163 7.6) พัฒนาแหล่งผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้ ผู้บริโภคเห็นถึงวิถีการด าเนินชีวิตของเกษตรกรผู้ผลิตอินทรีย์ 7.7) จัดมหกรรมงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์ในต่างประเทศ ระดับชาติ และระดับภูมิภาค อย่างต่อเนื่องโดยเน้นการน าเสนอสินค้าเกษตรอินทรีย์ในแต่ละมาตรฐานการรับรองทั้งของไทยและสากล 7.8) ประชาสัมพันธ์โดยคัดเลือกบุคคลที่มีชื่อเสียง มีภาพลักษณ์ที่ดีด้านการดูแลสุขภาพ เป็นตัวแทนที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของสินค้า (Brand Ambassador) ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย 8) การพัฒนาคุณภาพผลผลิต และผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรอินทรีย์ สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์ เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนแก่ผู้ผลิต ผู้แปรรูป ผู้ประกอบการค้าสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ และปัจจัยการผลิตอินทรีย์
164 บทที่ 5 สรุปและข้อเสนอแนะ 5.1 สรุป การจัดท าแนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ในครั้งนี้ใช้ฐานข้อมูลจากหลาย ด้านโดยจ าแนกเป็น 6 กลุ่มชนิดสินค้า (ข้าว ถั่วเหลือง พืชผัก ผลไม้ ปศุสัตว์ และประมง) อันได้แก่ ข้อมูล สภาพการตลาดโครงสร้างตลาด รูปแบบและช่องทางการจ าหน่าย วิถีตลาด ต้นทุนการตลาดส่วนเหลื่อม การตลาด โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ทางสถิติอย่างง่าย และข้อมูลด้านทัศนคติและความคิดเห็นของผู้มีส่วน เกี่ยวข้องในระบบตลาดเกี่ยวกับการด าเนินนโยบายด้านเกษตรอินทรีย์ของภาครัฐ ผลการด าเนินงานของตลาด ส่วนประสมการตลาด(ผลิตภัณฑ์ ราคา การจ าหน่าย และการส่งเสริมการตลาด) พฤติกรรมของระบบตลาด สภาพการแข่งขันของตลาด ฯลฯ โดยใช้ Likert Scale ให้ทราบค่าคะแนนที่สะท้อนถึงระดับความส าคัญของ ข้อมูลในแต่ละประเด็น แล้วน าข้อมูลในแต่ละประเด็นมาวิเคราะห์ด้วย SWOT และ TOWS Matrix พิจารณา ครอบคลุมถึงสภาพแวดล้อมภายในและสภาพแวดล้อมภายนอกทางด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์จากผู้ที่ มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยจ านวน 6,276 ราย ประกอบด้วย ผู้ประกอบการค้า กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรที่เกี่ยวข้องกับการจ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้จัดการตลาด ตลอดจนผู้บริโภคทั้งที่เคยและไม่เคยบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์รวมทั้งเจ้าหน้าที่ หน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับระบบตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกร สถาบัน เกษตรกร ผู้ประกอบการภาคเอกชน เครือข่ายภาคประชาสังคม หรือผู้ที่สนใจใช้เป็นข้อมูลประกอบการ พิจารณาตัดสินใจผลิตและลงทุนด้านการตลาด หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องน าไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการ จัดท าแนวทางการส่งเสริมการผลิตการตลาดตลอดห่วงโซ่อุปทาน การจัดท าแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องเพื่อ ขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ให้บรรลุผลน าไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนรวมทั้งเป็นข้อเสนอแนะที่ผู้บริหาร ระดับสูงสามารถน าไปประกอบการพิจารณาก าหนดนโยบาย มาตรการ แผนงานโครงการที่เกี่ยวข้องต่อไป สรุปผลการศึกษาได้ดังนี้ 5.1.1 ข้าวอินทรีย์ 1) สภาพการตลาดข้าวอินทรีย์ ด้านโครงสร้างตลาดข้าวอินทรีย์ มีปริมาณผลผลิตข้าวอินทรีย์ทั้งประเทศ 17,051 ตันต่อปี ส่วนใหญ่เกษตรกรผู้ผลิตจะจ าหน่ายในลักษณะข้าวเปลือก ข้าวแปรรูป และเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้แก่ผู้รวบรวมใน ท้องถิ่น อาทิกลุ่มผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว และโรงสี นอกจากนี้ยังมีการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ อเมริกา รัสเชีย สิงคโปร์ ฮ่องกงยุโรป และญี่ปุ่น ภายใต้มาตรฐาน IFOAM EU NOP และ JAS ผู้ประกอบการค้าข้าวอินทรีย์ส่วนใหญ่ร้อยละ 92.40 เป็นกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตด าเนินการรวบรวมและจ าหน่ายเองที่เหลืออีกร้อยละ 7.60 เป็นผู้ประกอบการที่ ด าเนินกิจกรรมเฉพาะการรวบรวมเพื่อจ าหน่าย ด้านการบริหารจัดการตลาด โดยลักษณะของผลผลิตข้าวที่ จ าหน่ายในตลาดส่วนใหญ่ร้อยละ 49.41 จ าหน่ายในรูปข้าวเปลือก รองลงมาคือ ข้าวสาร ร้อยละ 39.14 ข้าวกล้อง ร้อยละ 6.77 และอื่นๆ เช่น เครื่องส าอาง เครื่องดื่มส าเร็จรูป ร้อยละ 4.68 ส าหรับด้านพฤติกรรม
165 ตลาดเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการค้าเป็นผู้ก าหนดราคาข้าวอินทรีย์รองลงมา คือ เกษตรกรผู้ผลิต ผู้รวบรวมผู้ประกอบการค้า ได้พิจารณาก าหนดราคาร่วมกัน โดยหลักเกณฑ์การก าหนดราคาจะพิจารณาอ้างอิง จากตลาดข้าวอินทรีย์ตลาดทั่วไป รวมถึงต้นทุนและผลตอบแทนการผลิต ซึ่งราคาข้าวอินทรีย์จะมีความ แตกต่างจากราคาข้าวทั่วไปตามชนิดและสายพันธุ์ข้าว เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าชนิดเดียวกัน ได้แก่ ข้าวเปลือก 1-2 บาทต่อกิโลกรัม เมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์แตกต่างกับเมล้ดพันธุ์ข้าวทั่วไป 2-4 บาทต่อกิโลกรัม ข้าวสารอินทรีย์แตกต่างกับข้าวสารทั่วไป 15.40 บาทต่อกิโลกรัม ข้าวกล้องอินทรีย์แตกต่างกับข้าวกล้องทั่วไป 5-10 บาทต่อกิโลกรัม ข้าวกล้องงอกอินทรีย์แตกต่างกับข้าวกล้องงอกทั่วไปมากถึง 40 บาทต่อกิโลกรัม ช่องทางการจ าหน่ายข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์แปรรูปเป็นการจ าหน่ายทั้งตลาดในและตลาดต่างประเทศ มี10 ประเภทตลาด ได้แก่ ตลาดทั่วไป ตลาดนัด ตลาดเฉพาะ ตลาดสมาชิก ตลาดค้าส่ง ตลาดโมเดิร์นเทรด ตลาด ส่งออก ตลาดออนไลน์ ร้านอาหาร และตลาดอื่นๆ ส่วนวิถีการตลาดส่วนใหญ่ร้อยละ 67.58 เกษตรกรและกลุ่ม เกษตรกรผู้ผลิตจะจ าหน่ายข้าวอินทรีย์ให้แก่ผู้รวบรวมในพื้นที่ส่วนอีกร้อยละ 32.42 จ าหน่ายเป็นข้าวเปลือก ให้แก่โรงสีเพื่อแปรรูป โดยเกษตรกรจะด าเนินการจ าหน่ายผลผลิต 1 ครั้ง/ปีส าหรับค่าใช้จ่ายในการขนส่ง สินค้าไปจ าหน่ายส่วนใหญ่ร้อยละ 97.96 จะเป็นค่าน้ ามันเชื้อเพลิง รองลงมาคือ ค่าจ้างแรงงาน ร้อยละ 10.71 ที่เหลืออีกร้อยละ 1.42 เป็นค่าอาหาร/เครื่องดื่ม และอื่นๆ มีต้นทุนการตลาดข้าวอินทรีย์เฉลี่ย 8.40 บาทต่อ กิโลกรัม ส่วนเหลื่อมการตลาดข้าวสารอินทรีย์และข้าวกล้องอินทรีย์ 35-45 บาทต่อกิโลกรัม กลุ่มผลิตภัณฑ์ แปรรูปขั้นสูง ได้แก่ ซีเรียลข้าวไรซ์เบอร์รี่ เซรั่มข้าวไรซ์เบอร์รี่ จมูกข้าวฮางงอก และสบู่ มีส่วนเหลื่อมการตลาด 30-200 บาทต่อหน่วย ในขณะที่ข้าวกล้องงอก ข้าวฮาง ข้าวฮางงอก และแป้งข้าวฮาง มีส่วนเหลื่อมการตลาด สูงสุดอยู่ระหว่าง 52.50-107.50 บาทต่อกิโลกรัม 2) ทัศนคติของผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบตลาดข้าวอินทรีย์ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบตลาดข้าวอินทรีย์ มีทัศนคติเกี่ยวกับพฤติกรรมการตลาดโดยเห็น ด้วยในระดับมากที่สุดว่าข้าวอินทรีย์เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ รวมทั้งกระแสรักสุขภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ความต้องการบริโภคสินค้าอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น กลุ่มผู้บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์มีแนวโน้มขยายตัว ค่อนข้างสูง อีกทั้งข้าวเกษตรอินทรีย์มีความปลอดภัย รสชาติดี นุ่ม หอม เก็บรักษาไว้ได้นานกว่าสินค้าทั่วไป ทัศนคติด้านผลการด าเนินงานของตลาดข้าวอินทรีย์ เห็นด้วยในระดับมากที่สุดว่าข้าวอินทรีย์มีการรับรอง คุณภาพมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ส าหรับทัศนคติด้านรูปแบบและช่องทางการจ าหน่ายข้าวอินทรีย์ เห็นด้วยใน ระดับมากว่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ยังขาดการประชาสัมพันธ์ด้านการตลาดเพื่อจูงใจให้ผู้ซื้อหันมาบริโภคมากขึ้น และมีผู้จ าหน่ายน้อยรายท าให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ยาก อีกทั้งช่องทางการจ าหน่ายยังต้องอาศัยพ่อค้าคนกลางใน การเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค ซึ่งแต่ละช่องทางการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์มีรูปแบบการจ าหน่าย หลากหลาย (ตลาดสมาชิก/จ าหน่ายตรง ตลาดนัดตลาดเฉพาะ ตลาดทั่วไปตลาด Modern Trade ตลาดสด) โดยเฉพาะในตลาด Modern Trade ที่มีระบบการรักษาคุณภาพสินค้าเป็นอย่างดีการจัดหาและบริหารจัดการ สินค้าเกษตรอินทรีย์ผ่านระบบออนไลน์ที่สามารถลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่อุปทานรวมทั้งภาครัฐสนับสนุนการ ศึกษาวิจัย และพัฒนาตลาดสินค้าอินทรีย์เพื่อเพิ่มช่องทางการจ าหน่ายสินค้าอินทรีย์มากขึ้น
166 3) แนวทางพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดข้าวอินทรีย์ 3.1) การจัดท าฐานข้อมูลผู้เกี่ยวข้องในระบบตลาด 3.1.1) ส่งเสริมการน าเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการจัดท าฐานข้อมูลเกษตรกร ผู้ประกอบการกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร และกลุ่มวิสาหกิจเพื่อให้สามารถวางแผนการผลิต การจ าหน่ายและสามารถสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการ และผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร 3.1.2) ควรศึกษาและปรับปรุงข้อมูลสถานการณ์การผลิตและการตลาดสินค้าอินทรีย์ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถน าไปใช้ประโยชน์ได้ 3.1.3) จัดท าระบบบริการด้านการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าโดยใช้หลัก CSM (Customer Relation Management) ในการจัดเก็บข้อมูลการติดต่อพฤติกรรมการบริโภค Call Center และ การจัดส่งข้อมูลข่าวสารอย่างสม่ าเสมอ 3.2) ผลิตสินค้าและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ใช้ส่วนประสมทางการตลาดในการน าเสนอสินค้าให้กับผู้บริโภคที่สอดคล้องกับความ ต้องการของแต่ละกลุ่มตามหลักการ STP (Segmentation : การจัดกลุ่มเป้าหมาย Targeting: กลุ่มที่เป็น ลูกค้าหลัก Positioning : ก าหนดภาพคุณลักษณะ/ภาพลักษณ์ของสินค้าให้โดดเด่น) 3.3) เพิ่มปริมาณการจ าหน่ายในช่องทางการตลาดเดิม และขยายไปสู่ตลาดใหม่ 3.3.1) เพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่หลากหลายรูปแบบเพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ให้กับผู้บริโภค หรือกลุ่มเป้าหมายตามที่ผู้ผลิตได้สื่อออกไปให้มากที่สุด 3.3.2) เพิ่มสัดส่วนปริมาณการจ าหน่ายในตลาดโมเดิร์นเทรด และตลาดออนไลน์ โดยเน้นผลิตภัณฑ์ส าเร็จรูปพร้อมรับประทานและกลุ่มสินค้าความงาม 3.3.3) จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอินทรีย์เน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกทั้งตลาดใน ประเทศ และต่างประเทศ เพื่อให้ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจระบบมาตรฐานการรับรองเกษตรอินทรีย์ และ ความแตกต่างระหว่างสินค้าเกษตรอินทรีย์กับสินค้าเกษตรทั่วไป เพื่อกระตุ้นความต้องการบริโภคสินค้าเกษตร อินทรีย์อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดมหกรรมเกษตรอินทรีย์ การจับคู่ธุรกิจ การประชุมวิชาการ การลดหย่อน ภาษี รัฐบาลสนับสนุน การจ้างพรีเซนเตอร์ ฯลฯ 3.3.4) สร้างสังคมผู้รักสุขภาพ โดยใช้แอปพลิเคชั่นFacebookโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็น สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หรือองค์ความรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ 3.3.5) เพิ่มจ านวนตลาดเกษตรอินทรีย์โดยเฉพาะ เช่น การเปิดตลาดใหม่ หรือการ พัฒนาจากตลาดนัดสีเขียวเดิม โดยเพิ่มการจัด Segment ตลาดให้ชัดเจน แบ่งโซนสินค้าอินทรีย์อย่างชัดเจน พร้อมทั้งก าหนดรูปแบบการจัดร้าน เช่น ป้ายชี้บอกมาตรฐาน ใบรับรองอินทรีย์ ข้อมูลโภชนาการ คุณประโยชน์ของสินค้า 3.3.6) สร้างความร่วมมือระหว่างเกษตรกร หน่วยภาครัฐและภาคเอกชนในลักษณะ ตลาดประชารัฐ เพื่อเป็นช่องทางในการขยายปริมาณการผลิตและการจ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์
167 3.3.7) ส่งเสริมการจับคู่ธุรกิจระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตกับหน่วยงานภาครัฐ/เอกชน/ ห้างสรรพสินค้า/โรงแรม/ภัตตาคาร/โรงเรียน 3.3.8) สนับสนุนการน าผลการศึกษาวิจัยการแปรรูปข้าวพร้อมรับประทาน เผยแพร่ สู่เกษตรกรผู้ผลิต/ผู้ประกอบการค้า เพื่อน าไปประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย 3.4) ส่งเสริมการบริโภคข้าวอินทรีย์ภายในประเทศ ส่งเสริมสนับสนุนในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์โดยการด าเนินชีวิตอย่าง พอเพียงเพิ่มเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3.5) สร้าง Brand Loyalty และ Brand Ambassador 3.5.1) สนับสนุนการใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มอายุการเก็บรักษาสินค้าข้าวอินทรีย์ให้แก่ กลุ่มเกษตรสหกรณ์การเกษตรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ประกอบการธุรกิจข้าวอินทรีย์ 3.5.2) ส่งเสริมให้มีการศึกษาวิจัยการตลาดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ให้ตรง กับความต้องการผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง 3.5.3) สร้าง Brand Loyalty ผู้บริโภคมีทัศนคติที่ดีต่อตราสินค้าจากความเชื่อมั่น การ นึกถึง หรือตรงใจผู้บริโภค และเกิดการซื้อซ้ าต่อเนื่องสร้างช่องทางให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการแนะน า ปรับปรุงสินค้าหรือบริการ 3.5.4) สร้างเกษตรกร/ผู้ประกอบการให้เป็น Brand Ambassador ในการน าเสนอ สินค้าและการบริโภคสินค้า 3.6) ส่งเสริมระบบตลาดเกษตรอินทรีย์ที่เป็นธรรม สนับสนุนให้เกษตรกรผู้ผลิตสามารถจ าหน่ายผลผลิตให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง สะดวก รวดเร็วสามารถเข้าถึงง่าย การตกลงราคาที่เป็นธรรม เพื่อลดส่วนเหลื่อมของราคาสินค้า รวมทั้งผู้บริโภคได้ สินค้าที่สดใหม่ สถานที่จ าหน่ายถูกสุขลักษณะ สะอาด รณรงค์การใช้ถุงผ้า ตะกล้า และวัสดุจากธรรมชาติ 3.7) กลยุทธ์การท าตลาดแบบปากต่อปาก 3.7.1) ให้บุคคลส าคัญ/ผู้น าทดลองบริโภคสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างอิทธิพลต่อผู้ ซื้อสินค้าและบริการรายอื่นๆ ได้ 3.7.2) ใช้สื่อโซเชียลมีเดียเพื่อสร้าง Brand Community ได้แก่ แอปพริเคชั่นไลน์ (Line) เว็ปไซด์ (Web Site) ยูทูป (YouTube) ในการประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้กลุ่มผู้บริโภค “ชิมก่อน ช้อปก่อน แชร์ก่อน” (Early Addopter) 3.7.3) สร้างความแตกต่างหรือคิดผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เสมอ ทันกระแส อาจมีเมนูพิเศษ ตามเทศกาล สินค้า Limited Edition กระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค 3.7.4) ติดตามผลอย่างรอบด้าน เช่น เสียงตอบรับ จ านวนผู้แชร์ เนื้อหาที่จะสื่อสาร ถูกต้อง ยอดขายสินค้า เป็นต้น
