ ้งานค่ังคา้ ง เปน็ ตน้
อย่างไรก็ดี การท่ีจะพิจารณา ่าผู้ใดทอดท้ิง รือละท้ิง น้าท่ีราชการตามมาตราน้ี
ผู้น้ันจะต้องมี น้าท่ีราชการ รือมีงานที่จะต้องปฏิบัติด้ ย เช่น ผู้ท่ีอยู่ในระ ่างการลา ึก าต่อ
แตไ่ มไ่ ปเรยี นไม่เปน็ ค ามผดิ กรณีละท้งิ น้าทีร่ าชการ เพราะไม่มี น้าท่ีราชการต้องปฏิบตั ิ
มาตรา 87 รรค อง ได้บัญญัติเกี่ย กับค ามผิด ินัยอย่างร้ายแรงในกรณี ละทิ้ง
น้าที่ รือ ทอดทง้ิ ราชการไ ้ 2 กรณี ดังน้ี
กรณีท่ี 1
1. มี นา้ ท่ีราชการ
2. ละท้ิง รือทอดทงิ้ น้าทีร่ าชการโดยไมม่ เี ตผุ ลอนั มค ร
3. เป็นเ ตใุ ร้ าชการเ ีย ายอยา่ งร้ายแรง
12
ตามกรณนี ้ี ละท้งิ รือทอดทิง้ นา้ ที่ราชการโดยไม่จากัดเง่ือนไขเ ลา ไม่มีเ ตุผลอัน
มค ร ซึ่งต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงเป็นเร่ือง ๆ ไป ่าพฤติการณ์แ ่งการละท้ิง รือทอดท้ิง น้าที่
ราชการนน้ั มี าเ ตอุ ย่างไร และมีเ ตผุ ลค ามจาเป็นถึงขนาดที่จะต้องกระทาผิด รือไม่ มค ร ถ้ามี
เจตนาละท้ิงไปทาธุระในเรื่อง ่ นตั ถือ ่าเป็นกรณีไม่มีเ ตุผลอัน มค ร แต่ถ้าเป็นกรณีท่ีเจ็บปุ ย
มากในทันทีทันใดต้องละท้ิง น้าที่ไป าแพทย์ทันที ถือ ่ายังมีเ ตุผลอัน มค รยังไม่ถึงกับเป็น
ค ามผดิ รา้ ยแรง
เกิดค ามเ ีย ายแก่ราชการอย่างร้ายแรงน้ัน ค ามเ ีย ายท่ีเกิดข้ึนแก่ราชการ
อย่างร้ายแรง เป็นผลโดยตรงจากเ ตุที่ละท้ิง รือทอดท้ิง น้าท่ีราชการนั้น เช่น ละท้ิง น้าที่เ รยาม
รัก าค ามปลอดภัย ถานทีร่ าชการไปเพยี งครึ่งชั่ โมง เป็นเ ตใุ ้มีผู้ลอบ างเพลิงเผาอาคาร ถานท่ี
ราชการได้รบั ค ามเ ีย าย เปน็ อย่างมาก ถือได้ า่ อยู่ในค าม มายของค ามผิดกรณีนี้แล้
กรณีท่ี 2
1. มี นา้ ทรี่ าชการ
2. ละท้งิ นา้ ที่ราชการตดิ ต่อในครา เดยี กนั เป็นเ ลาเกนิ ก ่า 15 นั
3. โดยไม่มีเ ตุผลอัน มค ร รือโดยมีพฤติการณ์อันแ ดงถึงค ามจงใจไม่ปฏิบัติ
ตามระเบียบของทางราชการ
คา า่ “ นา้ ทรี่ าชการ” มคี าม มายเชน่ เดยี กับมาตรา 84
ตามกรณีที่ 2 นั้น เป็นกรณีที่ละท้ิง น้าท่ีราชการติดต่อในครา เดีย กันเป็นเ ลา
เกินก ่า 15 ัน เป็นการละทิ้ง น้าที่ราชการต่อเน่ืองในครา เดีย กันโดยไม่มา รือไม่อยู่ปฏิบัติ
น้าทีเ่ ป็นเ ลาเกนิ ก า่ 15 ันขึ้นไป
การนับ ัน า รับการกระทาผิด ินัยกรณีละทิ้ง น้าท่ีราชการน้ัน จะต้องนับ ันละ
ท้งิ นา้ ทรี่ าชการติดต่อกันทุก ัน โดยนบั ร ม นั ยุดราชการซงึ่ อยู่ระ ่าง ันละท้ิง น้าท่ีราชการด้ ย
( านักงาน ก.พ. ท่ี นร 0709.2/28 ลง ันที่ 8 กมุ ภาพันธ์ 2545)
กรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าละทิ้ง น้าท่ีราชการติดต่อกันมาแล้
15 ัน ันท่ี 16 มาลงช่ือปฏิบัติงานแล้ ออกไปนอก ถาน ึก าโดยไม่ขออนุญาตและไม่ได้กลับมา
ปฏบิ ตั งิ านใน นั นั้น ผบู้ งั คบั บญั ชาได้ทาบันทึกรายงานไ ้เปน็ ลกั ฐาน ก.ค. . เคย ินิจฉัย ่า เป็นกรณี
ละท้ิง น้าที่ราชการติดต่อกัน เกินก ่า 15 ัน (มติ อ.ก.ค. . ิ ามัญเก่ีย กับกฎ มายและระเบียบ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า (ซึ่งทาการแทน ก.ค. .) ในครา ประชุมครั้งที่ 4/2551
เมือ่ ันท่ี 21 เม ายน 2551)
ไม่มเี ตุผลอนั มค ร มคี าม มายเช่นเดยี กับ รรค นึง่
มีพฤติการณ์อันแ ดงถึงค ามจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ เป็นกรณี
ทต่ี ้องพิจารณาจากพฤตกิ ารณ์ประกอบกับเจตนาของผู้กระทาผิดเป็นเรื่อง ๆ ไป ่ามีเจตนา รือจงใจ
ฝุาฝนื ระเบียบ รือไม่
กรณีข้าราชการถูกจับกุมคุมขังไม่เป็นเจตนาละทิ้ง น้าที่ราชการ ไม่ต้องยื่นใบลา
แต่จะต้องรายงาน รือแจ้งใ ้ผู้บังคับบัญชาทราบ และเมื่อได้รับการประกันตั ต้องรีบกลับไป
ปฏิบตั งิ านทันที
13
กรณขี า้ ราชการ ายไปเฉย ๆ โดยไม่ ามารถพิ จู น์ได้ า่ ายไปเพราะเ ตุใด ต้องถือ
่าเป็นการละทิ้ง น้าท่ีราชการโดยไม่มีเ ตุผลอัน มค ร ากภาย ลังปรากฏข้อเท็จจริง ่าผู้น้ัน
ถูกลักพาตั รือประ บเ ตุที่ทาใ ้ถึงแก่ค ามตาย ผู้บังคับบัญชาย่อมเปล่ียนแปลงคา ั่งใ ้ตรงกับ
ขอ้ เทจ็ จริงได้
กรณี ลบ นีเจ้า นี้ รือ ลบ นีคดีอาญา เป็นเ ตุผล ่ นตั ไม่อาจรับฟังได้ ่ามี
เ ตผุ ลอัน มค ร
กรณขี ้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าปุ ย นักไม่มาปฏิบัติราชการเกินก ่า
15 ัน โดยไมย่ ่ืนใบลา รือแจ้งใ ้ผู้บังคับบัญชาทราบ ทั้ง ๆ ที่ในระ ่างเจ็บปุ ยอยู่นั้น ามารถแจ้ง
และลงช่ือในใบลาได้ แตเ่ มอ่ื ายปุ ยแล้ กม็ าทางานและยื่นใบลาปุ ย กรณีน้ีการ ยุดราชการไปนั้นก็
มีเ ตุผลอนั มค ร และตามพฤติการณ์ กย็ ังไม่แ ดงถงึ เจตนา รอื จงใจท่จี ะไม่ปฏิบัติตามระเบียบของ
ทางราชการ จงึ ไมเ่ ปน็ ค ามผดิ รา้ ยแรงตาม รรค องน้ี แต่อาจเปน็ ค ามผดิ กรณไี มป่ ฏิบัติตามระเบียบ
การลา รือแบบธรรมเนียมของทางราชการ ตามมาตรา 85 ซึ่งมิใช่ค ามผิด ินัยอย่างร้ายแรง
ในทางกลบั กัน ากเจ็บปุ ยเลก็ น้อยแต่ ยุดราชการไปนานโดยไม่ลาและไม่แจ้งใ ้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ท้ังที่ ามารถมาปฏิบัติราชการได้และไม่มีใบรับรองแพทย์ เป็นค ามผิด ินัยร้ายแรง โท ไล่ออกจาก
ราชการ
า รับกรณขี า้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการ ึก าได้รับอนุญาตใ ้ลาไป ึก าต่อ
ณ ต่างประเท เมื่อครบกา นด ันเ ลาท่ีได้รับอนุมัติแล้ ยังคง ึก าต่อโดยไม่ยอมเดินทางกลับมา
ปฏิบัติ น้าท่ีราชการ กรณีน้ีถ้าปรากฏ ่ามีเจตนาละทิ้ง น้าที่ราชการโดยมีพฤติการณ์อันแ ดงถึง
ค ามจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ถ้าเกินก ่า 15 ัน มีโท ถาน นักเช่นเดีย กับ
กรณลี ะทงิ้ นา้ ทีร่ าชการเกินก า่ 15 ัน โดยไมม่ ีเ ตผุ ลอัน มค ร
กรณีข้าราชการยื่น นัง ือขอลาออกจากราชการใน ันเดีย กับ ันท่ีขอลาออก
ผู้บังคับบัญชา ผู้มีอานาจ ามารถอนุญาตใ ้ลาออกจากราชการต้ังแต่ ันท่ีขอลาออกได้ และ
เมอ่ื ผ้บู งั คบั บญั ชาได้อนญุ าตใ ้ ขา้ ราชการผู้นั้นลาออกจากราชการไปแล้ ย่อมไม่อาจดาเนินการทาง
ินัยแก่ข้าราชการผู้นั้นในกรณีละท้ิง น้าที่ราชการอีกได้ ( านักงาน ก.พ. ที่ นร 0709.2/ป 673
ลง นั ท่ี 23 พฤ จกิ ายน 2541)
การที่จะพิจารณา า่ ข้าราชการท่ลี ะทงิ้ นา้ ท่รี าชการติดต่อในครา เดีย กันเป็นเ ลา
เกินก ่า 15 ัน จะมีเ ตุผลอัน มค ร รือไม่น้ัน ผู้บังคับบัญชาต้อง ืบ นดูใ ้เป็นที่แน่ชัดเ ียก่อน
กรณีดังกล่า เข้าลัก ณะเป็นค ามผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง ตามกฎ ก.ค. . ่าด้ ยกรณีค ามผิดท่ีปรากฏ
ชัดแจ้ง พ. . 2549 ข้อ 2 (2) ซึ่งกา นดใ ้ผู้บังคับบัญชาต้อง ืบ นก่อน และ ามารถลงโท ได้
โดยไม่ต้องแต่งต้ังคณะกรรมการขึ้นทาการ อบ นพิจารณา การละท้ิง รือทอดทิ้ง น้าท่ีราชการ
ติดต่อในครา เดีย กันโดยไม่มีเ ตุผลอัน มค รได้มีมติคณะรัฐมนตรี ตาม นัง ือ ที่ นร 0205/ 234
ลง ันที่ 24 ธัน าคม 2536 ่าค ามผิดฐานทุจริตต่อ น้าท่ีราชการ รือละทิ้ง น้าท่ีราชการติดต่อ
ในครา เดยี กันเปน็ เ ลาเกินก ่า 15 ัน โดยไม่มีเ ตุผลอัน มค ร และไม่กลับมาปฏิบัติราชการอีก
เลย เปน็ ค ามผดิ ินยั อย่างรา้ ยแรง ซึ่งค รลงโท เป็นไล่ออกจากราชการ การนาเงินทท่ี จุ ริตไปแล้ มา
คนื รือมเี ตุอันค รปรานอี ่ืนใด ไมเ่ ป็นเ ตลุ ด ยอ่ นโท ลงเปน็ ปลดออกจากราชการ
14
มาตรา 88 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้องประพฤติเป็นแบบอย่างท่ีดีแก่
ผู้เรียน ชุมชน ังคม มีค าม ุภาพเรียบร้อย รัก าค าม ามัคคี ช่ ยเ ลือเก้ือกูลต่อผู้เรียนและ
ระ ่างข้าราชการด้ ยกัน รือผู้ร่ มปฏิบัติราชการ ต้อนรับ ใ ้ค าม ะด ก ใ ้ค ามเป็นธรรมแก่
ผเู้ รียนและประชาชนผมู้ าติดต่อราชการ
การกล่ันแกล้ง ดู มิ่น เ ยียด ยาม กดข่ี รือข่มเ งผู้เรียน รือประชาชนผู้มาติดต่อ
ราชการ อยา่ งร้ายแรง เปน็ ค ามผิด ินยั อยา่ งรา้ ยแรง
มาตรา 88 รรค นง่ึ เปน็ ค ามผิด ินยั ไมร่ า้ ยแรง มอี งคป์ ระกอบค ามผดิ ดงั น้ี
1. มคี ามประพฤติอันไมเ่ มาะ ม ไม่เป็นแบบอยา่ งท่ีดี
2. กระทาการใด ๆ โดยไมม่ ีค าม ุภาพเรยี บรอ้ ย
3. ไม่รัก าค าม ามัคคี
4. ไมช่ ่ ยเ ลือเก้ือกลู
5. ไมต่ ้อนรับ ไมใ่ ค้ าม ะด ก ไม่ใ ค้ ามเปน็ ธรรม
6. กระทาตอ่ ผู้เรยี น เพอ่ื นข้าราชการ ประชาชนผ้มู าตดิ ตอ่ ราชการเกย่ี กับ นา้ ท่ี
ของตน
แบบอยา่ ง มายถงึ ่งิ ทคี่ รประพฤตติ าม รอื ค รถอื เป็นบรรทัดฐาน การประพฤติตน
เป็นแบบอยา่ งท่ีดนี น้ั ต้องดูทีค่ ามประพฤติ ่ นตั โดยตอ้ งดูตาแ น่ง นา้ ทปี่ ระกอบด้ ย
ุภาพเรียบร้อย มายถึง การแ ดงออกทางกิริยา รือ าจาในลัก ณะอ่อนโยน
ละมนุ ละมอ่ ม ร มทง้ั กิรยิ า าจาที่ไม่ ยาบคายและเ มาะ มแก่บุคคลและ ถานท่ี
การไม่รกั าค าม ามัคคอี าจเป็นการใช้ าจาโตเ้ ถียง ทะเลาะ ิ าท ใช้กาลังประทุ ร้าย
ไมป่ รองดองกนั
ช่ ยเ ลอื เกือ้ กลู มายถึง การใ ้ค ามช่ ยเ ลือ เพื่อปลดเปล้ืองทุกข์ รือใ ้บริการ
ภายในขอบเขตงานท่ีอยู่ในอานาจ น้าที่ ร มถึงการเผ่ือแผ่ เจือจาน อุด นุน การช่ ยเ ลือผู้เรียน
รอื ิ ย์ ไม่ ่าจะเป็นเรื่องการเรยี น รอื เร่ือง ่ นตั
ใ ้ค ามเป็นธรรม มายถึง การปฏิบัติ น้าท่ีด้ ยค ามเป็นธรรม ใ ้บริการแก่
ผู้เรียนและประชาชน ผมู้ าตดิ ต่อราชการอนั เกีย่ กบั น้าท่ีของตน โดยใ ้บริการ ใ ้การ งเคราะ ์แก่
ผู้เรยี นและประชาชนทกุ คนทีม่ าติดต่ออยา่ งเ มอ น้า เปน็ กลาง
มาตรา 88 รรค อง เป็นค ามผิด ินัยอย่างร้ายแรง พิจารณาองค์ประกอบ
ค ามผดิ ได้ ดังน้ี
1. มคี ามประพฤตอิ นั ไม่เ มาะ ม
2. กระทาการกลนั่ แกลง้ ดู มนิ่ เ ยียด ยาม กดขี่ รอื ข่มเ งอย่างร้ายแรง
3. เปน็ การกระทาต่อผู้เรียน รือประชาชนผูม้ าติดตอ่ ราชการเกี่ย กบั น้าทีข่ องตน
กลน่ั แกล้ง มายถึง การกระทาใ ้ผู้อ่ืนได้รับค ามเดือดร้อนเ ีย ายด้ ยเจตนาร้าย
าค ามไม่ดีใ ้ าอบุ ายใ ร้ า้ ยด้ ย ธิ ีการตา่ งๆ
ดู ม่ิน มายถึง การ บประมาท ดู มิ่น การแ ดงออกทางกิริยา รอื าจา รือเขียน
เปน็ นงั อื รือภาพอันเป็นการ บประมาท รือดถู ูกผู้ น่ึงผใู้ ดซง่ึ ทาใ เ้ ขาเ ยี าย
15
เ ยียด ยาม มายถึง การกล่า ถ้อยคา รือการแ ดงกิริยาอาการดูถูก รือรังเกียจ
โดยกดใ ้ต่าลง
กดขี่ มายถึง การข่มใ ้อยู่ในอานาจของตน ใช้อานาจบังคับ
ข่มเ ง มายถึง ใชก้ าลังรงั แก แกล้ง ทาใ ้เดือดร้อน
การที่จะพิจารณา ่าการกระทาอย่างใดเป็นค ามผิดกรณีดู มิ่น เ ยียด ยาม กดข่ี
รอื ข่มเ ง ผู้เรียน รอื ประชาชนนั้น มแี น นิ ิจฉัย ดังน้ี
1. เป็นการกระทาในฐานะท่ีเป็นข้าราชการ คือ ผู้กระทาการกล่ันแกล้ง ดู มิ่น
เ ยยี ด ยาม กดข่ี รือข่มเ งผู้เรยี น รอื ประชาชนนน้ั ตอ้ งกระทาโดยแ ดงออก ่าตนเป็นขา้ ราชการ
2. ผู้ถูกกล่ันแกล้ง ดู มิ่น เ ยียด ยาม กดขี่ รือข่มเ ง ต้องอยู่ในฐานะผู้เรียน รือ
ประชาชน ซึ่งมีค าม ัมพันธ์กับข้าราชการในฐานะท่ีเป็นเจ้า น้าท่ีของรัฐ ่ นผู้เรียนและประชาชน
เปน็ ผ้อู ยูใ่ นปกครองของรัฐและรบั บริการจากเจา้ นา้ ท่ีของรฐั
3. เจตนา รือจงใจ คือ ผู้กระทาได้กระทาโดยเจตนา รือจงใจท่ีจะกลั่นแกล้ง
ดู ม่ิน เ ยียด ยาม กดขี่ รือข่มเ งผู้เรียน รือประชาชนโดยตรง ถ้า ากการกระทานั้นเป็นไป
โดยข้าราชการผู้นั้นไม่ได้มีเจตนา รือจงใจที่จะกระทาต่อผู้นั้นโดยตรง ก็ไม่เป็นค ามผิดตาม
รรค องนี้ ทัง้ นี้ ตอ้ งพจิ ารณาจากพฤตกิ ารณ์แ ง่ การกระทานั้นเปน็ เรอื่ ง ๆ ไป
มาตรา 89 ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการ ึก าตอ้ งไม่กลัน่ แกลง้ กล่า า รือ
ร้องเรยี นผู้อ่ืนโดยปรา จากค ามเป็นจรงิ
การกระทาตาม รรค นึ่ง ถ้าเป็นเ ตุใ ้ผู้อ่ืนได้รับค ามเ ีย ายอย่างร้ายแรงเป็น
ค ามผดิ นิ ยั อย่างรา้ ยแรง
มาตรา 89 รรค น่งึ เปน็ ค ามผิด ินัยไม่รา้ ยแรง มอี งค์ประกอบค ามผดิ ดังนี้
1. กระทาการที่มีลัก ณะเป็นการกลั่นแกล้ง กล่า า รือร้องเรียนผู้อื่นในเร่ืองท่ี
ไม่เปน็ จรงิ
2. มีเจตนา โดยร้อู ยแู่ ล้ ่าเรอื่ งทีก่ ล่า า รอื รอ้ งเรยี นไม่เปน็ ค ามจรงิ
า รับการกลั่นแกล้งกลา่ า รือร้องเรียนผู้อ่ืนโดยปรา จากค ามจริง เป็นเ ตุใ ้
ผู้อืน่ เ ยี ายอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 89 รรค อง กา นดใ ้เป็นค ามผิด ินยั อยา่ งร้ายแรง
มาตรา 90 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้องไม่กระทาการ รือยอมใ ้ผู้อ่ืน
