แผนการจัดการเรียนรู้ รหัสวิชา ส22103 วิชาประวัติศสตร์ 3 กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี นายคณาธิปผิวบุญเรือง รหัสประจำตัวนักศึกษา ๖๓๐๔๐๑๑๐๑01 สาขาวิชาสังคมศึกษา การฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ รหัสวิชา ED๑๘๕๐๑ (INTERNSHIP IN SCHOOL ๑) คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖
แผนการจัดการเรียนรู้ รหัสวิชา ส22103 วิชาประวัติศษสตร์3 กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี นายคณาธิป ผิวบุญเรือง รหัสประจำตัวนักศึกษา ๖๓๐๔๐๑๑๐๑01 สาขาวิชาสังคมศึกษา การฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ รหัสวิชา ED๑๘๕๐๑ (INTERNSHIP IN SCHOOL ๑) คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๑. ทำไมต้องเรียนสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ศาสนาและวัฒนธรรมกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ช่วยให้ผู้เรียนมีการ ดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งในฐานะปัจเจกบุคคลและการอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การ จัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเข้าใจถึงการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยกาลเวลาตามเหตุปัจจัยต่าง ๆ เกิดความเข้าใจในตนเองและผู้อื่นมีความอดทนอดกลั้นยอมรับในความแตกต่างและมีคุณธรรม สามารถนำ ความรู้ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติและสังคมโลก ๒. เรียนรู้อะไรในสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ว่าด้วยการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความเชื่อม สัมพันธ์กันและมีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย เพื่อช่วยให้สามารถปรับตนเองกับบริบทสภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มีความรู้ ทักษะคุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสม โดยได้กำหนดสาระต่าง ๆ ไว้ดังนี้ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับศาสนาศีลธรรมจริยธรรมหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือการนำหลักธรรมคำสอนไปปฏิบัติในการพัฒนาตนเองและการอยู่ ร่วมกันอย่างสันติสุขเป็นผู้กระทำความดีมีค่านิยมที่ดีงามพัฒนาตนเองอยู่เสมอรวมทั้งบำเพ็ญประโยชน์ต่อ สังคมและส่วนรวม หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม ระบบการเมืองการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขลักษณะและความสำคัญการเป็นพลเมืองดีความแตกต่าง และความหลากหลายทางวัฒนธรรม ค่านิยมความเชื่อปลูกฝังค่านิยมด้านประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขชีวิตอย่างสันติสุขในสังคมไทย เศรษฐศาสตร์การผลิตการแจกจ่ายและการบริโภคสินค้าและบริการการบริหารจัดการทรัพยากรที่มี อยู่อย่างจำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ การดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพและการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ใน ชีวิตประจำวัน ประวัติศาสตร์เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์วิธีการทางประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติจากอดีต ถึงปัจจุบันความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์สำคัญในอดีต บุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในอดีตความเป็นมาของชาติไทยวัฒนธรรมและภูมิปัญญา ไทย แหล่งอารยธรรมที่สำคัญของโลก ๆ ภูมิศาสตร์ลักษณะกายภาพของโลกแหล่งทรัพยากรและภูมิอากาศของประเทศไทยและภูมิภาค ต่างๆ ของโลก การใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ความสัมพันธ์ในระบบธรรมชาต ิความสัมพันธ์ของ มนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นการนำเสนอข้อมูลภูมิสารสนเทศ การอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
๓. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้และเข้าใจประวัติความสำคัญศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนา ที่ตนนับถือและศาสนาอื่นมีศรัทธาที่ถูกต้องยึดมั่น และปฏิบัติตามหลักธรรม เพื่อ อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มาตรฐาน ส ๑.๒ เข้าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดีและธำรงรักษาพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ สาระที่ ๒ หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม มาตรฐาน ส ๒.๑ เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดีมีค่านิยมที่ดีงาม และธำรง รักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลก อย่างสันติสุข มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยึดมั่น ศรัทธา และธำรงรักษาไว้ ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ ทรัพยากรที่มีจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ารวมทั้งเข้าใจหลักการของ เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ มาตรฐาน ส ๓.๒ เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และความ จำเป็นของการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในสังคมโลก สาระที่ ๔ ประวัติศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์สามารถใช้ วิธีการทางประวัติศาสตร์วิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบันในด้านความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ตระหนักถึงความสำคัญ และสามารถ วิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้น มาตรฐาน ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธำรงความเป็นไทย สาระที่ ๕ ภูมิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซึ่งมีผลต่อกัน ใช้ แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์และสรุปข้อมูล ตลอด จนใช้ภูมิสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิดการ
สร้างสรรค์วิถีการดำเนินชีวิต มีจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรและ สิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สาระที่ 4 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส 4.๑ เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการ ทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์หตุการต่างๆ อย่างเป็นระบบ
คำอธิบายรายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รหัสวิชา ส๒2๑๐3ประวัติศาสตร์ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เวลา 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ เวลา 20 ชั่วโมง/ภาคเรียน ___________________________________________________________________________