168 3.8) สร้างผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์รุ่นใหม่ (New Organics Entrepreneur) 3.8.1) สนับสนุนทุนในการศึกษา/อบรม/ดูงาน/เรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เพื่อประกอบ ธุรกิจ ส าหรับผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์รุ่นใหม่ที่ต้องการเข้าสู่ระบบตลาดสินค้าอินทรีย์ทั้งในและตลาด ต่างประเทศ 3.8.2) สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ าให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจและผู้ส่งออกสินค้าเกษตร อินทรีย์ 3.8.3) จัดตั้งคลินิกเกษตรอินทรีย์ หรือสายด่วนเกษตรอินทรีย์ เพื่อบริการให้ค าปรึกษา แนะน าเกี่ยวกับการเกษตรอินทรีย์ในทุกมิติ ได้แก่ การสั่งซื้อ การตรวจสอบสินค้า การตรวจสอบตลาด กระบวนการขั้นตอนการเป็นผู้ผลิต/แปรรูปสินค้าอินทรีย์ รวมทั้งให้ค าแนะน าการผลิตในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ ตลอดกระบวนการผลิต 5.1.2 ถั่วเหลืองอินทรีย์ 1) สภาพการตลาดถั่วเหลืองอินทรีย์ ด้านโครงสร้างตลาดถั่วเหลือง มีปริมาณผลผลิตถั่วเหลืองอินทรีย์ทั้งประเทศ จ านวน 32.85 ตัน ผลผลิตส่วนใหญ่ร้อยละ 54.60 เป็นถั่วเหลืองอินทรีย์ชนิดแห้งผู้ประกอบการค้าส่วนใหญ่ร้อยละ 82.19 เป็น ผู้ประกอบการค้าที่รวบรวมเพื่อจ าหน่ายให้แก่โรงงานแปรรูปโดยจะซื้อผลผลิตแบบชนิดคละไม่คัดแยกเกรด แต่ จะจ้างแรงงานในพื้นที่มาคัดเกรดผลผลิตเพื่อส่งโรงงานแปรรูปเองผลผลิตที่จ าหน่ายในตลาดส่วนใหญ่ร้อยละ 63.93 อยู่ในระยะปรับเปลี่ยนตามการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของหน่วยงานภาครัฐส าหรับด้าน พฤติกรรมตลาดเกษตรกรและผู้ประกอบการค้าส่วนใหญ่ร้อยละ 82.19 ตกลงราคาซื้อขายผลผลิตกับผู้รับซื้อใน ราคาที่ก าหนดขึ้นจากเกณฑ์การพิจารณาถึงต้นทุนการผลิตต่อหน่วยท าให้ราคาซื้อขายถั่วเหลืองอินทรีย์ทั้งที่ ได้รับมาตรฐานการรับรองแล้วและถั่วเหลืองในระยะปรับเปลี่ยนราคาสูงกว่าถั่วเหลืองทั่วไปประมาณ 0.50- 1.75 บาทต่อกิโลกรัมส่วนราคาถั่วเหลืองอินทรีย์คัดเกรดที่ได้รับรองมาตรฐานแล้วจะสูงกว่าแบบไม่คัดเกรด ประมาณ 15-18.31 บาทต่อกิโลกรัม ด้านรูปแบบและช่องทางการจ าหน่ายสินค้าผ่านตลาด 5 ประเภท ได้แก่ 1) ตลาดนัดเฉพาะ 2) ตลาดค้าส่ง 3) ตลาดร้านค้าปลีกและร้านอาหารสุขภาพ 4) ตลาดออนไลน์และ 5) ตลาด ที่ท าการกลุ่มแต่ไม่มีวางจ าหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด ตลาดสดและตลาดนัดทั่วไปส่วนวิถีการตลาด เกษตรกรผู้ผลิตจะรวบรวมสินค้าเพื่อจ าหน่ายในรูปแบบถั่วเหลืองแห้ง และผลิตภัณฑ์แปรรูป ให้แก่บริษัท เดอะสุขขะเฮ้าส์ (ไทยแลนด์) จ ากัดกลุ่มเกษตรอินทรีย์ต้นน้ าแม่ฮาว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปแม่บ้าน สันป่ายาง ใน จ.เชียงใหม่ และผู้รวบรวมใน จ.ศรีสะเกษ เพื่อกระจายผลผลิตผ่านช่องทางการจ าหน่ายต่างๆ ด้านต้นทุนการตลาดและส่วนเหลื่อมการตลาด ผลผลิตร้อยละ 73 จ าหน่ายแบบค้าส่งครั้งเดียว ผู้ประกอบการ ส่วนใหญ่ไม่มีต้นทุนการตลาดส่วนผู้ประกอบการค้าบางรายที่มีต้นทุนการตลาดจะอยู่ระหว่างร้อยละ 11-33 ของยอดจ าหน่ายสินค้าทั้งหมดซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับต้นทุนวัตถุดิบที่แปรรูปน าไปแจกจ่ายให้ผู้บริโภคทดลอง ชิม ค่าจัดส่งสินค้า ค่าเช่าแผงในตลาด ค่าบรรจุภัณฑ์ค่าฉลากสินค้าส าหรับส่วนเหลื่อมการตลาดอยู่ระหว่าง 16.69-20 บาทต่อกิโลกรัม
169 2) ทัศนคติของผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบตลาดถั่วเหลืองอินทรีย์ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบตลาดถั่วเหลืองอินทรีย์มีทัศนคติเกี่ยวกับพฤติกรรมตลาดโดยส่วน ใหญ่เห็นด้วยในระดับค่อนข้างมาก การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักสุขภาพท าให้ความ ต้องการบริโภคสินค้าอินทรีย์เพิ่มขึ้นกลุ่มผู้บริโภคมีแนวโน้มขยายตัวสูง ราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล และสถานที่จัดจ าหน่าย ส่วนทัศนคติเกี่ยวกับผลการด าเนินงานของตลาดเห็นด้วยในระดับมากว่า ยุทธศาสตร์ เกษตรอินทรีย์ ปี 2560-2564 ให้ความส าคัญต่อการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และการเพิ่มสัดส่วนการ บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศมากขึ้น และเห็นด้วยในระดับค่อนข้างมากว่า การตลาดสินค้าเกษตร อินทรีย์เป็น 1 ใน 4 ยุทธศาสตร์ที่ต้องขับเคลื่อน และให้การสนับสนุนเกษตรอินทรีย์วิถีพื้นบ้านมากขึ้นภาครัฐ ให้ความส าคัญต่อการพัฒนาเกษตรอินทรีย์และสนับสนุนให้เกิดการรับรู้นโยบายพัฒนาเกษตรอินทรีย์มากขึ้น กระแสเกษตรอินทรีย์จากสื่อต่างๆ และจากผู้มีชื่อเสียงในสังคมจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความต้องการบริโภค เพิ่มขึ้นและผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายโดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยมี นักลงทุนและผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้าสู่ห่วงโซ่สินค้าเกษตรอินทรีย์มากขึ้นอย่างต่อเนื่องส าหรับทัศนคติ เกี่ยวกับรูปแบบและช่องทางการจ าหน่ายเห็นด้วยในระดับค่อนข้างมากว่าช่องทางการตลาดสินค้าเกษตร อินทรีย์มีหลากหลาย เช่น ตลาดสมาชิก ตลาดแบบขายตรง ตลาดนัดตลาดเฉพาะ ตลาดทั่วไป ตลาด Modern Trade ตลาดสดมีการขายระบบออนไลน์มากขึ้นท าให้ลดต้นทุนการตลาดลงได้มากนอกจากนี้ภาครัฐยัง สนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาตลาดสินค้าอินทรีย์ระบบการคมนาคมขนส่ง การสื่อสารไอทีและนวัตกรรม ต่างๆ ท าให้สะดวกในการซื้อขายมากขึ้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถเชื่อมโยงการตลาดกับหน่วยงาน ภาครัฐและมีการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่หลากหลาย เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ป้ายโฆษณา ฯลฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง 3) แนวทางพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดถั่วเหลืองอินทรีย์ 3.1) ขยายช่องทางตลาดเน้นเพิ่มจ านวนตลาดถั่วเหลืองอินทรีย์ให้เข้าถึงได้สะดวก 3.1.1) เพิ่มช่องทางตลาดให้หลากหลายและสร้างระบบการก าหนดราคาที่เป็นธรรม เพิ่มปริมาณถั่วเหลืองอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วเหลืองอินทรีย์ให้สอดคล้องกับความต้องการของ ตลาด 3.1.2) สนับสนุนแปรรูปถั่วเหลืองอินทรีย์ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบสนอง ผู้บริโภคแต่ละระดับ ด้วยการน างานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมเกี่ยวกับถั่วเหลือง สู่การน าไปใช้ต่อยอดเชิง ธุรกิจ 3.1.3) สนับสนุนการจัดท าฐานข้อมูล การใช้และการแลกเปลี่ยนข้อมูลการผลิต การตลาดในระดับจังหวัด และเชื่อมโยงทั้งประเทศ
170 3.2) สร้างผู้ประกอบการถั่วเหลืองอินทรีย์รายใหม่ ทั้งกลุ่มวิสาหกิจที่เข้มแข็ง SME รุ่น ใหม่เน้นพัฒนาให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.2.1) พัฒนาทักษะผู้ประกอบการในการประกอบธุรกิจถั่วเหลืองอินทรีย์ 3.2.2) เชื่อมโยงผู้ประกอบการรายใหม่และกับเครือข่ายผู้ผลิต 3.2.3) สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ าให้กับผู้ประกอบการสินค้าถั่วเหลืองอินทรีย์ 3.3) เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคโดยให้มีระบบคัดกรองสินค้าตามมาตรฐานรับรอง เกษตรอินทรีย์ 3.3.1) สร้างความเข้าใจในมาตรฐาน และสร้างกระบวนการรับรู้ เรื่องถั่วเหลืองอินทรีย์ 3.3.2) สนับสนุนมาตรฐานท้องถิ่น/และการรับรองมาตรฐานแบบมีส่วนร่วม PGS 3.3.3) ส่งเสริมการตรวจสอบย้อนกลับถั่วเหลืองอินทรีย์ในตลาดระดับต่าง ๆ 3.4) กระตุ้นความต้องการสินค้าโดยเน้นสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้บริโภค เพื่อขยายตลาด 3.4.1) ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการบริโภคถั่วเหลืองอินทรีย์ พร้อมสร้างความรู้ ความเข้าใจในคุณค่าของถั่วเหลืองอินทรีย์แก่ผู้บริโภคทุกระดับทั้งในระดับพื้นที่และระดับประเทศ 3.4.2) ประสานความร่วมมือส่วนราชการทุกระดับและท้องถิ่นเช่น โรงเรียน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ส่วนราชการขนาดใหญ่โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีการผลิต ให้สนับสนุนถั่วเหลือง อินทรีย์ และผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองอินทรีย์จากชุมชน 5.1.3 ผักอินทรีย์ 1) สภาพการตลาด โครงสร้างการตลาดเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยท าหน้าที่เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ จ าหน่าย ณ หน้าฟาร์มของตนเอง และน าไปจ าหน่ายยังตลาดต่างๆโดยมีพ่อค้าคนกลางรับซื้อผลผลิตแบบ เหมาะรวม ในขณะที่เกษตรกรบางรายที่เป็นสมาชิกกลุ่มเกษตรกร/สหกรณ์จะด าเนินการรวบรวมผลผลิต คัด แยกขนาด คัดคุณภาพ บรรจุหีบห่อและขนส่งจ าหน่าย โดยใช้ตราสินค้าและเครื่องหมายการค้าเดียวกันเพื่อ เป็นการรับประกันคุณภาพผลผลิตซึ่งจะมีผู้ประกอบการรับซื้อผลผลิตจ าหน่ายให้แก่ผู้บริโภคต่อไปราคา ปริมาณ และคุณภาพสินค้าที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย อาจมีการท าบันทึกข้อตกลง ระหว่างกันอย่างถูกต้องในรูปเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) ผลผลิตผักอินทรีย์ส่วนใหญ่อยู่ในระยะ ปรับเปลี่ยนตามมาตรฐานการรับรองเกษตรอินทรีย์เนื่องจากในบางพื้นที่เกษตรกรมีปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์ ที่ดิน ท าให้ไม่สามารถขึ้นทะเบียนเพื่อยื่นขอใบรับรองมาตรฐานได้ส่วนที่เหลือเป็นผลผลิตผักที่ได้รับมาตรฐาน เกษตรอินทรีย์ด้านพฤติกรรมการตลาดผักอินทรีย์ราคาผักอินทรีย์ส่วนใหญ่ถูกก าหนดราคาโดยผู้ผลิต รองลงมา คือ ผู้ประกอบการค้า โดยใช้ราคาอ้างอิงจากพืชผักอินทรีย์ในตลาดอื่น ผักอินทรีย์ที่วางจ าหน่ายในตลาด Modern Trade ที่มีคุณภาพสูงตรงกับความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อรักษา ความสดและคุณค่าทางโภชนาการของสินค้าราคาผักอินทรีย์ในตลาดจะสูงกว่าราคาผักทั่วไปประมาณร้อยละ 30-50 รูปแบบการจ าหน่ายผักอินทรีย์ในแต่ละตลาดจะมีความแตกต่างกัน เช่นตลาดบางแห่งมีจัดวางผัก อินทรีย์กับผักทั่วไปคละรวมกันและก าหนดราคาขายเท่ากันส่วนในบางตลาดจะก าหนดราคาผักอินทรีย์ที่ได้
171 รับรองมาตรฐานแล้วสูงกว่าผักอินทรีย์อยู่ในระยะปรับเปลี่ยนและผักทั่วไป ตามล าดับ ส าหรับช่องทางการ จ าหน่ายหลัก คือ ตลาด Modern Trade รองลงมา คือ ตลาดทั่วไป และหน้าฟาร์ม รูปแบบการการจ าหน่ายผักอินทรีย์มี 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) เกษตรกรจ าหน่ายเอง โดย จ าหน่ายตามตลาดนัดในชุมชนและตลาดสดในจังหวัด 2) ฝากวางจ าหน่ายตามร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ 3) จ าหน่ายขาด โดยเกษตรกรรับเงินค่าสินค้าทั้งหมดก่อนส่งมอบผลผลิตให้กับผู้รวบรวม เพื่อน าไปจ าหน่ายต่อโดยจ าหน่ายในตลาดนัด ตลาดเฉพาะ ตลาดค้าส่ง ตลาด Modern Trade และตลาด ทั่วไปส าหรับต้นทุนการตลาดเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบริหารจัดการทางการตลาดของผู้ด าเนินการทางตลาด อาทิ ค่าสถานที่ ค่าเช่าแผงค่าใช้จ่ายในการดูแล/เก็บรักษาการแปรรูปค่าแรงงาน ค่าขนส่ง การส่งเสริมการขาย โดยใช้แหล่งเงินทุนของตนเองมาบริหารจัดการเกี่ยวกับต้นทุนทางการตลาด 2) ทัศนคติของผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบตลาดผักอินทรีย์ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบตลาดผักอินทรีย์ มีทัศนคติเกี่ยวกับด้านพฤติกรรมตลาดโดยเห็น ด้วยในระดับค่อนข้างมากว่า ผักอินทรีย์มีความปลอดภัย เก็บรักษาไว้ได้นาน ราคาเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและ สถานที่วางจ าหน่ายราคาเหมาะสมกับคุณภาพ มีป้ายบอกราคาที่ชัดเจนการเข้าสู่สังคมสูงวัยและจากกระแส การรักสุขภาพท าให้ความต้องการบริโภคสินค้าอินทรีย์เพิ่มขึ้น มูลค่าทางการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์มีอัตรา เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถรักษาตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ และยังสามารถ จัดหาสินค้าได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคด้านผลการด าเนินงาน เห็นด้วยในระดับค่อนข้างมากว่า ผัก อินทรีย์มีการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์มากขึ้น กระแสการบริโภคสินค้าอินทรีย์จากสื่อต่างๆ และจากผู้มี ชื่อเสียงในสังคมสามารถกระตุ้นให้เกิดความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น ปัจจุบันตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ระดับ จังหวัดได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น ตลาดเกษตรกร ตลาดสีเขียว โดยผลิตภัณฑ์มีการอธิบายข้อมูลทาง โภชนาการ และคุณประโยชน์ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งราคาสินค้าอินทรีย์จะถูกก าหนดราคาจากตลาดส่งออก ซึ่งตาม ยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์ของไทยปี 2560-2564 ได้ให้ความส าคัญในด้านการตลาด เป็น 1 ใน 4 ยุทธศาสตร์ที่ ภาครัฐต้องเร่งด าเนินการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมรวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนการจัดท ามาตรฐานเกษตร อินทรีย์ให้มีความน่าเชื่อถือ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค สนับสนุนเกษตรอินทรีย์วิถีพื้นบ้านมากขึ้น และ การถ่ายทอดความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ให้แก่บุคลากรภาครัฐ นอกจากนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังสามารถ สร้างและเชื่อมโยงเครือข่าย โดยน าเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีนักลงทุน และผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่วนทัศนคติด้านรูปแบบและช่อง ทางการจ าหน่าย เห็นด้วยในระดับค่อนข้างมากว่า ช่องทางการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ มีรูปแบบการ จ าหน่ายที่หลากหลาย ได้แก่ ตลาดสมาชิก/ขายตรง ตลาดนัดตลาดเฉพาะ ตลาดทั่วไป ตลาด Modern Trade ตลาดสด โดยเฉพาะในตลาด Modern Trade ที่มีระบบการรักษาคุณภาพสินค้าอย่างดี ประกอบกับปัจจุบัน ระบบการคมนาคมขนส่ง การสื่อสารไอทีและนวัตกรรมต่างๆ ท าให้การซื้อขายได้รับความสะดวกรวดเร็วมาก ขึ้น ผู้ประกอบการรุ่นใหม่จึงใช้ระบบออนไลน์ในการจัดหาและบริหารจัดการสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพื่อลด ขั้นตอน และระยะเวลาการจ าหน่ายสินค้า สามารถลดต้นทุนได้ตลอดห่วงโซ่ และยังมีการจัดกิจกรรม ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่หลากหลาย เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ป้ายโฆษณา ฯลฯ เพื่อสร้าง
