44
ค ามผดิ ินยั มี 2 กรณี คอื
ก. ค ามผิด ินัยไม่ร้ายแรง ผู้มีอานาจพิจารณาค ามผิดและกา นดโท คือ ผู้บังคับบัญชา
ตามทกี่ ฎ มายกา นด
ข. ค ามผิด นิ ัยอย่างร้ายแรง ผูม้ ีอานาจพจิ ารณาค ามผดิ และกา นดโท มีดงั น้ี
1) ก.ค. . า รับตาแ น่ง ผู้อาน ยการ านักงานเขตพื้นท่ีการ ึก าและรองผู้อาน ยการ
านักงานเขตพื้นที่การ ึก า ตาแ น่ง า ตราจารย์ ตาแ น่งซึ่งมี ิทยฐานะเชี่ย ชาญพิเ และผู้ซ่ึง
กระทาผิด ินัยอย่างร้ายแรงร่ มกับผู้ดารงตาแ น่งดังกล่า ร มทั้งกรณีที่เป็นการดาเนินการของ
ผ้บู งั คบั บัญชาท่ีมตี าแ นง่ เ นือ ั น้า ่ นราชการ รอื ผอู้ าน ยการ านกั งานเขตพ้ืนท่ีการ ึก าข้ึนไป
2) ก จ. า รบั ตาแ นง่ ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการ ึก าที่ ังกัดเขตพ้ืนที่การ ึก าที่
มี ิทยฐานะตั้งแต่เช่ีย ชาญลงมา และตาแ นง่ ทไ่ี มม่ ี ทิ ยฐานะ
3) อ.ก.ค. . ที่ ก.ค. . ต้ัง า รับข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าที่ไม่ ังกัดเขตพื้นท่ี
การ กึ าที่มี ิทยฐานะตั้งแตเ่ ช่ีย ชาญลงมา และตาแ นง่ ทีไ่ มม่ ี ทิ ยฐานะ
ลักการพิจารณาค ามผิดและการกา นดโท
ในการพิจารณาค ามผิด มี ลักทีค่ รคานงึ ดังนี้
1. ลักนิติธรรม ได้แก่ การพิจารณาโดยยึดกฎ มายเป็น ลักการกระทาใดจะเป็นค ามผิด
ทาง ินัยกรณีใด ต้องมีกฎ มายบัญญัติ ่าการกระทานั้นเป็นค ามผิดทาง ินัย ากไม่มีกฎ มาย
บญั ญัติ า่ การกระทาน้ันเป็นค ามผิดทาง ินัยก็ไม่ถือ ่าเป็นการกระทาผิด ินัย ในการพิจารณา ่าการ
กระทาใดเป็นค ามผิด ินัยกรณีใด ต้องพิจารณาใ ้เข้าองค์ประกอบของการกระทาค ามผิดกรณีน้ัน
ด้ ย ถ้าข้อเท็จจริงบ่งช้ี ่า เข้าองค์ประกอบค ามผิดตามมาตราใด ก็ปรับบทค ามผิดไปตามมาตรานั้น
และลงโท ไปตามค ามผิดนั้น
2. ลักมโนธรรม ได้แก่ การพิจารณาใ ้เป็นไปโดยถูกต้องเท่ียงธรรมตามค ามเป็นจริงและ
ตามเ ตุและผลที่ค รจะเป็น มายถึง การพิจารณาค ามผิดไม่ค รคานึงถึงแต่ค ามถูกผิดตาม
กฎ มายเท่าน้ัน แต่ค รคานึงถึงค ามยุติธรรมด้ ย โดยจะต้องคานึงถึง ภาพค ามเป็นจริงของเรื่อง
น้นั ๆ า่ เป็นอย่างไร แล้ พจิ ารณาค ามผิดไปตาม ภาพค ามเปน็ จริง
การกา นดโท คือ การกา นดระดับโท ผู้กระทาผิด ินัยใ ้เป็นไปตามการปรับบทค ามผิด
่าเป็นค ามผิดตามมาตราใดของบทบัญญัติทาง ินัย ตาม ม ด 6 ซ่ึงมาตรา 96 แ ่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547 ได้กา นดโท ทาง นิ ัยไ ้ 5 ถาน คอื
(1) ภาคทัณฑ์
(2) ตดั เงินเดือน
(3) ลดขนั้ เงนิ เดอื น (เปลี่ยนเป็นโท ลดเงินเดอื น)
(4) ปลดออก
(5) ไล่ออก
โดยที่คา ั่ง ั น้าคณะรัก าค าม งบแ ่งชาติ ที่ 16/2560 เร่ือง การบริ ารงานบุคคล
ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า ลง ันที่ 21 มีนาคม 2560 ข้อ 7 ใ ้แก้ไขคา ่า
45
“ข้ันเงินเดือน” ในกฎ มาย ่าด้ ยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า เป็นคา ่า
“เงนิ เดอื น” ทุกแ ่ง ดงั นั้น โท ลดข้นั เงนิ เดือนจึงเปลี่ยนเป็นโท ลดเงินเดือน
ในการพจิ ารณากา นดโท มี ลักท่คี รคานงึ ถึง ดงั นี้
1. ลกั นติ ิธรรม คอื การคานงึ ถึงระดบั โท ตามที่กฎ มายกา นด
(1) ค ามผิด ินัยอย่างร้ายแรง : โท ปลดออก รือไล่ออกตามค ามร้ายแรงแ ่งกรณี
ถ้ามีเ ตุอันค รลด ย่อนอาจลด ยอ่ นโท ได้แต่ต้องไม่ตา่ ก ่าปลดออก (มาตรา 99)
(2) ค ามผิด ินัยไม่ร้ายแรง : โท ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน รือลดเงินเดือน ถ้ามีเ ตุอัน
ค รลด ย่อนจะนามาประกอบการพจิ ารณาลดโท ก็ได้
(3) กรณคี ามผิด นิ ยั เลก็ นอ้ ย และมเี ตอุ นั ค รงดโท จะงดโท โดยใ ้ทาทัณฑ์บนเป็น
นงั ือ รือ า่ กล่า ตักเตอื นก็ได้
ในการลด ย่อนโท ผู้บังคับบัญชาต้อง างโท ก่อน ่าค รลงโท ถานใด แต่มีเ ตุอันค ร
ลด ย่อนโท อยา่ งไรจึงใ ล้ งโท ถานใด รือใ ล้ ด ย่อนเปน็ ถานใด
ทั้งนี้ กรณีทุจริตต่อ น้าท่ีราชการซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเ ็น ่าค รไล่ออกจากราชการเท่าน้ัน
โดยเ ็น า่ การนาเงนิ ทีท่ จุ รติ ไปแล้ มาคืนไมเ่ ป็นเ ตุลด ย่อนโท
2. ลักมโนธรรม คือ การพิจารณากา นดโท ใ ้เ มาะ มตามค รแก่กรณี เช่น ค ามผิด
รา้ ยแรงกต็ อ้ งกา นดโท รา้ ยแรง ค ามผดิ ไมร่ า้ ยแรงก็ต้องกา นดโท ไม่ร้ายแรง ใ ้เ มาะ มกับกรณี
ค ามผดิ
3. ลักค ามเป็นธรรม คือ ต้องพิจารณากา นดโท โดยเ มอ น้ากัน ใครทาผิดก็ต้อง
ถูกลงโท ไม่มกี ารยกเ น้ ไม่เลือกท่ีรักมักท่ีชัง กระทาผิดอย่างเดีย กันค รต้องลงโท เท่ากัน อย่างไรก็
ดีแม้จะเป็นค ามผิด อย่างเดีย กัน แต่พฤติการณ์แ ่งการกระทาอาจไม่เ มือนกันโท จึงอาจแตกต่าง
กันได้
4. นโยบายของทางราชการ ผู้บังคับบัญชาค รจะได้รับทราบนโยบายของทางราชการในการ
ปราบปราม ก ดขันการกระทาผิดต่าง ๆ เพ่ือนามาเป็น ลักในการใช้ดุลพินิจกา นดระดับโท ใ ้ได้
มาตรฐานตามนโยบายของทางราชการ
การใช้ดุลพินิจในการพิจารณาค ามผิดและกา นดโท ทาง ินัยน้ัน นอกจากผู้บังคับบัญชา
รือผดู้ าเนนิ การทาง นิ ัยจะตอ้ งใช้ดุลพนิ จิ ภายในกรอบที่กฎ มายบัญญัติไ ้แล้ การใช้ดุลพินิจจะต้อง
มเี ตุผลที่รับฟังได้ และอยู่บนพ้ืนฐานของข้อเท็จจริงท่ีถูกต้องด้ ย ในทางปฏิบัติองค์กร รือ น่ ยงาน
ของรัฐจึงมีการกา นด แน ทางการใช้ดุลพินิจในการกา นดโท ภายในองค์กร รือ น่ ยงานของตน
เพอ่ื ใ ผ้ ู้ดาเนนิ การทาง นิ ัยใชด้ ุลพินจิ ไปในทิ ทาง รือมาตรฐานเดีย กัน
5. การลงโท ทาง ินยั
การลงโท ทาง ินัยเป็นมาตรการ น่ึงในการรัก า ินัย นอกเ นือจากการ ่งเ ริม
ใ ้ข้าราชการมี ินัย โดยมี ัตถุประ งค์เพื่อเป็นการปูองปรามมิใ ้มีการกระทาผิด ินัย และเพ่ือ
ประ ิทธภิ าพในการปฏบิ ตั ริ าชการ
ลกั เกณฑ์และ ธิ กี ารลงโท
1. ้ามลงโท ผู้ท่ีไม่มคี ามผดิ
2. ตอ้ งลงโท ใ ้เ มาะ มกับค ามผิด
46
3. การลงโท ต้องไม่เป็นไปโดยพยาบาท อคติ โท ะจรติ
4. โดยปกติ ้ามลงโท โดยใ ้มีผลย้อน ลัง ยกเ ้นกรณีที่ระเบียบ ก.ค. . ่าด้ ย ิธีการออก
คา ่ัง เก่ีย กับการลงโท ทาง ินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2548 ประกอบ
ระเบียบ ก.ค. . ่าด้ ย ันออกจากราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2548
กา นดใ ้ย้อน ลงั ได้ เชน่
- กรณีละท้ิง น้าที่ราชการติดต่อในครา เดีย กันเป็นเ ลาเกินก ่า 15 ัน และ
ไม่กลบั มาปฏิบัตริ าชการอีกเลย
- การลงโท ปลดออก รือไล่ออกจากราชการ า รับผูท้ ่ีออกจากราชการไปแล้
- กรณที ่ไี ดม้ ีคา ่งั พักราชการ รือคา ั่งใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อน
5. คา ่ังลงโท ตอ้ งทาเปน็ นัง อื ตามแบบท่ี ก.ค. . กา นด
6. ในคา ั่งใ ้แ ดง ่าผู้ถูกลงโท กระทาผิด ินัยในเร่ืองใด ตามมาตราใด มีข้อพิจารณาและ
ข้อ นบั นุนในการใชด้ ลุ พินิจอย่างไร
7. ต้องแจง้ คา งั่ ใ ้ผ้ถู กู ลงโท ทราบภายใน 7 ัน นบั แต่ นั ทอ่ี อกคา ั่งลงโท
ผ้มู อี านาจ ง่ั ลงโท
ผู้มีอานาจ ั่งลงโท ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาตามกฎ มาย และมีกฎ มายใ ้อานาจในการ ่ัง
ลงโท ไ ้ ผู้บังคับบัญชาที่จะมีอานาจ ่ังลงโท น้ัน ต้องเป็นผู้ดารงตาแ น่งที่กฎ มายบัญญัติใ ้มี
อานาจ ั่งลงโท ถ้ากฎ มายไม่ได้บัญญัติใ ้มีอานาจ ่ังลงโท ไ ้ แม้จะเป็นผู้บังคับบัญชา
ตามกฎ มายก็ไม่อาจ ่งั ลงโท ได้ เ ้นแต่จะได้รับมอบอานาจจากผู้มีอานาจ ่ังลงโท รือเป็นผู้รัก า
ราชการแทนผ้มู ีอานาจ ่ังลงโท
ผบู้ งั คับบญั ชาผู้มอี านาจ ง่ั ลงโท ตามกฎ ก.ค. . า่ ด้ ยอานาจการลงโท ภาคทณั ฑ์ ตดั เงนิ เดอื น
รอื ลดเงนิ เดอื น พ. . 2561 กา นดไ ้ ดงั น้ี
1) ผู้อาน ยการ ถาน ึก า รือตาแ น่งที่เรียกช่ืออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า มีอานาจ ั่ง
ลงโท ภาคทณั ฑ์ รือตัดเงินเดือนครั้ง นึ่งในอัตราร้อยละ 2 รือร้อยละ 4 ของเงินเดือนที่ผู้น้ันได้รับ
ใน นั ท่มี คี า ่ังลงโท เป็นเ ลา 1 เดือน 2 เดือน รือ 3 เดือน
2) นายกรัฐมนตรีในฐานะ ั น้ารัฐบาล รัฐมนตรีเจ้า ังกัด ปลัดกระทร ง เลขาธิการ อธิบดี
อธิการบดี ึก าธิการภาค ึก าธิการจัง ัด ผู้อาน ยการ านักงานเขตพื้นที่การ ึก า รือผู้ดารง
ตาแ น่งเทยี บเทา่ มอี านาจลงโท ภาคทณั ฑ์ตดั เงนิ เดือนครั้ง นงึ่ ในอตั ราร้อยละ 2 รือร้อยละ 4 ของ
เงนิ เดือนที่ผู้นั้นได้รับใน ันที่มีคา ่ังลงโท เป็นเ ลา 1 เดือน 2 เดือน รือ 3 เดือน รือลดเงินเดือน
ไดค้ รั้ง นง่ึ ในอัตราร้อยละ 2 รอื ร้อยละ 4 ของเงนิ เดือนทผ่ี นู้ ้นั ได้รับ
การ ั่งลงโท ินัยอย่างร้ายแรง รือการ ั่งลงโท ตามมติ ก จ. อ.ก.ค. .ที่ ก.ค. .ต้ัง รือ ก.ค. .
ผมู้ ีอานาจ ่ังลงโท ตามมติคือ ผู้มีอานาจ ั่งบรรจุตามมาตรา 53 รือผู้ ่ังแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น
รือ ผบู้ งั คับบญั ชาผูไ้ ดร้ บั รายงานแล้ แต่กรณี
ข้อค รคานงึ ในการ ั่งลงโท
(1) การ ่ังลงโท เกินอานาจ ในกรณีที่กฎ ก.ค. . ่าด้ ยอานาจการลงโท ใ ้อานาจ
ผู้อาน ยการ ถาน ึก า ่ังลงโท ภาคทัณฑ์ รือตัดเงินเดือนคร้ัง นึ่งในอัตราร้อยละ 2 รือร้อยละ 4
47
ของเงินเดือนท่ีผู้น้ันได้รับใน ันที่มีคา ั่งลงโท เป็นเ ลา 1 เดือน 2 เดือน รือ 3 เดือน ถ้า ั่งลงโท
เกินอานาจที่กฎ มายกา นดไ ้ เช่น ่ังลงโท ลดเงินเดือนร้อยละ 2 ของเงินเดือน ย่อมเป็นคา ั่งท่ี
ไม่ชอบด้ ยกฎ มายและไม่มีผลใช้บังคับ เ ้นแต่กรณีเป็นการ ั่งลงโท ตามมติ ก จ. อ.ก.ค. . ที่ ก.ค. .