โครงสร้างหลักสูตรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โครงสร้างการเรียนรู้ รายวิชาประวัติศาสตร์ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี รายวิชา ประวัติศาสตร์ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จำนวน 20 ชั่วโมง/ภาคเรียน โครงสร้างรายวิชา วิชาประวัติศาสตร์ ม.2 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 20 ชั่วโมง ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 1 ความสำคัญของ หลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ ส 4.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านการ วิเคราะห์ด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์ จะทำให้ผลการศึกษามีความถูกต้องและ น่าเชื่อถือ 5 15 2 พัฒนาการของ อาณาจักรอยุธยา ส 4.3 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 พัฒนาการของอาณาจักรอยุธยามีปัจจัย สำคัญที่ส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของ อาณาจักร ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของ สมัยอยุธยายังมีอิทธิพลต่อการพัฒนา ชาติไทยในยุคต่อมา 10 20 3 พัฒนาการของ อาณาจักรธนบุรี ส 4.3 ม.2/1 ม.2/3 พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรีมีปัจจัย สำคัญที่ส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของ อาณาจักร ภูมิปัญญาและวัฒนธรรม ของสมัยธนบุรียังมีอิทธิพลต่อการ พัฒนา ชาติไทยในยุคต่อมา 5 15 รวม 20 50 สอบกลางภาค 1 20 สอบปลายภาค 1 30
การวิเคราะห์ตัวชี้วัดเพื่อกำหนดน้ำหนักคะแนน ลำดับ ที่ ตัวชี้วัด ลำดับชั่วโมงที่สอน จำนวนชั่วโมงที่สอน คะแนนตัวชี้วัด คะแนนเก็บ ด้านความรู้ ( K) ด้านทักษะ ( P) คุณลักษณะ ( A) กลางภาค ปลายภาค ๑ ส 4.1 ม.2/1 - 3 1 - 5 5 15 5 5 5 ๒ ส 4.3 ม.2/1 - 3 6 - 15 10 20 7 7 6 3 สอบกลางภาค 31 1 20 - - - 20 4 ส 4.3 ม.1/1 ม.2/3 15 - 20 5 15 5 5 5 - - 5 สอบปลายภาค 20 1 30 - - - - 30 รวม 20 20 100 17 17 16 20 30
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ สาระการเรียนรู้ที่ ๔ ประวัติศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ความสำคัญของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เวลาเรียน ๕ ชั่วโมง เรื่องที่ ๑ วิธีการทางประวัติศาสตร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง วัน____เดือน________พ.ศ.____ ครูผู้สอน นายคณาธิป ผิวบุญเรือง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ตัวชี้วัด ส ๔.๑ ม.๒/๑ ประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในลักษณะต่างๆ ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรียนสามารถอธิบายวิธีการทางประวัติศาสตร์แต่ละขั้นตอนได้(K) ๒. นักเรียนสามารถอภิปรายเกี่ยวกับวิธีการทางประวัติศาสตร์ได้(P) ๓. นักเรียนตระหนักถึง ความสำคัญของวิธีการทางประวัติศาสตร์(A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์/สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๓.๑ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการทำงาน ๓.๒ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๔. สาระสำคัญ ประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นผู้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ต้องอาศัยวิธีการทาง ประวัติศาสตร์มาอธิบายเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อย่างรอบคอบ มีเหตุผล
๕. สาระการเรียนรู้ วิธีการประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในลักษณะต่างๆ อย่างง่ายๆ เช่น การศึกษา ภูมิหลังของผู้ทำ หรือผู้เกี่ยวข้องสาเหตุ ช่วงระยะเวลา รูปลักษณ์ของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น ๖. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้(วิธีสอนแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคการแบ่งปันความสำเร็จ) ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูสุ่มเรียกนักเรียนมาจับบัตรคำกรณีตัวอย่างขั้นตอนทางประวัติศาสตร์แล้วอ่านให้เพื่อนฟัง 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า เป็นวิธีการทางประวัติศาสตร์ขั้นตอนใด และวิธีการ ทางประวัติศาสตร์ในแต่ละขั้นตอนเป็นอย่างไร 3. ครูและนักเรียนร่วมกันเรียงลำดับขั้นตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์ให้ถูกต้อง 4. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด เช่น 1. ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือเรื่องราวในอดีต เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ (แนวคำตอบ : ได้ ถ้าพบหลักฐานที่เชื่อถือได้มาหักล้างข้อมูลเดิม) ขั้นที่ 2 กิจกรรมเรียนรู้ 5. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน แล้วให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง วิธีการทาง ประวัติศาสตร์ และสรุปความรู้ที่ได้ลงในแบบบันทึกการอ่าน 6. ครูชี้แจงให้นักเรียนทุกคนคำนึงถึงความสำเร็จของกลุ่ม โดยอาศัยความร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกัน และกัน นักเรียนที่เก่งต้องช่วยเหลือนักเรียนที่อ่อนหรือเรียนช้ากว่า 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายความรู้ที่ได้จากการศึกษาจนทุกคนมีความเข้าใจชัดเจนตรงกัน 8. ครูแจกแบบทดสอบให้นักเรียนแต่ละคน พร้อมทั้งกำหนดเวลา ในการทำไม่เกิน 10 นาที 9. ครูเฉลยคำตอบ และให้นักเรียนนำคะแนนของสมาชิกทุกคนมารวมกันเป็นคะแนนของกลุ่ม จากนั้นครูประกาศชมเชยกลุ่มที่มีคะแนนสูงสุด เพื่อเสริมกำลังใจ 10. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด ข้อ 1-2 เช่น ๑. ความน่าเชื่อถือในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ อยู่ในขั้นตอนใดของวิธีการทางประวัติศาสตร์ (แนวคำตอบ : ขั้นประเมินคุณค่าของหลักฐานทางประวัติศาสตร์) ๒. นักเรียนคิดว่า วิธีการทางประวัติศาสตร์สามารถสลับขั้นตอนได้หรือไม่ (แนวคำตอบ : พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขั้นที่ 3 สรุป 11. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง วิธีการทางประวัติศาสตร์
๗. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๗.๑ สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ประวัติศาสตร์ ม.2 2. บัตรคำ 3. แบบทดสอบ เรื่อง วิธีการทางประวัติศาสตร์ ๗.๒ แหล่งการเรียนรู้ 1. ห้องสมุดโรงเรียน 2. ห้องสมุดโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ๘. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถ อธิบายวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ แต่ละขั้นตอนได้(K) แบบทดสอบเรื่องวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ ตรวจแบบทดสอบเรื่องวิธีการ ทางประวัติศาสตร์ ร้อยละ 70 ผ่าน เกณฑ์ ๒. นักเรียนสามารถ อภิปรายเกี่ยวกับวิธีการ ทางประวัติศาสตร์ได้(P) แบบประเมินพฤติกรรม กลุ่ม ประเมินพฤติกรรมกลุ่ม ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนตระหนักถึง ความสำคัญ เรื่องประเภทของ หลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ (A) แบบประเมินพฤติกรรมใน การทำงานรายบุคคล ประเมินพฤติกรรมในการทำงาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