172 ความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนภาครัฐยังให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัย และพัฒนาตลาด สินค้าอินทรีย์ เพื่อเพิ่มช่องทางการจ าหน่ายสินค้าอินทรีย์ เนื่องจากตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ส่วนใหญ่เป็น ตลาดส่งออก 3) แนวทางพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดผักอินทรีย์ 3.1) ส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพตลาดผักอินทรีย์ 3.1.1 เพิ่มจ านวนตลาด และสร้างระบบการก าหนดราคาที่ได้มาตรฐานและเป็นธรรม 3.1.2 วางแผนการผลิตและบริหารจัดการให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดตาม ฤดูกาล เพื่อให้ปริมาณผลผลิตผักอินทรีย์เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง 3.1.3 สร้างภาพลักษณ์ผักอินทรีย์ให้โดดเด่นในเรื่องการสร้างรายได้สูงพร้อมทั้ง ยกระดับคุณภาพผักอินทรีย์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่ออ านวย ความสะดวกในระบบการซื้อขาย สามารถเข้าถึงได้ง่าย 3.2) ส่งเสริมการรวมกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าผักอินทรีย์เพื่อพัฒนาการแปรรูปเพิ่มมูลค่า สินค้า และการเก็บรักษาอย่างมีคุณภาพ รวมถึงจัดตั้งผู้ประสานงานด้านการตลาดในการเชื่อมโยงผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค 3.3) สร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค 3.3.1) จัดท าสื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ตลาดซื้อขาย มาตรฐานการรับรองที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประโยชน์ของการบริโภคสินค้าอินทรีย์ 3.3.2) สร้างเครือข่ายผู้บริโภคผักอินทรีย์เพิ่มช่องทางการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ เกษตรอินทรีย์ 3.3.3) ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อเรียนรู้วิถีการผลิตการตลาดพืชผักอินทรีย์ 3.4) ส่งเสริมการวิจัยพัฒนาระบบตลาดสินค้าผักอินทรีย์ และการน าผลงานวิจัยมาต่อยอด ธุรกิจเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น การน านวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ 3.5) สนับสนุนกลไกการขับเคลื่อนด้านการตลาดผักอินทรีย์อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนและ ต่อเนื่องโดยอาศัยความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน 5.1.4 ผลไม้อินทรีย์ 1) สภาพการตลาดผลไม้อินทรีย์ โครงสร้างตลาดมีปริมาณผลผลิตผลไม้อินทรีย์ทั้งประเทศ 1,848.34 ตันส่วนใหญ่ ร้อยละ 94.79 เป็นผลไม้อินทรีย์ผลสดผู้ประกอบการค้าจะรวบรวมแล้วจ าหน่ายให้แก่โรงงานแปรรูป โดยจะรับ ซื้อผลผลิตแบบไม่คัดเกรด ผลผลิตที่วางจ าหน่ายในตลาดร้อยละ 8.50 อยู่ในระยะปรับเปลี่ยนตามการรับรอง มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของหน่วยงานภาครัฐด้านพฤติกรรมตลาด เกษตรกรและผู้ประกอบการค้าส่วนใหญ่มี เกณฑ์การก าหนดราคาผลไม้อินทรีย์ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) ผู้ผลิตเป็นผู้ก าหนดราคาเอง 2) ผู้ประกอบการค้าเป็น ผู้ก าหนดราคา และ 3) การใช้ราคาอ้างอิงจากตลาดเกษตรอินทรีย์อื่นๆท าให้ราคาซื้อขายผลไม้อินทรีย์ทั้งที่ ได้รับการรับรองมาตรฐานแล้วและผลไม้ในระยะปรับเปลี่ยนสูงกว่าราคาผลไม้ทั่วไปประมาณร้อยละ 39.51
173 ด้านรูปแบบและจ าหน่ายสินค้าผ่านช่องทางการตลาด 12 ประเภท ได้แก่ 1) ตลาดสดทั่วไป 2) ตลาดนัด 3) ตลาดเฉพาะ 4) ตลาดระบบสมาชิก 5) ร้านค้าปลีกเฉพาะ 6) Modern Trade 7) ตลาดค้าส่ง 8) ตลาด ส่งออก 9) ตลาดออนไลน์10) ตลาดร้านค้าปลีก/ร้านอาหารสุขภาพ 11) ตลาดในแหล่งท่องเที่ยว และ 12) ตลาด ณ ที่ท าการกลุ่มส าหรับต้นทุนการตลาดและส่วนเหลื่อมการตลาด ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะมี ต้นทุนการตลาดเป็นค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่ ค่าเช่าแผง การแปรรูป การดูแลและเก็บรักษา ค่าขนส่ง ค่า เสียโอกาสเงินลงทุน และค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขาย โดยมีส่วนเหลื่อมการตลาดแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ ราคาของแต่ละชนิดสินค้า 2) ทัศนคติของผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบตลาดผลไม้อินทรีย์ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดผลไม้สินค้าเกษตรอินทรีย์ มีทัศนคติเกี่ยวกับพฤติกรรมตลาด เห็นด้วยในระดับค่อนข้างมากว่า ปัจจุบันมีกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักสุขภาพการเข้าสู่สังคมสูงวัย ท าให้ความต้องการบริโภคผลไม้อินทรีย์เพิ่มขึ้นกลุ่มผู้บริโภคมีแนวโน้มขยายตัวสูงสอดคล้องกับมูลค่าทางการ ค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตามสภาวะโลกร้อน โรคแมลง ศัตรูพืชอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณคุณภาพและการเก็บรักษาผลผลิตได้ด้านผลการด าเนินงานของตลาดเห็น ด้วยในระดับค่อนข้างมากว่าปัจจุบันสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น แต่ยังพบว่า ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐค่อนข้าง น้อยและขาดความต่อเนื่อง ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังขาดความรับรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์อย่างถูกต้อง รวมถึง สัญลักษณ์มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ประเภทต่างๆ แต่เห็นด้วยว่า กระแสความนิยมสินค้าเกษตรอินทรีย์จากสื่อ ประชาสัมพันธ์ต่างๆและผู้มีชื่อเสียงในสังคมจะกระตุ้นให้เกิดความต้องการการบริโภคเพิ่มขึ้นตลาดสินค้า เกษตรอินทรีย์ระดับจังหวัดในหลายพื้นที่ตามนโยบายของภาครัฐยังด าเนินการไม่ชัดเจน ปริมาณผลผลิตผลไม้ อินทรีย์ยังมีวางจ าหน่ายไม่มากนักและเห็นว่าแหล่งผลิตอยู่ห่างไกลตลาดท าให้ผู้ผลิตขาดอ านาจการต่อรองด้าน ราคานอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติของหน่วยงานภาครัฐ/เอกชนในการตรวจรับรองมาตรฐานในระดับพื้นที่มี จ านวนไม่เพียงพอส่งผลให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นต่อสินค้าเนื่องจากปัจจุบันยังมีการปลอมปนสินค้า แต่อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายโดยการน าระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้มากขึ้นส าหรับทัศนคติด้านรูปแบบและช่องทางการจ าหน่ายเห็นด้วยในระดับ ค่อนข้างมากว่าสินค้าเกษตรอินทรีย์มีการจ าหน่ายในตลาดออนไลน์มากขึ้น สามารถลดต้นทุนทางการตลาดได้ แต่ยังไม่มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลไม้อินทรีย์ให้แก่ผู้บริโภคอย่างทั่วถึง เพื่อจูงใจให้หันมา บริโภคเพิ่มมากขึ้นท าให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าถึงตลาดเกษตรอินทรีย์ได้ยาก 3) แนวทางพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดผลไม้อินทรีย์ 3.1) ส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มตลาดผลไม้อินทรีย์ 3.1.1) การบริหารจัดการสินค้าผลไม้อินทรีย์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน 3.1.2) ส่งเสริมเพิ่มช่องทางการจ าหน่ายและการบริการผลไม้อินทรีย์มุ่งเน้นการพัฒนา ตลาดเดิม และสร้างตลาดใหม่ส าหรับผลไม้อินทรีย์
174 3.1.3) สร้างชุมชนต้นแบบด้านการพัฒนาตลาด โดยส่งเสริมการขยายตลาดผลไม้ อินทรีย์แบบเกื้อกูล มีระบบการค้าที่เป็นธรรมต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคในด้านคุณภาพและราคา เป็นสถานที่ใน การเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค 3.1.4) เพิ่มปริมาณและชนิดผลไม้อินทรีย์ให้เพียงพอและมีความหลากหลายที่สามารถ ตอบสนองต่อความต้องการได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย 3.1.5) จัดท าฐานข้อมูลเพื่อสนับสนุนด้านการตลาดผลไม้อินทรีย์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถน าไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแพร่หลาย และข้อมูลสามารถเข้าถึงได้ง่าย 3.1.6) ส่งเสริมการซื้อขายผ่านระบบตลาดออนไลน์ 3.1.7) ประชาสัมพันธ์ข้อมูลแหล่งผลิตผลไม้อินทรีย์ และการเชื่อมโยงตลาดจ าหน่าย กับเส้นทางท่องเที่ยวทั่วประเทศ 3.2) สร้างผู้ประกอบการผลไม้อินทรีย์ 3.2.1) ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการรายใหม่ในการ เข้าสู่ธุรกิจเกษตรอินทรีย์ หลักการบริหารจัดการตลาดอย่างครบวงจร ตลอดจนการแปรรูปเพิ่มมูลค่า 3.2.2) สร้างระบบการเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการรายเดิมกับรายใหม่ เพื่อเป็น ช่องทางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ เทคนิคการบริหารจัดการระหว่างกัน 3.2.3) สนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ า 3.2.4) พัฒนาระบบโลจิสติกส์ และจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าผลไม้อินทรีย์ให้ทั่วทุกภาค ในประเทศ เพื่อเอื้ออ านวยต่อการขยายตลาดจ าหน่ายผลไม้อินทรีย์ 3.2.5) สนับสนุนองค์ความรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ให้แก่เกษตรกรผู้ประกอบการค้า ในเรื่องการตลาดและระบบโลจิสติกส์เพื่อน าไปพัฒนาธุรกิจและสินค้าให้มีคุณภาพสามารถส่งออกไปยังตลาด ต่างประเทศได้ 3.3) การสร้างความเชื่อมั่นผลไม้อินทรีย์ 3.3.1) สร้างระบบการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิต การตรวจรับรองมาตรฐาน สินค้าเกษตรอินทรีย์แต่ละชนิดให้แก่กลุ่มผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป 3.3.2) เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรฐานการรับรองเกษตร อินทรีย์ของแต่ละชนิดให้แก่กลุ่มผู้บริโภคทุกระดับอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพสินค้า 3.3.3) พัฒนาปรับปรุงระบบ/กระบวนการขั้นตอนการตรวจสอบรับรองคุณภาพ ให้ได้ตามมาตรฐานสากล และความรวดเร็วในการตรวจรับรองผลไม้อินทรีย์ 3.3.4) ส่งเสริมและพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับ ที่ผู้บริโภคสามารถทราบ แหล่งที่มา/แหล่งผลิตผลไม้อินทรีย์ เพื่อสร้างความเชื่อใจให้แก่ผู้บริโภค 3.3.5) สนับสนุนการใช้ระบบการตรวจรับรองมาตรฐานแบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee System: PGS) หรือมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ท้องถิ่น เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตผลไม้อินทรีย์
175 3.3.6) เผยแพร่ผลงานวิจัยด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตการตลาดผลไม้ อินทรีย์รวมทั้งด้านสารสนเทศต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอดและการน าไปใช้ประโยชน์ 3.4) กระตุ้นความต้องการผลไม้อินทรีย์ 3.4.1) ส่งเสริมการบริโภคผลไม้อินทรีย์โดยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในคุณภาพ มาตรฐานผลไม้อินทรีย์ให้แก่กลุ่มผู้บริโภคอย่างทั่วถึงรวมทั้งก าหนดไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนของ สถาบันการศึกษาเพื่อเป็นการปลูกฝังค่านิยมการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ 3.4.2) สร้างความหลากหลายของชนิดและผลิตภัณฑ์ผลไม้อินทรีย์โดยการพัฒนา คุณภาพบรรจุภัณฑ์และอัตลักษณ์ความโดดเด่นของสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคเพื่อเพิ่ม แรงจูงใจในการซื้อสินค้า 3.4.3) แต่งตั้งอาสาสมัครเพื่อให้ท าหน้าที่ให้ค าปรึกษา แนะน า ให้ความรู้เรื่องการผลิต การดูแลรักษา ควบคุมคุณภาพ แปรรูป และการตลาดผลไม้อินทรีย์ในระดับพื้นที่อย่างทั่วถึง 3.4.4) สนับสนุนให้มีการจัดตั้งสถานที่จ าหน่าย/จุดแสดงสินค้าของผลไม้อินทรีย์ ใน บริเวณชุมชน หรือสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย 3.4.5) สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ผลไม้อินทรีย์ของไทย อาทิเช่น ส่งเสริมแหล่งผลิตให้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเกษตรเชิงนิเวศน์ การจัดแสดงสินค้าและจัดนิทรรศการผลไม้อินทรีย์ทั้งในประเทศ และเวที ระดับโลก 3.4.6) ให้สิทธิพิเศษในการลดหย่อนภาษีแก่ผู้บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ 5.1.5 ปศุสัตว์อินทรีย์ 1) สภาพการตลาดปศุสัตว์อินทรีย์ ด้านโครงสร้างตลาดปศุสัตว์อินทรีย์ จ าแนกตามชนิดสินค้า เห็นได้ว่า 1.1) น้ านมอินทรีย์มีปริมาณผลผลิต 1,620 ตัน ผลผลิตทั้งหมดจ าหน่าย ณ หน้าฟาร์ม ให้แก่ผู้ประกอบการรับซื้อแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเกษตรกรจะท าการตกลงซื้อขายโดยตรงกับผู้รับซื้อ และ ใช้คุณภาพของผลผลิตเป็นเกณฑ์ในการก าหนดราคา ราคาน้ านมอินทรีย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสูงกว่า ราคาน้ านมดิบทั่วไปเฉลี่ย 5–6 บาทต่อกิโลกรัม ส าหรับรูปแบบและช่องทางการจ าหน่ายสินค้าเกษตรกรผู้ผลิต จะจ าหน่ายโดยผ่านตลาดค้าส่งส่วนวิถีการตลาด เกษตรกรผู้ผลิตน้ านมอินทรีย์น าผลผลิตน้ านมอินทรีย์ทั้งหมด ส่งจ าหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการรับซื้อเพื่อน าไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ นมพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ต นม เปรี้ยว ไอศกรีม เนย ส่งจ าหน่ายให้กับเครือข่ายต่างๆ ได้แก่ วางจ าหน่ายที่ร้านค้าเฉพาะ ส่งโรงพยาบาล โรงเรียน โรงแรม ตลาดโมเดิร์นเทรด และส่งจ าหน่ายต่างประเทศ ด้านต้นทุนการตลาดไม่มีมีเนื่องจาก เกษตรกรจ าหน่ายน้ านมดิบให้ผู้รับซื้อโดยตรง แต่มีส่วนเหลื่อมการตลาดเนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าที่ เกษตรกรขายและผู้บริโภคจ่ายที่ 82–105 บาทต่อกิโลกรัม
176 1.2) สุกรอินทรีย์มีปริมาณผลผลิต 77,900 กิโลกรัม ลักษณะการจ าหน่ายเป็นการน าสุกร มาคัดแยกและช าแหละแยกเฉพาะเนื้อแดงจ าหน่าย ผลผลิตสุกรอินทรีย์ที่ได้รับมาตรฐาน PGS (Participatory Guarantee System) ด้านพฤติกรรมตลาด เกษตรกรและผู้ประกอบการค้าเป็นผู้ก าหนดราคา โดยพิจารณา จากต้นทุนการผลิต ท าให้ราคาสุกรที่ได้รับมาตรฐานการรับรองเกษตรอินทรีย์สูงกว่าสุกรทั่วไป 40-50 บาทต่อ กิโลกรัมส่วนวิถีตลาด ปริมาณผลผลิตส่วนใหญ่ เกษตรกรและผู้ประกอบการค้าส่วนใหญ่จ าหน่ายผลผลิตที่ ฟาร์มหรือจุดรวบรวมในพื้นที่ร้านอาหาร และโรงแรมต่างๆ รองลงมาคือ จ าหน่ายผ่านตลาดนัดเฉพาะตลาด สมาชิกและตลาดออนไลน์ ตามล าดับ ส่วนเหลื่อมการตลาดสุกรอินทรีย์ไม่เกิน 40 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคา สุกรอินทรีย์ที่เกษตรกรได้รับอยู่ระหว่าง 160-200 บาท/กิโลกรัม ในขณะที่ราคาสินค้าที่ผู้บริโภคจ่ายอยู่ ระหว่าง 200 บาทต่อกิโลกรัม 1.3) ไข่ไก่อินทรีย์มีปริมาณผลผลิต 5,495,366 ฟองต่อปีผลผลิตเกือบทั้งหมดได้รับ มาตรฐาน Organic Thailand PGS และ มกท. ซึ่งเป็นผลผลิตที่ได้จากผู้ประกอบการค้าไข่ไก่อินทรีย์ที่จด ทะเบียนในรูปบริษัท ที่ส่งเสริมชาวเขาในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือปรับเปลี่ยนอาชีพจากปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และท าไร่เลื่อนลอยมาเลี้ยงไก่ไข่และน าผลผลิตจ าหน่ายคืนให้แก่บริษัทเพื่อน าไปบรรจุภัณฑ์ส่งจ าหน่ายใน ตลาดโมเดิร์นเทรด และร้านอาหารทั่วไปในพื้นที่ มีเพียงเล็กน้อยที่เป็นผลผลิตจากเกษตรกรที่เลี้ยงไก่อารมณ์ดี แบบปล่อยธรรมชาติ ในพื้นที่ภาคกลาง แล้วน าผลผลิตมาจ าหน่ายในตลาดชุมชน รูปแบบการจ าหน่ายและ ช าระเงิน ส่วนใหญ่จ าหน่ายและรับเงินค่าสินค้าทันที (ขายขาด) โดยวางจ าหน่ายในตลาดเฉพาะโมเดิร์นเทรด และส่งออกตลาดประเทศการก าหนดราคาไข่ไก่อินทรีย์เกิดจากการพิจารณาร่วมกันของเกษตรกรและ ผู้ประกอบการราคาไข่ไก่อินทรีย์สูงกว่าราคาไข่ไก่ทั่วไป ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดและคุณภาพ ราคาไข่ไก่อินทรีย์สูงสุด ที่มีจ าหน่ายในตลาดอยู่ที่ 9 บาทต่อฟอง ราคาไข่ไก่อินทรีย์แบบคละ 4.50 บาทต่อฟอง ราคาไข่ไก่อินทรีย์ทั่วไป 3 บาทต่อฟองผลผลิตทั้งหมดผู้ผลิตเป็นผู้จ าหน่ายเองโดยวิธีคัดแยกเกรดกระจายผลผลิตผ่าน 3 ช่องทาง นั่น คือร้อยละ 80 จ าหน่ายในตลาด Modern Trade ที่เหลือส่งจ าหน่ายให้ร้านอาหารโรงแรม และตลาดส่งออกมี ต้นทุนการตลาด 1.24 บาทต่อฟอง ได้แก่ ค่าขนส่ง ค่าจ้างแรงงาน ค่าดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าเสียโอกาสของ เงินทุนค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าฉลาก และค่าบริหารจัดการตลาด ภาพรวมมีส่วนเหลื่อมการตลาด 4.5 บาทต่อฟอง ในขณะที่ภาคกลาง มีส่วนเหลื่อมการตลาดไข่ไก่อินทรีย์ 1.5 บาทต่อฟอง 2) ทัศนคติของผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบตลาดปศุสัตว์อินทรีย์ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบตลาดปศุสัตว์อินทรีย์ มีทัศนคติเกี่ยวกับพฤติกรรมตลาด โดย ส่วนใหญ่เห็นด้วยในระดับค่อนข้างมากว่า สินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นสินค้าที่มีคุณภาพมีความปลอดภัย รสชาติดี สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานกว่าสินค้าเกษตรที่ผลิตแบบทั่วไป มีป้ายบอกราคาชัดเจน กระแสอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมรักสุขภาพ และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุท าให้มีความต้องการบริโภคสินค้าอินทรีย์เพิ่มขึ้น ส่วน ทัศนคติเกี่ยวกับผลการด าเนินงานของตลาด เห็นด้วยในระดับค่อนข้างมากว่า สินค้าเกษตรอินทรีย์มีการรับรอง มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ผู้ประกอบการขาดการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ ผู้ประกอบการ ขาดการสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินค้าอินทรีย์ รสชาติของสินค้าเกษตรอินทรีย์แปรรูปส่วนใหญ่ยัง ไม่เป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภค ส าหรับทัศนคติเกี่ยวกับรูปแบบและช่องทางการจ าหน่าย เห็นด้วยในระดับ