กระทาการ าประโยชน์อันอาจทาใ ้เ ่ือมเ ียค ามเท่ียงธรรม รือเ ่ือมเ ียเกียรติ ักด์ิในตาแ น่ง
นา้ ท่รี าชการของตน
การกระทาตาม รรค นึง่ ถา้ เปน็ การกระทาโดยมคี ามมงุ่ มายจะใ ้เป็นการซื้อขาย รือ
ใ ้ได้รับแต่งต้ังใ ้ดารงตาแ น่ง รือ ิทยฐานะใดโดยไม่ชอบด้ ยกฎ มาย รือเป็นการกระทา
อันมีลกั ณะเป็นการใ ้ รอื ได้มาซึ่งทรัพย์ ิน รือ ิทธิประโยชน์อื่น เพ่ือใ ้ตนเอง รือผู้อ่ืนได้รับ
การบรรจุและแตง่ ต้งั โดยมชิ อบ รือเ อื่ มเ ยี ค ามเทีย่ งธรรม เปน็ ค ามผิด นิ ยั อย่างร้ายแรง
16
มาตรา 90 รรค น่ึง เป็นค ามผดิ ินยั ไม่ร้ายแรง มอี งคป์ ระกอบค ามผดิ ดังน้ี
1. มีตาแ นง่ น้าท่รี าชการ
2. กระทาการ รือยอมใ ้ผู้อ่ืนกระทาการโดยอา ัยตาแ น่ง น้าท่ีราชการของตน
าประโยชน์ ใ ้แกต่ นเอง รือผอู้ ่นื
3. การกระทานั้นอาจทาใ ้เ ่ือมเ ียค ามเท่ียงธรรม รือเ ื่อมเ ียเกียรติ ักดิ์ใน
ตาแ น่ง น้าที่ราชการของตน
ประโยชน์ มายถึง ่งิ ทเ่ี ป็นคุณแกผ่ ู้รบั ซึ่งอาจเป็นทรัพย์ ิน รือประโยชน์อย่างอื่น
ที่มิใช่ทรัพย์ ินก็ได้ เช่น การได้รับค าม ะด ก ได้รับบริการเป็นพิเ ได้รับตาแ น่ง เป็นต้น และ
การ าประโยชน์ ตามมาตรานี้อาจจะเป็นการกระทาของตั ข้าราชการเอง รือเป็นการท่ีข้าราชการ
ยอมใ ผ้ ้อู ่นื กระทากไ็ ด้
การ าประโยชน์ดังกล่า จะมีผลกระทบอันเป็นการเ ื่อมต่อค ามเที่ยงธรรม รือ
เกยี รติ กั ดิใ์ นตาแ นง่ น้าท่ีราชการของตน แยกเป็น 2 กรณี คือ
1. อาจทาใ เ้ ียค ามเทย่ี งธรรม การทจี่ ะพิจารณา า่ การกระทาอย่างใดเป็นการ า
ประโยชน์อันอาจทาใ ้เ ียค ามเท่ียงธรรม รือไม่นั้น จะต้องพิจารณาโดยคานึงถึง น้าท่ีและ
ค ามรบั ผดิ ชอบของตาแ น่งทีข่ า้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการ ึก าดารงอยู่ ่าจะมีกรณีอาจทาใ ้
เ ยี ค ามเที่ยงธรรมได้ รอื ไม่ กรณีกระทาการ าประโยชน์อนั อาจทาใ ้เ ียค ามเที่ยงธรรมนี้ ถ้ามิได้
กระทาโดยอา ัยอานาจ น้าท่ีราชการของตนก็เป็นค ามผิดตามมาตรา 90 เพียงมาตราเดีย แต่ถ้า
กระทาโดยอา ัยอานาจ น้าที่ราชการของตน นอกจากจะเป็นค ามผิดตามมาตรา 90 แล้ ยังเป็น
ค ามผิดตามมาตรา 84 รรค อง ด้ ย
2. อาจทาใ เ้ ือ่ มเ ียเกียรติ กั ดิ์ในตาแ น่ง น้าที่ราชการของตน
เกียรติ ักด์ิ มายค าม ่า ฐานะอันค รได้รับการ รรเ ริญ
ดังนั้น การที่จะพิจารณา ่าการกระทาอย่างใดเป็นการ าประโยชน์อันอาจทาใ ้
เ ื่อมเ ีย เกียรติ ักด์ิของตาแ น่ง น้าที่ราชการของตน รือไม่น้ัน จะต้องพิจารณาจากตาแ น่ง
น้าทีร่ าชการของผูน้ ัน้ ประกอบกบั พฤติการณใ์ นการกระทาของข้าราชการผู้นั้น โดยพิจารณา ่าการ
กระทาดังกล่า เป็นการกระทา ท่ีผิดแบบธรรมเนียมของข้าราชการที่ดี อันบุคคลท่ีอยู่ในฐานะและ
ตาแ น่งเช่นนั้นค รประพฤติปฏิบัติเพียงใด รือไม่ โดยคานึงถึงตาแ น่ง น้าที่ท่ีผู้นั้นดารงอยู่ ่าอยู่
ในฐานะทค่ี รไดร้ บั การยกยอ่ ง รรเ รญิ รือเปน็ ท่ี นบั ถือของประชาชนเพียงใด
ทั้งนี้ การกระทาตาม รรค นึ่ง ถ้าเปน็ การกระทาโดยมุ่ง ังใ ้ไดร้ บั แต่งตงั้ ใ ้ดารง
ตาแ น่ง รือ ทิ ยฐานะใดโดยไม่ชอบด้ ยกฎ มาย เปน็ ค ามผิด นิ ยั อยา่ งรา้ ยแรง
มาตรา 90 รรค อง เป็นค ามผดิ ินยั อยา่ งร้ายแรง มอี งค์ประกอบค ามผดิ ดงั น้ี
1. มีตาแ น่ง น้าท่รี าชการ
2. กระทาการ าประโยชนด์ ้ ยตนเอง รอื ยอมใ ้ผอู้ น่ื าประโยชน์โดยอา ัยชือ่ ของ
ตนเองโดยมิชอบ
3. การ าประโยชน์จะมีผลกระทบเปน็ การเ ่อื มเ ยี ตอ่ ค ามเทย่ี งธรรม รือเกียรติ
กั ดิ์ในตาแ นง่ น้าทีร่ าชการของตน
4. การกระทาเพื่อ าประโยชนอ์ นั มจี ุดมุ่ง มายอยา่ งใดอย่าง นึ่ง ดังต่อไปนี้
17
4.1 เปน็ การซ้ือขาย เพ่อื ใ ไ้ ดร้ ับแต่งตงั้ ใ ้ดารงตาแ นง่ รือ ิทยฐานะใดโดยไม่
ชอบด้ ยกฎ มาย
4.2 เป็นการใ ้ รือได้มาซง่ึ ทรัพย์ นิ รือ ทิ ธปิ ระโยชน์อ่ืน เพ่ือใ ้ตนเอง รือ
ผ้อู นื่ ไดร้ บั การบรรจุและแต่งต้งั โดยมิชอบ รือเ ื่อมเ ยี ค ามเทีย่ งธรรม
มาตรา 91 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้องไม่คัดลอก รือลอกเลียนผลงาน
ทาง ิชาการของผู้อื่นโดยมิชอบ รือนาเอาผลงานทาง ิชาการของผู้อื่น รือจ้าง าน ใช้ผู้อ่ืน
ทาผลงานทาง ิชาการเพื่อไปใช้ในการเ นอขอปรับปรุงการกา นดตาแ น่ง การเล่ือนตาแ น่ง
การเลื่อน ิทยฐานะ รือการใ ้ได้รับเงินเดือนในระดับที่ ูงขึ้น การฝ่าฝืน ลักการดังกล่า นี้
เปน็ ค ามผิด ินัยอย่างรา้ ยแรง
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าที่ร่ มดาเนินการคัดลอก รือลอกเลียนผลงาน
ของผู้อื่นโดยมิชอบ รือรับจัดทาผลงานทาง ิชาการไม่ ่าจะมีค่าตอบแทน รือไม่ เพ่ือใ ้ผู้อ่ืน
นาผลงานน้ันไปใช้ประโยชนใ์ นการดาเนนิ การตาม รรค นึง่ เปน็ ค ามผดิ นิ ยั อย่างร้ายแรง
มาตรา 91 รรค น่งึ เปน็ ค ามผิด นิ ัยอย่างรา้ ยแรง มอี งค์ประกอบค ามผิด ดังน้ี
1. กระทาการอย่าง นึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
1.1 คัดลอก รือลอกเลียนผลงานทาง ิชาการของผู้อ่ืนโดยมิชอบ อันมีเจตนาใ ้
บคุ คลอ่ืน เขา้ ใจ า่ ผลงานนนั้ ตนกระทาขน้ึ ด้ ยตนเอง โดยมพี ฤติกรรม ดงั นี้
- คัดลอก รอื ลอกเลียนเพ่ือนามาใช้ใน ่ นทีเ่ ปน็ าระ าคัญของผลงานตนเอง
- คัดลอก รอื ลอกเลียนโดยมี ดั ่ นเกนิ ก า่ ร้อยละ 50 ของผลงานตนเอง
- คัดลอก รอื ลอกเลยี นโดยมิได้มีการอ้างองิ ตาม ธิ กี าร รอื แบบแผน ซ่งึ ยอมรบั กนั
ท่ั ไป
1.2 นาเอาผลงานทาง ชิ าการของผู้อื่นมาอ้างเป็นของตนเอง รือนาไปใช้ในนาม
ของตนเอง 1.3 จา้ ง รอื าน รอื ใช้ผ้อู ่ืนจดั ทาผลงานทาง ิชาการ
2. เป็นการกระทาโดยมจี ดุ มุ่ง มายเพ่ือนาผลงานมาเ นอขอมี รอื เลื่อน ิทยฐานะ
การเลือ่ นตาแ น่ง รือการได้รบั เงนิ เดอื น งู ข้ึน
คัดลอก มายถงึ ถ่ายทอด รือดาเนินการลอก รือนาเอาผลงานทีเ่ ป็นลายลกั ณ์
อัก ร เป็นคาต่อคา รือโดยถ่าย าเนาด้ ยเครื่องมืออเิ ลคทรอนิก ์ นาเอาผลงานของผู้อ่ืนมาเปน็ ของ
ตนเอง
ลอกเลยี น มายถึง การนาข้อค าม คาพดู ข้อเขียน ผลการคดิ คน้ ท่ีมีอยูแ่ ล้ มาทา
ขึ้นใ ม่
จา้ ง มายถงึ การตกลงใ ้บุคคลอีกคน น่งึ รบั ทาของ รอื กระทาการอย่างใดอยา่ ง
นึง่ ใ ้ โดยมีคา่ ตอบแทน
าน มายถงึ ขอใ ้ช่ ยทา
ใช้ มายถึง มอบ มาย รือออกคา ่ังใ ้กระทาการ
18
มาตรา 91 รรค อง เป็นค ามผดิ นิ ัยอยา่ งรา้ ยแรง มีองคป์ ระกอบค ามผดิ ดงั น้ี
1. ร่ มกระทาการคัดลอก รือลอกเลยี นผลงานทาง ิชาการของผู้อื่นโดยมิชอบ
2. รบั จดั ทาผลงานทาง ิชาการเพือ่ ผู้อืน่ ไม่ ่าจะมีค่าตอบแทน รอื ไม่
3. เพื่อใ ้ผ้อู ื่นนาผลงานทลี่ อกเลียน รอื คดั ลอก รือรบั จดั ทานัน้ ไปใชต้ ามค ามม่งุ
มาย ทกี่ า นดตาม รรค น่ึง
มาตรา 92 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้องไม่เป็นกรรมการผู้จัดการ รือ
ผจู้ ดั การ รือดารงตาแ นง่ อืน่ ใดท่ีมีลัก ณะงานคลา้ ยคลึงกันนั้นใน ้าง ุ้น ่ น รือบริ ัท
มาตรา 92 เป็นค ามผิด นิ ัยไม่ร้ายแรง มีองคป์ ระกอบค ามผดิ ดงั น้ี
1. เปน็ กรรมการผจู้ ดั การ รือผู้จดั การใน ้าง นุ้ ่ น รือบริ ทั
2. ดารงตาแ น่งอน่ื ใดที่มีลัก ณะงานคล้ายคลงึ กันใน ้าง ุ้น ่ น รือบริ ัท
3. มี ่ นในการกระทา รือตัด ินใจใน า้ ง นุ้ ่ น รือบริ ัท
การพิจารณา ่าตาแ น่งใดที่มีลัก ณะงานคล้ายคลึงกันกับตาแ น่งกรรมการ
ผู้จัดการ รือผู้จัดการใน า้ ง ้นุ ่ น รือบริ ัทน้นั เป็นเร่ืองท่ีต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆไป
ตั กระทาการใน า้ ง ุ้น ่ น รือบริ ทั มายถึง กรรมการผ้จู ดั การ รือผูจ้ ดั การ
ผดู้ ารงตาแ นง่ อนื่ ใดท่มี ีลัก ณะงานคลา้ ยคลงึ กนั มายถงึ กรรมการอาน ยการ
รอื ผ้อู าน ยการ
ตามมาตรา 92 นี้ไม่ต้อง ้ามการเป็นกรรมการบริ าร รือเป็นประธานกรรมการ
ุน้ ่ น ผู้ถอื นุ้ รอื ทป่ี รกึ าใน ้าง ุ้น ่ น รือบริ ัท เ ้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริง ่าข้าราชการท่ี
เข้าไปดารงตาแ น่งได้เข้าไป “จัดการ” รือเป็น“ตั กระทาการ” ใน ้าง ุ้น ่ น รือบริ ัทโดยตรง
จึงจะต้อง ้าม ซึ่งจะต้องพิจารณาจาก ลักฐานการจดทะเบียนและ นัง ือบริคณ ์ นธิ ้าง ุ้น ่ น
รือบริ ทั แล้ แตก่ รณี
อนง่ึ การเปน็ ผจู้ ัดการมลู นธิ ไิ ม่เขา้ ข้อ า้ มตามมาตราน้ี
มาตรา 93 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้อง างตนเป็นกลางทางการเมืองใน
การปฏบิ ตั ิ น้าที่และในการปฏบิ ัติการอื่นท่ีเก่ีย ข้องกับประชาชน โดยต้องไม่อา ัยอานาจและ น้าที่
ราชการของตนแ ดงการฝกั ใฝุ ่งเ รมิ เกอ้ื กูล นับ นนุ บคุ คล กลมุ่ บุคคล รือพรรคการเมืองใด
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้องไม่เข้าไปเกี่ย ข้องกับการดาเนินการใด ๆ
อันมลี ัก ณะเป็นการทุจริตโดยการซ้ือ ิทธิ รือขายเ ียงในการเลือกตั้ง มาชิกรัฐ ภา มาชิก ภา
ท้องถิ่น ผู้บริ ารท้องถิ่น รือการเลือกตั้งอื่นที่มีลัก ณะเป็นการ ่งเ ริมการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตย ร มทั้งจะต้องไม่ใ ้การ ่งเ ริม นับ นุน รือชักจูงใ ้ผู้อ่ืนกระทาการในลัก ณะ
เดีย กัน การดาเนนิ การทฝ่ี ่าฝืน ลักการดงั กลา่ น้ี เปน็ ค ามผิด ินยั อย่างรา้ ยแรง
การ างตนเป็นกลางทางการเมืองตามมาตราน้ีน้ัน มายค ามเฉพาะในการปฏิบัติ
นา้ ทร่ี าชการ และในการปฏิบตั ิการอ่ืนทเ่ี ก่ีย ขอ้ งกบั ประชาชนเท่าน้นั ดังนน้ั ในการปฏิบัติราชการท่ี
เกี่ย เนื่องกับการเมือง ข้าราชการจะอาน ยค าม ะด กแก่พรรคการเมือง พรรค น่ึงพรรคใดเป็น
19
พิเ ไม่ได้ รือจะชักช นใ ้ประชาชน นับ นุนพรรคการเมืองพรรคใดพรรค นึ่งโดยเฉพาะก็ทา
ไม่ได้ ในทาง ่ นตั ข้าราชการจะนิยมชมชอบ รือเป็น มาชิกพรรคการเมืองใดก็ใด แต่ ้ามการเป็น
กรรมการบริ ารพรรคการเมือง และเจ้า น้าท่ีพรรคการเมือง นอกจากนี้ มาตราน้ียัง ้ามมิใ ้
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าเข้าไปเกี่ย ข้องกับการดาเนินการอันเป็นการทุจริตในการ
เลือกตง้ั ท่ีมีลกั ณะเป็นการ ง่ เ ริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอีกด้ ย
ตามมาตรา 93 รรค นงึ่ เป็นค ามผิด นิ ยั ไมร่ ้ายแรง มอี งคป์ ระกอบค ามผิด ดังนี้
1. ไม่ างตั เป็นกลางในการปฏิบัติราชการตาม นา้ ที่
2. ไม่ างตั เป็นกลางในการปฏิบัติ น้าท่ีท่ีได้รับมอบ มายโดยเฉพาะเจาะจงเป็น
พเิ และเป็นการปฏบิ ัตงิ านทีม่ คี ามเก่ยี ข้องกบั ประชาชน
3. ปฏิบัติ น้าที่ราชการโดยอา ัยอานาจ น้าที่ของตนอันมีลัก ณะของการกระทา
ลายอย่างดงั ต่อไปนี้
3.1 แ ดงออกใ เ้ ็นถงึ การที่ตนเองมคี ามฝักใฝุทางการเมืองในบุคคล รอื
กลุม่ บุคคลทดี่ าเนนิ กจิ กรรมทางการเมือง รือพรรคการเมืองใด
3.2 ใ ้การ ่งเ รมิ เก้ือกลู นับ นุนแก่บุคคล รือกลุ่มบุคคลท่ดี าเนินกจิ กรรม
ทางการเมือง รือพรรคการเมือง
ตามมาตรา 93 รรค อง เป็นค ามผดิ นิ ัยออย่างร้ายแรง มอี งค์ประกอบค ามผิด
ดังนี้
1. ดาเนินการ รือเข้าไปเก่ีย ข้องกับการดาเนินการเลือกต้ังการอันมีลัก ณะเป็น
การทจุ ริตในการเลอื กตัง้ มาชิกรัฐ ภา มาชิก ภาท้องถ่ิน ผู้บริ ารท้องถิ่น รือการเลือกตั้งอื่นท่ีมี
ลัก ณะเป็นการ ง่ เ ริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
2. ดาเนินการใด ๆ ท่ีเป็นการ ่งเ ริม รือ นับ นุน รือชักจูงใ ้ผู้อ่ืนทุจริตในการ
เลือกตง้ั มาชิก รัฐ ภา มาชิก ภาท้องถ่ิน ผู้บริ ารท้องถิ่น รือการเลือกตั้งอ่ืนท่ีมีลัก ณะเป็นการ
่งเ รมิ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
3. กระทาการทจุ ริตในการเลอื กตั้งโดยการซื้อ ิทธิ รือการขายเ ยี ง
มาตรา 94 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้องรัก าช่ือเ ียงของตนและรัก า
เกียรติ ักดิ์ของตาแ น่ง น้าท่ีราชการของตนมิใ ้เ ื่อมเ ียโดยไม่กระทาการใดๆอันได้ช่ือ ่าเป็น
ผูป้ ระพฤติช่ั
การกระทาค ามผดิ อาญาจนได้รบั โท จาคกุ รอื โท ท่ี นกั ก ่าจาคุกโดยคาพิพาก าถึง
ท่ี ุดใ ้จาคุก รือใ ้รับโท ที่ นักก ่าจาคุก เ ้นแต่เป็นโท า รับค ามผิดที่ได้กระทาโดย
ประมาท รือค ามผิดล ุโท รือกระทาการอื่นใดอันได้ช่ือ ่าเป็นผู้ประพฤติช่ั อย่างร้ายแรง
เป็นค ามผิด นิ ยั อยา่ งรา้ ยแรง
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าที่เ พยาเ พติด รือ นับ นุนใ ้ผู้อื่นเ พยา