ต้ัง รือ ก.ค. . ผู้บังคับบัญชา ามารถ ั่งลงโท ได้ แม้โท น้ันจะเกินอานาจของตน ทั้งนี้เน่ืองจาก
เป็นการ ัง่ ตามมติ มไิ ด้เป็นการ ่งั โดยอา ัยอานาจของตนเอง
(2) ต้องเป็นโท ตามท่ีกฎ มายกา นด มายถึง ผู้ที่ถูกลงโท ทาง ินัย รือ ลักเกณฑ์
การลงโท ทาง ินัยต้องใช้บังคับแก่ผู้ใด ผู้น้ันย่อมต้องมี ิทธิได้รู้ ่ามีโท ใดบ้างท่ีจะนามาใช้บังคับแก่
การกระทาของตน เช่น โท ตัดเงินเดือนกฎ มายกา นดใ ้ตัดเงินเดือนคร้ัง น่ึงในอัตราร้อยละ 2 รือ
ร้อยละ 4 ของเงินเดือนที่ผู้นั้นได้รับใน ันที่มีคา ั่งลงโท เป็นเ ลา 1 เดือน 2 เดือน รือ 3 เดือน
ตามอานาจของผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับ รือลดเงินเดือนได้ครั้ง นึ่งในอัตราร้อยละ 2 และร้อยละ 4
ของเงินเดือนที่ผนู้ ้นั ไดร้ บั ใน นั ท่ีมีคา ่ังลงโท ไม่อาจลงโท นอกเ นือก ่าท่ีกฎ มายกา นด รือเกินก ่า
อัตราโท ที่กฎ มายกา นดได้ เช่น ลงโท ตัดเงินเดือน 10% รือลดเงินเดือน 5 % ไม่อาจกระทาได้
เพราะกฎ มายมิได้กา นดอัตราโท ดังกล่า ไ ้ ร มถึงกรณีที่เป็นการ ั่งตามมติก็เช่นเดีย กันแม้จะเป็น
การ ่ังตามมติก็ต้องเป็นโท และอัตราโท ตามที่มีกฎ มายกา นดไ ้แล้ ไม่อาจมีมตินอกเ นือไปจากที่
กฎ มายกา นดไ ไ้ ด้
(3) ผู้ ั่งลงโท มิใช่ผู้บังคับบัญชา ในการปฏิบัติงานอาจมีข้าราชการจาก ลาย น่ ยงานมา
ทางานร่ มกัน เช่น ข้าราชการครูโรงเรียน ก. ไปช่ ยราชการโรงเรียน ข. ผู้บริ ารโรงเรียน ข. มิใช่
ผู้บังคับบัญชาของ ผู้ไปช่ ยราชการ จึงไม่มีอานาจ ่ังลงโท มีเพียงอานาจการมอบ มายงาน
ค บคุมดแู ลการปฏบิ ัตงิ านเทา่ นัน้
(4) การ ่ังลงโท โดยไม่ได้ตั้งกรรมการ อบ น เ ้นแต่เป็นกรณีค ามผิดท่ีปรากฏชัดแจ้ง
ตาม กฎ ก.ค. . ่าด้ ยกรณีค ามผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง พ. . 2549 รือมิได้นาเ นอองค์คณะพิจารณา
ในกรณีทค่ี ณะกรรมการ อบ น รอื ผู้ ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ นเ ็น ่า เป็นค ามผิด ินัยอย่าง
ร้ายแรง
(5) การ ั่งลงโท ปลดออก รือไล่ออกจากราชการ ้าม ั่งย้อน ลัง เ ้นแต่กรณีท่ีมีการพัก
ราชการ รือใ อ้ อกจากราชการไ ้กอ่ น รอื เปน็ กรณที ใ่ี ้ ่ังยอ้ นไดต้ ามระเบยี บ ก.ค. . ่าด้ ย ันออก
จากราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2548 และระเบียบ ก.ค. . ่าด้ ย
ธิ กี ารออกคา ่งั เก่ีย กบั การลงโท ทาง ินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการ กึ า พ. . 2548
(6) ภาพการเป็นข้าราชการการ ั่งลงโท ผู้ซ่ึงพ้น ภาพการเป็นข้าราชการไปแล้ ไม่อาจกระทา
ได้ ยกเ ้น า รับกรณีที่มีการกล่า าในเร่ือง ินัยอย่างร้ายแรง รือต้อง า ่ากระทาค ามผิดอาญา รือ
ถูกฟ้องคดีอาญา เ ้นแต่ค ามผิดท่ีได้กระทาโดยประมาท รือค ามผิดล ุโท อยู่ก่อนท่ีผู้น้ันจะออกจาก
ราชการ ซึง่ มาตรา 102 แ ง่ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547
ใ ้อานาจผู้มีอานาจตามมาตรา 53 ดาเนินการทาง ินัยแก่ผู้น้ันต่อไปได้ เ ้นแต่ จะเป็นการออกจาก
ราชการเพราะตาย ถา้ ผลการ อบ นปรากฏ ข้อเท็จจริง ่าเป็นค ามผิด ินัยอย่างร้ายแรงก็ยังมีอานาจ ั่ง
ลงโท ไล่ออก ปลดออกจากราชการย้อน ลังได้ เ ้นแต่ปรากฏข้อเท็จจริง ่าเป็นค ามผิด ินัยไม่ร้ายแรง
เมื่อผู้นั้นออกจากราชการไปแล้ กฎ มายใ ้งดโท เ ียได้ (มาตรา 102) า รับในกรณีที่ผู้น้ันตายใน
48
ระ ่างการดาเนินการทาง ินัย ผู้บังคับบัญชาไม่อาจ ่ังลงโท รือดาเนินการทาง ินัยต่อไปได้อีก
จะตอ้ ง ั่งยตุ ิการดาเนินการ รือยุติเรื่อง แล้ รายงานตามลาดับจน ิ้น ุดกระบ นการ
(7) เมื่อ ั่งลงโท แล้ จะต้องแจ้งคา ั่งใ ้ผู้ถูกลงโท ทราบภายใน 7 ัน พร้อมทั้งแจ้ง ิทธิ
การอุทธรณค์ า ่งั ลงโท ไดภ้ ายใน 30 ันนับแต่ ันทีไ่ ดร้ ับแจง้ คา ่งั
(8) การ ่ังลงโท ซา้ ในมูลค ามผดิ เดีย กัน การ ่ังลงโท ซ้าในมูลค ามผิดเดีย กันขัดต่อ ลัก
กฎ มายทั่ ไปท่ี ้ามมิใ ้ลงโท บุคคลใดบุคคล น่ึงมากก ่า น่ึงครั้ง า รับค ามผิดที่บุคคลน้ันได้
กระทาเพยี งคร้งั เดีย
การดาเนินการระ ่างดาเนนิ การทาง นิ ยั
มาตรา 103 แ ่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547
ใ ้อานาจผู้บังคับบัญชา ่ังใ ้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าพักราชการ รือใ ้ออกจาก
ราชการไ ้ก่อน เพ่ือรอฟังผลการ อบ นพิจารณา กรณีถูกต้ังคณะกรรมการ อบ น ินัยอย่าง
ร้ายแรง รือถูกฟ้องคดีอาญา รือต้อง า ่ากระทาค ามผิดอาญา เ ้นแต่ค ามผิดที่ได้กระทา
โดยประมาท รอื ค ามผดิ ล ุโท
การใ พ้ ักราชการ
การใ ้พักราชการ คือ การ ั่งใ ้ข้าราชการพ้นจากตาแ น่งระ ่างการ อบ นพิจารณา
ทาง ินัย เพ่ือรอฟังผลการ อบ นพิจารณา รือระ ่างถูกฟูองคดีอาญา รือต้อง า ่ากระทา
ค ามผดิ อาญา และงดเบกิ จา่ ย เงินเดือนและเงินอ่ืน ๆ ที่จ่ายเป็นรายเดือน ตลอดจนเงินช่ ยเ ลือต่าง ๆ
ไ ้ก่อน ท้ังน้ี โดยมีจุดมุ่ง มายที่จะไม่ใ ้ผู้นั้น อยู่ปฏิบัติ น้าท่ีราชการ เพื่อป้องกันมิใ ้ไปยุ่งเ ยิงกับ
พยาน ลักฐาน รือเป็นอุป รรคต่อการ อบ น รือพิจารณา รือมิใ ้เกิดค ามไม่ งบเรียบร้อยข้ึน
รือเพ่อื มใิ เ้ กดิ ค ามเ ีย ายแกร่ าชการในประการอ่ืน และถ้าการ อบ น พิจารณาฟังข้อเท็จจริงได้
่าเป็นการกระทาผิด ินัยอย่างร้ายแรง ก็จะได้ ่ังลงโท ปลดออก รือไล่ออกจากราชการตั้งแต่ ันพัก
ราชการ เปน็ ตน้ ไป
อน่ึง กฎกระทร งฉบับท่ี 2 (พ. . 2540) ออกตามค ามในพระราชบัญญัติ ิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ. . 2539 กา นด ่า การ ่ังพักงาน รือ ่ังใ ้ออกจากงานไ ้ก่อน เป็นคา ั่งทาง
ปกครองตามมาตรา 30 รรค อง (6) กล่า คือ เป็นคา ั่งทางปกครองท่ีไม่อยู่ในบังคับ ่าเจ้า น้าที่
ต้องใ ้คู่กรณีมีโอกา ที่จะได้ทราบ ข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกา ได้โต้แย้งและแ ดง
พยาน ลักฐานของตน
ลักเกณฑ์และ ิธีการ ่งั พักราชการ
ตามกฎ ก.ค. . ่าด้ ยการ ่ังพักราชการและการ ่ัง ใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อน พ. .2555
มดี ังน้ี
(1) มีกรณีถูกกล่า า ่ากระทาผิด ินัยอย่างร้ายแรงจนถูกต้ังคณะกรรมการ อบ น แม้ ่า
คา ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ นจะเป็นคา ั่งที่ไม่ชอบด้ ยกฎ มาย ผู้บังคับบัญชาจะต้อง ่ังใ ม่
เพราะคา ่ังเดิมผิดพลาดบกพร่องนั้น ไม่ทาใ ้คา ่ังพักราชการที่ออกโดยถูกต้องตาม ลักเกณฑ์
ที่กฎ มายกา นดต้องเ ียไปด้ ยแต่ประการใด (คาพิพาก า าลปกครอง ูง ุด ที่ อ.28/2547
(ประชุมใ ญ่))
49
(2) มีกรณีถูกฟ้องคดีอาญา รือต้อง า ่ากระทาค ามผิดอาญา เ ้นแต่เป็นค ามผิดที่ได้
กระทาโดยประมาท รือค ามผิดล ุโท
คา ่า “ต้อง า ่ากระทาค ามผิดอาญา” มายถึง ถูกพนักงาน อบ นกล่า า ่าได้กระทา
ค ามผิดอาญา โดยตกเป็นผู้ต้อง าแล้ แต่ยังมิได้ถูกฟูอง าล กรณีถูกแจ้งค ามร้องทุกข์โดยพนักงาน
อบ น ยงั มิได้แจ้งข้อกลา่ า ไม่อยใู่ นค าม มายน้ี
เ ตุทีจ่ ะ ัง่ พกั ราชการ
(1) กรณีที่ถูกตั้งคณะกรรมการ อบ น ินัยอย่างร้ายแรง รือถูกฟ้องคดีอาญา รือต้อง า
า่ กระทาค ามผดิ อาญา นนั้ เป็นเรือ่ งเก่ีย กับการทจุ รติ ตอ่ น้าท่ีราชการ รือเก่ีย กับค ามประพฤติ
รือพฤติการณ์ อันไม่น่าไ ้ างใจ และผู้มีอานาจ ่ังพักราชการพิจารณาเ ็น ่า ถ้าใ ้ผู้น้ันคงอยู่ใน
นา้ ทร่ี าชการอาจเกิดการเ ีย ายแกร่ าชการ รือ
(2) มีพฤติการณ์ท่ีแ ดง ่าถ้าใ ้ผู้นั้นคงอยู่ใน น้าท่ีราชการจะเป็นอุป รรคต่อการ อบ น
พจิ ารณา รอื จะก่อใ เ้ กิดค ามไม่ งบเรียบร้อยขน้ึ
(3) ผูน้ ั้นอยู่ในระ ่างถูกค บคุมขัง รอื ต้องจาคกุ มาเป็นเ ลาติดต่อกนั เกินก ่า 15 นั แล้
(4) ผู้น้ันถูกตั้งคณะกรรมการ อบ น และต่อมามีคาพิพาก าถึงที่ ุด ่าเป็นผู้กระทา
ค ามผิด อาญาในเร่อื งที่ อบ น รือถูกตั้งคณะกรรมการ อบ นภาย ลังท่ีมีคาพิพาก าถึงที่ ุด ่า
เป็นผู้กระทาค ามผดิ อาญา และผู้มีอานาจเ น็ า่ ขอ้ เท็จจริงที่ปรากฏตามคาพิพาก าได้ค ามประจัก ์
ชัดอยแู่ ล้ า่ เป็นค ามผดิ ินัยอย่างร้ายแรง
นอกจากจะ ัง่ พกั ราชการเพ่อื รอฟงั ผลการ อบ นพจิ ารณาแล้ ตามกฎ ก.ค. . ่าด้ ยการ ่ัง
พักราชการและการ ่ังใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อน พ. .2555 ยังกา นดใ ้ ่ังพักราชการได้ในกรณีมี
เ ตุถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบ ิชาชีพ ถ้าภายใน 30 ันนับแต่ ันที่ น่ ยงานการ ึก าของผู้ถูกพัก
ใชใ้ บอนญุ าต ประกอบ ชิ าชีพปฏบิ ตั งิ านอยไู่ ดร้ บั นัง ือแจ้งการพักใช้ใบอนุญาตประกอบ ิชาชีพ และ
ผูบ้ งั คับบัญชา น่ ยงานการ ึก าน้นั พิจารณาเ ็น ่า ผนู้ ัน้ ไมเ่ มาะ มท่ีจะเปล่ียนตาแ น่ง รือย้ายไป
ตาแ น่งอื่นท่ีไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบ ิชาชีพ รือผู้น้ันมีเ มาะ ม แต่ไม่อาจเปลี่ยนตาแ น่ง รือ
ยา้ ยไปตาแ น่งอ่ืนได้ รอื อ.ก.ค. .เขตพนื้ ทก่ี าร ึก า (ก จ.) รือ ก.ค. . ไมอ่ นญุ าต
ระยะเ ลาการ ่ังพกั ราชการ
การ ่ังพักราชการจะต้อง ั่งพักตลอดเ ลาที่ อบ นพิจารณา เ ้นแต่กรณีที่มีการร้องทุกข์
และคารอ้ งทุกข์ฟังขึ้น ก็อาจ ่ังใ ผ้ ู้นนั้ กลับเข้าปฏิบตั ิ น้าทรี่ าชการก่อนการ อบ นพิจารณาเ รจ็ ้นิ ได้
คา ่า “การ อบ นพจิ ารณาเ ร็จ ้นิ ” มคี าม มาย ดงั น้ี
(1) ในกรณีถูกต้ังคณะกรรมการ อบ น ินัยอย่างร้ายแรง มายถึง คณะกรรมการ อบ น
ได้เ นอ าน นการ อบ นต่อผู้ ั่งแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น และผู้ ั่งแต่งต้ังคณะกรรมการ
อบ น ได้มีคา ั่งลงโท รือคา ่ังอย่างใดท่ีเป็นการ ินิจฉัยแล้ ่าผู้นั้นกระทาผิด รือมิได้กระทา
ผิดอยา่ งไร
(2) ในกรณีต้อง าคดีอาญา มายถึง การ อบ นของพนักงาน อบ นและการพิจารณา
ของพนกั งานอยั การแจ้งคา งั่ เด็ดขาดไม่ฟ้อง
(3) ในกรณีถกู ฟ้องคดีอาญา มายถงึ การพจิ ารณาของ าลจนคดีถึงที่ ดุ
50
ตอ้ งพักทุกเร่อื งทุกกรณี
กรณีที่ถูกตั้งคณะกรรมการ อบ น ลาย าน น ลายคดี ากมีการ ่ังพักราชการต้อง ่ัง
พกั ราชการทุก าน นทุกคดี ถา้ ภาย ลังปรากฏมกี รณเี พิม่ ข้นึ ก็ต้อง ัง่ พักราชการกรณีท่เี พ่มิ ขึน้ น้นั ด้ ย
นั พักราชการ ้ามมิใ ้ ง่ั พกั ราชการยอ้ น ลังไปก่อน ันออกคา ่ัง เ น้ แต่
(1) กรณถี กู ค บคมุ ขงั รอื ต้องจาคุก ใ ้ ่งั โดยมผี ลยอ้ นไปถงึ ันทถี่ ูกค บคุมขัง รือตอ้ งจาคุก
(2) กรณีท่ี ั่งพักราชการไ ้แล้ แต่ต้อง ั่งใ ม่ เพราะคา ั่งเดิมไม่ถูกต้องใ ้ ่ังย้อนไปตาม
คา ัง่ เดิม รอื ันท่ีค รตอ้ งพักราชการ ( มายถงึ คา ง่ั เดมิ ่งั เรอ่ื ง นั พักราชการไ ้ไม่ถูกต้อง)
ผูม้ ีอานาจ ัง่ พักราชการ
ผูม้ ีอานาจ ั่งพกั ราชการ คอื ผมู้ ีอานาจ ั่งแตง่ ต้ังคณะกรรมการ อบ นตามมาตรา 98 รรค
อง ผูม้ อี านาจ ั่งบรรจตุ ามมาตรา 53 ผูบ้ ังคบั บญั ชาตามมาตรา 100 รรค ก นายกรัฐมนตรี และ
รัฐมนตรีเจ้า ังกัด และผู้บงั คับบญั ชาท่ไี ดร้ ับรายงานตามมาตรา 104
คา ง่ั พักราชการ คา งั่ ต้องทาเปน็ นงั ือระบุช่ือ กรณีและเ ตทุ ่ี ัง่ ใ ้พักราชการ
การแจ้งคา ั่งต้องแจ้งและ ่ง าเนาคา ่ังใ ้ผู้ถูก ั่งทราบโดยพลัน แต่ถ้าไม่อาจแจ้ง รือแจ้ง
แล้ ไมย่ อมรบั ทราบใ ป้ ดิ าเนาคา ่งั ไ ้ ณ ทที่ าการของผู้น้ัน รอื แจ้งทางไปร ณยี ล์ งทะเบียนก็ได้
ผลของการถกู ั่งพกั ราชการ
(1) ผ้นู ัน้ พน้ จากตาแ นง่ แตไ่ ม่ขาดจากอตั ราเงนิ เดือน
(2) ไม่อาจ ัง่ ยา้ ยไปดารงตาแ นง่ อืน่ ได้
(3) มี ทิ ธริ อ้ งทุกข์ตอ่ ก.ค. .