177 ค่อนข้างมากว่า ขาดการประชาสัมพันธ์ด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์เพื่อโน้มน้าวใจให้ผู้ซื้อหันมาบริโภค สินค้าอินทรีย์ตลาด สถานที่จ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ตั้งอยู่ห่างไกลแหล่งชุมชน ช่องทางการจ าหน่ายสินค้า เกษตรอินทรีย์ต้องอาศัยคนกลางเพื่อเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค สินค้าเกษตรอินทรีย์มีมีบรรจุภัณฑ์ และฉลากที่สวยงามดึงดูดใจผู้บริโภคและสะดวกต่อการใช้งาน 3) แนวทางพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดปศุสัตว์อินทรีย์ 3.1) ส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มตลาดสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ 3.1.1) สนับสนุนการจัดท าฐานข้อมูลของสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ ด้านการใช้และการ แลกเปลี่ยนข้อมูลการผลิตการตลาดตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างเป็นระบบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าถึงได้ง่าย 3.1.2) สร้างชุมชนต้นแบบในการพัฒนาตลาดและขยายตลาดสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ที่ เกื้อกูล ที่เป็นธรรมด้านคุณภาพ ราคา โดยสร้างการเชื่อมโยงกับผู้บริโภคภายในประเทศ 3.1.3) ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตลาดสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์อย่างจริงจัง และสนับสนุน การเพิ่มช่องทางการตลาดสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ ให้มีความสะดวกในการเข้าถึงและใช้บริการ 3.2) สร้างผู้ประกอบการสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ 3.2.1) เพิ่มผู้ประกอบการผลิตสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์รายใหม่ให้มีความเชื่อมโยงกับ เครือข่ายของผู้ผลิตในประเทศ 3.2.2) สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาการผลิตปศุสัตว์อินทรีย์โดยให้สินเชื่อดอกเบี้ย ต่ าแก่ผู้ประกอบการสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ 3.2.3) พัฒนาระบบโลจิสติกส์และจัดให้มีศูนย์กระจายสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ทุกจังหวัด ในประเทศเพื่อเอื้ออ านวยให้ผู้ประกอบการจ าหน่ายสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ 3.3) สร้างความเชื่อมั่นในสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ 3.3.1) สร้างความเข้าใจให้แก่ผู้บริโภคในคุณภาพสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์เรื่องความ ปลอดภัยจากสารเคมีอย่างแท้จริง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ 3.3.2) พัฒนาระบบการตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ และ กระบวนการผลิตให้มีคุณภาพปลอดภัยต่อผู้บริโภค และด าเนินการควบคุมป้องกันและบ าบัดโรคสัตว์ให้มี ประสิทธิภาพ 3.3.3) พัฒนาตลาดสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ให้มีระบบตรวจสอบย้อนกลับได้เพื่อสร้าง ความมั่นใจให้ผู้บริโภค 3.4) กระตุ้นความต้องการสินค้าโดยเน้นสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้บริโภค เพื่อขยายตลาด 3.4.1) ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการบริโภคสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์พร้อมสร้างความรู้ ความ เข้าใจในคุณภาพสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์แก่ผู้บริโภคทุกระดับ รวมทั้งก าหนดเป็นหลักสูตรการเรียนการสอน เกษตรอินทรีย์แก่นักเรียนระดับประถมและมัธยม
178 3.4.2) เพิ่มมูลค่าให้มีสินค้าผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์อินทรีย์ที่หลากหลาย พร้อมสร้าง รูปลักษณ์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อให้เกิดความทันสมัยและตอบสนองต่อ ผู้บริโภคได้ตรงความต้องการ 3.4.3) แต่งตั้งอาสาสมัครด้านปศุสัตว์อินทรีย์ในระดับพื้นที่ให้ค าแนะน า ความรู้เรื่อง สินค้าปศุสัตว์อินทรีย์และการรักษาคุณภาพ 5.1.6 ประมงอินทรีย์ 1) สภาพการตลาดประมงอินทรีย์ โครงสร้างตลาด มีปริมาณผลผลิตสินค้าประมงอินทรีย์รวม 80.22 ตัน/ปี ส่วนใหญ่จ าหน่าย ในรูปแบบวัตถุดิบสด ทั้งแบบคัดแยกและไม่ได้คัดแยกคุณภาพ ผลผลิตมากถึงร้อยละ 94 อยู่ในระยะ ปรับเปลี่ยนภายใต้การรับรองมาตรฐาน Organic Thailand ที่เหลืออีกร้อยละ 6 ผ่านการรับรองมาตรฐาน Organic Thailand แล้วผลผลิตส่วนใหญ่เป็นหอยนางรมมากที่สุด รองลงมา คือ ปลานิล กุ้งแชบ๊วย ปริมาณ ผลผลิตสินค้าประมงอินทรีย์มีส่วนแบ่งการตลาดน้อยมากเมื่อเทียบกับกลุ่มสินค้าอื่นๆ ด้านพฤติกรรมตลาดการ ก าหนดราคาสินค้าประมงอินทรีย์ 3 รูปแบบ คือ 1) ก าหนดจากคณะกรรมการตลาดพิจารณา 2) ก าหนดจาก ราคาสินค้าทั่วไป 3) ก าหนดจากการใช้ราคาอ้างอิงจากตลาดอินทรีย์การก าหนดเกิดจากการตกลงร่วมกัน ระหว่างผู้ผลิตและผู้ค้าโดยใช้ราคาอ้างอิงจากตลาดอินทรีย์อื่นๆ กุ้งทะเล ปูไข่ ปลาตะเพียน และปลานิล ไม่มี ความแตกต่างทางด้านราคา ส่วนกุ้งแชบ๊วย หอยนางรม และหอยแครงอินทรีย์ มีราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไป ประมาณ 20-30 บาทต่อกิโลกรัม การจ าหน่ายสินค้าประมงอินทรีย์ส่วนใหญ่จะไม่มีการประชาสัมพันธ์ ไม่มี การติดป้ายแสดงการผ่านมาตรฐานรับรองเกษตรอินทรีย์ เนื่องจากผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าประจ าที่เชื่อมั่น ในสินค้า ช่องทางการกระจายสินค้ายังมีน้อย มีข้อจ ากัดด้านการขนส่ง การเก็บรักษาสินค้า และปริมาณสินค้ามี ไม่เพียงพอต่อความต้องการตลาด ส่วนใหญ่ผู้ซื้อจะติดต่อสั่งซื้อผลผลิตล่วงหน้าโดยตกลงราคาซื้อขายกัน วิถีตลาดสินค้าประมงอินทรีย์ผลผลิตส่วนใหญ่ได้แก่ กุ้งทะเล ปูไข่ หอยแครง และหอยนางรม ส่งไปจ าหน่าย ตลาดค้าส่ง (ตลาดแม่กลอง ตลาดทะเลไทย) (ปลาตะเพียน ปลานิล) จ าหน่ายที่ตลาดสดและตลาดนัดทั่วไปใน ชุมชน (กุ้งแชบ๊วย) ส่งไปจ าหน่ายที่ตลาดเฉพาะ (โรงพยาบาล ร้านอาหาร) ในเขตกรุงเทพมหานคร ต้นทุน การตลาดสินค้าประมงอินทรีย์ไม่มีต้นทุนด้านการตลาด ส่วนใหญ่เกษตรกรจ าหน่ายสินค้าด้วยตนเองภายใน ครั้งเดียวให้แก่ผู้ซื้อโดยตรงส าหรับส่วนเหลื่อมการตลาดสินค้าประมงอินทรีย์ที่ได้จากการค านวณความแตกต่าง ระหว่างราคาสินค้าที่ผู้บริโภคจ่ายกับราคาที่เกษตรกรได้รับ พบว่า กุ้งแชบ๊วย มีส่วนเหลื่อมการตลาดมากที่สุด รองลงมา คือ กุ้งทะเล ปูไข่ ปลานิล หอยนางรม ปลาตะเพียน และหอยแครง 2) ทัศนคติของผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบตลาดประมงอินทรีย์ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบตลาดประมงอินทรีย์ มีทัศนคติเกี่ยวกับด้านพฤติกรรมตลาดโดย ส่วนใหญ่เห็นด้วยในระดับค่อนข้างมากว่า สินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย รสชาติ ดีกว่าสินค้าเกษตรที่ผลิตแบบทั่วไป สินค้าด้านประมงมีน้อยมาก กระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมรักสุขภาพ และการ เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุท าให้มีความต้องการบริโภคสินค้าอินทรีย์เพิ่มขึ้นแต่ชนิดสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่วางจ าหน่าย ในตลาดไม่หลากหลาย สินค้าเกษตรอินทรีย์แปรรูปที่พร้อมบริโภคมีน้อย (อาหารส าเร็จรูป) ราคาจ าหน่าย
179 สินค้าประมงบางชนิดสูงกว่าสินค้าเกษตรทั่วไปมาก โดยเฉพาะใน Modern Trade ราคาสินค้ามักเปลี่ยนแปลง ตามฤดูกาลและสถานที่การวางจ าหน่าย ลักษณะการจัดวางสินค้าไม่ดึงดูดใจให้ซื้อด้านผลการด าเนินงานของ ตลาดเห็นด้วยในระดับค่อนข้างมากว่า ผู้บริโภคขาดความมั่นใจในสินค้าเกษตรอินทรีย์เนื่องจากไม่มั่นใจในการ ผลิต ไม่รู้จักสัญลักษณ์มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และส่วนใหญ่ยังขาดการรับรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ที่ถูกต้อง ทั้งนี้กระแสเกษตรอินทรีย์จากสื่อต่างๆ และจากผู้มีชื่อเสียงในสังคมช่วยกระตุ้นให้เกิดความต้องการการบริโภค เพิ่มขึ้น มีตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ระดับจังหวัดได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐสินค้าเกษตรอินทรีย์มีการ รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ แต่ตลาดยังไม่ชัดเจน ปริมาณผลผลิตน้อย ต้นทุนการดูแลรักษาสูง และแหล่ง ผลิตห่างไกลตลาด ท าให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการค้า มีอ านาจต่อรองด้านราคาค่อนข้างต่ า จ านวนเจ้าหน้าที่ ภาครัฐที่ตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในระดับพื้นที่มีไม่เพียงพอขาดการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ ถูกต้องเกี่ยวกับสินค้าอินทรีย์ 3) แนวทางพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดประมงอินทรีย์ 3.1) ส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มตลาดสินค้าประมงอินทรีย์ 3.1.1) สนับสนุนการขยายการผลิตในพื้นที่เหมาะสม เช่น ส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์ น้ าจืดอินทรีย์เสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรเพื่อบริหารจัดการด้านการผลิตและการตลาดแบบมืออาชีพ 3.1.2) ส่งเสริมการตลาดแนวใหม่ด้วยการน าเทคโนโลยีและสื่อสมัยใหม่มาด าเนินการ อาทิ การค้าออนไลน์ Application Line ฯลฯ 3.1.3) จัดตั้งศูนย์จ าหน่าย และการกระจายสินค้าในทุกจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตส าคัญ 3.1.4) เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ผลิต ผู้บริโภค และกลุ่มธุรกิจบริการที่มีความต้องการใช้ สินค้าอินทรีย์ 3.1.5) ส่งเสริมการต่อยอดธุรกิจประมงอินทรีย์กับธุรกิจการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวตามแนววิถีพื้นบ้าน 3.1.6) สนับสนุนการตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ท้องถิ่น และมาตรฐานเกษตร อินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS) 3.2) สร้างผู้ประกอบการธุรกิจประมงอินทรีย์รุ่นใหม่ 3.2.1)สนับสนุนผู้ประกอบการใหม่ (Start up) ให้ท าธุรกิจแปรรูปสินค้าประมงอินทรีย์ 3.2.2)สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ าแก่ผู้ประกอบการค้าสินค้าอินทรีย์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน 3.3) สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและกระตุ้นความต้องการสินค้าประมงอินทรีย์ 3.3.1) จัดตั้งศูนย์ให้ค าปรึกษาเรื่องมาตรฐานการผลิตและส่งเสริมตลาดสินค้าประมง อินทรีย์ เพื่อให้เกษตรกรและผู้บริโภคมีความมั่นใจ หรือจัดตั้งอาสาสมัครเกษตรอินทรีย์ในระดับพื้นที่ให้ ค าแนะน า ความรู้เรื่องสินค้าเกษตรอินทรีย์และการรักษาคุณภาพ 3.3.2) ส่งเสริมตลาดเกษตรอินทรีย์ระดับจังหวัดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนให้ ร้านค้าทั่วไปน าสินค้าประมงอินทรีย์มาจัดวางจ าหน่ายในโอกาสต่างๆ
180 3.3.3) ใช้มาตรการลดหย่อนภาษีส าหรับผู้ซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์ 3.3.4) ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคทุกระดับ มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับระบบ ผลิตและมาตรฐานสินค้าประมงอินทรีย์ รวมทั้งการรับรู้แหล่งผลิต แหล่งจ าหน่ายสินค้า ผ่านสื่อต่างๆ อย่าง ต่อเนื่อง อาทิ ส่งเสริมการเรียนการสอนเกษตรอินทรีย์ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา 3.4) ส่งเสริมการวิจัยพัฒนาสินค้า และผลิตภัณฑ์ประมงอินทรีย์ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ส่งเสริมและต่อยอดงานวิจัยพัฒนา องค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ในการแปรรูป ผลิตภัณฑ์และพัฒนาบรรจุภัณฑ์สินค้าประมงอินทรีย์ เพื่อช่วยยืดอายุและเพิ่มมูลค่าสินค้า 5.1.7 แนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ภาพรวมของประเทศ 1) พัฒนาฐานข้อมูลด้านการผลิตให้ทันสมัยเพื่อสนับสนุนการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ 1.1) พัฒนาฐานข้อมูลการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยจ าแนกเป็นรายกลุ่มสินค้าให้มีความ ทันสมัยเป็นปัจจุบัน ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถน ามาใช้ส าหรับการวางแผนพัฒนา และการบริหาร จัดการด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่เชื่อมโยงจากระดับชาติสู่ระดับจังหวัด 1.2) จัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางสินค้าเกษตรอินทรีย์ระดับประเทศ โดยมุ่งเน้นการน า IT มา ประยุกต์ใช้ในการให้บริการข้อมูลทั้งด้านการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์แก่หน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการ เกษตรกรผู้ผลิต และประชาชนทั่วไป ได้อย่างครบถ้วน มีความสะดวกรวดเร็ว และทันต่อความ ต้องการใช้ 1.3) สร้างระบบฐานข้อมูลราคากลางสินค้าเกษตรอินทรีย์ จ าแนกตามชนิด และประเภท สินค้า เพื่อสร้างมาตรฐานทางด้านราคาให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค 2) ส่งเสริม สนับสนุนการเพิ่มตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ 2.1) สร้างตลาดจ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นการเฉพาะในทุกจังหวัด และทยอยเพิ่ม จ านวนตลาด เพื่อเพิ่มช่องทางการจ าหน่าย และสร้างความแตกต่างทางด้านราคา โดยเน้นกระจายในแหล่ง ชุมชน หรือสถานที่มีประชาชนอยู่รวมกันหนาแน่น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ง่ายขึ้น เช่น สถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัด สถานที่ราชการ ธนาคาร ย่านการค้า ฯลฯได้แก่ตลาดสดเกษตรอินทรีย์ ตลาดสินค้าเกษตรแปรรูปตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์พร้อมบริโภค ร้านอาหารเกษตรอินทรีย์ในแหล่งท่องเที่ยว 2.2) ทุกหน่วยงานในระดับจังหวัดควรร่วมบูรณาการขับเคลื่อนการจัดตั้งตลาดสินค้าเกษตร อินทรีย์ให้เป็นรูปธรรม โดยก าหนดให้เป็นวาระส าคัญของจังหวัด 2.3) แสวงหาตลาดใหม่ๆ เพื่อขยายปริมาณการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยเฉพาะใน กลุ่มสินค้าข้าว พืชผัก ผลไม้ ปศุสัตว์ และประมง 2.4) สร้างสื่อต่างๆ ผ่าน Social Media เพื่อขยายช่องทางการจ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น 2.5) สนับสนุนการจัดท าฐานข้อมูลการผลิตการตลาด เพื่อเชื่อมโยงการบริหารจัดการสินค้า เกษตรอินทรีย์ระดับชาติและระดับจังหวัด