เ พตดิ เลน่ การพนันเปน็ อาจณิ รือกระทาการล่ งละเมิดทางเพ ตอ่ ผู้เรยี น รือนกั ึก า ไม่ ่าจะ
อยู่ในค ามดูแลรบั ผิดชอบของตน รือไม่ เป็นค ามผดิ นิ ยั อยา่ งร้ายแรง
20
ประพฤติช่ั มายถึง การกระทาใด ๆ อันเป็นการเ ่ือมเ ียต่อช่ือเ ียงของตนเอง
รอื เ ื่อม ต่อเกยี รติ กั ด์แิ ง่ ตาแ น่ง น้าทร่ี าชการของตนเอง
เร่ืองการประพฤติชั่ เป็นการพิจารณาถึงพฤติการณ์การกระทาและค ามรู้ ึกของ
ังคมที่จะตอ้ งพิจารณารายละเอยี ด ข้อเทจ็ จรงิ และพฤตกิ ารณ์เปน็ เร่ืองๆ ไป ่ามีผลกระทบต่อเกียรติ
ักดิ์ของตาแ น่ง ค ามรู้ ึกของ ังคม รือไม่ โดยไม่จากัด ่าจะทาในตาแ น่ง น้าท่ีราชการ รือ
กระทาในฐานะ ่ นตั ากกระทบมาก ก็เป็นค ามผิด ินยั อย่างรา้ ยแรง
มาตรา 94 รรค น่ึงเป็นค ามผดิ ินยั ไมร่ ้ายแรง มอี งค์ประกอบค ามผิด ดงั นี้
1. ไมร่ ัก าชอ่ื เ ียงของตน
2. ไม่รกั าเกยี รติ กั ดิ์ของตาแ น่ง นา้ ทีร่ าชการของตน
3. กระทาการใดๆ อันไดช้ อื่ ่าเป็นผ้ปู ระพฤตชิ ั่
การที่จะพจิ ารณา ่าประพฤติช่ั นั้นต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แ ่ง
การกระทาเป็นรายกรณไี ป โดยมีองค์ประกอบ 3 ประการคอื
1. เกียรติ ักดิ์ของตาแ น่ง น้าที่ราชการ มายถึงฐานะท่ีได้รับการยกย่อง รรเ ริญ
ตามตาแ นง่ น้าท่ี รือเปน็ ที่นบั ถอื ของประชาชน
2. ค ามรู้ ึกของ ังคม เป็นการกระทาที่ ังคมรังเกียจ โดยพิจารณาจากค ามรู้ ึก
ของประชาชนท่ั ไป รือของทางราชการ ่ามีค ามรังเกียจต่อการกระทาน้ัน ๆ รือไม่ เพียงใด
ซ่ึงค ามรู้ ึกรงั เกยี จของ ังคมอาจเปลย่ี นไปตามกาลเ ลาได้
3. เจตนาทีก่ ระทา ต้องเป็นการกระทาโดยเจตนา โดยพิจารณาจากเจตนาที่แท้จริง
า่ ผ้กู ระทารู้ านึกในการกระทาและประ งคต์ ่อผล รือยอ่ มเลง็ เ น็ ผลของการกระทาน้ัน รือไม่ เช่น
ขับรถชนคนโดยประมาท ถูก าลพิพาก าลงโท จาคุก 1 ปี โท จาคุกใ ้รอการลงโท ไ ้มีกา นด
2 ปี กรณีเช่นนจ้ี ะถอื า่ เปน็ การประพฤตชิ ่ั รือไม่นั้นคงไม่ได้พิจารณาท่ีผลคือการได้รับโท ถานใด
เพียงประการเดยี แต่ต้องพิจารณาท่เี ตุของการกระทาผิดเป็น าคญั ากไม่ปรากฏ ่าเกิดจากค าม
มนึ เมาในขณะขับรถ รอื เกดิ จากการฝาุ ฝนื กฎจราจร กไ็ มเ่ ป็นการประพฤตชิ ่ั เพราะกระทาไปโดยไม่มี
เจตนามุ่งร้ายต่อ ่ นตั แต่ถ้าปรากฏข้อเท็จจริง ่าได้กระทาค ามผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็น
อาจิณ อันเป็นการทาใ ้เ ่ือมเ ียเกียรติ ักดิ์ของตาแ น่ง น้าท่ีราชการ ก็อาจปรับเป็นค ามผิดฐาน
ประพฤติชั่ ได้
มาตรา 94 รรค อง เปน็ ค ามผดิ นิ ยั อย่างร้ายแรง โดยแยกค ามผิดไ ้ 2 ฐาน
1. กรณีท่ีข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก ากระทาค ามผิดอาญาจนได้รับ
โท จาคุกโดยคาพิพาก าถึงที่ ุดใ ้จาคุก รือโท ที่ นักก ่าจาคุก ซึ่งไม่ใช่ค ามผิดท่ีได้กระทาโดย
ประมาทโท รือ ล ุโท
2. กรณกี ระทาค ามผิด อันไดช้ อ่ื า่ เปน็ ผปู้ ระพฤตชิ ่ั อย่างรา้ ยแรง
กรณแี รกพจิ ารณาองคป์ ระกอบค ามผดิ ไดด้ งั นี้
1. กระทาค ามผิดอาญาจนได้รับโท จาคุก โดยคาพิพาก าถึงที่ ุดใ ้จาคุก รือ
โท ที่ นักก ่าจาคกุ (โท ประ ารชี ติ ) ซ่ึงต้องถกู จาคกุ จริงๆ
2. ตอ้ งเป็นคาพพิ าก าถงึ ที่ ุด
3. ไม่ใช่ค ามผิดทีไ่ ด้กระทาโดยประมาท รอื ค ามผิดล โุ ท
21
กรณีต้องรับโท จาคุกโดยคาพิพาก าถึงท่ี ุดใ ้จาคุกในค ามผิดท่ีได้กระทา รือ
ค ามผิด ล ุโท ซ่ึงค ามผิดยังไม่ถึงกับต้องถูกลงโท ปลดออก รือไล่ออก ผู้บังคับบัญชาอาจ ั่งใ ้
จากราชการเพอื่ รบั บาเ น็จบานาญเ ตุทดแทน ตามมาตรา 113 ได้
กรณีท่ี องพิจารณาองค์ประกอบค ามผิดได้ เช่นเดีย กับ รรค น่ึง ที่กล่า มา
ขา้ งตน้
1) เกยี รตขิ องตาแ น่งข้าราชการ (ดจู ากตาแ นง่ น้าท่ีค ามรบั ผิดชอบ)
2) ค ามรู้ กึ ของ ังคมและ
3) เจตนาในการกระทา
มาตรา 94 รรค าม เปน็ ค ามผิด ินัยย่างร้ายแรง มีองค์ประกอบค ามผดิ ดังน้ี
1. เ พยาเ พตดิ รือ นบั นุนใ ผ้ อู้ นื่ เ พยาเ พตดิ
2. เลน่ การพนันเป็นอาจณิ
3. กระทาการล่ งละเมดิ ทางเพ ตอ่ ผู้เรียน รือนกั ึก า
ล่ งละเมิดทางเพ มายถึงพฤติกรรมที่ละเมิด ิทธิของผู้อื่นในเรื่องเพ การล่ ง
ละเมิดไม่ า่ จะเปน็ ทางกาย การกระทาทาง าจา และการใช้ท่าทีในทางเพ ที่ไม่เ มาะ ม ร มไปจนถึง
การบงั คับใ ้มเี พ มั พนั ธ์ รอื การขม่ ขนื
การกระทาล่ งละเมิดทางเพ นี้มิได้จากัด ่าต้องกระทาต่อบุคคลต่างเพ กันเท่าน้ัน
การพิจารณา ่าเป็นการล่ งละเมิดทางเพ รือไม่จะต้องดูจากเจตนาของผู้กระทาเป็น าคัญ ่ามี
ค ามคิดเจตนาทีเ่ ปน็ อกุ ลจิตทางเพ รอื ไม่ ตอ้ งดเู จตนาของผกู้ ระทาและพฤตกิ รรมประกอบด้ ย
การล่ งละเมิดทางเพ ตอ่ ผ้อู ื่น โดยเฉพาะกระทาตอ่ ิ ย์ ผูเ้ รยี น รือนัก ึก าไม่ ่าจะ
อย่ใู นค ามดแู ลรับผดิ ชอบของตน รอื ไม่ ถือเป็นการกระทาท่ีอันตรายร้ายแรงแก่ร่างกาย รือจิตใจของ
ผเู้ รยี นและเป็นการเ ่ือมเ ยี รอื เ ีย ายร้ายแรงแกค่ ามเปน็ ครู
มาตรา 95 ใ ผ้ ูบ้ ังคับบัญชามี นา้ ทเี่ รมิ ร้างและพัฒนาใ ้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามี ินัยปูองกัน
มิใ ้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทาผิด ินัย และดาเนินการทาง ินัยแก่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาซึ่งมีกรณีอันมี
มลู ทคี่ รกล่า า ่ากระทาผดิ นิ ยั
การเ ริม ร้างและพัฒนาใ ้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามี ินัยใ ้กระทาโดยการปฏิบัติตนเป็น
แบบอย่างที่ดี การฝึกอบรม การ ร้างข ัญและกาลังใจ การจูงใจ รือการอ่ืนใดในอันท่ีจะเ ริม ร้าง
และพัฒนาเจตคติ จติ านกึ และพฤติกรรมของผอู้ ยู่ใต้บังคบั บัญชาใ ้เปน็ ไปในทางท่ีมี นิ ยั
การปูองกันมิใ ้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทาผิด ินัย ใ ้กระทาโดยการเอาใจใ ่ ังเกตการณ์
และขจัดเ ตทุ อี่ าจก่อใ เ้ กดิ การกระทาผดิ ินยั ในเรือ่ งอนั อยู่ใน ิ ยั ทจ่ี ะดาเนินการปูองกันตามค รแก่
กรณไี ด้
เม่อื ปรากฏกรณมี ีมลู ท่คี รกล่า า ่าข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการ กึ าผู้ใดกระทา
ผดิ ินยั โดยมพี ยาน ลักฐานในเบื้องต้นอยแู่ ล้ ใ ้ผู้บังคับบัญชาดาเนนิ การทาง ินยั ทนั ที
22
เมอื่ มีการกล่า าโดยปรากฏตั ผกู้ ลา่ า รือกรณเี ป็นที่ ง ยั า่ ข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการ ึก าผู้ใดกระทาผิด ินัยโดยยังไม่มีพยาน ลักฐาน ใ ้ผู้บังคับบัญชารีบดาเนินการ
ืบ น รือพิจารณาในเบื้องต้น ่ากรณีมีมูลท่ีค รกล่า า ่าผู้นั้นกระทาผิด ินัย รือไม่ ถ้าเ ็น ่า
กรณีไม่มีมูลที่ค รกล่า า ่ากระทาผิด ินัยจึงจะยุติเรื่องได้ ถ้าเ ็น ่ากรณีมีมูล ท่ีค รกล่า า ่า
กระทาผิด นิ ัยก็ใ ้ดาเนนิ การทาง ินัยทนั ที
การดาเนินการทาง ินัยแก่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาซ่ึงมีกรณีอันมีมูลท่ีค รกล่า า ่า
กระทาผิด ินยั ใ ้ดาเนินการตามที่บัญญตั ิไ ้ใน ม ด 7
ผู้บังคับบัญชาผู้ใดละเลยไม่ปฏิบัติ น้าที่ตามมาตราน้ีและตาม ม ด 7 รือมี
พฤตกิ รรมปกปูอง ช่ ยเ ลอื เพอื่ มใิ ้ผูอ้ ยูใ่ ตบ้ งั คับบญั ชาถูกลงโท ทาง ินัย รือปฏิบัติ น้าท่ีดังกล่า
โดยไม่ ุจริตใ ้ถือ ่าผู้นัน้ กระทาผดิ นิ ัย
มาตรา 95 รรค น่ึงกา นด น้าท่ีของผบู้ งั คับบัญชาในการบริ ารงานบคุ คลดา้ น
นิ ัยไ ้ 3 ประการ ดงั น้ี
1. เ ริม ร้างและพฒั นาใ ้ผู้อยใู่ ต้บงั คับบญั ชามี ินัย
2. ปอู งกันมิใ ้ผู้อย่ใู ตบ้ งั คับบัญชากระทาผดิ ินยั
3. ดาเนนิ การทาง ินยั แกผ่ ู้อย่ใู ต้บงั คบั บญั ชาทกี่ ระทาผิด ินัย
ทั้งนี้ถ้าผู้บังคับบัญชาผู้ใดไม่ปฏิบัติ น้าที่ดังกล่า รือปฏิบัติโดยไม่ ุจริตผู้นั้นจะมี
ค ามผดิ ทาง ินัย
มาตรา 95 รรค อง กา นด ิธีเ ริม ร้างและพัฒนาใ ้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามี แน ทาง
ดงั น้ี
1. ผ้บู งั คับบญั ชาต้องปฏบิ ัติตนเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ีของผู้อยู่ใต้บังคับบญั ชาในการรัก า ินัย
2. ฝกึ อบรมผู้อยใู่ ต้บังคบั บญั ชาใ ม้ ี นิ ยั
3. ร้างข ัญและกาลังใจใ ้ผู้อย่ใู ต้บังคับบญั ชามี นิ ัย
4. จงู ใจใ ผ้ ้อู ย่ใู ต้บงั คับบัญชามี นิ ัย
5. ดาเนินการอย่างอื่นใดท่ีจะเ ริม ร้างและพัฒนาทั นคติ จิต านึก และพฤติกรรม
ของผอู้ ย่ใู ตบ้ งั คบั บัญชาใ เ้ ปน็ ไปในทางทมี่ ี นิ ัย
มาตรา 95 รรค าม การปูองกันมิใ ้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทาผิด ินัยน้ัน มีแน ทาง
ดังนี้
1. เอาใจใ ่ ังเกตการณ์ ่าจะมีเ ตุอันอาจก่อใ ้เกิดการกระทาผิด ินัยอย่างใดขึ้น
บ้าง รือไม่
2. ขจัดเ ตทุ ี่อาจก่อใ ้เกิดการกระทาผิด นิ ยั
มาตรา 95 รรค ี่และ รรค ้า กา นด ธิ ดี าเนนิ การก่อนดาเนินการทาง ินยั ไ ้ ดังน้ี
1. ถา้ มีมูล า่ ผู้อยู่ใต้บังคบั บญั ชาผู้ใดกระทาผิด ินยั โดยมีพยาน ลกั ฐานในเบ้ืองตน้
อยู่แล้ ใ ้ดาเนนิ การทาง ินยั ทนั ที ( รรค ี)่
2. ถา้ มีผกู้ ล่า าโดยต้องปรากฏตั ผู้กล่า า รือผู้บังคับบัญชา ง ัย ่าผู้อยู่ใต้บังคับ
บัญชา ผู้ใดกระทาผิด ินัย โดยยังไม่มีพยาน ลักฐาน ผู้บังคับบัญชาต้องรีบ ืบ น รือพิจารณา ่ากรณี
มีมูลที่ค รกล่า า รือไม่ ถ้าไม่มีมูลกย็ ุตเิ รื่องได้ ถา้ มมี ลู กใ็ ้ดาเนนิ การทาง นิ ัยทนั ที ( รรค า้ )
23
า รับการดาเนินการทาง ินัย ถ้ามีการกล่า า ่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทาผิด
ินัยผู้บังคับบัญชาจะต้องรีบ ืบ น รือพิจารณา ่ากรณีมีมูลท่ีค รกล่า า รือไม่ ถ้า ืบ น รือ
พิจารณาแล้ เ ็น ่าไม่มีมูล จึงจะยุติเร่ืองได้ท้ังน้ี เพื่อปูองกันมิใ ้ข้าราชการเ ียช่ือเ ียง รือเ ีย ิทธิ
ประโยชน์ อยา่ งไรก็ดี กรณีทีม่ ผี ู้กล่า าทผี่ ู้บงั คับบัญชาต้อง ืบ น รอื พจิ ารณาดังกล่า น้ัน มายถึง
การกลา่ าโดยปรากฏตั ผู้กล่า าเท่านน้ั ถ้าเป็นบตั ร นเท่ ์ก็ไม่จาตอ้ งดาเนินการดงั กล่า
มาตรา 95 รรค ก การดาเนินการทาง ินัย กรณีมีมูลท่ีค รกล่า า ่ากระทาผิด
นิ ัยกฎ มายกา นด ธิ ดี าเนนิ การไ ้ตาม ม ด 7 (มาตรา98ถึงมาตรา106)
มาตรา 95 รรคเจด็ กา นดเป็นค ามผิด ินัยไม่ร้ายแรง กรณีผู้บังคับบัญชาละเลย
ไม่ปฏิบัติ ตามมาตรานี้ รือ ม ด 7 รือมีเจตนาปกปูองช่ ยเ ลือผู้ใต้บังคับบัญชามิใ ้ถูกลงโท
ซง่ึ มอี งคป์ ระกอบค ามผดิ น้ี
1. เปน็ ผู้บงั คับบัญชา
2. ไม่ดาเนนิ การทาง นิ ัยทันทเี มอ่ื มีพยาน ลักฐานเบ้ืองต้นอันมมี ลู า่ กระทาผิด ินยั
3. ปกปูองช่ ยเ ลอื ผอู้ ยู่ใต้บังคบั บญั ชา
4. ดาเนินการโดยไม่ ุจริต
มาตรา 96 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าผู้ใดฝุาฝืนข้อ ้าม รือไม่ปฏิบัติตาม
ขอ้ ปฏบิ ตั ทิ าง ินัยตามทีบ่ ญั ญัตไิ ใ้ น ม ดน้ี รือ ม ด 7 ผู้นั้นเป็นผู้กระทาผิด ินัยจักต้องได้รับโท
ทาง ินยั เ ้นแต่ มเี ตุอันค รงดโท ตามทบ่ี ญั ญัติไ ้ใน ม ด 7
โท ทาง ินัยมี 5 ถาน คอื
1. ภาคทณั ฑ์
2. ตดั เงินเดือน
3. ลดเงนิ เดือน
4.ปลดออก
5. ไล่ออก
ผู้ใดถูกลงโท ปลดออก ใ ้ผู้น้ันมี ิทธิได้รับบาเ น็จบานาญเ มือน ่าเป็นผู้ลาออกจาก
ราชการ
โท ภาคทัณฑ์ตดั เงินเดือน ลดเงินเดอื น ใช้ า รับกรณีค ามผดิ ินยั ไมร่ า้ ยแรง
โท ปลดออก และโท ไล่ออกจากราชการ ใช้ า รับกรณีค ามผิด ินัยอย่างร้ายแรง
ผู้ถูกลงโท ปลดออกจากราชการ มี ิทธิได้รับเงินบาเ น็จ บานาญตามกฎ มาย ่าด้ ยบาเ น็จ
บานาญเ มือน า่ เป็นผูล้ าออกจากราชการ
มาตรา 97 การลงโท ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า ใ ้ทาเป็นคา ั่ง ิธีการออก
คา ั่งเกี่ย กับการลงโท ใ ้เป็นไปตามระเบียบของ ก.ค. . ผู้ ่ังลงโท ต้อง ั่งลงโท ใ ้เ มาะ มกับ
ค ามผิด และมิใ ้เป็นไปโดยพยาบาท โดยอคติ รือโดยโท ะจริต รือลงโท ผู้ที่ไม่มีค ามผิด
ในคา ่ังลงโท ใ ้แ ดง ่า ผู้ถูกลงโท กระทาค ามผิด ินัยในกรณีใด ตามมาตราใด และมีเ ตุผล
อย่างใดในการกา นด ถานโท เชน่ น้นั
24
การกา นด ิธีการลงโท ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าต้องมีรายละเอียด
ดังน้ี
1. ทาเป็นคา งั่
2. ธิ กี ารออกคา ั่ง เปน็ ไปตามระเบยี บก.ค. . ่าด้ ย ิธีการออกคา ัง่ เก่ีย กบั การ
ลงโท ทาง นิ ัยข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการ ึก า พ. .2548