การใ อ้ อกจากราชการไ ก้ ่อน
การใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อน คือ การ ั่งใ ้ข้าราชการผู้มีกรณีถูกกล่า า ่ากระทาผิด ินัย
อย่างร้ายแรงจนถูกตั้งคณะกรรมการ อบ น รือถูกฟ้องคดีอาญา รือต้อง า ่ากระทาค ามผิด
อาญาออกจากราชการ ขาดจากตาแ น่งและอัตราเงินเดือนระ ่างการ อบ นพิจารณา เพ่ือรอฟัง
ผลการ อบ นพจิ ารณา
การใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อนเป็นผลใ ้ผู้ถูก ่ังพ้นจากตาแ น่งและอัตราเงินเดือน
ซง่ึ ามารถบรรจุแตง่ ต้ังผู้อ่ืนใ ด้ ารงตาแ น่งนัน้ ได้
คาพิพาก า าลปกครอง ูง ุด ท่ี อ. 162/2548 เม่ือผู้ฟ้องคดีถูกต้ังคณะกรรมการ อบ น
ทาง ินัยอย่างร้ายแรง กรณีถูกกล่า า ่าข่มขืนกระทาชาเรานักเรียน และมีพฤติกรรมข่มขู่ผู้เ ีย าย
ถือเปน็ กรณี ถ้าใ ้อย่ใู น นา้ ทร่ี าชการอาจเกดิ ค ามเ ีย ายแกร่ าชการ และเมื่อปรากฏ ่าการ อบ น
พิจารณาในเร่ืองดังกล่า อาจไม่แล้ เ ร็จโดยเร็ การมีคา ่ังใ ้ผู้ฟูองคดีออกจากราชการไ ้ก่อน
จงึ เปน็ ไปโดยชอบด้ ยข้อ 5 (1) และข้อ 10 ของกฎ ก.ค. . ฉบบั ที่ 22 (พ. . 2542) แล้
ลักเกณฑ์และ ธิ ีการ งั่ ใ อ้ อกจากราชการไ ก้ ่อน
(1) มีเ ตทุ ีอ่ าจถูก ัง่ พกั ราชการได้
(2) จะต้องเป็นกรณีที่ผู้มีอานาจพิจารณาเ ็น ่าการ อบ น รือพิจารณากรณี รือคดีนั้น
จะไม่แล้ เ รจ็ โดยเร็
51
ขั้นตอนและ ิธีการเช่นเดีย กับการ ่ังพักราชการ ในกรณีที่มีการ ั่งพักราชการไ ้แล้ แต่มี
เ ตุอนั ค รต้อง ั่งใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อน จะ ่ังใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อนอีกชั้น นึ่งก็ได้ โดย ่ังใ ้
มผี ลต้ังแต่ ันพักราชการเป็นต้นไป
ผลของการ ่งั ใ อ้ อกจากราชการไ ้ก่อน
(1) ผู้ถูก ่ังใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อน ย่อมพ้น ภาพการเป็นข้าราชการและต้องออกจาก
ราชการไปชั่ ครา เป็นการออกจากราชการท่ีไม่เด็ดขาด จะต้องมีการ ั่งการอย่างใดอย่าง น่ึง
เมอื่ อบ นพิจารณาเ ร็จแล้ อีกชน้ั นึ่ง
(2) ผู้นนั้ มี ิทธิรอ้ งทกุ ขต์ ่อ ก.ค. . ได้
(3) อาจบรรจุแต่งตั้งบุคคลอ่ืนดารงตาแ น่งนั้นได้ แต่ผู้บังคับบัญชาต้องคานึงด้ ย ่า ากผล
การ อบ นพิจารณาเ ร็จแล้ ปรากฏ ่าผู้นั้นมิได้กระทาผิด รือกระทาผิดแต่ไม่ถึงต้องออกจาก
ราชการจะมตี าแ น่งอน่ื ท่ีเทยี บเทา่ รองรบั รอื ไม่
การ ง่ั ใ ผ้ ้ถู กู พกั ราชการ รือผถู้ กู ใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อนกลบั เข้ารับราชการ
มายถึง การ ่ังใ ้ผู้น้ันกลับเข้าปฏิบัติ น้าท่ีราชการ รือกลับเข้ารับราชการและแต่งต้ังใ ้
ดารงตาแ น่งอีกคร้ัง น่ึง ลังจากใ ้พ้นจากตาแ น่ง น้าที่ รือออกจากราชการไปชั่ ครา มาตรา
103 บัญญัติ ่า “...แต่ถ้าภาย ลังปรากฏผลการ อบ นพิจารณา ่าผู้น้ันมิได้กระทาผิด รือกระทา
ผิดไม่ถงึ กับจะถกู ลงโท ปลดออก รือไลอ่ อกจากราชการ และไม่มีกรณีที่จะต้องออกจากราชการด้ ย
เ ตุอื่น ก็ใ ้ผู้มีอานาจดังกล่า ั่งใ ้ผู้นั้นกลับเข้ารับราชการในตาแ น่งและ ิทยฐานะเดิม รือ
ตาแ นง่ เดีย กบั ทผ่ี ู้นน้ั มคี ุณ มบัตติ รงตามคุณ มบตั เิ ฉพาะ า รับตาแ น่งและ ิทยฐานะน้ัน ท้ังน้ี ใ ้
นามาตรา 100 รรค ก มาใช้บังคับโดยอนุโลม...” มายค าม ่า การดาเนินการตามมาตรา 103 น้ี
ถ้าผบู้ งั คบั บญั ชาผมู้ ีอานาจ ่งั บรรจุและแต่งต้ังไม่ดาเนินการ กฎ มายใ ้อานาจผู้บังคับบัญชาช้ันเ นือ
ผ้มู ีอานาจ ่ังบรรจุและแตง่ ตง้ั ได้
า รบั การ ัง่ ใ ้ผู้ถกู พักราชการ รือใ ้ออกจากราชการไ ้กอ่ น กลบั เข้าปฏิบัติ น้าท่ีตามเดิม
นั้น ต้อง ั่งเป็นปัจจุบันนับแต่ ันท่ีมีคา ั่ง รือ ่ังใ ้มีผลไปข้าง น้า โดยอาจคานึงถึงค าม ะด กใน
การคิดคาน ณเงินเดือนด้ ย เช่น ่ังใ ้มีผลตั้งแต่ ันที่ 1 รือ ันท่ี 15 ของเดือน กฎ มายไม่อนุญาต
ใ ้ ่ังยอ้ น ลงั ไดเ้ นื่องจากขัดกบั ขอ้ เทจ็ จริง ( นงั อื านักงาน ก.พ. ท่ี นร 0709.2/893 ลง ันที่ 26
พฤ จกิ ายน 2542 ตอบข้อ ารอื กรมบญั ชีกลาง)
การพจิ ารณาภาย ลังการ อบ นเ รจ็ น้ิ กรณีที่มีการ ่ังพักราชการ รือใ ้ออกจากราชการ
ไ ก้ อ่ น มี ลกั เกณฑ์ รปุ ได้ดังนี้
(1) ในกรณีท่ีปรากฏ ่าผู้นั้นกระทาผิด ินัยอย่างร้ายแรงใ ้ดาเนินการตามมาตรา 100 รรค ่ี
รือมาตรา 134 แล้ แตก่ รณี
กล่า คือ ใ ้ลงโท ปลดออก รือไล่ออกจากราชการ ตามค ามร้ายแรงแ ่งกรณี ถ้ามีเ ตุ
อันค รลด ย่อนจะนามาประกอบการพิจารณาลดโท ก็ได้แต่ ้ามลดโท ต่าก ่าปลดออกจากราชการ
า รับข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าใน ังกัดเขตพื้นท่ีการ ึก าใ ้เ นอเรื่องใ ้ ก จ.
พิจารณามีมติ เม่ือ ก จ. มีมติเป็นประการใดใ ้ผู้มีอานาจ ่ังบรรจุ รือผู้ ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ
อบ น งั่ ไปตามน้นั
52
อนึ่ง กรณีคา ั่งลงโท ปลดออก รือไล่ออกจากราชการ เป็นคา ั่งท่ีออกโดยไม่ถูกต้องตาม
กระบ นการข้ันตอนของกฎ มายต้องยกเลิกเพิกถอนคา ่ังลงโท ดังกล่า แล้ ดาเนินกระบ นการ
ใ ม่ รือต้อง ั่งใ ม่ใ ้ถูกต้องและเป็นกรณีท่ีมีการ ่ังพักราชการไ ้โดยชอบแล้ น้ัน ถือ ่าคา ่ังพัก
ราชการยงั คงมีผลใชบ้ ังคับอยู่
(2) ในกรณีท่ีปรากฏ ่าผู้น้ันกระทาผิด ินัยไม่ร้ายแรง และไม่มีกรณีที่จะต้องถูก ่ังใ ้ออกจาก
ราชการด้ ยเ ตุอื่น ก็ใ ้ ่ังใ ้ผู้นั้นกลับเข้าปฏิบัติ น้าที่ราชการ รือกลับเข้ารับราชการแล้ แต่กรณี
ในตาแ นง่ และ ทิ ยฐานะเดิม รือตาแ น่งเดีย กับท่ีผู้น้ันมีคุณ มบัติตรงตามคุณ มบัติเฉพาะ า รับ
ตาแ นง่ และ ิทยฐานะ แล้ ใ ้ผู้บังคับบัญชาดาเนินการตามมาตรา 100 รรค น่ึง รือมาตรา 134
แล้ แตก่ รณี กลา่ คือลงโท ภาคทัณฑ์ ตดั เงินเดอื น รือลดเงนิ เดอื น ตามค รแก่กรณี
(3) ในกรณีที่ปรากฏ ่าผู้นั้นกระทาผิด ินัยไม่ร้ายแรง และไม่มีกรณีท่ีจะต้องถูก ั่งใ ้ออกจาก
ราชการด้ ยเ ตุอื่น แต่ไม่อาจ ั่งใ ้ผู้น้ันกลับเข้าปฏิบัติ น้าท่ีราชการ รือกลับเข้ารับราชการได้
เน่ืองจากผู้ถูก ่ังพักราชการมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์และได้พ้นจากราชการตามกฎ มาย ่าด้ ย
บาเ นจ็ บานาญขา้ ราชการแล้ รือผู้ถูก ่ังใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อนมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ซ่ึงต้อง
พ้นจากราชการเม่ือ ิ้นปีงบประมาณน้ัน แล้ แต่กรณี ก็ใ ้ผู้บังคับบัญชา ั่งงดโท ตามมาตรา 102
โดยไม่ต้อง ั่งใ ้กลับเข้าปฏิบัติ น้าที่ราชการ รือกลับเข้ารับราชการ และ า รับผู้ถูก ั่งใ ้ออกจาก
ราชการไ ้ก่อนใ ้มีคา ่ังยกเลิกคา ่ังใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อน เพื่อใ ้ผู้นั้นเป็นผู้พ้นจากราชการตาม
กฎ มาย ่าด้ ยบาเ นจ็ บานาญขา้ ราชการ
(4) ในกรณีที่ปรากฏ ่าผู้นั้นกระทาผิด ินัยไม่ร้ายแรง แต่มีกรณีที่จะต้องถูก ่ังใ ้ออกจาก
ราชการด้ ยเ ตุอื่น ใ ้ผู้บังคับบัญชา ่ังงดโท ตามมาตรา 102 แล้ ่ังใ ้ผู้นั้นออกจากราชการ
ตามเ ตนุ ัน้ โดยไม่ต้อง งั่ ใ ้กลับเข้าปฏบิ ัติ นา้ ที่ราชการ รือกลับเข้ารับราชการ
(5) ในกรณีที่ปรากฏ ่าผู้น้ันมิได้กระทาผิด ินัย และไม่มีกรณีที่จะต้องถูก ่ังใ ้ออกจาก
ราชการด้ ยเ ตอุ นื่ กใ็ ้ งั่ ยตุ เิ ร่ืองและ ่ังใ ้ผู้นั้นกลับเข้าปฏิบัติ น้าที่ราชการ รือกลับเข้ารับราชการ
ในตาแ น่งและ ทิ ยฐานะเดิม รือตาแ น่งเดีย กับท่ีผู้น้ันมีคุณ มบัติตรงตามคุณ มบัติเฉพาะ า รับ
ตาแ นง่ และ ทิ ยฐานะ
(6) ในกรณีที่ปรากฏ ่าผู้นั้นมิได้กระทาผิด ินัย และไม่มีกรณีที่จะต้องถูก ่ังใ ้ออกจาก
ราชการด้ ยเ ตุอื่น แต่ไม่อาจ ั่งใ ้ผู้น้ันกลับเข้าปฏิบัติ น้าท่ีราชการ รือกลับเข้ารับราชการได้
เนื่องจากผู้ถูก ั่งพักราชการมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์และได้พ้นจากราชการตามกฎ มาย ่าด้ ย
บาเ น็จบานาญข้าราชการแล้ รือผู้ถูก ่ังใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อนมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ซ่ึงต้อง
พ้นจากราชการเม่ือ ิ้นปีงบประมาณนั้น แล้ แต่กรณี ก็ใ ้ ่ังยุติเรื่อง และ า รับผู้ถูก ่ังใ ้ออกจาก
ราชการไ ้ก่อนใ ้มีคา ่ังยกเลิกคา ั่งใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อนเพ่ือใ ้ผู้น้ันเป็นผู้พ้นจากราชการตาม
กฎ มาย ่าด้ ยบาเ น็จบานาญขา้ ราชการ
(7) ในกรณีที่ปรากฏ ่าผู้นั้นมิได้กระทาผิด ินัย แต่มีกรณีที่จะต้องถูก ่ังใ ้ออกจากราชการ
ด้ ยเ ตุอื่น ก็ใ ้ ั่งใ ้ออกจากราชการตามเ ตุน้ัน โดยไม่ต้อง ่ังใ ้กลับเข้าปฏิบัติ น้าท่ีราชการ รือ
กลับเขา้ รับราชการ
การจ่ายเงินเดือนของผู้ถูก ั่งพักราชการ รือใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อนพระราชบัญญัติ
เงนิ เดอื นของขา้ ราชการผถู้ กู ั่งพักราชการ พ. . 2502 ใ ้จา่ ยดังนี้ เมอื่ คดี รอื กรณถี งึ ท่ี ดุ
53
1) ไม่ผิดใ จ้ า่ ยเตม็
2) ผิดแต่ไมถ่ งึ ออกจา่ ยครึง่ น่ึง
3) ผดิ ถึงออกไมจ่ า่ ย
คดี รอื กรณีถึงท่ี ดุ มนี ัยดังน้ี
(1) ถ้าเป็นคดีใน าล คดีถึงที่ ุดเมื่อ าลฎีกาได้มีคาพิพาก า รือคดีท่ีไม่มีการอุทธรณ์
รือไม่มีการฎีกาต่อไป เมื่อพ้นระยะเ ลาของการย่ืนอุทธรณ์ รือย่ืนฎีกา ถือ ่าคดีถึงที่ ุด แต่เพ่ือใ ้