181 3) สร้างผู้ประกอบการสินค้าเกษตรอินทรีย์รายใหม่ (New Entry) 3.1) เพิ่มจ านวนผู้ประกอบการรายใหม่ควบคู่กับการสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องสินค้า เกษตรอินทรีย์อย่างถูกต้อง และเร่งพัฒนาทักษะด้านการบริหารจัดการธุรกิจสินค้าเกษตรอินทรีย์อย่าง ประสิทธิภาพ 3.2) สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ า หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆให้แก่ผู้ประกอบการสินค้า เกษตรอินทรีย์รายใหม่ สามารถน าไปลงทุนพัฒนาธุรกิจทางด้านการตลาดเพื่อเพิ่มส่วนแบ่ง การตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ 3.3) เร่งสร้างระบบการเชื่อมโยงทางการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ภายในประเทศ เพื่อ สนับสนุนการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการสินค้าเกษตรอินทรีย์รายใหม่และรายเดิม เพื่อให้ ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ง่ายขึ้น 4) ส่งเสริมการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปเชิงนวัตกรรม 4.1) สนับสนุนการวิจัยพัฒนาการแปรรูปผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรอินทรีย์ด้วยนวัตกรรม สมัยใหม่ เพื่อเพิ่มคุณภาพและมูลค่าสินค้า รวมทั้งเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้แก่ผู้บริโภค โดยพิจารณา จากแนวโน้มความต้องการของตลาด 4.2) เผยแพร่ผลงานวิจัยด้านการแปรรูปและธุรกิจเกษตรอินทรีย์ไปสู่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุก ภาคส่วนในระบบการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพื่อน าไปพัฒนาศักยภาพในระดับพื้นที่ต่อไป 5) พัฒนาตลาด สร้างความโดดเด่นด้วยอัตลักษณ์เชิงพื้นที่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม 5.1) เพิ่มประเภท ชนิด และปริมาณสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพื่อสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ หลากหลาย สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และมีปริมาณที่เพียงพอ 5.2) พัฒนาระบบโลจิสติกส์สินค้าเกษตรอินทรีย์ และจัดให้มีศูนย์กระจายสินค้าครอบคลุม ทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นให้เข้าถึงพื้นที่ในระดับชุมชน 5.3) ส่งเสริมและสร้างสรรค์สินค้าเกษตรอินทรีย์ตามศักยภาพพื้นที่ เน้นการสร้างอัตลักษณ์ เชิงพื้นที่ให้มีความโดดเด่นควบคู่กับการสร้างตราสินค้า (Branding) เพื่อสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) 5.4) สนับสนุนการเชื่อมโยงด้านการตลาดระหว่างเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผู้ผลิตพืช อาหารสัตว์อินทรีย์ และผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์อินทรีย์ 5.5) เชื่อมโยงการตลาดสินค้าอินทรีย์ระหว่างผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ศูนย์กระจายสินค้า กับ Modern Trade โรงพยาบาล ร้านอาหาร โรงแรม ร้านของฝาก ในแหล่งท่องเที่ยวส าคัญทั่วประเทศและ ต่างจังหวัดที่ไม่ใช่แหล่งผลิตสินค้านั้น
182 5.6) ส่งเสริมให้มีการน า IT มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตลาดออนไลน์ เพื่อให้สามารถเข้าถึง ผู้บริโภครุ่นใหม่ทั้งกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ได้มากยิ่งขึ้น 5.7) เน้นการตลาดแบบเกื้อกูล โดยในระยะแรกของการส่งเสริมด้านการตลาดสินค้าอินทรีย์ ควรก าหนดราคาให้มีความแตกต่างกับสินค้าทั่วไปหรือสินค้าที่มีมาตรฐานล าดับต่ ากว่าสามารถท าได้ แต่ต้องไม่ มากเกินไป เพราะปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังสับสน และไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยของแต่ละมาตรฐานการ รับรอง 6) สร้างความเชื่อมั่นในสินค้าเกษตรอินทรีย์ด้วยการพัฒนาระบบการตรวจรับรองมาตรฐาน 6.1) สนับสนุนให้เกษตรกร สถาบันเกษตรกรที่ท าการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์เข้าสู่ กระบวนการตรวจรับรองมาตรฐานเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดในอนาคตที่ผู้บริโภคหันมาดูแลเอาใจใส่ สุขภาพมากขึ้น 6.2) เพิ่มการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับมาตรฐาน เกษตรอินทรีย์ชนิดต่างๆ ให้แก่กลุ่มผู้บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ และประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างการยอมรับใน มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ทั้งที่เป็นมาตรฐานในประเทศ และมาตรฐานสากล 6.3) ยกระดับมาตรฐานการรับรองสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับ สากล 6.4) เร่งขับเคลื่อนพัฒนาเกษตรกรผู้ผลิต และระบบการตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรสู่ ระบบเกษตรอินทรีย์ตามระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee Systems : PGS) มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ท้องถิ่น และเกษตรอินทรีย์วิถีชุมชน เพื่อเพิ่มปริมาณสินค้าเกษตรอินทรีย์ในระบบ ตลาดที่สอดคล้องกับปริมาณความต้องการของผู้บริโภค 6.5) พัฒนา และส่งเสริมการท าฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ให้ได้รับการตรวจรับรองมาตรฐานทั้ง ของประเทศไทยและระดับสากล เพื่อรองรับการขยายของตลาด 6.6) ส่งเสริมให้มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งผลิต และมีการสุ่มตรวจสอบ สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่วางจ าหน่ายตามท้องตลาดอย่างสม่ าเสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค 6.7) ปรับปรุงกระบวนการขั้นตอนการตรวจรับรองคุณภาพมาตรฐานให้มีความสะดวก รวดเร็ว และไม่ยุ่งยาก 7) กระตุ้นความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้เพิ่มมากขึ้น 7.1) ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ และสร้างความรู้ความเข้าใจถึง ประโยชน์ของการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ และโทษของสินค้าเกษตรที่ผลิตโดยใช้สารเคมี ผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างกว้างขวางเข้าถึงผู้บริโภคในทุกระดับ 7.2) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรน าความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิต และประโยชน์ของการ บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยก าหนดเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนให้แก่เด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับ ประถมศึกษา เพื่อเป็นการปลูกฝัง และสร้างความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง
183 7.3) ขอความร่วมมือจากส่วนราชการทั่วประเทศให้อุดหนุนผู้ประกอบการที่ใช้สินค้าเกษตร อินทรีย์เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหาร อาหารว่างรวมถึงประสานความร่วมมือกับสมาคมโรงแรม ภัตตาคาร เพื่อขอให้สนับสนุนการใช้วัตถุดิบจากเครือข่ายการผลิต การตลาดเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ 7.4) แต่งตั้งอาสาสมัครเกษตรอินทรีย์ในระดับพื้นที่เพื่อให้ค าปรึกษา แนะน า ความรู้ เกี่ยวกับสินค้าเกษตรอินทรีย์ และการดูแลรักษาคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานการรับรอง 7.5) รัฐบาลมีมาตรการจูงใจโดยก าหนดอัตราการลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้ที่บริโภคสินค้าเกษตร อินทรีย์ เช่น ผู้บริโภคมียอดซื้อ 100,000 บาท/ปี สามารถน ามาลดหย่อนภาษีได้เป็นต้น 7.6) พัฒนาแหล่งผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นถึงวิถีการด าเนินชีวิตของเกษตรกรผู้ผลิตอินทรีย์ 7.7) จัดมหกรรมงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์ในต่างประเทศ ระดับชาติ และระดับภูมิภาค อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการน าเสนอสินค้าเกษตรอินทรีย์ในแต่ละมาตรฐานการรับรองทั้งของไทยและสากล 7.8) ประชาสัมพันธ์โดยคัดเลือกบุคคลที่มีชื่อเสียง มีภาพลักษณ์ที่ดีด้านการดูแลสุขภาพ เป็นตัวแทนที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของสินค้า (Brand Ambassador) ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆที่ ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย 8) การพัฒนาคุณภาพผลผลิตและผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรอินทรีย์ สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์ เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน แก่ผู้ผลิตผู้แปรรูป ผู้ประกอบการค้าสินค้าปศุสัตว์อินทรีย์ และปัจจัยการผลิตอินทรีย์ 5.2 ข้อเสนอแนะ 5.2.1 ฐานข้อมูลผู้ผลิต ผู้ประกอบการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ไม่เป็นปัจจุบันการจัดเก็บรวบรวม ข้อมูลของบางหน่วยงานยังไม่สมบูรณ์ ท าให้เกิดข้อจ ากัดในการน าข้อมูลมาใช้ประโยชน์ 5.2.2 ขาดข้อมูลการวิเคราะห์ภาพรวมของสถานการณ์การผลิต การตลาด สินค้าเกษตรอินทรีย์ใน ระดับพื้นที่ 5.2.3 ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ไม่บูรณาการขับเคลื่อนงานภายใต้ นโยบายเกษตรอินทรีย์กันอย่างจริงจัง 5.2.4 การประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นการบริโภคสินค้าอินทรีย์มีน้อยมาก 5.2.5 โครงสร้างตลาดเกษตรอินทรีย์ในภาพรวม มีลักษณะเป็นตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopoly Competition Market) ที่มีผู้ผลิตและผู้ขายไม่มากนักหากเปรียบเทียบกับสินค้าทั่วไป อีกทั้ง ลักษณะของสินค้าอินทรีย์มีความแตกต่างกันดังนั้น จึงมีโอกาสที่กลุ่มผู้ผลิตจะสามารถก าหนดราคาสินค้าและ สร้างอ านาจการต่อรองได้มากขึ้น
184 5.2.6 ค่าใช้จ่ายด้านบรรจุภัณฑ์ด้านการแปรรูป และด้านการจัดวางจ าหน่ายสินค้า ท าให้สินค้า เกษตรอินทรีย์แต่ละชนิดแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลให้ต่อส่วนเหลื่อมการตลาดด้วย 5.2.7 กระแสความต้องการของผู้บริโภคสินค้าเกษตรทั้งที่เคยบริโภคสินค้าอินทรีย์และไม่เคยส่วน ใหญ่มีทัศนคติเชิงบวกต่อสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งด้านพฤติกรรมตลาด ผลการด าเนินงาน และรูปแบบช่อง ทางการจ าหน่าย ท าให้สามารถสร้างโอกาสในการขยายการผลิตและตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ในอนาคต.
185 บรรณานุกรม กรีนเนท (2552). สหกรณ์กรีนเนท จ ากัด (Green Net Cooperative) [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.greennet.or.th. (วันที่สืบค้นข้อมูล: 10 ธันวาคม 2560). กุลวดี คูหะโรจนานนท์. (2545). หลักการตลาด. ปทุมธานี : สถาบันราชภัฏเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ใน พระบรมราชูปถัมภ์. คณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ. (2560). ยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (พ.ศ.2560-2564). กรุงเทพฯ : ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร. ชยาพร วัฒนศิริ และคณะ. (2553). การท าเกษตรอินทรีย์ของไทย Development of Organic Agriculture In Thailand. กรุงเทพฯ : ส านักงานคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ. บันลือ ค าวชิรพิทักษ์. (2542). เศรษฐศาสตร์การตลาดการเกษตร (Ec 385). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย รามค าแหง. ผุสดี กิจบุญ. (2552). การผลิตการตลาดผักอินทรีย์ประเทศไทย. พิษณุโลก : มหาวิทยาลัยราชภัฎ พิบูลสงคราม. พักตร์ผจง วัฒนสินธุ์ และพสุ เดชะรินทร์ (2545). การจัดการเชิงกลยุทธ์และนโยบายธุรกิจ (พิมพ์ครั้งที่ 2) กรุงเทพ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. มูลนิธิสายใยแผ่นดิน. (2559). ภาพรวมสถานการณ์เกษตรอินทรีย์ไทย [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.greennet.or.th/article/411 (วันที่สืบคืนข้อมูล: 20 ธันวาคม 2560). ลัดดา พิศาลบุตร และปิยะดา พิศาลบุตร. (2552). การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ซื้อสินค้าเกษตร. เอกสารการ สอนชุดวิชาการจัดการการตลาดสินค้าเกษตร หน่วยที่ 5 เล่มที่ 1 สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตรและ สหกรณ์. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วารุณี จีนศร. (2554). ปัจจัยที่ใช้ในการตัดสินใจซื่อผักปลอดสารพิษของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร. ค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. ศริณ แซ่ลิ่ม. (2550). รายงานฉบับสมบูรณ์ปัญหาและอุปสรรคของการเกษตรอินทรีย์ไทยด้านการผลิตและ การส่งเสริมการตลาด คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ศิริลักษณ์ ดีดน้อย. (2553). การด าเนินงานของตลาดค้าส่งผลไม้สี่แยกอินโดจีนจังหวัดพิษณุโลก. เอกสาร การค้นคว้าอิสระสาขานโยบายสาธารณะ รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวร. ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ. (2550). พฤติกรรมผู้บริโภค. กรุงเทพฯ : ส านักพิมพ์พัฒนาศึกษา.
186 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. (2551). เกษตรอินทรีย์ไทยโอกาสก้าวไกลหากภาครัฐเร่งยกระดับมาตรฐานการผลิต กระแสทรรศน์ ฉบับที่ 2055 [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.kasikornresearch .com/K-Econ Analysis /Pages/Search.aspx (วันที่สืบคืนข้อมูล : 20 ธันวาคม 2560). สยาม อรุณศรีมรกต และคณะ. (2553). การศึกษาตลาด ปัญหาและอุปสรรคของการผลิตผลไม้อินทรีย์ใน ภาคตะวันออกของประเทศไทย. วารสารร่มพฤกษ์. กรุงเทพ : มหาวิทยาลัยเกริก. สุดาดวง เรืองรุจิระ. (2543). หลักการตลาด. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ : ยงพลเทรดดิ้ง. สุวิมล ว่องวาณิช และนงลักษณ์ วิรัชชัย. (2546). แนวทางการให้ค าปรึกษาวิทยานิพนธ์.กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ต าราและเอกสารทางวิชาการ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร. (2551). ค านิยามข้อมูลสถิติการเกษตร. กรุงเทพฯ : กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์. ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร. (2554). แนวทางการพัฒนาการผลิตการตลาดมันส าปะหลังในพื้นที่ ภาคเหนือตอนล่าง. พิษณุโลก : ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 2 เอกชัย อภิศักดิ์กุล และทรรศนะ บุญขวัญ. (2551). เอกสารประกอบการสอน “การจัดการกลยุทธ์” (Strategic Management) แปลจาก Michael A.Hitt, R.Duane Ireland and Robert E.Hoskisson . พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพ ฯ : บริษัท เจเอสที พับลิชชิ่ง จ ากัด. Li, X., & Xin, Y. (2015). Factors Influencing Organic Food Purchase of Young Chinese Consumers. Master Thesis Spring, Department of Business Studies, UPPSALA University. Phuong, T. N. (2013). Consumers’ Perceptions of Organic Food in Australia and Other Countries. Journal of Agricultural Economics and Development, 2(2), 44-54. Sang Kumchaliang, P., & Huang, W. C. (2012). Thai Organic Food Demographics, Attitudes and Behavior. International Journal of the Computer, the Internet and Management, 20(3), 7-11. Ziellke, S., & Thogesen, J. (2014). Income and Price as a Barrier to Organic Food Choice. Building Organic Bridges.