3. ต้อง ัง่ ลงโท ใ ้เ มาะ มกบั ค ามผิด
4. ต้องไมเ่ ป็นการลงโท โดยพยาบาท อคติ รือโดยโท ะจริต รอื ลงโท ผทู้ ่ไี มม่ ี
ค ามผดิ
5. คา ่งั ลงโท ใ ร้ ะบุ า่ กระทาผิด ินัยในกรณีใด เป็นค ามผดิ ตามมาตราใด การกระทา
ตอ้ งครบองค์ประกอบที่นามาปรับบทค ามผิด
6. เ ตุผลในการกา นดโท โดยเ ตุผลอยา่ งน้อยตอ้ งประกอบด้ ยข้อเท็จจริงอนั
เป็น าระ าคญั ข้อกฎ มายทย่ี กข้นึ อา้ งอิง ข้อพิจารณาและ นับ นนุ การใช้ดุลยพินิจ
ท้งั น้ี คา ่ังลงโท ทาง นิ ยั เป็นคา ง่ั ทางปกครองจึงต้องกา นดระยะเ ลาอุทธรณ์
และ ิทธใิ นการอุทธรณ์ไ ด้ ้ ย
บทท่ี 3
ข้นั ตอนการดาเนินการทาง นิ ัย
การดาเนินการทาง ินยั
การดาเนินการทาง ินัย มายถึง กระบ นการและขั้นตอนการดาเนินการในการลงโท
ข้าราชการ ซงึ่ เปน็ กระบ นการตามกฎ มายท่ีจะต้องกระทาเมื่อข้าราชการมีกรณีถูกกล่า า ่ากระทา
ผิด ินัย ซึ่งเป็นข้ันตอนท่ีมีลาดับก่อน ลังต่อเน่ืองกัน ได้แก่ การต้ังเรื่องกล่า า การแจ้งข้อกล่า า
การ ืบ น รือการ อบ น การพจิ ารณาค ามผิดและกา นดโท การลงโท ร มถึงการดาเนินการต่างๆ
ในระ ่างการ อบ นพิจารณา เชน่ การ ่ังพกั การ ่งั ใ ้ออกจากราชการไ ก้ ่อน
เนื่องจากคา ั่งลงโท ทาง ินัยเป็นคา ั่งทางปกครอง ขั้นตอนการดาเนินการและการใช้
ดุลพินิจ กา นดโท ทาง ินัย จึงต้องเป็นไปตาม ลักค ามชอบด้ ยกฎ มายของการกระทาทาง
ปกครอง
ในการดาเนินการทาง ินัยของข้าราชการครู และบุคลากรทางการ ึก า ตามพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547 นั้น เมื่อมีการกล่า าโดยปรากฏตั
ผู้กล่า า รือกรณีเป็นที่ ง ัย ่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าผู้ใด กระทาผิด ินัย
โดยยังไม่มีพยาน ลักฐาน ผู้บังคับบัญชาต้องดาเนินการ ืบ น รือพิจารณาในเบื้องต้นก่อน ่า กรณี
มีมลู ท่คี รกลา่ า ่าผู้นนั้ กระทาผิด ินยั รอื ไม่ ถา้ ผลของการ บื นปรากฏ ่าเป็นกรณีอันมีมูลที่ค ร
กล่า า ่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าผู้น้ันกระทาผิด ินัย ผู้บังคับบัญชาจึงแต่งต้ัง
คณะกรรมการ อบ นทาง ินยั ต่อไปได้
ขน้ั ตอนการดาเนนิ การทาง ินัย
1. การตัง้ เรือ่ งกลา่ า
การตั้งเรื่องกล่า า เป็นการตั้งเร่ืองดาเนินการทาง ินัยแก่ข้าราชการ เมื่อปรากฏกรณีมีมูล
ท่ีค รกล่า า ่ากระทาผิด ินัย มาตรา 98 แ ่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการ ึก า พ. . 2547 กา นดใ ้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ น เพ่ือดาเนินการ
อบ นใ ้ได้ค ามจริงและค ามยุติธรรมโดยไม่ชักช้า ผู้ตั้งเร่ืองกล่า าคือผู้บังคับบัญชาของ
ผู้ถูกกลา่ า กรณที ่ีเปน็ การกลา่ า ่ากระทาผิด ินยั อย่างร้ายแรงใ ้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอานาจ ่ังบรรจุ
และแต่งตั้งตามมาตรา 53 แ ่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า
พ. . 2547 เป็นผู้มีอานาจ ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ น า รับกรณีท่ีเป็นการกล่า า ่ากระทา
ผิด ินยั ไม่รา้ ยแรง ใ ้ผู้บงั คบั บญั ชาชัน้ ตน้ คอื ผู้อาน ยการ ถาน ึก า แต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าในโรงเรียนได้ทุกคนในฐานะผู้บังคับบัญชา เ ้นแต่กรณีที่เป็น
การช่ ยปฏิบัติราชการ ซ่ึงมีเพียงอานาจการบังคับบัญชา แต่ไม่มีอานาจดาเนินการทาง ินัย รือ
่ังลงโท กรณเี ช่นนี้ตอ้ งรายงานใ ผ้ ู้บงั คับบัญชาต้น งั กดั เป็นผู้ดาเนนิ การ
การต้ังเรื่องกล่า านี้เป็นข้ันตอนที่จาเป็นและต้องดาเนินการท้ังในกรณีท่ีค ามผิด ินัย
รา้ ยแรงและค ามผดิ นิ ยั ไมร่ า้ ยแรง
26
เร่ืองที่กล่า า มายถึง การกระทา รือพฤติการณ์แ ่งการกระทาที่กล่า อ้าง ่า
ผ้ถู กู กล่า า กระทาผดิ ินยั
ข้อกล่า า มายถึง รายละเอียดแ ่งการกระทา รือพฤติการณ์แ ่งการกระทาที่กล่า อ้าง ่า
ผู้ถูกกล่า ากระทาผิด ินัย โดยอธิบาย ่าผู้กกล่า ากระทาอะไร ท่ีไ น เมื่อไร ทาอย่างไร เพื่อใ ้
ผู้ถูกกล่า า รูต้ ั และมีโอกา ชแ้ี จงและนา ืบแก้ข้อกล่า าได้
การต้ังเร่ืองกล่า า มายถึง การตั้งเร่ืองการดาเนินการทาง ินัยแก่ข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการ ึก า เมื่อมีการร้องเรียนกล่า า และผู้บังคับบัญชาได้ดาเนินการ ืบ นพิจารณา
ในเบอ้ื งตน้ ่ากรณมี ีมลู ทีค่ รกลา่ า า่ ผู้น้นั กระทาค ามผิด นิ ัย
การตั้งเรื่องกล่า านี้เป็นขั้นตอนท่ีจาเป็นและต้องดาเนินการท้ังในกรณีที่ค ามผิด ินัย
ร้ายแรงและค ามผิด ินัยไม่ร้ายแรง ในการตั้งเร่ืองกล่า าน้ันมิใช่ฐานค ามผิด แต่เป็นเร่ืองรา รือ
การกระทาทีก่ ลา่ อ้าง า่ ผ้ถู กู กลา่ ากระทาค ามผดิ ฉะน้ันการต้ังเร่ืองกล่า าค รตั้งใ ้ก ้าง เพ่ือใ ้
รู้ ่าผู้ถูกกล่า าทาอะไรท่ีเป็นค ามผิด และไม่ค รระบุฐานค ามผิด รือระบุมาตราค ามผิดไปเป็น
เร่ืองกล่า า เพราะจะทาใ ้เรอื่ งทก่ี ล่า าถูกจากดั ไ ใ้ น งแคบ
2. การแจง้ ข้อกลา่ า
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547 มาตรา 98
บัญญัติ ่า “...ในการ อบ นจะต้องแจ้งข้อกล่า าและ รุปพยาน ลักฐานที่ นับ นุน ข้อกล่า า
เท่าท่ีมีใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบ โดยระบุ รือไม่ระบุช่ือพยานก็ได้ เพื่อใ ้ผู้ถูกกล่า าได้มีโอกา ชี้แจง
และนา ืบแก้ข้อกล่า า” การแจ้งข้อกล่า าใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบจึงเป็น าระ าคัญท่ีกฎ มาย
บัญญตั ิใ ้ตอ้ งปฏิบัติ และการแจง้ ข้อกลา่ าน้ีเปน็ น้าท่ีของคณะกรรมการ อบ นที่จะต้องแจ้งและ
อธบิ ายรายละเอียดของขอ้ กลา่ าทป่ี รากฏตามเรอื่ งท่กี ล่า าใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบ ่าผู้ถูกกล่า าได้
กระทาการใด เมื่อใด อย่างไร ร มทั้งแจ้งใ ้ทราบด้ ย ่าในการ อบ นนี้ ผู้ถูกกล่า ามี ิทธิ
ท่ีจะได้รับแจ้ง รุปพยาน ลักฐานที่ นับ นุนข้อกล่า า และมี ิทธิท่ีจะใ ้ถ้อยคา รือชี้แจงแก้
ข้อกล่า าตลอดจนอ้างพยาน ลักฐาน รือนาพยาน ลักฐานมา ืบแก้ข้อกล่า าได้ การแจ้ง
ข้อกล่า า คือ การทาบันทึกตามแบบ .2 จาน น 2 ฉบับ ใ ้ผู้ถูกกล่า าลงลายมือชื่อรับทราบ
แล้ มอบใ ้ผู้ถูกกล่า า 1 ฉบับ และเก็บไ ้ใน าน นการ อบ นอีก 1 ฉบับ โดยจะต้องดาเนินการ
ภายใน 15 ัน นับแต่ นั ท่ีประธานกรรมการไดร้ ับทราบคา ่งั แต่งตงั้ คณะกรรมการ อบ น
ข้อกล่า าท่ีจะต้องแจ้งและอธิบายใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบน้ัน ต้องอยู่ในขอบเขตของเร่ือง
ท่กี ล่า า โดยอธิบายเรอ่ื งท่ีกล่า าใ ช้ ดั เจนเพ่อื ใ ้ผู้ถูกกล่า า ามารถชแ้ี จงแก้ข้อกล่า าได้ตรงประเด็น
เม่ือแจ้งและอธิบายข้อกล่า าแล้ คณะกรรมการ อบ นจะต้อง อบถามผู้ถูกกล่า า ่า
ได้กระทาการตามท่ีถกู กล่า า รือไม่ อย่างไร
กรณีท่ีผู้ถูกกล่า ารับ ารภาพ ่าได้กระทาการตามท่ีถูกกล่า า ต้องแจ้งใ ้ผู้ถูกกล่า า
ทราบ า่ การกระทาตามทถี่ กู กล่า าเป็นค ามผิด นิ ยั กรณีใด รือเป็นเ ตุใ ้ออกจากราชการ เพ่ือรับ
บาเ น็จบานาญเ ตุทดแทนตามมาตรา 111 รือไม่ ากผู้ถูกกล่า ายืนยันตามท่ีรับ ารภาพใ ้
บันทึกถ้อยคารับ ารภาพ ร มท้ังเ ตุผลในการรับ ารภาพ และ าเ ตุแ ่งการกระทาไ ้ด้ ย ร มทั้ง
พิจารณา ่าจะค ร อบ นต่อไป รือไม่
27
กรณีท่ีผู้ถูกกล่า าปฏิเ ธ คณะกรรมการ อบ นต้องดาเนินการ อบ นร บร ม
พยาน ลักฐานทเ่ี กีย่ ขอ้ งกับข้อกล่า าภายใน 60 ัน นับแต่ ันท่ีแจ้งและอธิบายข้อกล่า า (ข้อ 20
และข้อ 23)
กรณีผู้ถูกกล่า าไม่มารับทราบข้อกล่า า ถ้าผู้ถูกกล่า าไม่มารับทราบข้อกล่า า รือ
มาแต่ไม่ยอมลงลายมือช่ือรับทราบ ข้อกล่า า คณะกรรมการ อบ นต้องทาบันทึกตามแบบ .2
่งทางไปร ณีย์ลงทะเบียนไปยังที่อยู่ของผู้ถูกกล่า า ซึ่งปรากฏตาม ลักฐานของทางราชการพร้อม
ทั้งมี นัง ือ อบถามผถู้ กู กล่า า ่าได้กระทาผิด ินัย รือไม่การแจ้งข้อกล่า าโดย ิธีน้ีต้องทาบันทึก
ตามแบบ .2 เปน็ 3 ฉบับ เก็บไ ้ใน าน นการ อบ น 1 ฉบับ ่งใ ้ผู้ถูกกล่า า 2 ฉบับ เพื่อใ ้
ผู้ถูกกล่า าเก็บไ ้ 1 ฉบับ และใ ้ผู้ถูกกล่า าลงลายมือชื่อและ ันเดือนปีท่ีรับทราบ ่งคืนมา
1 ฉบับ ในกรณีเช่นน้ีเม่ือล่ งพ้น 15 ัน นับแต่ ันดาเนินการดังกล่า แม้ไม่ได้รับแบบ .2 คืนมา
ก็ถือ ่าผูถ้ ูกกล่า ารบั ทราบแล้
3. การ บื น รอื การ อบ น
การ บื น
การ ืบ น มายถึง การแ ง าข้อเท็จจริงและพยาน ลักฐานเบ้ืองต้นในมูลกรณีที่มี
การกล่า า รือ ง ัย ่าข้าราชการผู้ใดอาจกระทาค ามผิดจริง รือไม่ เพียงใด เพ่ือจะได้ดาเนินการ
ทาง ินัยตอ่ ไป
ิธีการ ืบ น
ิธีการ ืบ นไม่มีกฎ มาย รือระเบียบใดกา นดรูปแบบแน ทางปฏิบัติไ ้ การ ืบ นจึง
ดาเนินการโดย ิธีใดก็ได้ ท้ังนี้ ข้ึนอยู่กับ ภาพของเรื่องที่จะทาการ ืบ น ่าค รจะใช้ ิธีการใดจึงจะ
เ มาะ มและทาใ ้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นๆ โดยการ ืบ นน้ีผู้บังคับบัญชาจะดาเนินการเอง
รอื มอบ มายใ ผ้ ู้อื่นดาเนินการ รือตงั้ คณะกรรมการ บื นข้อเทจ็ จริงก็ได้
ในการ บื นขอ้ เท็จจริงนัน้ อาจกระทาได้ท้ังในทางลับและโดยเปิดเผย
การ ืบ นโดยทางลบั ได้แก่ การ บื นที่ดาเนินการไปโดยมิใ ้ผู้กระทาผิด รือผู้ถูก ง ัย ่า
เปน็ ผ้กู ระทาผิดรตู้ ั ถงึ เร่ืองที่จะทาการ ืบ น โดยใชก้ ล ิธที เี่ มาะ ม
การ ืบ นโดยเปิดเผย ได้แก่ การ าข้อเท็จจริงโดย ิธีแจ้ง รือแ ดงใ ้ผู้ถูก ง ัย รือผู้ถูก
กล่า า ทราบถึงประเด็นแ ่งค ามผิด และขอใ ้เข้าช้ีแจงแ ดงเ ตุผลแก้ข้อกล่า าโดยปกติ
ผู้ ืบ นจะต้องร บร ม พยาน ลักฐานต่าง ๆ ที่มีอยู่ รือข้อมูลต่าง ๆ ไ ้ก่อน เพ่ือ ะด กในการท่ีจะ
ชี้ รือยนื ยันถึงขอ้ กล่า าน้นั
กรณใี ดจะ มค ร ืบ นโดยเปดิ เผย รือโดยทางลับนั้น ย่อมข้ึนอยู่กับเร่ืองท่ีจะ ืบ น ค าม
ร้ายแรงแ ่งกรณี ตลอดจนค ามเ ีย าย รือเ ียชื่อเ ียงเกียรติ ักด์ิของตาแ น่ง น้าท่ีของ
ผูท้ ีเ่ กย่ี ขอ้ ง
การ บื นทาง นิ ยั แบ่งเปน็ 2 กรณี คอื
1. การ บื นก่อนการดาเนินการทาง นิ ยั
2. การ บื นซึง่ เปน็ การดาเนินการทาง นิ ัย
1. การ ืบ นก่อนการดาเนินการทาง ินัย ได้แก่ การ ืบ นเม่ือมีกรณี ง ัย ่าข้าราชการ
อาจกระทาผิด นิ ัย เป็นการ ืบ นเพื่อพิจารณา ่า กรณีมีมูลที่ค รกล่า า ่าผู้น้ันกระทาผิด ินัย รือไม่
28
ตามมาตรา 95 แ ่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547
ากข้อเท็จจริงฟังได้ ่า กรณีมีมูลก็ต้องดาเนินการทาง ินัยต่อไป แต่ถ้าผลการ ืบ นปรากฏ ่ากรณี
ไม่มีมูลกต็ อ้ งยตุ ิเร่ือง การ บื นในกรณีนี้ ไม่ถือเปน็ การดาเนนิ การดาเนินการทาง นิ ยั
2. การ ืบ นซึ่งเป็นการดาเนินการทาง ินัย ได้แก่ การ ืบ นกรณีเป็นค ามผิดที่ปรากฏ
ชัดแจ้ง โดยที่มาตรา 98 รรคเจ็ด แ ่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทาง
การ ึก า พ. . 2547 บัญญัติ ่า “ในกรณีค ามผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามท่ีกา นดในกฎ ก.ค. .
จะดาเนินการทาง ินัยโดยไม่ อบ นก็ได้” และตามกฎ ก.ค. . ่าด้ ยกรณีค ามผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง
พ. . 2549 ข้อ 2 (2) กา นดกรณีละท้ิง น้าท่ีราชการติดต่อในครา เดีย กันเป็นเ ลาเกินก ่า 15 ัน
ผู้บังคับบัญชาต้องดาเนินการ ืบ นก่อน ากปรากฏ ่าเป็นการละทิ้ง น้าที่ราชการโดยไม่มีเ ตุผล
อัน มค ร รือโดยมีพฤติการณ์อันแ ดงถึงค ามจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งเป็น
ค ามผิด ินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 87 รรค อง แ ่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547 และกรณีเป็นค ามผิดท่ีปรากฏชัดแจ้ง จึงต้องเ นอเร่ืองใ ้ ก จ.
รือ อ.ก.ค. . ที่ ก.ค. . ต้งั แล้ แต่กรณีพิจารณาโดยไม่ อบ นก็ได้
การ อบ น
การ อบ น คือ การร บร มพยาน ลักฐาน เพื่อใ ้ทราบข้อเท็จจริง พฤติการณ์ต่าง ๆ รือ
พิ จู น์เกย่ี กับเรือ่ งทกี่ ลา่ าเพื่อใ ้ได้ค ามจริงและค ามยุตธิ รรม
การ อบ นทาง ินัยเป็นการดาเนินการเพ่ือจัดใ ้มีคา ่ังทางปกครองท่ีมีผลกระทบต่อ
ถานภาพ ของ ิทธิและ น้าที่ของบุคคล จึงต้องดาเนนิ การตาม ลักเกณฑ์ที่กฎ มายกา นด
การ อบ นทาง ินยั แบ่งเปน็ 2 กรณี คอื
1) การ อบ น ินัยไม่ร้ายแรง ผู้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติตามมาตรา 98 และกฎ ก.ค. .