ปรากฏ ลกั ฐาน ประกอบ าน นอาจขอใ ้พนกั งานอยั การแจ้งยืนยนั ่าคดถี งึ ท่ี ุดแล้
(2) ถ้าเป็นการดาเนินการทาง ินัย กรณีจะถึงท่ี ุดเมื่อมีการรายงานการดาเนินการทาง ินัย
จน ิ้น ดุ กระบ นการ ตามระเบียบ ก.ค. . ่าด้ ยการรายงานเก่ีย กับการดาเนินการทาง ินัยและการ
ออกจากราชการของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2561
(3) กรณีท่ีมีการอุทธรณ์/ร้องทุกข์คา ั่งลงโท รือคา ั่งใ ้ออกจากราชการ กรณีจะถึงท่ี ุด
เมือ่ ก.ค. . ไดม้ ีการพิจารณา ินิจฉัยอุทธรณ/์ ร้องทุกขแ์ ล้
54
แผนผังการดาเนินการทาง ินัย
ของข้าราชการครแู ละบุคลากร
ทางการ กึ า
55
56
องค์ประกอบและคุณ มบัติของคณะกรรมการ อบ น
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
รายงานการ อบ น
69
บทท่ี 4
การอทุ ธรณแ์ ละการรอ้ งทุกข์
การอทุ ธรณ์คา ง่ั ลงโท
การอุทธรณ์ า รับข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า ต้องดาเนินการตาม ลักเกณฑ์
และ ิธีการตามที่บัญญัติไ ้ในพระราชบัญญัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547
ทง้ั นี้ การอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ใ ้เป็นไปตามท่ีกา นดในกฎ ก.ค. . ่าด้ ยการอุทธรณ์และ
พจิ ารณาอุทธรณ์
การอุทธรณ์ มายถึง การท่ีผู้ถูกลงโท ทาง ินัยร้องขอใ ้ผู้มีอานาจ น้าที่ตามกฎ มายได้
ยิบยกเรือ่ งข้ึนพจิ ารณาใ ม่ใ ้เป็นไปในทางทเี่ ป็นคณุ แก่ผูถ้ ูกลงโท
ลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารการอุทธรณค์ า ั่งลงโท ทางวินัย มดี ังน้ี
ผมู้ ี ทิ ธอิ ุทธรณ์
ต้องเปน็ ผู้ทีถ่ ูกลงโท ทาง ินัยและไม่พอใจผลของคา งั่ ลงโท ผู้อุทธรณ์ต้องอุทธรณ์ า รับ
ตนเองเท่าน้นั ไม่อาจอทุ ธรณ์แทนผู้อน่ื รือใ ผ้ ู้อนื่ อุทธรณ์แทนได้
ระยะเ ลาอทุ ธรณ์
ผอู้ ุทธรณต์ ้องอุทธรณภ์ ายใน 30 นั นับแต่ นั ท่ีได้รบั แจ้งคา ่งั ลงโท
การยืน่ อุทธรณ์คา ั่งลงโท นิ ยั ไม่รา้ ยแรง
1) การอุทธรณ์โท ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน รือลดเงินเดือน ของข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการ ึก า ังกัดเขตพื้นที่การ ึก า ที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้า ังกัด เลขาธิการ
คณะกรรมการการ ึก าข้ันพ้ืนฐานเป็นผู้ ่ังลงโท รือคา ั่งของผู้บังคับบัญชาที่ ั่งตามมติของ ก จ.
ใ อ้ ทุ ธรณ์ต่อ ก.ค. . และใ ้ ก.ค. . เป็นผูพ้ ิจารณา
2) การอุทธรณ์โท ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน รือลดเงินเดือน ของข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการ ึก า ังกัดเขตพ้ืนที่การ ึก า ท่ีผู้อาน ยการ านักงานเขตพ้ืนที่การ ึก า รือ
ผู้อาน ยการ ถาน กึ า เปน็ ผู้ ัง่ ลงโท ใ ้อุทธรณ์ ต่อ ก จ. และใ ้ ก จ. เปน็ ผพู้ ิจารณา
๓) การอุทธรณ์โท ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน รือลดเงินเดือน ของข้าราชการครู และ
บุคลากรทางการ ึก า ที่มิได้ ังกัดเขตพื้นที่การ ึก า ท่ีนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้า ังกั ด
ปลัดกระทร ง เป็นผู้ ่ังลงโท รือคา ั่งของผู้บังคับบัญชาที่ ั่งตามมติของ อ.ก.ค. ท่ี ก.ค. . ตั้งใ ้
อุทธรณ์ตอ่ ก.ค. .และใ ้ ก.ค. . เปน็ ผู้พจิ ารณา
๔) การอุทธรณ์โท ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน รือลดเงินเดือนของข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการ ึก า ท่ีมิได้ ังกัดเขตพื้นท่ีการ ึก า ท่ีปลัดกระทร ง ึก าธิการ เลขาธิการ อธิบดี
รือผู้อาน ยการ ถาน ึก าเป็นผู้ ั่งลงโท ใ ้อุทธรณ์ ต่อ อ.ก.ค. .ที่ ก.ค. . ตั้ง และใ ้ อ.ก.ค. . ที่
ก.ค. . ต้งั เป็นผู้พจิ ารณา
71
การอุทธรณค์ า ่งั ลงโท ทาง ินยั อย่างร้ายแรง
การอทุ ธรณ์คา ่งั ลงโท ปลดออกจากราชการ รอื ไล่ออกจากราชการของข้าราชการครูและ
บคุ ลากรทางการ ึก าทัง้ ท่ี ังกดั เขตพ้ืนท่ีการ ึก า และมิได้ ังกัดเขตพนื้ ท่ีการ ึก าใ ้อุทธรณต์ ่อ
ก.ค. . และใ ้ ก.ค. . เป็นผพู้ ิจารณา
าระใน นงั อื อทุ ธรณ์
นัง ืออุทธรณ์ต้องมีข้อเท็จจริง รือข้อกฎ มายและเ ตุผลในการอุทธรณ์ท่ีแ ดงใ ้เ ็น ่า
ถูกลงโท โดยไม่ถูกต้อง ไม่เ มาะ ม รือไม่เป็นธรรมอย่างไร พร้อมเอก าร ลักฐาน(ถ้ามี) โดยผู้
อทุ ธรณต์ ้องระบทุ อี่ ยู่ ที่ ามารถตดิ ตอ่ ไดไ้ ้ใน นัง ืออุทธรณ์ และต้องลงลายมือช่ือใน นัง ืออุทธรณ์
ด้ ยตนเอง
การยืน่ รือ ่ง นัง ืออุทธรณ์
การอทุ ธรณ์คา งั่ ลงโท ินยั ไมร่ า้ ยแรงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า ังกัดเขต
พื้นท่ีการ ึก า ต้องทาเป็น นัง ือถึงประธาน ก จ. รือ ึก าธิการจัง ัด (ข้อ ๙ รรค นึ่ง)
เน่ืองจาก กึ าธกิ ารจงั ดั ทา นา้ ท่เี ปน็ กรรมการและเลขานุการ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า ังกัด านักงานเขตพื้นที่การ ึก าประถม ึก าใ ้
ย่ืน รือ ่ง นัง ืออุทธรณ์ต่อประธาน ก จ. รือ ึก าธิการจัง ัดที่ านักงานเขตพ้ืนท่ีการ ึก า
ประถม ึก าต้ังอยู่ รือ ่งผ่านผู้บังคับบัญชา ได้แก่ ผู้อาน ยการ ถาน ึก า รือผู้อาน ยการ
านักงานเขตพื้นท่ีการ ึก าประถม ึก าแล้ แต่กรณี และใ ้ผู้บังคับบัญชา ่ง นัง ืออุทธรณ์ไปยัง
กึ าธิการจัง ดั
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า ังกัด านักงานเขตพ้ืนที่การ ึก ามัธยม ึก าใ ้ย่ืน
รือ ่ง นัง อื อุทธรณต์ อ่ ประธาน ก จ. รือ ึก าธิการจัง ัด ท่ีเป็นท่ีต้ังของ น่ ยงานการ ึก าท่ีผู้
นั้นดารงตาแ น่งอยู่ รือ ่งผ่านผู้บังคับบัญชา ได้แก่ ผู้อาน ยการ ถาน ึก า รือผู้อาน ยการ
านักงานเขตพื้นที่การ ึก ามัธยม ึก า แล้ แต่กรณี และใ ้ผู้บังคับบัญชา ่ง นัง ืออุทธรณ์ไปยัง
ึก าธิการจงั ดั ทีเ่ ปน็ ท่ีต้งั ของ น่ ยงานการ กึ าทีผ่ ู้น้นั ดารงตาแ น่งอยู่
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าท่ีมิได้ ังกัด านักงานเขตพื้นที่การ ึก าต้องยื่น รือ
่ง นัง ืออุทธรณ์ต่อประธาน อ.ก.ค. .ที่ ก.ค. . ต้ัง รือ น่ ยงาน รือ ่ นราชการที่ทา น้าที่
เลขานุการของ อ.ก.ค. .ท่ี ก.ค. . ตั้ง
า รับการอุทธรณ์คา ่ังลงโท ปลดออกจากราชการ ไล่ออกจากราชการ รือคา ั่งของ
ผู้บังคับบัญชาที่ ่ังตามติของ ก จ. รือ อ.ก.ค. . ที่ ก.ค. . ต้ัง แล้ แต่กรณี ท้ังที่ ังกัดเขตพื้นท่ี
การ ึก า และมิได้ ังกัดเขตพ้ืนที่การ ึก าต้องยื่น รือ ่ง นัง ืออุทธรณ์ต่อประธาน ก.ค. . รือ
เลขาธิการ ก.ค. . และยนื่ ท่ี านักงาน ก.ค. .
ท้ังนี้ กรณียื่นอุทธรณ์ผ่านผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชามี น้าท่ี ่ง นัง ืออุทธรณ์ไปยัง
ึก าธิการจัง ัด น่ ยงาน รือ ่ นราชการท่ีทา น้าที่เลขานุการ อ.ก.ค. . ที่ ก.ค. . ตั้ง รือ ก.ค.
. ภายใน าม นั ทาการนบั แต่ นั ที่ได้รบั นัง อื อทุ ธรณ์ (ขอ้ ๙ รรค าม)
72
อุทธรณท์ ่ีไม่อาจรบั ไ พ้ จิ ารณาได้
1. อุทธรณ์ท่ยี นื่ เกนิ 30 ัน
2. อทุ ธรณ์ที่ผูอ้ ุทธรณไ์ มล่ งลายมือช่ือใน นัง ืออุทธรณ์
3. อทุ ธรณ์ทเี่ ปน็ การอทุ ธรณ์แทนผ้อู ่ืน
4. อทุ ธรณท์ ีไ่ ม่มี าระ
การขอถอนอุทธรณ์
ผู้อุทธรณ์ ามารถขอถอนอุทธรณ์โดยทาเป็น นัง ือยื่นต่อ ึก าธิการจัง ัด รือประธาน
ก. .จ. อ.ก.ค. . ท่ี ก.ค. . ตัง้ รือ ก.ค. . กอ่ นมกี ารพิจารณา ินจิ ฉัยอุทธรณ์
๗๓
การอุทธรณ์
ผอู้ ทุ ธรณ์
งั กดั เขตพืน้ ทกี่ าร กึ า
โท ภาคทณั ฑ์ โท ภาคทณั ฑ์ โท ปลดออก/ไล่ออก
ตดั เงินเดอื น ตัดเงนิ เดือน จากราชการ
ลดเงินเดอื นของ ลดเงินเดอื นของ
- ผู้ าน ยการ านกั งาน - นายกรัฐมนตรี
เขตพน้ื ท่ีการ ึก า - รฐั มนตรีเจา้ ังกัด
- ผู้ าน ยการ ถาน ึก า - เลขาธิการคณะกรรมการการ ึก า
ข้ันพ้นื ฐาน
- คา งั่ ข งผบู้ งั คบั บัญชาซง่ึ ่ังการ
ตามมติ ก จ.
ก จ.
ก.ค. .
พิจารณามมี ติ
ผอู้ ุทธรณจ์ ะอุทธรณ์ต่อไปไม่ได้
ใ ้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓ ่ัง รือปฏิบัติใ ้เป็นไปตามมติ
๗๔
การอทุ ธรณ์
ผู้อทุ ธรณ์
ไม่ ังกดั เขตพื้นที่การ กึ า
โท ภาคทัณฑ์ โท ภาคทณั ฑ์ โท ปลดออก/
ตดั เงินเดอื น ตดั เงนิ เดือน ไลอ่ อกจากราชการ
ลดเงนิ เดือน ลดเงนิ เดอื น
ของ ของ
- ปลดั กระทร ง กึ าธกิ าร - นายกรฐั มนตรี
- เลขาธิการ - รฐั มนตรีเจ้า ังกดั
- อธบิ ดี - ปลัดกระทร ง
- ึก าธกิ ารจัง ดั - คา ่ังของผบู้ ังคบั บัญชา
- ผู้อาน ยการ ถาน ึก า ซ่ึง ่ังการตามมติ
อ.ก.ค. .ที่ ก.ค. . ต้ัง
อ.ก.ค. . ท่ี ก.ค. .ต้งั ก.ค. .
พจิ ารณามีมติ
ผู้อทุ ธรณ์จะอุทธรณต์ ่อไปไม่ได้
ใ ้ผูม้ ีอานาจตามมาตรา 53 ่งั รือปฏบิ ัติใ ้เปน็ ไปตามมติ
75
การร้องทุกข์
การร้องทุกข์ มายถึง การร้องขอใ ้แก้ปัญ าท่ีเ ็น ่าไม่ได้รับค ามเป็นธรรม รือคับข้องใจ
จากการกระทาของผู้บังคับบัญชาในเร่ืองเก่ีย กับการบริ ารงานบุคคลท่ีไม่ใช่การโต้แย้งคา ั่งลงโท
ทาง ินัย รือการแต่งต้ังคณะกรรม อบ นทาง ินัย ท้ังนี้ เ ตุแ ่งการร้องทุกข์ได้บัญญัติไ ้
ในพระราชบัญญัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก า พ. . 2547 มาตรา 122 มาตรา123
โดยมาตรา 124 ได้บัญญัติใ ้ ลักเกณฑ์และ ิธีการในเร่ืองการร้องทุกข์น้ันเป็นไปตามกฎ ก.ค. .