๙. บันทึกผลหลังสอน ๙.1 ปัญหาที่เกิดขึ้น ..……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………..….……………………………………………………………………………………………………………………………………… ๙.2 วิธีการแก้ปัญหา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๙.3 ผลการแก้ปัญหา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………..…………………………ครูผู้สอน (นายคณาธิป ผิวบุญเรือง) ….……./……….…./……….. ๑0. ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………ครูพี่เลี้ยง (นางสาวยุพิน จักรทองดี) ………./…….……./………... ๑๑. ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………… (นางสาวยุพิน จักรทองดี) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ………./……..……./………..
๑๒. ความคิดเห็นของผู้บริหาร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………… ( ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดวงสมร กิจโกศล ) รองผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ………./……..……./………..
บัตรคำกรณีตัวอย่าง 1. พระราชประวัติของรัชกาลที่ 4 เพื่ออธิบายว่า เพราะเหตุใดรัชกาลที่ 4 จึงทรงมีแนวคิดที่จะ ปรับปรุง บ้านเมือง 5. การนำเสนอเรื่องการปรับปรุงบ้านเมืองในสมัยรัชกาล ที่ 4 โดยแยกเป็นหัวข้อย่อย 2. ภาพอาคารแบบตะวันตก (พระที่นั่งอนันตสมาคม) 6. ประชุมประกาศรัชกาลที่ 4 เงินปี้จีน ปีชวด ทำถนน “...มีพระบรมราชโองการให้ประกาศแก่จีนทั้งปวง ซึ่งต้องเสียเงินผูกปี้ เข้ามาช่วยราชการแผ่นดิน ทั้งปวงให้ทราบว่า เงินผูกปี้รายระกา ตรีศกนั้นได้จ่าย ทำถนนเจริญกรุง แลถนนหลวงใหญ่ ตลอดลงไป สำเพ็ง และคอกกระบือ แลออกไปกลางทุ่งทาง คลองตรง เป็นทางขึ้นได้แล้ว ยังแต่จะต้องจัดซื้อ ซายกรวดเพิ่มเติมให้ทางแข็งดีขึ้น...” 3. ประกาศใช้ “พระราชกำหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ ร.ศ. 116” ขึ้น โดยสุขาภิบาลนี้จะทำหน้าที่ทำลาย ขยะมูลฝอยจัดเก็บของเสียจากการขับถ่ายของ ประชาชนทั่วไป จัดการห้ามมิให้ต่อไปภายหน้ามีการ ปลูกสร้างหรือซ่อมโรงเรือนที่จะเป็นเหตุให้เกิดโรค หรือขนย้ายสิ่งของโสโครก และสิ่งรำคาญของมหาชน ให้พ้นไปเสีย 7. การจัดนิทรรศการเรื่องการปรับปรุงบ้านเมืองในสมัย รัชกาลที่ 4 4. หนังสือเรื่องประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์เล่ม 2 รัชกาลที่ 4 - พ.ศ. 2475 (พ.ศ. 2525) กรม ศิลปากรจัดพิมพ์เผยแพร่ เนื่องในการสมโภชกรุง รัตนโกสินทร์ 200 ปี 8. การปรับปรุงบ้านเมืองในสมัยรัชกาลที่ 4
เฉลย ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ วิธีการทางประวัติศาสตร์ บัตรคำกรณีตัวอย่างขั้นตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์ 1. กำหนดหัวเรื่องที่จะศึกษา 8. การปรับปรุงบ้านเมืองสมัยรัชกาลที่ 4 2. การรวบรวมหลักฐาน 2. ภาพอาคารแบบตะวันตก (พระที่นั่งอนันตสมาคม) 3. ประกาศใช้ “พระราชกำหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ ร.ศ. 116” 4. หนังสือเรื่องประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์เล่ม 2 รัชกาลที่ 4 - พ.ศ. 2475 (พ.ศ. 2525) กรมศิลปากรจัดพิมพ์ 6. ประชุมประกาศรัชกาลที่ 4 เงินปี้จีน ปีชวดทำถนน 3. การประเมินคุณค่าของหลักฐาน 4. หนังสือเรื่องประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์เล่ม 2 รัชกาลที่ 4 - พ.ศ. 2475 (พ.ศ. 2525) กรมศิลปากรจัดพิมพ์ 6. ประชุมประกาศรัชกาลที่ 4 เงินปี้จีน ปีชวดทำถนน 4. การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการจัด หมวดหมู่ข้อมูล 6. ประชุมประกาศรัชกาลที่ 4 เงินปี้จีน ปีชวดทำถนน 4. หนังสือเรื่องประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์เล่ม 2 รัชกาลที่ 4 - พ.ศ. 2475 (พ.ศ. 2525) กรมศิลปากรจัดพิมพ์ 5. การเรียบเรียงหรือการนำเสนอ 1. พระราชประวัติของรัชกาลที่ 4 เพื่ออธิบายว่า เพราะเหตุใด รัชกาลที่ 4 จึง ทรงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงบ้านเมือง 5. การนำเสนอเรื่องการปรับปรุงบ้านเมืองในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยแยกเป็นหัวข้อย่อย 7. การจัดนิทรรศการการปรับปรุงบ้านเมืองในสมัยรัชกาลที่ 4
แบบทดสอบ เรื่อง วิธีการทางประวัติศาสตร์ คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. การศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์โดยอาศัยหลักฐาน ต่างๆ เพื่อให้เข้าใจเรื่องราวในอดีตได้อย่างชัดเจน เป็นข้อความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร ก. ความสำคัญของการเรียนประวัติศาสตร์ ข. ความหมายของประวัติศาสตร์ ค. วิธีการทางประวัติศาสตร์ ง. คุณค่าของประวัติศาสตร์ 2. “ใครคือแม่ทัพสำคัญของอยุธยาในคราวเสียกรุงครั้งที่ 2” เป็นขั้นตอนใดของวิธีการทางประวัติศาสตร์ ก. การกำหนดหัวเรื่องที่จะศึกษา ข. การเรียบเรียงหรือการนำเสนอ ค. การตรวจสอบหลักฐาน ง. การรวบรวมหลักฐาน 3. การศึกษาผลงานวิจัยที่มีข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นขั้นตอนใดของ วิธีการทางประวัติศาสตร์ ก. การตรวจสอบ ประเมินความถูกต้องของข้อมูล ข. การตรวจสอบข้อมูลและหลักฐาน ค. การรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน ง. การตีความและจัดลำดับข้อมูล 4. แหล่งที่มาของหัวข้อเรื่องที่จะศึกษาข้อใดไม่ถูกต้อง ก. ความอยากรู้อยากเห็น ข. ความสงสัยในความรู้เดิมที่มี ค. เลือกตามคำแนะนำของเพื่อน ง. ตามหัวข้อที่เคยมีคนศึกษาอยู่แล้ว 5. การนำเสนอเรื่องราวที่มีการตีความประเมินคุณค่า หลักฐานแล้วนำมาเรียบเรียงต่อกันอย่างเป็นเหตุ เป็นผล รวมทั้งมีการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลด้วย เป็นขั้นตอนใดของวิธีการทางประวัติศาสตร์ ก. รวบรวมข้อมูล ข. ตรวจสอบข้อมูล ค. จัดหมวดหมู่ ง. สรุปผลการดำเนินงาน 6. วิธีการใดที่เป็นการนำเสนอข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ก. การวิเคราะห์และการสังเคราะห์ ข. การรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ ค. การรวบรวมหลักฐานและการตีความ ง. การจัดหมวดหมู่ข้อมูลและการสังเคราะห์ 7. ขั้นตอนใดเป็นขั้นตอนสุดท้ายและสำคัญที่สุดในวิธีการ ทางประวัติศาสตร์ ก. การนำเสนอข้อมูล ข. การรวบรวมหลักฐาน ค. การประเมินคุณค่าของหลักฐาน ง. การวิเคราะห์และการสังเคราะห์ 8. วิธีการทางประวัติศาสตร์ในขั้นตอนใดถ้าผิดพลาดจะทำ ให้ขาดความน่าเชื่อถือได้ ก. การนำเสนอข้อมูล ข. การรวบรวมหลักฐาน ค. การประเมินคุณค่าของหลักฐาน ง. การวิเคราะห์และการสังเคราะห์ 9. ข้อใดกล่าวถึงขั้นตอนการวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์ ที่ถูกต้อง ก. นำเสนอข้อมูล ข. ประเมินคุณค่าของหลักฐาน ค. จำแนกแยกแยะข้อมูล ง. แสวงหาข้อเท็จจริงจากหลักฐานที่หลากหลาย 10. การสังเคราะห์ข้อมูลตามวิธีการทางประวัติศาสตร์จะต้อง ทำสิ่งใดต่อไปนี้ ก. อ่านหลักฐานชั้นรอง ข. วิเคราะห์หลักฐานให้ข้อมูลอะไรบ้าง ค. วิเคราะห์คุณค่าของหลักฐานที่นำไปศึกษา ง. เรียบเรียงหลักฐานให้เป็นเรื่องเป็นราว เฉลย 1. ค 2. ก 3. ค 4. ง 5. ง 6. ก 7. ก 8. ค 9. ค 10.ง
แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับ การ ประเมิน ความตั้งใจ ในการทำงาน ความ รับผิดชอบ การตรงต่อเวลา ความสะอาด เรียบร้อย ผลสำเร็จ ของ งาน รวม 20 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ชื่อกลุ่ม ชั้น คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 การแบ่งหน้าที่กันอย่างเหมาะสม 2 ความร่วมมือกันทำงาน 3 การแสดงความคิดเห็น 4 การรับฟังความคิดเห็น 5 ความมีน้ำใจช่วยเหลือกัน รวม ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดัสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต ่ากว่า 10 ปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สาระการเรียนรู้ที่ 4 ประวัติศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความสำคัญของหลักฐานทางประวัติศาตร์ เวลาเรียน 5 ชั่วโมง เรื่องที่ 2 หลักฐานทางประวัติศาสตร์ เวลาเรียน 1 ชั่วโมง วัน____เดือน________พ.ศ.____ ครูผู้สอน นายคณาธิป ผิวบุญเรือง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ตัวชี้วัด ส 4.1 ม.2/1 ประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในลักษณะต่างๆ ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรียนสามารถอธิบายหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ (K) ๒. นักเรียนสามารถปฏิบัติงานเรื่อง ประเภทของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้(P) ๓. นักเรียนตั้งใจฟังเรื่อง ประเภทของหลักฐานทางประวัติศาสตร์(A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์/สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๓.๑ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓.๒ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔. สาระสำคัญ หลักฐานทางประวัติศาสตร์มีความสำคัญในขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์เพราะจะทำให้ได้งาน เขียนทางประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ และเป็นประโยชน์ทางวิชาการต่อไป
๕. สาระการเรียนรู้ วิธีการประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในลักษณะต่างๆ อย่างง่ายๆ เช่น การศึกษา ภูมิหลังของผู้ทำหรือผู้เกี่ยวข้อง สาเหตุช่วงระยะเวลา รูปลักษณ์ของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น ๖. กิจกรรมการเรียนรู้(วิธีสอนโดยใช้ บทเรียนสำเร็จรูป) ขั้นที่ 1 เตรียมการ 1. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียนตามความเหมาะสม 2. ครูแจกบัตรภาพหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้นักเรียน กลุ่มละ 5 ใบ แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ปรึกษาหารือและจำแนกประเภทของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ออกเป็นกลุ่มให้ถูกต้องและใช้เวลาน้อย ที่สุด โดยจำแนกตามหัวข้อต่อไปนี้ - หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร - หลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร 3. ครูกล่าวชมเชยกลุ่มที่ใช้เวลาน้อยที่สุดและเรียงถูกต้อง เพื่อประเมินความรู้เดิมของนักเรียน 4. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด เช่น 1. การค้นหาความจริงจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์จะทำได้อย่างไร (แนวคำตอบ : พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ใน ดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขั้นที่ 2 นำเข้าสู่บทเรียน 5. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 6. ครูแจกบทเรียนสำเร็จรูปให้นักเรียน คนละ 1 ชุด แล้วอธิบายให้นักเรียนเข้าใจวิธีการเรียนด้วยบทเรียน สำเร็จรูปโดยให้นักเรียนปฏิบัติตามคำสั่งในบทเรียนสำเร็จรูปอย่างเคร่งครัด 7. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด เช่น - หลักฐานทางประวัติศาสตร์มีความสำคัญอย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ใน ดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขั้นที่ 3 กิจกรรมการเรียนรู้ 8. นักเรียนแต่ละคนศึกษาความรู้ และตอบคำถามในบทเรียนสำเร็จรูป โดยครูกำหนดเวลาในการศึกษา ประมาณ 20 นาทีหรือตามความเหมาะสม 9. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด เช่น - ปัญหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในประเทศไทย คืออะไร (แนวคำตอบ : ขาดแคลนหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร) ขั้นที่ 4 สรุป 10. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ 11. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด เช่น - ปัญหาและอุปสรรคในการศึกษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ประเภทลายลักษณ์อักษรในประเทศไทย คืออะไร (แนวคำตอบ : พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ใน ดุลยพินิจของครูผู้สอน)
ขั้นที่ 5 ประเมินผล 12. ครูประเมินผลการเรียนของนักเรียนแต่ละคนโดยการตรวจคำตอบในบทเรียนสำเร็จรูป 13. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้น เช่น - ความคิดในยุคข้อมูลข่าวสาร นักเรียนจะนำความรู้เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์มาใช้ใน ชีวิตประจำวันได้อย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ใน ดุลยพินิจของครูผู้สอน) ๗. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๗.๑ สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ประวัติศาสตร์ ม.2 2. บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ 3. แบบทดสอบ เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ 4. บัตรภาพ ๗.๒ แหล่งการเรียนรู้ ๑. ห้องสมุดโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ๒. ห้องสมุดมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ๘. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถอธิบาย หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ได้ (K) บทเรียนสำเร็จรูป ตรวจบทเรียนสำเร็จรูป ร้อยละ 60 ผ่าน เกณฑ์ 2. นักเรียนสามารถ ปฏิบัติงาน เรื่อง ประเภท ของหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ได้(P) แบบประเมินพฤติกรรมใน การทำงานรายบุคคลแล กลุ่ม ประเมินพฤติกรรมในการทำงาน เป็นรายบุคคลและกลุ่ม ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ๓. นักเรียนตั้งใจฟังเรื่อง ประเภทของหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์(A) แบบประเมินพฤติกรรมใน การทำงานรายบุคคล ประเมินพฤติกรรมในการทำงาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
๙. บันทึกผลหลังสอน ๙.1 ปัญหาที่เกิดขึ้น ..……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………..….……………………………………………………………………………………………………………………………………… ๙.2 วิธีการแก้ปัญหา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๙.3 ผลการแก้ปัญหา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………..…………………………ครูผู้สอน (นายคณาธิป ผิวบุญเรือง) ….……./……….…./……….. ๑0. ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………ครูพี่เลี้ยง (นางสาวยุพิน จักรทองดี) ………./…….……./………... ๑๑. ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………… (นางสาวยุพิน จักรทองดี) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ………./……..……./………..
๑๒. ความคิดเห็นของผู้บริหาร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………… ( ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดวงสมร กิจโกศล ) รองผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ………./……..……./………..
บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ คำชี้แจง 1. ให้นักเรียนอ่านและศึกษาทำความเข้าใจเนื้อหาในแต่ละกรอบตามลำดับ ห้ามศึกษาข้ามกรอบเป็นอันขาด 2. ตอบคำถามในแต่ละกรอบในกระดาษที่ครูแจกให้ โดยห้ามดูเฉลยคำตอบหรือลอกคำตอบของเพื่อนเด็ดขาด 3. เมื่อนักเรียนตอบคำถามเสร็จแล้วให้ดูเฉลยในตอนท้ายของแต่ละกรอบ เนื้อหากรอบที่ 1 หลักฐานทางประวัติศาสตร์ หมายถึง ร่องรอยของสิ่งที่ มนุษย์ประดิษฐ์ สร้างสรรค์ รวมทั้งร่องรอยของพฤติกรรมที่ เกิดขึ้นในอดีต และเหลือตกค้างมาถึงปัจจุบัน ซึ่งสามารถใช้เป็น เครื่องนำทางในการศึกษา สืบค้น แสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เรื่องราวในอดีตของมนุษย์ได้ในระดับหนึ่ง ให้นักเรียนศึกษาข้อความด้านซ้ายมือให้เข้าใจ เพื่อจะเป็น พื้นฐานความรู้ในการตอบคำถามของกรอบต่อไป คำถามข้อ 1 หลักฐานทางประวัติศาสตร์ คืออะไร เนื้อหากรอบที่ 2 การจำแนกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตามลักษณะของ หลักฐานประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ หลักฐาน ที่เป็นลายลักษณ์อักษร และหลักฐานที่ไม่เป็น ลายลักษณ์ อักษร ตอบ คำถามข้อ 2 หลักฐานทางประวัติศาสตร์แบ่งเป็นประเภท ใดบ้าง เนื้อหากรอบที่ 3 พระราชพงศาวดาร เป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่ สำคัญของประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะพระราชพงศาวดาร ฉบับหลวงประเสริฐฯ เป็นฉบับเก่าแก่และมีความถูกต้องมาก ที่สุด ทั้งศักราชและเหตุการณ์ที่กล่าวถึง แต่เขียนไว้สั้นๆ ทำให้ เข้าใจเหตุการณ์ได้ยาก ตอบ
คำถามข้อ 3 ทำไมพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯจึง มีความสำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา เนื้อหากรอบที่ 4 พระราชพงศาวดาร เป็นบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ พระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงรัชกาลที่ 5 เป็นการเชิดชู เกียรติพระมหากษัตริย์ แต่ต้องตรวจสอบกับหลักฐานอื่นด้วย ตอบ คำถามข้อ 4 ทำอย่างไรจึงจะทำให้พงศาวดาร เป็นหลักฐาน ประวัติศาสตร์ที่มีความน่าเชื่อถือ เนื้อหากรอบที่ 5 หลักฐานที่บันทึกโดยชาวต่างชาติที่เข้ามาในกรุงศรีอยุธยา เช่น บันทึกของทางการจีน บันทึกของทูต บันทึกของพ่อค้า เป็น ต้น ได้บันทึกถึงอาณาจักรอยุธยาจึงเป็นหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่ามาก เพราะให้ข้อมูลหลายเรื่องใน สายตาและความเข้าใจของคนต่างชาติซึ่งหลักฐานของไทยไม่มี ข้อมูลเหล่านี้ ตอบ คำถามข้อ 5 ทำไมบันทึกของชาวต่างชาติเป็นหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ได้ เนื้อหากรอบที่ 6 นอกจากนี้ยังมีการแบ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ออกเป็นหลักฐานชั้นต้น ซึ่งผู้ร่วมเหตุการณ์ได้บันทึกไว้ หากจะ นำมาใช้จะต้องมีการประเมินคุณค่าของหลักฐานอย่างรอบคอบ เสียก่อน ส่วนหลักฐานชั้นรอง เป็นบันทึกภายหลังเหตุการณ์ เกิดขึ้นแล้วโดยอาศัยข้อมูลจากหลักฐานชั้นต้น ตอบ คำถามข้อ 6 หลักเกณฑ์ใดใช้ในการแบ่งหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ออกเป็นชั้นต้นและชั้นรอง ตอบ
เฉลย บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ คำชี้แจง 1. ให้นักเรียนอ่านและศึกษาทำความเข้าใจเนื้อหาในแต่ละกรอบตามลำดับ ห้ามศึกษาข้ามกรอบเป็นอันขาด 2. ตอบคำถามในแต่ละกรอบในกระดาษที่ครูแจกให้ โดยห้ามดูเฉลยคำตอบหรือลอกคำตอบของเพื่อนเด็ดขาด 3. เมื่อนักเรียนตอบคำถามเสร็จแล้วให้ดูเฉลยในตอนท้ายของแต่ละกรอบ เนื้อหากรอบที่ 1 หลักฐานทางประวัติศาสตร์ หมายถึง ร่องรอยของสิ่งที่ มนุษย์ประดิษฐ์ สร้างสรรค์ รวมทั้งร่องรอยของพฤติกรรมที่ เกิดขึ้นในอดีต และเหลือตกค้างมาถึงปัจจุบัน ซึ่งสามารถใช้เป็น เครื่องนำทางในการศึกษา สืบค้น แสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เรื่องราวในอดีตของมนุษย์ได้ในระดับหนึ่ง ให้นักเรียนศึกษาข้อความด้านซ้ายมือให้เข้าใจ เพื่อจะเป็น พื้นฐานความรู้ในการตอบคำถามของกรอบต่อไป คำถามข้อ 1 หลักฐานทางประวัติศาสตร์ คืออะไร เนื้อหากรอบที่ 2 การจำแนกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตามลักษณะของ หลักฐานประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ หลักฐาน ที่เป็นลายลักษณ์อักษร และหลักฐานที่ไม่เป็น ลายลักษณ์ อักษร ตอบ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ คือ ร่องรอยของสิ่งที่ มนุษย์ประดิษฐ์ สร้างสรรค์ รวมทั้งร่องรอยของพฤติกรรม ที่เกิดขึ้นในอดีต และเหลือตกค้างมาจนถึงปัจจุบัน คำถามข้อ 2 หลักฐานทางประวัติศาสตร์แบ่งเป็นประเภท ใดบ้าง เนื้อหากรอบที่ 3 พระราชพงศาวดาร เป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่ สำคัญของประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะพระราชพงศาวดาร ฉบับหลวงประเสริฐฯ เป็นฉบับเก่าแก่และมีความถูกต้องมาก ที่สุด ทั้งศักราชและเหตุการณ์ที่กล่าวถึง แต่เขียนไว้สั้นๆ ทำให้ เข้าใจเหตุการณ์ได้ยาก ตอบ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร และหลักฐานที่ไม่เป็น ลายลักษณ์อักษร คำถามข้อ 3 ทำไมพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯจึง มีความสำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา เนื้อหากรอบที่ 4 พระราชพงศาวดาร เป็นบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ พระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงรัชกาลที่ 5 เป็นการเชิดชู ตอบ พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯ จึงมีความ สำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา เพราะเป็นฉบับ เก่าแก่และมีความถูกต้องมากที่สุดทั้งศักราชและเหตุการณ์ ที่กล่าวถึง
เกียรติพระมหากษัตริย์ แต่ต้องตรวจสอบกับหลักฐานอื่นด้วย คำถามข้อ 4 ทำอย่างไรจึงจะทำให้พงศาวดาร เป็นหลักฐาน ประวัติศาสตร์ที่มีความน่าเชื่อถือ เนื้อหากรอบที่ 5 หลักฐานที่บันทึกโดยชาวต่างชาติที่เข้ามาในกรุงศรีอยุธยา เช่น บันทึกของทางการจีน บันทึกของทูต บันทึกของพ่อค้า เป็น ต้น ได้บันทึกถึงอาณาจักรอยุธยาจึงเป็นหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่ามาก เพราะให้ข้อมูลหลายเรื่องใน สายตาและความเข้าใจของคนต่างชาติ ซึ่งหลักฐานของ ไทยไม่มีข้อมูลเหล่านี้ ตอบ พงศาวดาร จะเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความ น่าเชื่อถือได้ต้องตรวจสอบกับหลักฐานอื่นๆ ด้วย คำถามข้อ 5 ทำไมบันทึกของชาวต่างชาติเป็นหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ได้ เนื้อหากรอบที่ 6 นอกจากนี้ยังมีการแบ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ออกเป็นหลักฐานชั้นต้น ซึ่งผู้ร่วมเหตุการณ์ได้บันทึกไว้ หากจะ นำมาใช้จะต้องมีการประเมินคุณค่าของหลักฐานอย่างรอบคอบ เสียก่อน ส่วนหลักฐานชั้นรอง เป็นบันทึกภายหลังเหตุการณ์ เกิดขึ้นแล้วโดยอาศัยข้อมูลจากหลักฐานชั้นต้น ตอบ เพราะบันทึกของชาวต่างชาติให้ข้อมูลหลายเรื่อง ซึ่งหลักฐานของไทยไม่มีข้อมูลเหล่านี้ คำถามข้อ 6 หลักเกณฑ์ใดใช้ในการแบ่งหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ออกเป็นชั้นต้นและชั้นรอง ตอบ การแบ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์ออกเป็นชั้นต้น และชั้นรอง ใช้หลักเกณฑ์การจำแนกจากการมีส่วนร่วม ในเหตุการณ์