่าด้ ยการ อบ นพิจารณา พ. . 2550 ท่ีกา นดใ ้ผู้บังคับบัญชาต้องมีคา ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ
อบ นโดยแต่งต้ังจากข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า รือข้าราชการฝ่ายพลเรือนจาน น
อย่างน้อย 3 คน ประกอบด้ ย ประธานกรรมการและกรรมการ อบ นอย่างน้อยอีก 2 คน
ใ ้กรรมการ อบ นคน น่ึงเป็นเลขานุการ ในกรณีจาเป็นจะใ ้มีผู้ช่ ยเลขานุการด้ ยก็ได้ า รับ
ิธีการ อบ นใ ้นาขั้นตอนการ อบ น ินัยอย่างร้ายแรงมาใช้โดยอนุโลม กา นดระยะเ ลา
ดาเนินการใ ้แล้ เ รจ็ ภายใน 90 นั อาจขอขยายระยะเ ลาดาเนินการได้ตามค ามจาเป็น แต่ไม่เกิน
30 นั
2) การ อบ น ินัยอย่างร้ายแรง ผู้มีอานาจ ั่งบรรจุและแต่งต้ังตามมาตรา 53 แ ่ง
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2)
พ. . 2551 จะต้องแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ น ินัยอย่างร้ายแรง า รับการ อบ น ินัยอย่าง
ร้ายแรง ประธานกรรมการต้องดารงตาแ น่งไม่ต่าก ่า รือเทียบได้ไม่ต่าก ่าผู้ถูกกล่า า า รับ
ตาแ น่งที่มี ิทยฐานะ ประธานต้องมี ิทยฐานะไม่ต่าก ่าผู้ถูกกล่า า โดยกรรมการ อบ นต้อง
มีผู้ดารงตาแ น่งนิติกร รือผู้ได้รับปริญญาทางกฎ มาย รือผู้ได้รับการ ึก าอบรมตาม ลัก ูตรการ
ดาเนนิ การทาง นิ ัย รอื ผู้มีประ บการณด์ ้านการดาเนินการทาง ินัยอย่างน้อย 1 คน และแม้ภาย ลัง
ประธานจะดารงตาแ น่ง รือมี ิทยฐานะต่าก ่า รือเทียบได้ต่าก ่าผู้ถูกกล่า าก็ไม่กระทบถึง
การได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ และต้องดาเนินการตาม ลักเกณฑ์และ ิธีการท่ีกา นดใน
29
กฎ ก.ค. . ่าด้ ยการ อบ นพิจารณา พ. . 2550 โดยใ ้ดาเนินการใ ้แล้ เ ร็จภายใน 180 ัน
และอาจขอขยายระยะเ ลาดาเนินการได้ ตามค ามจาเป็น ครั้งละไม่เกิน 60 ัน และถ้าไม่แล้ เ ร็จ
ภายใน 240 นั ต้องรายงาน ก จ./อ.ก.ค. . ท่ี ก.ค. .ต้ัง เพ่อื ติดตามเรง่ รัดการดาเนินการใ ้แล้ เ ร็จ
โดยเร็
ขอ้ ยกเ น้ ทไี่ ม่ต้องตง้ั กรรมการ อบ น
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547 มาตรา 98
รรคท้าย บัญญัติ ่า “ กรณีที่เป็นค ามผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามกฎ ก.ค. . ่าด้ ยกรณีค ามผิดที่ปรากฏ
ชดั แจ้ง พ. . 2549 จะดาเนินการทาง นิ ัยโดยไม่ อบ นก็ได้ ”
กรณที เี่ ปน็ ค ามผดิ ทปี่ รากฏชัดแจ้งตามกฎ ก.ค. . กา นดไ ้ ดังนี้
ก. การกระทาผดิ นิ ัยไมร่ า้ ยแรงทเ่ี ป็นกรณีค ามผดิ ที่ปรากฏชัดแจง้ ไดแ้ ก่
(1) กระทาค ามผิดอาญาจนต้องคาพิพาก าถึงที่ ุด ่าผู้น้ันกระทาผิดและผู้บังคับบัญชาเ ็น
่าขอ้ เท็จจรงิ ทป่ี รากฏตามคาพิพาก าน้นั ไดค้ ามประจกั ช์ ัดแล้
(2) กระทาผิด ินัยไม่ร้ายแรงและได้รับ ารภาพเป็น นัง ือต่อผู้บังคับบัญชา รือ ใ ้ถ้อยคา
รับ ารภาพตอ่ ผมู้ ี น้าท่ี บื น รอื คณะกรรมการ อบ น ตามกฎ มาย ่าด้ ยระเบียบข้าราชการครู
และบคุ ลากรทางการ ึก า และไดม้ ีการบนั ทกึ ถ้อยคารับ ารภาพเปน็ นัง ือ
ข. การกระทาผดิ ินัยอยา่ งร้ายแรงท่ีเป็นกรณีค ามผดิ ที่ปรากฏชดั แจง้ ได้แก่
(1) กระทาค ามผิดอาญาจนได้รับโท จาคุก รือโท ที่ นักก ่าจาคุก โดยคาพิพาก าถึงท่ี ุด
ใ ้จาคุก รือใ ้ลงโท ท่ี นักก ่าจาคุก เ ้นแต่เป็นโท า รับค ามผิดที่ได้กระทาโดยประมาท รือ
ค ามผดิ ล ุโท
(2) ละทงิ้ น้าทรี่ าชการติดต่อในครา เดีย กันเป็นเ ลาเกินก ่า 15 ัน และผู้บังคับบัญชาได้
ดาเนินการ ืบ นแล้ เ ็น ่าไม่มีเ ตุผลอัน มค ร รือมีพฤติการณ์อันแ ดงถึงค ามจงใจไม่ปฏิบัติ
ตามระเบยี บของทางราชการ
(3) กระทาผิด ินยั อยา่ งร้ายแรงและได้รับ ารภาพเป็น นัง ือต่อผู้บังคับบัญชา รือใ ้ถ้อยคา
รบั ารภาพต่อผมู้ ี น้าที่ ืบ น รือคณะกรรมการ อบ นตามกฎ มาย ่าด้ ยระเบียบข้าราชการครู
และบุคลากรทางการ ึก า และได้มีการบนั ทึกถ้อยคารับ ารภาพเปน็ นัง อื
ผู้มีอานาจแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น
ก) กรณี ินยั ไมร่ ้ายแรง คอื ผูบ้ ังคับบัญชาตามกฎ มาย ไดแ้ ก่
(1) ผู้อาน ยการ ถาน ึก า รือตาแ น่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าซ่ึงเป็น
ผบู้ งั คบั บญั ชาของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการ ึก าผู้กระทาผิด ินยั
(2) ผู้อาน ยการ านักงานเขตพ้ืนท่ีการ ึก า รือตาแ น่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นท่ีมีฐานะ
เทียบเทา่ ซง่ึ เป็นผบู้ ังคับบัญชาของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการ ึก าผู้กระทาผิด ินยั
(3) ึก าธิการจัง ัด ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า
ใน านักงาน ึก าธิการจัง ดั ผู้กระทาผิด ินยั
(4) นายกรฐั มนตรีในฐานะ ั น้ารัฐบาล รัฐมนตรีเจ้า ังกัด ปลัดกระทร ง เลขาธิการ อธิบดี
รือตาแ น่งที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนที่มีฐานะเทียบเท่า รืออธิการบดี รือตาแ น่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มี
ฐานะเทียบเทา่ ซ่งึ เปน็ ผบู้ ังคับบัญชาของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการ ึก าผู้กระทาผิด นิ ัย
30
ข) กรณี นิ ยั อยา่ งร้ายแรง ได้แก่
(1) ผู้มีอานาจ ่ังบรรจุและแต่งต้ังตามมาตรา 53 โดยคา ั่ง ั น้าคณะรัก าค าม งบ
แ ่งชาติ ที่ 19/2560 เร่ือง การปฏิรูปการ ึก าในภูมิภาคของกระทร ง ึก าธิการ ลง ันท่ี
3 เม ายน 2560 ข้อ 13 ได้กา นดใ ้ ึก าธิการจัง ัด โดยค ามเ ็นชอบของ ก จ. เป็นผู้มี
อานาจ ง่ั บรรจุและแต่งต้งั ตามมาตรา 53 (3) และ (4) แ ่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547 ซ่ึงมีผลเป็นการเปล่ียนอานาจการ ่ังบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา
53 (3) ซ่ึงเดิม เป็นของผู้อาน ยการ านักงานเขตพ้ืนที่การ ึก า และตามมาตรา 53 (4) ซ่ึงเดิมเป็น
ของผู้อาน ยการ ถาน ึก า มาเปน็ ของ ึก าธกิ ารจงั ดั
(2) ผ้มู อี านาจ ่งั บรรจแุ ละแต่งต้ังตามมาตรา 53 ในลาดับช้ัน ูงก ่าของผู้ถูกกล่า าคน น่ึง
คนใด ในกรณที ่ีกระทาผิด นิ ัยร่ มกนั ลายคน (มาตรา 98 รรค อง)
(3) ผบู้ งั คับบญั ชาของผ้มู อี านาจ ัง่ บรรจุและแต่งตัง้ ตามมาตรา 53 ระดับเ นือข้ึนไป (มาตรา
100 รรค ก)
(4) ผู้บงั คับบญั ชาผไู้ ด้รับรายงานการดาเนินการทาง ินัย (มาตรา 104 (1))
(5) รัฐมนตรีเจา้ ังกัด นายกรัฐมนตรี (มาตรา 98 รรค ้า)
(6) ก.ค. . (มาตรา 105)
องค์ประกอบและคณุ มบัติของคณะกรรมการ อบ น
เป็นตามกฎ ก.ค. . ่าด้ ยการ อบ นพิจารณา พ. .2550 ข้อ 3 กา นดใ ้แต่งต้ังจาก
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า รือข้าราชการพลเรือนอย่างน้อย 3 คน ประกอบด้ ย
ประธานและกรรมการอยา่ งน้อยอีก 2 คน โดยใ ้กรรมการคน นึ่งเป็นเลขานุการ ในกรณีจาเป็นจะใ ้
มีผู้ช่ ยเลขานุการซ่ึงเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า รือข้าราชการพลเรือนด้ ยก็ได้
(ลูกจ้างประจา พนักงานราชการไมอ่ าจแต่งตัง้ ใ ้เปน็ คณะกรรมการ อบ นได้)
กรณีแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น ินัยอย่างร้ายแรง ประธานกรรมการต้องดารงตาแ น่ง
ไม่ตา่ ก า่ รอื เทียบได้ไม่ตา่ ก า่ ผู้ถูกกล่า า า รับตาแ น่งท่ีมี ิทยฐานะ ประธานต้องดารงตาแ น่ง
และมี ิทยฐานะไม่ต่าก ่า รือเทียบได้ไม่ต่าก ่าผู้ถูกกล่า า โดยกรรมการต้องมีนิติกร รือผู้ได้รับ
ปริญญาทางกฎ มาย รือผู้ได้รับการฝึกอบรมตาม ลัก ูตรการดาเนินการทาง ินัย รือผู้มี
ประ บการณ์ด้านการดาเนินการทาง ินัย (ผู้ที่เคยเป็นกรรมการ อบ น รือเป็นเจ้า น้าที่เกี่ย กับ
การดาเนินการทาง นิ ยั ) อย่างน้อย นง่ึ คนเป็นกรรมการ อบ น
คา ่ังแต่งตัง้ คณะกรรมการ อบ น ตอ้ งระบุ
(1) เปน็ คา ัง่ แตง่ ต้งั คณะกรรมการ อบ น ินยั ไม่รา้ ยแรง/อยา่ งร้ายแรง
(2) ช่อื และตาแ น่ง/ ทิ ยฐานะของผ้ถู ูกกลา่ า
(3) เรือ่ งทีก่ ลา่ า
(4) ช่ือและตาแ น่ง/ ิทยฐานะของผู้ไดร้ บั แตง่ ตง้ั เปน็ คณะกรรมการ อบ น
เมอ่ื ผู้บังคบั บญั ชาได้มีคา ง่ั แต่งตงั้ คณะกรรมการ อบ นแล้ ใ ด้ าเนนิ การดังน้ี
(1) แจ้งคา ่ังใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบภายใน 3 ันทาการ นับแต่ ันท่ีมีคา ั่ง โดยใ ้
ผู้ถูกกล่า าลงลายมือชื่อและ ัน เดือน ปีท่ีรับทราบไ ้เป็น ลักฐาน ในการนี้ใ ้มอบ าเนาคา ั่งใ ้
31
ผู้ถูกกล่า า น่ึงฉบับ ถ้าไม่อาจแจ้งใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบได้ รือผู้ถูกกล่า าไม่ยอมรับทราบคา ั่ง
ใ ้ ่ง าเนาคา งั่ ทางไปร ณีย์ลงทะเบยี นตอบรับไปยังท่ีอยู่ของผู้ถูกกล่า าท่ีปรากฏ ลักฐานของทาง
ราชการ เม่ือล่ งพน้ 15 ันนับแต่ ันทไ่ี ด้ดาเนินการดงั กล่า ใ ้ถือ ่าผู้ถูกกล่า าได้ทราบคา ่ังแต่งต้ัง
คณะกรรมการ อบ นแล้
(2) แจ้งคา ่ังแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ นใ ้ประธานและกรรมการรับทราบภายใน 3 ัน
ทาการนับแต่ ันท่ีมคี า ่งั พร้อมทง้ั ง่ เอก าร ลักฐานเก่ีย กับเร่ืองที่กล่า าใ ้ประธานกรรมการและ
ใ ล้ งลายมือชือ่ และ ัน เดอื น ปี ท่รี บั ทราบไ เ้ ปน็ ลกั ฐานด้ ย
การเปล่ียน เพิ่ม รือลดจาน นกรรมการ อบ น ไม่กระทบถึงการ อบ นท่ีได้ดาเนินการ
ไปแล้ เชน่ กรรมการ อบ นเก ยี ณอายุราชการ เป็นเ ตใุ ก้ รรมการท่ีเ ลือไม่ครบองค์ประกอบ
การคัดคา้ นกรรมการ อบ นและผู้ ่ังแต่งตงั้ คณะกรรมการ อบ น
กฎ ก.ค. . ่าด้ ยการ อบ นพิจารณา พ. . 2550 ข้อ 8 และ ข้อ 9 ได้บัญญัติเกี่ย กับ
การคัดค้านกรรมการ อบ นและผู้ ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ น โดยต้องมีเ ตุอย่าง นึ่งอย่างใด
ดงั ตอ่ ไปน้ี
(1) รเู้ น็ เ ตกุ ารณใ์ นขณะกระทาการในเร่ืองที่กล่า า
(2) มีประโยชน์ได้เ ยี ในเรอื่ งที่ อบ น
(3) มี าเ ตโุ กรธเคอื งกบั ผู้ถกู กลา่ า
(4) เป็นผู้กล่า า รือเป็นคู่ มั้น คู่ มร บุพการี ผู้ ืบ ันดาน เป็นพี่น้องร่ มบิดามารดา
รือร่ มบิดา รือมารดา เป็นลูกพี่ลูกน้องนับได้เพียงภายใน 3 ช้ัน รือเป็นญาติเก่ีย พัน ทางแต่งงาน
นับได้ เพยี ง 2 ชนั้ ของผู้ถกู กลา่ า
(5) เป็นเจา้ น้ี รือลูก นข้ี องผกู้ ล่า า
(6) มเี ตุอื่นซึ่งอาจทาใ ้การ อบ นเ ยี ค ามเป็นธรรม
ิธกี ารคดั ค้าน
(1) ทาเป็น นัง ือแ ดงข้อเท็จจริงและข้อกฎ มายท่ีเป็นเ ตุแ ่งการคัดค้าน ่า จะทาใ ้
การ อบ น ไมไ่ ดค้ ามจริง และค ามยุตธิ รรมอยา่ งไร
(2) ย่ืนตอ่ ผู้ ัง่ แต่งตงั้ คณะกรรมการ อบ น
(3) ใ ้ยื่นภายใน 7 ัน นบั แต่ ันทราบคา ง่ั รือ นั ทราบเ ตุแ ่งการคดั คา้ น
การ ง่ั คาคดั ค้าน
ผู้ ่งั แตง่ ตงั้ คณะกรรมการ อบ นตอ้ งพิจารณา ั่งการ ดงั น้ี
(1) ต้อง ง่ั คาคดั ค้านใ ้แล้ เ รจ็ ภายใน 15 ัน นบั แต่ นั ทีไ่ ด้รับ นงั ือคัดค้าน
(2) รีบแจ้งใ ้ผู้ถูกคัดค้านทราบและใ ้ ยุดการ อบ นไ ้ก่อน แล้ ่งเร่ืองใ ้ประธาน
กรรมการ อบ นร มไ ใ้ น าน น
(3) ถ้าเ ็น ่าการคัดค้านนั้นไม่มีเ ตุผลอันค รรับฟังใ ้ ั่งยกคาคัดค้าน การ ่ังยกคาคัดค้าน
ใ เ้ ป็นที่ ุด
32
(4) ถ้าเ ็น ่าการคัดค้านนั้นมีเ ตุอันค รรับฟัง ก็ใ ้ ่ังใ ้ผู้ท่ีถูกคัดค้านพ้นจากการเป็น
กรรมการ อบ น และ ั่งแต่งตงั้ กรรมการ อบ นขึน้ ใ ม่แทน
(5) เม่ือ ั่งคาคัดค้านแล้ ต้องรีบแจ้งใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบ และ ่งเรื่องใ ้ประธานกรรมการ
อบ นร มไ ใ้ น าน น
(6) ถ้าไม่ได้ ่ังคาคัดค้านภายในกา นดเ ลา ใ ้ถือ ่ากรรมการผู้ท่ีถูกคัดค้านพ้นจากการ
เป็นกรรมการ อบ น และใ ป้ ระธานกรรมการรายงานผู้ ัง่ ตั้งเพื่อ ั่งต้งั กรรมการใ ม่แทน
การท่ีผู้ ั่งแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น ่ังใ ้ผู้ที่ถูกคัดค้านพ้นจากการเป็นคณะกรรมการ
อบ นไมก่ ระทบกระเทือนถึงการ อบ นท่ีผู้นนั้ ได้ร่ มดาเนินการไปแล้
การคัดคา้ นผู้ ัง่ แตง่ ตง้ั คณะกรรมการ อบ น
ผถู้ ูกกล่า ามี ิทธคิ ัดคา้ นผู้ ั่งแตง่ ต้งั คณะกรรมการ อบ น (ขอ้ 9) ดงั น้ี
(1) มีเ ตุคดั ค้านตามข้อ 8
(2) คดั ค้านภายใน 7 ัน นับแต่ นั ทราบคา ่งั