(กฎ ก.ค. . า่ ด้ ยการร้องทุกขแ์ ละการพิจารณารอ้ งทุกข์ พ. . 2551)
การรอ้ งทุกข์กรณีถูก ั่งใ ้ออกจากราชการ ตามมาตรา 122 ใ ร้ อ้ งทุกข์ต่อ ก.ค. .
กรณีร้องทุกข์ตามมาตรา 123 ใ ้ร้องทุกข์ต่อ ก จ. อ.ก.ค. . ที่ ก.ค. . ตั้ง รือ ก.ค. .
แล้ แต่กรณี
หลักเกณฑ์และวิธกี ารในการร้องทุกข์
1. ผูม้ ี ิทธริ ้องทุกข์ ไดแ้ กข่ ้าราชการครูและบุคคลากรทางการ กึ า และต้องเปน็ การร้องทุกข์
า รบั ตนเองเทา่ นัน้ จะมอบ มายใ ผ้ ูอ้ น่ื ร้องทุกข์แทนไม่ได้
2. เ ตุทจี่ ะร้องทุกข์
2.1 การไมไ่ ด้รบั ค ามเปน็ ธรรม
2.2 มคี ามคบั ข้องใจอนั เนื่องจากการกระทาของผ้บู ังคบั บัญชา
2.3 ถูกตัง้ กรรมการ อบ นทาง ินยั
2.4 ถูก ่ังพกั ราชการ รอื ใ อ้ อกจากราชการไ ้ก่อน
2.5 ถูก ง่ั ใ ้ออกจากราชการ
การร้องทุกข์กรณีถูก ั่งใ ้ออกจากราชการ ตามมาตรา 122 ใ ้ร้องทุกข์ต่อ ก.ค. . ภายใน
30 ัน นับแต่ นั ที่ได้รบั แจง้
กรณรี อ้ งทุกขต์ ามมาตรา 123 ใ ้ร้องทุกข์ต่อ ก จ. อ.ก.ค. . ท่ี ก.ค. . ตัง้ รือ ก.ค. . แล้ แตก่ รณี
3. ิธกี ารร้องทกุ ข์
3.1 การร้องทุกข์ต้องทาเป็น นัง ือ ลงลายมือช่ือ ที่อยู่ และตาแ น่งของผู้ร้องทุกข์ และ
ในการรอ้ งทกุ ข์ไม่ ามารถใ ้ผู้อนื่ ร้องทุกข์แทนได้ ต้องเป็นการร้องทุกข์ า รับตนเองเท่านน้ั
3.2 นัง ือร้องทุกข์ ต้องแ ดง าระ าคัญ ข้อเท็จจริงและเ ตุผลใ ้เ ็น ่าไม่ได้รับ
ค ามเป็นธรรมอย่างไร มีค ามคับข้องใจอย่างไร พร้อมแจ้งค ามประ งค์ของการร้องทุกข์พร้อม
พยาน ลกั ฐานทีม่ ี
4. ระยะเ ลาในการใช้ ิทธิร้องทุกข์
การใช้ ิทธิร้องทุกข์ต้องดาเนินการภายใน 30 ัน นับแต่ ันทราบเร่ืองอันเป็นเ ตุแ ่ง
การรอ้ งทกุ ข์
5. การยนื่ นงั ือร้องทุกข์
5.1 ผู้ร้องทกุ ข์อาจนา นงั อื ร้องทุกข์ไปยื่นด้ ยตั เอง รือ ่งทางไปร ณีย์ก็ได้
76
5.2 ผู้ร้องทุกข์จะยื่น นัง ือร้องทุกข์พร้อม าเนารับรองถูกต้อง น่ึงฉบับ
ผ่านผู้บังคับบัญชา รือผ่านผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเ ตุแ ่งการร้องทุกข์ก็ได้ และใ ้ผู้บังคับบัญชา
่ง นัง ือร้องทุกข์พร้อม ลักฐานที่เกี่ย ข้อง โดยใ ้มีคาชี้แจงประกอบ ภายใน 7 ันทาการนับแต่
นั ทไ่ี ด้รบั นัง อื ร้องทกุ ข์
6. ผ้มู ีอานาจพิจารณาร้องทุกข์
การร้องทกุ ข์ของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
กรณี งั กัดเขตพนื้ ท่ีการ กึ า
1. กรณีเ ตุร้องทุกข์เกิดจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี รือเลขาธิการ รือคา ั่งของ
ผู้บงั คบั บัญชาซึง่ ่ังการตามมตขิ อง ก จ. ใ ร้ อ้ งทกุ ข์ตอ่ ก.ค. . และใ ้ ก.ค. . เป็นผู้พิจารณา
2. กรณีเ ตุร้องทุกข์เกิดจากผู้บังคับบัญชาต้ังแต่ผู้อาน ยการ านักงานเขตพื้นที่การ ึก าลงมา
ใ ร้ ้องทุกขต์ อ่ อ.ก.ค. .เขตพนื้ ทก่ี าร กึ าและใ ้ อ.ก.ค. .เขตพน้ื ทก่ี าร ึก าเปน็ ผูพ้ จิ ารณา
3. การร้องทุกข์คา ่ังพักราชการ/ใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อน รือคา ั่งใ ้ออกจากราชการ
ใ ้รอ้ งทุกขต์ อ่ ก.ค. .และใ ้ ก.ค. . เปน็ ผูพ้ จิ ารณา
กรณีไม่ ังกดั เขตพนื้ ท่ีการ ึก า
1. กรณีเ ตุร้องทุกข์เกิดจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทร ง รือคา ั่งของ
ผู้บงั คับบญั ชาซึง่ ง่ั ตามมติของ อ ก.ค. . ที่ ก.ค. . ตัง้ ใ ร้ อ้ งทกุ ขต์ อ่ และใ ้ ก.ค. . เป็นผ้พู ิจารณา
2. การร้องทุกข์คา ่ังพักราชการ/ใ ้ออกจากราชการไ ้ก่อน รือคา ่ังใ ้ออกจากราชการ
ใ ร้ อ้ งทกุ ขต์ ่อ ก.ค. .และใ ้ ก.ค. เป็นผ้พู ิจารณา
3. กรณีทุกข์เกิดจากผู้บังคับบัญชา อธิบดี เลขาธิการ ปลัดกระทร ง ึก าธิการ ใ ้ร้องทุกข์
ตอ่ อ.ก.ค. .ที่ ก.ค. .ตง้ั และใ ้ อ.ก.ค. .ที่ ก.ค. .ตงั้ เปน็ ผพู้ จิ ารณา
7. ิทธิของผรู้ ้องทุกข์
- ผูร้ อ้ งทุกข์อาจขอแถลงการณ์ด้ ย าจาได้ โดยแจ้งค ามประ งค์พร้อม นัง ือร้องทุกข์ รือ
ทา นัง ือตา่ ง ากย่ืนกอ่ นการพจิ ารณาร้องทุกข์
- ผู้ร้องทุกข์มี ิทธิคัดค้านอนุกรรมการ รือกรรมการผู้พิจารณาเรื่องร้องทุกข์ตามเ ตุท่ี
กฎ มายกา นด
- ทิ ธิทจี่ ะย่ืน รือ ่ง นัง อื ร้องทุกข์ รอื เอก ารเพ่ิมเติมก่อนเร่ิมพจิ ารณาเร่ืองร้องทุกข์
- ิทธินาทนายค าม รือที่ปรึก าของตนเข้ามาในการพิจารณาได้ โดยทนายค าม รือ
ที่ปรึก าไม่มี ิทธิที่จะช้ีแจงต่อคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการแทนผู้ร้องทุกข์ เร่ืองการช้ีแจงเป็น
เรอ่ื งเฉพาะตั ทนายค าม รอื ทีป่ รึก าไม่อาจท่ีจะทา น้าทีแ่ ทนผูร้ ้องทกุ ข์ได้
- ิทธขิ อตร จดเู อก ารทจี่ าเป็นต้องรเู้ พ่ือการโต้แยง้ รือช้ีแจง รือป้องกัน ิทธิของตนได้ แต่ถ้า
ยังไม่ได้ทาคา ั่งในเรื่องนั้น ผู้ร้องทุกข์ไม่มี ิทธิขอตร จดูเอก ารอันเป็นต้นร่างคา ินิจฉัย ท้ังน้ี
ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติ ิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พระราชบัญญัติข้อมูลข่า ารและ
กฎ มายอื่นๆที่เก่ยี ขอ้ งด้ ย
- ผู้ร้องทุกข์มี ิทธิถอนคาร้องทุกข์ก่อนการพิจารณาเรื่องร้องทกุ ข์เ รจ็ ิ้น
เมื่อ ก จ. อ ก.ค. . ท่ี ก.ค. . ต้งั รอื ก.ค. . พจิ ารณาเรื่องรอ้ งทุกข์แล้ อาจมีคา ั่ง ดงั นี้
77
- ถา้ เ ็น ่าผ้บู งั คบั บญั ชาปฏบิ ตั ิโดยชอบด้ ยกฎ มายแล้ ใ ้มีมติยกคาร้องทุกข์ แต่ ากเ ็น ่า
เปน็ การปฏิบัติโดยไมช่ อบด้ ยกฎ มาย ก็ใ ม้ มี ติเพิกถอน รือใ ้ข้อแนะนาเพื่อใ ้ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติ
ใ ้ถูกต้องต่อไป รือ ากเ ็น มค รดาเนินการใดเพ่ือใ ้เกิดค ามถูกต้องและเป็นธรรมใ ้มีมติใ ้
ดาเนนิ การไดต้ ามค รแก่กรณี
- การยนื่ คารอ้ งทกุ ขเ์ กนิ ระยะเ ลา 30 ัน รอื ยน่ื คารอ้ งทกุ ข์ผิดทีใ่ ้มีมติไม่รับคาร้องทุกข์
ท้งั น้ี มติของ อ.ก.ค. . รอื ก.ค. . ใ ้เป็นท่ี ุดไม่ ามารถร้องทุกข์ต่อไปได้อีก แต่ผู้ร้องทุกข์อาจใช้ ิทธิ
ย่นื ฟอ้ งตอ่ าลปกครองต่อไปได้
๗๘
การร้องทกุ ข์
- ไม่ไดร้ บั ค ามเปน็ ธรรม
- ค ามคบั ข้ งใจจากการกระทา
ข งผบู้ งั คบั บัญชา
- ถกู แต่งต้ังคณะกรรมการ บ น (มาตรา 123)
ังกัดเขตพน้ื ท่ีการ กึ า ไม่ งั กดั เขตพ้นื ที่การ ึก า งั กัด/ไม่ งั กดั เขตพ้ืนทก่ี าร กึ า
- ผู้ าน ยการ - ปลัดกระทร ง ึก าธิการ - นายกรฐั มนตรี
ถาน ึก า - เลขาธกิ าร - รัฐมนตรี
- ผู้ าน ยการ านักงาน - ธบิ ดี - ปลดั กระทร ง* (ไม่ งั กัดเขต)
เขตพ้ืนท่ีการ ึก า - ธกิ ารบดี - เลขาธิการ กพฐ.
- ผู้ าน ยการ านัก - คา งั่ ข งผ้บู ังคบั บญั ชาท่ี ั่งตามมติ
- ผู้ าน ยการก ง ก จ./ .ก.ค. . ท่ี ก.ค. . ต้ัง
- ผู้ าน ยการ ถาน ึก า
ก จ. .ก.ค. . ที่ ก.ค. . ต้งั ก.ค. .
พิจารณามีมติ
- ยกคาร้ งทุกข์
- เพกิ ถ น รื ยกเลกิ
- ใ ด้ าเนนิ การตามค รแก่กรณี
- ไม่รบั คาร้ งทุกข์
ผมู้ ี านาจตามมาตรา 53
ปฏิบัตติ ามมติ
*ปลัดกระทร งการท่ งเท่ีย และกี า ปลัดกระทร ง ัฒนธรรม รื ปลัดกระทร ง ่ืนท่ีมีข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการ ึก าใน งั กดั
T7E9
บทท่ี 5
การดาเนนิ การทาง นิ ัย กรณคี ณะกรรมการ ป.ป.ช. รอื ตง. ช้ีมูลค ามผิด
1.การดาเนนิ การทาง นิ ยั กรณคี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลค ามผดิ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแ ่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เป็นองค์กร
อิ ระตามรัฐธรรมนูญแ ่งราชอาณาจักรไทย พุทธ ักราช 2560 ที่ต้ังขึ้นมาเพ่ือปฏิบัติภารกิจในการ
ปอ้ งกันและปราบการทุจริต มอี านาจ นา้ ท่ีรบั เรื่องร้องเรียนเพ่ือดาเนินการไต่ นและ ินิจฉัย ผดู้ ารงตาแ น่ง
ทางการเมืองท้ังในระดับชาติและระดับท้องถ่ิน เจ้า น้าที่ของรัฐระดับ ูง ร มทั้งดา เนินการกับ
ผู้ท่ีร่ มกระทาค ามผิดกับผู้ดารงตาแ น่งดังกล่า ในกรณีเจ้า น้าท่ีของรัฐกระทาค ามผิดฐานทุจริต
ต่อ น้าที่ รือกระทาค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าที่ราชการ รือค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าที่ในการยุติธรรม
รอื ค ามผิดท่ีเกยี่ ข้องกัน ตามมาตรา 28 (2) และมาตรา 91 แ ่งพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ
่าด้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ. . 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (พ.ร.ป. ป.ป.ช.) จะเ ็นได้ ่า
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอานาจชม้ี ูลค ามผดิ ทัง้ ทางอาญาและทาง นิ ัย
า รับการกระทาค ามผิดฐานทุจริตต่อ น้าท่ี ซ่ึงถือเป็นค ามมูลค ามผิด ินัยน้ัน
เม่ือคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ เ ็น ่า ข้อกล่า าใดมีมูลค ามผิด ินัย คณะกรรมการ ป.ป.ช.