แบบทดสอบก่อนเรียน บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดไม่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา ก. คำให้การกรุงเก่า ข. กฎหมายตราสามดวง ค. เจดีย์สุริโยทัย ง. วัดมหาธาตุ 2. พระราชพงศาวดารฉบับใดไม่เกี่ยวกับอยุธยา ก. พงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียม ข. พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ค. พงศาวดารฉบับของฟาน ฟลีต ง. พงศาวดารฉบับสยามรัฐ 3. พงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ เป็นพงศาวดารที่ น่าเชื่อถือที่สุดในจำนวนพงศาวดารต่างๆ ในสมัยอยุธยา เป็น เพราะเหตุใด ก. บันทึกเหตุการณ์และศักราชถูกต้อง ข. บันทึกศักราชถูกต้องแต่เหตุการณ์ไม่ถูกต้อง ค. เรียงลำดับรัชกาลได้ถูกต้องแต่ศักราชไม่ถูกต้อง ง. อธิบายเหตุการณ์ในแต่ละรัชกาลชัดเจนแต่ไม่บันทึก ศักราช 4. หลักฐานชั้นต้นและหลักฐานชั้นรอง มีคุณค่าแตกต่างกันอย่างไร ก. หลักฐานชั้นต้นให้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำมากกว่าหลักฐานชั้น รอง ข. หลักฐานชั้นรองมีการเรียบเรียงให้เข้าใจได้ง่ายกว่า หลักฐาน ชั้นต้น ค. หลักฐานชั้นต้นแสดงให้เห็นภาพทางประวัติศาสตร์มากกว่า หลักฐานชั้นรอง ง. หลักฐานชั้นรองแสดงถึงภูมิปัญญาของคนอยุธยาได้มากกว่า หลักฐานชั้นต้น 5. หลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอะไร ก. หลักฐานทางภูมิปัญญา ข. หลักฐานทางโบราณคดี ค. หลักฐานทางวัฒนธรรม ง. หลักฐานร่วมสมัย 6. ข้อใดเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากพวก ก. พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯ ข. เครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ ค. เจดีย์วัดราชบูรณะ ง. แผนที่อยุธยา 7. หลักฐานลายลักษณ์อักษรมีความสำคัญต่อการศึกษา ประวัติศาสตร์อย่างไร ก. เป็นหลักฐานที่ให้ข้อมูลประวัติศาสตร์ดีที่สุด ข. เป็นหลักฐานที่ให้ข้อมูลง่ายกว่าหลักฐานอื่น ค. เป็นหลักฐานที่มีจำนวนมาก หาง่าย ง. เป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุด 8. ข้อใดจัดเป็นหลักฐานทางโบราณคดีทั้งหมด ก. โครงกระดูก เครื่องมือ-เครื่องใช้ ข. ซุ้มใบเสมาวัดมหาธาตุ กำแพงเมืองเก่า ค. พงศาวดารอยุธยา จดหมายเหตุลาลูแบร์ ง. วีดิทัศน์เรื่องรอยไทยสามกรุงศรี 9. หลักฐานประวัติศาสตร์มีความสำคัญต่อวิธีการทางประวัติศาสตร์ อย่างไร ก. ให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ข. กำหนดวิธีการศึกษาทางประวัติศาสตร์ ค. กำหนดหัวข้อหรือประเด็นทางประวัติศาสตร์ ง. ทำให้เกิดวิธีการทางประวัติศาสตร์ 10. หลักฐานปฐมภูมิมีความน่าเชื่อถือกว่าหลักฐานทุติยภูมิ เพราะเหตุ ใด ก. หลักฐานทุติยภูมิใช้ข้อมูลจากหลักฐานปฐมภูมิ ข. หลักฐานปฐมภูมิสร้างขึ้นโดยปราศจากความลำเอียง ค. หลักฐานปฐมภูมิไม่สอดแทรกความคิดเห็นของผู้สร้าง ง. ผู้สร้างหลักฐานปฐมภูมิมีข้อมูลที่ดีกว่าและตรงกับความเป็น จริงมากที่สุด เฉลย 1. ข 2. ง 3. ก 4. ข 5. ข 6. ก 7. ง 8. ข 9. ก 10. ง
แบบทดสอบหลังเรียน บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. หลักฐานลายลักษณ์อักษรมีความสำคัญต่อการศึกษา ประวัติศาสตร์อย่างไร ก. เป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุด ข. เป็นหลักฐานที่มีจำนวนมาก หาง่าย ค. เป็นหลักฐานที่ให้ข้อมูลง่ายกว่าหลักฐานอื่น ง. เป็นหลักฐานที่ให้ข้อมูลประวัติศาสตร์ดีที่สุด 2. หลักฐานประวัติศาสตร์มีความสำคัญต่อวิธีการทาง ประวัติศาสตร์อย่างไร ก. ให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ข. ทำให้เกิดวิธีการทางประวัติศาสตร์ ค. กำหนดวิธีการศึกษาทางประวัติศาสตร์ ง. กำหนดหัวข้อหรือประเด็นทางประวัติศาสตร์ 3. หลักฐานปฐมภูมิมีความน่าเชื่อถือกว่าหลักฐานทุติยภูมิ เพราะเหตุใด ก. ผู้สร้างหลักฐานปฐมภูมิมีข้อมูลที่ดีกว่าและตรงกับ ความเป็นจริงมากที่สุด ข. หลักฐานปฐมภูมิไม่สอดแทรกความคิดเห็นของ ผู้สร้าง ค. หลักฐานปฐมภูมิสร้างขึ้นโดยปราศจากความลำเอียง ง. หลักฐานทุติยภูมิใช้ข้อมูลจากหลักฐานปฐมภูมิ 4. ข้อใดไม่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา ก. วัดมหาธาตุ ข. เจดีย์สุริโยทัย ค. คำให้การกรุงเก่า ง. กฎหมายตราสามดวง 5. หลักฐานชั้นต้นและหลักฐานชั้นรอง มีคุณค่าแตกต่างกัน อย่างไร ก. หลักฐานชั้นรองแสดงถึงภูมิปัญญาของคนอยุธยา ได้มากกว่าหลักฐานชั้นต้น ข. หลักฐานชั้นต้นแสดงให้เห็นภาพทางประวัติศาสตร์ มากกว่าหลักฐานชั้นรอง ค. หลักฐานชั้นรองมีการเรียบเรียงให้เข้าใจได้ง่ายกว่า หลักฐานชั้นต้น ง. หลักฐานชั้นต้นให้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำมากกว่า หลักฐานชั้นรอง 6.ข้อใดจัดเป็นหลักฐานทางโบราณคดีทั้งหมด ก. วีดิทัศน์เรื่องรอยไทยสามกรุงศรี ข. พงศาวดารอยุธยา จดหมายเหตุลาลูแบร์ ค. ซุ้มใบเสมาวัดมหาธาตุ กำแพงเมืองเก่า ง. โครงกระดูก เครื่องมือ-เครื่องใช้ 7. พระราชพงศาวดารฉบับใดไม่เกี่ยวกับอยุธยา ก. พงศาวดารฉบับสยามรัฐ ข. พงศาวดารฉบับของฟาน ฟลีต ค. พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ง. พงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียม 8. ข้อใดเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากพวก ก. แผนที่อยุธยา ข. เจดีย์วัดราชบูรณะ ค. เครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ ง. พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯ 9. พงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ เป็น พงศาวดารที่น่าเชื่อถือที่สุดในจำนวนพงศาวดารต่างๆ ในสมัยอยุธยา เป็นเพราะเหตุใด ก. อธิบายเหตุการณ์ในแต่ละรัชกาลชัดเจนแต่ไม่ บันทึกศักราช ข. เรียงลำดับรัชกาลได้ถูกต้องแต่ศักราชไม่ถูกต้อง ค. บันทึกศักราชถูกต้องแต่เหตุการณ์ไม่ถูกต้อง ง. บันทึกเหตุการณ์และศักราชถูกต้อง 10. หลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อะไร ก. หลักฐานร่วมสมัย ข. หลักฐานทางวัฒนธรรม ค. หลักฐานทางโบราณคดี ง. หลักฐานทางภูมิปัญญา เฉลย 1. ก 2. ก 3. ก 4. ง 5. ค 6. ค 7. ก 8. ง 9. ง 10. ค
บัตรภาพ ภาพวาดแผนที่กรุงศรีอยุธยา ภาพวัดพุทไธศวรรย์ ภาพเครื่องสังคโลก ภาพพระพุทธรูป ภาพพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ภาพจิตรกรรมฝาผนัง
แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับการประเมิน ความตั้งใจ ในการทำงาน ความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา ความสะอาด เรียบร้อย ผลสำเร็จ ของ งาน รวม 20 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 ลงชื่อ ....................................................ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ารตดัสินคณุภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต ่ากว่า 10 ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ชื่อกลุ่ม ชั้น คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 การแบ่งหน้าที่กันอย่างเหมาะสม 2 ความร่วมมือกันทำงาน 3 การแสดงความคิดเห็น 4 การรับฟังความคิดเห็น 5 ความมีน้ำใจช่วยเหลือกัน รวม ลงชื่อ ....................................................ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สาระการเรียนรู้ที่ 4 ประวัติศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความสำคัญของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เวลาเรียน 5 ชั่วโมง เรื่องที่ 3 การประเมินคุณค่าของหลักฐาน เวลาเรียน 1 ชั่วโมง วัน____เดือน________พ.ศ.____ ครูผู้สอน นายคณาธิป ผิวบุญเรือง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ตัวชี้วัด ส 4.1 ม.2/2 วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างความจริงกับข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ทาง ประวัติศาสตร์ ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างความจริงกับข้อเท็จจริงของเหตุการทาง ประวัติศาสตร์ได้(K) ๒. นักเรียนสามารถอภิปรายเกี่ยวกับการประเมินคุณค่าของหลักฐานได้(P) ๓. นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญการประเมินคุณค่าของหลักฐาน (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์/สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๓.๑ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓.๒ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
๔. สาระสำคัญ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ มีความสำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์ เป็นการแสวงหาความจริงจาก หลักฐานประวัติศาสตร์ดังนั้นการประเมินคุณค่าของหลักฐานประวัติศาสตร์ว่าจะมีค่ามากน้อยเพียงใดจะทำให้ หลักฐานนั้นเกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น ๕. สาระการเรียนรู้ ตัวอย่างการประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยที่อยู่ในท้องถิ่นของตนเองหรือ หลักฐานสมัยอยุธยาการแยกแยะระหว่างข้อมูลกับความคิดเห็น รวมทั้งความจริงกับข้อเท็จจริง จากหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ ๖. กิจกรรมการเรียนรู้(วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ 1. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียนตามความเหมาะสม 2. ครูแจกบัตรภาพให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับภาพว่า ภาพดังกล่าวเป็นของจริง หรือของเลียนแบบ พร้อมอธิบายเหตุผล 3. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด เช่น - ข่าวการรับสมัครเข้าเรียนชั้น ม.1 โดยใช้หลักฐานจบ ป.6 ปลอม โรงเรียนตรวจพบ นักเรียนคนนั้นจึง ไม่จบ ม.3 เป็นเพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : ใช้หลักฐานปลอมมาตั้งแต่แรกสมัครเข้าเรียน) 4. ครูอ่านโฆษณาการปลอมแปลงวุฒิการศึกษาให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าวว่าเชื่อถือได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา 4. ครูแจกใบความรู้ เรื่อง การประเมินคุณค่าของหลักฐาน ให้นักเรียนแต่ละ(กลุ่มเดิม) 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การประเมินคุณค่าของหลักฐาน จากหนังสือเรียนและใบ ความรู้แล้วบันทึกความรู้ที่ได้ลงในแบบบันทึกการอ่าน 6. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด เช่น - นักเรียนคิดว่า มีวิธีการใดอีกที่สามารถใช้ในการประเมินคุณค่าของหลักฐานประวัติศาสตร์ได้ (แนวคำตอบ : พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ใน ดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ 7. นักเรียนแต่ละคนผลัดกันอภิปรายความรู้ที่ได้จากการศึกษาให้เพื่อนในกลุ่มฟัง ผลัดกันซักถามข้อสงสัย และ ผลัดกันอธิบายจนทุกคนมีความเข้าใจชัดเจน 8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การประเมินคุณค่าของหลักฐาน 9. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด เช่น - หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความน่าเชื่อถือเกิดผลดีอย่างไร (แนวคำตอบ : พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ใน ดุลยพินิจของครูผู้สอน)
ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทำใบงานที่ 1.1 เรื่อง การประเมินคุณค่าของหลักฐาน เมื่อทำเสร็จแล้ว ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง หากมีข้อบกพร่องให้ช่วยกันเติมเต็มคำตอบให้สมบูรณ์ 11. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด - ความจริงกับข้อเท็จจริงต่างกันอย่างไร เช่น (แนวคำตอบ : ข้อเท็จจริง คือ การอธิบายขยายความของความจริง) ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล 13. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคำตอบในใบงานที่ 1.1 14. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด เช่น - หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ดีมีคุณค่า ควรเป็นข้อมูลแบบใด (แนวคำตอบ : ข้อเท็จจริง) ๗. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๗.๑ สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ประวัติศาสตร์ ม.2 2. ใบความรู้ เรื่อง การประเมินคุณค่าของหลักฐาน 3. ตัวอย่างการโฆษณาปลอมแปลงวุฒิการศึกษา 4. บัตรภาพ 5. ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การประเมินคุณค่าของหลักฐาน ๗.๒ แหล่งการเรียนรู้ ๑. ห้องเรียน 2. ห้องสมุดโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 3. ห้องสมุดมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
๘. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ความ แตกต่างระหว่างความจริงกับ ข้อเท็จจริงของเหตุการทาง ประวัติศาสตร์ได้(K) ใบงาน ตรวจใบงาน ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ ๒. นักเรียนสามารอภิปราย เกี่ยวกับการประเมินหลักฐานได้(P) แบบประเมินการ อภิปราย ประเมินการอภิปราย ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ๓. นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญ การประเมินคุณค่าของหลักฐาน (A) แบบประเมินพฤติกรรม ในการทำงานรายบุคคล ประเมินพฤติกรรมใน การทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ๙. บันทึกผลหลังสอน ๙.1 ปัญหาที่เกิดขึ้น ..……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………..….……………………………………………………………………………………………………………………………………… ๙.2 วิธีการแก้ปัญหา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๙.3 ผลการแก้ปัญหา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………..…………………………ครูผู้สอน (นายคณาธิป ผิวบุญเรือง) ….……./……….…./………..
๑0. ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………ครูพี่เลี้ยง (นางสาวยุพิน จักรทองดี) ………./…….……./………... ๑๑. ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………… (นางสาวยุพิน จักรทองดี) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ………./……..……./……….. ๑๒. ความคิดเห็นของผู้บริหาร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………… ( ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดวงสมร กิจโกศล ) รองผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ………./……..……./………..