(3) ย่ืนตอ่ ผูบ้ ังคบั บัญชาเ นอื ผู้ ่งั ขนึ้ ไป 1 ช้ัน
(4) ผ้บู ังคับบัญชาเ นอื ผู้ ัง่ ตอ้ งพิจารณา ัง่ การภายใน 15 นั
(5) ถ้าเ ็น ่าการคัดค้านมีเ ตุผลรับฟังได้ ใ ้ผู้ ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ น พ้นจากการ
เป็นผู้มีอานาจพิจารณา าน นการ อบ น ตามข้อ 40 และข้อ 41 ร มทั้งการพิจารณา ั่งการตาม
ผลการ อบ น ที่เ ร็จ ิ้นแล้ และใ ้ผู้บังคับบัญชาชั้นเ นือน้ัน รือผู้ได้รับมอบ มายมีอานาจ
พิจารณา ่งั การแทน
(6) ถา้ เ ็น า่ การคัดค้านไม่มีเ ตุผลพอที่จะรับฟังได้ ใ ้ยกการคัดค้านนั้น ท้ังนี้ การ ั่งยกการ
คัดค้านใ เ้ ป็นที่ ดุ
(7) ในกรณีที่ผู้พิจารณาการคัดค้านไม่พิจารณา ่ังการภายใน 15 ัน ใ ้ถือ ่าผู้ ั่งแต่งตั้ง
คณะกรรมการ อบ นพน้ จากการเป็นผู้มีอานาจพจิ ารณา าน น ตามข้อ 40 และข้อ 41 ร มท้ังการ
พจิ ารณา ง่ั การตามผลการ อบ นทเ่ี ร็จ ิ้นแล้
(8) เมื่อ นิ จิ ฉัย ่ังการอย่างใดแล้ ใ ้แจ้งผู้ถูกกล่า าทราบ และ ่งเรื่องใ ้ประธานกรรมการ
ร มไ อ้ านาจ นา้ ที่ของคณะกรรมการ อบ น
อานาจ น้าทข่ี องคณะกรรมการ อบ น
คณะกรรมการ อบ นมี น้าที่ อบ นตาม ลักเกณฑ์ ิธีการ และระยะเ ลาท่ีกา นดใน
กฎ ก.ค. . เพ่ือแ ง าข้อเท็จจริงและร บร มพยาน ลักฐานในเรื่องท่ีกล่า า โดยใ ้ อบ นและ
ดาเนินกระบ นการพิจารณาใ ้เป็นไปโดยร ดเร็ ต่อเน่ืองและเป็นธรรม ท้ังนี้ ในการพิจารณาใช้
ดุลพินิจจะต้องกระทาโดยอิ ระ เป็นกลางและปรา จากอคติใดๆ ต่อผู้ถูกกล่า า (กฎ ก.ค. . ่าด้ ย
การ อบ นพิจารณา พ. . 2550 ขอ้ 14) โดยตอ้ งดาเนินการ ดังนี้
1. ร บร มประ ตั ิค ามประพฤตขิ องผถู้ กู กล่า าทเี่ ก่ยี ขอ้ งกบั การกล่า าเท่าท่ีจาเป็น
2. แ ง าข้อเท็จจริง พยาน ลักฐาน เอก ารและพยานบุคคล ตร จ ถานท่ี เพื่อประกอบ
การพิจารณาตามขอ้ 15
3. จัดทาบนั ทกึ ประจา ันท่มี กี าร อบ นไ ท้ ุกคร้ัง
33
การประชมุ คณะกรรมการ อบ น
กรณีทต่ี อ้ งประชมุ คณะกรรมการ อบ น
1. เม่ือประธานกรรมการได้รับทราบคา ่ังแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ นแล้ ใ ้ดาเนินการ
ประชุมและ างแน ทางการ อบ น (ข้อ 16)
2. พิจารณา ่ามพี ยาน ลักฐานใด นับ นุนข้อกล่า า ่าผู้ถูกกล่า าได้กระทาการใด เม่ือใด
อย่างไร เป็นค ามผดิ นิ ยั กรณใี ด ตามมาตราใด รอื ไม่ อยา่ งไร (ขอ้ 24)
3. พิจารณาลงมติ (ข้อ 38) โดยต้องพจิ ารณา า่
1) ผู้ถูกกล่า ากระทาผิด ินัย รือไม่ ถ้าไม่ผิดใ ้มีค ามเ ็นยุติเร่ือง ถ้าผิดเป็นค ามผิด ินัย
กรณใี ด ตามมาตราใด และค รไดร้ บั โท ถานใด
2) ย่อนค าม ามารถในอันที่จะปฏิบัติ น้าที่ราชการ รือบกพร่องใน น้าท่ีราชการ รือ
ประพฤตติ นไมเ่ มาะ มกับตาแ นง่ น้าท่รี าชการ ตามมาตรา 111 รอื ไม่ อย่างไร
3) มีเ ตุอันค ร ง ัยอย่างยิ่ง ่าผู้ถูกกล่า าได้กระทาผิด ินัยอย่างร้ายแรง แต่การ อบ น
ไม่ได้ ค ามแน่ชัดพอที่จะรับฟังลงโท ปลดออก รือไล่ออกจากราชการ ถ้าใ ้รับราชการต่อไปจะเป็น
การเ ีย ายแกร่ าชการ ตามมาตรา 112 รอื ไม่ อยา่ งไร
องคค์ ณะในการประชุม
กฎ ก.ค. . ่าด้ ยการ อบ นพิจารณา พ. . 2550 ข้อ 17 การประชุมคณะกรรมการ
อบ นต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยก ่ากึ่ง นึ่งของจาน นกรรมการ อบ นท้ัง มด เ ้นแต่
เป็นการประชุมตามข้อ 24 (ประชุมเพ่ือพิจารณา ่ามีพยาน ลักฐานใด นับ นุนข้อกล่า า ่า
ผู้ถูกกล่า าได้กระทาการใด เมื่อใด อย่างไร และเป็นค ามผิดในกรณีใด รือ ย่อนค าม ามารถ
ในอันท่ีจะปฏิบัติ น้าท่ีราชการ รือบกพร่องใน น้าท่ีราชการ รือประพฤติตนไม่เ มาะ มกับ
ตาแ นง่ น้าท่ีราชการ ตามมาตรา 111 รือไม่ อย่างไร) และการประชุมตามข้อ 38 (เพ่ือพิจารณามี
มติ ่า ผู้ถูกกล่า าได้กระทาผิด ินัย รือไม่ รือ ย่อนค าม ามารถในอันที่จะปฏิบัติ น้าที่ราชการ
รือบกพร่อง ใน น้าท่ีราชการ รือประพฤติตนไม่เ มาะ มกับตาแ น่ง น้าที่ราชการ ตามมาตรา
111 รือไม่ อยา่ งไร รือมีเ ตอุ นั ค ร ง ัยอย่างยิ่ง ่าผู้ถูกกล่า าได้กระทาผิด ินัยอย่างร้ายแรงแต่
การ อบ นไม่ได้ค ามแน่ชัด พอท่ีจะฟังลงโท ปลดออก รือไล่ออกจากราชการ ถ้าใ ้รับราชการ
ต่อไปจะเป็นการเ ีย ายแก่ราชการ ตามมาตรา 112 รือไม่ อย่างไร) ต้องมีกรรมการ อบ นมา
ประชุมไม่น้อยก า่ ามคนและไม่น้อยก ่ากึ่ง นึ่งของจาน นกรรมการ อบ นท้ัง มด ในการประชุม
ต้องมปี ระธานอยู่ร่ มประชุมด้ ยในกรณีจาเป็นไม่ ามารถเข้าประชุมได้ ใ ้กรรมการท่ีมาประชุมเลือก
กรรมการคน นึง่ ทา นา้ ท่เี ปน็ ประธานแทน
การลงมติ การลงมติของที่ประชุมใ ้ถือเ ียงข้างมาก ถ้าคะแนนเ ียงเท่ากันก็ใ ้ประธานในท่ี
ประชุมออกเ ยี งเพมิ่ อีกเ ยี ง น่ึงเปน็ เ ียงชข้ี าด
ในการ อบ นคณะกรรมการ อบ นต้องทาบันทึกรายงานการประชุมเป็น นัง ือไ ้ด้ ย
ทุกครัง้ และ ากมีค ามเ น็ แย้งใ บ้ ันทึกค ามเ ็นแย้งไ ใ้ นรายงานการประชุม
ลาดบั ขน้ั ตอนการ อบ น มีขัน้ ตอน าคัญดงั น้ี
1. กา นดแน ทางการ อบ น
2. การแจง้ และอธิบายข้อกลา่ า และ อบถามผ้ถู ูกกล่า า ่ารบั ารภาพ รือปฏเิ ธ
34
3. การร บร มพยาน ลกั ฐานที่เกี่ย ข้องกับเรื่องท่ีกล่า า
4. การแจง้ ขอ้ กลา่ าและ รุปพยาน ลักฐานท่ี นับ นนุ ข้อกลา่ าใ ผ้ ู้ถกู กลา่ าทราบ
5. การ อบ นและร บร มพยาน ลกั ฐานของผู้ถูกกลา่ า
6. การประชุมพิจารณาลงมติ
7. การทารายงานการ อบ น
การ อบ นผถู้ ูกกล่า า
การ อบ นผู้ถูกกล่า าเพื่อที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงเก่ีย กับเร่ืองที่ อบ น และเป็นการ
ใ ้โอกา ผู้ถูกกล่า าได้ชี้แจงแก้ข้อกล่า า กระบ นการ อบ นเร่ิมกระทาเมื่อมีการแจ้งและ
อธิบายข้อกล่า าการท่ีผู้ถูกกล่า าใ ้การรับ รือปฏิเ ธข้อเท็จจริงใด รือมีข้ออ้างข้อเถียงอย่างไร
ย่อมนาไป ู่การกา นดประเดน็ การ อบ นต่อไป
ในกรณีท่ีผู้ถูกกล่า าไม่ได้ใ ้ถ้อยคารับ ารภาพ คณะกรรมการ อบ นจะต้องทาการ
อบ นต่อไปและร บร มพยาน ลักฐานที่ นับ นุนข้อกล่า าใ ้ มดเ ียก่อน เ ร็จแล้
คณะกรรมการ อบ น จะต้องแจ้งและ รุปพยาน ลักฐานท่ี นับ นุนข้อกล่า าใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบ
โดยจะระบุ รือไม่ระบุชอื่ พยานก็ได้
คณะกรรมการ อบ นจะตอ้ งประชุมเพ่ือพิจารณา ่ามีพยาน ลักฐานใด นับ นุนข้อกล่า า ่า
ผู้ถูกกล่า ากระทาการใด เม่ือใด อย่างไร และถ้าเ ็น ่ายังฟังไม่ได้ ่าผู้ถูกกล่า ากระทาการตามท่ี
ถูกกล่า า ก็ใ ้มีค ามเ ็นยุติเรื่อง แล้ ทารายงานการ อบ นตามแบบ .6 ท่ี ก.ค. . กา นด
เ นอตอ่ ผู้ ั่งแตง่ ตงั้ คณะกรรมการ อบ น ากกรรมการ อบ นผู้ใดมีค ามเ ็นแย้งใ ้ ทาค ามเ ็นแย้ง
แนบไ ้กบั รายงานการ อบ น โดยถอื เป็น ่ น นึง่ ของรายงานการ อบ นด้ ย
ถ้าเ ็น ่าเป็นค ามผิด ินัยกรณีใด ตามมาตราใด คณะกรรมการ อบ นต้องเรียก
ผู้ถกู กลา่ ามาพบเพอื่ แจ้งข้อกลา่ า โดยระบขุ ้อกลา่ าท่ีปรากฏตามพยาน ลักฐาน ่าเป็นค ามผิด
ินัยกรณีใด ตามมาตราใด และ รุปพยาน ลักฐานที่ นับ นุนข้อกล่า าเท่าที่มีใ ้ทราบ โดยระบุ ัน
เ ลา ถานที่และการกระทาที่มีลัก ณะเป็นการ นับ นุนข้อกล่า า า รับพยานบุคคลจะระบุ
รือไม่ระบุชื่อพยานก็ได้ โดยคานึงถึง ลักการคุ้มครองพยาน โดยแจ้งพยาน ลักฐานฝ่ายกล่า า
เท่าที่มีใน าน นใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบ แม้พยาน ลักฐาน จะฟังได้เพียง ่าเป็นการกระทาผิด ินัย
ไม่ร้ายแรง การแจ้งข้อกล่า าและ รุปพยาน ลักฐานท่ี นับ นุนข้อกล่า า ต้องทาบันทึกซ่ึงมี
าระ าคัญตามแบบ .3 ท่ี ก.ค. . กา นด โดยทาเป็น 2 ฉบับ มอบใ ้ผู้ถูกกล่า า 1 ฉบับ และ
เก็บไ ้ใน าน นการ อบ น 1 ฉบับ โดยใ ้ผู้ถูกกล่า าลงลายมือช่ือและ ัน เดือน ปีท่ีรับทราบไ ้
เปน็ ลกั ฐานด้ ย
การแจ้ง .3 คณะกรรมการ อบ นต้องถามผู้ถูกกล่า า ่าจะย่ืนคาชี้แจงแก้ข้อกล่า า
เป็น นัง อื รือไม่ ถา้ ผถู้ กู กล่า าประ งคจ์ ะย่ืนคาช้ีแจงเป็น นัง ือ ก็ใ ้ยื่นได้ภายในเ ลาอัน มค ร
แต่อย่างช้าไม่เกิน 15 ัน นับแต่ ันท่ีได้รับแจ้ง และต้องใ ้โอกา ผู้ถูกกล่า าท่ีจะใ ้ถ้อยคาเพิ่มเติม
ร มท้ังนา ืบแก้ข้อกล่า าด้ ย ในกรณีที่ผู้ถูกกล่า าไม่ประ งค์จะยื่นคาช้ีแจงเป็น นัง ือ
คณะกรรมการ อบ น ต้องจดั ใ ้ผู้ถูกกลา่ าใ ถ้ ้อยคาและนา บื แกข้ ้อกล่า าโดยเร็
35
ก่อนการ อบ นเ ร็จ ผู้ถูกกล่า าซ่ึงได้ยื่นคาช้ีแจง รือใ ้ถ้อยคาแก้ข้อกล่า าไ ้แล้
มี ิทธิย่ืนคาชี้แจงเพ่ิมเติม รือขอใ ้ถ้อยคา รือนา ืบแก้ข้อกล่า าเพ่ิมเติมต่อคณะกรรมการ
อบ นอีกได้
ทั้งนี้ ในการ อบ นผู้ถูกกล่า า รือพยาน ต้องมีกรรมการ อบ นไม่น้อยก ่ากึ่ง น่ึงของ
จาน นกรรมการทั้ง มดจึงจะ อบ นได้ และในการ อบ นผู้ถูกกล่า าน้ีคณะกรรมการ อบ น
ต้องทาการ อบ นเอง จะแต่งต้ังอนุกรรมการ รือมอบ มายใ ้กรรมการ อบ นบางคนทาการ
อบ นไม่ได้ และ ้ามมิใ ้บุคคลอ่ืนเข้าร่ มทาการ อบ น ในการช้ีแจงแก้ข้อกล่า าและการใ ้
ปากคาของผู้ถูกกล่า าใน ข้อ 11 กา นด ่า การ อบ น ินัยอย่างร้ายแรง ผู้ถูกกล่า ามี ิทธิ
นาทนายค าม รือท่ีปรึก าเข้าฟังการชี้แจง รือใ ้ปากคาของตนได้ และในข้อ 29 กา นด ่า ในการ
อบปากคาผู้ถูกกล่า าและพยาน ้ามมิใ ้กรรมการ อบ น กระทาการใด ๆ ซ่ึงเป็นการใ ้คามั่น
ัญญา ขู่เข็ญ ลอกล ง รือกระทาการโดยมิชอบด้ ยประการใดเพื่อจูงใจ ใ ้บุคคลนั้นใ ้ถ้อยคา
อย่างใด ๆ และในการน้ี ใ ้คณะกรรมการ อบ นเรียกผู้ซ่ึงจะถูก อบปากคาเข้ามาในท่ี อบ น
ครา ละ 1 คน ้ามมิใ ้บุคคลอื่นอยู่ในที่ อบ น เ ้นแต่ทนายค าม รือท่ีปรึก าของผู้ถูกกล่า า
รอื บคุ คลซึ่งคณะกรรมการ อบ นอนุญาตใ ้อยู่ในที่ อบ น เพื่อประโยชน์แ ง่ การ อบ น
การ อบปากคาผู้ถูกกล่า าและพยาน ตามข้อ 30 ใ ้บันทึกถ้อยคามี าระตามแบบ .4
รือ แบบ .5 แล้ แต่กรณี เม่ือได้บันทึกถ้อยคาเ ร็จแล้ ใ ้อ่านใ ้ผู้ใ ้ถ้อยคาฟัง รือจะใ ้ผู้ใ ้
ถ้อยคาอ่านเองก็ได้ เมื่อผู้ใ ้ถ้อยคารับ ่าถูกต้องแล้ ใ ้ผู้ใ ้ถ้อยคาและผู้บันทึกถ้อยคาลงลายมือชื่อไ ้
เป็น ลักฐาน และใ ้คณะกรรมการ อบ นทุกคนซ่ึงร่ ม อบ น ลงลายมือช่ือรับรองไ ้ในบันทึก
ถ้อยคาน้ันด้ ย ถ้าบันทึกถ้อยคามี ลาย น้า ใ ้กรรมการ อบ นอย่างน้อย 1 คน กับผู้ใ ้ถ้อยคา
ลงลายมือชอื่ กากบั ไ ท้ กุ น้า
ในการบนั ทึกถ้อยคา า้ มมิใ ข้ ูดลบ รอื บันทกึ ข้อค ามทับ ถ้าจะต้องแก้ไขข้อค ามที่ได้บันทึก
ไ ้แล้ ใ ้ใช้ ิธีขีดฆ่า รือตกเติม และใ ้กรรมการ อบ นผู้ร่ ม อบ นอย่างน้อย 1 คน กับผู้ใ ้
ถ้อยคาลงลายมือชื่อกากับไ ท้ ุกแ ง่ ท่ีขดี ฆ่า รือตกเติม
ในกรณที ผี่ ู้ใ ้ถอ้ ยคาไม่ยอมลงลายมือชื่อ ใ ้บันทกึ เ ตุนัน้ ไ ใ้ นบันทึกถ้อยคานั้น
ในกรณีที่ผู้ใ ้ถ้อยคาไม่ ามารถลงลายมือชื่อได้ ใ ้นามาตรา 9 แ ่งประม ลกฎ มายแพ่ง
และพาณชิ ย์ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม
การกา นดประเด็น อบ น
ประเด็นคือ จุด าคัญท่ีต้องพิ ูจน์ รือ ินิจฉัย ซึ่งข้อเท็จจริง รือข้อกฎ มายอันเป็น
าระ าคัญที่ยังโต้เถียงกันอยู่ รือยังไม่ได้ค ามกระจ่างชัด ากเป็นที่กระจ่างชัด รือรับกันแล้
กไ็ ม่เป็น “ประเด็น” ท่จี ะตอ้ งพิ จู น์ รือ นิ ิจฉยั
การกา นดประเด็นท่ีจะต้อง อบ น จึงเป็นเรื่องท่ีเก่ีย กับข้อเท็จจริง รือข้อกฎ มายที่
ยังมีการโต้เถียงกันอยู่ระ ่างฝ่ายกล่า ากับผู้ถูกกล่า าคือ ผู้ถูกกล่า าปฏิเ ธไม่รับข้อเท็จจริง
รือข้อกฎ มายประการใดประการ น่ึง รือ ลายประการท่ีถูกกล่า า รือมีข้ออ้างข้อเถียงในเรื่อง
ใด อย่างไร ขอ้ เท็จจริง รือข้อกฎ มายท่ีไม่รับกัน รือที่มีข้ออ้างข้อเถียง ย่อมเป็นประเด็นที่กรรมการ
อบ นจะตอ้ งดาเนนิ การ อบ นเพือ่ ใ ไ้ ด้ค ามเป็นท่ยี ตุ ิ า่ ค ามจริงเป็นอย่างไร และมีพยาน ลักฐาน
36
ใดที่ยืนยัน ่าเป็นเช่นน้ัน ่ นข้อเท็จจริง รือข้อกฎ มายที่ผู้ถูกกล่า ารับแล้ รือมีพยาน ลักฐาน
เปน็ ท่ีประจกั ์อย่แู ล้ กไ็ ม่ต้อง ยิบยกข้นึ มาเปน็ ประเด็นทจ่ี ะต้อง อบ นอีก
ประเด็นท่ตี ้องพิ ูจน์ รือ นิ ิจฉยั เกี่ย กับการดาเนินการทาง นิ ัย
1) ประเด็นข้อเท็จจริงเก่ีย กับการกระทาในเร่ืองท่ีกล่า า จะต้องพิ ูจน์ ่าผู้ถูกกล่า าได้