187 ภาคผนวก
188 ตารางผนวกที่1 ร้อยละของชนิดสินค้าข้าว ปริมาณผลผลิต มูลค่าที่จ าหน่าย และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ที่ได้รับการรับรอง หน่วย : ร้อยละ สินค้า ปริมาณผลผลิต มูลค่า มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวกล้อง 49.41 39.14 6.77 24.01 59.38 7.60 Organic Thailand ข้าวกล้องงอก 0.01 0.00 IFOAM EU NOP และJAS ข้าวฮาง ข้าวฮางงอก 0.82 0.97 2.55 2.53 ข้าวแปรรูป เมล็ดพันธุ์ข้าว 2.15 0.73 3.45 0.48 Organic Thailand รวม 100 100 ที่มา : จากการส ารวจ ตารางผนวกที่ 2 ราคาข้าวอินทรีย์และราคาข้าวทั่วไป จ าแนกตามสายพันธุ์ ชนิดและผลิตภัณฑ์ หน่วย : บาท/กิโลกรัม พันธุ์ ชนิดและผลิตภัณฑ์ ราคาข้าวอินทรีย์ ราคาข้าวทั่วไป หอมมะลิ 105 ข้าวเปลือกความชื้น 14-15% 12 - 19 11 - 17 ไรซ์เบอร์รี่ ข้าวเปลือก 21 - 26 16 - 20 ข้าวสาร 45 - 80 35 - 70 ไรซ์เบอร์รี่ ซีเรียลข้าวไรซ์เบอร์รี่ 180 (180 กรัม) - เซรั่มข้าวไรซ์เบอร์รี่ 790 - สบู่ 150 100 หอมมะลิแดง ข้าวเปลือก 17 - 20 11 - 14 ข้าวสาร 35 - 70 35 - 60 หอมมะลิด า ข้าวเปลือก 22 - 24 20 - 22 ข้าวสาร 35 - 80 35 - 60 ข้าวเหนียว กข.6 ข้าวเปลือก 11 - 13 8 - 10 ข้าวสาร 35 - 40 28 - 30 ข้าวพันธุ์อื่นๆ ข้าวเปลือก 8 - 23 7 - 22 ข้าวสาร 30 - 50 25 - 35 หอมมะลิ 105 ข้าวสาร 40 - 80 25 - 40 ที่มา : จากการส ารวจ
189 ตารางผนวกที่ 2 ราคาข้าวอินทรีย์และราคาข้าวทั่วไป จ าแนกตามสายพันธุ์ ชนิดและผลิตภัณฑ์(ต่อ) พันธุ์ ชนิดและผลิตภัณฑ์ ราคาข้าวอินทรีย์ ราคาข้าวทั่วไป รวมพันธุ์ ข้าวกล้อง ข้าวกล้องงอก ข้าวฮาง ข้าวฮางงอก แป้งข้าวฮาง จมูกข้าวฮางงอก เมล็ดพันธุ์ข้าว 40 - 80 60 - 120 80 - 150 100 - 150 70 250 (300 กรัม) 22-25 35 - 70 50 - 80 60 - 90 - - - 20-21 หอมมะลิ 105 ข้าวเปลือกความชื้น 14-15 % 12 - 19 11 - 17 ที่มา : จากการส ารวจ ตารางผนวกที่ 3 ส่วนเหลื่อมการตลาดข้าวอินทรีย์ จ าแนกตามสายพันธุ์และชนิดข้าว ชนิดข้าว ชื่อสินค้า ราคาเฉลี่ยที่ เกษตรกรจ าหน่าย (บาท/หน่วย) ราคาเฉลี่ยที่ ผู้บริโภคจ่าย (บาท/ หน่วย) ส่วนเหลื่อม การตลาด (บาท/หน่วย) หอมมะลิ 105 ข้าวสาร 15.50 60.00 44.5 ไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสาร 23.50 62.50 39 สบู่ 100 150 50 หอมมะลิแดง ข้าวสาร 18.50 52.50 34 หอมมะลิด า ข้าวสาร 23.00 57.50 34.5 ข้าวเหนียว กข.6 ข้าวสาร 12.00 37.50 25.5 รวมพันธุ์ ข้าวกล้อง 17.5 60.00 42.5 ข้าวกล้องงอก 17.5 90.00 72.5 ข้าวฮาง 17.5 115.00 97.5 ข้าวฮางงอก 17.5 125.00 107.5 แป้งข้าวฮาง 17.5 70 52.5 ซีเรียลข้าวไรซ์เบอร์รี่ 150 180 30 เซรั่มข้าวไรซ์เบอร์รี่ 590 790 200 จมูกข้าวฮางงอก 180 250 50 ที่มา : จากการส ารวจ หมายเหตุ: ราคาของสินค้าแต่ละชนิด มีหน่วยแตกต่างกัน เช่น ข้าวสาร ข้าวกล้อง ข้างฮาง หน่วยเป็น บาท/กิโลกรัม ส่วนสบู่ ซีเรียลข้าวไรซ์เบอร์รี่ เซรั่ม และจมูกข้างฮางงอก หน่วยเป็น ปริมาณ ของบรรจุภัณฑ์ (กรัม มิลลิกรัม)
190 ตารางผนวกที่ 4 ต้นทุนการตลาดข้าวอินทรีย์ ปี 2561 รายการ บาท/หน่วย ค่าสถานที่/ค่าเช่าแผง 0.27 ค่าใช้จ่ายในการดูแล/เก็บรักษา 0.29 ค่าใช้จ่ายในการแปรรูป 0.44 สินค้าคงเหลือ 0.02 ค่าแรงงาน 0.56 ค่าขนส่ง 0.49 ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ 0.06 ค่าเสียโอกาสเงินทุน 0.08 ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า 0.01 ค่าอุปกรณ์การจ าหน่าย โต๊ะ เก้าอี้ ตู้โชว์สินค้า 0.01 ค่าบรรจุภัณฑ์/ฉลาก 6.15 ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 0.02 รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 8.40 ที่มา : จากการส ารวจ
191 ตารางผนวกที่ 5 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านการตลาดเกี่ยวกับพฤติกรรมตลาดข้าวอินทรีย์ ประเด็นข้อค าถาม คะแนนเฉลี่ย ระดับ 1. สินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ 4.36 มาก 2. กระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักสุขภาพ ท าให้ความต้องการบริโภคสินค้า อินทรีย์เพิ่มขึ้น 4.28 3. กลุ่มผู้บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์มีแนวโน้มขยายตัวสูง 4.28 4. สินค้าเกษตรอินทรีย์มีความปลอดภัย รสชาติดี หวาน กรอบ เก็บรักษาไว้ได้ นานกว่าสินค้าปกติ 4.25 5. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ท าให้ความต้องการบริโภคสินค้าสุขภาพ โดยเฉพาะ สินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น 4.20 ค่อนข้างมาก 6. มูลค่าการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์มีอัตราเพิ่มขึ้นในทุกปี 4.17 7. สภาวะโลกร้อน โรคและศัตรู ส่งผลกระทบต่อปริมาณคุณภาพ และการเก็บ รักษาสินค้าเกษตรอินทรีย์ 3.97 8. ราคาสินค้าเหมาะสมกับคุณภาพ 3.90 9. ข้อตกลงการค้าเสรีท าให้สินค้าเกษตรอินทรีย์มีคู่แข่งในตลาดมากการแข่งขัน ระหว่างธุรกิจสูงทั้งในและต่างประเทศ 3.77 10. ราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล/สถานที่การวางจ าหน่ายสินค้า ฯลฯ 3.70 11. ผู้ผลิตรายใหม่/คู่แข่ง (NewEntry) เข้าระบบตลาดได้ยาก เนื่องจากต้องใช้ ระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนในการผลิตเกษตรอินทรีย์ 3.70 12. มีป้ายบอกราคาชัดเจน 3.64 13. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถรักษาและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสินค้าอินทรีย์ 3.64 14. การแข่งขันระหว่างธุรกิจสูงสินค้าอินทรีย์มีคู่แข่งในตลาดมากขึ้นทั้งในและ ต่างประเทศ 3.64 15. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถจัดหาและจ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ตรง ตามความต้องการของผู้บริโภค 3.57 16. รสชาติของสินค้าเกษตรอินทรีย์แปรรูปส่วนใหญ่ยังไม่เป็นที่พึงพอใจของ ผู้บริโภค 2.75 ปานกลาง 17. การจัดวางสินค้าเกษตรอินทรีย์ในสถานที่จ าหน่ายไม่ดึงดูดใจให้เกิดการซื้อ 2.56 ค่อนข้างน้อย 18. สินค้าเกษตรอินทรีย์แปรรูปที่พร้อมบริโภคมีน้อย (อาหารส าเร็จรูป) 19. สินค้าเกษตรอินทรีย์ราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไปมาก โดยเฉพาะใน Modern Trade 2.23 2.19 20. สินค้าเกษตรอินทรีย์ออกสู่ตลาดไม่สม่ าเสมอ 2.18 21. ชนิดสินค้าเกษตรอินทรีย์ไม่หลากหลาย 2.16 ที่มา : จากการส ารวจ
192 ตารางผนวกที่ 6 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านการตลาดเกี่ยวกับผลการด าเนินงานของตลาดข้าวอินทรีย์ ประเด็นข้อค าถาม คะแนนเฉลี่ย ระดับ 1. สินค้าเกษตรอินทรีย์มีการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 4.35 มาก 2. ภาครัฐให้ความส าคัญในการสนับสนุนเกษตรอินทรีย์วิถีพื้นบ้านมากขึ้น 4.17 ค่อนข้างมาก 3. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ระดับจังหวัดได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น ตลาดเกษตรกร ตลาดสีเขียว 4.12 4. ภาครัฐสนับสนุนให้การพัฒนาบุคลากรภาครัฐ ให้มีความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์เพิ่มมาก 4.12 5. กระแสเกษตรอินทรีย์จากสื่อต่างๆ และจากผู้มีชื่อเสียงในสังคม ช่วยกระตุ้นให้เกิดความต้องการ การบริโภคเพิ่มขึ้น 4.09 6. ภาครัฐให้ความส าคัญต่อการพัฒนาเกษตรอินทรีย์และสนับสนุนให้เกิดการรับรู้นโยบายพัฒนา เกษตรอินทรีย์ โดยการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ผลิตและบริโภครับรู้และเข้าใจประโยชน์ของการผลิต และการบริโภคอินทรีย์ได้อย่างถูกต้องมากขึ้น 4.04 7. ภาครัฐให้การสนับสุนนการจัดท ามาตรฐานเกษตรอินทรีย์แก่เกษตรกรที่ชัดเจนมีความน่าเชื่อถือ และไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ 4.04 8. ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังขาดการรับรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ที่ถูกต้อง 4.03 9. ยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์ ปี 2560-2564 ให้ความส าคัญในการเพิ่มการบริโภคสินค้าเกษตร อินทรีย์ในประเทศมากขึ้น 4.03 10. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์มีการอธิบายข้อมูลโภชนาการและคุณประโยชน์ของสินค้าเกษตร อินทรีย์อย่างชัดเจน 4.00 11. ยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์ของประเทศไทย ปี 2560-2564 ได้ให้ความส าคัญในด้านการตลาด เป็น 1 ใน 4 ยุทธศาสตร์ที่ต้องขับเคลื่อน 3.98 12. ตลาดยังไม่ชัดเจน/ปริมาณผลผลิตน้อย/ต้นทุนการดูแลรักษาสูง และแหล่งผลิตห่างไกลตลาดท า ให้ผู้ผลิต/ผู้จ าหน่าย (Suppliers) มีอ านาจต่อรองด้านราคาค่อนข้างต่ า 3.92 13. มีนักลงทุน และผู้ประกอบการ รายใหม่ๆ เข้าสู่ห่วงโซ่สินค้าเกษตรอินทรีย์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3.90 14. ผู้บริโภคไม่รู้จักสัญลักษณ์มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ประเภทต่าง ๆ 3.81 15. จ านวนเจ้าหน้าที่ภาครัฐ/ภาคเอกชนที่ตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในระดับพื้นที่มีไม่เพียงพอ 3.78 16. ผู้บริโภคขาดความมั่นใจในสินค้าเกษตรอินทรีย์เนื่องจากไม่มั่นใจในการผลิต หรือมีการปลอมปน สินค้า 3.77 17. การขับเคลื่อนตลาดเกษตรอินทรีย์ของภาครัฐฯอาจไม่ต่อเนื่องหากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล 3.75 18. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายโดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้วยตนเอง 3.66 19. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ถูกก าหนดราคาจากตลาดส่งออก 3.55 20. ผู้ประกอบการขาดการสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินค้าอินทรีย์ 2.52 ค่อนข้างน้อย 21. ผู้ประกอบการขาดการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ 2.40 ที่มา : จากการส ารวจ
193 ตารางผนวกที่ 7 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านการตลาดเกี่ยวกับรูปแบบและช่องทางการจ าหน่ายข้าว อินทรีย์ ประเด็นข้อค าถาม คะแนนเฉลี่ย ระดับ 1. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ส่วนใหญ่มีระบบการรักษาคุณภาพสินค้าอย่างดีเช่น Modern Trade 4.02 ค่อนข้างมาก 2. ภาครัฐสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยและพัฒนาตลาดสินค้าอินทรีย์เพิ่มช่องทางการจ าหน่ายสินค้า อินทรีย์มากขึ้น 4.00 3. ระบบการคมนาคม ขนส่ง การสื่อสารไอทีและนวัตกรรมต่าง ๆ ท าให้สะดวกในการสั่งซื้อและ จัดจ าหน่าย และสามารถลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่ 3.97 4. ผู้บริโภคทั่วไปเข้าถึงตลาดเกษตรอินทรีย์ได้ยาก เช่น ไม่รู้แหล่งจ าหน่าย ไม่รู้ชื่อเวปไซต์และวิธีซื้อ ทางออนไลน์ฯลฯ 3.90 5. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ยังมีน้อย ท าให้มีผู้จ าหน่ายน้อยราย ส่งผลให้ไม่มีระบบการกระจาย สินค้าที่ดี/หาซื้อได้ยาก 3.90 6. ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าทั่วไปทดแทนสินค้าอินทรีย์ได้ง่าย(Substitutes) เนื่องจากมี จ าหน่ายทั่วไปภาพลักษณ์ภายนอกไม่แตกต่างกับสินค้าอินทรีย์ และราคาถูกกว่า 3.88 7. ผู้บริโภคทั่วไปเข้าถึงตลาดเกษตรอินทรีย์ได้ยาก เช่น ไม่รู้แหล่งจ าหน่าย ไม่รู้วิธีซื้อทางออนไลน์ 3.88 8. สินค้าเกษตรอินทรีย์มีมีบรรจุภัณฑ์และฉลากที่สวยงามดึงดูดใจผู้บริโภคและสะดวกต่อการใช้งาน 3.86 9. ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ใช้ระบบออนไลน์ในการจัดจ าหน่ายซึ่งสามารถลดต้นทุนการตลาดลงได้มาก 3.72 10. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีช่องทางเชื่อมโยงการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์กับหน่วยงานภาครัฐ 3.72 11. มีการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่หลากหลาย เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ป้ายโฆษณาฯลฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง 3.69 12. สินค้าเกษตรอินทรีย์มีการจ าหน่ายบนระบบออนไลน์มากขึ้นท าให้ลดต้นทุนการตลาดลงได้มาก 3.65 13. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายโดยใช้ระบบสารสนเทศด้วยตนเอง 3.62 14. ในแต่ละช่องทางการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์มีรูปแบบการจ าหน่ายที่หลากหลาย (ตลาดสมาชิก/จ าหน่ายตรง ตลาดนัดตลาดเฉพาะ ตลาดทั่วไป Modern Trade ตลาดสด) 3.57 15. ช่องทางการจ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ต้องอาศัยคนกลางเพื่อเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและ ผู้บริโภค 2.65 ปานกลาง 16. ขาดการประชาสัมพันธ์ด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์เพื่อโน้มน้าวใจให้ผู้ซื้อหันมาบริโภค สินค้าอินทรีย์ 2.26 ค่อนข้างน้อย 17. ตลาด/สถานที่จ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ตั้งอยู่ห่างไกลแหล่งชุมชน 2.18 ที่มา:จากการส ารวจ
194 ตารางผนวกที่ 8 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดสินค้าข้าวอินทรีย์เกี่ยวกับแนวทางการ ส่งเสริมศักยภาพด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ ประเด็นข้อค าถาม คะแนนเฉลี่ย ระดับทัศนคติ 1. ส่งเสริมการเรียนการสอนเกษตรอินทรีย์ในทุกระดับ อนุบาล-อุดมศึกษา 4.35 มาก ค่อนข้างมาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก ค่อนข้างมาก มาก มาก 2. สนับสนุนคนรุ่นใหม่ธุรกิจเกษตรอินทรีย์ 4.15 3. สร้าง Application Line ตลาดเกษตรอินทรีย์ เชื่อมโยงเครือข่ายทั้งประเทศ 4.30 4. การวิจัย นวัตกรรม การแปรรูป อาหารอินทรีย์ แบบใหม่ๆ 4.40 5. การประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเกษตรอินทรีย์อย่าง ต่อเนื่องในทุกสื่อ 4.21 6. การสนับสนุนการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยในแต่ละตลาด 4.23 7. หน่วยงานภาครัฐให้ความช่วยเหลือในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ตราสัญลักษณ์ แก่ผู้ค้าในแต่ละตลาด 4.24 8. เสนอให้มีการลดหย่อนภาษีส าหรับผู้ซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์ปีละ 50,000 – 100,000 บาท/คน 4.24 9. สนับสนุนแหล่งเงินทุนด้านการตลาดดอกเบี้ยต่ า 4.39 10. สนับสนุนการรวมกลุ่มเกษตรกรอินทรีย์ เพื่อให้มีสินค้าที่เพียงพอต่อความ ต้องการตลาด 4.30 11. สนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยค้าจ าหน่ายบนระบบออนไลน์ 4.25 12. สนับสนุนให้มีร้านอาหารอินทรีย์ เพื่อการท่องเที่ยว และในสถานที่ราชการ และเอกชน ขนาดใหญ่ 4.26 13. สร้างเครือข่ายผู้ค้าเกษตรอินทรีย์เชื่อมโยงซื้อจ าหน่ายแลกเปลี่ยนสินค้า แต่ละจังหวัด โดยภาครัฐเป็นแกนกลางในระยะแรกๆ 4.38 14. จัดงานเกษตรอินทรีย์ในระดับภาค เพื่อน าเสนอ แสดง จ าหน่าย และ แลกเปลี่ยนความรู้ ปีละ 1 ครั้ง 4.35 15. การออกแบบภูมิทัศน์และสถานที่ให้ทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ ผู้บริโภคทุกระดับ 4.28 16. การสร้างตลาดใหม่ๆโดยภาครัฐ และภาคีเครือข่าย ในเขตชุมชน 4.20 17. สนับสนุนการเชื่อมโยงตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์กับหน่วยงานภาครัฐ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล เรือนจ า 4.29 18. สนับสนุนการจัดตั้งร้านค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์แบบครบวงจรในระดับ จังหวัด/ภาค 4.34 ที่มา : จากการส ารวจ