จะ ่งรายงาน าน นการไต่ น เอก าร ลักฐาน และคา ินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจ
แต่งต้ังถอดถอนผู้ถูกกล่า าผู้นั้น เพื่อพิจารณาโท ทาง ินัยตามฐานค ามผิดท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ได้มีมติ ซ่ึงในการดาเนินการทาง ินัยกับเจ้า น้าท่ีของรัฐย่อมต้องเป็นไปตามมาตรา 98 รรค น่ึงและ
รรค ี่ แ ่ง พ.ร.ป. ป.ป.ช. ที่บัญญัติ ่า เม่ือผู้บังคับบัญชาได้รับ าน นการไต่ นของคณะกรรมการ
ป.ป.ช. แล้ มีผลผูกพันใ ้ผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแต่งตั้ง รือถอดถอนพิจารณาโท ทาง ินัยตาม
ฐานค ามผดิ ทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดม้ มี ติโดยไม่ต้องแตง่ ต้ังคณะกรรมการ อบ น นิ ยั อีก และในการ
พิจารณาโท ทาง ินัยของผู้ถูกกล่า าใ ้ถือ ่าค ามเ ็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็น าน น
การ อบ นทาง ินัยของคณะกรรมการ อบ นทาง ินัยตามกฎ มาย ่าด้ ยการบริ ารงานบุคคลของ
ผู้ถูกกล่า านั้น โดยผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแต่งตั้ง รือถอดถอนพิจารณา ่ังลงโท ผู้ถูกกล่า า
ภายใน าม ิบ ันนับแต่ ันที่ได้รับเรื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. รือภายใน าม ิบ ัน นับแต่ ันท่ี
ผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแต่งตั้งถอดถอนได้รับแจ้งมติที่ได้ขอใ ้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา
ทบท นตามมาตรา ๙๙ รรค อง ท้ังนี้ ไม่ ่าผู้ถูกกล่า านั้นจะพ้นจากการเป็นเจ้า น้าท่ีของรัฐ
ก่อน รือ ลังที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติ ินิจฉัยมูลค ามผิด เ ้นแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติ
เมื่อพ้นกา นดเ ลาตามมาตรา ๔๘ แล้ แต่ไม่เป็นการตัดอานาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะดาเนินการ
เพื่อดาเนินคดีอาญาต่อไป อย่างไรก็ดี ใน ่ นของการชี้มูล “ค ามผิดที่เก่ีย ข้องกัน” ได้มีคา ินิจฉัย
ของ าลรัฐธรรมนญู ไ ้ ดงั น้ี
80
คา ั่ง าลรัฐธรรมนูญท่ี 41/2563 ลง ันที่ 10 มิถุนายน 2563 โดย รุป ่า คณะกรรมการ
ป.ป.ช. จะใช้ น้าที่และอานาจในการไต่ นและ ินิจฉัยช้ีมูลค ามผิดท่ีเก่ีย ข้องกันตามกฎ มาย ่าด้ ย
การป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้ จะต้องเป็นกรณีเจ้า น้าท่ีของรัฐกระทาค ามผิดฐานทุจริต
ต่อ น้าท่ี รือกระทาค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าที่ราชการ รือค ามต่อตาแ น่ง น้าที่ในการยุติธรรม
อันเป็นค ามผิดมูลฐานที่รัฐธรรมนูญกา นดไ ้เ ียก่อน ากค ามผิดท่ีเกี่ย ข้องกับค ามผิดมูลฐาน
ดังกล่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงจะมี น้าท่ีและมีอานาจช้ีมูลค ามผิดทาง ินัยอันเป็นค ามผิด
ท่ีเกยี่ ข้องกันได้
ทั้งน้ี คณะกรรมการกฤ ฎีกาได้ ินิจฉัยเกี่ย กับอานาจของคณะกรรมการป.ป.ช. ไ ้ใน
ลายประเด็นด้ ยกัน ดังตั อย่างต่อไปนี้
ประเด็นที่ 1 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่ นและ ินิจฉัย ่าผู้ถูกกล่า ากระทาค ามผิด
ทาง ินัยฐานทุจริตต่อ น้าที่ ราชการและฐานค ามผิดอ่ืนร่ มด้ ย ผู้บังคับบัญชา ามารถพิจารณาโท
ทาง ินัยตามฐานค ามผิดท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติได้ในทุกฐาน โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการ
อบ น นิ ัยอีก รือไม่
คณะกรรมการกฤ ฎีกามีค ามเ ็น ่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มี น้าที่และอานาจในการไต่ น
และ ินิจฉัยช้ีมูลค ามผิดที่เกี่ย ข้องกันท้ังในทาง ินัยและทางอาญาเฉพาะการกระทาค ามผิดฐานทุจริต
ต่อ น้าท่ี รือค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าที่ราชการ รือค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าท่ีในการยุติธรรมและ
ค ามผิดท่ีเกี่ย ข้องกันตามที่บัญญัติไ ้ในมาตรา ๒๘ (๒) และมาตรา ๙๑ แ ่ง พ.ร.ป. ป.ป.ซ. เท่านั้น
า รับค ามผิดท่ีเก่ีย ข้องกันต้องเป็นกรณีท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ช้ีมูลทางอาญา ทาง ินัยแล้ แต่กรณี
ตามค ามผิด ลักทั้ง ามฐานดังกล่า แล้ ากมีค ามผิดอื่นทางอาญาท่ีเก่ีย ข้องกับค ามผิด ลัก
ทางอาญาฐานใดฐาน น่ึงใน ามฐาน รือ ากมีค ามผิดอื่นทาง ินัยท่ีเกี่ย ข้องกับค ามผิด ลักทาง ินัย
ในลัก ณะเดีย กับฐานใดฐาน นึ่งใน ามฐาน คณะกรรมการ ป.ป.ข. ย่อมมีอานาจที่จะขี้มูลค ามผิด
ทางอาญาที่เก่ีย ข้องน้ัน รือทาง ินัยท่ีเกี่ย ข้องน้ันไปในครา เดีย กันได้ และมีผลผูกพันผู้บังคับบัญชา
รอื ผู้มีอานาจแต่งต้งั ถอดถอนในการพิจารณาโท ทาง ินัยตามฐานค ามผดิ ท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ
ได้ โดยไม่ต้องแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น ินัยอีกและใ ้ถือ ่า าน นการไต่ นของคณะกรรมการ
ป.ป.ช. เปน็ าน นการ อบ นทาง ินัยของคณะกรรมการ อบ น นิ ัย
ประเด็นท่ี 2 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่ นและ ินิจฉัย ่าผู้ถูกกล่า ากระทาค ามผิด
ทางอาญาในค ามผิดตอ่ ตาแ น่ง น้าที่ราชการ รือค ามผิดตอ่ ตาแ น่ง น้าที่ในการยตุ ธิ รรม และกระทา
ค ามผิดทาง ินัยซึ่งมิใช่ค ามผิดฐานทุจริตต่อ น้าท่ี ผู้บังคับบัญชาต้องพิจารณาโท ทาง ินัยตาม
ฐานค ามผดิ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติได้โดยไมต่ อ้ งแต่งต้งั คณะกรรมการ อบ น นิ ัยอีก รอื ไม่
คณะกรรมการกฤ ฎีกามีค ามเ ็น ่า เม่ือคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลค ามผิดทางอาญา
ในค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าที่ราชการ รือค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าท่ีในการยุติธรรมซ่ึงเป็นค ามผิดฐาน
ลักแล้ ในการช้ีมูลค ามผิดทาง ินัยก็จะต้องชี้มูลค ามผิดในค ามผิดฐาน ลักอันได้แก่ ค ามผิดฐาน
ทุจริตต่อ น้าที่ ค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าท่ีราชการ รือค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าที่ในการยุติธรรมด้ ย
ากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ช้ีมูลค ามผิดทาง ินัยซ่ึงมิใช่ค ามผิดฐาน ลักดังกล่า แล้ คณะกรรมการ
ป.ป.ช. ย่อมไม่อาจชี้มูลค ามผิดทาง ินัยอ่ืนที่เกี่ย ข้องไปพร้อมกันได้ และไม่มีผลผูกพันผู้บังคับบัญชา
81
รือผู้มีอานาจแต่งต้ังถอดถอนในการพิจารณาโท ทาง ินัย แต่ผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแต่งต้ัง
ถอดถอนมี น้าที่ต้องดาเนินการทาง ินัยตามกฎ มาย ระเบียบ ข้อบังคับ รือประกา ที่บังคับใช้แก่
ผถู้ กู กล่า าต่อไป
ประเด็นที่ 3 กรณีผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแต่งตั้งถอดถอน ามารถลงโท ทาง ินัย
กบั ผถู้ กู กล่า าตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลค ามผิดทาง ินัย ในฐานค ามผิดท่ีไม่ใชก่ รณีทุจริต
ตอ่ น้าทีไ่ ด้ รอื ไม่
คณะกรรมการกฤ ฎีกามีค ามเ ็น ่า การท่ีผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแต่งต้ังถอดถอนจะ
ามารถลงโท ทาง ินัยกับผู้ถูกกล่า าตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติได้เพียงใดนั้น จะต้องปรากฎ
เ ตุอันเป็นท่ีมาแ ่งการลงโท ด้ ย ่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ช้ีมูลค ามผิดตามขอบเขตอานาจ น้าท่ี
ของตน รือไม่ ซ่ึงเมื่อพิจารณาเขตอานาจ น้าท่ีที่กา นดไ ้ตามมาตรา ๑๙ (๔) แ ่ง พ.ร.ป. ป.ป.ช.
พ. . ๒๕๔๒ ซึ่งแกโ้ ดย พ.ร.ป. ป.ป.ช. (ฉบับที่ ๒) พ. . ๒๕๕๔ กา นดใ ค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอานาจ
น้าท่ีไต่ นและ ินิจฉัย ่า เจ้า น้าท่ีของรัฐกระทาค ามผิดฐานทุจริตต่อ น้าท่ี รือกระทาค ามผิด
ต่อตาแ น่ง น้าที่ราชการ รือค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าท่ีในการยุติธรรม รือค ามผิดท่ีเก่ีย ข้องกัน
ดังน้ัน ากมูลค ามผิดท่ีปรากฎตามคากล่า าเจ้า น้าท่ีของรัฐและมูลค ามผิดท่ีปรากฎจากการไต่ น
ข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อยู่ในขอบอานาจ น้าท่ีของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ย่อมมอี านาจชม้ี ลู ค ามผิดทาง ินัย รือมูลค ามผิดทางอาญาและดาเนินการต่อไป
ได้ตามมาตรา ๙๑ แ ง่ พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ. . ๒๕๔๒
า รับกรณี "ค ามผดิ ทเี่ ก่ีย ขอ้ งกัน" คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะ ามารถช้ีมลู ค ามผิดที่เกี่ย ข้องกัน
ได้เพียงใดนั้น ย่อมต้องปรากฏ ่ามูลค ามผิดที่เก่ีย ข้องกันจะต้องมีค าม ัมพันธ์ในลัก ณะเดีย กัน
กับค ามผิด ามฐาน ลักที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ช้ีมูลแล้ อันได้แก่ ค ามผิดฐานทุจริตต่อ น้าที่
ค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าที่ราชการ รือค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าท่ีในการยุติธรรม นอกจากนี้จะต้อง
ปรากฎ ่าฐานค ามผิดทาง ินัยท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ช้ีมูลน้ัน ได้มีกฎ มาย ระเบียบข้อบังคับ
รือประกา ท่ีใช้กับผู้ท่ีจะถูกดาเนินการทาง ินัยบัญญัติไ ้ชัดเจน ่าการกระทาในลัก ณะนั้นถือเป็น
ค ามผดิ ทาง ินัยด้ ย
เม่ือคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลค ามผิดข้าราชการตาร จ ่ามีค ามผิดทาง ินัยร้ายแรง
ฐานไม่ปฏิบัติ น้าที่ราชการใ ้เป็นไปตามกฎ มาย กฎ ระเบียบของคณะรัฐมนตรี จรรยาบรรณของ
ตาร จ และนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเ ตุใ ้ราชการเ ีย ายอย่างร้ายแรง และฐานประมาทเลินเล่อ
ใน น้าท่ีราชการอันเป็นเ ตุใ ้ราชการเ ีย ายอย่างร้ายแรงตามมาตรา ๗๘ (๑) และ (๙) ประกอบกับ
มาตรา ๗๙ (5) แ ่งพระราชบัญญัติตาร จแ ่งชาติพ. . ๒๕๔๗ ซ่ึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ชี้มูล
ค ามผิด ามฐาน ลกั ไดแ้ ก่ ค ามผดิ ฐานทจุ รติ ต่อ น้าที่ค ามผิดตอ่ ตาแ น่ง น้าที่ราชการ รือค ามผดิ
ต่อตาแ น่ง น้าที่ในการยุติธรรม เ ียก่อนคณะกรรมการป.ป.ช. จึงไม่อาจช้ีมูล "ค ามผิดที่เก่ีย ข้องกัน" ได้
เพราะมูลค ามผิดทาง ินยั ในเรื่องน้ีไม่มีค าม ัมพันธ์กับค ามผิด ามฐาน ลักดังที่ได้กล่า ข้างต้น ดังนน้ั
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงไม่มีอานาจชี้มูลค ามผิดทาง ินัยฐานไม่ปฏิบัติ น้าท่ีราชการใ ้เป็นไปตาม
กฎ มาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มตคิ ณะรัฐมนตรีจรรยาบรรณของตาร จ และนโยบายของรัฐบาล
กบั ขา้ ราชการตาร จ ๓ รายนไี้ ด้
82
จากท่ีได้กล่า มาข้างต้น ากการชี้มูลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้กระทาภายในขอบอานาจ
น้าท่ีของตนแล้ กระบ นการทาง ินัยของผู้บังคับบัญชาย่อมต้องเป็นไปตามมาตรา ๙๒ แ ่ง พ.ร.ป.
ป.ป.ช. พ. . ๒๕๔๒ ท่ีจะต้องพิจารณาโท ทาง ินัยตามฐานค ามผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ
โดยไม่จาต้องแต่งต้ังคณะกรรมการ อบ น ินัยอีก และใ ้ถือ ่าร้ายงานเอก ารและค าม เ ็นของ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็น าน นการ อบ นทาง ินยั ของคณะกรรมการ อบ น ินัย แต่ ากการช้ีมูล
ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มิได้อยู่ภายในขอบอานาจ น้าที่ของตน การชี้มูลดังกล่า ย่อมมีผลเป็นเพียง
ข้อเ นอแนะต่อผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแต่งต้ังถอดถอนของผู้ถูกกล่า านั้น ๆ เพื่อใ ้ดาเนินการ
ทาง นิ ัยตอ่ ไปเท่าน้ัน
จากแน คา ินจิ ฉยั ขา้ งต้น ากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชม้ี ลู ค ามผดิ ในฐานค ามผดิ ทเี่ กีย่ ขอ้ งกัน
โดยไม่ปรากฏ ่าได้มีการช้ีมูลในฐานค ามผิด ามฐาน ลัก ได้แก่ ค ามผิดฐานทุจริตต่อ น้าท่ี ค ามผิด
ต่อตาแ น่ง น้าที่ราชการ รือค ามผิดต่อตาแ น่ง น้าท่ีในการยุติธรรมแล้ จะเป็นการชี้มูลค ามผิด
เกิน น้าท่ีและอานาจ ไม่ผูกพันผู้บังคับบัญชาใ ้ต้องปฏิบัติตามมาตรา 98 รรค นึ่ง
แ ่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ่าด้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ. . 2542 แล ะ
ท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม แต่กรณีเช่นน้ีย่อมเป็นเพียงการแจ้ง รือข้อเ นอแนะ รือเป็นการบอกกล่า
ใ ้ผู้บังคับบัญชาทราบ ่ามีผู้ใต้บังคับบัญชากระทาค ามผิด ินัยเท่านั้น และผู้บังคับบัญชามี น้าท่ี
ตอ้ งดาเนินการทาง นิ ยั ตาม น้าที่และอานาจตามกฎ มาย ่าด้ ยการบริ ารงานบุคคลต่อไป
ระยะเ ลาดาเนนิ การ
เม่ือผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแต่งตั้ง รือถอดถอนได้รับ าน นและเอก ารท่ีเก่ีย ข้อง
จากคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ จะต้องดาเนินการพิจารณาโท ทาง ินัยของผู้ถูกกล่า าและ ั่งลงโท
ผู้ถูกกล่า าภายใน าม ิบ ัน นับแต่ ันท่ีได้รับเร่ืองจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. รือภายใน าม ิบ ัน
นับแต่ ันท่ีผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแต่งต้ังถอดถอนได้รับแจ้งมติที่ได้ขอใ ้คณะกรรมการ ป.ป.ช.
พิจารณาทบท นตามมาตรา ๙๙ รรค อง
กรณีมีปัญ าที่น่า นใจ ่า ผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแต่งต้ังถอดถอนจะพิจารณา ่ังลงโท
ทาง ินัยแก่ผู้ถูกกล่า าตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาย ลังจากล่ งพ้นระยะเ ลา าม ิบ ัน
นับแต่ ันทไ่ี ด้รบั เรื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 9๘ รรค าม แ ่ง พ.ร.ป. ป.ป.ช. ได้ รือไม่
คณะกรรมการกฤ ฎีกามีค ามเ ็น ่า ระยะเ ลาตามมาตรา ๙๘ รรค าม แ ่ง พ.ร.ป. ป.ป.ช.