ทาอะไร ทาท่ีไ น ทาเมื่อไร ทาอย่างไร ทาเพราะเ ตุใด เพื่อใช้ในการ ินิจฉัย ่าได้กระทาผิด ินัย
รือไม่
2) ประเด็นกฎ มาย เป็นประเด็นข้อ ง ัยเกี่ย กับปัญ าข้อกฎ มาย เจตนารมณ์ของ
กฎ มายทีย่ ัง มคี ามเ น็ แตกตา่ ง เพ่ือนามาประกอบการ นิ ิจฉัยในการ ่ังลงโท
3) ประเด็นค ามร้ายแรงแ ่งกรณีจะต้องพิ ูจน์ ่าการกระทาของผู้ถูกกล่า านั้น
มีพฤติการณ์ ร้ายแรงเพียงใด รือเ ีย ายแก่ทางราชการร้ายแรงเพียงใด เพ่ือใช้ในการ ินิจฉัยกา นด
ระดับโท นกั รอื เบาทีจ่ ะลงแก่ผถู้ ูกกล่า า
4) ประเด็นเก่ีย กับกรณีค ามผิด จะต้องพิ ูจน์ ่าผู้ถูกกล่า ากระทาผิดในกรณีใด เพ่ือใช้
ในการ ินจิ ฉยั ปรบั บทลงโท ่าได้กระทาผิดตามมาตราใด
ข้อค รคานึงในการกา นดประเด็น อบ น
1. ค รพิจารณา ่าเรื่องที่จะทาการ อบ นน้ันมีข้อกล่า าเกี่ย กับเร่ืองอะไร อย่างไร
เป็นค ามผิดในกรณีใด และตามมาตราใด
2. ค รพิจารณา ่า ค ามผิดในกรณีตามท่ีกล่า านั้นมีองค์ประกอบของค ามผิดตามที่
บทกฎ มาย ่าด้ ย ินัยกา นดไ ้อย่างไร เพื่อจะได้ อบ นข้อเท็จจริงใ ้ตรงตามประเด็นอันจะ
พิ จู น์ได้ า่ ผู้ถกู กล่า า มคี ามผิด ตามกรณีที่กลา่ า รือไม่
3. ค รคานึง ่า ข้อเท็จจริง รือข้อมูลเบ้ืองต้น ร มทั้งพยาน ลักฐานต่าง ๆ ในเบ้ืองต้นอัน
เก่ีย กับ ข้อกล่า า ่ากระทาผิด ินัยน้ัน มีอยู่แล้ อย่างไรบ้าง และผู้ถูกกล่า าได้ใ ้การเบื้องต้นรับ
รือปฏิเ ธในข้อใด มีข้ออ้าง รือข้อเถียงประการใด ซึ่งจะทราบได้จากการร บร มข้อมูลเบื้ องต้น
จากการแจ้งข้อกล่า าและ รุปพยาน ลักฐานที่ นับ นุนข้อกล่า าใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบ และจาก
การ อบ นผู้ถกู กลา่ าในตอนแรก
ท้ังน้ี ประเด็นที่จะ อบ นน้ันอาจมีเพียงประเด็นเดีย รือ ลายประเด็นก็ได้แล้ แต่ ่า
ผ้ถู กู กลา่ าได้รับ รือปฏิเ ธข้อเท็จจริงอันใดบ้าง ประกอบกับค ามยากง่าย รือค ามยุ่งยากซับซ้อน
ของแต่ละเร่ืองด้ ย ทั้งในชั้น อบ น ลังจากที่ได้แจ้งข้อกล่า าใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบแล้ และการ
อบ นในชั้นท่ีใ ้ผู้ถูกกล่า าชี้แจงแก้ข้อกล่า าและนา ืบแก้ข้อกล่า า คณะกรรมการ อบ น
จะต้องกา นดประเด็น อบ นที่จะกา นดจุด าคัญในการ าข้อมูลมาเพื่อใช้พิ ูจน์ค ามจริง
ใ ้ปรากฏ โดยตอ้ งพิจารณา ่าประเด็นที่กล่า า ่ามีเรื่องอะไรบ้าง จะ อบพยานคนใดก่อน รือจะตัด
พยานปากไ น จะร บร มพยาน ลกั ฐานอยา่ งไร
การ อบ นพยานบคุ คล พยานบุคคล ได้แก่
(1) บคุ คลท่ีรู้เ ็นเ ตกุ ารณ์
(2) บคุ คลทท่ี ราบเร่ืองทก่ี ล่า า
(3) บคุ คลทีเ่ กี่ย ขอ้ งกบั เร่อื งท่ีกล่า า
37
พยานบคุ คล มี 2 ประเภท คอื
1. พยานบุคคลที่คณะกรรมการ อบ นเรยี กมา อบ
2. พยานบุคคลท่ผี ถู้ กู กลา่ าอา้ งถึง รือใ เ้ รียกมา อบ
การ อบ นพยานท่ีอยตู่ ่างท้องท่ี
1. คณะกรรมการ อบ นไป อบ นพยาน ณ ท้องท่ขี องพยาน
2. ขอใ ้ ั น้า ่ นราชการ รือ ั น้า น่ ยงานในท้องท่ีน้ัน อบ นพยานแทน
โดยกา นดประเด็น รือขอ้ าคัญทจี่ ะต้อง อบ นไปใ ้
ิธีปฏิบัติในการ อบ นพยานบุคคลนั้น ต้องมีกรรมการน่ัง อบ นอย่างน้อยกึ่ง นึ่งของ
จาน นกรรมการ จึงจะเป็นองค์คณะทาการ อบ นพยานได้ ในกรณีการ ่งประเด็นไป อบ ั น้า
น่ ยงานในท้องที่นน้ั นัง่ อบร่ มกับคณะอกี อยา่ งน้อย 2 คน
อน่ึง การ อบ นปากคาผู้เ ีย าย รือพยานซึ่งเป็นเด็ก ก.ค. . มี นัง ือใ ้แจ้ง ่ นราชการ
น่ ยงาน การ ึก าและบุคคลที่เกี่ย ข้อง ถือปฏิบัติใ ้เป็นไปตามกฎ ก.ค. . ่าด้ ยการ อบ น
พิจารณา พ. . 2550 โดยเคร่งครัด แจ้งตาม นัง ือ านักงาน ก.ค. . ด่ นท่ี ุด ที่ ธ 0206.9/ 2
ลง นั ท่ี 2 กมุ ภาพันธ์ 2555
ข้อ า้ มในการ อบ น
1. ้ามมิใ ้กรรมการ อบ นผู้ใดกระทาการ รือจัดใ ้กระทาการใด ๆ ซ่ึงเป็นการใ ้คาม่ัน
ัญญา ขู่เข็ญ รือกระทาการโดยมิชอบด้ ยประการใด ๆ เพ่ือจูงใจบุคคลนั้น ใ ้ถ้อยคาอย่างใด ๆ
รือกระทาใ ้ท้อใจ รือใช้กลอุบายอื่นเพื่อปูองกันมิใ ้บุคคลใดใ ้ถ้อยคาซ่ึงอยากจะใ ้ด้ ยค ามเต็ม
ใจในเรอื่ งท่ถี ูกกล่า า (ข้อ 29)
2. ้ามมิใ ้บุคคลอ่ืนอยู่ในท่ี อบ น เ ้นแต่ทนายค าม รือท่ีปรึก าของผู้ถูกกล่า า รือ
บคุ คลซ่งึ คณะกรรมการ อบ นอนุญาตใ ้อยู่ เพื่อประโยชนแ์ ่งการ อบ น (ขอ้ 30)
3. ในการบันทึกถ้อยคา ้ามมิใ ้ขูดลบ รือบันทึกข้อค ามทับ ถ้าจะต้องแก้ไขข้อค ามท่ีได้
บันทึกไ ้แล้ ใ ้ใช้ ิธีขีดฆ่า รือตกเติม และใ ้กรรมการ อบ นผู้ร่ ม อบ นอย่างน้อย นึ่งคนกับ
ผใู้ ถ้ อ้ ยคาลงลายมอื ชือ่ กากับไ ท้ ุกแ ง่ ที่ขดี ฆ่า รือตกเติม (ข้อ 30)
4. ในการ อบ นของคณะกรรมการ อบ น า้ มมิใ ้บคุ คลอ่ืนร่ มทาการ อบ น
ในกรณที คี่ ณะกรรมการ อบ นเรียกบุคคลใดมาเป็นพยานใ ้บุคคลน้ันมาชี้แจง รือใ ้ถ้อยคา
ตาม ัน เ ลา และ ถานท่ีท่คี ณะกรรมการ อบ นกา นด
ในกรณีท่ีพยานมาแต่ไม่ใ ้ถ้อยคา รือไม่มา รือคณะกรรมการ อบ นเรียกพยานไม่ได้
ภายในเ ลาอัน มค ร รือการ อบ นพยาน ลักฐานใดจะทาใ ้การ อบ นล่าช้าโดยไม่จาเป็น
รือมิใช่พยาน ลักฐานในประเด็น าคัญ คณะกรรมการ อบ นจะงดไม่ อบ นพยานนั้นก็ได้
แต่ต้องบันทึกเ ตุนั้น ไ ้ในบันทึกประจา ันที่มีการ อบ น ตามข้อ 14 และในรายงานการ อบ น
ตามขอ้ 39
38
การ อบ นทมี่ ชิ อบและบกพร่อง
การ อบ นที่มชิ อบและบกพร่อง เกดิ ข้นึ ไดใ้ นกรณีดงั ต่อไปนี้
1. กรณีที่คา ่ังแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ นไม่ถูกต้องตามข้อ 3 (คุณ มบัติของประธาน
กรรมการและกรรมการ อบ น) กรณีนี้มีผลทาใ ้การ อบ นท้ัง มดเ ียไป ใ ้ผู้ ั่งแต่งตั้ง
คณะกรรมการผู้มีอานาจตามมาตรา 98 รือมาตรา 104(1) แต่งต้ังคณะกรรมการ อบ นใ ม่
ใ ้ถูกต้อง
2. กรณีท่ีปรากฏ า่ การ อบ นขัน้ ตอนใดทาไม่ถกู ตอ้ ง ใ ้การ อบ นตอนน้ันเ ยี ไปเฉพาะ
กรณี ได้แก่
2.1. การประชุมของคณะกรรมการ มีกรรมการมาประชุมไม่ครบตามท่ีกา นดไ ้ในข้อ 17
รรค น่ึง
2.2. การ อบปากคาบุคคลดาเนินการไม่ถูกต้อง ตามท่ีกา นดในข้อ 11,-ข้อ 27,--ข้อ 28
รรค อง, ข้อ 29 , ข้อ 30 รรค น่ึง รือข้อ 32 รรค น่ึง ใ ้ผู้ ่ังแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ น
รือผู้มีอานาจ แล้ แตก่ รณี ัง่ ใ ค้ ณะกรรมการดาเนินการตามกรณดี งั กล่า ใ มใ่ ้ถูกต้องโดยเร็
2.3 กรณีคณะกรรมการ อบ นไม่เรียกผู้ถูกกล่า ามารับทราบข้อกล่า าและ รุป
พยาน ลักฐานท่ี นับ นุนข้อกล่า า รือไม่ ่งบันทึกการแจ้งข้อกล่า าและ รุปพยาน ลักฐาน
ที่ นับ นุนข้อกล่า าทางไปร ณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปใ ้ผู้ถูกกล่า า รือไม่มี นัง ือขอใ ้ผู้ถูก
กล่า าช้ีแจง รือนัดมาใ ้ถ้อยคา รือนา ืบแก้ข้อกล่า าตามข้อ 24 ใ ้ผู้ ่ังแต่งต้ัง ผู้มีอานาจ
แล้ แต่กรณี ง่ั ใ ้คณะกรรมการ อบ นดาเนินการใ ้ถูกต้องโดยเร็ และต้องใ ้โอกา ผู้ถูกกล่า าที่
จะชแี้ จง ใ ถ้ ้อยคาและนา บื แก้ขอ้ กล่า าตามที่กา นดไ ใ้ นข้อ 24 ด้ ย
ในกรณีท่ีการ อบ นของคณะกรรมการแตกต่างจากข้อกล่า าท่ีคณะกรรมการได้แจ้งใ ้
ผู้ถูกกล่า าทราบ แต่ในการ อบ นของคณะกรรมการน้ัน ากผู้ถูกกล่า าไม่ได้ ลงต่อ ู้โดยได้
แก้ข้อกล่า าในค ามผิดน้ันแล้ แต่ในการ อบ นของคณะกรรมการน้ัน ถ้าผู้ถูกกล่า าไม่ได้
ลงข้อต่อโดยได้แก้ข้อกล่า าในค ามผิดนั้นแล้ ใ ้ถือ ่าการ อบ นและพิจารณาน้ันใช้ได้และ
ใ ล้ งโท ผถู้ กู กลา่ าได้ตามบทมาตรา รือกรณีค ามผดิ ท่ีถูกต้อง ตามข้อ 45
กรณีที่ปรากฏ ่า การ อบ นตอนใดทาไม่ถูกต้องตามกฏ ก.ค. . นอกจากที่กา นดไ ้ใน
ข้อ 43, 44 และ 45 ถ้าการ อบ นตอนนั้นเป็น าระ าคัญอันจะทาใ ้เ ียค ามเป็นธรรม ใ ้ผู้ ั่ง
แต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น รือผู้มีอานาจแล้ แต่กรณี ่ังใ ้คณะกรรมการ อบ นแก้ไข รือ
ดาเนินการตอนนั้นใ ้ถูกต้องโดยเร็ แต่ถ้าการ อบ นตอนน้ันมิใช่ าระ าคัญอันจะทาใ ้เ ีย
ค ามเป็นธรรม ผมู้ ีอานาจจะ งั่ ใ ้แก้ไข รือดาเนินการใ ม่ใ ้ถูกต้อง รอื ไม่ก็ได้
การร บร มพยาน ลกั ฐาน
การร บร มพยาน ลักฐานเป็นกระบ นการ าคัญของการ อบ น ซึ่งคณะกรรมการ
อบ นมี น้าท่ีค้น าข้อเท็จจริง พยาน ลักฐาน ตลอดจนรายละเอียดของพฤติการณ์ต่าง ๆ อัน
เกี่ย กับเรื่องที่กล่า า และองค์ประกอบค ามผิดตามข้อกล่า า เพื่อแ ง าค ามจริงในเร่ืองที่
กล่า าและดูแลใ ้บังเกิดค ามยุติธรรมตลอดกระบ นการ อบ น ในการน้ีใ ้คณะกรรมการ
อบ นร บร มพยาน ลักฐานที่ได้จากการ อบ นเข้า าน นพยาน ลักฐานต่างๆ ท่ีจะร บร มนั้น
39
ได้แก่ คาใ ้การของผู้ถูกกล่า า คาใ ้การของพยานบุคคล พยานเอก าร ร มทั้งพยาน ัตถุ ประ ัติ
และค ามประพฤติของผู้ถูกกล่า าทีเ่ ก่ีย ข้องกับเร่ืองท่ีกล่า าเทา่ ที่จาเป็นเพ่ือประกอบการพิจารณา
การร บร มพยาน ลักฐาน คณะกรรมการ อบ นจะต้องกระทาอย่างอิ ระและเป็นกลาง
โดยปรา จากอคติอย่างใด ๆ ต่อผู้ถูกกล่า า โดยกระทาต้ังแต่เร่ิมต้นทาการ อบ นไปจนก ่าจะ
อบ นเ ร็จ ้ินกระแ ค าม เพ่ือจะได้ รุปข้อเท็จจริงและพยาน ลักฐานต่าง ๆ ทารายงานการ
อบ นพร้อมท้ังค ามเ ็นเ นอผู้ ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ น ท้ังน้ี ในการร บร ม
พยาน ลักฐานต่าง ๆ ดังท่ีกล่า นี้คณะกรรมการ อบ นค รจะได้ทา ารบาญไ ้ด้ ย เพื่อค าม
ะด กในการตร จ อบและพิจารณาของผู้ ั่งแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น รือผู้มีอานาจ น้าท่ี
พิจารณาเรื่องนั้น ๆ
การนาเอก าร รือ ัตถุมาใช้เป็นพยาน ลักฐานใน าน นการ อบ น ใ ้กรรมการ อบ น
บนั ทึกไ ้ด้ ย ่าไดม้ าอย่างไร จากผ้ใู ด และเมอื่ ใด
เอก ารที่ใช้เป็นพยาน ลักฐานใน าน นการ อบ นใ ้ใช้ต้นฉบับ แต่ถ้าไม่อาจนาต้นฉบับ
มาได้ จะใช้ าเนาทกี่ รรมการ อบ น รือผมู้ ี น้าท่ีรบั ผิดชอบรับรอง า่ เป็น าเนาถูกต้องก็ได้
ในกรณีที่ าต้นฉบับเอก ารไม่ได้เพราะ ูญ าย รือถูกทาลาย รือโดยเ ตุประการอื่นจะ
ใ น้ า าเนา รือพยานบคุ คลมา บื ก็ได้
เม่อื คณะกรรมการ อบ นได้ร บร มพยาน ลักฐานเ รจ็ แล้ กอ่ นเ นอ าน นการ อบ น
ต่อผู้ ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ น ถ้าคณะกรรมการ อบ นเ ็น ่าจาเป็นจะต้องร บร ม
พยาน ลักฐาน เพ่ิมเติมก็ใ ้ดาเนินการได้ ถ้าพยาน ลักฐานท่ีได้เพ่ิมเติมมาน้ัน เป็นพยาน ลักฐานท่ี
นับ นนุ ขอ้ กลา่ า ใ ค้ ณะกรรมการ รุปพยาน ลกั ฐานดงั กล่า ใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบ และใ ้โอกา
ผถู้ กู กลา่ าที่จะใ ้ถ้อยคา รือนา บื แก้เฉพาะพยาน ลกั ฐานเพม่ิ เตมิ ท่ี นับ นนุ ข้อกลา่ านนั้ (ขอ้ 25)
ผู้ถูกกล่า าซ่ึงได้ย่ืนคาช้ีแจง รือใ ้ถ้อยคาแก้ข้อกล่า าไ ้แล้ มี ิทธิยื่นคาช้ีแจงเพิ่มเติม
รือขอใ ้ถ้อยคา รือนา ืบแก้ข้อกล่า าเพิ่มเติมได้ กรณีอยู่ระ ่างการพิจารณาของผู้ ่ังแต่งต้ัง
คณะกรรมการ อบ น รอื ผบู้ ังคบั บัญชาคนใ ม่ ผ้ถู กู กล่า าอาจยน่ื คาชแ้ี จงตอ่ บคุ คลดงั กล่า ได้ (ขอ้ 26)
ระยะเ ลาในการ อบ น
กรณีการ อบ น นิ ยั ไมร่ ้ายแรง ใ ้คณะกรรมการ อบ นดาเนนิ การใ ้แล้ เ ร็จภายใน 90
ัน นับแต่ ันท่ีประธานได้รับทราบคา ั่งแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น โดยนาขั้นตอนการ อบ น
ตามข้อ 20 (1) (2) (3) (4)และ (5) มาใช้บงั คับ โดยอนโุ ลม
ในกรณีทีค่ ณะกรรมการ อบ นไม่ ามารถดาเนนิ การใ ้แล้ เ ร็จภายในกา นดระยะเ ลาได้
ใ ป้ ระธานกรรมการ อบ นรายงานเ ตุท่ีทาใ ก้ าร อบ นไม่แล้ เ ร็จต่อผู้ ่ังแต่งตั้งคณะกรรมการ
อบ น เพ่ือขอขยายระยะเ ลาการ อบ น ในกรณีเช่นน้ีใ ้ผู้ ่ังแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ น
ั่งขยายระยะเ ลาดาเนินการได้ตามค ามจาเป็นไม่เกิน 30 ันกรณี อบ นทาง ินัยไม่ร้ายแรง และ
คร้ังละไม่เกิน 60 ัน กรณี อบ นทาง ินัยอย่างร้ายแรง ากไม่แล้ เ ร็จภายใน 240 ัน ใ ้ประธาน
กรรมการ อบ นรายงานเ ตุท่ีทาใ ้การ อบ นไม่แล้ เ ร็จต่อผู้ ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ น
เพ่ือรายงานใ ้ ก จ. อ.ก.ค. . ท่ี ก.ค. . ตั้ง รือ ก.ค. .แล้ แต่กรณี เพื่อมีมติเร่งรัดการ อบ น
ภายในระยะเ ลาทกี่ า นด
40
การทารายงานการ อบ น
การทารายงานการ อบ น คือ การทาบันทึก รุปข้อเท็จจริงและพยาน ลักฐานท่ีได้จากการ