195 ตารางผนวกที่ 9 ชนิด ปริมาณ และมูลค่าการผลิตถั่วเหลืองอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ ในแหล่งผลิตส าคัญ ชนิด จังหวัด กลุ่ม ปริมาณ (กก.) มูลค่า (บาท) ราคา (บาท/ กก.) มาตรฐาน ถั่วเหลืองคละ ล าปาง วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านแม่ พริก 9,000 153,000 17.00 Organic Thailand ระยะ ปรับเปลี่ยน (ปีที่ 1) ถั่วเหลืองคละ ศรีสะเกษ กลุ่มวิสาหกิจส่งเสริมและผลิตเมล็ด พันธุ์ข้าวต าบลผักไหม อ.ห้วยทับทัน 12,000 204,000 17.00 Organic Thailand ระยะปรับเปลี่ยน (ปีที่ 3) ถั่วเหลืองคละ เชียงใหม่ เกษตรกร อ.แม่ริม เกษตรกร อ.สันป่าตอง 2,000 4,000 36,000 72,000 18.00 18.00 Organic Thailand ถั่วเหลืองคัดเกรด เชียงใหม่ เกษตรอินทรีย์ต้นน้ าแม่ฮาว อ.แม่แตง 3,350 146,750 43.31 Organic Thailand ถั่วเหลืองคัดเกรด เชียงใหม่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปแม่บ้าน สันป่ายาง อ.แม่แตง 500 20,000 40.00 มอน./PGS/ Organic Thailand ผลิตภัณฑ์แปรรูป เต้าเจี้ยว ซีอิ้วขาว มิโซะ เชียงใหม่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปแม่บ้าน สันป่ายาง อ.แม่แตง 2,000 525,340 222,670 222,670 80,000 มอน./PGS/ Organic Thailand รวมทั้งสิ้น 32,850 1,157,090 ที่มา : จากการส ารวจ ตารางผนวกที่ 10 ราคาผลผลิตถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์เปรียบเทียบระหว่างอินทรีย์กับทั่วไป สินค้า/ผลิตภัณฑ์ ขนาดบรรจุ (กรัม) หน่วย ราคาถั่วเหลือง อินทรีย์ (บาท) ราคาถั่วเหลืองทั่วไป (บาท/หน่วย) เมล็ดถั่วเหลืองแห้ง คัด ไม่คัด 1 1 กิโลกรัม กิโลกรัม 40-43.31 17-18 25 16.25-16.50 เต้าเจี้ยว 270 500 กรัม กรัม 30 60 27 /350 กรัม 36/800 กรัม ซี้อิ้วขาว 270 500 มิลลิลิตร (ซีซี) มิลลิลิตร (ซีซี) 30 50 22.50/300 36/600 มล. ที่มา : จากการส ารวจ
196 ตารางผนวกที่ 11 การกระจายผลผลิตถั่วเหลืองอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางการจ ที่มา : จากการส ารวจ ล าดับ ที่ กลุ่มผู้ผลิตถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์ สินค้า มูลค่าการค้า (บาท) มูลค่า ร้อย ละ 1 วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านแม่ พริก ถั่วเหลืองแห้ง 153,000 100 2 เกษตรกร อ.แม่ริม ถั่วเหลืองแห้ง 36,000 100 3 เกษตรกร อ.สันป่าตอง ถั่วเหลืองแห้ง 72,000 100 4 กลุ่มวิสาหกิจส่งเสริมและผลิตเมล็ด พันธุ์ข้าวต าบลผักไหม อ.ห้วยทับทัน ถั่วเหลืองแห้ง 204,000 100 5 เกษตรอินทรีย์ต้นน้ าแม่ฮาว อ.แม่แตง ถั่วเหลืองแห้ง 146,750 100 6 วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปแม่บ้าน ถั่วเหลืองแห้ง 20,000 100 สันป่ายาง อ.แม่แตง ผลิตภัณฑ์แปรรูป 525,340 100 รวมทั้งสิ้น 1,157,090 100
6 196 าหน่ายต่างๆ มูลค่า ร้อยละ การค้า ในตลาดต่าง ๆ ตลาดนัดเกษตร อินทรีย์ ตลาดค้าส่ง ตลาดร้านอาหาร ร้านค้าปลีก ตลาดออนไลน์/ ส่งปลายทาง ปณ. มูลค่า (บาท) ร้อย ละ มูลค่า (บาท) ร้อย ละ มูลค่า (บาท) ร้อย ละ มูลค่า (บาท) ร้อย ละ - - 153,000 100 - - - - - - 36,000 100 - - - - - - 72,000 100 - - - - - - 204,000 100 - - - - 4,400 3 1,471 1 118,868 81 22,013 15 4,000 20 16,000 80 - - - - 105,068 20 367,738 70 - - 52,534 10 113,468 9.81 850,209 73.48 118,868 10.27 74,547 6.44
197 ตารางผนวกที่ 12 สถานที่จ าหน่าย ปริมาณ มูลค่าถั่วเหลืองอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ ประเภท จังหวัด กลุ่ม ปริมา ณ (กก.) มูลค่า (บาท) แหล่งจ าหน่ายถั่วเหลืองอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์(ร้อยละ) จุด รวบรวม ตลาด เฉพาะ อื่นๆ ถั่วเหลืองคละ ล าปาง วิสาหกิจชุมชนเกษตร อินทรีย์บ้านแม่พริก 9,000 153,000 100 - - ถั่วเหลืองคละ เชียงใหม่ เกษตรกร อ.แม่ริม เกษตรกร อ.สันป่าตอง 2,000 4,000 36,000 72,000 100 - - ถั่วเหลืองคละ ศรีสะเกษ กลุ่มวิสาหกิจส่งเสริมและ ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวต าบล ผักไหม อ.ห้วยทับทัน 12,000 204,000 100 - - ถั่วเหลืองคัด เกรด เชียงใหม่ เกษตรอินทรีย์ต้นน้ าแม่ ฮาว อ.แม่แตง 3,350 146,750 65 20 15 ถั่วเหลืองคัด เกรด เชียงใหม่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปร รูปแม่บ้านสันป่ายาง อ.แม่แตง 500 20,000 80 20 - ผลิตภัณฑ์แปรรูป จากถั่วเหลือง เชียงใหม่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่ม แม่บ้านสันป่ายาง 2,000 525,340 70 20 10 รวมทั้งสิ้น 32,850 1,157,090 81.59 11.96 6.44 ที่มา : จากการส ารวจ
198 ตารางผนวกที่ 13 ค่าใช้จ่ายในการขนส่งผลผลิตถั่วเหลืองอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ ชนิดสินค้า/กลุ่ม ผู้ซื้อ ผู้รวบรวม ปริมาณ (กก./ครั้ง) จ านวน (ครั้ง/ปี) ระยะทาง (กม.) ระยะเวลา (ชม.) ค่าใช้จ่าย ในการขนส่ง (บาท/ครั้ง) ถั่วเหลืองอินทรีย์แห้ง แม่พริก ล าปาง สุขะเฮาส์ 9,000 1 500 8 ผู้ซื้อรับค่าใช้จ่าย ในการขนส่ง อ.แม่ริม สุขะเฮาส์ 2,000 1 700 11 อ.สันป่าตอง สุขะเฮาส์ 4,000 1 700 11 ห้วยทับทัน ศรีสะเกษ บ.สามพราน 12,000 1 1,020 14 สันป่ายาง เชียงใหม่ ตลาดเฉพาะ ลูกค้าจร 500 52 20 25 2 120 แม่ฮาว เชียงใหม่ ชุมชนร้านอาหาร Agri hut สันก้างปลา ปณ. ตลาดเฉพาะ ลูกค้าจร 333 500 600 500 100 3 1 3 10 52 20 25 25 25 - 25 4 4 4 - - 2 200 200 200 - - ผลิตภัณฑ์แปรรูป (เต้าเจี้ยว/ซี้อิ้วขาว/ มิโซะ) สหกรณ์กรีนเนท ร้านเลมอนฟาร์ม - - 12 12 - - - - ผู้ซื้อรับค่าใช้จ่าย ในการขนส่ง ที่มา : จากการส ารวจ ตารางผนวกที่ 14 ค่าใช้จ่ายทางการตลาดของสินค้าถั่วเหลืองอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ ค่าใช้จ่ายการตลาด กลุ่มเกษตรอินทรีย์ต้นน้ าแม่ฮาว อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแปรรูปแม่บ้านสันป่ายาง ค่าสถานที่ ค่าแผง 2,000 30,384 ค่าขนส่ง 6,600 58,500 ค่าประชาสัมพันธ์ 6,750 - ค่าบรรจุภัณฑ์/ฉลาก 975 88,535 ความเสียหายสินค้า - 3,600 รวม 16,325 181,019 มูลค่าการขาย 146,750 545,340 ชนิดผลิตภัณฑ์ ถั่วเหลืองแห้ง ผลิตภัณฑ์แปรรูป ร้อยละของยอดจ าหน่ายสินค้า 11.25 33.19 ที่มา : จากการส ารวจ
199 ตารางผนวกที่ 15 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบตลาดเกี่ยวกับพฤติกรรมตลาดถั่วเหลืองอินทรีย์ ประเด็นข้อค าถาม คะแนนเฉลี่ย ระดับ 1. สินค้าเกษตรอินทรีย์มีความปลอดภัย รสชาติดี เก็บรักษาไว้ได้นานกว่าสินค้าปกติ 4.60 มาก 2. สินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ 4.40 3. กระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักสุขภาพ ท าให้ความต้องการบริโภคสินค้าอินทรีย์ เพิ่มขึ้น 4.20 ค่อนข้างมาก 4. ราคาสินค้าเหมาะสมกับคุณภาพ 4.20 5. กลุ่มผู้บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์มีแนวโน้มขยายตัวสูง 4.00 6. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ท าให้ความต้องการบริโภคสินค้าสุขภาพ โดยเฉพาะสินค้า เกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น 4.00 7. ประกอบการส่วนใหญ่สามารถรักษาและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสินค้าอินทรีย์ 4.00 8. ข้อตกลงการค้าเสรีท าให้สินค้าเกษตรอินทรีย์มีคู่แข่งในตลาดมากการแข่งขัน ระหว่างธุรกิจสูงทั้งในและต่างประเทศ 3.80 9. ราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล และสถานที่จัดวางจ าหน่ายสินค้า ฯลฯ 3.80 10. การแข่งขันระหว่างธุรกิจสูงสินค้าอินทรีย์มีคู่แข่งในตลาดมากขึ้นทั้งในและ ต่างประเทศ 3.80 11. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถจัดหาและจ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ตรง ตามความต้องการของผู้บริโภค 3.80 12. มูลค่าการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์มีอัตราเพิ่มขึ้นในทุกปี 3.60 13. มีป้ายบอกราคาชัดเจน 3.60 14. การจัดวางสินค้าเกษตรอินทรีย์ในสถานที่จ าหน่ายไม่ดึงดูดใจให้เกิดการซื้อ 3.40 ปานกลาง 15. ชนิดสินค้าเกษตรอินทรีย์ไม่หลากหลาย 3.40 16. รสชาติของสินค้าเกษตรอินทรีย์แปรรูปส่วนใหญ่ยังไม่เป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภค 3.00 17. สินค้าเกษตรอินทรีย์แปรรูปที่พร้อมบริโภคมีน้อย (อาหารส าเร็จรูป) 3.00 18. ผู้ผลิตรายใหม่/คู่แข่ง (NewEntry) เข้าระบบตลาดได้ยาก เนื่องจากต้องใช้ 19. ระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนในการผลิตเกษตรอินทรีย์ 2.80 20. สินค้าเกษตรอินทรีย์ออกสู่ตลาดไม่สม่ าเสมอ 2.80 21. สภาวะโลกร้อน โรคและศัตรู ส่งผลกระทบต่อปริมาณคุณภาพ และการเก็บรักษา สินค้าเกษตรอินทรีย์ 2.40 ค่อนข้างน้อย 22. สินค้าเกษตรอินทรีย์ราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไปมาก โดยเฉพาะใน Modern Trade 2.20 ที่มา : จากการส ารวจ
200 ตารางผนวกที่ 16 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบตลาดเกี่ยวกับผลการด าเนินงานของตลาด ถั่วเหลืองอินทรีย์ ประเด็นข้อค าถาม คะแนนเฉลี่ย ระดับ 1. สินค้าเกษตรอินทรีย์มีการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 4.40 2. ยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์ของประเทศไทย ปี 2560-2564 ได้ให้ มาก ความส าคัญในด้านการตลาด เป็น 1 ใน 4 ยุทธศาสตร์ที่ต้องขับเคลื่อน 4.40 3. ภาครัฐให้การสนับสุนนการจัดท ามาตรฐานเกษตรอินทรีย์แก่เกษตรกรที่ ชัดเจนมีความน่าเชื่อถือและไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ 4.20 ค่อนข้างมาก 4. ยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์ ปี2560-2564 ให้ความส าคัญในการเพิ่มการ บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศมากขึ้น 4.20 5. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายโดยใช้ระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศด้วยตนเอง 4.20 6. ภาครัฐให้ความส าคัญในการสนับสนุนเกษตรอินทรีย์วิถีพื้นบ้านมากขึ้น 4.00 ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ระดับจังหวัดได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น ตลาดเกษตรกร ตลาดสีเขียว 4.00 7. ภาครัฐให้ความส าคัญต่อการพัฒนาเกษตรอินทรีย์และสนับสนุนให้เกิดการ รับรู้นโยบายพัฒนาเกษตรอินทรีย์ โดยการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ผลิตและ บริโภครับรู้และเข้าใจประโยชน์ของการผลิตและการบริโภคอินทรีย์ได้ อย่างถูกต้องมากขึ้น 4.00 8. ภาครัฐสนับสนุนให้การพัฒนาบุคลากรภาครัฐฯ ให้มีความรู้ด้านเกษตร อินทรีย์เพิ่มมาก 3.80 9. กระแสเกษตรอินทรีย์จากสื่อต่างๆ และจากผู้มีชื่อเสียงในสังคมช่วย กระตุ้นให้เกิดความต้องการการบริโภคเพิ่มขึ้น 3.80 10. มีนักลงทุน และผู้ประกอบการ รายใหม่ๆ เข้าสู่ห่วงโซ่สินค้าเกษตร อินทรีย์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3.60 11. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์มีการอธิบายข้อมูลโภชนาการและ คุณประโยชน์ของสินค้าเกษตรอินทรีย์อย่างชัดเจน 3.20 ปานกลาง 12. ผู้ประกอบการขาดการสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินค้า อินทรีย์ 3.20 13. ตลาดยังไม่ชัดเจน/ปริมาณผลผลิตน้อย/ต้นทุนการดูแลรักษาสูง และ แหล่งผลิตห่างไกลตลาดท าให้ผู้ผลิต/ผู้จ าหน่าย(Suppliers) มีอ านาจ ต่อรองด้านราคาค่อนข้างต่ า 2.60 ค่อนข้างน้อย ที่มา : จากการส ารวจ
201 ตารางผนวกที่ 16 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบตลาดเกี่ยวกับผลการด าเนินงานของตลาด ถั่วเหลืองอินทรีย์ (ต่อ) ประเด็นข้อค าถาม คะแนนเฉลี่ย ระดับ 1. ผู้บริโภคขาดความมั่นใจในสินค้าเกษตรอินทรีย์เนื่องจากไม่มั่นใจในการผลิต หรือ มีการปลอมปนสินค้า 2.60 ค่อนข้างน้อย 2. การขับเคลื่อนตลาดเกษตรอินทรีย์ของภาครัฐฯอาจไม่ต่อเนื่องหากมีการ เปลี่ยนแปลงรัฐบาล 2.40 3. ผู้ประกอบการขาดการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ 2.40 ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ถูกก าหนดราคาจากตลาดส่งออก 2.00 4. ผู้บริโภคไม่รู้จักสัญลักษณ์มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ประเภทต่างๆ 1.80 น้อย 5. จ านวนเจ้าหน้าที่ภาครัฐ/ภาคเอกชนที่ตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ใน ระดับพื้นที่มีไม่เพียงพอ 1.80 6. ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังขาดการรับรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ที่ถูกต้อง 1.60 ที่มา : จากการส ารวจ
202 ตารางผนวกที่ 17 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบตลาดเกี่ยวกับรูปแบบและช่องทางการจ าหน่าย ถั่วเหลืองอินทรีย์ ประเด็นข้อค าถาม คะแนน เฉลี่ย ระดับ 1. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายโดยใช้ระบบสารสนเทศด้วยตนเอง 4.20 ค่อนข้างมาก 2. ในแต่ละช่องทางการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์มีรูปแบบการจ าหน่ายที่หลากหลาย(ตลาด สมาชิก/จ าหน่ายตรง ตลาดนัดตลาดเฉพาะ ตลาดทั่วไป ตลาด Modern Tradeตลาดสด) 4.20 3. ภาครัฐสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยและพัฒนาตลาดสินค้าอินทรีย์เพิ่มช่องทางการจ าหน่าย สินค้าอินทรีย์มากขึ้น 4.00 4. ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ใช้ระบบออนไลน์ในการจัดจ าหน่าย ซึ่งสามารถลดต้นทุนการตลาด ลงได้มาก 4.00 5. สินค้าเกษตรอินทรีย์มีการจ าหน่ายบนระบบออนไลน์มากขึ้นท าให้ลดต้นทุนการตลาดลงได้มาก 4.00 6. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ส่วนใหญ่มีระบบการรักษาคุณภาพสินค้าอย่างดี เช่น ModernTrade 3.80 7. ระบบการคมนาคม ขนส่ง การสื่อสารไอทีและนวัตกรรมต่างๆ ท าให้สะดวกในการสั่งซื้อและจัด จ าหน่าย และสามารถลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่ 3.80 8. มีการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่หลากหลาย เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์นิตยสาร ป้ายโฆษณาฯลฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง 3.80 9. สินค้าเกษตรอินทรีย์มีบรรจุภัณฑ์และฉลากที่สวยงามดึงดูดใจผู้บริโภคและสะดวกต่อการใช้งาน 3.40 ปานกลาง 10. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ยังมีน้อย ท าให้มีผู้จ าหน่ายน้อยราย ส่งผลให้ไม่มีระบบ การกระจายสินค้าที่ดี/หาซื้อได้ยาก 2.80 11. ขาดการประชาสัมพันธ์ด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์เพื่อโน้มน้าวใจให้ผู้ซื้อหันมา บริโภคสินค้าอินทรีย์ 2.80 12. ผู้บริโภคทั่วไปเข้าถึงตลาดเกษตรอินทรีย์ได้ยาก เช่น ไม่รู้แหล่งจ าหน่าย ไม่รู้วิธีซื้อทาง ออนไลน์ 2.60 ค่อนข้างน้อย 13. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีช่องทางเชื่อมโยงการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์กับหน่วยงาน ภาครัฐ 2.40 14. ช่องทางการจ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ต้องอาศัยคนกลางเพื่อเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต และผู้บริโภค 2.40 15. ผู้บริโภคทั่วไปเข้าถึงตลาดเกษตรอินทรีย์ได้ยาก เช่น ไม่รู้แหล่งจ าหน่าย ไม่รู้ชื่อเว็บไซต์ และวิธีซื้อทางออนไลน์ ฯลฯ 2.00 16. ตลาด/สถานที่จ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ตั้งอยู่ห่างไกลแหล่งชุมชน 2.00 17. ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าทั่วไปทดแทนสินค้าอินทรีย์ได้ง่าย(Substitutes) เนื่องจาก มีจ าหน่ายทั่วไปภาพลักษณ์ภายนอกไม่แตกต่างกับสินค้าอินทรีย์และราคาถูกกว่า 1.80 น้อย ที่มา : จากการส ารวจ