เปน็ ระยะเ ลาที่กฎ มายกา นด น้าท่ีใ ผ้ ู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแตง่ ต้ังถอดถอนพิจารณา ั่งลงโท
ผู้ถูกกล่า าภายใน าม ิบ ันนับแต่ ันท่ีได้รับเร่ืองจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งแม้ล่ งเลยระยะเ ลา
ดังกล่า บุคคลซ่ึงมี น้าท่ีนั้นก็ยังต้องดาเนินการต่อไป ่ นการท่ีผู้บังคับบัญชามิได้ ่ังลงโท ภายใน
ระยะเ ลาที่กฎ มายกา นดโดยไม่มีเ ตุอัน มค รอาจเป็นผู้กระทาผิด ินัยตามมาตรา ๑00 รรค นึ่ง
แ ง่ พ.ร.ป. ป.ป.ช. เ ียเอง รอื ไม่ เปน็ เรื่องทต่ี อ้ งพิจารณาแยกตา่ ง ากจากกัน
83
84
การดาเนินการทาง นิ ยั แก่อดตี เจา้ น้าทขี่ องรฐั
เนื่องจากการลงโท ทาง ินัยเป็นการรัก า ินัยอันเป็นระเบียบแบบแผนและข้อบังคับ รือ
ข้อปฏิบัติของข้าราชการ ซึ่งโดย ลักแล้ ต้องใช้บังคับแก่เฉพาะผู้ที่ยังดารงตาแ น่งอยู่ในราชการเท่านั้น
ประกอบกับการลงโท ทาง ินัยยังเป็นการกระทาท่ีกระทบต่อ ิทธิเ รีภาพของบุคคล ดังน้ัน การที่
จะดาเนนิ การทาง ินัยแกอ่ ดตี เจ้า น้าทขี่ องรัฐนนั้ ต้องเปน็ กรณีท่ีมีกฎ มายกา นด ่าใ ้ ามารถกระทาได้
และการดาเนนิ การย่อมต้องเปน็ ไปตามบทบัญญัติที่กฎ มายกา นดด้ ย
า รับการดาเนินการทาง ินัยแก่อดีตเจ้า น้าท่ีของรัฐตามการช้ีมูลค ามผิดของคณะกรรมการ
ป.ป.ช. นั้น มาตรา ๙๘ รรค น่ึงและ รรค าม แ ่ง พ.ร.ป. ป.ป.ช. ได้กา นดเพียง ่าเมื่อผู้บังคับบัญชา
ได้รับ าน นการไต่ นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่ีชี้มูลค ามผิดแล้ ผู้บังคับบัญชาดังกล่า ต้อง
พิจารณาโท ทาง ินัยตามฐานค ามผิดท่ี คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติโดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการ
อบ น ินัยอีก โดยในการพิจารณโท ทาง ินัยแก่ผู้ถูกกล่า า ใ ้ถือ ่า าน นการไต่ นของ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็น าน นการ อบ นทาง ินัยของคณะกรรมการ อบ น ินัยตามกฎ มาย ่าด้ ย
การบริ ารงานบุคคลของผูถ้ ูกกล่า านั้น และในการดาเนินการทาง นิ ัยดังกล่า ใ ผ้ ้บู ังคับบัญชาพิจารณา ั่ง
ลงโท
ผู้ถูกกล่า าภายใน าม ิบ ันนับแต่ ันที่ได้รับเรื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งน้ี ไม่ ่าผู้ถูกกล่า านั้นจะ
พ้นจากการเป็นเจา้ น้าท่ีของรัฐก่อน รือ ลงั ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มมี ติ นิ จิ ฉยั มลู ค ามผดิ
จาก ลักเกณฑ์ข้างต้น มีประเด็นปัญ า ่าการดาเนินการทาง ินัยแก่อดีตเจ้า น้าที่ของรัฐ
ตามการช้ีมูลค ามผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. นั้น ามารถดาเนินการได้เพียงใด และอย่างไร ได้มีแน
ค ามเ ็นของคณะกรรมการกฤ ฎกี าไ ้ ดงั น้ี
ประเด็นปญั าที่ 1 ในการดาเนินการทาง ินัยแกอ่ ดีตเจ้า น้าท่ีของรัฐนนั้ ผูบ้ งั คับบัญชา ามารถ
พิจารณา ่งั ลงโท ทาง นิ ัยโดยอา ยั ฐานอานาจตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. ได้ รือไม่
คณะกรรมการกฤ ฎกี ามีค ามเ ็น ่า การที่ พ.ร.ป. ป.ป.ช. ได้ใ ้อานาจคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ดาเนินการใด ๆ ต่อไปได้แม้ ่าผู้ถูกกล่า าจะออกจากราชการไป รือพ้นจากตาแ น่งไปแล้ ดังเช่น
มาตรา ๙๑ และมาตรา ๙๘ รรค น่ึงและ รรค าม แ ่ง พ.ร.ป. ป.ป.ช. บัญญัติใ ้เมื่อผู้บังคับบัญชา
ผู้ถูกกล่า าได้รับ าน นการไต่ นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา ๙๑ แล้ ใ ้ผู้บังคับบัญชา
ผู้นั้นพิจารณาโท ทาง ินัยตามฐานค ามผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติโดยไม่ต้องแต่งตั้ง
คณะกรรมการ อบ น ินัยอีก และในการพิจารณาโท ทาง ินัยแก่ผู้ถูกกล่า าใ ้ถือ ่า าน นการ
ไต่ นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็น าน น อบ นทาง ินัยของคณะกรรมการ อบ น ินัย
ตามกฎ มาย ระเบียบ รือข้อการบริ ารงานบุคคลของผู้ถูกกล่า าน้ัน แล้ แต่กรณี โดยผู้บังคับบัญชา
ต้องพิจารณา ่ังลงโท ผู้ถูกกล่า าภายใน ๓๐ ันนับแต่ ันท่ีได้รับเรื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ข. ทั้งน้ี
ไม่ ่าผู้ถูกกล่า านั้นจะพ้นจากการเป็นเจ้า น้าที่ของรัฐก่อน รือ ลังท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติ
ินิจฉัยมูลค ามผิดน้ัน ย่อม มายค าม ่า ในการพิจารณา ่ังลงโท ทาง ินัยของผู้บังคับบัญชายังคง
ตอ้ งเป็นไปตามกฎ มาย รือระเบียบ รือข้อบังคับ ่าด้ ยการบริ ารงานบุคคลของเจ้า น้าท่ีของรฐั นนั้ ๆ
ไม่อาจอา ัยบทบัญญัติตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. มาใช้ในการลงโท ได้โดยตรง เน่ืองจาก พ.ร.ป. ป.ป.ช.
85
เป็นแต่เพียงบทบัญญัติที่ใ ้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโท ทาง ินัยแก่ผู้ถูกกล่า าตามฐานค ามผิด
ทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดม้ มี ติโดยไม่ตอ้ งแต่งตงั้ คณะกรรมการ อบ นทาง นิ ยั อกี เทา่ นั้น
นอกจากน้ี มาตรา ๑๙๒ รรค อง แ ่ง พ.ร.ป. ป.ป.ช. มิได้มีผลเป็นการใ ้อานาจ รือขยาย
ระยะเ ลาใ ้ผู้บังคับบัญชาในการดาเนินการเพ่ือ ั่งลงโท ทาง ินัยได้เป็นกรณีพิเ รือแตกต่างจากที่
กฎ มาย ระเบียบ รือข้อบังคับ ่าด้ ยการบริ ารงานบุคคลของข้าราชการ รือเจ้า น้าท่ีของรัฐนั้น
กา นดไ ้
ประเด็นปัญ าท่ี 2 กรณีที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าซ่ึงถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ช้ีมูลค ามผิดทาง ินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อ น้าท่ีราชการ ได้ออกจากราชการไปเกิน ามปีแล้
ผู้มอี านาจดาเนินการทาง ินยั จะ ามารถ ่ังลงโท ตามมาตรา ๑0๒ และมาตรา ๑0๒/๑ แ ่งพระราชบัญญัติ
ระเบยี บข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการ ึก าฯ ซึ่งแกไ้ ขเพิม่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิระเบียบข้าราชการครู
และบุคลากรทางการ ึก า (ฉบบั ที่ ๔) พ. . ๒๕๖๒ ได้ รือไม่
คณะกรรมการกฤ ฎีกามีค ามเ ็น ่า มาตรา ๑0๒/๑๒ แ ่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าฯ กา นด ่า ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลค ามผิด
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าผู้ใดซึ่งออกจากราชการแล้ การดาเนินการทาง ินัยและ
่ังลงโท แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าผู้นั้นใ ้เป็นไปตาม ลักเกณฑ์และเงื่อนไขท่ีกา นด
ไ ้ในกฎ มายประกอบรัฐธรรมนูญ ่าด้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แต่โดยที่ยังไม่มีการแกไ้ ข
เพิ่มเติม พ.ร.ป. ป.ป.ช. เพ่ือกา นด ลักเกณฑ์และเงื่อนไขการ ั่งลงโท ทาง ินัยกรณีคณะกรรมการ
ป.ป.ช. มีมติช้ีมูลค ามผิดข้าราชการซ่ึงออกจากราชการไ ้เป็นการเฉพาะใ ้ อดคล้องกับการแก้ไข
เพ่ิมเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าพ. . ๒๕๔๗ การ ่ังลงโท
จึงยังต้องเป็นไปตามมาตรา ๑0๒ แ ่งพระราชบัญญัติดังกล่า ซ่ึงเป็นบทบัญญัติท่ีใช้บังคับในภาย ลัง
และมีผลเป็นคุณแก่ผู้ถูกกล่า ามากก ่าบทบัญญัติท่ีใช้บังคับอยู่ในขณะกระทาค ามผิดเมื่อมาตรา
ดังกล่า กา นดเง่ือนไขในการ ั่งลงโท ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าซึ่งออกจากราชการอัน
มิใช่เพราะเ ตุตาย ่า ต้อง ่ังลงโท ภายใน ามปีนับแต่ ันที่ผู้นั้นออกจากราชการ ดังนั้น ากข้อเท็จจริง
ปรากฏ ่า ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ึก าผู้น้ันได้ออกจากราชการไปเกิน ามปีแล้ ผู้มีอานาจ
ดาเนนิ การทาง ินัยย่อมไม่อาจ ั่งลงโท ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการ ึก ารายดังกล่า ได้
ดังนั้น ในการดาเนินการทาง ินัยแก่อดีตเจ้า น้าท่ีของรัฐ ตามการชี้มูลค ามผิดของ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. น้ัน จึงต้องเป็นไปตาม ลักเกณฑ์และระยะเ ลาของกฎ มาย ่าด้ ยระเบียบ
บริ ารงานบุคคลของเจา้ นา้ ท่ีของรฐั นนั้ ๆ
การอุทธรณ์คา ่ังลงโท ทาง นิ ัยตามมตชิ ี้มลู ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
เม่ือผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาโท แก่ผถู้ ูกกล่า าตามฐานค ามผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มี
มติ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการ อบ นทาง ินัยโดยถือ ่ารายงานเอก ารและค ามเ ็นของ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็น าน นการ อบ นทาง ินัยของคณะกรรมการ อบ นทาง ินัย
ตามกฎ มาย ่าด้ ยการบริ ารงานบุคคลของผู้ถูกกล่า าน้ัน ๆ และมีคา ่ังลงโท แก่ผู้ถูกกล่า แล้
ผู้ถูกกลา่ า ามารถอุทธรณ์ได้เพียงใด
86
าลปกครอง ูง ุดได้ ินิจฉัยในประเด็นดังกล่า ในคาพิพาก า ูง ุดท่ี ฟ. 20/2560 รุปได้ ่า
คา ินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีผลผูกพันองค์กรท่ีมีอานาจพิจารณาอุทธรณ์ไม่อาจเปล่ียนแปลงฐาน
ค ามผดิ ตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ินิจฉัยและยุติแล้ ใ ้เป็นประการอื่นได้ ใน ่ น ทิ ธิของผู้ถูกกล่า าใน
การอทุ ธรณค์ า ่ังลงโท ทาง ินัยถูกจากัด ่าจะอุทธรณไ์ ด้เฉพาะดุลพินิจในการ ั่งลงโท ของผู้บังคับบัญชา
เทา่ นั้น จะอุทธรณ์ ่ามไิ ด้กระทาค ามผดิ ทาง ินัยตามทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ มี้ ูลไ ้มิได้
87
แน ปฏิบัติราชการเกี่ย กับค ามผูกพันของมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
แ ง่ ชาติ (ป.ป.ช.) กรณชี ีม้ ลู ค ามผิด (คาพพิ าก า าลปกครอง งู ดุ ที่ ฟบ.๘/๒๕๖๑)
มติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแ ่งชาติ( ป.ป.ช.) ท่ีชี้มูลค ามผิด
ทาง ินัย ไม่มีผลผูกพันผู้บังคับบัญชา ไม่อาจถือเอารายงานการไต่ นข้อเท็จจริงและค ามเ ็นของ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแ ่งชาติ(ป.ป.ช.) มาลงโท ทาง ินัยในฐานค ามผิด
ดังกล่า ได้โดยตรง
ลักกฎ มายทเี่ กีย่ ขอ้ ง : ลกั ค ามผูกพันของคา ่ังทางปกครอง
น่ ยงานทางปกครอง : คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แ ่งชาติ
คณะกรรมการพิทัก ร์ ะบบคณุ ธรรม
อธบิ ดกี รมการปกครอง
รุปคดี : คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแ ่งชาติร้อง อด (ป.ป.ช.) ชี้มูลค ามผิด ินัย
นาย ช. ่าเม่ือครั้งดารงตาแ น่งปลัดอาเภอ ุ รรณภูมิ กรณีได้รายงานเ ตุด่ น าธารณภัยเป็นเ ตุใ ้
จัง ัดร้อยเอ็ดประกา ใ ้พื้นที่อาเภอ ุ รรณภูมิ ๙ ตาบล เป็นพื้นท่ีประ บภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ทั้งท่ี
พ้ืนท่ีดังกล่า ยังไม่ถือ ่าเป็นลัก ณะของภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และกรณีตร จรับงานโดยมิชอบ และได้
่งรายงานเอก ารพร้อมค ามเ ็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาลงโท ทาง ินัยตามนัยมาตรา ๙๒
และมาตรา ๙๓ แ ่ง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ ่าด้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ. . ๒๕๔๒ อธิบดีกรมการปกครอง มีค ามเ ็นกรณีน้ี ่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเร่ืองน้ีแล้
ผู้บังคับบัญชาจะต้องพิจารณาโท ทาง ินัยตามฐานค ามผิดท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยไม่ต้องแต่งตั้ง
คณะกรรมการ อบ น ินัยอีก และใ ้ถือ ่ารายงานเอก ารและค ามเ ็นของผู้ร้อง อดเป็น าน น
การ อบ นทาง ินัยของคณะกรรมการ อบ นตามมาตรา ๙๒ แ ่ง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ
่าด้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ. . ๒๕๔๒จึงมีคา ่ังลง ันท่ี ๓ มกราคม ๒๕๕๖ ลงโท
ตัดเงินเดือน ๕% เป็นเ ลา ๒ เดือน ตามมติของคณะกรรมการป.ป.ช. นาย ช. ได้อุทธรณ์คา ั่ง
ต่อคณะกรรมการพิทัก ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) แล้ แต่ ก.พ.ค. มมี ตยิ กอุทธรณ์ จึงนาคดีมาฟ้องต่อ าล
าลปกครอง ูง ุด ินิจฉัย ่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติช้ีมูลค ามผิดที่มีผลผูกพันใ ้ผู้บังคับบัญชา รือ
ผู้มีอานาจแต่งต้ังถอดถอนผู้ถูกกล่า าเพื่อพิจารณาโท ทาง ินัยตามฐานค ามผิดได้ต้องเป็นกรณีที่
เก่ยี เน่อื งกบั การกระทาค ามผดิ ฐานทจุ ริตต่อ น้าที่ ่ นค ามผดิ ต่อตาแ น่ง นา้ ทร่ี าชการและค ามผิด
ต่อตาแ น่ง น้าที่ในการยุติธรรมเป็นมูลค ามผิดทางอาญา และค ามผิดฐานทุจริตต่อ น้าที่ ถือเป็นมูล
ค ามผิดทาง ินัย นอกจาก ามกรณีดังกล่า แล้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอานาจในการช้ีมูลค ามผิด
ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีอานาจ น้าที่ในการชี้มูลค ามผิดทาง ินัยนาย ช. เฉพาะค ามผิดฐาน
ทุจริตต่อ น้าที่ราชการเท่านั้น ไม่อาจช้ีมูลค ามผิดฐานอื่นได้ การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่ น
ข้อเท็จจริงและชี้มูลค ามผิดทาง ินัยในค ามผิดฐานไม่ปฏิบัติ น้าท่ีราชการด้ ยค ามอุต า ะเอาใจใ ่
ระมัดระ ังรัก าประโยชน์ของทางราชการ และต้องไม่ประมาทเลินเล่อใน น้าที่ราชการฐานไม่ปฏิบัติ
น้าทร่ี าชการใ ้เป็นไปตามกฎ มาย ระเบียบของทางราชการ มตคิ ณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาล
โดยไม่ใ ้เ ีย ายแก่ราชการ และฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ซ่ึงไม่เป็นเ ตุใ ้เ ีย ายแก่ราชการ
อย่างร้ายแรงตามมาตรา ๑๓๓ แ ่ง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ. . ๒๕๕๑ ๑ ซึ่งเป็นกฎ มาย
ทใี่ ชบ้ ังคบั ขณะกระทาค ามผิด มติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทีช่ ้ีมลู ค ามผดิ นิ ัยนาย ช. ในค ามผดิ ฐาน
ดังกล่า จึงไม่ผูกพันอธิบดีกรมการปกครองซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของนาย ช. และอธิบดีกรมการปกครอง
88
ไม่อาจถือเอารายงานการไต่ นข้อเท็จจริงและค ามเ ็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาลงโท ทาง ินัย
นาย ช. ในฐานค ามผิดดังกล่า ได้โดยตรง การที่อธิบดีกรมการปกครองมีคา ่ังลงโท ตัดเงินเดือน ๕ %
เป็นเ ลา ๒ เดือนโดยถือเอารายงานการไต่ นข้อเท็จจริงและค ามเ ็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
มาลงโท ทาง ินยั นาย ช. ในฐานค ามผดิ ดังกล่า โดยตรง และ ก.พ.ค. มีมติยกอทุ ธรณ์ จงึ เป็นการกระทา
ทไ่ี มช่ อบด้ ยกฎ มาย
แน ทางการปฏิบัติราชการจากคา ินจิ ฉยั :
จากคาพิพาก า าลปกครอง ูง ุดท่ี ฟบ.๘/๒๕๖๑ จะเ ็นได้ ่า เม่ือคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติชี้มูล
ค ามผิดที่มีผลผูกพันใ ้ผู้บังคับบัญชา รือผู้มีอานาจแต่งต้ังถอดถอนผู้ถูกกล่า าเพื่อพิจารณาโท
ทาง ินัยตามฐานค ามผิดท่ผี รู้ ้อง อดชม้ี ลู ไดจ้ ะต้องเปน็ กรณีที่เกย่ี เน่ืองกับการกระทาค ามผิดฐานทุจริต
ต่อ นา้ ที่ กระทาค ามผดิ ต่อตาแ น่ง นา้ ท่รี าชการ รือกระทาค ามผดิ ตอ่ ตาแ นง่ นา้ ทใ่ี นการยตุ ิธรรม
เท่านั้น เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลค ามผิด ินัยนาย ช. ในค ามผิดฐานดังกล่า จึงไม่ผูกพันอธิบดี
กรมการปกครองซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของนาย ช. อธิบดีกรมการปกครองไม่อาจถือเอารายงานการไต่ น
ข้อเท็จจริงและค ามเ ็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาลงโท ทาง ินัยนาย ช. ในฐานค ามผิดดังกล่า
ได้โดยตรง
2. การดาเนนิ การทาง ินยั กรณี ตง. ช้ีมูลค ามผดิ
คณะกรมการตร จเงินเป็นองค์กรอิ ระตามรัฐธรรมนูญ ที่ตั้งขึ้นมาเพ่ือปฏิบัติภารกิจในการ
ตร จ อบ กากับดูแลการใช้จ่ายเงินแผ่นดินใ ้เป็นไปตามกฎ มาย ่ังลงโท ทางปกครองกรณีมีการ
กระทาผิดกฎ มาย ่าด้ ย ินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งตามมาตรา ๒๔๔ กา นดไ ้ ่า ากตร จ อบ
แล้ พบ ่ามี ลักฐานอันค รเช่ือได้ ่าการใช้จ่ายเงินแผ่นดินมีพฤติการณ์อันเป็นการทุจริตต่อ น้าท่ี จงใจ
ปฏิบัติ น้าท่ี รือใช้อานาจขัดต่อบทบัญญัติแ ่งรัฐธรรมนูญ รือกฎ มาย รืออาจทาใ ้การเลือกต้ังมิได้
เป็นไปโดย ุจริต รือเท่ียงธรรม และเป็นกรณีท่ีผู้ ่าการตร จเงินแผ่นดิน ไม่มีอานาจจะดาเนินการใดได้
ใ ้ผู้ ่าการตร จเงินแผ่นดินแจ้งคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปราม การทุจริตแ ่งชาติ คณะกรรมการ
การเลือกตั้ง รือ น่ ยงานอ่ืนที่เกี่ย ข้อง แล้ แต่กรณี เพ่ือทราบ และดาเนินการตาม น้าที่และอานาจ
ต่อไป ในการดาเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแ ่งชาติ คณะกรรมการ
การเลือกต้ัง รือ น่ ยงานอื่นตามที่ได้รับแจ้งน้ัน ใ ้ถือ ่าเอก ารและ ลักฐานที่ผู้ ่าการตร จเงิน
แผ่นดินตร จ อบ รือจัดทาขึ้นเป็น ่ น นึ่งของ าน นการ อบ นของคณะกรรมการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริตแ ง่ ชาติ คณะกรรมการการเลือกต้ัง รือของ น่ ยงานอน่ื น้นั แล้ แตก่ รณี
การดาเนินการทาง ินัย า รับกรณีที่ ตง. ชี้มูลค ามผิดน้ันได้มีการตราพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญ ่าด้ ยการตร จเงินแผ่นดิน พ. . ๒๕61 โดยใ ้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญ ่าด้ ยการตร จเงินแผ่นดนิ พ. . ๒๕๔๒ ซ่ึง าก ตง. ตร จพบมูลกระทาค ามผดิ ก่อน นั ท่ี
22 กุมภาพันธ์ 2561 การดาเนินการจะเป็นไปตามมาตรา ๔๖ รรค น่ึง กล่า คือใ ้คณะกรรมการ
ตร จเงินแผ่นดินตร จ อบแล้ ปรากฏ ่ามีพฤติการณ์น่าเชื่อ ่าเป็นการทุจริต รือมีการใช้อานาจ น้าท่ี
โดยมิชอบ ก่อใ ้เกิดค ามเ ีย ายแก่เงิน รือทรัพย์ ินของราชการ ใ ้คณะกรรมการฯ แจ้งต่อพนักงาน
อบ นเพื่อดาเนินคดี และใ ้คณะกรรมการฯ แจง้ ผลการตร จ อบดงั กล่า ใ ้ผ้รู ับตร จ รอื กระทร ง
89
เจ้า ังกัด รือผู้บังคับบัญชา รือผู้ค บคุมกากับ รือรับผิดชอบของ น่ ยรับตร จ แล้ แต่กรณี
ดาเนินการตามกฎ มาย รือตามระเบียบแบบแผนท่ีราชการ รือท่ี น่ ยรับตร จกา นดไ ้แก่เจ้า น้าที่
ผู้รับผิดชอบด้ ย แต่ ากการตร จ อบของ ตง. ตร จพบพฤติการณ์กระทาค ามผิดต้ังแต่ ันท่ี 22
กุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไป จะเป็นไปตามมาตรา 85 แ ่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ่าด้ ย
การตร จเงินแผ่นดิน พ. . ๒๕61 ท่ีกา นดใ ้ น้าที่และอานาจ ตง. ในกรณีที่ผลการตร จ อบ
มีข้อบกพร่องเนื่องจากเจ้า น้าที่ของ น่ ยรับตร จไม่ปฏิบัติตามกฎ มาย ระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรี รือแบบแผนการปฏิบัติราชการ ใ ้ผู้ ่าการมี นัง ือแจ้งข้อบกพร่องพร้อมทั้ง
ข้อเ นอแนะใ ้ผู้รับตร จทราบเพ่ือดาเนินการแก้ไข และ ากก่อใ ้เกิดค ามเ ีย ายแก่รัฐ รือ น่ ย
รับตร จท่ีไม่เก่ีย กับกฎ มาย ่าด้ ย ินัยการเงินการคลังของรัฐ ใ ้ผู้ ่าการแจ้งใ ้ผู้รับตร จพิจารณา
ดาเนินการเพ่ือใ ้มีการชดใช้ค่าเ ีย ายแก่รัฐ รือ น่ ยรับตร จ รือดาเนินการทาง ินัย และเมื่อผู้รับ
ตร จดาเนินการเป็นประการใดแล้ ใ ้แจ้งใ ้ผู้ ่าการทราบ
ในกรณที ่ีพบ ่ามีพฤตกิ ารณ์นา่ เชือ่ า่ เป็นการทจุ รติ รอื มกี ารใช้อานาจโดยมิชอบ ตามมาตรา 95
รรค อง กา นดใ ้ผู้ า่ การ ง่ เรอ่ื งใ ค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ดาเนนิ การตาม นา้ ท่ีและอานาจต่อไป
คา ินิจฉัยคณะกรรมการกฤ ฎีกา เรื่องเ ร็จท่ี ๙๔๔/๒๕๖๑ ได้มีคา ินิจฉัย ่าบทบัญญัติ
ดังกล่า ไม่ได้กา นดใ ้ น่ ยรับตร จที่ได้รับแจ้งผลการตร จ อบของ ตง. จะต้องไปดาเนินการ
ร้องทุกข์กล่า โท ต่อพนักงาน อบ น มีเพียงกา นดใ ้เป็นอานาจ น้าท่ีของคณะกรรมการตร จเงิน
แผ่นดินต้องดาเนินการร้องทุกข์กล่า โท ต่อพนักงาน อบ นเพื่อดาเนินคดี ากพบ ่ามีพฤติการณ์
น่าเชื่อ ่าเป็นการทุจริต รือมีการใช้อานาจโดยมิชอบ และปัจจุบันได้มีการแก้ไขเพ่ิมเติม มาตรา ๗ และ
มาตรา ๙๕ รรค อง กา นดใ ้ในกรณีท่ี ตง. ตร จ อบแล้ พบ า่ เป็นกรณีทุจริตใ ้ผู้ า่ การตร จเงินแผ่นดิน
ง่ เร่ืองใ ้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดาเนินการตาม นา้ ที่และอานาจตอ่ ไป
า รับการดาเนินการทาง ินัย ไม่มีบทบัญญัติใดกา นดใ ้ น่ ยรับตร จต้องดาเนินการทาง
ินัยโดยผูกพันข้อเท็จจริงตามผลการตร จ อบของ ตง. การดาเนินการทาง ินัยจึงต้องเป็นไปตาม
กฎ มายและระเบียบที่เกี่ย ข้องของประเภทข้าราชการน้ัน ๆ ทั้งน้ี ากเป็นกรณีท่ีมีพยาน ลักฐาน
ในเบ้ืองต้นอยู่แล้ น่ ยงาน ามารถดาเนินการทาง ินัยต่อไปได้ทันที โดยข้อ 6 รรค นึ่ง แ ่งระเบียบ
านักนายกรัฐมนตรี ่าด้ ยการเร่งรัดติดตามเกี่ย กับกรณีเงินขาดบัญชี รือเจ้า น้าที่ของรัฐทุจริต
พ. . 2546 กา นด า่ กรณที ี่ านกั งานตร จเงินแผ่นดนิ ตร จ อบพบ ่าเจ้า น้าท่ีของรัฐทุจริต และได้ชี้มูล
ค ามผิดแล้ ใ ้ น่ ยงานของรัฐดาเนินการทางแพ่ง อาญา รือทาง ินัยแก่ผู้ท่ีเก่ีย ข้องอย่างเคร่งครัด
โดยไมต่ อ้ งแต่งตง้ั คณะกรรมการ ืบ น าข้อเทจ็ จรงิ อีก
ดังนั้น ากผลการตร จ อบของ ตง.ได้ระบุถึงพฤติการณ์น่าเชื่อ ่ามีการทุจริต และระบุชัดเจน
ถึงตั เจ้า น้าท่ีที่กระทาค ามผิด ่าได้แก่ผู้ใดพร้อมท้ังพยาน ลักฐานในเบ้ืองต้นเกี่ย กับการกระทาผิด
น่ ยรับตร จจึงต้องดาเนินการทาง ินัยตามระเบียบและกฎ มายโดยไม่ต้องต้ังคณะกรรมการ ืบ น
ข้อเท็จจริงอีก แต่ ากผลการตร จ อบเป็นกรณีท่ีมีพฤติการณ์น่าเชื่อ ่าเป็นการทุจริต แต่มิได้ระบุ
ตั เจ้า น้าที่ผู้กระทาผิด น่ ยรับตร จย่อมมีดุลยพินิจท่ีจะต้ังกรรมการ ืบ น าข้อเท็จจริง
ตามกฎ มายและระเบียบทเ่ี ก่ีย ข้องต่อไป
90
แน ทางการลงโท ทาง ินัยตามมตคิ ณะรัฐมนตรีกรณคี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ช้ีมูลค ามผดิ
ในเรื่องของการปฏิบัติใ ้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีนั้น าลปกครอง ูง ุดได้มีคาพิพาก า ่า
เมื่อคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นองค์กร ูง ุดที่มีอานาจ น้าที่ในการบริ ารราชการแผ่นดินตามบทบัญญัติ
แ ่งรัฐธรรมนูญ น่ ยงานทางปกครองก็ตอ้ งปฏบิ ัติตามนโยบายของคณะรฐั มนตรี การกา นด ลักเกณฑ์
เรื่องใดที่ไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีย่อมถือ ่าเป็นการกระทาที่ไม่ชอบด้ ยกฎ มาย
(คาพพิ าก า าลปกครอง งู ดุ ที่ อ.89/2549)
เรื่องทุจริตการ อบ มติคณะรัฐมนตรีตาม นัง ือ านักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ท่ี ร. 0401/ 50
ลง ันท่ี 12 เม ายน 2511 ได้ างแน ทางการลงโท ไ ้ ่า ขา้ ราชการท่ีทาการทจุ รติ รือพยายามทุจริต
ในการ อบแขง่ ขัน รอื อบคัดเลือกเพือ่ เลอ่ื นตาแ นง่ เปน็ ค ามผดิ นิ ยั ฐานประพฤติช่ั อยา่ งร้ายแรง
เร่ืองการทุจริตต่อ น้าที่ราชการ มติคณะรัฐมนตรีตาม นัง ือ านักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ที่ นร 0502/ 234 ลง ันที่ 24 ธัน าคม 2536 ได้ างแน ทางการลงโท ผู้กระทาผิด ินัยฐานทุจริต
ต่อ น้าท่ีราชการ ่าเป็นค ามผิด ินัยอย่างร้ายแรง ค รไล่ออกจากราชการ การนาเงินท่ีทุจริตไปแล้ มาคืน
รอื มีเ ตุอนั ค รปรานีอ่นื ใด ไม่เปน็ เ ตุลด ยอ่ นโท ลงเป็นปลดออกจากราชการ
91
92
93
☆