อบ น พร้อมท้ังแ ดงค ามเ ็น ่าผู้ถูกกล่า าได้กระทาผิด ินัยตามมาตราใด อย่างไร รือไม่
โดยอา ัยพยาน ลักฐานและเ ตุผลใด และค รได้รับโท ถานใด รือผู้ถูกกล่า า ย่อน
ค าม ามารถในอันที่จะปฏิบัติ น้าท่ีราชการ รือบกพร่องใน น้าที่ราชการด้ ยเ ตุใด รือประพฤติ
ตนไม่เ มาะ มกับตาแ น่ง น้าที่ราชการ รือไม่ อย่างไร รือเป็นผู้มีมลทิน รือมั มองในกรณี
ท่ี อบ นนน้ั รอื ไมอ่ ย่างไร (ขอ้ 38)
การทารายงานการ อบ น คณะกรรมการ อบ นจะกระทาเม่ือได้ประชุมลงมติแล้
โดยคณะกรรมการ อบ นจะทารายงานการ อบ น ตามแบบ .6 ท้ายกฎ ก.ค. . ่าด้ ย
การ อบ น พิจารณา พ. . 2550 ซึ่งถือเป็น ่ น น่งึ ของ าน นการ อบ น
ในรายงานการ อบ นใ ม้ ี าระ าคัญ ดงั น้ี
1. รุปขอ้ เทจ็ จริงและพยาน ลักฐาน ่ามีอย่างใดบ้าง กรณีท่ีไม่ได้ อบ นพยานตามข้อ 30
และข้อ 31 ใ ้รายงานเ ตุที่ไม่ได้ อบ นน้ันใ ้ปรากฏไ ้ด้ ย และในกรณีท่ีผู้ถูกกล่า าใ ้ถ้อยคา
รับ ารภาพใ ้ บันทึกเ ตุผลในการรับ ารภาพ (ถ้ามี) ไ ้ด้ ย เช่น บันทึก ่าผู้ถูกกล่า าใ ้ถ้อยคารับ
ารภาพเพราะจานน ต่อ ลักฐาน รือเพราะเ ตใุ ด เพือ่ ประโยชน์อยา่ งใดของผถู้ ูกกล่า า
2. ินิจฉัยเปรียบเทียบพยาน ลักฐานท่ี นับ นุนข้อกล่า าและพยาน ลักฐานที่ ักล้าง
ขอ้ กลา่ า (ถา้ ม)ี า่ ค รรบั ฟงั พยาน ลักฐานฝ่ายใด เพียงใด โดยอา ยั เ ตุผลใด
3. ค ามเ ็นของคณะกรรมการ อบ น ่าผู้ถูกกล่า าได้กระทาผิด ินัย รือไม่ อย่างไร
ถ้ากระทาผิด เป็นค ามผิดในกรณีใด ตามมาตราใด และค รได้รับโท ถานใด รือ ย่อนค าม ามารถ
ในอนั ท่ีจะปฏบิ ัติ นา้ ท่ีราชการ รอื บกพรอ่ งใน นา้ ท่ีราชการด้ ยเ ตุใด รือประพฤติตนไม่เ มาะ ม
กบั ตาแ น่ง น้าทร่ี าชการ รอื ไม่ อยา่ งไร รือเป็นผู้มีมลทิน รือมั มองในกรณีที่ อบ นนั้น รือไม่
อย่างไร
4. เ ตุผลพร้อมข้อ นับ นุนการใช้ดุลพินิจของกรรมการ อบ น ากมีกรรมการ อบ น
ผู้ใด มคี ามเ ็นแยง้ ใ บ้ ันทกึ ค ามเ ็นแย้งไ ก้ ับรายงานการ อบ น
เม่ือคณะกรรมการ อบ นได้ทารายงานการ อบ นเ ร็จแล้ ใ ้เ นอ าน นการ อบ น
พร้อมท้ัง ารบาญต่อผู้ ่ังแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น เมื่อคณะกรรมการ อบ นได้เ นอ าน น
การ อบ นตอ่ ผู้ ง่ั แตง่ ต้งั คณะกรรมการ อบ นแล้ จึงจะถือ า่ การ อบ นแล้ เ รจ็ (ข้อ 39)
อย่างไรก็ดี การทารายงานการ อบ นเป็นแต่เพียงการเ นอข้อเท็จจริงและค ามเ ็น
มิใช่การชีข้ าดในการรับฟงั ขอ้ เทจ็ จริงและการช้ีขาดค ามผดิ และการกา นดค ามผิดร มท้ังการกา นด
โท เป็นเร่ืองของผู้ ่ังแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น รือผู้บังคับบัญชา รือองค์คณะผู้มีอานาจ
แล้ แตก่ รณี เป็นผู้พิจารณา
ในการทารายงานการ อบ น คณะกรรมการ อบ นจะตอ้ งดาเนนิ การใน าระ าคัญ ดงั น้ี
(1) ประชมุ ปรกึ ากนั
(2) รุปขอ้ เทจ็ จริงและพยาน ลกั ฐาน
พยาน ลักฐาน คือ ่ิงท่ีแ ดงใ ้เ ็นอย่างมีเ ตุผลถึงค ามถูกต้อง รือไม่ถูกต้องของ
เ ตกุ ารณ์ พยาน ลักฐานมี 3 ประเภท คอื
41
1) พยานเอก าร คอื ง่ิ ทจ่ี ารึกเป็นลายลัก ณ์อกั รท่แี ดงออกซ่ึงค าม มาย
2) พยาน ัตถุคือ ่ิงที่มีรูปร่างท้ัง ลายซ่ึงมีผลต่อค ามจริงท่ีเกิดข้ึน เช่น อา ุธต่าง ๆ ที่ใช้ใน
การกระทาผิด แถบบนั ทึกเ ียง ฯลฯ เป็นตน้
3) พยานบุคคล คอื บคุ คลทีจ่ ะตอ้ งใ ้ถ้อยคาเกี่ย กับข้อเท็จจริงท่ีตนได้รับรู้โดย ัมผั ทางตา
ู จมกู ล้ิน กาย ใจของตน
า รับพยานผู้เชี่ย ชาญ คือ พยานบุคคลที่จะต้องใ ้การเกี่ย กับค ามเ ็นในทาง ิชาการ
เชน่ นายแพทย์ ิ กร ถาปนิก ฯลฯ เป็นต้น
พยาน ลักฐานท่ีจะนามา ู่การพิจารณาน้ัน อาจเป็นพยานเอก าร พยาน ัตถุ พยานบุคคล
อยา่ งใดอยา่ ง นึ่ง รอื ลายอยา่ ง
(1) การรับฟงั ข้อเทจ็ จรงิ
(2) การแ ดงค ามเ ็น ่าผู้ถกู กล่า าไดก้ ระทาผิด นิ ัยอยา่ งไร รือไม่ การแ ดงค ามเ น็ ่าผู้ถูก
กล่า าได้กระทาผิด ินัยอย่างไร รือไม่ เป็นการพิจารณาปรับข้อเท็จจริงที่ได้จากการ อบ นกับบท
มาตรา า่ ด้ ยการกระทาผิด
การทาค ามเ ็นปรับข้อเท็จจริงกับบทมาตราค ามผิดค รพิจารณาตามลาดับโครง ร้างของ
ค ามผิดทาง นิ ัย ซึง่ มีลาดับดงั น้ี
1) การกระทาของผถู้ กู กลา่ านน้ั ต้องตามที่กฎ มายบญั ญตั ิ ่าเป็นค ามผดิ ทาง นิ ยั รือไม่
2) การกระทานน้ั เป็นการกระทาทผ่ี ู้ถูกกล่า าพึงกระทาไดโ้ ดยชอบ รอื ไม่
3) ผ้ถู กู กลา่ าทกี่ ระทาการนัน้ เปน็ ผู้ท่มี ีค าม ามารถรูผ้ ดิ ชอบในการกระทาน้ัน รอื ไม่
(4) เ นอแนะโท ท่คี รไดร้ ับ
การเ นอแนะโท และระดับโท ที่จะลงแก่ผู้ถูกกล่า าจะต้องกระทาเมื่อคณะกรรมการ
อบ นไดพ้ จิ ารณาแล้ เ ็น า่ การกระทาของผู้ถูกกล่า าเป็นค ามผิดทาง ินัย ซ่ึงอาจเป็นค ามผิด
กรณเี ดีย รือ ลายกรณี รือ ลายกระทงก็ได้ โท และระดับโท ท่ีเ นอแนะใ ้ลงแก่ผู้ถูกกล่า าน้ี
ตอ้ งตัง้ อยบู่ นพ้นื ฐานของเ ตุผลจากพยาน ลักฐานท่ีได้ อบ นร บร มไ ้นั้น และค รคานึงถึงระดับ
โท ตามท่ีกฎ มายกา นด และที่คณะรัฐมนตรี รือ ก.ค. . รือ ก.ค. รือ ก.พ. ได้มีมติกา นดเป็น
ลกั ปฏิบัตไิ ้ ร มทั้งระดับโท ท่ี เคยลงแก่ผู้กระทาผิดอย่างเดีย กันมาแล้ ด้ ย ทั้งนี้ ข้อเ นอแนะ
ดงั กลา่ ค รร มทงั้ ขอ้ เ นอแนะในการลด ย่อนผ่อนโท รอื งดโท ด้ ย
เมอื่ คณะกรรมการ อบ นได้ประชมุ ปรึก า รุปข้อเท็จจริงและพยาน ลักฐาน และพิจารณา
เ ็น า่ ผถู้ ูกกล่า าไดก้ ระทาผิด นิ ยั อยา่ งไร รือไม่ ค รได้รับโท ใน ถานใด รือผู้ถูกกล่า า ย่อน
ค าม ามารถในอันท่ีจะปฏิบัติ น้าที่ราชการ รือบกพร่องใน น้าที่ราชการ รือประพฤติตนไม่
เ มาะ มกับตาแ น่ง น้าท่ีราชการ รือเป็นผู้มีมลทิน รือมั มองในกรณีท่ีถูก อบ นนั้น รือไม่
อย่างไรแล้ ก็ทาบันทึกรายงานการ อบ นตามแบบ .6 ถ้ากรรมการ อบ นคนใดมีค ามเ ็นแย้ง
ก็ใ ท้ าค ามเ ็นแยง้ ตดิ ไปกบั รายงานการ อบ น
การทารายงานการ อบ น
าระ าคัญของรายงานการ อบ น
1. รุปขอ้ เทจ็ จรงิ และพยาน ลักฐานมีอะไร อย่างไร
42
2. นิ ิจฉัยเปรยี บเทยี บพยาน ลกั ฐาน นบั นนุ /พยาน ลักฐาน ลักล้าง
3. ค ามเ น็ คณะกรรมการ อบ น
ไมผ่ ิด ยุตเิ ร่ือง
ผิด กรณใี ด มาตราใด โท ถานใด
4. ร บร มประ ัติ ค ามประพฤติของผู้ถกู กล่า า
5. จัดทา ารบญั เอก าร
การตร จ อบค ามถกู ต้องของการ อบ น
เมือ่ คณะกรรมการ อบ นไดเ้ นอ าน นการ อบ นตอ่ ผู้ ่ังแตง่ ตัง้ คณะกรรมการ อบ นแล้
ผู้ ่ังแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ นจะต้องตร จ อบค ามถูกต้องของการ อบ นก่อนดาเนินการ
ต่อไป
(1) ในกรณีที่ปรากฏ ่าการแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ นไม่ถูกต้อง ตามข้อ 3 ซึ่งทาใ ้
การ อบ น ทั้ง มดเ ียไป ในกรณีเช่นน้ีผู้ ่ังแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ นต้อง ่ังแต่ง ต้ัง
คณะกรรมการ อบ นใ ม่ใ ้ถกู ต้อง
(2) ในกรณีที่ปรากฏ ่าการ อบ นตอนใดทาไม่ถูกต้อง ซ่ึงทาใ ้การ อบ นตอนน้ันเ ียไป
เฉพาะในกรณีดงั ต่อไปน้ี
ก. การประชุมของคณะกรรมการ อบ น มกี รรมการ อบ นมาประชุมไม่ครบตามท่ีกา นด
ไ ้ในข้อ 17 รรค นึง่
ข. การ อบปากคาบุคคลดาเนินการไมถ่ กู ตอ้ งตามที่กา นดไ ้ในข้อ 11 ข้อ 27 ข้อ 28 รรค
อง ข้อ 29 ข้อ 30 รรค นึ่ง รือข้อ 32 รรค น่ึง ในกรณีเช่นนี้ ผู้ ่ังแต่งตั้งคณะกรรมการ
อบ นต้อง ่ังใ ้คณะกรรมการ อบ นดาเนนิ การ ตามกรณดี ังกล่า ใ มใ่ ้ถูกต้องโดยเร็
3) ในกรณีที่ปรากฏ ่าคณะกรรมการ อบ นไม่เรียกผู้ถูกกล่า ามารับทราบข้อกล่า า
และ รุปพยาน ลักฐานท่ี นับ นุนข้อกล่า า รือไม่ ่งบันทึกการแจ้งข้อกล่า าและ รุป
พยาน ลักฐาน ที่ นับ นุนข้อกล่า าทางไปร ณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปใ ้ผู้ถูกกล่า า รือไม่มี
นัง ือขอใ ้ผู้ถูกกล่า าช้ีแจง รือนัดมาใ ้ถ้อยคา รือ นา ืบแก้ข้อกล่า า ตามข้อ 24 ต้อง ั่งใ ้
คณะกรรมการ อบ นดาเนินการใ ้ถูกต้อง โดยเร็ และต้องใ ้โอกา ผู้ถูกกล่า าที่จะชี้แจง
ใ ถ้ ้อยคาและนา ืบแกข้ ้อกลา่ าตามที่กา นดไ ใ้ นข้อ 24 ด้ ย
ในกรณีท่ีการ อบ นของคณะกรรมการ อบ นแตกต่างจากข้อกล่า าท่ีคณะกรรมการ
อบ นได้แจ้งใ ้ผู้ถูกกล่า าทราบ แต่ในการ อบ นของคณะกรรมการ อบ นน้ัน ถ้าผู้ถูกกล่า า
ไม่ได้ ลงข้อต่อ ู้ โดยได้แก้ข้อกล่า าในค ามผิดนั้นแล้ ซ่ึงไม่ทาใ ้เ ียค ามเป็นธรรม ใ ้ถือ ่าการ
อบ นและพจิ ารณานนั้ ใช้ได้ และใ ล้ งโท ผ้ถู กู กล่า าได้ตามบทมาตรา รือกรณีค ามผดิ ที่ถกู ต้อง
(4) ในกรณีที่ปรากฏ ่าการ อบ นตอนใดทาไม่ถูกต้องตามกฎ ก.ค. . น้ี นอกจากที่กา นด
ไ ้ ในข้อ 43 ข้อ 44 และข้อ 45 ถ้าการ อบ นตอนน้ันเป็น าระ าคัญอันจะทาใ ้เ ียค าม
เป็นธรรม ผู้ ่ังแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ นต้อง ่ังใ ้คณะกรรมการ อบ นแก้ไข รือดาเนินการ
ตอนนั้นใ ้ถูกต้องโดยเร็ แต่ถ้าการ อบ นตอนนั้นมิใช่ าระ าคัญอันจะทาใ ้เ ียค ามเป็นธรรม
จะ งั่ ใ ้แก้ไข รอื ดาเนนิ การใ ถ้ ูกตอ้ ง รือไม่ก็ได้
43
การพจิ ารณา ่งั การของผู้ ั่งแต่งตัง้ คณะกรรมการ อบ น
เม่ือคณะกรรมการ อบ นเ นอ าน นการ อบ นต่อผู้ ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ น
และผู้ ั่งแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ นได้ตร จ อบค ามถูกต้องของการ อบ นแล้ ต้องพิจารณา
่งั การ ดงั ตอ่ ไปนี้
(1) ในกรณีที่คณะกรรมการ อบ นเ ็น ่าผู้ถูกกล่า าไม่ได้กระทาผิด รือไม่มีเ ตุที่จะใ ้
ออกจากราชการ ตามมาตรา 112 มค รยุติเรื่อง รือกระทาผิดท่ียังไม่ถึงขั้นเป็นการกระทาผิด ินัย
อย่างร้ายแรงใ ้ผู้ ั่งแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ นพิจารณา ่ังการตามท่ีเ ็น มค รโดยเร็ ท้ังน้ี
ตอ้ งไมเ่ กนิ ก ิบ นั นบั แต่ ัน ได้รับ าน นการ อบ น
(2) ในกรณีที่คณะกรรมการ อบ นเ น็ า่ ผู้ถูกกล่า า ย่อนค าม ามารถในอันท่ีจะปฏิบัติ
น้าท่ีราชการบกพร่องใน น้าท่ีราชการ รือประพฤติตนไม่เ มาะ มกับตาแ น่ง น้าท่ีราชการ
ตามมาตรา 111 ใ ผ้ ู้ ั่งแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ นพิจารณา าน นการ อบ นดังกล่า ากเ ็น
่ามีเ ตุตามท่ีคณะกรรมการ อบ นมีค ามเ ็นมาใ ้ผู้ ่ังแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ นดาเนินการ
ตามมาตรา 111
(3) ในกรณีท่ีคณะกรรมการ อบ นมีค ามเ ็น ่าผู้ถูกกล่า ากระทาผิด ินัยอย่างร้ายแรง
มค รลงโท ปลดออก รือไล่ออก ซ่ึงจะต้อง ่งเร่ืองใ ้ ก จ. อ.ก.ค. . ท่ี ก.ค. . ต้ัง รือ ก.ค. .
พิจารณา ตามมาตรา 100 รรค ่ี (1) รือ (2) รือเป็นกรณีตามมาตรา 112 ใ ้ผู้มีอานาจตาม
มาตราดังกล่า ดาเนินการโดยไม่ชักช้า ท้ังน้ี ต้องไม่เกิน ก ิบ ันนับแต่ ันได้รับ าน นการ อบ น
และใ ้ ก จ. อ.ก.ค. . ท่ี ก.ค. . ต้ัง รือ ก.ค. . แล้ แต่กรณี พิจารณาใ ้แล้ เ ร็จ และมีมติโดยเร็
และใ ผ้ มู้ ีอานาจ ั่งการตามมติภายใน ก ิบ นั นับแต่ นั ท่ี มมี ตดิ ังกล่า (ขอ้ 40)
4. การพิจารณาค ามผิดและการกา นดโท
การพิจารณาค ามผดิ และกา นดโท มายถึง การพิจารณา ินิจฉัย ่าผู้ถูกกล่า าได้กระทา
ผิด นิ ยั รอื ไม่ ากกระทาผิดเป็นค ามผดิ กรณีใด ตามมาตราใด และค รลงโท ถานใด การพิจารณา
ค ามผิดและกา นดโท เป็นกระบ นการท่ีจะต้องกระทาโดยผู้มีอานาจ น้าท่ีตามที่กฎ มายกา นด
และจะกระทาได้ต่อเม่ือ ได้ทราบข้อเท็จจริงของเรื่องที่กล่า าโดยกระจ่างชัดเพียงพอท่ีจะพิจารณา
ินจิ ฉยั ค ามผิดและกา นดโท ได้ ท้ังนี้ ต้องเปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทีไ่ ด้มาจากการ อบ น เ ้นแต่กรณีท่ีเป็น
ค ามผดิ ทปี่ รากฏชัดแจ้งตามที่กา นดในกฎ ก.ค. .
ผูม้ อี านาจพิจารณาค ามผิดและกา นดโท
ผู้มีอานาจ น้าที่ในการพิจารณาค ามผิดและกา นดโท ตามพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการครู และบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547 ได้แก่
1) ผ้บู งั คบั บัญชาตามกฎ มาย
2) อ.ก.ค. . เขตพ้ืนท่ีการ ึก า (เปลี่ยนเป็น ก จ. ตามคา ั่ง ั น้าคณะรัก าค าม งบ
แ ง่ ชาติ ท่ี 19/2560 ลง ันที่ 3 เม ายน 2560) รอื อ.ก.ค. . ที่ ก.ค. . ต้งั
3) ก.ค. .