ใบความรู้ การประเมินคุณค่าของหลักฐาน การประเมินคุณค่าของหลักฐาน หรือการวิพากษ์วิธีทางประวัติศาสตร์ คือ การตรวจสอบหลักฐาน และข้อมูลในหลักฐานเหล่านั้นว่า มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ประกอบด้วยการวิพากษ์หลักฐานและวิพากษ์ ข้อมูลโดยขั้นตอนทั้งสอง จะกระทำควบคู่กันไป เนื่องจากการตรวจสอบหลักฐานต้องพิจารณาจาก เนื้อหา หรือข้อมูลภายในหลักฐานนั้น และในการวิพากษ์ข้อมูลก็ต้องอาศัยรูปลักษณะของหลักฐาน ภายนอกประกอบด้วยการวิพากษ์หลักฐานหรือวิพากษ์ภายนอก 1. การประเมินภายนอกหรือการวิพากษ์ภายนอก เป็นการพิจารณาตรวจสอบหลักฐานที่ได้ คัดเลือกไว้แต่ละชิ้นว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงใด เป็นการประเมินลักษณะทั่วไปของหลักฐานนั้น เพื่อดูว่า เป็นของจริงหรือของปลอม โดยพิจารณา เช่น ใครเป็นผู้ทำหรือเขียน ทำหรือเขียนขึ้นเมื่อใด ทำหรือ เขียนขึ้นทำไม ทำหรือเขียนขึ้นที่ไหน ทั้งนี้ การประเมินจากสภาพภายนอกของหลักฐาน เป็นความ พยายามในการค้นหาแหล่งที่มาที่แน่นอนของข้อมูลหรือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ รวมถึง การ ตรวจสอบความแท้จริงหรือความผิดพลาดและเอกสารที่ไม่ปรากฏที่มา ในการรวบรวมและบันทึกข้อมูล ทางประวัติศาสตร์ โดยในการนำความพยายามในการค้นหาคำตอบตามหัวข้อ ใคร, ที่ไหน, เมื่อใด และ อย่างไร ที่ข้อมูลประวัติศาสตร์ได้ถูกบันทึกขึ้น หรือว่าข้อมูลนี้มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์อย่างไร เช่น การตรวจสอบภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวร เป็นการตรวจสอบกับเรื่องราวทาง ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องว่ามีความสอดคล้องต้องกันหรือไม่ ผู้สร้าง ผู้กำกับ ผู้เขียนบท มีพื้น เพเป็นอย่างไร เป็นการตรวจสอบวิเคราะห์ภายนอกที่ประเมินตัวหลักฐาน มิได้มุ่งที่ข้อมูลในหลักฐาน ดังนั้นขั้นตอนนี้จึงเป็นการสกัดหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือออกไป 2. การประเมินภายในหรือการวิพากษ์ภายใน เป็นการประเมินข้อมูลในหลักฐาน พิจารณาเนื้อหา หรือความหมายที่แสดงออกในหลักฐาน ว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงใด มีข้อความใดที่น่าสงสัยหรือกล่าวไว้ ไม่ถูกต้อง โดยเน้นถึงความถูกต้อง คุณค่า ตลอดจนความหมายที่แท้จริง ซึ่งนับว่ามีความสำคัญต่อการ ประเมินหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพราะข้อมูลในเอกสารมีทั้งที่คลาดเคลื่อน และมีอคติของผู้ บันทึกแฝงอยู่ หากนักประวัติศาสตร์ละเลยการวิพากษ์ข้อมูลผลที่ออกมาอาจจะผิดพลาดจากความเป็น จริง เช่น ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร ได้เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ไว้ อย่างไร เนื้อเรื่องสมจริงแค่ไหน ฯลฯ เป็นการวิเคราะห์ภายใน สรุปว่าการประเมินหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้ความสำคัญกับข้อมูล ซึ่งหากตรวจสอบจาก แหล่งที่แตกต่างกันย่อมจะได้ข้อมูลที่แย้งกันได้ และการตรวจสอบภายในเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เรา หลงเชื่อข้อมูลจากเอกสารหลักฐานนั้นแต่เพียงด้านเดียว ในทางกลับกัน การตรวจสอบวิเคราะห์ ภายนอกที่ยังไม่รอบด้านพอก็อาจทำให้เกิดการด่วนสรุปต่อหลักฐานผิดพลาดได้เช่นกัน.
ตัวอย่างการโฆษณาปลอมแปลงเอกสาร รับทำวุฒิการศึกษา ม.3 ม.6 ปวช. ปวส.ปริญญาตรี ปริญญาโท ของจริง หากคุณมีปัญหาด้านวุฒิการศึกษา เช่น เรียนไม่จบ, เรียนไม่ตรงสายงาน, ปัญหาการสมัครเรียนต่อ, ต้องการ นำวุฒิฯ ไปสมัครงานเพื่อให้ตรงกับสายงาน หรือเพื่อปรับขึ้นเงินเดือน ฯลฯ ที่นี่..ถือว่ามีผู้ใช้บริการมากที่สุด และไม่เคยมีปัญหาใดๆ ตามมาภายหลัง เราดำเนินการมากว่า 7 ปี โดยไม่มีปัญหาสักครั้ง สามารถตรวจสอบได้จากกระทรวง และมีชื่อใน โรงเรียนอยู่จริง รับแก้ไขปัญหาเรียนไม่จบทุกกรณี ผ่านกระทรวง โดยสามารถใช้ไปสมัครงาน/ศึกษาต่อ ทั้งในและต่างประเทศ สามารถตรวจสอบได้ มีชื่อในฐานข้อมูลของโรงเรียนจริงรับประกันผลงาน ตรวจสอบได้จริง โดยไม่มีข้อกังขา จะใช้สมัครงานหรือเรียนต่อก็สบายใจ ของจริงแน่นอน เรามีรหัส นักศึกษาให้ตรวจสอบกับฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยได้เลยครับ ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ - ระดับปฐมศึกษา 5,000-8,000 บาท - ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 12,000 - 20,000 บาท - ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 15,000 - 22,000 บาท - ระดับ ปวช. 20,000 - 32,000 บาท - ระดับ ปวส. 25,000 - 40,000 บาท - ระดับปริญญาตรี 37,000 - 90,000 บาท (เข้ารับปริญญาได้) - ระดับปริญญาโท 120,000 - 280,000 บาท (เข้ารับปริญญาได้) พิเศษ!!สำหรับวุฒิปริญญาตรี หากต้องการถ่ายรูปรับปริญญาบัตร เพิ่มอีกเพียง 7,000 บาท ***ท่านไม่สามารถเลือกสถาบันได้ แต่สามารถเลือกคณะ และสาขาได้*** ***การดำเนินการทุกขั้นตอน ข้อมูลของลูกค้าจะถูกปกปิดเป็นความลับ*** ***เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.5***
บัตรภาพ ภาพร้านค้าลอกเลียนแบบ ภาพสินค้าลอกเลียนแบบ ภาพร้าน KFC ภาพสินค้าลอกเลียนแบบ ภาพร้าน NIKE ภาพนามบัตรโฆษณาปลอมแปลงวุฒิการศึกษา
แบบประเมินการอภิปรายแสดงความคิดเห็น ค าชี้แจง: ให้ประเมินจากการสังเกตการร่วมอภิปรายในระหวา่งเรียน และการปฏิบตัิกิจกรรมกลุ่ม โดยใหร้ะดบัคะแนนลงในตารางที่ตรงกบัพฤติกรรมของผเู้รียน เกณฑ์การให้คะแนน 3= ดี 2 = พอใช้ 1= ต้องปรับปรุง เลข ที่ ชื่อ-นามสกุล รายการประเมิน รวม 15 คะแนน สรุปผลการ ประเมิน การแสดงความ คิดเห็น ยอมรับฟังความ คิดเห็นของผู้อื่น ตรงประเด็น สมเหตุสมผล มีความเชื่อมัน่ใน การแสดงออก คะแนน ที่ท าได้ ผ่าน ไม่ ผ่าน ลงชื่อ ................................................................................. ผู้ประเมิน เกณฑ์การประเมิน : นักเรียนได้คะแนน 12 คะแนนข้ึนไป ถือวา่ผา่นเกณฑ์
แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ชื่อกลุ่ม ชั้น คำชี้แจง : ให้ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 การแบ่งหน้าที่กันอย่างเหมาะสม 2 ความร่วมมือกันทำงาน 3 การแสดงความคิดเห็น 4 การรับฟังความคิดเห็น 5 ความมีน้ำใจช่วยเหลือกัน รวม ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดัสินคณุภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต ่ากว่า 10 ปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สาระการเรียนรู้ที่ 4 ประวัติศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความสำคัญของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เวลาเรียน 5 ชั่วโมง เรื่องที่ 4 การตีความหลักฐาน เวลาเรียน 1 ชั่วโมง วัน____เดือน________พ.ศ.____ ครูผู้สอน นายคณาธิป ผิวบุญเรือง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ตัวชี้วัด ส 4.1 ม.2/3 เห็นความสำคัญของการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายการตีความของหลักฐานได้ (K) 2. นักเรียนสามารถนำเสนอการตีความหลักฐานได้(P) 3. นักเรียนกระตือรือร้นในการเรียนรู้เรื่อง การตีความหลักฐาน (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์/สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๓.๑ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นในการทำงาน ๓.๒ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๔. สาระสำคัญ การตีความทางประวัติศาสตร์ เป็นขั้นตอนในการแปลความ เรียบเรียง และอธิบายความเกี่ยวกับ ความหมาย ที่แท้จริงของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพื่อให้เป็นที่เข้าใจตรงกัน