203 ตารางผนวกที่ 18 ชนิด ปริมาณ และมูลค่าการผลิตผักอินทรีย์ ปี 2560 ชนิด สินค้า จังหวัด ปริมาณ (กก.) มูลค่า (บาท) ราคา (บาท/กก.) มาตรฐาน ผักสลัด ล าพูน อุตรดิตถ์ นครราชสีมา สิงห์บุรี นครปฐม 1,000 960 3,000 5,000 9,360 100,000 96,000 210,000 500,000 655,200 100 100 70 100 70 IFOAM, USDA, JAS IFOAM, USDA, JAS ระยะปรับเปลี่ยน ระยะปรับเปลี่ยน Organic Thailand คะน้า สุโขทัย พิษณุโลก กาฬสินธุ์ ลพบุรี เพชรบุรี 540 4,000 800 5,000 4,500 16,200 120,000 16,000 150,000 180,000 30 30 20 30 40 ระยะปรับเปลี่ยน Organic Thailand ระยะปรับเปลี่ยน Organic Thailand ระยะปรับเปลี่ยน ต้นหอม/ ผักชี กาฬสินธุ์ กาญจนบุรี อ านาจเจริญ 150 500 700 5,250 25,000 21,000 35 50 30 ระยะปรับเปลี่ยน PGS ระยะปรับเปลี่ยน ผักบุ้ง นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี เพชรบุรี 2,000 600 1,920 1,500 80,000 30,000 67,200 52,500 40 50 35 35 ระยะปรับเปลี่ยน Organic Thailand, IFOAM, USDA, JAS ระยะปรับเปลี่ยน ระยะปรับเปลี่ยน คึ่นช่าย ราชบุรี อ านาจเจริญ 300 500 15,000 20,000 50 40 ระยะปรับเปลี่ยน ระยะปรับเปลี่ยน ที่มา : จากการส ารวจ
204 ตารางผนวกที่ 19 เปรียบเทียบราคาระหว่างผักอินทรีย์กับผักทั่วไปที่เกษตรกรขายได้ในตลาดทั่วไป ชนิดผัก ราคาผักอินทรีย์ (บาท/กก.) ราคาผักทั่วไป (บาท/กก.) ผักสลัด คะน้า ต้นหอม/ผักชี ผักบุ้ง คึ่นช่าย 70-150 20-40 35-50 35-50 40-50 30-60 15-20 15-30 20-30 20-30 ที่มา : จากการส ารวจ ตารางผนวกที่ 20ราคาผักเปรียบเทียบระหว่างผักอินทรีย์กับผักทั่วไปที่เกษตรกรขายได้ในตลาด Modern Trade ชนิดผัก ราคาผักอินทรีย์ (บาท/กก.) ราคาผักทั่วไป (บาท/กก.) ผักสลัด คะน้า ต้นหอม/ผักชี ผักบุ้ง คึ่นช่าย 150-250 50-100 60-160 50-100 60-120 70-100 25-45 35-40 30-45 30-45 ที่มา : จากการส ารวจ
205 ตารางผนวกที่ 21 สถานที่จ าหน่าย ปริมาณ มูลค่าผักอินทรีย์ ชนิด สินค้า จังหวัด ปริมาณ (กก.) มูลค่า (บาท) แหล่งจ าหน่ายผักอินทรีย์ (ร้อยละ) แปลง/ ฟาร์ม จุด รวบรวม ตลาดนัด เฉพาะ ตลาดค้า ส่ง ตลาด Modern Trade ตลาด ออนไลน์ ผักสลัด ล าพูน อุตรดิตถ์ นครราชสีมา สิงห์บุรี นครปฐม 1,000 960 3,000 5,000 9,360 100,000 96,000 210,000 500,000 655,200 20 - - 50 - - 45 100 - 100 - 55 - 50 - - - - - - 20 - - - - 60 - - - - คะน้า สุโขทัย พิษณุโลก กาฬสินธุ์ ลพบุรี เพชรบุรี 540 4,000 800 5,000 4,500 16,200 120,000 16,000 150,000 180,000 5 50 - 70 - - - - - - 95 50 100 30 - - - - - 100 - - - - - - - - - - ต้นหอม /ผักชี กาฬสินธุ์ กาญจนบุรี อ านาจเจริญ 150 500 700 5,250 25,000 21,000 - 70 100 - 30 - 100 - - - - - - - - - - - ผักบุ้ง นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี เพชรบุรี 2,000 600 1,920 1,500 140,000 12,000 67,200 52,500 - - - - 100 - - 100 - 50 50 - - 50 50 - - - - - - - - - คึ่นช่าย ราชบุรี อ านาจเจริญ 300 500 30,000 20,000 - 100 20 - - - 50 - 20 - 10 - ที่มา : จากการส ารวจ
206 ตารางผนวกที่ 22 ค่าใช้จ่ายในการขนส่งผักอินทรีย์ ชนิด สินค้า จังหวัด ปริมาณ/ ครั้ง (กก.) จ านวน ครั้ง/ปี ระยะทาง ไป-กลับ (กม.) เวลา เดินทาง (ชม./ครั้ง) ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง/ครั้ง (บาท) รวม ค่าใช้จ่าย/ ปี (บาท) น้ ามัน จ้าง แรงงาน อาหาร/ เครื่องดื่ม ผักสลัด ล าพูน อุตรดิตถ์ นครราชสีมา สิงห์บุรี นครปฐม 50 3 70 10 30 40 288 6 48 144 140 20 5 20 50 2 0.50 0.25 1 1 500 100 50 100 120 300 - - - - 100 - - - - 36,000 28,800 300 4,800 17,280 คะน้า สุโขทัย พิษณุโลก กาฬสินธุ์ ลพบุรี เพชรบุรี 3 40 5 30 6 192 12 8 60 48 4 12 2 5 4 0.50 0.25 0.25 0.25 0.25 15 100 10 50 20 - - - - - - 250 250 - - 2,880 4,200 2,080 3,000 960 ต้นหอม/ ผักชี กาฬสินธุ์ กาญจนบุรี อ านาจเจริญ 20 9 150 8 96 6 2 6 4 0.25 0.50 0.50 10 80 50 - - - 250 - - 2,080 7,680 300 ผักบุ้ง นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี เพชรบุรี 300 30 20 20 10 2 48 96 5 12 2 4 0.25 0.50 0.50 0.34 50 50 50 30 - - - - - - - - 500 100 2,400 2,880 คึ่นช่าย ราชบุรี อ านาจเจริญ 5 15 48 48 20 14 1 0.50 100 100 - - - - 4,800 4,800 ที่มา : จากการส ารวจ
207 ตารางผนวกที่ 23 ต้นทุนค่าใช้จ่ายการตลาดผักอินทรีย์ปี 2561 ค่าใช้จ่ายการตลาด สหกรณ์ผัก ปลอดภัย ภูทับเบิก (เพชรบูรณ์) วิสาหกิจชุมชน ร้านค้าประชารัฐ และศูนย์กระจาย สินค้าเกษตร อินทรีย์แก่งเสี้ยน (กาญจนบุรี) วิสาหกิจชุมชน ผักอินทรีย์ แปลงใหญ่ นิคมเศรษฐกิจ พอเพียง (นครราชสีมา) บริษัท กสิกรรม ไร้สารพิษละโว้ ธานีจ ากัด (ลพบุรี) บ้านบุญรักษ์ (อุตรดิตถ์) ค่าสถานที่/ค่าเช่าแผง - 4,000 - - 3,840 ค่าดูแล/เก็บรักษา 36,000 55,000 2,000 - - ค่าแปรรูป - 5,000 - - - ค่าอุปกรณ์การขาย (โต๊ะ เก้าอี้ ตู้โชว์) - - - 50,000 - ค่าบรรจุภัณฑ์/ฉลาก 81,000 - 2,000 200,000 24,000 ค่าแรงงาน 96,000 109,500 - 216,000 - ค่าขนส่ง 20,338 200,750 - - - รวมค่าใช้จ่าย/ปี (บาท) 233,338 374,250 4,000 416,000 27,840 ที่มา : จากการส ารวจ ตารางผนวกที่ 24 ส่วนเหลื่อมการตลาดของราคาผักอินทรีย์ ล าดับที่ ชื่อผัก ราคาที่ เกษตรกรจ าหน่าย (บาท/กก.) ราคาทีผู้ประกอบการค้า จ าหน่าย(บาท/กก.) ราคาที่ ผู้บริโภคจ่าย (บาท/กก.) ส่วนเหลื่อม การตลาด (บาท/กก.) 1. ผักสลัด 70-150 100-120 150-250 80-100 2. คะน้า 20-40 50-70 50-100 30-60 3. ต้นหอม/ผักชี 35-50 50-70 60-160 25-110 4. ผักบุ้ง 35-50 50-70 50-100 15-50 5. คึ่นช่าย 40-50 50-80 60-120 20-70 ที่มา : จากการส ารวจ
208 ตารางผนวกที่ 25 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดผักอินทรีย์เกี่ยวกับด้านพฤติกรรม ตลาดผักอินทรีย์ ความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดและการแข่งขันของสินค้าเกษตรอินทรีย์ ประเด็นข้อค าถาม คะแนนเฉลี่ย ระดับ 1. สินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ 4.25 มาก 2. สินค้าเกษตรอินทรีย์มีความปลอดภัย รสชาติดี หวาน กรอบ เก็บรักษาไว้ได้นาน กว่าสินค้าปกติ 4.06 ค่อนข้างมาก 3. ราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล/สถานที่การวางจ าหน่ายสินค้า ฯลฯ 3.89 4. ราคาสินค้าเหมาะสมกับคุณภาพ 3.88 5. กระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักสุขภาพท าให้ความต้องการบริโภคสินค้าอินทรีย์เพิ่มขึ้น 3.83 6. กลุ่มผู้บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์มีแนวโน้มขยายตัวสูง 3.80 7. มีป้ายบอกราคาชัดเจน 3.76 8. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ท าให้ความต้องการบริโภคสินค้าสุขภาพ โดยเฉพาะสินค้า เกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น 3.74 9. มูลค่าการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์มีอัตราเพิ่มขึ้นในทุกปี 3.67 10. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถรักษาและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสินค้าอินทรีย์ 3.55 11. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถจัดหาและจ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ตรง ตามความต้องการของผู้บริโภค 3.52 12. ข้อตกลงการค้าแสรีท าให้สินค้าเกษตรอินทรีย์มีคู่แข่งในตลาดมาก การแข่งขัน ระหว่างธุรกิจสูงทั้งในและต่างประเทศ 3.47 13. การจัดวางสินค้าเกษตรอินทรีย์ในสถานที่จ าหน่ายไม่ถึงดูดใจให้เกิดการซื้อ 2.51 ค่อนข้างน้อย 14. ชนิดสินค้าเกษตรอินทรีย์ไม่หลากหลาย 2.34 15. ผู้ผลิตรายใหม่/คู่แข่ง (New Entry) เข้าระบบตลาดได้ยาก เนื่องจากต้องใช้ ระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนในการผลิตเกษตรอินทรีย์ 2.28 16. สินค้าเกษตรอินทรีย์ออกสู่ตลาดไม่สม่ าเสมอ 2.25 17. สินค้าเกษตรอินทรีย์ราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไปมาก โดยเฉพาะใน Modern Trade 2.21 18. สภาวะโลกร้อน โรคและศัตรู ส่งผลกระทบต่อปริมาณคุณภาพ และการเก็บรักษา สินค้าอินทรีย์ 1.81 ที่มา : จากการส ารวจ
209 ตารางผนวกที่ 26 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดผักอินทรีย์เกี่ยวกับด้านผลการด าเนินงาน ของตลาดพืชผักอินทรีย์ ประเด็นข้อค าถาม คะแนนเฉลี่ย ระดับ 1. สินค้าเกษตรอินทรีย์มีการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 4.10 ค่อนข้างมาก 2. กระแสเกษตรอินทรีย์จากสื่อต่างๆ และจากผู้มีชื่อเสียงในสังคมช่วยกระตุ้นให้ เกิดความต้องการการบริโภคเพิ่มขึ้น 3.67 3. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ระดับจังหวัดได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น ตลาด เกษตรกร ตลาดสีเขียว 3.64 4. ยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์ ปี 2560-2564 ให้ความส าคัญในการเพิ่มการบริโภค สินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศมากขึ้น 3.58 5. ยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์ของประเทศไทย ปี 2560-2564 ได้ให้ความสาคัญใน ด้านการตลาดเป็น 1 ใน 4 ยุทธศาสตร์ที่ต้องขับเคลื่อน 3.58 6. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายโดยใช้ระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศด้วยตนเอง 3.57 7. ภาครัฐให้ความส าคัญในการสนับสนุนเกษตรอินทรีย์วิถีพื้นบ้านมากขึ้น 3.56 8. ภาครัฐสนับสนุนให้การพัฒนาบุคลากรภาครัฐฯ ให้มีความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ เพิ่มมากขึ้น 3.56 9. ภาครัฐให้ความสาคัญต่อการพัฒนาเกษตรอินทรีย์และสนับสนุนให้เกิดการรับรู้ นโยบายพัฒนาเกษตรอินทรีย์ โดยการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ผลิตและบริโภครับรู้ และเข้าใจประโยชน์ของการผลิตและการบริโภคอินทรีย์ได้อย่างถูกต้องมากขึ้น 3.55 10. ภาครัฐให้การสนับสนุนการจัดท ามาตรฐานเกษตรอินทรีย์แก่เกษตรกรที่ชัดเจน มีความน่าเชื่อถือและไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ 3.51 11. มีนักลงทุน และผู้ประกอบการ รายใหม่ๆ เข้าสู่ห่วงโซ่สินค้าเกษตรอินทรีย์มาก ขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3.49 12. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์มีการอธิบายข้อมูลโภชนาการและคุณประโยชน์ของ สินค้าเกษตรอินทรีย์อย่างชัดเจน 3.43 13. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ถูกก าหนดราคาจากตลาดส่งออก 3.41 14. ผู้ประกอบการขาดการสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินค้าอินทรีย์ 2.72 ปานกลาง 15. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ไม่มีระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเพื่อสร้างความ มั่นใจให้ผู้บริโภค 2.58 16. ผู้ประกอบการขาดการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ 2.41 ค่อนข้างน้อย 17. การขับเคลื่อนตลาดเกษตรอินทรีย์ของภาครัฐฯอาจไม่ต่อเนื่องหากมีการ เปลี่ยนแปลงรัฐบาล 2.29 ที่มา : จากการส ารวจ
210 ตารางผนวกที่ 26 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดผักอินทรีย์เกี่ยวกับด้านผลการด าเนินงาน ของตลาดพืชผักอินทรีย์ (ต่อ) ประเด็นข้อค าถาม คะแนน เฉลี่ย ระดับ 1. จ านวนเจ้าหน้าที่ภาครัฐ/ภาคเอกชนที่ตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ใน ระดับพื้นที่มีไม่เพียงพอ 2.14 ค่อนข้างน้อย 2. ผู้บริโภคขาดความมั่นใจในสินค้าเกษตรอินทรีย์เนื่องจากไม่มั่นใจในการผลิต หรือ มีการปลอมปนสินค้า 2.02 3. ตลาดยังไม่ชัดเจน ปริมาณผลผลิตน้อย/ต้นทุนการดูแลรักษาสูง และแหล่งผลิต ห่างไกลตลาดท าให้ผู้ผลิต ผู้ขาย(Suppliers)มีอานาจต่อรองด้านราคาค่อนข้างต่ า 2.00 4. ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังขาดการรับรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ที่ถูกต้อง 1.84 5. ผู้บริโภคไม่รู้จักสัญลักษณ์มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ประเภทต่างๆ 1.82 ที่มา : จากการค านวณ ตารางผนวกที่ 27 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดผักอินทรีย์เกี่ยวกับด้านรูปแบบ และช่องทางการจ าหน่ายพืชผักอินทรีย์ ประเด็นข้อค าถาม คะแนนเฉลี่ย ระดับ 1. ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ใช้ระบบออนไลน์ในการจัดจ าหน่าย ซึ่งสามารถลดต้นทุน การตลาดลงได้มาก 3.74 ค่อนข้างมาก 2. ในแต่ละช่องทางการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์มีรูปแบบการจ าหน่ายที่ หลากหลาย (ตลาดสมาชิก/ขายตรง ตลาดนัดตลาดเฉพาะ ตลาดทั่วไป ตลาด Modern Trade ตลาดสด) 3.66 3. มีการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่หลากหลาย เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ป้ายโฆษณาฯลฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคอย่าง ต่อเนื่อง 3.60 4. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ส่วนใหญ่มีระบบการรักษาคุณภาพสินค้าอย่างดี เช่น ใน Modern Trade 3.58 5. ผู้ประกอบการใช้เทคโนโลยีในการจัดหาและบริหารจัดการสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพื่อลดขั้นตอนและเวลาการจ าหน่าย 3.57 6. ภาครัฐสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยและพัฒนาตลาดสินค้าอินทรีย์เพิ่มช่อง ทางการจ าหน่ายสินค้าอินทรีย์มากขึ้น 3.55 7. ระบบการคมนาคม ขนส่ง การสื่อสารไอทีและนวัตกรรมต่างๆ ท าให้สะดวกใน การสั่งซื้อและจัดจ าหน่าย และสามารถลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่ 3.53 8. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ส่วนใหญ่เป็นตลาดส่งออก 3.47 ที่มา : จากการส ารวจ
211 ตารางผนวกที่ 27 ทัศนคติของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดผักอินทรีย์เกี่ยวกับด้านรูปแบบ และช่องทางการจ าหน่ายพืชผักอินทรีย์(ต่อ) ประเด็นข้อค าถาม คะแนนเฉลี่ย ระดับ 1. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีช่องทางเชื่อมโยงการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ กับหน่วยงานภาครัฐ 3.23 ปานกลาง 2. ช่องทางการจ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ต้องอาศัยคนกลางเพื่อเชื่อมโยง ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค 2.46 ค่อนข้างน้อย 3. ตลาด/สถานที่จ าหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ตั้งอยู่ห่างไกลแหล่งชุมชน 2.41 4. ขาดการประชาสัมพันธ์ด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์เพื่อโน้มน้าวใจ ให้ผู้ซื้อหันมาบริโภคสินค้าอินทรีย์ 2.05 5. ผู้บริโภคทั่วไปเข้าถึงตลาดเกษตรอินทรีย์ได้ยาก เช่น ไม่รู้แหล่งจ าหน่าย ไม่ รู้ชื่อเว็บไซต์วิธีซื้อทางออนไลน์ฯลฯ 2.03 6. ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ยังมีน้อย ท าให้มีผู้ขายน้อยราย ส่งผลให้ไม่มี ระบบการกระจายสินค้าที่ดี/หาซื้อได้ยาก 1.89 7. ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าทั่วไปทดแทนสินค้าอินทรีย์ได้ง่าย (Substitutes) เนื่องจากมีขายทั่วไปภาพลักษณ์ภายนอกไม่แตกต่างกับ สินค้าอินทรีย์และราคาถูกกว่า 1.83 ที่มา : จากการส ารวจ